กจิ กรรมรกั กำรอำ่ น ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 2 เรอื่ งท่ี 1 แหลง่ ทม่ี ำ : มำนพ ใสจงู . เอกสำรประกอบกำรสอนวิทยำศำสตร์. กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ ผ้เู ขยี น : นำยมำนพ ใสจงู ทำหน้ำท่ีห่อหุ้มไซโทพลำซึม แสดงขอบเขตของเซลล์ และช่วยควบคุม กำรเข้ำ-ออกของสำรต่ำงๆ ระหว่ำงเซลล์กับสิ่งแวดล้อม โดยมีคุณสมบัติ เป็นเยือ่ เลอื กผ่ำน มีหน้ำท่ี ทำลำยเชื้อโรคและส่ิง มีหน้ำที่ทำให้โครมำทิดแยกออก มี 2 แบบ แ ป ล ก ป ล อ ม ท่ี เข้ ำสู่ ร่ำงก ำย จำกกันในระหว่ำงกำรแบ่งเซลล์ 1. แบบเรียบ (SER) ทำหน้ำที่ น อ ก จ ำ ก นั้ น ยั ง ท ำ ล ำ ย พบเฉพำะในเซลล์สัตว์ ออรแ์ กเนลลท์ ่เี สือ่ มสภำพดว้ ย ก ำ จั ด ส ำ ร พิ ษ แ ล ะ สั ง เค ร ำ ะ ห์ ส ำ ร จำพวกสเตอรอยด์ 2. แบบขรุขระ (RER) ทำหน้ำท่ี ลำเลียงโปรตนี ไปยงั กอลจบิ อดี มีหน้ำท่ีควบคุมกิจกรรมต่ำงๆ ของเซลล์และควบคุมกำรถ่ำยทอดลักษณะต่ำงๆ ทำงพันธุกรรมของสิง่ มชี ีวติ
มหี นำ้ ท่เี พิ่มควำมแข็งแรงให้แกเ่ ซลล์ ทำให้เซลล์คงรูปอยไู่ ด้ มีลกั ษณะเป็นถุงกลมแบนขนำดใหญ่ กระจำยตัวอยู่ท่ัวไปอย่ำงอิสระ และ เป็นแหล่งสร้ำงพลังงำนให้แก่เซลล์ ซ่ึงบริเวณ ขอบ จะโป่งพ องออก เกำะอยู่บนเอนโดพลำสมิกเรติคิวลัม มีเยอื่ ห้มุ 2 ชั้น แต่ละถุงจะเรียงซ้อนกันเป็นช้ันๆ ทำหนำ้ ทส่ี ร้ำงโปรตีน ทำหน้ำที่เติมคำร์โบไฮเดรตให้กับ โป ร ตี น แ ล ะ ลิ พิ ด ท่ี ถู ก ส่ ง ม ำ จ ำ ก 8 เอนโดพลำสมกิ เรตคิ วิ ลัม เปน็ ถุงมีเยื่อหุ้มชั้นเดียวและภำยในจะมี เป็นรงควัตถุสีเขียว มีเย่ือหุ้ม 2 ชั้น สำรต่ำงๆ บรรจอุ ยู่ พบในเซลล์พชื ทำหน้ำที่สรำ้ งอำหำรใหแ้ ก่เซลลพ์ ืช - เยอื่ หมุ้ นวิ เคลยี ส (nuclear membrane) นวิ คลโี อลัส (nucleolus) ประกอบด้วยโปรตีนและ RNA มีหน้ำท่ีสังเครำะห์ เป็นเยือ่ 2 ชั้นเรยี งซ้อนกนั บริเวณโดยรอบมชี ่องเลก็ ๆ ไรโบโซม เรยี ก นวิ เคลียร์พอร์ นวิ เคลยี ร์พอร์ - เส้นโครมำทิน เป็นเส้นใยเล็กๆ พันกันเป็นร่ำงแห นวิ คลโี อลสั เยือ่ ห้มุ ชนั้ นอก ใน ข ณ ะ ที่ มี ก ำ ร แ บ่ ง เซ ล ล์ โค ร ม ำ ทิ น จ ะ ห ด ตั ว ส้ั น ล ง นวิ คลโี อพลำซึมเยอ่ื หุ้มชนั้ ใน มลี ักษณะเปน็ แทง่ เรยี กว่ำ โครโมโซม
กจิ กรรมรกั กำรอำ่ น ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 2 เรอ่ื งที่ 2 แหลง่ ทม่ี ำ : มำนพ ใสจูง. เอกสำรประกอบกำรสอนวิทยำศำสตร์. กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ผเู้ ขยี น : นำยมำนพ ใสจงู 1. ปัจจัยในกำรสังเครำะห์ด้วยแสงของพืช 1) แสง เป็นพลังงำนท่ีมีบทบำทสำคัญ ต่ อ ก ร ะ บ ว น ก ำ ร สั ง เค ร ำ ะ ห์ ด้ ว ย แ ส ง ข อ ง พื ช โ ด ย ท ำ ใ ห้ เกิ ด ป ฏิ กิ ริ ย ำ เค มี ร ะ ห ว่ ำ ง แก๊สคำรบ์ อนไดออกไซดแ์ ละนำ้ 2) แก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็น แก๊สท่ีเกิดจำกกำรหำยใจของพืชและสัตว์ ซึ่งจะ ให้ธำตุคำร์บอน (C) แก่พืช เพื่อนำไปใช้สร้ำง สำรประกอบคำร์โบไฮเดรต 3) น้ำ (H2O) เป็นวัตถุดิบท่ีพืชดูดซึม จำกดิน โดยอำศัยกำรออสโมซิสของน้ำจำกดิน เข้ำสู่รำกและส่งไปยังส่วนต่ำงๆ ของพืชผ่ำนท่อ ไซเล็ม ซึ่งน้ำจะให้ธำตุไฮโดรเจน (H) และธำตุ ออกซิเจน (O) แก่พืช และเมื่อรวมกับธำตุ คำร์บอนจำกแก๊สคำร์บอนไดออกไซด์จะได้เป็น สำรประกอบคำร์โบไฮเดรต 4) คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) เป็น ร ง ค วั ต ถุ ท่ี พ บ ใน ค ล อ โร พ ล ำ ส ต์ ข อ ง เซ ล ล์ พื ช ทำหน้ำที่ดูดกลืนพลังงำนแสงสีจำกแสงแดด ซ่ึงคลอโรฟิลล์เป็นโปรตีนท่ีมีธำตุแมกนีเซียม เหล็ก และแมงกำนีสเป็นองค์ประกอบภำยใน โมเลกลุ
3. ผลผลติ จำกกระบวนกำรสงั เครำะหด์ ว้ ยแสงของพชื 1) น้ำตำลกลูโคส (C6H12O6) เป็นน้ำตำลที่สังเครำะห์ ข้ึนจำกกระบวนกำรสงั เครำะห์ด้วยแสง ซึ่งน้ำตำลบำงส่วนถูก นำไปใชใ้ นกระบวนกำรหำยใจของพชื เพื่อเปล่ยี นเปน็ พลงั งำน นำ้ ตำลส่วนที่เหลือจะถูกเปลีย่ นเป็นแป้งและเก็บสะสมไว้ท่ใี บ ลำต้น และรำกของพืช และนำไปใช้สร้ำงเซลลูโลส ซ่ึงเป็น ส่วนประกอบของผนังเซลล์ของพืช นอกจำกน้ัน น้ำตำล บ ำ ง ส่ ว น จ ะ ร ว ม กั บ แ ร่ ธ ำ ตุ ใ น เซ ล ล์ พื ช แ ล้ ว เป ลี่ ย น เป็ น สำรประกอบอน่ื ๆ เช่น โปรตนี ไขมัน เปน็ ตน้ 2) แกส๊ ออกซเิ จน (O2) เปน็ แกส๊ ที่ไดจ้ ำกกระบวนกำร แสหบังำบเยคฝใรจกึ ำขทะอหกั ง์ดษพ้วะืชยทแเมี่ ส4่ืองขแกอ๊งสพอืชอกแซลิเะจถนูกรนวมำไกปับในช้้ใำนตกำลระกบลวูโคนสกจำะร เปลี่ยนเป็นพลังงำนให้แก่เซลล์พืช เพ่ือนำไปใช้ในกิจกรรม ต่ำงๆ ภำยในเซลล์ ส่วนแก๊สออกซิเจนที่มำกเกินควำม ต้องกำร พืชจะคำยออกมำทำงปำกใบ เพ่ือใช้ในกำรหำยใจ ของสตั ว์ต่ำงๆ ต่อไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: