เทคนิ ค การสอน
เทคนิคการสอน วิธีสอนแบบปฏิบัติการหรือการทดลอง เป็นวิธีสอนที่ครูเปิดโอการสให้นักเรียนลงมือ ปฏิบัติหรือทำการทดลองค้นหาความรู้ด้วยตนเอง ทำให้เกิดประสบการณ์ตรง ความมุ่งหมายของวิธีสอนแบบ 1.เพื่อให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติหรือทดลองค้นหาด้วย ปฏิบัติหรือการทดลอง ตนเอง 2.เพื่อส่งเสริมการใช้ประสบการณ์ตรงในการแก้ไข ปัญหา 3.เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าแทนการจดจำจากตำรา ข้อดี วิธีการสอนแบบปฏิบัติ 1.ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของการปฏิบัติ หรือการทดลอง และทดลอง 2.เป็นการเรียนรู้จากการกระทำ หรือเป็นการเรียนรู้จาก สภาพจริง 3.เป็นการเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ ข้อสังเกตของวิธีการสอน 1.ผู้เรียนทุกคนต้องมีโอกาสใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ 2.ต้องมีการควบคุมความปลอดภัย 3.ต้องกำหนดสัดส่วนจำนวนนักเรียนต่อพื้นที่ที่ปฏิบัติ
กระบวนการสอน ความมุ่งหมายของวิธีการสอน แบบแบ่งกลุ่มทำงาน ขั้นตอนของวิธีการสอน 1.เพื่อให้นักเรียนมีความรับผิดชอบร่วมกันในการทำงาน 2.เพื่อฝึกทักษะในการแก้ไขปัญหา การศึกษาค้นคว้าเป็นกลุ่ม 1.ขั้นตอนกล่าวนำ 3.เพื่อสร้างนวัตกรรมในการทำงานร่วมกันอย่างมีระบบและมี 2.ขั้นตอนเตรียมดำเนินการ ระเบียบรู้จักหน้าที่ 3.ขั้นตอนเสนอผลการมดลอง 4.ขั้นตอนอภิปรายและสรุปผล วิธีสอนแบบแบ่งกลุ่มทำงาน ข้อดี 1.ผู้เรียนได้ฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม ฝึกหน้าที่ ฝึกการเป็นผู้นำผู้ตามในกลุ่ม 2.ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นของตนเองอย่างเต็มที่ 3.ผู้เรียนได้ทำงานสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีเพราะช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ข้อสังเกตของวิธีการสอน 1.การปฏิบัติกิจกรรมในกลุ่มควรปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด 2.ถ้าเริ่มใช้วิธีการสอนแบบแบ่งกลุ่มทำงาน ครูควรดูแลนักเรียนอย่างใกล้ ชิดเช่น ต้องดูแลให้นักเรียนทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย 3.หน้าที่การเป็นหัวหน้ากลุ่ม ควรหมุนเวียนสับเปลี่ยนเพื่อฝึกการเป็นผู้นำ กระบวนการสอน 1.ครูและนักเรียนร่วมกันกำหนดจุดมุ่งหมายของการทำงานในแต่ละกลุ่ม ขั้นตอนนี้เป็นวิธีการทำงานอย่างละเอียด 2.ครูเสนอแนะแหล่งวิทยาการที่จะใช้ค้นคว้าหาความรู้ ได้แก่ บอกราย ละเอียดของหนังสือใช้ในการค้นคว้า 3.นักเรียนร่วมกันวางแผนและปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย
เทคนิคการสอนแบบสาธิต วิธีสอนที่ครูมีหน้าที่ในการวางแผนการเรียนการสอนเป็นส่วนใหญ่ โดยมีการแสดงหรือการกระทำให้ดูเป็นตัวอย่าง นักเรียนจะเกิดการ เรียนรู้จากการสังเกต การฟัง การกระทำ หรือการแสดง และอาจ เปิดโอกาสให้นักเรียนมามีส่วนร่วม ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1.เตรียมอุปกร ณ์ในการสาธิตให้พร้อม และตรวจสอบความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ 2.เตรียมกระบวนการสาธิต เช่น กำหนดเวลาและขั้นตอนจะเริ่มต้นดำเนินการ และจบลงอย่างไรผู้สาธิตต้องเข้าใจในขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้อย่างละเอียดแจ่มแจ้ง 3.ทดลองสาธิตก่อนสอน ควรทดลองสาธิตเพื่อตรวจสอบความพร้อมตลอดจนผล ที่จะเกิดขึ้นเพื่อป้ องกันข้อผิดพลาดในเวลาสอน 4.ต้องจัดทำคู่มือคำแนะนำหรือข้อสังเกตในการสาธิต เพื่อที่นักเรียนจะใช้ ประกอบในขณะที่มีการสาธิต 5.เมื่อสาธิตเสร็จสิ้นแล้วนักเรียนควรได้ทำการสาธิตซ้ำอีกเพื่อเน้ นให้เกิดความ เข้าใจดีขึ้น 6.จัดเตรียมกิจกรรมหลังจากการสาธิตเพื่อให้นักเรียนเห็นคุณค่าหรือประโยชน์ ของการสาธิตนั้นๆ 7.ประเมินผลการสาธิต โดยพิจารณาพฤติกรรมของนักเรียนและผลของการ เรียนรู้การประเมินผลควรมีกิจกรรมหรือเครื่องมือ เช่น การทดสอบ การให้ แสดงความคิดเห็น หรือการอภิปรายประกอบ
เทคนิคการ สอนด้วยเกม วิธีการสอนโดยใช้เกม คือ กระบวนการที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ โดย การให้ผู้เรียนเล่นเกมตามกติกานำเนื้อหาและข้อมูลของเกม พฤติกรรมการเล่น วิธีการเล่น และผลการเล่นเกมของผู้เรียนมาใช้ในการอภิปรายเพื่อสรุปผลการเรียน ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1.ผู้สอนนำเสน อเกม ชี้แจงวิธีการเล่นและกติกาการเล่น เกม เกมที่ได้รับการออกแบบให้เป็นเกมการศึกษา โดยตรงมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทคือ 1.เกมแบบไม่มีการแข่งขัน 2.เกมแบบแข่งขัน 3.เกมแบบจำลองสถานการณ์ การเลือกเกมเพื่อนำมาใช้สอนทำได้หลายวิธีผู้สอนอาจเป็นผู้สร้างเกมขึ้น หรืออาจนำเกมที่มีผู้ สร้างขึ้นแล้วมาปรับดัดแปลงให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และควรชี้แจงกติกาการเล่นเกมให้ เข้าใจ 2.ผู้เรียนเล่นเกมตามกติกา ผู้สอนควรติดตามสังเกตพฤติกรรมการเล่นของผู้ เรียนอย่างใกล้ชิดและควรบันทึกข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนของผู้เรียน 3.ผู้สอนและผู้เรียนอภิปรายผลควรอภิปรายผลเกี่ยวกับผลการเล่น และมีวิธีการหรือ พฤติกรรมการเล่นของผู้เรียนที่ได้จากการสังเกตจดบันทึกไว้ และในการอภิปรายผล ควรให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้เกมการสอนโดยทั่วๆ ไปมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.ฝึ กฝนเทคนิคหรือทักษะต่างๆ 2.เรียนรู้เนื้ อหาสาระจากเกม 3.เรียนรู้ความเป็นจริงตามสถานการณ์ต่าง ๆ ดังนั้นการอภิปรายควรมุ่งประเด็นไปตาม วัตถุประสงค์ของการสอน
วิธีสอนโดยใช้กรณีตัวอย่าง เป็ นวิธีที่มุ่งช่วยให้ผู้เรียนฝึ กฝนการเผชิญและแก้ปั ญหาโดยไม่ต้องรอให้เกิด ปัญหาจริง เป็นวิธีที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์และเรียนรู้ ความคิดของผู้อื่น ช่วยให้ผู้เรียนมีมุมมองที่กว้างขึ้น ขั้นตอนการสอน 1.ผู้สอน / ผู้เรียนนำเสนอกรณีตัวอย่าง 2.ผู้เรียนศึกษากรณีตัวอย่าง 3.ผู้เรียนอภิปรายประเด็นคำถามเพื่อหาคำตอบ 4.ผู้สอนและผู้เรียนอภิปรายคำตอบ 5.ผู้สอนและผู้เรียนอภิปรายเกี่ยวกับปัญหา วิธีแก้ปัญหาของผู้เรียน และสรุปการเรียนรู้ที่ได้รับเทคนิคและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในการใช้วิธี สอนโดยใช้กรณีตัวอย่างให้มีประสิทธิภาพ
วิธีสอนแบบระดมพลังสมอง หมายถึง วิธีสอนที่ใช้ในการอภิปรายโดยทันทีไม่มีใครกระตุ้นกลุ่มผู้ เ รี ย น เ พื่ อ ห า คำ ต อ บ ห รื อ ท า ง เ ลื อ ก สำ ห รั บ ปัญ ห า ที่ กำ ห น ด อ ย่ า ง รวดเร็วในระยะเวลาสั้นโดยในขณะนั้นจะไม่มีการตัดสินว่าคำ ตอบหรือทางเลือกใดดีหรือไม่อย่างไร ขั้นตอนในการระดมสมอง 1.กำหนดปัญหา 2.แบ่งกลุ่มผู้เรียน และอาจเลือกประธานหรือเลขาเพื่อช่วยในการ อภิปรายและบันทึกผล 3.สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันคิดหาคำตอบหรือทางเลือกสำหรับปัญหา ที่กำหนดให้มมากที่สุดภายในเวลาที่กำหนดโดยปัญหาของแต่ละกลุ่ม อาจเป็นปัญหาเดียวกันหรือต่างกันก็ได้ 4.คัดเลือกเพาะทางเลือกที่น่าจะเป็นไปได้หรือเหมาะสมที่สุด 5.แต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานของตน (ข้อ 4 และ 5 อาจสลับกันได้) 6.อภิปรายสรุปผล
ข้ อ ดี แ ล ะ ข้ อ จำ กั ด ข้อดี ข้อจำกัด 1.ฝึกกระบวนการแก้ปั ญหาและมีคุณค่ามากที่จะ 1.ประเมินผลผู้เรียนแ ต่ละคนได้ยาก ใช้เพื่อแก้ปัญหาหนึ่ง 2.อาจมีนักเรียนส่วนน้อยเพียงไม่กี่คนที่ครอบ ครองการอภิปรายส่วนใหญ่ 2.ก่อให้เกิดแรงจูงใจในตัวผู้เรียนสูง และฝึก 3.เสียงมักจะดังรบกวนห้องเรียนข้างเคียง 4.ถ้าผู้จดบันทึกทำงานช้าการคิดอย่างอิสระก็จะ การยอมรับความเห็นที่แตกต่างกัน ช้าและจำกัดตามไปด้วย 5.หัวเรื่องต้องชัดเจนรัดกุม และมีประธานที่มี 3.ได้คำตอบหรือทางเลือกได้มาก ภายในเวลา ความสามารถในการดำเนินการ และสรุปการ อภิปรายทั้งในกลุ่มย่อยและรวมทั้งชั้น อันสั้น 4.ส่งเสริมการร่วมมือกัน 5.ประหยัดค่าใช้จ่ายและการจัดหาสื่อเพิ่มเติม อื่นๆ การระดมหาที่สุด เป็นการระดมเพื่อหาแนวทางหรือวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อการแก้ปัญหา หรือเพื่อการตัดสินใจ กระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง การระดมพลังสมองเพื่อหาที่สุดจะมี 3 ขั้นตอน คือ 1.ระดมความคิด 2.กลั่นกรองความคิด 3.สรุปความคิดที่เหมาะสม
วิธีการสอน แบบโครงการ
การสอนแบบโครงการ หมายถึง การสอนที่ให้นักเรียนเป็นหมู่ หรือรายบุคคลได้วางโครงการและดำเนินงานให้สำเร็จ เร็วตามโครงการนั้น นับว่าเป็นการสอนที่สอดคล้องกับสภาพชีวิตจริง เด็กจะทำงานนี้ด้วย การตั้งปัญหา ดำเนินการแก้ปัญหาด้วยการลงมือทำจริง ความมุ่งหมาย 1.เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกที่จะรับผิดชอบในการทำงานต่างๆ 2.เพื่อให้นักเรียนฝึกแก้ปัญหาด้วยการใช้ความคิด 3.เพื่อฝึกดำเนินงานตามความมุ่งหมายที่ตั้งไว้ ขั้นตอนการสอน 1.ขั้นกำหนดความมุ่งหมาย เป็นขั้นกำหนดความหมายและลักษณะโครงการโดยตัวนักเรียนครูจะเป็นผู้ชี้แนะให้นักเรียนตั้งความมุ่ง หมายของการเรียนว่าเราจะเรียนเพื่องอะไร 2. ขั้นวางแผนหรือวางโครงการ ขั้นวางแผนหรือวางโครงการ เป็นขั้นที่มีคุณค่าต่อนักเรียนเป็นอย่างมาก คือ นักเรียนจะช่วยกัน วางแผนว่าทำอย่างไรจึงจะบรรลุถึงจุดมุ่งหมาย จะใช้วิธีการใดในการทำกิจกรรม แล้วจึงทำกิจกรรมที่ เหมาะสม 3. ขั้นดำเนินการ เป็นขั้นลงมือกระทำกิจกรรมหรือลงมือแก้ไขปัญหานักเรียนเริ่มงานตามแผนโดยทำกิจกรรมตามที่ ตกลงใจแล้วครูคอยส่งเสริมให้นักเรียนได้กระทำตามความมุ่งหมายที่กำหนดไว้ให้นักเรียนคิดและตัดสิน ใจด้วยตนเองให้มากที่สุดและควรชี้แนะให้นักเรียนรู้จักวัดผลการทำงานเป็นระยะๆเพื่อการทำกิจกรรมจะ ได้ลุล่วงไปด้วยดี 4. ขั้นประเมินผล ขั้นประเมินผล หรืออาจเรียกว่า ขั้นสอบสวนพิจารณานักเรียนทำการประเมินผลว่ากิจกรรมหรือ โครงการที่ทำนั้นบรรลุตามความมุ่งหมายที่ตั้งไว้หรือไม่มีข้อบกพร่องอย่างไรและควรแก้ไขให้ดีขึ้น อย่างไร
ข้อดีและข้อจำกัด ข้อดี 1.นักเรียนมีความสนใจเพราะได้ลงมือปฏิบัติจริงๆ 2.ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานอย่างมีแผนและให้รู้จักประเมินผลงานของ ตนเอง 3.ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตามธรรมชาติ และให้มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น 4.ฝึกให้นักเรียนรู้จักแก้ไขปัญหา เพื่อเตรียมที่จะเผชิญสภาพสังคมจริงๆ ข้อจำกัด 1.เสียเวลามากและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูง 2.ประสบการณ์ในชีวิตจริงหลายอย่างไม่สามารถจะวางแผนและทำกิจกรรมได้ 3.ถ้าครูไม่มีความรู้มากพอ การสอนจะประสบความล้มเหลว 4.อาจทำให้นักเรียนได้รับความรู้ที่เป็ นหลักวิชาไม่เพียงพอ
เทคนิคการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะ องค์ประกอบที่สำคัญของการจั ดการเรียนการสอน แบบสืบเสาะหาความรู้ มีดังนี้ 1.การตั้งประเด็นปัญหาที่นำไปสู่ กิจกร รมการสื บเสาะหาความรู้ 2.การกำหนดขั้นตอน/วิธีการวนการสื บเสาะหาความรู้ 3.การอภิปรายเพื่อสรุ ปคำตอบที่ได้จากการสื บเสาะหาความรู้ ขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้แบ บสื บเสาะหาความรู้ 1.การสร้างความสนใจ (Engagement) โดยผู้สอนควรสร้างความสนใจสร้างความอย ากรู้อยากเห็น มีการตั้งคำถามกระตุ้นให้ผู้ เรียนคิด ดึงเอาคำตอบที่ยังไม่ครอบคลุมสิ่งที่ผู้เรียนรู้หรือแนวคิดหรือเนื้ อหา 2.การสำรวจและค้นหา (Exploration) ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำงานร่วมกันการสำรวจ ตรวจสอบ สังเกตและฟังการโต้ตอบกัน ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียนทำการซักถามเพื่อนำไปสู่การสำรวจตรวจสอบของผู้เรียน และ ให้เวลาผู้เรียนในการคิดข้อสงสัยตลอดจนปัญหาต่าง ๆ และทำหน้ าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ เรียน 3.การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) โดยผู้สอนส่งเสริมให้ผู้เรียนอธิบายแนวคิดหรือให้คำจำกัดความ ด้วยคำพูดของผู้เรียน เอง ให้ผู้เรียนแสดงหลักฐาน ให้เหตุผลและอธิบายให้กระจ่างให้ผู้เรียนอธิบายให้คำ จำกัดความและ ชี้บอกส่วนต่าง ๆ ในแผนภาพให้ผู้เรียนใช้ประสบการณ์ เดิมของตนเป็นพื้นฐานในการอธิบายแนวคิด 4.การขยายความรู้ (Elaboration) โดยผู้สอนคาดหวังให้ผู้เรียนได้ใช้ประโยชน์ จากการชี้บอก ส่วนประกอบต่าง ๆ ใน แผนภาพคำจำกัดความและอธิบายสิ่ งที่เรียนรู้มาแล้วส่ งเสริมให้ผู้เรียนนำสิ่ งที่ผู้เรียนได้ เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้หรือ ขยายความรู้และทักษะในสถานการณ์ใหม่ ให้ผู้เรียนอธิบาย อย่างมีความหมาย ให้ผู้เรียนอ้างอิงข้อมูลที่มีอยู่พร้อมทั้งแสดง หลักฐานและถามคำถาม ผู้เรียนว่าได้เรียนรู้อะไรบ้าง หรือได้แนวคิดอะไร 5.การประเมินผล (Evaluation) โดยผู้สอนสังเกตผู้เรียนในการ นำแนวคิดและทักษะใหม่ประยุกต์ใช้ประเมิน ความรู้และ ทักษะผู้เรียนหาหลักฐานที่แสดงว่าผู้เรียนเปลี่ยนความคิดหรือพฤติกรรม ให้ผู้เรียน ประเมินการเรียนรู้และทักษะกระบวนการกลุ่ม ถามคำถามปลายเปิดเช่น ทำไมผู้เรียนจึง คิดเช่นนั้ น
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ หมายถึง กิจกรรมการเรียนการสอนที่แบ่งนั กเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ ส่งเสริม ให้นั กเรียนทำงานร่วมกันโดยในกลุ่มประกอบด้วยสมาชิกที่มีความ สามารถแตกต่างกัน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการช่วยเหลือ พึ่งพาซึ่งกันและกันและมีความรับผิดชอบร่วมกันทั้งในส่ วนตนและส่ วน รวม เพื่อให้ตนเองและสมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบความสำเร็จตามเป้า หมายที่ว่างไว้ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือมีข้อดีหลายประการ เช่น ㆍ ช่วยพัฒนาความเชื่อมั่นของนั กเรียน ㆍช่วยพัฒนาความคิดของนั กเรียน ㆍช่วยยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนั กเรียน ㆍช่วยส่ งเสริมบรรยากาศในการเรียน ㆍส่ งเสริมทักษะการทำงานร่วมกัน ㆍทำให้นั กเรียนมีวิสัยทัศน์ หรือมุมมองกว้างขึ้น ㆍช่วยการปรับตัวในสั งคมดีขึ้น
แบบอย่างหลากหลาย ดังต่อไปนี้ 1.คิดและคุยกัน(Think Pairs Share) เพื่อนเรียน(Partners) ผลัดกันพูด(Say and Switch) ทั้ง 3 รูปแบบเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่คล้ายคลึงกันให้นั กเรียน จับคู่กันในการตอบคำถามอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น สถานการณ์หรือทำความเข้าใจเนื้ อหาที่เป็นความคิดรวบยอดที่กำหนดให้ 2.กิจกรรมโต๊ะกลม(Roundtable หรือ Roundrobin) เป็นรูปแบบการสอนที่จัดกลุ่มนั กเรียนที่มีจำนวนมากกว่า 2 คนขึ้นไป เปิดโอกาส ให้นั กเรียนทุกคน เขียนความคิดเห็นของตน บอกเล่าประสบการณ์ความรู้หรือสิ่ง ที่ตนกำลังศึกษาให้เพื่อนคนที่อยู่ถัดไปโดยเวียนไปทางด้านใดด้านหนึ่ งสมาชิก ทุกคนจะใช้เวลาเท่า ๆ กันหรือใกล้เคียง 3.คู่ตรวจสอบ(Pairs Check) มุมสนทนา(Corners) ร่วมกันคิด(Numbered Heads together) เป็นรูปแบบการสอนที่คล้ายคลึงกันคือ เป็นการจัดการเรียนการสอนที่แบ่ง นั กเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ ให้ช่วยกันตอบคำถาม แก้โจทย์ปัญหา หรือทำแบบ ฝึกหัดเมื่อสมาชิกทุกคนในกลุ่มย่อยสามารถตอบปัญหา หรือแก้โจทย์ได้แล้วให้ แลกเปลี่ยนกันตรวจสอบคำตอบ โดยการจับคู่ตรวจสอบหรือจัดมุมสนทนา 4.การสัมภาษณ์แบบสามขั้นตอน(Three Step Interview) รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบนี้ มี3 ขั้นตอน โดยครูกำหนดคำถามหรือ ประเด็นโจทย์ปัญหาให้นั กเรียนตอบ
5.การแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกม(Team Games Tournament หรือTGT) , การแบ่งกลุ่มสัมฤทธิ์(Student Team Achievement Division หรือ STAD) เป็นรูปแบบการสอนที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอนคล้ายคลึงกันซึ่งมีราย ละเอียดดังนี้ ㆍ การนำเสนอบทเรียน (Class Presentation) ㆍการจัดทีม (Team) ㆍการแข่งขัน/การทดสอบ (TGT ใช้การแข่งขัน ส่วน STAD ใช้กาiทดสอบ) ㆍการยอมรับความสำเร็จของทีม (Team Recognition) 6.ปริศนาความรู้(Jigsaw) เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ทุกกลุ่มจะได้รับมอบหมายให้ทำกิจกรรม เดียวกันโดยครูผู้สอนแบ่งเนื้ อหาของเรื่องที่จะเรียนออกเป็นหัวข้อย่อยเท่า จำนวนสมาชิกแต่ละกลุ่มและมอบหมายให้นั กเรียนแต่ละคนในกลุ่มค้นคว้า คนละหัวข้อย่อย จากนั้ นแต่ละคนจะกลับเข้ากลุ่มเดิมของตนเพื่ออธิบายหัวข้อที่ ตนศึกษาให้เพื่อนร่วมกลุ่มฟัง 7.การสืบสอบเป็นกลุ่ม(Group Investigation) เป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้ นบรรยากาศการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริม ความคิดสร้างสรรค์ และการเรียนรู้ที่จะดำเนิ นชีวิตอยู่ในสังคมประชาธิปไตยได้ อย่างเหมาะสม 8.การเรียนรู้เป็นกลุ่มเพื่อช่วยเหลือเพื่อนเป็นรายบุคคล (Team Assisted IndividualizationหรือTAI) เป็นการเรียนการสอนที่ผสมผสานระหว่างการจัดการเรียนแบบร่วมมือและการเรียน การสอนแบบรายบุคคลเข้าด้วยกันเน้ นการสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล 9. การเรียนรู้แบบร่วมมือผสมผสานการอ่านและการเขียน (Cooperative Integrated Reading and Composition หรือ CIRC) เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีองค์ประกอบน่าสนใจ ได้แก่ การสร้างกลุ่ม อ่าน การจัดกลุ่มย่อยกิจกรรมการอ่านพื้นฐาน การหาเพื่อนช่วยตรวจสอบ การทดสอบ การ สอนอ่านการสอนเขียน เป็นต้นรูปแบบจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือสามารถจัดได้อย่างหลาก หลาย แต่ทุกแบบมีลักษณะร่วมกัน คือแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ ประมาณ 2-6 คน โดยสมาชิกทุกคนช่วยเหลือกัน มีการฝึกฝนการทำงานกลุ่ม กระบวนการกลุ่ม และการ ประเมินผลเป็นรายบุคคล
จัดทำโดย นางสาววาสนา เดชสุริยันต์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ คณะครุศาสตร์ สาขานาฏศิลป์ รหัสนักศึกษา 63031820107
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: