สรุปสาระสาคญั ของ พระราชบัญญัตกิ ารจดั ซอื้ จัดจ้างและการบรหิ ารพสั ดุภาครฐั พ.ศ.2560 1. โครงสร้าง แบง่ ออกเปน็ 15 หมวด จำนวน 132 มำตรำ ดังนี้ มำตรำ 1–5 บทนยิ ำม มำตรำ 6–15 หมวด 1 บททวั่ ไป มำตรำ 16-19 หมวด 2 กำรมีส่วนรว่ มของภำคประชำชนและผู้ประกอบกำรในกำรป้องกันกำรทุจริต มำตรำ 20-45 หมวด 3 คณะกรรมกำร สว่ นที่ 1 คณะกรรมกำรนโยบำยกำรจัดซ้ือจดั จ้ำงและกำรบริหำรพัสดภุ ำครฐั สว่ นท่ี 2 คณะกรรมกำรวินิจฉัยปัญหำกำรจัดซ้ือจัดจ้ำงและกำรบรหิ ำรพัสดภุ ำครัฐ สว่ นท่ี 3 คณะกรรมกำรรำคำกลำงและข้นึ ทะเบียนผูป้ ระกอบกำร สว่ นท่ี 4 คณะกรรมกำรควำมร่วมมอื ป้องกนั กำรทุจรติ ส่วนท่ี 5 คณะกรรมกำรพิจำรณำอทุ ธรณ์และขอ้ ร้องเรยี น มำตรำ 46-50 หมวด 4 องค์กรสนับสนุนดแู ลกำรจดั ซื้อจัดจ้ำงและกำรบรหิ ำรพสั ดุภำครฐั มำตรำ 51-53 หมวด 5 กำรขึ้นทะเบียนผปู้ ระกอบกำร มำตรำ 54-68 หมวด 6 วิธีกำรจดั ซ้อื จดั จ้ำง มำตรำ 69-78 หมวด 7 วธิ กี ำรจำ้ งทปี่ รกึ ษำ มำตรำ 79-92 หมวด 8 วธิ ีกำรจำ้ งออกแบบและควบคุมงำน มำตรำ 93-99 หมวด 9 กำรทำสญั ญำ มำตรำ 100-105 หมวด 10 กำรบริหำรสัญญำและกำรตรวจรับพัสดุ มำตรำ 106-108 หมวด 11 กำรประเมนิ ผลกำรปฏิบตั งิ ำนของผปู้ ระกอบกำร มำตรำ 109-111 หมวด 12 กำรทิง้ งำนและกำรเพิกถอนกำรเปน็ ผทู้ ิง้ งำน มำตรำ 112-113 หมวด 13 กำรบรหิ ำรพัสดุ มำตรำ 114-119 หมวด 14 กำรอุทธรณ์ มำตรำ 120-121 หมวด 15 บทกำหนดโทษ มำตรำ122-132 บทเฉพำะกำล 2. การบังคบั ใช้ (มำตรำ 3) ใหย้ กเลกิ บทบัญญัติเกีย่ วกับพัสดุ กำรจดั ซื้อจัดจำ้ ง หรือกำรบริหำรพสั ดุ ในกฎหมำย ระเบียบ ข้อบังคบั ประกำศขอ้ บญั ญัติ และขอ้ กำหนดใด ๆ ของหน่วยงำนของรัฐท่ีอยู่ภำยใต้บังคับแห่งพระรำชบัญญัตินี้ และให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกำหนดหน่ึงร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป (ประกำศ เมอ่ื วนั ที่ 24 กมุ ภำพันธ์ 2560) 3. นิยามศัพท์สาคัญ (มำตรำ 4) “กำรจัดซ้ือจัดจ้ำง” หมำยควำมว่ำ กำรดำเนนิ กำรเพ่ือให้ไดม้ ำซงึ่ พสั ดุโดยกำรซื้อ จำ้ ง เชำ่ แลกเปล่ียน หรือโดยนติ กิ รรมอ่ืนตำมที่กำหนดในกฎกระทรวง “พัสดุ” หมำยควำมว่ำ สินค้ำ งำนบริกำร งำนก่อสร้ำง งำนจ้ำงที่ปรึกษำ และงำนจ้ำงออกแบบหรือ ควบคมุ งำนก่อสร้ำง รวมทั้งกำรดำเนินกำรอน่ื ตำมทกี่ ำหนดในกฎกระทรวง
“สินค้ำ” หมำยควำมว่ำ วัสดุ ครุภัณฑ์ ท่ีดิน สิ่งปลูกสร้ำง และทรัพย์สินอื่นๆ รวมถึงงำนบริกำรท่ี รวมอยู่ในสินคำ้ นนั้ ดว้ ย แตม่ ูลคำ่ ของงำนบริกำรต้องไมส่ งู กวำ่ ของมูลคำ่ ”สนิ ค้ำ”นนั้ “บรกิ ำร” หมำยควำมว่ำ งำนจำ้ งบรกิ ำร งำนจ้ำงเหมำบริกำร งำนจำ้ งทำของและกำรรบั ขน “งำนก่อสร้ำง” หมำยควำมว่ำ งำนก่อสร้ำง งำนก่อสร้ำงสำธำรณูปโภค หรือส่ิงปลูกสร้ำงอ่ืนใด และ กำรซ่อมแซม ต่อเติม ปรับปรุง ร้ือถอน หรือกำรกระทำอื่นใดท่ีมีลักษณะทำนองเดียวกัน กับอำคำร สำธำรณปู โภค หรอื ส่ิงปลูกสร้ำงน้ัน รวมถึงงำนบริกำรที่รวมอยู่ในสินค้ำน้ัน แต่มูลค่ำของงำนบริกำรต้องไม่สูง กวำ่ มูลค่ำ “งำนกอ่ สรำ้ ง”นนั้ “อำคำร” หมำยควำมว่ำ ส่ิงปลูกสร้ำงถำวรท่ีบุคคลเข้ำอยู่หรือใช้สอยได้ เช่น อำคำรที่ทำกำร โรงพยำบำล โรงเรียน สนำมกีฬำ หรือส่ิงปลูกสร้ำงอ่ืนๆท่ีมีลักษณะเดียวกัน รวมถึงงำนอ่ืนๆซ่ึงสร้ำงขึ้นเพื่อ ประโยชน์ใช้สอยสำหรับ“อำคำร” นั้น เช่น เสำธง รั้ว ท่อระบำยน้ำ ถังน้ำ ถนน ประปำ ไฟฟ้ำ เคร่ืองปรับอำกำศ ลิฟท์ หรือเครือ่ งตกแตง่ “สำธำรณูปโภค” หมำยควำมว่ำ งำนท่ีเกี่ยวกับกำรประปำ กำรไฟฟ้ำ กำรสื่อสำร กำรโทรคมนำคม กำรระบำยนำ้ กำรขนส่งทำงท่อ ทำงบก ทำงนำ้ ทำงอำกำศ ทำงรำง หรืออ่นื ๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง “งำนจ้ำงท่ีปรึกษำ” หมำยควำมว่ำ งำนจ้ำงจำกบุคคลธรรมดำหรือนิติบุคคล เพ่ือเป็นผู้ให้คำปรึกษำ หรือแนะนำแก่หน่วยงำนของรัฐ ในด้ำนวิศวกรรม สถำปัตยกรรม ผังเมือง กฏหมำย เศรษฐศำสตร์ กำรเงิน กำรคลัง ส่ิงแวดลอ้ ม วทิ ยำศำสตร์ เทคโนโลยี สำธำรณสุข ศิลปวัฒนธรรม กำรศึกษำวิจัย หรือด้ำนอ่ืนท่ีอยู่ใน ภำรกิจของหนว่ ยงำนภำครัฐ “งำนจำ้ งออกแบบหรือควบคมุ งำนก่อสร้ำง” หมำยควำมว่ำ งำนจ้ำงจำกบุคคลธรรมดำหรือนิติบุคคล เพอ่ื ออกแบบหรือควบคมุ งำนก่อสรำ้ ง “กำรบริหำรพัสดุ” หมำยควำมว่ำ กำรเก็บ กำรบันทึก กำรเบิกจ่ำย กำรยืม กำรตรวจสอบ กำรบำรุง รักษำ และกำรจำหนำ่ ยพัสดุ “รำคำกลำง” หมำยควำมวำ่ รำคำที่ใช้เป็นฐำนสำหรับเปรียบเทียบรำคำที่ผู้ยื่นข้อเสนอได้ยื่นเสนอไว้ ซึง่ สำมำรถจัดซอ้ื จดั จ้ำงไดจ้ ริง มดี ังนี้ 1. รำคำทีไ่ ด้จำกกำรคำนวณ ตำมหลักเกณฑท์ ี่คณะกรรมกำรรำคำกลำงกำหนด 2. รำคำท่ีไดม้ ำจำกฐำนขอ้ มูลรำคำอำ้ งอิงที่กรมบัญชกี ลำงจัดทำ 3. รำคำมำตรฐำนทส่ี ำนกั งบประมำณหรอื หน่วยงำนกลำงอน่ื กำหนด 4. รำคำทไ่ี ดจ้ ำกกำรสบื รำคำจำกท้องตลำด 5. รำคำทเี่ คยซ้ือหรือจ้ำงคร้ังหลังสดุ ภำยในระยะเวลำ 2 ปีงบประมำณ 6. รำคำอื่นตำมหลกั เกณฑ์ วธิ ีกำร หรอื แนวทำงปฏิบตั ิของหนว่ ยงำนของรัฐ กรณีท่มี รี ำคำตำม 1. ใหใ้ ชร้ ำคำตำม 1.กอ่ น ถ้ำไม่มีรำคำตำม 1. แต่มีรำคำตำม 2.หรือ 3. ให้ ใช้รำคำตำม 2.หรือ 3. ก่อน โดยจะใช้รำคำตำม 2.หรือ 3. ให้คำนึงถึงประโยชน์ของหน่วยงำนของรัฐเป็น สำคญั กรณที ไ่ี ม่มรี ำคำตำม 1. 2. และ 3. ใหใ้ ชร้ ำคำตำม 4. 5. หรือ 6. ตำมลำดับก่อน โดยจะใช้ รำคำตำม 4. 5. หรือ 6 ให้คำนงึ ถงึ ประโยชน์ของหนว่ ยงำนของรฐั เป็นสำคญั “เงินงบประมำณ” หมำยควำมว่ำ - เงินงบประมำณตำมกฏหมำยว่ำด้วยงบประมำณรำยจ่ำย กฏหมำยว่ำด้วยวิธีกำร งบประมำณ หรือกฏหมำยว่ำดว้ ยกำรโอนงบประมำณ - เงินซ่ึงหน่วยงำนของรัฐได้รับโดยได้รับอนุญำตจำกรัฐมนตรี ให้โดยไม่ต้องนำส่งคลังตำม กฏหมำยวำ่ ด้วยวธิ กี ำรงบประมำณ หรอื กฏหมำยวำ่ ด้วยเงินคงคลัง - เงินซ่ึงหนว่ ยงำนของรัฐไดร้ ับโดยไม่ตอ้ งนำสง่ คลังเป็นรำยไดข้ องแผน่ ดนิ ตำมกฏหมำย
- เงิน ภำษีอำกร ค่ำธรรมเนียม หรือผลประโยชน์อื่นท่ีตกเป็นรำยได้ของรำชกำรส่วน ทอ้ งถ่ินตำมกฏหมำยหรอื ทร่ี ำชกำรส่วนท้องถนิ่ มีอำนำจเรียกเกบ็ ตำมกฏหมำย - เงินกู้ เงนิ ชว่ ยเหลือ และเงนิ อนื่ ตำมท่ีกำหนดในกฏกระทรวง “หน่วยงำนของรฐั ” หมำยควำมวำ่ รำชกำรสว่ นกลำง รำชกำรสว่ นภูมิภำค รำชกำรสว่ นท้องถนิ่ รัฐวสิ ำหกจิ ตำมกฎหมำยวำ่ ด้วยวธิ กี ำรงบประมำณ องค์กำรมหำชน องคก์ รอิสระ องค์กรตำม รัฐธรรมนญู หน่วยธุรกำรของศำล มหำวทิ ยำลยั ในกำกบั ของรัฐ หน่วยงำนสังกัดรัฐสภำหรือในกำกบั ของรัฐสภำ หน่วยงำนอสิ ระของรฐั และหน่วยงำนอนื่ ตำมทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง “เจ้ำหน้ำท”ี่ หมำยควำมวำ่ ผมู้ ีหนำ้ ทเี่ กีย่ วกับกำรจดั ซอ้ื จดั จ้ำงหรอื กำรบริหำรพสั ดุ หรือผูท้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมำยจำกผู้มีอำนำจใหป้ ฏิบัติหนำ้ ท่ีเกี่ยวกบั กำรจัดซือ้ จัดจำ้ งหรือกำรบรหิ ำรพัสดุของหน่วยงำน ของรัฐ 4. หน่วยงานของรัฐสามารถขอออกกฎ ระเบียบภายใต้ พ.ร.บ.ขึ้นใช้เองเพื่อความยืดหยุ่นและ คล่องตวั (มำตรำ 6) กรณรี ัฐวสิ ำหกิจหรือหน่วยงำนของรัฐที่ประสงค์จะจัดให้มีระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติ เกี่ยวกบั กำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดุขึ้นใช้เองท้ังหมดหรือแต่บำงส่วน เพื่อเกิดควำมยืดหยุ่น และมคี วำมคลอ่ งตวั ใหก้ ระทำได้ โดยต้องดำเนนิ กำรใหส้ อดคล้องกับหลักเกณฑ์กำรจัดซ้ือจัดจ้ำงและ กำรบริหำรพัสดตุ ำมแนวทำงของ พ.ร.บ.น้ี ระเบยี บ ข้อบังคบั หรือข้อบัญญตั ดิ ังกลำ่ วต้องได้รบั ควำมเห็นชอบจำกคณะกรรมกำรนโยบำย และให้ประกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำ 5. หลักการการจดั ซ้ือจัดจา้ ง (มำตรำ 8) เพอื่ ก่อให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ แกห่ นว่ ยงำนของรฐั และต้องสอดคลอ้ งกับหลกั กำร ดงั น้ี 1. คุ้มคำ่ : ตอ้ งมคี ุณภำพ รำคำเหมำะสม และมแี ผนบริหำรพัสดุที่เหมำะสมและชดั เจน 2. โปร่งใส : ต้องกระทำอย่ำงเปิดเผย แข่งขันอย่ำงเป็นธรรมและเท่ำเทียมกัน มีระยะเวลำ เหมำะสมต่อกำรยื่นข้อเสนอ มีหลักฐำนกำรดำเนินงำนชัดเจน และเปิดเผยข้อมูลจัดซ้ือ จัดจ้ำงในทุกข้นั ตอน 3. มีประสิทธิภำพและประสิทธิผล : ตอ้ งมีกำรวำงแผนจดั ซ้ือจัดจ้ำงล่วงหน้ำ 4. ตรวจสอบได้ 6. หา้ มไม่ใหเ้ ปิดเผยข้อเสนอ (มำตรำ 10) ห้ำมไม่ให้หน่วยงำนภำครัฐเปดิ เผยขอ้ เสนอที่เปน็ สำระสำคัญ และเปน็ ข้อมูลทำงเทคนิคของ ของผู้ย่ืนข้อเสนอ ระหวำ่ งผ้ยู ื่นข้อเสนอด้วยกนั หรือต่อผซู้ ึ่งมไิ ด้เก่ยี วข้องกับกำรจัดซื้อจดั จ้ำงครั้งน้ัน 7. แผนจดั ซื้อจัดจ้างประจาปี (มำตรำ 11) ให้หน่วยงำนของรัฐ จัดทำแผนจัดซ้ือจัดจ้ำงประจำปี และประกำศเผยแพร่ในระบบสำรสน เทศของกรมบัญชีกลำงและของหน่วยงำนของรัฐ ตำมวิธีกำรท่ีกรมบัญชีกลำงกำหนด และให้ปิด ประกำศโดยเปิดเผย ณ สถำนทปี่ ดิ ประกำศของหน่วยงำนภำครัฐ 8. ผูม้ อี านาจอนุมตั ิส่ังซ้ือส่ังจ้าง กำรจดั หำพสั ดโุ ดยวธิ ใี ดตำมพระรำชบัญญัติน้ีจะเป็นผู้ดำรงตำแหนง่ ใดและภำยในวงเงินเท่ำใด ให้เป็น ไปตำมระเบียบท่ีรัฐมนตรี (รมต.กำรคลัง) กำหนด 9. การมีสว่ นร่วมของภาคประชาชนและผปู้ ระกอบการในการป้องกันการทุจรติ (มำตรำ 16-18) กำหนดให้ภำคประชำชนเข้ำมำมีส่วนร่วมในกระบวนกำรจัดซ้ือจัดจ้ำง ในลักษณะของกำรทำ ขอ้ ตกลงคณุ ธรรม (Integrity Pact) ตำมโครงกำรควำมรว่ มมือปอ้ งกนั กำรทุจรติ ในกำรจัดซ้อื จดั จ้ำง
ระหวำ่ ง หน่วยงำนของรฐั เจำ้ ของโครงกำร ผู้เข้ำย่ืนข้อเสนอ และผู้สังเกตกำรณ์ โดยต้องตกลงกันว่ำ จะไมก่ ระทำกำรทุจริตในกำรจดั ซอ้ื จัดจ้ำง ผสู้ ังเกตกำรณ์ ต้องเปน็ มีควำมรูค้ วำมเช่ียวชำญ และประสบกำรณท์ ่ีจำเป็นต่อโครงกำรจดั ซ้ือจดั จ้ำง นัน้ ๆ เขำ้ รว่ มสงั เกตกำรณ์ในกระบวนกำรจัดซ้ือจัดจ้ำง ตง้ั แต่กำรจดั ทำรำ่ ง TOR จนถึงสน้ิ สดุ โครงกำร โดยผสู้ ังเกตกำรณต์ ้องมีควำมเป็นกลำง และไม่เป็นผ้มู สี ว่ นได้เสยี ในโครงกำรจัดซื้อจัดจ้ำงน้ัน 10. คณะกรรมการทเ่ี กี่ยวขอ้ ง (มำตรำ 20-45) กำหนดให้มีคณะกรรมกำร 5 คณะ ประกอบดว้ ย 1. คณะกรรมกำรนโยบำยกำรจัดซือ้ จัดจ้ำงและกำรบริหำรพัสดภุ ำครฐั มหี น้ำที่ กำหนดเสนอนโยบำย กฏ ระเบยี บ ภำยใต้ พรบ. น้ี 2. คณะกรรมกำรวินจิ ฉัยปัญหำกำรจดั ซ้อื จดั จ้ำงและกำรบริหำรพสั ดภุ ำครฐั มหี น้ำท่ีปรับปรุงแก้ไขปญั หำ ตีควำมและวินิจฉัยปัญหำข้อหำรอื เกี่ยวกับกำรปฏบิ ตั ิตำม พรบ. 3. คณะกรรมกำรรำคำกลำงและขนึ้ ทะเบียนผู้ประกอบกำร มหี น้ำท่ี กำหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีกำรกำหนดรำคำกลำง 4. คณะกรรมกำรควำมรว่ มมือป้องกนั กำรทจุ รติ มหี นำ้ ทก่ี ำหนดแนวทำงและวธิ ดี ำเนนิ กำรควำมร่วมมือป้องกนั กำรทุจรติ กำหนดแบบ ขอ้ ตกลงคณุ ธรรม 5. คณะกรรมกำรพจิ ำรณำอุทธรณแ์ ละร้องเรยี น มีหนำ้ ทพ่ี จิ ำรณำข้อร้องเรียนและวนิ ิจฉยั อุทธรณ์ 11. องคก์ รสนับสนนุ ดูแลกำรจัดซ้ือจัดจ้ำงและกำรบรหิ ำรพัสดุภำครัฐ (มำตรำ 46-50) กำหนดใหก้ รมบญั ชกี ลำงเป็นองค์กรสนับสนุนดูแลกำรจัดซื้อจัดจ้ำงและกำรบรหิ ำรพสั ดุ ภำครฐั มหี น้ำที่ 1. ดูแลและจัดหำระบบกำรจดั ซ้ือจดั จ้ำงผ่ำนระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ 2. จัดทำฐำนขอ้ มลู รำคำอ้ำงองิ 3. รวบรวมวเิ ครำะหแ์ ละประเมินผลกำรปฏบิ ตั ติ ำม พรบ.น้ี 4. จัดหำหลักสูตรกำรฝึกอบรมเจ้ำหน้ำทตี่ ำมหลกั วิชำชีพ 5. ปฏิบัตหิ นำ้ ทเี่ ลขำนกุ ำรในคณะกรรมกำรตำม พรบ.น้ี กรณีเจ้ำหน้ำท่ีซ่ึงผ่ำนกำรฝึกอบรมจำกกรมบัญชีกลำงและได้รับแต่งต้ังให้ดำรงตำแหน่งที่มี หน้ำทีเ่ ก่ียวกบั กำรจดั ซอื้ จดั จ้ำงหรอื กำรบรหิ ำรพัสดุมสี ิทธไิ ด้รับเงนิ เพมิ่ หรือเงินอน่ื ทำนองเดยี วกนั 12. การข้ึนทะเบยี นผ้ปู ระกอบการ (มำตรำ 55-53) 1. ใหค้ ณะกรรมกำรรำคำกลำงกำหนดหลกั เกณฑใ์ นกำรขนึ้ ทะเบยี นผปู้ ระกอบกำรกอ่ สรำ้ ง และต้องขน้ึ ทะเบยี นผูป้ ระกอบกำรกับกรมบญั ชีกลำง 2. ขน้ึ ทะเบยี นผปู้ ระกอบกำรพสั ดอุ ื่น ให้เป็นไปตำมที่คณะกรรมกำรรำคำกลำงเหน็ สมควร 3. กรณขี ึน้ ทะเบียนไวแ้ ลว้ ไมต่ ้องขึน้ ทะเบยี นอีก 13. วิธีการจัดซอ้ื จดั จ้าง (มำตรำ 54-68) กำหนดใหม้ ี 3 วิธี ดังนี้ อำจกระทำได้โดยวิธี 1) วิธปี ระกำศเชิญชวนทั่วไป : เชญิ ชวนผ้ปู ระกอบกำรท่วั ไปทม่ี ีคุณสมบัติตรงตำมเง่ือนไขที่ กำหนดใหเ้ ข้ำย่นื ข้อเสนอ 2) วธิ ีคัดเลือก : เชิญชวนเฉพำะผปู้ ระกอบกำรที่มีคณุ สมบัติตรงตำมเง่ือนไขที่กำหนดซ่ึงตอ้ ง ไม่นอ้ ยกวำ่ 3 รำยใหเ้ ขำ้ ย่ืนข้อเสนอ เวน้ แต่ในงำนนัน้ มผี ้ปู ระกอบกำรที่มีคุณสมบตั ิตรงตำมท่กี ำหนดน้อยกว่ำสำมรำย 3) วธิ เี ฉพำะเจำะจง : เชญิ ชวนผู้ประกอบกำรท่ีมคี ุณสมบตั ิตรงตำมเงื่อนไขที่กำหนดรำยใด
รำยหน่ึงให้เข้ำยนื่ ข้อเสนอหรือให้เข้ำมำเจรจำต่อรองรำคำ กำรจัดซือ้ จดั จ้ำงพสั ดุ ต้องใหเ้ ลอื กใชว้ ธิ ปี ระกำศเชญิ ชวนทวั่ ไปก่อน เวน้ แต่ (1) วิธีคดั เลือก ให้ใชใ้ นกรณีต่อไปนี้ 1. ประกำศเชิญชวนแล้ว แตไ่ ม่มีผเู้ สนอ หรือไม่ไดร้ ับกำรคดั เลือก 2. เป็นพัสดทุ ่ีมีคุณลกั ษณะพิเศษหรอื ซับซ้อน หรือต้องผลิต ก่อสร้ำง หรอื ที่มฝี มี อื โดยเฉพำะ หรอื มีควำมชำนำญพเิ ศษ หรือมที ักษะสงู และผปู้ ระกอบกำรมีจำนวนจำกดั 3. จำเป็น เร่งดว่ น หำกใชว้ ธิ ีประกำศเชิญชวนแลว้ ไมไ่ ด้ผล 4. มีข้อจำกดั ท่ีจำเปน็ ต้องระบยุ ี่ห้อ 5. จำเปน็ ต้องซ้ือจำกต่ำงประเทศ 6. พสั ดุที่ต้องปกปิดหรือใช้ในรำชกำรลับ 7. งำนซ่อมท่จี ำเป็นต้องถอดตรวจ 8. กรณีอน่ื ตำมที่กำหนดในกฏกระทรวง (2) วิธีเฉพำะเจำะจง ให้ใชใ้ นกรณีต่อไปนี้ 1. ใช้ทั้งวิธีประกำศเชิญชวนและวิธีคัดเลือก หรือใช้วิธีคัดเลือกแล้ว แต่ไม่มีผู้ย่ืนเสนอ หรือ ข้อเสนอไมไ่ ดร้ ับกำรคดั เลือก 2. กำรจดั ซอ้ื จดั จ้ำงในวงเงินครัง้ หนง่ึ ไมเ่ กินวงเงนิ ท่กี ำหนดในกฏกระทรวง 3. มีผู้ประกอบกำรที่มีคุณสมบัติโดยตรงเพียงรำยเดียว หรือเป็นตัวแทนจำหน่ำยโดยชอบด้วย กฏหมำยเพยี งรำยเดยี วในประเทศและไม่มพี ัสดุอน่ื ใดท่ีจะใชท้ ดแทนได้ 4. มีควำมจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจำกภัยธรรมชำติ หรือเกิดโรคติดต่อร้ำยแรง และใช้วิธีประกำศ เชิญชวนหรอื วิธีคัดเลือกอำจลำ่ ชำ้ ก่อใหเ้ กดิ ควำมเสียหำยอย่ำงร้ำยแรง 5. เป็นพัสดุที่เก่ียวพันกับพัสดุที่ซ้ือจ้ำงไว้ก่อนแล้ว และมีควำมจำเป็นต้องเพิ่มเติม โดยมูลค่ำ พสั ดุทเี่ พม่ิ เตมิ ตอ้ งไมส่ ูงกวำ่ มลู ค่ำพัสดทุ ี่ได้ซอื้ จำ้ งไว้ก่อนแล้ว 6. เป็นพสั ดุทีจ่ ะขำยทอดตลำดโดยหน่วยงำนภำครัฐ 7. เปน็ ท่ดี ินหรอื สิง่ ปลกู สรำ้ งซึง่ จำเป็นต้องซ้ือเฉพำะแห่ง 8. กรณีอนื่ ตำมที่กำหนดในกฏกระทรวง ใหห้ นว่ ยงำนของรฐั จัดทำประกำศและเอกสำรเชญิ ชวนให้ทรำบเปน็ กำรท่วั ไปในระบบของ กรมบญั ชกี ลำงและของหนว่ ยงำน ตำมวธิ ีท่ีกรมบญั ชีกลำงกำหนด และใหป้ ิดประกำศโดย เปดิ เผย ณ สถำนทปี่ ดิ ประกำศของหนว่ ยงำนของรฐั นัน้ วำ่ จะดำเนนิ กำรจดั ซ้ือจดั จำ้ งพัสดใุ ด วัน เวลำ สถำนท่ียื่นขอ้ เสนอและเง่อื นไขอ่ืนๆ ใหป้ ระกำศรำยละเอียดข้อมลู รำคำกลำงและกำรคำนวณรำคำกลำงในระบบของ กรมบญั ชีกลำง ใหก้ ำหนดคุณสมบตั ิของผูท้ ่ีจะเขำ้ ย่ืนขอ้ เสนอ อยำ่ งน้อยต้องมีคณุ สมบตั ิและไม่มีลักษณะ ต้องหำ้ ม เป็นเง่อื นไขในประกำศและเอกสำรเชญิ ชวน ดงั นี้ 1. มคี วำมสำมำรถตำมกฏหมำย 2. ไมเ่ ป็นบุคคลล้มละลำย 3. ไมอ่ ยูร่ ะหว่ำงเลิกกจิ กำร 4. ไมเ่ ปน็ บคุ คลซง่ึ อยรู่ ะหว่ำงถูกระงบั กำรยืน่ ขอ้ เสนอหรอื ทำสัญญำกับรำชกำร 5. ไม่เป็นบคุ คลซ่งึ ถูกแจง้ เวยี นชื่อให้เปน็ ผูท้ ้ิงงำนอยู่ระหว่ำงถูกระงบั กำรย่ืน ขอ้ เสนอหรือทำสัญญำกับรำชกำร หลกั กำรพิจำรณำคดั เลือกขอ้ เสนอกำรจดั ซ้ือจัดจำ้ ง 1. ตน้ ทนุ ตลอดกำรใช้งำน
2. มำตรฐำนของสินค้ำหรือบรกิ ำร 3. บรกิ ำรหลังกำรขำย 4. พัสดุที่รัฐต้องกำรส่งเสริมหรือสนับสนนุ ทีอ่ นรุ ักษ์พลงั งำนหรอื สง่ิ แวดล้อม 5. กำรประเมนิ ผลกำรปฏบิ ตั ิงำนของผปู้ ระกอบกำร 6. ขอ้ เสนอด้ำนเทคนคิ หรือข้อเสนออ่นื 7. เกณฑ์อื่นตำมท่กี ำหนดในกฏกระทรวง เม่ือมีกำรยกเลิกกำรจัดซ้ือจัดจ้ำง ให้หน่วยงำนของรัฐแจ้งให้ผู้ประกอบกำรซ่ึงมำรับหรือซ้ือ เอกสำรเชญิ ชวนทกุ รำยทรำบถงึ เหตุผลท่ตี อ้ งยกเลกิ กำรจัดซื้อจดั จ้ำงครัง้ นน้ั 14. งานจ้างที่ปรึกษา (มำตรำ 69-78) กำหนดให้มี 3 วธิ ี ดงั นี้ อำจกระทำไดโ้ ดยวธิ ี 1) วิธีประกำศเชิญชวนทั่วไป : เชิญชวนที่ปรึกษำท่ัวไปที่มีคุณสมบัติตรงตำมเง่ือนไขที่ กำหนดใหเ้ ขำ้ ย่ืนข้อเสนอ ใหใ้ ช้กบั งำนท่ีไมซ่ ับซ้อน 2) วธิ คี ดั เลือก : เชญิ ชวนเฉพำะที่ปรึกษำทีม่ ีคุณสมบตั ิตรงตำมเง่ือนไขท่ีกำหนดซึ่งต้องไม่น้อย กวำ่ 3 รำยใหเ้ ข้ำย่ืนข้อเสนอ เว้นแตใ่ นงำนนั้นมีทป่ี รกึ ษำท่มี ีคุณสมบตั ิตรงตำมที่กำหนดน้อยกวำ่ 3 รำย 3) วธิ เี ฉพำะเจำะจง : เชญิ ชวนท่ปี รกึ ษำทมี่ คี ุณสมบัติตรงตำมเงอื่ นไขท่ีกำหนดรำยใดรำย หน่งึ ให้เขำ้ ย่ืนข้อเสนอหรือให้เขำ้ มำเจรจำต่อรองรำคำ กำรจ้ำงท่ีปรึกษำด้วยวิธคี ัดเลือก ให้กระทำได้ในกรณี ต่อไปน้ี 1. ประกำศเชญิ ชวนแลว้ แต่ไม่มีผูเ้ สนอ หรือไม่ไดร้ บั กำรคัดเลือก 2. เป็นงำนที่ซบั ซ้อน ซบั ซ้อนมำก หรอื มีเทคนิคเฉพำะไมเ่ หมำะที่จะดำเนนิ กำรโดยวธิ ี ประกำศเชญิ ชวน 3. มที ่ีปรกึ ษำในงำนทจ่ี ะจ้ำงจำนวนจำกัด 4. กรณอี ่นื ตำมที่กำหนดในกฏกระทรวง วธิ เี ฉพำะเจำะจง ให้ใช้ในกรณตี ่อไปน้ี 1. ใช้ท้ังวธิ ปี ระกำศเชญิ ชวนและวธิ คี ัดเลอื ก หรอื ใชว้ ิธคี ัดเลือกแลว้ แตไ่ ม่มีผ้ยู ื่นเสนอ หรือข้อเสนอไมไ่ ด้รับกำรคัดเลือก 2. กำรจำ้ งในวงเงินคร้งั หนึ่งไมเ่ กินวงเงนิ ท่ีกำหนดในกฏกระทรวง 3. เป็นงำนที่จำเป็นต้องให้ทีป่ รึกษำรำยเดิมทำต่อจำกงำนท่ไี ด้ทำไวแ้ ลว้ เน่ืองจำก เหตุผลทำงเทคนิค 4. เปน็ งำนจำ้ งทม่ี ีทป่ี รึกษำเพียงรำยเดยี ว 5. เป็นงำนท่ีมีควำมจำเปน็ เร่งด่วนหรอื ท่เี กย่ี วกับควำมมน่ั คงของชำติ อำจล่ำชำ้ กอ่ ใหเ้ กิดควำมเสยี หำย 6. กรณอี ื่นตำมที่กำหนดในกฏกระทรวง ให้ผมู้ ีอำนำจแตง่ ตั้งคณะกรรมกำรดำเนนิ กำรจ้ำงท่ปี รึกษำ เพ่ือรับผดิ ชอบในกำรดำเนนิ งำนจำ้ งทีป่ รกึ ษำ หลกั เกณฑ์พจิ ำรณำคัดเลือกข้อเสนอกำรจ้ำงทป่ี รึกษำ 1. ผลงำนและประสบกำรณข์ องท่ปี รึกษำ 2. วิธกี ำรบรหิ ำรและวธิ ีกำรปฏิบตั งิ ำน 3. จำนวนบคุ ลำกรทรี่ ว่ มงำน 4. ประเภทของท่ปี รึกษำทีร่ ฐั ส่งเสรมิ หรอื สนับสนนุ 5. ขอ้ เสนอทำงกำรเงิน
6. เกณฑ์อ่ืนตำมที่กำหนดในกฏกระทรวง กรณีงำนจ้ำงที่ปรกึ ษำเพ่ือดำเนนิ งำนประจำ ใหค้ ัดเลอื กผูย้ ่นื ขอ้ เสนอทผ่ี ่ำนเกณฑ์ คุณภำพแลว้ และให้คัดเลือกจำกรำยที่เสนอรำคำตำ่ สุด กรณีงำนจ้ำงที่ปรกึ ษำท่เี ปน็ ไปตำมมำตรฐำนของหนว่ ยงำนหรืองำนทซี่ บั ซ้อน ให้คดั เลือกผูย้ ืน่ ข้อเสนอที่ผ่ำนเกณฑ์ด้ำนคุณภำพแลว้ และใหค้ ดั เลือกจำกรำยที่ได้ คะแนนด้ำนคณุ ภำพและดำ้ นรำคำมำกทสี่ ุด กรณงี ำนจำ้ งทีป่ รึกษำที่มีควำมซับซ้อนมำก ให้คัดเลอื กผูย้ ื่นขอ้ เสนอท่ผี ่ำนเกณฑ์ได้ คณุ ภำพแลว้ และให้คัดเลือกจำกรำยท่ไี ด้คะแนนด้ำนคุณภำพมำกท่สี ุด 15. งานจา้ งออกแบบหรือควบคุมงานก่อสรา้ ง (มำตรำ 79-92) กำหนดให้มี 3 วธิ ี ดงั นี้ อำจกระทำได้โดยวิธี 1) วธิ ีประกำศเชญิ ชวนทว่ั ไป : ใหใ้ ชก้ บั งำนจำ้ งออกแบบหรือควบคุมงำนก่อสรำ้ ง ทมี่ ี ลกั ษณะไม่ซับซ้อน 2) วธิ ีคัดเลือก : เชญิ ชวนผู้ใหบ้ ริกำรที่มีคณุ สมบตั ติ รงตำมเงือ่ นไขทกี่ ำหนดซึง่ ต้องไม่ นอ้ ยกว่ำ 3 รำยให้เข้ำยน่ื ขอ้ เสนอ เว้นแต่ในงำนน้ันมีผูใ้ หบ้ ริกำรท่มี ีคณุ สมบตั ิตรงตำมที่กำหนดน้อยกวำ่ 3 รำย 3) วิธีเฉพำะเจำะจง :เป็นงำนท่ีเลือกจ้ำงผู้ให้บริกำรรำยใดรำยหน่ึงท่ีเคยทรำบหรือเคยเห็น ควำมสำมำรถแลว้ ตำมทค่ี ณะกรรมกำรจดั จำ้ งโดยวิธีเฉพำะเจำะจงไดเ้ สนอแนะ 4) วธิ ีประกวดแบบ : เชญิ ชวนผใู้ ห้บรกิ ำรทม่ี ีคุณสมบัติตรงตำมเง่อื นไขท่ีกำหนดใหเ้ ข้ำยน่ื ข้อเสนอ เพือ่ ออกแบบงำนกอ่ สรำ้ งที่มีลักษณะพิเศษ เปน็ ทเ่ี ชดิ ชูทำงศิลปกรรมหรือ สถำปตั ยกรรมของชำติ หรืองำนอืน่ ตำมทก่ี ำหนด กำรจ้ำงออกแบบฯ ดว้ ยวธิ คี ัดเลือก ให้กระทำได้ในกรณี ต่อไปนี้ 1. ประกำศเชิญชวนแลว้ แต่ไม่มีผเู้ สนอ หรือไม่ได้รับกำรคัดเลือก 2. เปน็ งำนทซ่ี บั ซ้อน ซบั ซ้อนมำก มีทป่ี รกึ ษำในงำนที่จะจ้ำงจำนวนจำกัด 3. เป็นงำนเก่ียวกับกำรออกแบบหรือใช้ควำมคิด ซ่ึงหน่วยงำนไม่มีข้อมูลเพียงพอท่ีจะ กำหนดรำยละเอยี ดเบ้ืองต้นได้ 4. กรณอี น่ื ตำมท่ีกำหนดในกฏกระทรวง วิธเี ฉพำะเจำะจง ให้ใช้ในกรณตี ่อไปน้ี 1. ใช้ทั้งวิธปี ระกำศเชญิ ชวนและวธิ ีคดั เลอื ก หรือใชว้ ิธคี ัดเลือกแล้ว แต่ไมม่ ผี ยู้ น่ื เสนอ หรือขอ้ เสนอไมไ่ ด้รับกำรคัดเลอื ก 2. ใหใ้ ช้กับงำนที่มวี งเงินงบประมำณค่ำก่อสร้ำงไม่เกินวงเงนิ ท่ีกำหนดในกฏกระทรวง 3. เปน็ งำนทม่ี ีควำมจำเป็นเรง่ ดว่ นหรอื ท่ีเกี่ยวกับควำมม่นั คงของชำติ อำจลำ่ ชำ้ กอ่ ใหเ้ กิดควำมเสียหำย 4. เป็นงำนที่ต้องให้ผใู้ ห้บรกิ ำรรำยเดิมทำต่อจำกงำนที่ไดท้ ำไวแ้ ลว้ เน่ืองจำกเหตผุ ล ทำงเทคนิค 5. กรณอี นื่ ตำมที่กำหนดในกฏกระทรวง วธิ ีประกวดแบบให้ผ้มู ีอำนำจแตง่ ตัง้ คณะกรรมกำรดำเนินกำรจำ้ งท่ปี รกึ ษำ เพื่อรับผดิ ชอบในกำรดำเนินงำนจำ้ งท่ีปรกึ ษำ หลักเกณฑ์พิจำรณำคดั เลือกข้อเสนอกำรจำ้ งทีป่ รึกษำ 1. ผลงำนและประสบกำรณ์ของทปี่ รึกษำ 2. วธิ กี ำรบริหำรและวิธีกำรปฏบิ ัตงิ ำน 3. จำนวนบคุ ลำกรท่รี ่วมงำน
4. ประเภทของท่ีปรึกษำท่รี ฐั ส่งเสรมิ หรือสนบั สนุน 5. ขอ้ เสนอทำงกำรเงิน 6. เกณฑ์อน่ื ตำมทกี่ ำหนดในกฏกระทรวง ผใู้ ห้บรกิ ำรทีเ่ ปน็ นิตบิ คคล ต้องมใี บอนญุ ำตปิ ระกอบวิชำชพี สถำปตั ยกรรมหรอื วิศวกรรม และต้องเป็นผทู้ ี่ได้ขน้ึ ทะเบียนกับสภำวิชำชีพนน้ั ดว้ ย ผูใ้ ห้บรกิ ำรทีเ่ ป็นคูส่ ัญญำของหนว่ ยงำน ตอ้ งไม่มีสว่ นได้สว่ นเสียกบั ผูป้ ระกอบกำรงำน กอ่ สรำ้ งในงำนน้ัน 16. การทาสัญญา (มำตรำ 93-99) กำหนดให้หนว่ ยงำนของรัฐต้องทำสญั ญำตำมแบบทคี่ ณะกรรมกำรนโยบำยกำหนด โดย ควำมเห็นชอบของสำนักงำนอัยกำรสูงสดุ ทั้งน้ี แบบสญั ญำ ใหป้ ระกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำ ดว้ ย ในกรณที ีห่ น่วยงำนของรัฐไม่ได้ทำสัญญำตำมแบบหรอื ไม่อำจใช้สญั ญำทส่ี ำนักงำน อยั กำรสูงสุดให้ควำมเห็นชอบได้ หรือไมอ่ ำจสง่ ให้สำนกั อยั กำรสูงสดุ เหน็ ชอบได้ทนั เวลำ ใหส้ ำมำรถสง่ ให้สำนักงำนอัยกำรสูงสุดเห็นชอบไดใ้ นภำยหลังได้ สัญญำทที่ ำในรำชอำณำจักรตอ้ งมีขอ้ ตกลงในกำรห้ำมคสู่ ัญญำจ้ำงช่วงให้ผู้อื่นทำอีกทอด หน่ึง ไม่ว่ำทั้งหมดหรือบำงส่วน เว้นแต่กำรจ้ำงช่วงแต่บำงส่วนที่ได้รับอนุญำตจำก หน่วยงำนของรัฐทเ่ี ปน็ คสู่ ัญญำแลว้ หน่วยงำนอำจมีข้อตกลงเป็นหนังสือ โดยไม่ทำตำมแบบสัญญำ เฉพำะในกรณี ดังต่อไปนี้ 1. กำรจดั ซอ้ื จดั จ้ำงโดยวธิ คี ัดเลือก หรือโดยวธิ เี ฉพำะเจำะจง หรอื กำรจ้ำงที่ ปรกึ ษำโดยวธิ เี ฉพำะเจำะจง 2. กำรจัดซ้ือจัดจ้ำงจำกหน่วยงำนภำครฐั 3. ค่สู ัญญำสำมำรถสง่ มอบพัสดุไดค้ รบถว้ น ภำยใน 5 วนั ทำกำร นับแตว่ นั ถดั จำกวันทำข้อตกลง 4. กรณีอื่นตำมท่ีคณะกรรมกำรนโยบำยกำหนด สญั ญำทีม่ ีกำรลงนำมและแก้ไขเปล่ยี นแปลงสญั ญำหรือข้อตกลง ต้องเผยแพร่ใน ระบบของกรมบญั ชีกลำง และของหนว่ ยงำน 17. การบรหิ ารสัญญาและการตรวจรับพสั ดุ (มำตรำ 100-105) กำรบริหำรสัญญำและกำรตรวจรับพัสดุให้ผู้มีอำนำจแต่งตั้งคณะกรรมกำรตรวจรับพัสดุเพ่ือ รับผิดชอบกำรบริหำรสัญญำหรือข้อตกลงและกำรตรวจรับพัสดุ โดยองค์ประกอบ องค์ประชุม และ หนำ้ ท่ขี องคณะกรรมกำรตรวจรับพสั ดใุ ห้เปน็ ไปตำมระเบียบท่ีรฐั มนตรกี ำหนด 18. การประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ านของผู้ประกอบการ (มำตรำ 106-108) กำหนดให้ผลกำรประเมนิ เป็นส่วนหนงึ่ ของเกณฑ์ในกำรพิจำรณำคดั เลือกคุณสมบัติของผู้ท่ี จะเข้ำยน่ื ข้อเสนอหรอื เขำ้ ทำสญั ญำกับหน่วยงำนของรัฐ โดยผทู้ ไี่ มผ่ ่ำนเกณฑ์ที่กำหนดจะถกู ระงบั กำร ย่ืนข้อเสนอหรอื ทำสญั ญำกับหนว่ ยงำนของรฐั ไว้ช่วั ครำว จนกว่ำจะมีผลกำรปฏิบัติงำนผำ่ นเกณฑ์ท่ี กำหนด 19. การทง้ิ งาน (มำตรำ 109-111) ผู้ยืน่ ขอ้ เสนอหรือคสู่ ัญญำ ท่ีมีลักษณะเปน็ กำรท้งิ งำน ดงั นี้ 1. เปน็ ผ้ยู นื่ ขอ้ เสนอที่ไดร้ บั กำรคัดเลอื กแล้ว ไมย่ อมไปทำสญั ญำหรือข้อตกลงเปน็ หนงั สือ ภำยในเวลำทีก่ ำหนด
2. ค่สู ัญญำ ไม่ปฏบิ ัติตำมสญั ญำหรือขอ้ ตกลงเปน็ หนังสือ 3. ผู้ย่ืนข้อเสนอหรือคูส่ ญั ญำ มีลักษณะเปน็ กำรขัดขวำงกำรแข่งขนั รำคำอยำ่ งเป็นธรรม 4. เมอ่ื ผลของกำรปฏิบตั ติ ำมสญั ญำของทีป่ รึกษำหรือผูใ้ หบ้ ริกำรงำนออกแบบหรืองำน กอ่ สรำ้ ง มีข้อบกพร่อง ผดิ พลำด หรอื ก่อใหเ้ กิดข้อผิดพลำด 5. ผ้ใู ห้บริกำรมสี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี กับผูป้ ระกอบกำรงำนก่อสรำ้ ง 20. การบรหิ ารพัสดุ (มำตรำ 112-113) ใหห้ นว่ ยงำนของรัฐจดั ให้มกี ำรควบคมุ และดูแลพสั ดุใหม้ ีกำรใชแ้ ละกำรบรหิ ำรพัสดทุ ่ี เหมำะสม คุ้มค่ำ และเกดิ ประโยชน์มำกท่สี ุด ซง่ึ รวมถึงกำรเกบ็ กำรบนั ทึก กำรเบิกจำ่ ย กำรยืม กำร ตรวจสอบ กำรบำรงุ รักษำ และกำรจำหน่ำยพสั ดุ 21. การอุทธรณ์ (มำตรำ 114-119) กำหนดใหผ้ ู้ซึ่งไดย้ นื่ ขอ้ เสนอจดั ซอ้ื จัดจ้ำงพสั ดกุ ับหน่วยงำนของรัฐไมม่ สี ิทธิอทุ ธรณใ์ นเรื่องดังน 1. กำรเลอื กใชว้ ธิ จี ดั ซือ้ จดั จำ้ งพัสดุ หรอื เกณฑท์ ใี่ ชใ้ นกำรพิจำรณำผล 2. หน่วยงำนของรฐั มิไดป้ ฏิบตั ใิ ห้เปน็ ไปตำมหลกั เกณฑ์และวิธีกำรทีก่ ำหนดใน พรบ.น้ี 3. กฎกระทรวง ระเบยี บ หรือประกำศที่ออกตำมควำมใน พรบ.นี้ เป็นเหตุให้ตนไม่ได้รับ กำรประกำศผลเปน็ ผูช้ นะ หรือไม่ไดร้ บั กำรคัดเลือกเปน็ คูส่ ัญญำกับหนว่ ยงำนของรฐั โดยตอ้ งยืน่ อุทธรณ์ต่อหนว่ ยงำน ภำยใน 7 วนั ทำกำรนบั แต่วันประกำศผลกำรจัดซือ้ จัด จำ้ งในระบบเครอื ข่ำยสำรสนเทศของกรมบญั ชกี ลำง และ ใหห้ น่วยงำนของรฐั พิจำรณำและวนิ ิจฉยั อุทธรณ์ใหแ้ ลว้ เสร็จภำยใน 7 วนั ทำกำรนับแต่ วนั ทไ่ี ดร้ ับอุทธรณ์ ในกรณีท่ีเหน็ ด้วยกับอุทธรณ์ก็ใหด้ ำเนนิ กำรตำมควำมเหน็ นัน้ ภำยในกำหนดเวลำดงั กล่ำว หำกไม่เห็นด้วยไมว่ ่ำทัง้ หมดหรอื บำงส่วน ใหร้ ำยงำนควำมเห็นพรอ้ มเหตุผลไปยัง คณะกรรมกำรพจิ ำรณำอุทธรณ์ภำยใน 3วนั ทำกำรนับแต่วันที่ครบกำหนดเวลำดังกลำ่ ว เมอ่ื คณะกรรมกำรพจิ ำรณำอุทธรณ์ได้รบั รำยงำนจำกหน่วยงำนของรฐั แล้ว ใหพ้ จิ ำรณำ อุทธรณ์ใหแ้ ล้วเสร็จภำยใน 30 วันนับแต่วนั ทไี่ ด้รบั รำยงำนดังกล่ำว หำกเร่ืองใดไมอ่ ำจพจิ ำรณำได้ทันในกำหนดน้ัน ให้คณะกรรมกำรพิจำรณำอุทธรณ์ขยำย ระยะเวลำออกไปไดไ้ มเ่ กินสองครั้ง ครั้งละไม่เกิน 15วนั นบั แต่วนั ทค่ี รบกำหนดเวลำ ดงั กล่ำว กรณีท่คี ณะกรรมกำรพิจำรณำอุทธรณ์เห็นว่ำอุทธรณฟ์ ังขึน้ และมีตอ่ กำรจดั ซ้ือจัดจ้ำงมี นัยสำคัญ ให้คณะกรรมกำรพิจำรณำอุทธรณ์สั่งให้หน่วยงำนของรัฐดำเนินกำรจัดซ้ือจัด จ้ำงใหม่ หรือเร่ิมจำกข้ันตอนใดตำมที่เห็นสมควร ในกรณีที่คณะกรรมกำรพิจำรณำ อุทธรณ์เห็นว่ำอุทธรณ์ฟังไม่ข้ึนหรือไม่มีผลต่อกำรจัดซื้อจัดจ้ำงอย่ำงมีนัยสำคัญ ให้แจ้ง หนว่ ยงำนของรฐั เพอ่ื ดำเนนิ กำรจดั ซอ้ื จดั จำ้ งตอ่ ไป ถ้ำผอู้ ทุ ธรณ์ผ้ใู ดไม่พอใจคำวนิ ิจฉยั ของคณะกรรมกำรพิจำรณำอทุ ธรณ์ และเห็นวำ่ หน่วยงำนของรฐั ต้องรบั ผดิ ชดใช้คำ่ เสยี หำย ผู้นัน้ มีสิทธิฟ้องต่อศำลเพ่ือเรยี กใหห้ นว่ ยงำน ของรฐั ชดใช้คำ่ เสยี หำยได้ แต่กำรฟ้องคดีดังกล่ำวไมม่ ีผลกระทบต่อกำรจดั ซอ้ื จัดจำ้ งที่ หนว่ ยงำนของรฐั ไดล้ งนำมในสัญญำจัดซ้อื จัดจำ้ งนัน้ แลว้ 22. บทกาหนดโทษ (มำตรำ 120-121) เจำ้ หนำ้ ที่หรือผู้มีอำนำจหนำ้ ทีใ่ นกำรดำเนินกำรเกยี่ วกับกำรจดั ซ้ือจัดจำ้ งหรือกำรบรหิ ำร พสั ดุ ปฏิบัติหรอื ละเว้นกำรปฏิบัตหิ น้ำทใ่ี นกำรจัดซื้อจัดจ้ำงตำม พรบ.นี้ กฎกระทรวง ระเบยี บ หรือประกำศทอี่ อกตำมควำมใน พรบ.นี้ โดยมิชอบ
โดยกำหนดให้ต้องระวำงโทษจำคกุ ต้งั แต่ 1 ปถี ึง 10 ปี และปรับตัง้ แต่สห่ี มืน่ บำทถึงส่ีแสน บำท และผใู้ ช้หรือผสู้ นบั สนุนในกำรกระทำควำมผิดดงั กล่ำวตอ้ งระวำงโทษตำมที่กำหนดไวส้ ำหรับ ควำมผิดดังกลำ่ วด้วย กำหนดโทษสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตำมคำส่ังของคณะกรรมกำรวินิจฉัยหรือหลั กฐำน ประกอบกำรพจิ ำรณำอุทธรณ์ เพอ่ื เปน็ กำรบงั คับใหผ้ ู้ทเ่ี กีย่ วข้องให้ควำมร่วมมือในกำรส่งเอกสำรหรือ หลักฐำนประกอบ กำรพิจำรณำของคณะกรรมกำรวินิจฉัยหรือคณะกรรมกำรพิจำรณำอุทธรณ์ โดยกำหนดให้มี ควำมผดิ ฐำนขดั คำส่งั เจ้ำพนักงำนตำมประมวลกฎหมำยอำญำ 23. บทเฉพำะกำล ให้ระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยกำรพัสดุพ.ศ.2535 และระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรี ว่ำด้วยกำรพัสดุด้วยวิธีกำรทำงอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ.2549 และบรรดำระเบียบ ข้อบังคับ ประกำศ ข้อบัญญตั ิและขอ้ กำหนดใด ๆ เกี่ยวกับพัสดุ กำรจดั ซ้ือจดั จ้ำง หรอื กำรบริหำรพัสดุของหน่วยงำนของ รัฐอ่ืน รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีที่เก่ียวกับพัสดุ กำรจัดซ้ือจัดจ้ำง หรือกำรบริหำรพัสดุของหน่วยงำน ของรัฐยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่ำที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระรำชบัญญัตินี้จนกว่ำจะมีกฎกระทรวง ระเบยี บ หรือประกำศ ในเรื่องน้ัน ๆ ตำมพระรำชบญั ญตั ินใี้ ช้บังคบั
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: