Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สิ่งแวดล้อม

สิ่งแวดล้อม

Published by taxx_chanchai, 2017-05-15 04:43:22

Description: สิ่งแวดล้อม

Keywords: none

Search

Read the Text Version

รายงานการศึกษา ความอุดมสมบูรณ์ ทางทรัพยากรธรรมชาติ และความมั่งคั่งของชุมชนย่านซื่อ สวนผักไอโดรโปนิกส์ เตาถ่าน(อั้งโล่) โดยในชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2559

ก ค าน า รายงานเล่มนี้จัดท าขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ วิชามนุษย์และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ ความเป็นอยู่ของชุมชนต่างถิ่นในเชิงวิจัย อีกทั้งยังเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อที่จะให้ นักศึกษา สามารถน าความรู้ที่ได้รับนั้นได้มีประสบการณ์และสามารถน าไปใช้ต่อยอดได้และสามารถน า ความรู้ที่ได้ไปลงพื้นที่ส ารวจนั้นมาศึกษาต่อในชั้นปี ถัดไป ทั้งนี้ทั้งนั้นกลุ่มของนักศึกษา ชั้นปี ที่1 สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ จึงได้รวบรวมข้อมูลที่ได้ลงพื้นที่ในต่างชุมชนมารวมอยู่ในเล่มนี้เพื่อง่ายต่อ การอ่าน ผู้จัดท าหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือ นักศึกษา ที่ก าลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะน าหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดท าขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผู้จัดท า นายกฤษณพล สัณวงค์ ประทานของ กลุ่ม

ข สารบัญ เรื่อง หน้า บทที่ 1ชุมชนย่านซื่อ -ความเป็นมาของต าบลย่านซื่อหรือหมู่บ้านในลุ่ม 1 -ค าขวัญประจ าต าบลย่านซื่อ -โครงการหมู่บ้านในลุ่ม ชุมชนย่านซื่อ อ าเภอกันตัง 2 -ประวัติคนในชุมชนย่านซื่อ 3 -ภาพกิจกรรม 3-5 บทที่ 2 สวนผักไอโดรโปนิกส์ -ประวัตินายนาย วิเชียร ก าเนิด 6 -ขั้นตอนการท าผักไอโดรโปนิกส์ 6-9 -เนื่อที่แปลงผักและจ านวนคนงาน 9 บทที่ 3 เตาถ่าน -เตาฮั้งโล่ 10 -การเลือกใช้ดินและชนิดของดินในการท าเตาอั้งโล่ 11 -กระบวนการท าเตาอั้งโล่ 11-16

-การจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนผลดีที่เกิดขึ้นจากการน าความคิดความ 17 รู้และวิธีการใหม่มาใช้ปรับปรุงการผลิตมีอะไรบ้างทั้งในทาง ด้านสังคมด้านสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ บทที่4 การจัดการสิ่งแวดล้อมของชุมชนในศตวรรษที่21 18-20 บทที่5ภาพถ่ายกับชุมชน ภาคผนวก 21-30 บทที่ 1 ชุมชนย่านซื่อ ความเป็นมาของต าบลย่านซื่อหรือหมู่บ้านในลุ่ม ต าบลย่านซื่อ เป็นต าบลหนึ่งใน 10 ต าบลของอ าเภอกันตัง จังหวัดตรัง ต าบลย่านซื่อ มีผู้เล่าให้ ฟังว่า เมื่อสมัยก่อนได้มีชาวจีนจากโพ้นทะเลกลุ่มหนึ่งได้อพยพมา โดยล่องเรือมาตามแม่น ้าตรังเรื่อยมา เมื่อมาถึงเห็นท าเลที่ตั้งที่เหมาะสมก็ได้ขึ้นฝั่งที่บริเวณแม่น ้าตรัง จากนั้นก็ได้ชักชวนพรรคพวกที่เดินทางมา ด้วยกันตั้งถิ่นฐานบริเวณแม่น ้าตรัง โดยได้ตั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัยในลักษณะเรียงต่อๆ กันไปในแนว เดียวกันชาวบ้านจึงเรียกว่า 'บ้านย่านซื่อ' หรือ 'ต าบลย่านซื่อ' ในปัจจุบัน และในต าบลย่านซื่อก็จะแยก เป็นหมู่บ้านออกไป มีทั้งหมด 4 หมู่ และในแต่ละหมู่บ้านก็จะมีที่มาของชื่อหมู่บ้านตามทิศทางการตั้งถิ่น ฐานและตามลักษณะของท าเลที่ตั้งถิ่นฐาน หมู่ที่ 1 บ้านโคกทราย เป็นการเรียกชื่อหมู่บ้านตามลักษณะภูมิประเทศ กล่าวคือ ได้มีชาวบ้าน จ านวนหนึ่งได้มาตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ที่มีลักษณะเป็นเนินสูงๆ ต ่าๆ ลักษณะพื้นดินส่วนมากเป็นดินร่วนเป็น ทราย ชาวบ้านเลยเรียกว่า 'บ้านโคกทราย' จนถึงปัจจุบัน หมู่ที่ 2 บ้านตก เป็นการเรียกชื่อหมู่บ้านตามทิศของการตั้งถิ่นฐาน กล่าวคือ ได้มีชาวบ้านจ านวน หนึ่งได้มาตั้งถิ่นฐานทางทิศตะวันตก ชาวบ้านเลยเรียกว่า 'บ้านตก' จนถึงปัจจุบัน

หมู่ที่ 3 บ้านในลุ่ม เป็นการเรียกชื่อหมู่บ้านตามลักษณะของท าเลที่ตั้งถิ่นฐาน ได้มีชาวบ้านจ านวน หนึ่งได้มาตั้งถิ่นฐานรวมกันในพื้นที่ที่เป็นที่ลุ่มริมแม่น ้าตรัง ชาวบ้านเลยเรียกว่า 'บ้านในลุ่ม' จนถึง ปัจจุบัน หมู่ที่ 4 บ้านทุ่งอิฐ เป็นการเรียกชื่อหมู่บ้านตามลักษณะภูมิประเทศ กล่าวคือ พื้นที่ส่วนมากเป็นที่ ราบ สภาพดินเป็นดินเหนียว ซึ่งดินเหนียวดังกล่าวเหมาะแก่การน ามาใช้ท าอิฐดินเผา ชาวบ้านจึงได้น าดิน เหนียวดังกล่าว มาท าอิฐดินเผาส าหรับสร้างบ้าน ชาวบ้านเลยเรียกว่า 'บ้านทุ่งอิฐ' จนถึงปัจจุบัน ค าขวัญประจ าต าบลย่านซื่อ ถิ่นครองย่านซื่อ ลือชื่อพ่อท่านอินทร์ อร่อยลิ้นขนมจาก จักสานมากเสวียนหม้อ เจ้าพ่อแห่งฝีพาย หลากหลายวัฒนธรรม 2 โครงการหมู่บ้านในลุ่ม ชุมชนย่านซื่อ อ าเภอกันตัง หมู่บ้านในลุ่มหรือชาวบ้านจะเรียกหมู่บ้านปากกัดตีนถีบ เป็นหมู่บ้านเล็กๆเป็นที่ลุ่มอยู่ติดกับแม่น ้า ตรังและอยู่ในชุมชนบ้านย่านซื่อ หมู่ 3 มีประชากรรวมทั้งหมด 292 คน มีประชากรที่อยู่จริงเพียง 148 คนที่เหลือ 144 ได้ออกไปอยู่ต่างจังหวัด ภายในหมู่บ้านมีเพียง 53 ครัวเรือน บ้านก็จะเป็นบ้านเก่าแก่มี ใต้ถุนอาจจะผุผังบ้างแล้ว บางครอบครัวก็ก าลังสร้างบ้านใหม่แต่ก็มีส่วนบ้านเก่าอยู่ด้วย เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ชาวบ้านจะมีผู้คนนับถือศาสนาพุทธสะส่วนใหญ่อาจจะมีอิสลามบางครอบครัว ภายในเนื้อที่ในหมู่บ้านที่ ลุ่มมีเนื้อที่ทั้งหมด 153 ไร่เป็นที่อยู่อาศัย 50 ไร่ และพื้นที่เหลือจะเป็นสวนจาก 100 ไร่ ในตอนนี้ใน หมูบ้านก็ก าลังก่อสร้างถนนเพื่อสัญจรภายในหมู่บ้าน เป็นถนนคอนกรีต 98 เมตร และถนนลูกรัง 960 เมตร และทุกครั้งในช่วงฝนตกจะประสบปัญหาน ้าท่วมบ่อยครั้งเพราะเนื่องจากหมู่บ้านอยู่ติดกับแม่น ้าแต่ก็ ไม่ค่อยจะได้รับความเสียหายมากเท่าไรคนในหมู่บ้านจะประกอบอาชีพรับจ้างตัดจาก ลอกจาก และท าสวน

ส่วนใหญ่ แต่ก็มีการประมงหาปลาไว้เพื่อเลี้ยงชีพ ถ้าหากได้มาเยอะก็จะแบ่งขายเป็นอีกส่วนรายได้ของของ คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ได้จากการรับจ้าง ลอกจาก ตัดจาก ได้เงินต่อวันประมาณ 200 บาทบางวันก็ได้ น้อยเป็นรายได้ที่ไม่แน่นอนท าน้อยได้น้อยท ามากได้มากถ้าคนที่มีสวนก็จะกรีดยางพารางเป็นอาชีพหลัก การรับจ้างลอกจ้างก็ประมาณ 80 บาท ถ้าสับจาก 1 มัดมัดละ 80 สตางค์ ในหมู่บ้านย่านซื่อก็จะมี ประเพณีแข่งขันเรือยาวที่สืบทอดกันมาของชุมชนจะจัดขึ้นช่วงวันสงกรานต์ในเดือนเมษาของทุกๆปี และมี งานพ่อท่านอินทร์ที่จัดในวัดย่านซื่อ เพื่อสร้างความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน ความสุขสนุกสนาน รอยยิ้ม ให้เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน ต้นจาก 3 ประวัติคนในชุมชนย่านซื่อ บ้านหลังที่1 ชื่อ นางสุชาดา ชื่อเล่น ผึ่ง อายุ47 อาชีพ ท าจาก 3-4ป ี รายได้นับจากผลงานท ามากได้มาก ท า น้อยได้น้อยจากการท าจากเลือกขนาดที่เหมาะสม บ้านเลขที่ 24 หมู่ 3 ต าบล ย่าน ซื่อ อ าเภอ กันตัง จังหวัด ตรัง 92000 มีสมาชิกในครอบครัว ทั้งหมด 5 คนโดยรวมมีอาชีพ รับจ้างทั่วไป

บ้านหลังที่ 2 นาง ประกาย ใหญ่จริง อายุ 14 ป ี บ้านเลขที่ 55 หมู่ 3 ต าบล ย่านซื่อ อ าเภอ กันตัง จังหวัด ตรัง มีสมาชิกครอบครัวทั้งหมด 4-5คน ท าใบจากรายได้ 100 บาท ต่อวัน รายได้ไม่พอต่อการใช้จ่าย ใบจากที่ได้จากท ายาสูบ สมาชิกครอบครัว ช่วยหารายได้เสริม จากการตัดต้นจาก

4 บ้านหลังที่3 นาง อุไรวรรณ อายุ 60 ป ี บ้านเลขที่ 50 หมู่ 3 ต าบล ย่านซื่อ อ าเภอ กันตัง จังหวัด ตรัง มี สมาชิกครอบครัว4คน จากการท าอาชีพ ท าจาก วันละ 80-100 บาท ต่อวัน ท าใบจากเรื่อยๆ รายได้ เสริมจากรับจากแทงปาล์ม บ้านหลังที่4 นาง จิราภร ภูขาว อายุ 32 ป ี บ้านเลขที่ 76/9 หมู่ ที่ 1 ต าบล ย่านซื่อ อ าเภอ กันตัง จังหวัด ตรัง 92000 มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน รับท าใบจากตั้งแต่ อายุ 16 ป ี เป็นลูกจ้างใช้ใบจากสดรายได้ต่อ วัน น้อยสุด 80 มากสุด 200 บาท ต่อวัน และสามีชื่อ วีระ ภูขาว อายุ 35 ป ี เป็นกรรมกร รายได้ 300-400 บาท ต่อวัน มีลูก ทั้งหมด 2คน รายได้ไม่เพียงพอต่อการด ารงชีวิต เริ่มท างานมาตั้งแต่เช้า 07.00น.และถ้าไม่ภาระอย่างอื่นก็จะท าไปถึง 21.00น.

5 บ้านหลังที่5 นาง สมใจ เพรชสวาท อายุ 52 ป ี บ้านเลขที่ 76/6 ต าบล ย่านซื่อ อ าเภอ กันตัง จังหวัด ตรัง มี สมาขิกในครอบครัวทั้งหมด 5 คน ท าอาชีพ ใบจาก มีรายได้ 100 บาท ต่อวัน และสามี มีอาชีพ ท า ประมง รายได้ที่ได้มา ใช้จ่ายไม่เพียงพอในบางวัน รายได้เสริม รับซื้อขี้ยาง และน าไปขายต่อ นายจ้างจะ มาน าจากที่ลอกเสร็จแล้วน าไปส่งต่อ

6 บทที่2 สวนผักไอโดรโปรนิกส์ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 ต าบล ควนปริง อ าเภอเมือง จังหวัดตรัง ตั้งอยู่ข้างรั้วมหาวิทยาลัย สงขลา นครินทร์ วิทยาเขต ตรัง และติดกับ สวนสุขภาพ ต าบลควนปริง ประวัติ นายวิเชียร ก าเนิด นายวิเชียร ก าเนิดนิดท าอาชีพ ปลูกผัก รายได้เฉลี่ยต่อการขายครั้ง ละ 2000-2500 บาท /ครั้ง ประวัติสวนผักไอโดรโปนิกส์ เป็นสวนผักที่องค์การบริหารส่วนต าบลควนปริง ได้มีการสนับสนุนขึ้นมา โดยจัดเป็นโครงการที่ สามารถสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อที่จะบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ขั้นตอนการท า การเพาะเมล็ดพันธุ์พืช

7

8

เครื่องวัดค่าน ้า (EC Meter) 9

เครื่องวัดค่าปุ๋ ย (Pocket-sized) เนื่อที่แปลงผักและจ านวนคนงาน สวนผักไอโดรโปนิกส์ หมู่ 2 ต าบลควนปริง อ าเภอเมือง จังหวัดตรัง มีพื้นที่ทั้งหมด 10 ไร่ มีแปลงผังผักทั้งหมด 100 แปลง มีคนงานประมาณ 4-5 คน

10 บทที่3 เตาถ่าน(อั้งโล่) ดินเหนียวขี้เป็ด หมักดินเหนียว (1วัน 1คืน) 1 วัน 1 คืน ) นวดและผสมดิน ( 2-3 ชั่วโมง) ใส่ขี้เถ้าแกลบ ด า ดินเหนียวและขี้แกลบด า ปั้นขึ้นรูปเตา ใช้แม่พิมพ์นอกและ ขึ้นรูปแผ่นรังผึ้ง พิมพ์ในช่วย เจาะช่องลมและตกแต่งปากเตา เจาะรูรังผึ้งและตกแต่ง ตากแดดผึ่งลม 2-4 วัน เผา ประกอบและตกแต่งเป็นเตาส าเร็จรูป ขึ้นแผ่นเหล็ก วางจ าหน่าย ตัดตามแบบ ตัดตามแบบ กระบวนการท าเตาอั้งโล่ ตัดตามแบบ

11 เบอร์1 เบอร์5 เบอร์ 0 เตาประหยัดถ่าน มีทั้งหมด 3เบอร์ ตั้งแต่เบอร์ 0,1,5 เตาฟืน มี3 รุ่น สามารถใช้ฟืน-ถ่านได้ฟืนเล็กกว้าง 12 มม. สูง11มม. / ฟืนรองกว้าง 14 มม. สูง 11 มม./ ฟืนใหญ่กว้าง 15.5 มม.สูง 13.5 มม. กระบวนการท าเตาอั้งโล่แต่ละชนิดด้วยภาพ ขั้นตอนที่1 เตรียมดิน

การหมักดินเหนียว ดินเหนียวที่จะน ามาใช้ ต้องสะอาด ไม่มีเศษไม้ เศษหิน ถ้าเป็นก้อนใหญ่ก็ ควรทุบให้ย่อยเป็นก้อนเล็กๆ ก่อนหมัก ควรตากไว้ ให้แห้งอย่างน้อย 1 วัน แล้วน าลงบ่อหมัก แช่ไว้ในน ้า นานประมาณ 12-24 ชั่วโมง จนดินอิ่มน ้าอย่างทั่วถึงแล้วน ามาเตรียมไว้ผสม 12 ขั้นตอนที่2 การนวดและผสมดิน การนวดและผสมดิน น าดินที่หมักแล้วมานวดผสมกับแกลบด า นวดจนเข้ากัน(ส่วนใหญ่จะใช้ เครื่องนวดดินเพื่อเครื่องนวดผสมดิน และดินที่นวดแล้วความสะดวกและการผสมที่ดีกว่า) โดยทั่วไปจะใช้ ดินเหนียว 2 ส่วน ต่อขี้เถ้า แกลบด า 1 ส่วนซึ่งอัตราส่วนผสมนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของดินแต่ละแห่ง ด้วย ขณะนวดผสมดินจะพรมน ้าตามไปด้วยเพื่อให้นวดได้ง่ายขึ้น ส่วนผสมที่เข้ากันดีแล้ว ปิดด้วย พลาสติก หากยังไม่ใช้ทันทีเพื่อไม่ให้ดินผสมแห้งเกินไป

ขั้นตอนที่3 การจัดเตรียมแม่แบบพิมพ์และการปั้นขึ้นรูป การจัดเตรียมแม่แบบพิมพ์ส าหรับท า เตาหุงต้มประสิทธิภาพสูงอาจต้องใช้ความ สามารถเพิ่มมาก หน่อย โดยการปั้นขึ้นรูปหรือ หาวัสดุในท้องถิ่นมาจัดท าเป็นแม่แบบพิมพ์ แม่แบบพิมพ์มี 2 ชนิด คือ - แม่แบบพิมพ์ภายนอก ใช้ส าหรับท าตัวและส่วนฐานเตา - แม่แบบพิมพ์ในส าหรับท าปากเตาและเส้าเตาก่อนท าการปั้นและใช้แม่พิมพ์ทุกครั้งจะต้องโรย ขี้เถ้ารอบๆ แม่พิมพ์ก่อน เพื่อป้องกันดินเหนียวติดแม่แบบและปั้นไม่ได้รูปทรง การปั้นขึ้นรูป และปรับแต่งเตา 13 - น าดินที่หมักแล้วใส่ลงในแม่พิมพ์ภายนอก ซึ่งวางอยู่บนแท่นแล้วใช้มือตบปั้นขึ้นรูปเป็นทรงของ เตาให้มีความหนาและขนาดภายในเป็นไปตามก าหนด แล้วตกแต่งผิวด้านในเตา ได้แก่ ห้องใต้รังผึ้ง ห้อง เผาไหม้ หลังจากนั้นจึงอัดทับด้วยแม่พิมพ์ภายใน เพื่อขึ้นรูปปากเตา และเส้าเตา เมื่อได้ที่แล้วถอดแบบ น าเตาไปตากแดดผึ่งลมให้แห้งหมาดๆ ประมาณ 2-3 วัน แล้วจึงน าเตามา ปาดตกแต่งปากเตา เส้าเตา และเจาะช่องลม แล้วน าไปตากแดดผึ่งลมจนแห้งสนิท ใช้เวลาประมาณ 2-4 วัน จะได้เตาที่พร้อมจะน าไปเผา

ขั้นตอนที่4 การท าตะแกรงดินและการเจาะรูตะแกรง การท าตะแกรงดิน ขั้นกลางระหว่างถ่านกับการใช้งานรองด้วยขี้เถ้า การเจาะรูตะแกรงแล้วน าไป ตากแดดเป็นเวลา 3 วัน หากฝนตกจะมีการยืดระยะเวลาในการตากแดดเพิ่มขึ้น 14 ขั้นตอนที่5การท ารังผึ้ง น าดินที่นวดผสมแล้วใส่ลงในแบบพิมพ์ทรงกระบอกใช้มือกดดินให้เต็มแบบใช้โลหะบาง ปาดเอา ดินส่วนที่เกินออก หลังจากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งพอหมาดๆ ประมาณ 2-3 วัน แล้วใช้แม่แบบเจาะรูเจาะ ตามรูปแบบที่ต้องการโดยรูที่รังผึ้งจะต้องเป็นทรงกรวย คว ่าด้านบนเล็กกว่าด้านล่าง จากนั้นน าไปผึ่งลมอีก 2-4 วัน แล้วน าไปเผาจนสุกเพื่อเพิ่มความแข็งแรง

ขั้นตอนที่ 6 การเผาเตา การเผาเตาหุงต้มประสิทธิภาพสูงมีขั้นตอนเหมือนกันกับการเผาเตาหุงต้มทั่วไป หลังจากตกแต่ง และตากแห้งแล้วอาจจะตกแต่งสีเพื่อความสวยงามแล้วน ามาเรียงเป็นชั้นในเตาเผา การเผาอาจจะใช้เตา อุโมงค์โดยใช้ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงหรือใช้เตาเปิดที่ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงได้หากใช้เตาอุโมงค์อาจจะใช้เวลา ประมาณ 8-10 ซม. โดยใช้อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 800-100 C แต่หากใช้เตาแกลบ อาจจะใช้ เวลานานถึง 24-36 ซม. 15 หลังจากนั้นทิ้งไว้ให้เตาเย็นตัว ใช้เวลาประมาณ 24 ชม. แล้วค่อยน าออกจากเตา ตรวจสอบ สภาพทั่วไป หลังจากนั้นจึงน าไปบรรจุถังสังกะสีต่อไป ขั้นตอนที่7 การอบเตาอั้งโล่

เมื่อเผาเตาเสร็จแล้วน าเตาอั้งโล่ที่ขึ้นรูปเสร็จแล้วน ามารวมกันพร้อมตะแกรง มาอบรวมกันเป็น เวลา 24 ชั่งโมง ขั้นตอนที่ 8 การน าเตาใส่ถังและการใส่รังผึ้งและยาฉนวน 1. การน าเตาใส่ถัง - เตรียมถังที่จะใส่เจาะช่องให้ตรงและพอดี กับช่องไฟของเตา - เอาดินเหนียวผสมขี้เถ้าแกลบโดยใช้ดินเหนียว 1 ส่วนขี้เถ้าแกลบ 10 ส่วน ย ่าให้เข้ากันดีแล้ว จึงยกเตาลงถังเอาดินผสมที่ 16 เตรียม ไว้ใส่ลงด้านข้างเตาแล้วอัดให้แน่นที่ขอบเตาติดกับถังสังกะสีใช้ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน ผสม ทรายละเอียดร่อน 1 ส่วน ยาที่ขอบเตา และขอบช่องไฟหน้าตา 2. การใส่รังผึ้งและยาฉนวน - วางรังผึ้งให้ได้ระดับ ในตัวเตา - แล้วน าดินที่ผสมไว้ (โดยใช้ดินเหนียว 1 ส่วน ขี้เถ้าแกลบ 5 ส่วน) ย ่าให้เข้ากันดีแล้ว ยา ภายในรอบ ๆ เตา บริเวณที่รังผึ้งสัมผัสกับผนังเตาทั้งด้าน บนและด้านล่าง

ขั้นตอนที่9 การใส่กรอบเหล็กและพร้อมใช้งาน การอั้งโล่ที่อบเผาเสร็จแล้ว น ามาใส่กรอบเหล็ก ซึ่งดีต่อการใช้งาน หากไม่ได้ใส่กรอบเหล็กจะท า ให้เตาอั้งโล่ อายุในการใช้งานมีน้อยลง เนื่องจากโดนความร้อนแล้วดินมีการแตกร้าวจะท าให้เสียหายได้เร็ว เมื่อน าตะแกรงมาใส่ในเตาอั้งโล่และยึดติดด้วยดินเหนียวขี้เป็ด จากนั้นรอให้ดินแห้งเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ 17

การจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนผลดีที่เกิดขึ้นจากการน าความคิดความรู้และวิธีการใหม่มาใช้ ปรับปรุงการผลิตมีอะไรบ้างทั้งในทางด้านสังคมด้านสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ ด้านสังคม 1.เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน หน่วยงาน และผู้ที่สนใจทั่วไป 2. สร้างความสามัคคีของคนในชุมชน 3.เพื่อสร้างงานและการหารายได้ของผู้ที่ว่างงาน 4.เป็นแหล่งอนุรักษ์วิถีชีวิตของคนในสังคม ด้านเศรษฐกิจ 1.สร้างรายได้ให้กับสมาชิกในอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาในจังหวัดตรัง 2.เป็นสินค้าO-TOP ท าให้การตลาดสามารถแข่งขันและขายได้เป็นอย่างดี ด้านสิ่งแวดล้อม 1.เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลิตทางการเกษตรและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ 2. ลดปริมาณมลพิษการเผาไหม้ 3. สามารถน าไม้ต่างๆ มาท าฝืนได้

18 บทที่4 การจัดการสิ่งแวดล้อมของชุมชนในศตวรรษที่21 การจัดการสิ่งแวดล้อมในศตวรรษที่ 21 บทน า 1. ที่มาและความส าคัญ ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ก าลังประสบปัญหาการน าเอา ทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์โดยไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ท าให้ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมมีสภาพเสื่อมโทรมลง ระบบนิเวศน์ถูกท าลายส่งผลให้ความสมดุลที่มีในธรรมชาติ หายไป และน าไปสู่การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆมากมาย ทั้งนี้ปัญหาส าคัญอยู่ที่การสร้างจิตส านึก ให้ตระหนักต่อคุณค่าและความส าคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายสูงสุดของการพัฒนาคือ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยยึดหลักการ อนุรักษ์ ด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างฉลาดประหยัด และก่อให้เกิดผลเสียต่อ สิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดเท่าที่ท าได้ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการด ารงอยู่ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ด าเนินไปใน ทางสาย กลางโดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายใน และภายนอก ไม่สุดโต่ง ไม่ประมาทและท าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ค านึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรมในการคิด พูดและท าในทุกเรื่อง ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่มีความส าคัญอย่างยิ่งส าหรับการขจัดความยากจนและลดความเสี่ยงทาง เศรษฐกิจของคนในชุมชน หากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง เศรษฐกิจพอเพียง สามารถท าเป็นรายได้เสริม ลดการ ว่างงานของคนในชุมชนโดยมีการรวมกลุ่มของคนในชุมชนมาจัดกิจกรรมร่วมกัน ท าให้ปัญหาด้านต่างๆ ในสังคมก็จะลดลง เช่น ปัญหาความยากจน ปัญหาสุขภาพ ปัญหายาเสพติด เป็นต้นรวมไปถึงการสร้าง กองทุนสุขภาพ กองทุนหมู่บ้าน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนในชุมชนมีอาชีพอย่างมั่นคงที่แสดงออกถึงการมี ส่วนร่วมของคนในชุมชนซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในระยะแผนพัฒนา ฉบับที่ 11 จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในมิติต่างๆให้แก่ ปัจเจก ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศโดย ใช้แนวคิดและทิศทางการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงต่อเนื่องจาก แผนพัฒนา ฉบับที่ 10 พร้อมทั้งขยายการน าทุนของประเทศที่มีศักยภาพจาก 3 ทุน ทั้งทุนสังคมทุน เศรษฐกิจ และทุนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น 6 ทุน ได้แก่ทุนมนุษย์ ทุนสังคม ทุนกายภาพ ทุนทางการเงินทุนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและทุนทางวัฒนธรรมมาใช้ประยุกต์อย่างบูรณาการ และเกื้อกูลกันโดยเฉพาะการสร้างฐานทางปัญญาเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้กับคนและสังคมไทยเป็นสังคมที่มี

คุณภาพก้าวสู่สังคมและเศรษฐกิจสีเขียวที่มีแบบแผนการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมโดยน าความรู้และจุดแข็งของอัตลักษณ์ไทยมาปรับโครงสร้างเศรษฐกิจบนฐานนวัตกรรมที่ เข้มแข็งเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างรู้เท่าทันสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรและ ความมั่งคั่งด้านอาหารและพลังงานรวมทั้งการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนควบคู่ ไปกับการเสริมสร้างระบบธรรมาภิบาลและความสมานฉันท์ในทุกภาคส่วนและทุกระดับ เป็นฐานการ พัฒนาประเทศที่มั่นคงและสมดุลมุ่งสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขและเป็นธรรม 19 การสร้างกระบวนการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ท าให้ได้เผยแพร่ชื่อเสียงของ หลักสูตร สาขาวิชา คณะวิชาและมหาวิทยาลัยได้ข้อมูลเพื่อเผยแพร่คุณภาพมาตรฐานการศึกษาระดับ บัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัย และท าให้นักศึกษาสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่จะต่อยอดการศึกษาและ การพัฒนาโดยการน าความรู้ที่ได้รับมาปฏิบัติจริงการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงท าให้ มีใจสงบเมื่อตั้งใจว่าจะใช้ ชีวิตความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อจะท าให้จิตใจไม่วุ่นวายสับสนทะเยอทะยานแข่งขันกันหาวัตถุสิ่งของ มาประดับตนให้ทันสมัยหรือเหนือกว่าผู้อื่นมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีท าใจให้เป็นสุขกับสิ่งที่ตนมีพอใจกับ ความเรียบง่าย ความพอดีตามศักยภาพตนไม่จ าเป็นต้องเปรียบเทียบแข่งขันกับผู้อื่นในเรื่องวัตถุเช่นต้องมี บ้านใหญ่โตราคาแพง รับประทานอาหารตามภัตตาคารหรูๆมีเสื้อผ้าเครื่องประดับที่สวยหรูตามแฟชั่นเสมอ มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตนไม่หวั่นไหวไปกับกระแสนิยม ร่วมกันสร้างสังคมให้เข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้ ด าเนินชีวิตอย่างมีเหตุผลซื่อสัตย์สุจริต ไม่ต้องคิดเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น สร้างพวกพ้องเพื่อหาผลประโยชน์ ร่วมกันช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นทั้งของครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติมีเวลาว่างมากขึ้นไม่ต้องวุ่นวายกับ การวิ่งหาวัตถุ ท าให้มีเวลาที่จะพัฒนาตนและท าประโยชน์ให้แก่สังคมมากขึ้นมีความสุขจากความพอเพียง และภูมิใจในตนเอง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้ง ตรังได้ด าเนินการจักการเรียนการสอน และมี การส่งเสริมให้จัดกิจกรรมส าหรับนักศึกษาในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสมและครบถ้วนให้สอดคล้องกับ คุณลักษณะของบัณฑิตที่พึงประสงค์ 5 ประการ ได้แก่ 1) คุณธรรม จริยธรรม 2) ความรู้ 3) ทักษะทางปัญญา 4) ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบระหว่างบุคคลและความ รับผิดชอบ 5) ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยการจัด โครงการ การจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ร่วมกับภาครัฐ เอกชน ชุมชน และสถาบันการศึกษา ภาคทฤษฎี เป็นการเรียนการสอนถึงภาพรวมของการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของชุมชน โดย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้ง ตรัง ร่วมกับ ภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชนและ สถาบันการศึกษาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ จังหวัดตรังเป็นกรณีศึกษา

ภาคปฏิบัติ อาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้ง ตรัง ร่วมกับภาครัฐ เอกชน ชุมชน และสถาบันการศึกษาความร่วมมือทางวิชาการ โดยมีก าหนดการ ดังนี้ เดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ เดือนมีนาคม เดือนเมษายน เดือนพฤษภาคม นักศึกษาประชุม กิจกรรมครั้งที่ 1 กิจกรรมที่3 น าเสนอโครงการ สรุปโครงการ วางแผนและแบ่ง ส ารวจวิถีชีวิตของ ส ารวจ และแก้ไขปรับปรุง ประเมินโครงการ หน้าที่ความ คนในชุมชนย่าน กระบวนการ การ โครงการ และส่งรูปเล่ม รับผิดชอบการ ซื่อ ท าเตาอั้งโล่ โครงการ ด าเนินโครงการ กิจกรรมที่2 ค่าใช้จ่าย เขียน ส ารวจสวนผักไอ โครงการ โดรโปรนิกส์ต าบล ผู้รับผิดชอบ ควนปริง 20 2.วัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์โครงการที่ทั้ง 3 กิจกรรมหลัก ดังนี้ 1) วัตถุประสงค์ของกิจกรรมที่ 1 ส ารวจวิถีชีวตของคนในชุมชนย่านซื่อ 1.1 เพื่อให้นักศึกษาได้รับความรู้และรู้จักวิถีชีวิตเกี่ยวกับการท ายาสูบใบ จากผู้ประกอบการเพื่อความมั่ง คั่งของชุมชน 1.2 เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์การท ายาสูบใบจาก 1.3 เพื่อให้นักศึกษามีส่วนร่วมและมีทักษะในการท ากิจกรรม 2) วัตถุประสงค์ของกิจกรรมที่ 2 ส ารวจสวนผักไอโดรโปรนิกส์ ต าบลควนปริง 2.1 เพื่อให้นักศึกษาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน สถาบันการศึกษาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ 2.2 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมพัฒนานักศึกษาด้านคุณธรรมจริยธรรม ความรู้ ทักษะ ทางปัญญา ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ และทักษะการวิเคราะห์เชิงสัมภาษณ์ สื่อสารและ การใช้เทคโนโลยี 3)วัตถุประสงค์ของกิจกรรมที่3 กระบวนการ การท าเตาอั้งโล่

3.1เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาเกิดกระบวนการเรียนรู้และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน 3.2เพื่อให้นักศึกษาได้มีความรู้ที่แปลกใหม่อยู่เสมอ 3. ขอบเขตการศึกษา 3.1กลุ่มเป้าหมายของกิจกรรม กิจกรรมที่ 1ลงพื้นที่ส ารวจวิถีชีวิตของคนในชุมชนย่านซื่อ 1นักศึกษาในรายวิชามนุษย์กับสิ่งแวดล้อม จ านวน 11 คน กิจกรรมที่ 2 ลงพื้นที่ส ารวจสวนผักไอโดรโปรนิกส์ต าบลควนปริง ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง 2.นักศึกษาในรายวิชามนุษย์กับสิ่งแวดล้อม จ านวน 11 คน กิจกรรมที่3 ลงพื้นที่ส ารวจกระบวนการ การท าเตาอั้งโล่ 3.นักศึกษาในรายวิชามนุษย์กับสิ่งแวดล้อม จ านวน 11 คน 21 ภาคผนวก วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนใน ต าบลย่านซื่อ อ าเภอกันตัง จังหหวัดตรัง

22

23

24

25

ศึกษาดูงาน แปลงผักไฮโดโปรนิกส์ 26

27

ลงพื้นที่ ไปดูการท าเตาอังโหล่ ที่ ต าบลบ้านโพธิ์ อ าเภอเมือง จังหวัดตรัง

28

29

30

สมาชิกในกลุ่ม นายกฤษณพล สัญวงศ์ (ประธาน) รหัส 62 นายอภินันท์ เกียงเฮีย (รองประธาน) รหัส 57 นางสาวอภิสรา เส็นจาง (เลขานุการ) รหัส 52 นางสาวกมลลักษณ์ สมุทรจิตร์ (เลขานุการ) รหัส 22 นางสาวนวพรรณ เพ็ชรประสิทธิ์ (ประชาสัมพันธ์) รหัส 26 นางสาวพรธีรา ชูสุวรรณ (ประชาสัมพันธ์) รหัส 03 นายภาคภูมิ แก้วประดิษฐ์ (เหรัญญิก) รหัส 17 นายพีรพล ยิ้มสง (เหรัญญิก) รหัส 14 นายอรุณ ช านาญเกียรติ (สวัสดิการ) รหัส 40 นายจิราภัทร ชมดี (สวัสดีการ) รหัส 31 นายนันทโรจน์ นานอน (ปฎิคม) รหัส 32 นายธนากร แพทย์กระโทก (ปฎิคม) รหัส 27 นายอนุพล สิงห์เกิด (กรรมการ) รหัส 13


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook