Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คำในภาษาไทย

คำในภาษาไทย

Published by kruyaykan, 2019-06-22 03:45:36

Description: คำในภาษาไทย

Search

Read the Text Version

ชนิดของคำในภำษำไทย ชั้นประถมศึกษำปีท่ี 5 จัดทำโดย นำงสุนันทณี กันทวงั โรงเรียนวัดนำแกว้ สำนักงำนเขตพ้นื ทก่ี ำรศกึ ษำประถมศกึ ษำ ลำปำง เขต 2

สารบญั เร่ือง หน้า คานาม 1 คาสรรพนาม 2 คากริยา 3 คาวเิ ศษณ์ 4 คาบุพบท 5 คาสันธาน 6 คาอุทาน 6 คาควบกลา้ 7 คาท่มี าจากภาษาต่างประเทศ 9 โวหาร 10 จดหมาย 11

1 คำในภำษำไทยจำแนกได้ 7 ชนิดคือ คำนำม คำสรรพนำม คำกริยำ คำบรุ ำบท คำสนั ธำน และคำอุทำน คำนำม คำนำม คอื คำที่ใช้เรยี นช่ือคน สตั ว์ ส่งิ ของ และสถำนที่ เช่น ครู นักปลำ ดินสอโตะ๊ บำ้ น โรงเรยี น แบ่ง 5 ชนิด ไดแ้ ก่ 1. สำมำนยนำม ไดแ้ ก่นำมท่ีเปน็ ชอ่ื ทว่ั ๆ ไป เช่นหนู ไก่ โตะ๊ บ้ำน คน 2. วสิ ำมำนนำม เปน็ ชือ่ เฉพำะ เช่น นำยทอง เจ้ำดำ ชือ่ วนั ชอ่ื เดอื น ชอ่ื จงั หวัด ชอ่ื ประเทศ ชอ่ื แมน่ ำ ชอื่ เกำะ 3. สหุ นำม นำม ทีเ่ ป็นหมู่คณะ เชน่ ฝงู โขลง กลอง หรือคำทมี่ คี วำมหมำยไปในทำงจำนวนมำก เช่น รฐั บำล องคก์ ร กรม บริษัท 4. ลกั ษณนำม เปน็ คำนำมทบ่ี อกลักษณะของนำม มกั ใชห้ ลงั คำวิเศษท่บี อกจำนวนนบั เชน่ ภกิ ษุ 4 รปู นำฬกิ ำ 4 เรือน 5. อำกำรนำม คือ นำมท่ีเป็นชื่อกริยำอำกำรในภำษำมักใช้คำว่ำ “กำร” และ “ควำม” นำหน้ำ เช่น กำรน่งั กำรกิน ควำมดี ควำมจน คำนำมทอ่ี ย่ใู นประโยคจะทำหนำ้ ทไี่ ดท้ ังเปน็ ประธำนและกริยำของประโยค เช่น ประโยค ประธำน กริยำ กรรม -มำ้ ว่ิง มำ้ วิง่ -นักเรยี นไปโรงเรียน นกั เรียน ไป โรงเรยี น -แมวจับหนู แมว จบั หนู -ครูทำโทษสมชำย ครู ทำโทษ สมชำย

2 คำสรรพนำม คำสรรพนำม คอื คำทใี่ ชแ้ ทนคำนำม เช่น ผม ฉัน หนู เธอ คณุ ขำ้ พเจ้ำ เขำ ท่ำน มัน เป็นตน้ แบ่งเป็น 6 ชนดิ ไดแ้ ก่ 1. บรุ ษุ สรรพนำม คือคำนำมท่ีใชแ้ ทนชอ่ื เวลำพดู กัน บุรุษท่ี 1 ใชแ้ ทนผู้พูด เชน่ ผมฉัน ข้ำพเจำ้ บรุ ษุ ท่ี2 ใชแ้ ทนผู้ฟงั เชน่ คณุ เธอ บรุ ษุ ที่ 3 ใชแ้ ทนผ้กู ลำ่ วถึง เชน่ เขำ มนั 2. ประพันธสรรพนำม คือคำสรรพนำมทใ่ี ชแ้ ทน(เชื่อม)คำนำมทอ่ี ยขู่ ำ้ งหน้ำ ได้แก่ คำวำ่ ที่ ซ่ึง อนั เชน่ คนทอ่ี อกกำลงั กำยเสมอร่ำงกำรมักแขง็ แรง อเมรกิ ำซึ่งเป็นเจ้ำภำพแข่งขันชกมวยกำลงั มีชอ่ื เสียงทั่วโลก มีดอนั ทอี่ ยใู่ นครัวคมมำก 3. นิยมสรรพนำม ได้แก่สรรพนำมท่ีกำหนดควำมให้รูแ้ น่นอนได้แก่ น่ี น่นั โนน่ หรือ นี นนั โนน้ เชน่ น่เี ป็นเพ่อื นของฉนั นั่นอะไรนะ่ โนน่ ของเธอ ของเธออยทู่ น่ี ่ี 4. อนยิ มสรรพนำม ได้แกส่ รรพนำมทแ่ี ทนส่งิ ที่ไมท่ รำบ คอื ไม่ชีเฉพำะลงไปและไม่ไดก้ ลำ่ วในเชงิ ถำม หรอื สงสัย ไดแ้ ก่ ใคร อะไร ไหน ใด เชน่ ใครขยันก็สอบไลไ่ ด้ เขำเป็นคนทไ่ี มส่ นใจอะไร 5. ปฤจฉสรรพนำม ได้แกส่ รรพนำมใชเ้ ปน็ คำถำม ได้แก่คำ อะไร ใคร ท่ีไหน แห่งใด ฯลฯ เช่น ใครอย่ทู ี่นนั่ อะไรเสยี หำยบ้ำง ไหนละโรงเรียนของเธอ 6. วภิ ำคสรรพนำม หมำยถงึ คำสรรพนำมทีใ่ ชแ้ ทนคำนำมซงึ่ แสดงให้เห็นวำ่ นำมนนั จำแนก ออกเปน็ หลำยส่วน ได้แก่ ต่ำงบ้ำง กนั เช่น นักเรียนต่ำงกอ็ ่ำนหนงั สือ เขำตีกนั นักเรียนบ้ำงเรียนบำ้ งเล่น

3 คำกริยำ คำกรยิ ำ คอื คำแสดงอำกำรของนำม สรรพนำม แสดงกำรกระทำของประโยค เช่น เดนิ ว่ิง เรียน อำ่ น นั่ง เล่น เปน็ ต้น แบง่ เป็น 4 ชนิด 1. สกรรมกริยำ คือคำกริยำท่ีต้องมกี รรมรบั เช่น ฉันกินขำ้ ว เขำเหน็ นก 2. อกรรกรยิ ำ คอื คำกริยำทีไ่ ม่ตอ้ งม่กี รรมมำรับกไ็ ด้ควำมสมบรู ณ์ เช่น เขำนง่ั เขำยนื 3. วกิ ตรรถกริยำ คือ คำกรยิ ำที่ไมม่ ีควำมหมำยในตัวเอง ใช้ตำมลำพงั แลว้ ไม่ได้ควำมต้องมีคำอืน่ มำ ประกอบจงึ จะได้ควำม ได้แก่ เหมือน เป็น คลำ้ ย เท่ำ คือ เช่น ผมเปน็ นกั เรียน คนสองคนนี เหมือนกนั ลกู คนนีคลำ้ ยพอ่ ส้ม 3 ผลใหญเ่ ท่ำกัน เขำคือครขู องฉนั เอง 4. กริยำนเุ ครำะห์ คอื คำกรยิ ำม่ไี มม่ ีควำมหมำยในตวั เอง ทำหน้ำทชี่ ว่ ยกริยำให้มคี วำมหมำยชดั เจนขึน ไดแ้ กค่ ำ จง กำลงั จะ ย่อม คง ยัง ถกู นะ เถอะ เทอญ ฯลฯ เชน่ แดงจะไปโรงเรียนเขำถกู ตี รีบไปเถอะ

4 คำวเิ ศษณ์ คำวิเศษณ์ คอื คำท่ใี ช้ขยำยคำอืน่ ใหไ้ ด้ใจควำมชดั เจนยิ่งขนึ แบง่ ออกเปน็ 10 ชนิดคือ 1. ลักษณะวิเศษณ์ บอกลักษณะ เช่น สูง ใหญ่ ดำ อ้วน ผอม แคบ หวำน เคม็ กวำ้ ง 2. กำลวิเศษณ์ บอกเวลำ เชน่ เช้ำ สำย บ่ำย เยน็ ดึก เดีย๋ วนี โบรำณ 3. สถำนวิเศษณ์ บอกสถำนที่ เชน่ ใกล้ ไกล บน ล่ำง 4. ประมำณวเิ ศษณ์ บอกจำนวน เชน่ หน่ึง สอง น้อย มำก ทังหมด ทงั ปวง บรรดำ 5. นยิ มวิเศษณ์ บอกควำมแน่นอน เช่น นี่ นี โนน่ นัน 6. อนิยมวิเศษณ์ บอกควำมไม่แนน่ อน เช่น ก่ี อันใด ทำไม อะไร ใคร - กคี่ นกไ็ ด้ - ใครทำกไ็ ด้ - เปน็ อะไรกเ็ ปน็ กัน - คนอืน่ ไม่รู้ไม่เห็น 7. ปฤจฉำวเิ ศษณ์ บอกควำมเปน็ คำถำม เช่น - แมจ่ ะไปไหน - เธออำยุเท่ำไร - แกล้งเขำทำไม - ไยจึงไมม่ ำ 8. ประติชฌำวเิ ศษณ์ (บอกกำรตอบรบั ) มคี ำว่ำ คะ ครบั จะ้ จ๋ำ ขำ ฯลฯ 9. ประตเิ ศษวิเศษณ์ แสดงควำมปฏิเสธ เชน่ ไม่ ไม่ใช่ หำมไิ ด้ บ่ 10. ประพันธวิเศษณ์ แสดงหน้ำที่เชอื่ มประโยค เช่น ที่ ซ่งึ อัน - เขำพูดอย่ำงที่ใคร ๆ ไม่คำดคิด - เธอเดินไปหยบิ หนังสอื ซ่ึงอยู่บนโตะ๊ - ของมีจำนวนมำกอันมิอำจนับได้

คำบุพบท 5 คำบุพบท คอื คำทีใ่ ชน้ ำหนำ้ คำอื่นแบ่งออกเป็น 2 พวก คอื - 1. ไมเ่ ช่ือมกบั บทอน่ื ไดแ้ ก่ คำทกั ทำย หรือรอ้ งเรียน เชน่ ดูกร ข้ำแต่ อันว่ำ แนะ่ เฮ้ย 2. เชอื่ มกับบทอน่ื ไดแ้ ก่ โดย ของ บน - พวกเรำเดินทำงโดยรถยนต์ - ขนมเหล่ำนันเปน็ ของคุณแม่ - นกเกำะอยู่บนต้นไม้ - เขำเดินไปตำมถนน - ฉนั เขยี นหนังสือด้วยปำกกำ - เขำมำถงึ ตงั แต่เชำ้ - ในหลวงทรงเป็นประมขุ แห่งชำติ - เขำบ่นถึงเธอ - นักโทษถกู ส่งไปยงั เรอื นจำ - ครชู นบทอยู่ไกลปนื เที่ยง - นักเรียนอ่ำนหนังสืออย่ภู ำยในห้องเรียน - ขำ้ วในนำ ปลำในนำ - ประชำชนทกุ คนอยใู่ ตก้ ฎหมำยของบำ้ นเมือง กำรใช้คำ กบั แก่ แด่ ต่อ กบั ใช้กับกำรกระทำท่ีร่วมกนั กระทำ - เขำกบั เธอมำถงึ โรงเรยี นพร้อมกนั - พอ่ กบั ลูกกำลังอำ่ นหนังสอื แก่ ใช้นำหน้ำผู้รับที่มอี ำยุน้อยกว่ำผใู้ ห้ หรือเสมอกัน - คุณครมู อบรำงวลั แกน่ ักเรียน - เขำมอบของขวัญปใี หม่แกเ่ พื่อน แด่ ใชน้ ำหน้ำนำมทเี่ ปน็ ผู้รบั ท่ีมีอำยุมำกกว่ำ หรือกับบคุ คลที่เคำรพ - นักเรียนมอบของขวญั แด่อำจำรย์ใหญ่ - ฉันถวำยอำหำรแดพ่ ระสงฆ์ ต่อ ใหใ้ นกำรติดต่อกับผูร้ ับต่อหน้ำ - จำเลยให้กำรตอ่ ศำล - ประธำนนักเรยี นเสนอโครงกำรตอ่ อำจำรยใ์ หญ่ - หำคนหวงั ดตี อ่ ชำติ - ผแู้ ทนรำษฎรแถลงนโยบำยตอ่ ประชำชำน

6 คำสันธำน คำสนั ธำน คือคำเช่อื มคำ หรือประโยคเชอ่ื มประโยคใหต้ อ่ เนือ่ งกัน มี 2 ลักษณะ คือ 1. เช่ือมคำกับคำ เช่น พี่กับนอ้ ง เขยี นกับอ่ำน ลกู และหลำน 2. เช่อื มประโยคกบั ข้อควำม หรือขอ้ ควำมกับประโยค มี 4 ลักษณะคอื ก. คล้อยตำมกนั เช่น พอลำ้ งมือเสรจ็ กไ็ ปรับประทำนอำหำร ข. ขดั แย้งกนั เช่น แม้เขำจะขยันแต่กเ็ รียนไมส่ ำเรจ็ ค. เลือกอย่ำงใดอย่ำงหนง่ึ เชน่ เธอจะอำ่ นหนงั สือกรหรอื จะเลน่ ง. เปน็ เหตุเป็นผลกนั เช่น เพรำะรถตดิ เขำจงึ มำสำย คำอทุ ำน คำอุทำน คอื คำที่เปล่งออกมำบอกอำกำร หรอื ควำมรู้สกึ ของผพู้ ูดแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ 1. อทุ ำนบอกอำกำร หรอื บอกควำมร้สู กึ จะใช้เครื่องหมำย อัศเจรีย์ ( ! ) กำกบั ขำ้ งหลงั เช่น อุ๊ย ! พุทโธ่ ! ว๊ำย! โอโ้ ฮ! อนจิ จำ! 2. อุทำนเสริมบท เป็นคำพูดเสรมิ เพือ่ ใหเ้ กิดเป็นคำทส่ี ละสลวยขนึ เช่น - รถรำ - กระดกู กระเดียว - วัดวำอำรำม - หนังสือหนงั หำ - อำบนำอำบท่ำ - กบั ขำ้ วกบั ปลำ

7 คำควบกลำ คำควบกลำ (อกั ษรควบ) หมำยถงึ พยัญชนะสองตวั เขียนเรยี งกันอยตู่ น้ พยำงค์ และใชส้ ระเดียวกนั เวลำ อำ่ นออกเสียงกลำ เปน็ พยำงคเ์ ดียวกัน เสียงวรรณยุกต์ของพยำงค์นันจะผัน เปน็ ไปตำมเสยี งพยัญชนะตัว หนำ้ ข้อสงั เกตว่ำเป็นคำควบกลำ 1. คำควบกลำเวลำสะกดตอ้ งมพี ยญั ชนะต้นสองตวั โดยจะมี ร ล ว รวมอยู่ในพยญั ชนะต้น -พยญั ชนะตน้ ควบกับ ร ไดแ้ ก่ ครู เพรำะ ครวั กรน ปรวนแปร ขรขุ ระ พระ ตรง ครัง กรำบ โปรด ปรกั ปรำ ครืนเครง เครง่ ครดั ครอบ ปรอย กรอง เตำ่ กระ มะกรูด กรำบพระ หอยแครง พริกไทย เคร่ืองบนิ เสอื โคร่ง - พยัญชนะตน้ ควบกับ ล ไดแ้ ก่ เปลำ่ ปลีก คลำน คลกุ เคลำ้ เปลีย่ นแปลง กลบ กลม เพลดิ เพลิน เกลียกล่อม เกลยี วคลน่ื คลอ่ งแคล่ว เกล้ำ ของกลำง เปำ่ ขลุ่ย กล่องนม เปลวไฟ ลำคลอง ปลี กล้วย พลอย แปลงผกั เกลด็ ปลำ - พยัญชนะตน้ ควบกับ ว ได้แก่ กวำด ขวำน ควำย ขวดิ แควง่ ควำ้ ง แขวน ขวนขวำย คว่ำ ควำญ แกว่งไกว ควำม แคว้น ขวัญ ควัน ไมแ้ ขวนเสือ ขวำน ควนั ไฟ กวำง นอนคว่ำ ไขวห่ ำ้ ง สูงกวำ่ ควำย ไม้ กวำด 2. เมื่อมีพยัญชนะต้นสองตวั แล้วแตต่ ้องไม่อำ่ นออกเสียง อะก่ึงเสียงที่พยัญชนะตน้ เช่น ตลำด สะกดว่ำ ตล + อำ + ด อ่ำนว่ำ ตะ - หลำด สวำย สะกดว่ำ สว + อำ + ย อ่ำนว่ำ สวำย สวำ่ ง สะกดวำ่ สว + อำ + ง+ ่ อ่ำนวำ่ สว่ำง 3. ต้องไม่ใชค่ ำท่มี ี ห นำ อ่ำนว่ำ หรอก เช่น หรอก สะกดว่ำ หร + ออ + ก อำ่ นว่ำ หลับ หลบั สะกดว่ำ หล + อะ + บ อ่ำนวำ่ กรำบ แหวน สะกดว่ำ หว + แอ+ น 4. ระวงั คำที่มสี ระอวั เพรำะจะไม่ใชค่ ำทมี่ ี ว ควบกลำ เชน่ สวย สะกดว่ำ ส + อัว + ย อำ่ นวำ่ สวย ควร สะกดว่ำ ค +อวั + ร อำ่ นว่ำ ควร

8 คำควบกลำไมแ่ ท้ 1.คำควบไมแ่ ท้ ได้แก่ พยญั ชนะ ร ควบกับพยญั ชนะตัวหน้ำประสมสระตวั เดยี วกัน เวลำอ่ำนไมอ่ อก เสียง ร ออกเสียงเฉพำะตัวหน้ำหรอื มิฉะนันกอ็ อกเสียง เป็นเสยี งอนื่ ไป 2.คำควบไม่แท้ทอ่ี อกเสียงเฉพำะพยัญชนะตัวหน้ำ ได้แก่พยัญชนะ จ ซ ศ ส ควบกบั ร เชน่ จริง ไซร้ เศร้ำ ศรี ศรัทธำ สรำ้ ง เสรมิ สรอ้ ย สระ สรง สร่ำง 3.คำควบไมแ่ ท้ ท ควบกบั ร แลว้ ออกเสียงกลำยเป็น ซ ไดแ้ ก่ ทรง ทรำบ ทรำม ทรำย แทรก ทรุด โทรม มทั รี

9 คำที่มำจำกภำษำตำ่ งประเทศ ในภำษำไทยมกี ำรขอยืมคำจำกภำษำอน่ื ๆ มำกมำย เชน่ ภำษำบำลี ภำษำสมั นสกฤต ภำษำเขมร เปน็ ต้น คำท่มี ำจำกภำษำอนื่ เหล่ำนี จะมหี ลกั ในกำรสังเกตแตกต่ำงกัน ทำให้เรำสำมำรถทรำบไดว้ ำ่ คำ เหล่ำนมี ำจำกภำษำใด ๑. คำท่มี ำจำกภำษำบำลี ตวั อย่ำงคำ พทุ ธ ปัญญำ มจั ฉำ บปุ ผำ อัคคี จุฬำ หทยั ทกุ ข์ บำป รำโชวำท มุทิตำ ดำบส ชำตะ คฤหสั ถ์ ๒. คำทม่ี ำจำกภำษำสนั สกฤต ตัวอยำ่ งคำ เกษตร สตรี กรฑี ำ ครุฑ ปรชั ญำ ธรรม ภรรยำ รำตรี ฤดี ฤทัย รำเชนทร์ กัลบก ไพศำล บำป ๓. มำจำกภำษำเขมร ฉกำจ เขญ็ จำเนยี ร กงั วล เพ็ญ เสดจ็ เจรญิ ขจร ทูล ขลงั โขน ฉลอง เสวย เขนย เฉลย กำจร ตำรวจ กำเนดิ ดำริ บงั คม จำเรญิ ชำนรร ๔. มำจำกภำษำชวำ กริช (มดี ปลำยแหลมมี ๒ คม), กิดำหยัน (มหำดเล็ก), บหุ งำ (ดอกไม)้ , ปนั้ เหน่ง (เข็ม ขดั ), มะงมุ มะงำหรำ (เทยี่ วป่ำ) ๕. คำที่มำจำกภำษำจีน คำนำม ก๊ก (หมู่เหล่ำ) กง๋ (ปู่) ขิม (เคร่ืองดนตรีชนดิ หนง่ึ ) เซียน (ผูว้ ิเศษ) ตงั เก (เรือ) โสหยุ้ (ค่ำใช้จำ่ ย) ซอ้ (สะใภ)้ อังโล่ (เตำ) ฮอ่ งเต้ (กษตั รยิ )์ คำกรยิ ำ เกก๊ (วำงท่ำ) เขียม (ประหยดั ) เจำ๊ (เลิกกนั ไป) แฉ (เปดิ เผยใหร้ )ู้ ทซู่ ี (ทนทำ ต่อไป) เซง็ ลี (ขำยต่อ) แฉ (เปดิ เผยให้ร)ู้ เซง๊ (ขำย) ตือ (พยำยำม) ตนุ (เกบ็ ไว้) ตุ๋น (ทำอำหำรใหเ้ ปื่อย) อำหำรและเครอ่ื งใช้ เชน่ เกำเหลำ แปะ๊ ซะ กว๋ ยเตยี๋ ว เตำ้ หู้ เตำ้ ส่วน พะโล้ กวยจบ๊ั จับฉำ่ ย บะฉ่อ เกี๊ยว ปงุ้ ก๋ี ตะหลวิ บะหมี่ เก๊ยี ะ 6. ภำษำองั กฤษ เช่น กรำฟ กลูโคส กอลฟ์ คริสตม์ ำส เครดิต ( ช่ือเสยี ง ) เชค็ เชิต โชว์ ชอล์ก เชค็ เชยี ร์ ซอส ซเี มนต์ เซ็น เตน็ ท์ ทอฟฟี่ บลอ็ ก บรฟู๊ ปล๊กั พลำสตกิ ฟุลส แก๊ป ฟลิ ม์ ฟวิ ส์ แฟลต ไมโครเวฟ ไมโครโฟน ไมล์ ริบบนิ ลิฟต์ เสริ ฟ์ หรดี โหวด อิเลก็ ทรอนกิ ส์ โอลมิ ปกิ ไอศกรีม ฮอกกี เฮลคิ อปเตอร์ เป็นตน้

10 โวหำร แบง่ ออกเปน็ 5 คือ 1) บรรยำยโวหำร เลำ่ เรื่อง หรอื อธิบำยเร่ืองรำวต่ำง ๆ ตำมลำดับเหตุกำรณ์ เขยี นตรงไปตรงมำ รวบรัด ได้แก่ กำรเขียนอธิบำยประเภทต่ำง ๆ เชน่ เขียนรำยงำนวิทยำนพิ นธ์ ตำรำ บทควำม กำรเขยี นเพอื่ เลำ่ เรอ่ื ง เช่น บนั ทึก จดหมำยเหตุ กำรเขียนเพ่ือแสดงควำมคิดเหน็ ประเภทบทควำมเชิงวจิ ำรณ์ ขำ่ ว เป็นตน้ 2) พรรณนำโวหำร ม่งุ ใหค้ วำมแจม่ แจ้ง ละเอยี ดลออ เพ่อื ใหผ้ ู้อ่ำนเกดิ อำรมณซ์ ำบซงึ เพลดิ เพลินไปกับ ข้อควำมนันกำรเขยี นพรรณำ โวหำรจึงยำวกวำ่ บรรยำยโวหำรมำก ม่งุ ใหภ้ ำพ และอำรมณ์ จึงมกั ใชก้ ำรเลน่ คำ เลน่ เสยี ง ใช้ภำพพจน์ เต็มด้วยสำนวนโวหำรท่ีไพเรำะ อ่ำนได้รสชำติ 3) เทศนำโวหำร โวหำรทีผ่ เู้ ขียนมงุ่ จะสัง่ สอนคุณธรรมหรอื จรรโลงใจผูอ้ ่ำนหรือปลกุ ใจ จูงใจใหผ้ ู้อ่ำน คลอ้ ยตำม 4) สำธกโวหำร โวหำรทีม่ งุ่ ให้ควำมชดั เจน โดยกำรยกตวั อย่ำงเพอื่ อธิบำยให้แจ่มแจง้ หรือสนับสนนุ ควำม คดิ เห็นท่เี สนอให้หนักแน่น น่ำเช่อื ถือ 5) อปุ มำโวหำร โวหำรเปรียบเทียบ โดยกตัวอย่ำง สิ่งที่คล้ำยคลึงกันมำเปรียบเพอ่ื ให้เกิดควำมชัดเจน ดำ้ นควำมหมำย ด้ำนภำพ และเกดิ อำรมณ์ ควำมรสู้ ึกมำกยิ่งขนึ อุปมำโวหำรมักจะปรำกฏพร้อมกบั พรรณนำนำโวหำรเสมอ

11 จดหมำย กำรเขียนจดหมำยเปน็ กำรสอ่ื สำรโดยตรงระหวำ่ งบุคคล โดยใชต้ ัวหนงั สอื หรือขอ้ ควำมแทนกำรพดู จำ ดงั นนั สำรในจดหมำยจงึ ต้องเป็นข้อควำมท่ชี ดั เจนแจม่ แจ้ง บอกควำมประสงค์ของผสู้ ง่ สำรได้สมบูรณต์ ำมตอ้ งกำร ทังนีเพรำะผู้รบั จดหมำยไมม่ ีโอกำสซกั ถำมขณะทไ่ี ด้รับสำรถ้ำเขยี นไม่ชดั เจนจะทำใหเ้ กดิ ควำมเขำ้ ใจคลำดเคลอื่ น ฉะนนั ผู้เขยี นจดหมำยจงึ ควรใชภ้ ำษำที่ถกู ต้อง สละสลวยเหมำะกับระดับบคุ คลและกำลเทศะ ตอ้ งมมี ำรยำทใน กำรเขียน ประเภทของจดหมำยท่ีจะเขียนตดิ ตอ่ กนั ส่วนมำกไดแ้ ก่ จดหมำยสว่ นตัว และจดหมำยกิจธรุ ะ จดหมำยสว่ นตวั เปน็ จดหมำยท่เี ขียนถงึ ผ้ทู ่ีเรำรู้จกั มกั คนุ้ เพอ่ื สง่ ขำ่ วครำว เลำ่ เรือ่ ง ไต่ถำมทกุ ข์สขุ แสดง ควำมรกั ควำมระลกึ ถึงกนั ควำมหว่ งใย หรือขอควำมชว่ ยเหลอื กันในระหวำ่ งญำติ มิตร พ่อแม่ ครู ภำษำทีใช้เปน็ ภำษำระดบั กนั เอง หรอื ทีเ่ รยี กว่ำ ภำษำปำก แตต่ ้องเหมำะสมกบั ระดบั ฐำนะของบคุ คล จดหมำยกิจธุระ เปน็ จดหมำยระหวำ่ งบคุ คลทตี่ ดิ ต่อสอ่ื สำรกนั ดว้ ยกจิ ธรุ ะ เชน่ กำรตดิ ต่อสอบถำม กำร บอกขำยหรือแจ้งรำยกำรสนิ ค้ำ กำรเตือน กำรทวงถำม กำรแจ้งข่ำวสำร หำกเปน็ จดหมำยกิจธรุ ะทต่ี ดิ ตอ่ สอ่ื สำร ระหวำ่ งบรษิ ัท หำ้ งร้ำน องค์กรตำ่ ง ๆ เรยี กว่ำ จดหมำยธุรกจิ ใชภ้ ำษำระดับทำงกำร มำรยำทในกำรเขยี นจดหมำย กำรเขยี นจดหมำยเปน็ กำรสอ่ื สำรวธิ ีหน่ึงทผี่ เู้ ขียนจำเปน็ ตอ้ งคำนงึ ถงึ มำรยำทในกำรเขยี นเพ่อื ใหบ้ รรลตุ ำม จุดประสงคท์ ต่ี อ้ งกำรและให้กำรสอ่ื สำรเกิดประสทิ ธิภำพโดยมีหลกั กำรเขยี น ดังนี ๑. ตอ้ งใช้คำขึนตน้ ลงทำ้ ยจดหมำยให้เหมำะสมกบั ระดบั บคุ คล ๒. มีควำมสะอำด ๓. เลอื กใช้กระดำษและซองท่ีเหมำะสม ๔. ถำ้ เปน็ กำรเขียนดว้ ยมอื ต้องใหอ้ ่ำนงำ่ ยชดั เจน ใช้ปำกกำไม่ควรใช้ดนิ สอ ๕. ผนกึ ตรำไปรษณียใ์ หค้ รบถ้วนตำมอตั รำคำ่ ไปรษณยี ำกร ๖. ไม่สอดสงิ่ ของมีคำ่ อน่ื ใดลงในซองจดหมำย ๗.จ่ำหนำ้ ซองจดหมำย และระบรุ หสั ไปรษณยี ์ใหถ้ กู ตอ้ ง ครบถว้ น ๘. ไมใ่ ช้ซองหรอื กระดำษตรำครฑุ มำเขยี นจดหมำยส่วนตัว ๙. ไม่นำตรำไปรษณยี ำกรทใี่ ชแ้ ลว้ มำใช้ซำอกี ๑๐. ใชภ้ ำษำท่ีสดุ ภำพเหมำะสมกบั ผรู้ บั และใช้ถ้อยคำที่กระชบั กำรใชค้ ำขนึ ต้นและคำลงทำ้ ยในจดหมำยส่วนตวั บุคคล คำขนึ ตน้ คำลงทำ้ ย ปู่ ย่ำ ตำ ยำย พ่อ แม่ ลงุ ป้ำ กรำบเท้ำ.....................ทีเ่ คำรพ ดว้ ยควำมเคำรพอย่ำงสงู นำ้ อำ เรียนพ.ี่ ..................ทเี่ คำรพ ด้วยควำมเคำรพ พี่ ............นอ้ งรกั /เพอ่ื นรกั รักและคดิ ถึง น้อง เพื่อน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook