ศาสตร์พระราชาเพอื่ การพฒั นาท่ยี ง่ั ยนื กลุ่มเรียนรศู้ าสตร์พระราชาและการพฒั นานวตั กรรม
ศาสตร์พระราชา เทคนิค3เฉพาะ - แก้มลิง 2 - กังหันน้าชยั พัฒนา กระบวนการปฏิบตั ิในงาน หลักการทรงงาน 1 ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง หลักคดิ แก่นของท้งั หมด
“ศกึ ษาข้อมลู อย่างเป็นระบบ” หลกั การทรงงานข้อ 1 หาข้อมูลจาก รอบด้านท้าการบา้ นกอ่ นลงมือปฏบิ ตั ิ การท่ีจะพระราชทานพระราชดาริเพื่อ ดาเนินงานโครงการใดโครงการหนึ่ง นั้น จะทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียด อย่างเป็นระบบจากข้อมูลพื้นฐานใน เบื้องต้นจากเอกสาร แผนที่ สอบถาม จากเจ้าหน้าท่ี นักวิชาการ และ สอบถามจากราษฎรในพ้ืนที่ให้ได้ รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ครบถ้วน เพ่ือท่ีจะพระราชทานความช่วยเหลือ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วตรงความ ต้องการของประชาชน
ศกึ ษาข้อมูลอยา่ งเปน็ การประยกุ ตใ์ ช้ ระบบ • เม่ือจะทางานอะไร • หาข้อ มูลจา กรอ บ ต้ อ ง ศึ ก ษ า ข้ อ มู ล ด้านท้าการบ้านก่อน ทั้งหม ด ทั้ง ระบ บ ลงมอื ปฏบิ ตั ิ และทุกมิติ อย่าดูแต่ ตั ว เ ล ข อ ย่ า ดู แ ต่ เ อ ก ส า ร ใ ห้ ใ ช้ ก า ร ส อ บ ถ า ม บุ ค ค ล ท่ี เกี่ยวข้องเพ่ือให้ได้ ขอ้ มลู ท่ีครบถว้ น
“ระเบิดจากขา้ งใน” หลักการทรงงานข้อ 2 สรา้ งแรงผลักดนั จาก ภายใน สง่ เสริมให้ \"พ่งึ ตนเอง\" พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดช บรมนาถบพิตร ทรงมุ่งเน้นเร่อื งการพัฒนา คน โดยมีพระราชดารัสว่า \"ต้องระเบิดจากข้าง ใน\" น้ันหมายความว่า ต้องมุ่งพัฒนาเพื่อสร้าง ความเข้มแข็งให้คนและครอบครัวในชุมชนที่ เข้าไปพัฒนาให้มีสภาพพร้อมท่ีจะรับการ พัฒนาเสียก่อน แล้วจึงค่อยออกมาสู่สังคม ภายนอก มิใช่การนาเอาความเจริญจากสังคม ภายนอกเข้าไปหาชุมชนและหมู่บ้าน ซึ่งหลาย ชุมชนยังไม่ทันได้มีโอกาสเตรียมตัวหรอื ต้ังตัว จึงไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับกระแสการ เปล่ยี นแปลงและนาไปส่คู วามลม่ สลายได้
ระเบิดจากข้างใน การประยกุ ตใ์ ช้ • สร้างแรงผลักดันจาก • การจะเร่ิมทาอะไรซักอย่างส่ิงที่ ภายใน ส่งเสริมให้ ต้ อ ง ส ร้ า ง ใ ห้ ไ ด้ ก่ อ น คื อ ก า ร \"พึง่ ตนเอง\" สร้างคน เช่น ถ้าจะทางานอะไร คนที่ทาก็ต้องรู้ให้ดีก่อน ไม่ใช่ แค่บอกว่าจะทาแต่ไม่มีใครรู้ว่า ต้องทาอะไร แล้วก็บอกแต่ว่า ต้องทา คนต้องเข้าใจและเห็น คุณค่าในส่ิงทที่ าไม่ใช่ทาตามส่งั ในการทางานน้ันอาจจะต้องคุย หรือประชุมกับลูกน้อง เพ่ือน ร่วมงาน หรือคนในทีมเสียก่อน เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมายและ วธิ กี ารต่อไป
“แก้ปัญหาทจี่ ดุ เลก็ ” หลักการทรงงานขอ้ 3 มองปญั หาจาก ภาพรวม รว่ มกนั แก้จากจดุ เลก็ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเปี่ยมไปด้วยพระอัจฉริยภาพใน การแก้ไขปัญหา ทรงมองปัญหาในภาพรวม (Macro) ก่อนเสมอ แตก่ ารแก้ปัญหาของพระองค์จะทรงเร่มิ จาก จุดเล็ก ๆ (Micro) คือ การแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหน้าท่ีคน มักจะมองข้าม ดังพระราชดารัสความตอนหนึ่งว่า “...ถ้าปวดหวั ก็คิดอะไรไม่ออกเป็นอย่างนั้นต้องแกไ้ ข การปวดหัวนี้ก่อน... มันไม่ได้เป็นการแก้อาการจริง แตต่ อ้ งแกป้ วดหัวกอ่ น เพื่อท่ีจะใหอ้ ยู่ในสภาพที่คิดได้ แบบ (Macro) น้ี เขาจะทาแบบรื้อท้ังหมด ฉันไม่เห็น ด้วย อย่างบ้านคนอยู่ เราบอกบ้านมันผุตรงนั้น ผุตรงน้ี ไมค่ มุ้ ทจ่ี ะซอ่ ม เอาตกลงร้ือบ้านนี้ ระเบิดเลย เราจะไป อยู่ท่ีไหน ไม่มีท่ีอยู่ วิธีทาต้องค่าย ๆ ทา จะไประเบิด หมดไม่ได.้ ..”
แกป้ ัญหาท่ีจดุ เล็ก การประยกุ ตใ์ ช้ • ม อ ง ปั ญ ห า จ า ก • การมองปัญหาให้มองภาพรวมแต่การแก้ไข ภาพรวม ร่วมกันแก้ ปัญหาเราจะพบว่ามีปัญหา มากมายจนไม่รู้ จากจดุ เลก็ จะทาอะไรก่อนมีทั้งปัญหาใหญ่ๆ จนถึง ปัญหาเล็กน้อย ถ้าเราจะแก้ปัญหาใหญ่ก่อน อาจต้องใช้ทรัพยากรมากมาย แต่ถ้าเรา แก้ปัญหาเล็กๆที่มีความสาคัญก่อน ปัญหา ใหญ่ ที่ว่าอาจจะค่อยๆ เล็กลง ในการทางาน น้ันควรมองไปที่เป้าหมายใหญ่ของงานแต่ ละชิ้น แล้วเร่ิมลงมือทาจากจุดเล็กๆ ก่อน ค่อยๆ ทา ค่อยๆ แก้ไปทีละจุด งานแต่ละช้ิน ก็จะลุลวงไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ “ถ้า ปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ก็ต้องแก้ไขการปวด หัวน้ีก่อน มันไม่ได้แก้อาการจริง แต่ต้อง แก้ปัญหาท่ีทาให้เราปวดหัวให้ได้เสียก่อน เพือ่ จะให้อยู่ในสภาพทดี่ ไี ด้
“ทา้ ตามล้าดับขัน้ ” หลักการทรงงานขอ้ 4 เริ่มจากส่ิงทจี่ า้ เปน็ ที่สดุ แลว้ หาจดุ เชอื่ มโยงทา้ เรื่องอ่นื ต่อไป ในการทรงงาน พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถ บพิตร จะทรงเร่ิมต้นจากสิ่งที่จาเป็นของ ประชาชนที่สุดก่อน ได้แก่ งานด้า น สาธารณสุข เพราะเม่ือมีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรงแล้วก็จะสามารถทาประโยชน์ด้าน อื่ น ๆ ต่อ ไ ป ไ ด้ จ า ก น้ั น จ ะ เป็ น เรื่อ ง สาธารณูปโภคขั้นพ้ืนฐานและสิ่งจาเป็นใน การประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้าเพ่ือ การเกษตรและการอุปโภคบริโภค รวมถึง การให้ความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีท่ี เรียบงา่ ย เน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ี ราษฎรสามารถนาไปปฏิบัติได้และเกิด ประโยชนส์ ูงสุด
ทา้ ตามลา้ ดบั ขน้ั การประยกุ ต์ใช้ • เร่ิมจากสิ่งท่ีจ้าเป็น • ในข้อ 3 บอกให้ทาเรื่อง ที่สุด แล้วหาจุดเช่ือม เลก็ ๆก่อนแต่ในข้อน้ีตอ้ ง โยงทา้ เรอ่ื งอ่ืนต่อไป นาปัญหาท้ังหมดมาเรียง ตามลาดับความสาคัญ และลาดับขั้นของการ แก้ปัญหา ทาจากเล็กไป ห า ใ ห ญ่ โ ด ย ต้ อ ง เ รี ย ง ตามลาดับความสาคัญ และลาดับขั้นตอนของ ปญั หา
\"ภูมิสงั คม” หลกั การทรงงานข้อ 5 จะทา้ การพฒั นาใด ตอ้ งใส่ใจ ต้นแบบพืน้ ทปี่ ระเพณี และผคู้ น การพัฒนาใด ๆ ต้องคานึงถึงสภาพภูมิ ประเทศของบริเวณน้ันว่าเป็นอย่างไร และ สังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถ่ิน ที่มีความแตกต่างกัน ดังพระราชดารัสความ ตอนหน่ึงว่า “...การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิ ปร ะ เ ทศ ทา งภู มิศ าส ตร์ แล ะ ภู มิป ระ เ ท ศท า ง สังคมศาสตรใ์ นสังคมวิทยา คือ นิสัยใจคอของคนเรา จะไปบังคับให้คนคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนา เราเข้าไปช่วยโดยที่จะคิดให้เขาเข้ากับเราไม่ได้ แต่ถ้า เราเข้าไปแล้ว เราเข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริง ๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการของการพัฒนาน้ีก็ จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง...\"
ภูมสิ ังคม การประยุกต์ใช้ • จะท้าการพัฒนาใด • ง า น อ ย่ า ง เ ดี ย ว กั น ใ น ต้ อ ง ใ ส่ ใ จ ต้ น แ บ บ สถานการณ์ หรือสถานท่ีท่ี พื้นที่ประเพณี และ ต่างกัน การทางานหรือการ ผู้คน แก้ไขปัญหาอาจไม่เหมือนกัน เราไม่อาจนาวธิ ีการเดยี ว ไปใช้ กับปัญหาทุก ปัญหาได้ ต้อง ศึกษาว่า คนที่ทางานร่วมกับ เราเป็นอย่างไร จะทาอย่างไร เพื่อให้เขาให้ความร่วมมือกับ เราจนงานสาเร็จได้
\"องคร์ วม” หลกั การทรงงานข้อ 6 มองปญั หาอยา่ งครบวงจร แกป้ ญั หาแบบองคร์ วม พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงมีวิธีคิดอย่างองค์รวม (Holistic) ทรงมองส่ิงต่าง ๆ ที่เกิดอย่างเป็นระบบครบ วงจร มองทกุ สิง่ เปน็ พลวัตทท่ี ุกมติ ิเชอ่ื มต่อกัน ในการที่ จะพระราชทานพระราชดาริเกี่ยวกับโครงการหนึ่งน้ัน จะทรงมองเหตุการณ์ท่ีจะเกิดขึ้นและแนวทางแก้ไข อยา่ งเชื่อมโยง ดังเช่น \"ทฤษฎีใหม่\" ที่พระราชทานเป็น แนวทางดาเนนิ ชีวิตแก่ปวงชนชาวไทย อันเป็นแนวทาง ในการประกอบอาชพี ซึ่งพระองคท์ รงมองอยา่ งเปน็ องค์ รวม ตั้งแตก่ ารถอื ครองทด่ี ินโดยเฉล่ียของประชาชนคน ไทยประมาณ 10 - 15 ไร่ การบริหารจัดการที่ดินและ แหล่งน้าอันเป็นปัจจัยพื้นฐานท่ีสาคัญในการประกอบ อาชีพ เม่ือมีน้าในการทาการเกษตรแล้วจะส่งผลให้ ผลผลิตดีขึ้น และหากมีผลผลิตเพิ่มมากข้ึนเกษตรกร จะต้องรู้จักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถึงการ รวมกลุ่มรวมพลังชุมชนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อพร้อมท่ี จะออกสู่การเปล่ียนแปลงของสังคมภายนอกได้อย่าง ครบวงจร นั้นคือแนวทางการดาเนินงานทฤษฎีใหม่ขั้น ที่ 1, 2 และ 3 อย่างองคร์ วม
องค์รวม การประยกุ ตใ์ ช้ • มองปัญหาอย่างครบ • ไม่ทางานแบบแยกส่วน ต้อง วงจร แก้ปัญหาแบบ คดิ ว่าถา้ เราทาแบบนี้ จะเกิดผล องค์รวม ก ร ะ ท บ กั บ ใ ค ร บ้ า ง เ กิ ด อย่างไร จะแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อไม่ให้เ กิดปัญหาใหม่ ตามมา ต้องมองให้ครบท้ัง ร ะ บ บ ค น เ ค ร่ื อ ง มื อ ส่ิงแวดล้อม วัฒนธรรมองค์กร ถ้าเป็นทางด้านสุขภาพ ก็คือ ต้องดู ให้ครบร่างกาย จิตไจ ครอบครวั สังคม เศรษฐานะ
\"ไม่ตดิ ต้ารา” หลกั การทรงงานขอ้ 7 พัฒนาตามสภาพจริง ไมอ่ ิง ตา้ รามากเกินไป หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว มีลักษณะการพัฒนาที่ อนุโลมและรอมชอมกับส ภาพ ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และสภาพ ของสังคมจิตวิทยาของชุมชน เป็น การใช้ตาราอย่างอะลุ่มอล่วยกัน ไม่ ผกู ติดกับวิชาการและเทคโนโลยีที่ไม่ เหมาะสมกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ ทแี่ ทจ้ รงิ คือ \"ไม่ติดตารา\"
ไมต่ ิดต้ารา การประยุกตใ์ ช้ • พั ฒ น า ต า มส ภ า พ • ตีความว่าเป็นเรอ่ื งการคิดนอกกรอบ จริง ไม่อิงต้ารามาก ถ้าเราจะทางานแล้วมีทฤษฎบี อก วา่ เกินไป ตอ้ งทาอย่างไรเพอ่ื ให้ประสบ ความสาเรจ็ แตเ่ ราศกึ ษาแล้วพบวา่ ไม่ เหมาะกบั บริบทของของ เรา เพราะ อาจตอ้ งลงทนุ สูง ใชค้ นมาก ใช้ เคร่อื งมือทีม่ ีราคาแพง เราจาเป็นต้องมี การ ดัดแปลง เพื่อให้เหมาะสมกบั สภาพของเรา โดยยดึ หลักการสาคัญ ของตาราไว้ สว่ นอ่ืน ดัดแปลงตาม บริบทของเรา ไม่ตอ้ งตามตารา ทงั้ หมด เพราะถ้ารอให้ทาตามตาราได้ ทัง้ หมด อาจจะไมไ่ ด้ทาอะไรเลย
“ประหยดั เรียบง่าย ใชป้ ระโยชน์สูงสุด” หลกั การทรงงานข้อ 8 จาก ทอ้ งถิ่น เพื่อท้องถิ่น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดช บรมนาถบพิตร ทรงประหยัดมากแม้เป็นเรือ่ ง ส่วนพระองค์ดังที่ประชาชนชาวไทยเคยเห็นว่า หลอดยาสีพระทนต์น้ันทรงใช้อย่างคุ้มค่าอย่างไร ฉลองพระองค์แต่ละองค์ทรงใช้อยู่เป็นเวลานาน หรือแม้แต่ฉลองพระบาทหากชารุดก็จะส่งซ่อม และใช้อย่างคุ้มค่า ขณะเดียวกันการพัฒนาและ ช่วยเหลือราษฎรทรงใช้หลักในการแก้ไขปัญหา ด้วยความเรียบง่ายและประหยัด ราษฎรสามารถ ทาได้เอง หาได้ในท้องถ่ินและประยุกต์ใช้ส่ิงสิ่งท่ี มีอยู่ในภูมิภาคน้ัน ๆ มาแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้อง ลงทุนสูงหรอื ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ยุ่งยากนัก ดังพระ ราชดารัสความตอนหนึ่งว่า “...ให้ปลูกป่า โดยไม่ ต้องปลูก โดยปล่อยให้ข้ึนเองตามธรรมชาติ จะได้ ประหยัดงบประมาณ...”
ประหยัดเรียบงา่ ย ใช้ การประยกุ ตใ์ ช้ ประโยชน์สูงสดุ • กองงานในพระองค์โดย ท่านผู้หญิง • จ า ก ท้ อ ง ถิ่ น เ พื่ อ บุตรี วีระไวทยะ บอกว่า “ปีหน่ึง ท้องถ่ิน พระองค์ เบิกดินสอ 12 แท่ง เดือน ละ แท่ง ใช้จนกระท่ังกุด ใครอย่าไปทิ้ง ของท่านนะ จะกร้ิวเลย ประหยัดทุก อย่าง เป็นต้นแบบทุกอย่าง ทุกอย่างน้ี มีค่าสาหรับ พระองค์หมด ทุกบาททุก สตางค์จะใช้อย่างระมัดระวัง จะส่ังให้ เราปฏิบัติงาน ด้วยความรอบคอบ” ประหยัดไม่ได้แปลว่าไม่จ่าย ไม่ใช้ แต่หมายถึงใช้อย่างเหมาะสม คุ้มค่า ไม่ฟ่มุ เฟอื ย ไมใ่ ชเ้ กินจาเปน็
\"ทา้ ให้งา่ ย” หลกั การทรงงานข้อ 9 ทา้ เรอื่ งยากให้เปน็ เรื่องงา่ ย ใสใ่ จ ระบบนิเวศ ด้วยพระอัจฉรยิ ภาพและพระปรชี าสามารถใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอ ดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทาให้การคิดค้น ดัดแปลง ปรับปรุงและแก้ไขงานการพัฒนา ประเทศตามแนวพระราชดาริดาเนินไปได้ โดยง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และที่สาคัญคือ สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่และระบบ นิเวศโดยส่วนรวม ตลอดจนสภาพทางสังคม ของชุมชนน้ัน ๆ ทรงโปรดท่ีจะทาสิ่งที่ยาก ใหก้ ลายเปน็ ง่าย ทาสิ่งท่ีสลับซับซ้อนใหเ้ ข้าใจ ง่าย อันเป็นการแก้ปัญหาด้วยการใช้กฎแห่ง ธรรมชาติเปน็ แนวทางน่นั เอง ฉะน้ันคาว่า “ทา ให้ง่าย” จึงเป็นหลักคิดสาคัญของการพัฒนา ป ร ะ เ ท ศ ใ น รู ป แ บ บ ข อ ง โ ค ร ง ก า ร อั น เนือ่ งมาจากพระราชดาริ
ทา้ ใหง้ า่ ย การประยุกตใ์ ช้ • ท้าเร่ืองยากให้เป็น • ทาทุกอย่างให้ง่าย ให้ เร่ืองง่าย ใส่ใจระบบ น้อยเท่าท่ีจาเป็น อย่าคิด นิเวศ มาก อ ย่าคิด ซั บซ้ อ น “ทางสายกลาง”จะ เป็น คานิยามสาหรับตัวเอง ไม่ลาบาก ตัวเอง ไม่ ลาบากคนอ่ืน
\"การมสี ว่ นรว่ ม” หลกั การทรงงานขอ้ 10 แลกเปลย่ี นความคดิ เห็น อยา่ งฉลาด ประชาพิจารณ์ สานสร้างความรว่ มมอื พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรง เป็นนักประชาธิปไตย ทรงเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายท้ัง สาธารณชน ประชาชน หรือเจ้าหน้าท่ีทุกระดับได้เข้า มาร่วมกันแสดงความคิดเห็นและร่วมกันทางาน โครงการพระราชดาริ โดยคานึงถึงความคิดเห็นของ ประชาชนหรือความต้องการของสาธารณชนด้วย สาหรับวิธีการมีส่วนร่วมพระองค์ทรงนา \"ประชา พจิ ารณ์\" มาใช้ในการบริหารจัดการดาเนินงาน ซึ่งเป็น วิธีการที่เรียบง่ายตรงไปตรงมา โดยหากจะทา โ ค ร ง ก า ร ใ ด จ ะ ท ร ง อ ธิ บ า ย ถึ ง ค ว า ม จ า เ ป็ น แ ล ะ ผลกระทบที่เกิดกับประชาชนทุกฝ่าย รวมทั้งผู้นา ชุมชนในท้องถิ่น เมื่อประชาชนในพื้นท่ีเห็นด้วยแล้ว หน่วยราชการต่างๆ ที่เก่ียวข้องและร่วมดาเนินการมี ความพร้อม จึงจะพระราชทานพระราชดาริให้ดาเนิน โครงการนน้ั ๆ ตอ่ ไป
การมสี ว่ นร่วม การประยุกตใ์ ช้ • แ ล ก เ ป ล่ี ย น ค ว า ม • รับฟังความคิดเห็นของ คิ ด เ ห็ น อ ย่ า ง ผ้รู ่วมงาน ฟังใหม้ ากกว่าพูด ฉลาด ประชาพิจารณ์ โดยส่วนตัว คิดว่า หมายถึง ส า น ส ร้ า ง ค ว า ม การระดมสมอง ให้ทุกคนมี ร่วมมอื ส่วนร่วมในงานนั้น ให้ทุก คนรู้สึกเป็นเจ้าของ เม่ือ ความรู้สึกเป็นเจ้าของเกิด ความร่วมมือจะตามมา
\"ประโยชน์ส่วนรวม” หลักการทรงงานขอ้ 11 มุ่งประโยชนข์ อง ประเทศและประชาชน ก า ร ป ฏิ บั ติ พ ร ะ ร า ช ก ร ณี ย กิ จ แ ล ะ ก า ร พระราชทานพระราชดาริในการพัฒนาและ ช่วยเหลือพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงระลึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสาคัญ ดังพระราชดารัสความตอนหน่ึงว่า “...ใครต่อ ใครบอกว่า ขอให้เสยี สละสว่ นตัวเพ่ือสว่ นรวม อันน้ีฟังจนเบ่ือ อาจราคาญด้วยซ้าว่า ใครต่อ ใครมาก็บอกว่าขอให้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม อาจมานึกในใจว่า ให้ ๆ อยเู่ ร่ือยแล้วส่วนตัวจะ ได้อะไร ขอให้คิดว่าคนท่ีให้เพ่ือส่วนรวมน้ัน มิได้ให้แน่ส่วนรวมแต่อย่างเดียว เป็นการให้ เพื่อตัวเองสามารถที่จะมีส่วนรวมที่จะอาศัยได้ ...”
ประโยชน์ส่วนรวม การประยกุ ต์ใช้ • มุ่ ง ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง • บางครงั้ ในการทางานเราอาจ ประเทศและ ต้องทางานมากวา่ คน อืน่ ประชาชน เหนือ่ ยกวา่ คนอืน่ หรอื งานท่ี ไดร้ ับมอบหมายซับซอ้ นและ ยากกวา่ ผู้รว่ มงานอื่นต้องมอง ว่า ถ้าทาแลว้ ทาให้ งานสาเร็จ ได้ กต็ อ้ งทาอย่านกึ แตว่ า่ ทาไม ต้องทางานยาก งานหนกั กว่า คนอน่ื งานประสบ ความสาเรจ็ ตวั เราก็ประสบ ความสาเร็จ
\"บริการรวมจดุ เดียว” หลกั การทรงงานข้อ 12 รว่ มให้บรกิ าร ประชาชน ตน้ แบบความร่วมมือ การบริการรวมท่ีจุดเดียวเป็นรูปแบบการ บริการแบบเบ็ดเสร็จ หรือ One Stop Services ที่เกิดขึ้นเป็นคร้ังแรกในระบบ บริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอ ดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงให้ศูนย์ศึกษา การพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ เป็น ต้นแบบในการบริการรวมท่ีจุดเดียว เพื่อ ประโยชน์ต่อประชาชนที่จะมาขอใช้บริการ จะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย โดยจะมี หน่วยงานราชการต่าง ๆ มาร่วมดาเนินการ และใหบ้ ริการประชาชน ณ ทแี่ หง่ เดียว
บรกิ ารรวมจุดเดยี ว การประยกุ ตใ์ ช้ • ร่ ว ม ใ ห้ บ ริ ก า ร • ส่วนราชการต่างๆ หลายแห่งท่ี ประชาชน ต้นแบบ ให้บริการประชาชน ควรจะมีการ ความรว่ มมือ ให้บริการร่วมกันท้ังในด้านสถานท่ี บคุ ลากร ตลอดจนเครอ่ื งมือเครือ่ งใช้ ต่างๆ ซึ่งจะทาให้ประชาชนได้รับ ความสะดวกสบายในการติดต่อ ราชการกับภาครัฐ เป็นการ ป ร ะ ห ยั ด เ ว ล า แ ล ะ ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ข อ ง ประชาชนและยังเป็นการลดภาระ ค่าใชจ้ า่ ยของภาครัฐไดอ้ ีก
\"ใชธ้ รรมชาติช่วยธรรมชาติ” หลกั การทรงงานข้อ 13 เข้าใจปญั หา รักษาสมดลุ ดว้ ยธรรมชาติ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเขา้ ใจถงึ ธรรมชาติ และตอ้ งการ ใหป้ ระชาชนใกล้ชิดกบั ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรงมอง ปัญหาธรรมชาติอยา่ งละเอยี ด โดยหากเราตอ้ งการ แกไ้ ขธรรมชาตจิ ะตอ้ งใช้ธรรมชาตเิ ขา้ ชว่ ยเหลือ เชน่ การแก้ไขปญั หาป่าเส่ือมโทรม ได้พระราชทาน พระราชดาริ \"การปลูกปา่ โดยไม่ตอ้ งปลกู \" ปล่อยให้ ธรรมชาตชิ ว่ ยในการฟน้ื ฟธู รรมชาติ หรือแมก้ ระทงั่ \"การปลกู ป่า 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อย่าง\" ไดแ้ ก่ ปลกู ไม้เศรษฐกิจ ไม้ผล และไม้ฟนื นอกจากได้ประโยชน์ ตามประเภทของการปลกู แล้วยงั ชว่ ยสร้างความช่มุ ช้นื ให้แก่พืน้ ดินด้วย พระองคจ์ งึ ทรงเขา้ ใจธรรมชาติ และมนุษย์ทอ่ี ยู่อย่างเก้ือกลู กนั ทาใหค้ นอยรู่ ว่ มกบั ป่า ไมไ้ ด้อยา่ งยง่ั ยนื
ใชธ้ รรมชาตชิ ว่ ย การประยกุ ตใ์ ช้ • ธเขร้ารใมจชปาัญติหา รักษา • ในการใชช้ วี ิตประจาวัน สมดุลดว้ ยธรรมชาติ จะตอ้ งทาความเขา้ ใจกบั ธรรมชาติรอบตวั ทุกๆอยา่ ง ไม่ใชแ่ คต่ ้นไม้ ดอกไม้ ตอ้ ง เขา้ ใจถงึ ระบบนิเวศนด์ ้วย เพอื่ ทีจ่ ะนาระบบนเิ วศน์เขา้ มา ช่วยเหลอื หรือแกไ้ ข ปญั หา เชน่ เลยี้ งปลาหางนกยงู เพื่อ กาจัดลกู น้า ไม่ให้เตบิ โตเปน็ ยุง พาหะของเชอื้ โรค หรือการ บาบดั นา้ เน่าเสียโดย ผกั ตบชวา
\"ใชอ้ ธรรม ปราบอธรรม” หลกั การทรงงานขอ้ 14 นา้ กฎเกณฑข์ อง ธรรมชาตมิ าแกป้ ัญหา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงนา ความจริงในเรื่องความเป็นไปแห่ง ธรรมชาติ และกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ มาเป็นหลักการ แนวปฏิบัติที่สาคัญใน การแก้ปัญหาและปรับปรุงเปลี่ยนแปลง สภาวะท่ีไม่ปกติ เข้าสู่ระบบท่ีเป็นปกติ เช่น การนาน้าดี ขับไล่น้าเสีย เป็นการ เจือจางน้าเสียให้กลับเป็นน้าดี ตาม จังหวะการขึ้นลงตามธรรมชาตขิ องน้า
ใชอ้ ธรรม ปราบ การประยุกตใ์ ช้ อธรรม • ทุกอย่างในโลกนี้มีดีเสมอ • น้ า ก ฎ เ ก ณ ฑ์ ข อ ง ขึ้นกับ การมองของคนเรา ธ ร ร ม ช า ติ ม า บางครั้งเร่ืองหรือเหตุการณ์ที่ แกป้ ัญหา ไม่ดี ก็จะมีแง่ดีหรือประโยชน์ ในเรื่องนั้นเสมอ คนบางคนท่ี เราคิดว่าไม่ดี มีข้อเสียเยอะ ถ้า เรามองต่างมุม ข้อเสียของเขา เราอาจนามาใช้ ประโยชน์ได้ ถ้ารูจ้ ักคิด รจู้ ักมอง
\"ปลูกปา่ ในใจคน” หลกั การทรงงานขอ้ 15 ฟนื้ ฟธู รรมชาตใิ ห้ กลบั คนื มา ดว้ ยการปลกู จติ สา้ นกึ รักป่าในใจของคน เป็นการปลูกป่าลงบนแผ่นดินด้วยความต้องการอยู่ รอดของมนุษย์ ทาให้ต้องมีการบริโภคและใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างส้ินเปลือง เพ่ือประโยชน์ ของตนเองและความเสียหายให้แก่ส่ิงแวดล้อม ดังน้ันการที่จะฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้กลับคืน มาจะต้องปลูกจิตสานึกในการรักผืนป่าให้แก่คน เสียก่อน ดังพระราชดารัสในพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กับ เจ้าหน้าท่ีท่ีเฝ้ารับเสด็จฯ เมื่อคราวเสด็จพระราช ดาเนินไปหน่วยงานต้นน้าพัฒนาทุ่งจือ จังหวัด เชียงใหม่ ปี 2514 ความตอนหนึ่งว่า “...เจ้าหน้าท่ีป่า ไม้ควรจะปลูกต้นไม้ ลงในใจคนเสียก่อนแล้วคน เหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดินและ รักษาต้นไม้ดว้ ยตนเอง...”
ปลูกปา่ ในใจคน การประยกุ ต์ใช้ • ฟ้ืนฟูธรรมชาติให้ • การทาอะไรต้องเร่ิมจาก กลับคืนมา ด้วยการ ใจที่อยากทาก่อน ปลูก ปลูกจิตส้านึกรักป่าใน จิตสานึกก่อน ต้องให้ ใจของคน เห็นคุณค่าเห็นประโยชน์ กับส่ิงท่ีจะทาถ้าใจไม่รัก ไ ม่ เ ห็ น คุ ณ ค่ า ก็ ไ ม่ ประสบความสาเร็จ
\"ขาดทุนคอื กา้ ไร” หลกั การทรงงานขอ้ 16 การลงทุนคอื งบประมาณ คือการให้ผลก้าไร คอื ประชาชนอยู่ดกี นิ ดี “...ขาดทุน คือ กาไร Our loss is our gain การเสีย คือ การได้ ประเทศชาติก็จะ กา้ วหนา้ และการท่ีคนอยู่ดีมีสุข เป็นการนับ ที่เป็นมูลค่าเงินไม่ได้...” จากพระราชดารัส ดังกล่าว คือหลักการ ในพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรม นาถบพิตร ที่มีต่อพสกนิกรไทย “การให้” และ “การเสียสละ” เป็นการกระทาอันมีผล เป็นกาไร คือความอยู่ดีมีสุขของราษฎร ซ่ึง สามารถสะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน ได้
ขาดทุนคือกา้ ไร การประยกุ ตใ์ ช้ • ก า ร ล ง ทุ น คื อ • อย่ามองท่ีกาไรขาดทุนที่ งบประมาณ คือการ เป็นตัวเงินมากจนเกินไป ใ ห้ ผ ล ก้ า ไ ร คื อ บางครั้งเราได้กาไรจากการ ประชาชนอยดู่ ีกนิ ดี ขาดทุน ลงทุนมหาศาล ได้ ธรรมชาติกลับคนื มา ลงทุน มหาศาล ไดล้ ูกคนื มา ลงทุน มหาศาล ได้คนดีๆ กลับมา ลงทุนมหาศาล ไดค้ วามรู้ไว้ คอยช่วยเหลอื
\"การพึง่ ตนเอง” หลกั การทรงงานข้อ 17 พฒั นาคนให้เขม้ แข็ง เพอ่ื มีแรงพง่ึ ตนเอง การพัฒนาตามแนวพระราชดาริ ในเบ้ืองต้นเป็น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้ประชาชนมี ความแข็งแรง พอท่ีจะดารงชีวิตต่อไป แล้วข้ัน ต่อไปก็คือการพัฒนาให้ประชาชนสามารถอยู่ใน สังคมได้ตามสภาพแวดล้อม และสามารถ “พ่ึงตนเองได้” ในท่ีสุด ดังพระราชดารัสใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดชบรมนาถบพติ ร ตอนหน่งึ ว่า “...การช่วยเหลือ สนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพและ ต้ังตัวให้มีความพอกินพอใช้ ก่อนอ่ืนเป็นส่ิง สาคัญย่ิงยวดเพราะผู้มีอาชีพ และฐานะเพียง พอที่จะพึ่งพาตนเองได้ ย่อมสามารถสร้างความ เจรญิ ในระดับสูงขน้ั ตอ่ ไป...”
การพ่ึงตนเอง การประยุกต์ใช้ • พัฒนาคนให้เข้มแข็ง • พ่อสอนให้เราจับปลาให้ เพ่อื มแี รงพง่ึ ตนเอง เป็นด้วยตัวของเราเอง พ่อ ไม่ได้หาปลาให้เรา เพราะ การหาปลามาให้เราจะไม่ สามารถดารงชีวิตอย่ไู ด้ด้วย ตัวของเราเองเราจะต้องเป็น ทาสของคนอน่ื ตลอดไป
\"พออยูพ่ อกนิ ” หลักการทรงงานขอ้ 18 ช่วยคนใหพ้ น้ ทุกข์ มี ความสุขตามอัตภาพ การพัฒนาเพ่ือให้พสกนิกรทั้งหลายประสบ ความสุขสมบูรณ์ในชีวิตได้เริ่มจากการเสด็จ พระราชดาเนินไปทรงเย่ียมราษฎรในทุกภาค ของประเทศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ได้ ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ด้วยพระองค์เอง จึงทรงสามารถเข้าพระราชหฤทัยในสภาพ ปัญหาได้อย่างลึกซ้ึงว่ามีเหตุผลมากมายท่ีทา ให้ราษฎรตกอย่ใู นวงจรแห่งทุกขเ์ ข็ญ จากนั้น ได้พระราชทานความช่วยเหลือให้พสกนิกร มี ความกินดอี ยู่ดี มีชวี ติ อยใู่ นขน้ั “พออยพู่ อกิน” ก่อน แล้วจึงขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะท่ี กา้ วหนา้ ตอ่ ไป
พออย่พู อกิน การประยกุ ตใ์ ช้ • ช่วยคนให้พ้นทกุ ข์ มี • ใช้ชีวิตโดยพิจารณาถึง ความสุขตามอตั ภาพ ความเป็นอยู่ของตนเองว่า แค่ไหนถึงเพียงพอ และทา เทา่ ท่ใี ช้ เทา่ ที่กนิ เชน่ ทานา ทาเพ่ือกินให้พอ แต่หาก เหลือจากกินคอ่ ยขาย เพราะ ทามากอาจจะก่อหนี้สินมาก ขนึ้
\"เศรษฐกิจพอเพยี ง” หลกั การทรงงานขอ้ 19 เดนิ บนทางสายกลาง เพือ่ ความสมดลุ และยั่งยืน \"เศรษฐกิจพอเพียง\" เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดารัสชี้แนะแนวทางการ ดาเนนิ ชีวิต ใหด้ าเนินไปบน \"ทางสายกลาง\" และเม่ือภายหลังได้ทรงย้าแนว ทางการแก้ไข เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดารงอยู่ได้อย่างม่ันคงและยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ปรัชญาของ \"เศรษฐกิจพอเพยี ง“ เปน็ ปรชั ญาช้ถี งึ แนวทางการดารงอยู่และปฏิบัติตนของ ประชาชนในทุกระดับ ต้ังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ในการพัฒนาและบริหารให้ดาเนินไปในทางสายกลาง เพ่ือให้ก้าวทันต่อ โลกยุคโลกาภิวตั น์ \"ความพอเพียง\" หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุ มีผล รวมถึงความจาเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อ การมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทงั้ นี้จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการนา วิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผน และการดาเนินการทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะ เจา้ หนา้ ท่ขี องรัฐ นักทฤษฎี และนักธรุ กิจในทกุ ระดับใหม้ ีสานึกในคุณธรรม และความซื่อสตั ย์สจุ รติ ดาเนินชวี ติ ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลง ตา่ ง ๆ อย่างรวดเรว็ และกว้างขวาง ท้ังดา้ นวตั ถุ สงั คม ส่ิงแวดล้อม
เศรษฐกจิ พอเพยี ง การประยุกตใ์ ช้ • เดินบนทางสายกลาง • การเดินทางสายกลางและ เพื่อความสมดุลและ ใชช้ วี ติ ตามกาลงั ทรัพย์ ยงั่ ยืน อยา่ งมีเหตุผล รอบคอบ ซ่ือสตั ย์ รู้จักแบ่งปัน เพอื่ ให้ ครอบครวั และสงั คมดขี ้ึน
\"ความซอ่ื สตั ย์ สุจริต จรงิ ใจต่อกัน” หลักการทรงงานข้อ 20 ลงมือ ปฏิบตั ดิ ว้ ยความบริสทุ ธิ์ใจ สุจริตจรงิ ใจในทุกการกระทา้ “...คนท่ีไม่มีความสุจริต คนที่ไม่มีความม่ันคง ชอบแต่มักง่าย ไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ ส่วนรวมที่สาคัญอันใดได้ ผู้ที่มีความสุจริตและ ความมุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะทางานสาคัญ ยิ่งใหญ่ที่ เป็นคุณ เป็นประโยชน์แท้จริงได้สาเร็จ...” พระ ราชดารสั ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร เมื่อวันท่ี 12 กรกฎาคม 2522 “...ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ ใจ แม้จะมีความรู้น้อยก็ย่อมทาประโยชน์ให้แก่ ส่วนรวมได้ มากกว่าผู้มีความรู้มากแต่ไม่มีความ สุจริต ไม่มีความบริสุทธิ์ใจ...” พระราชดารัสใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดช บรมนาถบพติ ร เมอื่ วันที่ 18 มนี าคม 2533
ความซื่อสัตย์ สจุ รติ การประยุกตใ์ ช้ จรงิ ใจตอ่ กนั • ผู้ ท่ี มี ค ว า ม สุ จ ริ ต แ ล ะ • ล ง มื อ ป ฏิ บั ติ ด้ ว ย บริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้ ค ว า ม บ ริ สุ ท ธ์ิ ใ จ น้อย ก็ย่อมทาประโยชน์ สุจรติ จริงใจในทุกการ ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้ กระท้า ท่ีมีความรู้มาก แต่ไม่มี คว า ม สุจ ริต ไ ม่ มี คว า ม บรสิ ุทธใ์ิ จ
\"ทา้ งานอย่างมคี วามสุข” หลักการทรงงานข้อ 21 มคี วามสุข ร่วมกนั ในการทา้ ประโยชนเ์ พ่อื ส่วนรวม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระ เกษมสาราญ และทรงมีความสุขทุกครา ท่ีจะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเคยมีพระ ร า ช ด า รั ส ค รั้ ง ห น่ึ ง ค ว า ม ว่ า “...ทางานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกัน ในการ ทาประโยชนใ์ ห้กับผู้อน่ื ...”
ทา้ งานอยา่ งมคี วามสุข การประยกุ ตใ์ ช้ • มีความสุขร่วมกันใน • รักในงานท่ีทา ถึงแม้มันจะ การท้าประโยชน์เพ่ือ ไม่ใช่งานท่ีอยากทา แต่ถ้า ส่วนรวม เรารักงานที่ทา จะทาให้ ทางานอย่างมีความสุขและ เกิดประโยชน์ ต่อคนรอบ ขา้ ง
\"ความเพยี ร” หลักการทรงงานข้อ 22 ลม้ แล้วลุกใหม่ ท้าใหม่ ไม่ ทอ้ ถอยความสา้ เร็จย่อมคอยอยู่ข้างหน้า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงริเริ่มดาเนินงานโครงการต่าง ๆ ในระยะแรกที่ไม่ได้มีความพร้อมในการดาเนินงาน มากนกั และทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ทั้งส้ิน แต่พระองค์ก็มิได้ท้อพระราชหฤทัย ทรงอดทนและ มุ่งม่ันดาเนินงานนั้น ๆ ใหส้ าเร็จลุล่วงดังเช่นพระราช นิพนธ์ \"พระมหาชนก\" ซึ่งพระองค์ทรงใช้เวลา ค่อนข้างนานในการคิดประดิษฐ์ถ้อยคาให้เข้าใจง่าย และปรับเปลี่ยนใหเ้ ข้ากับสภาพสังคมปัจจุบัน เพื่อให้ ประชาชนชาวไทยปฏิบัติตามรอยพระมหาชนก กษัตริย์ผู้เพียรพยายามแม้จะไม่เห็นฝ่ังก็จะว่ายน้า ต่อไป เพราะถ้าไม่เพียรว่ายก็จะตกเป็นอาหารปู ปลา และไม่ได้พบกบั เทวดาท่ีช่วยเหลอื มิใหจ้ มนา้
ความเพียร การประยุกต์ใช้ • ล้มแล้วลุกใหม่ ท้า • การเรม่ิ ตน้ ทางานหรอื ทาส่ิง ใ ห ม่ ไ ม่ ท้ อ ถ อ ย ใดน้ันอาจจะไม่ได้มีความ ความส้าเร็จย่อมคอย พ ร้อ ม ต้ อ ง อ า ศั ย คว า ม อยู่ขา้ งหน้า อดทนและความมุ่งมนั่
Search