สง่ สารบ้านเราสงบสุข วารสารบ้านเราสงบสขุ พบกันอีกครั้งกับ “วารสารบ้านเราสงบสุข” ฉบับเดือนเมษายน นติ ยสารภาพข่าวทักษณิ๒๕๖๐ โดยในเล่มนี้จะขอน�ำเสนอ เร่ืองการจัดงานเมาลิดกลาง ประธานกรรมการอำ�นวยการแห่งประเทศไทย อันเป็นเทศกาลส�ำคัญของพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่จัดสืบต่อกันมาอย่างต่อเน่ือง เพื่อร�ำลึกและแสดงความกตัญญูต่อ อาทติ ย์ บญุ ญะโสภตัท่านนบีมูฮ�ำมัดผู้เป็นศาสดาแห่งศาสนาอิสลามและที่ส�ำคัญในปีนี้ รองประธานกรรมการอำ�นวยการสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผู้เป็นอัครศาสนูปถัมภก ทรงเสด็จพระราชด�ำเนิน รณภพ เหลืองไพโรจน์, ชำ�นาญวทิ ย์ เตรตั น์, ศกั ดิช์ ยั แตงฮอ่ร่วมงานด้วยพระองค์เอง ดว้ ยพระมหากรุณาธคิ ุณแก่พสกนกิ รทกุ หมูเ่ หล่า เลขานุการคณะกรรมการอำ�นวยการใต้รม่ พระบารมปี กเกล้าปกกระหม่อม ดว้ ยวาระมหามงคลทสี่ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ศกั ดิ์ฤทธิ์ สลกั คำ�ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๒ พรรษา ในวันท่ี ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ จงึ เป็น หัวหน้าส�ำ นักงานโอกาสดที จี่ ะขอเชญิ ชวนทกุ ๆคนใหร้ ะลกึ ถงึ พระราชกรณยี กจิ นานาประการ ศกั ด์ิชัย แตงฮ่อท่ีพระองค์ทรงท�ำเพ่ือประชาชนและน้อมน�ำพระองค์มาเป็นแบบอย่าง รองหวั หนา้ สำ�นกั งานและบรรณาธิการอันเป็นมงคลแก่ตนเองและครอบครัวในการท่ีจะร่วมกันอุทิศตน ศักด์ิฤทธิ์ สลกั ค�ำท�ำประโยชนเ์ พอื่ สว่ นรวมตามแตก่ �ำลงั ความสามารถ ผูช้ ว่ ยบรรณาธิการ แม้อยู่บนความเช่ืออันหลากหลาย ทุกศาสนาล้วนมีหลักค�ำสอน จักเรศ พิทยาคมทผี่ นู้ บั ถอื ศรทั ธาจะไดป้ ระโยชนท์ งั้ ตอ่ ตนเองและผอู้ นื่ การทเ่ี ราพงึ ปฏบิ ตั ติ นอันเป็นกุศลแท้จริง ตลอดจนเผยแพร่หลักค�ำสอนให้เป็นท่ีประจักษ์ ผจู้ ดั การย่อมน�ำไปสู่ความสงบสุขร่มเย็น ของสังคมส่วนรวมได้เช่นเดียวกัน.... จักเรศ พทิ ยาคมแลว้ พบกันใหมใ่ นฉบบั ตอ่ ไป เลขานุการบรรณาธิการ ฐวัฒน์ ช่วยชวู งษ์ (นายศักดฤิ์ ทธิ์ สลกั ค�ำ) กองบรรณาธิการ 5. 6.บรรณาธกิ าร จกั เรศ พิทยาคม, กชนฑั พฒั นะวชิ ัย, ฐวฒั น์ ชว่ ยชวู งษ์, ชวนรู้ ชวนคดิ ชมพิชา ชาญกล, บณั ฑรู สุนทรสมบัติ , ตรีเพชร ปณุ ยวรารักษ์,3. พัณณช์ ิตา น�ำ พูลสขุ สนั ต,์ิ ปยิ ะวุฒิ ชน่ื กล่ิน, อมร นามบุตร, กัลยา ประสิทธิ์ภาคย,์ ณรงวิทย์ พบพาน, ปริญญา เทยี นทรพั ย์, บทความพเิ ศษ สายสทิ ธิ์ จึงจรสั ทรพั ย,์ อติพงษ์ ไชยกลุ , พุทธพิ งษ์ ศัตรูพินาศ,• อะไรคือเขตแดน • ผใู้ หญ่บ้าน นกั พฒั นา • เปลี่ยน Mindset จ.อ.สมุ าศ ธรรมสาร, เจตน์พงศ์ โชคสวัสดิว์ รกลุ , อาสา รับใชป้ ระชาชน ชีวติ เปลยี่ น ชยพล อคั รจิรากุล, สันตภิ าพ คุณศิรวิ ฒั นา7. รู้ไว(้ ใคร)วา่ พสิ ูจน์อักษร• การบริโภคเพือ่ ประสิทธภิ าพในการทำ�งาน ปริญญา เทียนทรพั ย์ บทความหรอื ขอ้ เขยี นในวารสารบา้ นเราสงบสขุ เปน็ ความเหน็ สว่ นตวั กองบรรณาธกิ าร กองจดั การ ไม่จ�ำ เป็นต้องเห็นด้วยและไม่ผูกพันกับกรมการปกครองแตอ่ ยา่ งใด รัชภรณ์ รัชตวัฒนธ์ นกลุ , ปรญิ ญา เทยี นทรัพย์, อตพิ งษ์ ไชยกลุ ,ISAB 2 สุดาวัลย์ ฉตั รสวุ รรณยิง่ , พชั รีย์ นทั ธี, สุดารตั น์ แก่นเพช็ ร, กาญจนา มาตวิจิตร,์ ขวัญใจ จีนสุข, ปรีชา บุญเกื้อ, วัลล สายสรอ้ ย, สันตภิ าพ คณุ ศิรวิ ัฒนา สำ�นักงาน กองบรรณาธกิ ารวารสารบ้านเราสงบสุข สำ�นกั กิจการความมั่นคงภายใน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ถนนอัษฎางค์ แขวงวัดราชบพธิ เขตพระนคร กรงุ เทพฯ ๑๐๒๐๐ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๒๑ ๐๑๕๑ ต่อ ๓๑๖๐ โทรสาร ๐ ๒๒๒๒ ๘๘๖๐ E-mail : [email protected] พิมพท์ ี่ บพธิ การพมิ พ์ เลขท่ี ๗๐ ถนนราชบพิธ แขวงวัดราชบพธิ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ จำ�นวน ๑,๒๐๐ ฉบับ
อะไรคือ “เขตแดน”? บทความพเิ ศษ :กชนัฑ พฒั นะวิชยัเจา้ พนักงานปกครองช�ำนาญการพิเศษกลุม่ งานกจิ การชายแดน ส่วนกจิ การชายแดนและผู้อพยพ หลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินค�ำวา่ “เขตแดน” มาบา้ ง และ เส้นแบ่งเขตแดนโดยใชส้ นั ปนั น้ำ� อาจจะเคยตงั้ คำ� ถามกนั วา่ “เขตแดน” คอื อะไร มคี วามสำ� คญั ที่มา : http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book. หรอื ไม่ อยา่ งไร บทความน้ี จะมาไขขอ้ ขอ้ งใจเหลา่ นน้ั ค่ะ php?book=32&chap=5&page=t32-5-infodetail02.html ในอดีต เขตแดนเป็นเพียง “บริเวณ” ไกลท่ีสุดท่ีรัฐ สามารถใช้อ�ำนาจปกครองไปถึง และพร้อมที่จะใช้ก�ำลัง เดินทางติดต่อระหว่างกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ ๒ ด้านของภูเขา หรือ ปอ้ งกนั เมอื่ มศี ตั รรู กุ ราน แตเ่มอ่ื ยคุ สมยั เปลยี่ นไป ความจำ� เปน็ ทิวเขานั้น ดังน้ัน จึงนิยมใช้ภูเขาหรือทิวเขาเป็นแนวแบ่งเขตแดน และความตอ้ งการใชป้ ระโยชนจ์ ากดนิ แดนมเีพมิ่ มากขน้ึ รฐั ตา่ ง ๆ ระหว่างประเทศ โดยหลักที่นิยมใช้กันมาก คือ เส้นสันปันน้�ำ จึงเรมิ่ กำ� หนดเขตแดนระหว่างกันให้ชดั เจนย่ิงขึน้ เปน็ ล�ำดบั (Watershed line หรอื Water dividing line) ซงึ่ เปน็ เสน้ สมมติ ทล่ี ากเชอื่ มจดุ ตา่ ง ๆ บนสนั เขา ซง่ึ แบง่ นำ้� ทอี่ ยแู่ ตล่ ะดา้ นของสนั เขา s เขตแดนคอื อะไร? ให้ไหลในทิศทางตรงข้ามกันไปสู่แม่น้�ำล�ำธาร ในกรณีที่มีสันเขา แยกออกเป็นหลายสัน จะยึดถือสันเขาท่ีมีความต่อเน่ืองมากที่สุด ค�ำว่า “เขตแดน” แทจ้ ริงแลว้ ค�ำน้ีเป็นค�ำส้ัน ๆ ของ เป็นแนวของสันปันน�้ำ นั่นคือ สันเขาที่สูงท่ีสุดไม่จ�ำเป็นต้องเป็นค�ำทางการวา่ “เสน้ แบง่ เขตแดนระหวา่ งประเทศ” (International สันปันน�้ำเสมอไป แต่สันเขาท่ีสูง และมีความต่อเนื่องมากที่สุดBoundary Line) เปน็ เสน้ สมมตทิ ก่ี �ำหนดขน้ึ ระหวา่ งรฐั เพอ่ื แสดง มกั ได้รบั การพจิ ารณาให้เปน็ สนั ปันน้ำ�“ขอบเขตอ�ำนาจอธปิ ไตยของรฐั ” ตนตามหลกั กฎหมายระหวา่ ง - การใช้แม่น�้ำ การก�ำหนดเส้นแบ่งเขตแดนในแม่น้�ำประเทศวา่ ไดม้ าสนิ้ สดุ ทเี่ สน้ สมมตนิ ้ี เสน้ เขตแดนระหวา่ งประเทศ มีวธิ ีก�ำหนดได้หลายวธิ ี แตว่ ิธีทใ่ี ชก้ นั มากมี ๕ วิธี ดังนี้ดังกล่าวท�ำให้ประเทศไทยจ�ำเป็นต้องปักปันเขตแดนกับประเทศ (๑) การก�ำหนดให้ใช้ฝั่งทั้งสองของแม่น้�ำเป็นเส้นแบ่งเพอื่ นบา้ น โดยยดึ แนวเสน้ เขตแดนในรปู แบบตา่ ง ๆ ทง้ั นี้ เสน้ แบง่ เขตแดน ตามวิธีน้ีแม่น�้ำจะเป็นกรรมสิทธ์ิ หรือเขตอธิปไตยร่วมเขตแดนระหว่างประเทศจะต้องมีการจัดท�ำเป็นเอกสารสัญญา (Joint Sovereignty) ของทงั้ ๒ ประเทศ ตัวอย่างเช่น แมน่ ำ�้ เมยความตกลงในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมท้ังแผนที่แนบท้าย รวมถึงมี และแม่น�้ำสาละวิน ซ่ึงก�ำหนดให้ฝั่งท้ังสองเป็นเส้นแบ่งเขตแดนหลักเขตแดนปักไว้บนพ้ืนที่ภูมิประเทศท่ีสังเกตเห็นได้ชัดเจน ระหวา่ งประเทศไทยกับเมียนมาซงึ่ มผี ลใชบ้ งั คับจนถึงทุกวันนี้ (๒) การก�ำหนดใหใ้ ชแ้ นวกง่ึ กลางหรอื เสน้ มธั ยะ (Me- dian Line) ของแม่น�้ำเปน็ เส้นแบง่ เขตแดน เส้นกึง่ กลางหรอื เสน้ s การก�ำหนดเสน้ แบง่ เขตแดนระหวา่ งประเทศ มธั ยะนี้ หมายถงึ เสน้ ทล่ี ากไปตามแนวกง่ึ กลางความกวา้ งของล�ำนำ้� ในระดบั นำ�้ เฉลยี่ แบง่ ล�ำนำ�้ ออกเปน็ ๒ สว่ นเทา่ ๆ กนั ซึง่ การใช้เสน้แบ่งไดเ้ ปน็ ๒ ประเภท คือ การใช้เส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติ ก่ึงกลางหรือเส้นมัธยะน้ี เป็นการให้ความเท่าเทียมกันในการใช้และการใชเ้ สน้ แบง่ เขตแดนที่สรา้ งขน้ึ ประโยชน์จากแม่น�ำ้ แกร่ ัฐบนชายฝ่ังทง้ั สองของแมน่ ้ำ� ๑. การใช้เส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติ (NaturalBoundary Line) จะยดึ เอาสง่ิ ทเี่ ปน็ สภาพธรรมชาตทิ างกายภาพที่เด่น เปลี่ยนแปลงได้ยาก และมองเห็นได้ชัดอย่างเป็นรูปธรรมมาใชเ้ ปน็ หลักในการแบง่ เส้นเขตแดนระหว่างกัน อาทิ ภูเขา หรอืทวิ เขา แมน่ �ำ้ อา่ ว ทะเลสาบ ทะเลทราย ชอ่ งแคบ ปา่ ไม้ และหนองบึง โดยมีหลักการส�ำคญั ดังนี้ - การใช้ภเู ขาหรอื ทวิ เขา ภูเขา หรอื ทวิ เขาเปน็ สภาพธรรมชาติที่มองเห็นได้ชัดเจน อีกท้ังยังเป็นอุปสรรคกีดขวางการ ISAB 3
บทความพเิ ศษ : อะไรคือ “เขตแดน”? (๓) การก�ำหนดใหใ้ ชแ้ นวรอ่ งนำ้� ลกึ (Thalweg) เปน็ เสน้ หลักเขตแดน ซึ่งแสดงตำ� แหนง่ แนวเสน้ เขตแดนระหว่างประเทศไทย – เมียนมาแบง่ เขตแดน นยิ มใชใ้ นแมน่ ำ้� ขนาดใหญท่ ใ่ี ชเ้ ดนิ เรอื ได้ (Navigable บรเิ วณแม่น�ำ้ สาย - แมน่ �ำ้ รวกRiver) เพ่ือเป็นหลักในสิทธิอันชอบธรรมท่ีเท่าเทียมกันของรัฐชายฝง่ั ท้ังสองของแมน่ ำ�้ ทงั้ ในการใชน้ �้ำ และสิทธเิ สรีภาพในการ ทมี่ า : http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.เดนิ เรือ php?book=32&chap=5&page=t32-5-infodetail01.html (๔) การก�ำหนดเส้นแบ่งเขตแดนโดยค�ำนึงถึงสภาพธรรมชาตขิ องแมน่ ำ้� ในกรณที แี่ มน่ ำ้� มี ๒ รอ่ งนำ้� ในตอนใดตอนหนง่ึ ประชาชนท่ีมีวฒั นธรรม และประเพณอี ย่างเดียวกัน สามารถอยู่โดยเฉพาะอย่างย่ิงท่ีบริเวณปากแม่น�้ำ อาจก�ำหนดเส้นแบ่ง ร่วมกันได้โดยสันติ บางคร้ังเรียกว่า แนวเขตแดนเชิงวัฒนธรรมเขตแดนกัน โดยให้แต่ละรัฐเป็นเจ้าของ และเดินเรือในร่องน้�ำ (Cultural Boundary)ของตนเอง (๓) เส้นแบ่งเขตแดนทางมานุษยวิทยา - ภูมิศาสตร์ (๕) การก�ำหนดเส้นแบ่งเขตแดนโดยใช้หลักต่างกัน (Anthropo - Geographic Boundary Line) เป็นแนวความคดิแต่ละช่วงของล�ำน�้ำ วิธีน้ีมีหลักอยู่ว่าการจะใช้ หรือก�ำหนดเส้น ท่คี �ำนึงถึงองค์ประกอบ ท้งั ในทางเชอ้ื ชาติ วฒั นธรรม และสภาพแบ่งเขตแดนแบบใดกับแม่น้�ำ เพ่ือแบ่งอาณาเขตหรือดินแดน ภูมิประเทศ น�ำมาประกอบกัน ในการท่ีจะก�ำหนดแนวหรือเส้นระหวา่ งรฐั น้ัน จะต้องพิจารณาสภาพโดยธรรมชาติของแม่น�้ำน้นั แบ่งเขตแดนระหว่างประเทศเป็นช่วงๆ ว่า จะเหมาะสมกับการใช้วิธีใด อาจใช้หลายวิธีผสม แม้ว่าการก�ำหนดเส้นเขตแดนระหว่างประเทศจะเป็นผสานกันในแมน่ ำ้� สายนน้ั กไ็ ด้ สงิ่ ทสี่ มมตขิ น้ึ เพอื่ ก�ำหนดขอบเขตชดั เจนของรฐั ในการด�ำเนนิ การ ๒. การใช้เส้นแบ่งเขตแดนท่ีสร้างข้ึน (Artificial ใด ๆ ในอาณาบรเิ วณทก่ี �ำหนด แตส่ ิ่งส�ำคัญประการหน่งึ ของรฐัBoundary Line) คือ ใช้สิ่งที่มนุษย์สร้างหรือจัดท�ำขึ้นโดยไม่ และประชาชนในพืน้ ทบี่ รเิ วณชายแดน คือ การเคารพสทิ ธิ และอาศยั สภาพธรรมชาติ เชน่ สรา้ งก�ำแพง รวั้ สะพาน ถนน อนสุ าวรยี ์ การสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกันตามแนวชายแดนท่ีเป็นหรือสงิ่ กอ่ สรา้ งอนื่ ๆ นิยมใชใ้ นการแบง่ เส้นเขตแดนบริเวณที่ราบ เส้นเขตแดนนั้น โดยมุ่งหวังว่าแม้รัฐจะมีเขตแดนมาก�ำหนดพื้นที่ทงุ่ โลง่ หรอื ไมม่ สี ภาพธรรมชาตทิ เ่ี ดน่ ๆ อยา่ งอน่ื ปรากฏอยู่ จ�ำเปน็ ออกจากกัน แต่มิได้ท�ำให้ความสัมพันธ์ระดับพ้ืนท่ีท่ีมีอยู่จะต้องต้องสร้างหรือจัดท�ำส่ิงท่ีจะบ่งบอกแนวเขตแดนให้มองเห็นได้ ถูกก�ำหนดให้แยกขาดจากกันไปด้วยแต่อย่างใด ซึ่งนั่นคือชดั เจน เพ่อื จะไดไ้ ม่เกิดกรณีรุกล้ำ� ดินแดนกนั ขึน้ มีวิธีการต่าง ๆ ส่ิงท่ีกรมการปกครองตระหนักและให้ความส�ำคัญผ่านการปฏิบัติทสี่ �ำคัญดงั น้ี หน้าท่ีการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความม่ันคงภายใน (๑) เส้นแบ่งเขตแดนทางเรขาคณิต (Geometric ประเทศ รวมถงึ ด�ำเนนิ การเกย่ี วกบั งานกจิ กรรมชายแดนตลอดมาBoundary Line) เป็นแนวเขตแดนท่ีอาศัยหลักเกณฑ์ทางเรขาคณติ ก�ำหนดแนวข้ึน เชน่ ใช้แนวละตจิ ดู หรอื ลองจิจูด หรือตามส่วนโค้งของเส้นเมริเดียนและเส้นขนานละติจูด หรือใช้เส้นตรง ทล่ี ากเชอื่ มระหวา่ งจดุ ๒ จดุ แนวเขตแดนตามหลกั เกณฑท์ างเรขาคณิตนี้ เป็นเพียงแนวสมมติ ไม่อาจมองเห็นไดใ้ นพืน้ ท่ี หรือในภมู ปิ ระเทศของเขตแดนนนั้ ๆ เวน้ แตจ่ ะไดม้ กี ารปกั ปนั เขตแดนหรือปกั หลกั เขตแดนกันแลว้ เทา่ นัน้ (๒) เส้นแบ่งเขตแดนทางพันธุศาสตร์ (GeneticBoundary Line) เปน็ การแบง่ แนวเขตแดนโดยยดึ เอาหลกั เกณฑ์ทางวัฒนธรรม ศาสนา และภาษา เป็นตัวก�ำหนด ท้ังนี้เพ่ือให้ISAB 4
“ผู้ใหญบ่ า้ นนักพัฒนา อาสา รบั ใช้ประชาชน” เรียบเรียง : อมร นามบตุ ร คนแกร่ง คนเก่ง ฉบับเดือนเมษายนนี้ ทีมงานบ้านเราสงบสุขอยากน�ำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รู้จัก ผู้ใหญ่บ้านทา่ นหนง่ึ ซง่ึ ความสามารถในการปฏบิ ตั งิ านในพน้ื ท่ี จนเกดิ ประโยชน์แกป่ ระชาชนและทางราชการ โดยมผี ลงานเปน็ ทป่ี ระจกั ษไ์ ดร้ บัการยอมรบั จากราษฎรในหมู่บ้านและผบู้ งั คบั บัญชาทกุ ระดบั “ปณธิ านของผม ท�ำงานดว้ ยใจ ซอ่ื ตรง ไมเ่ อาเปรยี บใครมีจิตอาสา โดยไม่หวังผลตอบแทน” นี่คือหลักการท�ำงานของผู้ใหญ่ธนโชติ อุประ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านสวนเม่ียง หมู่ท่ี ๑ต�ำบลสวนเม่ยี ง อ�ำเภอชาติตระการ จังหวดั พิษณุโลก ผลการ ปฏิบัติงาน ก่อนที่ผู้ใหญ่ธนโชติจะมาด�ำรงต�ำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่บา้ นสวนเมี่ยง เคยมปี ญั หาดา้ นยาเสพติด และการลักลอบตดั ไมท้ �ำลายปา่ ผใู้ หญธ่ นโชตไิ ดพ้ าชดุ รกั ษาความปลอดภยั หมบู่ า้ นซง่ึ มอี ยใู่ นหมบู่ า้ น จ�ำนวน ๑๖ คน ออกลาดตระเวน ตง้ั จดุ ตรวจจดุ สกดั อยเู่ วรยามรกั ษาความปลอดภยั ทกุ วนั ท�ำใหป้ ญั หายาเสพตดิและการลกั ลอบตดั ไมใ้ นปา่ ชมุ ชนบา้ นสวนเมยี่ งลดลง นอกจากการรักษาความสงบเรียบร้อยแล้ว ผใู้ หญธ่ นโชตไิ ดส้ ่งเสริมหลักเศรษฐกจิ พอเพยี งในหมบู่ า้ น โดยสนบั สนนุ ใหร้ าษฎรทกุ ครวั เรอื นในหมู่บ้านปลูกผักสวนครัว ร้ัวกินได้ และท�ำตลาดชุมชนข้ึนโดยมจี ดุ ประสงคใ์ หร้ าษฎรน�ำผลผลติ ทางการเกษตรมาซอ้ื ขายแลกเปลย่ี นกนั ท�ำใหล้ ดรายจา่ ย เพมิ่ รายไดใ้ นครอบครวั นอกจากน้ีผู้ใหญธ่ นโชติ ไดใ้ ห้การชว่ ยเหลือ ดแู ล และเย่ียมเยียน ผู้ยากไร้ผพู้ กิ าร ผดู้ อ้ ยโอกาสในหมบู่ า้ น จนท�ำใหร้ าษฎรดงั กลา่ วมขี วญัก�ำลงั ใจในการด�ำเนนิ ชวี ติ และทสี่ �ำคญั ทา่ นเปน็ คนทม่ี จี ติ อาสาอย่างแรงกล้า ไม่ว่าจะเป็นอ�ำเภอหรือกระทรวงใดร้องขอให้ชว่ ยเหลอื งาน ทา่ นจะรบี เรง่ ด�ำเนนิ การหรอื ประสานงานจนเปน็เป็นท่ีประทับใจของผู้บังคับบัญชา จึงเห็นได้ว่าผู้ใหญ่ธนโชติเป็นนักปกครองที่บ�ำบัดทุกข์บ�ำรุงสุขให้กับประชาชนและช่วยเหลือทางราชการอย่างแท้จริง สมควรน�ำมาเผยแพร่เพ่ือเป็นตัวอย่างให้นักปกครองท่านอ่ืน น�ำหลักการท�ำงานไปปฏิบัติเพอื่ ใหเ้ กิดประโยชน์สขุ แก่ประชาชน ISAB 5
วิกานดา กลุ วนาโรจน์ กชนฑั พฒั นะวชิ ัยชวนรู้ ชวนคิด นกั ศึกษาสหกิจมหาวิทยาลยั วลัยลักษณ์ ส�ำนักกิจการความมน่ั คงภายในเปลี่ยน Mindset ชีวติ เปลี่ยน คุณเคยรู้สึกไม่มั่นใจในการต้องตัดสินใจกับบางส่ิงบางอย่างหรือการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับคนอ่ืนหรือไม่หากคณุ ก�ำลงั มคี �ำถามนอี้ ยใู่ นใจ ส่ิงนจี้ ะชว่ ยคณุ ได้ คอื การเปลีย่ น Mindset Mindset คือ กล่มุ ของความเชอื่ หรอื วิธีการคดิ ทส่ี ่งผลต่อพฤตกิ รรมมุมมองและทัศนคติ เป็นการสร้างแรงจงู ใจและเปน็ กระบวนการพฒั นาตนเองโดยการเปลย่ี นกระบวนการทางความคดิ การปรบั ทศั นคติ และการปรบั นสิ ยักระบวนการทางความคดิ จะเริ่มจากการตีความ พจิ ารณา หรือไตรต่ รองส่งิ ท่ีได้ แล้วสรุปเป็นความร้อู ย่างหนึ่งอย่างใดเพอ่ื สะสมความรูน้ ั้นไว้เป็นพนื้ ฐานเพอ่ื ใช้ในการเปรยี บเทียบและตัดสนิ ใจ ซึง่ Mindset แบ่งเป็น ๒ ประเภทคือ ๑. Growth Mindset (คนท่ีมีกรอบความคดิ แบบเตบิ โต) แนวคดิ นมี้ คี วามเชอื่ วา่ มนษุ ยส์ ามารถพฒั นาได้ ความสามารถสรา้ งไดด้ ว้ ยการเรยี นรู้ มองวา่ ปญั หาและอุปสรรคเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา ให้ความส�ำคัญกับความพยายาม มีความกระตือรือร้นท่ีจะเรียนรู้ชอบทจี่ ะเรยี นรจู้ ากปญั หา สนกุ เวลาทเี่ จอโจทยย์ าก ๆ มคี วามพยายามทจี่ ะหาทางแกไ้ ขปญั หาอปุ สรรค พฒั นาสงิ่ ใหม่ ๆทท่ี า้ ทาย มคี วามคิดสร้างสรรคใ์ หม่ ๆ มกั มคี �ำถาม ในเรอ่ื งการเรียน รวมถงึ สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ซึง่ การสร้าง Mindsetให้เตบิ โตไดส้ ามารถท�ำได้ ดงั น้ี • หยดุ เปรยี บเทยี บ แตล่ ะคนจะมจี ดุ เดน่ จดุ ดอ้ ยไมเ่ หมอื นกนั คณุ ควรหาจดุ แขง็ ของตวั เอง ภมู ใิ จในสง่ิ ทตี่ วั เองมอี ยู่ และมคี วามสขุ กบัความส�ำเรจ็ ของตัวเอง ไม่เอาตวั เองไปเปรียบเทยี บกับคนอ่นื • ทกุ อยา่ งไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งเหมอื นกบั สงิ่ เราคดิ ไวเ้ สมอ เราตอ้ งยอมรบั ความจรงิ วา่ ในโลกนไ้ี มม่ อี ะไรเปน็ อยา่ งทเี่ ราคดิ ไดท้ ง้ั หมด เราตอ้ งเชอ่ื มน่ัวา่ เราจะท�ำใหด้ ที ส่ี ดุ เตม็ ความสามารถ พรอ้ มเผชญิ หนา้ กบั ปญั หาและอปุ สรรคทเี่ กดิ ขน้ึ • หาหลักฐานเสรมิ ความคดิ เมือ่ ไหรท่ คี่ ุณคดิ ว่า คณุ ท�ำไม่ได้หรือท�ำได้กไ็ ม่ดี คุณควรหยดุ ความคดิ เหล่านี้ เพราะส่งิ ทค่ี ุณก�ำลงั ท�ำอยนู่ น้ัอาจจะเป็นเพราะคุณคิดไปเอง ส่ิงที่คุณควรท�ำคือหาสาเหตุท่ีแท้จริงที่ส่งผลให้เราเกิดความผิดพลาดแทนท่ีจะเพ่งโทษผู้อ่ืน แล้วหันมาปรับปรุงตวั เองใหด้ ีขึ้นดีกว่าเดิม • ใหค้ �ำจ�ำกัดความค�ำว่า “ผดิ พลาด” ขน้ึ ใหม่ หลาย ๆ คนอาจจะกลัวความผดิ พลาดจงึ ไม่กล้าที่จะแสดงออกหรือลองท�ำอะไรใหม่ๆเพราะกลวั ว่าท�ำไปแลว้ จะไม่ประสบความส�ำเรจ็ ดังนน้ั เราควรน�ำความผิดพลาดมาเปน็ บทเรยี นให้รจู้ กั เรยี นรู้และรูจ้ กั เตบิ โต และที่ส�ำคัญอยู่กับความผดิ พลาดนนั้ ให้ได้ • หยุดสนใจความคิดของคนอื่นมากเกินไป ถ้าเรามัวสนใจแต่ค�ำพูดและความรู้สึกของคนรอบข้างมากเกินไป อาจท�ำให้คุณไม่เหลือความเป็นตวั เอง สิง่ ท่ีคุณควรท�ำ คือ เช่ือมัน่ ในการตดั สินใจ โดยส่งิ ท่ีเราตัดสินใจก็ต้องไม่ท�ำให้ใครเดอื ดรอ้ น ๒. Fixed Mindset (คนท่ีมกี รอบความคดิ แบบยดึ ติด) แนวคิดนม้ี คี วามเช่ือว่า ความฉลาดของมนุษยเ์ ปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไมส่ ามารถเพมิ่ พูนทกั ษะความสามารถได้ใหค้ วามส�ำคญั กบั ภาพลกั ษณ์ คณุ สมบตั ิ เชน่ ตอ้ งดฉู ลาดดเู กง่ เดก็ ทม่ี ี Fixed Mindset จะไมช่ อบทจ่ี ะเรยี น เพราะคดิ วา่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความฉลาดของตนเองได้จึงมักจะไม่มีความพยายาม หลีกเล่ียงปัญหาและงานท่ีท้าทายเมอ่ื เจออปุ สรรค จะมองวา่ มนั คอื ความลม้ เหลว หนปี ญั หา เนอื่ งจากกลวั วา่ ถา้ ท�ำไมไ่ ดแ้ ลว้ จะดโู ง่ ไมเ่ กง่ เสยี ภาพลกั ษณ์ ดังน้ัน คุณลองค้นหาดูว่าตัวคุณอยู่ในประเภทไหนและลองปรับเปล่ียนเรียนรู้เพื่อการอยู่ร่วมกันกับคนอื่นรับรองว่า คุณจะมีกระบวนความคิดท่ีเปลี่ยนแปลงและช่วยเปลี่ยนชีวิตของคุณให้แตกต่างออกไปจากเดิมคณุ ลองดูสิคะ...แลว้ เรามาแบง่ ปนั ประสบการณก์ ัน อา้ งอิง : http://www.nuttaputch.com/2-mindset-that-change-your-life/ www.jobthai.com http://leader.innoobec.com/wp-content/uploads/2016/02/Mindset-Book- Final_11JUN2015.compressed.pdf https://clubvi.com/2015/07/26/mindset/ISAB 6
รไู้ ว(้ ใคร)วา่ การบริโภค เพือ่ ประสทิ ธภิ าพในการทำ�งาน เรียบเรยี ง : ณรงค์วทิ ย์ พบพาน มนุษย์เราปกติหลังจากรับประทานอาหารม้ือค่�ำจนถึงม้ือเช้าของวนั รุง่ ขน้ึ จะมชี ่วงเวลาทอ้ งว่างประมาณ ๑๐-๑๒ ชัว่ โมง ช่วงเวลา๑-๓ ช่ัวโมงแรกจะเป็นกระบวนการย่อยอาหาร หลงั จากน้นั เปน็ ตน้ ไปรา่ งกายจะเรมิ่ มกี ารน�ำพลงั งานทเี่ ราสะสมในรา่ งกายมาใช้ ระดบั นำ�้ ตาลในเลอื ดจะเรม่ิ ตำ�่ ลง ระบบเผาผลาญจะเรมิ่ ชา้ ลง ท�ำใหเ้ รารสู้ กึ เรม่ิ หวิ ในช่วงสายของวัน ส่งผลให้อารมณ์หงุดหงิดและไม่มีสมาธิในการท�ำงานเนอ่ื งจาก สมองตอ้ งการกลโู คสหลอ่ เหลยี้ งตลอดเวลา อาหารเชา้ ของวนัจงึ เปน็ สงิ่ ส�ำคญั ของรา่ งกาย และมขี อ้ มลู ทน่ี า่ สนใจในเรอื่ ง “นาฬกิ าชวี ติองคร์ วมสุขภาพแบบ A.M./P.M. (Twenty – four Seven) ซึ่งทางการแพทยต์ ะวนั ตกถอื วา่ กลางวนั และกลางคนื มคี วามสมั พนั ธก์ บั สขุ ภาพของมนุษยอ์ ยา่ งแยกไม่ออก ซ่งึ ชว่ งเวลานาฬิกาชวี ติ ได้แนะน�ำไว้วา่ ช่วงเวลาประมาณ ๐๗.๐๐-๐๙.๐๐ น. เหมาะส�ำหรบั เปน็ เวลาของอาหารเช้า ระบบย่อยอาหารจะท�ำงานไดด้ ีที่สุด สารอาหารและวติ ามินตา่ งๆ จะถกู เปลี่ยนเปน็ พลงั งานได้อยา่ งสมบูรณ์นั่นเอง อีกท้ังยังมีศาสตร์ทางการแพทย์ที่ได้พูดถึงการท�ำงานของสมองกับประสิทธิภาพการท�ำงานของมนุษย์ ท่ีเรียกว่า“Human Intelligence” ซง่ึ บางเรอื่ งยงั เปน็ เรอ่ื งใหมส่ �ำหรบั คนไทย โดย Prof.Patrick Groges ศลั ยแพทยผ์ า่ ตดั สมองชาวเบลเยยี มผู้ท่ีสนใจเร่ืองของการเพ่ิมความสามารถในการท�ำงานของสมอง ซึ่งสมองของคนเราจะท�ำงานได้ดีท่ีสุด ๒ ช่วง คือ๑) ช่วง ๓ ช่ัวโมงแรกของวันเป็นช่วงเวลาที่มีสมาธิท่ีสุด (Deep Intelligence) สมองจะสามารถคิดวิเคราะห์ได้ดีท่ีสุด๒) ชว่ ง ๑๐ ชว่ั โมงแรกของวนั จะเน้นเรอื่ งการตัดสินในรวดเรว็ (Fast Intelligence) เหมาะแก่การพบปะพูดคยุ ประสานงานหรอื ติดตอ่ ต่าง ๆ ดงั นน้ั อาหารมอื้ เชา้ จงึ เปน็ มอ้ื ทส่ี �ำคญั ส�ำหรบั มนษุ ยผ์ ทู้ ป่ี ระสงคจ์ ะปฏบิ ตั งิ านใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะเมอ่ื รา่ งกายของเราไดร้ บั อาหารเช้า กระเพาะของเราไดท้ �ำงานในชว่ งเวลาทดี่ ีท่สี ุดตามชว่ งเวลาของนาฬกิ าชวี ิต พลังงานและสารอาหารจะส่งผลให้สมองของเราได้รับกลูโคสเพียงพอ เพื่อเตรียมความพร้อมให้สมองได้ใช้งานในช่วงเวลาท่ีดีท่ีสุดของวันส่งผลให้เราสามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและยงั เตม็ ศกั ยภาพของรา่ งกายและสมองอกี ดว้ ย จะวา่ ไปแลว้ .......วนั นคี้ ณุ ทานมอื้ เชา้ แลว้ รยึ งั ? ISAB 7
ชาวไทล้อื ...มีถ่นิ ฐานด้ังเดมิ อย่ใู นแควน้ สบิ สองปันนา มณฑลยูนนาน ทางตอนใต้ของสาธารณรฐั ประชาชนจนี ต่อมาได้มีการอพยพมาอยู่ในแถบดินแดนของพมา่ ลาว เวียดนาม และไทยในพื้นทีภ่ าคเหนือตอนบน เชน่ จังหวัดเชียงใหม่ จงั หวัดเชยี งราย จังหวดั ล�ำพนู จงั หวัดล�ำปางจงั หวดั นา่ น และจงั หวดั พะเยา โดยชาวไทลอ้ื เปน็ กลมุ่ ชนทยี่ งั คงเอกลกั ษณท์ างดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมและประเพณที ีม่ ีการสืบทอดกันมายาวนาน จะเหน็ ได้ว่า ชาวไทลอ้ื จะแต่งกายด้วยผ้าทอพนื้ เมืองซ่ึงมีลวดลายและรูปแบบเฉพาะของ ชาวไทลอื้ มกี ารสอื่ สารดว้ ยภาษาพดู และอกั ษรไทลอื้ ซงึ่ มีอกั ขรวธิ แี ละไวยากรณอ์ ยา่ งเปน็ ระบบจงึ แสดงถงึ ความมอี ารยะของกลมุ่ ชนชาวไทลอ้ื ทมี่ มี าตงั้ แต่อดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ส�ำหรบั สทิ ธแิ ละสถานะของชาวไทลอ้ื ทอี่ าศยั อยใู่ นประเทศไทยนน้ั คณะรฐั มนตรีได้มมี ติเมือ่ วันที่ ๑๗ มนี าคม ๒๕๓๕ อนุมัติหลกั การก�ำหนดเปน็ นโยบาย ใหก้ ลมุ่ ไทลอื้ เปน็ บคุ คลเขา้ เมอื งโดยชอบดว้ ยกฎหมายตามกฎหมายวา่ ดว้ ยคนเขา้ เมอื งและใหม้ สี ถานะคนตา่ งดา้ วเขา้ เมอื งนอกก�ำหนดจ�ำนวนคนต่างด้าว ส�ำหรับบุตรหลานของชาวไทล้ือท่ีเกิดในประเทศไทยให้พิจารณาใหส้ ญั ชาตไิ ทย ตามมาตรา ๗ ทวิ แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ซง่ึ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เห็นชอบข้ันตอนและวิธีปฏิบัติในการขอมีสัญชาติไทยเม่ือวันที่๑๑ กนั ยายน ๒๕๓๖
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: