วชิ า งานเครอ่ื งมือกลเบือ้ งตน้ รหสั วิชา 20100-1007 หนว่ ยท่ี 1 เครอื่ งเลอื่ ยกล (SAWING MACHINE)
การเล่ือย คือ การตดั ชิ้นงานออกดว้ ยใบเล่ือยท่ีมีคมเลก็ ๆ หลายๆคม การเลื่อย จาแนกเป็นการเลื่อยดว้ ยมือ( Hand Sawing ) คือใชส้ าหรับ การเล่ือยชิ้นงานที่มีจานวนไม่มากนกั และเล่ือยดว้ ยไฟฟ้า หรือเคร่ืองเล่ือยกล ( Sawing Machine ) คือใชส้ าหรับการ ตดั ชิ้นงานจานวนมาก
เคร่ืองเลื่อยกลแบ่งออกเป็ น 4 ชนิด คือ 1. เครื่องเลื่อยชกั ( Power Hack Saw ) 2. เครื่องเล่ือยสายพานแนวนอน ( Horizontal Band Saw ) 3. เครื่องเลื่อยสายพานแนวต้งั ( Vertical Band Saw ) 4. เคร่ืองเล่ือยวงเดือน ( Radius Saw or Circular Saw )
1. เคร่ืองเลื่อยชัก ( Power Hack Saw ) เครื่องเลื่อยชกั เป็นท่ีนิยมกนั อยา่ งแพร่หลายในการตดั วสั ดุงานให้ ไดข้ นาดและความยาวท่ีตอ้ งการ
1.1 ส่วนประกอบของเครื่องเล่ือยชัก 1.1.1. โครงเลื่อย ( Saw Frame ) ลกั ษณะเหมือนตวั ยคู วา่ โครง เล่ือย ส่วนใหญ่ทาจากเหลก็ หล่อ
1.1.2 ปากกาจบั งาน ( Vise ) ใชจ้ บั ยดึ ชิ้นงานเพ่อื ทา การเลื่อย สามารถปรับมุมเอียงขวา-ซา้ ย ไดข้ า้ งละ 45 องศา
1.1.3 แขนต้งั ระยะงาน ( Cut Off Gage ) มีหนา้ ท่ีต้งั ระยะของ ชิ้นงานท่ีตอ้ งการตดั จานวนมาก
1.1.4 ระบบป้อนตดั เคร่ืองเล่ือยชกั มีระบบป้อนตดั อยู่ 2 ชนิด คือ ใชล้ ูกถ่วงน้าหนกั และชนิดใชน้ ้ามนั ไฮดรอลิค 1.1.5 ระบบหล่อเยน็ เครื่องเลื่อยชกั มีความจาเป็นตอ้ งใชร้ ะบบ หล่อเยน็ เพื่อช่วยระบายความร้อนเนื่องจากการเสียดสีระหวา่ งใบเล่ือย กบั ชิ้นงาน 1.1.6 ฐานเคร่ืองเลื่อยชกั ( Base ) ทาหนา้ ที่รองรับส่วนต่างๆ ของ เครื่องเล่ือยชกั
1.1.7 มอเตอร์ ( Motor ) ทาหนา้ ท่ีเป็นตน้ กาลงั ขบั ไปยงั โครงเล่ือย 1.1.8 สวติ ชเ์ ปิ ด-ปิ ด เครื่องเลื่อยที่ใชใ้ นโรงงานอุตสาหกรรมส่วน ใหญ่จะเป็นแบบก่ึงอตั โนมตั ิ 1.1.9 ชุดเฟื องทด ( Gear ) ทาหนา้ ที่ทดส่งกาลงั จากมอเตอร์ไปยงั โครงเลื่อย 1.1.10 มู่เล่ ( Pulley ) ทาหนา้ ท่ีส่งกาลงั ผา่ นสายพานไปยงั ชุดเฟื อง ทดใชก้ บั สายพานวี
1.2 กลไกการทางานของเครื่องเลอื่ ยชัก กลไกการทางานของเครื่องเล่ือยชกั ส่งกาลงั ดว้ ยมอเตอร์ผา่ น เฟื องขบั ซ่ึงเป็นเฟื องทดเพอ่ื ทดความเร็วรอบของมอเตอร์ ท่ีขา้ ง เฟื องขบั จะมีกา้ นหมุนอยคู่ นละศูนยใ์ หช้ กั โครงเลื่อยเดินหนา้ และ ถอยหลงั
1.3 นา้ หนักกดโครงเล่ือย สาหรับน้าหนกั กดโครงเล่ือย ยงิ่ ห่างจากจุดหวั เคร่ืองมากเท่าใด จะกดใหใ้ บเล่ือยตดั เฉือนมากเท่าน้นั น้าหนกั กดใกลห้ วั เครื่อง = น้าหนกั กดโครงเล่ือยนอ้ ย น้าหนกั กดห่างหวั เคร่ือง = น้าหนกั กดโครงเลื่อยมาก
1.4 ใบเลือ่ ยเครื่อง ( Saw Blade ) ทาหนา้ ที่ตดั เฉือนชิ้นงาน ใบเลื่อยทาจากเหลก็ รอบสูง มี ความแขง็ แต่เปราะ ใบเลื่อยประกอบดว้ ย ความกวา้ ง ความยาว ความหนา ความโตของรูใบเล่ือย ซ่ึงจานวนฟันท่ีนิยมใชง้ าน ทว่ั ๆไป คือ 10 ฟันต่อนิ้ว
ลกั ษณะของใบเล่ือย 1. ความยาวของใบเล่ือย วดั จากจุดศูนยก์ ลางของรูยดึ ใบเล่ือยท้งั สอง 2. ความกวา้ งของใบเล่ือย วดั จากขอบดา้ นบนถึงปลายของฟันเลื่อย 3. ความหนาของใบเลื่อย วดั จากสนั ของใบเลื่อย 4. การวดั จานวนฟันของใบเล่ือย ในระบบเมตริก เรียกวา่ ระยะพิต (Pitch) ส่วนในระบบองั กฤษเรียกเป็นจานวนฟันต่อนิ้ว
ระยะ Pitch
ตวั อย่างขนาดใบเล่อื ยมาตรฐาน
1.5 มุมฟันเล่ือย ฟันเล่ือยแต่ละฟันมีลกั ษณะคลา้ ยล่ิมทาหนา้ ที่จิกเขา้ ไปในเน้ือวสั ดุ ฟันเล่ือยประกอบดว้ ยมุมที่สาคญั 3 มุม คือ 1. มุมคมตดั ( β ) เป็นมุมคมตดั ของฟันเลื่อย 2. มุมคายเศษ ( γ ) เป็นมุมที่ใชด้ นั เศษโลหะออกจากฟัน 3. มุมหลบ ( α ) เป็นมุมที่ลดการเสียดสีระหวา่ งฟันเลื่อยกบั ชิ้นงาน
1.6 คลองเล่ือย (Free Cutting Action) คลองเลื่อย คือ ความกวา้ งของร่องบนวสั ดุงาน หลงั จากที่มีการตดั เฉือน ปกติคลองเลื่อยจะมีความหนามากกวา่ ใบเล่ือย ลกั ษณะของคลองเล่ือย 1. คลองเลื่อยฟันสลบั ลกั ษณะฟันเลื่อยจะสลบั ซา้ ยกบั ขวาตลอดท้งั ใบ
ลกั ษณะของคลองเลื่อย 2. คลองเลื่อยแบบฟันคลื่น ลกั ษณะฟันจะเล้ือยเป็นคล่ืน 3. คลองเล่ือยแบบตอก ลกั ษณะฟันเล่ือยจะเป็นมุมฟรีท้งั สองขา้ ง
1.7 ทิศทางการตดั เฉือน ทิศทางการทางานของคมตดั ประกอบดว้ ยทิศทางท่ีสาคญั 2 ทิศ ไดแ้ ก่ ทิศทางการกดและทิศทางการดนั แรงท่ีกระทาการกดและแรงท่ี กระทาการดนั ตอ้ งสมั พนั ธ์กนั
1.8 การประกอบใบเลื่อยเข้าโครงเล่ือย การประกอบใบเลื่อยตอ้ งระวงั ทิศทางของฟันเล่ือย ในการประกอบ ใบเลื่อยตอ้ งผอ่ นตวั ดึงใบเลื่อยใหย้ น่ื ออก แลว้ ใส่ใบเล่ือยเขา้ ไปใหร้ ูของ ใบเล่ือยตรงกบั สลกั ร้อยท้งั 2 ขา้ งของโครงเล่ือย จากน้นั ปรับตวั ดึงใบ เล่ือยใหพ้ อตึง แลว้ ปรับใบเลื่อยใหต้ ้งั ฉาก แลว้ จึงขนั ใหต้ ึงดว้ ยมือ
1.9 การจบั ยดึ ชิ้นงานสาหรับงานเลื่อย การจบั ชิ้นงานที่ผดิ วธิ ีกรณีชิ้นงานส้นั ปากของปากกาไม่สามารถ จบั ชิ้นงานใหแ้ น่นได้ การจบั ท่ีถูกวธิ ีตอ้ ง ใชเ้ หลก็ หนุนช่วยในการจบั ดนั ปากของปากกาใหข้ นานกนั
การจบั ชิน้ งานท่ีถกู วธิ ี
1.10 การวดั ตัดชิ้นงาน การเลื่อยชิ้นงานขนาดเดียวกนั จานวนมากถา้ ต้งั วดั งานทุกคร้ังที่ทา การตดั จะใชเ้ วลามากและขนาดของชิ้นงานจะไม่เท่ากนั มีโอกาสคลาด เคลื่อนได้ วธิ ีการแกไ้ ขโดยใชแ้ ขนต้งั ระยะช่วยในการเล่ือยชิ้นงาน
1.11 การใช้แขนต้งั ระยะ แขนต้งั ระยะช่วยในการวดั ชิ้นงานท่ีตอ้ งการตดั จานวนมาก ใหไ้ ด้ ขนาดเดียวกนั ทุกชิ้น แขนต้งั ระยะสามารถปรับระยะได้ ขอ้ ควรระวงั ไม่ดนั ชิ้นงานกระแทกแขนต้งั ระยะแรงจนเกินไป จะ ทาใหช้ ิ้นงานท่ีตดั ความยาวคลาดเคล่ือน
1.12 ข้นั ตอนการใช้เครื่องเล่ือยชัก 1. ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องเล่ือยชกั และอปุ กรณ์ 2. ตรวจความพร้อมของสภาพร่างกายของผปู้ ฏิบตั ิงาน 3. เปิ ดสวติ ชเ์ มนใหญ่ใหก้ ระแสไฟฟ้าเขา้ เครื่องเลื่อยชกั 4. ยกโครงเล่ือยคา้ งไวก้ ่อนตดั 5. บีบจบั ชิ้นงานดว้ ยปากกาจบั งานไม่ตอ้ งแน่น 6. ปรับโครงเลื่อยลงใหฟ้ ันของใบเลื่อยห่างจากชิ้นงานประมาณ 10 มิลลิเมตร
1.12 ข้นั ตอนการใช้เคร่ืองเล่ือยชัก 7. ต้งั ระยะความยาวของชิ้นงานโดยใชบ้ รรทดั เหลก็ วดั ขนาด 8. บีบจบั ชิ้นงานดว้ ยปากกาจบั งานใหแ้ น่น 9. ปรับแขนต้งั ระยะใหย้ าวเท่ากบั ความยาวชิ้นงาน 10. เปิ ดสวติ ชเ์ ดินเครื่องเล่ือยสายพาน 11. ค่อยๆปรับระบบป้อนตดั ใหโ้ ครงเลื่อยเลื่อนชา้ ๆ 12. ปรับท่อน้าหล่อเยน็ ใหฉ้ ีดตรงคลองเลื่อย 13. คอยจนกวา่ เลื่อยตดั ชิ้นงานขาด
1.13 การบารุงรักษาเครื่องเล่ือยชัก 1. ก่อนใชเ้ คร่ืองเลื่อยใหห้ ยอดน้ามนั ตรงบริเวณจุดท่ีเคลื่อนท่ี 2. หลงั เลิกใชง้ านควรทาความสะอาดและใชผ้ า้ คลุมกนั ฝ่ นุ 3. ควรเปลี่ยนน้าหล่อเยน็ ทุกสปั ดาห์ 4. ตรวจสอบกระบอกสูบน้ามนั ไฮดรอลิควา่ รั่วซึมหรือไม่ 5. ตรวจสอบ สายพาน มู่เล่ เฟื องทด ปั๊มน้าหล่อเยน็ เพื่อใหใ้ ช้ งานไดต้ ลอด
1.14 ความปลอดภยั ในการใช้เครื่องเลื่อย 1. ก่อนใชเ้ คร่ืองใหต้ รวจสอบความพร้อมของเครื่องเสมอ 2. บีบปากกาจบั งานใหแ้ น่นก่อนเปิ ดสวติ ช์ 3. หา้ มตดั ชิ้นงานที่มีความยาวนอ้ ยกวา่ ปากของปากกาจบั งาน 4. เม่ือตอ้ งการตดั งานยาวๆ ควรมีฐานรองรับที่ปลายชิ้นงาน 5. ก่อนเปิ ดสวติ ชเ์ ดินเคร่ืองตอ้ งยกใบเลื่อยใหห้ ่างจากชิ้นงาน ประมาณ 10 มิลลิเมตร
1.14 ความปลอดภัยในการใช้เคร่ืองเล่ือย 6. การป้อนตดั มากเกินไปจะทาใหใ้ บเล่ือยหกั 7. เหลก็ หล่อ ทองเหลือง ทองแดง และอลูมิเนียมควรเลือกใช้ น้าหล่อเยน็ ใหถ้ ูกประเภท 8. ไม่ควรกม้ หนา้ ใกลโ้ ครงเลื่อยขณะเปิ ดสวทิ ช์ 9. ขณะเคร่ืองเลื่อยชกั กาลงั ตดั ชิ้นงานหา้ มหมุนปากกาจบั งาน 10. เพอ่ื ความปลอดภยั ใหค้ ิดก่อนทาเสมอ
2. เคร่ืองเล่ือยสายพานแนวนอน ( Horizontal Band Saw ) เป็นเครื่องเล่ือยที่มีใบเล่ือยติดกนั เป็นวงกลม การเคล่ือนท่ีของใบ เลื่อยมีลกั ษณะการส่งกาลงั ดว้ ยสายพาน คือมีลอ้ ขบั และลอ้ ตาม ทาให้ คมตดั ของใบเลื่อยสามารถเลื่อยตดั งานไดต้ ลอดท้งั ใบ การป้อนตดั งาน ใชร้ ะบบไฮดรอลิค ควบคุมความตึงดว้ ยมือหรือใชไ้ ฮดรอลิคปรับระยะ ห่างของลอ้ ใชต้ ดั ชิ้นงานใหไ้ ดค้ วามยาวตามตอ้ งการ
3. เครื่องเล่ือยสายพานแนวต้งั ( Vertical Band Saw ) เป็นเคร่ืองเลื่อยที่มีใบเล่ือยติดกนั เป็นวงกลม มีใบเล่ือยเป็นสายพาน ในแนวต้งั ซ่ึงจะหมุนตดั ชิ้นงานอยา่ งต่อเน่ือง ใชต้ ดั งานเบาไดท้ ุกลกั ษณะ เช่น ตดั เหลก็ แบน หรือเหลก็ บาง หรือตดั เป็นรูปทรงต่างๆ
เคร่ืองเล่ือยสายพานต่างจากเครื่องเลื่อยชกั คือสามารถตดั งาน ไดอ้ ยา่ งต่อเน่ือง ในขณะที่เคร่ืองเล่ือยชกั ทาหนา้ ที่ตดั งานเฉพาะช่วง เท่าน้นั ใบเล่ือยสายพานจะมีความหนานอ้ ยกวา่ ใบเล่ือยชนิดอ่ืน ลกั ษณะเด่นของเครื่องเลื่อยชนิดน้ีทางานคลา้ ยกบั งานฉลุซ่ึงจะ ไม่พบในเคร่ืองเลื่อยชนิดอ่ืน
4. เคร่ืองเล่ือยวงเดือน (Circular Saw Radius Saw) เป็ นเคร่ื องเลื่อยท่ีมีใบเลื่อยเป็ นวงกลม มีฟันรอบ ๆ สามารถตดั ชิ้นงานไดอ้ ยา่ ง ต่อเน่ือง มกั เป็นงานบางๆ
ความปลอดภัยในการใช้เครื่องเลื่อยวงเดือน 1. ใส่ฝาคลอบใบเลื่อยเสมอ 2. อยา่ ออกแรงควบคุมเกินพิกดั 3. ก่อนชิ้นงานขาดใหอ้ อกแรงเพยี งเลก็ นอ้ ย 4. หมนั่ ตรวจการร้าวของใบเลื่อย
การหล่อเยน็ ชิ้นงานขณะตดั เฉือน
หน้าท่ีของนา้ หล่อเยน็ น้ามนั หล่อเยน็ มีหนา้ ที่หลกั 4 ประการ 1. ระบายความร้อน 2. หล่อล่ืนลดแรงเสียดทาน 3. ชะลา้ งและพาเศษโลหะ 4. ป้องกนั สนิม
นา้ มนั หล่อเยน็ น้ามนั หล่อเยน็ ( Water Emulsifiable Cutting Fluid ) จะผสมน้า ใชง้ านที่อตั ราส่วนผสมแตกต่างกนั ไปตามคุณสมบตั ิของน้ามนั หล่อเยน็ โดยปกติจะผสมใชง้ านในช่วง 2% ถึง 10 % ซ่ึงน้ามนั หล่อเยน็ แบ่งออก เป็น 3 ประเภท คือ 1. น้ามนั สบู่ (Soluble Oil) มีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั คือ น้ามนั หล่อ ล่ืนข้นั พ้ืนฐานประเภทน้ามนั แร่ (Mineral Oil) กบั สาร Emulsifier ซ่ึงทา หนา้ ที่ใหน้ ้ามนั แร่สามารถกระจายและอยตู่ วั ไดใ้ นน้า
2. น้ามนั สงั เคราะห์ (Synthetic Fluid) ผลิตจากน้ามนั พ้ืนฐาน หรือสารเคมีท่ีมาจากการสงั เคราะห์ท้งั หมด โดยไม่มีสดั ส่วนของ น้ามนั หล่อลื่นพ้นื ฐานประเภทน้ามนั แร่ ใชส้ าหรับงานเจียระไน คุณภาพสูง ขอ้ พึงระวงั จากการใชน้ ้ามนั หล่อเยน็ ชนิดสงั เคราะห์ คือ ปัญหาสนิมท่ีมกั เกิดข้ึนกบั เคร่ืองจกั ร 3. น้ามนั ก่ึงสงั เคราะห์ ( Semi Synthetic Fluid ) จะมีน้ามนั หล่อล่ืนพ้ืนฐานผสมกนั ระหวา่ งน้ามนั สงั เคราะห์และน้ามนั แร่ โดยมีส่วนผสมในช่วง 20 % ถึง 60 %
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: