ระดบั ประถมศึกษา สาระความรู้พน้ื ฐาน ฯ ภาษาไทย จานวน 20 ขอ้ 1. ข๎อใดเปน็ จดุ มงํุ หมายสําคัญในการฟง๓ เพลง 1. เพือ่ พัฒนาชีวติ และความเป็นอยใูํ ห๎ดีขึ้น 2. เพอื่ เพ่ิมพนู ประสบการณท๑ ี่จะนําไปใชป๎ ระโยชน๑ 3. เพื่อใหเ๎ กิดความเพลิดเพลิน และผอํ นคลาย 4. เพอ่ื ได๎ร๎เู รื่องราวและประวตั คิ วามเป็นมาของบทเพลง 2. ข๎อใดพดู แสดงความร๎สู ึกไดเ๎ หมาะสมเมอ่ื ไปเยี่ยมผ๎ปู ุวย 1. ไมํร๎ูวําเม่ือไรเธอจะได๎ออกไปเทย่ี วกับพวกเราไดอ๎ กี 2. คนขา๎ งบา๎ นฉนั ก็ปุวยเหมือนเธอเลยแตเํ ขาเสยี ไปแล๎ว 3. หายแลว๎ ละ ลองพูดไมหํ ยดุ ปากแบบนีไ้ มํใชคํ นเจ็บหรอก 4. เธอดสู ดชื่นแจํมใสขน้ึ มากเลยนะ อีกไมํนานก็จะแข็งแรงดี 3. เงินเป็นป๓จจัยจําเป็นสําหรับทุกคน หากใช๎โดยไมํยั้งคิดหรือใช๎อยํางฟุมเฟือยยํอมจะสร๎างความ ลําบากในอนาคต ดังน้ันการออมเงินจึงเป็นเรื่องสําคัญที่ทุกคนต๎องปฏิบัติให๎สม่ําเสมอ และควร ปลกู ฝง๓ การประหยดั เงนิ ตั้งแดอํ ายยุ งั น๎อย ขอ๎ ความข๎างต๎นมีจุดประสงคต๑ ามข๎อใด 1. เพม่ิ เติมความร๎ู 2. ใหแ๎ งคํ ิดเตือนใจ 3. สรา๎ งความบนั เทิง 4. สรา๎ งสรรค๑จนิ ตนาการ 4. ขอ๎ ใดอํานออกเสียงคําที่ขดี เสน๎ ใตไ๎ ดถ๎ กู ต๎อง 1. งามเนตรดังเนตรมฤคมาศ อาํ นวํา เน - ตอน 2. งามขนงวงวาดดงั คันศิลป์ อาํ นวํา ขน - งวง 3. อรชรอ๎อนแอ๎นดังกนิ ริน นวาํ กนิ -ริน 4. หวงั ถวิลไมเํ วน๎ วายเอย อํานวํา ถะ – หวิน
ระดับประถมศกึ ษา 5. โอ๎ยามดกึ ดาวเกล่อื นเดอื นกค็ ลอ๎ ย น้าํ ค๎างย๎อยเยน็ ตา่ํ ทอ่ี ัมพร คําท่ีขดี เส๎นใต๎ ความหมายตรงกับข๎อใด 1. พื้นดิน 2. ท๎องฟูา 3. ดวงดาว 4. ราํ งกาย 6. บ๎านใหญํหลังน้ี มแี ตนํ กกามาอาศัยใบบุญ ใครอยูํดว๎ ยก็มแี ดคํ วามสุข ขอ๎ ความน้ีมีความหมาย ตรงกับขอ๎ ใด 1. คนในบา๎ นล๎วนเปน็ คนยากจน 2. เจา๎ ของบา๎ นเป็นคนใจดีมเี มตตา 3. เป็นบ๎านร๎างมีฝงู นกเขา๎ มาพักอาศัย 4. เจ๎าของบ๎านเป็นกนชื่อสัตยส๑ ุจริตและมั่งค่งั 7. ทุกวนั น้พี ีก่ ับเจ๎าก็เฒําแกํ ไมเํ ทีย่ งแทอ๎ นิจจงั สังขาร ฝาู เจบ็ ปุวยดว๎ ยชรามาสาธารณ๑ ไมชํ ๎านานก็จะมาหลับตาตาย คําประพันธ๑ขา๎ งตน๎ สรปุ ความได๎ตามขอ๎ ใด 1. ผฟู๎ ๓งเปน็ พ่ขี องผพู๎ ูด 2. ผู๎พูดและผฟู๎ ๓งอยูํในวัยชรา 3. ผพ๎ู ดู และผฟู๎ ง๓ เป็นคนดมี ีคณุ ธรรม 4. ผ๎ูพูดหวํ งใยผฟ๎ู ง๓ เพราะปุวยหนกั ใกล๎ตาย 8. เด็กคนนี.้ ..................ตากฝนเปน็ ชว่ั โมง ก็ไมํเปน็ อะไรเลย ควรเดมิ คําใดในชํองวํางใหไ๎ ด๎ความหมายเหมาะสม 1. หัวช๎า 2. หัวเกํา 3. หัวแข็ง 4. หัวอํอน
ระดบั ประถมศึกษา 9. ขอ๎ ใดใช๎คาํ ลงท๎ายในการส่อื สารไมํถกู ตอ๎ ง 1. โปรดรอสักครนูํ ะคะ 2. ต๎องการช้ินไหน เลือกไดเ๎ ลยคะ 3. ของยงั มีอีกมาก ไมตํ ๎องแยงํ กันคะํ 4. กรณุ าตอํ แถวตามลาํ ดับกํอน หลงั เลยคํะ 10. แตํกํอนคนไทยมักจะถือกันวําอ๎วนดีกวําผอม ถ๎าใครผอมก็มักจะชวนให๎ญาติมิตรเป็นหํวง แตํถ๎าอ๎วนพีมีกําลังแล๎วก็มักจะช่ืนชมวําดี แตํป๓จจุบันเข๎าใจกันแล๎ววําไมํควรอ๎วนหรือผอมเกินไป ทาํ ราํ งกายให๎แข็งแรงเปน็ ดที ่สี ดุ ตอํ ไปนี้ลองมาดูกันวาํ มีวิธที าํ รํางกายให๎แข็งแรงได๎อยาํ งไรบา๎ ง ขอ๎ ความนี้อยํตู อนใดของเรียงความ 1. คํานํา 2. เนื้อเรอื่ ง 3. บทสงํ ท๎าย 4. สรุป 11. ข๎อใดใชส๎ ระเสยี งสน้ั ทุกพยางค๑ 1. ขีแ้ พช๎ วนดี 2. จับแพะชนแกะ 3. คอขาดบาดตาย 4. ขา๎ วแดงแกงร๎อน 13. \"อา๎ ว..........เธอจะไปด๎วยหรอื \" ควรเดมิ เครือ่ งหมายใดลงในชอํ งวําง 1.! 2. ? 3. ฯ 4. ฯลฯ 14. ขอ๎ ใดเรยี งลําดับคําตามพจนานกุ รมไดถ๎ ูกต๎อง 1. ไฟ ดนิ ลม นา้ํ 2. กิน เดนิ เทีย่ ว นอน 3. ถว๎ ย ชาม จาน แกว๎ 4. หวาน มัน เตม็ เปรีย้ ว
ระดับประถมศึกษา 15. สํานวนข๎อใดหมายถงึ ไม่ประหยดั 1. กินตามนา้ํ 2. กินนอกกินใน 3. กนิ แกลบกนิ ราํ 4. กินนํ้าไมํเผื่อแลง๎ 16. ขอ๎ ใดไม่มีคาํ ภาษาตาํ งประเทศ 1. เกา๎ อ้ีฝง๓ มุก 2. ปลากะพงนึง่ บ๏วย 3. บา๎ นนอ๎ ยกลางทุํง 4. เสอ้ื ผ๎าลายดอกโบด้นั อา่ นเรื่องตอ่ ไปนีแ้ ลว้ ตอบคาถามขอ้ 17 - 18 หมาปาุ กับสงิ โต หมาปุาตัวหน่ึงเห็นฝูงแกะในทุํงหญ๎าจึงยํองเข๎าไปกาบลูกแกะตัวหนึ่งหวังจะนําไปกินเป็น อาหาร ขณะทเ่ี ดินทางผํานปุา สิงโตตัวหน่งึ มองเห็นจงึ ตรงเขา๎ มาขวางทางเพื่อแยํงชิงเอาลูกแกะไป ด๎วยความตกใจกลัว หมาปุารีบวางถูกแกะให๎สิงโตแตํโดยดี แล๎วรีบถอยหํางออกไปจนไกล เม่ือได๎ ระยะที่ปลอดภัยแลว๎ มนั จึงตะโกนด๎วยเสยี งอนั ดงั ไปยังสงิ โตวํา \"ทํานไมํมีสิทธิ์มาแยํงชิงของของข๎า ไปอยํางนั้น\" สิงโตได๎ยินดังนั้น จึงหันกลับมาตะโกนตอบวํา \"ของของเจ๎าอยํางนั้นหรือ เจ๎าซ้ือมา หรอื คนเลย้ี งแกะใหเ๎ จ๎ามาเป็นของขวัญละํ ชํวยบอกข๎าทีซ\"ิ 17. นทิ านเรื่องนี้ควรนําไปใช๎ในชวี ติ ประจําวันตามขอ๎ ใด 1. ไมํประมาท 2. ไมํประมาณตน 3. ไมํพูดโกหก 4. ไมํเบียดเบยี นผอู๎ ่ืน 18. นทิ านเรอื่ งนีส้ อดคล๎องกับสํานวนไทยข๎อใด 1. ใจดสี ู๎เสือ 2. จบั ปลาสองมือ 3. วัวหายลอ๎ มคอก 4. ปลาใหญกํ ินปลาเลก็
19. ลูกนกยกปกี ปูอง ระดบั ประถมศกึ ษา แมนํ กปกปกเกยี ง อา๎ ปากรอ๎ งช๎องแซํเสียง คาํ ประพันธน๑ ี้ใหข๎ อ๎ คดิ เรอื่ งใด เลีย้ งถกู อํอนปอู นอาหาร 1. ความรกั 2. ความซอ่ื สัตย๑ 3. ความกลา๎ หาญ 4. ความกตญั ๒ู 20. แม๎นมิยกพลไกรไปชํวย ถึงเรามว๎ ยก็อยาํ มาดูผี อยําดูทงั้ เปลวอคั คี แตํวนั นีข้ าดกนั จนบรรลัย คาํ ประพันธ๑นี้มคี วามหมายตรงกับข๎อใด 1. ตัดเป็นตัดตาย 2. ดดั ไฟแตํต๎นลม 3. ตดั ชํองน๎อยแตพํ อตวั 4. ตัดไมํตาย ขายไมํขาด
ระดับประถมศึกษา ภาษาอังกฤษ จานวน 20 ขอ้ Questions: Read the following conversations/questions and choose the correct responses. At school Susan: Hi, Alex. How are you? Alex: _____1____And you? Susan: Good, thanks. _____2____ Alex: My class starts at 09:00. 1. 1. Good morning. 2. Fine, thanks. 3. How are you? 4. How do you do? 2. 1. When is your class? 2. See you in class at 09:00. 3. Why is your class here? 4. My class at 09:00 is boring. At home Nancy: Mum, this is my classmate. Jenny. Jenny, this is my mum. Mrs Lee: Hello, Jenny. Good to meet you. Jenny: Good afternoon, Mrs Lec. _____3____ 3. 1. It's good you like me. 2. How have you been doing? 3. I'm pleased to meet you, too. 4. Have you prepared snacks for us?
At school ระดบั ประถมศกึ ษา Carol: Gary: Hey, Gary. How's it going? Carol: _____4_____How about you? Gary: Very well, thanks. Are you ready for your study trip? Carol: No, I'm not. I'll have to be away from home for two months. Gary: Come on! You'll enjoy it. Carol: I hope I will. Gary: _____5_____See you when you're back. Thank you. _____6_____ 4. 1. I must really go now. 2. I'm going by car. 3. I'm good, thanks. 4. I must be great. 5. 1. Take good care of yourself. 2. Have a great day 3. Please come again. 4. See you around. 6. 1. See you tomorrow. 2. Please keep in touch. 3. You have a good trip, too. 4. I'm sad to have to go to Japan. 7. Which words have the same sounds? l. band – lord 2. low - town 3. bat- hate 4. firm-term
ระดับประถมศกึ ษา 8. Which item is correct? 1. BOTTLE 2. DRESS 3. STOVE 4. BICYCLE 9. Which item is in the correct order from the biggest to the smallest numbers? 1. three thousand - three hundred - thirty - thirteen 2. three hundred - three thousand - thirty - thirteen 3. three thousand - three hundred - thirteen - thirty 4. three hundred - three thousand - thirteen – thirty 10. Helen: When is the first day of the Thai New Year? Samuel: On the____________ of April. 1. one-three 2. Thirteenth 3. Thirteen 4. one-third 11. Which word does not belong to the group? bacon - radish - steak - soup 1. bacon 2. Radish 3. Steak 4. soup
ระดบั ประถมศึกษา 12. Lily: How much sugar would you like in your coffee? Dylan: ______________, please. 1.Two bars 2. Two cans 3. Two drops 4. Two spoons 13. What does the sign mean? 1. Public transport service. 2. Beware of heavy traffic. 3. Lane for cars and buses. 4. Parking area 14. Which sign should you look for when you want to ask a question? 1. 2. 3. 4.
ระดับประถมศกึ ษา At a school flat Danice: I'm not feeling well. Would you cook for me? Henry: _____15______ What would you like? Danice: Rice soup and omelet, please. Henry: OK. _____16______ 15. 1. I'm busy. 2. I'm sorry. 3. Yes, please. 4. Yes, of course. 16. 1. Wait a moment. 2. It wasn't your fault. 3. Please put it off again. 4. It didn't really matter. 17. Your mother_____________go shopping every week. 1. don't 2. doesn't 3. isn't 4. aren't 18. Put the words into a correct sentence. 2. My milk not does like dad. dad - does - like - my - milk - not 4. My dad not does like milk. 1. My milk does not like dad. 3. My dad does not like milk.
ระดบั ประถมศกึ ษา 19. They went to study at Chulalongkorn University______2002. 1. at 2. on 3. In 4. To 20. Olive: I found a book under the desk. Will: ______________ Olive: I don't know. 1. What is it? 2. Where is it? 3. Whose book is it? 4. Why did you find it?
ระดับประถมศกึ ษา คณิตศาสตร์จานวน 15 ขอ้ 1. คําประมาณจํานวนเต็มพนั ของ 4,498,536 ตํางจากคําประมาณจาํ นวนเตม็ แสนของจาํ นวนนี้ อยเํู ทําใด 1. 1,000 2. 400,000 3. 4,499,000 4. 4,500,000 2. นดิ มีนํ้าหนกั เป็น ของแอน แอนมนี าํ้ หนักเป็น ของจอย ถา๎ จอยหนัก 60 กิโลกรมั นิด แอน และจอยมีนํา้ หนักรวมกันกี่กโิ ลกรัม 1. 84 กิโลกรมั 2. 93 กโิ ลกรัม 3. 144กิโลกรัม 4. 153 กิโลกรมั 3. คําของเลขโดดในหลกั สิบกับคําของเลขโดดในหลักสวํ นรอ๎ ยของ 568.432 ตาํ งกนั เทําใด 1. 3.00 2. 5.70 3. 59.70 4. 59.97 4. ร๎านขายขนมป๓งสังขยาจดั รายการสํงเสรมิ การบายโดยโฆษณาวํา \"ซอ้ื 3 ชน้ิ แถม 1 ช้ิน” ถา๎ ทางร๎านขายขนมป๓งชิ้นละ 20 บาท และไดเ๎ งินจากการขายทั้งหมด 72,900 บาท ร๎านค๎าผลิตขนม ปง๓ เพ่ือขายในชํวงจดั รายการสํงเสริมการขายท้งั หมดก่ชี ิน้ 1. 1,215 ช้นิ 2. 2,430 ชิ้น 3. 3,645 ช้นิ 4. 4.860 ชน้ิ
ระดบั ประถมศกึ ษา 5. ร๎านค๎าขายต๎นโกสนราคา 3 ตน๎ 100 บาท และตน๎ บอนสี 2 ต๎น ราคา 150 บาท ถ๎าต๐อยซ้อื ต๎น โกสนและตน๎ บอนสีจาํ นวนเทํากนั และจํายเงินทัง้ หมด 1,950 บาท ตอ๐ ยซื้อตน๎ บอนสีและตน๎ โกสน มาอยาํ งละกีต่ น๎ 1. 18 ตน๎ 2. 36 ตน๎ 3. 40 ต๎น 4. 56 ต๎น 6. สวนสัตวแ๑ หํงหนึง่ มีจํานวนผ๎ูเขา๎ ชมในเดือนธันวาคม 9,000 คน ซงึ่ เพิ่มขนึ้ พฤศจกิ ายนรอ๎ ยละ 20 ผ๎เู ข๎าชมสวนสัตว๑ ในเดือนพฤศจกิ ายนมีก่คี น 1. 1,800 คน 2. 7,200 คน 3. 7,500 คน 4. 10,800 คน 7. ขอ๎ ใดกลําวถงึ รปู เรขาคณิตสองมติ ขิ ๎างตน๎ ได๎ถกู ตอ๎ ง 1. รปู เรขาคณติ สองมิตทิ ่มี ีพน้ื ทเ่ี ทาํ กัน จะมคี วามยาวรอบรปู เทํากัน 2. รปู เรขาคณติ สองมติ ทิ ่มี ีพื้นทีไ่ มเํ ทํากนั จะมคี วามยาวรอบรปู ไมเํ ทาํ กนั 3. รูปเรขาคณิตสองมติ ทิ ่ีมีพ้ืนทีเ่ ทํากัน จะมคี วามยาวรอบรปู ไมเํ ทาํ กัน 4. รปู เรขาคณติ สองมติ ิทม่ี ีพื้นทีไ่ มํทํากนั จะมีความยาวรอบรูปเทาํ กัน
ระดับประถมศึกษา 8. กาํ หนดให๎ ABGD และ EFGC เป็นรูปส่ีเหลยี่ มจตั รุ ัส ถา๎ สวํ นท่ีแรเงามีพนื้ ที่ 36 ตารางหนวํ ย สํวนท่ีแรเงามีความยาวรอบรูปก่หี นวํ ย 1. 20 หนวํ ย 2. 24 หนวํ ย 3. 28 หนํวย 4. 36 หนวํ ย 9. กาํ หนดรูปเรขาคณติ สามมิติ ดังนี้ รปู เรขาคณติ สามมิตทิ ่กี าํ หนดมีปรมิ าตรกถี่ กู บาศกห๑ นวํ ย 1. 24 ลูกบาศก๑หนํวย 2. 28 ลกู บาศก๑หนํวย 3. 48 ลกู บาศก๑หนํวย 4. 56 ลกู บาศก๑หนํวย
ระดับประถมศกึ ษา 10. กลอํ งทรงส่ีเหล่ียมมมุ ฉากใบหนง่ึ ภายในบรรจุลูกบาศกข๑ นาดเดยี วกันไดเ๎ ต็มกลํองพอดีกลอํ งใบ น้มี ปี รมิ าตรเทําใด 1. 24 ลกู บาศก๑หนํวย 2. 27 ถกู บาศกห็ นํวย 3. 36 ลูกบาศก๑หนวํ ย 4. 48 ลกู บาศกห๑ นวํ ย 11. ความหนาแนํนประชากรในชมุ ชน 4 อําเภอหนองแดง จากแผนภมู ิ ชมุ ชนใดมีความหนาแนํนประชากรเพมิ่ ขนึ้ จากเดมิ น้อยที่สุด 1. ชมุ ชนท่ี 1 2. ชมุ ชนท่ี 2 3. ชุมชนที่ 3 4. ชุมชนท่ี 4
ระดบั ประถมศกึ ษา 12. ยอดขายชดุ รับแขกทีผ่ ลิตจากวสั ดตุ ํางกนั ของร๎านเจริญตรี ประจาํ เดือน ธันวาคม 2562 ถา๎ ร๎านเจริญศรีขายชุดรับแขกท่ผี ลิตจากอะลมู เิ นยี มได๎ 360 ชดุ ร๎านน้ขี ายชดุ รับแขกที่ผลิตจาก เหล็กได๎กี่ชุด 1. 576 ชุด 2. 846 ชดุ 3. 864 ชดุ 4. 1,440 ชุด 13. นา้ํ หนกั ของกระดาบรีไซเคลิ ท่ีสะสมของสาํ นกั งานแหงํ หน่ึง ตัง้ แตเํ ดือน มกราคม ถงึ พฤษภาคม
ระดับประถมศกึ ษา ถ๎าต้งั แตเํ ดือนมกราคม ถึง มิถนุ ายน กระดาษรึไซเคิลมนี าํ้ หนักโดยเฉลี่ยเดือนละ 52 กิโลกรัม ขอ๎ ใด ไมถ่ กู ต้อง 1. เดือนมิถนุ ายนเปน็ เดือนท่ีมกี ระดาษรไี ซเคลิ มากทสี่ ุด 2. นา้ํ หนักกระดาษรไี ซเคิลของเดอื นมนี าคมมากกวําของเดือนมถิ ุนายน 3. นา้ํ หนักกระดาษรึไซเกิดสะสมตัง้ แตเํ ดือนมกราคมถงึ มิถุนายนเป็น 312 กิโลกรัม 4. เดอื นมกราคม มีนาคม และมถิ นุ ายน มีกระดาษรไึ ซเคลิ นอ๎ ยกวํานํา้ หนกั เฉลี่ยของ กระดาษรีไซเคลิ ทงั้ หกเดือน 14. ครูต๎องการแจกรางวัล 5 รางวัล จึงทําฉลากให๎นักเรียนจับ โดยมีนักเรียนท่ีมีสิทธิ์จับฉลากอยูํ 12 คน เม่ือจับฉลากแล๎ว พบวํา นักเรียนคนท่ี 10 เป็นผ๎ูได๎รับรางวัลเป็นคนท่ี 4 เหตุการณ๑ในข๎อใดมี โอกาสตํางจากข๎ออ่ืน 1. นักเรยี นคนที่ 1 และคนที่ 8 ไมํไดร๎ างวลั 2. นกั เรียนคนที่ 11 และคนที่ 12 ไดร๎ างวัล 3. นักเรยี นคนที่ 4 ได๎รางวัลเป็นคนแรก 4. นักเรียนคนท่ี 1 ไดร๎ างวลั แรก และคนท่ี 12 ไดร๎ างวัลท่ี 5 15. บอยชวนเพือ่ น 3 คน ไปเท่ียวตาํ งจังหวัด โอกาสของเหตกุ ารณ๑ทเี่ พื่อนทั้งสามคนตอบ ตกลง วาํ จะไปเทย่ี วตํางจงั หวัดพร๎อมกนั เป็นอยํางไร 1. เกดิ ข้นึ อยาํ งแนํนอน 2. ไมํเกิดขึน้ อยํางแนํนอน 3. อาจจะเกิดขึ้น หรอื อาจจะไมเํ กิดขึ้นกไ็ ด๎ 4. ข๎อมลู ไมเํ พียงพอท่ีจะระบุการเกิดขน้ึ หรือไมํเกิดข้นึ
ระดับประถมศึกษา วิทยาศาสตรจ์ านวน 15 ขอ้ 1. ชั้นตอนใดไมใํ ชขํ น้ั ตอนท่ีใช๎พสิ จู น๑วําตมมติฐานที่ตั้งไวถ๎ ูกตอ๎ งหรอื ไมํ 1. ระบุปญ๓ หา 2. รวบรวมขอ๎ มูล 3. วิเคราะหข๑ อ๎ มูล 4. สรูปผล 2. ข๎อใดคอื อปุ กรณส๑ าํ หรับวดั ความยาว 1. มัลตมิ ิเตอร๑ 2. บารอมิเตอร๑ 3. เวอร๑เนียร๑ คาลิเปอร๑ 4. แอมมิเตอร๑ 3. ขอ๎ ใดเปน็ จดุ มงํุ หมายของโครงงานวทิ ยาศาสตร๑ ประเภททดลอง 1. เพือ่ สรา๎ งเครอื่ งชารจ๑ แบตเตอรีพ่ ลังงานแสงอาทิตย๑ 2. เพอ่ื นบั จาํ นวนผเี ส้ือท่ีมีอยํใู นบริเวณโรงเรียน 3. เพอ่ื ศกึ ษาความสัมพนั ธ๑ระหวาํ งความสูงกับอายุของตน๎ ถว่ั 4. เพ่อื สาํ รวจจํานวนประชากรในตาํ บล 4. ข๎อใดเปน็ การต้ังสมมตฐิ านท่ีเหมาะสมที่สุด 1. เราไมคํ วรปลูกดอกกหุ ลาบกลางแดด 2. ระบบรดนาํ้ อัตโนมตั เิ ป็นส่งิ ประดิษฐท๑ ค่ี ๎ุมคาํ 3. ดอกกูหลาบจะโตเรว็ กวํา ถ๎าไดร๎ ับแสงแดดในปรมิ าณที่มากขึ้น 4. ดอกกุหลาบสีแดงสวยกวําดอกกุหลาบสขี าว 5. ขอ๎ ใดเป็นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร๑ 1. การสอื่ สาร 2. การจําแนกประเภท 3. การเดาสุํม 4. การทํองสูตร
ระดบั ประถมศกึ ษา 6. สตั วช๑ นดิ ใดจดั อยใูํ นประเภทเดียวกัน ดามการจําแนกแบบ สัตว๑นํา้ สัตว๑สะเทนิ นํา้ สะเทนิ บก สัตว๑เลื้อยคลาน สัตว๑ปกี สัตวเ๑ ลยี้ งลูกด๎วยนม 1. กวาง เสือ 2. กบ จระเข๎ 3. ปลา กบ 4. ไกํ กวาง 7. รากชนดิ ใดทาํ หน๎าที่ชํวยยดึ ลาํ ต๎นไว๎กบั ดิน 1. รากแกว๎ เทําน้นั 2. รากแขนงเทาํ นัน้ 3. รากขนอํอนเทําน้ัน 4. รากแก๎วและรากแขนง 8. กลว๎ ยไม๎เกาะอยูํบนต๎นไม๎ใหญํ แตํต๎นไม๎ใหญํไมํไดห๎ รือเสยี ประโยชนจ๑ ากแล๎วจดั เป็น ความสมั พันธ๑แบบใด 1. ภาวะท่ตี ๎องพงึ่ พากนั และกัน 2. ภาวะอิงอาศัย 3. ภาวะไดป๎ ระโยชนร๑ วํ มกัน 4. ภาวะแกํงแยํงกัน 9. ชํวงเดอื นมกราคม เป็นฤดูหนาวของประเทศไทยในเวลาเดยี วกนั นปี้ ระเทศออสเตรเลยี ซ่ึงอยใูํ นซีโลกใต๎ อยํูในฤดใู ด 1. ฤดูรอ๎ น 2. ฤดูหนาว 3. ฤดใู บไมผ๎ ลิ 4. ฤดูฝน 10. ข๎อใดคือการหลอมเหลว 1. การท่ีนํ้าแขง็ ละลายกลายเปน็ น้ํา 2. การทนี่ ้ําเดอื ดกลายเป็นไอ 3. การทน่ี ํ้ากลายเปน็ นํ้าแข็ง 4. การท่ีไอนํ้าควบแนนํ กลายเป็นนํ้า
ระดับประถมศกึ ษา 11. ข๎อใดเป็นวิธีการตรวจสอบความเปน็ กรด-เบส ของสารละลาย ท่ีเหมาะสมทสี่ ดุ 1. แบํงสารละลายมาเล็กน๎อย แล๎วนํามาชิม 2. นาํ สารละลายมาดมกลิ่น 3. ใช๎กระดายกรองสารละลาย แล๎วนํามาสังเกตสี 4. ใชก๎ ระดาษลติ มัสทดสอบการเปล่ียนสีของสารละลาย 12. ขอ๎ ใดคือหนํวยของพลังงาน 1. เมตร 2. จลู 3. คูลอมบ๑ 4. นิวตนั 13. การผลติ ไฟฟาู จากลม เป็นการเปล่ียนพลงั งานใดเป็นพลังงาน 1. พลงั งานเคมี 2. พลังงานแสงอาทติ ย๑ 3. พลังงานจลน๑ 4. พลงั งานความรอ๎ น 14. ขอ๎ ใดถูกตอ๎ งเก่ียวกับดวงจนั ทร๑ 1. มขี นาดเลก็ กวาํ โลก 2. มชี ัน้ บรรยากาศกลา๎ ยกับโลก 3. อยูหํ าํ งจากโลกประมาณ 6000 กิโลเมตร 4. มแี สงในตัวเอง 15. ข๎อใดไมํใชปํ รากฏการณท๑ เ่ี กี่ยวขอ๎ งกับดวงจนั ทร๑ 1. สรุ ิยปุ ราคา 2. น้าํ ข้ึน นํ้าลง 3. จนั ทรุปราคา 4. ฤดูกาล
ระดบั ประถมศึกษา สาระการพฒั นาสงั คม สังคมศกึ ษา จานวน 20 ข้อ 1. ภูมิประเทศของประเทศไทยมกี ่ีภาค 2. 5 ภาค 1. 4 ภาค 4. 7 ภาค 3. 6 ภาค 2. ภูมิภาคใดของประเทศไทยมภี มู อิ ากาศ 2 ฤดู 1. ภาคเหนอื 2. ภาคกลาง 3. ภาคใต๎ 4. ภาคตะวันออก 3. ทรพั ยากรธรรมชาติในขอ๎ ใดเป็นสิง่ สาํ คัญที่สุดตํอการดาํ รงชีวติ ของมนษุ ย๑ 1. ทรพั ยากรน้ํา 2. ทรัพยากรดิน 3. ทรพั ยากรปุาไม๎ 4. ทรพั ยากรแรํธาตุ 4. แพลํงนํ้าธรรมชาตทิ ใี่ หญํท่ีสุดในภาคกลางคือแหลงํ น้ําใด 1. เข่อื นภูมิพล 2. หนองหาน 3. กว๏านพะเยา 4. บงึ บอระเพด็ 5. พระพุทธรูปจดั เปน็ หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร๑ประเภทใด 1. วรรณกรรม 2. ภาพถาํ ย 3. โบราณสถาน 4. โบราณวตั ถุ 6. การแบํงหลักฐานตามความสาํ คญั ของประวัติศาสตร๑สามารถแบํงได๎ก่ีลักษณะ 1. 2 ลกั ษณะ 2. 3 ลกั ษณะ 3. 4 ลักษณะ 4. 5 ลกั ษณะ 7. เศรษฐศาสตร๑ในกรอบกรวั ต๎องรวํ มกันเป็นหนํวยผลติ ตรงกบั ขอ๎ ใด 1. ผูช๎ ายผูห๎ ญิงมโี อกาสทํางานนอกบ๎านเทาํ ๆ กัน 2. ผช๎ู ายผ๎ูหญงิ ไมํมีโอกาสทํางานนอกบ๎าน 3. ผชู๎ ายทํางานมากกวําผู๎หญงิ 4. ผช๎ู ายใหผ๎ หู๎ ญงิ เป็นแมบํ ๎าน
ระดับประถมศกึ ษา 8. นาย ก. มีไกํนําไกํไปขาย และนาย ก. ต๎องการหมู นาย ก. จึงนําเงินที่ขายไกํไปซ้ือหมู จาก สถานการณ๑ทกี่ ําหนดให๎ นาย ก.ใชส๎ ื่อกลางเพ่ือให๎การแลกเปลีย่ นสะดวกขึน้ ตรงกบั ขอ๎ ใด 1. ส่ิงของ 2. หมู 3. เงนิ ตรา 4. ไกํ 9. แบบเผนความสมั พันธ๑ระหวํางมนุษยซ๑ ึง่ กํอให๎เกดิ ชยั ตกลงรวํ มกันในการทจี่ ะให๎มี อํานาจบังเกิด ขึ้นในสังคมตรงกบั ขอ๎ ใด 1. ระบบรฐั บาล 2. ระบบสังคม 3. ระบบการเมอื งการปกครอง 4. ระบบประชาธิปไตย 10. การรักษาความมัน่ คงและความปลอดภยั ของประชาชนเป็นอาํ นาจหนา๎ ทตี่ ามขอ๎ ใด 1. อํานาจอธิปไตย 2. อํานาจนิตบิ ัญญัติ 3. อํานาจบรหิ าร 4. อํานาจตลุ าการ 11. วนั อาสาฬหบชู า เปน็ วันสาํ คญั ทางพระพุทธศาสนาตามขอ๎ ใด 1. วนั ประสูติ ตรัสรู๎ ปรินิพพาน 2. วนั ถวายพระเพลิงพระพทุ ธสรีระ 3. วันทพ่ี ระพทุ ธเจ๎าทรงแสดงโอวาทปาฏโิ มกข๑ 4. วันที่พระพุทธเจ๎าทรงประกาศพระพทุ ธศาสนา 12. บุคคลใดทีพ่ ระพุทธเจ๎าตรัสรู๎แลว๎ ได๎เสดจ็ ไปเทศนาธรรมเป็นคนแรก 1. ป๓ญจวคั คีย๑ 2. ยสกุลบตุ ร 3. ชฎิล 3 พ่นี ๎อง 4. พระเจ๎าพิมพสิ าร 13. หลักธรรมใด บงํ บอกถึงสรรพสง่ิ ท่ีเกิดข้ึนมาบนโลกใบน้ียอํ มมคี วามไมํเทย่ี งแท๎ มีเกิดข้นึ ยํอมมี เสือ่ มไปเป็นธรรมดา 1. ไตรภูมิ 2. ไตรปิฎก 3. ไตรสกิ ขา 4. ไตรลกั ษณ๑
ระดบั ประถมศกึ ษา 14. ขอ๎ ใดไมํจัดอยูํในวัฒนธรรมที่สาํ คญั ของท๎องถน่ิ และของประเทศทีแสดงออกถึงความเป็นไทย 1. การพูด 2. อาหาร 3. การวง่ิ 4. การแตงํ กาย 15. ข๎อใดไมํจัดเป็นธรรมเนยี มประเพณี 2. การนอน 1. การทกั ทาย 4. การไหว๎ 3. การเดิน 16. บคุ คลใดทาํ ผดิ กฎหมายจราจรทางบกของประเทศไทย 1. แดง ขับรถแซงขวา 2. สวุ ิทย๑ วิ่งข๎ามทางม๎าลาย 3. ประกิจ เปดิ ไฟฉกุ เฉนิ ขณะรถเสยี บนถนน 4. ดาํ รง ขับรถมีส่งิ ลากถไู ปบนทางเดินรถ 17. การประดบั ธงชาติหนา๎ บา๎ นในวนั สาํ กญั ตําง ๆ เป็นการแสดงออกตามขอ๎ ใด 1. คุณธรรม 2. คารวธรรม 3. ปญ๓ ญาธรรม 4. สามัคคธี รรม 18. เมอ่ื เจอสัญญาณจราจรไฟกะพริบสีเหลอื งอําพนั ผูข๎ ับขจ่ี ะต๎องปฏบิ ัตดิ ามขอ๎ ใด 1. เตรียมตวั เคลื่อนรถ 2. เคล่อื นรถไปด๎วยความเรว็ 3. ลดความเร็วและขับผาํ นไปดว๎ ยความระมัดระวงั 4. หยดุ รถ ดจู นมน่ั ใจวําปลอดภยั ไมกํ ีดขวางทางจราจร 19. มรดกท่ีไมํได๎ทาํ พินยั กรรมไว๎ ทายาทใดไมมํ สี ทิ ธไ์ิ ดร๎ บั มรดก 1. บิดา มารดา 2. ปุู ยํา ตายาย 3. ลูก หลาน เหลน ลือ่ 4. คสํู มรสท่ีไมไํ ด๎จดทะเบียน 20. บุคคลใดมสี ิทธ์ิเลอื กต้ัง 1. โจล๎ กู ครงึ่ ไทย-เยอรมนั อายุ 18 ปี 2. โจ นกั ศกึ ษาชาวจนี ในประเทศไทย 3. โย อายุ 50 ปี เปน็ โรคประสาทอํอน ๆ 4. โอ อายุ 15 ปี และทาํ บัตรประจาํ ตัวประชาชนแล๎ว
ระดบั ประถมศกึ ษา การพฒั นาตนเอง ชุมชน สังคม จานวน 10 ข้อ 1. นาย ก ทํางานในตําแหนํงท่ีมเี ครียดสงู ดลอดเวลา แตเํ ม่ือมีเวลาวํางเขามกั จะเกํน กีฬาและพูดคยุ กับเพื่อนอยูเํ สมอ เพ่อื ทาํ ให๎ชวี ติ มคี วามสุข จากสถานการณ๑ นาย ก ยึดหลกั การพฒั นาตนเองในด๎านใด 1. สังคม 2. อารมณ๑ 3. สติปญ๓ ญา 4. บคุ ลกิ ภาพ 2. บุคคลใดมีสวํ นชํวยพฒั นาชุมชนน๎อยทส่ี ุด 1. นาย ก มีความเอ้ือเฟือ้ เผอ่ื แผํแกํคนในชุมชน 2. นาย ข มีความมุํงมน่ั ทํากิจกรรมในชุมชนทต่ี นสนใจ 3. นาย ค เป็นผ๎ชู ํวยในการทํากิจกรรมตาํ ง ๆในชมุ ชนทกุ กจิ กรรม 4. นาย ง มคี วามกระตอื รือรน๎ ในการทํากจิ กรรมของชมุ ชนท่ตี นเองมคี วามร๎ู 3. ชุมชนแหํงหน่งึ ใชแ๎ บบสอบถามเป็นเคร่อื งมือในการเกบ็ รวบรวมขอ๎ มลู ความคดิ เห็นตํอการใช๎ระบบประปา จากหวั หน๎าครอบครัว ซึ่งในแบบสอบถามประกอบด๎วย 1) จํานวนสมาชิกในกรอบครวั 2) ปรมิ าณการใช๎น้ํา ในแตํละวัน 3) ความพงึ พอใจในการใช๎ระบบประปา 4) ป๓ญหาและอุปสรรคทีพ่ บในการใชร๎ ะบบประปา จากสถานการณ๑ ข๎อมลู ในขอ๎ ใดมีความสําคญั นอ๎ ยทีส่ ดุ ในการนํามาใช๎ในการพัฒนาระบบประปา ของชมุ ชน 1. จาํ นวนสมาชิกในครอบครัว 2. ปรมิ าณการใช๎นํ้าในแตลํ ะวัน 3. ความพงึ พอใจในการใช๎ระบบประปา 4. ป๓ญหาและอปุ สรรคท่ีพบในการใช๎ระบบประปา
ระดับประถมศึกษา 4. ชุมชนแหงํ หนง่ึ มีโครงการท่จี ะลดจํานวนเด็กขาดสารอาหาร จงึ มอบหมายใหอ๎ าสาสมัครสาธารณสุข ประจําชุมชนออกให๎คําแนะนําเรือ่ งโภชนาการ และดูแลเด็กในโครงการเปน็ ระยะเวลา 1 ปี จากสถานการณ๑ ข๎อใดเป็นข๎อมลู ทอ่ี าสาสมคั รไมตํ ๎องสาํ รวจอยํางตอํ เนื่อง 1. นา้ํ หนกั – สํวนสงู 2. สาเหตุของการขาดสารอาหาร 3. ประเภทของอาหารท่ีรับประทาน 4. พฤติกรรมในการรับประทานอาหาร 5. ชมุ ชนแหํงหนึ่งมโี ครงการติดตั้งกล๎องวงจรปิดให๎ครอบคลุมทกุ พื้นทีใ่ นชมุ ชน ในการกาํ หนด งบประมาณต๎องมขี ๎อมูลจํานวนกลอ๎ ง และระยะหาํ งของการตดิ ต้งั กลอ๎ งในแตลํ ะจุด จากสถานการณ๑ จะตอ๎ งใช๎วธิ ีการใดเพอ่ื ใหไ๎ ดข๎ อ๎ มลู ตรงตามความต๎องการ 1. การสงั เกต 2. การสาํ รวจ 3. การสอบถาม 4. การสมั ภาษณ๑ 6. นาย ก ตอ๎ งการสมั ภาษณ๑ผนู๎ ําชมุ ชนใกล๎เคียงเพือ่ นาํ แนวคดิ มาใช๎ในการวางแผนพัฒนาชมุ ชน ของตนเอง จงึ ได๎สงํ ประเดน็ การสัมภาษณไ๑ ปยังผ๎ใู ห๎สมั ภาษณ๑ลวํ งหนา๎ จากสถานการณ๑ เป็นขัน้ ตอนใดของการสมั ภาษณ๑ 1. การเตรยี มการ 2. การดําเนินการ 3. การบันทกึ ข๎อมูล 4. การตรวจสอบขอ๎ มูล 7. ข๎อใดกลําวถกู ต๎องเกีย่ วกบั การจัดทําแผนพัฒนาชุมชน 1. เพอ่ื แก๎ไขปญ๓ หาบางป๓ญหา 2. เปน็ หนา๎ ท่ีของผ๎นู ําชุมชนเทํานั้น 3. จะทําเม่ือเกิดป๓ญหาข้นึ ในชมุ ชน 4. มขี ้นั ตอนทชี่ ดั เจนและตรวจสอบได๎
ระดบั ประถมศกึ ษา 8. คณะกรรมการชมุ ชนต๎องการทราบป๓ญหาทเ่ี กิดขนึ้ ในชุมชนเพือ่ นําไปเป็นข๎อมลู ในการวางแผน การพัฒนา จึงไดส๎ ับภาษณห๑ ัวหนา๎ ครอบครวั ในฐานะท่เี ป็นสมาชิกของชุมชน จากสถานการณ๑ หวั หน๎ากรอบครวั ตอ๎ งปฏิบัติตนตามขอ๎ ใด 1. รํวมกาํ หนดประเดน็ ในการสมั ภาษณ๑ 2. วเิ คราะหข๑ อ๎ มลู ท่ีไดจ๎ ากการสัมภาษณ๑ 3. ใหข๎ อ๎ มลู ทต่ี รงกบั ความเป็นจรงิ อยํางครบถ๎วน 4. พูดคยุ เพ่ือทาํ ความเข๎าใจกับหัวหนา๎ ครอบครวั ที่อยใูํ กล๎เคยี ง 9. ข๎อใดไมใํ ชกํ ารนําแผนการพฒั นาตนเองไปใชอ๎ ยํางถกู ตอ๎ ง 1. การประเมนิ ผลจากการใช๎แผน 2. การนาํ แผนทป่ี ระสบความสําเร็จมาประยุกต๑ใช๎ 3. การเผยแพรํผลการใชแ๎ ผนท่ปี ระสบความสาํ เรจ็ 4. การนําแผนของคนอื่นมาใชแ๎ กป๎ ๓ญหาของตนเอง 10. ผ๎ูนาํ ชุมชน คัดเลือกหัวหน๎าครอบครวั จาํ นวน 10 ครอบครัวเข๎ามาเปน็ คณะกรรมการ ในการตรวจสอบการดาํ เนินงานโครงการกํอสรา๎ งลานกีฬาตา๎ นยาเสพตดิ จากสถานการณ๑ ผู๎นําชุมชนใชห๎ ลกั การมีสวํ นรํวมในขอ๎ ใด 1. การให๎ข๎อมลู ขาํ วสาร 2. การรบั ฟ๓งความคดิ เห็น 3. การเปิดโอกาลให๎รวํ มปฏบิ ตั ิ 4. การเสรมิ อํานาจในการตดั สนิ ใจ
ระดบั ประถมศกึ ษา สาระทักษะการเรยี นรู้ จานวน 30 ข้อ 1. ข๎อใดไมํใชคํ วามสําคัญของการเรียนร๎ูด๎วยตนเอง 1. สามารถพ่ึงพิงผอู๎ ่ืนไดด๎ ี 2. มคี วามรบั ผิดชอบในการเรียนรู๎ 3. มแี รงจงู ใจและความตง้ั ใจในการเรยี นรู๎ 4. สามารถปรับตัวในการเปล่ียนแปลงทเี่ กดิ ข้นึ ไดด๎ ี 2. หากสนใจการเรียนรูด๎ ว๎ ยตนเอง ควรปฏบิ ัติตามขอ๎ ใด 1. เรียนรู๎ด๎วยตนเองตามหัวขอ๎ ท่ีครูกําหนด 2. ศกึ ษาค๎นคว๎าด๎วยตนเองตามลาํ พงั โดยไมํพ่ึงพาครู 3. รับผิดชอบในการเรียนร๎ูดว๎ ยตนเองโดยไมํปรึกษาผอ๎ู ืน่ 4. หาความสนใจ คน๎ คว๎า และประเมนิ ผลดว๎ ยตนเองหรือผอู๎ น่ื 3. ขอ๎ ใดกลําวถึงการกําหนดเปาู หมายการเรยี นรดู๎ ว๎ ยตนเองไมํถูกตอ๎ ง 1. ควรมคี วามตอํ เนือ่ ง 2. ควรคาํ นงึ ถงึ เปูาหมายในการศกึ ษา 3. ควรมเี ปูาหมายระยะยาวและระยะสั้น 4. ควรมเี ปูาหมายทีส่ ามารถปรับเปล่ยี นได๎เสมอ 4. หากตอ๎ งการวางแผนการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง คําถามแรกทคี่ วรถามตนเอง คอื ข๎อใด 1. สนใจเรียนร๎ูเรือ่ งอะไร 2. มหี นังสอื หรือแหลํงเรียนรูอ๎ ะไร 3. วิธีประเมนิ ผลการเรียนรเ๎ู ป็นอยํางไร 4. จุดมุงํ หมายในการเรยี นรเ๎ู ป็นอยํางไร 5. หากต๎องการแสวงหาความรด๎ู ว๎ ยตนเอง ส่งิ ทไ่ี มํจําเปน็ ตอ๎ งฝึกฝนคอื ขอ๎ ใด 1. ทักษะการเขียนเรียบเรียง 2. นสิ ยั รกั การอํานและการจดจํา 3. การคน๎ คว๎าหาความร๎จู ากหนงั สือ 4. ทกั ษะการค๎นหาคาํ ตอบจากคาํ ถามตําง ๆ
ระดับประถมศึกษา 6. ผู๎เรียนทีม่ อี ัตมโนทัศนใ๑ นการเปน็ ผ๎ูเรียนที่มีประสิทธภิ าพ คือข๎อใด 1. มีความมัน่ ใจในการเรยี นรู๎ดว๎ ยตนเอง 2. มีทักษะการฟ๓ง อาํ น เขียน และจดจาํ 3. มคี วามสนใจในการเรียนรมู๎ ากกวาํ ผอ๎ู ่ืน 4. มคี วามชน่ื ชอบตอํ การมีสํวนรํวมในการเรยี นรู๎ 7. ขอ๎ ใดไมํใชทํ กั ษะพ้นื ฐานทางการศกึ ษาหาความร๎ูทที่ าํ ใหป๎ ระสบความสําเร็จในการเรยี นรู๎ด๎วย ตนเอง 1. ฟง๓ 2. พดู 3. อาํ น 4. เขยี น 8. ความสาํ คญั ของแหลงํ เรียนรูต๎ ลอดชวี ติ คือขอ๎ ใด 1. ชวํ ยเปลี่ยนทศั นคติและคาํ นยิ มของผ๎ูเรียน 2. ชํวยให๎ผเู๎ รยี นสามารถเรียนร๎ูด๎วยตนเองได๎ตลอดเวลา 3. มเี นื้อหาสาระชวํ ยยกระดับความทะเยอทะยานของผูเ๎ รียน 4. สร๎างความสมั พันธ๑อนั ดีระหวํางคนในท๎องถิ่นกับผ๎ูเขา๎ ศกึ ษา 9. ขอ๎ ใดเป็นความสําคัญในการพฒั นาคณุ ภาพของมนษุ ย๑ จากแหลงํ เรียนรู๎ที่ทาํ ให๎ผู๎เรียนเกดิ การ ยอมรับส่ิงใหมํ 1. ชํวยเปลี่ยนทศั นคติ 2. เป็นสื่อในการเรียนรู๎ 3. ชํวยสํงเสรมิ การเรียนรู๎ 4. ประหยดั เงินของผูเ๎ รียนร๎ู 10. ปราชญช๑ าวบา๎ นเปน็ แหลงํ เรียนรป๎ู ระเภทใด 1. บกุ คล 2.ธรรมชาติ 3. วัตถแุ ละสถานท่ี 4. เทคนิคส่ิงประดิษฐ๑คดิ กน๎
ระดับประถมศกึ ษา 11. โกรงการ \"สงํ เสริมการขบั ขป่ี ลอดภยั เปดิ ไฟและใสํหมวก\" เพือ่ ลดจาํ นวนอุบัตเิ หตใุ นหมบูํ า๎ น เปน็ แหลงํ เรียนรปู๎ ระเภทใด 1. ส่อื 2. บุคคล 3. กิจกรรม 4. วตั ถุและสถานท่ี 12. ถ๎าต๎องการเรียนร๎ูวิธกี ารขายของออนไลน๑ ควรเลือกขอ๎ มูลจากแหลํงใด 1. ศนู ยก๑ ารเรยี นรชู๎ มุ ชน 2. เพอ่ื นท่ีขายของออนไลน๑ 3. เวบ็ ไซต๑กระทรวงอุตสาหกรรม 4. ครูผู๎สอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ 13. ถ๎าต๎องการสบื กน้ั ด๎วยต๎บู ัตรรายการ เรือ่ ง \"เศรษฐกิจพอเพยี งกบั ยุทธศาสตร๑ Thailand 4.0\" ควรเลือกหมวดหมหํู นังสอื ในระบบทดศนิยมของดวิ อ้ีในข๎อใด 1. 100 ปรัชญา 2. 300 สังคมศาสตร๑ 3. 600 วิทยาศาสตรป๑ ระยุกตแ๑ ละเทคโนโลยี 4. 900 ประวัตศิ าสตร๑และภูมิศาสตร๑ 14. ขอ๎ ใดไมใํ ชํประโยชน๑การจัดการความรข๎ู ององค๑กร 1. บรรลุเปูาหมายในการพฒั นาผ๎นู ําองค๑กร 2. เพิ่มศกั ยภาพในการแขงํ ขนั และความอยรํู อดใหอ๎ งค๑กร 3. ปูองกนั การสูญหายของภูมิป๓ญญาในกรณีทบี่ ุคลากรเกษยี ณอายุ 4. สามารถหาวิธีแกไ๎ ขได๎ทนั ทํวงทีเม่ือพบขอ๎ ผิดพลาดจากการปฏิบตั งิ าน 15. ข๎อใดคอื การจัดการความร๎ู 1. ตัง้ เปูาหมายการพัฒนายอดขายของตนเองเพือ่ นําไปสํกู ารพัฒนาองค๑กร 2. สอนวิธกี ารปลูกและขายตน๎ ไม๎มงคลขนาดเล็กใหค๎ นในชุมชนเพอ่ื เพ่มิ รายได๎ 3. จดั เอกสารและข๎อมลู ของตนเองให๎เป็นระเบียบเพือ่ สะดวกตอํ การให๎งาน 4. นําความรู๎เก่ยี วกบั การขายของออนไลนท๑ ่ีไดจ๎ ากการอบรมมาแบงํ ป๓นให๎เพ่ือนที่สนใจ
ระดับประถมศึกษา 16. การขจัดบรรยากาศให๎ทุกคนกลา๎ คดิ กล๎าทํา มีวัฒนธรรมการคดิ ท่ีสรา๎ งสรรค๑เป็นกระบวนการ จัดการความร๎ูในขน้ั ตอนใด 1. การแบงํ ป๓นแลกเปลีย่ นความรู๎ 2. การสรา๎ งและแสวงหาความรู๎ 3. การจัดความรู๎ให๎เปน็ ระบบ 4. การเข๎าถงึ ความรู๎ 17. ผู๎เรยี นสืบคน๎ วิธกี ารปลกู และชํองทางการจดั จาํ หนํายกระบองเพชรจ๋วิ จากเว็บไซด๑เปน็ การก ทกั ษะจัดการความรด๎ู ๎วยตนเองขอ๎ ใด 1. การสงั เกต 2. การบนั ทกึ 3. การตง้ั คําถาม 4. การแสวงหาคาํ ตอบ 18. มณีเชญิ วิทยากรมาเลําประสบการณ๑การสงํ ออกสินคา๎ เกษตรแปรรูปไปตาํ งประเทศใหก๎ ลํมุ แมบํ า๎ นวิสาหกิจชมุ ชนฟ๓ง มณที ําหน๎าท่ีใดในการจัดการความร๎ู 1. คุณกิจ 2. คุณเอ้ือ 3. คุณลิขติ 4. คุณอํานวย 19. ข๎อใดเป็นวิธกี ารจดั ทําสารสนเทศองค๑ความรูท๎ ่ีเหมาะสมตํอการพัฒนาพนักงานใหมํของร๎าน สะดวกซื้อ 1. สร๎างเว็บเพจรา๎ นค๎าให๎สามารถเข๎าถึงขอ๎ มูลได๎งาํ ย 2. แลกเปล่ียนความรูก๎ อํ นเริม่ ปฏิบัตงิ าน 3. บันทึกการปฏบิ ัติงานประจําวัน 4. จดั ทําคมูํ อื การปฏิบัติงาน
ระดบั ประถมศึกษา 20. มนษุ ย๑ทุกคนเกดิ มาตํางกนั มที ่ีมาตํางกัน ตาํ งสงั คมกนั แตํสุดทา๎ ยแลว๎ ทกุ คนก็ล๎วนอยากมีชวี ติ ทมี่ คี วามสุขท้ังนนั้ ดงั นน้ั เราตอ๎ งแสวงหาวิธีการใดก็ได๎ท่ีทําใหต๎ วั เรามคี วามสขุ ที่สดุ จากขอ๎ ความขา๎ งตน๎ สอดคล๎องกับปรัชญาการคดิ เป็นทางการศกึ ษาผู๎ใหญํถกู ต๎องหรือไมํ ตามข๎อใด 1. ไมํถกู ตอ๎ ง เพราะมนุษยท๑ ุกคนคดิ มาแตกตํางกันไมมํ ที างทจี่ ะมีเปูาหมายในชีวติ ท่ี เหมือนกนั 2. ถูกต๎อง เพราะมนษุ ย๑ทุกคนเกิดมาแตกตาํ งกันและมีวธิ แี สวงหาคําตอบในชีวิตที่แตกตาํ ง กันแตลํ ะ บคุ คล 3. ไมถํ ูกตอ๎ ง เพราะมนุษยล๑ ว๎ นได๎รับการเรียนรู๎เหมอื นกนั จึงมีเปูาหมายในชวี ิตทเ่ี หมือนกนั ถึงการมี ความสุขในชีวิต 4. ถกู ตอ๎ ง เพราะมนุษย๑ทุกคนมเี ปาู หมายสําคัญในชีวติ ถอื การมีความสุขในชีวิตเหมอื นกนั แตคํ วรได๎รบั การศึกษาแบบเดียวกนั 21. บุคคลใดปฏิบตั คิ นตามปรัชญาการคดิ เป็น 1. อาทิตย๑ แสวงหาโรงเรยี นท่ีดที ่สี ดุ ใจไหก๎ ับลูกเพราะเชือ่ วาํ ลูกจะไดม๎ สี ังคมท่ีดีในอนาคต 2. นาตาลี เลอื กทีจ่ ะคบหากับเพอื่ นทม่ี ีฐานะดีเพราะเชือ่ วําเพ่อื นจะชวํ ยเหลือเราให๎มี ความสขุ ได๎ 3. กานดา เชอื่ วําถา๎ จะเลอื กซอ้ื บ๎านต๎องเลือกอบในชุมชนทคี่ ิดวาํ ตนเองสามารถอยรํู ํวมกับ เพอ่ื นบ๎าน ไดเ๎ ทํานน้ั 4. ธนชัย พยายามปรบั ตนเองใหเ๎ ข๎ากบั สภาพแวดล๎อมและเพอื่ นรวํ มงานของหนวํ ยงาน ใหมํท่เี พง่ิ ยา๎ ย ไปบรรจุ 22. ดาํ รงประกอบอาชีพรับซํอมจักรยาน ในชุมชนนิคมพฒั นามากวํา 10 ปี ป๓จจบุ ันเรมิ่ มลี ูกค๎า น๎อยลงเนื่องจากมีร๎านขายจักรยานแหงํ ใหมํมาเปิดใกล๎เคยี งกนั และลูกค๎าตาํ งก็หันไปใช๎บริการ ร๎านจักรยานรา๎ นใหมํเพราะมีทง้ั บริการขาย และซํอม ขอ๎ มลู ใดทีค่ วรนาํ มาพจิ ารณาในการวางแผนการแกไ๎ ขปญ๓ หาทลี่ กู คา๎ น๎อยลง 1. พฤติกรรมการใชจ๎ กั รยานของกนในชุมชน 2. การสงํ เสรมิ การใชพ๎ ลงั งานธรรมชาติเพ่อื สิ่งแวดลอ๎ ม 3. เทคโนโลยีการสร๎างโครงจกั รขานนํ้าหนกั เบา 4. รายรบั ของกจิ การที่ลดตา่ํ ลง
ระดับประถมศกึ ษา 23. วิชญะพยายามหาเงินมาชําระหน้ีจากการก๎ูเงินนอกระบบด๎วยวธิ ีการตําง ๆ มากวํา 2 ปแี ตไํ มํ สามารถปลดหนไ้ี ด๎ หากวิชญะต๎องการแก๎ไขปญ๓ หาดังกลําว การเร่ิมทําส่งิ ใดกํอนและหลังตามขน้ั ตอน ของกระบวนการคดิ เป็น 1. สาํ รวจยอดหนี้สินทัง้ หมด หาสาเหตทุ ่ที ําให๎เปน็ หน้ี อํานกฎหมายตําง ๆเพื่อปูองกัน ตัวเองจากการ ถูกทวงหนสี้ นิ 2. หาลาเหตทุ ี่ทําใหเ๎ ปน็ หน้ี แสวงหาชํองทางสร๎างรายไดเ๎ พ่มิ เติม ย่ืนกูส๎ นิ เชื่อธนาคาร พาณชิ ย๑ 3. ศึกพาอตั ราดอกเบย้ี สินเชอื่ ของธนาคารพาณชิ ย๑ ย่ืนกูส๎ นิ เช่อื ธนาคารพาณิชย๑พยายาม หารายได๎เพิ่ม เดมิ 4. สํารวจยอดหนส้ี นิ ทง้ั หมด ยื่นกส๎ู ินเชือ่ ธนาคารพาณิชย๑ หารายไดเ๎ พ่ิมเตมิ 24. ชมุ ชนสันติสขุ ประสบป๓ญหาผูช๎ ายในหมํบู ๎านนิยมดื่มสรุ าในชํวงค่ํา หลงั กลับจากการทํางานใน ไรแํ ละทาํ รา๎ ยรํางกายคนในครอบครวั และเด็กภายในชุมชนอยํูเสมอๆ ผน๎ู ําชุมชนจะมแี นวทาง ปฏบิ ัตอิ ยาํ งไรท่ีระท๎อนกระบวนการคิดเปน็ เพื่อแกไ๎ ขป๓ญหานี้ 1. ออกกฎห๎ามไมํใหม๎ กี ารจาํ หนํายสุราในชุมชน 2. จดั ประชมุ ชาวบา๎ นเพอ่ื ระดมความคดิ เหน็ ในการแก๎ไขปญ๓ หาและสรา๎ งกฎเกีย่ วกับการ จําหนาํ ยสุรา ในชมุ ชน 3. ขอคาํ ปรกึ ษาจากเจ๎าหนา๎ ทีโ่ รงพยาบาลประจําตําบล และ สนบั สนนุ ใหโ๎ รงพยาบาล ออกมาให๎ ความรูก๎ บั ชาวบา๎ น 4. จัดประชมุ ชาวบา๎ น ตํารวจและเจ๎าหนา๎ ทสี่ าธารณสุข เพอ่ื สดป๓ญหาความรุนแรงตํอเด็ก และสตรใี น ชมุ ชน 25. การวิจัยในข๎อใดไมถํ กู ตอ๎ ง 1. การฝึกทําวจิ ยั บําย ๆ ทําให๎ตนเองกลายเป็นคนกระตือรือรน๎ สงสัยใครรํ ู๎ 2. การทําวิจยั ชํวยฝกึ การคดิ เป็น และใช๎เหตุผลประกอบการตัดสินใจสง่ิ ตําง ๆ ในชวี ติ 3. การทําวจิ ยั บํอย ๆ จะทําใหต๎ ามารถทาํ นายอนาคตจากสมมุติฐานและการคิดของตนเอง 4. การทําวิจยั บอํ ย ๆ สามารถจดบนั ทกึ สังเกต และเขียนเรยี บเรียงขอ๎ มูลไดด๎ ี
ระดับประถมศึกษา 26. ผูอ๎ ํานวยการโรงพยาบาลสํงเสริมสุขภาพประจาํ ตําบล ทบวําคนในชมุ ชนไมชํ อบมา โรงพยาบาล เมอ่ื เรมิ่ มีอาการปุวยหนกั จะใช๎บริการหมอพน้ื บา๎ นและหมอผี และจะมาโรงพยาบาล เม่อื อาการวิกฤตแลว๎ เทาํ น้ัน การแก๎ไขป๓ญหาเรอ่ื งดังกลําวแบบคนท่ี \"คิดเปน็ \" ตอ๎ งอาศัยข๎อมูลใด 1. ความถีใ่ นการเจบ็ ปวุ ยของคนในชมุ ชน จาํ นวนหมอข้ึนบ๎าน หมอผใี นชุมชนโรคที่ ชาวบ๎านปุวยบอํ ย 2. โรคทีช่ าวบ๎านปวุ ยบํอย ความเช่ือเร่ืองการรกั ษาโรคของชาวบา๎ น คาํ ใช๎จํายในการ เดนิ ทางมา โรงพยาบาล 3. ทัศนคตขิ องชาวบ๎านตํอการมาโรงพยาบาล โรคท่ีซาวบ๎านปวุ ยบอํ ย! นาทางการ ให๎บรกิ ารสงํ เสริม สขุ ภาพของโรงพยาบาล 4. ความเชือ่ เรอื่ งการรักษาโรคของซาวบ๎าน คําใช๎จํายในการเดนิ ทางมาโรงพยาบาลทศั นก ตขิ อง ชาวบา๎ นตอํ การมาโรงพยาบาล 27. ขอ๎ ใดคอื การใช๎กระบวนการวิจัยเพอื่ หาคําตอบวําระหวาํ งดนิ ผสมปุย๋ คอก กบั ดนิ ผสมป๋ยุ หมกั ดนิ ชนิดใดจะทําให๎ตน๎ มะนาวออกลูกได๎ดที ่ีสุด 1. เปิดตาํ ราสบื ค๎นเอกสารงานวิจัยทเี่ กีย่ วข๎องกบั จํานวนสารอาหารและแรํธาตตุ ํางๆในดนิ 2. สอบถามเกษตรอาํ เภอเร่อื งปุย๋ ที่เหมาะสมกับการปลกู มะนาว 3. สืบค๎นขอ๎ มลู ทางอนิ เทอรเ๑ น็ตเก่ยี วกบั จุดเดํนของปุยแตํละชนิด 4. นาํ ดินท้ัง 2 ชนดิ มาใสํไว๎ในกระถางแลว๎ ปลกู ต๎นมะนาว สังเกตการเจริญเตบิ โต 28. ขน้ั ตอนสุดท๎ายของกระบวนการวจิ ยั เพือ่ หาคําตอบคอื ข๎อใด 1. จดบันทึกผลการเจริญเติบโตของตน๎ คะหา๎ ท่ีใสปํ ๋ยุ ตํางชนดิ กนั ลงในแบบบนั ทกึ ผลการวิจัย 2. สร๎างแบบสอบถามความเห็นของครูเกีย่ วกับเรือ่ งการเรียนการสอนหลงั ชวํ งสถานการณ๑ แพรํระบาด โรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) 3. เขียนรายงานการวิจยั เรื่อง พฤตกิ รรมการเรยี นออนไลน๑ของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เสนอผอ๎ู าํ นวยการ 4. นําเสนอผลการสอบถามความเห็นของผูป๎ กครองเรอื่ งอาชพี ยอดนยิ มในอนาคตของนัก เวียนชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลายตอํ ผ๎อู ํานวยการ
ระดับประถมศึกษา 29. ข๎อใดอธิบายขั้นตอนการวจิ ยั อยํางงํายได๎ถูกต๎อง 1. ตัง้ คาํ ถามวิจยั คือ ข้นั ตอนแรกสุดของการวจิ ยั เพราะจะทาํ ให๎ทราบวาํ เราจะวจิ ยั ไป ทาํ ไม 2. เลอื กวิธกี ารหาคําตอบ คอื ข้นั ตอนแรกสดุ ของการวจิ ัย เพราะจะทําให๎ทราบวาํ เราจะ หาคาํ ตอบ อยาํ งไร 3. ขอ๎ สรุปผลการวิจยั คอื ขั้นตอนสุดทา๎ ยของการวจิ ัย เพราะเป็นการรายงานผลท่เี กิดข้ึน จาก กระบวนการวจิ ัย 4. บันทกึ ผลการวิจัย คอื ขัน้ ตอนสุดทา๎ ยของการวิจัย เพราะเปน็ การบนั ทกึ ผลตาํ ง ๆ ที่ เกดิ ขึ้นจาก กระบวนการวจิ ัย 30. ขนั้ ตอนการวจิ ยั ขอ๎ ใดกลาํ วไดถ๎ กู ต๎องท่ีสดุ 1. รูปเลมํ รายงานผลการวิจยั เป็นข้นั ตอนทจี่ ะจดั ทําหรือไมกํ ็ไดเ๎ พราะเปน็ กระบวนการวิ ภัยมีขั้นตอน ท่กี ารสรุปผลการวิจยั แล๎ว 2. ต้ังคําถามวจิ ัย เป็นข้นั ตอนแรกเพราะหากไมมํ ีคําถามวิจัยจะไมํสามารถแสวงหาวิธีการ และคาํ ตอบได๎ 3. เลือกวิธีการหาคาํ ตอบการวจิ ัย เป็นขน้ั ตอนท่ีสําคญั ท่สี ดุ เพราะจะได๎ทราบวธิ ีการเกบ็ รวบรวมขอ๎ มูล 4. สร๎างเครอื่ งมือวจิ ยั เป็นขัน้ ตอนแรกของการวิจัยเพราะเป็นเครื่องมอื สาํ คญั ในการได๎มา ซึ่งขอ๎ มูล
ระดับประถมศึกษา สาระการประกอบอาชีพ จานวน 40 ข้อ ช่องทางการเข้าส่อู าชพี จานวน 10 ขอ้ 1. อาชีพทีต่ อ๎ งพ่ึงพาลักษณะภมู ปิ ระทศและภูมิอากาศ มากที่สุดถึงข๎อใด 1. ทาํ ไรํชา 2. ทาํ ฟาร๑มกุ๎ง 3. ทาํ สวนลําไย 4. รับจ๎างดกแตํงสวน 2. นพพรผลติ ยาสีฟ๓นผสมสมนุ ไพรจาํ หนําย และต๎องการมคี วามมั่นกงในอาชีพ จากสถานการณ๑ สิ่งสาํ กญั ทีส่ ุดทีน่ พพรตอ๎ งปฏิบตั คิ ือข๎อใด 1. วางแผนโฆษณาโดยใชด๎ าราท่มี ชี ื่อเสียง 2. จดั ทําระบบบญั ชรี ายรับ-รายจํายใหเ๎ ป็นป๓จจบุ ัน 3. ปรับปรงุ แผนการจาํ หนํายอยํูเกมอ 4. ปรับเปลย่ี นสูตรสวํ นผสมยาสฟี น๓ บอํ ย ๆ 3. บุคคลในขอ๎ ใดประกอบอาชพี ท่ีแสดงถึงการมีจรรยาบรรณตํอผบู๎ รโิ ภคมากที่สดุ 1. มานี หารายได๎เสริมโดยทาํ อาหารบรรจกุ ลํองพลาสตกิ ขาย 2. พรประกาย ซอื้ เน้ือหมูคละแบบขายสํง งาทาํ หมูกระทะจําหนําย 3. ปานทิพย๑ ลดรากาขนมเคก๎ หลงั เวลา 16.00 น. เพื่อขายให๎หาดใน 1 วนั 4. มานะ หารายได๎เริมโดยนาํ งาหารทข่ี ายเหลอื ตอนเยน็ มาอุํนขายตอนเชา๎ 4. ข๎อใดเป็นการกระทําที่สํงผลตํอการอนุรกั ษส๑ งิ่ แวดกอ๎ ม 1. ไมจํ ับปลาในฤดวู างไขํ 2. เลิกรับประทาน หกู ลาม 3. ใชต๎ าขําย ดาถี่ ๆ จับปลา 4. งดใช๎เส้อื และหมวกที่ผลติ จากขนสัตว๑
ระดบั ประถมศกึ ษา 5. บุกกลในข๎อใดมอี าชีพเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด 1. อาร๑ เป็นคนบา๎ นเชียง อุดรธานีไปเปน็ นักร๎อง 2. เดยี ร๑ ขายผา๎ ไทยอยูํท่อี ําเภอนาขํา อุดรธานีบ๎านเกิด 3. สมพิศ หมอนวดแผนไทย ไปทํางานนวดแผนไทยที่ตํางประเทศ 4. สชุ าติ เป็นชํางปูน อยูํในทีมกอํ สร๎าง ของบรษิ ัทรับเหมาที่มงี านท่ัวประเทศ 6. ขอ๎ ใดไมํใชอํ าชพี ที่เกิดจาก การวิเคราะหท๑ รพั ยากรในชมุ ชน 1. การทํานาเกลือ 2. การเพาะเลี้ยงใส๎เดอื นดิน 3. การผลติ เครอื่ งป้๓นดนิ เผา 4. การทําโรงงานผลติ ถังนํ้าพลาสตกิ 7. ขอ๎ ใดไมํใชํสินคา๎ ที่เกดิ จากการแปรรูป เพอ่ื เพ่มิ มลู คาํ 1. กะปิ 2. ปลารา๎ 3. ขา๎ วไรซ๑เบอร๑รี่ 4. นมอัลมอนด๑ 8. ผ๎ูท่ีเลือกอาชีพ \"คร\"ู ควรมีคุณลกั ษณะตามข๎อใด 1. หนา๎ ตาและบคุ ลกิ ดี 2. รัก และมีจติ เมตตา 3. พดู จาไพเราะ น้าํ เสยี งชวนฟง๓ 4. ม่ันใจในตนเองสงู กลา๎ ตัดสนิ ใจ 9. แผนผังวฏั จักรข้นั ตอนหมายเลขใด เป็นความสําเรจ็ ของกระบวนการ \"การตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี \" 1.7 2. 9 3.10 4. 11 10. ขอ๎ ใดที่มผี ลตํอการตัดสินใจ เลอื กอาชีพเกษตรกรน๎อยทส่ี ุด 1. ภูมิอากาศในพนื้ ท่ีนนั้ ๆ 2. ภูมปิ ระเทศ และทําเลที่ต้ัง 3.วิถีชีวติ ดัง้ เดิม และประเพณี 4. ความรู๎ ความสามารถ ภูมิปญ๓ ญา
ระดับประถมศึกษา ทกั ษะการประกอบอาชีพ จานวน 20 ข้อ 1. พนกั งานตดั เย็บโรงงานเสื้อผา๎ เปน็ อาชีพดา๎ นใด 1. ราชการ 2. รัฐวสิ าหกจิ 3. การบรกิ าร 4. การผลิต 2. อาํ นวยเปน็ เกษตรกร เขา๎ ฟง๓ การบรรยายเกยี่ วกับเทคโนโลยใี หมํ ๆ ทน่ี าํ มาใชใ๎ นการเกษตร จาก สาํ นกั งานเกษตรจงั หวดั เป็นประจาํ จัดเปน็ คุณลักษณะสําคญั ของการจัดการอาชพี ดา๎ นใด 1. ความรอบร๎ู 2. ความชอ่ื สัตย๑ 3. ความรับผดิ ชอบ 4. ความคิดสรา๎ งสรรค๑ 3. ชูใจต๎องการเปดิ ร๎านผลิตและจําหนาํ ยขนมป๓งไสต๎ าํ ง ๆ ควรเขา๎ รับการฝกึ อบรมขนมป๓งจาก แหลงํ เรียนรูใ๎ ด 1. สํานักงานทด่ี นิ จงั หวัด 2. สํานักงานปศุสตั ว๑จังหวัด 3. สํานกั งานสาธารณสุขจังหวดั 4. สํานกั งานพฒั นาฝมี อื แรงงานจังหวดั 4. นาํ้ ผงึ้ ชอบทํางานฝมี อื มคี วามสนใจพบั ริบบนิ้ หํอเหรียญโปรยทานจาํ หนําย แตํยังไมํเคยทาํ มา กอํ น ควรวางแผนการฝกึ อาชีพของดนอยํางไรเปน็ ลาํ ดับแรก 1. ตดิ ตอํ ร๎านอุปกรณง๑ านฝีมอื เพ่อื วางจําหนาํ ย 2. บรจิ าคริบบ้นิ หอํ เหรยี ญโปรยทานเพื่อใช๎ในงานพธิ ีตําง ๆ ให๎วัดใกล๎บา๎ น 3.รบั ทาํ ริบบ้นิ หอํ เหรียญโปรยทานโดยทําการประชาสัมพนั ธผ๑ าํ นชํองทางตําง ๆ 4. เรยี นรกู๎ ารพบั ริบบิน้ หอํ เหรยี ญโปรยทานด๎วยตนเองจากคลิปวิดโี อท่ีเผยแพรทํ าง อนิ เทอร๑เนต็
ระดับประถมศกึ ษา ใช้สถานการณ์ตอ่ ไปน้ี ตอบคาถามขอ้ 5 - 4 แก๎วตาสาํ เรจ็ การศึกษาดา๎ นอาหาร มีความชอบและความถนดั ในการทําขนมอบประเกทตาํ ง ๆ ตํอมาได๎รบั มรดกจากญาติเปน็ ห๎องแถว 1 ดหู า อยูํใกลโ๎ รงเรียนมัธยมศกึ ษาขนาดใหญํ และสถานท่ี ราชการหลายแหํง บริเวณถนนหนา๎ ห๎องแถวมกี ารจราจรหนาแนนํ ทําให๎ได๎รับมลพิษจากควันรถ 5. ขอ๎ ใดเป็นจดุ แข็ง (S) ของแกว๎ ตาจากการวิเคราะห๑ด๎วยเทคนิค SWOT 1. มลพษิ จากกวันรถ 2. ความถนดั ในการทําขนมอบ 3. ห๎องแถวอยใูํ กล๎กับสถานที่ราชการ 4. ห๎องแถวอยใํู กลก๎ ับโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญํ 6. แก๎วตาควรลงทุนทําอาชีพใดท่เี หมาะสมกบั ความร๎ูความสามารถของตนในห๎องแถวที่ไดร๎ บั มรดก 1. ขายห๎องแถว 2. ทาํ หอพกั ใหน๎ ักเรียนเชํา 3. เปิดร๎านขายขนมปง๓ ชนิดตํางๆ 4. รับสอนพิเศษวิชาภาษาอังกฤษ 7. ข๎อใดคือเปูาหมายในการประกอบอาชพี เปิดร๎านขายอาหารตามสง่ั ในบรเิ วณประชาชนให๎ความ ใสํใจกับสขุ ภาพ 1. จ๎างพนักงานล๎างจานเพิ่ม 1 คน 2. ใชผ๎ ักปลอดสารพิษในการประกอบอาหาร 3. ขายอาหารตามสั่งทกุ วัน ตั้งแตํ 8.00 น.ถึง 20.00 น. 4. กําไรจากการจําหนํายอาหารตามสงั่ วนั ละไมํตํ่ากวํา 500 บาท 8. ข๎อใดเป็นพนั ธกิจของร๎านขายอาหารอสี าน 1. ขยายสาขาเพ่มิ อกี 1 สาขา ภายในปี 2565 2. ขายอาหารอีlนานแบบน่งั ทานทรี่ ๎านและสงํ ถงึ บ๎าน 3. ลดราคาอาหาร 5% ให๎กับลกู ค๎าท่สี งั่ เมนูแนะนาํ ของรา๎ น 4. จดั ทําเอกสารประชาสัมพนั ธร๑ า๎ นไปแจกตามสถานทรี่ าชการ
ระดับประถมศกึ ษา 9. ข๎อใดเป็นการใช๎เทคโนโลยรี ะดับต่าํ ในการทําขนมลูกชบุ 1. กวนถ่ัวด๎วยกระทะทองเหลอื ง 2. บดถว่ั เขยี วด๎วยเครื่องบดไฟฟาู 3. ละลายผงวุ๎นสําหรบั เคลอื บขนมด๎วยเตาแก๏ส 4. คาํ นวณตน๎ ทุนการผลติ ถกู ชุบดว๎ ยโปรแกรมสําเรจ็ รูป 10. การวิเคราะห๑กระบวนการทํางานเพ่อื หาขั้นตอนที่ไมจํ าํ เป็นในการผลิตสนิ ค๎าสอดกล๎องกบั หลักการจัดการผลิตข๎อใด 1. วางแผน (P) 2. ดําเนนิ งาน (D) 3. ตรวจสอบกิจกรรม (C) 4. ปรบั ปรุงแก๎ไขการดาํ เนินงาน (A) 11. พาทปี ลกู ขา๎ วอินทรีย๑และขอการรับรองจากสํานักงานมาตรฐานเกษตรอินทรยี ๑เปน็ การปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ควบคุมคุณภาพสินคา๎ ดา๎ นใด 1. เลอื กผลติ ภณั ฑ๑ 2. ทดสอบผลติ ภัณฑ๑ 3. มาตรฐานของผลติ ภณั ฑ๑ 4. สร๎างความคิดในการทําผลิตภณั ฑ๑ 12. หากตอ๎ งการเปิดรา๎ นผลติ และขายขนมเป๊ียะในบรเิ วณที่มีคนสญั จรไปมาขอ๎ ใดเปน็ การจดั ทํา แผนการจดั การการผลิตในดา๎ นทาํ เลทตี่ ้งั 1. ใช๎วัตถุดิบทส่ี ดใหมํมคี ณุ ภาพ 2. โฆษณาผํานสือ่ วิทยุประจาํ ท๎องถนิ่ 3. สํารวจห๎องแถวในตลาดเพ่ือเชําทําร๎าน 4. รับสมัครพนักงานที่เรยี นจบดา๎ นอาหาร
ระดบั ประถมศกึ ษา 13. ทากลอ๎ งการขายของท่รี ะลกึ ณ ศูนยก๑ ารจําหนํายสินค๎าหนงึ่ ตําบลหนึง่ ผลิตภัณฑข๑ องชมุ ชน ขอ๎ ใดเป็นวิธกี ารประชาสมั พันธร๑ า๎ นขายสินค๎า 1. สํารวจชนิดสินคา๎ ทน่ี กั ทํองเทยี่ วนิยมซอ้ื 2. ร๎านให๎การสนับสนนุ โกรงการจติ อาสาในชุมชน 3. ซื้อพืน้ ท่ีเพ่อื โฆษณาในหนังสือพมิ พข๑ องทอ๎ งถนิ่ 4. ซอื้ สนิ ค๎าครบ 500 บาทไดร๎ บั ถุงผ๎าลายประจาํ ท๎องถิน่ 14. หากต๎องการปลูกยางพาราเพ่ือจําหนํายนา้ํ ยางพาราดิบ แตปํ ระสบปญ๓ หารากายางพาราลดลง เนื่องจากผลผลติ ลน๎ ตลาด ข๎อใดเป็นการวางแผนกอยุทธ๑การดลาดเกี่ยวกบั นํ้ายางพาราเพอื่ แก๎ปญ๓ หารายไดท๎ ่ีลดลง 1. เพิ่มพ้นื ที่สําหรบั เพาะปลูก 2. พัฒนาผลิตภณั ฑ๑ใหมจํ ากนาํ้ ยางพารา 3. เปล่ียนจากการปลูกยางพาราเป็นการเลีย้ งสตั ว๑ 4. ปลูกพชื สวนครวั ไวร๎ ับประทานแซมยาง 15. กมลฉตั รจบการศกึ ษาดา๎ นผูช๎ ํวยพยาบาลและทํางานในโรงพยาบาล มีเวลาวํางชวํ งวันเสาร๑ อาทติ ย๑ ควรพฒั นาแผนปฏบิ ัติการอาชีพเสริมท่ีเหมาะสมกบั เวลาและความสามารถของตนอยาํ งไร 1. ขายสินคา๎ ตามตลาดนดั 2. รับดูแลผปู๎ วุ ยตดิ เตยี งตามบา๎ น 3. รับสอนพเิ ศษวชิ าคณิตศาสตรใ๑ ห๎กบั นักเรียนตามบา๎ น 4. เข๎ารบั การอบรมเพ่ือพัฒนาทักษะวิชาชีพผ๎ูชวํ ยพยาบาล 16. เกษตรกรในจงั หวดั ชัยนาท พบวําหลังจากแกะเนอ้ื สม๎ โอจาํ หนาํ ยแลว๎ จะมีเปลอื กส๎มโอเหลือ ท้งิ จาํ นวนมาก ข๎อใดคอื แผนปฏิบตั กิ ารอาชีพทีเ่ กดิ จากการใชป๎ ระโยชน๑จากเปลือกส๎มโอ 1. ทําเปลือกส๎มโอเช่อื มสํงขาย 2. ทาํ ลายทง้ิ เพอ่ื ลดขยะในชุมชน 3. ทําอาหารจากเน้ือสม๎ โอจําหนําย 4. ทําปุ๋ยพชื สดไว๎ใชใ๎ นสวนสม๎ โอของเกษตรกร
ระดับประถมศกึ ษา 17. ข๎อใดถงึ ปญ๓ หาดา๎ นการตลาดทเ่ี กดิ จากการขับเกล่ือนธุรกิจ 1. นา้ํ ทํวมทาํ ใหน๎ าข๎าวไดร๎ ับความเสียหาย 2. ธนาคารไมอํ นมุ ัติสินเชื่อในการดําเนนิ ธุรกจิ 3. ออกแบบสือ่ โฆษณาไมํตรงกับกลุํมเปาู หมาย 4. ชาวสวนยางปลูกยางจาํ นวนมากทาํ ใหย๎ างก๎นตลาด 18. วชั ราซอื้ ถูกปลากัดมาเล้ยี งและจาํ หนํายเพื่อโดเตม็ วยั ตอํ มามีโครงการที่จะผสมพันธ๑แุ ละ พฒั นาสายพนั ธ๑ุปลากัดเอง เปน็ โกรงการประกอบอาชพี ประเภทใด 1. ทดลอง 2. สงํ เสรมิ การขาย 3. รวบรวมเอกสาร 4. อนรุ กั ษ๑ศิลปวัฒนธรรมไทย ใชส้ ถานการณต์ อ่ ไปน้ี ตอบคาถามข้อ 19 - 20 ผูเ๎ รียนกลุํมหน่ึงจัดทําโกรงการบายขนมไทยโบราณหารบั ประทานยากในชํางเทศกาลสงกรานต่ํา เสนอตํอศูนยก๑ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ของอาํ เภอพระนครศรีอยุธยา 19. เน้ือหาใดท่ีควรเขยี นไว๎ในหลักการและเหตุผลของโครงการ 1. การอนรุ ักษข๑ นมไทยโบราณ 2. สถานท่ีในการดําเนินโครงการ 3. หนํวยงานท่มี าสอนทําขนมโบราณ 4. รายชอื่ ผ๎ูเรยี นทเ่ี ป็นผเ๎ู สนอโกรงการ 20. สาระใดทีค่ วรเขยี นในแผนปฏิบัติการดา๎ นการดําเนนิ งาน 1. อาจารย๑ที่ปรกึ ษาโครงการ 2. วิธีทําขนมไทยโบราณแตํละตํารบั 3. งบประมาณท่ีใชใ๎ นการดาํ เนนิ งาน 4. ยอดขายขนมไทยโบราณตอํ เดอื น
ระดบั ประถมศึกษา พัฒนาอาชีพใหม้ อี ยู่มกี ิน จานวน 10 ขอ้ 1. ขอ๎ ใดเป็นผลของการพัฒนาอาชีพ 1. ชมุ ชนเขม๎ แข็ง 2. ประเทศเขม๎ แข็ง 3. กรอบกรวั มีรายได๎ 4. ประชาชนมีงานทํา 2. สชุ าติ นําพริกมาแปรรปู เป็นพริกอบงา ขายสงํ ตามห๎างสรรพสินค๎า ตํางๆ จนถามารถขยายโรงงานผลติ ใหม๎ ขี นาดใหญํขึน้ จากสถานการณ๑ สุชาติดําเนนิ ธุรกจิ อยใํู นระยะใด 1. เรมิ่ ตน๎ 2. ตกตาํ่ 3. ทรงตวั 4. สร๎างตวั 3. วรรณาเปิดร๎านขายของเลนํ และต๎องการเพิ่มสนิ ค๎าในรา๎ น จงึ ปรึกษา วิชยั เร่อื งแนวทางการเพม่ิ สนิ คา๎ ในป๓จจบุ ัน จากสถานการณ๑ ขอ๎ ใดไมใํ ชกํ ารวิเคราะห๑ SWOT 1. นาํ ขอ๎ มูลจากการสรปุ มารายงานผล 2. สรุปแยกแยะข๎อมูลดา๎ นโอกาสและอุปสรรค 3. ศกึ ษาข๎อมูลเรื่องเงินทุนหมนุ เวยี นของกจิ การ 4. ศึกษาขอ๎ มลู ตําง ๆ จากสภาพแวดลอ๎ มภายนอก
ระดับประถมศึกษา 4. บรษิ ทั ผลิตยาสี ฟ๓นย่หี ๎อหน่ึง ผลิตยาสฟี ๓นเพยี งชนดิ เดียว สําหรับผู๎มีอายุระหวาํ ง 2 -7 ปี จากสถานการณ๑ บรษิ ัทมกี ารกาํ หนดกลยุทธก๑ ารดลาดตามข๎อใด 1. ผลติ ภณั ฑ๑ 2. กลํุมลกู ค๎า 3. การวางขายสนิ คา๎ 4. สํวนแบงํ การตลาด 5. สายใจปิดรา๎ นขายนมอยูํหน๎าโรงเรยี นประถมศึกษาแหํงหนึ่ง จัดโปรโมชนั ซอ้ื ครบ 10 แกว๎ แถมฟรี 1 แกว๎ และถ๎าถกู ค๎านําแก๎วมาเองลดเพิ่มอีกเมนูละ 5 บาท จากสถานการณ๑ สายใจใช๎กลยทุ ธก๑ ารตลาดตามขอ๎ ใด 1. ราคา 2. ผลติ ภัณฑ๑ 3. ชอํ งทางการจาํ หนําย 4. การสงํ เสรมิ การตลาด 6. ปราณีหมักปลาร๎าเอง และแบํงให๎เพื่อนบา๎ นอยูํสมอ จนมีคนสนใจและขอซื้อ ปลาร๎าจากปราณีอยูบํ อํ ย ๆ เธอจงึ ผลิตปลาร๎าเปน็ ธุรกิจ SME จากสถานการณ๑ ปราณคี วรดาํ เนินการเรอ่ื งใดเป็นลําดบั แรก 1. จ๎างคนงานมาชํวยในการผลิต 2. คดิ สตู รหมกั ปลาร๎าให๎หลากหลาย 3. ดูแลเรอื่ งความสะอาดของไหท่ีบรรจุ 4. คดิ รากาตน๎ ทุนและกําไรในการขายสินคา๎
ระดับประถมศกึ ษา 7. กาํ หนด ก. คณุ ภาพสินค๎า ข. เงนิ ทุนหมุนเวียน ค. ลดตน๎ ทนุ ง. ปริมาณสนิ ค๎า ข๎อใดไมไํ ดเ๎ ปน็ ผลมาจากการพัดนาระบบการผลิต 1. ข๎อ ก. 2. ข๎อ ข. 3. ขอ๎ ก. และขอ๎ ก. 4. ข๎อ ข. และข๎อ ง. 8. สมพรทําขนมเปียกปูนใบเตยขาย พบวาํ มีคนขายอยูํตามท๎องตลาดท่วั ไปจึงคิด ทาํ ขนมเปยี กปูนโดยผสมฟ๓กทองและธญั พชื เพื่อให๎แดกตํางจากทอ๎ งตลาด จากสถานการณ๑ สมพรควรตงั้ ชอื่ สินค๎าเพอ่ื สร๎างความนําสนใจตามขอ๎ ใด 1. ขนมเปียกปูนธญั พืช 2. ขนมเปียกปนู ฟก๓ ทอง 3. ขนมเปียกปูนพระจันทร๑ 4. ขนมเปียกปูนสมพรเจา๎ เกํา 9. ข๎อใดไมใํ ชํขัน้ ตอนของการวางแผน 1. ศึกษาสภาพป๓ญหา 2. วิเคราะหค๑ วามเปน็ ไปได๎ 3. กําหนดวิธีการดําเนินงาน 4. ทราบปญ๓ หาการดาํ เนินงาน 10. ประกอบต๎องการเปิดรา๎ นขายข๎าวกะเพราทุกชนดิ หน๎าโรงพยาบาลประจาํ ตําบล โดยเปิดขายวนั จนั ทร๑-ศุกร๑ จากสถานการณ๑ ประกอบไมตํ ๎องวเิ คราะห๑ปจ๓ จยั ในข๎อใด 1. ตลาดของผ๎ูบรโิ ภค 2. รสชาตขิ องอาหาร 3. วัตถุดิบในการผลิต 4. ชํองทางการสือ่ สาร
ระดับประถมศึกษา สาระทกั ษะการดาเนนิ ชวี ิต จานวน 30 ข้อ เศรษฐกจิ พอเพียง จานวน 10 ขอ้ 1. ขอ๎ ใดเปน็ หลกั การสํากัญของหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1. ความรอบรู๎ 2. ความพอใจ 3. ความสมบรู ณ๑ 4. ความเขม๎ แขง็ 2. ชาวบ๎านไดน๎ าํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยกุ ตใ๑ ชโ๎ ดยไดไ๎ ปขอคาํ แนะนาํ จากบกุ คลที่ประสบความสําเร็จเพ่ือมาปรับปรุงพฒั นาตนเอง ใหส๎ ามารถไปพัฒนาประกอบอาชพี ใหด๎ ี ย่งิ ขน้ึ การกระทําดังกลําว ยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ขอ๎ ใด 1. ความพอประมาณ 2. ความรูแ๎ ละปญ๓ ญา 3. การรจู๎ ักพง่ึ ตนเอง 4. ความเพียรพยายาม 3. ชาวบา๎ นไดไ๎ ปกู๎เงินเพื่อมาสร๎างบา๎ น การกด๎ู งั กลาํ วทําใหเ๎ กดิ ความเสย่ี ง ขาดคุณสมบัตดิ ามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงขอ๎ ใด 1. ความมเี หตผุ ล 2. ความมคี ุณธรรม 3. ความพอประมาณ 4. ความมีภมู คิ ม๎ุ กันทด่ี ี 4. การพ่งึ ตนเองตรงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขอ๎ ใด 1. จะได๎อดทนอดกล้นั 2. สร๎างสมดลุ การดํารงชวี ิต 3. จะได๎เกิดความเพยี รพยายาม 4. สร๎างวิธีคดิ วิธีปฏบิ ตั ิในชวี ติ
ระดบั ประถมศกึ ษา 5. ขอ๎ ใดไมใํ ชกํ ารนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกตใ๑ ช๎ 1. การยืมเงินเพอื่ ทําบุญ 2. การออมและควบกมุ รายจําย 3. การแบํงรายได๎ออกเป็นสดั สวํ น 4. การนาํ วสั ดุเหลอื ใช๎มาประดษิ ฐใ๑ หมํสรา๎ งรายได๎ 6. ขอ๎ ใดไมํใชกํ ารนําหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงไป การเลอื กซอื้ สนิ ค๎า 1. ตามทจ่ี ําเป็นจรงิ ๆ 2. ตามความตอ๎ งการทอ่ี ยากจะได๎ 3. สามารถนํากลับมาใช๎ได๎ใหมํ 4. ตามรากาท่ีเหมาะสมกับฐานะตนเอง 7. การศกึ ษาค๎นคว๎าภูมปิ ๓ญญาท๎องถนิ่ อยํางตอํ เน่ืองเพ่อื นําไปใชใ๎ นการดาํ เนินชีวติ และประกอบ อาชีพ ตรงกับหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงข๎อใด 1. ความรอบรู๎ 2. ความมีเหตผุ ล 3. ความมคี ณุ ธรรม 4. ความพอประมาณ 8. ขอ๎ ใดใช๎หลกั การออม 1 สวํ น ใช๎ 3 สํวน ไมํถูกตอ๎ ง 1. มรี ายได๎ 4,500 บาท ใชไ๎ ปทั้งหมด 3,900 บาท 2. มีรายได๎ 3900 บาท ใช๎ไปทง้ั หมด 2,900 บาท 3. มรี ายได๎ 2,900 บาท ออมเงนิ ไดท๎ ้ังหมด 990 บาท 4. มีรายได๎ 5,500 บาท ออมเงนิ ได๎ทั้งหมด 1,499 บาท 9. ข๎อใดไมํใชํลักษณะการนาํ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใช๎ในลกั ษณะของการสํงเสรมิ ความประหยัด 1. กินอยูอํ ยํางมสี ติ 2. การจดั ทําบัญชีรายรับ-รายจาํ ย 3. การซอํ มแซมเครอ่ื งใช๎ท่ีชาํ รุด 4. การลดภารกจิ ทํางานเพื่อเพ่มิ เวลาออกกาํ ลงั กาย 10. ข๎อใดมีความสัมพันธ๑กันถกู ต๎อง 1. 8วามมคี ณุ ธรรม กับ การบริหารงานโดยพึ่งคนเอง 2. ความมเี หตุผล กับ การเรียนร๎ูภมู ิปญ๓ ญาชาวบ๎าน 3. ความขอประมาณ กับ การใช๎ปยุ ชีวภาพที่ผลติ เอง 4. ความมภี มู คิ ม๎ุ กนั ทด่ี ี กับ การทาํ งานดว๎ ยความขยัน
ระดบั ประถมศกึ ษา สุขศกึ ษา พลศึกษา จานวน 10 ขอ้ 1. ข๎อใดเปน็ วิธีดูแลรักษาสุขภาพทีถ่ ูกตอ๎ งเพือ่ ปูองกันความผิดปกตขิ องรํางกาย 1. กลั้นปส๓ สาวะบอํ ยๆ 2. นอนควํ่าเปน็ ประจาํ 3. เก้ียวอาหารให๎ละเอียด 4. สวมเสือ้ ผ๎าใหก๎ ระชบั รัดรปู 2. เม่ือเพือ่ นมาปรึกษาวําเปน็ เริมที่อวัยวะเพศ มีตํุมน้ําใส ๆ ปวดแสบปวดร๎อน จะใหค๎ ําแนะนํา วิธกี ารดแู ลตนเองแกํเพื่อนอยาํ งไร 1. ฟอกสบํูให๎สะอาดและปูองกันการอบั ช้นื 2. ใช๎ผ๎าพนั แผลชบุ นา้ํ เกลือปิดแผลให๎ชุํมชื้น 3. ทาแปูงบริเวณที่เป็นเพ่ือให๎ 4. รับประทานยาปฏชิ วี นะ 3. ขอ๎ ใดเป็นพฤติกรรมการออกกําลังกายเพือ่ เสรมิ สร๎างสมรรถภาพท่เี หมาะสม 1. ว่งิ เหยาะ 10 นาทีทุกวัน 2. เดนิ เรว็ 30 นาที วนั เว๎นวนั 3. วง่ิ 5 กิโลเมตร วนั เสาร๑-อาทิตย๑ 4. ป๓น่ จกั รยานทุกวนั ใหช๎ ีพอรเพม่ิ ข้นึ รอ๎ ยละ 50 4. อาหารในขอ๎ ใดท่มี ีหมูํอาหารทใ่ี หว๎ าม และความอบอนํุ แกํกายทีส่ ดุ 1. ขา๎ วมนั ไกํ 2. ข๎าวต๎มปลา 3. ขนมจีนน้าํ พรกิ 4. บะหมน่ี ้ําหมแู ดง 5. ในชํวงท่ีอากากหนาว วิธีใดเหมาะสมท่สี ุดในการปูองกันโรคหวัด 1. รับประทานอาหารเสริมให๎มภี ูมติ ๎านทานโรค 2. ทาํ ให๎รํางกายอบอนุํ ดลอดเวลาโดยสวมเส้อื ผา๎ หนา ๆ 3. รับประทานยาแกอ๎ กั เสบปอู งกนั เมื่อมีคนในบ๎านปุาย 4. ออกกาํ ลังกายอยํางหนักทกุ วันให๎รํางกายแข็งแรง
ระดบั ประถมศกึ ษา 6. อันตรายข๎อใดพบได๎บํอยจากการรับประทานยาลดนํา้ มกู และยากดอาการแพ๎ 1. เกิดอบุ ตั เิ หตุเกีย่ วกบั เครอ่ื งจักรจากอาการงํวงซมึ 2. มีอาการแห๎ยาทําให๎เกิดผื่นกันหรืออาการชอ็ ก 3. เกิดอาการติดยาจากการใช๎ยาติดตํอกนั นาน ๆ 4. ไดร๎ ับยาเกินขนาด 7. ข๎อใดหมายถงึ สารเสพติด 1. สามารถหยดุ ใช๎เมื่อไรก็ได๎ 2. สารท่ฉี ดี เขา๎ รํางกายอยํางเดียว 3. เมื่อใชต๎ ิดตํอกันจะเกดิ ความเบื่อหนํายและลดใชไ๎ ปเอง 4. เม่ือติดแล๎วจะมีอาการแสดงความต๎องการทัง้ รํางกายและจิตใจ 8. ขอ๎ ใดเปน็ กิจกรรมทมี่ คี วามปลอดภยั ในการเดินทางน๎อยท่ีสุด 1. ข๎ามถนนโดยใชส๎ ะพานลอย 2. ขน้ึ รถประจําทางเม่ือรถจอดสนทิ เทําน้ัน 3. เมื่อออกนอกบา๎ นเวลาคา่ํ คนื สวมใสํเสือ้ ผ๎าสขี าว 4. เม่ือถนนไมํมที างเทา๎ ควรเดนิ ชิดซ๎ายของถนนให๎มากทสี่ ุด 9. เมื่อเกดิ ความเกรยี ดหรือวติ กกังวลกบั การเรยี น ควรปฏบิ ัตติ นอยํางไร 1. ออกไปเทยี่ วกลางคนื 2. เลํนเกมตํอส๎ทู ่ีบ๎านเพื่อน 3. นง่ั สมาธิทําจติ ใจให๎สงบ 4. เก็บตวั อยคํู นเดยี วในห๎อง 10. การตัดสนิ ใจเปน็ กระบวนการของการหาทางเลือกทีเ่ ปน็ ไปได๎ ข้ันตอนแรกทส่ี ําคญั ของ กระบวนการตัดสนิ ใจ คือขอ๎ ใด 1. การเลือกวิธกี ารและระบุเหตุผล 2. รู๎ถึงเรอ่ื งหรอื สิ่งทจ่ี ะตอ๎ งดัดสนิ ใจ 3. ประเมนิ ขอ๎ ดี ข๎อเสียของการตดั สินใจ 4. การเลอื กใช๎ทรพั ยากร และงบประมาณในการดําเนินงาน
ระดบั ประถมศึกษา ศลิ ปศกึ ษา จานวน 10 ข้อ 1. ข๎อใดไมเํ ขา๎ พวกในงานจติ รกรรมไทย 1. ผักกดู 2. ตาออ๎ ย 3. เปลวไฟ 4. ตน๎ กล๎วย 2. หากตอ๎ งการเขียนภาพระบายสีผลล๎ม บงั เอิญไมมํ ีสีส๎ม ต๎องใชส๎ ีตามข๎อใด 1. สแี ดงผสมสนี ํา้ เงิน 2. สแี ดงผสมกับสีขาว 3. สแี ดงผสมกบั สีมวํ ง 4. สแี ดงผสมกบั สเี หลอื ง 3. สถาป๓ตยกรรมไทย เชํนโบสถ๑ วหิ าร ทใี่ ชล๎ ายไทยทาํ หัวเสา มชี ือ่ ตรงกับขอ๎ ใด 1. บวั สาย 2. บวั บาน 3. บัวหลวง 4. บวั ควาํ่ บวั หงาย 4. การดกแตงํ สวน ควรใช๎งานทศั นศิลป์ในรูปแบบใด จงึ จะเหมาะสมมากท่สี ุด 1. กระต๊ิบข๎าวเหนียว 2. ประตมิ ากรรมกระดาบ 3. รูปปน้๓ นกเกา๎ แมวดนิ เผา 4. ตัวเป็ดหลํอปูนปลาสเตอร๑ 5. เพลงพ้นื บา๎ นของภากกลางในข๎อใด เปน็ เพลงที่นิยมรอ๎ งกันในฤดเู กบ็ เก่ียว 1. เพลงเกบ็ เกี่ยว 2. เพลงเกย่ี วข๎าว 3. เพลงเต๎นกํารําเดีย่ ว 4. เพลงเต๎นรํากําเคียว
ระดับประถมศึกษา 6. เคร่ืองดนตรีพ้ืนบ๎านในขอ๎ ใด จัดอยูใํ นประเภทเดยี วกนั ท้งั หมด 1. ซงึ พิณนํ้าเต๎า ขิม เปิงมาง 2. บัณเฑาะว๑ โทน กง่ิ ไหซอง 3. ขลุํยหลิบ ปี่ชวา แคน โหวด 4. ระนาดเอก ซอสามสาย กรบั กลองสะบดั ชัย 7. พษิ ฐานเอย มือหนง่ึ ถือพาน พานเอาดอกพกิ ลุ เกดิ ชาตใิ ดแสนใดเอย ขอให๎ถูกไดส๎ ํวนบุญพิษฐาน วานไหว๎ ขงให๎ไดด๎ ังพษิ ฐานเอยเป็นคําร๎องจากเพลงพน้ื บ๎านภากกลาง มีจดุ มุํงหมายตามข๎อใด 1. ขอพรจากพระ 2. ความสนกุ สนาน 3. กลายเครียดหลังเลกิ งาน 4. ใหช๎ ายหญงิ ได๎เกยี้ วพาราสี 8. การแสดงพนื้ บา๎ นภากกลางในข๎อใด ทแี่ สดงถงึ การบรรเทาร๎อนจากภมู อิ ากาศของประเทศไทย 1. รําสีนวล 2. รําเหยํอย 3. ระบําวิชนี 4. ระบําชาวนา 9. ฟูอนดงึ ครกดงึ สาก เปน็ การแสดงพืน้ บ๎านภาคอสี าน โดยมจี ุดประสงค๑ตามข๎อใด 1. เสีย่ งทายขอฝน 2. ความสนกุ สนาน 3. บูชาส่ิงศักด์ิสิทธิ์ 4. แสดงถงึ กวามกล๎าหาญ 10. หากตอ๎ งการให๎ผู๎ชมรู๎จกั กรรมวธิ กี ารผลิตผา๎ ไหมผํานนาฎศลิ ปพ์ ้ืนบ๎านควรใช๎การแสดงในขอ๎ ใด 1. รําพาดผ๎า 2. ฟอู นภูไท 3. ระบาํ ปาเต๏ะ 4. ฟอู นสาวไหม
Search
Read the Text Version
- 1 - 50
Pages: