Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการความเครียด

การจัดการความเครียด

Description: การจัดการความเครียด

Search

Read the Text Version

การปรบั เปล่ยี นพฤติกรรม การจดั การความเครียด สำ� หรับวยั ท�ำงาน กองสุขศกึ ษา กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสขุ

กกาารรปจรดั ับกเปาลร่ยีคนวพามฤเตคิกรรียรดม สำ� หรบั วยั ทำ� งาน กองสุขศึกษา กรมสนบั สนุนบรกิ ารสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสขุ การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 1 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน



คำ� น�ำ สถานการณ์สุขภาพในปจั จบุ ัน คนไทยทุกกลมุ่ วยั ตองเผชิญกับภยั คุกคาม จากโรคไมต ดิ ตอ เรอ้ื รงั โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดนั โลหติ สงู มะเรง็ โรคหวั ใจและ หลอดเลอื ด มแี นวโนม เพม่ิ ขนึ้ อยา งรวดเรว็ มสี าเหตสุ าํ คญั จากการมพี ฤตกิ รรมสขุ ภาพ ไมถ่ กู ต้อง โดยเฉพาะพฤติกรรมเสย่ี งรว่ ม 3อ. 2ส. (พฤตกิ รรมออกกําลังกาย อาหาร อารมณ สบู บหุ รี่ และ สรุ า) ซง่ึ เปน็ พฤตกิ รรมสขุ ภาพในการด�ำเนนิ ชวี ติ ของประชาชน ท่ีเส่ียงต่อสุขภาพ มีปัจจัยหลักจากพ้ืนฐานทางวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม และ ปัจจัยแวดล้อมทางสังคมและทางกายภาพ ซ่ึงสงผลตอคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจและ สังคมของประเทศ ส�ำหรบั ความเครยี ดเปน็ เรอื่ งพนื้ ฐานประจ�ำชวี ติ ไมว่ า่ ใครจะเปน็ คนประเภทไหน ฐานะอยา่ งไร มอี �ำนาจมากแคไ่ หน รปู งามหรอื ไม่ มคี วามสบาย เพยี งใด ไมอ่ าจหลกี เลยี่ ง ความเครียดได้ และถ้าหากมีพฤติกรรมการจัดการความเครียดที่ไม่ดี จะส่งผลเสีย ต่อสุขภาพ ท�ำให้คุณภาพชีวิตลดลง และสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล อย่างมหาศาล ดังนั้น ควรตัดวงจรของพฤติกรรมเส่ียงที่จะส่งผลให้เกิดปัจจัยเส่ียง ที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคอันจะน�ำไปสู่ “การล้มละลายทางสุขภาพ” ด้วยการ “ปรับเปลย่ี นพฤติกรรมการจดั การความเครยี ดที่เหมาะสมและเพยี งพอ เพอ่ื สขุ ภาพจติ ที่ดี และสุขภาพกายทป่ี ลอดโรค ปลอดภยั ” เอกสาร การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดสำ� หรบั วยั ทำ� งาน ฉบบั นไี้ ดจ้ ดั ท�ำขนึ้ โดยกองสขุ ศกึ ษา กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ รว่ มกบั ส�ำนกั สง่ เสรมิ และพฒั นาสขุ ภาพจติ กรมสขุ ภาพจติ และผทู้ รงคณุ วฒุ จิ ากมหาวทิ ยาลยั มเี นอ้ื หาสาระ ประกอบด้วยสถานการณ์และแนวโน้มการเกิดพฤติกรรมเส่ียง ตัวช้ีวัดและเกณฑ์ พฤติกรรม และกระบวนการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการจัดการความเครียดส�ำหรับ วยั ท�ำงาน โดยมงุ่ หวงั ใหก้ ลมุ่ แกนน�ำสขุ ภาพและเจา หนา ทสี่ าธารณสขุ ใชเ้ ปน็ แนวทาง การด�ำเนินงานการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการจัดการความเครียดของวัยท�ำงาน ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ เกดิ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนต่อไป กองสุขศกึ ษา กรกฎาคม 2558

สารบญั หน้า ค�ำนำ� บทที่ 1 สถานการณ์และแนวโนม้ ของปญั หาสขุ ภาพที่เกิดจาก 5 พฤตกิ รรมการจดั การความเครียดของคนไทย 6 1.1 ความเชือ่ มโยงของพฤติกรรมเส่ียงด้านการจดั การ 10 ความเครียดกบั ปญั หาสุขภาพ 12 1.2 พฤตกิ รรมด้านการจัดการความเครียดและปัจจัย สง่ ผลต่อพฤตกิ รรมเส่ียง 1.3 แนวโน้มการเกิดพฤติกรรมเส่ยี งด้านการจัดการ ความเครียดและปญั หาสขุ ภาพในอนาคต บทท่ี 2 พฤตกิ รรมทีพ่ ึงประสงค์และเกณฑพ์ ฤตกิ รรมความเครยี ด 14 2.1 พฤติกรรมการจดั การความเครียดท่ีพงึ ประสงค์ของคนไทย 14 2.2 ตัวชีว้ ัดและเกณฑ์พฤตกิ รรมการจดั การความเครียด 15 ขนั้ พ้นื ฐาน บทที่ 3 กระบวนการปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมความเครียด 19 3.1 การปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมการจดั การความเครยี ด 19 โดยประชาชนและชมุ ชน 3.2 การปรบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมการจัดการความเครยี ด 39 โดยเจา้ หน้าท่สี าธารณสขุ บรรณานกุ รม 43 ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบประเมนิ ระดับความเครียดประชาชน 44 กลุ่มวยั ท�ำงาน (15-59 ปี) 4 กกาารรปจรัดับกเป าลร่ียคนวพาฤมตเ ภิกคารรครียมผด นสว�ำกหรขับ กขแลบอุ่มงบวปปัยรรทะะ�ำชเงมาาชนิ นนพกฤลต่มุ ิกวรัยรทม�กำงาารนจัด(1ก5า-ร5ค9วาปมี)เครียด 45

สถานการณ์และแนวโน้มของปญั หา 1บทท่ี สขุ ภาพทีเ่ กดิ จากพฤตกิ รรม การจดั การความเครียดของคนไทย โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นโรคท่ีรักษาไม่หายขาดและเป็นปัญหาสุขภาพท่ีส�ำคัญในระดับ ประเทศและระดับโลก จากขอ้ มูลงานวจิ ยั ท้ังในประเทศและต่างประเทศ พบวา่ ความเครยี ดก่อให้ เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในเชิงลบมากกว่าเชิงบวกเพราะความเครียดเป็นปัจจัยท่ีท�ำให้เกิดโรค ในกลุ่ม โรค NCDs ไดแ้ กโ่ รคหวั ใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู ซง่ึ องค์การอนามัยโลก (WHO)ได้พบว่าว่ากลุ่มโรค NCDs เป็นปัญหาสุขภาพใหญ่ท่ีก�ำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระดบั โลก ซ่งึ จากรายงานสถติ ิผู้เสียชวี ิตในปี พ.ศ. 2552 พบว่าสาเหตุการเสียชวี ติ ของประชากรโลก ทงั้ หมด มถี งึ 63% ทเ่ี กดิ จากกล่มุ โรค NCDs และทส่ี �ำคญั กว่าน้นั คอื กวา่ 80% เป็น ประชากร ของประเทศท่ีก�ำลังพฒั นา ส�ำหรบั ประเทศไทย สถติ ลิ ่าสดุ พบว่า มถี งึ 14 ลา้ นคนที่เป็นโรคในกล่มุ โรค NCDs และ ที่ส�ำคญั ยงั ถือเป็นสาเหตุหลกั การเสียชีวิตของประชากรทั้งประเทศ โดยจากสถิตปิ ี พ.ศ. 2552 พบ วา่ มปี ระชากรทง้ั หมดเสยี ชีวติ จากกล่มุ โรค NCDs มากกวา่ 300,000 คน หรอื คดิ เปน็ 73% แสดง ให้เหน็ ว่า ประเทศไทยมีสถิติการเสยี ชวี ิตและผลกระทบจาก กลุ่มโรค NCDs มากกวา่ ทง้ั โลกและ จะมีภาวะซมึ เศรา้ ในระดบั ปานกลางข้ึนไปถงึ มากทส่ี ดุ (ร้อยละ 28.50) ในขณะที่นิตยา จรัสแสง และคณะ พบวา่ ผปู้ ว่ ยโรคไมต่ ดิ เชอ้ื เรอ้ื รงั มภี าวะซมึ เศรา้ รอ้ ยละ 42.05 อาการแสดงวา่ เปน็ โรคซมึ เศรา้ เช่น เก็บตัว แยกตัวออกจากสังคมรู้สึกเศร้าและส้ินหวังหมดพลัง ไร้แรงบันดาลใจจะท�ำอะไร ท�ำส่ิงที่ชอบท�ำมาตลอดไม่ได้ชอบตัดสินใจอะไรแย่ๆ นอนไม่พอ เหน่ือยตลอดเวลา ไม่ค่อยมีแรง กนิ มากหรอื นอ้ ยกวา่ ปกติ นอนมากหรอื นอ้ ยกวา่ ปกติ มปี ญั หากบั ความทรงจ�ำรสู้ กึ แยก่ บั ตวั เอง รสู้ กึ ผดิ ตลอดเวลา รสู้ กึ ท�ำใหต้ นเองและครอบครวั ผดิ หวงั ไมเ่ หน็ คา่ ของตวั เองกา้ วรา้ วรสู้ กึ วา่ ไมส่ ามารถผา่ น เรอื่ งราวอะไรยากๆ ในชวี ิตได้ ยอมแพก้ ับชีวติ มผี ลกระทบต่อการใช้ชีวิตมีอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์อยากฆา่ ตัวตาย ความเจบ็ ปว่ ยเปน็ ภาวะทก่ี ระทบตอ่ การด�ำเนนิ ชวี ติ ของมนษุ ย์ โดยทค่ี วามรสู้ กึ กงั วล และซึมเศร้าเป็นอาการท่ีพบบ่อยท่ีสุดในต่างประเทศพบอาการซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคเบาหวาน รอ้ ยละ 25 โรคหลอดเลือดหวั ใจ ร้อยละ 18-20 โรคหลอดเลอื ดสมอง รอ้ ยละ 10-27 ส�ำหรับใน ประเทศไทยในเรื่องความเครียด นิภรณ์ นามลายและคณะ พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานส่วนใหญ่ มีภาวะซึมเศรา้ ระดบั ปานกลาง (ร้อยละ 85.0) ผู้ปว่ ยโรคความดันโลหิตสงู สว่ นใหญม่ ีภาวะซึมเศรา้ การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 5 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ระดับปานกลาง (รอ้ ยละ 62.8) ผปู้ ่วยโรคเบาหวานร่วมกบั โรคความดนั โลหิตสงู ส่วนใหญไ่ ม่มีภาวะ ซมึ เศรา้ (ร้อยละ 38.9) ในขณะทเี่ ธียรชัย คฤหโยธนิ พบความชุกของภาวะซึมเศรา้ ร้อยละ 4.2 ใน ผ้ปู ่วยโรคเบาหวาน และปัจจัยท่เี กย่ี วขอ้ งกบั ภาวะซึมเศรา้ ในผปู้ ว่ ยโรคเบาหวาน ได้แก่ การมีโรค หรอื ภาวะแทรกซ้อนและการเคยได้รับการวนิ จิ ฉยั ภาวะซึมเศร้ามาก่อน ส�ำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสขุ พบวา่ ปัจจัยเสยี่ งหลกั ส�ำคญั ของ โรคไม่ติดต่อเรือ้ รังที่สามารถป้องกนั ได้ ได้แก่ การบริโภคอาหารท่ีไม่ถกู ต้อง ขาดการออกก�ำลังกาย สบู บหุ ร่ี ดม่ื สรุ า ความเครยี ดและไมส่ ามารถจดั การกบั อารมณไ์ ดเ้ หมาะสม สอดคลอ้ งกบั การทบทวน วรรณกรรมของกลุ่มท่ีปรึกษา กรมสุขภาพจิต ที่พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเร้ือรัง แบง่ เป็น ปัจจยั ท่ไี ม่สามารถเปล่ียนแปลงได้ เช่น อายุ เพศ และพันธกุ รรม และปัจจยั ทเี่ ปลย่ี นแปลงได้ เชน่ การสบู บหุ ร่ี การรบั ประทานอาหารทไี่ มเ่ หมาะสม การขาดการออกก�ำลงั กาย การดมื่ แอลกอฮอล์ และทส่ี �ำคญั ทส่ี ุดคือความเครียด ในทางจติ วทิ ยาจติ ใจของคนเราประกอบดว้ ย 2 ลกั ษณะ คอื อารมณ์ (Emotional mind) และเหตุผล (rational mind) คนที่ได้รับการพัฒนาอารมณ์เป็นอย่างดีจะเป็นคนท่ีใช้เหตุผลและ อารมณร์ ว่ มกันได้อยา่ งสมดลุ ไม่ใชแ้ ต่อารมณ์โดยไม่ค�ำนึงถึงเหตผุ ล หรอื คดิ แต่เหตผุ ล โดยไมค่ �ำนึงถงึ ความรู้สึก ดังนั้นคนที่ได้รับการการพัฒนาด้านอารมณ์จึงเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี ไม่แสดงออกหรือเก็บกดมากเกินไป มีความม่ันคงทางอารมณ์ ไม่สนใจตนเองมากเกินไป เห็นอก เห็นใจคนอ่ืน รู้จักหาความสุขและสนุกสนาน มีความสัมพันธภาพท่ีดีกับคนอ่ืนเป็นคนสุขุมเมื่อมี ปญั หากพ็ ยายามหาทางแกไ้ ข ไมเ่ ครยี ดไมก่ งั วลหรอื ฉนุ เฉยี วมากเกนิ ไป คนทม่ี พี ฒั นาการดา้ นอารมณ์ ท่ีดีก็คือคนท่ีมีความเป็นผู้ใหญ่ ซ่ึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ให้ประสบความส�ำเร็จและ พงึ พอใจในชวี ิต 1.1 ความเช่อื มโยงของพฤตกิ รรมเส่ยี งด้านการจัดการความเครยี ดกบั ปัญหาสขุ ภาพ พฤติกรรมการจัดการความเครียด การที่บุคคลขาดทักษะการเผชิญกับปัญหา ขาดทักษะการจัดการกับความเครียด จะก่อให้เกิด โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลอื ด โรคมะเร็ง โรคซมึ เศรา้ โดยมีการศกึ ษาพบวา่ บคุ คลทม่ี แี รงสนบั สนนุ ทาง สงั คมดี จะเผชญิ กับความเครียดได้ดี เชน่ บุคคลทแี่ ต่งงานมคี ชู่ ีวิตจะมอี ายยุ นื ยาวขึ้น 1 ปี ในขณะ ทีผ่ ชู้ ายทเ่ี คยแตง่ งานแลว้ หยา่ หรอื แยกกบั ภรรยาจะต้องอย่คู นเดียวจะมอี ายุสน้ั ลง 9 ปี แต่ถา้ หาก ไม่ได้อยู่คนเดียวจะอายุส้ันลงเพียง 4 ปี ส่วนผู้หญิงท่ีหย่าหรือแยกทางกับสามีและอยู่คนเดียวจะ มีอายุสั้นลง 4 ปี แต่ถ้าหากไมไ่ ดอ้ ยู่คนเดยี วจะมีอายสุ ั้นลง 2 ปี และพบว่า ผู้สงู อายทุ ี่มีสุขภาพแขง็ แรง จะเป็นผู้ท่ีตดิ ต่อคบเพือ่ นเป็นประจ�ำมากกว่าผสู้ งู อายุที่สุขภาพไม่แขง็ แรง 6 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

พัฒนาการพฤติกรรมด้านอารมณ์เร่ิมต้นต้ังแต่เด็ก การได้รับความรักความอบอุ่นเป็น ปัจจัยส�ำคญั อันดบั แรกของคนท่มี ีพนื้ ฐานอารมณท์ ่ดี ี อันดบั ตอ่ มาได้แกก่ ารท่ีพอ่ แมเ่ ป็นแบบอยา่ ง ท่ีดีของการควบคุมอารมณ์และการแสดงออกด้านอารมณ์ เม่ือโตข้ึนมีประสบการณ์ชีวิตมากข้ึนก็ จะรจู้ กั ปรบั ตวั ปรบั ใจแกไ้ ขปญั หาได้ พง่ึ ตนเองได้ แตก่ ารพฒั นาดา้ นอารมณไ์ มม่ ขี อ้ จ�ำกดั ในเรอื่ งวยั ผทู้ ต่ี อ้ งการพฒั นาอารมณข์ องตนเอง หมนั่ สงั เกตอารมณแ์ ละการแสดงออก ปรบั ปรงุ อารมณท์ เ่ี ปน็ จุดออ่ นของตนเอง ก็จะท�ำไดเ้ ปน็ ผลส�ำเรจ็ เชน่ เดยี วกัน อารมณท์ ดี่ สี ง่ ผลดตี อ่ สขุ ภาพรา่ งกาย ท�ำใหร้ า่ งกายหลง่ั endophine ท�ำใหม้ คี วามรกั ความ อบอุ่นท�ำให้การไหลเวียนของโลหิตเร็วขึ้น ผิวหน้าร้อนแดง การท�ำงานของร่างกายดีข้ึน ความสุข สนกุ ส่งผลใหร้ ่างกายตนื่ ตัว การท�ำงานของสมองดี ความคดิ อ่านดี ท�ำให้ภูมิคุ้มกนั ดีขน้ึ อารมณ์ไม่ดีจะท�ำให้เป็นผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและหากอารมณ์ไม่ดีน้ันมีความ รุนแรงคงอยู่นานก็จะส่งผลต่อสุขภาพทางกาย เช่น อารมณ์โกรธ และส่วน เมดูลา ของ ต่อมหมวกไต จะหล่ัง อะดรีนาลีน ไหลเวียนท่ัวร่างกาย ท�ำให้ตับปล่อยน�้ำตาลเข้าไปในเลือด ส่งผลใหค้ วามดนั โลหติ สงู อตั ราการเตน้ ของหัวใจแรงและเรว็ ความโกรธอยา่ งรนุ แรงในผู้ป่วยหัวใจ อาจส่งผลท�ำให้หวั ใจวายได้ ท�ำใหเ้ กดิ อารมณ์ความกลวั ท�ำให้เกดิ การหดตวั ของหลอดเลือด นำ�้ ตาล ในเลือดเพ่ิมขึ้นโดยดึงน้�ำตาลจากตับและกล้ามเน้ือ ท�ำให้กล้ามเน้ืออ่อนแรง หมดก�ำลัง ปากแห้ง มอื สน่ั และมอี ารมณค์ วามเครยี ด ถา้ มมี ากเกนิ ไปท�ำใหร้ า่ งกายตน่ื ตวั สงู เมด็ เลอื ดขาวมากขน้ึ ภมู คิ มุ้ กนั ร่างกายน้อย และน�ำไปสปู่ ญั หาทางจิตใจ และปญั หาดา้ นอ่นื ๆ คือ ความโกรธ (ใจรอ้ น รนุ แรง กา้ วรา้ ว) หากควบคมุ ไมไ่ ดอ้ าจจะท�ำใหเ้ กดิ ความรนุ แรงท�ำให้ ท�ำรา้ ยผ้อู ืน่ หรือตนเองได้ วิธเี อาชนะความโกรธ เฉพาะหนา้ ให้ลดการกระตนุ้ สิ่งท่เี ป็นสาเหตุของ ความโกรธ โดยหนั ไปท�ำเรอื่ งอน่ื เชน่ ใชว้ ธิ นี บั 1-10 เดนิ หนอี อกไป ดม่ื นำ�้ เยน็ ฝกึ สมาธหิ รอื ท�ำจติ ใจ ให้สงบอยู่เสมอ ออกก�ำลงั กาย ท�ำงานทต่ี ้องใชแ้ รงมากๆจะชว่ ยลดความโกรธไดเ้ ป็นต้น ความเศรา้ (ความรสู้ กึ ดอ้ ยคา่ ) เกดิ จากความผดิ หวงั หรอื สญู เสยี วธิ กี ารลดความเศรา้ ให้ ด�ำเนนิ ชวี ติ ตามปกติ ท�ำงานทเ่ี คยท�ำ พดู คยุ กบั คนใกลช้ ดิ หรอื คนทเี่ คยตดิ ตอ่ ดว้ ยไมค่ วรอยคู่ นเดยี ว เปลย่ี นแปลงส่ิงแวดล้อม เชน่ ไปหาเพอื่ นเล่นกีฬาดว้ ยกนั เข้าชมรมท�ำกจิ กรรมท่ชี อบ ท�ำกจิ กรรมท่ี สร้างความภูมใิ จให้ตนเอง เช่น อ่านหนงั สอื เพม่ิ พูนความรู้ เป็นต้น ความวติ กกังวล เปน็ ความกลวั ในสง่ิ ทีย่ ังไม่เกิดขึน้ เชน่ กลวั วา่ จะล้มเหลว กลวั ผิดหวงั กลวั ยอมรบั ความรู้สกึ ไมด่ ีทตี่ ามมาไม่ได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 7 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

กลมุ่ โรคทเี่ กดิ จากการจดั การความเครยี ดของตนเองทไ่ี มด่ ี หรอื การมภี าวะความเครยี ด 1. โรคซึมเศร้า สาเหตทุ เี่ กดิ โรคนเ้ี กดิ ขนึ้ ไดจ้ ากหลายปจั จยั ไดแ้ ก่ ปจั จยั ทางพนั ธกุ รรม ชวี ภาพ บคุ ลกิ ภาพ และภาวะตงึ เครยี ดในชวี ติ บคุ ลกิ ภาพในลกั ษณะขาดความเชอ่ื มนั่ ไมส่ ามารถมองเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง มองโลกและตนเองในแงร่ า้ ยไม่สามารถขจดั ความเครยี ด ได้อยา่ งเหมาะสมจะท�ำใหบ้ ุคคลนนั้ เสีย่ ง ต่อการเกิดโรคซึมเศร้าปัจจัยทางสังคมในด้านการสูญเสียหรือพลัดพราก ความเจ็บป่วยท่ีเร้ือรัง เช่น มะเร็ง ปญั หาทางการเงิน และการเปลี่ยนแปลงในชวี ิตที่ไมพ่ งึ ปรารถนา สามารถเปน็ ตวั กระตุ้นให้ เกดิ โรคซมึ เศรา้ ไดซ้ ง่ึ ภาวะซมึ เศรา้ สามารถรกั ษาไดไ้ มว่ า่ จะเกดิ จากสาเหตใุ ดกต็ าม โรคซมึ เศรา้ ท�ำให้ มีอาการความเจ็บปว่ ยทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการเปล่ียนแปลงทางอารมณ์ได้แก่ อารมณเ์ ศร้าหมอง ทอ้ แท้ เบอ่ื หน่าย หดหู่ ขาดความสนใจ ความสนุกสนาน อารมณห์ งดุ หงดิ วติ กกงั วล และ อาการทางกาย ไดแ้ ก่ การเคลอ่ื นไหวเชอ่ื งชา้ สหี นา้ เศรา้ หมอง โตต้ อบชา้ สะเทอื นใจงา่ ย นอนหลบั ไดน้ อ้ ย ตน่ื บอ่ ย หรือตน่ื เช้ากว่าปกติ ความอยากรบั ประทานอาหารลดลง น�ำ้ หนกั ตัวลดลง ความต้องการทางเพศ ลดลง พละก�ำลังลดลง รู้สึกเหนื่อยง่าย ถึงแม้จะใช้แรงเพียงเล็กน้อยมักพบอาการปวดตามระบบ อวัยวะต่างๆ เชน่ ปวดหัว ปวดตามกล้ามเน้อื หรอื ปวดท้อง 2. โรคความดนั โลหติ สูง ร่างกายคนเราเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นจนอยู่ในภาวะเครียดท�ำให้มีผลเกิดการเปล่ียนแปลง ของสารส่ือประสาทในสมองท่ีส่งผลต่อพฤติกรรมและความคิดเป็นอย่างมาก ภาวะเครียดนี้ส่งผล ตอ่ รา่ งกายและจติ ใจใหต้ กอยใู่ นสภาวการณท์ เี่ รยี กวา่ “สหู้ รอื ถอย” (fight or flight) ซงึ่ ถา้ อยใู่ นภาวะ เครียดทีไ่ มม่ ากนกั ร่างกายจะปรบั ตวั ได้ภายใจไมก่ ีว่ ัน แถมยงั ต่อสู้กบั ความเครยี ดนนั้ ได้ สง่ ผลต่อ ปฏกิ ริ ยิ าภายนอก ดมู คี วามกระตอื รอื รน้ ในทางตรงขา้ มถา้ ความเครยี ดดงั กลา่ วมมี ากเกนิ กวา่ รา่ งกาย จะรบั ไหว และมอี ยู่นานกวา่ 2 สปั ดาหข์ น้ึ ไป ก็จะเกิดปฏิกิรยิ าถอย (flight) ปฏิกริ ิยาภายนอกก็จะ เกดิ การเปลย่ี นแปลงทางรา่ งกายและจติ ใจเขา้ ขน้ั เกดิ ปญั หารา้ ยแรงขนึ้ มาได้ ความเครยี ดทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาท่ีส่งผลต่อร่างกายโดยเฉพาะอย่างย่ิงระบบความดันโลหิต เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนสองตัวคือ อะดรนี าลนี และคอรต์ ซิ อล ทม่ี ผี ลตอ่ ระดบั ความดนั โลหติ โดยตรง ซง่ึ ฮอรโ์ มนเหลา่ นจี้ ะไปเพมิ่ ความ ดันเลือดในร่างกายของคุณ ท�ำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและท�ำให้ผนังหลอดเลือดหดเกร็งขึ้นด้วยการ กระท�ำสองทางนี้ เร่งใหค้ วามดนั โลหิตสูงขนึ้ 3. โรคเบาหวาน สาเหตขุ องโรคเบาหวานเกดิ จากสาเหตุทีไ่ ม่แน่ชดั อาจเกิดจากพันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็น เบาหวาน ลกู กม็ โี อกาสเปน็ ดว้ ย และเกดิ จากการด�ำเนนิ ชวี ติ ประจ�ำวนั อาหารการกนิ การออกก�ำลงั กาย และผู้ที่น้�ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานความเครียดทางกายภาพและความเครียดทางจิตใจหรือ อารมณ์มผี ลตอ่ ระดับน้�ำตาลในเลือดแตกต่างกนั ความเครยี ดทางกายภาพได้แก่เจบ็ ป่วยเชน่ การมี 8 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ไขก้ ารผา่ ตดั การไดร้ บั บาดเจบ็ โดยทวั่ ไปจะท�ำใหร้ ะดบั นำ�้ ตาลในเลอื ดเพม่ิ ขนึ้ สว่ นความเครยี ดทาง จิตใจหรืออารมณ์มีผลกระทบแบบผสมข้ึนอยู่กับชนิดของโรคเบาหวานท่ีเป็น เช่น เป็นเบาหวาน ประเภท 1 คือเบาหวานที่ต้องพึ่งอินซูลิน ความเครียดทางจิตสามารถเพิ่มหรือลดระดับน�้ำตาล ในเลอื ดได้ แตถ่ ้าเปน็ เบาหวานประเภท 2 ภาวะความเครยี ดทางจิตโดยทวั่ ไปจะเพม่ิ ระดับน้�ำตาล ในเลือด 4. โรคมะเร็ง ความเครยี ดมสี ว่ นทจี่ ะท�ำใหเ้ กดิ มะเรง็ ไดม้ ี 2 ประการคอื ประการแรก ความเครยี ดท�ำให้ คนบางกลุ่มหันไปใช้สารอย่างอ่ืนเพื่อลดความเครียด สารพวกน้ีอาจจะท�ำให้เกิดเป็นมะเร็ง เช่น คนท่ลี ดความเครยี ดดว้ ยการสบู บุหร่ี ในบุหร่ีมีสารทกี่ ่อใหเ้ กิดมะเร็งประการทสี อง ปกตริ ่างกายคน เรามสี ารทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ มะเรง็ เกดิ ขน้ึ อยตู่ ลอดเวลา และรา่ งกายสามารถก�ำจดั สารพวกนไี้ ดท้ �ำใหไ้ มเ่ กดิ มะเรง็ แตเ่ มอ่ื มคี วามเครยี ดเกดิ ขน้ึ จะมผี ลตอ่ ระบบภมู คิ มุ้ กนั ท�ำใหร้ ะบบภมู คิ มุ้ กนั ไมส่ ามารถขจดั สารทก่ี อ่ ให้เกดิ มะเร็งไดแ้ ตใ่ นเวลาเดียวกนั กไ็ ม่ได้หมายความว่า ความเครยี ดจะท�ำใหเ้ ปน็ มะเร็งได้ เสมอไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความเครียดด้วย และเชื่อกันว่า คนบางคนค่อนข้างจะเก็บกด อารมณม์ าก เวลาเครียดเกบ็ กด จะท�ำใหส้ ่ยี งตอ่ การเกดิ มะเรง็ ได้ 5. โรคหวั ใจและหลอดเลือด ความเครียดหรือความวิตกกังวลท่ีเร้ือรังท่ีเกิดกับกลุ่มคนท�ำงานในปัจจุบันที่ใช้เวลาอยู่ กบั งานคอ่ นขา้ งมาก ตอ้ งเผชญิ กบั ความเครยี ดอยบู่ อ่ ยครงั้ เมอ่ื ความเครยี ดเกดิ ขน้ึ รา่ งกายจะสรา้ ง สารที่เรยี กวา่ “อะดรีนาลนิ ” (ADRENALINE) ซง่ึ มีฤทธท์ิ �ำใหห้ ัวใจเตน้ เร็วและแรงขน้ึ ท�ำให้หลอด เลอื ดตบี ตวั ท�ำใหเ้ สย่ี งตอ่ การเปน็ โรคหวั ใจ ซง่ึ ผปู้ ว่ ยมกั จะไมร่ ตู้ วั วา่ เปน็ โรคเนอื่ งจากไมแ่ สดงอาการ ผลของการวิจัยโดยศนู ย์การแพทย์ มหาวิทยาลยั โคลมั เบีย เผยวา่ ผู้ทเ่ี ผชิญความเครยี ดเป็นประจ�ำ มีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้มากกว่าคนท่ีไม่ค่อยมีความเครียดถึง 27 เปอร์เซ็นต์ หรือ นอกจากน้ี ความเครยี ดยงั ท�ำใหร้ า่ งกายเสยี่ งตอ่ การเกดิ โรคความดนั โลหติ สงู ดว้ ย และความดนั โลหติ ทสี่ งู ขนึ้ นี้ อาจไปท�ำให้หลอดเลือดแดงแข็งตวั เกิดภาวะขาดเลือดไปหล่อเล้ยี งหวั ใจ น�ำไปสกู่ ารเกิดโรคหัวใจ วายได้ในท่ีสุด ดังภาพสรุปกลุ่มโรคท่ีเกิดจากการจัดการความเครียดของตนเองท่ีไม่ดี หรือการมี ภาวะความเครียด การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 9 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ผังความเช่อื มโยงของพฤตกิ รรมเส่ยี งความเครียดกบั ปัญหาสขุ ภาพ พฤตกิ รรมการจดั การความเครียดไมด่ ี/ ภาวะความเครียด *ความโกรธ (ใจร้อน รนุ แรง กา้ วร้าว) *ความเศร้า (ความรสู้ กึ ดอ้ ยค่า) ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพที่เกิดข้ึน *ความวติ กกงั วล 1. โรคซึมเศร้า 2. โรคความดนั โลหิตสูงโรคเบาหวาน 3. โรคมะเรง็ 4. โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด ปญั หาสังคม ฯลฯ 1. เกดิ ความรนุ แรงท�ำใหท้ �ำร้ายตนเอง/ คนในครอบครวั หรือผอู้ ่นื ได้ 2. ขาดความเชื่อมนั่ /ไมเ่ หน็ คณุ คา่ ของตนเอง /มองโลกในแงร่ ้าย 1.2 พฤติกรรมดา้ นการจดั การความเครียดและปัจจัยส่งผลตอ่ พฤตกิ รรมเสีย่ ง 1. พฤตกิ รรมเสย่ี ง พฤติกรรมเสี่ยงร่วมที่เป็นตัวก�ำหนดให้เกิดปัญหาสุขภาพเกิดจากการมีพฤติกรรม การจดั การความเครยี ดทไี่ มด่ ซี งึ่ พฤตกิ รรมเสยี่ งดงั กลา่ ว มปี จั จยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรม ทงั้ ทเ่ี ปน็ ปจั จยั ภายในของบุคคลและปัจจัยภายนอกของบุคคลซ่ึงล้วนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเส่ียง การจดั การความเครียดได้ 2. ปัจจัยทม่ี ผี ลต่อพฤตกิ รรม ปจั จัยภายในของบุคคล 1. ขาดการประเมนิ ระดบั ความเครยี ดอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและสมำ�่ เสมอการประเมนิ ระดบั ความเครียดเปน็ สิง่ ส�ำคญั ท่จี ะท�ำให้รู้วา่ ตนเองมรี ะดับความเครยี ดเปน็ อยา่ งไร มคี วามผิดปกติหรอื ซึ่งจะเป็นจุดเร่ิมต้นส�ำคัญท่ีจะน�ำไปสู่การค้นหาวิธีการจัดการความเครียด โดยต้องประเมิน ความเครยี ดวา่ เรามคี วามเครยี ด ในระดบั ใด เชน่ ระดบั ไมม่ คี วามเครยี ด สงสยั วา่ มปี ญั หาความเครยี ด หรือมีความเครียดสูง เพื่อการพัฒนาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของตนเองให้ถูกต้องและ เพียงพอตอ่ การปอ้ งกนั หรือลดปญั หาสุขภาพ/โรคเหลา่ นนั้ ได้ 10 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

2. ไม่มีความรู้ในการจัดการความเครียด การจัดการความเครียดมีหลากหลาย รปู แบบ ปัญหาทีพ่ บส่วนใหญค่ นท่ีมคี วามเครียดและคนทีป่ ่วยเป็นโรคต่างๆ ไมส่ ามารถเลอื กไดว้ า่ ตนเองควรจะจดั การความเครยี ดแบบไหนทเี่ หมาะสมและเกดิ ประโยชนก์ บั ตนเองมากทสี่ ดุ จนกลาย เป็นปัญหาท�ำให้ไม่ได้จัดการความเครียด ดังน้ัน ความรู้ด้านการจัดการความเครียดแต่ละวิธีท่ีถูก ตอ้ ง มคี วามส�ำคญั และจ�ำเปน็ ทจี่ ะท�ำใหท้ กุ คนสามารถเลอื กการจดั การความเครยี ดใหเ้ หมาะสมกบั อายุ ปัญหาสุขภาพ ทีก่ �ำลังเป็นอยู่ ว่าจะมีวธิ จี ัดการความเครยี ดอย่างไร แค่ไหน เม่อื ไหร่ ดังน้นั ผมู้ คี วามเครยี ด จงึ ตอ้ งมคี วามรใู้ นการเลอื กชนดิ และรปู แบบของการจดั การความเครยี ด ทเ่ี หมาะสม กับสภาพร่างกาย โดยต้องค�ำนึงถึงภาวะโรค ข้อจ�ำกัดต่างๆ จะมีผลท�ำให้การจัดการความเครียด อย่างเพียงพอและตอ่ เนือ่ ง 3. มกี ารรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารทไี่ มถ่ กู ตอ้ งเกยี่ วกบั ความเสยี่ งทที่ �ำใหเ้ กดิ การเจบ็ ปว่ ย ความ รนุ แรงของการเจบ็ ปว่ ยทเ่ี กดิ ขน้ึ ดงั นน้ั การท�ำใหบ้ คุ คลมกี ารรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วทถ่ี กู ตอ้ งกจ็ ะมผี ลตอ่ การ เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดสงู วธิ การคอื การถา่ ยทอดความรคู้ วามเขา้ ใจโดยทมี งานปราชญ์ชาวบ้าน และเจ้าหนา้ ทีส่ าธารณสขุ 4. มีทักษะท่ีไม่ถูกต้องในการจัดการความเครียด การมีทักษะที่ไม่ถูกต้องในการ จัดการความเครียด ก่อให้เกิดความเครียดและปัญหาสุขภาพ ซ่ึงมีหลายๆ คนที่ภายหลังเลือกวิธี จดั การความเครยี ดแล้วเกดิ ปญั หาเช่น ปฏิบัติการไมถ่ กู ซ่งึ เปน็ ต้นเหตุส�ำคญั ที่ท�ำให้ไม่อยากปฏิบตั ิ ดงั นนั้ การทท่ี �ำใหบ้ คุ คลมที กั ษะการจดั การความเครยี ดทถ่ี กู ตอ้ งจงึ เปน็ สงิ่ ส�ำคญั ทจ่ี ะท�ำใหเ้ กดิ ความ เชอื่ มัน่ ในความสามารถและทักษะของตนเองก็จะสง่ ผลให้มกี ารจดั การความเครยี ดอย่างสม�ำ่ เสมอ และต่อเนอ่ื ง ปจั จยั ภายนอกของบุคคล 1. ขาดส่ิงอ�ำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการจัดการความเครียด สาเหตุที่ไม่ค่อยมี การจัดการความเครียดด้วยวิธตี า่ งๆ เพราะสถานท่หี รอื อปุ กรณอ์ �ำนวยความสะดวกไมเ่ พยี งพอ ซ่ึง เป็นเครือ่ งมอื ช่วยให้พฤติกรรมการจัดการความเครียดของประชาชนได้ดขี น้ึ 2. ขาดสงิ่ สนบั สนนุ และ/หรอื ยบั ยงั้ ตอ่ การจดั การความเครยี ด เชน่ ไมม่ เี พอ่ื น/กลมุ่ / ชมรมในการจัดการความเครียด ขาดแรงจงู ใจต่อการมีพฤติกรรมการจดั การความเครียด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 11 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ตารางแสดงพฤติกรรมการจัดการความเครียดปัจจัยท่ีส่งผลต่อพฤติกรรมเส่ียง และปัญหา สุขภาพทเี่ กดิ ข้ึน พฤตกิ รรมเสีย่ ง ปัจจยั ท่กี ำ� หนดพฤตกิ รรมเสี่ยง ปญั หาสุขภาพท่ีเกิดข้ึน มีพฤติกรรม ปัจจยั ภายในของบุคคล 1. โรคซมึ เศรา้ การจัดการ 1. ขาดการประเมินระดบั ความเครียดอย่างต่อ 2. โรคความดันโลหติ สงู ความเครยี ด เน่ืองและสม่�ำเสมอ 3. โรคเบาหวาน ท่ไี ม่เหมาะสม 2. ไมม่ คี วามรู้ในการจดั การความเครยี ด 4. โรคมะเร็ง 3. มีการรับข้อมลู ขา่ วสารทีไ่ ม่ถกู ตอ้ ง 5. โรคหวั ใจและหลอด 4. มที ักษะที่ไมถ่ กู ต้องในการจัดการความเครยี ด เลือด ปจั จยั ภายนอกของบุคคล 1. ขาดสิ่งอ�ำนวยความสะดวกทเ่ี อือ้ ต่อการจัดการ ความเครียด 2. ขาดสง่ิ สนับสนุนและ/หรอื ยบั ยัง้ ต่อการจดั การ ความเครยี ด จากตารางจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมจัดการความเครียด มีปัจจัยที่ก�ำหนดพฤติกรรม เสยี่ ง 2 ปจั จยั คอื ปจั จยั ภายในของบคุ คลไดแ้ ก่ 1) ขาดการประเมนิ ระดบั ความเครยี ดอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และสม่�ำเสมอ 2) ไม่มีความรู้ในการจัดการความเครียด 3) มีการรับข้อมูลข่าวสารท่ีไม่ถูกต้อง 4) มที ักษะทไ่ี มถ่ ูกตอ้ งในการจดั การความเครยี ด ปจั จัยภายนอกของบุคคล 1) ขาดสิ่งอ�ำนวยความ สะดวกท่ีเอ้ือต่อการจัดการความเครียด 2) ขาดส่ิงสนับสนุนและ/หรือยับย้ังต่อการจัดการ ความเครียด เชน่ ไมม่ เี พ่ือนในการจัดการความเครียด ไมม่ มี าตรการทางสังคม ท�ำใหป้ ญั หาสขุ ภาพ เกดิ ข้ึน คอื โรคซมึ เศร้า โรคความดนั โลหติ สูง โรคเบาหวาน โรคมะเรง็ โรคหัวใจและหลอดเลอื ด 1.3 แนวโน้มการเกดิ พฤตกิ รรมเสย่ี งดา้ นการจัดการความเครียดและปญั หาสขุ ภาพ ในอนาคต จากสถานการณ์การเกิดโรคไม่ติดต่อเกี่ยวข้องที่ส�ำคัญของประชาชน ทั้งโรคความดัน โลหติ สงู โรคหวั ใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเรง็ มอี ตั ราสงู ขึ้น และจากตวั เลขทางสถิติ อตั ราการฆ่าตวั ตาม และอัตราผปู้ ่วยโรคซมึ เศร้าสูงขน้ึ ซง่ึ กลมุ่ โรค NCDs นน้ั สามารถปอ้ งกนั ได้ เพราะปัญหาสุขภาพน้ี เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงด้านการจัดการความเครียดซึ่งมีปัจจัยเส่ียงท่ีเป็น สาเหตุท้ังปัจจัยภายในตัวบุคคลและปัจจัยภายนอกตัวบุคคล ได้แก่ ขาดการประเมินระดับ 12 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ความเครยี ดอยา่ งตอ่ เน่ืองและสม�ำ่ เสมอไม่มีความรูใ้ นการจดั การความเครยี ด มีทกั ษะทีไ่ มถ่ กู ตอ้ ง ในการจดั การความเครยี ดขาดสงิ่ สนบั สนนุ และ/หรอื ยบั ยง้ั ตอ่ การจดั การความเครยี ด เชน่ ไมม่ เี พอื่ น ในการจัดการความเครียด ไม่มีมาตรการทางสงั คมโดยเฉพาะคนในวัยท�ำงาน ซ่ึงเปน็ วยั ที่มโี อกาส เกิดความเครยี ดได้มากกวา่ วยั อ่นื ๆ ซง่ึ เมื่อบุคคลเกิดความเครียดจะส่งผลตอ่ ร่างกาย ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น ปวดศศีรษะความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคภูมแิ พ้ โรคล�ำไสอ้ กั เสบ มะเรง็ ปวดคอและหลัง เปน็ ตน้ (จฑุ ารัตน์ สคุ นั ธรนั ต์ 2541) จิตใจ จะท�ำให้พฤติกรรมและบุคลิกภาพเปล่ียนไป เช่น วิตกกังวล เก็บกด อารมณ์ แปรปรวน สีหน้าไม่สดชืน่ และยงั สง่ ผลต่อประสิทธิภาพในการปฏบิ ัติงาน จะท�ำใหม้ ีปัญหาในการ สร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นท�ำให้ความพึงพอใจในงานลดลง เกิดความเบ่ือหน่ายในงาน ท�ำให้ขาด ความตั้งใจในการปฏบิ ัตงิ าน ความร้สู กึ รับผิดชอบในหนา้ ทล่ี ดลง เกดิ การลาปว่ ย ขาดงาน ลาออก โอนย้าย และท�ำให้ประสิทธภิ าพในการคิดลดลงและปฏบิ ัติลดลง (สริ ิภรณ์ หนั พงศ์กิตตกิ ลุ 2542) ซงึ่ แสดงออกเป็นพฤติกรรมต่างๆ เช่น เฉอื่ ยชา ขาดงานบ่อย ท�ำงานผิดพลาดเสมอ ไมม่ ีความรับ ผดิ ชอบ ขาดสมาธิในการท�ำงาน ควบคมุ ตนเองไมไ่ ด้ ถ้ายังไม่มีการจัดการแก้ไขปัจจัยท่ีเป็นสาเหตุตรงของพฤติกรรมการจัดการความเครียด คาดว่าในอนาคตแนวโน้มการเกิดโรคในกลุ่มโรค NCDs จะทวีความรุนแรงมากย่ิงขึ้นตามการ เปลยี่ นแปลงสงั คม วฒั นธรรม และการจัดการตนเองทไี่ ม่เหมาะสมดงั นัน้ การทจี่ ะป้องกนั และลด โรค/ความเจบ็ ปว่ ยดงั กล่าว ต้องมกี ารปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดให้ถูกต้อง ด้วย การจดั การแกไ้ ขปจั จยั ทเี่ ปน็ สาเหตทุ งั้ ทเ่ี ปน็ ปจั จยั ภายในบคุ คลและภายนอกบคุ คล ซงึ่ ตอ้ งอาศยั ตวั บุคคลเอง และการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนช่วยส่งเสริม สนับสนุนกระบวนการปรับ เปลีย่ นพฤตกิ รรมการจัดการความเครียด ซ่งึ จะสง่ ผลใหป้ ระชาชนไม่เจบ็ ป่วย มีสุขภาพแข็งแรงซึ่ง หาก สามารถลด หรือ ปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมเส่ียงเหลา่ น้ไี ด้ กจ็ ะเป็นการลด โอกาสเส่ยี งในการเปน็ กล่มุ โรค NCDs ได้ มากถงึ 80% โดยลดโอกาส ในการเปน็ มะเร็งได้ 40% โรคหลอดเลอื ดสมองและ หวั ใจ และโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2 ได้ถงึ 80% สามารถลดค่าใชด้ า้ นสาธารณสขุ ของประเทศจะ ท�ำให้สามารถน�ำงบประมาณไปพัฒนาดา้ นอื่นๆได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 13 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

2บทท่ี พฤติกรรมทีพ่ งึ ประสงค์และ เกณฑ์พฤตกิ รรมความเครยี ด พฤตกิ รรมสขุ ภาพ หมายถงึ การกระท�ำทม่ี ผี ลตอ่ สขุ ภาพของบคุ คล ครอบครวั หรอื ชมุ ชน ไม่ว่าจะในลักษณะท่ีท�ำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ท�ำให้ตนเอง บุคคลอื่นๆในครอบครัว หรือ บุคคลอ่นื ในชุมชนเจบ็ ป่วย บาดเจบ็ หรอื เสียชวี ิต หรือในลักษณะทเ่ี ปน็ ผลดตี ่อสขุ ภาพ เชน่ ท�ำให้ ตนเอง บุคคลอื่นๆ ในครอบครัว หรอื บคุ คลอ่นื ในชมุ ชนมสี ุขภาวะดี ไมเ่ จ็บป่วย บาดเจ็บ หรอื เสยี ชวี ิตด้วยโรคท่เี กิดจากพฤตกิ รรมสุขภาพ พฤติกรรมสขุ ภาพที่พึงประสงค์ หมายถึง พฤตกิ รรมสขุ ภาพที่จ�ำเป็น ส�ำหรับการพัฒนา สขุ ภาพหรอื การแก้ไขปัญหาสขุ ภาพการท่ีบคุ คล ครอบครวั หรอื ชุมชน ไมม่ ีพฤตกิ รรมสขุ ภาพท่ีพงึ ประสงค์ ก็จะท�ำให้การพัฒนาสุขภาพหรือการแก้ไขปัญหาสุขภาพท่ีต้องการให้เกิดข้ึนไม่บรรลุผล ตามวตั ถุประสงคห์ รอื ตามเปา้ หมายทกี่ �ำหนดไว้ 2.1 พฤติกรรมการจดั การความเครียดทพี่ ึงประสงคข์ องคนไทย พฤติกรรมท่ีพึงประสงค์การจัดการความเครียด หมายถึง ความสามารถในการป้องกัน และจดั การความเครยี ดตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั สถานการณร์ อบขา้ ง ดว้ ยการทสี่ ามารถเลอื กวธิ ี การจดั การความเครยี ดวธิ ใี ดวธิ หี นง่ึ ตามความเหมาะสมกบั สขุ ภาพ สมรรถภาพทางกายและวถิ ชี วี ติ ของแตล่ ะบคุ คล เชน่ การออกก�ำลงั กาย การพกั ผอ่ น กจิ กรรมบนั เทงิ (ดหู นงั ฟงั เพลง) การนง่ั สมาธิ การนวดไทย มกี จิ กรรมรว่ มกบั ผู้อ่นื ทัง้ ในครอบครัว เพ่อื นรว่ มงานหรอื ชมุ ชน อยา่ งสม�่ำเสมอและ เพียงพอ จะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและป้องกันโรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาสุขภาพได้ ซึ่งการมี พฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ จะส่งผลท่ดี ีตอ่ ตนเอง ครอบครวั และสังคม คือ 1. ผลต่อตนเอง : รู้จักและเขา้ ใจตนเองอยา่ งแทจ้ รงิ ยอมรบั ตนเองตามความเป็นจรงิ มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ตามสังคมอย่างไม่มีเหตุผล มีความรับผิดชอบ ซ่ึงเป็นผู้มี 1) บุคลกิ ภาพดี โดยมีหน้าตายิม้ แยม้ แจม่ ใส ควบคมุ อารมณ์ตนเองได้ ปรบั ตวั เข้ากับส่ิงแวดล้อมได้ดี 2) มีความคิดสติปัญญาดี โดยมสี ติ มสี มาธิ มกี ารตดั สินใจทด่ี แี ละมเี หตผุ ลในการท�ำส่ิงตา่ งๆ ใช้สติ ปญั ญาไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ 3) มสี ขุ ภาพรา่ งกายดี โดยมผี ลตอ่ การท�ำงานของระบบรา่ งกาย ควบคมุ อารมณ์ ได้ ไมห่ งดุ หงดิ และไมโ่ กรธงา่ ย 4) มกี ารเรยี นและท�ำงานอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและเตม็ ความสามารถ มีความรับผิดชอบ มคี วามกระตอื รอื ร้น ใฝร่ ู้ใฝเ่ รียน มองเหน็ ว่าชีวติ มีคา่ และมีความหมาย 14 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

2. ผลตอ่ ครอบครวั : สมาชกิ ในครอบครวั มสี ขุ ภาพจติ ทด่ี ี ครอบครวั กม็ คี วามสขุ สงบสขุ ไม่เกดิ ปัญหาความขดั แย้งตา่ งๆตามมา 3. ผลต่อสังคม : คนในสังคมก็จะสามารถด�ำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข มีความปลอดภัย อยู่ร่วมกันด้วยความสงบเรียบร้อย รักใคร่ปรองดอง สามัคคีกัน น�ำพาชาติและ บา้ นเมืองไปสคู่ วามร่มเยน็ เป็นสุขได้ การมีภาวะเครียดจึงมีความส�ำคัญเป็นอย่างมากทั้งต่อตนเอง ผู้อ่ืน ครอบครัว ชุมชน และสงั คม การท่ปี ระเทศชาตขิ องเรา ถา้ สมาชกิ ในสังคมไม่มภี าวะเครียดหรอื มสี ุขภาพจติ ที่ดยี อ่ ม น�ำมาซึ่งความสขุ และคณุ ภาพชวี ิตทด่ี ีของประชาชนทุกคน “ ม่ันฝึกการรตู้ นควบคมุ ตน และลดละอตั ตาตวั ตน” 2.2 ตัวชีว้ ัดและเกณฑพ์ ฤตกิ รรมการจัดการความเครยี ดข้ันพื้นฐาน ตัวชี้วัดพฤติกรรมการจัดการความเครียด หมายถึง คุณลักษณะของพฤติกรรมการ จดั การความเครยี ดตามเปา้ หมายทต่ี อ้ งการ(ท่พี งึ ประสงค์) คอื มคี วามสามารถจัดการความเครียด ตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั สถานการณ์รอบข้าง(ร้อยละ) เกณฑ์พฤติกรรมการจัดการความเครียดข้ันพื้นฐาน หมายถึง ระดับของการจัดการ ความเครยี ด ท่ียอมรับไดต้ อ่ คา่ เป้าหมายท่กี �ำหนดไว้ คือ มีวธิ กี ารจัดการความเครยี ดให้กับตนเอง อยา่ งน้อย 1 วิธที กุ ครง้ั เมือ่ มีความเครียด ดงั นน้ั การก�ำหนดตวั ชว้ี ดั และเกณฑพ์ ฤตกิ รรมการ จดั การความเครยี ด เปน็ การก�ำหนด ใหเ้ หน็ ถงึ คณุ ลกั ษณะของพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด ทต่ี อ้ งการ (ทพ่ี งึ ประสงค)์ และเพยี งพอ ตอ่ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและปอ้ งกนั /ลดโรคได้ ซงึ่ เกณฑพ์ ฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด ทกี่ �ำหนด ไว้จะใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานส�ำหรับเทียบค่าคะแนนกับผลการประเมินพฤติกรรมการจัดการ ความเครียด จะท�ำให้ผู้ท่ีท�ำการประเมินสามารถแปลผลจ�ำแนกระดับการปฏิบัติพฤติกรรมได้ว่า มีพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด มากน้อยเพยี งใด การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 15 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

รายละเอียดตัวชีว้ ัดและเกณฑพ์ ฤตกิ รรมขน้ั พ้นื ฐาน ดงั ตาราง ประเด็น ตวั ชว้ี ดั พฤติกรรม เกณฑ์การปฏบิ ตั ิ ค�ำอธบิ ายเกณฑ์ พฤตกิ รรม (คุณลกั ษณะ ตามตวั ชีว้ ัด สุขภาพ ของพฤตกิ รรม (วิธีการจัดการ การจดั การ ท่ีพงึ ประสงค์) ความเครยี ด) ความเครยี ด ร้อยละของ มีวิธกี ารจัดการ ความสามารถในการหาวิธีการจัดการ ประชาชนมีความ ความเครยี ด ความเครียดให้กับตนเองได้อยา่ งนอ้ ย 1 วิธี สามารถจัดการ ให้กบั ตนเองอยา่ ง ทุกครัง้ เมอ่ื มคี วามเครียด เชน่ ความเครยี ดตนเอง นอ้ ย 1 วิธีทกุ ครั้ง การออกก�ำลงั กาย กจิ กรรมการพักผอ่ น ได้อย่างเหมาะสม เมอ่ื มีความเครยี ด เชน่ กจิ กรรมบันเทิงดหู นงั ฟังเพลง กับสถานการณ์ การน่งั สมาธิ การนวดไทย รอบข้าง การมกี ิจกรรมร่วมกับผู้อืน่ ในชุมชน ตวั ชีว้ ดั พฤตกิ รรมการจัดการความเครยี ดประกอบด้วย 1 ตัวชวี้ ดั คือ ตวั ชว้ี ดั รอ้ ยละของประชาชนมคี วามสามารถจดั การความเครยี ดตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม กับสถานการณ์รอบข้าง อธิบายเกณฑ์ การมีความสามารถจัดการความเครียดตนเองได้อย่างเหมาะสมกับ สถานการณ์รอบข้าง หมายถึง ความสามารถในการหาวิธีการจัดการความเครียดให้กับตนเองได้ อยา่ งนอ้ ย 1 วธิ ีทกุ คร้งั เมื่อมคี วามเครยี ด เช่น การออกก�ำลงั กาย กจิ กรรมการพักผ่อนเชน่ กิจกรรม บันเทงิ ดูหนัง ฟงั เพลง การนงั่ สมาธิ การนวดไทย การมีกจิ กรรมร่วมกับผู้อนื่ ในชุมชน จงึ จะถือวา่ การ เปน็ ผูท้ ่ีมพี ฤติกรรมจัดการความเครยี ดตามเป้าหมายทีต่ อ้ งการหรือมีพฤตกิ รรมท่ีพงึ ประสงค์ วธิ กี ารจัดการความเครยี ด 1) การออกก�ำลังกายคลายเครียด ช่วยในเร่ืองอารมณ์และลดอาการซึมเศร้า แม้ว่า การออกก�ำลงั กายจะไมใ่ ชย่ าวิเศษแตก่ ารเพม่ิ การขยับกายยืดเส้นยดื สายร่างกายนั้นเปน็ ผลดี และ ช่วยให้จัดการกับอารมณ์เศร้าได้ดีข้ึน ไม่จ�ำเป็นต้องออกแรงอย่างหนัก เพ่ือให้เหงื่อตกมากๆ การออกก�ำลังกายท่ีให้ผลทางสุขภาพจิตน้ันแม้เพียงแค่เดินเร็วเพียงวันละสัก 10 นาทีก็ได้ผลแล้ว หรืออาจเลือกวิธีการออกก�ำลังกายที่เหมาะกับสภาพร่างกายตนเอง ท�ำให้ตนเองสนุกสนานและ เพลิดเพลิน เขา้ กล่มุ กบั คนอืน่ ๆ ได้ 16 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

2) กจิ กรรมการพักผ่อน เปน็ การท�ำกจิ กรรมตา่ งๆ ทที่ �ำให้เกิดความเพลิดเพลิน ซ่งึ กจิ กรรมท่ีจะท�ำมีอยูม่ ากมาย โดยต้องไม่เป็นกิจกรรมที่ขัดกับจารีตประเพณี เช่น การเล่นดนตรี กิจกรรมบันเทิงดูหนัง ฟังเพลงเป็นต้น กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จะเป็นกิจกรรมนันทนาการได้โดยมีแนวทางในการเลือก กจิ กรรมท่ีจะปฏิบัติ ดงั น้ี 1. ความสนใจ การเลือกกิจกรรมท่ีตนเองสนใจ จะท�ำใหเ้ กดิ ความสนุกสนานและ เพลิดเพลนิ เกดิ ความสขุ ส่งผลให้จติ ใจได้ผอ่ นคลาย และลดความเครยี ดได้ด้วย 2. สขุ ภาพ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมใดๆ จะตอ้ งค�ำนงึ ถงึ สขุ ภาพของตนเอง เปน็ ส�ำคญั หากมีรา่ งกายท่แี ข็งแรงกส็ ามารถจะเลือกปฏบิ ตั ิกิจกรรมใหห้ ลากหลายย่งิ ขึ้น 3. เลอื กใหช้ ว่ งเวลาทว่ี า่ ง หากมเี วลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมไมม่ ากกอ็ าจเลอื กปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมท่ีใชเ้ วลาน้อยหรือสามารถน�ำไปปฏิบตั ใิ นวนั ต่อไปได้ เช่น อา่ นหนังสอื ฟังเพลง การรอ้ ง เพลงคาราโอเกะกับสมาชิกในครอบครวั หลังเลิกงาน 4. เลอื กใหค้ วามเหมาะสมของกจิ กรรมกบั งานประจ�ำทที่ �ำ หากงานประจ�ำทที่ �ำเปน็ งานที่นั่งอยู่กับท่ีไม่ค่อยได้ใช้ก�ำลัง ก็ควรจะเลือกกิจกรรมที่มีการเคล่ือนไหวเพ่ือป้องกันโรคที่เกิด จากการขาดการออกก�ำลงั กายและรา่ งกายจะไดแ้ ขง็ แรงดว้ ย แตถ่ า้ งานประจ�ำ ท่ใี ชก้ �ำลังมาก เช่น เปน็ นักกฬี า เกษตรกร ผู้ใชแ้ รงงาน ก็ควรเลอื กกจิ กรรมท่ไี ม่ ตอ้ งออกแรงมากนกั เชน่ ร้องเพลง ฟังเพลง เลน่ หมากรกุ เล่นปาเปา้ ร่างกาย จะได้ไมเ่ หน็ดเหนอื่ ยเพิ่มขน้ึ 3) การน่งั สมาธิ การท�ำสมาธถิ อื เปน็ การผอ่ นคลายความเครยี ดทล่ี กึ ซง้ึ ทส่ี ดุ เพราะจติ ใจจะสงบและ ปลอดจากความคิดท่ีซำ้� ซาก ฟงุ้ ซ่าน วติ กกงั วล เศร้า โกรธ ฯลฯ หลกั ของการท�ำสมาธิ คอื การเอาใจไปจดจอ่ กบั สง่ิ ใดสง่ิ หนงึ่ เพยี งอยา่ ง เดยี ว ซึ่งในทน่ี ้จี ะใชก้ ารนบั ลมหายใจเปน็ หลัก และยุติการคดิ เร่อื งอ่นื ๆ อยา่ งสน้ิ เชิง หากฝกึ สมาธิเปน็ ประจ�ำ จะท�ำใหจ้ ติ ใจเบิกบาน อารมณเ์ ย็น สมอง แจ่มใส หายเครียดจนตัวเองและคนใกล้ชิดรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีนี้ได้ อย่างชดั เจน 4) การนวดไทย ความเครียดเป็นสาเหตุท�ำให้กล้ามเน้ือหดเกร็ง เลือดไหลเวียนไม่ สะดวก ปวดต้นคอ ปวดหลัง เป็นต้น การนวดจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเน้ือ กระตุ้นการไหลเวียน ของเลอื ด ท�ำใหร้ สู้ กึ ปลอดโปรง่ สบายตวั หายเครยี ด และลดอาการเจบ็ ปวดได้ การนวดไทย สามารถ นวดไดด้ ว้ ยตนเอง และเหมาะส�ำหรับผูท้ มี่ อี าการปวดศรี ษะ ปวดเมอ่ื ยบรเิ วณต้นคอ บา่ และไหล่ อันมีสาเหตมุ าจากความเครียด การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 17 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

5) การมกี จิ กรรมรว่ มกบั ผอู้ น่ื ในชมุ ชน เปน็ การรวมตวั กนั ของคนในชมุ ชน ในเทศกาล ใดเทศการหนงึ่ เพอ่ื น�ำมาเปน็ จดุ เดน่ ในการท�ำกจิ กรรมรว่ มกนั ในชมุ ชนเพอื่ เสรมิ สรา้ งอารมณเ์ พราะ การทีไ่ ด้มีการพดู คุยยอกล้อกบั คนในชุมชนเสมอๆ จะชว่ ยสรา้ งบรรยากาศของความสนกุ สนานใน การอยูร่ ่วมกนั เปน็ การจัดการความเครียดได้ ท้ังน้ีหากประชาชนกลุ่มวัยท�ำงานสามารถปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพให้ได้ตาม เกณฑ์พฤติกรรมทีพ่ ึงประสงค์ การจดั การความเครยี ดตามเป้าหมายที่ต้องการ ไดเ้ ป็นผลส�ำเรจ็ จะ สง่ ผลดีทง้ั ทางดา้ นสุขภาพและเศรษฐกจิ สรุปไดด้ ังแผนภาพต่อไปน้ี พฤติกรรมการจดั การ สง่ ผลดตี ่อสขุ ภาพร่างกายท�ำให้ ความเครียด - มีความรักความอบอนุ่ - ร่างกายตนื่ ตัว การท�ำงานของ 1. การออกก�ำลงั กาย สมองดี ความคิดอ่านดี ท�ำให้ 2. การพักผอ่ นเช่นกจิ กรรมบันเทงิ ภูมิคุ้มกันดขี ้ึน (ดูหนัง ฟังเพลง) - อารมณ์ท่ดี ี มองโลกในแงดี 3. การน่งั สมาธิ คิดเชงิ บวก 4. การนวดไทย - ลดและปอ้ งกนั การเกิดโรคซึมเศร้า 5. การมีกิจกรรมร่วมกับผอู้ ่นื ทง้ั ใน กลุ่มโรคเรอื้ รัง ครอบครวั เพอื่ นรว่ มงานหรอื ชุมชน เลอื กวธิ กี ารจดั การความเครียด วธิ ีการใด วิธหี นึง่ ตามความเหมาะ สมกับสขุ ภาพสมรรถภาพทางกาย และวธิ ชี ีวติ ของแตล่ ะบคุ คล สุขภาพแข็งแรง/คณุ ภาพชวี ิตดขี ึน้ /ลดค่าใช้จา่ ยด้านสุขภาพ 18 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

3บทท่ี กครวะบาวมนเกคารรปียรดบั เปลยี่ นพฤติกรรม การทบี่ คุ คลจะมพี ฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดทถี่ กู ตอ้ ง จ�ำเปน็ ตอ้ งมกี ระบวนการที่ เหมาะสมและจะต้องมีจุดเร่ิมต้นจากการกระท�ำด้วยตนเองเป็นส�ำคัญ ประกอบกับการมีส่วนร่วม ของครอบครัว/ชุมชนและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการมีปัจจัยที่เอ้ือทั้งทางกายภาพและทาง สงั คมท่จี ะชว่ ยสง่ เสริมสนับสนนุ กระบวนการ และเสริมพลงั ให้เกิดการปฏิบัติท่ตี อ่ เน่อื งและยัง่ ยืน ดังน้ัน เพ่ือการมีพฤติกรรมสุขภาพท่ีถูกต้องและยั่งยืน ประชาชนและชุมชนจึงต้องมี บทบาทส�ำคัญต่อการขับเคล่ือนกระบวนการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการจัดการความเครียด โดยเจา้ หนา้ ทสี่ าธารณสขุ เปลย่ี นวธิ คี ดิ วธิ ที �ำงานจากการเปน็ ผใู้ หบ้ รกิ ารสขุ ภาพมาเปน็ ผใู้ หก้ ารสนบั สนนุ ให้ค�ำช้ีแนะ ให้ค�ำปรึกษากับประชาชน (การให้บริการเชิงรุก) ซ่ึงสามารถแบ่งบทบาทการด�ำเนิน งานของประชาชน/ชุมชนและเจ้าหน้าที่สาธารณสขุ ได้ดงั น้ี 3.1 การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดโดยประชาชนและชมุ ชน การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพจ�ำเปน็ ตอ้ งด�ำเนนิ การทง้ั ในระดบั บคุ คล ระดบั ครอบครวั และระดบั ชมุ ชนซึง่ การปรับเปลย่ี นแตล่ ะระดับมกี ระบวนทแี่ ตกตา่ งกัน 1. การปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพระดับบุคคล บคุ คลทมี่ พี ฤติกรรมสขุ ภาพท่ีไมถ่ กู ตอ้ ง ซง่ึ ท�ำให้เกดิ ปัญหาสขุ ภาพ มสี าเหตมุ าจาก การ ทีบ่ คุ คลไดร้ ับการเรียนรู้ที่ผดิ จนเกิดพฤตกิ รรมสุขภาพไมถ่ ูกตอ้ งโดยไม่มกี ารปรบั ปรุงแก้ไขในภาย หลัง ส่วนสาเหตุท่ี สอง ได้แกก่ ารทบ่ี ุคคลไมไ่ ด้รบั การปลกู ฝงั พฤติกรรมสขุ ภาพที่ดีมากอ่ น ดงั นน้ั การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพระดบั บคุ คลจงึ เปน็ ทกั ษะทที่ �ำใหบ้ คุ คลตา่ งๆ เกดิ การเปลยี่ นแปลง ของพฤตกิ รรมสขุ ภาพทไี่ มถ่ กู ตอ้ งใหเ้ ปน็ พฤตกิ รรมทถ่ี กู ตอ้ งหรอื พฤตกิ รรมสขุ ภาพทพี่ งึ ประสงคข์ อง บุคคลน้นั ๆเอง การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 19 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

พฤตกิ รรมสขุ ภาพท่ีต้องการการเปล่ยี นแปลงมีลักษณะดงั น้ี 1) บุคคลมีการกระท�ำหรือปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องเมื่อตนเองหรือบุคคลอื่นในครอบครัวท่ี ตนเองดูแลรบั ผิดชอบเจ็บปว่ ย โดยไม่มกี ารรับรู้และตระหนักเกีย่ วกับการเจบ็ ป่วย สาเหตุของการ เจบ็ ปว่ ยและการดูแลรักษาที่ถูกต้อง 2) บุคคลมีการกระท�ำหรือปฏิบตั ิท่ีเส่ยี งต่อความเจ็บป่วย 3) บคุ คลขาดการปฏบิ ตั ิตามแนวทางของการส่งเสริมสขุ ภาพในด้านตา่ งๆ ทง้ั สุขภาพ กายและสุขภาพจติ อย่างสม�่ำเสมอ 4) บคุ คลขาดการมีสว่ นร่วมในกิจกรรมต่างๆ ในชมุ ชน 2. พฤตกิ รรมสุขภาพของครอบครวั พฤติกรรมสุขภาพของครอบครัวเป็นลีลาชีวิตท่ีบุคคลทุกคนในครอบครัวได้ปฏิบัติหรือ ได้กระท�ำอยู่ ซึ่งมีท้ังลีลาชีวิตที่ถูกต้องเป็นผลดีต่อสุขภาพและการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพของ บคุ คลตา่ งๆ ในครอบครวั และลลี าชวี ติ ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ งเปน็ ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพและการพฒั นาสขุ ภาพของ บุคคลต่างๆ ในครอบครัว การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของครอบครัว ให้ได้ผลดีต้องใช้ กระบวนการเรียนรู้แบบเสริมแรง เพ่ือท�ำให้บุคคลต่างๆในครอบครัวเป็นตัวกระตุ้นเตือนและ โนม้ นา้ ว และจงู ใจซงึ่ กนั และกนั เพอื่ ใหก้ ารเรยี นรไู้ ดด้ ี การจดั การเรยี นรเู้ พอื่ ใหค้ รอบครวั มพี ฤตกิ รรม สุขภาพท่ีถูกต้องได้ ต้องท�ำกับบุคคลท้ังครอบครัวไปพร้อมๆ กัน โดยให้สมาชิกในครอบครัวส่วน ใหญ่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันในทางสร้างสรรค์ให้มากท่ีสุด การเรียนรู้เพ่ือการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม สขุ ภาพของครอบครัว มีองคป์ ระกอบ ทีส่ �ำคัญ 3 ประการดว้ ยกนั คอื การสอื่ สารและความสมั พนั ธ์ ในระหวา่ งสมาชิกในครอบครัว กิจกรรมทคี่ รอบครวั กระท�ำรว่ มกัน และประสบการณแ์ ละอิทธพิ ล ทีส่ มาชกิ ในครอบครวั ไดร้ บั จากสังคมสง่ิ แวดล้อมภายนอกบา้ น ดังนั้นการด�ำเนินงานสุขศึกษาเพ่ือการปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพของครอบครัว จงึ ตอ้ งศกึ ษาบรบิ ทของครอบครวั และจดั แนวทางทจ่ี ะท�ำใหเ้ กดิ การเรยี นรขู้ น้ึ ในระดบั ครอบครวั ได้ ดีที่สดุ 3. การปรบั เปลยี่ นพฤติกรรมสขุ ภาพของชุมชน พฤตกิ รรมสขุ ภาพของชมุ ชนเปน็ วถิ ชี วี ติ อยา่ งหนง่ึ ทที่ �ำใหค้ นสว่ นใหญใ่ นชมุ ชนไดก้ ระท�ำ หรือปฏิบตั กิ นั อยู่ พฤตกิ รรมสุขภาพบางอยา่ งก็เป็นการปฏิบตั ิกันอย่างผิดๆ ทถ่ี ่ายทอดมาจากคน รนุ่ หนง่ึ สคู่ นอกี รนุ่ หนงึ่ พฤตกิ รรมสขุ ภาพทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ ในชมุ ชน เปน็ พฤตกิ รรมทม่ี ผี ลตอ่ การ แก้ปัญหาสุขภาพในชุมชนในส่วนรวม การด�ำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของชุมชนต้องอาศัย การสร้างพลังและความเข้มแข็งให้เกิดข้ึนโดยให้ชุมชนได้มีการเรียนรู้เก่ียวกับปัญหาของชุมชนเอง และหาวิธีการแก้ไขปัญหาของชมุ ชนเอง 20 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ดังนนั้ การด�ำเนินการปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพของชมุ ชน จึงตอ้ งพฒั นาทกั ษะชีวิต ของบคุ คลขนึ้ มาให้เป็นวิถีชวี ติ ของคนในชมุ ชน โดยมีหลักการคอื 1. ท�ำประชาชนในชมุ ชนใหม้ กี ารรบั รเู้ กยี่ วกบั ปญั หาสขุ ภาพ วา่ ปญั หาสขุ ภาพสามารถ ป้องกนั ได้โดยการส่งเสริมสขุ ภาพเพ่อื จะไดไ้ มต่ อ้ งเกดิ การเจบ็ ป่วยขึ้น 2. เมอื่ ปญั หาสขุ ภาพเกดิ ขน้ึ มาแลว้ ตอ้ งมกี ารแกป้ ญั หาสขุ ภาพใหห้ มดไปโดยการ รว่ ม กันด�ำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของชุมชนเพ่ือให้คนของชุมชนมีสุขภาพดี โดยอาศัย แรงกระตุน้ และแรงเสรมิ จากบุคคลอนื่ ๆ อยา่ งจริงจังและตอ่ เนือ่ ง การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดของประชาชนกลมุ่ วยั ท�ำงาน เปน็ การ ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนเป็นเจ้าภาพหลักในการด�ำเนินงานในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การ ค้นหาปัญหา เพ่ือท่ีจะสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและสาเหตุของการไม่จัดการความเครียด เกิดการ เรยี นรใู้ นการก�ำหนดทางเลอื ก/แนวทางในการแกไ้ ขปญั หา และรว่ มกนั ด�ำเนนิ การ ตลอดจนรว่ มกนั ประเมนิ ถงึ ผลประโยชน์ท่จี ะได้รับจากพัฒนา ซง่ึ สามารถก�ำหนดแนวทาง/ข้ันตอนด�ำเนนิ งาน ได้ 4 ขน้ั ตอนหลกั (1) วิเคราะห์และเข้าใจปัญหาทเ่ี กิดข้ึนอย่างชัดเจน (2) วางแผนการปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมการจัดการความเครียดทีเ่ ปน็ พฤติกรรมเส่ียง (3) ปฏบิ ตั กิ ารในพน้ื ทข่ี องกลมุ่ เปา้ หมาย จะท�ำใหป้ ระชาชนกลมุ่ วยั ท�ำงานมพี ฤตกิ รรม ที่ท่ีพึงประสงค์คือประชาชนมีความสามารถจัดการความเครียดตนเองได้อย่างเหมาะสมกับ สถานการณ์รอบขา้ ง (4) ประเมนิ ความส�ำเรจ็ ของการด�ำเนินงาน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 21 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ผังการด�ำเนนิ งานปรบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมสขุ ภาพการจัดการความเครียด ของกลมุ่ วยั ท�ำงาน ประชาชน/ชุมชน ด�ำเนินงานปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมความเครียดของ ประชาชนกล่มุ วยั ท�ำงาน ทุกข้นั ตอน เจ้าหน้าทส่ี าธารณสุข การด�ำเนนิ งานปรบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมการจัดการความเครยี ด ให้การสนับสนนุ ของกลุ่มวยั ท�ำงาน มขี น้ั ตอนดังน้ี การด�ำเนินงาน 1) การวิเคราะหป์ ัญหาและเข้าใจปญั หาท่เี กดิ ขนึ้ อย่างชัดเจน ปรบั เปล่ยี นพฤติกรรม 2) การวางแผนการปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมการจัดการ ความเครยี ดของประชาชน ความเครยี ดท่ีเปน็ พฤติกรรมเสีย่ ง กลุ่มวยั ท�ำงาน ทกุ ข้นั ตอน 3) การปฏิบตั ิการในพืน้ ท่ีของกลุม่ เปา้ หมาย 4) ประเมนิ ความส�ำเร็จของการด�ำเนินงาน พฤติกรรมทีพ่ ึงประสงคค์ ือ ประชาชนมี ความสามารถจัดการความเครียดตนเอง ได้อยา่ งเหมาะสมกับสถานการณร์ อบข้าง ขน้ั ตอนที่ 1. การวิเคราะห์ปญั หาและเข้าใจปัญหาท่ีเกดิ ขน้ึ อย่างชดั เจน ในการวิเคราะห์ปญั หาและเข้าใจปญั หาท่เี กดิ ขนึ้ อยา่ งชดั เจน เปน็ ขน้ั ตอนเร่มิ ต้นในการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนเพ่ือให้ รู้ปัญหาสุขภาพ ความเจ็บป่วยของประชาชนกลุ่มวัย ท�ำงานคอื อะไรและรพู้ ฤตกิ รรมเสย่ี งดา้ นความเครยี ด ซงึ่ เปน็ พฤตกิ รรมเสย่ี งรว่ มทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาสขุ ภาพ รวมทั้งรู้บริบทของชุมชนและเงื่อนไขการจัดการปัญหาสุขภาพ คืออะไร ท่ีจะเป็นปัจจัยสนับสนุน และเปน็ อุปสรรคตอ่ การด�ำเนนิ งานพัฒนาและปรบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมความเครียด ซง่ึ การวิเคราะห์ และเข้าใจปัญหาจะสามารถด�ำเนินการได้ส�ำเร็จต้องอาศัยกระบวนการกลุ่ม โดยกลุ่มแกนน�ำและ ประชาชนในชุมชนทั้งหมดต้องมาพูดคุยวิเคราะห์และหาข้อสรุป เพ่ือเสริมและปรับปรุงเพิ่มเติม กลายเปน็ บทสรุปของประชาชน ซงึ่ จ�ำเปน็ ทีจ่ ะตอ้ งมกี ารวิเคราะห์ 3 ส่วน คอื 22 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

1.1.) วเิ คราะห์ปัญหาโรคและความเจ็บป่วยของประชาชนวัยท�ำงาน 1.2.) วเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมเสย่ี งดา้ นการจัดการความเครยี ด 1.3.) วเิ คราะหบ์ รบิ ทของชมุ ชนและเงอ่ื นไขการจดั การปญั หาสขุ ภาพซงึ่ จะตอ้ งวเิ คราะห์ แยกแยะออกมาใหเ้ ห็นชดั เจน ดังตารางท่ี 1, 2, 3 และ 4 1.1 วิเคราะหป์ ัญหาโรคและความเจบ็ ป่วยของประชาชนวัยทำ� งาน น�ำข้อมูลสภาวะสุขภาพและความเจ็บป่วยของประชาชนในชุมชนจากฐานข้อมูลของ โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพต�ำบลทม่ี อี ยู่ มาวเิ คราะหส์ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ปญั หาสขุ ภาพความเจบ็ ปว่ ยดว้ ย โรคอะไรบ้าง ในตารางท่ี 1 ซ่ึงจะต้องวิเคราะห์และบันทึกข้อมูล ว่ามีจ�ำนวนปัญหาโรคและ ความเจบ็ ปว่ ยอะไรบา้ งมากนอ้ ยเพยี งใด และจ�ำแนกจ�ำนวนในแตล่ ะชว่ งอายุ จ�ำนวนครอบครวั และ จ�ำนวนในแตล่ ะเพศที่ป่วยและตายดว้ ยโรคเหลา่ นนั้ ตารางที่ 1. แสดงผลการวเิ คราะห์ โรคและการเจบ็ ป่วยของประชาชนในหมู่บ้าน……. ปญั หาสขุ ภาพ กลมุ่ วัยท�ำงาน (15-59 ปี) จำ� นวน เพศ 15-21 ปี 22-40 ปี 41-59 ปี ครอบครวั ชาย หญงิ โรคซมึ เศรา้ โรคหัวใจและหลอดเลอื ด โรคมะเรง็ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหติ สงู ผพู้ กิ าร อื่นๆ...................... จากขอ้ มลู ในตารางที่ 1 จะท�ำใหท้ ราบวา่ ปญั หาสขุ ภาพของประชาชนวยั ท�ำงานในชมุ ชน มีปว่ ย ตายดว้ ยโรคอะไรมากท่ีสดุ ในชว่ งอายุเท่าไร เพศใด และมกี ค่ี รอบครัวทป่ี ่วย ตายดว้ ยโรค เหล่านัน้ ซึง่ จะเปน็ ประโยชน์ในการท่ีน�ำไปสู่การค้นหาพฤตกิ รรมเสยี่ งทก่ี อ่ ใหเ้ กิดโรค 1.2 วเิ คราะห์พฤตกิ รรมเส่ยี งด้านการจัดการความเครียด จากปัญหาโรคและความเจ็บป่วยของประชาชนวัยท�ำงานในตารางท่ี 1 สาเหตุของโรค ลว้ นเกิดจากการ มีพฤตกิ รรมสขุ ภาพทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง ความเครยี ดก็เปน็ พฤติกรรมเส่ียงร่วมทีก่ ่อให้เกดิ โรคเหล่านน้ั ซึ่งจะต้องวเิ คราะหแ์ ละบันทึกขอ้ มูลในตารางท่ี 2 เพอ่ื แยกแยะให้เหน็ ว่ามปี ระชาชน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 23 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

วยั ท�ำงานทมี่ พี ฤติกรรมความเครยี ดสูงสงสยั ว่ามปี ญั หาความเครยี ด และไม่มีความเครียดในแต่ละ ชว่ งอายมุ จี �ำนวนมากนอ้ ยเพยี งใด จ�ำนวนครอบครวั และแตล่ ะเพศทมี่ ปี ญั หาพฤตกิ รรมความเครยี ด โดยสามารถดูข้อมูลเหล่าน้ีได้จากผลการประเมินระดับความเครียดของตนเองโดยใช้แบบ ประเมนิ ST-5 ของกรมสขุ ภาพจิตอย่างง่ายๆซงึ่ ประกอบดว้ ยข้อค�ำถาม 5 เปน็ การส�ำรวจถึงอาการ หรือความรู้สึกที่เกิดขนึ้ ในระยะ 2 สัปดาห์และประเมินระดบั ของอาการหรอื ความร้สู กึ นน้ั ซึ่งแบบ ประเมินระดับความเครยี ดของตนเองน้อี ยูใ่ นภาคผนวก ก ซ่ึงผลการประเมินความเครียด ST5จะมีการเทียบค่าคะแนนที่ได้กับเกณฑ์แบ่งระดับ คะแนนรวมความเครยี ดและแปลผลตามทแี่ บบประเมนิ นนั้ ไดก้ �ำหนดไว้ เพอ่ื สรปุ ผลระดบั ความเครยี ด ลงในตารางท่ี 2 เกณฑแ์ บง่ ระดบั แปลผล สรปุ ผล คะแนนรวม ความหมาย ความเครยี ด 0–4 คะแนน ไมม่ ีความเครยี ดในระดับทกี่ ่อใหเ้ กดิ ปัญหากับตวั เอง ไม่มคี วามเครยี ด ยงั สามารถจัดการกับความเครยี ดท่เี กดิ ขึ้นในชวี ติ ประจ�ำวันได้ และปรบั ตวั กับสถานการณ์ต่างๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 5–7 คะแนน สงสยั ว่ามปี ญั หาความเครยี ด ควรใหค้ �ำปรกึ ษาหรอื สงสยั วา่ มีปัญหา ใหค้ �ำแนะน�ำในเรือ่ งการผอ่ นคลายความเครยี ดด้วยการพดู ความเครียด คุยหรือปรกึ ษาหารอื กับคนใกลช้ ิด เพอื่ ระบายความเครียด หรอื คล่คี ลายทม่ี าของปญั หาและอาจใช้การหายใจ เข้าออกลึกๆ ชา้ ๆ หลายครง้ั หรือใชห้ ลกั การทางศาสนา เพ่อื คลายความกังวล 8 คะแนนขึ้นไป มคี วามเครยี ดสงู ในระดบั ท่ีอาจจะสง่ ผลเสียตอ่ ร่างกาย เชน่ มีความเครยี ดสงู ปวดหัว ปวดหลงั นอนไม่หลับฯลฯ ต้องไดร้ ับค�ำปรกึ ษาจาก บุคลากรสาธารณสขุ เพ่อื คน้ หาสาเหตทุ ท่ี �ำใหเ้ กดิ ความเครียด และหาแนวทางแกไ้ ข และคัดกรองโรคซึมเศร้าด้วยแบบ คัดกรองโรคซึมเศร้า (2Q) 24 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ตารางที่ 2. แสดงระดับความเครียดของพฤติกรรมเส่ียงการจัดการความเครียด จำ� นวนประชากรกลมุ่ วยั ท�ำงาน จำ� นวน เพศ (คน) (15-59 ปี) พฤตกิ รรมเสย่ี ง 15อ-2า1ยุ ปี 22อ-4า0ยุ ปี 41อ-5า9ยุ ปี ครอบครวั ชาย หญิง พฤตกิ รรม ไมม่ ีความเครียด การจดั การ สงสัยว่ามีปัญหา ความเครียด ความเครยี ด มคี วามเครียดสงู จากข้อมูลในตารางที่ 2 จะท�ำให้ทราบว่า พฤติกรรมเส่ียงการจัดการความเครียดที่มี ความเครยี ดสงู สงสยั วา่ มีปัญหาความเครยี ด และไม่มคี วามเครยี ด เกดิ ในชว่ งอายุไหนมากทีส่ ุด ใน เพศใด และมีก่คี รอบครวั ที่ประสบเจอปญั หา ซงึ่ จะเป็นข้อมูลท่ีมปี ระโยชนต์ อ่ การเลอื กวิธกี าร/รูป แบบกจิ กรรมการจดั การความเครียดให้เหมาะสมกับกลุ่มอายุ เพศและวถิ ชี ีวติ เปน็ ตน้ 1.3 การวิเคราะห์บริบทของชมุ ชนและเงอ่ื นไขการจัดการปัญหาสุขภาพ การวิเคราะห์บริบทชุมชน เป็นการด�ำเนินงานเพื่อให้ได้ข้อมูลของชุมชน ทุนทาง สังคมและศักยภาพของชุมชนตามบริบทในพื้นท่ีของชุมชนน้ันๆเพื่อการขับเคล่ือนการด�ำเนินงาน พัฒนาและปรับเปล่ียนพฤติกรรมความเครียดของชุมชน ซ่ึงบริบทของชุมชน ท่ีส�ำคัญ ได้แก่ กลุ่มทางสงั คม และปจั จัยแวดล้อมท่ีก�ำหนดพฤตกิ รรม ในการจดั การกับปญั หาของตนเองของคน ไทยสว่ นใหญไ่ มไ่ ดใ้ ชก้ ระบวนการกลมุ่ ทางสงั คมหรอื ใชท้ นุ ทางสงั คมเขา้ มามสี ว่ นในการจดั การปญั หา ดังนั้นการน�ำศักยภาพของชุมชนซึ่งเป็นทุนทางสังคมมาใช้ในการเสริมความเข้มแข็งของชุมชนและ ใหช้ ุมชนเป็นศูนยก์ ลางการพฒั นาจะน�ำไปสู่การจดั การแกไ้ ขปัญหาพฤตกิ รรมสุขภาพของชมุ ชนได้ 1.3.1 กลุ่มทางสังคม เป็นกลุ่มท่ีเกิดจากการรวมตัวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน ท�ำกิจกรรมรว่ มกนั จนสามารถช่วยเหลือเกือ้ กูล แกป้ ัญหาของกลุ่มและสมาชิกกล่มุ ได้ ซึ่งอาจเปน็ กลมุ่ ผนู้ �ำทเี่ ปน็ ทางการ เชน่ ผใู้ หญบ่ า้ นและทมี งาน กลมุ่ ผนู้ �ำทไ่ี มเ่ ปน็ ทางการ กลมุ่ อาชพี กลมุ่ จดั การ ปญั หาสขุ ภาพ กลมุ่ อนรุ กั ษศ์ ลิ ปวฒั นธรรมเพลงพน้ื บา้ น กลมุ่ ไลตส์ ขุ ภาพเปน็ ตน้ ซง่ึ จะตอ้ งวเิ คราะห์ ค้นหาระดับความเข้มแข็งของกลุ่มทางสังคมเพ่ือน�ำศักยภาพของกลุ่มเหล่าน้ันเข้ามามีส่วนร่วมใน การขับเคลอื่ นการด�ำเนินงานพฒั นาและปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการจัดการความเครียด (*ความเขม้ แขง็ หมายถึงกลุ่มดำ� เนินกจิ กรรมได้บรรลวุ ตั ถุประสงคข์ องการจัดต้งั กลุ่ม ในระดับมาก ปานกลาง น้อย ) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 25 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ตารางที่ 3. แสดงกล่มุ ทางสังคม กลุม่ ทางสังคม จำ� นวนกลมุ่ ความเขม้ แขง็ น้อย ปานกลาง มาก 1. ผนู้ ำ� ทเี่ ป็นทางการ 1.1 กลุ่มผูใ้ หญ่บ้านและทมี งาน 2. กลุ่มผ้นู ำ� ไม่เปน็ ทางการ เชน่ 2.1 ปราชญช์ าวบ้าน 2.2 ผู้น�ำทางศาสนา 2.3 ผนู้ �ำชุมชน 2.4 ชมรมผูส้ งู อายุ 2.5 กลมุ่ อสม. 2.6 อืน่ ๆ 3. กลุม่ อาชีพไดแ้ ก่ 3.1 กลมุ่ ชาวนา 3.2 กลมุ่ ชาวสวน 3.3 อื่นๆ 4. กลุ่มจัดการปัญหาสขุ ภาพไดแ้ ก่ 4.1 กลมุ่ เยยื่ มบา้ น 4.2 กลุ่มช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างบุคคลครอบครวั 5. กลุม่ อนุรักษศ์ ิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน 6. กลุ่มไลน์สุขภาพ จากตารางที่ 3 เม่ือท�ำการวิเคราะห์และบันทึกข้อมูลลงในตาราง จะท�ำให้ทราบว่า ในชุมชนกลุ่มทางสังคมใดท่ีมีจ�ำนวนมากและมีความเข้มแข็งของกลุ่มอยู่ในระดับมาก ซึ่งสามารถ ด�ำเนนิ กิจกรรมไดบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ของการจัดต้งั กลมุ่ โดยสามารถดึงกล่มุ ทางสังคมเหล่าน้ันเขา้ มามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและด�ำเนินงานพัฒนาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการ ความเครยี ดของประชาชนในชุมชนตอ่ ไป 26 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

1.3.2 ปจั จยั แวดลอ้ มทกี่ ำ� หนดพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด ปจั จยั แวดลอ้ ม ท่กี �ำหนดพฤติกรรมความเครียด หมายถึง ปัจจัยแวดล้อมทง้ั ทางกายภาพและสงั คมทช่ี ว่ ยส่งเสรมิ สนบั สนุน(เชิงบวก) หรือเปน็ อุปสรรค(เชงิ ลบ) ตอ่ การเกิดพฤตกิ รรมการจัดการความเครียด 1) ปัจจัยแวดล้อมทางกายภาพ หมายถงึ สงิ่ ของหรือสิ่งอ�ำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะใช้ประกอบการกระท�ำพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด 2) ปจั จยั แวดลอ้ มทางสงั คม หมายถงึ คา่ นยิ ม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรม แบบแผนการด�ำเนินชีวิต และการใช้กระบวนการทางสังคมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพท้ังเชิงบวก (สนบั สนนุ /เออื้ ตอ่ การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ) และเชงิ ลบ (อปุ สรรค/ไมเ่ ออ้ื ตอ่ การปรบั เปลย่ี น พฤตกิ รรมสขุ ภาพ) เชน่ ชวี ติ ทต่ี อ้ งมคี วามเรง่ รบี เพอ่ื การประกอบอาชพี มคี วามรกั สบาย เปน็ ตน้ ลว้ น เป็นปจั จัยท่ีมีผลต่อการเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมของคน ตารางท่ี 4. แสดงปจั จยั แวดลอ้ มที่ก�ำหนดพฤตกิ รรมการจัดการความเครยี ด ปจั จยั แวดล้อมกำ� หนดพฤติกรรมการจดั การความเครยี ด เชิงบวก/ เชิงลบ/ เอ้อื ตอ่ การ ไมเ่ อือ้ ตอ่ การ มพี ฤติกรรม มีพฤตกิ รรม ความเครยี ด ความเครียด ปจั จยั - สถานทที่ เี่ ออื้ ต่อการจดั การความเครยี ด เช่น สถาน แวดลอ้ ม ท่ีออกก�ำลงั กาย ทอ่ี า่ นหนงั สือ สถานทีน่ ั่งสมาธิ ทางกายภาพ สถานทีน่ วดแผนไทย สถานทรี่ วมกลมุ่ เพ่อื ท�ำ ปจั จัย กจิ กรรมสว่ นรวมรว่ มกัน แวดลอ้ ม ทางสงั คม - สิง่ อ�ำนวยความสะดวกเช่น อปุ กรณเ์ ลน่ กีฬา สอื่ เพื่อเผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารสขุ ภาพในชุมชน เช่นหอก ระจ่ายข่าว วทิ ยุชุมชน พระท่สี อนนัง่ สมาธิ หมอนวด แผนไทย 1. สภาพเศรษฐกิจของประชาชนในหมบู่ ้าน รายได้ดีหรือไม่ดี ส่วนใหญป่ ระชาชนท�ำงานหนักหรืองานเบา ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั หรอื ฟ่มุ เฟือย การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 27 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ปจั จยั แวดล้อมกำ� หนดพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด เชิงบวก/ เชงิ ลบ/ เออื้ ต่อการ ไม่เอ้อื ต่อการ 2. การศึกษาของประชาชนในหมูบ่ า้ น มพี ฤติกรรม มีพฤติกรรม ส่วนใหญ่อย่รู ะดบั ต่�ำหรอื สูง ความเครยี ด ความเครียด 3.ระบบบรกิ ารพื้นฐานตา่ งๆ เชน่ การรักษา การ ศึกษา มคี ุณภาพหรือไม่มคี ุณภาพ ราคาพอดีหรือราคาสงู เขา้ ถึงบรกิ ารพ้ืนฐานดีหรือเข้าถึงบริการพน้ื ฐานยาก จากข้อมูลในตารางที่ 4 จะท�ำให้เห็นถึงข้อมูลปัจจัยแวดล้อมท่ีมีผลต่อพฤติกรรมการ จดั การความเครยี ดทงั้ ในเชงิ บวกและเชงิ ลบ ซง่ึ ปจั จยั แวดลอ้ มทม่ี ผี ลในเชงิ บวกจะเปน็ ประโยชนใ์ น การที่จะน�ำมาเป็นข้อมูลในการวางแผนส่งเสริมการจัดการความเครียดส�ำหรับปัจจัยแวดล้อมเชิง ลบก็จะเป็นข้อมูลส�ำคัญที่จะต้องมีการบริหารจัดการหรือวางแผนจัดกิจกรรมการด�ำเนินงานเพ่ือ เปลี่ยนปจั จัยเชงิ ลบให้เป็นเชงิ บวก ตวั อย่างเช่น - ปจั จยั แวดล้อมทางกายภาพ เช่น สถานที่ทเี่ ออ้ื ต่อการจดั การความเครียด (เชน่ สถานท่ี ออกก�ำลงั กาย ทอ่ี า่ นหนงั สอื สถานทน่ี ง่ั สมาธิ สถานทน่ี วดแผนไทย สถานทร่ี วมกลมุ่ เพอื่ ท�ำกจิ กรรม ส่วนรวมรว่ มกนั ) และสงิ่ อ�ำนวยความสะดวกเช่น อปุ กรณ์เลน่ กฬี า ส่อื เพือ่ เผยแพรข่ อ้ มลู ข่าวสาร สขุ ภาพในชมุ ชน เชน่ หอกระจา่ ยขา่ ว วทิ ยชุ มุ ชน พระทสี่ อนนงั่ สมาธิ หมอนวดแผนไทย เพอื่ สง่ เสรมิ กจิ กรรมการจัดการความเครียด - ปัจจัยแวดล้อมทางสังคม เช่น สภาพเศรษฐกิจของประชาชนในหมู่บ้านการศึกษา ของประชาชนในหมูบ่ า้ นระบบบรกิ ารพนื้ ฐานตา่ งๆ เช่น การรักษา การศกึ ษา เมื่อวิเคราะหอ์ อกมาแล้วเป็นปัจจยั เชิงบวก คอื สิง่ ทีม่ อี ยู่แลว้ ในชุมชน ไม่ไดม้ ีการสรา้ ง ใหม่ให้เกิดขึ้น ก็เป็นข้อมูลในการวางแผนการขับเคล่ือนการด�ำเนินงานพัฒนาและปรับเปล่ียน พฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดของชมุ ชนต่อไป 28 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ขนั้ ตอนท่ี 2. การวางแผนการปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมการจัดการความเครียด ทีเ่ ปน็ พฤติกรรมเสยี่ ง การด�ำเนินงานปรับเปล่ียนพฤติกรรมการจัดการความเครียดให้ประสบผลส�ำเร็จ ตอ้ งเรมิ่ ตน้ จากการวางแผน เพราะแผนจะเปน็ ตวั บอกทศิ ทาง/เปา้ หมาย แนวทางในการปฏบิ ตั ทิ ชี่ ดั เจน และนอกจากนน้ั ยงั เปน็ การประสานพลงั จากเครอื ขา่ ยตา่ งๆทเ่ี กย่ี วขอ้ งใหเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มตงั้ แตร่ ว่ มให้ ข้อมูล ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจในการแก้ไขปัญหา ซ่ึงจะท�ำให้เครือข่ายต่างๆ ที่เก่ียวข้องทราบว่า ควรจะท�ำอะไร และจะต้องให้การสนับสนุนทรัพยากรอะไร เช่น คนเงินวัสดุอุปกรณ์เวลาฯลฯ เพอื่ ให้บรรลตุ ามเป้าหมายทก่ี �ำหนด ในการจดั ท�ำแผนปฏบิ ตั กิ ารปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดจะตอ้ งดงึ ขอ้ มลู ที่วิเคราะห์ได้จากข้ันตอนที่ 1 ซึ่งจะรู้และเข้าใจปัญหาพฤติกรรมการการจัดการความเครียดว่า ระดบั ความเครยี ดของประชาชนเกดิ ขนึ้ กบั คนกลมุ่ ไหน มากนอ้ ยเพยี งใด โดยน�ำมาก�ำหนดเปา้ หมาย การพัฒนาใหช้ ดั เจนว่าอยากเหน็ การเปล่ยี นแปลงอะไร แคไ่ หน กบั กลุ่มไหน (เลือกกลมุ่ เปา้ หมาย ทมี่ คี วามเครยี ดสงู สงสยั วา่ มปี ญั หาความเครยี ด) และจะมวี ธิ กี ารท�ำอยา่ งไรเพอ่ื การเปลย่ี นการกระท�ำ ของกลุ่มเป้าหมายให้มีพฤติกรรมการจัดการความเครียดท่ีถูกต้องจนเป็นสุขนิสัยโดยดึงศักยภาพ ของกลุ่ม/บุคคลทางสังคมและเครือข่ายอ่ืนๆ รวมท้ังการจัดการกับส่ิงแวดล้อมให้เข้ามีส่วนใน กระบวนการขับเคล่อื นการพฒั นา ในการก�ำหนดแผนปฏิบัติการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการความเครียดของชุมชน ควรจะตอ้ งมกี ารก�ำหนดใหช้ ัดเจนในประเด็นตอ่ ไปน้ี 1. ก�ำหนดกลุ่มเปา้ หมายทีต่ อ้ งการพฒั นา ต้องระบใุ หช้ ัดเจนวา่ เป็นกลุ่มไหน - กลุ่มมีความเครียดสงู - กลุม่ สงสยั ว่ามปี ัญหาความเครยี ด - กลุ่มไมม่ ีความเครียด 2. ก�ำหนดเปา้ หมายการปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมการจัดการความเครียด ไดแ้ ก ่ - ทกุ คนท่ีมีความเครยี ด 3. ก�ำหนดวธิ กี าร/กิจกรรมการด�ำเนนิ งาน - การก�ำหนดกจิ กรรมปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดในแตล่ ะกลมุ่ เป้าหมาย ต้องก�ำหนดให้ชัดเจนว่า กิจกรรมที่จะกระท�ำโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมายคืออะไร และ กิจกรรมในระดับชุมชน/สังคมที่จะช่วยจะเสริมหนุนกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการปรับเปล่ียน พฤติกรรมสุขภาพคืออะไร การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 29 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

3.1 กจิ กรรมทจี่ ะดำ� เนนิ งานกบั กลมุ่ เปา้ หมายโดยตรงเพอ่ื การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม การจดั การความเครยี ด 3.1.1 การจัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการความเครียดโดย กระบวนการกลุม่ ซง่ึ เป็นกระบวนการทจ่ี ะชว่ ยเสรมิ และกระตนุ้ การเรยี นรู้ รวมท้งั ชว่ ยก�ำกบั การ ปฏบิ ัติของแตล่ ะบุคคลให้ถูกต้องมากขน้ึ โดยยึดหลกั ส�ำคัญ 3 ประการ คอื สร้างคน สรา้ งแกนน�ำ และสร้างเครือข่าย เพื่อให้เป็นพลังส�ำคัญในการขับเคล่ือนการด�ำเนินงานภายใต้กิจกรรมส�ำคัญ ไดแ้ ก่ 1) การส�ำรวจความสนใจในวิธีการจัดการความเครยี ดทส่ี นใจของสมาชิกกลมุ่ 2) การจัดตั้งกลุ่ม/ชมรมจัดการความเครียดตามวิธีของการจัดการความเครียดท่ี สนใจ - กล่มุ จะต้องเลอื กทมี แกนน�ำจากสมาชิกกลุม่ เชน่ หวั หน้ากลมุ่ รองหวั หนา้ กลุ่ม เพ่ือท�ำหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการกลุ่มให้มีการด�ำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ (ควรเลือกหลังจากท่ีกลุ่มได้มีกจิ กรรมการพฒั นาการจัดการความเครยี ดไปช่วงหนง่ึ เพ่อื จะได้ร้จู ัก กนั มากข้ึน) 3) การก�ำหนดกจิ กรรมการด�ำเนนิ งานปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด ทสี่ นใจ ตามปจั จยั ภายในตวั บคุ คล และปจั จยั ภายนอกของบคุ คลเพอ่ื ใหเ้ กดิ การสอ่ื สารแลกเปลยี่ น เรยี นรรู้ ะหวา่ งบุคคลและเกดิ การปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมสุขภาพ เช่น - การแลกเปลยี่ นเรยี นรรู้ ะหวา่ งชาวบา้ นในรปู แบบทห่ี ลากหลาย เชน่ การเสวนา การสาธติ ความรู้ดา้ นการจัดการความเครียดทสี่ นใจ - การจดั หาสอื่ /ชอ่ งทางการส่ือสารสขุ ภาพทมี่ ใี นชมุ ชน เพื่อการสื่อสารความ รแู้ ละกิจกรรมเรือ่ งการจัดการความเครียดที่สนใจ และอ่นื ๆ - จดั สถานทใี่ นการจดั กจิ กรรมเรอื่ งการจดั การความเครยี ดทส่ี นใจ เชน่ ถา้ สนใจ การออกก�ำลังกายกจ็ ัดสถานทอ่ี อกก�ำลงั กายให้ ถา้ สนใจกจิ กรรมการพักผ่อนเช่นอา่ นหนังสอื พมิ พ์ กจ็ ัดที่อา่ นหนังสอื พิมพป์ ระจ�ำชุมชนให้ ถ้าสนใจการนั่งสมาธกิ จ็ ัดสถานท่ีนัง่ สมาธิให้ ถา้ สนใจการ นวดแผนไทยกจ็ ดั สถานทนี่ วดแผนไทย และถา้ สนใจกจิ กรรมรว่ มกบั ผอู้ น่ื ในชมุ ชนกจ็ ดั สถานทที่ เี่ ปน็ ศนู ยร์ วมในการจดั กิจกรรมร่วมกบั ผูอ้ ื่นในชมุ ชน เป็นต้น 4) การขอรับการสนับสนุนและความช่วยเหลือท้ังทางข้อมูลข่าวสาร ความรู้ งบประมาณทรัพยากรในการด�ำเนินการจากบุคคลหรือกลุ่ม/เครือข่ายต่างๆ ในชุมชน เช่น จากปราชญ์ชาวบา้ น อบต.และเจ้าหนา้ ท่สี าธารณสขุ 30 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

5) ก�ำหนดแผนการประเมนิ ผลการด�ำเนินงานของกลุ่ม โดย - ประเมินเป็นช่วง ๆ เพ่ือให้รู้ว่าสมาชิกของกลุ่มมีการเปลี่ยนแปลงหรือมี พัฒนาการมากน้อยเพียงใด และมผี ลกระทบต่อสขุ ภาพอย่างไร - ประเมนิ เมอื่ ครบ 1 ปี โดยใหม้ กี ารประเมนิ พฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด ของสมาชกิ และผลกระทบอะไรบ้างเกดิ ข้นึ เพือ่ สะท้อนถงึ ความส�ำเรจ็ ของการพฒั นา 3.1.2 การจัดกิจกรรมปรับเปล่ียนพฤติกรรมการจัดการความเครียดโดยบุคคล เพื่อให้สมาชิกแต่ละคนได้มีการก�ำหนดเป้าหมายการจัดการความเครียดที่สนใจและผสมผสาน กิจกรรมการจัดการความเครียดที่สนใจให้เข้ากับชีวิตประจ�ำวันของตนเองได้ พร้อมท้ังมีการตรวจ เชค็ ความก้าวหนา้ การปฏบิ ัติตนในการจัดการความเครยี ดดว้ ยตนเอง ซ่ึงสมาชกิ แตล่ ะคนจะต้องมี การก�ำหนดตารางการปฏิบัติการจัดการความเครียดของตนเองในช่วง 1 สัปดาห์ โดยก�ำหนดให้ ชัดเจนวา่ จัดการความเรยี ดวันไหน เวลาไหน 3.2 กิจกรรมในระดับชุมชน/สังคมที่จะช่วยเสริมหนุน กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิด การปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3.2.1 การจัดรณรงค์ สร้างกระแสและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านการจัดการ ความเครยี ดในชมุ ชน โดยตอ้ งก�ำหนดวตั ถปุ ระสงค/์ เปา้ หมายประเดน็ หลกั ทตี่ อ้ งการรณรงค์ ก�ำหนด กลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลาการรณรงค์ และงบประมาณ รวมทั้งสื่อท่ีจะใช้ในการจัดรณรงค์ และ แผนการประเมินผลการจัดรณรงค์ ขัน้ ตอนท่ี 3. การปฏบิ ัตกิ ารในพ้ืนทขี่ องกลมุ่ เปา้ หมาย การด�ำเนนิ งานปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดของกลมุ่ /ชมุ ชน มเี ปา้ หมายให้ ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจและเกิดการพัฒนาทักษะท่ีจ�ำเป็นต่อการมีพฤติกรรมการจัดการ ความเครยี ดท่ีถูกต้อง ตามเกณฑ์ โดยบุคคล กลมุ่ /ชมุ ชน จะต้องปฏิบตั กิ าร ดงั น้ี 1. บรหิ ารจดั การขบั เคลอื่ นการด�ำเนนิ งานปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด ตามแผน 2. ประเมนิ กระบวนการ/กิจกรรมปรับเปลยี่ นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 31 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

1. บริหารจัดการขับเคลื่อนการด�ำเนินงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการความเครียดตาม แผน การบรหิ ารจดั การขบั เคลอื่ นการด�ำเนนิ งานใหส้ ามารถบรรลตุ ามเปา้ หมายทก่ี �ำหนด โดย จะต้องมีการปฏิบัติการ 1) จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการจัดการ ความเครียด ภายในของบุคคล 2) จัดกิจกรรมพัฒนาปัจจัยแวดล้อมให้เอ้ือต่อการปรับเปลี่ยน พฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดภายนอกตัวบคุ คล 1) จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการจัดการความเครียด ภายในของบุคคล 1.1) ประเมนิ ระดบั ความเครียดของตนเองโดยใชแ้ บบประเมนิ ST5 เพ่ือให้ทราบ ระดบั ความเครยี ดของตนเองวา่ อยใู่ นระดบั ไมม่ คี วามเครยี ด ระดบั สงสยั วา่ มคี วามเครยี ด หรอื ระดบั มคี วามเครียดสูง 1.2) จดั การสอื่ สารกจิ กรรมการจดั การความเครยี ด โดยประชาสมั พนั ธใ์ หช้ าวบา้ น ไดร้ บั รขู้ า่ วสารทกุ วนั เพอื่ ใหเ้ กดิ ความรว่ มมอื ในการด�ำเนนิ กจิ กรรมทกุ วนั โดยจดั ผา่ นเสยี งตามสาย วิทยุชุมชน การประชุมเวทีประชาคม แจกเอกสารแผ่นพับ จัดบอร์ด ป้ายประชาสัมพันธ์ ศนู ย์การเรียนรู้ 1.3) จัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการ จัดการความเครียดโดยสมาชกิ ทมี งานปราชญช์ าวบา้ น อบต. และเจ้าหนา้ ทสี่ าธารณสขุ ฯลฯ เช่น - เจ้าหน้าทีส่ าธารณสุขสอนให้ร้เู รื่องวิธีการจัดการความเครียด - อบรมเรอื่ งการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมดา้ นการจดั การความเครยี ดทชี่ าวบา้ น สนใจ 1.4) จดั เวทแี ลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ระหวา่ งชาวบา้ นเพอื่ กระตนุ้ การด�ำเนนิ งานอยา่ งตอ่ เนือ่ ง เดือนละ 1 คร้งั เพ่ือสรุปบทเรยี นการพฒั นาและผลกระทบที่เกิดขนึ้ กับชาวบา้ น 1.5) จดั รณรงค์ สรา้ งกระแสและเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารดา้ นการจดั การความเครยี ด ในชุมชน การสร้างกระแสในชุมชน เพื่อให้เกิดการตื่นตัวเรื่องการจัดการความเครียด ในชุมชน และเป็นการสร้างทุนทางสังคมที่เอื้อต่อการมีพฤติกรรมการจัดการความเครียด ทถี่ กู ตอ้ ง เชน่ ความรสู้ กึ มสี ว่ นรว่ ม ความสามคั คแี ละการมศี กั ยภาพของชมุ ชนในการทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กดิ เป็นแบบแผนพฤติกรรมและวัฒนธรรมการจัดการความเครียด ต้ังแต่ระดับบุคคล ครอบครัวและ ชุมชน ตัวอย่างกิจกรรมการสร้างกระแสและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารความรู้ ด้านการจัดการ ความเครียด เชน่ 32 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

- จดั รณรงคก์ ารจดั การความเครยี ดในชมุ ชนตามแผนการรณรงคโ์ ดยก�ำหนดวนั สน้ิ สดุ ของการรณรงคโ์ ดยผา่ นส่อื ที่ไดม้ กี ารเลือกหรอื ก�ำหนดไว้ซึง่ อาจจะเลือกจดั รณรงค์ในงานวนั ส�ำคญั ทกุ ครง้ั ซง่ึ ในการรณรงคจ์ ะตอ้ งชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ผลเสยี ของการด�ำเนนิ ชวี ติ ทมี่ ภี าวะความเครยี ด และการ ไมจ่ ดั การความเครยี ดจะเปน็ ปจั จยั เสยี่ งตอ่ การเกดิ โรค โดยใหเ้ ครอื ขา่ ยทกุ กลมุ่ /องคก์ รในชมุ ชนเขา้ ร่วมแสดงพลังรว่ มกนั รวมท้งั มกี ารประเมินผลการรณรงค์และการท�ำงาน - เผยแพรข่ ้อมูลขา่ วสารความรูเ้ รอ่ื งการจดั การความเครียดผ่านสอ่ื ช่องทางต่างๆ เชน่ น�ำขอ้ มลู ทดี่ ใี นการเปลย่ี นแปลงของสมาชกิ ไดแ้ ก่ ตน้ แบบการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมการจดั การ ความเครียดด้วยวิธีการต่างๆ ไปเผยแพร่ทางสื่อท้องถิ่นอย่างต่อเน่ืองและสม่�ำเสมอ เช่น หอกระจายข่าวประจ�ำหมู่บ้าน วิทยุชุมชน เสียงตามสาย การประชุมประจ�ำเดือนของหมู่บ้าน โดยในแต่ละสปั ดาหอ์ าจจะมีการจัดท�ำเป็นตารางหรอื ปฏทิ นิ การให้ความรู้ ซง่ึ จัดให้มีกลุ่ม/ชมรม/ ผใู้ หญบ่ า้ น/แกนน�ำชมุ ชน หมนุ เวยี นกนั มาใหค้ วามรู้ และเชญิ ชวนประชาชนในชมุ ชนใหเ้ ขา้ รว่ มกลมุ่ การจดั การความเครยี ด - ให้มีการติดป้ายกระตุ้นการจัดการความเครียดของคนในชุมชน โดยชี้ให้เห็น ประโยชน์ของการจัดการความเครียด (ออกแบบแผ่นป้ายให้เป็นที่ดึงดูดใจ) ติดตามบริเวณพ้ืนที่ รอบๆ ชุมชน เป็นการย้�ำเตือนให้ผทู้ ีค่ ิดจะขจดั ความเครยี ดของตนเองมีจัดการความเครยี ดตามวิธี ท่สี นใจเพม่ิ ขน้ึ - เพมิ่ โอกาสการเขา้ ถงึ สถานทจี่ ดั การความเครยี ดดว้ ยการประชาสมั พนั ธใ์ หส้ มาชกิ มาใช้บริการอย่างต่อเน่ือง เช่น ในเวทีการประชุมต่างๆของชุมชน มีการสาธิตวิธีการจัดการ ความเครียดดว้ ยวิธีต่างๆ 2) จดั กจิ กรรมพฒั นาปจั จยั แวดลอ้ มใหเ้ ออ้ื ตอ่ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการจดั การ ความเครยี ดภายนอกตวั บุคคล 2.1) สรา้ งแรงจงู ใจ โดยการยกยอ่ ง ชนื่ ชม ใหก้ �ำลงั ใจและใหร้ างวลั กบั คนทเ่ี สยี สละ และท�ำงานให้กบั กลุม่ ท�ำให้เกดิ ความภาคภมู ใิ จและมคี วามสขุ จากการท�ำงานร่วมกัน เชน่ การพดู คยุ ให้ก�ำลงั ใจ ให้สง่ิ ของรางวลั การพาไปศกึ ษาดูงาน แลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ บั กลมุ่ /ชุมชนอ่นื ๆ 2.2) มกี จิ กรรมการดึงสมาชกิ เขา้ รว่ มกลุม่ โดย 1) มีกติกา ข้อตกลง เพ่ือยึดถือและปฏิบัติในการเข้าร่วมการจัดการ ความเครยี ด เช่น ใน 1 สัปดาห์ต้องเข้ารว่ มการจัดการความเครียด 2) มีรางวัลส�ำหรับสมาชิกที่เข้าร่วมสม�่ำเสมอ และสามารถเปล่ียนแปลงตัว เองได้ การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 33 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

3) มกี ารขยายหรอื เพม่ิ จ�ำนวนสมาชกิ กลมุ่ โดยผนู้ �ำกลมุ่ เปน็ ก�ำลงั ส�ำคญั ทจ่ี ะ ท�ำหนา้ ทใี่ นการเชอ่ื มโยงหรอื สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหม้ กี ารแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสารและความรว่ มมอื ระหว่างกลุ่ม ซ่ึงไม่เพียงแต่เฉพาะกลุ่มชุมชนด้วยกันเท่าน้ัน แต่ยังรวมถึงกลุ่มชุมชนกับหน่วยงาน และองคก์ รพัฒนาท้งั รฐั และเอกชน 2.3) จัดสถานที่ในการจดั การความเครยี ดที่สนใจ เช่น สถานที/่ ลานน่งั สมาธิ ลาน ออกก�ำลงั กาย ศนู ย์เรียนรู้ในการจดั การความเครียด ฯลฯ ตารางการจัดการความเครยี ดด้วยตนเอง 10 วิธคี ลายเครียด ด้วยวิธงี ่ายๆ 10 วิธบี รหิ ารจติ เพอื่ คณุ ภาพชีวิตทยี่ อดเยีย่ ม (จาก Huffington Post) (นพ.สรุ เกียรติ อาซานานภุ าพ ในหนงั สือหมอชาวบ้าน) 1. สดู ลมหายใจลึก ๆ 5 คร้ัง 1. ออกก�ำลงั กาย รู้สึกเครียดขึ้นมาเมื่อไร ลองหยุดน่ิงแล้วสูดลม ออกก�ำลังอย่างสม�่ำเสมอต่อเนื่อง เช่น หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นค่อยปล่อยลมหายใจออก วง่ิ เหยาะ เดนิ เรว็ ปน่ั จกั รยาน วา่ ยนำ้� เตน้ แอโรบกิ อย่างชา้ ๆ ท�ำอยา่ งนี้ตดิ ตอ่ กัน 5 คร้ัง ใหร้ า่ งกายได้ ฝึกชี่กง ร�ำมวยจีน (ไท่เก๊ก) ฝึกโยคะ เป็นต้น รับออกซิเจนเข้าสู่เลือดมากข้ึน คราวนี้สมองก็จะ ในการออกก�ำลังกายสามารถบริหารจิตไปในตัว ปลอดโปร่ง ความขมุกขมัวจากความเครยี ดที่เคยมี โดยการใช้สติระลึกรู้อยู่กับจังหวะการเคล่ือนไหว จะได้จางลงไป ที่ส�ำคัญการได้หยุดนิ่งสักพักแบบนี้ ในชว่ งแรกอาจใชว้ ธิ นี บั (เชน่ นบั ซา้ ย-ขวา นบั 1-2 ยงั ช่วยเรียกสตใิ ห้เราไดเ้ ป็นอย่างดเี ลยดว้ ย หรือ 1 ถึง 10 กับจังหวะก้าว) เป็นตัวช่วย 2. แดนซ์กระจาย จนสตมิ นั่ ก็ไมต่ อ้ งนบั เคลอ่ื นไหวรา่ งกายตอนไหน อารมณก์ เ็ ปลยี่ นได้ 2. นอนหลบั ให้เพยี งพอ ประมาณ 6-8 ชว่ั โมง ในตอนน้นั สงิ่ น้ถี ูกพสิ จู น์มาแล้วจากการศกึ ษาทาง การนอนหลับดีมีผลต่อการพฒั นาสมอง หลกี จิตวิทยาว่าเป็นเรื่องจริง ยิ่งถ้าได้ออกสเต็ปแดนซ์ เลย่ี งการอดนอนและการมอี ารมณเ์ ครยี ดตดิ ตอ่ กนั ไปตามจังหวะเพลงสนุก ๆ นาทีนั้นก็เหมือน นานๆ เพราะมผี ลลบตอ่ ร่างกาย สมองและจติ ใจ ได้ไล่ความเครียดให้เปิดเปิงไปไหนแล้วก็ไม่รู้ วิธี 3. บรโิ ภคอาหารสขุ ภาพตามหลกั ธงโภชนาการ คลายเครียดนี้คงถูกอกถูกใจขาแดนซ์ทั้งหลายเลย บรโิ ภคอาหารเพอ่ื สขุ ภาพ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ แตส่ �ำหรับใครท่ีเครยี ดตอนอย่ใู นทีส่ าธารณะหรอื ที่ การลดหวาน มัน เคม็ หันมากินปลา กนิ ผกั และ ท�ำงาน กรณีน้ีอาจต้องแอบขยับโยกเบาๆ หรือหา ผลไม้ให้มากๆ ไขมันโอเมก้า 3 ในปลา (เช่น มมุ สงบๆ ไปปลดปล่อยความเครยี ดได้ ปลาดุก ปลาซ่อน) มผี ลดตี อ่ การสรา้ งเซลล์สมอง 3. หลบหนีจากสถานการณ์ตงึ เครยี ด ใหม่ และหลีกเลี่ยงการบริโภคสุรา ยาสูบ และ เครียดเพราะอะไร เครยี ดจากตรงไหนกห็ ลบไป สารเสพตดิ จากตรงน้ันให้เร็วเลย เชอ่ื สิว่า เพียงแคค่ ุณเดนิ ออก มาจากจุดท่ีท�ำให้เครียด ได้ออกมาสูดอากาศในท่ี ปลอดโปร่ง ได้เห็นทัศนียภาพที่ห่างมาจากปัญหา เท่านก้ี บ็ รรเทาความเครียดลงไปไดก้ วา่ ครง่ึ แลว้ 34 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

10 วธิ คี ลายเครยี ด ดว้ ยวิธงี ่ายๆ 10 วธิ บี รหิ ารจติ เพอื่ คณุ ภาพชีวิตทีย่ อดเยีย่ ม (จาก Huffington Post) (นพ.สุรเกียรติ อาซานานุภาพ ในหนงั สือหมอชาวบา้ น) 4. คลายเครยี ดด้วยกล่นิ อโรมา่ 4. หมน่ั เรยี นรสู้ ่งิ ใหม่ ๆ กลน่ิ อโรมา่ หอมๆ อยา่ งกล่ินลาเวนเดอร์ กล่นิ ซี โดยการอ่าน การฟัง การค้นคว้า การหา ตรัส หรือกล่ินฉุนเบาๆ อย่างขิง สามารถโน้มน้าว ประสบการณใ์ หมๆ่ การคดิ ใครค่ รวญ การถาม การ ประสาทสมองให้รสู้ ึกสงบมากขน้ึ เรียกความสดชนื่ บันทึกตามหลกั “ส.ุ จิ. ป.ุ ลิ.” ควบคกู่ ับการฝกึ ใช้ ให้ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ใครรู้สึกเครียดมากๆ ก็ ความคิดเป็นประจ�ำ เชน่ การฝกึ แก้ปญั หา การเล่น ลองคลายเครียดดว้ ยอโรม่าดูสิ ไพ่ การเล่นเกมต่างๆ 5. หัวเราะ 5. ฝึกสมาธิ ถ้ารู้สึกเครียด ให้ลองเปล่งเสียงหัวเราะออกมา มีการฝึกสมาธิเป็นประจ�ำ เช่น ฝึกอานาปาน ดังๆ ก็ช่วยคลายเครียดได้ทันทีแล้ว เพราะการ สติ สวดมนต์ ไหว้พระ เดินจงกรม ท�ำละหมาด หวั เราะสามารถกระตนุ้ ใหส้ มองหลง่ั เอน็ ดอรฟ์ นิ ออก อธษิ ฐานจติ วันละอยา่ งนอ้ ย 1-2 คร้งั นานครง้ั ละ มาได้ แมข้ ณะนนั้ เสยี งหัวเราะของคณุ จะไม่ได้ออก 5-10 นาที ชว่ ยให้จติ ใจมน่ั คงสงบนิ่ง ไม่วอกแวก มาจากความรู้สึกข�ำจริงๆ เลยกต็ าม ฟงุ้ ซา่ น ขาดสมาธิ หรือใจลอยง่าย ควรรกั ษาจิตที่ 6. กอดช่วยได้ นง่ั แตต่ นื่ รู้ไว้ตลอดเวลาของการปฏบิ ตั สิ มาธิ อย่า การไดก้ อดใครสกั คนแนน่ ๆ ในขณะทเี่ รารสู้ กึ ไม่ ให้นานจนหลับหรือเข้าสู่ภวังค์ จะท�ำให้จิตเฉื่อย โอเคกับชีวิตสักเท่าไร ความรู้สึกในขณะน้ันจะช่วย เนือย น�ำมาใช้งานในการรบั รูส้ ง่ิ เรา้ อย่างรเู้ ท่าทัน บรรเทาความเครียดและความเศร้าได้เป็นอย่างดี ไมไ่ ด้ ซ่ึงตา่ งจากสติ และเพยี งแคไ่ ดอ้ ยใู่ นออ้ มกอดของคนทเ่ี รารสู้ กึ ไวใ้ จ 6. เจรญิ สต-ิ รตู้ วั กบั อริ ยิ าบถและกจิ กรรมตา่ งๆ เคมีในร่างกายอย่างออกซิโตซิน (Oxytocin) และ มีความตื่นรู้อยู่กับปัจจุบัน เช่น ระลึกรู้ตัวอยู่ โดพามนี (Dopamine) กจ็ ะพากนั หลง่ั ออกมาลดระดบั กับการนั่ง นอน ยืน เดิน การเคล่ือนไหวจังหวะ ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ตัวการท่ีท�ำให้รู้สึก ขณะออกก�ำลงั กายตา่ งๆ การท�ำกจิ วตั รประจ�ำวนั เครียดได้ ความสบายใจกเ็ ข้ามาแทนที่ เช่น แปรงฟัน อาบนำ้� ด่มื น้ำ� กนิ อาหาร เคี้ยวขา้ ว 7. มโนคลายเครียด ลา้ งจาน กวาดบา้ น ถูบ้าน ซกั ผ้า รดี ผา้ ให้มคี วาม วิธีคลายเครียดที่ดีท่ีสุดต้องเริ่มจากตัวเราเอง ตนื่ รอู้ ยกู่ บั ปจั จบุ นั ขณะเมอ่ื จติ อยกู่ บั ปจั จบุ นั กจ็ ะ ถา้ เราสามารถสลดั ความเครยี ดไปจากสมองได้ แลว้ สงบเยน็ มคี วามสขุ มีประสิทธภิ าพในการท�ำกิจท่ี แทนทด่ี ว้ ยจนิ ตนาการถงึ ความสขุ ความสดใส สถานที่ อยู่ตรงหน้า ไม่หวนคิดเสียใจกับเร่ืองท่ีเกิดข้ึนมา ท่องเท่ียวที่เคยได้ไป หรือย้อนอดีตไปคิดถึงช่วง แล้วในอดีต หรอื คิดกลัวกงั วลกบั เรื่องอนาคตทย่ี ัง เวลาแห่งความสุขท่ีเคยได้สัมผัส ร่างกายและกล้าม มาไม่ถึง ท�ำให้จิตใจฟุง้ ซา่ น เป็นทุกข์ เครียด สญู เนื้อที่เคยตึงเครียดและเกร็งเพราะความเครียดจะ เสยี พลังสมองโดยเปล่าประโยชน์ รู้สกึ ผ่อนคลายไดง้ า่ ยๆ แล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 35 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

10 วิธีคลายเครียด ด้วยวิธีงา่ ยๆ 10 วธิ บี ริหารจติ เพอ่ื คุณภาพชวี ิตทย่ี อดเยี่ยม (จาก Huffington Post) (นพ.สุรเกยี รติ อาซานานภุ าพ ในหนังสอื หมอชาวบ้าน) 8. คลายกล้ามเนอื้ 7. ฝึกใชล้ มหายใจเปน็ ระฆังแห่งสติ เทคนิคแก้เครียดนี้มีขึ้นต้ังแต่ปี 1920 เราสามารถตามรลู้ มหายใจเขา้ -ออกในการท�ำ โดย Edmund Jacobson ผรู้ เิ รม่ิ บ�ำบดั ความเครยี ด อานาปานสติ ในการเจริญสตติ ่างๆ และอาจเสริม ด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เร่ิมจากเหยียดเท้า ดว้ ยการตามรลู้ มหายใจเขา้ ออกทเี่ ปน็ ธรรมชาติ ไม่ แขน ขา จากน้ันนวดหรือสะบัดเบาๆ ตามช่วงคอ ตอ้ งปรุงแต่งลมหายใจใหย้ าวให้ลกึ กว่าปกติ เพยี ง บา่ ไหล่ ทฤษฎีน้บี อกวา่ เมอื่ รา่ งกายร้สู ึกผอ่ นคลาย 1-3 รอบ โดยเขา้ กบั ออก 1 ครงั้ เทา่ กบั 1 รอบ โดย มากขึ้น ความเครียดท่ีสมองรับรู้อยู่จะผ่อนคลาย ไมต่ อ้ งหลบั ตา หรอื บรกิ รรมแบบการท�ำสมาธิ ควร เปน็ ล�ำดับต่อมาเองโดยอตั โนมัติ ท�ำให้บอ่ ย ๆ เทา่ ท่ีรสู้ กึ ตัวตง้ั แต่ตืน่ เช้าจนเข้านอน 9. ฟงั เพลง ท�ำจนเป็นนิสัย ต่อไปก็สามารถใช้ลมหายใจเพียง จากการศกึ ษาชน้ิ หนง่ึ ยนื ยนั วา่ เพยี งไดฟ้ งั เพลง 1 รอบเป็นระฆังเตือนสติก่อนท�ำกิจกรรมต่างๆ โปรดก็ช่วยคลายความเครียดและท�ำให้รู้สึกดีข้ึนได้ เรียกว่า “ตั้งสติก่อนสตาร์ท” หรือเวลามีอารมณ์ ง่ายๆ โดยเพลงเพราะท่ีได้ฟังจะช่วยลดความดัน เครียดเกิดขึ้น ก็สามารถใช้ลมหายใจเตือนตัวเอง เลอื ด อกี ทงั้ ยงั ชว่ ยลดระดบั ฮอรโ์ มนคอรต์ ซิ อลไดอ้ กี ให้เกดิ สตริ ู้ตัว และควบคมุ อารมณ์ทเ่ี กิดข้ึนน้นั ให้ ดว้ ย อ้อ ! ฟังเพลงเพลินๆ ได้สักพกั คุณอาจจะรู้สกึ ระงับบรรเทาหายไปไดท้ นั ที อยากแดนซ์สะบดั ความเครียดด้วยก็เป็นได้ 8. ฝึกพักใจและสมองเป็นระยะๆ ในแตล่ ะวนั 10. เคี้ยวหมากฝร่งั พกั ใจและสมอง เชน่ หยดุ คดิ โดยหนั มาชนื่ ชม หมากฝรั่งหรือลูกอมมีน้�ำตาลช่วยท�ำให้รู้สึก ธรรมชาติ หรือศิลปะ นานครง้ั ละ ½ ถงึ 1 นาที, สดชื่นขึ้นได้ นอกจากนี้การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ตามดหู ว้ งว่างระหว่างความคิด ลมหายใจเขา้ ออก ชน้ิ หนง่ึ ยงั ชช้ี ดั เลยวา่ การเคยี้ วหมากฝรงั่ จะชว่ ยลด และเสยี งตา่ งๆ หามมุ สงบในบา้ น ในทท่ี �ำงาน หรอื ระดับฮอร์โมนแห่งความเครียดทั้งหลายในร่างกาย ในสวน นง่ั ปลอ่ ยวางอารมณอ์ ยา่ งเงยี บๆ หรอื ตาม เรา และการเคี้ยวหมากฝร่ังยังจัดว่าเป็นการ รู้ลมหายใจประกอบ นาน 5-10 นาที เป็นต้น เคล่ือนไหวอย่างหน่ึงซ่ึงช่วยให้เราหลุดพ้นจาก การพักใจและสมอง ช่วยให้มีพลังในการท�ำงาน ความเครียดด้วย ไดไ้ ม่เหนอ่ื ยลา้ วธิ คี ลายเครยี ดงา่ ยๆ 10 ขอ้ นจี้ ะชว่ ยใหค้ วามเครยี ด 9. เจริญปัญญาจากการสังเกตธรรมชาติของ ลดลงและหายไปไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ทนั ใจ แตท่ งั้ นกี้ ต็ อ้ ง สรรพส่ิง ขนึ้ อยกู่ บั ตวั เราเองดว้ ยวา่ จะยอมปลอ่ ยมอื จากเรอ่ื ง ลว้ นเกดิ ขนึ้ ดว้ ยเหตปุ จั จยั มากมายทม่ี กี ารแปร ที่เครียดหรือจะก�ำความเครียดไว้กับตัวต่อไป อย่า เปลย่ี น ไมค่ งท่ีตลอดเวลา จนเหน็ ด้วยปญั ญาตนว่า ลมื วา่ ชวี ติ เราเลอื กเองได้ อยา่ งนอ้ ยกเ็ ลอื กเอาความ “ทุกสิ่งล้วนมีการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป” เป็นธรรมดา สบายใจใส่ตัวก่อนดกี ว่า ไม่ควรยืดมนั่ ถือมนั่ ในสง่ิ ใดๆ ท้งั สิ้น ควรใช้ปัญญา มองทกุ สง่ิ ตามความเปน็ จรงิ ตามเหตปุ จั จยั เงอ่ื นไข หรือบริบทในขณะน้ัน แล้วจัดความสัมพันธ์หรือ เข้าไปเก่ียวข้องกับสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมกับเหตุ ปจั จยั เงอื่ นไข หรอื บรบิ ทนน้ั ๆ กจ็ ะเกดิ ความราบรน่ื กลมกลนื ประสบผลดี ไมท่ กุ ข์ ไมเ่ ครยี ดและเปน็ สขุ 36 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

10 วิธคี ลายเครียด ด้วยวธิ งี า่ ยๆ 10 วธิ บี รหิ ารจิต เพื่อคณุ ภาพชวี ติ ท่ยี อดเยยี่ ม (จาก Huffington Post) (นพ.สรุ เกยี รติ อาซานานภุ าพ ในหนงั สอื หมอชาวบา้ น) 10. ฝึกคดิ ดี-พูดดี-ทำ� ดี ให้เป็นนิสัย ช่วยถ่วงดุลกับธรรมชาติของจิตที่มักคิดลบซึ่ง เปน็ ไปตามกลไกลมอง-ทมี่ กั ถกู ครอบง�ำดว้ ยความ มีอตั ตาตัวตน นสิ ัยความเคยชินเดมิ และอารมณ์ ลบ นอกจากน้ีควรหม่ันมีจิตอาสาท�ำงานเพื่อคน อนื่ โดยไมห่ วงั สงิ่ ตอบแทนชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู คนอน่ื , ฝกึ ฟงั คนอน่ื และเขา้ ใจคนอน่ื , รจู้ กั ใชป้ ยิ วาจา รวม ทง้ั รจู้ กั พดู ชนื่ ชม ใหก้ �ำลงั ใจผคู้ นรอบขา้ ง, ฝกึ ตามดู รทู้ นั ความคดิ อารมณ์ ความรสู้ กึ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในใจ ซง่ึ จะ ช่วยใหค้ วบคุมตวั เองไดด้ ี “ควรทำ� ให้เปน็ กิจวตั รในชีวติ ประจ�ำวัน” 2.ประเมินกระบวนการ/กจิ กรรมปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมการจัดการความเครยี ด ในระหวา่ งการปฏบิ ตั กิ ารหรอื ด�ำเนนิ กจิ กรรม มคี วามจ�ำเปน็ ทตี่ อ้ งมกี ารประเมนิ เพอ่ื น�ำ ผลของการประเมินจะน�ำไปสู่การตัดสินใจ ปรับปรุงกิจกรรม วิธีการหรือกระบวนการด�ำเนินงาน ดงั นนั้ ส่งิ ที่ควรประเมิน ประกอบดว้ ย 2.1 ความกา้ วหนา้ ของการด�ำเนนิ งานเปน็ อยา่ งไร เปน็ ไปตามแผนทวี่ างไวห้ รอื ไม่ การมี ส่วนรว่ มในกจิ กรรมของสมาชกิ ลมุ่ เป็นอยา่ งไร 2.2 กิจกรรมที่ด�ำเนินการ ท�ำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแผนการด�ำเนินงานท่ีก�ำหนดไว้ หรอื ไม่ หรือเกดิ ประสิทธิผลหรือประโยชนต์ ่อสมาชิกกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด มปี ญั หาอปุ สรรคอะไร เกิดข้ึน ส�ำหรบั วธิ กี ารประเมนิ อาจจะใชร้ ปู แบบของการสรปุ บทเรยี นการเรยี นร/ู้ การพฒั นาและ ผลกระทบทเี่ กดิ ขนึ้ กับสมาชิกกลุ่มและของกลุ่มโดยมีกิจกรรมในการด�ำเนินการสรุปบทเรียน ดงั น้ี 1) ผรู้ บั ผดิ ชอบและผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั แผนงาน/โครงการ จะตอ้ งมกี ารสรปุ รายงานความ กา้ วหนา้ ของการด�ำเนนิ งานกิจกรรรมต่างๆตามแผน 2) ประเมินผลการเปล่ียนแปลงของสมาชิกกลุ่ม โดยใช้เคร่ืองมือของเจ้าหน้าที่ สาธารณสุข เชน่ ประเมินระดบั ความเครียด การประเมินสภาวะสขุ ภาพของสมาชิก เชน่ เบาหวาน ความดันดขี นึ้ ความเจบ็ ป่วยลดลง เป็นต้น การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 37 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

3) น�ำผลการประเมินมาพูดคุยและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนของ สมาชิกแต่ละคนและของกลมุ่ 4) มีการแลกเปลีย่ นเรยี นรูก้ บั สมาชิกกลมุ่ อ่นื ๆ ทง้ั ในชุมชนและนอกชุมชน ซึ่งอาจจะ จดั เปน็ เวทแี ลกเปล่ยี นเรยี นรทู้ ่ีเปน็ ลกั ษณะวถิ ีของชาวบ้าน เอาส่ิงดๆี มา แลกเปลย่ี นเรียนรู้ร่วมกัน ขัน้ ตอนท่ี 4. การประเมินความส�ำเร็จของการดำ� เนนิ งาน การประเมินความส�ำเร็จการด�ำเนินงาน เป็นสิ่งท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความส�ำเร็จจากการ ท�ำงานหรือความลม้ เหลวของกลยุทธ์/วธิ กี ารท่ีได้น�ำไปใชใ้ นการด�ำเนินงาน ซ่งึ มกี ารประเมิน ดังนี้ 1. การประเมนิ ระดบั บคุ คล เปน็ การประเมนิ การเปลยี่ นแปลงทางดา้ นสขุ ภาพ ทงั้ ทาง ดา้ นกาย จติ และสังคม โดย 1) ทกุ คนตอ้ งมกี ารประเมนิ ตนเอง เพอื่ ดผู ลเปลย่ี นแปลงทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ตนเองในเรอื่ ง พฤตกิ รรมและผลกระทบตอ่ สุขภาพ 2) สมาชกิ กลมุ่ ไดร้ บั การประเมนิ จากเจา้ หนา้ ทสี่ าธารณสขุ เรอ่ื งพฤตกิ รรมการจดั การ ความเครียด 2. การประเมนิ ระดบั กลุ่ม สิง่ ที่จะตอ้ งมกี ารประเมินระดับกลุ่ม ประกอบด้วย 1) กลุ่มต้องมีการประเมินความเข้มแข็งของกลุ่มว่า มีความเข้มแข็งมากน้อยเพียง ใดและอยา่ งไร 2) ถอดบทเรียนการด�ำเนนิ งานของกลมุ่ - ผนู้ �ำ แกนน�ำการจดั การความเครยี ด ในประเดน็ : ศกั ยภาพของผนู้ �ำ กจิ กรรม ส่งเสริมให้คนมาร่วมกิจกรรมที่สนใจ ความสัมพันธ์ของสมาชิกในสังคม และการสร้างการยอมรับ ของตวั ผนู้ �ำการจัดการความเครียด - สมาชิกท่ีเข้าร่วมกิจกรรมในประเด็น : ข้อจ�ำกัดในการจัดการความเครียด (เช่น มีความเบ่อื หนา่ ย) การเลอื กวิธีการจดั การความเครียด - การบริหารจดั การกลมุ่ ในประเดน็ : อุปกรณต์ ่างๆ งบประมาณ 3. การประเมนิ ระดบั ชมุ ชน กลมุ่ ต้องประเมนิ 1) ความตื่นตัวและการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการด�ำเนินงานปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการจดั การความเครยี ดมมี ากนอ้ ยเพยี งใด 2) ชุมชนได้เรียนรู้อะไรจากการด�ำเนินงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการ ความเครียด 3) การท�ำกจิ กรรมของกลมุ่ สง่ ผลกระทบตอ่ สมาชกิ ชมุ ชนทยี่ งั ไมไ่ ดเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม อยา่ งไร 38 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

3.2 การปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดโดยเจ้าหนา้ ทีส่ าธารณสขุ เจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขมีบทบาทส�ำคัญในการส่งเสริม สนับสนุนและชี้แนะ ชี้น�ำ รวมทั้งการสร้างแรงบันดาลใจและเสริมพลังให้กับกลุ่ม/ชุมชนในการด�ำเนินงานปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการจัดการความเครียด โดยจะต้องให้การส่งเสริม สนับสนุนครอบคลุมทั้ง 4 ข้ันตอน การด�ำเนนิ งานทม่ี ีความเช่อื มโยงกนั ดังนี้ ขน้ั ตอนที่ 1. การวเิ คราะห์ปญั หาและเข้าใจปัญหาท่เี กิดข้นึ อยา่ งชดั เจน เจา้ หนา้ ทส่ี าธารณสขุ มบี ทบาทส�ำคญั ในกระบวนการวเิ คราะหป์ ญั หาและเขา้ ใจปญั หาท่ี เกิดขึ้นของชุมชน ดังนี้ 1. สนับสนุนข้อมูลปัญหาโรคและพฤติกรรมเสี่ยง 3อ.2ส.และร่วมวิเคราะห์ข้อมูลโรค และการเจบ็ ป่วยของประชาชนวัยท�ำงาน(ตารางท่1ี ) และวเิ คราะหพ์ ฤติกรรมเส่ียงดา้ นการจัดการ ความเครียด (ตารางท่ี 2) เมื่อสังเกตชาวบา้ นไม่เขา้ ใจ ช่วยเสรมิ ชว่ ยท้วงตงิ และให้ข้อเสนอแนะ 2. เปน็ พเี่ ลย้ี งและรว่ มหาขอ้ สรปุ ปญั หาการจดั การความเครยี ดของประชาชนในชมุ ชน รวมทั้งบริบทและเงื่อนไขของชุมชนในการจัดการปัญหาและขับเคล่ือนการด�ำเนินงาน ในตารางท่ี 1-4 แล้วคนื ขอ้ มลู ปอ้ นกลับให้กับประชาชนไดเ้ รียนรู้และเคลียร์ประเดน็ ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจ 3. สง่ เสรมิ สนบั สนนุ กลุม่ ผู้น�ำประชาชนในการด�ำเนินการกิจกรรมตา่ งๆ (เปน็ พเ่ี ลีย้ ง ทงั้ กลมุ่ ผูน้ �ำและประชาชน โดยจะพยายามไม่ชี้น�ำ) 4. กระตุ้นให้กลุ่มผู้น�ำมีการส่ือสารข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การประชุม สอื่ บคุ คล ส่ือท้องถิ่น เปน็ ตน้ เพอ่ื ให้ประชาชนในชมุ ชนมีความเขา้ ใจ ชกั จูงใหก้ ลุ่มเปา้ หมายรูแ้ ละ ตระหนกั ปญั หาการจดั การความเครยี ดและใหค้ วามรว่ มมอื ในการด�ำเนนิ งานปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม การจดั การความเครียดท่สี นใจ การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 39 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ขั้นตอนท่ี 2. การวางแผนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสขุ ภาพความเครยี ด ที่เปน็ พฤตกิ รรมเสย่ี ง 1. เจา้ หนา้ ทต่ี อ้ งพรอ้ มในการชแี้ จงเหตแุ ละผลในการท�ำกจิ กรรมทกุ ขน้ั ตอน เพอื่ สรา้ ง ความเข้าใจรว่ มกนั 2. ตรวจสอบและประเมินแผนชาวบ้าน และน�ำผลการประเมินแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ชาวบ้าน ขั้นตอนที่ 3. การปฏิบตั กิ ารในพ้นื ที่ของกลุม่ เป้าหมาย เจา้ หนา้ ท่ีสาธารณสุขมีภารกิจสนับสนุนการปฏิบัติกิจกรรมการจัดการความเครียดตาม แผนการปรับเปลี่ยนของชมุ ชน ดงั น้ี 1. สร้างขวัญและก�ำลังใจแก่ชาวบ้านในการท�ำกิจกรรมด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ยกย่อง เชิดชู 2. สง่ เสริมสนบั สนนุ กระตนุ้ ใหช้ าวบา้ นได้จัดกจิ กรรมตามแผนทกี่ �ำหนดข้นึ 3. ใหข้ อ้ มลู ความรทู้ จ่ี ะน�ำไปสกู่ ารจดั การความเครยี ดเพม่ิ ขน้ึ โดยการเพมิ่ ความรคู้ วาม เข้าใจและกระตุ้นให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการความเครียดของตน หรือมีการ จดั การความเครยี ดอยา่ งตอ่ เนอื่ งสมำ่� เสมอดว้ ยการสนบั สนนุ องคค์ วามรทู้ างวชิ าการแกส่ มาชกิ กลมุ่ ในประเดน็ ทเ่ี หมาะสมกบั การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ดและการพฒั นากลมุ่ เชน่ - การบริหารจัดการกล่มุ - การประเมินผลกลุม่ - สอนการสรุปบทเรยี น 4. จดั ให้มีการประเมนิ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขึน้ จากการจดั การความเครยี ด เป็นช่วงๆ 5. สง่ เสรมิ สนับสนุนใหเ้ กิดมาตรการดา้ นการจัดการความเครียดของชุมชน ขนั้ ตอนท่ี 4. การประเมนิ ความส�ำเร็จของการด�ำเนนิ งาน เจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขมีบทบาทส�ำคัญในการประเมินความส�ำเร็จของการด�ำเนินงาน รวมท้ังจัดท�ำข้อสรุปและคืนข้อมูลกลับให้กับบุคคล กลุ่มและชุมชน พร้อมทั้งชี้แนะ ชี้น�ำ เพื่อ ต่อยอดการพฒั นา ดังนี้ 1. ประเมินการเปลย่ี นแปลงภาวะสขุ ภาพ และการจัดการความเครยี ด 2. น�ำเสนอผลการประเมนิ ต่อสมาชกิ กลุ่ม 40 การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

2.1 เพื่อใหก้ ลุ่มได้สรปุ ภาพรวมการเปล่ยี นแปลงของตนเอง 2.2 เพ่ือให้กลุ่มได้ทบทวนมาตรการในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมของตนเองและ หาขอ้ สรปุ พฤตกิ รรมใหม่ๆ ท่มี ีประสิทธิภาพมากยง่ิ ขึน้ 3. จัดท�ำรายงานผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการความเครียดของชุมชน เพือ่ น�ำเสนอต่อทปี่ ระชุมชาวบ้าน 4. จดั ท�ำรายงานเอกสารวชิ าการการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมเสนอตอ่ ผบู้ งั คบั บญั ชาและ ตอ่ สงั คม 5. น�ำผลการประเมนิ เปน็ ขอ้ มลู พน้ื ฐานในการจดั ท�ำแผนพฒั นาในชมุ ชนทตี่ นเองรบั ผดิ ชอบตอ่ ไป การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 41 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ความเช่อื มโยงการดำ� เนนิ งานปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการจัดการความเครยี ด ของประชาชนวยั ท�ำงาน โดยกลมุ่ /ชมุ ชนและเจ้าหนา้ ท่ีสาธารณสุข เจ้าหน้าที่สาธารณสขุ เจา้ หน้าทส่ี าธารณสขุ 1. รว่ มประเมนิ การเปลยี่ นแปลงของพฤตกิ รรมและภาวะ 1. ร่วมวิเคราะห์ข้อมูลโรค/การเจ็บป่วยและพฤติกรรม สุขภาพ เสี่ยงด้านการจัดการความเครียด 2. ร่วมน�ำเสนอผลการประเมนิ ตอ่ สมาชกิ กลมุ่ และ 2. หาข้อสรุปปัญหาการจัดการความเครียดแล้วคืน หาขอ้ สรุปพฤตกิ รรมใหม่ๆ ข้อมูลปอ้ นกลับใหก้ บั ประชาชน 3. จดั ท�ำรายงานน�ำเสนอต่อชุมชน ตอ่ สงั คม 3. สง่ เสรมิ สนับสนนุ กลุ่มผูน้ �ำประชาชน (เป็นพีเ่ ลี้ยง) 4. น�ำผลการประเมนิ เปน็ ขอ้ มูลในการจัดท�ำแผนพัฒนา สนบั สนุน สนับสนุน ท�ำการวิเคราะห์ 1. สมาชิกกลุ่มมีการประเมินตนเอง เพ่ือดผู ล 1. ปัญหาโรคและความเจ็บปว่ ย เปลีย่ นแปลงท่ีเกดิ ขนึ้ 2. พฤตกิ รรมเสย่ี งด้านความเครยี ด 2. สมาชกิ กลมุ่ ไดร้ บั การประเมนิ จากเจา้ หนา้ ท่เี ร่ือง 3. บรบิ ทและเง่ือนไขการจัดการปญั หาพฤตกิ รรม พฤตกิ รรมการจัดการความเครียด และสภาวะสขุ ภาพ ความเครยี ด 3. ประเมนิ ความเข้มแข็งของกลมุ่ 4. ประเมนิ การเรียนร้แู ละผลกระทบตอ่ ชมุ ชน 4 . กปราระเดมำ� นิ เนคินวางมานสำ� เรจ็ ของ ข้ันตอนการปรบั เปล่ยี นพฤติกรรม 1. วเิ คราะหแ์ ละเข้าใจปญั หา การจดั การความเคร ยี ด พฤตกิ รร2ม.ก วาารงจแัดผกนาปรรคับวเาปมลเคย่ี รนยี ด 3. กปฏับกบิ ลัตุม่กิ เาปร้าใหนมพาน้ื ยท่ี 1. บรหิ ารจัดการการด�ำเนนิ งานตามแผน จดั ทำ� แผนปฏิบตั ิการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรม ความเครียด - จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เพอื่ การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม ของกลมุ่ ต่างๆ ในชุมชนจะต้องกำ� หนดให้ชัดเจน - จัดกิจกรรมถา่ ยทอดความรู้ 1. ก�ำหนดกลมุ่ เป้าหมายพัฒนา - จดั เวทีแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ 2. ก�ำหนดเป้าหมายการปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรม - จัดรณรงค์ สรา้ งกระแสและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร 3. ก�ำหนดวธิ ีการ/กจิ กรรมการด�ำเนินงาน 2. ประเมนิ กระบวนการ/กจิ กรรมปรบั เปลย่ี น 4. การประเมนิ ผล พฤตกิ รรมการจดั การความเครยี ด สนับสนุน สนบั สนุน เจา้ หนา้ ที่สาธารณสุข เจ้าหนา้ ท่ีสาธารณสขุ 1. สรา้ งขวญั และก�ำลงั ใจแกช่ าวบา้ นในการท�ำกจิ กรรม 1. ส่งเสรมิ สนบั สนนุ กระตนุ้ การจัดกจิ กรรม 2. สนับสนุนองคค์ วามรู้ทางวิชาการแกส่ มาชกิ เพอ่ื 2. พรอ้ มในการช้แี จงเหตแุ ละผลในการท�ำกจิ กรรม การพฒั นากลมุ่ 3. ตรวจสอบและประเมนิ แผนชาวบา้ น และน�ำผล 3. จดั ให้มีการประเมนิ ผลกระทบเป็นช่วงๆ และ การประเมนิ แลกเปลย่ี นเรียนรู้กบั ชาวบ้าน สร้างกระแสและรณรงคใ์ นชุมชน กลมุ่ /ชุมชน ประชาชนวยั ท�ำงาน : ประชาชนมีความสามารถจดั การความเครียดตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสมกับ สถานการณร์ อบข้าง ชมุ ชน : ชมุ ชนเขม้ แข็ง ชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้ 42 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

บรรณานกุ รม กลมุ่ พฒั นาขอ้ เสนอเชงิ นโยบายและยทุ ธศาสตรส์ �ำนกั นโยบายและยทุ ธศาสตร.์ พฤตกิ รรมเสย่ี งรว่ ม ส�ำคญั ของโรคเรอ้ื รงั ในประเทศไทย.สบื คน้ จากhttp://www.moph.go.th/ops/thp/thp/ userfiles/AW_Health.pdf[4 เมษายน 2557] กลุ่มทป่ี รึกษา กรมสุขภาพจิต. Psychosocial Care for NCD. เอกสารประกอบการประชุมเชงิ ปฏิบัติการเพ่ือสรุปองค์ความรู้และวิพากษ์ผลการสังเคราะห์เร่ือง การดูแลทางสังคมจิตใจ ในประเด็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง. ข้อมูลจากรายงานสถิติสาธารณสุข พ.ศ.๒๕๔๖ - ๒๕๕๕ เธียรชัย คฤหโยธิน. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยเบาหวาน. สืบค้นจาก http://thailand.digitaljournals.org/index.php/BMJ/article/viewFile/ 14094/13639[4 เมษายน 2557] นภิ รณ์ นามลายและคณะ. ภาวะซึมเศรา้ ในกลมุ่ ผู้ปว่ ยโรคเร้ือรัง กรณีศกึ ษาโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ต�ำบลบา้ นดู่ อ�ำเภอปกั ธงชัย จงั หวดั นครราชสีมา. สืบคน้ จาก ph.vu.ac.th/index. php?option=com_k2&view=item&task...[4 เมษายน 2557] นติ ยา จรัสแสง. ศริ ิพร มงคลถาวรชยั . เพชรรัตน์ บุตะเขียว. สมลักษณ์ บญุ จันทร์. พรนิภา หาญ ละคร. สุวรรณา อรุณพงศ์ไพศาล. ภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคเร้ือรัง. สืบค้นจาก http://www.psychiatry.or.th/JOURNAL/57-4/06-Nittaya.pdf[15 กันยายน 2557] นศิ าชล ชมเชย,การศกึ ษาระดบั ความเครยี ดและผลของการเขา้ รว่ มกลมุ่ กจิ กรรมทมี่ ตี อ่ ความเครยี ด ในผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง (2555) ประกายทพิ ย์ ศริ วิ งศ,์ การศกึ ษาความเครยี ดและการเผชญิ ความเครยี ดของผปู้ ว่ ยมะเรง็ เตา้ นมกอ่ น ผา่ ตดั (2552) สายวรุณ ลิ้มมัทวาภิรัต์ิ, การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดและพฤติกรรมเผชิญ ความเครียดในการปฏบิ ัตงิ านของเจา้ หน้าทสี่ รรพากรส�ำสักสรรพากรภาค 6 (2553) สถาบนั วจิ ัยและประเมินเทคโนโลยที างการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ . เอกสาร ข้อมูล : สถานการณ์โรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อนในประเทศไทย. สืบค้นจากhttp://www.dms.moph.go.th/imrta/images/data/doc_dm_ht.pdf.[3 เมษายน 2557] ส�ำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ส�ำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณสุข พ.ศ.2555. สบื คน้ จากhttp://bps.ops.moph.go.th/Healthinformation/2.3.6_54.pdf. [3 เมษายน 2557] การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 43 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ภาคผนวก ก. แบบประเมินระดับความเครยี ด ประชาชนกล่มุ วัยท�ำงาน (15-59 ป)ี คำ� ช้แี จง แบบประเมนิ ฉบบั นจี้ ดั ท�ำขน้ึ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ วดั ระดบั ความเครยี ดประชาชนกลมุ่ วยั ท�ำงาน (15-59 ป)ี ขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการเก็บรวบรวมในครั้งน้ี จะเปน็ ประโยชนใ์ นการพฒั นาการ กระบวนการเรยี นรเู้ พอ่ื สร้างเสริมสขุ ภาพให้เหมาะสมในชมุ ชน การประเมินระดับความเครียด (ST- 5) ค�ำชีแ้ จง ค�ำถามต่อไปนี้ เปน็ การส�ำรวจถึงอาการหรอื ความรู้สกึ ทเี่ กิดข้ึนในระยะ 2 สปั ดาห์ เพ่ือ ประเมนิ ระดบั ความเครยี ด โปรดใสค่ า่ คะแนนตามอาการหรอื ความรสู้ กึ ทเี่ กดิ ขนึ้ ตามความเปน็ จรงิ ไมม่ อี าการ มีอาการ มอี าการ มีอาการเกดิ หรือเกิด มากกวา่ เกิดขน้ึ เกือบ ขน้ึ ทกุ วนั ข้อ อาการหรอื ความรู้สึกที่เกดิ ใน อาการเพียง 1 ครงั้ ทุกวัน (3 คะแนน) ระยะ 2 สปั ดาห์ แตไ่ มบ่ ่อย 1 คร้ัง (2 คะแนน) (0 คะแนน) (1 คะแนน) 1. มีปัญหาการนอน นอนไม่หลับ หรอื นอนมากเกนิ ไป 2. มีสมาธนิ ้อยลง 3. หงุดหงิด/กระวนกระวาย/ว้าวุ่น ใจ 4. รู้สกึ เบอ่ื เซง็ 5. ไม่อยากพบปะผ้คู น คะแนนรวม 44 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ภาคผนวก ข. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการจัดการความเครยี ด ของประชาชนกลมุ่ วยั ทำ� งาน (15-59 ปี) ค�ำชีแ้ จง แบบประเมินฉบับน้ีจัดท�ำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินพฤติกรรมการจัดการ ความเครยี ดดว้ ยตนเองของประชาชน คนไทยวยั ท�ำงาน ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการเกบ็ รวบรวมในครงั้ นี้ จะ เปน็ ประโยชนใ์ นการพฒั นาการกระบวนการเรยี นรเู้ พอื่ สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพใหเ้ หมาะสมในพน้ื ทตี่ อ่ ไป การประเมินการจัดการความเครยี ดด้วยตนเอง คำ� ชแี้ จง โปรดตรวจสอบตนเองวา่ ในระยะเวลา 2 เดอื นทผี่ า่ นมาจนถงึ ปจั จบุ นั นที้ า่ นมคี วามเครยี ด หรอื ไม่ ถ้ามีท่านมีวธิ ีคลายเครียดด้วยวธิ ีการใด และบอ่ ยแค่ไหน โดยท�ำเครอ่ื งหมาย 3ลงในชอ่ ง o ตามการกระท�ำพฤตกิ รรมและระดบั ตามความเปน็ จริงมากทส่ี ดุ 1. เมื่อมีความเครยี ดทา่ นมวี ิธกี ารคลายเครียดด้วยการออกก�ำลังกายหรอื ไม่ o มี o ไมม่ ี ถา้ มี ท่านมีการออกก�ำลังกายบ่อยแค่ไหน o ทกุ ครั้ง o ส่วนใหญ่ o สว่ นนอ้ ย 2. เมื่อมีความเครียดท่านมีวิธีการคลายเครียดด้วยการการพักผ่อนเช่น กิจกรรมบันเทิง (ดูหนงั ฟังเพลง) หรอื ไม่ o มี o ไม่มี ถ้ามี ท่านมีการพักผอ่ นบ่อยแคไ่ หน o ทกุ คร้ัง o ส่วนใหญ่ o ส่วนนอ้ ย การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 45 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

3. เม่อื มคี วามเครียดท่านมีวธิ กี ารคลายเครยี ดดว้ ยการการน่ังสมาธิ หรือไม่ o มี o ไม่มี ถ้ามี ทา่ นมกี ารนั่งสมาธบิ อ่ ยแค่ไหน o ทกุ ครั้ง o ส่วนใหญ่ o สว่ นน้อย 4. เม่ือมคี วามเครียดท่านมวี ธิ ีการคลายเครียดดว้ ยการการนวดแผนไทยหรือไม่ o ม ี o ไมม่ ี ถา้ มี ท่านมีการนวดไทยบ่อยแค่ไหน o ทุกครงั้ o สว่ นใหญ่ o สว่ นนอ้ ย 5. เมื่อมีความเครียดท่านมีวิธีการคลายเครียดด้วยการมีกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ในชุมชน หรอื ไม่ o มี o ไม่มี ถ้ามี ท่านมีกจิ กรรมร่วมกับผู้อืน่ บ่อยแค่ไหน o ทุกคร้ัง o ส่วนใหญ่ o ส่วนน้อย กองสขุ ศกึ ษา กรมสนับสนนุ บริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสขุ 46 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

ทีป่ รกึ ษา ประเสริฐสริ ิพงศ์ รองอธิบดีกรมสนบั สนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ นายแพทยณ์ ัฐวฒุ ิ ลีละพันธ์ นักวิชาการอิสระ รศ.ดร. ประสทิ ธิ์ รศ.ดร.นิตยา เพญ็ ศิรินภา สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์สขุ ภาพ ดร.อนนั ต ์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช นางสาวเบญจมาศ มาลารตั น ์ ภาควชิ าสุขศึกษา คณะพลศกึ ษา มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ สุรมติ รไมตรี ผู้อ�ำนวยการกองสขุ ศึกษา คณะผู้จดั ท�ำ อทุ ัยพฒั นาชีพ กองสุขศกึ ษา นางวิมลศร ี ชมุ ภู กองสุขศึกษา นายชัยภมู ิ นางสาวพัชรนิ คณุ ค�้ำช ู ส�ำนักส่งเสรมิ และพฒั นาสขุ ภาพจติ กรมสุขภาพจติ การปรับเปล่ียนพฤติกรรม 47 การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

48 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียดส�ำหรับกลุ่มวัยท�ำงาน

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียด สำ� หรับวัยท�ำงาน กองสุขศกึ ษา กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสขุ www.hed.go.th


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook