ภาวะผูน้ าทางวิชาการ ภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษานับว่ามีความสาคัญต่อผู้บริหาร สถานศึกษา เปน็ อย่างยิ่ง เพราะผบู้ ริหารสถานศกึ ษาจาเป็นต้องมีความเป็นผนู้ าทางวิชาการ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสาคญั ในการบริหารงานสถานศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาเป็นองค์การที่มี ลักษณะแตกต่างจากองค์การ โดยท่ัวไปที่มีเพียงจุดมุ่งหมายและพันธกิจ ส่วนสถานศึกษาน้ัน ยังมีเป้าหมายในการจัดการศึกษาอีก ด้วย โดยเริ่มต้นศึกษาถึงความหมาย ภาวะผู้นา คือ การ ที่ผู้นาใช้อิทธิพลจะโดยอานาจหน้าที่หรือโดย ได้รับความเชื่อถือศรัทธาที่มีอยู่กับบุคคลที่เป็น สมาชิกในกลุ่ม สร้างสรรค์หรือปลูกฝังศรัทธาความ กลมเกลียว ความรว่ มมอื ร่วมใจให้ เกิดข้ึนในระหว่างผรู้ ่วมงาน ผตู้ าม ทั้งนี้ เพือ่ ให้การปฏิบัติงานเป็นไป ในทิศทางที่ผู้นาหรือ ผู้บริหารต้องการ อันเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์การ ผู้บริหาร จาเป็นต้องมีความเป็นผู้นาทางวิชาการซึ่งเป็นคุณสมบตั ิสาคญั ในการ บริหารงาน เนื่องจากองค์การที่มี ลักษณะแตกต่างจากองค์การโดยท่ัวไป เพราะองค์การ โดยท่ัวไปนั้นจะมีจุดมุ่งหมายและพันธกิจที่ไม่ ซับซ้อนเท่ากับองค์การทางการศึกษา เน่ืองจาก องค์การทางการศึกษานั้นนอกจากจะมีจุดมุ่งหมาย และพนั ธกิจเหมอื นองค์กรทั่วไปแล้ว องค์การทางการศกึ ษาหรือสถานศกึ ษาน้ันยังมเี ป้าหมายในการจัด การศึกษาอีก ซึ่งผู้บริหาร สถานศึกษาจะต้องคานึงถึงจุดมุ่งหมายท้ังสองประการนี้เพื่อนาให้องค์การ บรรลุท้ังเป้าหมาย ของการบริหารองค์การ และบรรลุเป้าหมายของการจัดการศึกษา คือ การบรรลุถึง คณุ ภาพ ของผู้เรยี นอนั เปน็ เป้าหมายสูงสดุ ของการจดั การศกึ ษา ความหมายของภาวะผู้นา ฮอย และฮอย (Hoy and Hoy, 2003 อ้างถึงใน พระมหาพิทยา จันทร์วงศ์, 2557 น. 42) ได้ กล่าวไว้ ภาวะผู้นาทางวิชาการ หมายถึง ผู้บริหารโรงเรียนที่เป็นผู้นา ทางการศึกษาที่ส่งเสริม ความสาเร็จของนักเรียนทุกคนโดยการสนับสนุน บารุง และ รักษา วัฒนธรรมของโรงเรียนและ โปรแกรมการเรียนการสอนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของ นกั เรียนและบุคลากรทางการศกึ ษาใหเ้ จริญเติบโต อย่างมอื อาชีพ บุญพา พรหมณะ (2559, น. 30) ได้กล่าวว่า ภาวะผู้นาทางวิชาการ หมายถึง การบริหาร จัดการของผู้บริหารในสถานศึกษาในการชี้นา ส่งเสริม สนับสนุน และโน้มน้าว จูงใจในการพัฒนางาน วิชาการที่เกี่ยวข้องกับการกาหนดภารกิจของโรงเรียน การพัฒนาการเรียนการสอน การส่งเสริม พัฒนาบุคลากร และการสร้างบรรยากาศในโรงเรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อให้การจัด กิจกรรมการเรียน การสอนเปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพบรรลตุ ามวตั ถุประสงค์ตามที่กาหนดไว้
สถาบันพัฒนาความก้าวหน้า (สถาบันพัฒนาความก้าวหน้า, 2553 อ้างถึง ใน อัศนีย์สุกิจใจ, 2560 น. 41) ได้กล่าวว่า ภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึง พฤติกรรมการ กระทาหน้าที่ตามบทบาทของผู้บริหาร สถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์ในการชี้นา หรือโน้มน้าวจูงใจ ข้าราชการครู และบุคลากร ทางการศึกษาตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้เข้าใจและเกิดความตระหนัก ในการรวมพลังและประสานสัมพันธ์เพื่อพัฒนางานวิชาการและวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง โดยตรงกับการ ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้บรรลุผลสาเร็จตามเป้าหมายที่ได้กาหนด ไว้อย่างมี คุณภาพ จากข้างต้นสามารถสรุปความหมายของภาวะผู้นาทางวิชาการได้ว่า พฤติกรรมและบทบาท ของผู้บริหารสถานศกึ ษาในการใชก้ ลยุทธ์ ทางการเป็นผนู้ า และการบริหาร ทีส่ ามารถนากลุ่มให้กระทา กิจกรรมด้านวิชาการ ให้บรรลุเป้าหมายและสามารถบริหารจัดการเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน ตลอดท้ังการสร้างบรรยากาศในโรงเรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อให้การจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามจุดหมายของหลักสูตร อันจะส่งผลต่อ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของผู้เรยี นเป็นสาคญั องคป์ ระกอบของภาวะผู้นาทางวิชาการ ฮอลลิงเจอร์ และเมอรฟ์ ี่ (Hallinger and Murphy, 1985 : 221 – 224) ได้เสนอองค์ประกอบความเปน็ ผนู้ าทางวิชาการไว้ 11 ด้าน ได้แก่ 1. การกาหนดเป้าหมายโรงเรียน 2. การส่อื สารเป้าหมายของโรงเรียน 3. การนเิ ทศและประเมินผลดา้ นการสอน 4. การประสานงานการนาหลักหลกั สูตรไปใช้ 5. การตรวจสอบความก้าวหน้าของนกั เรียน 6. การควบคมุ การใช้เวลาในการจัดการเรียนการสอน 7. การเอาใจใส่ต่อความคิดเห็นของครูและนกั เรียน 8. การจัดให้มีส่งิ จูงใจสาหรับครู 9. การส่งเสริมให้มกี ารพัฒนาวิชาชีพครู 10. การพัฒนาสร้างมาตรฐานดา้ นวิชาการของโรงเรียน 11. การจัดให้มีสิง่ ส่งเสริมสภาพการเรียนรู้ของนกั เรียน เดวิส และโทมัส (Davis and Thomas, 1989 : 40) ได้กาหนดองค์ประกอบของพฤติกรรมของ พฤติกรรมความเปน็ ผนู้ าทางวิชาการไว้ 8 ประการ ดงั นี้
1. กระตนุ้ ให้ครเู กิดความตระหนกั และเหน็ ด้วยในการพัฒนาโรงเรียนและมีความคาดหวงั ใน ผลสมั ฤทธิท์ ีส่ ูงข้ึน 2. มีบทบาทสาคญั ในการใช้กลยุทธ์เพือ่ ปรับปรงุ งานโรงเรียน 3. สร้างส่ิงจูงใจให้ครแู ละใช้ระบบการให้รางวลั ในการสนบั สนุนงานด้านวิชาการ 4. กากับติดตามดูแลความก้าวหน้าทางด้านวิชาการ 5. ใช้ทรัพยากรบุคคลและวัสดอุ ย่างสร้างสรรค์ 6. สร้างสภาพแวดล้อมในโรงเรียนใหป้ ลอดภัยและเปน็ ระเบียบเรียบร้อย 7. ติดตามการปฏิบตั ิการสอนของครู 8. สังเกตการณ์สอนของครูและให้ข้อมูลย้อนกลับ เฮค และคณะ (Heck and others, 1990 : 95) ได้เสนอพฤติกรรมความเป็นผนู้ าทางวิชาการไว้ 7 ประการ ดังน้ี 1. กาหนดเป้าประสงค์ของโรงเรียน 2. สื่อสารให้ทุกส่วนที่เกีย่ วข้องทราบถึงความคาดหวังในผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรียนสงู 3. จัดหอ้ งเรียนให้เอือ้ ต่อการจดั การเรียนการสอนของครู 4. อานวยแหล่งทรพั ยากรที่จาเป็นให้ครูในการจดั การเรียนรู้ 5. นิเทศผลการปฏิบตั ิงานของครู 6. ตรวจสอบความก้าวหน้าของนกั เรียน 7. จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้และมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย วินเทอร์ และสวินนยี ์ (Winter and Sweeney, 1994 cited in Lunenburg and Ornstein, 1996 : 322 - 323) ได้เสนอพฤติกรรมการบริหารของผู้บริหารโรงเรียนที่มปี ระสิทธิผลโดยมีจุดเน้นทางด้านวิชาการ ดงั น้ี 1. มีความคาดหวังสูงในผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นของนักเรียน 2. มีความชดั เจนในเรื่องของหลกั สตู ร 3. มีความชดั เจนในเร่อื งโปรแกรมการเรยี นการสอน 4. มีความชัดเจนในเร่อื งเป้าหมาย จุดประสงค์และมาตรฐาน 5. การใชเ้ วลาในการจัดการเรียนการสอนให้มาก 6. เน้นทักษะในการอ่านและวชิ าคณิตศาสตร์ 7. มีโปรแกรมการพฒั นาบคุ ลากร 8. ให้ความสาคญั กบั หอ้ งเรียนและโปรแกรมการสอน 9. มีการตดิ ตามความก้าวหนา้ ของผู้เรยี นอย่างสมา่ เสมอ 10. มีรางวัลให้แก่ครูและนักเรียน 11. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างครูกับผปู้ กครองนักเรียน
12. ส่งเสริมให้โรงเรียนมบี รรยากาศในทางบวก เชล (Chell, 2001 : 9) ได้สรุปคณุ ลกั ษณะหรอื พฤติกรรมของการเปน็ ผู้นาทางวิชาการ จากมลู ฐานการ วิจัยในโรงเรยี นที่มปี ระสิทธิผล ดงั นี้ 1. มีการนเิ ทศและประเมินผลการสอน 2. มีกิจกรรมการพัฒนาบุคลากร 3. มีการจดั หลักสตู รทีพ่ ัฒนาความรแู้ ละกิจกรรมนักเรียน 4. ส่งเสริมการทางานเปน็ ทีม 4. ส่งเสริมให้มีการทางานวิจัย 5. พฒั นาบรรยากาศในโรงเรียน 6. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนและชมุ ชน กลิคแมน (Glickman, 1990 cited in Chell, 2001 : 11) ได้กล่าวถึงคณุ ลักษณะภาวะผนู้ าทางวิชาการ ของผู้บริหารที่มีประสิทธิผล มอี งค์ประกอบหลัก 3 ด้าน ดงั นี้ 1. ด้านความรู้ (Knowledge) เปน็ ความรู้ทีจ่ าเปน็ สาหรับภาวะผนู้ าทางวิชาการ เพื่อใช้ในการปฏิบตั ิ ภาระหน้าทีข่ องผบู้ ริหารสถานศกึ ษา มีองค์ประกอบย่อย คือ 1.1 ความรเู้ กี่ยวกับโรงเรียนทีม่ ปี ระสิทธิผล 1.2 ความรเู้ กี่ยวกับการสอนที่มีประสทิ ธิผล 1.3 ความรู้และความเช่ือเกีย่ วกบั ปรัชญาในการจัดการศกึ ษา 1.4 ความรเู้ กี่ยวกบั การพัฒนาทางการบริหาร 1.5 ความรเู้ กีย่ วกบั ทฤษฎีการบริหารการเปลี่ยนแปลง 1.6 ความรู้เกีย่ วกับทฤษฎีหลกั สูตรและการพัฒนาหลักสตู ร 2. ด้านภาระหนา้ ที่ (Tasks) เปน็ ภาระหน้าทีท่ ี่สมั พนั ธ์กับด้านความรู้ มอี งค์ประกอบย่อย คือ 2.1 การนเิ ทศและประเมินผลการสอน 2.2 การพฒั นาบุคลากรและทีมงาน 2.3 การพฒั นาหลักสูตรและการนาหลักสูตรไปใช้ 2.4 การพัฒนากระบวนการกลุ่ม 2.5 การทาวิจัยเชิงปฏิบตั ิการและการวิจยั ในช้ันเรยี น 2.6 การสรา้ งบรรยากาศให้เอ้ือตอ่ การเรียนรู้ 2.7 การสร้างความสัมพนั ธ์ทีด่ รี ะหว่างโรงเรียนกับชุมชน 3. ด้านทกั ษะ (Skills) เป็นการนาความรไู้ ปสู่การปฏิบัติงานที่มีประสิทธิผลผบู้ ริหารสถานศกึ ษาต้องมี ทกั ษะภาวะผนู้ าทีจ่ าเป็นในการปฏิบัติงาน จาแนกเปน็ 8 ด้าน ดงั นี้ 3.1. ทกั ษะความเปน็ ผู้นา (Leadership Skills) 3.1.1 ทกั ษะการปฏิสมั พันธ์ระหว่างบุคคล
3.1.2 ทักษะการตดิ ต่อสอ่ื สาร 3.1.3 ทักษะการนเิ ทศ 3.1.4 ทักษะการแนะแนวทางการตดั สินใจรว่ มกันของกลุ่ม 3.2 ทกั ษะด้านเทคนิค (Technical Skills) 3.2.1 ทักษะการกาหนดเป้าหมายหรือการกาหนดวิสยั ทศั น์ 3.2.2 ทกั ษะการประเมนิ ผลและการวางแผน 3.2.3 ทักษะการสงั เกต 3.2.4 ทกั ษะการวิจยั และประเมินผล เฟลมมง่ิ และเฟลมม่งิ (Flemming and Flemming, 2001 : 6 กล่าวว่า ผบู้ ริหารโรงเรียนตอ้ งได้รบั การ ฝกึ ทักษะการเป็นผู้นาทางวิชาการ ใหม้ ีพฤติกรรมดังนี้ 1. สนับสนุนวิธีการสอนและการบริหารการเปลี่ยนแปลง 2. ให้การสนบั สนนุ ทรัพยากรที่เกีย่ วข้องกับการสอนแก่ครู 3. ให้ความสนใจเยี่ยมหอ้ งเรียนเพื่อความมุ่งหมายต่อการพัฒนาการสอน 4. สร้างแรงจงู ใจและบรรยากาศการมสี ่วนรว่ ม การกาหนดเง่อื นไขและให้ผลสะท้อนกลับ 5. ใช้ขอ้ มูลในการพฒั นาหลกั สตู รและการสอนเพื่อความสาเร็จของนักเรียน 6. ใช้ขอ้ มลู ของบคุ ลากรเพือ่ กาหนดกิจกรรมพฒั นาวิชาชีพครู เว็บเบอร์ (Weber, 1989 cited in Lashway, 2002 : 2) ได้จาแนกภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหาร เป็น 5 ด้าน คอื 1. กาหนดพันธกิจของโรงเรียน 2. ส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ในทางบวก 3. สังเกตและการให้ขอ้ มูลย้อนกลับแก่ครู 4. จัดการเกี่ยวกบั หลกั สูตรและการสอน 5. ประเมินผลโปรแกรมการสอน แมคอแี วน (McEwan, 2003 : 13) กล่าวถึงองค์ประกอบบันได 7 ขั้น ในการทีจ่ ะก้าวไปสู่การเป็นผนู้ า ทางวิชาการทีม่ ปี ระสิทธิผล คอื 1. กาหนดมาตรฐานการศึกษาสู่การปฏิบตั ิให้บรรลุผล 2. เป็นส่วนหนึง่ ของทีมงาน 3. สร้างวัฒนธรรมและบรรยากาศของโรงเรียนทีเ่ อือ้ ต่อการเรียนรู้ 4. สื่อสารวิสยั ทศั น์และพันธกิจของโรงเรียน 5. ตั้งความคาดหวงั สูงต่อบุคลากรและตนเอง 6. พัฒนาบุคลากรครูให้เป็นผู้นา 7. พัฒนาและคงไว้ซึง่ เจตคติในทางบวกกบั นกั เรียน บุคลากรครแู ละผปู้ กครอง
แวน เดเวนเธ่อร์ และครูเกอร์ (Van Deventer and Kruger, 2003 : 247) ได้สรุปองค์ประกอบพืน้ ฐาน 5 ประการที่เกีย่ วข้องกบั ภาระงานของภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหาร ดังนี้ 1. กาหนดพันธกิจของโรงเรียน 2. การจดั การหลกั สูตรและการสอน 3. การนเิ ทศการสอน 4. การตดิ ตามความก้าวหน้าของผเู้ รียน 5. การส่งเสริมบรรยากาศทางวิชาการ เรสนิค (Resnick, 2002 cited in Sergiovanni, 2004 : 83 - 84) ได้ให้ขอ้ เสนอแนะถึงบทบาทของ ผบู้ ริหารในฐานะผนู้ าทางวิชาการ ประกอบด้วย 1. แนะนาครใู นการวิเคราะหข์ ้อมลู ของนักเรียนในแต่ละช้ันเรยี น 2. แนะนาครูในการวิเคราะหผ์ ลงานของนักเรียนในชั้นเรียนและให้มกี ารเทียบเคียงกับมาตรฐานของ โรงเรียนที่กาหนดไว้ 3. ให้การแนะนาครใู นการนาตาราหรอื สื่อการเรียนการสอนมาใช้ให้เกิดมาตรฐาน 4. มีการเยีย่ มชั้นเรยี นเพื่อสังเกตการณ์สอนของครู ประเมนิ ผล และให้ข้อมลู ย้อนกลับ 5. วางแผนพฒั นาบคุ ลากรใหเ้ ป็นมอื อาชีพ 6. ให้การแนะนาครูโดยการให้คาปรึกษาและเปน็ พี่เลีย้ ง คณะกรรมการการศกึ ษารัฐเมรี่แลนด์ (Maryland State Board of Education, 2005 : Online) ได้ กาหนดกรอบงานภาวะผนู้ าทางวิชาการของผู้บริหารสถานศกึ ษาทั้งในด้านเนือ้ หาและทกั ษะที่สาคัญ โดยแบ่งเปน็ 8 องค์ประกอบ ได้แก่ (สิรร์ านี วสุภทั ร, 2551 : 54, 55) 1. การอานวยความสะดวกในการพัฒนาวิสยั ทัศน์ โดยผู้บริหารนาวิสัยทัศน์ของโรงเรยี นที่ ประกอบด้วยค่านยิ ม ความท้าทาย และโอกาสต่างๆ เพื่อการพฒั นาของนักเรียน มีกระบวนการเพื่อ ให้ บุคลากรและผมู้ ีสว่ นเกีย่ วข้องได้มสี ่วนรว่ มในการกาหนดวิสยั ทัศน์ ดาเนินการนาวิสัยทัศนไ์ ปปฏิบัติ มี การทบทวนตรวจสอบโดยผู้มีสว่ นเกีย่ วข้อง และจดั หาทรพั ยากรเพือ่ สง่ เสริมสนับสนุนให้วิสยั ทศั น์ เกิดผลสาเร็จ 2. การรว่ มกิจกรรมอย่างกลมเกลียวกนั เปน็ การให้ความเคารพ สร้างทีมงาน และไว้วางใจอย่าง แท้จรงิ ในการประสานสมั พันธ์กบั นักเรียน บุคลากร และผปู้ กครองนกั เรียน ผู้บริหารมีความคาดหวังสงู ต่อผู้เรยี นและครใู นการพัฒนาอย่างตอ่ เนื่อง สร้างทีมภาวะผนู้ าของโรงเรียนทีม่ ี ประสิทธิผล สร้าง ชุมชนการเรียนรทู้ างวิชาชีพที่มงุ่ เน้นผลลัพธ์ในการเรียนรู้ของนักเรียน และให้ครมู สี ่วนร่วมในการ ตัดสินใจ 3. การตดิ ตาม ดูแลความร่วมมือในการนาหลักสูตรไปใช้ ผบู้ ริหารมปี ฏิสัมพนั ธ์กับครูอย่างต่อเน่อื งใน การสรา้ งหลกั สตู รที่เปน็ มาตรฐานทั้งส่วนกลางและหลักสูตรท้องถิ่น และนากลยุทธ์การสอนบนพืน้ ฐาน
งานวิจัยไปประยกุ ต์ งานมอบหมายของครมู เี ป้าหมาย ท้าทายในระดบั ทีเ่ หมาะสมและเปน็ การเรียนรู้สง่ิ ใหม่ และมีการประเมินผลอย่างสม่าเสมอเพื่อวัดความก้าวหน้าของนกั เรียน 4. การสร้างความมั่นใจในกฎเกณฑ์การประเมินผล ผู้บริหารสร้างความมั่นใจในการประเมินผล ผเู้ รียนด้วยวิธีการทีห่ ลากหลายเพือ่ พัฒนาความร่วมมือ สรา้ งความมั่นใจในการใช้การประเมนิ ผล ระหว่างเรียนเพือ่ ปรบั ปรุงการเรียนการสอน การประเมินผลสรปุ เพือ่ เป็นพืน้ ฐานในการวดั ผลสัมฤทธิ์ และการศกึ ษาผเู้ รียนเปน็ รายบคุ คลเพื่อปรบั ปรุงการเรียนการสอนในชั้นเรียน 5. การใชเ้ ทคโนโลยีและข้อมลู ทีห่ ลากหลายในการพัฒนา ผบู้ ริหารส่งเสริมสนับสนนุ ให้มกี ารใช้ เทคโนโลยีและขอ้ มลู ทีห่ ลากหลายในการพัฒนาการเรียนการสอน ดว้ ยการสร้างความม่ันใจและ กระตนุ้ ให้มกี ารใชเ้ ทคโนโลยีการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิผล ใชเ้ วบ็ ไซต์เพือ่ การศกึ ษาค้นคว้า ทบทวนสรุปข้อมูลเป็นกลุ่มย่อย เพือ่ ใชเ้ ป็นข้อมลู ในการตัดสินใจพฒั นาการเรียนการสอน และคณะครู ร่วมมือกนั วิเคราะห์ผลงานของผู้เรยี นอย่างสม่าเสมอ 6. การสนบั สนนุ การพฒั นาวิชาชีพโดยใช้การวิจัยเปน็ ฐาน ผบู้ ริหารให้การสนบั สนุนการพัฒนาวิชาชีพ ของบคุ ลากรโดยใช้การวิจัยเป็นฐาน มีความสอดคล้องกับความตอ้ งการของหลกั สูตร การสอนและ การประเมนิ ผล และสัมพนั ธ์กบั เป้าหมายการพัฒนาผเู้ รียน เปิดโอกาสใหค้ รูได้มีส่วนร่วมในการ วางแผนและรับผลสะท้อนกลับ มกี ารพฒั นาวิชาชีพทีต่ รงกับความตอ้ งการของบุคลากร และมาตรฐาน การพัฒนาวิชาชีพของหน่วยงานต้นสังกัด 7. การสรา้ งและพฒั นาศักยภาพความเป็นผนู้ าให้บคุ ลากร ผู้บริหารสถานศกึ ษาสร้างและพฒั นา ศักยภาพความเปน็ ผู้นาให้แก่บุคลากรด้วยการสร้างโอกาสการเป็นผู้นาด้านการเรียนการ สอน กระจายอานาจการตัดสินใจให้แก่ครู สร้างความผูกพนั ต่อสถานศกึ ษาให้แก่ครู และมีสว่ นร่วมใน การพฒั นาศักยภาพและความสาเร็จของทีมผนู้ าของสถานศกึ ษา 8. การเสริมสร้างความรว่ มมอื กับผเู้ กีย่ วข้อง ผู้บริหารเสริมสรา้ งความรว่ มมอื กับผเู้ กีย่ วข้องดว้ ยการ ให้การตอ้ นรับผปู้ กครองนกั เรียน ผู้มอี ุปการคณุ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาในโรงเรียน กระตุ้นใหเ้ ปน็ สมาชิกร่วมปฏิบตั ิการปฏิรูปโรงเรียน ให้มสี ่วนรว่ มในวิถีชวี ิตของโรงเรียน มีการกระจายการมสี ่วนร่วม ในการตดั สินใจให้ผมู้ ีสว่ นเกี่ยวข้อง ในงานวิจัยของ สิรร์ านี วสุภทั ร, 2551 : 194 ได้วเิ คราะหอ์ งค์ประกอบเชงิ สารวจและ เชงิ ยืนยนั ภาวะ ผนู้ าทางวิชาการของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาของคณะกรรมการการศกึ ษารฐั เมรี่แลนด์ (Maryland State Board of Education, 2005) โดยได้มกี ารปรับลดองค์ประกอบภาวะผนู้ าทางวิชาการ เปน็ 4 องค์ประกอบ และมีการเปลีย่ นชอ่ื ดงั นี้ 1. การอานวยความสะดวกในการพฒั นาวิสยั ทศั น์ 2. การสรา้ งความม่ันใจในการจัดการเรียนการสอน และการประเมินผล 3. การสนับสนนุ การพฒั นาวิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพ และ 4. การเสริมสร้างความเป็นผู้นา และการมีสว่ นร่วมในการจดั การเรียนการสอน
ฮิวเบอร์ (Huber, 2007 : 30 - 34) ได้รวบรวมงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณลักษณะเฉพาะของแนวการ ปฏิบัติความเป็นผู้นาทางวิชาการของผู้บริหารสถานศกึ ษามี 12 ประเด็นหลกั ดังน้ี 1. จัดหาทรัพยากรต่างๆ เพื่อช่วยใหค้ รูประสบผลสาเร็จในการจัดการเรียนการสอน 2. มุ่งให้ความสาคญั กับการเรียนรขู้ องนกั เรียนเปน็ เป้าหมายหลกั 3. ให้ความสาคัญต่อความสาเรจ็ ของนกั เรียนและบคุ ลากรทั้งเปน็ ทางการและไม่เปน็ ทางการ 4. พฒั นาและกระตุ้นใหเ้ กิดความสมั พนั ธ์กับบุคคลซึง่ เปน็ ผู้มสี ่วนเกี่ยวข้องกบั โรงเรียน 5. พัฒนาวฒั นธรรมโรงเรียนเพื่อส่งเสริมความเปน็ เลิศทางวิชาการและมีการปรับปรุงอย่างตอ่ เนื่อง 6. ติดตามตรวจสอบการปฏิบตั ิดา้ นหลักสูตร การสอนและการประเมินผลของโรงเรยี นอย่างต่อเนอ่ื ง 7. มีความรเู้ กี่ยวข้องกบั หลกั สตู รและการสอน และให้ความสาคัญกับงานวิจัยเกีย่ วกบั การปฏิบตั ิทาง การศกึ ษาทีม่ ีประสิทธิผล 8. เป็นผู้ทีส่ ามารถพบเห็นและเข้าพบได้ง่าย 9. ใช้ทีมภาวะผู้นาเพื่อการพัฒนาหลกั สูตร นโยบายของโรงเรียน และส่งเสริมให้บคุ ลากรได้ ดาเนนิ งานอย่างอสิ ระ 10. ให้ความสาคญั ต่อการพฒั นาวิชาชีพ 11. ออกแบบพฤติกรรมที่คาดหวงั จากบุคคลอืน่ และปฏิบัติตนที่สอดคล้องกับความเชื่อดว้ ยความตั้งใจ ที่จะให้เกิดผลในทางบวก 12. มีความตระหนักในสถานการณ์ มกี ารปรับตวั ในการปฏิบตั ิทางภาวะผู้นาตอ่ สถานการณท์ ี่ หลากหลาย การพฒั นาผู้นาทางวิชาการ 1.พัฒนาคณุ สมบตั ิ / คณุ ลกั ษณะสว่ นตน 1.1 มีวสิ ัยทัศนก์ ว้างไกล มองอนาคต ก้าวหน้า ทันสมัย มีทัศนะคติทางบวก เปิดใจกว้าง ฯ 1.2 มีอุปนิสัยพื้นฐานทางบวก ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน รับผิดชอบ กล้าตัดสินใจ มีเหตุผล มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม มีมนุษยสมั พันธ์ ทางานเปน็ ทีมได้ ฯ 1.3 เป็นบุคคลเรียนรู้ สนใจใฝศ่ กึ ษา ค้นคว้า วิจัย ทบทวนไตรต่ รองพจิ ารณา ฯ 1.4 สร้างผลงาน คิดสร้างสรรค์ สร้างจินตนาการ หาทางพัฒนาตน พฒั นางาน 2. ภาระงาน (การนาความรู้ไปปฏิบตั ิ) 2.1 งานส่วนตน: หากตนพร้อม สมดุลในตน จะสรรสร้างโลกให้งดงามได้ 1) ดแู ล/พฒั นาบุคลิกภาพทั้งภายนอก ภายใน สร้างการยอมรบั ศรัทธา ตามสถานภาพ แหง่ ตน 2) ดูแลรับผิดชอบครอบครัว ชุมชน สังคม / อาชีพ ตามบทบาทแห่งตนในฐานะคนไทย คนบ้านเรา เป็นลกู เป็นพ่อแม่ เปน็ ญาติ ฯ
3) สร้างสมดุลแห่งชีวิตทุกด้าน สุขภาพ กาย จิต วิญญาณ ปรัชญาชีวิต ความเชื่อ ความศรัทธา ศาสนา เศรษฐกิจ สถานภาพทางสงั คม 2.2 งานอาชีพ: คือ วิถีชีวติ 1) งานประจา เข้าใจเป้าหมาย พันธกิจ นโยบายขององค์กร ภารกิจของตน และมุ่งมั่น ให้บรรลุตามเป้าหมายในทุกระดับที่รับผิดชอบ มีความพึงพอใจในงาน มีความจดจ่อให้สาเร็จ เพียร พยายามพิจารณา ไตร่ตรองผลงาน เพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น เช่น การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ การจัด กิจกรรมการเรียนรู้ การจดั กิจกรรมพัฒนานกั เรียน งานธรุ การอน่ื ๆ ฯ 2) งานสร้างสรรค์นวัตกรรมการศึกษา ในขอบเขตงานที่ตนรับผิดชอบ และมี ความสามารถและถนัด เชน่ ด้านหลักสตู ร แผนการจัดการเรียนรู้ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การใช้สื่อ การสอน การวดั และการประเมนิ การพัฒนานักเรียน การวิจัยในช้ันเรยี น / สถาบัน ฯ 3) แสดงผลงานให้ปรากฏ เผยแพร่ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ผ่านสื่อ ผ่านกิจกรรมแสดง ผลงาน ผา่ นการเปน็ วิทยากร ผา่ นทางกิจกรรมเพือ่ นช่วยเพื่อน ฯ 3. ขนั้ ตอนการพัฒนาภาวะผู้นาทางวิชาการ 3.1 ศึกษาสารวจตนเอง เพื่อให้เข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง ใช้วิธีการสารวจ วิเคราะห์ตนเอง และการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใกล้ชิดที่หวังดี สรุปให้เห็น จุดแข็ง จุดอ่อนที่ควรพัฒนา ภายใต้นบริ บทของการจดั การศกึ ษา และอดุ มคติ อดุ มการณข์ องตน 3.2 เลือกคุณสมบัติ พฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่ง เพียงพฤติกรรมเดียวในการพัฒนาแต่ละ ครั้ง ควรเลือกจากพฤติกรรม/คุณลักษณะทีส่ ามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนเพื่อกาลงั ใจในการพัฒนาในเวลาตอ่ ไป 3.3 กาหนดวัตถุประสงค์ อนสุ นธิจากข้อ 2 ตอบคาถามให้ได้ว่า พฤติกรรม / คณุ ลกั ษณะที่ ตนตอ้ งการเปลี่ยนแปลงนนั้ จะทาให้ชีวติ มจี ดุ ด้อยอย่างไร และถ้าพฒั นาแล้วจะส่งผลดอี ย่างไร ต่อภาวะ ผู้นาทางวิชาการของเรา แล้วนามาเขียนเป็นวัตถุประสงค์ในการเปลี่ยนแปลง จะได้ยึดเป็นเป้าหมายใน การพัฒนาตน และใช้เปน็ พลงั ภายใน ที่จะผลักดันให้บรรลุเป้าหมายได้ตอ่ ไป 3.4 หาความรู้ในการพัฒนาพฤติกรรม / คุณลักษณะเหล่านั้น ด้วยการค้นคว้าตารา ปรึกษาผู้รู้ เลือกใช้เทคนิควิธี ทีเหมาะสมกับตัวเรา ท้ังความเข้มแข็งของจิตใจ บริบทแวดล้อม และจัด ทาแผนปฏิบัติการที่สามารถดาเนินการได้อย่างต่อเน่ือง ให้ระบุวันเวลาที่จะปฏิบัติ ช่วงเวลาที่จะใช้ ทั้งหมด วิธีการที่กาหนดขั้นตอนไว้ชัดเจน กาหนดผลที่คาดว่าจะได้รับ กาหนดการสังเกตุผลที่เกิดขึ้น เพือ่ ใช้ในการประเมนิ เป็นระยะ
3.5 ปฏิบัติการตามแผนที่กาหนดไว้บันทึกผลที่เกิดขึ้นทุกคร้ังที่ปฏิบัติ หากพบผลการ เปลีย่ นแปลงในทางที่ดี ย่อมเป็นกาลงั ใจให้ทาอย่างตอ่ เนือ่ งต่อไป หากมีผลไม่พงึ ประสงค์เกิดขนึ้ ให้ปรับ แผนทีช่ ว่ ยใหบ้ รรลุผลได้ดีข้นึ 3.6 เม่ือประสบผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์หาทางเผยแพร่นวัตกรรมที่ค้นพบได้ด้วยตนเอง เพื่อเปน็ ตวั อย่างแก่ผู้สนใจต่อไป ในส่วนตวั ก็ควรเลือกพัฒนาตนในด้านอื่นๆด้วย หลักการกระบวนการ ดังกล่าวอย่างต่อเนอ่ื ง เพราะงานพัฒนาไม่มวี นั จบ จากข้างต้นสรุปได้ว่า การพัฒนาภาวะผู้นาทางวิชาการ มีความสาคัญอย่างมากต่อการพัฒนา สถานศึกษา เพราะภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาน้ันสามารถสร้างวิสัยทัศน์ และ ขับเคลื่อนสถานศึกษา จนนาไปสู่เป้าหมายที่ต้ังไว้ของสถานศึกษาได้ โดยกระบวนการโน้มน้าวของ ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ในการสร้างเป้าหมายความสาเรจ็ ทีจ่ ดุ เดียวกันขององค์กร
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: