กนั และไปสน้ิ สุดลงทตี่ รงไหน แต่ทรงคดิ อย่ดู งั นั้นจนถงึ เวลาดกึ สงดั โลกเขา้ สนู่ ิทรา สัตว์ปาุ ออกแสวงหาอาหาร นา่ เกลยี ดนา่ กลวั ประดจุ ความโลภ โกรธ โทสะ และริษยา อนั มขี อ้ งอย่ใู นดวงจติ แห่งบุคคล พระองค์จะเสด็จบรรทมเมื่อศศิธรจะลับขอบฟูาอยู่รําไรแล้ว แต่ยังไม่ทันรุ่งสางกต็ ื่น บรรทม เสดจ็ ยนื ณ ท่ีมดื บนเขา ทอดพระเนตรภูมิลาํ เนาพ้ืนที่ซงึ่ หลบั อยู่ ด้วยพระทัย เมตตาตอ่ สัตวท์ ัง้ หลาย ลมเช้าโชยมาเอือ่ ย ๆ รกุ ขชาติสะบัดใบ บอกอาการพลกิ ฟืน้ ตื่น จากนิทรา ณ ทิศบูรพาน้ัน รศั มแี หง่ เวลาเชา้ ทอแสง พอไกข่ นั เปน็ ครงั้ ทส่ี อง สขี าว ณ ขอบฟาู กข็ น้ึ มาแต่ไกลแล้วย่งิ แผ่สูงขึ้นทุกที ๆ ดาวประจาํ เมืองตอ้ งรบิ หรี่ หลกี ใหแ้ สงทองมาจับ ยอดเมฆดอู ร่ามไปทวั่ ทิศ แล้วสคี ่อย ๆ แปรเป็นสหี ญ้าฝรั่นจบั เมฆดูแดงแจม่ จา้ ท่แี ดง เข้มไหมก้ าํ่ กม็ ี แล้วดวงตะวันผู้ทําแสงสว่างกข็ ้ึนจากขอบฟาู พระดาบสทรงต้อนรับสรุ ิยา ตามแบบฤๅษี เสดจ็ สรงน้ํา ทรงสบงจีวร แลว้ เสดจ็ ออกบิณฑบาตตามถนน ประชาชน ทัง้ หลายมีใจศรทั ธา เอาอาหารมาถวาย เหล่ามารดาพอเหน็ พระฤๅษพี กั ตรผ์ ่อง เนตร สุกใสประดุจเทวา กบ็ อกใหท้ ารกกราบไหว้ จุมพิตบาทหยิบชายสบงประจงแตะหนา้ ผาก พระเสดจ็ ดาํ เนนิ ไปดว้ ยพระทัยอ่มิ เอบิ มองเห็นชนทัง้ ปวงเปน็ สหายผู้ร่วมทุกข์ใน โลก พระพกั ตร์ผอ่ งสดใส เหล่าสาว ๆ อินเดยี ผู้มเี นตรดําไดย้ ลพกั ตร์ ก็บงั เกดิ ความเสียว วาบในดวงใจ นคี่ ือเทพบตุ รในความฝ๎น นางท้งั หลายนึกดังน้นั แล้ว กบ็ งั เกิดความรกั และ บชู า อาการประหม่าอายเหน็ ไดช้ ัด แตพ่ ระกต็ อบสันถวไมตรขี องเขาดว้ ยพจมาลย์ เหมาะสมสภุ าพราบเรยี บ แต่สงา่ แลว้ พระก็เสดจ็ กลบั วิเวกสถานท่ปี ระทับเหนือคีรรี ตั นา นั้น ตามไหล่เขารัตนคีรนี นั้ มีพระฤๅษมี าบาํ เพญ็ ตบะอยู่หลายตนด้วยวธิ ตี า่ ง ๆ ท่าน เหลา่ นี้ถือกายเปน็ ศัตรูของจติ จึงกระทํากายให้เจบ็ ปวดสาหสั จนประสาทปราศจาก ความรสู้ ึกอันใด ต่างก็ซบู เศรา้ หมอง ใชว้ ิธีทรมานตนต่าง ๆ กัน บา้ งยืนชูแขนข้ึนฟาู ตลอดทวิ าราตรี จนแขนทีพ่ ่วงพีกลบั ซูบซีด เหี่ยวแห้ง มองดูคลา้ ยกิง่ ไม้บนพฤกษ์ซ่งึ ยนื ตาย บ้างกํามือแนน่ จนเลบ็ ทะลุมือ บ้างเอาเหลก็ แหลมขีดกายาเปน็ ร้วิ รอย บ้างเอาธุลี คลกุ กายดูนา่ เวทนา บา้ งก็สมาคมกบั ศพอนั น่าเป่อื ย กลนิ่ เหมน็ คลงุ้ บ้างเอางรู า้ ยมาพัน คอ และบา้ งกร็ อ้ งวา่ “ศวิ ะ ๆ” วนั หน่งึ นับได้ถึงหลายพนั ครัง้ เขาทง้ั หลายเหล่านี้ ดู ๆ ก็นา่ เวทนายง่ิ นกั หัวต้องแดดเกรยี มไหม้ ตามดื มัว เนอื้ เหย่ี วยน่ ที่กินข้าววันละเมด็ กม็ ี ทีท่ ํากายให้พกิ ารก็มี ทง้ั นี้เพราะเขาเช่ือในพระคัมภีร์ทวี่ ่า ความทกุ ข์ของใคร(ที่)ทาํ ให้ พระเจา้ (ผ)ู้ ประทานทุกข์มา รู้สึกอายได้ เขากจ็ ะกลายเปน็ เทพเจ้า พระบรมศาสดาทอดพระเนตรเห็นอาการน่าเวทนาเหลา่ น้ีแล้ว กท็ รงสลดพระทัย ยงิ่ นกั ตรสั ถามวา่ การทาํ อัตตทรมานเพ่มิ ทกุ ข์ใหแ้ ก่ชวี ิตซงึ่ เต็มไปด้วยทกุ ข์อยแู่ ล้วนั้น เพื่อประโยชน์อนั ใด พระอเจลกะหวั หนา้ พระโยคี ทูลตอบวา่ เพ่ือจะไดป้ ลดบาป ทําจิตใหบ้ ริสทุ ธิ์ พระราชบตุ รตรัสวา่ “โน่นแน่ เมฆสีทองบนฟาู อัน ล้อมรอบวิมานพระอินทรข์ องทา่ น นนั้ มาจากไอนํา้ ทะเลลอยขึ้นไปจับกนั เปน็ กล่มุ กอ้ น แลว้ ตกลงมา ไหลไปตามชอกหิน เปน็ ลาํ ธาร แลว้ เป็นแม่นา้ํ ใหญไ่ หลไปเปน็ มหาสมุทรดงั นี้ ใช่ไหมท่าน? อันใดสงู ข้ึนไป แล้วก็ต้องตกลงมา ท่านรบั ทกุ ข์ พน้ ทุกข์แล้วต่อไปจะเปน็ อย่างไรอกี ต่อไปทา่ นก็รบั ทกุ ขอ์ กี นน่ั เอง เพราะทา่ นซ้อื สวรรค์ดว้ ยโลหิตและเนอื้ เม่อื หมดราคากต็ ้องตงั้ ตน้ ใหม่ พระฤๅษตี อบวา่ “จะเปน็ ดงั น้ันก็ตามใจ แต่เราเกลยี ดเนอ้ื นกั มนั ถว่ งจิตใหต้ กยาก เราตอ้ งทรมานมันเพื่อปลอ่ ยจติ ใหเ้ ป็นอิสระ จะไดไ้ ปสสู่ วรรค”์ ทรงถามว่า “อันชีวติ ท่ีไหน ๆ จะตา่ งกนั ละหรอื เทพเจา้ ของท่านไม่มีทกุ ขห์ รอื ?” ทูลตอบว่า “กม็ อี ยู่ แต่มหาพรหมไม่เปล่ยี นแปลง”
“ถ้าเช่นนน้ั ทา่ นจะทรมานกายไปทาํ ไม ควรหรือที่จะทําร้ายรา่ งกายซงึ่ รบั ใช้จิต รา่ งกายสญู ไปเสียแล้ว ทา่ นจะบําเพญ็ ภาวนาหาความจริงอยไู่ ดห้ รอื ? ทา่ นพน้ เรอื นรา่ ง ซ่งึ เราอาศยั อยู่แลว้ เราจะอย่ทู ่ไี หน เมื่อดวงตาของเราหายไป เรา จะเอาอะไรมาสอ่ งดู วา่ ทางไหนดี ทางไหนเราควรเลอื กเดนิ เลา่ ” “เราได้เลือกแล้วราชบุตร เราจะไปทางนี้ แม้จะเปน็ ทางไฟก็ดี ถ้าท่านรวู้ ่าทางใดดี จงบอกเรา ถ้าท่านไม่รู้ จงไปเสยี เถดิ ราชบุตร” พระพทุ ธองค์ในภายหน้าทรงสดบั คาํ ดาบส ก็เสดจ็ ดาํ เนนิ หลีกมาเสยี จากฤๅษี ทง้ั หลาย ทอดพระเนตรดเู หล่าปก๎ ษา และพฤกษชาตอิ ันข้ึนอยู่รมิ ทางจร แลว้ ทรงรําพึง วา่ อนั ต้นไม้ และสตั วท์ ้ังหลายเหลา่ นี้จะมีปญ๎ ญาก็ด้อย หาส้มู นษุ ยไ์ ด้ไม่ แตม่ ันมี ความสุข มนั เจรญิ และงอกงามตามแนวทีธ่ รรมชาติสรา้ งไว้ หาไดเ้ พยี รจะทาํ ตนให้ สงู ขน้ึ ไปกวา่ ภาวะเดมิ ของตนไม่ คนเราสหิ นอ คนเราน้นั ชอ่ื วา่ ฉลาดเหนอื สัตว์ทัง้ ปวง ไฉนจึงทาํ รา้ ยร่างกายทรมานตน เพ่อื หาความสขุ ดูพกิ ลนัก กษณะทีพ่ ระองค์ทรงรําพงึ อยูน่ ั้นเอง ก็ทอดพระเนตรเห็นฝนุ ฟูุงมาแตไ่ กล แกะและ แพะหมู่หน่ึงกาํ ลงั ถกู ไล่ต้อนลงมายงั ชายเขา บางตวั กเ็ ดนิ มาดี ๆ บา้ งก็เดินไถลออกนอก ทาง บางตัวก็แวะกนิ หญา้ ใต้ต้นมะเดอื่ ซึ่งเอนต้นออกไปเหนือลาํ ธารนอ้ ย ๆ นายเมษ บาลเห็นดังนนั้ กต็ เี กราะร้องเรยี กใหเ้ ข้าคืนท่ี ลูกแกะตวั หนึ่ง เล็กกะจ้อยรอ่ ย เดินขากะเผลกมาขา้ งหลงั เลือดไหลเปน็ ทาง มันหา อาจเดนิ ใหท้ ันฝงู แกะดี ซ่งึ ไปขา้ งหนา้ ไม่ แมแ่ กะกพ็ ะว้าพะวัง อ้อมไปเรียกลกู ข้างหน้า แล้ววกมาดูลูกตัวหลัง เปน็ ที่นา่ เวทนายงิ่ นกั นักพรตหนุม่ ทรงเห็นเข้าก็สงสาร เสดจ็ ไป อุ้มลกู แกะนอ้ ยขึน้ แล้วบอกแก่แม่มันวา่ “จง เดินไปดี ๆ เถดิ ข้าจะอ้มุ ลกู ของเจา้ ไปให้ เอง” อันแกะฝูงนเี้ ขาต้อนไปเขา้ พิธบี ูชายญั พระองค์ทรงทราบดังนน้ั กเ็ สด็จตามฝงู แกะ ไปด้วย พอมาถงึ ริมแม่นาํ้ หญิงหนง่ึ ชูหตั ถ์ขึ้นพนมกม้ ลงกราบ น้ําตาไหลลงอาบพกั ตร์ นางพลางทลู ว่า นางนีเ้ องคอื หญิงผูอ้ ม้ ลกู นอ้ ยเมอ่ื วานนี้ ลกู ของนางเล่นดอกไมเ้ พลินอยู่ งตู ัวหน่ึงเล้ือยมาพนั แขน เดก็ น้อยอา้ ปาก หวั ร่อแล้วเอามือเปดิ ปากงู ทนั ทีพ่อหนกู ็หน้า ซีดและหยดุ พูด นางไดม้ าเฝาู พระองค์ ทูลถามวา่ ลกู เปน็ อะไรไป จะแก้ให้กลับหัวเราะ อยา่ งเกา่ และเรยี กแสงสุกใสมาสนู่ ัยนต์ าลูกน้อยอยา่ งเกา่ ได้หรือไม่ พระองคท์ รงแนะนํา ใหไ้ ปหาเมลด็ ผักกาดมาทะนานหนง่ึ จากบ้านซง่ึ ไม่มีคนตายเลย นางได้ไปหาแล้วท่ัวทกุ บ้านทุกเรือนท้ังในชนบทและในเมือง เมลด็ ผกั กาดน้นั มี แตบ่ า้ นซึง่ ไม่มีคนตายหามไี ม่ “ภคินเี อย๋ ” พระตรสั ตอบ “ดังนเ้ี ธอกไ็ ด้พบความจริงแลว้ ลกู ของเธอนั้นตายไปแลว้ ตายเหมอื นกับท่คี นทั้งหลายเขาตาย มนั เห็นความพนิ าศทท่ี ําลายความรักอันหอมหวาน ให้สญู สน้ิ ไป แตท่ วา่ หามใี ครเล่ียงพน้ ไดไ้ ม่ จงทําใจให้สงบ และจงฝ๎งลกู ของเธอเสีย เถิด ภคิน”ี แลว้ พระองคก์ ็เสดจ็ พระดําเนนิ ตามนายเมษบาลตอ่ ไป จนกระท่ังยาํ่ สนธยา นายเมษ บาลพาฝงู แกะเข้าประตเู มือง ตรงไปยงั สถานทซี่ ่ึงกระทํายัญพธิ ี พอพระผูอ้ มุ้ ลูกแกะออ่ น อนั บาดเจ็บ เสดจ็ ผ่านทวารา นายประตูก็จับตาพิศดพู ระองค์อยา่ งตะลึงตะไล ชาวบา้ น รา้ นตลาดสงบนง่ิ ลงทนั ทีเพื่อจะพศิ ดพู ระองค์ ทีก่ ระบงุ ตง้ั ขวางหนา้ อยู่ก็รบี ป๎ดกระบุงไป เสียให้พ้น ทีก่ ําลังซอ้ื ขายเกี่ยงราคากเ็ ลกิ ทะเลาะกัน ชา่ งเหลก็ ชฆู อ้ นเหล็กคา้ งอยู่กลาง อากาศ เสมียนลืมเขยี นข้อความลงบนกระดาษ เพราะให้รูส้ กึ เลือนขอ้ ความซง่ึ ตนจะ เขยี นไปหมด คนนบั เงินกห็ ลงใหลไม่อาจนับตอ่ ไปได้ ช่างทอทง้ิ หกู ว่งิ ออกมาดู คนรดี นมกว็ างมือปลอ่ ยให้น้ํานมโคไหลรนิ ออกมานอกถัง ต่างคนต่างถามกนั วา่ “ใคร ใคร ผู้ นั้นเปน็ ใคร เขาอยใู่ นวรรณะไหนจงึ งามดงั นี้ ?” บา้ งก็ว่า “ดเู นตรเขาซี เพอื่ น เราไม่เคยเหน็ ใครมีเนตรงามอ่อนหวานและเตม็ ไปด้วย ความปรานีดังนเ้ี ลย” บ้างกว็ ่า “เทวดาเทา่ น้ันจงึ จะงามดังน้ี”
ต่างคนตา่ งกระซิบถามกนั วุ่นวาย แตพ่ ระองคห์ าทรงเห็น ทรงฟง๎ คาํ ของเขาไม่ พระทยั นึกแต่สตั ว์ผ้เู คราะห์ร้ายจะต้องมาเป็นเหยอื่ ยัญกรรมอยา่ งนา่ สงสาร เพราะมันเป็น สตั ว์ไรเ้ ดยี งสา และขาดผ้นู ํา แสนจะอา้ งวา้ งว้าเหวใ่ จ ในท้องพระโรงซงึ่ กระทาํ ยญั พธิ ีนน้ั องคพ์ ระเจา้ พมิ พสิ ารราชาเสดจ็ ประทับอย่กู ลาง สองขา้ งทอ้ งพระโรงด้านซ้ายขวาเป็นแถวยาวน้นั เปน็ ท่ีของเหลา่ พราหมณน์ ุ่งขาวหม่ ขาว นั่งสาธยายมนต์ พลางหยอดนํ้ามันลงเล้ียงไฟให้ลุกสวา่ งคราง แลบเลียเครือ่ งหอม มีกฤษณา เคร่อื งเทศ กลมั พกั และน้าํ โสม พรํ่าภาวนาว่า โอม โอม เชญิ เสด็จพระอินทร์ มาเสวยของบูชาซง่ึ ลว้ นแต่เป็นของโปรด รอบกองกณู ฑบ์ ูชามีทราย ไว้สาํ หรับซบั เลือด ของสตั วท์ ี่ถกู ฆ่า แพะลายจุดตวั หนึง่ ถกู มดั นอนตะแคงรอความตายอยู่ พราหมณจ์ รดมดี สีขาวลงท่ีคอสัตว์ แลว้ รอ้ งวา่ “เหล่าอสุรมารทง้ั หลายจงออกจากพระวรกายพระเจ้าพิมพสิ าร มาดเู ลอื ดพุ่งจากคอ แกะเป็นท่สี นกุ สนาน มาดมกลนิ่ เนอื้ ยา่ ง ณ ท่นี ้ี บาปกรรมทั้งหลายของพระองคจ์ งุ่ มาอยู่ ที่แพะน้ี และให้ไฟไหม้ไปโดยพลัน” แลว้ พราหมณก์ ็เงยมดี ข้ึน พระผู้สมภพมาไมเ่ คยเห็นความรา้ ย เอือ้ นโอษฐ์ตรสั แกพ่ ระเจ้าพมิ พิสารว่า “ราชะ โปรดปลอ่ ยมนั ไปเถิด” แลว้ พระองค์ก็ทรงแก้มดั ใหแ้ พะนน้ั หลดุ ไป หามใี ครกล้าขัดขวาง ไม่ พระองค์ทรงแสดงใหเ้ ขาเห็นว่า การฆ่าสัตวน์ นั้ ใคร ๆ ก็ทําได้ แต่การทําให้มนั เกดิ มา หามีใครทําไดไ้ ม่ ดงั นั้นเราควรจะแสดงกรุณาตอ่ มัน ดว้ ยเหตวุ ่ามนุษยย์ อ่ มเลศิ กวา่ มัน ทงั้ ในทางอํานาจและสติป๎ญญา ควรหรือทีเ่ ราจกั มาฆ่าผ้ปู อู งกันตัวเองมิได้ สัตว์แมจ้ ะตา่ํ ต้อยนอ้ ยนดิ ปานใด ก็รกั ชวี ติ ของมนั เหมือนกัน มันย่อมรู้สึกเจ็บ รู้จกั เดอื ดร้อน รจู้ ัก โทมนัส ในการตอ้ งพลดั พราก เพยี งแต่วา่ มันไมม่ ีปากจะพดู ขอความเหน็ ใจเทา่ น้นั “เวลาเราเองเจ็บปวด เราก็ขอความช่วยเหลือ จากพระเจา้ ใหอ้ งึ ไป แตแ่ ล้วตวั เราเอง สิกลบั ใจรา้ ย ทําทารุณต่อสัตว์อนั หาปากจะอ้อนวอนมิได้ ภราดรเอย คน สัตว์ ทง้ั หลาย ยอ่ มมีชวี ิตเก่ยี วดองกันท้ังสน้ิ ท่านมิรู้ดอกหรือวา่ มนั กม็ บี ญุ คุณแก่เรา ใหน้ ้าํ นมและปยุ ขนอันอ่อนนุ่ม ยังชีวิต และความอบอุ่นให้แกร่ า่ งกายเรา และมนั น้นั มอบชีวติ มอบความ ไวว้ างใจไวแ้ ก่เรา ผซู้ ่งึ ตอบแทนมันดว้ ยการประหตั ประหาร ด้วยการโยนบาปของเราลง ไป ทาํ ลายชวี ติ ของมันเพ่ือไถโ่ ทษคน ดงั นเี้ ป็นการสมควรแลว้ หรอื โทษของใคร ใครก็ ต้องรบั ไว้ น้ีเป็นธรรมดา ใครสร้างกรรมไวอ้ ยา่ งไร กต็ ้องรับกรรมแห่งตนดังน้นั บรรดาพราหมณ์ทั้งหลายเงยี บเสียง ผูถ้ อื มดี วางมีดของตนลง องค์พระมหากษัตรยิ ์ เสด็จมาใกล้พระศาสดา ประนมหตั ถข์ น้ึ ฟ๎งเทศน์ดว้ ยความเคารพ พระสทิ ธัตถะจงึ ทรง ประกาศวา่ “ภราดรเอ๋ย โลกเรานี้จะงามยิง่ นัก ถา้ หากว่าสตั ว์ โลกทงั้ หลายไมว่ ่ามนษุ ยห์ รือสัตว์ จตุบาท ทวบิ าท เลือ้ ยคลาน รักกันประดุจพี่น้องรว่ มสายโลหติ และเรากเ็ สพแตผ่ ลไม้ พืช ผกั เว้นเสียซ่ึงการกนิ เน้อื สัตว์และการฆา่ สตั ว์มาเป็นอาหาร” พวกพราหมณ์ไดส้ ดบั ดังนน้ั กม็ ใี จโอนออ่ นตามพระวจนะ พากนั ดบั กองไฟ และ ปล่อยแพะแกะไปเสียส้นิ พระเจา้ พิมพสิ ารทลู เชญิ เสด็จพระองค์ครองพระนครราชคฤห์ แตพ่ ระผู้เป็นเจา้ ไม่ปรารถนาสมบตั จิ ักรพรรดิ ทูลตอบกษตั รยิ ์ว่า พระองคท์ รงสละเสีย แล้วซ่ึงส่งิ เหล่านั้น ต้ังพระทยั แสวงหาความจริงอันล้ีลบั อยู่ตอ่ ไป ตรัสวา่ “พระสหายทรี่ ักของหม่อมฉัน ถา้ หม่อมฉนั ค้นของสิง่ นไ้ี ด้แลว้ หมอ่ มฉนั จะกลบั มา สนองพระเมตตาของพระองค์ ทง้ั น้ีอย่างแน่นอน” บทที่ ๖ พิณสามสายจากสวรรค์
ทา่ นผู้เจริญทัง้ หลาย หากท่านประสงค์จะไปถวายสักการบชู า สถานท่ซี ึ่งพระพุทธ องค์ทรงสําเร็จพระโพธญิ าณแล้ว จุ่งบา่ ยหนา้ ไปทางทิศพายพั เถดิ เลยี บลมุ่ แม่นํา้ คงคา จนถงึ ภเู ขาซ่งึ เป็นต้นของธารนา้ํ นลิ าชันและโมหะมา แลว้ เดนิ ต่อไป ตามความคดเคีย้ ว แหง่ ธารนา้ํ เดินไปตามใต้รม่ ไม้ใบหนาจน กระทงั่ ถงึ ที่ราบในแควน้ คยา แลว้ ต่อไปถึงท่ี รกชฏั อันมีนามวา่ อุรุเวลา ณ ทีน่ ัน้ มีภเู ขาทราย มปี าุ ไม้ มะพรา้ ว ตาล ล้อมรอบ ทางเชงิ เขามนี าํ้ ใสสะอาด เหล่ามัจฉาเตา่ ปูอาศัยอย่เู ป็นทีส่ าํ ราญ ชาวคามนิคมปลกู บ้านของตน อยู่อย่างสงบ ภราดร เอย๋ เมือ่ ไปถงึ ทน่ี ัน้ แล้ว ขอทา่ นดําเนินเขา้ ไปจนกระท่ังถงึ ร่ม ไมโ้ พธิ เมอ่ื ไปถงึ ท่นี ั้นแล้ว จงุ่ กม้ เกล้าทาํ ความเคารพเถดิ เพราะวา่ ณ ทน่ี ัน้ แล พระบรม ศาสดา ผู้เปน็ ท่ีสักการะของเราได้สําเร็จพระโพธญิ าณ ซงึ่ พระองค์กแ็ สวงหามาได้ยาก ยิ่ง และโดยปราศจากครสู ่งั สอน เม่อื พระสทิ ธตั ถะนกั บวชทรงเห็นว่า การทรมานตนอยา่ งโยคที ัง้ หลายนัน้ เป็นการไร้ แกน่ สาร และไม่เป็นทางไปสู่มรรคผลอนั ใดแลว้ พระองคก์ ็เสด็จละจากนวิ าสสถาน ณ รตั นครี ี มาบาํ เพ็ญภาวนาอยใู่ นปุาอนั เงยี บสงดั ในแว่นแควน้ คยาน้ี เฝาู แตท่ รงพิจารณาดู ทุกข์ของตน ดูทางแห่งทุกข์ ดเู หตุผล ดทู มี่ า และท่ีไปของปวงสตั ว์ ดคู วามลึกลับแห่ง ชวี ติ ท้ังหลาย พระองค์ทรงนึกอยแู่ ตด่ ังน้ีเปน็ เวลาหลายเดือน เฝูาแตเ่ พยี รบําเพ็ญตบะ จนกระทง่ั ลมื เสวย ลมื บรรทม มทิ รงหวิ เลย จนกระท่งั หลายวันล่วงไป คร้ันรู้สกึ องค์เหน็ บาตรวา่ ง มแี ตผ่ ลไมอ้ ันนกนาํ มาท้งิ ไว้ กห็ ยิบขึน้ เสวย แต่พอประทังความหิว ดังนี้ มิช้า พระฉวีอันเคยผดุ ผ่องกซ็ ูบซีดลง สิน้ สง่า พระกายาทพุ พลไปด้วยการใชค้ วามคดิ เกนิ กําลัง พระมังสาซบู หายไป เหน็ แตพ่ ระอัฐขิ ้นึ โก้งเก้งน่าเวทนา คร้นั ยกพระหัตถ์ลูบองค์ พระโลมาก็รว่ งหลน่ ตดิ พระหัตถม์ า ดว้ ยเหตวุ ่าหานํ้าเล้ียงมไิ ด้ จึงร่วงหลน่ ไปประดจุ ใบไม้แห้งต้องรว่ งจากต้นฉะนี้ เมือ่ เปน็ ดังน้นี านเขา้ วันหนึง่ พระองค์ก็หมดกําลัง เซถลาล้มฟาดลงยังพ้ืนดินดู ประดจุ คนตาย ด้วยพระอสั สาสะและปส๎ สาสะหยุดหาย หามีไม่ แตบ่ รรทมน่งิ อยู่ดังน้นั จนกระทงั่ เดก็ เลยี้ งแกะคนหนึ่งมาพบเขา้ มคี วามเวทนาย่ิง ด้วยพระกายานั้นซบู ซีดนา่ สงสาร มหิ นําซา้ํ ตะวันยงั สอ่ งแสงแผดกลา้ มาตอ้ งองค์ เดก็ น้อยจึงไปหกั ก่ิงไม้มาป๎ก เพอ่ื ให้ร่มเปน็ แกพ่ ระพกั ตร์ จะรนิ นมลงโอษฐแ์ ล้ว แต่หากลา้ ไม่ ดว้ ยตนเองมศี ักดิ์ตาํ่ ตอ้ ย ไดช้ อ่ื วา่ เปน็ ทาสเขา จึงลงั เลอยู่ เพราะการกระทาํ ดงั นี้เป็นโทษแก่ตนเอง ในตอนนี้ พระพุทธประวัติเล่าว่า กง่ิ ก้านชมพซู่ งึ่ เด็ดเก็บมาปก๎ บงั พักตร์น้ันกแ็ ตกช่อใบออกสล้าง เปน็ เสมือนฉตั รแกว้ อนั ล้าํ เลศิ ออกกนั้ องค์ เด็กผูเ้ ลย้ี งแกะเหน็ ดงั นัน้ ก็นกึ วา่ เทพยดา จึง ยกหัตถข์ นึ้ ประสานเปน็ การเคารพ พอดพี ระสทิ ธัตถะลมื พระเนตรขน้ึ และตรสั ขอนํา้ นม เดก็ น้นั ทูลตอบวา่ “ข้าถวายมิไดด้ อก เทวะผูเ้ ปน็ ใหญ่ พระองคไ์ ม่ทรงเห็นหรือว่าขา้ เปน็ ไพร่ จะทําให้พระองคส์ กปรกไป พระเจา้ ขา้ ” พระบรมครตู รสั ตอบวา่ “เด็กเอย๋ เราทุกคนมีโลหิตสแี ดงเหมือนกัน ไมม่ ีเจ้า ไมม่ ี ไพร่ ความเมตตากรณุ าทาํ ให้ เราเปน็ ญาติกันหมด ไม่มีใครดอกทีเ่ กิดมามอี ุณาโลมอยู่ท่ี หน้าผาก คนจะตา่ งกนั กแ็ ต่การกระทาํ เท่านั้น ใครทาํ ดีไวเ้ ขาก็ได้ดี ใครทําชวั่ กไ็ ดช้ ่ัว” เด็กน้ันจงึ น้อมถวายน้ํานมด้วยความปราโมทย์ยงิ่ และกใ็ นวนั นั้นเอง เหลา่ อัปสรเยื้องกรายลงมาจากอินทรสถาน จับระบาํ รํารา่ ยดว้ ย ความหรรษา นางหนงึ่ ตเี ภรีมขี นยงู ป๎กรอบ นางหน่ึงเปุาปี่ แลอีกนางหนง่ึ ดดี พณิ สามสาย ค่อยกรายมาตามละเมาะไม้ เสียงกระพรวนเงนิ ที่ข้อบาทดงั กรงุ๋ กร๋งิ รับกับเสียงกําไลกร แสนเสนาะกรรณ กษณะนัน้ นางผูถ้ ือพณิ กข็ บั ร้องขึน้ ว่า “ดีดพิณจับระบํางาม จงทําสายใหพ้ อดี ไม่สูงต่ําพวกเรานี้ จะเตน้ รําสําราญใจ ตงึ นักสายพิณขาด เพลงพนิ าศหมดเสยี งใส หย่อนนกั เสียงหมดไป จงทําสายให้พอด”ี
แลว้ นางกเ็ ต้นรําตอ่ ไป ประดุจผีเสือ้ ตวั งามอนั มีความหย่งิ ลาํ พองในสีอนั สวยของปกี ตน มไิ ด้นกึ ฝ๎นว่า เพลงที่นางขบั น้ันจะไปถงึ พระกรรณพระมหาบุรุษ ผนู้ ั่งรําพึงอยู่ใตไ้ ม้ รมิ ทาง พอนางผ่านไป พระองค์กท็ รงเห็นแสงสว่างแห่งป๎ญญาทันที พระตรัสว่า “อา้ – คนโงน่ ีก้ ส็ อนคนฉลาดไดบ้ ่อยครงั้ ถา้ นางนไี้ มม่ าขับพณิ เราก็คงจะขงึ เสน้ ชวี ิตจนตึง เกนิ ไปอยูด่ งั นี้ มันคงจะขาดลงสักวันหนงึ่ เราควรจะหยอ่ นลงบา้ ง เพราะว่า เรายัง ต้องการชวี ติ ไว้สาํ หรบั ชว่ ยทกุ ขค์ นอกี มากมายนัก” ริมธารนํ้าในแควน้ คยานน้ั มเี ศรษฐหี นงึ่ นาม เสนานี เปน็ คนใจบญุ และมีบรวิ าร มากมาย ไดภ้ รรยาผู้งามพร้อมทงั้ กายใจ ชอื่ ว่าสชุ าดา อยกู่ นั มาหลายปแี ล้วก็ไมเ่ กดิ บตุ ร นางจึงไปบวงสรวงวงิ วอนรุกขเทวดาขอบตุ ร ในทสี่ ดุ นางกไ็ ด้บุตรนอ้ ยสมปรารถนา สุชาดามคี วามกตญั ํตู อ่ รกุ ขเทพ จึงสัง่ ให้ทํามธปุ ายาสด้วยน้ํานมโคอยา่ งดตี ้มกบั ข้าว ซ่ึงปลูกจากดนิ ทีไ่ ถใหม่ ๆ ปนไปกับจันทน์ กลมั พกั และเคร่อื งเทศ ปรงุ รสอรอ่ ยล้ําเพอื่ สงั เวยเทพยดา แล้วนางก็ให้ทาสไปกวาดพนื้ ตน้ มะเดื่อใหร้ ืน่ รมย์ ไม่นานนกั ทาสากว็ ง่ิ กระหดื กระหอบมาบอกวา่ “ถ้าแต่ทา่ นผเู้ ป็นนาย รกุ ขเทวดามาแสดงองค์แลว้ รศั มที ่านเรืองกระจา่ งรอบ พระองค์ รอบพระนลาฏอันงามเหมือนวงเดอื น พระเนตรงามน่าพศิ วงยง่ิ นัก ท่านโชคดี แล้ววันน้ี” สชุ าดาได้ยนิ กร็ บี อุม้ ลูกน้อยไปดว้ ยความดีใจจนตัวสนั่ นางกม้ ลงจมุ พิตธรณีแสดง ความเคารพแล้วทลู เชิญใหร้ ับมธปุ ายาส นางรินนา้ํ เกสรกหุ ลาบอันหอมหวานลงในพระ หัตถ์ ถวายมธปุ ายาส กราบแลว้ ถอยไปยืนนงิ่ เคารพอยู่ พระสิทธัตถะเสวยข้าวนน้ั แลว้ ก็ตรัสบอกแกน่ างว่า พระองคห์ าใช่เทพเจา้ ไม่ หาก เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนงึ่ “แต่ก่อนน้เี ปน็ กษตั รยิ ์ บัดนีเ้ ราสละส่งิ นั้นเสยี แลว้ มาเป็นชายพเนจร เพอ่ื แสวงหา ดวงประทปี อันส่องใจคนให้หายมดื มวั นับแต่เวลาออกจากความเป็นกษตั รยิ ม์ าก็หกปเี ข้า นีแ่ ล้ว เราใชเ้ วลาค้นหาดวงประทีปนน้ั ทุกวนั ทกุ วนั อดอยากตรากตรําจนร่างกายไมม่ ี แรง เราไดม้ ธปุ ายาสนมี้ า ชมุ่ ชื่นใจนกั ขอขอบคณุ ภคนิ ี และขอใหส้ ขุ ของทา่ นยงั่ ยนื เถิด ภาระซึ่งลกู ทา่ นจะนํามาให้จงบางเบาลง” แล้วพระก็ตรัสถามนางถึงเรอ่ื งความสขุ ของชวี ติ นางทูลตอบว่านางเป็นสขุ เพราะ นางพอใจในชวี ติ แลว้ และนางกม็ ไิ ดส้ รา้ งบาปไว้แกผ่ ู้ใด “ดีแล้วภคนิ ี เธอเป็นผูม้ สี มั มาจริยะ และใจสงู เราขอเคารพ ขอใหท้ ่านไปสวัสดเี ถิด” นางสุชาดาทูลว่า “สงิ่ ใดท่พี ระองค์ต้องประสงค์ ขอใหท้ รงสําเร็จเถิด” แลว้ นางกท็ ลู ลาไป เมื่อเสรจ็ เสวยข้าวมธปุ ายาส อันนางสชุ าดาผ้มู ใี จงาม นํามาถวายแลว้ พระสทิ ธตั ถะ ก็เสด็จจากตน้ มะเดอ่ื ไปประทบั ยังโพธฉิ ายาอันรื่นรมย์ พระหฤทัยผ่องแผ้ว มองเห็น ความเปน็ มาเปน็ ไปของมนษุ ย์ได้โดยตลอดปลอดโปรง่ ปราศจากความข่นุ มัว ด้วยเดชะพระบารมีคณุ อันพระองคต์ ง้ั พระทยั จะสัง่ สมไวใ้ ห้มนุษย์ ต้นโพธิโอนออ่ น นา้ วกง่ิ ลงบงั แสงตะวนั มิให้ส่องมาตอ้ งพระองค์ เหลา่ สัตว์ร้ายในบริเวณใกลเ้ คียงนน้ั พา กันสงบน่ิง เลิกการปองรา้ ยซึง่ กันและกนั และซง่ึ สตั วอ์ ่อนแออ่ืน ๆ นกคาบเหยอื่ บินมา พอผา่ นต้นโพธนิ ้ันก็ปลอ่ ยเหยือ่ ทิ้ง หบุ ปกี ลงกระทาํ คารวะ ปก๎ ษาใหญ่น้อยทง้ั หลายสง่ เสียงรอ้ งเจอ้ื ยแจว้ ด้วยความหรรษา ต่างกส็ รรเสรญิ ในพระทัยอันหวงั ประโยชนส์ ุขต่อ เพ่ือนมนุษย์ และตา่ งแซซ่ ้องถวายพรให้ประสบความสาํ เรจ็ อนั ย่ิงยวด ต่างบอกกันว่า “พวกเราชาว โลกทง้ั หลายจะไดเ้ ปน็ สขุ แลว้ นับแต่นีต้ ่อไป” ณ ราตรีอันแจม่ จรัสดว้ ยเดือนเพญ็ คนื หนงึ่ ขณะทพี่ ระบรมศาสดาของเราประทับ เข้าสมาธิหลบั พระเนตร สํารวมพระอริ ยิ าบถน่ิงอยูใ่ ต้ร่มโพธพิ ฤกษานนั้ บรรดาพระยามาร
คอื กเิ ลสทงั้ หลาย รู้วา่ พระองค์จะขา้ มพ้นวัฏสงสาร และบําเพญ็ เพียรเพื่อชว่ ยมนุษย์ ก็ ใหม้ ีจิตริษยา เกรงวา่ พระองค์ประสพซ่งึ อรยิ สัจอนั จะช่วยปวงสัตว์ไดเ้ ป็นยวดยิง่ จึง เตรยี มพหลพลมารอเนกอนันต์มา เพือ่ ประจญกบั พระปญ๎ ญาอนั สวา่ งไสวของพระองค์ นายมารเหล่าน้มี ดี ําฤษณาราคะเปน็ ต้น ซึง่ มี พหลพลมารคอื โทสะ โมหะ และ อวิชชายนั มดื คล้มุ ตา่ งก็ผาดแผลงสําแดงฤทธดิ์ ้วยตนตา่ ง ๆ กัน เพอ่ื จะทาํ ลายขนั ติ สมาธิ ของพระผูย้ ง่ิ นกั บวชทั้งหลายใหส้ ิ้นไป บา้ งกระพือพายโุ หมบดบงั อากาศให้มืด คล้มุ นา่ สะพรึงกลวั แล้วสง่ เสยี งอสนุ ีบาดฟาดเปร้ียง ๆ เสียงสะเทอื นเล่อื นลน่ั ไปทั่วทงั้ โลกสาม พระธรณีมอี าการประหน่ึงจะทรุดแตกแยกทําลาย เมอ่ื เหน็ พระยังหลบั เนตรมิหวนั่ ไหว ก็เปลีย่ นอุบาย ใช้วจไี พเราะ เปน็ เคร่อื งเล้าโลม ใหร้ ําลกึ ถงึ ความรักอนั หอมหวน แลว้ มันกบ็ ันดาลให้อากาศเสนาะไปด้วยเสยี งดนตรี มี เหล่านางราํ ผิวพกั ตรผ์ ดุ ผ่องมาร่ายฟูอน กวักหัตถ์ย่วั เยา้ ดาํ ฤษณา เมือ่ หามีผลไม่ กใ็ ช้ สมบตั จิ ักรพรรดิมาเปน็ เครอื่ งลอ่ คร้ันการอันนี้ไม่กอ่ ใหเ้ ถดิ ผลอันใด มันกห็ นั ไปใช้อุบายใหพ้ ระบงั เกิด วิจิกิจฉาและ โมหะมดื มวั ต่าง ๆ แตพ่ ระหทัยของพระองค์นน้ั ไดร้ ับการอบรมฝึกมาอย่างดีแล้ว จงึ ไม่ ไหวหวาดต่อกิเลสทง้ั หลายแห่งดวงจติ มนั จะสาํ แดงแผลงฤทธิ์ประการใด พระกไ็ ม่ไหว หว่นั คงประทับเฉยสงบพระกายน่ิงอยู่ ด้วยเดชแห่งพระบารมี อนั ทรงบําเพญ็ ภาวนาไว้ เหล่าอสุรมารทง้ั หลายกพ็ ่ายกระจายพนิ าศแกต่ นเองไปสิ้น เป็นเวลาจวนรงุ่ สางแลว้ ดวงรชั นีค่อยเคลือ่ นตํ่าลงยงั ขอบฟาู ทวั่ ปรมิ ณฑลน้ันสงบ นงิ่ แม้ใบพระโพธกิ ็มเิ ขยอ้ื นให้ระคายโสตพระองค์ผู้พชิ ิตมาร พระพายราํ เพยลมเยน็ มา อ่อน ๆ พระสมณโคดมประทบั นิ่งมิไหวองค์ หลับพระเนตร เสียจากสิ่งแวดล้อมภายนอก แตพ่ ระจกั ษภุ ายใน ทรงมองเห็นความเปน็ ไปในปางหลงั มาไดอ้ ย่างแจ่มแจ้ง ประดจุ มี ดวงประทปี สกุ สกาว ส่องให้บุคคลผยู้ นื อยปู่ ลายทางหนั กลบั ไปมองเห็นอดตี ของตนได้ ตลอดปลอดโปรง่ พระทรงรําลึกชาตติ ่าง ๆ ทั้งใกลแ้ ละไกล ในสมยั ทท่ี รงกําเนดิ มาเป็นสตั ว์ และเป็น มนุษย์ในชั้นวรรณะตา่ ง ๆ กัน นับได้หา้ ร้อยห้าสิบชาติ รวมหมดจะเปรียบก็เหมอื นว่าได้ ทรงบทจรจากดงไม้หนามหนา และเต็มไปด้วยดนิ ซึง่ สูบชวี ิต พระเสดจ็ ไตเ่ ต้าไปตามเหว ห้วยดว้ ยความลําบากยากเขญ็ พระบาทเกอื บจะพลัดตกเขาเสยี ก็เป็นหลายครง้ั แต่ใน ทส่ี ดุ เมอื่ ผ่านซอกถ้ําห้วยละหานธารนา้ํ และที่ทรุ กนั ดารท้งั หลายแลว้ พระก็เสด็จข้ึนไป ประทบั อยู่ ณ ยอดบรรพต ดังนีจ้ ะเปรียบกค็ อื การท่พี ระพุทธเจ้าได้ไตเ่ ตา้ จากชาตกิ ําเนิดท่ีทรามขึ้นไปจนถึง ชาตอิ ันสะพรง่ั พรอ้ มดว้ ยพระบารมที ้ังหลาย อนั พระเพียรส่ังสมแตค่ รั้งยังต่าํ ต้อย พระองคท์ รงเห็นวา่ อันความดีชั่วของมนษุ ยน์ ีเ้ ปน็ เสมอื นกงเกวียน สรา้ งสงิ่ ใดไว้อนั นั้น ยอ่ มตามมาสนอง ทําดีกไ็ ดค้ วามเบิกบาน ทําชว่ั ก็ถึงแก่ยอ่ ยยับ อันความดีชัว่ น้นั เปน็ เสมือนตอก อันตอกตรงึ แน่นไว้ จะขูดลบโยกถอนอยา่ งใดกห็ าหลดุ ไปไม่ มนั ยอ่ ม ตามมาสนองผกู้ ระทํากรรมอนั ดีชว่ั เสมอไป เมอ่ื ทรงพบความจรงิ อนั นแ้ี ล้ว ก็ทอดพระเนตรเหน็ กว้างไกลออกไปถงึ จักรวาลอ่นื ๆ อันหมุนอยู่กลางหาว ไกลลิบลับ ดวงอาทติ ย์จันทร์และดวงดาวทัง้ หลายเหล่าน้ตี า่ งก็ แยกกันอยู่ แต่อยูห่ า่ งในระยะอนั เหมาะเจาะ และต่างก็มีความสัมพันธก์ ันอยู่ ตดั มิขาด ดวงอาทติ ยน์ นั้ คมุ ดาวให้เดินไปตาม จกั รราศขี องมนั แตด่ าวและดวงอาทิตยเ์ กดิ มา ตง้ั แตค่ รงั้ ไหน ไมม่ ีใครรู้ จะฉายแสงสว่างนานไปอกี เทา่ ไรก็ไม่มใี ครรูเ้ หมอื น กัน ไมม่ ี ท่ีตงั้ ต้น และไมม่ ปี ลาย แต่มหี ลกั ธรรมอนั เปน็ ประทีปส่องใหเ้ หน็ ความเป็นจรงิ อนั เกิดมา เองก็เป็นดังนี้ อนั กฎธรรมชาติของโลกนน้ั อยู่เหนอื อํานาจบังคับมนุษย์และเทวดา ทัง้ ปวง ของอนั เกิดมีข้นึ มาแล้วตอ้ งหมดไปแลว้ กต็ ้งั ตน้ กันใหม่ การเกดิ การทําลายเปน็ ไป อยทู่ กุ แห่งหน จักขัดขืนความจริงอนั น้ีหาไดไ้ ม่ สตั วโ์ ลกเกิดมาแลว้ กต็ อ้ งตาย เม่อื ตาย แลว้ กเ็ กิดใหม่ แต่วนเวียนรับทกุ ขอ์ ยู่ดงั นไ้ี ม่มวี นั ส้นิ สดุ ลงได้
ดงั นนั้ พอเขา้ ปจ๎ จสุ มัยจวนสวา่ ง ความลับทั้งหลายกก็ ระจ่างแจ้ง ทรงเห็นความจรงิ อันหนึง่ คอื ความทกุ ข์ ซึ่งตรึงสัตวท์ ัง้ หลายใหแ้ นน่ อยูก่ บั โลก เปน็ เสมอื นหนึง่ เงาอันตาม ตนอยู่ จะสลดั ไปได้กเ็ มือ่ ชีพส้นิ ไปแล้วเทา่ นนั้ “ทกุ ข์น้ันคอื อะไร ทกุ ข์นั้นคือความไมเ่ ทย่ี งแท้ คอื ชรา และ โรคาพยาธทิ ั้งหลาย คอื ความโกรธ เกลียด โลภ หลง และ ความยนิ ดียินรา้ ยอนั ตนตัดไมข่ าด คือตัณหาและ ความกระหาย จะได้ซึ่ง ลาภ ยศ สมบัติ และสรรเสรญิ รวมทัง้ สง่ิ เพลิดเพลนิ เจรญิ ใจอืน่ ๆ คอื ความข้องอยใู่ นโลก ความอยากมชี วี ิตไมร่ ูจ้ ักดับ คือความเบอื่ หน่ายแลว้ ซึ่งโลกน้ี อยากจะทาํ ลายตนไปเสียใหพ้ ้น ซงึ่ เปน็ การฝนื ธรรมดาของโลก ทัง้ หลายเหลา่ นแ้ี ล คอื ความทุกข์ บุคคลผมู้ ปี ๎ญญา ถึงไดต้ รองเห็นความจรงิ อนั นี้ และที่มาของทุกขท์ ัง้ หลาย แลว้ หมัน่ เพยี รอบรมใจให้ระงบั เสียไดซ้ ึ่งทกุ ข์เหล่านี้ ความสุขอนั ไม่ร้จู ักจบก็จะบงั เกดิ ข้ึนแกเ่ ขาผูน้ ้นั ” พอพระผูม้ ีพระภาคเจา้ ตรัสเสรจ็ สาํ เร็จแจง้ ซึ่งความจรงิ ของโลก และหนทางทจี่ ะดับ ทุกข์ท้งั ปวงให้หายไปส้นิ ทรงถอนกเิ ลสทัง้ ปวงให้หมดไป ตัดความอาลยั อาวรณแ์ ละ บรรลถุ งึ พระบรมโพธญิ าณ ปลดทกุ ข์ปลดบาปไปสิน้ แล้วน้นั ก็ถึงเวลาอรโุ ณทัยพอดี อะโห ดูซิทางทศิ บรู พาโน้น ดวงตะวนั เรมิ่ ไขแสง ออกสอดสมี ่านดาํ แห่งราตรี ดาว ประจาํ เมอื งซึ่งเคยแผดแสงกลา้ อยกู่ อ็ อ่ นแสงลงไปจนกระท่งั ลับหาย รศั มสี กี หุ ลาบของ พระสุรยิ เจ้าคอ่ ยเปลง่ แสงสกุ ใสข้นึ ทุกที จนกระทงั่ อาบไปทวั่ ท้องฟาู สีเทา บรรดาขุนเขา ซ่ึงมมี งกฎุ สที องสวมอย่นู น้ั ได้เหน็ ดวงตะวนั กอ่ นใคร ๆ ทงั้ สิ้น ลมเช้าโชยมาตอ้ งเหลา่ บปุ ผชาติ ให้เผยอแย้มกลบี ออกรับรงุ่ อรณุ อันวิเศษไปกว่ารงุ่ อรุณซง่ึ เคย ฃมีมาแลว้ แต่ ก่อน เมฆฝนพายกุ ล้าท้งั หลายตา่ งสงบนง่ิ ลง ถวายอภิวนั ทนาการแตพ่ ระพุทธเจ้าด้วย ความเบกิ บานหรรษา สที องงามแหง่ พระสุรยิ าทอลงจับนํ้าในลําธารละหานห้วยและ ฃพมุ่ พฤกษา เหลา่ พฤกษาและวหิ กในรังรวงวา่ จงต่ืนขนึ้ กม้ เกล้าอภิวนั ท์และสรรเสรญิ พระผู้ยอดยง่ิ มนษุ ย์ของเราไดส้ าํ เร็จพระโพธิญาณแลว้ เสียงนัน้ กระท้อนก้องไปทั้งปุา เหล่าปก๎ ษา น้อย ๆ รอ้ งบอกกนั ว่า “รุ่งแล้ว รุง่ แลว้ ตื่นข้ึนไหว้พระองคผ์ ู้ตรสั รู้เถิด” กระต้อยตวี ดิ บนิ ถลาออกจากรงั นกแก้ว รอ้ งเสยี งเจอื้ ย ตที องก๊ก ๆ เร่อื ย ๆ ไปเปน็ การ สําราญใจ บอกเล่ากันทวั่ หมนู่ กว่า สิ่งใดได้บังเกิดข้นึ แลว้ ดว้ ยเดชะพระบารมีคุณและพระเมตตาอนั ใหญ่ยง่ิ ต่อโลก ความสงบไดแ้ ผซ่ ่านไปทว่ั บริเวณใกลไ้ กลอย่างไมเ่ คยมีมาแตก่ ่อน บคุ คลผู้ใจเหีย้ มก็บังเกิดความอ่อนละมุนขน้ึ ใน ใจตน ท่ลี บั มีดแสวงคมไวจ้ ะฆ่าเขา ก็กลบั เอามีดไปซ่อนเสยี คนขโี้ กงกลบั เวยี นนับเงิน ใหค้ รบถว้ น คนพาลสนั ดานหยาบและ ใจทุจรติ ทงั้ หมดก็กลับละพยศ หวนกลบั ไปสู่ ความดี และความเมตตากรุณา ความรกั ความปรานีจากหทยั พระพทุ ธองคแ์ ผข่ ยายไปท่วั พิภพ นบั วนั จอมนกั รบกผ็ ฉู้ กาจก็วางอาวธุ ของตน คนไขก้ ระโดดลงจากทีน่ อนอยา่ ง กระปรก้ี ระเปร่า หวั เราะรา่ ยิ้มหวั กระชมุ่ กระชวย เสยี งแจม่ ใสดุจทราบว่า เวลาเช้าวันนน้ั ความสขุ ไดห้ ลงั่ มาจากรม่ โพธิ ณ แคว้นคยา ไหลไปท่วั ทิศานทุ ศิ แม้พระนางยโสธราผู้ เศรา้ สรอ้ ย ไมร่ ู้จักสรา่ ง ก็พลันรสู้ กึ สาํ ราญพระหฤทยั ประดจุ วา่ ความรกั นัน้ คงอยู่เสมอ ชีพ ความทุกขย์ ่งิ ใหญ่ในการต้องวิปโยคพลดั พรากพระสวามี ก็เปน็ อันหายไปประดุจ ปลิดท้งิ เหล่าสัตว์โลกทั้งหลายพากนั เป็นสขุ และรักใคร่มใี จเอือ้ ต่อกนั อย่างทีม่ ันไมเ่ คยมมี า แต่ก่อนเลย อย่าวา่ แต่หม่มู นษุ ยเ์ ลยหนอ แมเ้ ทพยเจ้ากป็ ระกาศกัน ทุกห้องฟาู วา่ “พวกเราจง ยนิ ดเี ถิด พระภควันต์เจ้าสําเร็จพระโพธิญาณยันยอดยิง่ แล้ว” เหล่าเปรตอสรุ กายกพ็ ากนั ชืน่ ชมโสมนัส มองลงมาเบอ้ื งลา่ งในโลกมนุษย์อีก กไ็ ดแ้ ลเห็น กวางดาวเล็มหนอ่ ไมอ้ ยู่ ริมทน่ี อน สองแมเ่ สอื ซง่ึ ดุ ตาเปน็ มัน เม่ือวานนี้ แตว่ ันนก้ี ลับเสงย่ี มหงมิ และต้อนรับนาง กวางดว้ ยสันถวไมตรี ใตเ้ งื้อมหินนัน้ นกอนิ ทรนี อนไซ้ขนน่ิง ไมก่ ังวลกับการโฉบเฉยี่ ว สตั ว์เกนิ นกกินปลาท่ีนอนผง่ึ แดดสบาย ไม่ตปี ีกขยับจะงอยปากเมือ่ เหน็ ปลาว่ายวนใน
ลําธาร ผีเสอ้ื ต่างสบี นิ วนเวยี นอยรู่ อบ ๆ ฝงู วหิ ค แต่มนั ก็หามีอันตรายไม่ สตั ว์โลกท้ังปวง มคี วามรกั ความเมตตากันยงิ่ ยวด ทั้งนี้กเ็ พราะพระพุทธองค์ได้ทรงชนะมารเดด็ ขาดแล้ว และทรงพบพระธรรมอันล้าํ ลึก มีแสงสว่างแรงกล้ายง่ิ อาทิตย์ ส่องโลกใหก้ ระจ่างอยเู่ ป็น นจิ นริ ันดรน่ันเอง พระพุทธองคท์ รงคลายพระอริ ยิ าบถจากการประทับนง่ิ เปน็ เวลานาน เสด็จลกุ ข้นึ ยืน พระองค์ทรงรู้สึกแจ่มใส และอ่มิ เอิบด้วยความปีติ พระพละซึง่ หายไปแตก่ อ่ นน้ันกลบั คนื มาสน้ิ และรู้สกึ แขง็ แรงข้ึนกวา่ แตเ่ กา่ พระทรงอุทานว่า “สงั ขารเอ๋ย เราไดพ้ บเข้าแลว้ ในวันนี้ เราไดท้ ่องเท่ยี วคน้ หามาหลายชาติ แตเ่ พง่ิ พบในวนั นเ้ี องวา่ เจา้ เป็นผู้สร้างเรือนจําอนั กกั ขังจิตเราไว้ แตน่ ้ีไปเจ้าไม่อาจสรา้ งบ้าน ทํากําแพง อนั เป็นของลวงหุม้ หอ่ เราไวไ้ ด้อกี แลว้ สงั ขารเจา้ มี แตจ่ ะผพุ ังหักไป ความสุขอันยอดยิง่ ซง่ึ เราค้นพบนนั้ ไมม่ ีวนั แตกดบั ไม่มีวนั ทําลาย เราได้พบแล้ว เราได้ ผ่านทุกขท์ งั้ ปวง แลว้ ” บทท่ี ๗ ผใู้ หญ่ย่ิงเหนอื จกั รพรรดิ นบั แตพ่ ระสิทธตั ถะบรมราชโอรสเสดจ็ ออก็ทรงมหาภิเนษกรมณ์แลว้ พระนคร กบิลพลั ด์ุซงึ่ เคยครกึ ครืน้ ดว้ ยศัพท์สําเนยี งเสยี งสรวล และดีดลีดเี ปาุ ก็กลบั ร่วงโรยเหี่ยว แหง้ ดว้ ยเหตวุ ่าขวญั เมืองไดป้ ลาสนาการไปเสยี แล้ว พระเจ้าสิริสุทโธทนะมีพระหฤทัย อนั กลัดหนองหมองกลา้ ทา้ วเธอสง่ คนไปสืบถามข่าวดใู นบรรดาหม่โู ยคี และนกั พรต ต่าง ๆ แตก่ ็หามีผใู้ ดพบพระบรมโอรสไม่ พระนางยโสธราพิมพากเ็ ตม็ ไปดว้ ยความ โทมนัสเซอ่ื งซึมอยู่ เธอมไิ ด้ทรงเห็นความสดชืน่ ในสง่ิ ใด มไิ ดท้ รงสดบั สาํ เนยี งใดแล้ว เห็นวา่ ไพเราะ แม้เสยี งสรวลของนางใน ซึง่ แว่วมาแตไ่ กล เธอกก็ ลบั ยนิ เป็นเสยี ง กําสรวลไห้ทง้ั สิน้ วันหน่งึ ในฤดูฝน พระพริ ณุ พงึ่ เหือดหายไปใหม่ ๆ เม็ดนาํ้ ฝนยงั ค้างอยบู่ นใบมะม่วง มองดูแวววาวราวกบั เพชรในยามต้องแสงตะวันสที องอร่าม พน้ื ดนิ ประดบั ด้วยตฤณชาติ สีเขียวสะอาด ตน้ ไม้แตกใบออ่ นสล้าง มองไปทางไหนกล็ ้วนแลว้ แตค่ วามสดช่ืน ชวนใจ ให้ระเริงร่นื เกษมสันต์ จงึ พระจอมขวัญยโสธราเสด็จออกมา ณ สระนา้ํ อันสวยงามในพระ อุทยาน นํ้าขึน้ เปย่ี มถึงขอบ แลราบเรียบราวกบั แผน่ กระจกเปน็ เงางาม ริมนํ้านัน้ ดารดาษ อยูด่ ้วยบัวบณุ ฑรกิ และบษุ บาชนิดอนื่ ๆ สีเหลืองขาวแดง และสตั ตบงกชตระการตา ณ ที่ นพี้ ระนางเคยเสดจ็ มากับพระสวามี ทอดพระเนตรดูพระฉายา ในนํา้ อยา่ งเป็น สขุ สําราญใจ พระภัสดาทรงสวมกอดเธอไว้ และจุมพติ ดว้ ยความเสน่หา พระกายามิได้ ห่างกนั มาบดั นส้ี ิ เงาแหง่ พระสทิ ธัตถะนั้นหามไี ม่แล้ว พระเนตรของพระนาง แก้วอนั เคย แจม่ จรัส กจ็ างรศั มี แสงหมดไปหามีไม่ พระปรางอนั แดงระเรือ่ กลบั ซูบซีดเห่ยี วย่น ริม โอษฐอ์ นั ออ่ นหวานประดจุ กลีบกหุ ลาบ กลบั ซดี ลงเพราะความทกุ ข์โทมนัสถงึ พระภสั ดา พระเกศามนุ่ ไวก้ แ็ ต่เพียงมใิ ห้ลงปกหน้า ราํ คาญพระเนตร มิทรงตกแต่งใหว้ จิ ติ รเพรศิ แพร้วแตอ่ ย่างใด ทรงแต่พัสตราภรณ์สีขาวปราศจากเคร่อื งประดับประดจุ หญงิ หม้าย ขณะทยี่ า่ งดําเนนิ พระกายออ่ นระทดระทวย ฝีพระบาทเบา ประดจุ เท้าเลียงผา แม้ย่าง ลงบนใบไม้แหง้ สําเนียงใดจะเกิดข้ึนก็หาไม่ พระเนตรของพระนางกม้ ลงตาํ่ ไมเ่ หลอื บดู ความงามของพระอุทยานแต่อย่างใด พระหัตถก์ ําพระสะอง้ิ ไข่มกุ ซง่ึ พระสวามีทรงปลด ท้งิ ไว้ตอนเสด็จจากเมอื งไป อนิจจา คนื นัน้ ช่างขมข่ืนเสียเหลือเกิน อีกพระหัตถ์หน่งึ น้ัน ทรงกุมกรพระราหุลกมุ ารนอ้ ย ซึ่งมีชนั ษาเข้าเจ็ดขวบแลว้ พระ กมุ ารเตม็ ไปด้วยความรา่ เริง ยนิ ดี ทรงพระสรวลรา่ ในขณะที่ทอดพระเนตรเหน็ บุปผชาติ และเหลา่ ปลาเงนิ ทองแหวกวา่ ยอยู่ในสระ พระหัตถโ์ ปรยเมลด็ ขา้ ว พระเนตรจบั อยูท่ หี่ มู่ ปลา สว่ นพระมารดานน้ั เนตรสลด ทอดถอนพระหฤทัย แล้วตรสั ถามแก่เหลา่ นกยางซ่งึ
ถลาลงจับปลาในสระนัน้ วา่ ยงั จะไดเ้ หน็ พระภัสดาบ้างหรือไม่ พระเสดจ็ แอบแฝงอย่แู หง่ ใดชว่ ยบอกด้วยเถิด ความทกุ ข์ครง้ั นีท้ ําใหช้ วี ติ จะขาดลงรอน ๆ แลว้ ทนั ใดนั้น นางกาํ นลั เขา้ มาทลู วา่ มนี ายวาณชิ สองคน เดินทางมาจากหัสดนิ ปุระ นาํ เคร่อื งเพชรมาขาย แต่สงิ่ ท่ลี ้าํ ค่ากวา่ แก้วมณที ัง้ ปวงซ่ึงเขานํามาน้นั คือข่าวพระสวามี พระนางทรงฟง๎ กม็ ีพระหฤทัยโลดผวาดว้ ยความยินดีเป็นทส่ี ุด ลุกขนึ้ ตบหัตถ์สาํ รวล และ นา้ํ พระเนตรไหลหยาดย้อย ตรสั สง่ั ให้ นางกาํ นัลพาเขาเขา้ มาเฝูานอกมา่ น แล้วพระนาง ก็ทรงถามเขา จากหลังพระวิสตู รว่า “ทา่ นวาณชิ ทา่ นมาจากทางไกล ทา่ นไดเ้ ห็นสามฉี ัน และไดอ้ ภิวันทนาการ เฉพาะ พระทรงเป็นพระพุทธเจ้าผ้ลู ่วงพน้ กิเลสและเป็นท่เี คารพของโลก และพระองคก์ าํ ลงั เสด็จมา ณ ทน่ี ี้จรงิ หรือ ?” “พระเจา้ ขา้ ข้าพเจา้ ได้พบพระสวามีของพระองค์ซ่งึ เสดจ็ หายไปจากพระนคร และ บดั น้พี ระองค์ทรงค้นพบพระธรรมอันวเิ ศษใหญ่ ยิง่ กวา่ สมบัตขิ องจักรพรรดทิ ง้ั หลายมา รวมกนั ไดท้ รงนําพระธรรมอันล้ําคา่ นี้มาโปรดสตั วโ์ ลกให้พ้นความทุกข์ และความเวยี น ว่ายอย่ใู นห้วงแห่งการเกดิ ดับมริ ู้จกั หมดส้นิ คนท้ังหลายได้เสวนาพระธรรมของพระองค์ แลว้ กม็ ใี จผ่องแผว้ ประดจุ ท้องฟาู อนั ปลอดฝนปราศจากเมฆ พากันตามเสด็จพระองคไ์ ป ประดุจฝงู แกะเดนิ ตามนาย หรอื ใบไม้แหง้ ที่ปลิวตามลม ถา้ พระบาทไดเ้ ข้าเฝาู ฟ๎งพระ ธรรมจากพระโอษฐ์ซ่ึงพระโปรดเทศน์ส่ังสอนกอ่ นเสดจ็ มาจําพรรษา ณ กบลิ พัสดนุ์ ้ี พระ เจา้ ข้า” พระนางทรงตอบวา่ “ขอบใจท่าน แต่เรอื่ งนเี้ ป็นเรอ่ื งใหญ่ เขารไู้ ด้อยา่ งไรกันว่า พระ สวามขี องเราสาํ เร็จพระโพธญิ าณ โปรดบอกเราหนอ่ ยเถิดท่านผูอ้ ารี” นายวาณิชจงึ เลา่ ถวายดงั คําของชาวหุบเขาเลา่ ว่า ในคืนวนั ทพ่ี ญามารมาประจญพระ บรมศาสดานนั้ แผ่นดินเกดิ ไหวสะเทอื นเล่อื นลนั่ นํ้าไหลข้นึ ทว่ มฝ๎่งทําลายทพั พญามาร ให้หมดไป แล้วก็ในรุง่ อรุณวันนั้นเอง โลกตน่ื ขึ้นพร้อมด้วยความหวังอันใหญย่ ่งิ สําเรจ็ ลง แล้ว หลายวันมาแล้วที่โลกได้เห็น พระพุทธองคท์ รงประทบั นิ่งอยู่ใต้ต้นโพธิ ทรง ใคร่ครวญถึงวธิ ที ีจ่ ะช่วยสัตวโ์ ลกทงั้ หลาย ให้พน้ จากการเวยี นว่ายตายเกิด ใหพ้ ้นจาก ความโงเ่ ขลาอนั มืดต้อื และกเิ ลสตณั หา อันเปน็ เคร่อื งถว่ งจติ ให้ลงไปสู่ความเสอ่ื มทราม และมาในวันนั้น โลกก็ได้พบวา่ พระองค์ทรงประสพส่ิงซงึ่ ทรงแสวงหาแลว้ แต่พระธรรม น้ันเปน็ ส่งิ ยากลกึ ลา้ํ นัก เหลือทคี่ นจะตามได้ แมจ้ ะทรงเปดิ ทางใหแ้ ลว้ กด็ ี พวกเขาจะ เป็นเสมือนนกซึง่ ตดิ กรงอยู่นาน แมเ้ ปิดกรงให้แล้วก็ยังงงต่ออสิ รภาพอยู่ คร้ันจะเสด็จไปเดย่ี ว มเิ ปิดทางใหค้ นอ่นื เลา่ พระทยั กเ็ ตม็ ไปดว้ ยความสงสาร ทรง ปรารถนาจะใหเ้ ขาเป็นสุขดว้ ยกนั ทุกผู้ เพราะทั้งพระองค์ ท้งั เขาเหล่านั้นตา่ งกม็ ี สายโลหิตสีแดงอันเดยี วเหมอื นกนั ทัง้ สนิ้ และในขณะน้ันเอง ไดท้ รงสดับเสียงรอ้ ง โหยหวนวา่ “อนจิ จา เราจวนจะวินาศกันสน้ิ แลว้ ” แล้วกม็ ีเสียงกราบทลู อ้อนวอนวา่ “พระ ผมู้ พี ระภาคได้โปรดทรงแสดงพระธรรม เพอื่ ชว่ ยฝงู ชน ให้เขาไดป้ ระพฤติตามบ้างเถิด” ด้วยเหตนุ ้พี ระองค์ผทู้ รงตรวจดูโลก และทรงหยัง่ รู้ ว่า บรุ ุษใดควรสอนกอ่ น บุรุษใด ควรสอนทีหลงั จงึ ตกลงพระทยั ประทานพระธรรมแก่ผู้ตอ้ งการศึกษา เวลานนั้ ไมม่ ีใครซึ่ง อาจเรียนพระธรรมสาํ เรจ็ ได้ นอกจากพระป๎ญจวคั คยี ์ พระฤๅษี ๕ องค์ ผู้บาํ เพญ็ พรตอยู่ ณ ปุาพาราณสี พระพทุ ธองคเ์ สด็จไป ณ ท่ีน้นั แลว้ กท็ รงเทศนาพระธรรมจักรกปั ปวตั ตน สตู รแก่เขา ยงั ให้พระฤๅษเี หลา่ น้นั สําเร็จเป็นอรหนั ต์ ไปท้ัง ๕ องค์ อนั พระธรรมซ่งึ พระพุทธเจ้าเทศนาโปรดพระเจา้ พิมพิสารแหง่ แควน้ มคธผู้ถวายเวฬุ วนาราม อันร่มร่นื แต่พระพทุ ธองค์นัน้ มีใจความดงั ท่ีพระราชาโปรดใหส้ ลักไว้ในศิลา วา่ ดังน้ี เย ธมฺมา เหตุปปฺภวา เตสํ เหตุ◦ ตถาคโต (อาห) เตสํฺจ โย นโิ รโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ
และในปาุ เวฬวุ นั อนั รนื่ รมย์ด้วยต้นไผ่นน้ั เขาเลา่ วา่ ไดม้ กี ารประชุมใหญ่ พระบรม ศาสดาไดท้ รงประกาศพระศาสนาของพระองค์ อันสรุปได้โดยความวา่ สพพฺ ปาปสสฺ อกรณํ กสุ ลสสฺ ูปสมฺปทา สจติ ตฺ ปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ อยา่ ก่อความบาปท้งั หลายขนึ้ พึงสร้างแต่ส่งิ ซึง่ เป็นกศุ ล ล้างจิตให้บริสทุ ธใิ์ สสะอาด น่ีแหละ คอื คําตรสั ของพระพทุ ธเจ้า (ทงั้ หลาย) เมอ่ื นายพาณิชเลา่ จบลงแลว้ พระนางยโสธรากร็ บั สง่ั ถามวา่ “พระสวามีของฉนั เสดจ็ ไปแห่งใดในขณะน้ี ? เขาทูลตอบวา่ “พระองค์ประทบั อยู่ ณ ราชคฤห์ พระเจา้ ขา้ หากคิดกําหนดหนทาง เดินแลว้ เดือนหนึง่ ก็ถึง กบลิ พสั ด์ุพระนคร พระเจ้าขา้ ” พระเจ้าสริ สิ ทุ โธทนะไดท้ รงสดบั ดังนี้ ก็มีพระทัยยินดยี ิง่ นกั พระองคท์ รงส่งั อํามาตย์ เจ็ดคน ใหค้ วบม้าทะยานตรงไปยังราชคฤห์โดยเรว็ พลนั ใหท้ ลู พระราชบตุ รวา่ พระบดิ า ทรงพระประชวรหนกั ทรงเปน็ กงั วลถึงพระบรมโอรสยง่ิ นัก ขอใหร้ บี เสดจ็ กลับกบลิ พัสด์ุ โดยเร็วเถดิ บดิ าจะเสด็จสวรรคาลยั อยูแ่ ล้ว ฝุายพระนางยโสธราเทวีกท็ รงทํา เช่นเดยี วกนั ทรงตรสั สั่งมา้ ใชว้ า่ ให้รบี ไปทลู พระสวามวี ่า พระชายาของพระองค์ มารดา แหง่ ราหลุ กมุ าร โหยหาถงึ พระองคเ์ ป็นทีย่ ิง่ แลว้ พระนางได้ทรงสดบั ข่าววา่ พระองคท์ รง พบส่ิงอนั ล้าํ สมบัตจิ ักรพรรดิ จงึ ใครท่ ูลขอประทานสาํ หรบั พระนางเอง และพระโอรสบ้าง พวกขุนนางรบั พระราชโองการแล้ว กร็ บี ควบม้าเรว็ ไป แต่พอเขาไปถงึ เวฬุวนั วนาราม ปาุ ไผอ่ ันรื่นรมย์ ซงึ่ เปน็ ท่ปี ระทบั ของพระองค์น้นั เขากลบั ลืมพระราชโองการของ พระมหากษัตริยเ์ สยี หมดสน้ิ กลบั ทรุดกายลงน่งั ฟง๎ พระ สรุ เสียงอนั มกี ังวานไพเราะจบั ใจ ด้วยกริ ิยาอนั งวยงงหลงลมื ตัวเองไปส้นิ ครัน้ รสพระธรรมไหลระรนิ เข้าโสตแลว้ เขาก็ บังเกดิ จติ ศรทั ธา หาอาจขยับเขย้อื นตวั ไปจากทน่ี น้ั ได้ไม่ ดวงใจบงั เกิดความชุ่มฉา่ํ เหมือนไดร้ ับน้ําอมฤตอันบรสิ ุทธ์ผิ ุดผ่อง เขาทงั้ หลายเหลา่ นนั้ ก็ไดค้ รองความเปน็ สงฆ์ สาวกของพระพุทธองค์ ครองสบงจีวรแทนเคร่ืองน่งุ หม่ ของฆราวาสเสยี สิน้ อาํ มาตย์หมู่ ใด ๆ กเ็ ปน็ ดงั น้ไี ปทัว่ ทุกผู้ กษัตรยิ เ์ หน็ ท่าจะไมเ่ ปน็ การ จงึ สง่ กาฬุทายี พระสหาย เพื่อนเล่นแตเ่ ล็กน้อยของ พระบรมโอรสมาทูลอญั เชิญ รบั สัง่ เป็นบังคบั วา่ ใหท้ าํ การให้สาํ เร็จ กาฬทุ ายเี ป็นคนเจ้า ป๎ญญา พอถึงพระอทุ ยานกด็ ึงฝูายมาอดุ หูเสยี มใิ หส้ ดบั พระธรรมเทศนา เขาเข้าไปกราบ ทลู ดังพระบรมราชโองการพระพุทธบิดา พระผู้ตดั สนิ้ แล้วซ่ึงกเิ ลส ตรสั บอกแก่เขาวา่ “กาฬทุ ายี ไปทลู พระบิดาเถดิ ว่าเราจะ ไป เปน็ ความประสงคแ์ ละเป็นหน้าท่ขี องเราทจ่ี ะต้องไป บุรุษพึงเคารพและสนองคณุ ผ้มู ี อุปการะแก่ตน ไปทลู ราชาและยโสธราเถดิ วา่ เราจะไป” ฝาุ ยพระมหากษัตรยิ ก์ รุงกบิลพัสด์ุ ยโสธราเทวี และ ชาวบรุ ที งั้ หลายได้ทราบขา่ ววา่ พระบรมศาสดาจะเสดจ็ สู่กบิลพสั ดก์ุ ็มีความยินดีเป็นทยี่ ่ิง ต่างตกแต่งซุ้มประตดู ้วย ดอกไม้ เฟอื่ งมาลัยสลับไหมทอง แพรเรืองรอง สีแดง เขยี ว สรรหาดอกไม้หอมมา ประจงประดับประดา ใหม้ กี ลนิ่ หอมเลศิ ปลกู พลับพลาประเสรฐิ อร่ามเรืองดว้ ยแสงรตั นะ ติดธงทวิ ปลิวไสวไปทวั่ แล้วจดั ขบวนกญุ ชร สวมอาภรณเ์ พรดิ แพร้ว กบู แก้วแกมหิรัญ ลว้ นแต่เลอื กสรรสิ่งวิเศษมาตกแต่งช้างพระทีน่ ั่งให้เลศิ ลอย ควรแก่การรับเสดจ็ พระโอรสจอมขวัญแหง่ พระนครกบิลพสั ด์ุ ให้ไปรออยู่ใตพ้ ลับพลาท่ปี ระทบั พอพระราช บุตร เสดจ็ มาถงึ อํามาตยน์ ้อยใหญก่ ็ทรุดตวั ลงยอกรกราบไหว้ แล้วให้นางระบาํ รอ้ งรํา ร่ายปรายโปรยบปุ ผชาติไปทง้ั สถลมารค ซ่ึงพระองค์ทรงควบขับพาชผี า่ นไป สรรพดนตรี ดุรยิ างคท์ งั้ หลายก็ใหบ้ รรเลงอึงมส่ี นัน่ ไปทั่วทั้งธานี ในวนั น้นั ทุกคนคอยฟง๎ เพยี งระฆงั ตี อันเป็นสญั ญาณวา่ พระเสดจ็ มาถงึ แลว้
พระนางยโสธราเทวรี ีบทรงพระวอทองเสดจ็ สูเ่ ชงิ เทนิ อันเป็นทีส่ งู เพ่อื คอย ทอดพระเนตรดพู ระสวามีแตไ่ กล ๆ มองไปจากปราการน้ันแลเห็นภมู ิภาพโดยรอบบริเวณ ในปาุ โน้น เนืองนองไปดว้ ยต้นอินทผลมั และตน้ ไทร ขอบทางเวยี นนัน้ งามดว้ ยไมด้ อก ไม้ผลข้นึ ริมตลง่ิ งามดงั ภาพเขียน ใตร้ ม่ ไม้เปน็ ท่ีราบเตยี น หญา้ ขนึ้ เขยี วเป็นทน่ี า่ รื่นรมย์ ภายนอกพระทวารวังเป็นทับกระทอ่ มทอ่ี าศยั ของคนจนยากไร้ เหลา่ จัณฑาลสกุลตํา่ ผู้ เปน็ กษัตรยิ ์และพราหมณ์จําตอ้ งหลกี ใหไ้ กลพ้น เพยี งแตเ่ หยียบเงาเขา้ ก็อับจนเสนยี ด กนิ ต้องสะเดาะเคราะหก์ ันเป็นพธิ ใี หญ่ เพื่อปด๎ จัญไรไปเสียจากตวั แมก้ ระนั้นเขาผู้ ยากจนเหลา่ นั้นกม็ ีอตุ ส่าห์ต่นื ก่อนตะวนั สอ่ งแสง ด้วยต้ังใจคอยแสดงคารวะแกพ่ ระมนุ ี บา้ งปีนตน้ พฤกษาฟง๎ เสยี งพระสงั ข์ บ้างเงยี่ หฟู ง๎ เสียงฆอ้ งกลองอนั ขานบอกเวลาพระ เสด็จ ใชเ้ วลาตามประสายาก ปด๎ กวาดทับกระทอ่ มปก๎ ธงพรอ้ มตามที่มี บ้างมัดใบมะเดอื่ เป็นสายยาวรแี ขวนไว้ ณ ซุ้มประตบู ้าน พร่ําถามกันต้ังแต่วนั วานน้ีวา่ “พระบรมศาสดา ของเราเสด็จมาแล้วหรือยัง เพ่อื นเอ๋ย” พระนางยโสธราเล่ากเ็ ฝาู จบั พระเนตร จอ้ งมองดูหนทางไม่ผดิ อะไรกับผอู้ ่ืน ยงิ่ ตะวัน แผดแสงในตอนสาย พระ พักตรข์ องเธอกค็ ลายสอี ันแดงระเรอ่ื ซีดสลดลงตามลําดับ พระอุระหวน่ั ประว้าว่า พระสวามคี งจะมเิ สด็จมาเสียแลว้ ทันใดนัน้ เอง พระนางทอดพระเนตรเห็นนักบวชผ้หู นึ่ง เดินเด่นมาแต่ไกล เกศาโกน เกลีย้ งเกลา ห้มุ องค์ด้วยภษู าสีเหลือง หตั ถน์ ัน้ อุ้มบาตรดนิ ดําเนินนาํ หน้ามาแตผ่ ู้เดียว สองซา้ ยขวาถัดไปน้นั เป็นพระภกิ ษแุ ตง่ สีเหลอื งดุจกัน แต่องค์ภิกษุ ซง่ึ นาํ หนา้ นัน้ ทา่ ทางควรแก่การเคารพนบอภิวนั ทย์ ่ิงนัก อาการซง่ึ กา้ วเดินกง็ ามสงา่ นา่ ประหลาด เนตร สกุ ใสบริสทุ ธิ์ ปวงชนซง่ึ ถวายของมองตะลงึ ด้วยความพิศวง บ้างก็นั่งงง บ้างกก็ ม้ ลง กราบ บา้ งก็หนา้ เศร้าด้วยไมม่ ขี องถวาย นายไพร่ กระซบิ ถามกันวา่ ใคร ? ใคร ? พระ ฤๅษีน่ีเป็นเทวดาหรอื ? พอพระภกิ ษนุ นั้ ดําเนนิ เข้ามาใกลพ้ ลับพลา พระวิสตู รแพรก็เผยออก ยโสธราเทวี สะดงุ้ ผวาหวดี ร้องวา่ “พระสวามี หม่อมฉนั มาถงึ แล้ว” ฝาุ ยพระเจ้าครองนครกบลิ พัสด์ุ ได้ทรงสดับวา่ พระ ราชโอรสเสด็จมาโดยมิไดท้ รง พาชีอยา่ งขัตตยิ ะ มหิ นาํ ซา้ํ โกนพระเกศาเสยี จนส้นิ สวย ทรงแต่ภษู าเหลืองเกา่ ครํา่ ครา่ บทจรมาดว้ ยบาทเปลา่ มหิ นําซ้ําทรงถอื บาตรรับทานอาหารจากคนยากจนเข็ญใจ ก็ทรง พระพิโรธยง่ิ นกั ความรกั ใครเ่ อน็ ดเู หือดนายไปสิน้ พระองค์ทรงกระทบื พระบาทดงึ พระ มัสสขุ าวอย่างแรง แลว้ ตรสั เรยี กเสนาให้จดั ม้าพระทน่ี ่งั มาถวาย พระพกั ตรน์ ิว่ เสด็จขนึ้ หลังมา้ กระแทกโกลนโดยแรงจนมา้ ถลา แลน่ ประดุจลูกธนูออกจากแล่ง พระองค์ทรงควบไปตามถนน ตรอกซอก ฝงู ชนซึ่งเดินเก้กังขวางหนา้ พากันหลบ วนุ่ วาย วิง่ เตลิดหายบอกกันไม่ทันว่า พระราชาเสดจ็ แลว้ รีบเคารพ นบไหว้เถิดชาวเรา พอเขาพูดไม่ทนั ขาดปาก ม้าก็ว่ิงผา่ นหนา้ เลยไป พระราชาทรงควบใหญ่จนกระทัง่ ถงึ กาํ แพงวัด ซงึ่ มีฝูงชนยืนอยู่แน่นขนดั เหลือทีจ่ ะนบั ได้ ที่ยังหลั่งไหลมาจากสารทศิ ต่างๆ กไ็ ม่มขี าดสาย เขาแหวกทางเปน็ ช่องให้กษตั รยิ ์ เขา้ ไปยังพระพทุ ธองค์ ซึง่ ทรงยนื สงบ นงิ่ แชม่ ช้อยอยแู่ ละทอดพระเนตรดพู ระราชบิดาดว้ ยความกรุณา และสุภาพเรียบร้อย นา่ เคารพ ทนั ใดนัน้ เอง กษัตรยิ ์กห็ ายทรงพระพโิ รธดังปลิดท้งิ พระพักตรค์ ลายความบง้ึ ตึงด้วย ความข้งึ เครียด และไมพ่ อพระทยั ลง พระองค์เสด็จลงจากหลงั ม้าพระทน่ี ง่ั ทรดุ พระองค์ ลงต่าํ แล้วคุกพระชงฆล์ งถวายอญั ชุลแี ด่พระพุทธองคด์ ว้ ย พระทัยสวามิภักดิน์ อบนอ้ ม ความปตี ิสขุ ฉายแสงออกมาให้เห็น อย่างเด่นชัด เพราะทรงตระหนักแน่แล้วในขณะนีว้ ่า พระราชบุตรของพระองคน์ ั้น ทรงพระประเสรฐิ ใหญย่ ่ิงกว่าจักรพรรดทิ งั้ หลาย ฝูงชนซง่ึ ล้อมรอบพระองค์อยู่นั้น ตา่ งกม็ ีอาการสงบนิ่ง ไมม่ ใี ครกลา้ เออ้ื นเอย่ ปากแตอ่ ยา่ งใด กษัตริย์ทรงสงบระงับความต่ืนเตน้ พระทยั ไดแ้ ลว้ ก็ เอือ้ นโอษฐต์ รัสถามว่า
“ลกู รัก พ่อไม่ไดค้ ิดเลยว่า ลูกจะปลอมองค์มาเย่ยี งกระยาจกขอทานฉะนี้ ลูกของพ่อ เมื่อก่อนนีท้ รงพสั ตราภรณ์อนั เพริศแพร้ว ประดับองค์ดว้ ยแก้วมณีมีค่าลา้ํ เพยี งแต่ตบ หัตถ์เทา่ น้นั สารพัดสิง่ จะมาถงึ พระองค์ ลูกเอย ตั้งแต่ลูกจากไป พ่อไม่เคยมีความสขุ เลยแม้แตน่ อ้ ย ทําไมลกู ถึงทง้ิ พ่อไว้ใหโ้ ศกเศร้า ยโสธราเทวขี องลกู ก็เช่นกนั เธอมิเปน็ อนั เสวยและบรรทม เช้าค่าํ ก่นราํ่ ไห้จนพกั ตร์ซดี สลดมวั หมอง การบรรเลงขบั ร้องและ ฟูอนรํา เธอก็มนิ าํ พา เธอเพิ่งมาส้ินทุกข์หมองไหมใ้ นวันที่ลกู มาถึงนเ้ี อง ลูกของพ่อ ทําไมจึงทรงภูษาเหลืองเก่าครา่ํ คร่าและเท่ียวขออาหารจากชาวเมืองดงั น้ีเล่า ลกู รัก ?” พระชนิ สหี ์เจ้าของเราทูลตอบว่า “สกลุ ของหม่อมฉนั เปน็ อย่างนี้เองค่ะ หม่อมฉนั จงึ ต้องทําอย่างน้ีดว้ ย” “อะไรกนั ลกู รกั ลกู เอาทไี่ หนมาพดู วงศศ์ ากยะมีอายุกย็ ืนนานนกั หนาแล้ว พอ่ ไม่ เห็นมใี ครเขาทําดงั น้ีเลย” “สกุลของฉนั ไม่ใช่ศากยะดอก หากเปน็ อริยวงศ์ พระพทุ ธเจา้ ซง่ึ เสด็จมากอ่ น ได้ ทรงกระทําดงั นี้ทกุ พระองค์ หมอ่ มฉันจึงตอ้ งทําอย่างพระพทุ ธองคน์ ้ัน ๆ ดว้ ย กอ็ ย่าง เดยี วกบั ที่ทรงธรรมต้องสวมเกราะ แตง่ เครอื่ งรบครบครนั เยยี่ งกษัตริยแ์ ต่โบราณกาลน่ัน แหละค่ะ พระบดิ าเป็นกษตั ริย์ แตล่ กู เปน็ นักบวช ตอ้ งทําอย่างนักบวชทัง้ หลายผู้ยงั ประโยชน์สุขใหแ้ ก่โลก ลกู ไปคน้ หาแกว้ มณีอันมคี า่ ยง่ิ กวา่ สตั ตรตั นข์ องพระจักรพรรดิ เจ้ามาแลว้ ลูกจะได้แจกจา่ ยใหแ้ กช่ าวโลกทั้ง หลายต่อไป” พระราชาทรงฉงนพระทยั ย่ิงนกั ดว้ ยมไิ ดท้ อดพระเนตรเหน็ ทรพั ย์สมบตั ิใด พระพทุ ธ องค์กเ็ สดจ็ บทจร ทรงจวี รครา่ํ คร่าและมบี าตรดินใบหนึ่งเทา่ นนั้ เอง ตรสั ถามวา่ “สมบตั ิอะไรท่ีไหนกนั ลกู รกั พอ่ ไมเ่ ห็นมสี ่งิ ใดเลย” พระมหาโพธสิ ัตว์ทรงจบั พระกรพระพุทธบดิ าจูงเสดจ็ ดาํ เนินไปตามถนน พลางตรัส เลา่ ให้ฟง๎ ถึงพระจตรุ ารยิ สจั สนั ติปฏปิ ทา อฏั ฐศีลอนั ควรงดเวน้ เสีย เพือ่ จะไดป้ ราศภยั มรรคแปดอนั ควรสนพระทัยและดําเนนิ ตาม ไม่ว่าจะเปน็ กษัตริยห์ รอื ทาสตอ้ ยตํ่า จณั ฑาลเขญ็ ใจปานไร ฉลาด โง่ แก่หรอื อ่อนวยั ปานไหน กพ็ ึงสดบั และปฏบิ ัติตามท้งั สนิ้ เพ่ือ จะไดเ้ ข้าสู่นพิ พานอันพน้ แล้วซงึ่ ปวงทกุ ขแ์ ละการเวยี นวา่ ยในหว้ งมหรรณพของ ทางโลก พระมหากษตั รยิ ไ์ ดส้ ดับก็ชมุ่ ช่นื กมล พระพักตร์หายยน่ ส้นิ ฉงนสนเทห่ ์ เพราะแสง สวา่ งแห่งป๎ญญาไดป้ รากฏแกพ่ ระองคแ์ ล้ว ในราตรนี ้นั เอง พระเจ้าสริ ิสุทโธทนะและ พระศรยี โสธราผู้เปน็ สะใภ้ ก็ทรงสาํ เรจ็ พระปรมตั ถ์ อนั เปน็ ความเกษมศานตไิ มร่ ้จู ักเหอื ด หาย บทท่ี ๘ สง่ิ ท่ีอยคู่ ู่ฟา้ เบ้ืองลา่ งแหง่ ภเู ขาหิมาลัยสงู เย่ยี มตระหงา่ น และสดชน่ื อยูด่ ว้ ยไมอ้ ันเขยี วขจี และ มีดอกอันงดงามหอมหวน เพราะมีนา้ํ หลอ่ เล้ียงอยู่ตลอดปี เปน็ ที่ร่ืนรมยย์ ง่ิ นั้น มีกองศิลา ต่างสปี ระดบั ดว้ ยรัตนะหกั ทบั กนั อยู่ดารดาษ เกอื บทกุ อันมีรอยสลกั ลวดลายอยา่ ง ประณตี บรรจง แตท่ วา่ ลบเลอื นไปบา้ งแล้ว ด้วยความชราของอายุ บางอันกเ็ ป้อื นดนิ แทบจะมองดูเส้นลายไมเ่ หน็ บางอนั กฝ็ ง๎ จมอยู่ในดนิ รากมะเดอ่ื ขึ้นพนั รดั เอาไว้ แน่น หนา ลางอันก็ถกู ไมเ้ ล้ือยข้นึ ปกคลุมยะยุง่ จนไม่มีใครทราบว่ามศี ลิ าอยู่ภายใต้ไม้เล้อื ยอัน เขยี วขจนี ัน้ งูและตุ๊กแก และเหลา่ สัตว์เลอ้ื ยคลานอน่ื ๆ พากนั ออกจากโพรงไมผ้ ุ ๆ ซ่ึง สลักเสลาอยา่ งประณตี อนั แสดงว่าแตก่ อ่ นน้เี คยประกอบข้ึนเป็นท่ปี ระทบั ของกษตั ริย์ พ้ืนปราสาทอันงามและราชอาสน์ กลายเป็นทอ่ี ยขู่ องเหลา่ สนุ ขั จิง้ จอก อันเขา้ ไปขดตวั นอนสบาย ทุกสงิ่ ทกุ อยา่ งล้วนแต่แสดงถึงความไม่เท่ยี งแท้ทง้ั สิน้ เพราะวา่ ซาก ปรักหกั พงั เปน็ ทอ่ี าศยั ของเหล่าจตุบาททวบิ าทและเลอ้ื ย คลาน เหลา่ นี้แหละคอื กรงุ
กบลิ พสั ด์ุ ซ่ึงเคยรงุ่ เรอื ง วะวาบวบั ด้วยแสงแกว้ มณี และเปน็ ทีซ่ ่ึงจอมกษตั รยิ ์เคยประทับ สขุ สบายมาแต่กอ่ น พระพายเทา่ นน้ั ทีย่ ังคงราํ เพยอยเู่ ชน่ เดิม มหาสิขรนิ ทรหมิ าลัยและธารนํา้ เทา่ น้ันท่ี ยงั คงอยู่ บุปผชาตเิ ท่าน้นั กย็ งั คงบานสะพรัง่ และสง่ กล่นิ หอมหวานอย่มู ไิ ด้ขาด ความ จรงิ ในธรรมชาตนิ ้เี ป็นฉนั ใด พระพทุ ธโอวาทกเ็ ปน็ ฉันน้นั คําสง่ั สอนของพระบรมศาสดา ยงั คงอยู่ ไม่ร้จู ักเสอ่ื มสลายหายสูญไปจากโลก พระคมั ภรี เ์ ล่าวา่ ในอดีตสมยั นนั้ พระบิดาและพระประยรู ญาตพิ ากันมาแวดล้อมเฝูา แหนพระพทุ ธองค์ ทรงสดับพระพุทโธวาท แล้วก็ทรงเลื่อมใสศรัทธายง่ิ นกั ท่ีเคยถอื พระองค์ว่าสูงศกั ด์ิ สงู อาวโุ สกวา่ กน็ อบนอ้ มถ่อมกายอย่แู ทบบาทพระผทู้ รงพ้นแลว้ จาก ห้วงทกุ ข์ในโลกทงั้ สิ้น พระศาสดาเสด็จประทบั เทศนา ประทานพระญาตใิ นสวนขวญั อนั เปน็ ทสี่ งัดรม่ เยน็ สร้างเป็นเนินสูงต่าํ หล่นั ลดเป็นช้นั ๆ ก่อต้งั ฐานปูนผสมเป็นภเู ขานอ้ ย ๆ สําหรับปลกู กหุ ลาบหลากสีและมกี ล่ินระร่นื รวย นํ้าพุพวยพุ่งอยู่กลางสวนชวนให้ทัศนา ยง่ิ นกั เหลา่ พระบรมวงศานุวงศ์ได้ทรงสดับพระสัทธรรม กม็ ีหฤทยั เอบิ อาบ ช่มุ ฉ่ําไปด้วย น้ําอมฤตแหง่ ปญ๎ ญา ซ่ึงตอ่ มาก็ยังผลใหช้ าวชมพทู วปี ท้ังหลายได้มกี มลอนั บริสทุ ธิ์ สดใส และเหน็ ทางขา้ งหน้าสวา่ งกระจา่ งไป เพราะมดี วงประทีปแกว้ แหง่ ปญ๎ ญาอย่กู บั ตนแล้ว นกี่ เ็ ป็นทีส่ ุดแหง่ พระประวตั ขิ ององคพ์ ระสมั มาสัมพุทธเจา้ ผยู้ อดย่ิง อนั พระพุทธ ปรีชาญาณและพระวิรยิ ะนัน้ เลิศล้ําหาเปรียบมิได้ พระองคท์ รงสละเสยี ซ่ึงความมอี ํานาจ อันใหญ่ยง่ิ ในทางโลก ดว้ ยพระทัยห้าวหาญ และด้วยทรงหวังจะยังประโยชน์ต่อโลก เพียงอย่างเดียวเทา่ นั้น ข้าพเจา้ เลน่ มาน้กี เ็ พยี งแต่ส่วนนอ้ ย กาลซ่งึ พระพุทธองค์ทรงมพี ระชนม์อย่หู รือก็ ลว่ งเลยมานานแลว้ ข้าพเจ้าเปน็ ผ้มู าทหี ลงั พระศาสดา ได้สดบั แตเ่ สียงพระธรรมลา้ํ เลิศ กม็ ีความบชู าและจงรกั ตอ่ พระองค์ผู้ทรงกรณุ ามนษุ ย์ทัง้ โลก มไิ ดน้ บั ว่าคนชาติใด ช้นั ใด และผวิ ใด อันนเ้ี องเป็นเหตใุ หเ้ กดิ ความอุตสาหะ รจนาเรอ่ื งราวของพระองค์ข้นึ เพอ่ื ให้ เพือ่ นร่วมโลกท้ังหลายไดแ้ จง้ ถงึ พระจริยวตั รอัธยาศยั ของพระมหาบรุ ษุ ผู้ย่งิ ยอด และ ข้าพเจา้ ก็มอิ าจแต่งให้เลยข้อความในพระคัมภรี ไ์ ปได้ พระสทั ธรรมอนั ทรงแสดงไวใ้ น เยน็ วันนัน้ พระพทุ ธองค์ก็ได้ทรงแสดงแกบ่ รรดาผูม้ าประชุมหลายโกฏิพัน รวมทงั้ มนษุ ย์ ใต้หล้า และเทวดาบนสวรรค์ เพราะการปรากฏว่าท้องฟาู ทกุ ชั้นวา่ งเปลา่ ด้วยเหลา่ เทพ เสด็จจากทพิ ยพมิ านสถานลงมาชุมนมุ ฟง๎ โลกเบอื้ งล่างก็เปดิ กรงขงั ให้เหลา่ สัตว์ท่ี ตอ้ ง ทนทกุ ขเวทนาด้วยบาปกรรมซึง่ ตนสร้างมาน้ัน ไดข้ ึน้ มา สดบั เสียงพระธรรมบา้ ง เทพ เจ้าชว่ ยกันยงั ความสงบให้เกดิ ข้ึนทุกพระองค์ พระอาทิตย์ก็มิสอ่ งแสงแผดกลา้ พระวายุ ราํ เพยพัดแต่เพียงเบา ๆ มใิ หเ้ ขาทงั้ หลายต้องตืน่ ตกใจไหวหวาด ฟาู ทเ่ี คยคะนอง กัมปนาทก็หยดุ นิ่ง ทกุ ส่งิ ทร่ี ้ายกลับกลายเปน็ ดไี ป กษัตริย์พราหมณย์ ิ่งใหญก่ ็บังเกดิ ความรกั ใคร่พวกแพศย์ ศทู ร จัณฑาล อันมวี รรณะต่ํากว่าตน อหิงสารษิ ยาพยาบาท ปลาศนาการหายไปสน้ิ ดว้ ยอาํ นาจแห่งรสพระธรรมนน้ั ชาวเราทง้ั หลาย พึงขวนขวายสดบั ซึ่งพระสัทธรรมอนั ลํา้ เลศิ น้ันเถดิ ไมม่ ีส่ิงใดแลว้ ทีจ่ ะประเสรฐิ ไปกวา่ พระพุทธวจนะของพระบรมศาสดา ความสุขสดุ ยอดซึ่งเราทา่ น แสวงหา ก็จะได้ประสบเปน็ มน่ั คง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113