Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore pdf_20230419_190656_0000

pdf_20230419_190656_0000

Published by nonkung080946, 2023-04-19 12:05:04

Description: pdf_20230419_190656_0000

Search

Read the Text Version

จัดทำโดย นาย คุณัชญ์ หุ่นเจริญ ปวส.1/5 เลขที่ 13 E-Mail [email protected]

หน่วยที่ 2 สารละลาย

วัตถุประสงค์ บอกสมบัติของสารละลายอิเล็กโทรไลต์ สารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์ ระบุประเภทของสารอิเล็กโทรไลต์ อธิบายการเปลี่ยนแปลงกรด และเบสเมื่อละลายในน้ำ พร้อมทั้งระบุไอออนที่ทำให้สารละลาย แสดงสมบัติเป็นกรดหรือเบส

ความหมายของสารละลาย สารเนื้อเดียวที่ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งเกิดจากสาร ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป รวมตัวเป็นเนื้อ เดียวกัน ซึ่งสามารถจำแนกแบ่งออกได้ เป็น 3 สถานะคือ คือ สารละลายของแข็ง สารละลายของเหลว และสารละลายแก๊ส

การละลายของสารในตัวทำละลาย สารชนิดเดียวกันละลายในตัวทำละลายต่างชนิดได้แตกต่างกัน คือ 1) สารบางชนิดอาจไม่ละลายน้ำ แต่ละลายในตัวทำละลายชนิดอื่น เช่น ลูกเหม็น เชลแล็ก ไม่ละลายน้ำ แต่ละลายในแอลกอฮอล์ 2) สารบางชนิดอาจละลายได้ในตัวทำละลายหลายชนิด เช่น สีผสมอาหารละลายในน้ำ และละลายในแอลกอฮอล์

การละลายของสารในตัวทำละลาย เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถแบ่งสารออกเป็น 2 ประเภท คือ สารที่ละลายน้ำ และ สารที่ไม่ละลายน้ำ จะเห็นว่าสารต่างชนิดกันละลายน้ำได้ต่างกันถ้าตัวละลายเป็นของแข็ง ละลายในตัวทำละลายที่เป็นของเหลว ตัวละลายจะแพร่ในตัวทำละลาย เมื่อตัวละลาย ละลายหมด จะมองเห็นสารละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีตะกอน เนื่องจากตัวละลายที่เป็น ของแข็งแทรกอยู่ในตัวทำละลาย เช่น การละลายของน้ำตาลในน้ำ การละลายของเกลือ ในน้ำ เป็นต้น ในกรณีที่ตัวละลายไม่ละลายในตัวทำละลาย แสดงว่าตัวละลายไม่สามารถ แทรกตัวในตัวทำละลายชนิดนั้นได้ จึงมองเห็นไม่เป็นเนื้อเดียวกันความรู้เกี่ยวกับการ ละลายของสารในตัวทำละลายต่าง ๆ นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้หลายประการ เช่น สามารถใช้ตัวทำละลายสลายคราบต่าง ๆ ที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าได้ เช่น ใช้แอลกอฮอล์ (เอทานอล) ลบรอยหญ้าหรือรอยหมึกจาง ๆ , น้ำเกลือลบรอยเลือด , น้ำนมลบรอยหมึก หรือ การนำเชลแล็กไปละลายในแอลกอฮอล์ก่อนแล้วจึงนำสารละลายเชลแล็กไปทาไม้หรือ เฟอร์นิเจอร์ เพื่อให้เกิดความสวยงามและรักษาเนื้อไม้ เป็นต้น

ประเภทของสารละลาย สารละลายมีหลายประเภท หากใช้เกณฑ์ในการจำแนก จะแบ่ง สารละลายออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1. จำแนกตามสถานะของสารละลาย แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1.1 ของแข็ง เช่น เหรียญบาท ทองเหลือง นาก 1.2 ของเหลว เช่น สารละลายคอปเปอร์ (II) ซัลเฟต น้ำเชื่อม น้ำ เกลือ 1.3 แก๊ส เช่น แก๊สหุงต้ม อากาศ

ประเภทของสารละลาย 2 . จำแนกตามปริมาณของตัวละลาย แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 2.1 สารละลายอิ่มตัว (Saturated solution) คือ สารละลายที่ตัว ละลายไม่สามารถละลายในตัวทำละลายได้เพิ่มขึ้นอีกเมื่อตัวทำละลายและ อุณหภูมิคงที่ ซึ่งอาจเป็นสารละลายอิ่มตัวพอดี หรือสารละลายอิ่มตัว เหลือเฟือ ถ้าเพิ่มความร้อนให้สารละลายอิ่มตัวเหลือเฟือละลายได้อีก จะได้สารละลายอิ่มตัวยิ่งยวด2 2.2 สารละลายไม่อิ่มตัว (Unsaturated solution) คือ สารละลายที่ตัวละลายยังสามารถละลายในตัวทำละลายได้อีก

ประเภทของสารละลาย 3. จำแนกตามความเข้มข้น แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 3.1 สารละลายเข้มข้น คือ สารละลายที่ประกอบด้วยตัว ละลายปริมาณมาก มีตัวทำละลายปริมาณน้อย 3.2 สารละลายเจือจาง คือ สารละลายที่ประกอบด้วยตัว ละลายปริมาณน้อย มีตัวทำละลายปริมาณมาก

ความเข้มข้นของสารละลาย เป็นค่าที่แสดงให้ทราบถึงปริมาณของตัว ละลายที่มีอยู่ในปริมาณของสารละลาย การ บอกความเข้มข้นของสารละลายในหน่วยร้อย ละ หรือเปอร์เซ็นต์ มี 3 หน่วย

ร้อยละโดยน้ำหนัก(มวล) ร้อยละโดยมวลต่อมวล หรือร้อยละโดยมวล หรือ เปอร์เซ็นต์โดยมวล (มวลต่อมวล) เป็นการบอกมวล ของตัวละลายในสารละลาย 100 กรัม เช่น สารละลายเกลือแกงเข้มข้นร้อยละ 10 โดยมวล หมายความว่า มีเกลือแกงละลายอยู่ 10 กรัม ใน สารละลาย 100 กรัม แสดงว่ามีน้ำเป็นตัวทำละลาย เท่ากับ 90 กรัม เป็นต้น นิยมใช้กับสารละลายที่ทั้ง ตัวละลายและตัวทำละลายเป็นของแข็ง

ร้อยละโดยปริมาตร ร้อยละโดยปริมาตรต่อปริมาตร หรือร้อยละโดยปริมาตร หรือ เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร (ปริมาตรต่อปริมาตร) เป็นการบอก ปริมาตรของตัวละลายที่ละลายในสารละลาย 100 หน่วยปริมาตร เช่น สารละลายแอลกอฮอล์เข้มข้นร้อยละ 25 โดยปริมาตร หมายความว่า มีแอลกอฮอล์ 25 ลูกบาศก์เซนติเมตร ละลายอยู่ ในสารละลาย 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร กรัม แสดงว่ามีน้ำเป็นตัว ทำละลายเท่ากับ 75 ลูกบาศก์เซนติเมตร เป็นต้น นิยมใช้กับ สารละลายที่ทั้งตัวละลายและตัวทำละลายเป็นของเหลว

ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร หรือเปอร์เซ็นต์โดยมวลต่อปริมาตร (มวลต่อปริมาตร) เป็นการบอกมวลของตัวละลายในสารละลาย 100 หน่วยปริมาตร ซึ่งโดยทั่วไปมวลตัวละลายมีหน่วยเป็นกรัม และปริมาตรของสารละลายมีหน่วยเป็นลูกบาศก์เซนติเมตร เช่น น้ำเชื่อมเข้มข้นร้อยละ 15 โดยมวลต่อปริมาตร หมายความว่า มี น้ำตาลทราย 15 กรัม ละลายในสารละลายปริมาตร 100 ลูกบาศก์ เซนติเมตร เป็นต้น นิยมใช้กับสารละลายที่เป็นของเหลวโดยมี ของแข็งเป็นตัวละลาย

สูตรหาความเข้มข้นของสารละลาย

สมบัติบางประการของสารละลาย ตัวทำละลายที่เป็นสารบริสุทธิ์เมื่อเติม ตัวถูกละลายลงไปกลายเป็นสารละลายจะ ทำให้สมบัติของตัวทำละลายเปลี่ยนไป เช่น ความดันไอ จุดเดือด จุดหลอมเหลว สมบัติดังกล่าวของสารละลาย เรียกว่า สมบัติคอลลิเกทีฟ (colligative properties) ซึ่งได้แก่ 1. การเพิ่มขึ้นของจุดเดือด (boiling point elevation) 2. การลดลงของจุดเยือกแข็ง (freezing point depression) 3. การลดลงของความดันไอ (vapor pressure lowering) 4. การเกิดแรงดันออสโมซิส (osmosis pressure)

แหล่งที่มาของข้อมูล https://www.scimath.org/lesson- chemistry/item/7077-solution


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook