Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กฎหมายความปลอดภัยภายใต้พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 (ฉบับปรับปรุง มิถุนายน 2566)

กฎหมายความปลอดภัยภายใต้พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 (ฉบับปรับปรุง มิถุนายน 2566)

Description: กฎหมายความปลอดภัยภายใต้พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 (ฉบับปรับปรุง มิถุนายน 2566)

Search

Read the Text Version

แบบ รสส. ๑ 146 แบบรายงานผลการตรวจวัดและวเิ คราะห์สภาวะการทางานเกี่ยวกบั ความร้อน ๑. วัน เดอื น ปี ท่ีตรวจวัด ๒. เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการตรวจวัด (กรณที ใี่ ชเ้ คร่ืองตรวจวดั มำกกว่ำ ๑ เครอื่ ง ให้เพิ่มข้อมูลเปน็ ลำดบั ในตำรำง) เครือ่ งตรวจวัดระดบั ความร้อน ย่หี ้อ/รุ่น หมายเลขเคร่ือง มาตรฐานเครือ่ งตรวจวัด วัน/เดือน/ปี หมายเหตุ (ชนดิ /ประเภท) (Serial Number) (ปรบั เทียบความถกู ต้อง) ๑) ๒) ๓) ๓. ผลการตรวจวัดสภาวะการทางานเกีย่ วกับความร้อน ลาดับ อุณหภมู ิในสภาวะการทางาน C ภาระงาน (Work Load, WL)๓ ผลการประเมิน๔ ขอ้ เสนอแนะ ชื่อ – นามสกลุ ของลกู จา้ ง เวลาตรวจวดั TNWB TDB TGT WBGT WBGT และวธิ กี าร ของ บรเิ วณทที่ าการตรวจวัด๒ ในแต่ละ SEG .... น. - .... น. in/out เฉลย่ี ลักษณะงาน พลังงานทใี่ ช้ พลังงาน ระดับภาระงาน (ระบุวา่ เกนิ เกณฑ/์ ปรับปรงุ แกไ้ ข๕ SEG๑ (Kcal/hr) ที่ใชเ้ ฉลย่ี (หนกั /ปานกลาง/เบา) ไมเ่ กินเกณฑ์) (Kcal/hr) ๑ แผนก............................ ๑. นาย.............................. ๒. น.ส............................... ๒ แผนก............................ ๑. นาย.............................. ๒. น.ส............................... หมายเหตุ ๑) SEG หรือ Similar Exposure Group หมายถงึ กลุ่มผปู้ ฏิบตั งิ านซึ่งสัมผสั สภาวะการทางานเกี่ยวกบั ความรอ้ นเหมือนกัน คือ ลกั ษณะงานทีท่ า พน้ื ท่กี ารทางานเกย่ี วกับปจั จัยเส่ียงเหมอื นกนั ๒) บรเิ วณที่ทาการตรวจวดั ใหแ้ นบแผนผังพื้นทท่ี ดี่ าเนินการตรวจวดั ระบจุ ุดตั้งเครือ่ งมือและแหล่งกาเนิดความร้อนเป็นเอกสารแนบ ๓) กรณีท่ีลักษณะงานทลี่ กู จ้างปฏิบตั ิมีความแตกตา่ งกันหรือผสมผสานให้แสดงวิธคี านวณระดับภาระงาน (Work-Load Assessment) โดยสามารถจดั ทาเป็นเอกสารแนบได้ ๔) ผลการประเมินใช้เกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยตามกฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดาเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานเก่ียวกับ ความร้อน แสงสวา่ ง และเสยี ง พ.ศ. ๒๕๕๙ หมวด ๑ ความรอ้ น ขอ้ ๒ ๕) กรณผี ลการประเมนิ เกินเกณฑม์ าตรฐานให้ระบขุ อ้ เสนอแนะและวธิ ีการปรบั ปรุงแก้ไข โดยสามารถจดั ทาเป็นเอกสารแนบได้ ลงชื่อ ลงชือ่ ) () ( บุคคลหรือนติ บิ ุคคลผดู้ าเนนิ การตรวจวดั และวเิ คราะหส์ ภาวะการทางาน นายจา้ ง/ผู้มอี านาจกระทาการแทน

แบบ รสส. ๒ 147 แบบรายงานผลการตรวจวัดและวเิ คราะห์สภาวะการทางานเกี่ยวกับแสงสว่าง ๑. วัน เดือน ปี ทต่ี รวจวดั ๒. เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการตรวจวัด (กรณที ่ใี ชเ้ ครื่องตรวจวดั มำกกวำ่ ๑ เครื่อง ให้เพิ่มข้อมูลเป็นลำดับในตำรำง) เคร่อื งตรวจวัด ย่ีห้อ/รุน่ หมายเลขเครือ่ ง มาตรฐานเคร่ือง ค่าการปรบั ศนู ย์ (Zeroing) วัน/เดอื น/ปี หมายเหตุ ความเข้มของแสงสว่าง (Serial Number) ณ วันที่ตรวจวัด (ลักซ)์ (ปรบั เทยี บความถูกตอ้ ง) ๑) ๒) ๓) ๓. ผลการตรวจวดั สภาวะการทางานเกยี่ วกับแสงสวา่ งแบบพ้นื ที่ (Area Measurement) เวลาตรวจวัด พนื้ ท่ีตรวจวัด๑ ลกั ษณะงาน ผลการตรวจวดั (ลกั ซ)์ ผลการประเมนิ ๒ ข้อเสนอแนะ  ชว่ งกลางวนั เวลา ค่าเฉลย่ี ทว่ี ดั ได้ ค่าตา่ สดุ (ระบุวา่ เปน็ ไปตามเกณฑ์/ไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ)์ และวธิ กี ารปรับปรงุ แก้ไข๓ น. ๑) ๒) ๓)  ช่วงกลางคนื เวลา น. ๑) ๒) ๓) หมายเหตุ ๑) พนื้ ท่ีตรวจวดั ใหแ้ นบแผนผังพื้นทีท่ ่ีดาเนินการตรวจวัด ระบุตาแหนง่ ดวงไฟ แหลง่ แสงธรรมชาติเปน็ เอกสารแนบ ๒) ผลการประเมินใช้เกณฑม์ าตรฐานความปลอดภัยตามประกาศกรมสวัสดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน เรอื่ ง มาตรฐานความเข้มของแสงสวา่ ง ลงวันท่ี ๒๗ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอ้ ๔ ๓) กรณผี ลการประเมนิ เป็นไปตามเกณฑแ์ ต่แสงสว่างมผี ลกระทบต่อการปฏิบัติงานของลกู จา้ ง และกรณไี ม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ให้ระบุข้อเสนอแนะและวิธีการปรบั ปรงุ แก้ไข โดยสามารถจดั ทาเป็นเอกสาร แนบได้ ลงช่ือ ลงชอ่ื ) () ( บคุ คลหรือนติ บิ ุคคลผดู้ าเนนิ การตรวจวัดและวเิ คราะหส์ ภาวะการทางาน นายจา้ ง/ผมู้ อี านาจกระทาการแทน

แบบ รสส. ๒ ๔. ผลการตรวจวัดสภาวะการทางานเกี่ยวกับแสงสวา่ งแบบใช้สายตามองเฉพาะจุด (Spot Measurement) 148 คา่ ทวี่ ดั ได้ คา่ ความเข้มของแสงสว่าง ผลการประเมิน๓ เวลาตรวจวดั ชือ่ – นามสกลุ ของลกู จ้าง ลักษณะงาน/ลกั ษณะพนื้ ท่ี๑ (ลกั ซ)์ บริเวณพ้ืนทีโ่ ดยรอบ๒ (ลักซ์) ข้อเสนอแนะ (ระบุว่าเปน็ ไปตามเกณฑ์/ไม่ และวธิ กี ารปรบั ปรุงแก้ไข๔  ชว่ งกลางวนั เวลา น. ๑) พืน้ ท่ี ๑ พนื้ ที่ ๒ พนื้ ที่ ๓ เปน็ ไปตามเกณฑ์) ๒)  ช่วงกลางคนื เวลา ๓) น. ๑) ๒) ๓) หมายเหตุ ๑) พืน้ ทตี่ รวจวดั ให้แนบแผนผังพ้ืนที่ทด่ี าเนนิ การตรวจวัด ระบุตาแหนง่ ดวงไฟ แหล่งแสงธรรมชาตเิ ป็นเอกสารแนบ ๒) ค่าความเขม้ ของแสงสว่างบริเวณพน้ื ทีโ่ ดยรอบ กรณคี วามเขม้ ของแสงสวา่ งในบรเิ วณใชส้ ายตามองเฉพาะจดุ (พืน้ ท่ี ๑) มีความเข้มของแสงสวา่ งตง้ั แต่ ๑,๐๐๐ ลกั ซ์ ๓) ผลการประเมนิ ใช้เกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยตามประกาศกรมสวสั ดิการและคุม้ ครองแรงงาน เรือ่ ง มาตรฐานความเขม้ ของแสงสว่าง ลงวนั ท่ี ๒๗ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอ้ ๔ ๔) กรณผี ลการประเมินเป็นไปตามเกณฑแ์ ตแ่ สงสวา่ งมผี ลกระทบต่อการปฏิบัติงานของลูกจ้าง และกรณีไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ใหร้ ะบขุ ้อเสนอแนะและวธิ กี ารปรบั ปรุงแก้ไข โดยสามารถจดั ทาเป็นเอกสาร แนบได้ ลงชื่อ ลงชื่อ ) () ( บคุ คลหรอื นิตบิ คุ คลผดู้ าเนินการตรวจวดั และวิเคราะหส์ ภาวะการทางาน นายจา้ ง/ผมู้ อี านาจกระทาการแทน

แบบ รสส.๓ 149 แบบรายงานผลการตรวจวัดและวเิ คราะห์สภาวะการทางานเกีย่ วกับเสียง ๑. วัน เดือน ปี ทตี่ รวจวดั ๒. เคร่ืองมือที่ใช้ในการตรวจวัด (กรณที ีใ่ ช้เคร่ืองตรวจวัดมำกกวำ่ ๑ เครื่อง ใหเ้ พ่ิมข้อมูลเปน็ ลำดบั ในตำรำง) ชนดิ /ประเภทเครื่องตรวจวดั ยห่ี ้อ/รนุ่ หมายเลขเครอ่ื ง (Serial Number) มาตรฐานเครือ่ ง วัน/เดอื น/ปี หมายเหตุ ระดับความดังเสียง (SLM/Noise Dosimeter) (ปรบั เทยี บความถูกต้อง) ๑) ๒) ๓. อุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นการปรับเทียบความถูกต้องของเครื่องมือตรวจวัดระดับความดังเสยี ง อปุ กรณ์ปรบั เทียบความถกู ต้อง ย่หี อ้ /รนุ่ หมายเลขเครอ่ื ง (Serial Number) มาตรฐานเคร่อื ง หมายเหตุ ๑) ๒) ๔. ผลการตรวจวัดและวเิ คราะห์สภาวะการทางานเก่ียวกับเสยี งด้วยเครอ่ื งตรวจวดั ระดับความดังเสยี ง Sound Level Meter (SLM) ลาดบั ชื่อ – นามสกุลของลูกจา้ ง ระยะเวลาการปฏบิ ัตงิ าน พนื้ ที่ทางาน๓ ผลการตรวจวดั ระดบั ความดังเสยี ง ระดับเสยี งเฉลี่ย ผลการประเมนิ ๕ ข้อเสนอแนะ ของ บรเิ วณที่ทาการตรวจวัด๒ ในแตล่ ะ SEG ของพนกั งาน (ชั่วโมง/นาท)ี TWA ๘ ช่ัวโมง๔ (ระบวุ ่าเกินเกณฑ์/ และวิธีการปรบั ปรงุ แก้ไข๖ SEG๑ ความดังเสยี ง ระยะเวลาการตรวจวดั (dBA) (ช่วั โมง/นาที) (dBA) ไมเ่ กนิ เกณฑ์) ๑ แผนก..................... ๑. นาย............................. พืน้ ทท่ี างาน ๑ พื้นที่ทางาน..... ๒. นาง............................. พืน้ ท่ีทางาน ๑ พื้นทีท่ างาน..... ๒ แผนก..................... ๑. นาย............................. พน้ื ท่ที างาน ๑ พนื้ ท่ที างาน..... ๒. นาง............................. พ้ืนทท่ี างาน ๑ พ้นื ที่ทางาน..... หมายเหตุ ๑) SEG หรือ Similar Exposure Group หมายถึง กลุ่มผปู้ ฏบิ ัตงิ านซึง่ สัมผสั สภาวะการทางานเก่ียวกับระดบั ความดงั เสยี งเหมือนกัน คือ ลกั ษณะงานทที่ า พน้ื ทกี่ ารทางานเกย่ี วกบั ปจั จยั เสีย่ งเหมอื นกนั ๒) บริเวณทท่ี าการตรวจวดั ใหจ้ ดั ทาแผนผังพน้ื ทีท่ ี่ดาเนินการตรวจวัดระดับความดังเสียงเป็นเอกสารแนบ ๓) กรณีท่ีพนกั งานสมั ผัสเสยี งดงั ในบรเิ วณตรวจวัดหลายจุดทางาน (หลายสถานีงาน/พน้ื ทีท่ างาน) สามารถเพม่ิ เตมิ พ้ืนที่ทางานในตารางได้ ๔) ระดบั เสยี งเฉลย่ี TWA ๘ ชว่ั โมง (dBA) ทีผ่ ู้ปฏิบัตงิ านสมั ผัสกอ่ นการคานวณระดบั เสยี งทีส่ ัมผสั ในหูเม่อื สวมใส่อุปกรณค์ ุ้มครองความปลอดภยั ส่วนบุคคล ๕) ผลการประเมนิ ใช้เกณฑ์มาตรฐานความปลอดภยั ตามประกาศกรมสวสั ดกิ ารและค้มุ ครองแรงงาน เรือ่ ง มาตรฐานระดบั เสยี งทยี่ อมใหล้ ูกจา้ งได้รับเฉล่ียตลอดระยะเวลาการทางานในแต่ละวนั ลงวนั ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอ้ ๓ ๖) กรณีผลการประเมินเกินเกณฑ์มาตรฐานให้ระบุขอ้ เสนอแนะและวธิ กี ารปรบั ปรงุ แกไ้ ข โดยสามารถจัดทาเปน็ เอกสารแนบได้ ลงชอ่ื ลงชือ่ () () บุคคลหรอื นิตบิ ุคคลผดู้ าเนินการตรวจวัดและวิเคราะหส์ ภาวะการทางาน นายจ้าง/ผมู้ ีอานาจกระทาการแทน

แบบ รสส.๓ ๕. ผลการตรวจวดั และวิเคราะหส์ ภาวะการทางานเกีย่ วกับเสียงด้วยเครื่องตรวจวัดระดบั ความดังเสียง (Noise Dosimeter) 150 ลาดบั ชื่อ – นามสกุลของลูกจา้ ง ระยะเวลาการปฏิบตั งิ านของ ผลการตรวจวัดระดบั ความดงั เสยี ง ระดบั เสยี งเฉลีย่ ผลการประเมิน๓ ข้อเสนอแนะ ของ บริเวณท่ีทาการตรวจวัด ในแต่ละ SEG พนักงาน (ช่วั โมง) (ระบวุ า่ เกนิ เกณฑ/์ และวิธีการปรับปรงุ แก้ไข๔ SEG๑ ระยะเวลาการตรวจวดั ปรมิ าณเสยี งสะสม (D) TWA ๘ ชัว่ โมง๒ (dBA) ไมเ่ กินเกณฑ)์ (ชว่ั โมง/นาที) เปอรเ์ ซน็ ต์ (%) ๑ แผนก ๑. นาย............................. ............................ ๒. นาง............................. ๓. นางสาว.......................... ๒ แผนก ๑. นาย............................. ............................ ๒. นาง............................. ๓. นางสาว.......................... หมายเหตุ ๑) SEG หรอื Similar Exposure Group หมายถึง กลมุ่ ผู้ปฏิบตั ิงานซ่ึงสัมผสั สภาวะการทางานเกยี่ วกบั ระดับความดงั เสียงเหมือนกนั คือ ลักษณะงานที่ทา พื้นทก่ี ารทางานเกีย่ วกับปัจจยั เสยี่ งเหมือนกนั ๒) ระดบั เสยี งเฉลย่ี TWA ๘ ช่วั โมง (dBA) ทีผ่ ปู้ ฏบิ ตั งิ านสมั ผัสก่อนการคานวณระดับเสยี งทีส่ มั ผัสในหเู มื่อสวมใสอ่ ปุ กรณ์ค้มุ ครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ๓) ผลการประเมินใช้เกณฑม์ าตรฐานความปลอดภัยตามประกาศกรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน เรอ่ื ง มาตรฐานระดบั เสียงท่ียอมใหล้ กู จา้ งไดร้ บั เฉลยี่ ตลอดระยะเวลาการทางานในแต่ละวนั ลงวนั ท่ี ๑๓ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอ้ ๓ ๔) กรณผี ลการประเมินเกนิ เกณฑม์ าตรฐานใหร้ ะบุขอ้ เสนอแนะและวธิ กี ารปรับปรุงแกไ้ ข โดยสามารถจัดทาเป็นเอกสารแนบได้ ลงชอื่ ลงชอ่ื ) () ( บคุ คลหรอื นิตบิ ุคคลผดู้ าเนินการตรวจวัดและวิเคราะหส์ ภาวะการทางาน นายจ้าง/ผมู้ ีอานาจกระทาการแทน

151 เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๕๗ ง หนา้ ๑๑ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศกรมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วธิ ีการตรวจวัด และการวิเคราะห์สภาวะการทาํ งานเกย่ี วกับระดบั ความร้อน แสงสว่าง หรือเสยี ง รวมทั้งระยะเวลาและประเภทกิจการทีต่ ้องดาํ เนินการ โดยท่ีกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๑๔ วรรคสอง กําหนดให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ตรวจวัด และการวิเคราะห์สภาวะการทํางานเก่ียวกับระดับความร้อน แสงสว่าง หรือเสียง รวมท้ัง ระยะเวลาและประเภทกิจการที่ต้องดําเนินการเพื่อให้การบริหารจัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทํางานได้อย่างปลอดภยั อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๑๔ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเก่ียวกับ ความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจึงออกประกาศไว้ ดงั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนใ้ี หใ้ ชบ้ งั คับตงั้ แตว่ นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป หมวด ๑ บททว่ั ไป ขอ้ ๒ ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทํางานเกี่ยวกับระดับความร้อน แสงสว่าง หรือเสียง ภายในสถานประกอบกิจการในสภาวะที่เป็นจริงของสภาพการทํางานอย่างน้อย ปลี ะหนึ่งครัง้ กรณีที่มีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเคร่ืองจักรอุปกรณ์ กระบวนการผลิต วิธีการทํางาน หรือการดําเนินการใด ๆ ที่อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับความร้อน แสงสว่าง หรือเสียง ให้นายจ้างดําเนินการตามวรรคหน่ึงเพิ่มเติมโดยตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทํางานบริเวณพื้นที่ หรอื บุคคลทอ่ี าจได้รับผลกระทบภายในเกา้ สิบวนั นบั จากวนั ที่มีการปรบั ปรงุ หรอื เปล่ยี นแปลง หมวด ๒ การตรวจวดั ระดบั ความร้อนและประเภทกิจการท่ีต้องดําเนนิ การ ขอ้ ๓ ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจวัดระดับความร้อนบริเวณที่มีลูกจ้างปฏิบัติงานอยู่ใน สภาพการทาํ งานปกตแิ ละต้องตรวจวดั ในช่วงระยะเวลาที่ลกู จา้ งอาจได้รับอนั ตรายจากความรอ้ นสูงสุด

152 เลม่ ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๕๗ ง หน้า ๑๒ ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๔ ประเภทกิจการที่ต้องดําเนินการตรวจวัด ได้แก่ การผลิตนํ้าตาลและทําให้บริสุทธ์ิ การปนั่ ทอทม่ี ีการฟอกหรือยอ้ มสี การผลติ เยอื่ กระดาษหรือกระดาษ การผลติ ยางรถยนต์หรือหล่อดอกยาง การผลิตกระจก เคร่ืองแก้วหรือหลอดไฟ การผลิตซีเมนต์หรือปูนขาว การถลุง หล่อหลอมหรือรีดโลหะ หรอื กิจการทมี่ แี หล่งกําเนดิ ความร้อนหรือมกี ารทํางานทอ่ี าจทาํ ใหล้ กู จ้างไดร้ ับอนั ตรายเนื่องจากความร้อน ขอ้ ๕ อุปกรณก์ ารตรวจวัดระดับความรอ้ น ประกอบดว้ ย (๑) เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะแห้ง เป็นชนิดปรอทหรือแอลกอฮอล์ที่มีความละเอียดของสเกล ๐.๕ องศาเซลเซียส และมีความแม่นยําบวกหรือลบ ๐.๕ องศาเซลเซียส มีการกําบังป้องกันเทอร์โมมิเตอร์ จากแสงอาทติ ย์ หรอื แหล่งที่แผร่ ังสีความร้อน โดยไมร่ บกวนการไหลเวียนอากาศ (๒) เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะเปียกตามธรรมชาติ มีความละเอียดของสเกล ๐.๕ องศาเซลเซียส ที่มีความแม่นยําบวกหรือลบ ๐.๕ องศาเซลเซียส มีผ้าฝ้ายช้ันเดียวท่ีสะอาดห่อหุ้มกระเปาะ หยดน้ํากลั่น ลงบนผา้ ฝา้ ยทหี่ ุ้มกระเปาะให้เปียกชุ่มและให้ปลายอีกด้านหน่ึงของผ้าจุ่มอยู่ในน้ํากลั่นเพื่อให้ผ้าส่วนท่ีหุ้ม กระเปาะเทอรโ์ มมิเตอร์เปยี กอยูต่ ลอดเวลา (๓) โกลบเทอร์โมมิเตอร์ มีช่วงการวัดต้ังแต่ลบ ๕ องศาเซลเซียส ถึง ๑๐๐ องศาเซลเซียส ท่ีปลายกระเปาะเทอร์โมมิเตอร์เสียบอยู่กึ่งกลางทรงกลมกลวงท่ีทําด้วยทองแดงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง สิบหา้ เซนตเิ มตร ภายนอกทาดว้ ยสดี ําดา้ นท่สี ามารถดูดกลนื รังสีความรอ้ นไดด้ ี อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจวัดระดับความร้อนตามวรรคหน่ึงต้องทําการปรับเทียบความถูกต้อง (Calibration) อย่างน้อยปลี ะคร้ัง ในกรณีท่ีไม่ใช้อุปกรณ์ตามวรรคหน่ึง ให้ใช้เคร่ืองวัดระดับความร้อนชนิดอิเล็กทรอนิกส์ ท่ีสามารถอ่านและคํานวณค่าอุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ (WBGT) ได้ตามมาตรฐาน ISO 7243 ขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ (International Organization for Standardization) หรือเทยี บเท่า และให้ทาํ การปรบั เทียบความถูกต้อง (Calibration) ก่อนใช้งานทุกครงั้ ข้อ ๖ วิธีการตรวจวัดระดับความร้อนให้ติดตั้งอุปกรณ์หรือเคร่ืองวัดตามข้อ ๕ ในตําแหน่ง สงู จากพืน้ ระดบั หนา้ อกของลูกจา้ ง อุปกรณ์ตามข้อ ๕ วรรคหนึ่ง ก่อนเริ่มอ่านค่าต้องตั้งอุปกรณ์ให้ทํางานไว้อย่างน้อยสามสิบนาที และให้บันทึกค่าตรวจวัดในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ท้ังนี้ อุณหภูมิที่อ่านค่าเป็นองศาเซลเซียส ใหค้ าํ นวณหาคา่ อุณหภมู ิเวตบัลบโ์ กลบ (WBGT) ตามวธิ ีการทกี่ าํ หนดไวใ้ นกฎกระทรวง ให้หาค่าระดับความร้อนจากค่าเฉล่ียของอุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ (WBGT) ที่คํานวณได้ในช่วง เวลาทํางานสองชั่วโมงทรี่ อ้ นทส่ี ุดไดจ้ ากสูตร ดงั ต่อไปนี้ WBGT(เฉล่ยี ) = WBGT๑ x t๑ + WBGT๒ x t๒ + .......……+ WBGTn x tn t๑+ t๒ + …………+ tn WBGT๑ หมายถงึ WBGT(°C) ในเวลา t๑ (นาท)ี WBGT๒ หมายถึง WBGT(°C) ในเวลา t๒ (นาที) WBGTn หมายถึง WBGT(°C) ในเวลา tn (นาท)ี t๑+ t๒ + …….…+ tn = ๑๒๐ นาที ท่มี อี ุณหภมู เิ วตบลั บโ์ กลบ (WBGT) สงู สุด

153 เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๕๗ ง หนา้ ๑๓ ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่ไม่สามารถระบุได้ว่าลักษณะงานท่ีลูกจ้างทําในช่วงเวลาทํางานสองชั่วโมงท่ีร้อนท่ีสุด ตามวรรคสาม เป็นงานเบา งานปานกลาง หรืองานหนักตามที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวง ให้คํานวณ ภาระงาน (Work-Load Assessment) เพื่อกําหนดลักษณะงานตามแนวทางของ OSHA Technical Manual (U.S. Department of Labor, Occupational Safety and Health Administration) หรือเทยี บเทา่ เช่น ISO 8996 ให้นําค่าระดับความร้อนท่ีคํานวณได้ตามวรรคสาม และลักษณะงานท่ีคํานวณได้ตามวรรคส่ี ไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานระดับความร้อนตามที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวง หมวด ๓ การตรวจวดั ความเข้มของแสงสวา่ งและประเภทกจิ การที่ตอ้ งดําเนินการ ขอ้ ๗ ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างในสถานประกอบกิจการ ทุกประเภทกิจการโดยให้ตรวจวัดบริเวณพ้ืนท่ีท่ัวไปและบริเวณการผลิตภายในสถานประกอบกิจการ และบริเวณที่ลูกจ้างต้องทํางานโดยใช้สายตามองเฉพาะจุดหรือต้องใช้สายตาอยู่กับท่ีในการทํางาน ในสภาพการทํางานปกตแิ ละในช่วงเวลาท่มี ีแสงสว่างตามธรรมชาติน้อยท่ีสุด ข้อ ๘ การตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง ต้องใช้เคร่ืองวัดแสงท่ีได้มาตรฐาน CIE 1931 ของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยความส่องสว่าง (International Commission on Illumination) หรือ ISO/CIE 10527 หรือเทียบเท่า เช่น JIS และก่อนเริ่มการตรวจวัดต้องปรับ ให้เครอ่ื งวดั แสงอ่านคา่ ทีศ่ ูนย์ (Photometer Zeroing) ข้อ ๙ การตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างบริเวณพื้นท่ีทั่วไปและบริเวณการผลิตภายใน สถานประกอบกจิ การใหต้ รวจวัดในแนวระนาบสูงจากพนื้ เจ็ดสบิ ห้าเซนตเิ มตร ให้หาค่าเฉล่ียความเข้มของแสงสว่าง โดยวัดค่าความเข้มของแสงสว่างทุก ๆ ๒ x ๒ ตารางเมตร แต่หากมีการติดหลอดไฟที่มีลักษณะที่แน่นอนซํ้า ๆ กันสามารถวัดแสงในจุดที่เป็นตัวแทนของพ้ืนที่ท่ีมีแสง ตกกระทบในลักษณะเดียวกันได้ ตามวิธีการวัดแสงและการคํานวณค่าเฉล่ียตาม IES Lighting Handbook (1981 Reference Volume หรือเทียบเท่า) ของสมาคมวิศวกรรมด้านความส่องสว่าง แห่งอเมรกิ าเหนอื (Illuminating Engineering Society of North America) หรือเทยี บเทา่ สําหรับการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างบริเวณพ้ืนที่ทั่วไปที่มีการสัญจรในภาวะฉุกเฉิน ให้ตรวจวัดตามเส้นทางสัญจรในภาวะฉุกเฉินในแนวระนาบที่พ้ืนผิวทางเดิน แล้วนํามาคํานวณค่าเฉลี่ย ตามวิธีการวัดแสงและการคํานวณค่าเฉล่ียตามมาตรฐานระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉินและโคมไฟฟ้า ป้ายทางออกฉุกเฉิน ภาคผนวก ก การวัดความส่องสว่างในระบบแสงสว่างฉุกเฉินของวิศวกรรมสถาน แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ Compliance Document for New Zealand Building Code Clause F6 Visibility in Escape Routes Third Edition

154 เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๕๗ ง หนา้ ๑๔ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา นําค่าเฉลี่ยที่คํานวณได้ตามวรรคสองและวรรคสามเปรียบเทียบกับความเข้มของแสงสว่าง ตามที่กําหนดไว้ในประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่ือง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง ลงวันที่ ๒๗ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ขอ้ ๑๐ การตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างบริเวณที่ลูกจ้างต้องทํางานโดยใช้สายตามองเฉพาะจุด หรือต้องใช้สายตาอยู่กับที่ในการทํางาน ให้ตรวจวัดในจุดที่สายตาตกกระทบช้ินงานหรือจุดที่ทํางาน ของลูกจ้าง (Workstation) นําค่าความเข้มของแสงสว่างที่ตรวจวัดได้ตามวรรคหน่ึง เปรียบเทียบกับความเข้มของแสงสว่าง ตามท่ีกําหนดไว้ตามตารางในประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้ม ของแสงสวา่ ง ลงวันที่ ๒๗ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๐ หมวด ๔ การตรวจวัดระดบั เสยี งและประเภทกิจการที่ต้องดาํ เนินการ ข้อ ๑๑ ประเภทกิจการท่ีต้องดําเนินการตรวจวัดระดับเสียง ได้แก่ การระเบิด ย่อย โม่หรือบดหิน การผลิตนํ้าตาลหรือทําให้บริสุทธ์ิ การผลิตนํ้าแข็ง การป่ัน ทอโดยใช้เครื่องจักร การผลิตเคร่ืองเรือน เคร่ืองใช้จากไม้ การผลิตเยื่อกระดาษหรือกระดาษ กิจการที่มีการปั้มหรือเจียรโลหะ กจิ การทีม่ แี หล่งกาํ เนิดเสียง หรอื สภาพการทํางานทีอ่ าจทาํ ให้ลกู จ้างไดร้ บั อันตรายเน่ืองจากเสยี ง ข้อ ๑๒ การตรวจวดั ระดับเสียง ต้องใชอ้ ุปกรณท์ ่ีได้มาตรฐานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศ วา่ ด้วยเทคนิคไฟฟา้ (International Electrotechnical Commission) หรอื เทยี บเทา่ ดงั นี้ (๑) เครอ่ื งวัดเสียง ตอ้ งได้มาตรฐาน IEC 61672 หรอื IEC 651 Type 2 (๒) เครอื่ งวัดปรมิ าณเสียงสะสม (Noise Dosimeter) ต้องได้มาตรฐาน IEC 61252 (๓) เครอ่ื งวดั เสียงกระทบหรือเสยี งกระแทก ตอ้ งได้มาตรฐาน IEC 61672 หรอื IEC 60804 อุปกรณ์ท่ีใช้ตรวจวัดระดับเสียงตามวรรคหนึ่ง ต้องทําการปรับเทียบความถูกต้อง (Calibration) ด้วยอุปกรณ์ตรวจสอบความถูกต้อง (Noise Calibrator) ท่ีได้มาตรฐาน IEC 60942 หรือเทียบเท่า ตามวิธีการที่ระบุในคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตก่อนการใช้งานทุกคร้ังและให้จัดให้มีการปรับเทียบความถูกต้อง ของเครื่องมือกับหน่วยปรับเทียบมาตรฐานปีละหนึ่งคร้ัง เว้นแต่สถานประกอบกิจการมีเคร่ืองตรวจวัดเสียง ท่ีใช้สําหรับการตรวจวัดและวิเคราะห์ภายในสถานประกอบกิจการ ให้ปรับเทียบความถูกต้องของเครื่องมือ กบั หนว่ ยปรบั เทียบมาตรฐานทกุ ๆ สองปี ขอ้ ๑๓ วิธกี ารตรวจวัดระดับเสียง ให้ตรวจวัดบริเวณที่มีลูกจ้างปฏิบัติงานอยู่ในสภาพการทํางานปกติ โดยต้ังค่าเคร่ืองวัดเสียงที่สเกลเอ (Scale A) การตอบสนองแบบช้า (Slow) และตรวจวัดที่ระดับหู ของลกู จา้ งทก่ี าํ ลงั ปฏิบตั งิ าน ณ จุดน้ันรศั มไี มเ่ กนิ สามสบิ เซนตเิ มตร

155 เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๕๗ ง หน้า ๑๕ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา กรณีใช้เครื่องวัดปริมาณเสียงสะสม (Noise Dosimeter) ต้องตั้งค่าให้เครื่องคํานวณปริมาณ เสียงสะสม Threshold Level ที่ระดับแปดสิบเดซิเบลเอ Criteria Level ที่ระดับแปดสิบห้าเดซิเบลเอ Energy Exchange rate ท่สี าม สว่ นการใช้เครื่องวดั เสียงกระทบหรือเสียงกระแทกให้ตั้งค่าตามที่ระบุ ในคู่มอื การใชง้ านของผู้ผลิต ข้อ ๑๔ กรณีบริเวณท่ีลูกจ้างปฏิบัติงานมีระดับเสียงดังไม่สม่ําเสมอ หรือลูกจ้างต้องย้าย การทํางานไปยังจุดต่าง ๆ ที่มีระดับเสียงดังแตกต่างกัน ให้ใช้สูตรในการคํานวณหาระดับเสียงเฉล่ีย ตลอดเวลาการทาํ งานในแตล่ ะวนั ดังน้ี D = { (C๑/T๑) + (C๒/T๒) + ...+ (Cn/Tn) } x ๑๐๐ ___๑ และ TWA (๘) = ๑๐.๐ x log (D/๑๐๐) + ๘๕ ___๒ เม่ือ D = ปรมิ าณเสียงสะสมที่ผปู้ ฏบิ ัตงิ านไดร้ บั หน่วยเป็นร้อยละ C = ระยะเวลาทส่ี มั ผสั เสยี ง T = ระยะเวลาท่อี นุญาตใหส้ ัมผัสระดับเสียงนั้น ๆ (ตามตารางในประกาศกรม) TWA (๘) = ระดับเสียงเฉลย่ี ตลอดเวลาการทาํ งาน ๘ ชัว่ โมง/วนั ค่า TWA (๘) ท่คี าํ นวณได้ต้องไมเ่ กินแปดสบิ ห้าเดซิเบลเอ หมวด ๕ คณุ สมบัติผ้ตู รวจวัดและวเิ คราะหส์ ภาวะการทํางาน ขอ้ ๑๕ ผู้ที่ดําเนินการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทํางานในสถานประกอบกิจการ ตอ้ งมคี ณุ สมบตั ิอยา่ งหนงึ่ อย่างใด ดังตอ่ ไปนี้ (๑) เป็นบุคคลท่ีขึ้นทะเบียนเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทํางานระดับวิชาชีพของสถาน ประกอบกิจการกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สามารถดําเนินการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะ การทํางานเกยี่ วกับความรอ้ น แสงสวา่ ง หรอื เสียง ภายในสถานประกอบกิจการของตนเอง (๒) เป็นบุคคลท่ีผู้สําเร็จการศึกษาไม่ต่ํากว่าปริญญาตรีสาขาอาชีวอนามัยหรือเทียบเท่า ที่ข้ึนทะเบียนเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทํางานของสถานประกอบกิจการกับกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน สามารถดําเนินการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทํางานเกี่ยวกับความร้อน แสงสวา่ ง หรือเสยี ง ภายในสถานประกอบกจิ การของตนเอง (๓) เป็นบุคคลหรือนิติบุคคลที่ข้ึนทะเบียนตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทํางาน พ.ศ. ๒๕๕๔ แลว้ แต่กรณี ขอ้ ๑๖ ผู้ตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทํางานต้องลงลายมือช่ือรับรองในแบบรายงานผล การตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทํางานเก่ียวกับความร้อน แสงสว่าง หรือเสียงภายในสถาน ประกอบกจิ การตามข้อ ๑๕ ที่กาํ หนดในกฎกระทรวง

156 เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๕๗ ง หนา้ ๑๖ ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา หมวด ๖ การวิเคราะห์สภาวะการทาํ งานเกยี่ วกบั ระดับความรอ้ น แสงสวา่ ง และเสยี ง ข้อ ๑๗ ให้นายจ้างทําการวิเคราะห์สภาวะการทํางานเก่ียวกับระดับความร้อน แสงสว่าง หรอื เสียงทลี่ ูกจ้างไดร้ ับ กรณีผลการตรวจวัดมีค่าเกินหรือตํ่ากว่ามาตรฐานที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวงหรือประกาศกรม แล้วแต่กรณี ต้องระบุสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง รวมท้ังอาคารสถานท่ี การระบายอากาศ เคร่ืองจักร การบํารุงรักษา จํานวนลูกจ้างท่ีสัมผัสหรือเก่ียวข้องกับอันตราย สภาพและลักษณะ การทาํ งานของลูกจ้าง รวมถึงวธิ ีการหรือมาตรการในการปรบั ปรุงแก้ไขและระยะเวลาทคี่ าดวา่ จะแล้วเสรจ็ ประกาศ ณ วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ อนันต์ชัย อทุ ยั พฒั นาชพี อธบิ ดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

157 เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๙ ง หนา้ ๑๕ ๒๑ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศกรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน เรอ่ื ง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง โดยที่กฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเก่ียวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ กําหนดให้นายจ้างจัดให้สถานประกอบกิจการมีความเข้มของแสงสว่างไม่ต่ํากว่ามาตรฐานตามท่ีอธิบดี ประกาศกําหนด อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๔ แห่งกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเก่ียวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจึงออกประกาศไว้ ดงั ต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ประกาศน้ีเรียกว่า “ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐาน ความเข้มของแสงสวา่ ง” ข้อ ๒ ประกาศนใี้ ห้ใช้บังคบั ตัง้ แตว่ นั ถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๓ ในประกาศน้ี “ความเข้มของแสงสว่าง” หมายความว่า ปริมาณแสงที่ตกกระทบต่อหนึ่งหน่วยตารางเมตร ซงึ่ ในประกาศน้ีใช้หนว่ ยความเข้มของแสงสว่างเปน็ ลักซ์ (lux) ขอ้ ๔ นายจ้างต้องจัดให้สถานประกอบกิจการมีความเข้มของแสงสว่างไม่ตํ่ากว่ามาตรฐาน ทกี่ าํ หนดไวต้ ามตารางแนบทา้ ยประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๐ อนันตช์ ยั อทุ ยั พัฒนาชพี ผู้ตรวจราชการกระทรวง รักษาราชการแทน อธิบดกี รมสวัสดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน

158 (ตารางแนบท้ายประกาศ) ตารางที่ ๑ มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง ณ บรเิ วณพื้นทที่ ่วั ไปและบรเิ วณการผลิตภายในสถานประกอบกจิ การ บรเิ วณพนื้ ทแี่ ละ/หรอื ลักษณะงาน ลักษณะพ้นื ท่ีเฉพาะ ตัวอยา่ งบรเิ วณพื้นที่ ค่าเฉล่ียความเข้ม จดุ ทีค่ วามเข้มของ และ/หรอื ลักษณะงาน ของแสงสว่าง แสงสวา่ งต่าสุด บริเวณพื้นท่ีทั่วไปท่ีมีการสัญจรของบุคคลและ/หรือ ทางสญั จรในภาวะ (ลกั ซ)์ ยานพาหนะในภาวะปกติ และบริเวณท่ีมีการสัญจรใน ฉุกเฉนิ ทางออกฉุกเฉนิ เสน้ ทางหนไี ฟ บันไดทางฉกุ เฉิน (ลกั ซ)์ ภาวะฉกุ เฉิน (กรณเี กดิ เหตฉุ ุกเฉนิ ไฟดบั โดยวดั ตามเสน้ ทางของ ๑๐ - ทางออกทร่ี ะดับพื้น) ๒๕ ภายนอกอาคาร ลานจอดรถ ทางเดนิ บันได ๕๐ - ภายในอาคาร ๕๐ ๕๐ ประตทู างเขา้ ใหญ่ของสถานประกอบกิจการ ๑๐๐ - บริเวณพน้ื ที่ใชป้ ระโยชนท์ วั่ ไป ทางเดิน บนั ได ทางเข้าหอ้ งโถง ๑๐๐ ๒๕ บรเิ วณพื้นทีใ่ ชป้ ระโยชน์ในสานกั งาน ลฟิ ท์ ๕๐ - หอ้ งพกั ฟน้ื สาหรับการปฐมพยาบาล ห้องพักผอ่ น ๑๐๐ ๕๐ ปอ้ มยาม ๑๐๐ - ห้องสขุ า ห้องอาบนา้ หอ้ งเปลีย่ นเสอื้ ผา้ ๑๕๐ - ห้องลอบบี้หรอื บรเิ วณตอ้ นรับ ๓๐๐ - หอ้ งเกบ็ ของ ๑๕๐ ๓๐๐ โรงอาหาร หอ้ งปรงุ อาหาร ห้องตรวจรกั ษา - ห้ อ งส า นั ก งา น ห้ อ งฝึ ก อ บ ร ม ห้ อ งบ ร ร ย า ย ห้ อ งสื บ ค้ น ห นั งสื อ /เอ ก ส า ร ห้ อ งถ่ า ย เอ ก ส า ร ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องประชุม บริเวณโต๊ะประชาสัมพันธ์ หรือติดตอ่ ลูกคา้ พ้นื ที่หอ้ งออกแบบ เขียนแบบ

159 บริเวณพ้นื ท่ีและ/หรือลักษณะงาน ลักษณะพืน้ ท่ีเฉพาะ ตัวอย่างบริเวณพืน้ ท่ี ค่าเฉลย่ี ความเขม้ จุดที่ความเขม้ ของ และ/หรือลักษณะงาน ของแสงสว่าง แสงสวา่ งต่าสดุ บริเวณพื้นที่ใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิตหรือการ (ลักซ)์ ปฏบิ ัตงิ าน ห้องเก็บวัตถุดิบ บริเวณห้องอบหรือห้องทาให้แห้งของ ๑๐๐ (ลกั ซ)์ โรงซกั รดี ๒๐๐ ๕๐ - จดุ /ลานขนถ่ายสินคา้ ๑๐๐ - คลังสินค้า ๓๐๐ - โกดังเก็บของไวเ้ พ่อื การเคล่อื นยา้ ย ๑๕๐ - อาคารหม้อนา้ - หอ้ งควบคุม - หอ้ งสวิตซ์ - บรเิ วณเตรียมการผลติ การเตรียมวตั ถดุ บิ - บรเิ วณพ้นื ทบ่ี รรจภุ ณั ฑ์ - บริเวณกระบวนการผลติ /บรเิ วณท่ีทางานกับเคร่อื งจกั ร - บริเวณการกอ่ สรา้ ง การขดุ เจาะ การขดุ ดนิ - งานทาสี

160 ตารางท่ี ๒ มาตรฐานความเขม้ ของแสงสวา่ ง ณ บรเิ วณทีล่ ูกจ้างต้องทางาน โดยใช้สายตามองเฉพาะจุดหรอื ตอ้ งใชส้ ายตาอยู่กับท่ใี นการทางาน การใช้สายตา ลกั ษณะงาน ตวั อยา่ งลกั ษณะงาน คา่ ความเข้มของแสง งานหยาบ งานท่ีชิ้นงานมีขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้อย่าง สวา่ ง (ลกั ซ์) ชดั เจน มคี วามแตกต่างของสีชดั เจนมาก - งานหยาบที่ทาที่โต๊ะหรือเคร่ืองจักร ช้ินงานท่ีมีขนาดใหญ่กว่า ๗๕๐ ไมโครเมตร ๒๐๐ – ๓๐๐ งานละเอียดเลก็ น้อย (๐.๗๕ มลิ ลิเมตร) งานที่ช้ินงานมีขนาดปานกกลาง สามารถมองเห็นได้ - การตรวจงานหยาบด้วยสายตา การประกอบ การนับ การตรวจเช็คส่ิงของท่ีมี ๓๐๐ – ๔๐๐ และมคี วามแตกต่างของสชี ดั เจน ขนาดใหญ่ - การรีดเสน้ ดา้ ย ๔๐๐ - ๕๐๐ งานที่ช้ินงานมีขนาดปานกลางหรือเล็ก สามารถ - การอัดเบล การผสมเสน้ ใย หรือการสางเสน้ ใย มองเห็นได้แต่ไม่ชัดเจน และมีความแตกต่างของสี - การซักรดี ซกั แห้ง การอบ ปานกลาง - การปัม๊ ขน้ึ รปู แก้ว เป่าแกว้ และขดั เงาแก้ว - งานตี และเชื่อมเหล็ก - งานรับจ่ายเสอ้ื ผ้า - การทางานไมท้ ชี่ ิน้ งานมีขนาดปานกลาง - งานบรรจุนา้ ลงขวดหรือกระป๋อง - งานเจาะรู ทากาว หรือเย็บเล่มหนังสอื งานบันทึกและคดั ลอกขอ้ มูล - งานเตรยี มอาหาร ปรุงอาหาร และลา้ งจาน - งานผสมและตกแต่งขนมปัง - การทอผา้ ดิบ - งานประจาในสานักงาน เช่น งานเขียน งานพิมพ์ งานบันทึกข้อมลู การอา่ นและ ประมวลผลขอ้ มูล การจดั เกบ็ แฟ้ม - การปฏบิ ัติงานที่ช้นิ งานมขี นาดต้ังแต่ ๑๒๕ ไมโครเมตร (๐.๑๒๕ มิลลิเมตร) - งานออกแบบและเขียนแบบ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ - งานประกอบรถยนต์และตวั ถัง - งานตรวจสอบแผน่ เหลก็ - การทางานไม้อย่างละเอียดบนโต๊ะหรือทเี่ คร่อื งจกั ร - การทอผ้าสอี ่อน ทอละเอยี ด

161 การใชส้ ายตา ลักษณะงาน ตวั อยา่ งลกั ษณะงาน คา่ ความเขม้ ของแสง งานละเอยี ดปานกลาง สวา่ ง (ลกั ซ)์ - การคัดเกรดแปง้ ๕๐๐ - ๖๐๐ - การเตรียมอาหาร เช่น การทาความสะอาด การตม้ ฯ ๖๐๐ – ๗๐๐ - การสบื ดา้ ย การแตง่ การบรรจใุ นงานทอผา้ งานที่ช้ินงานมีขนาดปานกลางหรือเล็ก สามารถ - งานระบายสี พน่ สี ตกแต่งสี หรอื ขัดตกแต่งละเอียด มองเห็นไดแ้ ตไ่ มช่ ดั เจน และมีความแตกตา่ งของสีบา้ ง - งานพิสจู นอ์ กั ษร และต้องใชส้ ายตาในการทางานคอ่ นขา้ งมาก - งานตรวจสอบขั้นสุดท้ายในโรงผลิตรถยนต์ - งานออกแบบและเขียนแบบ โดยไม่ใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ - งานตรวจสอบอาหาร เชน่ การตรวจอาหารกระป๋อง - การคัดเกรดน้าตาล งานละเอียดสงู งานที่ชิ้นงานมีขนาดเล็ก สามารถมองเห็นได้แต่ไม่ - การปฏบิ ัติงานท่ชี น้ิ งานมีขนาดตง้ั แต่ ๒๕ ไมโครเมตร (๐.๐๒๕ มิลลเิ มตร) ๗๐๐ - ๘๐๐ ๘๐๐ - ๑,๒๐๐ ชัดเจน และมีความแตกต่างของสีน้อย ต้องใช้สายตา - งานปรบั เทียบมาตรฐานความถูกต้องและความแมน่ ยาของอุปกรณ์ ในการทางานมาก - การระบายสี พ่นสี และตกแต่งชิ้นงานท่ีต้องการความละเอียดมากหรือต้องการ ความแม่นยาสูง - งานย้อมสี งานท่ีช้ินงานมีขนาดเล็ก สามารถมองเห็นได้แต่ไม่ - การตรวจสอบ การตัดเย็บเสอื้ ผา้ ดว้ ยมอื ชัดเจน และมีความแตกต่างของสีน้อย ต้องใช้สายตา - การตรวจสอบและตกแตง่ ส่งิ ทอ ส่ิงถัก หรือเสื้อผ้าท่มี ีสีออ่ นขั้นสดุ ท้ายดว้ ยมือ ในการทางานมากและใช้เวลาในการทางาน - การคัดแยกและเทยี บสีหนงั ทีม่ ีสีเข้ม - การเทยี บสใี นงานยอ้ มผา้ - การทอผ้าสเี ขม้ ทอละเอยี ด - การรอ้ ยตะกร้อ

162 การใช้สายตา ลกั ษณะงาน ตัวอย่างลกั ษณะงาน ค่าความเขม้ ของแสง งานละเอยี ดสูงมาก สวา่ ง (ลักซ)์ งานที่ช้ินงานมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ - งานละเอียดท่ีทาที่โต๊ะหรือเครือ่ งจักร ชิ้นงานที่มีขนาดเล็กกว่า ๒๕ ไมโครเมตร งานละเอียดสูงมากเป็น อยา่ งชดั เจน และมคี วามแตกตา่ งของสีนอ้ ยมากหรือมี (๐.๐๒๕ มิลลเิ มตร) ๑,๒๐๐ - ๑,๖๐๐ พเิ ศษ สีไม่แตกต่างกัน ต้องใช้สายตาเพ่งในการทางานมาก - งานตรวจสอบช้นิ ส่วนที่มขี นาดเล็ก และใชเ้ วลาในการทางานระยะเวลานาน - งานซอ่ มแซม สง่ิ ทอ สงิ่ ถกั ที่มสี ีอ่อน ๒,๔๐๐ - งานตรวจสอบและตกแต่งช้ินสว่ นของสง่ิ ทอ ส่งิ ถักท่มี ีสีเขม้ ดว้ ยมอื หรือมากกว่า ง า น ท่ี ช้ิ น ง า น มี ข น า ด เล็ ก ม า ก เป็ น พิ เศ ษ - การตรวจสอบและตกแต่งผลติ ภัณฑ์สเี ขม้ และสอี อ่ นด้วยมือ ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และมีความ - การปฏิบัตงิ านตรวจสอบชน้ิ งานท่ีมีขนาดเลก็ มากเป็นพิเศษ แตกต่างของสีน้อยมากหรือมีสีไม่แตกต่างกัน ต้องใช้ - การเจยี ระไนเพชร พลอย การทานาฬิกาข้อมือสาหรับกระบวนการผลติ ท่ีมีขนาด สายตาเพ่งในการทางานมากหรือใช้ทักษะและความ เลก็ มากเป็นพเิ ศษ ชานาญสงู และใช้เวลาในการทางานระยะเวลานาน - งานทางการแพทย์ เชน่ งานทนั ตกรรม ห้องผา่ ตัด

163 ตารางที่ ๓ มาตรฐานความเข้มของแสงสวา่ ง (ลักซ์) บริเวณโดยรอบทใ่ี ห้ลูกจา้ งคนใดคนหนึ่งทางาน โดยสายตามองเฉพาะจุดในการปฏบิ ตั งิ าน พืน้ ท่ี ๑ พ้นื ที่ ๒ พ้ืนที่ ๓ ๑,๐๐๐ – ๒,๐๐๐ ๓๐๐ ๒๐๐ มากกว่า ๒,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ ๖๐๐ ๓๐๐ มากกว่า ๕,๐๐๐ – ๑๐,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๔๐๐ ๒,๐๐๐ ๖๐๐ มากกวา่ ๑๐,๐๐๐ หมายเหตุ : พื้นที่ ๑ หมายถงึ จดุ ทใี่ หล้ กู จ้างทางานโดยใช้สายตามองเฉพาะจุดในการปฏิบตั งิ าน พื้นที่ ๒ หมายถงึ บริเวณถดั จากที่ทใ่ี ห้ลูกจ้างคนใดคนหน่งึ ทางานในรศั มีที่ลกู จ้างเอ้ือมมอื ถึง พื้นที่ ๓ หมายถึง บริเวณโดยรอบที่ตดิ พ้นื ท่ี ๒ ทีม่ กี ารปฏบิ ตั ิงานของลกู จา้ งคนใดคนหนึ่ง

164 เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๓ ง หนา้ ๙ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกรมสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงาน เรอ่ื ง การคํานวณระดับเสียงที่สัมผัสในหเู มอ่ื สวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล โดยที่กฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเก่ียวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ กําหนดให้นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตลอดเวลาที่ทํางาน เพื่อลดระดับเสียงทสี่ มั ผัสในหเู ม่ือสวมใส่อปุ กรณ์คุม้ ครองความปลอดภัยสว่ นบุคคลแล้ว ไม่เกินมาตรฐาน ตามทก่ี ฎหมายกําหนด อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๙ วรรคสาม แห่งกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเกี่ยวกับ ความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจึงออกประกาศไว้ ดงั ต่อไปน้ี ข้อ ๑ ประกาศน้ีเรียกว่า “ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง การคํานวณ ระดับเสียงทส่ี ัมผัสในหเู มือ่ สวมใส่อุปกรณ์ค้มุ ครองความปลอดภยั สว่ นบุคคล” ข้อ ๒ ประกาศนี้ใหใ้ ช้บังคบั ต้งั แตว่ นั ถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๓ การคํานวณระดับเสียงที่สัมผัสในหูเม่ือสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ซง่ึ สอดคล้องกับขอ้ มลู การลดเสยี งของผู้ผลติ อย่างหนึง่ อยา่ งใด ดงั นี้ (๑) การคํานวณโดยใช้ค่า Noise Reduction Rating (NRR) ที่ระบุไว้บนผลิตภัณฑ์ กับค่าตรวจวดั ระดับเสยี งเฉล่ียตลอดระยะเวลาการทํางาน โดยใช้สูตรคํานวณ ดังน้ี Protected dBA = Sound Level dBC – NRRadj หรอื Protected dBA = Sound Level dBA – [NRRadj – ๗] Protected dBA หมายถงึ ระดับเสียงที่สัมผัสในหูเมื่อสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย ในสเกลเอ (Scale A) หรอื เดซิเบลเอ Sound Level dBC หมายถงึ ระดับเสียงที่ได้จากการตรวจวัดเฉล่ียตลอดระยะเวลาการทํางาน ๘ ชวั่ โมงในสเกลซี (Scale C) หรอื เดซิเบลซี Sound Level dBA หมายถงึ ระดับเสียงที่ได้จากการตรวจวัดเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทํางาน ๘ ชั่วโมง ในสเกลเอ (Scale A) หรอื เดซเิ บลเอ NRRadj หมายถงึ ค่าการลดเสียงที่ระบุไว้บนฉลากหรืออุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย ส่วนบุคคลโดยกําหนดให้มีการปรับค่าตามลักษณะและชนิดของอุปกรณ์ คุ้มครองความปลอดภยั ส่วนบคุ คล ดังน้ี (ก) กรณีเป็นท่ีครอบหูลดเสียง ให้ปรับลดเสียงลงร้อยละ ๒๕ ของค่าการลดเสียง ทรี่ ะบุไว้บนฉลากหรือผลิตภณั ฑ์

165 เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๓๓ ง หนา้ ๑๐ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา (ข) กรณีเป็นปล๊ักลดเสียงชนิดโฟม ให้ปรับลดเสียงลงร้อยละ ๕๐ ของค่าการลดเสียง ที่ระบุไว้บนฉลากหรือผลิตภณั ฑ์ (ค) กรณีเป็นปล๊ักลดเสียงชนิดอื่น ให้ปรับลดเสียงลงร้อยละ ๗๐ ของค่าการลดเสียง ที่ระบุไว้บนฉลากหรอื ผลติ ภณั ฑ์ (๒) การคํานวณโดยใช้ค่า Single Number Rating (SNR) ท่ีระบุไว้บนผลิตภัณฑ์กับค่า ตรวจวัดระดับเสยี งเฉลย่ี ตลอดระยะเวลาการทํางาน โดยใช้สูตรคาํ นวณดังน้ี L’AX = (LC – SNRx) + ๔ L’AX หมายถึง ระดับเสียงท่ีสัมผัสในหูเม่ือสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย ในสเกลเอ (Scale A) หรอื เดซเิ บลเอ LC หมายถงึ ระดับเสียงท่ีได้จากการตรวจวัดเฉลี่ยตลอดระยะการทํางาน ๘ ช่วั โมงในสเกลซี (Scale C) หรอื เดซเิ บลซี SNRx หมายถงึ ค่าการลดเสียงที่ระบุไว้บนฉลาก/ผลิตภัณฑ์ของอุปกรณ์คุ้มครอง ความปลอดภัยสว่ นบุคคล (๓) การคํานวณระดับเสียงท่ีสัมผัสในหูเมื่อสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล นอกเหนือจาก (๑) และ (๒) ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับท่ี ๔๔๕๖ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ออกตามความพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กําหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมข้อแนะนําในการเลือก การใช้ การดูแล และการบํารุงรักษาอุปกรณ์คุ้มครอง ความปลอดภัยส่วนบุคคล เล่ม ๑ อุปกรณ์การปกป้องการได้ยิน ข้อ ๔ หลักเกณฑ์การเลือกอุปกรณ์ ปกปอ้ งการได้ยนิ ลงวันท่ี ๒๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔ การดําเนินการตามข้อ ๓ กรณีที่ฉลากหรืออุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล มีการระบุค่าการลดเสียงมากกว่า ๑ ค่า ให้นายจ้างใช้ค่าที่ลดเสียงท่ีสัมผัสในหูเม่ือสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครอง ความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ได้จากการคํานวณน้อยที่สุดเป็นหลักในการพิจารณาลดระดับความดังเสียง จากสภาพแวดล้อมในการทาํ งาน ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ อนันต์ชยั อทุ ัยพัฒนาชีพ อธบิ ดีกรมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน

166 เลม่ ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๙ ง หน้า ๑๕ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศกรมสวสั ดกิ ารและคุม้ ครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานระดบั เสียงท่ยี อมใหล้ กู จ้างไดร้ บั เฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทาํ งานในแตล่ ะวนั โดยท่ีกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ กําหนดให้นายจ้างต้องควบคุมระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับเฉล่ียตลอดระยะเวลาการทํางานในแต่ละวัน มิให้เกนิ มาตรฐานตามท่อี ธบิ ดปี ระกาศกาํ หนด อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเก่ียวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจึงออกประกาศไว้ ดังตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ประกาศน้ีเรียกว่า “ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่ือง มาตรฐาน ระดบั เสยี งทย่ี อมให้ลูกจา้ งได้รบั เฉลีย่ ตลอดระยะเวลาการทาํ งานในแต่ละวนั ” ขอ้ ๒ ประกาศนีใ้ ห้ใช้บังคบั เม่อื พน้ กาํ หนดเก้าสิบวนั นบั แตว่ นั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๓ นายจ้างต้องควบคุมระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทํางาน ในแต่ละวัน (Time Weighted Average-TWA) มิให้เกินมาตรฐานตามตารางแนบท้ายประกาศ โดยหน่วยวัดระดบั เสยี งดังที่ใชใ้ นประกาศนีใ้ ชห้ น่วยเปน็ เดซเิ บลเอ ประกาศ ณ วนั ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ อนนั ต์ชยั อทุ ยั พฒั นาชพี ผู้ตรวจราชการกระทรวง รักษาราชการแทน อธบิ ดีกรมสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงาน

167 (ตารางแนบท้ายประกาศ) ตารางมาตรฐานระดบั เสียงที่ยอมใหล้ กู จา้ งไดร้ ับเฉล่ียตลอดระยะเวลาการทางานในแต่ละวนั ระดบั เสยี งเฉลีย่ ตลอดเวลาการทางาน (TWA) ระยะเวลาการทางานทไ่ี ดร้ บั เสยี งตอ่ วนั * ไมเ่ กนิ (เดซิเบลเอ) ชวั่ โมง นาที ๘๒ ๑๖ - ๘๓ ๑๒ ๔๒ ๘๔ ๑๐ ๕ ๘๕ ๘ - ๘๖ ๖ ๒๑ ๘๗ ๕ ๒ ๘๘ ๔ - ๘๙ ๓ ๑๑ ๙๐ ๒ ๓๑ ๙๑ ๒ - ๙๒ ๑ ๓๕ ๙๓ ๑ ๑๖ ๙๔ ๑ - ๙๕ - ๔๘ ๙๖ - ๓๘ ๙๗ - ๓๐ ๙๘ - ๒๔ ๙๙ - ๑๙ ๑๐๐ - ๑๕ ๑๐๑ - ๑๒ ๑๐๒ - ๙ ๑๐๓ - ๗.๕ ๑๐๔ - ๖ ๑๐๕ - ๕ ๑๐๖ - ๔ ๑๐๗ - ๓ ๑๐๘ - ๒.๕ ๑๐๙ - ๒ ๑๑๐ - ๑.๕ ๑๑๑ - ๑ หมายเหตุ * ระยะเวลาการทางานที่ได้รับเสียงและระดับเสียงเฉล่ียตลอดเวลาการทางาน (TWA) ให้ใช้ค่ามาตรฐาน ที่กาหนดในตารางข้างต้นเป็นลาดับแรก หากไม่มีค่ามาตรฐานท่ีกาหนดตรงตามตารางให้คานวณจากสูตร ดังน้ี T= ๘ ๒ (L- ๘๕)/๓ เมือ่ T หมายถึง เวลาการทางานทย่ี อมใหไ้ ด้รับเสยี ง (ชว่ั โมง) L หมายถึง ระดบั เสียง (เดซเิ บลเอ) ในกรณีค่าระดับเสียงเฉล่ยี ตลอดเวลาการทางาน (TWA) ท่ไี ดจ้ ากการคานวณมเี ศษทศนิยมให้ตัดเศษทศนยิ มออก

168 เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๓๔ ง หน้า ๑๕ ๑๒ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกรมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน เรอ่ื ง หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการจัดทํามาตรการอนรุ กั ษ์การไดย้ นิ ในสถานประกอบกิจการ โดยท่ีกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเก่ียวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ กําหนดให้นายจ้างจัดทํามาตรการอนุรักษ์การได้ยินในสถานประกอบกิจการในกรณีท่ีสภาวะการทํางาน ในสถานประกอบกิจการมีระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทํางานแปดชั่วโมง ตงั้ แต่แปดสบิ ห้าเดซิเบลเอขึน้ ไป ตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารท่ีอธิบดีประกาศกาํ หนด อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๑๑ แห่งกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ขอ้ ๑ ประกาศน้ใี หใ้ ชบ้ ังคับตงั้ แต่วันถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป ขอ้ ๒ ให้นายจ้างจัดทํามาตรการอนุรักษ์การได้ยินในสถานประกอบกิจการเป็นลายลักษณ์อักษร ในกรณีท่ีสภาวะการทํางานในสถานประกอบกิจการมีระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดระยะเวลา การทาํ งานแปดช่ัวโมงตั้งแตแ่ ปดสิบห้าเดซิเบลเอขึ้นไป ซึ่งอย่างน้อยตอ้ งมีรายละเอยี ดเก่ียวกับรายการ ดงั น้ี (๑) นโยบายการอนุรกั ษก์ ารได้ยิน (๒) การเฝา้ ระวงั เสียงดงั (Noise Monitoring) (๓) การเฝ้าระวงั การได้ยนิ (Hearing Monitoring) (๔) หนา้ ทคี่ วามรับผิดชอบของผทู้ เ่ี กยี่ วข้อง ท้งั น้ี ใหน้ ายจ้างประกาศมาตรการอนรุ ักษ์การได้ยนิ ในสถานประกอบกิจการให้ลูกจา้ งทราบ ข้อ ๓ ให้นายจ้างจัดให้มีการเฝ้าระวังเสียงดัง โดยการสํารวจและตรวจวัดระดับเสียง การศึกษาระยะเวลาสัมผัสเสียงดัง และการประเมินการสัมผัสเสียงดังของลูกจ้างในสถานประกอบกิจการ แล้วแจ้งผลใหล้ กู จ้างทราบ ข้อ ๔ ใหน้ ายจ้างจัดใหม้ กี ารเฝ้าระวังการได้ยินโดยให้ดําเนนิ การ ดังน้ี (๑) ทดสอบสมรรถภาพการได้ยิน (Audiometric sting) แก่ลูกจ้างที่สัมผัสเสียงดังท่ีได้รับ เฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทํางานแปดชั่วโมงต้ังแต่แปดสิบห้าเดซิเบลเอข้ึนไป และให้ทดสอบสมรรถภาพ การไดย้ ินของลกู จ้างครง้ั ต่อไปอยา่ งนอ้ ยปีละหนง่ึ คร้ัง (๒) แจ้งผลการทดสอบสมรรถภาพการได้ยินให้ลูกจ้างทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่นายจ้าง ทราบผลการทดสอบ (๓) ทดสอบสมรรถภาพการได้ยินของลูกจ้างซ้ําอีกคร้ังภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีนายจ้าง ทราบผลการทดสอบ กรณพี บวา่ ลกู จ้างมสี มรรถภาพการไดย้ นิ เปน็ ไปตามขอ้ ๖

169 เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๓๔ ง หน้า ๑๖ ๑๒ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๕ เกณฑ์การพิจารณาผลการทดสอบสมรรถภาพการไดย้ ินให้เป็นไป ดงั นี้ (๑) ใช้ผลการทดสอบสมรรถภาพการได้ยินคร้ังแรกของลูกจ้างท่ีความถี่ ๕๐๐ ๑๐๐๐ ๒๐๐๐ ๓๐๐๐ ๔๐๐๐ และ ๖๐๐๐ เฮิรตซ์ ของหูทั้งสองข้างเป็นข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Audiogram) และ (๒) นําผลการทดสอบสมรรถภาพการได้ยินคร้ังต่อไปเปรียบเทียบกับผลการทดสอบสมรรถภาพ การได้ยินทเ่ี ปน็ ขอ้ มลู พ้ืนฐานทกุ ครั้ง ขอ้ ๖ หากผลการทดสอบสมรรถภาพการได้ยิน พบว่าลูกจ้างสูญเสียการได้ยนิ ท่ีหูขา้ งใดข้างหน่ึง ตั้งแต่สิบหา้ เดซิเบลข้ึนไปท่ีความถ่ีใดความถ่ีหนึ่ง ให้นายจ้างจัดให้มีมาตรการป้องกันอันตรายอย่างหน่ึงอย่างใด แก่ลกู จ้าง ดงั น้ี (๑) จัดให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลท่ีสามารถลดระดับเสียง ทีล่ กู จา้ งได้รับเฉลยี่ ตลอดระยะเวลาการทาํ งานแปดช่ัวโมงนอ้ ยกว่าแปดสบิ ห้าเดซเิ บลเอ (๒) เปล่ียนงานให้ลูกจ้าง หรือหมุนเวียนสลับหน้าท่ีระหว่างลูกจ้างด้วยกันเพื่อให้ระดับเสียง ท่ีลูกจา้ งได้รบั เฉลย่ี ตลอดระยะเวลาการทาํ งานแปดชวั่ โมงน้อยกว่าแปดสิบห้าเดซเิ บลเอ ข้อ ๗ ให้นายจ้างจัดทําและติดแผนผังแสดงระดับเสียง (Noise Contour Map) ในแต่ละพ้ืนที่ เก่ียวกับผลการตรวจวัดระดับเสียง ติดป้ายบอกระดับเสียงและเตือนให้ระวังอันตรายจากเสียงดัง รวมถึงจัดให้มีเคร่ืองหมายเตือนให้ใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลในแต่ละพ้ืนท่ีที่มีความเส่ียง จากเสียงดังและทุกพ้ืนท่ีที่มีระดับเสียงดังตั้งแต่แปดสิบห้าเดซิเบลเอขึ้นไป โดยรูปแบบและขนาดของ แผนผังแสดงระดับเสียง ป้ายบอกระดับเสียงและเตือนให้ระวังอันตรายจากเสียงดัง และเครื่องหมายเตือน ให้ใช้อปุ กรณค์ ุ้มครองความปลอดภยั สว่ นบุคคล ให้เป็นไปตามแนบทา้ ยประกาศน้ี ข้อ ๘ ให้นายจ้างอบรมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการอนุรักษ์การได้ยินความสําคัญ ของการทดสอบสมรรถภาพการได้ยิน อันตรายของเสียงดัง การควบคุม ป้องกัน และการใช้อุปกรณ์ คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลแก่ลูกจ้างที่ทํางานในบริเวณท่ีมีระดับเสียงดังที่ได้รับเฉล่ียตลอดระยะเวลา การทาํ งานแปดช่ัวโมงต้งั แตแ่ ปดสิบห้าเดซิเบลเอข้ึนไป และลกู จ้างท่เี กี่ยวขอ้ งในสถานประกอบกิจการ ขอ้ ๙ ให้นายจ้างประเมินผลและทบทวนการจัดการมาตรการอนุรักษ์การได้ยินในสถาน ประกอบกจิ การไม่นอ้ ยกว่าปลี ะหนึง่ ครงั้ ข้อ ๑๐ ให้นายจ้างบันทึกข้อมูลและจัดทําเอกสารการดําเนินการตามข้อ ๓ ถึงข้อ ๑๐ เก็บไวใ้ นสถานประกอบกจิ การไม่น้อยกว่าหา้ ปี พร้อมที่จะให้พนักงานตรวจความปลอดภยั ตรวจสอบได้ ประกาศ ณ วันท่ี ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ อนนั ตช์ ัย อทุ ัยพฒั นาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

170 เอกสารแนบทา้ ยประกาศกรมสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงาน เรอ่ื ง หลักเกณฑ์และวิธกี ารจัดทามาตรการอนรุ ักษ์การได้ยนิ ในสถานประกอบกจิ การ รูปแบบและขนาดแผนผังแสดงระดับเสียง (Noise Contour Map) ในแต่ละพ้ืนท่ี ป้ายบอกระดับเสียง และเตือนให้ระวงั อนั ตรายจากเสยี งดงั และเคร่อื งหมายเตือนให้ใช้อปุ กรณ์คุม้ ครองความปลอดภยั สว่ นบุคคล ดงั นี้ ๑. รูปแบบและขนาดแผนผังแสดงระดับเสียง (Noise Contour Map) สงู อย่างน้อย ๒๕๔ มลิ ลิเมตร กว้างอย่างนอ้ ย ๓๕๕ มลิ ลเิ มตร หมายเหตุ ๑) ชอ่ งไฟระหว่างตวั อักษรต้องไมแ่ ตกตา่ งกันมากกวา่ ร้อยละ ๑๐ ของขอ้ ความทัง้ หมด ๒) ลักษณะของตัวอักษรต้องดูเรยี บง่าย ไมเ่ ขยี นแรเงา หรอื มลี วดลาย ๓) ความสูงของตัวอักษรมีความสูงอย่างน้อย ๒๐ มิลลิเมตร และความกว้างของตัวอักษรต้องไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๗๐ ของความสูงของตวั อกั ษร ๔) ข้อความสามารถกาหนดเป็นภาษาอื่น ๆ ได้ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาเมียนมา ภาษาลาว และภาษากัมพูชา แตต่ ้องมขี ้อความทเี่ ปน็ ภาษาไทยกากบั ไว้ด้วย ๕) แผนผงั แสดงระดับเสยี ง (Noise Contour Map) ต้องเหน็ ได้อย่างชัดเจนภายใต้ความสวา่ งทุกสภาวะ

171 -๒- ๒. รปู แบบและขนาดของปา้ ยบอกระดับเสยี งและเตอื นให้ระวงั อันตรายจากเสียงดงั สงู อย่างน้อย สงู อยา่ งน้อย ๖๐ มิลลเิ มตร ๒๕๔ มิลลเิ มตร สูงอยา่ งนอ้ ย ๒๐ มลิ ลิเมตร สงู อยา่ งน้อย ๖๐ มิลลิเมตร ระบุระดับ ความดงั เสียงสูงสดุ ทีต่ รวจวดั กวา้ งอยา่ งน้อย ๓๕๕ มิลลเิ มตร หมายเหตุ ๑) องค์ประกอบของป้ายบอกระดับเสียงและระวังอันตรายจากเสียงดัง ประกอบด้วย สัญลักษณ์ระวัง อันตราย (Safety Alert Symbol) คาสัญญาณ (Signal Word) สัญลักษณ์ความปลอดภัย (Safety Symbol) ข้อความพื้นท่ีท่ีมีอันตรายจากเสียงดัง การแสดงระดับความดังเสียง และการป้องกัน อันตรายจากการสมั ผัสเสียงดงั (Word Message) ๒) ช่องไฟระหว่างตวั อกั ษรต้องไม่แตกตา่ งกนั มากกวา่ ร้อยละ ๑๐ ของข้อความทั้งหมด ๓) ลักษณะของตัวอักษรตอ้ งดูเรียบง่าย ไม่เขยี นแรเงา หรอื มีลวดลาย ๔) ความสงู ของตัวอกั ษรหรือตัวเลขท่ีแสดงคาสญั ญาณ (Signal Word) และระดับความดังเสียงมีความสูง อย่างน้อย ๖๐ มิลลิเมตร และความสูงตัวอักษรท่ัวไปมีความสูงอย่างน้อย ๒๐ มิลลิเมตร และความกว้าง ของตวั อกั ษรต้องไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ ๗๐ ของความสูงของตัวอักษร ๖) รูปสัญลักษณ์และข้อความสามารถกาหนดเป็นรูปแบบอ่ืน ๆ ได้ แต่ต้องสื่อความหมายว่าพื้นที่มี อนั ตรายจากเสียงดงั การแสดงระดับความดงั เสยี ง และการปอ้ งกนั อนั ตรายจากการสมั ผัสเสียงดงั ๗) ข้อความสามารถกาหนดเป็นภาษาอ่ืน ๆ ได้ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาเมียนมา ภาษาลาว และภาษากัมพูชา แต่ต้องมีขอ้ ความทีเ่ ป็นภาษาไทยกากบั ไวด้ ว้ ย ๘) ป้ายบอกระดับเสียงและเตือนให้ระวังอันตรายจากเสียงดัง ต้องเห็นได้อย่างชัดเจนภายใต้ความสว่าง ทุกสภาวะ

172 -๓- ๓. รปู แบบและขนาดเครื่องหมายเตือนให้ใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยสว่ นบคุ คล สงู อย่างน้อย สูงอย่างนอ้ ย ๒๔๐ มิลลิเมตร ๓๐๐ มิลลิเมตร สูงอย่างนอ้ ย a ๒๐ มิลลิเมตร b หมายเหตุ ๑) พืน้ ทีส่ ฟี า้ ต้องครอบคลมุ ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๕๐ ของพ้นื ทท่ี ้ังหมดของเคร่ืองหมาย ๒) ชอ่ งไฟระหวา่ งตัวอกั ษรต้องไม่แตกตา่ งกันมากกว่าร้อยละ ๑๐ ของขอ้ ความทง้ั หมด ๓) ลักษณะของตัวอักษรตอ้ งดูเรียบง่าย ไม่เขียนแรเงา หรอื มลี วดลาย ๔) ความกวา้ งของตัวอักษรตอ้ งไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของความสูงของตัวอกั ษร ๕) ความกวา้ ง (b) ต้องไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๗๐ ของความสูง (a) ๖) รูปสัญลักษณ์และข้อความสามารถกาหนดเป็นรูปแบบอื่น ๆ ได้ แต่ต้องสื่อความหมายว่าเป็นการป้องกัน อันตรายจากการสมั ผสั เสยี งดงั เช่น ตอ้ งสวมที่ครอบหูลดเสียง ต้องสวมปลก๊ั ลดเสยี ง เปน็ ต้น ๗) ข้อความสามารถกาหนดเป็นภาษาอื่น ๆ ได้ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาเมียนมา ภาษาลาว และภาษากัมพูชา แต่ต้องมขี อ้ ความทีเ่ ปน็ ภาษาไทยกากับไวด้ ้วย ๘) เคร่ืองหมายเตือนให้ใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลต้องเห็นได้อย่างชัดเจน ภายใตค้ วามสว่างทุกสภาวะ

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๘ ก หน้า ๑๒ 173 ราชกจิ จานุเบกษา ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ กฎกระทรวง กำหนดมำตรฐำนในกำรบรหิ ำร จดั กำร และดำเนินกำรดำ้ นควำมปลอดภัย อำชวี อนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนเก่ียวกับทอี่ บั อำกำศ พ.ศ. ๒๕๖๒ อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหนง่ึ และมำตรำ ๘ วรรคหน่ึง แหง่ พระรำชบญั ญตั ิ ควำมปลอดภัย อำชวี อนำมัย และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงแรงงำน ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้ “ที่อับอำกำศ” (Confined Space) หมำยควำมว่ำ ที่ซ่ึงมีทำงเข้ำออกจำกัดและไม่ได้ออกแบบไว้ สำหรับเป็นสถำนท่ีทำงำนอย่ำงต่อเนื่องเป็นประจำ และมีสภำพอันตรำยหรือมีบรรยำกำศอันตรำย เช่น อุโมงค์ ถ้ำ บ่อ หลุม ห้องใต้ดิน ห้องนิรภัย ถังน้ำมัน ถังหมัก ถัง ไซโล ท่อ เตำ ภำชนะ หรือสงิ่ อื่นท่ีมลี กั ษณะคลำ้ ยกนั “สภำพอนั ตรำย” หมำยควำมวำ่ สภำพหรือสภำวะท่อี ำจทำใหล้ ูกจำ้ งไดร้ ับอันตรำยจำกกำรทำงำน อยำ่ งหนงึ่ อยำ่ งใด ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) มวี ตั ถหุ รือวสั ดทุ อ่ี ำจก่อให้เกดิ กำรจมลงของลูกจ้ำงหรอื ถมทับลูกจำ้ งท่เี ขำ้ ไปทำงำน (๒) มสี ภำพที่อำจทำให้ลกู จ้ำงตก ถูกกกั หรอื ตดิ อยู่ภำยใน (๓) มีสภำวะที่ลกู จ้ำงมีควำมเสยี่ งทีจ่ ะไดร้ ับอนั ตรำยจำกบรรยำกำศอันตรำย (๔) สภำพอืน่ ใดท่ีอำจเปน็ อันตรำยต่อรำ่ งกำยหรือชีวิตตำมท่อี ธิบดีประกำศกำหนด “บรรยำกำศอนั ตรำย” หมำยควำมวำ่ สภำพอำกำศที่อำจทำให้ลกู จ้ำงได้รับอันตรำยจำกสภำวะ อย่ำงหน่ึงอยำ่ งใด ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) มอี อกซิเจนตำ่ กวำ่ รอ้ ยละ ๑๙.๕ หรอื มำกกวำ่ ร้อยละ ๒๓.๕ โดยปรมิ ำตร (๒) มีก๊ำซ ไอ หรือละอองท่ีตดิ ไฟหรอื ระเบิดได้ เกนิ ร้อยละ ๑๐ ของค่ำควำมเขม้ ขน้ ขน้ั ตำ่ ของสำรเคมีแต่ละชนิดในอำกำศท่ีอำจติดไฟหรือระเบิดได้ (lower flammable limit หรือ lower explosive limit)

174 เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๘ ก หน้า ๑๓ ๑๕ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา (๓) มีฝุ่นที่ติดไฟหรือระเบิดได้ ซ่ึงมีค่ำควำมเข้มข้นเท่ำกับหรือมำกกว่ำค่ำควำมเข้มข้นข้ันตำ่ สุด ของฝนุ่ ทตี่ ดิ ไฟหรือระเบิดได้แต่ละชนดิ (minimum explosible concentration) (๔) มีค่ำควำมเข้มข้นของสำรเคมีแต่ละชนิดเกินมำตรฐำนที่กำหนดตำมกฎกระทรวงว่ำด้วย กำรกำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำร จัดกำร และดำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนเกย่ี วกบั สำรเคมีอันตรำย (๕) สภำวะอื่นใดท่อี ำจเปน็ อนั ตรำยตอ่ ร่ำงกำยหรอื ชวี ิตตำมที่อธิบดีประกำศกำหนด หมวด ๑ บททวั่ ไป ขอ้ ๒ ใหน้ ำยจำ้ งจดั ทำปำ้ ยแจ้งข้อควำมวำ่ “ที่อับอำกำศ อันตรำย ห้ำมเข้ำ” ใหม้ ขี นำด มองเห็นได้ชัดเจน ติดตั้งไว้โดยเปิดเผยบริเวณทำงเขำ้ ออกของท่ีอับอำกำศทุกแห่ง สำหรับที่อับอำกำศ ซ่ึงต้องมีอุปกรณ์เฉพำะในกำรเปิดทำงเข้ำออก ให้นำยจ้ำงจัดให้มีมำตรกำรควบคุมเพื่อควำมปลอดภัย ในกำรเปดิ ทำงเขำ้ ออกและตอ้ งติดปำ้ ยแจ้งขอ้ ควำมดงั กล่ำวด้วย ข้อ ๓ ห้ำมนำยจ้ำงให้ลูกจ้ำงหรือบุคคลใดเข้ำไปในท่ีอับอำกำศ เว้นแต่นำยจ้ำงได้ดำเนินกำร ให้มีควำมปลอดภัยตำมกฎกระทรวงน้ีแล้ว และลูกจ้ำงหรือบุคคลนั้นได้รบั อนุญำตจำกผู้มหี น้ำท่ีรับผิดชอบ ในกำรอนุญำตตำมข้อ ๑๗ และเป็นผู้ได้รับกำรฝึกอบรมควำมปลอดภัยในกำรทำงำนในท่ีอับอำกำศ ตำมขอ้ ๒๐ ข้อ ๔ ห้ำมนำยจ้ำงอนุญำตให้ลูกจ้ำงหรือบุคคลใดเข้ำไปในที่อับอำกำศ หำกนำยจ้ำงรู้ หรือควรรวู้ ำ่ ลูกจ้ำงหรือบุคคลนั้นเป็นโรคเก่ียวกบั ทำงเดนิ หำยใจ โรคหัวใจ หรือโรคอ่ืนซึ่งแพทย์เหน็ ว่ำ กำรเข้ำไปในทอ่ี บั อำกำศอำจเป็นอนั ตรำยต่อบุคคลดงั กล่ำว หมวด ๒ มำตรกำรควำมปลอดภยั ข้อ ๕ ให้นำยจ้ำงจัดให้มีกำรประเมินสภำพอันตรำยในท่ีอับอำกำศ หำกพบว่ำมีสภำพอันตรำย นำยจ้ำงตอ้ งจัดให้มีมำตรกำรควบคุมสภำพอันตรำยเพ่ือให้เกิดควำมปลอดภัยตอ่ ลกู จ้ำง และให้นำยจำ้ ง เก็บหลักฐำนกำรดำเนินกำรไว้ ณ สถำนประกอบกิจกำร หรือสถำนที่ทำงำน เพื่อให้พนักงำน ตรวจควำมปลอดภยั ตรวจสอบได้ ข้อ ๖ ให้นำยจ้ำงจัดให้มีกำรตรวจวัด บันทึกผลกำรตรวจวัด และประเมินสภำพอำกำศ ในท่ีอับอำกำศก่อนให้ลูกจ้ำงเข้ำไปทำงำนและในระหว่ำงที่ลูกจ้ำงทำงำนในท่ีอับอำกำศ หำกพบว่ำ มีสภำวะทีเ่ ป็นบรรยำกำศอันตรำย ใหน้ ำยจำ้ งดำเนินกำร ดังตอ่ ไปน้ี (๑) หำ้ มบุคคลใดเขำ้ ไปในที่อับอำกำศ (๒) กรณีท่มี ีลูกจำ้ งอย่รู ะหวำ่ งกำรทำงำนในท่ีอับอำกำศ ใหน้ ำลูกจำ้ งออกจำกบรเิ วณนนั้ ทนั ที

175 เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๘ ก หน้า ๑๔ ๑๕ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ ราชกจิ จานุเบกษา (๓) ประเมินและคน้ หำสำเหตขุ องกำรเกดิ บรรยำกำศอนั ตรำย (๔) ดำเนินกำรเพื่อทำให้สภำพอำกำศในท่ีอับอำกำศน้ันไม่มีบรรยำกำศอันตรำย เช่น กำรระบำยอำกำศหรือกำรปฏบิ ัติตำมมำตรกำรอนื่ เพ่ือใหเ้ กดิ ควำมปลอดภยั ในกำรทำงำนแกล่ ูกจ้ำง ให้นำยจ้ำงเก็บบันทึกผลกำรตรวจวัด กำรประเมินสภำพอำกำศ และกำรดำเนินกำรเพื่อให้ สภำพอำกำศในที่อับอำกำศไม่มีบรรยำกำศอันตรำยไว้ ณ สถำนประกอบกิจกำร หรือสถำนที่ทำงำน เพอื่ ให้พนักงำนตรวจควำมปลอดภยั ตรวจสอบได้อยำ่ งนอ้ ยหน่งึ ปี ข้อ ๗ หำกนำยจ้ำงได้ดำเนินกำรตำมข้อ ๖ แล้ว ที่อับอำกำศยังมีบรรยำกำศอันตรำยอยู่ แต่นำยจ้ำงมีควำมจำเป็นที่จะต้องให้ลูกจ้ำงหรอื บคุ คลใดเข้ำไปในท่ีอับอำกำศท่ีมีบรรยำกำศอันตรำยน้นั ใหน้ ำยจ้ำงจดั ให้ลกู จ้ำงหรอื บคุ คลนัน้ สวมใส่หรือใชอ้ ปุ กรณค์ ุ้มครองควำมปลอดภัยส่วนบคุ คลทเ่ี หมำะสม กบั ลักษณะงำน และใชอ้ ุปกรณ์กำรทำงำนชนิดทท่ี ำให้บุคคลดังกล่ำวทำงำนในทอ่ี ับอำกำศได้โดยปลอดภัย ขอ้ ๘ กรณีท่ีนำยจ้ำงให้ลูกจ้ำงทำงำนในท่ีอับอำกำศ นำยจ้ำงต้องจัดให้มีลูกจ้ำงซึ่งได้รับ กำรฝึกอบรมควำมปลอดภัยในกำรทำงำนในท่ีอับอำกำศตำมข้อ ๒๐ คนหนึ่งหรือหลำยคนตำมควำมจำเปน็ เป็นผู้ควบคุมงำนประจำในบรเิ วณพนื้ ที่ทำงำนตลอดเวลำเพ่อื ทำหน้ำที่ ดงั ต่อไปน้ี (๑) จัดทำแผนกำรปฏิบัติงำนและกำรป้องกันอันตรำยที่อำจเกิดขึ้นจำกกำรทำงำนและ แผนชว่ ยเหลอื ผปู้ ฏบิ ัตงิ ำนในกรณเี กดิ เหตฉุ ุกเฉนิ และปิดประกำศหรอื แจ้งใหล้ ูกจ้ำงทรำบเป็นลำยลักษณอ์ ักษร (๒) ชี้แจงและซักซ้อมหน้ำที่ควำมรับผิดชอบ วิธีกำรปฏิบัติงำน และวิธีกำรป้องกันอันตรำย ให้เป็นไปตำมแผนที่กำหนดไว้ (๓) ควบคุมดแู ลให้ลูกจำ้ งใช้เครื่องปอ้ งกนั อันตรำยและอปุ กรณ์คุม้ ครองควำมปลอดภัยส่วนบุคคล และใหต้ รวจตรำอปุ กรณ์ดังกลำ่ วใหอ้ ยูใ่ นสภำพพรอ้ มที่จะใช้งำน (๔) ส่ังให้หยุดกำรทำงำนไว้ช่ัวครำวในทันที ในกรณีที่มีเหตุซ่ึงอำจกอ่ ให้เกิดอันตรำยตอ่ ลูกจ้ำง หรือลูกจ้ำงแจ้งวำ่ อำจเกิดอันตรำย จนกว่ำเหตนุ ั้นจะหมดไป และหำกจำเปน็ จะขอให้ผมู้ ีหน้ำท่รี ับผิดชอบ ในกำรอนุญำตตำมข้อ ๑๗ ยกเลกิ กำรอนญุ ำตให้ลกู จำ้ งทำงำนในที่อบั อำกำศนนั้ เสยี ก็ได้ ผคู้ วบคมุ งำนตำมวรรคหนง่ึ อำจทำหนำ้ ทค่ี วบคุมกำรทำงำนในทอ่ี บั อำกำศหลำยจดุ กำรทำงำน ในบรเิ วณพ้ืนที่เดยี วกันในครำวเดียวกันก็ได้ ทัง้ นี้ ตอ้ งสำมำรถมำถงึ แตล่ ะจุดกำรทำงำนได้อย่ำงรวดเร็ว ในทนั ทที ่ีมีเหตุฉกุ เฉนิ ข้อ ๙ ใหน้ ำยจำ้ งดำเนินกำร ดังตอ่ ไปนี้ (๑) จัดให้มีอุปกรณ์คุ้มครองควำมปลอดภัยส่วนบุคคล อุปกรณ์ช่วยเหลือ และช่วยชีวิต ท่ีเหมำะสมกับลักษณะงำนตำมมำตรฐำนที่กำหนดตำมกฎหมำยว่ำด้วยควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำน และตอ้ งควบคมุ ดูแลใหล้ กู จ้ำงซ่งึ ทำงำนในท่อี ับอำกำศและผชู้ ว่ ยเหลือ สวมใส่หรอื ใชอ้ ุปกรณค์ ุ้มครองควำมปลอดภัยส่วนบุคคลและอุปกรณ์ช่วยเหลือและชว่ ยชวี ิตน้ัน (๒) จัดใหล้ ูกจ้ำงซ่ึงไดร้ บั กำรฝึกอบรมควำมปลอดภัยในกำรทำงำนในทอ่ี บั อำกำศตำมข้อ ๒๐ คนหน่ึงหรือหลำยคนตำมควำมจำเป็น เป็นผู้ช่วยเหลือ พร้อมด้วยอุปกรณ์ช่วยเหลือและช่วยชีวิต

176 เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๑๘ ก หน้า ๑๕ ๑๕ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา ทเ่ี หมำะสมกบั ลกั ษณะงำน คอยเฝำ้ ดแู ลบริเวณทำงเขำ้ ออกทีอ่ บั อำกำศ โดยใหส้ ำมำรถตดิ ตอ่ สอ่ื สำรกบั ลกู จ้ำงที่ทำงำนในทอ่ี ับอำกำศและช่วยเหลอื ลกู จำ้ งออกจำกที่อบั อำกำศได้ตลอดเวลำ ข้อ ๑๐ ให้นำยจ้ำงจัดให้มีสิ่งปิดกน้ั ท่ีสำมำรถปอ้ งกันมิใหบ้ ุคคลใดเข้ำหรือตกลงไปในท่อี บั อำกำศ ที่มลี ักษณะเป็นช่อง โพรง หลุม ถังเปิด หรือส่ิงอนื่ ทม่ี ลี ักษณะคล้ำยกนั ขอ้ ๑๑ กรณีที่ที่อบั อำกำศท่ีให้ลูกจ้ำงทำงำนมีผนงั ต่อหรือมโี อกำสท่พี ลังงำน สำร หรือส่ิงที่ เปน็ อนั ตรำยจะรั่วไหลเขำ้ สู่บริเวณทอ่ี ับอำกำศทีท่ ำงำนอยู่ ใหน้ ำยจ้ำงปิดกนั้ หรอื กระทำโดยวธิ ีกำรอนื่ ใด ท่ีมผี ลในกำรปอ้ งกันมใิ ห้พลังงำน สำร หรอื สิง่ ท่เี ป็นอันตรำยเข้ำสบู่ รเิ วณที่อบั อำกำศในระหวำ่ งท่ีลูกจำ้ ง กำลังทำงำน ขอ้ ๑๒ ให้นำยจ้ำงจัดบริเวณทำงเดินหรือทำงเข้ำออกท่ีอับอำกำศให้มีควำมสะดวก และปลอดภยั ขอ้ ๑๓ ใหน้ ำยจำ้ งประกำศหำ้ มลูกจำ้ งหรอื บคุ คลใดสบู บุหรี่ หรอื พกพำอปุ กรณ์สำหรบั จุดไฟ หรือตดิ ไฟท่ีไม่เก่ยี วขอ้ งกบั กำรทำงำนเขำ้ ไปในทอ่ี ับอำกำศ โดยปดิ หรือแสดงไวบ้ รเิ วณทำงเขำ้ ออกทอี่ ับอำกำศ ขอ้ ๑๔ ให้นำยจ้ำงจัดให้มีอุปกรณ์ไฟฟ้ำที่เหมำะสมในกำรใช้งำนในที่อับอำกำศและ ตรวจสอบให้อุปกรณ์ไฟฟ้ำน้ันมีสภำพสมบูรณ์และปลอดภัยพร้อมใช้งำน ในกรณีที่ที่อับอำกำศน้ัน มีบรรยำกำศอันตรำยทไี่ วไฟหรอื ระเบิดได้ ต้องเป็นอุปกรณไ์ ฟฟ้ำชนดิ ทไ่ี ม่เป็นตน้ เหตทุ กี่ ่อให้เกิดกำรตดิ ไฟ หรอื ระเบิดได้ ข้อ ๑๕ ให้นำยจ้ำงจัดให้มีอุปกรณ์ดับเพลิงที่เหมำะสมและมีประสิทธิภำพในจำนวนเพียงพอ ทีจ่ ะใช้ไดท้ ันทที ีม่ ีกำรทำงำนท่อี ำจก่อใหเ้ กิดกำรลกุ ไหม้ ข้อ ๑๖ หำ้ มนำยจำ้ งอนุญำตให้ลูกจำ้ งทำงำนต่อไปนใี้ นท่อี บั อำกำศ (๑) งำนที่ก่อให้เกิดควำมร้อนหรือประกำยไฟในที่อับอำกำศ เช่น กำรเช่ือม กำรเผำไหม้ กำรย้ำหมดุ กำรเจำะ กำรขัด หรืองำนอ่นื ทม่ี ลี กั ษณะคล้ำยกนั (๒) งำนทใี่ ช้สำรระเหยง่ำย สำรพิษ หรือสำรไวไฟ มิให้นำควำมในวรรคหนึ่งมำใช้บังคับกับกรณีที่นำยจ้ำงได้จัดให้มีมำตรกำรค วำมปลอดภัย ตำมกฎกระทรวงน้ี ท้ังน้ี ลูกจ้ำงผู้ปฏิบัติงำนอำจปฏิเสธกำรทำงำนในครำวใดก็ได้ หำกเห็นว่ำกำรทำงำน ในครำวนั้นไม่มีมำตรกำรรองรบั เพ่ือให้เกิดควำมปลอดภยั ตอ่ ลกู จำ้ ง หมวด ๓ กำรอนุญำต ข้อ ๑๗ ให้นำยจ้ำงเป็นผู้มีหน้ำที่รับผิดชอบในกำรอนุญำตให้ลูกจ้ำงทำงำนในที่อับอำกำศ ในกำรนี้ นำยจ้ำงจะมอบหมำยเป็นหนังสือให้ลูกจ้ำงซ่ึงได้รับกำรฝึกอบรมควำมปลอดภัยในกำรทำงำน ในที่อับอำกำศตำมข้อ ๒๐ คนหน่ึงหรือหลำยคนตำมควำมจำเป็น เป็นผู้มีหน้ำที่รับผิดชอบใน กำรอนญุ ำตแทนกไ็ ด้

177 เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๘ ก หน้า ๑๖ ๑๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา ให้นำยจ้ำงเก็บหนังสือมอบหมำยไว้ ณ สถำนประกอบกิจกำร หรือสถำนที่ทำงำน เพ่ือให้ พนักงำนตรวจควำมปลอดภยั ตรวจสอบได้ ขอ้ ๑๘ ให้นำยจ้ำงจัดใหม้ ีหนงั สอื อนุญำตใหล้ ูกจ้ำงทำงำนในท่อี ับอำกำศทกุ คร้งั โดยอย่ำงนอ้ ย ต้องมรี ำยละเอยี ด ดังต่อไปนี้ (๑) ท่อี บั อำกำศทอ่ี นญุ ำตให้ลูกจำ้ งเขำ้ ไปทำงำน (๒) วนั เวลำในกำรทำงำน (๓) งำนทใ่ี ห้ลูกจ้ำงเข้ำไปทำ (๔) ชอ่ื ลกู จ้ำงทอ่ี นุญำตใหเ้ ข้ำไปทำงำน (๕) ชอ่ื ผคู้ วบคุมงำนตำมขอ้ ๘ (๖) ชื่อผ้ชู ว่ ยเหลือตำมขอ้ ๙ (๒) (๗) อันตรำยทล่ี ูกจำ้ งอำจไดร้ ับ และวิธกี ำรปฏิบตั ติ นและกำรช่วยเหลือลูกจำ้ งออกจำกท่ีอับอำกำศ ในกรณฉี ุกเฉนิ และวธิ กี ำรหลกี หนภี ยั (๘) ผลกำรประเมินสภำพอันตรำยและบรรยำกำศอันตรำย (๙) มำตรกำรควำมปลอดภัยท่เี ตรยี มไว้กอ่ นกำรใหล้ กู จำ้ งเขำ้ ไปทำงำน (๑๐) อปุ กรณค์ มุ้ ครองควำมปลอดภยั ส่วนบคุ คล และอุปกรณ์ชว่ ยเหลือและชว่ ยชีวิต (๑๑) ช่ือและลำยมือชื่อผู้ขออนุญำต และชื่อและลำยมือชื่อผู้มีหน้ำท่ีรับผิดชอบในกำรอนุญำต ตำมข้อ ๑๗ (๑๒) ผลกำรตรวจสุขภำพของลกู จ้ำงทท่ี ำงำนในทอ่ี ับอำกำศโดยมีใบรับรองแพทย์ ขอ้ ๑๙ ให้นำยจ้ำงเก็บหนังสืออนุญำตให้ลูกจ้ำงทำงำนในท่ีอับอำกำศตำมข้อ ๑๘ ไว้ ณ สถำนประกอบกิจกำรหรือสถำนที่ทำงำน เพื่อให้พนักงำนตรวจควำมปลอดภัยตรวจสอบได้และ ให้ปดิ หรอื แสดงสำเนำหนงั สือดงั กล่ำวไวท้ บี่ ริเวณทำงเข้ำที่อับอำกำศให้เหน็ ชัดเจนตลอดเวลำท่ลี ูกจ้ำงทำงำน หมวด ๔ กำรฝึกอบรม ข้อ ๒๐ ให้นำยจำ้ งจดั ใหม้ ีกำรฝกึ อบรมควำมปลอดภัยในกำรทำงำนในที่อับอำกำศแกล่ กู จำ้ งทกุ คน ท่ีทำงำนในที่อับอำกำศรวมทั้งผู้ท่ีเก่ียวข้อง ให้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจในทักษะที่จำเป็นในกำรทำงำน อย่ำงปลอดภัยตำมหน้ำท่ีท่ีได้รับมอบหมำย พร้อมท้ังวิธีกำรและขั้นตอนในกำรปฏิบัติงำน ตำมหลกั เกณฑ์ วิธกี ำร และหลักสูตรท่อี ธบิ ดีประกำศกำหนด ในกรณีท่ีนำยจ้ำงไม่สำมำรถดำเนินกำรฝึกอบรมตำมวรรคหน่ึงได้เอง จะต้องให้นิติบุคคล ที่ได้รบั ใบอนญุ ำตตำมมำตรำ ๑๑ เปน็ ผูด้ ำเนินกำร

178 เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๑๘ ก หน้า ๑๗ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา ขอ้ ๒๑ ให้นำยจ้ำงเก็บหลักฐำนกำรฝึกอบรมควำมปลอดภัยในกำรทำงำนในที่อับอำกำศ ตำมข้อ ๒๐ ไว้ ณ สถำนประกอบกิจกำรหรือสถำนท่ีทำงำน เพ่ือให้พนักงำนตรวจควำมปลอดภัย ตรวจสอบได้ บทเฉพำะกำล ขอ้ ๒๒ ให้ประกำศกรมสวัสดิกำรและคุ้มครองแรงงำน เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีกำร และหลกั สตู ร กำรฝกึ อบรมควำมปลอดภยั ในกำรทำงำนในท่ีอบั อำกำศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และทแี่ ก้ไขเพ่มิ เติม ใช้ไดต้ ่อไป เท่ำทไี่ มข่ ดั หรือแยง้ กบั กฎกระทรวงนี้ จนกวำ่ จะมีประกำศตำมขอ้ ๒๐ ใช้บงั คับ ให้หน่วยงำนฝกึ อบรมควำมปลอดภัยในกำรทำงำนในท่อี บั อำกำศทไ่ี ดข้ ึน้ ทะเบยี น ตำมประกำศ กรมสวัสดกิ ำรและคุ้มครองแรงงำน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีกำรและหลกั สูตรกำรฝึกอบรมควำมปลอดภัย ในกำรทำงำนในท่ีอับอำกำศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ดำเนินกำรตำมประกำศดังกล่ำวต่อไป และให้ถือเป็นนิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญำตตำมมำตรำ ๑๑ ตำมขอ้ ๒๐ วรรคสอง จนกวำ่ จะมนี ติ บิ ุคคลท่ไี ด้รับใบอนุญำตตำมมำตรำ ๑๑ ดำเนนิ กำร ขอ้ ๒๓ ในกรณีท่ีนำยจ้ำงจัดให้มีกำรฝึกอบรมควำมปลอดภัยในกำรทำงำนในที่อับอำกำศ ตำมกฎกระทรวงกำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำรและกำรจัดกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนในที่อับอำกำศ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้ถือว่ำนำยจ้ำงได้จัดให้มีกำรฝึกอบรม แก่ลกู จ้ำงและลกู จำ้ งได้รบั กำรฝกึ อบรมตำมขอ้ ๒๐ แล้ว ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 11 กุมภำพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖2 พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสงิ แกว้ รฐั มนตรวี ำ่ กำรกระทรวงแรงงำน

179 เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๘ ก หน้า ๑๘ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ีมำตรำ ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติ ควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔ บัญญัติให้นำยจ้ำงบริหำร จัดกำร และดำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนให้เป็นไป ตำมมำตรฐำนที่กำหนดในกฎกระทรวง ซ่ึงในกำรทำงำนเก่ียวกับที่อับอำกำศสมควรจะต้องมีระบบกำรบริหำร จัดกำร และดำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนที่ได้มำตรฐำน อันจะทำให้ลูกจ้ำงและผู้เก่ียวข้องมีควำมปลอดภัยในกำรทำงำนเก่ียวกับท่ีอับอำกำศมำกยิ่งข้ึน จึงจำเป็นต้อง ออกกฎกระทรวงน้ี

180 เล่ม ๑๓๘ ตอนพเิ ศษ ๕๔ ง หน้า ๘ ๑๑ มนี าคม ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกรมสวัสดิการและคุม้ ครองแรงงาน เร่ือง หลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และหลักสตู รการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทางานในทีอ่ ับอากาศ โดยที่กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดาเนนิ การดา้ นความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางานเกย่ี วกบั ที่อับอากาศ พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๒๐ กาหนดให้ นายจ้างจัดให้มีการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทางานในที่อับอากาศแก่ลูกจ้างทุกคนท่ีทางาน ในท่ีอับอากาศ รวมท้ังผู้ท่ีเกย่ี วข้องใหม้ ีความรคู้ วามเข้าใจในทักษะที่จาเป็นในการทางานอยา่ งปลอดภัย ตามหนา้ ท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย พรอ้ มท้งั วธิ กี ารและขัน้ ตอนในการปฏบิ ัตงิ านตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และ หลกั สตู รทอี่ ธิบดีประกาศกาหนด อาศัยอานาจตามข้อ ๒๐ แห่งกฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และ ดาเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานเกี่ยวกับท่ีอับอากาศ พ.ศ. ๒๕๖๒ อธบิ ดีกรมสวัสดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงานจึงไดอ้ อกประกาศไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนใ้ี ห้ใชบ้ งั คบั เม่อื พน้ กาหนดสามสบิ วนั นับแต่วนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เป็นตน้ ไป หมวด ๑ หลักเกณฑ์ และวธิ กี ารฝึกอบรม ข้อ ๒ ให้นายจ้างจัดให้มีการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทางานในท่ีอับอากาศแก่ลูกจา้ ง ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการอนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และผู้ปฏิบัติงานในท่ีอับอากาศ และ ต้องจดั ใหม้ ีการฝึกอบรมเพอื่ ทบทวนความปลอดภัยในการทางานในทีอ่ ับอากาศ ตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และหลักสูตรการฝกึ อบรมท่ีกาหนดไว้ในประกาศน้ี กรณีลูกจ้างมีการเปล่ียนงาน หรือเปล่ียนสถานที่ทางานซ่ึงอาจทาให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพอนามัย ให้นายจ้างจัดให้มีการฝึกอบรมภาคปฏิบัติให้กับลูกจ้างผู้มีหน้าที่ รับผดิ ชอบในการอนญุ าต ผ้คู วบคมุ งาน ผู้ชว่ ยเหลือและผูป้ ฏิบตั งิ านในทอ่ี บั อากาศ ก่อนเร่ิมการทางาน กรณที ีน่ ายจา้ งไม่สามารถจัดให้มีการฝึกอบรมตามวรรคหนงึ่ ได้ ใหน้ ายจ้างจัดใหบ้ ุคคลดงั กล่าว เข้ารับการฝึกอบรมกับนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๑ เป็นผู้ดาเนินการ ทั้งนี้ นิติบุคคล ดังกล่าวต้องดาเนนิ การให้เป็นไปตามข้อ ๒๐ แห่งกฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดาเนินการดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานเกี่ยวกับที่อบั อากาศ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๓ ในการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทางานในที่อับอากาศ นายจ้างหรือนิติบุคคล ทไี่ ดร้ ับอนญุ าตตามมาตรา ๑๑ ต้องดาเนนิ การ ดังน้ี

181 เล่ม ๑๓๘ ตอนพเิ ศษ ๕๔ ง หน้า ๙ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา (๑) ให้แจ้งกาหนดการ หลักสตู รการฝึกอบรม พรอ้ มรายช่ือและคุณสมบตั วิ ทิ ยากร ต่ออธิบดี หรือผู้ซ่ึงอธิบดีมอบหมายไม่น้อยกว่าเจ็ดวันทาการก่อนการจัดฝึกอบรม ท้ังน้ี อาจแจ้งเป็นเอกสารด้วยตนเอง หรอื ผา่ นระบบบรกิ ารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E - Service) ของกรมสวสั ดิการและค้มุ ครองแรงงาน (๒) จดั ใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมเขา้ รบั การฝึกอบรมเต็มเวลาตลอดหลักสตู รที่กาหนด (๓) จัดใหม้ ีเอกสารประกอบการฝึกอบรมตามหลกั สูตร (๔) จดั ให้มีการวัดผลและประเมนิ ผลผู้เข้ารบั การฝึกอบรม (๕) ออกหลักฐานแสดงการผ่านการฝึกอบรมให้แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม โดยมีรายละเอียดอย่างน้อย ดงั นี้ (ก) ชื่อหน่วยงานท่ีออกหลักฐานแสดงการผ่านการฝึกอบรม พร้อมระบุข้อความว่า “จัดฝึกอบรมโดยนายจ้าง” หรือ “จัดฝึกอบรมโดยนติ บิ ุคคลไดร้ ับอนุญาตตามมาตรา ๑๑ ใบอนุญาต เลขที่ ...” (ข) ชือ่ และนามสกุลของลูกจ้างหรือบุคคลท่ีผ่านการฝกึ อบรม (ค) ชื่อหลกั สตู รทผี่ ่านการฝึกอบรม (ง) สถานท่ตี ัง้ ในการฝึกอบรม ทงั้ ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ (จ) วัน เดอื น และปี ทเ่ี ข้ารับการฝกึ อบรม (ฉ) ลงนามโดยนายจา้ งหรอื นติ บิ ุคคลทีไ่ ด้รบั อนญุ าตตามมาตรา ๑๑ ข้อ ๔ ผู้จัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทางานในที่อับอากาศต้องจัดให้ห้องฝกึ อบรมหนงึ่ ห้อง มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมภาคทฤษฎีไม่เกินสามสิบคน และวิทยากรอย่างน้อยหนึ่งคน และในภาคปฏิบัติ ต้องจัดใหม้ วี ิทยากรอยา่ งน้อยหน่ึงคนตอ่ ผู้เข้ารบั การฝึกอบรมไมเ่ กินสิบห้าคน ขอ้ ๕ ในการฝึกภาคปฏิบตั ิ กรณีนายจ้างเป็นผู้จัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทางานในที่อับอากาศต้องจัดให้ลูกจ้าง เข้ารับการฝกึ อบรมภาคปฏิบัติในสถานทีจ่ ริงหรอื มลี ักษณะเหมอื นสถานทจี่ รงิ กรณีนิติบุคคลท่ีได้รบั อนุญาตตามมาตรา ๑๑ เป็นผู้จัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทางาน ในท่ีอับอากาศตอ้ งจัดให้ผู้เขา้ รับการฝึกอบรมภาคปฏิบัติสถานทตี่ ง้ั ทไ่ี ด้รับอนญุ าต ท้ังนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคนต้องได้รับการฝึกอบรมใช้อุปกรณ์ท่ีใช้ในการฝึกอบรม อย่างทั่วถงึ ทุกคน ผูเ้ ขา้ รบั การฝกึ อบรมภาคปฏิบตั ิตอ้ งมีคณุ สมบัติ ดงั นี้ (๑) มอี ายไุ ม่ต่ากว่าสบิ แปดปบี ริบรู ณ์ (๒) มีใบรับรองแพทย์ว่าเป็นผู้มีสุขภาพสมบูรณ์ ร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโรคเก่ียวกับทางเดินหายใจ โรคหัวใจ หรอื โรคอ่นื ซึ่งแพทยเ์ หน็ วา่ การเข้าไปในที่อับอากาศอาจเปน็ อนั ตรายตอ่ ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรม ขอ้ ๖ รายการอปุ กรณก์ ารฝึกอบรมภาคปฏบิ ตั ิอยา่ งน้อย ตอ้ งประกอบดว้ ย (๑) เครื่องตรวจวดั ปริมาณออกซเิ จนในบรรยากาศ

182 เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕๔ ง หน้า ๑๐ ๑๑ มนี าคม ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา (๒) เคร่ืองตรวจวัดค่าความเข้มข้นขั้นต่าของสารเคมีแต่ละชนิดในอากาศที่อาจติดไฟหรือ ระเบดิ ได้ (๓) เครื่องตรวจวัดค่าความเข้มของสารเคมีในบรรยากาศ (๔) เครอื่ งดับเพลงิ แบบเคลื่อนย้ายได้ (๕) อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามเนื้อหาหลักสูตร ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจชนิดส่งอากาศช่วยหายใจ อุปกรณ์ช่วยเหลือและช่วยชีวิตที่เหมาะสมกับ ลกั ษณะงาน ในการฝึกอบรม ให้นายจ้างเลือกใช้เครื่องตรวจวัดค่าความเข้มข้นของสารเคมีในบรรยากาศ ตามความเหมาะสมกบั สารเคมีท่มี ีในสถานประกอบกจิ การ หมวด ๒ หลกั สตู รการฝึกอบรม ข้อ ๗ หลักสตู รการฝกึ อบรมความปลอดภัยในการทางานในทีอ่ บั อากาศ มดี ังน้ี (๑) หลกั สูตรการฝึกอบรมผู้อนญุ าต (๒) หลกั สูตรการฝึกอบรมผคู้ วบคมุ งาน (๓) หลกั สตู รการฝึกอบรมผชู้ ว่ ยเหลอื (๔) หลกั สตู รการฝกึ อบรมผู้ปฏิบตั ิงานในที่อับอากาศ (๕) หลกั สูตรการฝึกอบรมผู้อนญุ าต ผคู้ วบคมุ งาน ผ้ชู ่วยเหลอื และผู้ปฏิบตั งิ านในทีอ่ ับอากาศ (๖) หลักสตู รการฝึกอบรมทบทวนความปลอดภยั ในการทางานในทอี่ บั อากาศ ขอ้ ๘ หลักสูตรการฝึกอบรมผู้อนุญาต ใช้ระยะเวลาการฝึกอบรมท้ังภาคทฤษฎีและ ภาคปฏบิ ัตไิ มน่ อ้ ยกวา่ เจ็ดช่วั โมง โดยจัดฝึกอบรมหน่งึ วนั ดังน้ี (๑) ภาคทฤษฎีต้องมหี วั ข้อวิชาและระยะเวลาการฝึกอบรมห้าช่ัวโมง (ก) กฎหมายความปลอดภัยในการทางานในทอ่ี ับอากาศ หนง่ึ ช่ัวโมง (ข) ความหมาย ชนิด ประเภทของที่อับอากาศ และอันตรายในท่ีอับอากาศ หนึง่ ช่ัวโมง (ค) การชี้บ่งอันตรายและการประเมินสภาพอันตราย การประเมินสภาพพื้นที่และงาน และการเตรียมความพรอ้ มในการทางานในที่อับอากาศ หนึง่ ช่วั โมง (ง) วธิ กี ารปฏิบัติงานในพ้ืนทอี่ ับอากาศทถี่ ูกตอ้ งและปลอดภัย สามสิบนาที (จ) การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ใช้ในท่ีอับอากาศและอุปกรณ์ ช่วยเหลือและช่วยชวี ิต สามสบิ นาที (ฉ) ระบบการขออนุญาตทางานในท่ีอับอากาศและการขอยกเลิกการอนุญาตทางาน ในทอี่ ับอากาศ และหลักการตัดแยกพลงั งานเพือ่ ความปลอดภัย สามสิบนาที

183 เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕๔ ง หน้า ๑๑ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา (ช) บทบาท หน้าท่ี ความรับผิดชอบของผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผู้ปฏิบัติงานในท่ีอับอากาศ และการส่ือสารระหว่างผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผปู้ ฏบิ ตั ิงานในที่อับอากาศ สามสิบนาที (๒) ภาคปฏิบัตติ ้องมหี วั ขอ้ วิชาและระยะเวลาการฝกึ อบรมไม่นอ้ ยกวา่ สองช่ัวโมง (ก) เทคนิคการตรวจสภาพพ้ืนทีแ่ ละงาน กอ่ นตัดสินใจอนญุ าต ไม่นอ้ ยกวา่ หนง่ึ ช่ัวโมง (ข) เทคนคิ ในการควบคุมการทางานในท่ีอบั อากาศ ไม่น้อยกว่าหนึ่งชว่ั โมง ขอ้ ๙ หลักสูตรการฝึกอบรมผู้ควบคุมงาน ใช้ระยะเวลาการฝึกอบรมท้ังภาคทฤษฎีและ ภาคปฏิบตั ไิ มน่ อ้ ยกวา่ สิบสองชวั่ โมง โดยจัดฝึกอบรมสองวนั ตอ่ เนื่อง ดังนี้ (๑) ภาคทฤษฎีตอ้ งมีหัวข้อวชิ าและระยะเวลาการฝึกอบรมเกา้ ช่วั โมง (ก) กฎหมายความปลอดภัยในการทางานในท่อี ับอากาศ หนึ่งชั่วโมง (ข) ความหมาย ชนิด ประเภทของที่อับอากาศ และอันตรายในท่ีอับอากาศ หนึง่ ชวั่ โมง (ค) การชี้บ่งอันตรายและการประเมินสภาพอันตราย การประเมินสภาพพ้ืนท่ีและงาน และการเตรียมความพร้อมในการทางานในที่อบั อากาศ หน่ึงชั่วโมง (ง) ระบบการขออนุญาตทางานในที่อับอากาศและการขอยกเลิกการอนุญาตทางาน ในทีอ่ ับอากาศ และหลกั การตดั แยกพลงั งานเพื่อความปลอดภัย สามสิบนาที (จ) บทบาท หน้าท่ี ความรับผิดชอบของผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผู้ปฏิบัติงานในท่ีอับอากาศ และการส่ือสารระหว่างผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผู้ปฏิบตั งิ านในท่อี บั อากาศ สามสบิ นาที (ฉ) เทคนิคการตรวจสอบสภาพอากาศในที่อับอากาศ รวมทั้งการใช้และการตรวจสอบ เครื่องมอื หรอื อปุ กรณ์ตรวจวดั สภาพอากาศในทอ่ี ับอากาศ หน่งึ ชัว่ โมง (ช) เทคนิคการระบายอากาศ และเครื่องมือการระบายอากาศในที่อับอากาศ หนง่ึ ชัว่ โมง (ซ) การสั่งให้หยดุ ทางานช่วั คราว สามสิบนาที (ฌ) การวางแผนการปฏิบัติงานและการป้องกันอันตรายท่ีอาจเกิดขึ้นจากการทางาน ในท่อี บั อากาศ สามสิบนาที (ญ) เทคนิคในการจัดทาแผนปฏิบตั งิ านและการป้องกนั อันตราย หนึ่งช่วั โมง (ฎ) การควบคุมดูแล การใช้เคร่ืองป้องกัน อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล และอปุ กรณ์ช่วยเหลือและชว่ ยชีวติ หน่ึงชว่ั โมง (๒) ภาคปฏบิ ัตติ อ้ งมีหัวขอ้ วิชาและระยะเวลาการฝึกอบรมไมน่ ้อยกว่าสามชวั่ โมง (ก) เทคนิคการตรวจสอบสภาพอากาศในท่ีอับอากาศ รวมท้ังการใช้และการตรวจสอบ เครื่องมือหรอื อุปกรณต์ รวจวัดสภาพอากาศในท่อี บั อากาศ ไมน่ อ้ ยกวา่ สามสิบนาที

184 เล่ม ๑๓๘ ตอนพเิ ศษ ๕๔ ง หน้า ๑๒ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา (ข) เทคนิคการระบายอากาศ และเครื่องมือการระบายอากาศในท่ีอับอากาศ ไม่นอ้ ยกวา่ สามสิบนาที (ค) เทคนคิ ในการควบคมุ การทางานในที่อับอากาศ ไมน่ ้อยกวา่ สามสบิ นาที (ง) การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลท่ีใช้ในท่ีอับอากาศ ไม่น้อยกว่า สามสบิ นาที (จ) การใชอ้ ปุ กรณช์ ่วยเหลอื และช่วยชวี ิตในทีอ่ บั อากาศ ไมน่ อ้ ยกวา่ สามสิบนาที (ฉ) สถานการณ์การปฏิบัติงานในที่อับอากาศในสภาพปกติ และกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ไมน่ ้อยกวา่ สามสิบนาที ขอ้ ๑๐ หลักสูตรการฝึกอบรมผู้ช่วยเหลือ ใช้ระยะเวลาการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและ ภาคปฏิบตั ิไม่นอ้ ยกวา่ สิบแปดช่ัวโมง โดยจัดฝึกอบรมสามวนั ต่อเน่ือง ดงั นี้ (๑) ภาคทฤษฎีต้องมหี วั ขอ้ วชิ าและระยะเวลาการฝึกอบรมสบิ สองชว่ั โมง (ก) กฎหมายความปลอดภยั ในการทางานในที่อับอากาศ หน่งึ ชวั่ โมง (ข) ความหมาย ชนิด ประเภทของท่ีอับอากาศ และอันตรายในท่ีอับอากาศ หน่ึงช่วั โมง (ค) การช้ีบ่งอันตรายและการประเมินสภาพอันตราย การประเมินสภาพพ้ืนที่และงาน และการเตรยี มความพรอ้ มในการทางานในท่ีอบั อากาศ หนึ่งช่วั โมง (ง) วิธกี ารปฏิบัตงิ านในพ้ืนทอ่ี ับอากาศที่ถูกต้องและปลอดภัย หน่งึ ชั่วโมง (จ) การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลท่ีใช้ในที่อับอากาศและอุปกรณ์ ชว่ ยเหลือและชว่ ยชวี ิตในทอี่ ับอากาศ หนง่ึ ช่วั โมง (ฉ) ระบบการขออนุญาตทางานในที่อับอากาศและการขอยกเลิกการอนุญาตทางาน ในท่อี บั อากาศ และหลกั การตดั แยกพลงั งานเพ่อื ความปลอดภัย สามสบิ นาที (ช) บทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบของผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผู้ปฏิบัติงานในที่อับอากาศ และการส่ือสารระหว่างผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผปู้ ฏิบตั งิ านในท่ีอบั อากาศ สามสิบนาที (ซ) เทคนิคการตรวจสอบสภาพอากาศในที่อับอากาศ รวมท้ังการใช้และการตรวจสอบ เครื่องมือหรอื อปุ กรณ์ตรวจวดั สภาพอากาศในทีอ่ บั อากาศ หนง่ึ ชว่ั โมง (ฌ) เทคนคิ การระบายอากาศ และเครือ่ งมอื การระบายอากาศในท่ีอบั อากาศ หนึ่งชว่ั โมง (ญ) อันตรายทอี่ าจได้รับในกรณฉี กุ เฉินและวิธกี ารหลกี ภัย หน่งึ ชวั่ โมง (ฎ) การช่วยเหลือและช่วยชวี ิต หน่ึงช่วั โมง (ฏ) การปฐมพยาบาลและการช่วยเหลือเบ้ืองต้น และการปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือ ผทู้ ่หี ยดุ หายใจหรอื หัวใจหยุดเต้น (CPR) สองช่ัวโมง

185 เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕๔ ง หน้า ๑๓ ๑๑ มนี าคม ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา (๒) ภาคปฏิบัตติ อ้ งมีหวั ขอ้ วิชาและระยะเวลาการฝึกอบรมไม่นอ้ ยกว่าหกชวั่ โมง (ก) เทคนิคการตรวจสอบสภาพอากาศในท่ีอับอากาศ รวมทั้งการใช้และการตรวจสอบ เครื่องมือหรืออปุ กรณต์ รวจวดั สภาพอากาศในทีอ่ บั อากาศ ไม่นอ้ ยกวา่ หนึ่งชวั่ โมง (ข) เทคนิคการระบายอากาศ และเคร่ืองมือการระบายอากาศในท่ีอับอากาศ ไม่น้อยกว่า หน่งึ ชั่วโมง (ค) การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ใช้ในที่อับอากาศ ไม่น้อยกว่า สามสบิ นาที (ง) การใช้อปุ กรณช์ ่วยเหลือและชว่ ยชีวิตในทอ่ี บั อากาศ ไม่นอ้ ยกว่าสามสิบนาที (จ) การช่วยเหลอื และชว่ ยชีวิต ไม่น้อยกวา่ หนึง่ ชวั่ โมง (ฉ) การปฐมพยาบาลและการช่วยเหลือเบ้ืองต้น และการปฐมพยาบาลเพ่ือช่วยเหลือ ผู้ท่ีหยดุ หายใจหรือหวั ใจหยดุ เตน้ (CPR) ไมน่ อ้ ยกว่าหน่ึงชว่ั โมง (ช) สถานการณ์การปฏิบัติงานในท่ีอับอากาศในสภาพปกติ และกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ไมน่ ้อยกวา่ หนึ่งชั่วโมง ขอ้ ๑๑ หลักสูตรการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานในท่ีอับอากาศ ใช้ระยะเวลาการฝึกอบรม ทัง้ ภาคทฤษฎแี ละภาคปฏิบตั ิไม่น้อยกว่าสิบสองชัว่ โมง โดยจัดฝกึ อบรมสองวันต่อเน่ือง ดงั นี้ (๑) ภาคทฤษฎตี อ้ งมหี ัวข้อวชิ าและระยะเวลาการฝึกอบรมเก้าชั่วโมง (ก) กฎหมายความปลอดภัยในการทางานในทีอ่ ับอากาศ หนึ่งชั่วโมง (ข) ความหมาย ชนดิ ประเภทของทอี่ ับอากาศ และอันตรายในทอ่ี บั อากาศ หน่ึงชวั่ โมง (ค) การชี้บ่งอันตรายและการประเมินสภาพอันตราย การประเมินสภาพพ้ืนท่ีและงาน และการเตรยี มความพร้อมในการทางานในทีอ่ ับอากาศ หนงึ่ ชวั่ โมง (ง) วิธีการปฏิบัตงิ านในพน้ื ทีอ่ ับอากาศทถ่ี ูกตอ้ งและปลอดภยั หนง่ึ ชวั่ โมง (จ) การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลท่ีใช้ในท่ีอับอากาศและอุปกรณ์ ชว่ ยเหลอื และชว่ ยชวี ติ ในทอ่ี บั อากาศ หน่ึงชัว่ โมง (ฉ) ระบบการขออนุญาตทางานในท่ีอับอากาศและการขอยกเลิกการอนุญาตทางาน ในท่อี ับอากาศ สามสิบนาที (ช) บทบาท หน้าท่ี ความรับผิดชอบของผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผู้ปฏิบัติงานในท่ีอับอากาศ และการสื่อสารระหว่างผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผปู้ ฏบิ ัติงานในที่อับอากาศ สามสบิ นาที (ซ) เทคนิคการตรวจสอบสภาพอากาศในที่อับอากาศ รวมท้ังการใช้และการตรวจสอบ เครือ่ งมอื หรืออปุ กรณ์ตรวจวดั สภาพอากาศในที่อบั อากาศ หนึง่ ชั่วโมง (ฌ) เทคนคิ การระบายอากาศ และเคร่อื งมอื การระบายอากาศในที่อบั อากาศ หนึ่งชว่ั โมง (ญ) อันตรายท่อี าจไดร้ บั ในกรณฉี ุกเฉนิ และวธิ กี ารหลกี ภยั หนงึ่ ชวั่ โมง

186 เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕๔ ง หน้า ๑๔ ๑๑ มนี าคม ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา (๒) ภาคปฏิบัตติ ้องมีหวั ข้อวิชาและระยะเวลาการฝกึ อบรมไมน่ ้อยกว่าสามชั่วโมง (ก) เทคนิคการตรวจสอบสภาพอากาศในท่ีอับอากาศ รวมทั้งการใช้และการตรวจสอบ เคร่อื งมอื หรืออปุ กรณต์ รวจวัดสภาพอากาศในที่อบั อากาศ ไม่น้อยกว่าส่สี ิบหา้ นาที (ข) เทคนิคการระบายอากาศ และเคร่ืองมือการระบายอากาศในท่ีอับอากาศ ไม่น้อยกว่า สสี่ บิ หา้ นาที (ค) การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ใช้ในที่อับอากาศ ไม่น้อยกว่า สามสบิ นาที (ง) สถานการณ์การปฏิบัติงานในที่อับอากาศในสภาพปกติ และกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่น้อยกว่าหนึง่ ชั่วโมง ข้อ ๑๒ หลักสูตรการฝึกอบรมผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และผู้ปฏิบัติงาน ในที่อับอากาศ ใช้ระยะเวลาการฝึกอบรมท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง โดยจัดฝึกอบรมสี่วนั ต่อเน่อื ง ดังนี้ (๑) ภาคทฤษฎตี อ้ งมีหวั ขอ้ วิชาและระยะเวลาการฝกึ อบรมสบิ หา้ ชวั่ โมง (ก) กฎหมายความปลอดภัยในการทางานในทอ่ี ับอากาศ หน่ึงชวั่ โมง (ข) ความหมาย ชนิด ประเภทของที่อบั อากาศ และอันตรายในทอี่ ับอากาศ หนึง่ ชัว่ โมง (ค) การชี้บ่งอันตรายและการประเมินสภาพอันตราย การประเมินสภาพพื้นท่ีและงาน และการเตรียมความพร้อมในการทางานในทีอ่ ับอากาศ หนึ่งช่วั โมง (ง) วธิ ีการปฏบิ ัตงิ านในพนื้ ทอ่ี บั อากาศทีถ่ ูกตอ้ งและปลอดภัย หน่งึ ชว่ั โมง (จ) การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ใช้ในท่ีอับอากาศและอุปกรณ์ ช่วยเหลือและชว่ ยชวี ติ ในท่ีอบั อากาศ หนงึ่ ชวั่ โมง (ฉ) ระบบการขออนุญาตทางานในที่อับอากาศและการขอยกเลิกการอนุญาตทางาน ในทีอ่ บั อากาศ และหลกั การตดั แยกพลังงานเพ่ือความปลอดภยั สามสิบนาที (ช) บทบาท หน้าท่ี ความรับผิดชอบของผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผู้ปฏิบัติงานในที่อับอากาศ และการสื่อสารระหว่างผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผปู้ ฏิบตั งิ านในทีอ่ บั อากาศ สามสบิ นาที (ซ) เทคนิคการตรวจสอบสภาพอากาศในที่อับอากาศ รวมทั้งการใช้และการตรวจสอบ เครื่องมือหรอื อปุ กรณต์ รวจวัดสภาพอากาศในที่อับอากาศ หน่งึ ชั่วโมง (ฌ) เทคนิคการระบายอากาศ และเคร่ืองมือการระบายอากาศในท่ีอับอากาศ หนึ่งชวั่ โมง (ญ) การส่ังให้หยุดทางานชั่วคราว สามสบิ นาที (ฎ) การวางแผนการปฏิบัติงานและการป้องกันอันตรายท่ีอาจเกิดข้ึนจากการทางาน ในที่อับอากาศ สามสิบนาที

187 เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕๔ ง หน้า ๑๕ ๑๑ มนี าคม ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา (ฏ) อันตรายที่อาจได้รบั ในกรณีฉุกเฉินและวิธกี ารหลกี ภัย หนง่ึ ชั่วโมง (ฐ) การชว่ ยเหลือและชว่ ยชวี ติ หน่งึ ชวั่ โมง (ฑ) การปฐมพยาบาลและการช่วยเหลือเบ้ืองต้น และการปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือ ผูท้ ่หี ยุดหายใจหรือหัวใจหยดุ เตน้ (CPR) สองชว่ั โมง (ฒ) เทคนิคในการจัดทาแผนปฏบิ ัติงานและการปอ้ งกนั อนั ตราย หน่งึ ชั่วโมง (ณ) การควบคุมดูแลการใช้เครื่องป้องกันและอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล หน่งึ ช่วั โมง (๒) ภาคปฏิบัติต้องมหี ัวขอ้ วิชาและระยะเวลาการฝกึ อบรมไม่นอ้ ยกวา่ เก้าชวั่ โมง (ก) เทคนิคการตรวจสอบสภาพอากาศในที่อับอากาศ รวมท้ังการใช้และการตรวจสอบ เครอ่ื งมอื หรืออุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอากาศในที่อับอากาศ ไม่น้อยกว่าหน่งึ ชั่วโมง (ข) เทคนิคการระบายอากาศ และเคร่ืองมือการระบายอากาศในท่ีอับอากาศ ไม่น้อยกว่า หนงึ่ ชั่วโมง (ค) เทคนคิ การตรวจสภาพพื้นทแี่ ละงาน กอ่ นตัดสินใจอนุญาต ไมน่ ้อยกวา่ หนง่ึ ชั่วโมง (ง) เทคนคิ ในการควบคุมการทางานในท่อี บั อากาศ ไม่น้อยกวา่ สามสบิ นาที (จ) การอนุญาตทางานในทอี่ บั อากาศและการส่ือสาร ไม่น้อยกว่าหนง่ึ ชั่วโมง (ฉ) การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลท่ีใช้ในที่อับอากาศ ไม่น้อยกว่า สสี่ ิบห้านาที (ช) การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือและช่วยชีวติ ในท่ีอบั อากาศ ไม่น้อยกว่าสสี่ บิ ห้านาที (ซ) การช่วยเหลือและชว่ ยชวี ติ ไมน่ อ้ ยกว่าหน่งึ ช่วั โมง (ฌ) การปฐมพยาบาลและการช่วยเหลือเบ้ืองต้น และการปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือ ผ้ทู ห่ี ยดุ หายใจหรอื หวั ใจหยุดเตน้ (CPR) ไมน่ ้อยกวา่ หนึง่ ช่ัวโมง (ญ) สถานการณ์การปฏิบัติงานในท่ีอับอากาศในสภาพปกติ และกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่นอ้ ยกว่าหน่งึ ชว่ั โมง ขอ้ ๑๓ หลักสูตรการฝึกอบรมทบทวนความปลอดภัยในการทางานในท่ีอับอากาศ ใช้ระยะเวลา การฝึกอบรมเฉพาะภาคทฤษฎไี มน่ ้อยกวา่ สามชว่ั โมงต่อเน่อื ง อย่างนอ้ ยในหัวข้อวิชา ดังน้ี (๑) กฎหมายความปลอดภัยในการทางานในทอ่ี ับอากาศ (๒) ความหมาย ชนิด ประเภทของที่อบั อากาศ และอนั ตรายในทอี่ ับอากาศ (๓) การชี้บ่งอันตรายและการประเมินสภาพอันตราย การประเมินสภาพพ้ืนท่ีและงาน และการเตรยี มความพร้อมในการทางานในท่อี ับอากาศ (๔) วิธีการปฏิบัตงิ านในพนื้ ทีอ่ บั อากาศท่ถี กู ต้องและปลอดภัย (๕) การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลท่ีใช้ในที่อับอากาศ และอุปกรณ์ ชว่ ยเหลอื และช่วยชีวติ ในที่อับอากาศ

188 เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕๔ ง หน้า ๑๖ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา (๖) ระบบการขออนุญาตทางานในที่อับอากาศและการขอยกเลิกการอนุญาตทางาน ในทอี่ บั อากาศ และหลกั การตัดแยกพลังงานเพอ่ื ความปลอดภยั (๗) บทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบของผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผู้ปฏิบัติงานในที่อับอากาศ และการสื่อสารระหว่างผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และ ผ้ปู ฏบิ ัติงานในที่อับอากาศ ข้อ ๑๔ นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างเข้าฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมทบทวนความปลอดภัย ในการทางานในที่อับอากาศตามข้อ ๑๓ ทุกห้าปีนับแต่วันสุดท้ายของการฝึกอบรมหลกั สูตรตามข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ ข้อ ๑๑ หรือข้อ ๑๒ โดยจัดให้ลูกจ้างเข้ารับการฝึกอบรมให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน ก่อนครบกาหนดห้าปี หากนายจ้างมิได้ดาเนินการตามวรรคหน่ึง นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างเข้ารับการฝึกอบรม ท้งั ภาคทฤษฎีและภาคปฏบิ ัติ ตามหลักสูตรข้อ ๘ ขอ้ ๙ ขอ้ ๑๐ ข้อ ๑๑ หรอื ขอ้ ๑๒ แลว้ แต่กรณี ข้อ ๑๕ ในการฝกึ อบรมลูกจ้างและผ้เู ขา้ รบั การฝกึ อบรมหลักสตู รตามขอ้ ๘ ขอ้ ๙ ข้อ ๑๐ ข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ และข้อ ๑๓ ต้องเป็นผู้ท่ีผ่านการฝึกการอบรมดับเพลิงข้ันต้น ตามกฎหมาย ความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานเกี่ยวกับอัคคภี ัย หมวด ๓ วทิ ยากรฝกึ อบรม ข้อ ๑๖ วิทยากรผู้ทาการฝึกอบรมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ดงั น้ี (๑) มีคุณวุฒิการศึกษาไม่ต่ากว่าปริญญาตรี สาขาอาชีวอนามัยหรือเทียบเท่า รวมท้ัง มีประสบการณ์การทางานเกี่ยวกับท่ีอับอากาศไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และมีประสบการณ์เป็นวิทยากร บรรยายในหวั ขอ้ วิชาท่เี กยี่ วขอ้ งไม่นอ้ ยกว่ายส่ี ิบสี่ชัว่ โมงตอ่ ปี (๒) เป็นหรือเคยเป็นเจ้าหน้าท่ีความปลอดภัยในการทางานระดับวิชาชีพ โดยผ่าน การฝึกอบรมหลกั สูตรเก่ียวกบั ความปลอดภัยในการทางานในที่อับอากาศไมน่ อ้ ยกวา่ สบิ แปดชั่วโมง รวมท้งั มีประสบการณ์การทางานเกี่ยวกับที่อับอากาศไม่น้อยกว่าสองปี และมีประสบการณ์เป็นวิทยากรบรรยาย ในหวั ข้อวชิ าทเี่ กย่ี วขอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ ยีส่ บิ ส่ีช่วั โมงตอ่ ปี (๓) เป็นหรือเคยเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทางานระดับหัวหน้างาน ระดับเทคนิค และระดับเทคนิคขั้นสูงมาไม่น้อยกว่าสามปี โดยผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเก่ียวกับความปลอดภัย ในการทางานในท่ีอับอากาศไม่น้อยกว่าสิบแปดชั่วโมง รวมท้ังมีประสบการณ์การทางานเกี่ยวกับ ที่อับอากาศไม่น้อยกว่าสามปี และมีประสบการณ์เป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อวิชาที่เก่ียวข้อง ไม่น้อยกว่ายสี่ ิบสชี่ ั่วโมงตอ่ ปี

189 เล่ม ๑๓๘ ตอนพเิ ศษ ๕๔ ง หน้า ๑๗ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา (๔) สาเร็จการศึกษาเฉพาะทางหรือผ่านการอบรมเฉพาะทางเกี่ยวกับหัวข้อที่บรรยาย และมีประสบการณเ์ ป็นวทิ ยากรบรรยายในหัวขอ้ วชิ าทีเ่ ก่ยี วขอ้ งไม่นอ้ ยกว่าย่ีสิบสชี่ ั่วโมงตอ่ ปี ขอ้ ๑๗ นายจ้างหรือนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๑ ต้องจัดให้วิทยากรได้รับ การฝึกอบรมหรอื เพม่ิ เติมความรู้ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับความปลอดภยั ในการทางานไมน่ ้อยกว่าหกชั่วโมงต่อปี หมวด ๔ การกากบั ดูแล ขอ้ ๑๘ ให้นายจ้างจัดทาทะเบียนรายชื่อผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม วัน เวลาที่ฝึกอบรม พร้อมรายช่ือวิทยากรเก็บไว้ ณ สถานประกอบกิจการหรือสานักงานของนายจ้าง พร้อมท่ีจะให้ พนกั งานตรวจความปลอดภยั ตรวจสอบได้ตลอดเวลา ข้อ ๑๙ ให้นายจ้างทารายงานผลการฝึกอบรมตามข้อ ๒ ให้เป็นไปตามแบบรายงานผล การฝึกอบรมความปลอดภยั ในการทางานในทีอ่ ับอากาศทา้ ยประกาศน้ี โดยแจ้งตอ่ อธิบดีหรอื ผซู้ ่งึ อธิบดี มอบหมายภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการฝึกอบรม ท้ังน้ี อาจแจ้งด้วยตนเองหรือผ่านระบบ อิเล็กทรอนกิ ส์ (E - Service) ของกรมสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงานก็ได้ บทเฉพาะกาล ขอ้ ๒๐ ผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ หรือผู้ปฏิบัติงานในที่อับอากาศ ตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และหลักสูตรการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทางานในท่ีอับอากาศ ลงวันท่ี ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ และประกาศกรมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และหลักสตู ร การฝึกอบรมความปลอดภัยในการทางานในท่อี บั อากาศ พ.ศ. ๒๕๔๙ ลงวนั ท่ี ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และหลักสูตรการฝึกอบรม ความปลอดภัยในการทางานในที่อับอากาศ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ก่อนวันที่ประกาศน้ีมีผลใช้บังคับ ให้ถือว่าผู้น้ันผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกอบรม ผอู้ นุญาต ผู้ควบคมุ งาน ผูช้ ว่ ยเหลือ หรือผ้ปู ฏิบตั งิ านในทีอ่ ับอากาศตามประกาศน้ี ผู้ผ่านการฝึกอบรมตามวรรคหนึ่ง จะต้องเข้ารับการอบรมตามข้อ ๑๓ ให้แล้วเสร็จภายใน สามสิบวันก่อนครบกาหนดห้าปีนับแต่วันที่ผ่านการฝึกอบรมดังกล่าว เว้นแต่กรณีที่ เป็นผู้ผ่าน การฝึกอบรมตามวรรคหนึ่งมาแล้วต้ังแต่ห้าปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการอบรมตามข้อ ๑๓ ให้แล้วเสร็จ ภายในเกา้ สิบวันนับแตว่ นั ประกาศนม้ี ผี ลบังคับใช้

190 เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๕๔ ง หน้า ๑๘ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ข้อ ๒๑ ผู้ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรการเป็นวิทยากรเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทางาน ในที่อับอากาศท่ีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานยอมรับ ก่อนวันท่ีประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือว่า ผูน้ ัน้ มีคณุ สมบตั เิ ป็นวิทยากรตามขอ้ ๑๖ ของประกาศน้ี ประกาศ ณ วนั ท่ี 24 ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖3 อภญิ ญา สจุ รติ ตานนั ท์ อธิบดีกรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน

191 แบบรายงานผลการฝกึ อบรมความปลอดภยั ในการทางานในทอี่ ับอากาศ ตามข้อ 19 ของประกาศกรมสวสั ดกิ ารและค้มุ ครองแรงงาน เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ วิธกี าร และหลกั สตู รการฝึกอบรมความปลอดภยั ในการทางานในท่ีอบั อากาศ ๑. ขา้ พเจา้ (นาย/นาง/นางสาว) นายจ้าง ๒. ชอ่ื สถานประกอบกจิ การ (นายจ้าง) เลขทะเบียนนติ ิบคุ คล ประกอบกิจการ ตง้ั อยเู่ ลขที่ หมูท่ ี่ ตรอก/ซอย ถนน ตาบล/แขวง อาเภอ/เขต จังหวัด รหสั ไปรษณีย์ โทรศพั ท์ โทรสาร โทรศัพทม์ ือถือ ๓. รายงานผลการดาเนินการฝึกอบรมความปลอดภยั ในการทางานในที่อบั อากาศ ๓.๑ วัน เดือน ปี ทด่ี าเนนิ การฝกึ อบรม ๓.๒ สถานทต่ี ง้ั ในการฝึกอบรมภาคทฤษฎแี ละภาคปฏบิ ตั ิ สถานทีต่ ้ังในการฝึกอบรมภาคทฤษฎี ต้ังอยู่เลขที่ หมทู่ ี่ ตรอก/ซอย ถนน ตาบล/แขวง อาเภอ/เขต จงั หวัด รหัสไปรษณยี ์ สถานที่ต้งั ในการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ ตั้งอยเู่ ลขท่ี หมู่ท่ี ตรอก/ซอย ถนน ตาบล/แขวง อาเภอ/เขต จังหวัด รหัสไปรษณีย์ ๓.๓ ช่ือหลักสตู ร และจานวนผูเ้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม ๓.๓.๑ หลกั สตู ร จานวนผู้เข้ารบั การฝึกอบรม คน ๓.๓.๒ หลกั สูตร จานวนผ้เู ขา้ รับการฝึกอบรม คน ๓.๓.๓ หลักสูตร จานวนผเู้ ข้ารับการฝึกอบรม คน ๓.๓.๔ หลกั สตู ร จานวนผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรม คน ๓.๓.๕ หลักสูตร จานวนผู้เขา้ รับการฝึกอบรม คน ๓.๔ บัญชีรายชอ่ื ผผู้ า่ นการฝึกอบรม โดยสามารถจัดทาเปน็ เอกสารแนบได้ ๓.๕ บญั ชรี ายชื่อชื่อวทิ ยากร พร้อมคณุ สมบตั วิ ิทยากร โดยสามารถจดั ทาเปน็ เอกสารแนบได้ ๓.๖ เอกสารเกยี่ วกับการประเมินผลการฝึกอบรมในแต่ละครง้ั โดยสามารถจดั ทาเป็นเอกสารแนบได้ ๔. ดาเนนิ การฝกึ อบรมโดย O นายจา้ ง เปน็ ผู้จัดการฝึกอบรมเอง O นิติบุคคลตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทางาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เปน็ ผจู้ ัดการฝกึ อบรม เลขทใี่ บอนุญาต . โดยไดแ้ นบสาเนาใบอนุญาตการฝึกอบรมหลกั สูตรความปลอดภยั ในการทางานในที่อับอากาศมาดว้ ยแล้ว ลงช่อื นายจา้ ง () วันท่ี

เล่ม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก หน้า ๑๐ 192 ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ กฎกระทรวง กำหนดมำตรฐำนในกำรบรหิ ำร จดั กำร และดำเนนิ กำรด้ำนควำมปลอดภยั อำชีวอนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนเก่ียวกบั งำนประดำนำ พ.ศ. ๒๕๖๓ อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหน่ึง และมำตรำ ๘ วรรคหน่ึง แห่งพระรำชบญั ญตั ิ ควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่ำกำร กระทรวงแรงงำนออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี “งำนประดำนำ” หมำยควำมวำ่ งำนทีท่ ำใตน้ ำโดยกำรดำนำ “นกั ประดำนำ” หมำยควำมวำ่ ลูกจ้ำงซึง่ เปน็ ผู้ชำนำญในกำรทำงำนประดำนำ “หัวหน้ำนักประดำนำ” หมำยควำมว่ำ นักประดำนำซึ่งได้รับมอบหมำยจำกนำยจ้ำงให้ทำ หน้ำที่วำงแผนและควบคุมกำรทำงำนประดำนำทงั หมด “พ่เี ลยี งนกั ประดำนำ” หมำยควำมว่ำ นกั ประดำนำซ่งึ ทำหนำ้ ท่ีคอยดูแลชว่ ยเหลือนักประดำนำ ในกำรทำงำนประดำนำ “นักประดำนำพร้อมดำ” หมำยควำมว่ำ นักประดำนำซ่ึงทำหน้ำท่ีเตรียมพร้อมจะลงไป ช่วยเหลอื นักประดำนำทท่ี ำงำนประดำนำได้ทนั ทีเมอ่ื มเี หตฉุ กุ เฉนิ เกดิ ขึน “ผูค้ วบคุมระบบกำรจ่ำยอำกำศและกำรตดิ ตอ่ สอ่ื สำร” หมำยควำมว่ำ นักประดำนำซึ่งทำหน้ำที่ ควบคุมดแู ลระบบกำรจ่ำยอำกำศและกำรตดิ ตอ่ สื่อสำรกับนักประดำนำซึ่งทำงำนประดำนำ หมวด ๑ งำนประดำนำ ขอ้ ๒ กฎกระทรวงนีให้ใช้บังคับสำหรับงำนประดำนำที่ทำในนำลึกตังแต่สิบฟุตแต่ไม่เกิน สำมร้อยฟตุ ขอ้ ๓ นำยจำ้ งจะให้ลกู จ้ำงทำงำนประดำนำ ณ สถำนทใ่ี ด หรอื เปลี่ยนสถำนที่กำรทำงำน ประดำนำ ต้องแจ้งสถำนท่ีนันให้พนักงำนตรวจควำมปลอดภัยในเขตพืนที่รับผิดชอบทรำบล่วงหน้ำ

193 เล่ม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก หน้า ๑๑ ๑๙ มถิ ุนายน ๒๕๖๓ ราชกจิ จานเุ บกษา ก่อนกำรทำงำนไม่น้อยกว่ำเจ็ดวัน โดยอำจแจ้งทำงไปรษณีย์ โทรศัพท์ โทรสำร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรอื สอ่ื เทคโนโลยสี ำรสนเทศประเภทอ่นื ก็ได้ ทังนี ตำมแบบท่อี ธบิ ดปี ระกำศกำหนด ข้อ ๔ นำยจ้ำงต้องจัดให้ลูกจ้ำงซ่ึงทำงำนประดำนำได้รับกำรตรวจสุขภำพตำมกำหนด ระยะเวลำและจดั ทำบตั รตรวจสุขภำพลูกจำ้ งไว้ ทงั นี ตำมหลักเกณฑ์ท่อี ธิบดปี ระกำศกำหนด ขอ้ ๕ ลูกจำ้ งซึ่งนำยจำ้ งจะใหท้ ำงำนประดำนำตอ้ ง (๑) มีอำยไุ ม่ตำ่ กว่ำสิบแปดปีบริบูรณ์ (๒) มสี ุขภำพสมบรู ณ์ รำ่ งกำยแข็งแรง และไมเ่ ปน็ โรคตำมทีอ่ ธิบดีประกำศกำหนด (๓) มีควำมรู้ควำมสำมำรถและประสบกำรณ์ในงำนประดำนำโดยต้องผ่ำนกำรทดสอบ ตำมหลกั สตู รท่เี ป็นไปตำมมำตรฐำนสำกลหรอื หนว่ ยงำนของรฐั รบั รอง หรอื หลกั สตู รที่อธิบดปี ระกำศกำหนด ข้อ ๖ ใหน้ ำยจ้ำงจดั และดูแลให้ลูกจ้ำงซง่ึ ทำงำนประดำนำปฏิบตั หิ นำ้ ที่ ดังตอ่ ไปนี (๑) หัวหนำ้ นักประดำนำ (ก) วำงแผนกำรทำงำนและควบคมุ กำรดำนำ ตลอดจนกำรตดิ ต่อสื่อสำรระหวำ่ งลูกจ้ำง ผ้ทู ำงำนใตน้ ำกบั ลูกจ้ำงผ้ทู ำงำนบนผวิ นำ (ข) วำงแผนกำรป้องกนั อนั ตรำยอนั อำจจะเกิดขึนจำกงำนประดำนำ (ค) ชีแจงและมอบหมำยหนำ้ ทค่ี วำมรับผดิ ชอบของนกั ประดำนำ ลูกจ้ำงผู้ทำงำนแต่ละคน ตำมแผนกำรทำงำนแต่ละครัง ตลอดจนวิธีกำรทำงำนประดำนำ กำรป้องกันอันตรำยอันอำจจะเกิดขึน จำกงำนประดำนำ และดูแลให้นกั ประดำนำทกุ คนตรวจสอบเครอื่ งมือและอปุ กรณส์ ำหรบั งำนประดำนำ ท่จี ะใชใ้ นกำรทำงำนใหอ้ ยูใ่ นสภำพพรอ้ มท่จี ะทำงำนประดำนำ (ง) ตรวจสอบควำมพร้อมของนักประดำนำ เครื่องมอื และอุปกรณส์ ำหรับงำนประดำนำ กอ่ นกำรทำงำนประดำนำ และปรมิ ำณอำกำศในขวดอำกำศดำนำก่อนและหลังกำรทำงำนประดำนำ (จ) ควบคุมเวลำในกำรทำงำนประดำนำ ตังแต่เวลำเริ่มดำนำ เวลำในกำรทำงำนใต้นำ เวลำทก่ี ลับขนึ สผู่ วิ นำ เวลำทต่ี ้องพกั ในระดบั ควำมลกึ ตำ่ ง ๆ และเวลำพกั เพ่อื ปรบั สภำพรำ่ งกำยก่อนลงไป ทำงำนใตน้ ำครังตอ่ ไป รวมทงั ระยะเวลำกำรดำนำครังตอ่ ไป (ฉ) อยู่สง่ั กำรและควบคุมตลอดเวลำทีม่ กี ำรทำงำนประดำนำ (๒) พ่ีเลียงนกั ประดำนำ (ก) ศึกษำและทำควำมเขำ้ ใจแผนกำรทำงำนที่ไดร้ ับมอบหมำยโดยตลอด (ข) ซักซ้อมและทำควำมเข้ำใจแผนกำรทำงำน แผนกำรติดต่อส่ือสำร และแผน กำรปอ้ งกันอนั ตรำยอันอำจจะเกดิ ขนึ กับนกั ประดำนำ (ค) ตรวจสอบเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับงำนประดำนำ และช่วยแต่งชุดดำนำ ใหน้ ักประดำนำและนกั ประดำนำพร้อมดำ (ง) บันทึกปริมำณอำกำศท่ีอยู่ในขวดอำกำศดำนำก่อนและหลังกำรดำนำ และรำยงำน กำรบันทกึ เวลำกำรทำงำนใต้นำของนักประดำนำใหห้ วั หน้ำนกั ประดำนำทรำบทุกขันตอน

194 เล่ม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก หน้า ๑๒ ๑๙ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓ ราชกจิ จานเุ บกษา (จ) ช่วยเหลือนกั ประดำนำในกำรทำงำนประดำนำ (๓) นักประดำนำ (ก) ศึกษำและทำควำมเขำ้ ใจแผนกำรทำงำนทีไ่ ดร้ บั มอบหมำยโดยตลอด (ข) ตรวจสอบเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับงำนประดำนำให้อยู่ในสภำพพร้อมท่ีจะ ใช้ทำงำนประดำนำ (ค) ปฏิบัตติ ำมแผนกำรทำงำน กฎเกณฑก์ ำรดำนำ และมำตรกำรควำมปลอดภัยในกำรดำนำ โดยเคร่งครัด โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง แผนกำรดำขึนโดยจะต้องพักในระดับควำมลึกต่ำง ๆ ตำมเวลำ ท่กี ำหนดไว้ (๔) นักประดำนำพรอ้ มดำ (ก) เตรยี มพร้อมดำนำเพอ่ื ชว่ ยเหลือนกั ประดำนำตำมคำสงั่ ของหวั หน้ำนักประดำนำ (ข) ตรวจสอบเคร่ืองมือและอุปกรณ์สำหรับงำนประดำนำให้อยู่ในสภำพพร้อมที่จะ ใช้ทำงำนประดำนำ (๕) ผ้คู วบคมุ ระบบกำรจำ่ ยอำกำศและกำรตดิ ตอ่ สือ่ สำร (ก) ตรวจสอบและควบคุมกำรจ่ำยอำกำศใหน้ กั ประดำนำตำมควำมลึก (ข) ควบคมุ ระบบกำรตดิ ต่อสอื่ สำรระหวำ่ งหัวหนำ้ นกั ประดำนำกบั นักประดำนำ หมวด ๒ กำรคมุ้ ครองควำมปลอดภัยในกำรดำนำ ข้อ ๗ นำยจ้ำงต้องควบคุมให้ลูกจ้ำงซง่ึ ทำงำนประดำนำปฏิบตั ิตำมตำรำงมำตรฐำนกำรดำนำ และกำรลดควำมกดดัน ตลอดจนกำรพักเพื่อปรับสภำพร่ำงกำยก่อนลงไปทำงำนใต้นำในครังต่อไป ทังนี ตำมหลักเกณฑ์ท่อี ธบิ ดปี ระกำศกำหนด ข้อ ๘ นำยจ้ำงต้องจัดให้มีลูกจ้ำงซึ่งทำงำนประดำนำ เจ้ำหน้ำที่เวชศำสตร์ใต้นำ แพทย์เวชศำสตร์ใต้นำ หรือแพทย์เวชศำสตร์ทำงทะเล และอุปกรณ์สำหรับงำนประดำนำ ทังนี ตำมหลักเกณฑท์ อ่ี ธิบดปี ระกำศกำหนด ขอ้ ๙ นำยจ้ำงต้องจัดให้มบี ริกำรกำรปฐมพยำบำลเบืองตน้ และออกซิเจนหน่ึงร้อยเปอรเ์ ซน็ ต์ พรอ้ มหนำ้ กำกช่วยหำยใจ เพ่ือชว่ ยเหลือลกู จ้ำงซงึ่ ทำงำนประดำนำตลอดระยะเวลำท่ีมกี ำรดำนำ ข้อ ๑๐ ลูกจ้ำงซงึ่ ทำงำนประดำนำอำจปฏิเสธกำรดำนำในครำวใดก็ได้ หำกเหน็ วำ่ กำรดำนำ ครำวนันอำจก่อให้เกดิ อันตรำยต่อชวี ิต ร่ำงกำย หรอื สุขภำพอนำมยั ของตน ขอ้ ๑๑ นำยจ้ำงและหัวหน้ำนักประดำนำต้องสั่งให้ลูกจ้ำงซ่ึงทำงำนประดำนำหยุดหรือเลิก กำรดำนำในกรณี ดังต่อไปนี (๑) เมือ่ พเ่ี ลียงนกั ประดำนำและนักประดำนำไม่สำมำรถติดต่อส่อื สำรได้ (๒) เมอ่ื นกั ประดำนำตอ้ งใช้อำกำศสำรองจำกขวดอำกำศหรือขวดอำกำศสำรอง

195 เล่ม ๑๓๗ ตอนท่ี ๔๔ ก หน้า ๑๓ ๑๙ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓ ราชกิจจานุเบกษา (๓) เมื่อกำรดำนำในพืนทบ่ี ริเวณนนั ไมป่ ลอดภัย หมวด ๓ อุปกรณ์สำหรบั งำนประดำนำ ข้อ ๑๒ นำยจ้ำงตอ้ งจัดให้มีอปุ กรณส์ ำหรบั งำนประดำนำ ดงั ต่อไปนี (๑) เคร่ืองประดำนำประเภทขวดอำกำศ (scuba) ประกอบด้วยอปุ กรณ์อยำ่ งนอ้ ย ดังตอ่ ไปนี (ก) ขวดอำกำศ (ข) เข็มขดั นำหนัก (ค) เครอื่ งผอ่ นกำลังดนั อำกำศและสำยผอ่ นอำกำศสำรอง (ง) เครื่องวดั ควำมลึก (จ) เคร่อื งวัดอำกำศ (ฉ) ชุดดำนำ (ช) ชูชีพ (ซ) เชือกช่วยชวี ิตและทนุ่ แสดงตำแหนง่ (ฌ) ตนี กบ (ญ) นำฬิกำดำนำ (ฎ) มีดดำนำ (ฏ) สำยผ่อนอำกำศสำรอง (ฐ) หน้ำกำกดำนำ (ฑ) ไฟฉำยดำนำ (ฒ) เข็มทิศดำนำ (๒) เคร่ืองประดำนำประเภทใช้อำกำศจำกผิวนำ (surface supply) ประกอบด้วยอุปกรณ์ อยำ่ งนอ้ ย ดังตอ่ ไปนี (ก) ขวดอำกำศสำรอง (ข) เครอ่ื งอดั อำกำศ (ค) ชดุ ดำนำ (ง) ชุดสำยรัดตวั (จ) ตะก่ัวถ่วงหรอื นำหนกั ถว่ ง (ฉ) ตนี กบหรอื รองเทำ้ (ช) ตู้ควบคมุ ระบบกำรจำ่ ยอำกำศและกำรติดตอ่ ส่ือสำร (ซ) ถังพักอำกำศและทนุ่ แสดงตำแหนง่ (ฌ) มีดดำนำ