Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เห็ด 10 ชนิด ที่คนไทยสมัยรัชกาลที่ 5 นิยมเก็บมารับประทาน นางสาวอภิญญา สีสวย

เห็ด 10 ชนิด ที่คนไทยสมัยรัชกาลที่ 5 นิยมเก็บมารับประทาน นางสาวอภิญญา สีสวย

Published by TA LOOK, 2022-01-25 04:49:22

Description: เห็ด 10 ชนิด ที่คนไทยสมัยรัชกาลที่ 5 นิยมเก็บมารับประทาน นางสาวอภิญญา สีสวย

Search

Read the Text Version

เหด็ 10 ชนดิ ทค่ี นไทยสมยั รัชกาลท่ี 5 นยิ มเกบ็ มา รบั ประทาน-ขาย การเกบ็ เห็ดมาเพอ่ื รับประทานหรือขายคงมีมาแตโ่ บราณกาล เพราะเห็ดเป็นของทีห่ าง่ายโดยเฉพาะ ในช่วงฤดูฝน หากแมไ้ มม่ ีฝนก็สามารถเพาะเองไดไ้ ม่ยาก คนไทยสมัยกอ่ นจึงนยิ มกินเห็ด เกบ็ มาได้ มากก็นาไปขาย หรืออาจยึดเปน็ อาชีพเกบ็ เหด็ ขายก็ได้ เน่อื งจากเห็ดบางชนิดหายาก มีรสอรอ่ ย เป็น ทน่ี ยิ มหาซอื้ รบั ประทาน สามารถนาไปขายไดร้ าคาดี ในหนงั สอื วชริ ญาณวิเศษ เลม่ 6 แผน่ 47 วนั พฤหสั บดีท่ี 24 เดือนกนั ยายน รัตนโกสนิ ทรศ์ ก 110 และแผ่น 48 วันพฤหัสบดที ี่ 1 เดอื นตลุ าคม รตั นโกสนิ ทร์ศก 110 หรือตรงกบั ปี พ.ศ. 2434 ไดใ้ ห้ ข้อมลู เก่ยี วกับการเกบ็ เหด็ ของคนไทยในสมยั รชั กาลท่ี 5 ไว้อยา่ งน่าสนใจ โดยระบุถงึ เห็ด 14 ชนิด ซึ่ง คาดว่าน่าจะเปน็ เหด็ ท่นี ิยมรับประทานกันในสมัยนั้น ว่ามีลักษณะเป็นอยา่ งไร เกิดขน้ึ หรอื เพาะได้ อย่างไร มรี าคาซือ้ ขายเปน็ เงนิ เทา่ ใด มีวิธกี ารเสาะหาหรือเกบ็ เห็ดอย่างไร ฯลฯ รายละเอียดมดี ังน้ี

“1. เหด็ ปลวก (เห็ดโคน) น้ี มแี ตกตา่ งออกไปเป็น 2 ชนิด คอื ชนดิ หน่ึงดอกใหญ่ ชนดิ หนงึ่ ดอกเลก็ ๆ เห็ดชนิดน้คี นชอบกิน ดเู หมือนจะกนิ กันทัว่ ทกุ ตัวคนก็ว่าได้ เพราะมที ี่เกดิ มาก แลหาง่ายกว่าเหด็ อน่ื ๆ ชอบเกิดตามจอมปลวกหรือพ้ืนท่ที มี่ ีปลวก เพราะฉะนนั้ จึ่งไดน้ ามเรียกว่า “เห็ดปลวก” แต่เห็ดชนดิ ดอกเลก็ ถงึ มิใชท่ จ่ี อมปลวกบางทกี ข็ ึ้นได้ แต่เขาเรยี กกันวา่ “เห็ดปลวกเขา้ ตอก” รปู พรรณสัณฐานก็ คล้ายเห็ดปลวกชนดิ ใหญ่ คือมลี าต้นขน้ึ จากดนิ แลว้ มหี มวกกลางแหลม ๆ ครอบลงมา สัณฐานคลา้ ย กบั หมวกเจ๊ก ไม่สโู้ ตนกั สีขาว ๆ แกมดาบ้างเลก็ น้อย

2. เหด็ ตบั เต่า ชอบขนึ้ ตามทีเ่ นา่ ๆ คอื ท่ีมใี บไมส้ ะสมอยมู่ าก ๆ แลว้ ไดถ้ กู นา้ ฝนเปียกช่มุ จนใบไม้น้นั เน่า เหด็ น้จี ง่ึ เกิดข้นึ ตามท่เี หล่านน้ั สัณฐานดา ๆ คล้ายตบั ของเต่าจริง ๆ แตด่ อกโต เพราะฉะนน้ั จึ่ง เรียกว่า “เหด็ ตับเต่า” เมอ่ื ได้เอามาทากับข้าวรบั ประทานดู กเ็ ปน็ เมอื ก ๆ ลน่ื ๆ ดี

3. เห็ดจาวมะพร้าว ชอบขึ้นท่รี มิ โคนตน้ มะพร้าวทตี่ ายแล้วจนแหง้ ผุ รูปพรรณคลา้ ยจาวมะพร้าว มี รสหวานอรอ่ ยดี แต่หายากเพราะไมค่ ่อยจะมชี กุ ชมุ เช่นเหด็ ปลวก แตเ่ ป็นท่ีนิยมชอบกนั มาก

4. เหด็ พง (เหด็ ระกา) มีในที่ป่าพงมาก ๆ เกิดข้นึ ตามกอพง ดอกกลม ๆ รี ๆ คล้ายผลหมากดบิ อยา่ งใหญ่ก็เทา่ ผลหมากดิบ แต่โอชารสนกั ทั้งหวานแลมนั เป็นทน่ี ิยมของประชมุ ชนว่าเป็นของมรี สดี เวลาท่ีไปเก็บเห็ดนี้ดูออกสนุกสนาน คอื ตอ้ งมุ่นป่าพง หรือเอาไมย้ าว ๆ นาบไปตามปา่ พง ถ้าทใ่ี ดมี มาก ๆ กแ็ ย่งชิงกนั ดอู อกสนกุ แลเอามาขายกไ็ ด้ราคาดถี งึ 8 ดอก หรอื 10 ดอกเฟือ่ ง ถงึ จะเก็บไว้ รบั ประทานนาน ๆ กไ็ ม่เสีย แตต่ ้องผึง่ แดดเสียใหแ้ ห้ง แล้วก็เกบ็ ไว้ไดจ้ นตลอดปี

5. เหด็ ยาง (เห็ดถอบ) มีตามปา่ ยาง เกิดขนึ้ ทภ่ี ายใต้ตน้ ยาง เปน็ เพราะใบยางสะสมกนั มากเข้า ครน้ั ถึงฤดฝู นฝนตกเปียกแฉะ จ่ึงเกดิ เป็นเหด็ ข้นึ แตบ่ างคนวา่ เปน็ เพราะผลยาง…สัณฐานของเห็ดนี้ลกู กลม ๆ เท่าผลหมากปอกแลว้ พวกทีห่ าเห็ดยางมไี ม้คนละอันเท่ียวเข่ียไปตามโคนต้นยาง บางแห่งก็มีมาก ๆ กองอยู่เปน็ กลมุ่ ๆ หลายสิบหลายร้อย สีมอ ๆ ดา ๆ แตเ่ ห็ดนี้มเี น้อื เป็น 2 ชนั้ คอื มีเปลอื กห้มุ นอก ชนั้ หนงึ่ เปน็ แกนออ่ น ๆ อยขู่ า้ งในอกี ชน้ั หนง่ึ ราคาขายไมส่ แู้ พงเหมอื นเหด็ อ่นื ๆ ซอื้ เฟือ้ งหนงึ่ ก็พอ หมอ้ แกงใหญ่ ๆ แต่รสไมส่ ู้ดอี ะไรนกั ผ่ึงแดดเสียให้แหง้ แลว้ กเ็ ก็บไว้ค้างปีได้

6. เหด็ พะยอม กค็ ล้ายกับเห็ดยาง อาศยั ผลพะยอมปลวิ ไปสะสมอยู่มาก ๆ ในทร่ี ม่ ๆ จนตลอดปี แลว้ ไดถ้ กู นา้ ฝนตกรดจนเนา่ จึ่งเกดิ เป็นเหด็ ขน้ึ แตถ่ า้ ปใี ดพะยอมไม่มีดอก เห็ดกไ็ มม่ เี ลย ถึงเหด็ ยางก็จะ เป็นเชน่ เดยี วกบั เหด็ พะยอม รสของเห็ดน้จี ะวิเศษกว่าเห็ดยางบา้ งกเ็ ล็กนอ้ ย ไม่ไกลกันนัก

7. เหด็ ไขห่ ่าน เห็ดไข่เหลอื ง แล เหด็ ชันหมากพระร่วง มีตามปา่ หลงั เมืองระแหง (เมอื งตาก) รปู คล้าย ๆ ฟองหา่ น โตก็ขนาดฟองหา่ นบ้าง โตกว่าบ้าง เหด็ ไข่เหลอื งกแ็ ปลกแต่ทีม่ สี ีเหลือง ๆ เมื่อถงึ ฤดฝู นตก ชุก ๆ เห็ดน้จี งึ่ ขน้ึ ชาวบา้ นราษฎรพากนั ออกเกบ็ เห็ดกนั แต่เชา้ ๆ ทกุ บ้านทุกเรือน ราคาขายกแ็ พงถึง 5 ดอก 6 ดอกเฟอ้ื ง มรี สหวานแลมนั บ้างเล็กน้อย แต่ผิวนอกดอกเห็ดชนิดนี้ลนื่ ๆ เปน็ เมือก ๆ เหด็ ชันหมากพระรว่ งแปลกกว่าเห็ดไขห่ า่ น ไข่เหลือง สีแดง ๆ ดอกโต รูปคล้าย ๆ ร่มกามะลอเลก็ ๆ แต่ รสไม่สู้ดีเหมอื นเหด็ ไข่ห่าน ไข่เหลอื ง

8. เหด็ ลม อกี ชนิดหนง่ึ ชอบขน้ึ ตามไม้ผุ สขี าวสะอาด รสออกหวาน แตร่ บั ประทานเหนียว ๆ เขาพดู กันว่าเห็ดชนดิ นี้ชอบเกิดเมือ่ เวลามลี มพายุพัดมากในฤดูฝน คราวใดเม่อื มีลมเชน่ นี้กเ็ ปน็ ที่สงั เกตของ พวกที่เคยเก็บเหด็ คราวนั้น แลจะมเี หด็ ลมเกดิ ข้ึน อาศัยเหตนุ ้ีจ่งึ ได้เรยี กกันว่า “เห็ดลม”

9. เหด็ หหู นู ชอบขน้ึ ตามไมผ้ ุ แต่สดี า ๆ รปู คล้าย ๆ หหู นูเราน่ีเอง เห็ดนีถ้ า้ ผึง่ แดดเสียใหแ้ หง้ แล้วกไ็ ม่ เสีย เก็บไวน้ าน ๆ ได้ แต่เขามักใชป้ ระสมในแกงร้อน หรอื ผัดหมู เกาเหลาแห้ง

10. เห็ดร่ม ชนิดหนงึ่ ดอกใหญ่คล้าย ๆ ร่ม แตด่ อกหนึ่ง ๆ เกอื บแกงได้ 3 หม้อ มที ั้งรสหวานมนั แลมี รสเบือ่ เมามากไปหน่อย ชักให้รสอรอ่ ยดีหมดไปเสยี เกือบคร่งึ แต่เหด็ นี้ไมเ่ ลือกว่าทใ่ี ด เกดิ ไดท้ กุ แหง่

นอกจากน้ี ในหนังสอื วชริ ญาณวเิ ศษยังระบุอีกวา่ เห็ดทุกชนดิ มี “ธาตุเมา” เหมอื นกนั หมด แต่จะมี มากบ้างนอ้ ยบ้างตา่ งกนั ไป เห็ดบางชนิดกินไม่ไดแ้ ตก่ น็ าไปทาเป็นยาได้ เช่น เห็ดกระถนิ พิมาน และ เหด็ ไมแ้ ดง เปน็ ตน้ สว่ นวธิ ีการดูวา่ เหด็ ชนิดใดมีธาตุเมามากนอ้ ยพอจะนามากินได้หรือไม่นั้น ในหนังสอื อธิบายว่า “ผูท้ เ่ี ขา เขา้ ใจรับประทานเห็ด เขากร็ ูไ้ ดว้ ่าจะเมาแลไม่เมาดว้ ยความทดลอง คือเอาเห็ดนน้ั ๆ มาตม้ หรือทา เปน็ กบั ขา้ วตา่ ง ๆ แล้วเอาข้าวสารปนลงไปดว้ ย เมือ่ สุกดแี ลว้ ถา้ ข้าวสารไมส่ กุ แตกเมลด็ เห็ดน้นั กเ็ มา ใช้รับประทานไม่ได้ ถ้าขา้ วสารสกุ แตกเมล็ดดแี ล้วกไ็ มเ่ มาเลย”