Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อาหาร 5 หมู่ ประโยชน์ของอาหาร 5 หมู่

อาหาร 5 หมู่ ประโยชน์ของอาหาร 5 หมู่

Published by Taddaow06, 2017-07-04 22:53:16

Description: อาหาร 5 หมู่ ประโยชน์ของอาหาร 5 หมู่

Search

Read the Text Version

5/7/2560 อาหาร 5 หมู่ ประโยชน์ของอาหาร 5 หมู่ นางสาวทดั ดาว ด่านดอน วทิ ยาลยั อาชีวศึกษานครราชสีมา

อาหารหลกั 5 หมู่ : ประโยชนข์ องอาหาร 5 หมู่ รวม 38 ขอ้อาหารหลกั 5 หมู่ อาหาร หมายถึง สิ่งที่เรารับประทานเขา้ ไปแลว้ มีประโยชน์ต่อร่างกายในดา้ นต่าง ๆ ไม่ทาให้เกิดโทษ เช่น ขา้ ว แป้ ง ผกั ผลไม้ นม เน้ือสตั ว์ ฯลฯ (ยกเวน้ ยารักษาโรค) อาหารชนิดตา่ ง ๆ ท่ีเรารับประทานเขา้ไปในร่างกายลว้ นแต่เป็ นปัจจยั หน่ึงที่จาเป็ นอย่างมากต่อชีวิต เม่ือร่างกายย่อยแลว้ ก็จะให้ประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ดา้ น เช่น ช่วยทาใหร้ ่างกายเจริญเติบโต ช่วยสร้างกลา้ มเน้ือ สมอง กระดูก และผิวหนงัช่วยใหพ้ ลงั งานและความอบอุ่นแก่ร่างกายในการทากิจกรรมต่าง ๆ ช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ที่สึกหรอของร่างกาย ทาให้การทางานของอวยั วะภายในร่างกายเป็ นปกติ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุม้ กนั ให้แก่ร่างกายในการตา้ นทานโรคต่าง ๆ ทาใหเ้ ราไมเ่ จบ็ ไมป่ ่ วยไดง้ ่าย ๆ เป็นตน้ อาหารหลกั 5 หมู่ คือ อาหารท่ีร่างกายตอ้ งการในแต่ละวนั รวม 5 ชนิด โดยสารอาหารที่เหมือนกนัจะถูกจดั อยใู่ นหมวดหมู่เดียวกนั และร่างกายของคนเราก็ตอ้ งการสารอาหารให้ครบท้งั 5 หมู่ หรือ 5 ชนิดในแต่ละวนั เพราะไม่มีอาหารชนิดใดชนิดหน่ึงท่ีสามารถจะให้สารอาหารไดค้ รบท้งั 5 หมู่ โดยเราสามารถแบ่งอาหารออกเป็นหม่หู ลกั ๆ ได้ 5 หมู่ ไดแ้ ก่  หมทู่ ี่ 1 โปรตีน (เน้ือสตั ว์ ไข่ นม ถวั่ )  หมู่ท่ี 2 คาร์โบไฮเดรต (ขา้ ว แป้ ง น้าตาล เผือก มนั )  หมทู่ ่ี 3 เกลือแร่หรือแร่ธาตุ (พืชผกั )  หมทู่ ่ี 4 วติ ามิน (ผลไม)้  หมทู่ ี่ 5 ไขมนั (ไขมนั จากพชื และสตั ว)์โปรตนี โปรตีน คือ อาหารหลกั หม่ทู ่ี 1 ท่ีประกอบไปดว้ ยเน้ือสตั ว์ นม ไข่ ถวั่ เมล็ดแหง้ ตา่ ง ๆ และยงั รวมไปถึงจุลินทรีย์ เช่น ยสี ต์ สาหร่าย เห็ด หนอน แมลงที่กินไดก้ ็ลว้ นแต่เป็ นแหล่งของโปรตีนที่ดีเช่นกนั โปรตีนเป็ นส่วนประกอบหลกั ของทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย และเป็ นสารอาหารชนิดหน่ึงท่ีร่างกายจะขาดไม่ได้ ถา้นาเอาโปรตีนมาวิเคราะห์ทางเคมี ก็จะพบวา่ โปรตีนประกอบไปดว้ ยสารเคมีจาพวกหน่ึงท่ีเรียกวา่ กรดอะมิโน (ถา้ ไม่มีกรดอะมิโนก็จะไม่มีโปรตีน) ซ่ึงกรดอะมิโนสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 พวก คือ กรดอะมิโนจาเป็ น (ร่างกายไม่สามารถสร้างข้ึนเองได้ จาเป็ นตอ้ งไดร้ ับจากการรับประทานอาหารต่าง ๆ) และกรดอะมิโนไม่จาเป็ น (ร่างกายสร้างข้ึนเองได)้ จึงถือไดว้ า่ อาหารหมู่น้ีเป็ นอาหารหลกั ท่ีสาคญั ในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย อาหารหมู่น้ีเมื่อร่างกายย่อยแลว้ จะให้สารอาหารประเภทโปรตีน ประโยชน์ของโปรตีน มีดงั น้ี

1. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย ซ่ึงโปรตีนจะถูกนาไปสร้างกลา้ มเน้ือ กระดูก เลือด เมด็ เลือด ผวิ หนงั น้ายอ่ ย ฮอร์โมน น้านม รวมไปถึงการสร้างภูมิตา้ นทานเช้ือโรคต่าง ๆ 2. ทาใหร้ ่างกายแขง็ แรง มีภมู ิตา้ นทานโรค 3. ช่วยซ่อมแซมส่วนท่ีสึกหรอของร่างกาย เช่น แผลตา่ ง ๆ หรือจากอาการเจบ็ ป่ วย เป็นตน้ 4. ช่วยสร้างเซลลแ์ ละเน้ือเยอื่ ต่าง ๆ ของร่างกาย 5. ให้พลงั งานแก่ร่างกาย ในกรณีทีร่างกายขาดพลงั งาน (โปรตีน 1 กรัม จะให้พลงั งาน 4 แคลอรี่) แต่ อยา่ งไรก็ตาม ถา้ ร่างกายไดร้ ับพลงั งานจากคาร์โบไฮเดรตและจากไขมนั เพียงพอแลว้ ก็จะสงวน โปรตีนไวใ้ นหนา้ ที่อื่น 6. ช่วยควบคุมการทางานของอวยั วะต่าง ๆ ภายในร่างกาย และทาให้อวยั วะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ทางานไดอ้ ยา่ งเป็นปกติ เช่น การช่วยรักษาสมดุลของน้าตาลในเลือด เน้ือเยอ่ื เซลลต์ า่ ง ๆ ช่วยรักษา ปริมาณน้าในเซลลแ์ ละหลอดเลือดใหอ้ ยใู่ นระดบั ที่พอเหมาะ (ถา้ ร่างกายขาดโปรตีน น้าจะเล็กลอด ออกจากเซลล์และหลอดเลือดจนเกิดอาการบวม) รวมไปถึงยงั ช่วยรักษาสมดุลกรดด่างของร่างกาย ซ่ึงมีความสาคญั ตอ่ ปฏิกิริยาตา่ ง ๆ ภายในร่างกาย เป็นตน้ 7. หากร่างกายไดร้ ับโปรตีนท่ีมีคุณภาพซ่ึงเป็ นส่วนประกอบของเอนไซมใ์ นปริมาณท่ีเพียงพอ ก็จะ ช่วยทาใหอ้ าหารต่าง ๆ ถูกยอ่ ยและดูดซึมเขา้ สู่ร่างกายไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 8. โปรตีนคุณภาพมีส่วนช่วยในการทดแทนเซลลท์ ่ีสูญเสียไปไดใ้ นแต่ละวนั และยงั ช่วยลดกลไกการ แขง็ ตวั ของเลือด รวมท้งั ยงั เป็นส่วนประกอบหลกั ของภูมิคุม้ กนั ของร่างกายอีกดว้ ย 9. กลา้ มเน้ือทุกมดั จะมีโครงสร้างพ้ืนฐานมาจากกรดอะมิโนหลายชนิดที่เรียงร้อยกนั เป็ นมดั กลา้ ม ดงั น้นั โปรตีนคุณภาพจึงมีความสาคญั ตอ่ การสร้างกลา้ มเน้ือใหแ้ ขง็ แรง 10. ช่วยกระตุน้ การผลิตกลูโคส จากน้นั กลูโคสจะเดินทางไปที่ตบั และทาให้ร่างกายของเรารู้สึกอิ่ม ก่อนร่างกายจะส่งสัญญาณไปยงั สมองวา่ หยดุ รับประทานอาหารไดแ้ ลว้ 11. ในดา้ นประโยชน์ต่อเซลล์ผิว พบวา่ โปรตีนมีหน้าที่ช่วยสร้างใยคอลลาเจนใตผ้ ิวหนงั ทาให้ผิวมี ความยืดหยุน่ ช่วยเช่ือมประสาทแต่ละเซลลใ์ ห้ยึดติดกนั เป็ นเน้ือเดียว อีกท้งั ยงั ช่วยป้ องกนั ริ้วรอย ก่อนวยั เพ่ิมความแขง็ แรงของเซลลผ์ มและเลบ็ ของเราไดอ้ ีกดว้ ยข้อควรรู้เกยี่ วกบั โปรตีน  โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตต่างก็มีปริมาณแคลอร่ีต่อกรัมในปริมาณที่เท่ากนั เพราะฉะน้ันการ รับประทานโปรตีนก็ทาใหอ้ ว้ นไดเ้ หมือนกนั  เราไม่สามารถรับประทานไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตเพ่ือทดแทนโปรตีนได้ เนื่องจากไม่มี ไนโตรเจนเป็นองคป์ ระกอบ

 การพิจารณาถึงคุณค่าของอาหารท่ีให้โปรตีน ตอ้ งคานึงถึงท้งั ปริมาณ (มีโปรตีนมากนอ้ ยเพียงใด) และคุณภาพ (มีกรดอะมิโนจาเป็ นครบถ้วนหรือไม่) ซ่ึงโปรตีนจากนมและไข่ถือว่ามีคุณค่าทาง โภชนาการยอดเยย่ี ม เนื่องจากมีกรดอะมิโนครบถว้ น ส่วนโปรตีนท่ีไดจ้ ากพืชจะมีปริมาณต่ากวา่ โปรตีนท่ีได้จากเน้ือสัตว์และไข่ อีกท้งั ยงั มีความบกพร่องในกรดอะมิโนจาเป็ นบางชนิด เช่น ขา้ วโพดขาดไลซีนและทริปโตเฟน ขา้ วขาดไลซีนและทรีโอนีน ส่วนถว่ั มีปริมาณโปรตีนสูงมาก แต่ตะมีระดบั เมทไทโอนีต่า อยา่ งน้ีเป็ นตน้ แต่อยา่ งไรก็ตามโปรตีนท่ีไดจ้ ากพืชก็ยงั มีความสาคญั เพราะมีราคาที่ถูกกวา่ และเป็นอาหารหลกั ของประชาชนในประเทศที่กาลงั พฒั นา ความตอ้ งการของโปรตีนข้ึนอยูก่ บั ปัจจยั 2 ประการ คือ 1.อาหารที่กินมีปริมาณและคุณภาพของ โปรตีน 2.ตวั ผูก้ ินมีอายุเท่าไหร่ ต้งั ครรภห์ รือให้นมบุตรหรือไม่ มีอาการเจ็บป่ วยหรือเปล่า และ ความตอ้ งการของโปรตีนจะลดลงตามอายุ เช่น เด็กแรกเกิดตอ้ งการโปรตีนประมาณ 2.2 กรัมต่อ น้าหนักตวั หน่ึงกิโลกรัม และความต้องการจะลดลงเร่ือย ๆ จนถึงอายุ 19 ข้ึนไป ก็จะต้องการ โปรตีนเพียง 0.8 กรัมต่อน้าหนกั ตวั หน่ึงกิโลกรัม ส่วนผใู้ หญ่แมว้ า่ จะเจริญเติบโตแลว้ แต่ร่างกายก็ ยงั ต้องการโปรตีนไวเ้ พื่อซ่อมแซมส่วนท่ีสึกหรอของร่างกาย แต่สาหรับหญิงต้ังครรภ์น้ันจะ ตอ้ งการโปรตีนเพิ่มมากข้ึนอีกวนั ละ 30 กรัม และหญิงใหน้ มบุตรจะตอ้ งการโปรตีนเพ่ิมวนั ละ 20 กรัม เป็นตน้

คาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรต คือ อาหารหลกั หมู่ท่ี 2 ท่ีประกอบไปดว้ ยขา้ ว แป้ ง น้าตาล เผอื ก มนั ฯลฯ รวมไปถึงผลิตภณั ฑท์ ่ีทาจากขา้ ว แป้ ง ประโยชนข์ องคาร์โบไฮเดรต มีดงั น้ี 1. ช่วยให้พลงั งานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทาให้ร่างกายสามารถเคล่ือนไหวเพ่ือทางานหรือประ กอบกิจกรรมต่าง ๆ ได้ (โดยพลงั งานที่ไดจ้ ากอาหารหมู่น้ีส่วนใหญ่แลว้ จะถูกใชใ้ ห้หมดไปในแต่ ละวนั เช่น การเดิน การวง่ิ ทางาน การออกกาลงั กายตา่ ง ๆ) (คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม จะใหพ้ ลงั งาน 4 แคลอรี่ และคาร์โบไฮเดรตเป็ นสารอาหารที่ให้พลงั งานไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 50 ของแคลอรี่ท้งั หมดท่ี ไดร้ ับต่อวนั หรืออาจสูงถึงร้อยละ 80 เลยทีเดียว) 2. คาร์โบไฮเดรตมีความจาเป็ นต่อการเผาผลาญไขมนั ในร่างกายให้เป็ นปกติ เพราะถา้ ร่างกายไดร้ ับ คาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอ จะเผาผลาญไขมนั เป็ นกาลงั งานมากข้ึน ทาให้เกิดสารประเภทคีโทนมา คง่ั ซ่ึงจะก่อใหเ้ กิดอนั ตรายต่อร่างกายได้ 3. ช่วยสงวนคุณค่าของโปรตีนไวไ้ ม่ให้เผาผลาญเป็ นพลงั งาน ถา้ ไดพ้ ลงั งานจากคาร์โบไฮเดรตอย่าง เพียงพอแลว้ เพือ่ ใหร้ ่างกายนาโปรตีนไปใชใ้ นทางท่ีเป็นประโยชนม์ ากที่สุด 4. การทางานของสมองจะตอ้ งพ่ึงกลูโคส (glucose) ซ่ึงเป็นตวั ใหพ้ ลงั งานท่ีสาคญั 5. กรดกลูคูโรนิก (glucuronic acid) (อนุพนั ธ์ของกลูโคส) มีหนา้ ท่ีเปล่ียนสารพิษท่ีเขา้ สู่ร่างกายเมื่อ ผา่ นไปที่ตบั ทาใหม้ ีพิษลดลงและอยใู่ นสภาพที่ร่างกายจะสามารถขบั ถ่ายออกมาได้ 6. อาหารคาร์โบไฮเดรตจาพวกธญั พชื ก็เป็นแหล่งท่ีใหโ้ ปรตีน เกลือแร่ และวติ ามินดว้ ยข้อควรรู้เกยี่ วกบั คาร์โบไฮเดรต  ถ้ารับประทานอาหารหมู่น้ีมากจนเกินความต้องการของร่างกาย คาร์โบไฮเดรตก็จะถูก เปล่ียนไปเป็นไขมนั และทาใหเ้ กิดโรคอว้ นได้  แมว้ ่าโปรตีนและไขมนั จะให้พลงั งานไดเ้ ช่นเดียวกบั คาร์โบไฮเดรต แต่อย่างน้อยที่สุดแล้ว ผใู้ หญ่ก็ควรไดร้ ับคาร์โบไฮเดรตไม่ต่ากว่า 50-100 กรัม ท้งั น้ีเพ่ือหลีกเลี่ยงผลร้ายจากการเผา ผลาญไขมนั และโปรตีน และถา้ จะใหด้ ีร้อยละ 50 ของพลงั งานที่ไดร้ ับในแต่ละวนั ควรมาจาก คาร์โบไฮเดรต

เกลอื แร่หรือแร่ธาตุ เกลือแร่ คือ อาหารหลกั หมู่ที่ 3 ท่ีประกอบไปดว้ ยพืช ผกั ชนิดต่าง ๆ ท้งั ผกั ใบเขียวและผกั ใบสีต่างๆ เช่น สีเหลือง สีขาว สีม่วง สีแดง ฯลฯ ซ่ึงจะให้คุณค่าทางอาหารที่แตกต่างกนั ออกไป โดยเกลือแร่เป็ นกลุ่มของสารอนินทรียท์ ่ีร่างกายขาดไม่ได้ และมีการแบ่งเกลือแร่ท่ีคนเราตอ้ งการออกเป็ น 2 ประเภท คือเกลือแร่ท่ีคนตอ้ งการในขนาดมากกว่าวนั ละ 100 มิลลิกรัม (แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม โพแทสเซียมแมกนีเซียม กามะถนั คลอรีน) และเกลือแร่ท่ีคนเราตอ้ งการในขนาดเพียงวนั ละ 2-3 มิลลิกรัม (ธาตุเหล็กทองแดง โคบอลต์ โครเมียม ซีลีเนียม ฟลูออรีน แมงกานีส สังกะสี ไอโอดีน โมลิบดีนมั ) ประโยชน์ของเกลือแร่ มีดงั น้ี 1. ช่วยเสริมสร้างภมู ิตา้ นทานเช้ือโรคตา่ ง ๆ ทาใหร้ ่างกายมีความแขง็ แรง 2. ช่วยเสริมสร้างความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือ ฟัน และช่วยทาใหผ้ วิ พรรณสดใส 3. ช่วยทาใหอ้ วยั วะตา่ ง ๆ ภายในร่างกายทางานไดอ้ ยา่ งเป็นปกติ 4. เกลือแร่เป็นส่วนประกอบของเน้ือเย่ือต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เป็ น ส่วนประกอบที่สาคญั ของกระดูกและฟัน ทาใหก้ ระดูกและฟันแขง็ แรง 5. เกลือแร่เป็นส่วนประกอบของโปรตีน ฮอร์โมน และเอนไซมต์ า่ ง ๆ เช่น ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบ ของโปรตีน Hemoglobin และทองแดงเป็ นส่วนประกอบของเอนไซมซ์ ่ึงจาเป็ นต่อการหายใจของ เซลล์ ส่วนไอโอดีนเป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนไทรอกซีน เป็นตน้ 6. ปฏิกิริยาหลายชนิดในร่างกายจะดาเนินไปไดต้ อ้ งมีเกลือแร่เป็ นตวั เร่ง เช่น แมกนีเซียม เป็ นตวั เร่ง ปฏิกิริยาท่ีเก่ียวกบั การเผาผลาญกลูโคสใหเ้ กิดกาลงั งาน 7. ช่วยควบคุมความเป็ นกรดด่างในร่างกาย โดยมีโซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และคลอรีน ทา หนา้ ท่ีสาคญั ในการควบคุมความเป็นกรดด่างในร่างกาย เพื่อใหม้ ีชีวติ อยไู่ ด้ 8. ช่วยควบคุมน้า โซเดียม และโพแทสเซียม ช่วยในการควบคุมความสมดุลของน้าภายในและ ภายนอกเซลล์ 9. อาหารในหมู่น้ีจะมีเส้นใยอาหารมาก การรับประทานเป็ นประจา จะช่วยทาใหล้ าไส้ทางานไดอ้ ยา่ ง เป็นปกติ ทาใหข้ บั ถ่ายไดง้ ่าย

วติ ามนิ วติ ามิน คือ อาหารหลกั หมทู่ ่ี 4 ท่ีประกอบไปดว้ ยผลไมช้ นิดต่าง ๆ อาหารในหมู่น้ีเมื่อร่างกายยอ่ ยแลว้ ก็จะใหส้ ารอาหารประเภทวติ ามินและเกลือแร่ คลา้ ยกบั อาหารหลกั หมู่ที่ 3 และอาหารหมนู่ ้ีเป็นสารอาหารท่ีร่างกายตอ้ งการในปริมาณนอ้ ย แต่กไ็ มส่ ามารถขาดได้ เพราะถา้ ขาดวติ ามินกจ็ ะทาใหร้ ่างกายของเราผดิ ปกติ อีกท้งั ร่างกายของคนเรากไ็ ม่สามารถสร้างวติ ามินข้ึนมาเองได้ หรือสร้างไดก้ ไ็ ม่เพียงพอแก่ความตอ้ งการของร่างกาย โดยอาศยั คุณสมบตั ิการละลายตวั ของวติ ามิน ทาใหม้ ีการแบง่ วติ ามินเป็ นออกเป็น2 พวก คือ วติ ามินที่ละลายในไขมนั (วติ ามินเอ วติ ามินดี วติ ามินอี วติ ามินเค) และวติ ามินท่ีละลายในน้า(วติ ามินบี1 วติ ามินบี2 วติ ามินบี3 วติ ามินบี5 วติ ามินบี6 วติ ามินบี9 วติ ามินบี12 วติ ามินซี ไบโอติน)ประโยชนข์ องวติ ามิน มีดงั น้ี 1. ช่วยบารุงสุขภาพของผวิ หนงั ใหส้ ดชื่น 2. ช่วยบารุงสุขภาพปาก เหงือก และฟัน 3. ช่วยทาใหร้ ่างกายแขง็ แรง มีความตา้ นทานต่อเช้ือโรคตา่ ง ๆ ไดด้ ี 4. ช่วยทาใหอ้ วยั วะต่าง ๆ ภายในร่างกายทางานไดอ้ ยา่ งเป็นปกติ 5. ช่วยทาใหร้ ะบบการยอ่ ยและการขบั ถ่ายเป็นไปอยา่ งปกติ เพราะอาหารหมู่น้ีจะมีเส้นใยอาหารมากไขมัน ไขมนั คือ อาหารหลกั หมู่ท่ี 5 จะประกอบไปดว้ ยไขมนั จากพชื และสัตว์ ซ่ึงเรามกั จะนิยมนามาใช้ในการประกอบอาหารเพ่ือทาให้อาหารมีรสชาติและมีสีสัน และยงั รวมไปถึงไขมนั ที่แทรกอยตู่ ามเน้ือสัตว์ต่าง ๆ เช่น เน้ือหมู เน้ือววั จะมีไขมนั อยู่ร้อยละ 15-30 เน้ือไก่จะมีไขมนั อย่รู ้อยละ 6-15 ส่วนเน้ือปลาบางชนิดจะมีไขมนั นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 1 และบางชนิดจะมีมากกวา่ ร้อยละ 12 โดยไขมนั จะแบง่ ออกเป็ น 2 ประเภทไดแ้ ก่ ไขมนั ดี และไขมนั ร้าย อาหารไขมนั ดี คือ ไขมนั ที่อุดมไปดว้ ยกรดไขมนั จาเป็ นที่เป็ นไขมนั อ่ิมตวั ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างข้ึนมาไดเ้ อง จดั เป็ นไขมนั ท่ีจาเป็ นต่อการเจริญเติบโตและพฒั นาการต่าง ๆ ของร่างกาย รวมไปถึงใชใ้ นการผลิตฮอร์โมนบางชนิด ๆ ส่วนไขมนั ร้าย คือ ไขมนั อิ่มตวั (พบมากในเนย เน้ือ

นมสด) และไขมนั ทรานส์ (พบมากในมาการีน ขนมบรรจุและขนมอบ) ไขมนั น้ีจะเพ่ิมคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรดใ์ นเลือด ทาใหเ้ กิดโรคไขมนั อุดตนั ในเส้นเลือด โรคหวั ใจและหลอดเลือดได้ โดยอาหารหลกัหมู่ท่ี 5 น้ีเม่ือร่างกายยอ่ ยแลว้ ก็จะไดส้ ารอาหารประเภทไขมนั ประโยชน์ของไขมนั มีดงั น้ี 1. ใหพ้ ลงั งานและความอบอุน่ แก่ร่างกาย (ไขมนั 1 กรัม จะใหพ้ ลงั งาน 9 แคลอรี่) โดยไขมนั จะถูกเก็บ ไวต้ ามใตผ้ วิ หนงั ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น สะโพก ตน้ ขา เป็ นตน้ และไขมนั ที่สะสมไวเ้ หลา้ น้นั จะใหค้ วามอบอุน่ แก่ร่างกายและใหพ้ ลงั งานท่ีสะสมไวใ้ ชใ้ นยามท่ีจาเป็นระยะยาว 2. ช่วยป้ องกนั การกระทบกระเทือนของอวยั วะภายในร่างกาย ท่ีเกิดจากแรงกระแทกหรือเกิดจากการ เคลื่อนไหวอยา่ งแรงของร่างกาย ไขมนั จึงเป็นตวั ช่วยป้ องกนั การบาดเจบ็ ของอวยั วะภายในร่างกาย ไดเ้ ป็นอยา่ งดี 3. ช่วยในการดูดซึมวติ ามินท่ีละลายไดใ้ นไขมนั เช่น วติ ามินเอ วติ ามินอี วติ ามินดี และวติ ามินเค 4. ช่วยปกป้ องและป้ องกนั ความร้อน รวมไปถึงช่วยควบคุมอุณหภมู ิของร่างกายใหค้ งท่ี ซ่ึงทาหนา้ ท่ี เป็นฉนวนกนั ความร้อนของเน้ือเยื่อใตผ้ วิ หนงั และอวยั วะตา่ ง ๆ ภายในร่างกาย 5. เส้นประสาทของคนเราจะมีไขมนั เป็นส่วนประกอบสูง โดยเฉพาะการทาหนา้ ท่ีหุม้ เส้นประสาท จึง ช่วยป้ องกนั เส้นประสาทและทาใหท้ างานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เม่ือถูกสงั่ จากสมองไปยงั กลา้ มเน้ือและอวยั วะต่าง ๆ ภายในร่างกาย 6. ไขมนั เมื่อรวมกบั โปรตีนจะเป็น ไลโปโปรตีน (Lipoproteins) ซ่ึงเป็นส่วนประกอบสาคญั ของเซลล์ ตา่ ง ๆ โดยเฉพาะผนงั เซลลแ์ ละไมโตคอนเดรีย ส่วนน้ีจึงเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมาก เพราะใน ร่างกายประกอบไปดว้ ยเซลลห์ ลายลา้ นเซลล์ และเซลลใ์ นร่างกายจะผลิตออกมาทุกวนั เพ่ือ ซ่อมแซมส่วนท่ีสึกหรอ ถา้ ขาดไขมนั จะทาใหผ้ นงั เซลลข์ องร่างกายอ่อนแอ ส่งผลใหเ้ ซลลท์ ่ีตาย ไปแลว้ ไม่สามารถสร้างข้ึนมาใหม่ได้ 7. รสชาติของอาหารจะถูกปากจะตอ้ งมีไขมนั ในขนาดท่ีพอเหมาะและยงั ช่วยทาใหอ้ ่ิมทอ้ งไดน้ านหมายเหตุ : ปริมาณไขมนั ท่ีรับควรไดร้ ับในแต่ละวนั ควรอยใู่ นเกณฑร์ ้อยละ 25-35 ของแคลอร่ีท้งั หมดที่ไดร้ ับ และร้อยละ 12 ของแคลอรี่ท้งั หมดควรมาจากกรดไลโนเลอิก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook