คำนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การสังเคราะห์ดว้ ยแสง รายวิชา ชีววิทยา 3 รหัสวิชา ว32243 สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 5 ฉบบั น้ี จดั ทาข้ึนเพ่ือใช้เป็ นสื่อประกอบ การเรียนการสอน รายวิชา ชีววิทยา 3 รหัสวิชา ว32243 เร่ือง การสังเคราะห์ดว้ ยแสง โดยมีวตั ถุประสงค์เพ่ือให้ผูเ้ รียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกบั การค้นควา้ ท่ีเกี่ยวข้องกับ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตและการให้ คาจากดั ความของกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ฉบับน้ี ประกอบด้วย คาช้ีแจง จุดประสงค์การเรียนรู้ เน้ือหา แบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลงั เรียน ใบกิจกรรม การทาผงั มโนทศั น์ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน - หลงั เรียน มีเน้ือหาความรู้ท่ีสามารถนามาใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจาวนั และเพิ่มเติมความรู้เพ่ือการศึกษาต่อในระดับสูง นาไปใช้เป็ นสื่อใน การจดั การเรียนการสอนของครูผูส้ อนให้กบั ผูเ้ รียน ซ่ึงผูเ้ รียนสามารถศึกษาคน้ ควา้ ให้เกิด การเรียนรู้และสามารถประเมินดูความกา้ วหนา้ พฒั นาตนเองได้ ในการจัดทาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ฉบับน้ี ผู้จัดทาหวงั เป็ นอย่างย่ิงว่าจะเกิด ประโยชน์สูงสุดทาให้ผูศ้ ึกษาบรรลุจุดหมายและเป็ นผูม้ ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของ หลกั สูตรที่จะช่วยใหก้ ารจดั การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยงิ่ ข้ึน ทิพยร์ ัตน์ เพลินสุข
คำชี้แจง 1. ให้นกั เรียนแบ่งออกเป็ น 6 กลุ่ม จากน้นั เลือกหัวหน้ากลุ่ม เลขานุการกลุ่ม ส่วน นกั เรียนท่ีเหลือเป็นสมาชิกกลุ่ม 2. ใหน้ กั เรียนทุกคนศึกษาผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 4. หวั หนา้ กลุ่มแบ่งเน้ือหาใหส้ มาชิกทุกคนศึกษาโดยวธิ ีการจบั สลาก ซ่ึงสมาชิกแตล่ ะ คนจะไดเ้ น้ือหาที่ตนเองรับผิดชอบ 1 เรื่อง เลขานุการกลุ่มจดบนั ทึกเรื่องท่ีสมาชิก แตล่ ะคนรับผดิ ชอบ 5. นกั เรียนแต่ละคนทาการศึกษาเน้ือหาท่ีตนเองรับผิดชอบโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากน้นั หวั หนา้ กลุ่มใหส้ มาชิกแต่ละคนรายงานเรื่องท่ีตนเองรับผดิ ชอบ โดย เรียงลาดบั จากใบความรู้ที่ 1 ถึง ใบความรู้ท่ี 6 เม่ือรายงานจบแต่ละเรื่องให้สมาชิก กลุ่มทุกคนสรุปเน้ือหาร่วมกนั และให้เลขานุการกลุ่มทาการจดบนั ทึกขอ้ สรุปใน แบบบนั ทึก 6. เม่ือสรุปทุกเรื่องเสร็จเรียบร้อยแลว้ ให้เลขานุการกลุ่มอา่ นขอ้ สรุปใหส้ มาชิกฟัง 7. นกั เรียนทาผงั มโนทศั นร์ ายบุคคล จากน้นั เลขานุการกลุ่มรวบรวมส่งครูผสู้ อน 8. นกั เรียนทาใบกิจกรรม เม่ือทาใบกิจกรรมเสร็จแลว้ ใหส้ มาชิกภายในกลุ่มเปล่ียนกนั ตรวจจากเฉลยท่ีอยู่ท้ายชุดกิจกรรม จากน้ันเลขานุการกลุ่มบันทึกคะแนนท่ีได้ รายบุคคลนาส่งครูผสู้ อน 9. ในข้นั ตอนสุดทา้ ยของการเรียนโดยใชช้ ุดกิจกรรม ให้นกั เรียนเริ่มทาแบบทดสอบ พร้อมกนั โดยครูจะเป็นผกู้ าหนดเวลาเริ่มตน้ และใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบโดยใช้ เวลา 10 นาที เม่ือทาแบบทดสอบเสร็จแลว้ ใหส้ มาชิกภายในกลุ่มเปล่ียนกนั ตรวจ จากเฉลยที่อยทู่ า้ ยชุดกิจกรรม จากน้นั เลขานุการกลุ่มบนั ทึกคะแนนที่ไดร้ ายบุคคล นาส่งครูผสู้ อน 10. เม่ือนกั เรียนสงสัยในข้นั ตอนใดข้นั ตอนหน่ึงในชุดกิจกรรมหรือเน้ือหาสาระตา่ งๆ นกั เรียนสามารถซกั ถามเพอ่ื นหรือครูผสู้ อนท่ีคอยใหค้ าปรึกษาในขณะท่ีนกั เรียน ศึกษาเน้ือหาจากชุดกิจกรรม
ข้นั ตอนในกำรศึกษำเนือ้ หำรำยบุคคล ศึกษำผลกำรเรียนรู้ที่คำดหวงั และจุดประสงค์กำรเรียนรู้ ↓ ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ↓ ศึกษำเนือ้ หำ ↓ อภิปรำยและสรุปเนือ้ หำ ↓ ทำใบกจิ กรรมที่ 1 ↓ ทำผงั มโนทศั น์รำยบุคคล ↓ ทำใบกจิ กรรมท่ี 2 ↓ ทำแบบทดสอบเป็ นรำยบุคคล
มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ▪ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ช่วงช้ัน ม.4-6 สารวจ ตรวจสอบ อภิปราย และอธิบาย การรักษาดุลยภาพของร่างกายสัตว์ กลไกในการควบคุมดุลยภาพของร่างกายมนุษย์ และนาความรู้ไปใชใ้ นชีวติ และในการศึกษา หาความรู้เพ่มิ เติม (ว 1.1-1) ▪ มำตรฐำน ว 1.1 เขา้ ใจหน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวติ ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้าง และหนา้ ที่ ของระบบตา่ ง ๆ ของส่ิงมีชีวติ ที่ทางานสัมพนั ธ์กนั มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้ สื่อสาร สิ่งท่ีเรียนรู้ และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชีวติ ของตนเอง และดูแลสิ่งมีชีวติ ผลกำรเรียนรู้ สืบคน้ ขอ้ มูล วิเคราะห์และสรุปผลการคน้ ควา้ ของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตจนถึงปัจจุบนั เก่ียวกบั กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
จุดประสงค์กำรเรียนรู้ ด้ำนควำมรู้ 1. นกั เรียนสามารถวิเคราะห์และสรุปผลการคน้ ควา้ ของนกั วิทยาศาสตร์ใน อดีตเกี่ยวกบั การสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ 2. นักเรียนสามารถอธิบายและสรุปข้ันตอนที่สาคัญของกระบวนการ สงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ ด้ำนทกั ษะ 1. นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลการค้นควา้ ของนักวิทยาศาสตร์ในอดีต เกี่ยวกบั การสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ ด้ำนคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ซื่อสัตย์ 2. มีวนิ ยั 3. ใฝ่ เรียนรู้ 4. ความมุง่ มน่ั ในการทางาน 5. มีเจตคติท่ีดีตอ่ วทิ ยาศาสตร์
สำรบัญ หน้ำ ข เร่ือง ค คานา ง คาช้ีแจง จ ข้นั ตอนในการศึกษาเน้ือหารายบุคคล จ มาตรฐานการเรียนรู้ ฉ ผลการเรียนรู้ ช จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1 สารบญั 4 แบบทดสอบก่อนเรียน 5 ใบความรู้ที่ 1 7 ใบความรู้ท่ี 2 9 ใบความรู้ท่ี 3 10 ใบความรู้ท่ี 4 11 ใบความรู้ท่ี 5 12 ใบความรู้ท่ี 6 14 ใบกิจกรรมที่ 1 15 การทาผงั มโนทศั น์ 16 ใบกิจกรรมที่ 2 19 แบบทดสอบหลงั เรียน 21 เฉลยใบกิจกรรมท่ี 1 22 เฉลยการทาผงั มโนทศั น์ 23 เฉลยใบกิจกรรมที่ 2 24 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 25 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 26 บรรณานุกรม แบบประเมินชุดกิจกรรม
แบบทดสอบก่อนเรียน ชุดกจิ กรรม เรื่อง กำรค้นคว้ำทเ่ี กยี่ วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง วชิ า ชีววทิ ยำ3 รหสั วชิ า ว32243 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5 คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบทถี่ ูกทส่ี ุดเพยี งข้อเดียว 1. อินเก็น ฮูซ คน้ พบเก่ียวกบั อะไร ก. อากาศที่ใชใ้ นการหายใจของสตั ว์ คือ O2 ข. พืชสามารถเปล่ียนอากาศเสียใหเ้ ป็นอากาศดีไดต้ อ้ งมีแสง ค. แก๊สท่ีเกิดจากการลุกไหม้ คือ CO2 ง. น้าหนกั ท่ีเพ่มิ ข้ึนของพืช มาจาก CO2 2. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ ูกตอ้ งเกี่ยวกบั ปฏิกิริยา แสง คลอโรพลาสต์ + น้า + เกลือเฟอริก เกลือเฟอรัส + ออกซิเจน ก. ปฏิกิริยาน้ีตอ้ งอาศยั น้า ข. เกลือเฟอริกทาหนา้ ที่เป็นตวั ออกซิไดซ์ ค. ถา้ ปฏิกิริยาน้ีขาดแสง ผลลพั ธ์ท่ีไดย้ งั คงเหมือนเดิม ง. ปฏิกิริยาน้ีจะขาดคลอโรพลาสตไ์ ม่ได้ 3. บุคคลใดที่พบสารอินทรียท์ ี่พืชสงั เคราะห์ได้ คือน้าตาล ก. เองเกลมนั ข. จูเลียส ซาซ ค. ฌอง ซีนีบิเยอร์ ง. โรบิน ฮิลล์ 4. นกั วทิ ยาศาสตร์ที่กล่าววา่ น้าหนกั ของพืชมาจากน้าเทา่ น้นั คือการคน้ พบของ ก. แวน เฮลมองต์ ข. โจเซฟ พลีสตล์ ีย์ ค. อินเกน็ ฮูซ ง. แวนนีล
5. ศึกษาสมการจากกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงท้งั สองต่อไปน้ี CO2 + H2O16 + พลงั งาน กลูโคส + O216 + น้า CO2 + H2O + พลงั งาน กลูโคส + O2 + น้า จากสมการเป็นหลกั ฐานยนื ยนั วา่ ก. ออกซิเจนที่เกิดข้ึน ไดม้ าจากน้า ข. ออกซิเจนที่เกิดข้ึน ไดม้ าจากคาร์บอนไดออกไซด์ ค. ออกซิเจนในโมเลกุลของกลูโคส ไดม้ าจากน้า ง. ออกซิเจนในโมเลกุลของน้าที่เกิดข้ึน ไดม้ าจากคาร์บอนไดออกไซด์ 6. การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงประกอบดว้ ย 2 ข้นั ตอน คือ ปฏิกิริยาแสงและปฏิกิริยาตรึง คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นการคน้ พบของ ก. จูเลียส ซาซ ข. ฌอง ซีนีบิเยอร์ ค. แดเนียล อาร์นอน ง. แวน เฮลมองต์ 7. บุคคลใดที่คน้ พบการแตกตวั ของน้ามีตวั รับอิเล็กตรอน ออกซิเจนจึงจะหลุดออกมา เป็ นอิสระ ก. แวนนีล ข. จเู ลียส ซาซ ค. อินเก็น ฮซู ง. โรบิน ฮิลล์ 8. อากาศเสียสามารถเปล่ียนเป็ นอากาศดีได้ ตอ้ งมีอะไรเป็ นส่วนประกอบตาม การทดลองของโจเซฟ พริสตล์ ีย์ ก. ออกซิเจน ข. พชื สีเขียว ค. น้า ง. แสง
9. บุคคลใดท่ีคน้ พบสาหร่ายสไปโรไจราใชแ้ สงสีแดงและแสงสีน้าเงินในกระบวนการ สงั เคราะห์ดว้ ยแสงมากที่สุด ก. เองเกลมนั ข. แดเนียล อาร์นอน ค. ฌอง ซีนีบิเยอร์ ง. รูเบนและคาเมน 10. จากแผนผงั การสร้างอาหารของพืชที่นิโคลสั ธีโอดอร์ เอดโซซูร์ คน้ พบ คือ พชื สีเขียว แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ + น้า สารอินทรีย์ + แก๊สออกซิเจน แสงสวา่ ง น้นั เขามีหลกั ฐานอะไร ก. หลกั ฐานจากการคายน้าของพชื ข. หลกั ฐานจากการดูดน้าของราก ค. พืชมีใบสีเขียว ง. น้าหนกั ของพืชท่ีเพิ่มข้ึนมากกวา่ น้าหนกั ของแก๊สที่พืชไดร้ ับ พวกเรำ มาทดสอบความรู้ กอ่ นเขา้ สบู่ ทเรียนกนั นะคะ
ใบควำมรู้ท่ี 1 เรื่อง กำรค้นคว้ำทเ่ี กยี่ วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง ชื่อนักวทิ ยำศำสตร์ : ฌอง แบบตสิ ท์ แวน เฮลมองท์ (Jean Baptiste Van Helmont) ในปี พ.ศ. 2191 ( ค.ศ. 1648 )ไดม้ ีการพิมพผ์ ลงานของ ฌอง แบบตสิ ท์ แวน เฮลมองท์ (Jean Baptiste Van Helmont) นักวิทยาศาสตร์ชาวเบลเยียม ที่ทาการทดลองอย่างหน่ึงที่ น่าสนใจและมีความสาคญั มากทางชีววิทยา โดยปลูกตน้ หลิวหนกั 5 ปอนด์ในถงั ใบใหญ่ที่ บรรจุดินซ่ึงทาให้แห้งสนิทหนกั 200 ปอนดแ์ ลว้ ปิ ดฝาถงั ระหวา่ งทาการทดลองไดร้ ดน้าตน้ หลิวท่ีปลูกไวท้ ุกๆ วนั ดว้ ยน้าฝนเป็ นระยะเวลา 5 ปี ตน้ หลิวเจริญเติบโตข้ึนมาก เม่ือนาตน้ หลิวท่ีไม่มีดินติดอยทู่ ี่รากไปชง่ั น้าหนกั ปรากฏวา่ ตน้ หลิวหนกั 169 ปอนด์ 3 ออนซ์ (ตวั เลขน้ี ไม่ไดร้ วมน้าหนกั ใบซ่ึงร่วงไปแต่ละปี ) และเม่ือนาดินในถงั ไปทาใหแ้ หง้ แลว้ นาไปชง่ั ปรากฏ วา่ มีน้าหนกั นอ้ ยกวา่ ดินท่ีใชก้ ่อนทาการทดลองเพียง 2 ออนซ์เทา่ น้นั รูปท่ี 1.1 การทดลองของฌอง แบบติสท์ แวน เฮลมองท์ ท่ีมา : http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=73998 วนั ที่สืบคน้ 10/08/2556 แวน เฮลมองท์ ไดส้ รุปผลการทดลองวา่ น้าหนกั ของตน้ หลิวที่เพ่มิ ข้ึน มาจาก นำ้ เพยี งอยา่ ง เดียวโดยท่ีเขาไม่ไดน้ ึกถึง ก๊ำซในอำกำศ ซ่ึงมีส่วนเกี่ยวขอ้ งดว้ ยหรือแมแ้ ต่ดิน ความจริงแลว้ น้ าหนักของดินท่ีหายไปน้ันก็เป็ นส่วนท่ีพืชนาไปใช้ในการดารงชีวิต และจาเป็ นต่อ การเจริญเติบโตและมีส่วนทาใหน้ ้าหนกั เพิ่มข้ึนดว้ ย
ใบควำมรู้ท่ี 2 เร่ืองกำรค้นคว้ำทเ่ี กย่ี วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง ช่ือนักวทิ ยำศำสตร์ : โจเซฟ พริสต์ลยี ์ (Joseph Priestley) ใ น ปี พ .ศ . 2315 ( ค .ศ . 1772 ) โ จ เซ ฟ พ ริ ส ต์ ลี ย์ (Joseph Priestley) นกั วิทยาศาสตร์ชาวองั กฤษ ไดพ้ ิมพผ์ ลงานท่ีทาการทดลองโดยจ่อเทียนไขไวใ้ นครอบแก้ว ปรากฏวา่ สักครู่เทียนไขก็ดบั และเม่ือใส่หนูเขา้ ไปในครอบแกว้ ครู่ต่อมาหนูก็ตาย เม่ือนาหนู ท่ีมีชีวิตไปไวใ้ นครอบแกว้ เดิมที่เทียนไขดบั ปรากฏวา่ หนูตายเกือบทนั ทีและเมื่อจุดเทียนไข แลว้ นาไปใส่ในครอบแกว้ เดิมที่หนูตายอยแู่ ลว้ ปรากฏวา่ เทียนไขดบั เกือบทนั ที อากาศท่ีหนู หายใจออกมาและอากาศที่ทาใหเ้ ทียนไขดบั ในสมยั น้นั เรียกวา่ \"อำกำศเสีย\" สิ่งที่สงสัยในยคุ น้นั ก็คือ คนและสัตวอ์ ื่นๆ เป็ นจานวนมากกาลงั หายใจอยู่ตลอดเวลา และยงั มีการเผาไหมส้ ิ่ง ต่างๆ ถา้ เป็ นเช่นน้นั ไปเรื่อยๆ ในท่ีสุดอากาศที่ใชใ้ นการหายใจหรือช่วยในการลุกไหม้ มิถูก ทาลายให้หมดไปหรือ เขาไดท้ ดลองนาหนูใส่ไวใ้ นครอบแกว้ เดียวกนั กบั พืชสีเขียว ปรากฏวา่ ท้งั พืชและหนูสามารถมีชีวติ อยไู่ ด้ รูปท่ี 1.2 การทดลองที่ 1 ของโจเซฟ พริสตล์ ีย์ ท่ีมา : http://www.thaigoodview.com วนั ท่ีสืบคน้ 10/08/2556 บงั เอิญคร้ังหน่ึงพริสตล์ ียไ์ ดน้ าเอาพืชสีเขียวใส่ในครอบแกว้ ที่เคยจุดเทียนไขเอาไว้ ก่อนแลว้ อีก 10 วนั ต่อมา เม่ือจุดเทียนไขในครอบแกว้ น้นั ใหม่ ปรากฏวา่ เทียนไขลุกไหมอ้ ยู่
ได้ระยะหน่ึง โดยไม่ดับทนั ที หลายคร้ังที่พริสต์ลียไ์ ด้แบ่งอากาศหลงั จากเทียนไขดบั แล้ว ออกเป็ น 2 ส่วน นาพืชใส่ไวใ้ นส่วนหน่ึง และอีกส่วนหน่ึงใส่แต่แกว้ บรรจุน้า ทิ้งไวร้ ะยะหน่ึง จุดเทียนไขอากาศท้งั 2 ส่วน พบวา่ เทียนไขลุกไหมไ้ ดร้ ะยะหน่ึงในอากาศส่วนแรก แต่จะดบั ทนั ทีในอากาศส่วนที่สองหลงั จากน้นั เขาไดศ้ ึกษาคุณสมบตั ิของกา๊ ซและอากาศ และทราบวา่ \" อากาศดี\" ช่วยในการเผาไหมแ้ ละการหายใจของสัตว์ แต่การหายใจของสัตวแ์ ละการเผาไหม้ ของเทียนไขทาใหเ้ กิด \"อากาศเสีย\" *พริสตล์ ีย์ มิไดย้ ้าถึงความสาคญั ของส่วนท่ีมีสีเขียวของพืชในการที่สามารถทาใหอ้ ากาศดี ข้ึน และ ไม่ไดค้ านึงถึงวา่ พืชจะมีความสามารถในการทาให้อากาศดีข้ึนไดก้ ็ต่อเม่ือพืชไดร้ ับ แสงสว่ำง เทา่ น้นั รูปที่ 1.3 การทดลองที่ 2 ของโจเซฟ พริสตล์ ีย์ ท่ีมา : http://www.thaigoodview.com วนั ท่ีสืบคน้ 10/08/2556
ใบควำมรู้ท่ี 3 เร่ืองกำรค้นคว้ำทเี่ ก่ียวข้องกับกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง ชื่อนักวทิ ยำศำสตร์ : แจน อินเกน็ ฮูซ (Jan Ingen Housz) พ.ศ. 2322 ( ค.ศ. 1779 ) แจน อินเก็น ฮูซ (Jan Ingen Housz) นายแพทยช์ าวดัทช์ ( ฮอลนั ดา )ไดพ้ ิสูจน์ใหเ้ ห็นวา่ การทดลองของพริสตล์ ียจ์ ะไดผ้ ลกต็ ่อเม่ือพชื ไดร้ ับแสงสว่ำง และเฉพำะส่วนสีเขียวของพืช เท่าน้นั ที่มีประสิทธิภาพในการเปล่ียน \"อากาศเสีย\" ให้เป็ น \"อากาศดี\" คือถา้ มีแสงสวา่ งพืชสีเขียวสามารถเปลี่ยนก๊าซ CO2 เป็ นสารอาหาร และ O2 ได้ จากความรู้ทางวิชาเคมีซ่ึงพฒั นาข้ึนอย่างรวดเร็ว ในระยะใกลเ้ คียงกบั ท่ีพริสต์ลีย์ และอินเก็น ฮูซ ทดลองน้นั พบวา่ แก๊สท่ีเกิดจากการลุกไหมแ้ ละแก๊สที่เกิดจากการหายใจ ออกของสัตว์เป็ นแก๊สชนิดเดียวกัน คือ CO2 ส่วนแก๊สท่ีช่วยในการลุกไหม้และใช้ใน การหายใจของสัตว์ คือ O2 แสดงวา่ เม่ือพืชไดร้ ับแสง พืชจะนาแก๊สคาร์บอนไดออกไซดเ์ ขา้ ไป และปล่อยแก๊สออกซิเจนออกมา แสง CO2 → พืช → O2 และเม่ือปี พ.ศ. 2329 อินเก็น ฮูซ ยงั คน้ พบเพ่ิมเติมอีกวา่ พชื เก็บธาตุคาร์บอนไวใ้ นรูป ของสารอินทรียอ์ ีกดว้ ย รูปท่ี 1.4 การทดลองของอินเกน็ ฮซู http://www.thaigoodview.com วนั ที่สืบคน้ 10/08/2556 ช่ือนักวทิ ยำศำสตร์ : นิโคลำส ธีโอดอร์ เดอ โซซูร์ (Nicolas Theodore de Soussure)
ปี พ.ศ. 2347 นกั วทิ ยาศาสตร์ชาวสวสิ ช่ือ นิโคลำส ธีโอดอร์ เดอ โซซูร์ (Nicolas Theodore de Soussure) ไดท้ าการทดลองให้เห็นว่าน้าหนกั ของพืชที่เพิ่มข้ึนมากกวา่ น้าหนกั ของแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ท่ีไดร้ ับ เขาจึงสรุปวา่ น้าหนกั ท่ีเพม่ิ ข้ึนบางส่วนเป็นน้าหนกั ของน้าท่ีพืช ไดร้ ับ พชื สีเขียว CO2 + นำ้ สำรอนิ ทรีย์ทม่ี ีคำร์บอนเป็ นองค์ประกอบ + O2 แสงสว่ำง จากการทดลองโดยการวิเคราะห์ทางเคมีในเวลาต่อมาพบว่าสารอินทรียท์ ่ีได้จาก การสร้างอาหารของพืช คือ สารประเภทคาร์โบไฮเดรต จากผลการศึกษาคน้ ควา้ ทดลอง จึง เขียนสรุปกระบวนการสร้างคาร์โบไฮเดรตไดด้ งั น้ี พชื สีเขยี ว CO2 + H2O C6H12O6 + O2 แสงสว่ำง จากการศึกษาต่อมาคน้ พบวา่ คาร์โบไฮเดรตที่ไดค้ ือน้าตาลโดยทวั่ ไปจะเขียนสูตร ของน้ าตาลโมเลกุลเดี่ยวคือน้ าตาลเฮกโซส (C6 H12 O6) แทนคาร์โบไฮเดรต การสร้าง คาร์โบไฮเดรตของพืชท่ีอาศยั แสงดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาน้ีเรียกวา่ กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง (photosynthesis) พื ชใช้น้ าตาล ท่ี ได้จากกระบ วน ก ารน้ี เป็ น วัตถุ ดิ บ ใน การส ร้าง คาร์โบไฮเดรตรูปอ่ืน รวมท้งั สารอาหารอ่ืนๆ เช่น ไขมนั โปรตีน เป็ นตน้ และนาไปใช้ใน กิจกรรมตา่ งๆ ของพืช
ใบควำมรู้ท่ี 4 เร่ืองกำรค้นคว้ำทเ่ี ก่ียวข้องกับกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง ช่ือนักวทิ ยำศำสตร์ : แวน นีล (Van Niel) ในปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) แวน นีล (Van Niel) นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกาแห่ง มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ทดลองเล้ียงแบคทีเรี ยที่สังเคราะห์ด้วยแสงโดยไม่ใช้น้ าแต่ใช้ ไฮโดรเจนซลั ไฟด์แทน พบวา่ ผลท่ีไดจ้ ากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงแทนท่ีจะไดแ้ ก๊สออกซิเจนกลบั เกิดซลั เฟอร์แทน คาร์บอนไดออกไซด์ แบคทีเรียท่ีสามารถ คาร์โบไฮเดรต ไฮโดรเจนซลั ไฟด์ สงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ น้า ซลั เฟอร์ แวน นีล จึงเสนอสมมุติฐานวา่ ในกระบวนการสร้างคาร์โบไฮเดรตของพืชน้นั น่าจะคลา้ ยคลึง กบั การสร้างคาร์โบไฮเดรตของแบคทีเรีย กค็ ือในการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื โมเลกุลของน้าถูก แยกสลายไดอ้ อกซิเจนเป็นอิสระ ในปี พ.ศ. 2484 สมมุติฐานของ แวน นีล ก็ไดร้ ับการสนบั สนุนจากการทดลองของนกั วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มหน่ึง โดยใชส้ าหร่ายสีเขียวปริมาณเทา่ กนั ใส่ลงในขวดแกว้ 2 ใบ แลว้ ใส่น้าและคาร์บอนได- ออกไซดล์ งไปในขวดท้งั สองดงั น้ี รูปที่ 1.5 การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงจะปล่อยออกซิเจนออกมา ท่ีมา : https://sanookpuppui.wordpress.com วนั ที่สืบคน้ 10/08/2556 จากการทดลองจึงสรุปวา่ แก๊สออกซิเจนท่ีเกิดข้ึนเป็นออกซิเจนชนิดเดียวกบั ออกซิเจนใน โมเลกุลของน้า
ใบควำมรู้ที่ 5 เร่ืองกำรค้นคว้ำทเี่ กี่ยวข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง ชื่อนักวทิ ยำศำสตร์ : โรบนิ ฮิลล์ (Robin Hill) ในปี พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932)โรบิน ฮิลล์ (Robin Hill) ทาการทดลองผา่ นแสงเขา้ ไปใน ของผสมซ่ึงมีเกลือเฟอริกและคลอโรพลาสตท์ ่ีสกดั ออกมาจากผกั โขม ปรากฏวา่ เกลือเฟอริก เปล่ียนเป็ นเกลือเฟอรัสและมีออกซิเจนเกิดข้ึน แต่ถา้ ในของผสมไม่มีเกลือเฟอริกก็จะไม่เกิด แก๊สออกซิเจน รูปที่ 1.6 การทดลองของฮิลล์ ท่ีมา : http://www.myfirstbrain.com วนั ท่ีสืบคน้ 10/08/2556 เกลือเฟอริกเปลี่ยนเป็ นเกลือเฟอรัสไดก้ ็เพราะไดร้ ับอิเล็กตรอนจากน้าซ่ึงแตกตวั ได้ เม่ือมีคลอโรพลาสต์และแสง ขณะเดียวกันก็มีออกซิเจนเกิดข้ึนในปฏิกิริยาด้วย แสดงว่า เกลือ เฟอริกทาหนา้ ที่เป็ นตวั ออกซิไดส์ (สารที่รับอิเล็กตรอน) ซ่ึงจากการคน้ ควา้ ต่อมาพบวา่ ในพืชมีสารที่ทาหน้าที่เป็ นตวั ออกซิไดส์หลายชนิด เช่น นิโคตินาไมด์อะดีนีนไดนิวคลี- โอไทด์ฟอสเฟต (nicotinamide adenine dinucleotide phosphote) เขียนย่อ ๆ ว่า NADP+ จากการทดลองของฮิลล์ สรุปไดว้ า่ เมื่อคลอโรพลาสตไ์ ดร้ ับพลงั งานจากแสง และมี ส ารรับ อิ เล็ก ตรอน อยู่ด้วย น้ าก็จะแตก ตัวให้ ออก ซิ เจน ได้โดยไม่จาเป็ น ต้องมี คาร์บอนไดออกไซด์ การทดลองของฮิลลค์ ร้ังน้ีก่อให้เกิดการตื่นตวั กนั มาก เพราะปฏิกิริยาที่ เขาทดลองน้ีมีการปลดปล่อยแก๊สออกซิเจนเช่นเดียวกบั พืช แต่ในการทดลองของเขาใชเ้ พียง คลอโรพลาสต์ ซ่ึงเป็ นออร์แกเนลล์ของเซลล์พืชเท่าน้ัน จากการทดลองน้ีจึงนาไปสู่ แนวความคิดว่าปฏิกิริยาการสังเคราะห์ด้วยแสงน่าจะมีอย่างน้อย 2 ข้นั ตอนใหญ่คือข้นั ท่ี ปล่อยแกส๊ ออกซิเจนกบั ข้นั ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ใบควำมรู้ท่ี 6 เร่ืองกำรค้นคว้ำทเี่ ก่ียวข้องกับกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วย แสง ช่ื อ นั ก วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ : แ ด เนี ย ล อ ำ ร์ น อ น (Daniel Arnon) ในปี พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) แดเนียล อำร์ นอน (Daniel Arnon ) และคณะแห่ง มหาวิทยาลยั แคลิฟอร์เนียที่เบิร์กเลย์ ไดศ้ ึกษารายละเอียดเกี่ยวกบั การทดลองของฮิลล์ อาร์นอน ดงั น้ี การทดลองท่ี 1 โดยนาคลอโรพลาสตท์ ่ีสกดั จากผกั โขมกบั น้าแบง่ เป็น 2 ชุด ดงั น้ี รูปที่ 1.7 การทดลองที่ 1 ของแดเนียล อาร์นอน ที่มา : http://www.myfirstbrain.com วนั ที่สืบคน้ 10/08/2556 เม่ือผา่ นแสงท้งั 2 ชุด พบวา่ ชุดท่ี 1 เกิด NADPH ,ATP และ O2 ส่วนชุดท่ี 2 เกิด ATP อยา่ งเดียว รูปที่ 1.8 การทดลองท่ี 1 ของแดเนียล อาร์นอน ที่มา : http://www.myfirstbrain.com วนั ท่ีสืบคน้ 10/08/2556 การทดลองท่ี 2 นาคลอโรพลาสต์ท่ีสกัดจากผกั โขมผสมกับน้ามาเติม CO2 , ATP และ NADPH โดยไม่ต้องผ่านแสง พบว่า เกิดน้ าตาล , ADP , Pi และ NADP+ เขาจึงสรุปว่า ปัจจยั ที่ใชใ้ นการสังเคราะห์น้าตาลคือ NADPH , ATP และ CO2 โดยไม่ใชแ้ สง
ใบกจิ กรรมท่ี 1 ชุดกจิ กรรม เรื่อง ประวตั ิกำรค้นคว้ำทเ่ี กย่ี วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง วชิ า ชีววทิ ยำ 3 รหสั วชิ า ว32243 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5 คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนสรุปผลที่ไดจ้ ากการคน้ ควา้ ทดลองของนกั วทิ ยาศาสตร์เกี่ยวกบั กระบวนการสังเคราะห์แสง 1. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ ฌอง แบบติสท์ แวน เฮลมองท์ (Jean Baptiste Van Helmont) สรุปวา่ ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… 2. จากการทดลองที่ 1 ของ โจเซฟ พริสตล์ ีย์ (Joseph Priestley) สรุปวา่ ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… 3. จากการทดลองที่ 2 ของ โจเซฟ พริสตล์ ีย์ (Joseph Priestley) สรุปวา่ ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… 4. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ แจน อินเก็น ฮูซ (Jan Ingen Housz) สรุปวา่ ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… 5. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ นิโคลาส ธีโอดอร์ เดอ โซซูร์ (Nicolas Theodore de Soussure) สรุปวา่ ………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………
6. ถา้ ขอ้ สันนิษฐานของนิโคลาส ธีโอดอร์ เดอ โซซูร์เป็ นจริง นกั เรียนจะสรุปแผนภาพ การสร้างอาหารของพชื เม่ือไดร้ ับแสงไดอ้ ยา่ งไร ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… 7. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ แวน นีล (Van Niel) สรุปวา่ ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… 8. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ โรบิน ฮิลล์ (Robin Hill) สรุปวา่ ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… 9. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ แดเนียล อาร์นอน (Daniel Arnon ) ข้นั ตอนการสงั เคราะห์แสง ประกอบดว้ ยข้นั ตอนใหญ่ๆ อะไรบา้ ง สรุปเป็ นแผนภาพไดอ้ ยา่ งไร ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… 10. จากการทดลองของโรบิน ฮิลล์ และการทดลองของแดเนียล อาร์นอน มีความเกี่ยวขอ้ ง กนั อยา่ งไร ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… นาย/นางสาว....................................................เลขานุการกลุ่ม ผบู้ นั ทึก
กำรทำผงั มโนทัศน์ คำชี้แจง ให้นกั เรียนทาผงั มโนทศั น์เร่ืองประวตั ิการคน้ ควา้ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กระบวนการสังเคราะห์ ดว้ ยแสง (10 คะแนน)
ใบกจิ กรรมที่ 2 ชุดกจิ กรรม เรื่อง ประวตั กิ ำรค้นคว้ำทเ่ี กยี่ วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง วชิ า ชีววทิ ยำ 3 รหสั วชิ า ว32243 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5 คำชีแ้ จง 1. ขอ้ สอบมีท้งั หมด 10 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน 2. ใหน้ กั เรียนทาเคร่ืองหมาย / หนา้ ขอ้ ท่ีเห็นวา่ ถกู ตอ้ งและทาเคร่ืองหมาย X หนา้ ขอ้ ท่ีเห็น วา่ ผดิ 1........ แกส๊ ที่เกิดจากการลกุ ไหมแ้ ละแก๊สที่เกิดจากการหายใจออกของสตั วเ์ ป็นแก๊สชนิด เดียวกนั คือ ส่วนแก๊สท่ีช่วยในการลุกไหมแ้ ละใชใ้ นการหายใจเขา้ ของสตั วก์ เ็ ป็นแก๊ส ชนิดเดียวกนั 2........การท่ี แวน เฮลมองท์ สรุปผลการทดลองวา่ น้าหนกั ของตน้ หลิวท่ีเพิ่มข้ึน มาจาก น้า เพียงอยา่ งเดียวเท่าน้นั ถือเป็นขอ้ สรุปที่ถกู ตอ้ งและสมบูรณ์ที่สุด 3........ พืชสีเขียวสามารถเปลี่ยนก๊าซ CO2 เป็นสารอาหาร และ O2 ได้ ไม่วา่ จะมีแสงสวา่ ง หรือไมก่ ต็ าม 4........ ออกซิเจนท่ีไดจ้ ากกระบวนการสงั เคราะห์แสง มาจากโมเลกลุ ของ คาร์บอนไดออกไซด์ 5........ แบคทีเรียบางชนิด ( Green sulfur bacteria และ Purple sulfur bacteria ) สามารถ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงไดโ้ ดยไม่ใชน้ ้า แต่ใชไ้ ฮโดรเจนซลั ไฟด์ ( H2 S )จึงได้ H เกิดข้ึน 6........ ปัจจยั ในการสงั เคราะหน์ ้าตาล คือ ATP และ NADPH+H+ไม่ใช่แสง 7........ เมื่อคลอโรพลาสตไ์ ดร้ ับพลงั งานจากแสง และมีสารรับอิเลก็ ตรอนอยดู่ ว้ ย น้ากจ็ ะ แตกตวั ใหอ้ อกซิเจนไดโ้ ดยไม่จาเป็นตอ้ งมีคาร์บอนไดออกไซด์ 8........ พืชจะให้ NADPH+H+ และ O2 เมื่อไดร้ ับคาร์บอนไดออกไซด์ 9........ แวน นีล เสนอสมมติฐานวา่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของแบคทีเรียคลา้ ยพืช 10....... ถา้ ทาการทดลองผา่ นแสงเขา้ ไปในของผสมซ่ึงมีเกลือเฟอริกและคลอโรพลาสตท์ ี่ สกดั ออกมาจากผกั โขม ปรากฏวา่ เกลือเฟอริกเปล่ียนเป็นเกลือเฟอรัสและมีO2เกิดข้ึน
แบบทดสอบหลงั เรียน ชุดกจิ กรรม เร่ือง ประวตั กิ ำรค้นคว้ำทเ่ี กย่ี วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง วชิ า ชีววทิ ยำ 3 รหสั วชิ า ว32243 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5 คำชี้แจง ให้นักเรียนเลอื กคำตอบทถ่ี ูกทส่ี ุดเพยี งข้อเดียว 1. อินเก็น ฮซู คน้ พบเก่ียวกบั อะไร ก. อากาศท่ีใชใ้ นการหายใจของสัตว์ คือ O2 ข. พืชสามารถเปลี่ยนอากาศเสียใหเ้ ป็นอากาศดีไดต้ อ้ งมีแสง ค. แก๊สท่ีเกิดจากการลุกไหม้ คือ CO2 ง. น้าหนกั ท่ีเพมิ่ ข้ึนของพชื มาจาก CO2 2. นกั วทิ ยาศาสตร์ที่กล่าววา่ น้าหนกั ของพืชมาจากน้าเท่าน้นั คือการคน้ พบของ ก. แวน เฮลมองต์ ข. โจเซฟ พลีสตล์ ีย์ ค. อินเก็น ฮูซ ง. แวนนีล 3. กล่าวไม่ถูกตอ้ งเกี่ยวกบั ปฏิกิริยา แสง เกลือเฟอรัส + ออกซิเจน คลอโรพลาสต์ + น้า + เกลือเฟอริก ก. ปฏิกิริยาน้ีตอ้ งอาศยั น้า ข. เกลือเฟอริกทาหนา้ ท่ีเป็นตวั ออกซิไดซ์ ค. ถา้ ปฏิกิริยาน้ีขาดแสง ผลลพั ธ์ท่ีไดย้ งั คงเหมือนเดิม ง. ปฏิกิริยาน้ีจะขาดคลอโรพลาสตไ์ มไ่ ด้ 4. บุคคลใดท่ีพบสารอินทรียท์ ี่พืชสงั เคราะห์ได้ คือน้าตาล ก. เองเกลมนั ข. จูเลียส ซาซ ค. ฌอง ซีนีบิเยอร์ ง. โรบิน ฮิลล์
5. อากาศเสียสามารถเปล่ียนเป็ นอากาศดีได้ ตอ้ งมีอะไรเป็ นส่วนประกอบตามการ ทดลองของโจเซฟ พริสตล์ ีย์ ก. ออกซิเจน ข. พชื สีเขียว ค. น้า ง. แสง 6. บุคคลใดท่ีคน้ พบสาหร่ายสไปโรไจราใชแ้ สงสีแดงและแสงสีน้าเงินในกระบวนการ สงั เคราะห์ดว้ ยแสงมากที่สุด ก. เองเกลมนั ข. แดเนียล อาร์นอน ค. ฌอง ซีนีบิเยอร์ ง. รูเบนและคาเมน 7. การสังเคราะห์ดว้ ยแสงประกอบดว้ ย 2 ข้นั ตอน คือ ปฏิกิริยาแสงและปฏิกิริยาตรึง คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นการคน้ พบของ ก. จเู ลียส ซาซ ข. ฌอง ซีนีบิเยอร์ ค. แดเนียล อาร์นอน ง. แวน เฮลมองต์ 8. บุคคลใดท่ีคน้ พบการแตกตวั ของน้ามีตวั รับอิเลก็ ตรอน ออกซิเจนจึงจะหลุดออกมา เป็ นอิสระ ก. แวนนีล ข. จูเลียส ซาซ ค. อินเก็น ฮซู ง. โรบิน ฮิลล์ 9. จากแผนผงั การสร้างอาหารของพืชท่ีนิโคลสั ธีโอดอร์ เอดโซซูร์ คน้ พบ คือ พืชสีเขียว แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ + น้า สารอินทรีย์ + แก๊สออกซิเจน แสงสวา่ ง น้นั เขามีหลกั ฐานอะไร ก. หลกั ฐานจากการคายน้าของพชื ข. หลกั ฐานจากการดูดน้าของราก ค. พชื มีใบสีเขียว ง. น้าหนกั ของพืชท่ีเพม่ิ ข้ึนมากกวา่ น้าหนกั ของแกส๊ ท่ีพชื ไดร้ ับ
10. สมการจากกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงท้งั สองต่อไปน้ี CO2 + H2O16 + พลงั งาน กลูโคส + O216 + น้า CO2 + H2O + พลงั งาน กลูโคส + O2 + น้า จากสมการเป็นหลกั ฐานยนื ยนั วา่ ก. ออกซิเจนที่เกิดข้ึน ไดม้ าจากน้า ข. ออกซิเจนที่เกิดข้ึน ไดม้ าจากคาร์บอนไดออกไซด์ ค. ออกซิเจนในโมเลกุลของกลูโคส ไดม้ าจากน้า ง. ออกซิเจนในโมเลกุลของน้าท่ีเกิดข้ึน ไดม้ าจากคาร์บอนไดออกไซด์
เฉลยใบกจิ กรรมที่ 1 ชุดกจิ กรรม เร่ือง ประวตั ิกำรค้นคว้ำทเ่ี กย่ี วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง วชิ า ชีววทิ ยำ 3 รหสั วชิ า ว32243 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5 คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนสรุปผลท่ีไดจ้ ากการคน้ ควา้ ทดลองของนกั วทิ ยาศาสตร์เก่ียวกบั กระบวนการสังเคราะห์แสง 1. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ ฌอง แบบติสท์ แวน เฮลมองท์ (Jean Baptiste Van Helmont) สรุปวา่ ตอบ น้าหนกั ของตน้ หลิวที่เพิม่ ข้ึนมาจากน้าเทา่ น้นั 2. จากการทดลองที่ 1 ของ โจเซฟ พริสตล์ ีย์ (Joseph Priestley) สรุปวา่ ตอบ ในครอบแกว้ ท่ีเทียนไขดบั มีแก๊สท่ีทาใหห้ นูตาย และในครอบแกว้ ท่ีทาให้หนูตายมี แกส๊ ท่ีทาใหเ้ ทียนไขดบั 3. จากการทดลองท่ี 2 ของ โจเซฟ พริสตล์ ีย์ (Joseph Priestley) สรุปวา่ ตอบ พืชสามารถเปล่ียนอากาศเสียใหเ้ ป็นอากาศดีได้ จึงทาใหเ้ ทียนไขลุกไหม้ 4. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ แจน อินเกน็ ฮซู (Jan Ingen Housz) สรุปวา่ ตอบ 1. การท่ีพชื เปลี่ยนอากาศเสียใหเ้ ป็นอากาศดีได้ พชื จะตอ้ งไดร้ ับแสงดว้ ย 2. พืชเกบ็ ธาตุคาร์บอนซ่ึงไดจ้ ากก๊าซคาร์บอนไดออกไซดไ์ วใ้ นรูปของสารอินทรีย์ 5. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ นิโคลาส ธีโอดอร์ เดอ โซซูร์ (Nicolas Theodore de Soussure) สรุปวา่ ตอบ น้าหนกั ท่ีเพม่ิ ข้ึนบางส่วนเป็นน้าหนกั ของแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดท์ ่ีพืชไดร้ ับ
6. ถา้ ขอ้ สนั นิษฐานของนิโคลาส ธีโอดอร์ เดอ โซซูร์เป็ นจริง นกั เรียนจะสรุปแผนภาพ การสร้างอาหารของพชื เมื่อไดร้ ับแสงไดอ้ ยา่ งไร ตอบ แสง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ พืช แกส๊ ออกซิเจน น้า สารอินทรีย์ 7. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ แวน นีล (Van Niel) สรุปวา่ ตอบ กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของแบคทีเรียน่าจะคลา้ ยคลึงกบั พืช นน่ั คือ การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช โมเลกุลของน้าจะแยกสลายใหอ้ อกซิเจนเป็ นอิสระ 8. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ โรบิน ฮิลล์ (Robin Hill) สรุปวา่ ตอบ เกลือเฟอริกเปล่ียนเป็นเกลือเฟอรัสไดเ้ พราะไดร้ ับอิเล็กตรอนจากการแตกตวั ของน้าซ่ึง ปล่อยแก๊สออกซิเจนออกมา 9. จากการศึกษาคน้ ควา้ ของ แดเนียล อาร์นอน (Daniel Arnon ) ข้นั ตอนการสงั เคราะห์แสง ประกอบดว้ ยข้นั ตอนใหญๆ่ อะไรบา้ ง สรุปเป็ นแผนภาพไดอ้ ยา่ งไร ตอบ มี 2 ข้นั ตอน คือ 1. ข้นั ตอนของการใชแ้ สง แสง น้า คลอโรฟิ ลล์ NADPH + ATP + O2 NADP+ + ADP + Pi 2. ข้นั ตอนของการใชค้ าร์บอนไดออกไซด์ น้า คลอโรฟิ ลล์ น้าตาล + NADP+ + ADP + Pi CO2 + NADPH + ATP 10. จากการทดลองของโรบิน ฮิลล์ และการทดลองของแดเนียล อาร์นอน มีความเก่ียวขอ้ ง กนั อยา่ งไร ตอบ จากการทดลองของโรบิน ฮิลล์ และการทดลองของแดเนียล อาร์นอน มีความเกี่ยวขอ้ งท่ี เหมือนกนั คือ เม่ือคลอโรพลาสตไ์ ดร้ ับพลงั งานแสง และมีตวั รับอิเลก็ ตรอน(เกลือเฟอริกและ NADP+ + ADP + Pi ) อยดู่ ว้ ยจะทาใหน้ ้าแตกตวั ใหอ้ ิเล็กตรอนและแก๊สออกซิเจนออกมาได้
เฉลยกำรทำผงั มโนทัศน์ คำชี้แจง ให้นกั เรียนทาผงั มโนทศั น์เรื่องประวตั ิการคน้ ควา้ ที่เก่ียวขอ้ งกบั กระบวนการสังเคราะห์ ดว้ ยแสง (10 คะแนน) น้าหนกั ของตน้ หลิวที่เพิ่มข้ึน ในครอบแกว้ ท่ีเทียนไขดบั มี มาจากน้าเท่าน้นั แก๊สที่ทาให้หนูตาย และใน ข้ันตอนการสังเคราะห์แสงมี 2 ครอบแกว้ ท่ีทาใหห้ นูตายมีแก๊ส ข้นั ตอน คือ 1 ข้นั ตอนของการใช้ ท่ีทาให้ เทียนไขดบั แ ส ง 2. ข้ั น ต อ น ข อ ง ก า ร ใ ช้ คาร์บอนไดออกไซด์ พชื สามารถเปลี่ยนอากาศ เสียใหเ้ ป็นอากาศดีได้ จึงทา ให้เทียนไขลุกไหม้ แดเนียล อาร์นอน ฌอง แบบติสท์ แวน เฮลมองท์ โจเซฟ พริสตล์ ีย์ ของ โรบิน ฮิลล์ เกลือเฟอริ กเปล่ียนเป็ นเกลือ การคน้ ควา้ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั แจน อินเกน็ ฮูซ เฟอรัสไดเ้ พราะไดร้ ับ อเ ิเลก็ ตรอนจากการแตกตวั ของ กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ย การที่พืชเปลี่ยน น้าซ่ึงปล่อยแก๊สออกซิเจน อากาศเสียใหเ้ ป็น ออกมา แสง อากาศดีได้ พืช จะตอ้ งไดร้ ับแสง แวน นีล นิโคลาส ธีโอดอร์ ดว้ ย เดอ โซซูร์ การสงั เคราะห์ดว้ ย น้ าหนักท่ีเพ่ิมข้ึนบางส่วนเป็ น พืชเก็บธาตุคาร์บอน แสงของพชื โมเลกุล น้ า ห นั ก ข อ ง แ ก๊ ส ซ่ึงไดจ้ ากกา๊ ซ CO2 ของน้าจะแยกสลายให้ คาร์บอนไดออกไซดท์ ี่พชื ไดร้ ับ ไวใ้ นรูปของ ออกซิเจนเป็ นอิสระ สารอินทรีย์
เฉลยใบกจิ กรรมท่ี 2 ชุดกจิ กรรม เรื่อง ประวตั กิ ำรค้นคว้ำทเ่ี กย่ี วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง วชิ า ชีววทิ ยำ 3 รหสั วชิ า ว32243 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5 คำชีแ้ จง 1. ขอ้ สอบมีท้งั หมด 10 ขอ้ ขอ้ ละ 10 คะแนน 2. ใหน้ กั เรียนทาเครื่องหมาย / หนา้ ขอ้ ท่ีเห็นวา่ ถูกตอ้ งและทาเคร่ืองหมาย X หนา้ ขอ้ ท่ีเห็นวา่ ผดิ 1..../.... แกส๊ ท่ีเกิดจากการลกุ ไหมแ้ ละแก๊สท่ีเกิดจากการหายใจออกของสตั วเ์ ป็นแกส๊ ชนิดเดียวกนั คือ ส่วนแก๊สที่ช่วยในการลกุ ไหมแ้ ละใชใ้ นการหายใจเขา้ ของสตั วก์ เ็ ป็นแกส๊ ชนิดเดียวกนั 2....X....การท่ี แวน เฮลมองท์ สรุปผลการทดลองวา่ น้าหนกั ของตน้ หลิวท่ีเพิ่มข้ึน มาจาก น้ำ เพียง อยา่ งเดียวเท่าน้นั ถือเป็นขอ้ สรุปท่ีถกู ตอ้ งและสมบูรณ์ท่ีสุด 3....X.... พชื สีเขียวสามารถเปล่ียนก๊าซ CO2 เป็นสารอาหาร และ O2 ได้ ไม่วา่ จะมีแสงสวา่ งหรือไม่ก็ ตาม 4....X.... ออกซิเจนที่ไดจ้ ากกระบวนการสงั เคราะหแ์ สง มาจากโมเลกลุ ของคาร์บอนไดออกไซด์ 5....X.... แบคทีเรียบางชนิด ( Green sulfur bacteria และ Purple sulfur bacteria ) สามารถสงั เคราะห์ ดว้ ยแสงไดโ้ ดยไมใ่ ชน้ ้า แต่ใชไ้ ฮโดรเจนซลั ไฟด์ ( H2 S ) จึงไดไ้ ฮโดรเจน ( H ) เกิดข้ึน 6..../.... ปัจจยั ในการสงั เคราะห์น้าตาล คือ ATP และ NADPH+H+ไม่ใช่แสง 7..../.... เมื่อคลอโรพลาสตไ์ ดร้ ับพลงั งานจากแสง และมีสารรับอิเลก็ ตรอนอยดู่ ว้ ย น้ากจ็ ะแตกตวั ให้ ออกซิเจนไดโ้ ดยไม่จาเป็นตอ้ งมีคาร์บอนไดออกไซด์ 8....X.... พืชจะให้ NADPH+H+ และ O2 เม่ือไดร้ ับ คาร์บอนไดออกไซด์ 9..../.... แวน นีล เสนอสมมติฐานวา่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของแบคทีเรียคลา้ ยพืช 10.../.... ถา้ ทาการทดลองผา่ นแสงเขา้ ไปในของผสมซ่ึงมีเกลือเฟอริกและคลอโรพลาสตท์ ี่สกดั ออกมา จากผกั โขม ปรากฏวา่ เกลือเฟอริกเปลี่ยนเป็นเกลือเฟอรัสและมีออกซิเจนเกิด
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดกจิ กรรม เร่ือง กำรค้นคว้ำท่ีเกยี่ วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง วชิ า ชีววทิ ยำ 3 รหสั วชิ า ว32243 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 5 ข้อที่ ก คำตอบ ง 1 ขค 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ตรวจคำตอบ ดูนะคะวา่ เราทาไดก้ ่ขี ้อเอย่
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน ชุดกจิ กรรม เรื่อง ประวตั กิ ำรค้นคว้ำทเี่ กย่ี วข้องกบั กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง วชิ า ชีววทิ ยำ 3 รหสั วชิ า ว32243 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5 ข้อที่ ก คำตอบ ง 1 ขค 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ตรวจคำตอบ ดูนะคะว่า เราสามารถ นาความรมู้ าใช้ทาขอ้ สอบไดด้ หี รอื ไม่
บรรณำนุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. หนงั สือแบบเรียนวชิ าชีววทิ ยา . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พค์ ุรุสภาลาดพร้าว. 2536. ฌิชชช์ น ช่ืนชุมพวง. คูม่ ือเตรียมสอบชีววทิ ยา ม. 4-5-6 Entrance. กรุงเทพฯ : บริษทั ไอ.คิว. บุค๊ เซนเตอร์ จากดั . 2541. ประสงค์ หลาสะอาดและจิตเกษม หลาสะอาด. คู่มือ ENTRANCE ระบบใหม่ ชีววทิ ยา ม. 4-5-6. กรุงเทพฯ : พ.ศ. พฒั นาจากดั . 2546. พมิ พนั ธ์ เดชะคุปตแ์ ละคณะ. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ชีววทิ ยาช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 กรุงเทพฯ : บริษทั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ. 2548. พชั รี พิพฒั น์วรกลุ . รวมหลกั ชีววทิ ยาม.ปลาย เล่ม 2 (ฉบบั สมบรู ณ์) ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5. กรุงเทพฯ : ฟิ สิกส์เซนเตอร์, 2543. ราชบณั ฑิตยสถาน. ศพั ทพ์ ฤกษศาสตร์ องั กฤษ-ไทย ไทย-องั กฤษ ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน. พิมพค์ ร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ : ราชบณั ฑิตยสถาน. 2546. ราชบณั ฑิตยสถาน. ศพั ทว์ ทิ ยาศาสตร์ องั กฤษ-ไทย ไทย-องั กฤษ ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน. พมิ พค์ ร้ังท่ี 5. (แกไ้ ขเพิม่ เติม). กรุงเทพฯ : ราชบณั ฑิตยสถาน. 2546. สมาน แกว้ ไวยทุ ธ. 100 จุดเนน้ ชีววทิ ยา ม. 4-5-6. กรุงเทพฯ : บริษทั ไฮเอด็ พบั ลิชชิ่ง จากดั , 2537. สัมฤทธ์ิ เฟ่ื องจนั ทร์. สรีรวทิ ยาการพฒั นาการพืช. พิมพค์ ร้ังที่ 1. กรุงเทพฯ : คลงั นานาวทิ ยา, 2544. https://krunichatcha.wordpress.com https://sanookpuppui.wordpress.com http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=73998 http://www.thaigoodview.com
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: