ป.2 ชื่อ-นามสกลุ ...................................... ชั้น........................เลขท่ี................... ครผู สู้ อน.......................................... โรงเรียน..........................................
แ ส ง เ ป ็ น พ ลั ง ง า น รู ป ห น่ึ ง เ ดิ น ท า ง เ ป ็ น แนวเส้นตรง กระจายไปทุกทิศทาง เราเรียกต้นกำเนิดของ แสงว่า แหล่งกาเนิดแสง มีท้ังแหล่งกำเนิดแสงท่ีเกิดข้ึนเอง 1ต. ามกธลุ่มรพรชื มชาติ และแหล่งกำเนิดแสงที่มนุษย์สร้างข้ึน สว่ นวตั ถุบางชนิดท่ีอาจสะท้อนแสงจากแหล่งกำเนิดเข้ามาสู่ ดวงตาของเราน้นั จะไม่จดั ว่าเป็นแหล่งกำเนดิ แสง ในชีวิตประจำวันของเราสามารถแบ่งแหล่งกำเนิด แสงตามการเกิดไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ดังน้ี 1. แหลง่ กาเนดิ แสงทเี่ กดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติ เช่น ดวงอาทิตย์ ห่ิงหอ้ ย ฟา้ ผ่า 2. แหล่งกาเนิดแสงทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขึน้ เช่น หลอดไฟ เทียนไข อปุ กรณ์ไฟฟ้าตา่ งๆ
แ ส ง เ ดิ น ท า ง อ อ ก จ า ก แ ห ล ่ ง ก ำ เ นิ ด ข อ ง แ ส ง เป็นแนวเส้นตรง กระจายไปทุกทิศทางเข้าสู่ดวงตาของเรา 1โส. ะดทยก้อตลมุ่นรพเงชื ขห้ามราือสแู่ดสวงงตตกากขรอะงทเรบาที่พท้ืำนใผหิว้เขรอางสวาัตมถาุรตถ่ามงอๆงแเหล็น้ว วตั ถตุ ่างๆ รอบตัวได้ ดังน้นั ดวงตาคืออวัยวะรับแสงที่สำคัญ ท่ีทำให้เราสามารถมองเห็นวัตถุต่างๆ รอบตัวได้ และถ้า แสงสว่างไม่เหมาะสมต่อการมองเห็น อาจทำให้ส่งผลเสีย ต่อดวงตาของเราได้ แสงเดนิ ทางเปน็ เสน้ ตรง แสงกระจายไปทกุ ทิศทาง วัตถุท่เี ป็นแหลง่ กำเนดิ แสง แสงจะเขา้ สู่ตาเราโดยตรง วัตถทุ ่ไี มใ่ ชแ่ หลง่ กำเนดิ แสง แสงจะตกกระทบทีว่ ัตถุ แลว้ สะท้อนเขา้ มาสตู่ าของเรา
ช่ือ ชัน้ เลขท่ี 10 เรื่อง แหล่งกำเนิดแสง (1) ตวั ช้ีวัด ว 2.3 ป.2/1 บรรยายการเคล่อื นทขี่ องแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง และอธิบายการมองเห็นวตั ถุ จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนขดี ลงใน ท่ีเปน็ แหล่งกาเนดิ แสง ดวงอาทติ ย์ กระจก ฟา้ ผ่า ไฟฉาย โคมไฟ กองไฟ หิ่งหอ้ ย คอมพิวเตอร์ เทยี นไข
ช่ือ ชัน้ เลขท่ี 10 เร่ือง แหลง่ กำเนดิ แสง (2) ตวั ช้ีวัด ว 2.3 ป.2/1 บรรยายการเคล่อื นทข่ี องแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง และอธบิ ายการมองเห็นวตั ถุ จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ คำช้แี จง ดูภาพตอ่ ไปน้ี แล้วตอบคาถาม โทรทศั น์ ฟา้ ผา่ คอมพิวเตอร์ ดวงอาทติ ย์ โคมไฟ กองไฟ เทยี นไข หลอดไฟ ไฟฉาย ห่ิงห้อย 1. แหล่งกำเนดิ แสงตามธรรมชาติ ได้แก่............................... ..................................................................................... ..................................................................................... 2. แหลง่ กำเนดิ แสงทีม่ นุษย์สรา้ งขึ้น ไดแ้ ก่........................... ..................................................................................... .....................................................................................
ช่ือ ชน้ั เลขที่ 10 เร่ือง กำรเคลือ่ นท่ีของแสง (1) ตัวชีว้ ดั ว 2.3 ป.2/1 บรรยายการเคลือ่ นทข่ี องแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง และอธบิ ายการมองเห็นวตั ถุ จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเขียนลูกศรแสดงทศิ ทางการเคลื่อนทขี่ องแสงจากแหล่งกาเนิดแสง แลว้ ตอบคาถาม 1. แสงจากดวงอาทิตยเ์ คลื่อนที่ ไปในทศิ ทางใด ตอบ ...................................... 2. แสงจากเปลวเทยี นไขเคล่อื นท่ี ไปในทิศทางใด ตอบ ...................................... 3. แสงจากโคมไฟเคลอ่ื นท่ีไปใน ทศิ ทางใด ตอบ ......................................
ช่ือ ช้นั เลขท่ี 10 เร่ือง แนวทำงป้องกนั อนั ตรำยจำกกำรมองวตั ถุ (1) ตัวชี้วัด ว 2.3 ป.2/2 ตระหนกั ในคณุ คา่ ของความรู้ของการมองเห็น โดนเสนอแนวทางการปอ้ งกนั อันตรายจากการมองเหน็ วัตถุท่ีอยูใ่ นบรเิ วณทม่ี แี สงสวา่ งไมเ่ หมาะสม คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นขดี หนา้ การกระทาท่เี หมาะสม และหน้าการกระทาทไ่ี มเ่ หมาะสม ..........1. อ่านหนงั สอื ในท่ที ม่ี ีแสงสวา่ งเพยี งพอ ..........2. เลน่ กีฬากลางแจ้ง ..........3. มองดวงอาทิตยท์ มี่ ีแสงจา้ ..........4. มองดดู วงจันทรด์ ้วยตาเปล่า ..........5. เล่นโทรศัพท์ในห้องมืด ..........6. การสวมแว่นตากนั แดดเมอ่ื มีแสงสว่างจ้า ..........7. มองดดู วงดาวในเวลากลางคืน ..........8. การเพง่ สายตาในทท่ี มี่ ีแสงสว่างนอ้ ย ..........9. รบั ประทานอาหารทีม่ วี ิตามนิ บำรุงสายตา ..........10. น่งั เล่นเกมหน้าจอคอมพวิ เตอร์ติดตอ่ กัน เปน็ เวลานานหลายชวั่ โมง
ช่ือ ชั้น เลขที่ 10 เรือ่ ง แนวทำงปอ้ งกันอันตรำยจำกกำรมองวตั ถุ (2) ตัวช้วี ดั ว 2.3 ป.2/2 ตระหนักในคณุ คา่ ของความรู้ของการมองเห็น โดนเสนอแนวทางการปอ้ งกัน อันตรายจากการมองเหน็ วัตถทุ ่ีอย่ใู นบริเวณทม่ี แี สงสว่างไม่เหมาะสม คำช้แี จง ให้นกั เรยี นระบุพฤติกรรมที่เหมาะสม และไม่เหมาะสมของการมองวตั ถุในบรเิ วณทมี่ ีแสง มาอย่างละ 3 ข้อ พรอ้ มตกแต่งใหส้ วยงาม 1. พฤตกิ รรมที่เหมาะสมของการมองวัตถุ มีอะไรบา้ ง ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... 2. พฤตกิ รรมท่ีไม่เหมาะสมของการมองวัตถุ มอี ะไรบ้าง ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... .........................................................................
สิ่งมีชีวิต ได้แก่ มนุษย์ สัตว์ และพืช ซ่ึงสามารถ หายใจ กินอาหาร เจริญเติบโต เคลื่อนไหว ขับถ่าย สืบพันธ์ุ แ1.ละตกอลุ่มบพสชื นองต่อสิ่งเร้าได้ สิ่งไม่มีชีวิต เช่น สิ่งของเคร่ืองใช้ หิน ดิน น้า อาก าศ เ ป็นต้น ซ่ึ ง ส่ิ งเห ล ่านี้ไ ม ่ส าม ารถทำ สิ่ ง ต่าง ๆ ท่เี หมือนกบั ส่ิงมีชวี ิตได้
สิ่งท่จี าเป็นต่อการเจรญิ เติบโตของพืช มีดงั นี้ 1. กลุ่มพชื 2. แสง 1. นา้ พืชใชแ้ สง ในการสร้างอาหาร พชื ใชน้ า้ ในการงอก ของเมล็ด การสร้าง อา หา ร ก า รล ำเ ลีย ง อาหาร และธาตุอาหาร 3. อากาศ 4. ธาตุอาหาร พืชใช้อากาศในการ พื ช ใ ช ้ ธ า ตุ อ า ห า ร งอก การหายใจ ในดิน เพ่ือช่วยให้พืช และการสรา้ งอาหาร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต ไ ด้ เป็นปกติ
วฏั จักรชวี ติ ของถ่วั ลันเตา 1. กลมุ่ พชื เมลด็ ต้องการนา้ และ อากาศในการงอก เมล็ดมีการงอก พืชดอก มีการเจรญิ เติบโตเตม็ ท่ี มีการสรา้ งดอกเพ่ือสบื พันธ์ุ ตน้ กลา้ เจริญเตบิ โต มีใบเลยี้ ง พชื ดอกเปลยี่ นแปลง รูปร่าง และส่วนตา่ งๆ ของตน้
เกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ กลบี ดอก 1. กลมุ่ พืช กลีบเล้ียง 1. กลีบเลีย้ ง 2. กลบี ดอก มี ห น ้ า ท่ี ห ่ อ หุ ้ ม ส ่ ว น มี ห น ้ า ท่ี ห ่ อ หุ ้ ม เ ก ส ร ของดอกในขณะที่ยังตูมอยู่ ขณะท่เี กสรยงั อ่อนอยู่ และ เพ่ือป้องกันอันตรายจาก มี ก ลิ่ น ห อ ม ช ่ ว ย ล ่ อ แ ม ล ง แมลง ให้มาผสมเกสร 3. เกสรเพศผู้ 4. เกสรเพศเมยี มีหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธ์ุ มีหน้าท่ีสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ เพศเมยี เพศผู้
ช่ือ ชัน้ เลขท่ี 10 เรอ่ื ง ส่ิงรอบตัวเรำ ตัวช้วี ัด ว 1.3 ป.2/1 เปรยี บเทยี บลักษณะของส่ิงมชี วี ติ และส่งิ ไม่มีชวี ติ จากขอ้ มูลที่รวบรวมได้ คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นสงั เกตภาพแลว้ บอกวา่ สิ่งใดเปน็ สิ่งมีชีวติ และสิ่งใดเป็นสิ่งไมม่ ีชีวติ กล้วย ดินสอ ดวงอาทิตย์ เต่า รองเท้า ไอศกรมี มนุษย์ ตน้ ไม้ รถไฟ ยีราฟ ส่งิ มีชีวิต สง่ิ ไมม่ ชี วี ิต .......................... .......................... .......................... .......................... .......................... .......................... .......................... .......................... .......................... ..........................
ช่ือ ช้ัน เลขท่ี 10 เร่อื ง สง่ิ มชี ีวิต และสิ่งไม่มีชวี ติ (1) ตัวช้ีวดั ว 1.3 ป.2/1 เปรยี บเทียบลักษณะของส่ิงมชี วี ติ และสิง่ ไม่มีชีวติ จากขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นนาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี เตมิ ลงในชอ่ งวา่ งให้สมั พนั ธก์ ับภาพ ตอ้ งการอากาศ อาหาร และน้า มกี ารเจรญิ เติบโต ตอบสนองตอ่ สิง่ เร้า มกี ารหายใจ มกี ารขับถา่ ย มกี ารเคล่อื นที่ มีการเคลอ่ื นไหว มีการสบื พันธ์ุ ................................................................ ................................................................ ................................................................ ................................................................ ................................................................ ................................................................ ................................................................ ................................................................ ................................................................
ช่ือ ชัน้ เลขท่ี 10 เรอื่ ง ส่ิงมชี ีวติ และสิง่ ไมม่ ีชวี ติ (2) ตัวชีว้ ัด ว 1.3 ป.2/1 เปรยี บเทยี บลักษณะของส่ิงมีชวี ิต และสง่ิ ไม่มีชีวติ จากขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นสารวจสิ่งมีชีวติ และสงิ่ ไม่มีชีวิตรอบยกตวั พรอ้ มระบเุ หตผุ ล 1. สง่ิ มีชวี ิต ไดแ้ ก่.................................................. ......................................................................... ......................................................................... เพราะ................................................................. ......................................................................... ......................................................................... 2. ส่งิ ไมม่ ชี ีวติ ได้แก่.............................................. ......................................................................... ......................................................................... เพราะ................................................................. ......................................................................... .........................................................................
ช่ือ ชั้น เลขท่ี 10 เรอื่ ง สง่ิ มีชวี ิต และสงิ่ ไมม่ ชี ีวติ (3) ตวั ช้ีวัด ว 1.3 ป.2/1 เปรียบเทยี บลักษณะของสิ่งมีชีวติ และสิ่งไมม่ ีชวี ติ จากขอ้ มูลที่รวบรวมได้ คำชแี้ จง โยงเส้นจับค่ขู อ้ ความให้สมั พันธก์ ับรปู ภาพ (โยงเส้นจบั คู่ได้มากกวา่ 1 ข้อ) 1. สามารถสรา้ ง พชื อาหารเองได้ 2. เป็นส่ิงมีชวี ติ ที่กนิ สิ่งมชี ีวิตอ่ืนเป็น อาหาร 3. สามารถเคลือ่ นท่ี และเคลอ่ื นไหวได้ 4. สามารถเคลือ่ นท่ี สตั ว์ ไดโ้ ดยการควบคมุ 5. ไมม่ ีการหายใจ และขบั ถา่ ย 6. มีการเจรญิ เตบิ โต ส่งิ ของ และสืบพันธ์ุ
ช่ือ ช้ัน เลขที่ 10 เร่ือง สิง่ มีชีวติ และสงิ่ ไม่มีชวี ติ (4) ตวั ช้วี ดั ว 1.3 ป.2/1 เปรียบเทียบลักษณะของส่ิงมีชีวิต และสง่ิ ไม่มีชีวติ จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ คำชี้แจง ให้นกั เรยี นขีด หน้าข้อความท่ถี ูกต้อง ..........1. ส่ิงมชี วี ติ ต้องการอาหาร และนา้ เท่านั้น ..........2. อากาศเปน็ ส่งิ สำคญั กบั สิ่งมีชวี ติ มากทส่ี ดุ ..........3. ส่งิ มชี วี ิตสรา้ งอาหารเองได้ ..........4. ส่งิ มชี วี ติ มีการเจริญเตบิ โต ..........5. ส่ิงมีชวี ิตมีการเคล่ือนท่ีและเคลอ่ื นไหวได้ ..........6. ส่งิ ไม่มชี วี ิตสามารถเคลอื่ นไหวได้ ..........7. ส่งิ ไม่มชี วี ิตไมส่ ามารถเคลื่อนทไี่ ด้ ..........8. สงิ่ ไม่มชี ีวติ ไม่ต้องการอากาศ อาหาร และนา้ ..........9. สิง่ มชี ีวิตมกี ารสืบพนั ธุ์ ..........10. ส่งิ มีชีวติ มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้
ชอื่ ชัน้ เลขท่ี 10 เรอ่ื ง ปจั จยั ในกำรเจริญเติบโตของพชื ตัวชีว้ ัด ว 1.2 ป.2/1 ระบวุ า่ พชื ตอ้ งการแสงและน้าเพอื่ การเจริญเติบโต โดยใช้ขอ้ มลู จากหลกั ฐาน เชิงประจักษ์ คำชแี้ จง ดภู าพแล้วตอบคาถาม 1. .............................เปน็ ปจั จยั ท่ี อากาศ จำเปน็ ต่อการดำรงชวี ิตของพชื เพราะ................................... ........................................... 2. .............................เปน็ ปัจจยั ที่ น้า จำเป็นตอ่ การดำรงชีวิตของพชื เพราะ................................... ........................................... 3. .............................เปน็ ปจั จัยท่ี จำเป็นตอ่ การดำรงชวี ิตของพืช แสง เพราะ................................... 4. ........................................... ธาตุอาหาร .............................เปน็ ปัจจยั ที่ จำเปน็ ตอ่ การดำรงชวี ติ ของพชื เพราะ................................... ...........................................
ช่ือ ช้ัน เลขท่ี 10 เรือ่ ง อำกำศ นำ้ แสง ธำตุอำหำรในดินสำคัญต่อพืชอย่ำงไร ตัวชี้วัด ว 1.2 ป.2/2 ตระหนักถงึ ความจาเปน็ ที่พชื ต้องไดร้ บั น้าและแสงเพื่อการเจรญิ เตบิ โต โดยดแู ลพชื ให้ได้รับส่งิ ดังกล่าวอย่างเหมาะสม คำชี้แจง แสง อากาศ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ธาตอุ าหาร นา้ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................
ช่ือ ช้ัน เลขที่ 10 เร่อื ง ส่วนประกอบของพืชดอก ตวั ชี้วัด ว 1.2 ป.2/3 สรา้ งแบบจาลองทบ่ี รรยายวฏั จักร ชวี ติ ของพืชดอก คำชแี้ จง พิจารณาภาพสว่ นประกอบของพืชดอก แลว้ ตอบคาถาม ............................... ............................... ทำหนา้ ท่ี................... ทำหนา้ ท.่ี .................. ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ทำหนา้ ท่ี................... ทำหนา้ ท.่ี .................. ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ...............................
ช่ือ ชนั้ เลขท่ี 10 เร่อื ง วัฏจักรกำรดำรงชวี ิตของพชื ดอก (1) ตวั ชวี้ ัด ว 1.2 ป.2/3 สรา้ งแบบจาลองทบี่ รรยายวัฏจกั ร ชวี ิตของพืชดอก คำชี้แจง ศกึ ษาวัฏจักรการดารงชวี ิตของพชื ดอก แล้วนาขอ้ ความตอ่ ไปนเ้ี ตมิ ลงในชอ่ งวา่ งใหส้ มบูรณ์ 1....................... 3....................... 2....................... เรยี งลาดบั การงอกของเมลด็ ใหถ้ กู ต้อง
ช่ือ ช้ัน เลขที่ 10 เรื่อง วฏั จกั รกำรดำรงชวี ติ ของพืชดอก (2) ตวั ชวี้ ัด ว 1.2 ป.2/3 สรา้ งแบบจาลองท่ีบรรยายวฏั จักร ชีวิตของพืชดอก คำช้ีแจง ให้นักเรียนวาดแผนภาพวัฏจกั รการดารงชวี ิตของพชื ดอกทนี่ กั เรยี นรูจ้ ัก 1 ชนดิ แผนภาพวฏั จักรของ.................................
ช่ือ ช้ัน เลขท่ี 10 เรอื่ ง วัฏจกั รกำรดำรงชีวติ ของพืชดอก (3) ตัวช้ีวัด ว 1.2 ป.2/3 สร้างแบบจาลองทบ่ี รรยายวฏั จักรชีวิตของพชื ดอก คำชี้แจง เลอื กข้อความต่อไปนี้ เติมลงในช่องวา่ งให้สมบรู ณ์ พืชดอกมีการเปล่ียนแปลงในขณะเจริญเติบโตอย่างไร เมลด็ ราก ตน้ กลา้ ผล ดอก ใบ ขณะทพ่ี ชื ดอกเจริญเตบิ โตมกี ารเปลี่ยนแปลงโดย ....................จะงอก และเจริญเติบโตเป็น................. ซ่ึงจะเจริญเติบโตต่อไปจนมี.........................เม่ือดอก มีการสืบพันธุ์ จะทำให้เกิดเป็น ................ และ มี.........................อยู่ในผล เมื่อผลเจริญเติบโตเต็มท่ี ก็จะตกจากต้น และ.........................จะงอก และ เจริญเตบิ โตต่อไป วธิ กี ารดแู ลพืชให้เจรญิ เติบโตทาได้อยา่ งไร รดนา้ มีแสง ไมร่ ดนา้ ไม่มแี สง วิธีการดูแลให้พืชดอกเจริญเติบโตทำได้โดย.................. และปลกู พชื ในบรเิ วณที่มี.......................
ดิน เป็นทรัพยากรท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ ท่ีปกคลุมผิวโลก ซ่ึงเกิดจากการผุพัง และสลายตัวของหิน หรอื ตะกอน แรธ่ าตุต่างๆ ผสมคลุกเคลา้ กับซากพืช ซากสัตว์ท่ี เ1.นา่ เกปลมุ่อื พยืช และทับถมกนั เปน็ เวลานานจงึ ทำให้เกิดดิน ซากพชื ซากสตั ว์ ดนิ หินและแร่ตา่ งๆ เนา่ เปอื่ ย ผพุ ังและ ย่อยสลาย สลายตวั อนิ ทรียวัตถุ ผสม อนนิ ทรยี วัตถุ (ฮิวมัส) คลกุ เคล้า และ (วตั ถตุ ้นกาเนดิ ดนิ ) ทบั ถมกนั เป็นเวลานาน แผนภาพแสดงกระบวนการเกิดดนิ
1. กลุม่ พืช 1. ซากพืช ซากสตั ว์ (อนิ ทรยี วัตถุ) เ กิ ด จ า ก ซ า ก พื ช ซ า ก สั ต ว์ ท่ี เ น ่ า เ ป ื ่ อ ย ( ฮิ ว มั ส ) ทั บ ถ ม กั น เป็นแหล่งกำเนิดธาตุอาหารซึ่งเป็น อาหารของพชื 2. น้า น้ามาจากน้าฝนที่ตกลงมา บนผิวดินหรือน้าจากใต้ดินแทรก อยู่ในส่วนที่เป็นช่องว่างระหว่าง เมด็ ดิน
3. อากาศ 1. กลุ่มพืช อากาศแทรกอยู่ตามช่องว่าง ระหว่างเม็ดดิน ในส่วนท่ีไม่มีน้า ซ่ึงเรยี กวา่ ความพรุนของดนิ 4. เศษหนิ และแร่ (อนนิ ทรยี วตั ถุ) เกิดจากการสลายตัวของหิน หรือแร่ธาตุต่างๆโดยการผุพงั ฮวิ มสั คืออะไร ซากพืช ซากสัตว์ที่ถูกย่อยสลาย โดยจุลินทรีย์ท่ีอยู่ภายในดิน มีลักษณะ คล้ายวุ้นสีดำ ดินท่ีมีฮิวมัสปะปนอยู่มาก จะมีสีเข้มและมีธาตุอาหารมาก
เราสามารถนำลักษณะของเนื้อดินและการจับตัวกัน เป็นกอ้ นมาจำแนกประเภทของดนิ ได้ 3 ชนดิ 1. กลุ่มพืช ดินเหนียว มีเนื้อดินละเอียด เม็ ดดินมี ขนาด เล็กมาก มีช่องว่างระหว่างดินน้อย จับ ตัว เป็นกอ้ นได้ดี อ้มุ นา้ ไดด้ นี า้ ซมึ ผา่ นได้ยาก ดินร่วน เนื้อดินละเอียดกว่าดินทราย เม็ดดิน มี ข น า ด เ ล็ ก มี ช ่ อ ง ว ่ า ง ร ะ ห ว ่ า ง ดิ น น ้ อ ย จับตัวเป็นก ้อนแต่ไ ม่แน่น ม าก อุ้ม น้าไ ด้ ปานกลาง นา้ ซมึ ผ่านได้งา่ ย ดินทราย เนื้อดินหยาบ เม็ดดินมีขนาดใหญ่ มีช่องว่างระหว่างดินมาก ไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่อุ้มน้า นา้ ซึมผา่ นไดง้ า่ ย
ช่ือ ชนั้ เลขที่ 10 เรอ่ื ง ส่วนประกอบของดนิ ตวั ชีว้ ดั ว 3.2 ป.2/1 ระบสุ ว่ นประกอบของดิน และจาแนกชนิดของดนิ โดยใช้ลกั ษณะเนื้อดนิ และการจบั ตวั เป็นเกณฑ์ คำช้แี จง ให้นักเรียนระบายสีลงในรูปภาพท่ีเป็นสว่ นประกอบของดิน ซากพืช อากาศ พลาสติก ไสเ้ ดอื น ปยุ๋ ซากสตั ว์ ขยะ กระดาษ เศษหนิ นา้
ช่ือ ชัน้ เลขที่ 10 เร่ือง ลกั ษณะทำงกำยภำพของดิน (1) ตัวช้วี ดั ว 3.2 ป.2/1 ระบุส่วนประกอบของดิน และจาแนกชนิดของดิน โดยใช้ลกั ษณะเนื้อดนิ และการจบั ตวั เปน็ เกณฑ์ คำชแี้ จง ให้นักเรยี นเขยี นแผนภาพความคิดเรือ่ ง ลักษณะทางกายภาพของดนิ ดินรว่ น ดนิ เหนียว ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ดินทราย ............................ ............................ ............................ ............................
ช่ือ ชัน้ เลขท่ี 10 เรื่อง ลักษณะทำงกำยภำพของดนิ (2) ตวั ช้ีวัด ว 3.2 ป.2/1 ระบุสว่ นประกอบของดิน และจาแนกชนดิ ของดนิ โดยใช้ลักษณะเนื้อดนิ และการจับตัวเปน็ เกณฑ์ คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนนาขอ้ ความลักษณะของดินต่อไปนีเ้ ติมลงในช่องดา้ นล่างใหถ้ ูกต้อง สีดำ สนี า้ ตาลเข้ม เนื้อดินหยาบ เนอื้ ดนิ ละเอียด สีน้าตาล อุ้มนา้ ได้ดี จับตวั เปน็ กอ้ นแต่ไม่แนน่ มาก ไม่อมุ้ นา้ อมุ้ นา้ ไดน้ อ้ ย จับตวั เปน็ กอ้ นไดด้ ี ไมจ่ บั ตัวเป็นก้อน เน้ือละเอยี ดกว่าดินทราย ดินเหนยี ว ดนิ ร่วน ดนิ ทราย .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... .................... ....................
ช่ือ ช้ัน เลขท่ี 10 เรอื่ ง ประโยชนข์ องดนิ (1) ตวั ชวี้ ัด ว 3.2 ป.2/2 อธบิ ายการใช้ประโยชนจ์ ากดนิ จากข้อมูลทีร่ วบรวมได้ คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนรวบรวมขอ้ มลู แล้วเขยี นแผนภาพความคดิ เร่ือง ประโยชนข์ องดิน ดนิ ร่วน ............................ ............................ ............................ ............................ ดนิ ทราย ดนิ เหนยี ว ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................
ช่ือ ชน้ั เลขท่ี 10 เร่ือง กำรใชป้ ระโยชนข์ องดิน (2) ตัวช้วี ดั ว 3.2 ป.2/2 อธบิ ายการใชป้ ระโยชนจ์ ากดนิ จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ คำชี้แจง พิจารณาภาพต่อไปนีว้ า่ เป็นการใช้ประโยชน์จากดินชนดิ ใด และเพราะเหตุใดจึงเลอื กใช้ ดนิ ชนดิ น้นั ให้เหตผุ ลประกอบ 1. ภาพนีค้ ือ................................... เป็นการใช้ประโยชนจ์ ากดนิ ชนิดใด ............................................... เพราะ....................................... ............................................... 2. ภาพนค้ี ือ................................... เปน็ การใช้ประโยชนจ์ ากดนิ ชนิดใด ............................................... เพราะ....................................... ............................................... 3. ภาพนี้คือ................................... เป็นการใช้ประโยชน์จากดนิ ชนิดใด ............................................... เพราะ....................................... ...............................................
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: