Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการเรียนรู้หน่วยที่ 10

แผนการเรียนรู้หน่วยที่ 10

Published by JUBBI JUB, 2021-03-31 06:58:31

Description: แผนการเรียนรู้หน่วยที่ 10

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 10 เรอ่ื ง จานวนนบั 21 ถงึ 100 เวลา 1 ชัว่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง เตรียมความพรอ้ ม มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลที่เกดิ ขน้ึ จากการดาเนนิ การสมบตั ิของการดาเนินการและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของสง่ิ ต่าง ๆ แสดงสิง่ ต่าง ๆ ตามจานวนท่กี าหนด อา่ นและเขียนตัวเลข ฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทยแสดงจานวนนับไม่เกิน 100 และ 0 สาระสาคัญ จานวน 21 ถงึ 100 สามารถอ่านและเขยี นแสดงด้วยตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือได้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. เขา้ ใจวธิ ีการเขียนแสดงจานวนเป็นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื (K) 2. สามารถเขยี นแสดงจานวนเป็นตัวเลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือได้ (P) 3. รับผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ท่ีได้รบั มอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ การอา่ นและการเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย แสดงจานวน กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแก้ปญั หา การส่ือสารและการสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์  การเชือ่ มโยง การใหเ้ หตุผล การคิดสรา้ งสรรค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นา 1. ใชห้ นา้ เปิดบทที่เปน็ สวนมะพร้าวของคณุ พ่อของแกว้ ตา ซ่ึงกาลังเกบ็ มะพรา้ วโดยใชล้ งิ เก็บและได้ จดั เป็นกอง กองละ สิบไวแ้ ลว้ มานาสนทนาเก่ยี วกบั จานวนในชีวิตจรงิ เพอื่ ฝกึ ใหร้ ้จู กั การสังเกต การมองสิง่ ต่าง ๆ รอบตวั ทีส่ ามารถนามาใชใ้ นการเรยี นการสอนเรื่องการนบั ได้ 2. ครูใช้คาถามถงึ ส่ิงที่ใกล้ตัวนกั เรยี น กระตนุ้ ความสนใจดงั น้ี  บา้ นของนักเรียนมคี นอย่ทู ง้ั หมดกี่คน  เป็นผูห้ ญงิ กคี่ น เป็นผู้ชายก่ีคน  มีหอ้ งกี่ห้อง มหี นา้ ต่างก่บี าน มีห้องนา้ กี่หอ้ ง มีพัดลมก่อี นั  เลี้ยงสุนัขหรือแมวกีต่ ัว 3. จากนนั้ สนทนาเก่ยี วกบั ต้นไม้ท่ีอยู่หน้าบ้านมีต้นไม้อะไรบ้าง กีต่ น้ มีดอกไม้รว่ ง อย่ใู ต้ต้นไม้หรือไม่ ถ้ามีดอกไม้รว่ งจะนบั จานวนดอกไมอ้ ย่างไรดี เพื่อนาเขา้ สู่ “เตรยี มความพรอ้ ม” ขนั้ สอน 4. เตรยี มความพรอ้ มเพื่อทบทวนความรพู้ ื้นฐานเรื่องจานวนนบั 1 ถึง 20 โดยอาจใช้สง่ิ ของใกลต้ ัว บัตรคา/บัตรภาพ/ บตั รตัวเลข และใช้คาถาม เช่น  ชูส่งิ ของจานวนหนงึ่ มจี านวนเท่าใด นบั อยา่ งไร  เก้า เขียนเป็นตัวเลขไทยไดอ้ ยา่ งไร  ยกตวั อยา่ งความหมายของ 0  17 ๑๔ 19 ๑๖ 13 ๑๗ จานวนใดเป็นจานวนเดียวกนั  จานวนใดมากกว่า จานวนใดนอ้ ยกวา่  จานวนใดมากทส่ี ุด จานวนใดน้อยที่สุด  เรียงลาดับจานวนจากมากไปน้อยไดอ้ ยา่ งไร  เรยี งลาดับจานวนจากน้อยไปมากไดอ้ ย่างไร ขน้ั สรุป 5. ให้เขียนตวั เลขฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทย และเติมคาตอบตามหนงั สือเรยี นหนา้ 68 ครูควรเดนิ ดู นกั เรยี นโดยรอบ เพ่อื ประเมินความรพู้ ื้นฐานของนกั เรียน

สอื่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียนคณติ ศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 2. แบบฝกึ คณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจแบบฝกึ หัด 2. สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 10 เรอื่ ง จานวนนับ 21 ถึง 100 เวลา 1 ชั่วโมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง การนบั ทลี ะ 10 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลที่เกดิ ขึน้ จากการดาเนนิ การสมบัตขิ องการดาเนินการและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ แสดงส่ิงต่าง ๆ ตามจานวนที่กาหนด อ่านและเขียนตัวเลข ฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทยแสดงจานวนนบั ไม่เกนิ 100 และ 0 สาระสาคญั 10 20 30 40 50 60 70 80 90 และ 100 เปน็ จานวนนบั ท่นี บั เพ่ิมข้ึนทลี ะ 10 ตามลาดับ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. เขา้ ใจการนับจานวนเพมิ่ ทลี ะ 10 (K) 2. สามารถนับจานวนเพ่ิมทีละ 10 ได้ (P) 3. รบั ผิดชอบตอ่ หน้าท่ีท่ไี ดร้ บั มอบหมาย (A) สาระการเรียนรู้ การนบั ทีละ 10 กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแกป้ ญั หา  การสื่อสารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์  การเชื่อมโยง การใหเ้ หตุผล การคดิ สรา้ งสรรค์ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นา 1. นาเข้าสบู่ ทเรียน โดยใช้สถานการณ์รา้ นขนมไทยแม่เอย เด็ก ๆ แตล่ ะคนกาลงั ช่วยแม่เอยนบั ขนม ตามท่ีป้าพร น้าจแิ ละลงุ นูญสั่ง ครอู าจใชค้ าถาม เชน่  ป้าพรสัง่ ขนมก่ชี ิ้น นบั ขนมอย่างไร  น้าจิ ลุงนญู สั่งขนมก่ชี ิน้ นบั ขนมอย่างไร  นบั รวมขนมท้ังหมดทมี่ ีคนสง่ั อย่างไร 2. ใหน้ กั เรียนบอกวธิ นี ับทุกวธิ ีทแี่ ตกตา่ งจากเพือ่ น สรปุ วา่ “การนับ อาจนบั ทลี ะหนึง่ ทีละสบิ ” ข้ันสอน 3. ครูสอนการนับทลี ะ 10 โดยใช้แผ่นตารางสบิ ติดบตั รคา“ตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก” “ตัวเลขไทย” และ “ตัวหนังสือ” เพื่อเชือ่ มโยงจากส่ือแผ่นตารางสบิ ไปยงั ตัวเลขและตวั หนังสือ และให้เหน็ ถึงการเพ่ิมขึ้นทีละ 10 อย่างชัดเจน 4. หลงั จากที่ตดิ แผน่ ตารางสิบ เขยี นเปน็ ตัวเลขและตวั หนงั สอื ต่อไปครูควรถือแผ่นตารางสิบ 1 แผ่น ใหน้ กั เรียนออกเสียง อา่ น 1 สบิ พร้อมกัน แลว้ หยบิ แถบแผ่นตารางสิบเพ่ิม 1 แผ่น เน้นการนับจานวนด้วย การใหอ้ อกเสยี งนบั 2 สบิ พร้อมกนั เสยี งสุดท้ายของการนับบอกถงึ จานวนของแผ่นตารางสบิ ที่ถอื อยู่ เน้นยา้ วา่ บอกจานวนของส่งิ ต่าง ๆ ได้จากเสียงสุดทา้ ยของการนับ แล้วจงึ นาแผ่นตารางสิบ 2 แผ่นตดิ บนกระดาน 5. จากนน้ั สอนจานวนนับ 30 ถึง 100 ในทานองเดยี วกนั ใหน้ กั เรยี นนับออกเสยี ง 10 20 ... จนถึง 100 อีกคร้งั โดยไมต่ ้องเขียน สรปุ วา่ 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100 เป็นจานวนนับ ที่เพิ่มขน้ึ ทีละ 10 ตามลาดับ **หมายเหตุ ครูควรสอนโดยมแี ผ่นตารางสบิ บัตรคาติดบนกระดาน และเขียนตัวเลข ตวั หนงั สือบน กระดานใหช้ ัดเจน ดงั หนา้ 70 – 71 เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นมีพื้นฐานทดี่ ีในการเรียนตอ่ ไป ข้นั สรปุ 6. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเพอ่ื ใหส้ อดคล้อง กบั จุดประสงค์การเรียนรู้ของการเรยี นใน ชั่วโมงนี้ โดยวงลอ้ ม รอบตวั เลขแสดงจานวนทต่ี รงกับภาพท่กี าหนดตามหนังสือเรยี น หนา้ 72 ถ้านกั เรยี นตอบ ถกู แสดงถงึ การบรรลจุ ดุ ประสงค์ ในช่ัวโมงน้ี ถ้านักเรียนตอบไม่ถกู ครูควรสอนเสริมพิเศษ ให้นักเรยี น 7. จากน้นั รว่ มกนั สรปุ บทเรยี นวา่ การนับสิ่งตา่ ง ๆ อาจนับทีละ 10 ดังนี้ 1 สบิ (หรือสบิ ) 2 สิบ (หรือ ยส่ี ิบ) 3 สิบ 4 สบิ 5 สบิ 6 สิบ 7 สิบ 8 สบิ 9 สิบ 10 สบิ (หรือหนงึ่ ร้อย) 8. จากน้นั ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหัด 10.1 ในหนงั สือแบบฝึกหดั หนา้ 41 – 42

สอ่ื การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 3. แถบกรอบสิบ 4. บตั รคา การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจแบบฝกึ หดั 2. สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ช่วั โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 10 เร่ือง จานวนนับ 21 ถงึ 100 เวลา 1 ช่วั โมง แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 3 เรอ่ื ง จานวนนบั 21 ถงึ 30 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลท่ีเกิดข้ึนจากการดาเนินการสมบัตขิ องการดาเนนิ การและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ แสดงสิ่งต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลข ฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทยแสดงจานวนนบั ไมเ่ กิน 100 และ 0 สาระสาคญั จานวน 21 ถึง 100 สามารถอา่ นและเขยี นแสดงด้วยตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือได้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นบั และแสดงจานวน 21 ถึง 30 (K) 2. สามารถเขยี นแสดงจานวนเป็นตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนงั สอื ได้ (P) 3. รับผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ท่ไี ด้รบั มอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ การอ่านและการเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย แสดงจานวน กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแกป้ ญั หา  การส่ือสารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์  การเช่อื มโยง การใหเ้ หตุผล การคดิ สรา้ งสรรค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นา 1. ครนู าเขา้ สู่บทเรยี น โดยสรา้ งสถานการณ์นับต้นกลา้ ใสก่ ระบะ ซงึ่ เปน็ ส่ิงทีเ่ กดิ ขนึ้ ในชีวิตจรงิ เวลา นบั ต้นกลา้ ใสก่ ระบะ กระบะละ 10 ตน้ เม่อื เต็มกระบะกน็ าไปใส่กระบะอ่นื เวลานบั ต้นกลา้ กน็ บั ทลี ะ 10 2. ครูใช้คาถาม เชน่ กระบะของใบบวั สองกระบะแรกนบั ไดก้ ่สี บิ ต้น กระบะทีส่ ามมีต้นกล้าก่ีตน้ (ติด บตั รภาพกระบะต้นกลา้ ของใบบวั ให้อ่าน 2 สิบ กบั 1 หน่วย 20 กบั 1 ออกเสยี ง อ่าน ยี่สบิ เอ็ด พรอ้ มกนั และเขียนเป็น ตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนงั สอื ) กระบะของแก้วตาสองกระบะแรกนบั ไดก้ สี่ ิบ ตน้ กระบะทสี่ ามมีต้นกล้าก่ีต้น (ตดิ บตั รภาพอา่ นและเขยี น) สรุปวา่ “การนบั จานวนสงิ่ ของทเ่ี ตม็ สิบ อ่านออก เสยี ง 1 สิบ 2 สบิ ... การนบั จานวนสงิ่ ของทไี่ ม่เต็มสิบ อ่านออกเสยี ง 1 หนว่ ย 2 หนว่ ย ...” ข้ันสอน 3. ครสู อนการนบั เพิม่ ทลี ะ 1 จาก 21 ถงึ 30 โดยใชแ้ ผน่ ตารางสิบ แผน่ ตารางหนว่ ย ตดิ บัตรคา “ตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ” “ตัวเลขไทย” และ“ตวั หนังสือ” เพ่ือเชื่อมโยงจากสอ่ื แผน่ ตารางสิบไปยังตวั เลขและ ตัวหนังสอื และใหเ้ หน็ ถงึ การเพม่ิ ขึ้นทีละ 1 อยา่ งชัดเจน 4. หลงั จากที่ติดแผ่นตารางสิบ 2 แผน่ เขียนเปน็ ตวั เลขและตวั หนงั สือ ต่อไปครคู วรถือแผ่นตารางสิบ 2 แผน่ ใหอ้ อกเสียง 2 สิบ พรอ้ มกนั แลว้ หยิบแผ่นตารางหนว่ ยเพมิ่ 1 แผ่น เนน้ การนบั จานวนด้วยการให้ออก เสียงนับ 2 สิบ กับ 1 หน่วย 20 กับ 1 อา่ นว่า ยส่ี ิบเอ็ด พร้อมกัน เสยี งสดุ ทา้ ยของการนบั บอกถงึ จานวนของ แผน่ ตารางสบิ แผ่นตารางหนว่ ย ที่ถอื อยู่ เนน้ ยา้ วา่ บอกจานวนของสิ่งตา่ งๆ ได้จากเสียงสุดท้ายของการนบั แลว้ จงึ นาแผ่นตารางสบิ 2 แผ่น แผ่นตารางหนว่ ย 1 แผ่น ตดิ บนกระดาน 5. หลงั จากนน้ั สอนจานวนนับ 22 ถงึ 30 ในทานองเดียวกนั ให้นักเรียนนับออกเสยี ง 21 ... จนถงึ 30 อีกครง้ั โดยไมต่ อ้ งเขยี น สรุปวา่ 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 เปน็ จานวนนับท่เี พิ่มขึ้นทีละ 1 6. เมือ่ ฝึกนบั สิ่งของโดยใชแ้ ผ่นตารางสิบและแผ่นตารางหน่วยเสรจ็ แล้ว ครใู ห้นักเรยี นฝึกนับด้วย ตนเอง และเขียนแสดง จานวนท่ีนบั ได้เป็นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนงั สอื ตามหนังสอื เรยี น หนา้ 75 ขน้ั สรุป 7. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนเพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์ของการเรยี นในชั่วโมงนี้ โดยให้ นกั เรยี นเลอื ก จานวน 21 ถงึ 30 มา 1 จานวน วาดรูปพร้อมทัง้ เขยี นตัวเลข และตัวหนงั สอื แสดงจานวนตาม หนงั สอื เรียน หน้า 76

8. จากนั้นรว่ มกนั สรปุ บทเรยี น 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 เปน็ จานวนนบั ท่เี พิ่มขึน้ ทลี ะ 1 สามารถเขียนเป็นตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย หรือตัวหนงั สอื แสดงจานวน 9. จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหัด 10.2 หนา้ 43-45 ส่ือการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียนคณติ ศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณติ ศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 3. แผ่นตารางสบิ 4. แผ่นตารางหนว่ ย 5. บตั รภาพ บตั รคา การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจแบบฝกึ หดั 2. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 10 เร่ือง จานวนนับ 21 ถงึ 100 เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 4 เรอ่ื ง จานวนนบั 31 ถงึ 50 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลท่ีเกิดข้ึนจากการดาเนินการสมบัตขิ องการดาเนนิ การและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ แสดงสิ่งต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลข ฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทยแสดงจานวนนบั ไมเ่ กิน 100 และ 0 สาระสาคญั จานวน 21 ถึง 100 สามารถอา่ นและเขยี นแสดงดว้ ยตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนังสือได้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นบั และแสดงจานวน 31 ถึง 50 (K) 2. สามารถเขยี นแสดงจานวนเป็นตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนังสอื ได้ (P) 3. รับผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ท่ไี ด้รบั มอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ การอ่านและการเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย แสดงจานวน กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแกป้ ญั หา  การส่ือสารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์  การเช่อื มโยง การใหเ้ หตุผล การคดิ สรา้ งสรรค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. ม่งุ มน่ั ในการทางาน กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นา 1. ครูนาเข้าสูบ่ ทเรียน โดยสรา้ งสถานการณ์ใหน้ บั เค้กที่จัดใสก่ ล่อง กล่องละ 10 ช้นิ เต็มแล้วใสก่ ลอ่ ง ถดั ไป ซ่งึ เปน็ สถานการณ์ ทน่ี ักเรียนเหน็ ในชวี ติ จริง ซง่ึ จะทาใหน้ กั เรยี นเช่ือมโยงกับชวี ติ จรงิ และเรียนอยา่ งมี ความหมาย ครูอาจสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรมในบทเรยี นท่เี ก่ียวขอ้ งทกุ ครั้ง 2. ครอู าจใช้คาถาม เชน่ เคก้ ของต้นกล้านบั ได้กส่ี ิบกับกหี่ นว่ ย (ติดบัตรภาพกลอ่ งเค้กของต้นกล้า ให้ อ่าน 3 สิบ กับ 1 หน่วย 30 กบั 1 เปน็ เคก้ 31 ชิ้น) เค้กของขนุ นับได้กส่ี ิบกับก่ีหน่วย (ติดบัตรภาพกล่องเค้ก ของขนุ ใหอ้ ่าน 3 สบิ กับ 2 หน่วย 30 กบั 2 เปน็ เค้ก 32 ชิ้น) สรปุ ว่า “การนบั จานวนสิ่งของท่เี ตม็ สบิ อา่ น ออกเสยี ง 3 สิบ การนับจานวนสิง่ ของทไี่ มเ่ ต็มสิบ อ่านออกเสยี ง 1 หนว่ ย 2 หน่วย ...” ขน้ั สอน 3. ครูสอนการนับเพ่ิมทลี ะ 1 จาก 31 ถงึ 40 โดยใชแ้ ผน่ ตารางสบิ แผน่ ตารางหน่วยตดิ บัตรคา “ตัวเลขฮินดอู ารบิก” “ตวั เลขไทย” และ“ตวั หนังสอื ” เพื่อเชื่อมโยงจากสือ่ แผ่นตารางสบิ ไปยังตวั เลขและ ตวั หนังสือ และให้เห็นถงึ การเพ่มิ ขึน้ ทีละ 1 อยา่ งชัดเจน 4. หลังจากที่ตดิ แผ่นตารางสิบ 3 แผน่ เขยี นเปน็ ตวั เลขและตัวหนงั สือ ต่อไปครูควรถือแผ่นตารางสิบ 3 แผ่น ใหอ้ อกเสยี ง 3 สบิ พรอ้ มกนั แล้วหยิบแผ่นตารางหน่วยเพม่ิ 1 แผน่ เน้นการนบั จานวนด้วยการใหอ้ อก เสยี งนบั 3 สบิ กบั 1 หน่วย 30 กับ 1 อา่ นว่า สามสิบเอด็ พรอ้ มกนั เสยี งสุดทา้ ยของการนบั บอกถงึ จานวน ของแผน่ ตารางสบิ แผ่นตารางหนว่ ย ทีถ่ อื อยู่ เนน้ ยา้ ว่า บอกจานวนของสิง่ ต่าง ๆ ได้จากเสยี งสุดท้ายของ การนับ แลว้ จงึ นาแผน่ ตารางสบิ 3 แผ่น แผ่นตาราง หนว่ ย 1 แผน่ ตดิ บนกระดาน 5. จากนัน้ สอนจานวนนับ 32 ถงึ 50 ในทานองเดียวกัน ใหน้ ักเรียนนบั ออกเสียง 30 31 ... 48 49 50 อีกคร้ัง โดยไม่ตอ้ งเขียน สรุปวา่ 31 32 33 ... 48 49 50 เป็นจานวนนบั ที่เพม่ิ ขึน้ ทลี ะ 1 6. การจัดการเรียนการสอนในหนา้ นี้อาจใหน้ กั เรยี นนับจานวนจากภาพทีอ่ ยู่ในตารางแลว้ ใหน้ กั เรียน เขยี นเปน็ ตัวเลข ฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย หรือตวั หนังสือแสดงจานวนตามทีน่ บั ไดล้ งในสมดุ ข้นั สรุป 7. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี น เพ่ือใหส้ อดคล้อง กบั จุดประสงค์ของการเรยี นในชัว่ โมงน้ี โดย นบั จานวน ปลากระป๋องพรอ้ มท้งั เขยี นตวั เลขและตัวหนงั สือแสดง จานวนตามหนังสือเรยี นหนา้ 80 8. จากนน้ั ร่วมกันสรปุ บทเรยี นว่า 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 เปน็ จานวนนับท่เี พิ่มขึ้นทีละ 1 สามารถเขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื แสดง จานวนได้ 9. จากนนั้ ให้นกั เรยี นทาแบบฝึกหัด 10.3 หนา้ 46-48

สอื่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียนคณิตศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 2. แบบฝกึ คณติ ศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 3. แผ่นตารางสิบ 4. แผ่นตารางหนว่ ย 5. บตั รภาพ บัตรคา การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหัด 2. สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 10 เรือ่ ง จานวนนบั 21 ถงึ 100 เวลา 1 ช่วั โมง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 เร่อื ง จานวนนับ 51 ถึง 100 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลที่เกดิ ข้ึนจากการดาเนินการสมบตั ขิ องการดาเนนิ การและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ แสดงสิ่งต่าง ๆ ตามจานวนที่กาหนด อ่านและเขียนตัวเลข ฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทยแสดงจานวนนับไมเ่ กิน 100 และ 0 สาระสาคญั จานวน 21 ถึง 100 สามารถอา่ นและเขยี นแสดงดว้ ยตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นับและแสดงจานวน 51 ถงึ 100 (K) 2. สามารถเขยี นแสดงจานวนเปน็ ตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนงั สือได้ (P) 3. รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ การอา่ นและการเขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย แสดงจานวน กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแกป้ ญั หา  การส่อื สารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์  การเชอื่ มโยง การใหเ้ หตุผล การคิดสรา้ งสรรค์ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ มนั่ ในการทางาน กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นา 1. ครูนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น โดยสร้างสถานการณ์เป็นสวนมะพร้าว ครอู าจสนทนากระตุ้นความสนใจให้ นกั เรียนตง้ั ใจเรยี น โดยใช้คาถามดังตัวอยา่ ง เชน่ เคยเหน็ ลิงท่ีใดบ้าง เคยดูละครลงิ หรือไม่ เคยเห็นลงิ ปนี ตน้ มะพรา้ วหรอื ไม่ คนกับลงิ ใครปนี ต้นไมไ้ ดเ้ รว็ กวา่ กนั 2. ในสถานการณน์ ้ี มีเจ้าจอ๋ เก็บลกู มะพร้าวจากต้นมะพรา้ วหลน่ อย่ใู ต้ตน้ มะพร้าวมากมาย แก้วตากับ พ่อชว่ ยกนั นบั ลูกมะพร้าว แตล่ กู มะพรา้ วอย่กู ระจดั กระจาย แก้วตาจงึ ใช้ความรทู้ ไ่ี ดเ้ รยี นมา นบั ลกู มะพร้าว เป็นกอง กองละ 10 ลกู 3.ครตู ดิ บตั รภาพ ลูกมะพร้าวกองละ 10 ลกู ทัง้ หมด 10 กอง แก้วตานับลกู มะพรา้ วทีละ10 ได้ 10 สิบ ครูไพลนิ นับลูกมะพร้าวได้ 100 ลกู เขียน 10 สิบ หรือ 100 เปน็ ตัวเลขและตัวหนังสอื แสดงจานวน สรปุ วา่ “การนับจานวนส่งิ ของทีละสิบ อา่ นออกเสียง 3 สิบ 4 สบิ ... 7 สบิ 8 สิบ 9 สบิ และ 10 สิบ ซึง่ 10 สบิ คอื จานวน 100 อา่ นว่า หนง่ึ รอ้ ย” ข้นั สอน 4. ครสู อนการนบั และการแสดงจานวน 51 ถงึ 100 โดยใชแ้ ผ่นตารางสบิ แผน่ ตารางหน่วย ครตู ิด บัตรคา“ตวั เลขฮินดอู ารบกิ ” “ตัวเลขไทย” และ “ตวั หนงั สอื ” เพ่อื เชอ่ื มโยงจากสอื่ แผน่ ตารางสิบไปยังตวั เลข และตัวหนงั สือแสดงจานวน และให้เห็นถึง การเพิ่มขนึ้ ทีละ 1 อย่างชดั เจน 5. หลงั จากที่ติดแผน่ ตารางสิบ 5 แผน่ เขียนเปน็ ตัวเลขและตวั หนงั สอื แสดงจานวน จากน้ัน ครูควรถอื แผน่ ตารางสิบ 5 แผน่ ให้ออกเสียง 5 สิบ พรอ้ มกนั แลว้ หยิบแผ่นตารางหนว่ ยเพ่ิม 1 แผ่น เนน้ การนบั จานวน ดว้ ย การให้ออกเสียงนบั 5 สบิ กับ 1 หนว่ ย 50 กบั 1 อ่านวา่ ห้าสบิ เอ็ด พร้อมกัน เสยี งสุดท้ายของการนับ บอกถึงจานวนของ แผ่นตารางสิบ แผ่นตารางหนว่ ยทถ่ี อื อยู่ เนน้ ย้าวา่ บอกจานวนของส่งิ ต่าง ๆ ได้จากเสยี ง สุดท้ายของการนับ แลว้ จงึ นาแผ่นตารางสบิ 5 แผ่น แผ่นตารางหนว่ ย 1 แผน่ ติดบนกระดาน 6. หลงั จากนั้นสอนจานวนนบั 52 59 60 63 74 77 85 98 99 100 ในทานองเดยี วกัน ให้นกั เรยี น นับออกเสียง 50 ถึง 60 70 ถึง 80 90 ถงึ 100 อีกครั้ง สรปุ ว่า 51 52 53 ... 98 99 100 เป็นจานวนนับท่ี เพ่มิ ขน้ึ ทีละ 1 ตามลาดบั 7. ครสู อนการนับและการแสดงจานวน 51 ถึง 100 โดยใช้แผ่นตารางสบิ แผน่ ตารางหน่วย ครูติด บัตรคา“ตวั เลขฮนิ ดูอารบิก” “ตัวเลขไทย” และ“ตวั หนังสือ” แล้วให้นกั เรียนช่วยกันเขียนตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสือแสดงจานวนตามท่กี าหนดในตาราง

ข้นั สรุป 8. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเพือ่ ให้สอดคล้อง กับจดุ ประสงคข์ องการเรียนในชวั่ โมงนี้ โดย เขยี น ตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจานวน มะพรา้ วทเี่ จา้ จอ๋ เกบ็ ได้ ตามหนงั สอื เรียน หนา้ 84 9. จากน้นั รว่ มกนั สรปุ บทเรยี นวา่ 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 ... 98 99 100 เป็น จานวน นบั ทีเ่ พ่ิมขึน้ ทลี ะ 1 สามารถเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนงั สือแสดงจานวน 10. จากน้ันให้นกั เรยี นทาแบบฝึกหัด 10.4 หนา้ 49-50 สอื่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นคณติ ศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณติ ศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 3. แผ่นตารางสิบ 4. แผ่นตารางหนว่ ย 5. บตั รภาพ บตั รคา การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหัด 2. สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 10 เรอื่ ง จานวนนับ 21 ถึง 100 เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 เรือ่ ง หลกั ค่าของเลขโดดในแต่ละหลักของ จานวนนับไมเ่ กิน 100 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลที่เกดิ ขึ้นจากการดาเนนิ การสมบตั ขิ องการดาเนนิ การและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงสิ่งต่าง ๆ ตามจานวนที่กาหนด อ่านและเขียนตัวเลข ฮินดูอารบิก ตวั เลขไทยแสดงจานวนนบั ไมเ่ กิน 100 และ 0 สาระสาคัญ ถ้าเลขโดด 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 อยูใ่ นหลักหนว่ ย มีคา่ เปน็ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ตามลาดับ และถา้ เลขโดด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 อยู่ ในหลักสบิ มีคา่ เป็น 10 20 30 40 50 60 70 80 90 ตามลาดับ 100 เป็น จานวนสามหลัก เลขโดด 1 อยู่ในหลักรอ้ ย มีคา่ เป็น 100 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกหลกั ของเลขโดด คา่ ของเลขโดด ในหลกั สิบ หลกั หน่วย (K) 2. สามารถเขยี นแสดงหลกั ของเลขโดด คา่ ของเลขโดด ในหลกั สบิ หลักหนว่ ย ได้ (P) 3. รับผิดชอบต่อหน้าที่ท่ไี ด้รับมอบหมาย (A) สาระการเรียนรู้ หลกั ค่าของเลขโดดในแตล่ ะหลกั กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแก้ปัญหา  การส่ือสารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์  การเชื่อมโยง การให้เหตุผล การคดิ สร้างสรรค์

สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นา 1. ครนู าเข้าสบู่ ทเรียน ด้วยสถานการณป์ ล่อยปลาทาบญุ วันเกดิ เป็นการสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรมในบทเรียนที่ อยากใหเ้ กดิ ขึ้นกบั นกั เรยี น ครูอาจสนทนาใช้คาถาม เชน่  เคยไปทาบญุ ทไ่ี หนกบั คุณพ่อคุณแม่บ้าง  ทาบญุ แบบใดกนั บา้ ง เคยทาบุญปลอ่ ยปลาหรือไม่  จากสถานการณไ์ ปทาบุญปล่อยปลาเนอ่ื งในโอกาสอะไร  นาปลามาก่ถี ุง ปลาในถงุ ถงุ ละกี่ตวั ถงุ สดุ ทา้ ยมีปลาก่ีตวั  นับไดก้ สี่ ิบกับกี่หนว่ ย (ตดิ บัตรภาพปลา 5 ถงุ ให้อา่ น 4 สิบ กบั 2 หนว่ ย 40 กบั 2 เปน็ ปลา 42 ตัว) ขน้ั สอน 2. ครตู ดิ แผ่นตารางสบิ 4 แผ่น แผ่นตารางหนว่ ย 2 แผน่ แสดงจานวน 42 42 คอื 40 กับ 2 ตดิ บัตร ตารางหลักสบิ และ หลักหนว่ ย อธิบายเชอ่ื มโยงกับแผน่ ตารางสิบ 4 แผน่ กับ 4 สิบ เพอ่ื เขยี น 4 ในบตั รตาราง ชอ่ ง หลกั สิบ และเช่อื มโยงกบั แผน่ ตารางหน่วย 2 แผ่น กบั 2 เพื่อเขียน 2 ในตารางชอ่ งหลักหนว่ ย สรุปและ เน้นย้าวา่ 4 ในหลกั สิบ มคี ่าเปน็ 40 2 ในหลกั หน่วย มีค่าเปน็ 2 42 เป็นจานวนสองหลกั หลกั สบิ อยทู่ างซ้าย หลักหนว่ ยอยูท่ างขวา 3. สอนจานวน 50 และจานวน 100 ในทานองเดียวกัน โดยใชก้ ารถาม-ตอบ อาจถามเปน็ รายบุคคล เพอ่ื ใหค้ ิดคาตอบ ไดด้ ้วยตนเอง 4. ครูควรยกตวั อยา่ งเพมิ่ เตมิ อีก 2 – 3 ตวั อย่าง ให้นกั เรยี นเขา้ ใจอยา่ งแทจ้ รงิ 5. ครตู ดิ บัตรตารางสบิ และตารางหนว่ ยบนกระดาน แลว้ ยกตวั อยา่ งจานวน 33 แล้วส่มุ นักเรยี น ออกมาเขียนตัวเลข แสดงจานวนในชอ่ งวา่ งบนกระดานตามหนังสือเรียนหน้า 87

6. จากนน้ั ครูเขียนจานวนอ่ืน เช่น 68 11 และ 94 แลว้ สมุ่ นกั เรียนคนอ่ืนมาเขียนตวั เลขแสดงจานวน ในช่องวา่ งบนกระดาน เม่อื นกั เรยี นทาไดค้ รบทุกจานวนแล้ว ครูอาจจะยกตัวอย่างอนื่ อีก 2 – 3 ตัวอยา่ ง สมุ่ ถามเป็นรายบุคคล ถา้ มีนกั เรียนไมเ่ ขา้ ใจ อธบิ ายซา้ อกี คร้ัง ขน้ั สรปุ 7. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นเพอ่ื ให้สอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ของการเรียนในชั่วโมงนี้ โดยให้ เตมิ ตัวเลข แสดงจานวนในชอ่ งวา่ งตามหนงั สือเรยี นหนา้ 88 ซง่ึ เป็นการบอกค่าของเลขโดดในหลกั ต่าง ๆ เน้น ย้าในเรอ่ื งค่า ของหลักสิบและหลักหน่วย • จานวนทมี่ หี ลักหนว่ ยและหลกั สิบเปน็ จานวนสองหลัก โดยเลขโดด 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ในหลัก หน่วย มคี ่าเปน็ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 และเลขโดด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ในหลกั สบิ มคี ่าเป็น 10 20 30 40 50 60 70 80 90 ตามลาดับ • 100 เปน็ จานวนสามหลัก เลขโดด 0 ในหลกั หน่วย มีคา่ เปน็ 0 เลขโดด 0 ในหลกั สิบมคี ่าเป็น 0 และ เลขโดด 1 ในหลักรอ้ ยมีคา่ เปน็ 100 8. จากนัน้ ให้นักเรยี นทาแบบฝึกหัด 10.5 หน้า 51-53 สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นคณติ ศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 2. แบบฝกึ คณิตศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 3. แผ่นตารางสบิ 4. แผน่ ตารางหน่วย 5. บัตรตารางหลกั สิบและหลักหน่วย การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจแบบฝกึ หดั 2. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 10 เรื่อง จานวนนับ 21 ถงึ 100 เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 7 เรอื่ ง การเขยี นตัวเลขแสดงจานวนในรปู กระจาย มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลที่เกิดขน้ึ จากการดาเนินการสมบตั ิของการดาเนินการและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงส่ิงต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลข ฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทยแสดงจานวนนับไมเ่ กิน 100 และ 0 สาระสาคัญ การเขยี นตวั เลขแสดงจานวนในรูปกระจาย เปน็ การเขยี นในรปู การบวกค่าของเลขโดดในหลักตา่ ง ๆ ของจานวนน้ัน จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายหลกั การเขียนตวั เลขแสดงจานวนในรูปกระจายได้ (K) 2. เขียนตวั เลขแสดงจานวนในรูปกระจายได้ (P) 3. รับผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ การเขียนตวั เลขแสดงจานวนในรปู กระจาย กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแก้ปัญหา  การสือ่ สารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์  การเช่อื มโยง การให้เหตุผล การคดิ สร้างสรรค์

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนา 1. ครตู ัง้ คาถามใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันตอบว่า เลขโดด 8 อย่ใู นหลักหนว่ ยมคี ่าเท่าใด และเลขโดด 8 อยู่ ในหลกั สบิ มีค่าเทา่ ใด (แนวตอบ 8 ในหลักหน่วย มคี ่า 8 และ 8 ในหลักสบิ มคี ่า 80) 2. ครูตง้ั คาถามใหน้ กั เรียนชว่ ยกันตอบว่า ค่าของ 8 มีคา่ เท่ากันหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมเ่ ท่ากัน เพราะ 8 ในหลักหนว่ ย มีค่า 8 และ 8 ในหลกั สิบ มีคา่ 80) 3. ครเู ขยี นจานวน 62 บนกระดาน แลว้ ต้งั คาถามให้นักเรียนชว่ ยกนั ตอบวา่ 2 อยู่ในหลกั ใดและมคี ่า เทา่ ใด (แนวตอบ 2 ในหลกั หนว่ ย มคี ่า 2) 4. ครตู ัง้ คาถามใหน้ กั เรียนช่วยกันตอบว่า 6 ในจานวน 62 อย่ใู นหลักใดและมคี ่าเท่าใด (แนวตอบ 6 ในหลักสบิ มีคา่ 60) ข้นั สอน 5. ครูเขยี นจานวนบนกระดานแลว้ ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั บอกจานวนในรูป “สบิ ” และ “หนว่ ย” 6. ครใู หน้ กั เรียนแขง่ ขนั กันเล่นเกม บอกตัวเลขแสดงจานวน โดยแบง่ นักเรียนออกเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน ให้นักเรยี นแขง่ ขนั กนั บอกตวั เลขแสดงจานวนจากจานวนในรูป “สบิ ” และ “หน่วย”ทก่ี าหนดให้ และ นาบตั รตัวเลขไปติดตามหลกั พร้อมกบั เคร่ืองหมายบวก เช่น 75 70 + 5 7. จากนั้นครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมว่า 34 เขียนในรูปกระจายเป็น 30 + 4 หรือจะได้ว่า 34 = 30 +4 8. ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติม 3-4 ตัวอยา่ ง เพอ่ื ให้นักเรียนเขา้ ใจมากย่ิงขึน้ ข้นั สรุป 9. ครใู ห้นกั เรยี นร่วมกนั สรุปวา่ การเขยี นตวั เลขแสดงจานวนนับในรปู กระจาย เปน็ การนาคา่ ของเลข โดดในแตล่ ะหลกั มาเขยี นให้อยู่ในรูปการบวก

สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียนคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 2. แบบฝกึ คณติ ศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 3. บตั รตัวเลข การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหัด 2. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม 3. สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 10 เรือ่ ง จานวนนับ 21 ถงึ 100 เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 8 เรอื่ ง การเขยี นตัวเลขแสดงจานวนในรูปกระจาย มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลที่เกิดขึน้ จากการดาเนินการสมบตั ิของการดาเนินการและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/1 บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงส่ิงต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลข ฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทยแสดงจานวนนับไมเ่ กิน 100 และ 0 สาระสาคัญ การเขยี นตวั เลขแสดงจานวนในรูปกระจาย เปน็ การเขยี นในรูปการบวกค่าของ เลขโดดในหลกั ต่าง ๆ ของจานวนน้ัน จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายหลกั การเขียนตวั เลขแสดงจานวนในรูปกระจายได้ (K) 2. เขียนตวั เลขแสดงจานวนในรูปกระจายได้ (P) 3. รับผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ การเขียนตวั เลขแสดงจานวนในรปู กระจาย กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การแก้ปัญหา  การสือ่ สารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์  การเช่อื มโยง การให้เหตุผล การคดิ สร้างสรรค์

สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ มนั่ ในการทางาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นา 1. ครูใชเ้ หรียญบาทวางซ้อนกนั 10 เหรยี ญในแนวตง้ั ทงั้ หมด 9 กอง และวางไม่เป็นระเบยี บอย่างละ เหรียญทง้ั หมด 9 เหรยี ญ (อาจใช้ส่ือบัตรภาพได้) นาเขา้ สบู่ ทเรียนเพ่ือให้นักเรียนรูจ้ ักหลกั รอ้ ยค่าของเลขโดด ในหลกั ร้อย และการเขยี น 100 ในรปู การกระจาย 2. ครูอาจใช้วธิ ีการนบั เหรียญและถามคาถาม ตัวอย่างเชน่ ให้นกั เรยี น 10 คน นบั จานวนเหรยี ญทว่ี าง กองไว้ 1 คนนับเหรียญท่ีวางไมเ่ ปน็ ระเบียบ บอกวา่ มกี เ่ี หรยี ญ ขั้นสอน 3. ครหู ยบิ เหรียญ 1 กอง ชใู หบ้ อกว่า 1 กองกี่สบิ ชูเหรยี ญกองต่อไป รวม 2 กองเป็นกส่ี ิบ จนไดค้ รบ 9 กองเปน็ กีส่ บิ และเหรียญท่วี างไวก้ เ่ี หรยี ญ รวมเป็นเงินเท่าไร 4. ครูทบทวนจานวน 99 ถามว่าหลักและค่าของเลขโดดในหลักสบิ หลักหน่วย และเขยี นในรปู กระจายได้อยา่ งไร 5. ครตู ดิ บัตรตารางหลกั รอ้ ย หลักสบิ หลกั หน่วย อธิบายเชอื่ มโยงกับจานวน 99 ถา้ เพิ่มอกี 1 เหรียญ เป็นก่ีสบิ 10 สิบ คอื 100 เขยี น 1 ในบัตรตารางช่องหลกั ร้อย เขียน 0 ในบัตรตารางชอ่ งหลกั สิบ เขียน 0 ใน บัตรตารางชอ่ งหลักหนว่ ย สรปุ และเน้นย้าวา่ 1 ในหลักรอ้ ย มคี ่าเป็น 100 0 ในหลักสิบ มคี ่าเปน็ 0 0 ใน หลักหน่วย มคี า่ เป็น 0 เขยี นในรปู กระจาย 100 = 100 + 0 + 0 6. จากนนั้ ครยู กตัวอย่างจานวนอน่ื ทอ่ี ยใู่ นหนงั สอื เรียนหนา้ 89 ไดแ้ ก่ 47 35 และ 29 7. ครูใหน้ ักเรียนเขยี นจานวนที่กาหนดใหใ้ นรปู กระจายโดยใช้ความรู้เรอื่ งค่าประจาหลัก ครูนาการ เขียนโดยใช้คาถามวา่ ตัวเลขทกี่ าหนดใหอ้ ยใู่ นหลักใด มีค่าเทา่ ไรและเขยี นในรูปกระจายได้อยา่ งไร 8. ครูติดบัตรตารางหลกั สิบและหลกั หนว่ ย ใหน้ กั เรียนนาตัวเลขทโี่ จทยก์ าหนดไปเขียนเตมิ ในช่อง หลักสิบ และ ชอ่ งหลักหนว่ ย ด้วยความคุน้ เคยกบั บัตรตารางท่ผี ่านมาจะทาใหน้ ักเรยี นบอกจานวนนน้ั ได้ง่ายว่า คือจานวนใด และจะทาให้ เขียนในรูปกระจายไดง้ า่ ยขึ้น

ขั้นสรุป 9. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนเพอื่ ให้สอดคล้อง กบั จดุ ประสงคข์ องการเรียนในช่ัวโมงน้ี โดย เตมิ ตัวเลขแสดง จานวนในช่องว่างตามหนงั สือเรียนหนา้ 92 ครเู น้นย้าใน เรือ่ งคา่ ของหลกั สบิ และหลกั หนว่ ย 10. จากนัน้ ร่วมกันสรปุ บทเรยี นว่าการเขียนแสดงจานวนในรูปกระจาย เปน็ การเขียน ในรปู การบวก คา่ ของเลขโดดในหลักต่างๆ ของจานวนนน้ั 11. จากนนั้ ให้นกั เรยี นทาแบบฝึกหัด 10.6 หนา้ 54-56 ส่อื การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี นคณติ ศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณติ ศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 3. เหรียญบาท (อาจใช้ฝาขวดหรือ อื่น ๆแทน) 4. บตั รตารางหลกั รอ้ ย หลกั สบิ และหลกั หน่วย การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหดั 2. สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ช่วั โมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 เรอื่ ง จานวนนบั 21 ถงึ 100 เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 เร่อื ง การเปรียบเทยี บจานวน มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลท่ีเกดิ ขน้ึ จากการดาเนนิ การสมบตั ิของการดาเนนิ การและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/2 เปรียบเทยี บจานวนนบั ไม่เกนิ 100 และ 0 โดยใชเ้ ครอ่ื งหมาย = ≠ > < สาระสาคัญ การเปรียบเทยี บจานวนสองจานวน - ถา้ จานวนหลกั ไมเ่ ทา่ กนั จานวนที่มจี านวนหลักมากกว่า จะมากกวา่ อกี จานวนหนงึ่ - ถ้าจานวนหลักเท่ากัน ให้พิจารณาเลขโดดในหลักสิบก่อน เลขโดดในหลักสิบของจานวนใด มากกว่า จานวนน้ัน จะมากกว่า ถ้าเลขโดดในหลักสิบเท่ากัน ให้พิจารณาเลขโดด ในหลักหน่วย โดยท่ีเลขโดดใน หลักหนว่ ยของจานวนใด มากกวา่ จานวนนัน้ จะมากกว่า จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธบิ ายหลกั การเปรียบเทยี บจานวนนับไม่เกิน 100 และ 0 ได้ (K) 2) เปรียบเทยี บจานวนนบั ไมเ่ กนิ 100 และ 0ได้ (P) 3) รับผิดชอบต่อหนา้ ที่ทไี่ ด้รบั มอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ การเปรียบเทียบจานวนและการใช้เครอื่ งหมาย = ≠ > < กระบวนการทางคณิตศาสตร์ การแกป้ ัญหา  การสอ่ื สารและการส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์  การเชอื่ มโยง  การให้เหตุผล การคิดสรา้ งสรรค์

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นา 1. ครทู บทวนการเปรยี บเทียบจานวน 1 ถึง 9 โดยการถาม-ตอบ เช่น 8 มากกวา่ หรอื น้อยกวา่ 3 ก้อยมีเงนิ ในกระเป๋า 10 บาท แก้มถือเงินอยู่ในมือ 10 บาท กอ้ ยกับแก้มมีเงนิ เทา่ กนั หรือไม่ 2. ครทู บทวนเครื่องหมาย > < = หรือ ≠ โดยการถามวา่ เครอื่ งหมายใดแสดงการเปรียบเทียบ มากกว่า นอ้ ยกวา่ เทา่ กัน หรอื ไมเ่ ท่ากนั 3. ครูตดิ บตั รภาพแสดงจานวนหนงั สอื นทิ าน 38 เลม่ และหนังสอื สารคดี 12 เล่ม ถามวา่ นักเรยี นมีวิธี นบั อย่างไร ให้นาเสนอวธิ คี ิดทแี่ ตกต่าง ขัน้ สอน 4. ครูยกตัวอย่างจานวนสองหลักท่แี สดงจานวนไมเ่ ทา่ กัน ใหค้ ิดวเิ คราะห์วา่ ถ้าไม่เท่ากนั สองจานวน นน้ั จะเป็นอยา่ งไร 5. จากน้ันครูใช้การถาม-ตอบ แสดงการเปรยี บเทียบจานวน 38 กบั 12 ด้วยการใชแ้ ผน่ ตารางสิบ แผ่นตารางหนว่ ย เชื่อมโยงกับตารางหลักสบิ หลักหนว่ ย สงั เกตแผน่ ตารางสิบกบั จานวนในหลักสิบ 3 สิบ มากกว่า 1 สิบ ดงั น้นั 38 > 12 หรือ 12 < 38 6. ครใู ห้นักเรยี นฝึกการเปรยี บเทยี บจานวนสองจานวน โดยการเขยี นจานวนในหลกั สิบ และหลกั หน่วยในตารางเพือ่ ให้ เปรยี บเทยี บไดง้ า่ ยและชัดเจนยิง่ ข้ึนถา้ จานวนให้หลักสบิ เทา่ กนั ใหพ้ ิจารณาทหี่ ลกั หนว่ ย ถ้าหลกั หน่วยของจานวนใดมากกวา่ จานวนน้ันจะมากกว่า 7. ครใู ห้นกั เรยี นฝึกการเปรียบเทียบจานวนสองจานวน โดยใชต้ ารางหลกั สบิ หลกั หน่วย ตัวเลขใน ตารางหลกั สบิ หลักหนว่ ย จะช่วยใหเ้ ห็นจานวนที่มากกว่า หรอื น้อยกวา่ หรือเทา่ กันง่ายขน้ึ 8. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั เตมิ เครอ่ื งหมาย > < หรอื = ตามหนังสือเรยี นหนา้ 95 ครูควรยกตัวอย่าง เพิม่ เตมิ อีก 2 – 3 ตัวอยา่ ง แล้วใช้การถาม-ตอบ ถามเปน็ รายบคุ คล เพ่ือใหค้ ดิ คาตอบไดด้ ว้ ยตนเอง

ข้นั สรุป 9. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเพื่อใหส้ อดคล้อง กับจดุ ประสงคข์ องการเรยี นในชั่วโมงนี้ โดย เขยี นเคร่ืองหมาย > หรอื < ใน แสดงการเปรียบเทียบจานวนสองจานวน ตามหนังสอื หนา้ 96 10. จากนนั้ รว่ มกันสรปุ บทเรียนวา่ การเปรยี บเทียบจานวนสองจานวน  ถา้ จานวนหลกั ไม่เท่ากนั จานวนทีม่ จี านวนหลกั มากกว่า จะมากกวา่ อกี จานวนหนึ่ง  ถา้ จานวนหลักเท่ากัน ให้พจิ ารณาเลขโดดในหลักสิบกอ่ น เลขโดดในหลักสบิ ของจานวนใด มากกว่า จานวนน้ัน จะมากกวา่ ถ้าเลขโดดในหลักสิบเท่ากนั ใหพ้ จิ ารณาเลขโดด ในหลกั หน่วย โดยทเ่ี ลขโดด ในหลกั หนว่ ยของจานวนใด มากกว่า จานวนนนั้ จะมากกวา่ 11. จากนั้นให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด 10.7 หน้า 57-59 ส่ือการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 3. บตั รตารางหลกั สิบ หลกั หนว่ ย 4. บัตรภาพ บัตรคา การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหดั 2. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 10 เรอื่ ง จานวนนับ 21 ถงึ 100 เวลา 1 ช่วั โมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 10 เร่อื ง การเรียงลาดับจานวน มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลท่ีเกดิ ข้ึนจากการดาเนินการสมบัตขิ องการดาเนนิ การและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/3 การเรยี งลาดับจานวนนบั ไมเ่ กนิ 100 และ 0 ตงั้ แต่ 3 ถงึ 5 จานวน สาระสาคญั การเรียงลาดับจานวนจากมากไปน้อย หรือจากนอ้ ยไปมาก อาจทาได้โดยพิจารณา จานวนท่มี ากท่ีสุด และน้อยทสี่ ดุ ก่อน จากนน้ั นาจานวนที่เหลอื มาเปรียบเทยี บกนั แล้วนาจานวนมาเรียงตามลาดบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายวิธีการเรียงลาดับจานวนไม่เกนิ 100 และ 0 ได้ (K) 2. เรียงลาดบั จานวนไม่เกิน 100 และ 0 จากมากไปน้อย หรือจากน้อยไปมากได้ (P) 3. รับผิดชอบต่อหน้าที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย (A) สาระการเรียนรู้ เรียงลาดับจานวน กระบวนการทางคณิตศาสตร์  การแกป้ ญั หา  การสือ่ สารและการสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์  การเช่ือมโยง  การใหเ้ หตุผล  การคดิ สรา้ งสรรค์

สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นา 1. ครูใหน้ ักเรียนแข่งขนั กนั เลน่ เกมการเปรียบเทยี บจานวนทีม่ สี องหลัก โดยแบง่ นกั เรยี นออกเปน็ 2 กล่มุ กล่มุ ละเท่าๆ กัน ให้ทัง้ สองกลมุ่ แขง่ ขันกันหาคาตอบจากจานวนที่ครูกาหนดให้ โดยเตมิ เครือ่ งหมาย >, < = หรือ ≠ 2. ครตู ง้ั คาถามชวนคดิ ว่า การเรยี งลาดับจานวนสามารถเรยี งได้ 2 ลกั ษณะ คือลกั ษณะใดบา้ ง (แนว ตอบ เรียงลาดบั จากน้อยไปมาก และเรยี งลาดับจากมากไปนอ้ ย) ขน้ั สอน 3. ครูเขียนจานวน 68 54 97 บนกระดาน จากน้นั ครูต้งั คาถามให้นักเรยี นช่วยกันตอบว่า ถา้ ต้องการเปรียบเทียบจานวนทีม่ ีสองหลกั ให้เปรียบเทยี บเลขโดดในหลักใดก่อน (แนวตอบ หลักสิบ) 4. ครูให้นกั เรยี นพิจารณาเปรยี บเทยี บเลขโดดในหลกั สบิ ว่า มีค่าเทา่ กันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ ไม่ เท่ากัน พบว่า 5 < 6 และ 6 < 9) 5. ครูและนักเรียนชว่ ยกันเรียงลาดับจานวนจากน้อยไปมากได้ ดังนี้ 54 68 97 6. ครเู ขียนจานวน 75 49 52 บนกระดาน ครตู ง้ั คาถามให้นกั เรยี นชว่ ยกันตอบวา่ ถา้ ต้องการ เปรยี บเทยี บจานวนที่มสี องหลัก ใหเ้ ปรียบเทียบเลขโดดในหลักใดก่อน (แนวตอบ หลกั สบิ ) 7. ครใู ห้นกั เรียนพิจารณาเปรยี บเทยี บเลขโดดในหลักสบิ วา่ มีคา่ เทา่ กนั หรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ ไม่ เทา่ กนั พบว่า 4 < 5 และ 5 < 7) 8. ครูและนักเรียนชว่ ยกันสรปุ ว่า ดังน้นั เรียงลาดับจานวนจากมากไปนอ้ ยได้ ดังนี้ 75 52 49 ขัน้ สรุป 9. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ วา่ เรยี งลาดับจานวนทม่ี ีสองหลกั ต้งั แตส่ ามจานวนขน้ึ ไปท่ีมเี ลขโดดใน หลกั สบิ ไมเ่ ท่ากนั ใหพ้ จิ ารณาเปรยี บเทยี บเฉพาะเลขโดดในหลกั สิบ แลว้ เรยี งลาดับจานวนจากมากไปน้อยหรอื นอ้ ยไปมาก

สอ่ื การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนคณติ ศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหัด 2. สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 3. สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 11 ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ช่วั โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 10 เรื่อง จานวนนับ 21 ถึง 100 เวลา 1 ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 11 เรอื่ ง การเรียงลาดับจานวน มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด มาตรฐาน ค. 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลท่ีเกดิ ข้ึนจากการดาเนนิ การสมบัตขิ องการดาเนินการและนาไปใช้ ค 1.1 ป.1/3 การเรยี งลาดับจานวนนับไม่เกนิ 100 และ 0 ตัง้ แต่ 3 ถึง 5 จานวน สาระสาคญั การเรียงลาดับจานวนจากมากไปนอ้ ย หรือจากน้อยไปมาก อาจทาไดโ้ ดยพิจารณา จานวนท่มี ากทีส่ ดุ และนอ้ ยทีส่ ุดก่อน จากนัน้ นาจานวนที่เหลือมาเปรียบเทยี บกนั แล้วนาจานวนมาเรยี งตามลาดบั จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายวิธีการเรยี งลาดบั จานวนไม่เกนิ 100 และ 0 ได้ (K) 2. เรียงลาดบั จานวนไมเ่ กิน 100 และ 0 จากมากไปน้อย หรอื จากน้อยไปมากได้ (P) 3. รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ เรยี งลาดับจานวน กระบวนการทางคณิตศาสตร์  การแกป้ ัญหา  การส่อื สารและการสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์  การเชื่อมโยง  การให้เหตผุ ล  การคดิ สรา้ งสรรค์ สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา 1. ครทู บทวนโดยการถาม-ตอบเรื่องการเปรียบเทียบจานวนสองหลักวา่ มวี ิธใี ดบ้างทใ่ี ชใ้ นการ เปรยี บเทียบจานวนสองหลักสองจานวน วธิ ใี ดง่ายตอ่ การเปรียบเทยี บทไี่ ม่ตอ้ งใช้สือ่ ถาม-ตอบ จนไดค้ าตอบว่า ใชว้ ิธดี หู ลักและค่าของตวั เลขโดด ในหลักสบิ หรอื หลกั หนว่ ย 2. ครูนาเขา้ ส่บู ทเรียน โดยสรา้ งสถานการณ์วา่ เพื่อน ๆ เลน่ ตวั ต่อกัน ขุนมีตัวตอ่ 12 ช้ิน ต้นกลา้ มตี ัว ตอ่ 35 ช้นิ ใบบัวมีตัวต่อ 28 ชน้ิ ต้องการเรยี งลาดับจานวนตวั ตอ่ จากน้อยไปมาก ข้ันสอน 3. ตดิ บตั รตวั เลข 12 35 28 ให้พจิ ารณาจากตวั เลขโดดในหลกั สบิ แลว้ ใช้คาถาม เช่น  เลขโดดในหลักสิบของจานวนใดน้อยท่สี ดุ (12 น้อยท่สี ุด)  เลขโดดในหลักสิบของจานวนใดมากที่สดุ (35 มากทส่ี ุด) ทาให้สามารถเรยี งลาดับจากนอ้ ยไปมาก คือ 12 น้อยทีส่ ุด เรยี งลาดบั เปน็ ตัวแรก 35 มากทีส่ ุด เรียงลาดับเปน็ ตัวสดุ ท้ายเหลือ 28 นาไปเรยี งไวต้ รงกลาง จะไดจ้ านวนท่ีเรียงจากนอ้ ยไปมากดงั น้ี 12 28 35 4. ครสู อนการเรียงลาดับจานวนสี่จานวนโดยการใหน้ ักเรียนหาจานวนท่ีมากที่สดุ และจานวนทน่ี ้อย ที่สดุ ก่อน จากน้ันนาจานวนท่เี หลือมาเปรยี บเทยี บกัน แลว้ เขยี นจานวนเรยี งจากมากไปน้อยหรอื จากนอ้ ยไป มาก ครูควรสอนไปพร้อมกนั นักเรียนจะได้เหน็ ถึงการเรียงลาดบั จานวนว่าถ้าเรยี งจากมากไปนอ้ ยในทาง กลับกนั จะเป็นการเรยี งจากน้อยไปมาก 5. ครใู ห้นกั เรยี นฝึกการเรียงลาดบั จานวนหา้ จานวนจากนอ้ ยไปมาก ติดบัตรตัวเลข 35 20 80 56 41 พิจารณา เลขโดดในหลกั สบิ แลว้ ใช้คาถาม เชน่  เลขโดดในหลักสิบของจานวนใดน้อยท่สี ดุ (20 นอ้ ยทสี่ ดุ )  เลขโดดในหลกั สิบของจานวนใดมากที่สุด (80 มากที่สดุ ) ทาให้สามารถเรียงลาดับได้สองจานวน คอื 20 นอ้ ยทสี่ ุด เรยี งลาดับเป็นตัวแรก 80 มากที่สดุ เรยี งลาดับเป็นตัวสุดท้าย เหลอื 35 56 41 ท่ีต้องนาไปเรยี งไว้ตรงกลาง นา 35 56 41 มาพจิ ารณาเลขโดดใน หลักสิบอกี ครั้ง จะได้ 35 น้อยทีส่ ดุ 56 มากท่ีสดุ เหลอื 41 นาไปเรียงไวต้ รงกลางจะได้ 35 41 56 ดังนน้ั เรยี ง จานวนหา้ จานวน จากน้อยไปมากไดด้ งั นี้ 20 35 41 56 80

ขั้นสรุป 6. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นเพอ่ื ให้สอดคล้อง กบั จดุ ประสงคข์ องการเรียนในชวั่ โมงน้ี โดยให้ เรียงลาดับ 85 23 71 75 59 จากนอ้ ยไปมากและจากมากไปนอ้ ย 7. จากนน้ั ร่วมกนั สรุปบทเรยี นว่า การเรียงลาดับจานวนจากมากไปน้อย หรอื จากน้อยไปมาก อาจทา ได้โดยหาจานวนท่มี ากที่สุดและนอ้ ยทส่ี ุดกอ่ น จากน้ันนาจานวนทเี่ หลอื มาเปรยี บเทยี บกันแลว้ เรียงตามลาดับ 8. จากน้ันให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด 10.8 หน้า 60-62 สื่อการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียนคณิตศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 3. บตั รตวั เลข การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหดั 2. สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 12 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 10 เรอื่ ง จานวนนับ 21 ถงึ 100 เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 12 เรือ่ ง แบบรูปทเี่ พม่ิ ขนึ้ และลดลงทลี ะ 1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด ค 1.2 เขา้ ใจและวิเคราะหแ์ บบรปู ความสมั พันธ์ ฟังก์ชัน ลาดับและอนกุ รม และนาไปใช้ ค 1.2 ป.1/1 ระบุจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนท่ีเพ่ิมขึ้นหรือลดลงทีละ 1 และทีละ 10 และระบรุ ปู ท่หี ายไปในแบบรปู ซา้ ของเรขาคณิตและรูปอืน่ ๆ ท่ีสมาชกิ ในแต่ละชดุ ทีซ่ ้ามี 2 รปู สาระสาคัญ แบบรูปของจานวนท่ีเพม่ิ ข้นึ -ลดลงทีละ 1 ทีละ 10 เปน็ ชุดของจานวนท่มี ีความสัมพนั ธ์กนั แบบเพ่ิมข้ึน- ลดลงทีละ 1 หรือทีละ 10 ซึง่ สามารถบอกจานวนตอ่ ไปหรือจานวนทีห่ ายไปได้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายวธิ พี จิ ารณาความสัมพันธข์ องแบบรูปของจานวนทเี่ พมิ่ ข้นึ หรือลดลงทลี ะ 1 ได้ (K) 2. หาจานวนถดั ไปหรอื จานวนที่หายไปของแบบรูปของจานวนท่เี พิ่มขนึ้ หรือลดลงทลี ะ 1 ได้ (P) 3. รบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าทท่ี ไี่ ด้รับมอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ แบบรูปของจานวนท่ีเพิ่มขนึ้ หรือลดลงทีละ 1 กระบวนการทางคณิตศาสตร์  การแก้ปัญหา  การสื่อสารและการสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์  การเช่ือมโยง  การให้เหตผุ ล  การคิดสรา้ งสรรค์ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ มนั่ ในการทางาน กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นา 1. นกั เรียนต้องมีพน้ื ฐานการบวกจานวนทีละ 1 ครจู ึงควรทบทวนการบวกจานวนกอ่ นโดยการถาม- ตอบ เช่น 6 + 1 ได้ ..... 7 + 1 ได้ ..... 8 + 1 ได้ ..... 9 + 1 ได้ ..... 2. ครูตดิ บตั รภาพกบกระโดดบนใบบวั กบเร่มิ ตน้ กระโดดจาก 6 ใหน้ ักเรียนสังเกตชดุ ของจานวน 6 7 8 9 10 คดิ และตอบใหไ้ ด้ดว้ ยตนเอง ถามนักเรยี นหลาย ๆ คนว่า 6 7 8 9 10 เปน็ การเรยี งจานวนใน ลกั ษณะอย่างไร จนได้คาตอบ พร้อมท้ังเขยี นความเช่ือมโยงดว้ ยลกู ศร + 1 แล้วสรปุ วา่ 6 7 8 9 และ 10 เป็น จานวนนับทเ่ี พิ่มขน้ึ ทีละ 1 ขั้นสอน 3. ครูแนะนาความสมั พนั ธท์ ่ีต่อเน่อื งกนั ในลกั ษณะนี้วา่ เปน็ แบบรปู ฝกึ หาจานวนที่หายไป ในแบบรูป ของจานวน 21 22 23 24 ... โดยถามว่าเปน็ แบบรูปที่เพิ่มขึน้ หรือไม่ ถา้ เป็น เพิม่ ข้ึนทลี ะเท่าไร ตอ่ จาก 24 เปน็ จานวนใด จานวนทีห่ ายไปคือ 25 เมื่อเข้าใจแบบรปู ทีเ่ พม่ิ ข้ึน ให้บอกจานวนทีห่ ายไปในแบบรปู ตาม หนังสอื เรยี น หนา้ 101 4. ครูสอนเก่ยี วกับการลบจานวนทีละ 1 โดยการถามตอบ เช่น 23 - 1 ได้..... 22 - 1 ได้ ..... 21 - 1 ได้ ..... 5. ตดิ บตั รภาพแสดงจานวน 8 7 6 5 4 ใหส้ ังเกตวา่ เป็นอย่างไร เป็นจานวนท่ีเพม่ิ ขึ้นใชห่ รือไม่ ให้ นกั เรียน คิดและตอบใหไ้ ดด้ ว้ ยตนเอง ถามนกั เรยี นหลาย ๆ คนวา่ 8 7 6 5 4 เปน็ การเรยี งจานวนในลกั ษณะ อย่างไร จนไดค้ าตอบ พรอ้ มทั้งเขยี นความเช่ือมโยงดว้ ยลกู ศร - 1 แล้วสรุปว่า 8 7 6 5 4 เป็นจานวนท่ีลดลง ทลี ะ 1 6. ครูแนะนาความสัมพันธ์ที่ตอ่ เนื่องกันในลกั ษณะนีว้ า่ เปน็ แบบรูป ฝกึ หาจานวนทีห่ ายไปในแบบรูป ของจานวน 25 24 23 ... 21 โดยถามวา่ เป็นแบบ รปู ที่ลดลงหรอื ไม่ ถา้ เป็น ลดลงทีละเท่าไร ตอ่ จาก 23 เปน็ จานวนใด ดังน้ันจานวนที่หายไปคอื 22 หลงั จากท่เี ข้าใจแบบรปู ท่ลี ดลงแล้วให้บอกจานวนทห่ี ายไปในแบบรปู ตามหนังสือเรยี นหนา้ 102 7. ครใู ห้นักเรยี นฝกึ เตมิ จานวนทห่ี ายไปในแบบรปู ของจานวนทีเ่ พมิ่ ขนึ้ หรือลดลงทลี ะ 1 และเขียน “เพม่ิ ข้ึน” หรอื “ลดลง” โดยอาจใหน้ ักเรยี นตอบทลี ะคน พรอ้ มทั้งให้อธบิ ายว่าเพ่มิ ขนึ้ หรอื ลดลงอย่างไร ขนั้ สรุป 8. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนเพือ่ ให้สอดคลอ้ ง กับจุดประสงคข์ องการเรียนในช่ัวโมงนี้ โดยให้ เตมิ ตัวเลข ท่ีหายไปในแบบรปู ตามหนงั สือเรยี นหนา้ 104

9. จากน้นั รว่ มกนั สรปุ บทเรียนว่า แบบรูปของจานวนทีเ่ พ่ิมขนึ้ ทลี ะ 1 เป็นชดุ ของจานวนทีม่ ี ความสมั พนั ธก์ ันอยา่ งตอ่ เน่ืองในลักษณะของการเพ่ิมข้นึ ทลี ะ 1 เชน่ 10 11 12 13 14 ส่วนแบบรูปของ จานวนท่ีลดลงทีละ 1 เป็นชุดของจานวน ทม่ี คี วามสมั พันธ์กันอยา่ งต่อเน่ืองในลักษณะของการลดลงทลี ะ 1 เช่น 30 29 28 27 26 10. จากนนั้ ใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัด 10.9 หน้า 63-64 สอื่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียนคณติ ศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 3. บตั รคา บัตรภาพ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจแบบฝกึ หัด 2. สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 10 เร่อื ง จานวนนบั 21 ถงึ 100 เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 13 เรอ่ื ง แบบรปู ที่เพ่มิ ขึ้นและลดลงทลี ะ 10 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด ค 1.2 เข้าใจและวเิ คราะหแ์ บบรปู ความสมั พนั ธ์ ฟังกช์ ัน ลาดับและอนุกรม และนาไปใช้ ค 1.2 ป.1/1 ระบุจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนท่ีเพิ่มขึ้นหรือลดลงทีละ 1 และทีละ 10 และระบุรูปทห่ี ายไปในแบบรูปซา้ ของเรขาคณติ และรปู อ่ืน ๆ ท่ีสมาชกิ ในแตล่ ะชุดที่ซา้ มี 2 รูป สาระสาคัญ แบบรูปของจานวนท่ีเพ่มิ ข้นึ -ลดลง ทลี ะ 1 ทลี ะ 10 เป็นชุดของจานวนท่มี ีความสมั พนั ธก์ ันแบบเพ่ิมขึ้น- ลดลงทีละ 1 หรอื ทีละ 10 ซง่ึ สามารถบอกจานวนต่อไปหรือจานวนทหี่ ายไปได้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายวิธพี ิจารณาความสมั พนั ธข์ องแบบรปู ของจานวนทเ่ี พมิ่ ขน้ึ หรือลดลงทีละ 10 ได้ (K) 2. หาจานวนถัดไปหรอื จานวนที่หายไปของแบบรูปของจานวนทีเ่ พิม่ ขน้ึ หรอื ลดลงทีละ 10 ได้ (P) 3. รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ทีท่ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ แบบรปู ของจานวนทเ่ี พ่ิมข้ึน หรือลดลงทลี ะ 10 กระบวนการทางคณติ ศาสตร์  การแก้ปญั หา  การสอื่ สารและการส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์  การเชอื่ มโยง  การให้เหตุผล  การคิดสร้างสรรค์ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนา 1. นกั เรยี นตอ้ งมพี นื้ ฐานความร้เู รอ่ื งการบวกจานวนทีละ 10 ครจู ึงควรทบทวนการบวกจานวนกอ่ น โดยการถาม-ตอบ เช่น 7 + 10 ได้ ..... 8 + 10 ได้ ..... 9 + 10 ได้ ..... 2. ครตู ดิ บตั รภาพแสดงแบบรูปทีเ่ พิม่ ข้ึนของจานวน เร่มิ ต้นจานวนแรก เป็น 10 ให้นักเรียนสังเกตชุด ของจานวน 10 20 30 40 50 คดิ และตอบใหไ้ ดด้ ้วยตนเอง ถามนักเรียนหลาย ๆ คนว่า 10 20 30 40 50 เป็นแบบรปู ที่เรียงจานวนในลกั ษณะอยา่ งไร จนได้คาตอบพร้อมทัง้ เขยี นความเชื่อมโยงดว้ ยลูกศร + 10 ทกุ จานวน ขนั้ สอน 3. ครูและนักเรียนสรปุ วา่ 10 20 30 40 และ 50 เปน็ จานวนทเี่ พม่ิ ขน้ึ ทีละ 10 ครูเนน้ ย้าว่า ความสมั พนั ธท์ ี่ตอ่ เน่ืองกัน ในลักษณะนเี้ ปน็ แบบรูป สาหรบั ชุดของจานวน 12 22 32 42 52 ใช้วิธีการให้ นักเรียนคิดเช่นเดยี วกนั หลงั จากนั้นให้เติมจานวนทหี่ ายไปตามหนังสอื เรียน 4. ครูสอนเร่อื งการลบจานวน โดยการถาม-ตอบ เชน่ 78 - 10 ได้ .... 68 - 10 ได้ ....58 - 10 ได้ .... 5. ครูติดบตั รภาพแสดงจานวน 40 30 20 10 0 และ 85 75 65 55 45 ใหน้ กั เรียนสงั เกตชุดของ จานวนทั้งสอง คิดและตอบใหไ้ ดด้ ้วยตนเอง ถามนกั เรยี นหลายๆ คนวา่ แบบรปู ทั้งสองเปน็ แบบรปู ที่เรยี ง จานวนในลกั ษณะอยา่ งไรจนได้ คาตอบพรอ้ มท้งั เขยี นความเช่ือมโยงดว้ ยลกู ศร - 10 6. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปว่า 40 30 20 10 0 และ 85 75 65 55 45 เปน็ แบบรูปของจานวน ทีล่ ดลงทลี ะ 10 หลงั จากท่ีเขา้ ใจแบบรปู ที่ลดลงแลว้ ใหบ้ อกจานวนทห่ี ายไปในแบบรปู ตามหนงั สือเรยี นหนา้ 106 7. ครใู ห้นกั เรียนฝึกบอกจานวนทีห่ ายไปในแบบรูปของจานวนทเ่ี พิ่มขึน้ หรือลดลงทลี ะ 10 และเขยี น “เพ่มิ ขึน้ ” หรอื “ลดลง” ตามหนังสือเรียนโดยอาจให้นกั เรยี นตอบทลี ะคน พรอ้ มท้งั ให้อธิบายวา่ เพม่ิ ขึน้ หรือ ลดลงอย่างไร ข้ันสรปุ 8. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนเพอ่ื ใหส้ อดคล้อง กับจุดประสงคข์ องการเรียนในชว่ั โมงน้ี โดย เติมตวั เลขในชอ่ งว่างให้เปน็ แบบรูปของจานวนท่เี พ่มิ ข้ึนหรือลดลง ทีละ 10 ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 108 ซง่ึ ลกั ษณะของโจทย์เปน็ แบบรูปในลกั ษณะแนวนอนและแนวต้ังผสมกัน

9. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปว่า แบบรูปของจานวนที่เพิ่มขึ้นทลี ะ 10 เปน็ ชดุ ของจานวนทม่ี ี ความสัมพันธก์ นั อยา่ งตอ่ เน่ืองในลักษณะของการเพ่มิ ขึ้นทลี ะ 10 เชน่ 10 20 30 40 50 แบบรปู ของจานวนท่ีลดลงทีละ 10 เปน็ ชุดของจานวนทมี่ ีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งต่อเนื่องในลกั ษณะ ของการลดลงทลี ะ 10 เช่น 95 85 75 65 55 10. จากน้นั ให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัด 10.10 หน้า 65 – 66 สือ่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นคณิตศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณติ ศาสตร์ ป.1 เลม่ 2 สสวท. 3. บตั รคา บตั รภาพ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหดั 2. สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 14 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 10 เรอื่ ง จานวนนับ 21 ถึง 100 เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 14 เร่อื ง แบบรปู ของจานวนบนตารางร้อย มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด ค 1.2 เขา้ ใจและวเิ คราะหแ์ บบรูป ความสมั พันธ์ ฟังก์ชัน ลาดับและอนุกรม และนาไปใช้ ค 1.2 ป.1/1 ระบุจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนท่ีเพิ่มขึ้นหรือลดลงทีละ 1 และทีละ 10 และระบุรูปทห่ี ายไปในแบบรูปซา้ ของเรขาคณติ และรปู อื่น ๆ ที่สมาชกิ ในแต่ละชดุ ทซี่ า้ มี 2 รูป สาระสาคญั แบบรูปของจานวนท่เี พ่ิมข้นึ -ลดลง เปน็ ชดุ ของจานวนที่มีความสัมพันธก์ ันแบบเพมิ่ ขึ้น-ลดลง ซ่งึ สามารถ บอกจานวนตอ่ ไปหรอื จานวนทีห่ ายไปได้ จากตารางรอ้ ย จานวนจากซ้ายไปขวา เปน็ จานวนท่เี พ่ิมขนึ้ ทีละ 1 จานวนจากขวาไปซ้าย เป็นจานวนที่ ลดลงทลี ะ 1 จานวนจากบนลงล่าง เป็นจานวนท่เี พ่มิ ข้ึนทีละ 10 จานวนจากลา่ งขน้ึ บน เปน็ จานวนทลี่ ดลง ทีละ 10 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความสมั พันธข์ องแบบรปู ที่เพมิ่ ขึน้ หรอื ลดลงบนตารางร้อย (K) 2. บอกจานวนท่หี ายไปในแบบรูปทก่ี าหนดบนตารางร้อย ได้ (P) 3. รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ทที่ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย (A) สาระการเรียนรู้ แบบรูปของจานวนท่ีเพมิ่ ขนึ้ หรอื ลดลง กระบวนการทางคณิตศาสตร์  การแกป้ ญั หา  การสื่อสารและการสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์  การเช่อื มโยง  การให้เหตุผล  การคิดสรา้ งสรรค์

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. ม่งุ มัน่ ในการทางาน กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นา 1. ให้นกั เรยี นสงั เกตชุดของจานวนบนตารางร้อย 12 13 14 15 16 17 คิดและตอบให้ได้ด้วยตนเอง โดยถามนกั เรียนหลาย ๆ คนว่า 12 13 14 15 16 17 เปน็ การเรียงจานวนในลักษณะอย่างไร จนได้คาตอบ พร้อมท้งั เขยี น ความเชอ่ื มโยงดว้ ยลกู ศร + 1 ขั้นสอน 2. ครูและนกั เรียนสรปุ ว่า 12 13 14 15 16 17 เปน็ จานวนท่เี พิม่ ข้ึนทีละ 1 แนะนาความสัมพนั ธ์ ท่ตี ่อเนอ่ื งกันในลักษณะนว้ี า่ เปน็ แบบรปู 3. ฝึกหาจานวนทห่ี ายไปในแบบรปู ของจานวน 25 24 23 21 โดยถามวา่ เปน็ แบบรูปทีเ่ พม่ิ ขึ้นหรือ ลดลง และเพ่ิมขึ้นหรอื ลดลงทีละเท่าไร ตอ่ จาก 23 เป็นจานวนใด จานวนทห่ี ายไปคือ 22 โดยใหผ้ เู้ รยี นดูจาก ตารางรอ้ ย เพ่ือให้เข้าใจแบบรปู ทเี่ พิ่มข้นึ หรอื แบบรูปที่ลดลงจากตารางรอ้ ย 4. ใหน้ ักเรยี นสงั เกตชุดของจานวน 30 40 50 60 70 วา่ เป็นอยา่ งไร เปน็ จานวนท่เี พิ่มขึ้นใชห่ รอื ไม่ ใหน้ ักเรยี นคิดและตอบใหไ้ ด้ดว้ ยตนเอง ถามนกั เรียนหลาย ๆ คนว่า 30 40 50 60 70 เป็นการเรยี งจานวนใน ลกั ษณะอย่างไร จนไดค้ าตอบ พร้อมท้งั เขียนความเช่อื มโยงดว้ ยลกู ศร + 10 แลว้ สรปุ ว่า 30 40 50 60 70 เปน็ จานวนทเ่ี พิ่มข้นึ ทลี ะ 10 5. ครูแนะนาความสัมพันธท์ ่ีต่อเนอ่ื งกนั ในลกั ษณะน้ีวา่ เปน็ แบบรูป ฝึกหาจานวนทห่ี ายไปในแบบรูป ของจานวน 25 35 45 65 โดยถามว่าเป็นแบบรูปท่ีเพม่ิ ข้นึ หรือลดลงใช่หรือไม่ จานวนทตี่ ่อจาก 45 เปน็ จานวนอะไร ดังนน้ั จานวนทห่ี ายไปคอื 55 หลงั จากที่เข้าใจแบบรูปแลว้ ใหบ้ อกจานวนทหี่ ายไปในแบบรูปตาม หนังสือเรียนหน้า 111 6. ใหน้ กั เรียนเตมิ ตวั เลขแสดงจานวนทห่ี ายไปในแบบรปู ตามหนงั สอื เรียน โดยอาจใหน้ ักเรยี นตอบที ละคน พร้อมทง้ั ให้ อธิบายวา่ เพ่ิมขึน้ หรอื ลดลงอย่างไร

ข้ันสรุป 7. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นเพือ่ ให้สอดคลอ้ ง กบั จุดประสงคข์ องการเรยี นในช่วั โมงน้ี โดยให้ เตมิ ตวั เลข แสดงจานวนทีห่ ายไปในแบบรปู ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 112 8. จากนนั้ ร่วมกันสรปุ บทเรียนจากตารางร้อย  จานวนจากซ้ายไปขวาในแนวเดยี วกันเป็นจานวนทเ่ี พ่ิมข้นึ ทีละ 1 จานวน  จากขวาไปซา้ ยในแนวเดยี วกันเปน็ จานวนทล่ี ดลงทลี ะ 1  จานวนจากบนลงลา่ งในแนวเดยี วกนั เปน็ จานวนทีเ่ พ่ิมขึ้น ทลี ะ 10  จานวนจากล่างขนึ้ บนในแนวเดียวกนั เปน็ จานวนที่ลดลง ทลี ะ 10 9. จากนน้ั ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหัด 10.11 หนา้ 67-69 สอ่ื การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 2. แบบฝึกคณติ ศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 3. ตารางร้อย 4. บตั รคา บัตรภาพ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหดั 2. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 15 ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เวลา 15 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 10 เร่อื ง จานวนนับ 21 ถงึ 100 เวลา 1 ชัว่ โมง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 15 เรอ่ื ง รว่ มคิดร่วมทา มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด ค 1.2 เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพนั ธ์ ฟังก์ชนั ลาดับและอนกุ รม และนาไปใช้ ค 1.2 ป.1/1 ระบุจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงทีละ 1 และทีละ 10 และระบุรูปท่ีหายไปในแบบรูปซ้าของเรขาคณิตและรูปอน่ื ๆ ที่สมาชกิ ในแต่ละชดุ ทีซ่ า้ มี 2 รูป สาระสาคญั แบบรปู ของจานวนทเ่ี พม่ิ ข้ึน-ลดลง เป็นชุดของจานวนที่มีความสัมพันธ์กันแบบเพิ่มข้นึ -ลดลง ซงึ่ สามารถ บอกจานวนต่อไปหรือจานวนทีห่ ายไปได้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความสมั พนั ธข์ องแบบรูปที่เพม่ิ ข้ึนหรือลดลง (K) 2. บอกจานวนท่หี ายไปในแบบรปู ท่กี าหนดได้ (P) 3. รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ทที่ ไี่ ด้รบั มอบหมาย (A) สาระการเรยี นรู้ แบบรูปของจานวนท่ีเพิ่มขนึ้ หรือลดลง กระบวนการทางคณติ ศาสตร์  การแกป้ ญั หา  การส่ือสารและการสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์  การเช่ือมโยง  การใหเ้ หตุผล  การคิดสร้างสรรค์ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทางาน กิจกรรมการเรียนรู้ กจิ กรรม เรยี งแก้ว 1. ครูแบง่ กลุม่ นักเรยี นและใหแ้ ตล่ ะกลุ่มจัดเรียงแกว้ ตามรปู ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 113 แลว้ บอกจานวน แกว้ ทีใ่ ช้ 2. จัดเรยี งแก้วตามรูปในหนงั สือเรียนหน้า 113 แตใ่ หช้ ั้นล่างสดุ มีแกว้ 2 ใบ 3 ใบ 4 ใบ 5 ใบ 6 ใบ 7 ใบ 8 ใบ 9 ใบ และ 10 ใบ ตามลาดบั จะต้องใช้แกว้ ในการวางเรียงท้ังหมดกใ่ี บ 3. บันทกึ ผลลงในแบบบนั ทึก 4. จากนนั้ ให้นกั เรียนทาแบบฝกึ ทา้ ทาย หน้า 70 ส่ือการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 2. แบบฝกึ คณติ ศาสตร์ ป.1 เล่ม 2 สสวท. 3. แกว้ กระดาษหรอื ถว้ ยพลาสติก กลุม่ ละ 55 ใบ 4. แบบบันทกึ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจแบบฝึกหัด 2. สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรม 3. สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุม่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook