งานทศั นศลิ ป์
ก คำนำ E-book เลม่ นจ้ี ดั ทำข้นึ เพ่ือเปน็ ส่วนหนึง่ ของรายวิชาศิลปะ (ทศั นศิลป)์ ศ23101 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 มาทำเป็น E-book เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนสามารถพกสอื่ การเรียนร้นู ไี้ ปอ่านหรือ ทำความเข้าใจไดส้ ะดวกสบายกวา่ การพกหนังสอื เรยี นหนักๆไปเรียนที่โรงเรียน ผจู้ ดั ทำหวังวา่ E-book เล่มนี้จะเปน็ ประโยชนต์ ่อผู้ท่ีสนใจหรอื ต้องการศึกษาหาความรู้ หรอื ทำความเข้าใจเกี่ยวกับงานทศั นศิลป์ คณะผ้จู ัดทำ 12 มกราคม 2565
สารบญั ข คำนำ หนา้ สารบัญ ก 1.ทัศนธาตใุ นสงิ่ แวดล้อม ข 1 1.1 จดุ 1 1.2 เส้น 1 1.3 รปู ร่างและรปู ทรง 1 1.4 ขนาดและสดั ส่วน 1 1.5 แสงเงา 2 1.6 สี 2 1.7 ท่ีวา่ ง 2 1.8 พนื้ ผวิ 2 2.หลักการออกแบบส่ิงแวดลอ้ มและทัศนศิลป์ 2 2.1 ความเปน็ เอกภาพ 2-3 2.2 ความสมดลุ 3-4 2.3 จดุ เดน่ 5 2.4 ความกลมกลืน 5 2.5 ความขดั แยง้ 5-6 3.หลกั การสร้างงานทศั นศลิ ป์ 6 3.1 เทคนคิ วธิ ีการสร้างสรรคง์ านจติ รกรรม 6-9 3.2 เทคนิควธิ สี ร้างงานภาพพมิ พ์ 9-10 3.3 เทคนคิ สร้างสรรคง์ านประตมิ ากรรม 11 3.4 เทคนคิ วธิ กี ารสรา้ งสรรค์งานสอื่ ผสม 12 4.ศลิ ปะสื่อผสม 12
สารบัญ ข 5.ทศั นศิลปก์ บั งานอาชีพ หนา้ 5.1 จิตรกร 12 5.2 ประตมิ ากร 12 5.3 สถาปนิก 13 5.4 มัณฑนากร 13 5.5 นักออกเเบบผลิตภณั ฑ์ 13 5.6 นักเขียนการต์ นู 14 14 บรรณานกุ รม 15 คณะผู้จัดทำ 16
1 1.ทัศนธาตุในส่งิ แวดล้อม 1.1 จดุ ภาพจาก https://preede.wordpress.com/2011/09/16/ 1.2 เสน้ ภาพจาก https://preede.wordpress.com/2011/09/16/ 1.3 รปู ร่างและรปู ทรง ภาพจาก https://preede.wordpress.com/2011/09/16/ 1.4 ขนาดและสดั สว่ น ภาพจาก https://sites.google.com/site/site56009/home/--khan-txn-kar-wad- rup?tmpl=%2Fsystem%2Fapp%2Ftemplates%2Fprint%2F&showPrintDialog= 1
2 1.5 แสงเงา ภาพจาก https://preede.wordpress.com/2011/09/16/ 1.6 สี ภาพจาก https://preede.wordpress.com/2011/09/16/ 1.7 ทว่ี ่าง ภาพจาก https://preede.wordpress.com/2011/09/16/ 1.8 พื้นผวิ ภาพจาก https://preede.wordpress.com/2011/09/16/ 2.หลกั การออกแบบสิ่งแวดล้อมและทศั นศิลป์ 2.1 ความเปน็ เอกภาพ : หมายถึง ความเปน็ อนั หน่ึงอันเดียวกนั ขององค์ประกอบศิลปท์ ง้ั ดา้ น รูปลักษณะและดา้ นเนือ้ หาเรื่องราว เป็นการประสานหรอื จดั ระเบียบของส่วนตา่ ง ๆใหเ้ กิดความ เป็น หนึ่งเดียว เพอ่ื ผลรวมอนั ไม่อาจแบ่งแยกส่วนใดสว่ นหน่งึ ออกไป การสร้างงานศลิ ปะ คอื การ สร้างเอกภาพขึ้นจากความสบั สน ความยุ่งเหยิง เป็นการจัดระเบยี บ และดลุ ยภาพ ใหแ้ ก่สิง่ ท่ี ขัดแยง้ กนั เพอื่ ให้รวมตวั กนั ได้ โดยการเช่อื มโยงส่วนตา่ ง ๆให้สมั พนั ธก์ นั เอกภาพของงานศลิ ปะ มี อยู่ 2 ประการ คอื
3 1. เอกภาพของการแสดงออก หมายถงึ การแสดงออกทมี ีจุดมุง่ หมายเดียว แนน่ อน และมี ความเรียบง่าย งานชิน้ เดียวจะแสดงออกหลายความคิด หลายอารมณไ์ ม่ได้ จะทำให้สับสน ขาด เอกภาพ และการแสดงออกดว้ ยลกั ษณะเฉพาตัวของศิลปนิ แตล่ ะคน กส็ ามารถทำให้ เกดิ เอกภาพ แก่ผลงานได้ ภาพจาก https://krittayakorn.wordpress.com/2013/03/20/unity/ 2. เอกภาพของรูปทรง คอื การรวมตวั กันอยา่ งมีดุลยภาพ และมรี ะเบียบของ องคป์ ระกอบ ทางศิลปะ เพอื่ ให้เกิดเปน็ รูปทรงหนึ่ง ทสี่ ามารถแสดงความคิดเห็นหรืออารมณข์ อง ศลิ ปนิ ออกไดอ้ ย่างชัดเจน เอกภาพของรปู ทรง เปน็ ส่งิ ทีส่ ำคญั ท่ีสุดตอ่ ความงามของผลงานศิลปะ เพราะเปน็ สิง่ ทศ่ี ลิ ปินใชเ้ ป็นสื่อในการแสดงออกถงึ เรื่องราว ความคิด และอารมณ์ ดังนน้ั กฎเกณฑ์ ในการสร้างเอกภาพในงานศิลปะเปน็ กฎเกณฑ์เดยี วกันกับธรรมชาติ ภาพจาก https://krittayakorn.wordpress.com/2013/03/20/unity/ 2.2 ความสมดลุ : ความสมดลุ หรือ ดุลยภาพ (Balance) หมายถงึ นำ้ หนกั ที่เทา่ กนั ของ องค์ประกอบ ไมเ่ อนเอียงไปข้างใดขา้ งหนึ่ง ในทางศิลปะยงั รวมถึงความประสานกลมกลนื ความ พอเหมาะพอดีของ ส่วนต่าง ๆ ในรูปทรงหน่งึ หรอื งานศลิ ปะชิ้นหน่ึง การจัดวางองค์ประกอบตา่ ง ๆ ลงใน งานศิลปกรรมนั้นจะตอ้ งคำนงึ ถึงจุดศนู ย์ถว่ ง ในธรรมชาตนิ ั้น ทุกส่ิงสิ่งทท่ี รงตวั อยู่ได้โดย ไมล่ ้มเพราะมนี ้ำหนักเฉล่ียเท่ากนั ทุกด้าน ฉะนนั้ ในงานศลิ ปะถา้ มองดูแลว้ รสู้ ึกว่าบางส่วนหนกั ไป แน่นไป หรือ เบา บางไปกจ็ ะทำให้ภาพนัน้ ดเู อนเอยี ง และเกดิ ความ รู้สึกไม่สมดุล เปน็ การ บกพร่องทางความงาม ดุลยภาพในงานศิลปะ มี 2 ลักษณะ คือ
4 1. ดุลยภาพแบบสมมาตร (Symmetry Balance) หรือ ความสมดุลแบบซ้ายขวาเหมือนกัน คอื การวางรูปท้งั สองข้างของแกนสมดลุ เปน็ การสมดลุ แบบธรรมชาติลักษณะแบบน้ใี น ทางศลิ ปะมี ใช้นอ้ ย สว่ นมากจะใชใ้ นลวดลายตกแตง่ ในงานสถาปัตยกรรมบางแบบ หรอื ในงานท่ตี ้องการ ดลุ ยภาพทน่ี ง่ิ และมัน่ คงจริง ๆ ภาพจาก https://makamstories.com/symmetry/ 2. ดลุ ยภาพแบบอสมมาตร (Asymmetry Balance) หรอื ความสมดุลแบบซา้ ยขวาไมเ่ หมือน กนั มกั เป็นการสมดุลท่ีเกดิ จาการจดั ใหม่ของมนษุ ย์ ซึ่งมลี กั ษณะที่ทางซา้ ยและขวาจะไม่ เหมือนกนั ใช้องคป์ ระกอบท่ไี ม่เหมือนกัน แต่มีความสมดลุ กัน อาจเปน็ ความสมดุลดว้ ย นำ้ หนกั ขององคป์ ระกอบ หรอื สมดุลด้วยความรู้สึกก็ได้ การจดั องคป์ ระกอบใหเ้ กิดความ สมดุลแบบ อสมมาตรอาจทำได้โดย เลอ่ื นแกนสมดุลไปทางดา้ นที่มนี ำ้ หนักมากวา่ หรอื เล่ือนรูปท่ีมนี ำ้ หนกั มา กว่าเข้าหาแกน จะทำใหเ้ กิดความสมดุลข้ึน หรอื ใช้หน่วยท่ีมขี นาดเล็กแตม่ รี ูปลักษณะทน่ี ่าสนใจ ถว่ งดุลกับรูปลักษณะทม่ี ขี นาดใหญ่แตม่ ีรปู แบบธรรมดา ภาพจาก https://sites.google.com/site/littlebee283/phl-ngan-phakh-brryay/ngan-chin-thi-3
5 2.3 จดุ เดน่ : หมายถึง การกระทำให้เดน่ เป็นพิเศษกว่าธรรมดา ในงานศิลปะจะตอ้ งมี สว่ นใดส่วน หนึ่ง หรือจุดใดจุดหนง่ึ ท่ีมคี วามสำคัญกว่าสว่ นอนื่ ๆ เป็นประธานอยู่ ถ้าสว่ นนน้ั ๆ อยูป่ ะปนกับ สว่ นอื่น ๆ และมลี ักษณะเหมอื น ๆ กัน กอ็ าจถกู กลืน หรือ ถกู สว่ นอืน่ ๆทีม่ ีความสำคัญน้อยกว่า บดบงั หรือแยง่ ความสำคัญ ความนา่ สนใจไปเสีย งานที่ไมม่ จี ุดสนใจ หรือประธาน จะทำให้ดูน่า เบ่ือ เหมือนกับลวดลายท่ีถกู จดั วางซำ้ กนั โดยปราศจากความหมาย หรือเร่อื งราวที่น่าสนใจดงั นน้ั สว่ นน้ันจึงตอ้ งถูกเน้น ให้เห็นเดน่ ชัดขนึ้ มา เปน็ พิเศษกว่าส่วนอนื่ ๆ ซึง่ จะทำให้ผลงานมคี วามงาม สมบรู ณ์ ลงตัว และน่าสนใจมากขึ้น ภาพจาก http://netchanok012.blogspot.com/p/blog-page_85.html 2.4 ความกลมกลืน : คอื การทำใหเ้ กดิ ความกลมกลืน ใหส้ ง่ิ ตา่ ง ๆ เข้ากนั ไดอ้ ย่างสนทิ เป็นการ สรา้ งเอกภาพจากการรวมตัวของสง่ิ ที่เหมอื นกันเข้าดว้ ยกนั ภาพจาก http://www.phuketvc.ac.th/download/61/chapter308052561.pdf 2.5 ความขัดแยง้ : การขดั แยง้ ขององคป์ ระกอบทางศลิ ปะแตล่ ะชนดิ และรวมถงึ การขัดแย้งกัน ขององค์ประกอบตา่ งชนดิ กันดว้ ย คือ 2.5.1 การขัดแย้งของขนาด ภาพจาก https://sites.google.com/site/littlebee283/phl-ngan-phakh-brryay/ngan-chin-thi-3
6 2.5.2 การขัดแยง้ ของทศิ ทาง ภาพจาก http://www.trangis.com/somjaiart/e1_3_15.php 2.5.3 การขัดแย้งของท่ีว่างหรือจงั หวะ ภาพจาก https://themomentum.co/resistance-art-1/ 3.หลักการสรา้ งงานทศั นศิลป์ 3.1 เทคนคิ วิธกี ารสร้างสรรค์งานจติ รกรรม 3.1.1 การวาดเสน้ : การใช้เทคนิควธิ ีการต่างๆในการสร้างสรรค์ผลงานด้วยวัสดุสำเรจ็ รูปท่ี มปี ลายค่อนขา้ งแหลม เช่น ดินสอ สชี อลค์ ปากกา พู่กัน เปน็ ตน้ ภาพจาก https://www.intouchstation.com/article/ep-1-line/ 3.1.2 การระบายสี : การใช้เทคนิคในการสร้างสรรคผ์ ลงานดว้ ยการระบายสีลงบนพน้ื กระดาษและใช้วัสดอุ ุปกรณ์ต่างๆ เชน่ พกู่ ัน แปรง ชอ็ ค เกรียง เปน็ ต้น -เทคนิคสนี ำ้ : สีน้ำมีลักษณะโปรง่ ใสและใชผ้ สมกับน้ำในการระบายสีภาพกระดาษ ท่ีเหมาะกับการระบายสนี ้ำคอื กระดาษวาดเขยี นสขี าว 100 ปอนด์ขน้ึ ไปซึ่งนยิ มใชแ้ บบผิวขรขุ ระและไม่เปน็ มนั มีวธิ รี ะบาย 4 เเบบคือ
7 -ระบายแบบเปียกบนเปียก คอื การระบายน้ำบนกระดาษวาดเขียนกอ่ น แล้วจึงระบายสตี าม แบง่ เป็น ภาพจาก หนงั สือเรียนรายวชิ า ทัศนศิลป์ ม.3 -การระบายสีนำ้ แบบเปยี กบนแหง้ คือ การระบายสีท่ีเปียกลงบนกระดาษ วาดเขยี นทแี่ หง้ เเละระบายสตี าม ภาพจาก หนังสอื เรยี นรายวิชา ทศั นศิลป์ ม.3 -การระบายสีนำ้ แบบแหง้ บนแห้ง คอื การใช้พ่กู ันและสที คี่ ่อนข้างแหง้ ระบายลงบนกระดาษทแ่ี ห้งสนิท ภาพจาก หนังสอื เรียนรายวชิ า ทศั นศิลป์ ม.3
8 -การระบายสนี ้ำแบบใชเ้ ทคนิคตา่ งๆ คอื การเตรียมการลว่ งหน้าเพื่อให้ พืน้ ทีผ่ วิ ของกระดาษท่จี ะระบายสีมลี กั ษณะท่เี ปลีย่ นแปลงไปจากสภาพ เดิมและเป็นการเฉพาะจุดตา่ งๆเขา้ ช่วยในการระบายสี ภาพจาก หนงั สือเรียนรายวิชา ทัศนศลิ ป์ ม.3 -เทคนคิ สีชอลก์ : การใชส้ ีชอล์คระบายลงไปในกระดาษโดยจะให้ภาพท่ีคลา้ ยกับ เทคนคิ สนี ำ้ มัน ภาพจาก หนงั สือเรยี นรายวชิ า ทศั นศิลป์ ม.3 -เทคนคิ สน้ำมนั : จะมีสว่ นผสมกับน้ำมนั ลินสดี ซึ่งมีคณุ สมบตั เิ หนียว ขน้ มเี เรงยึด เกาะสงู จงึ สามารถระบายบนพื้นระนาบหลายชนดิ ได้ เช่น แผ่นไม้ แผน่ หนิ กระจก แผ่นหนงั ภาพจาก หนังสือเรยี นรายวิชา ทัศนศลิ ป์ ม.3
9 -เทคนคิ สอี ะคริลิค : เปน็ สีสังเคราะห์มีส่วนผสมของสแี ละเรซนิ สงั เคราะห์สามารถ ละลายนำ้ ไดแ้ ละสามารถระบายด้วยแปรง พกู่ ันและวสั ดอุ ืน่ ได้ เชน่ ฟองนำ้ ลกู กลง้ิ เกรียง ภาพจาก หนังสอื เรียนรายวิชา ทศั นศลิ ป์ ม.3 3.2 เทคนิควิธสี ร้างงานภาพพิมพ์ 3.2.1 การพมิ พภ์ าพโดยใช้แม่พิมพ์ทห่ี าได้มาพิมพ์โดยตรง เช่น แมพ่ มิ พท์ ี่ไดจ้ าก ธรรมชาติไม่วา่ จะเปน็ สว่ นต่างๆของพชื สัตว์ เป็นตน้ ภาพจาก หนังสือเรยี นรายวิชา ทศั นศลิ ป์ ม.3 3.2.2 การพิมพ์ภาพโดยการสร้างสรรคห์ รอื ประดษิ ฐ์แม่พมิ พค์ อื การพิมพล์ กั ษณะนคี้ ่อนข้างมี ความยุง่ ยากเพราะตอ้ งมกี ารออกแบบแม่พมิ พ์แลว้ จงึ นำมาพมิ พ์ได้ ภาพจาก หนงั สอื เรยี นรายวชิ า ทัศนศลิ ป์ ม.3
10 3.2.3 เทคนิคภาพพิมพโ์ ลหะ คือ การพมิ พโ์ ดยนำโลหะมาเปน็ แมพ่ มิ พ์โดยรปู บนโลหะ ภาพจาก หนงั สอื เรยี นรายวชิ า ทัศนศลิ ป์ ม.3 3.2.4 เทคนคิ ภาพพมิ พห์ ิน คือ การใช้แผน่ หนิ ขดั ให้เรยี บเป็นแบบแมพ่ ิมพแ์ ละสร้างภาพ โดยจะใช้ไขสตั ว์หรอื เทยี นไขเขียนเป็นภาพท่ีตอ้ งการบนแผ่นหินและใช้น้ำกรดเจอื จางลง บนผวิ หินทไี่ ม่ไดถ้ ูกเขยี นดว้ ยไขสตั วห์ รือเทยี นไขออกจนเกดิ เป็นร่องลกึ ภาพจาก หนังสอื เรยี นรายวชิ า ทศั นศิลป์ ม.3 3.2.5 เทคนคิ ภาพพิมพต์ ะแกรงไหม คือ จะมีลกั ษณะคล้ายกับการพมิ พฉ์ ลุเปน็ การพิมพ์ โดยใหส้ ผี า่ นผ้าไหมทข่ี ึงในกรอบไม้ลงบนพืน้ ท่ีรองรบั ภาพจาก หนงั สอื เรียนรายวชิ า ทศั นศิลป์ ม.3
11 3.3 เทคนิคสรา้ งสรรค์งานประตมิ ากรรม 3.3.1 การปน้ั : เป็นการสร้างสรรค์งานประตมิ ากรรมโดยใชก้ ารพอกหรือเพิม่ วัสดุทีม่ ี เน้ืออ่อนเช่นดินเหนียวดินน้ำมนั ขีผ้ ึ้ง เป็นต้น แล้วนำมาปั้นใหเ้ ป็นรูปทรงตามท่ีต้องการ ภาพจาก หนังสอื เรยี นรายวิชา ทศั นศลิ ป์ ม.3 3.3.2 การแกะสลัก : เปน็ การสร้างงานประตมิ ากรรมรปู วัสดทุ มี่ ีเนื้อไม่แขง็ มาก เช่น ไม้ ศิลาแลง เทียนไข ปนู ปลาสเตอร์ สบู่ ผักและผลไม้ เป็นตน้ โดยใช้ส่วิ หรือ คอ้ นในการ เล่อื นเป็นเคร่อื งมือชว่ ยในการแกะสลัก ภาพจาก หนังสือเรยี นรายวชิ า ทัศนศิลป์ ม.3 3.3.3 การหลอ่ : เป็นการสรา้ งงานประติมากรรมเพื่อเกบ็ รกั ษาความเป็นแบบของผลงานไว้ไม่ให้ ชำรุดเสียหาย สามารถทำได้หลายวธิ ี เชน่ การหลอ่ แบบจากแมพ่ ิมพท์ บุ หรือการหลอ่ แบบจาก แมพ่ ิมพ์ชิน้ เปน็ ตน้ ภาพจาก หนงั สือเรยี นรายวชิ า ทัศนศิลป์ ม.3
12 3.3.4 เทคนิควธิ กี ารสร้างสรรค์งานสือ่ ผสม คอื เป็นการใช้วัสดตุ ่างๆมาประกอบกันเข้าเปน็ องค์ประกอบภาพดว้ ยการใชเ้ ทคนคิ การสร้างสรรคง์ านทางศลิ ปะหลายประเภทมาผสมกัน ในผลงานชิ้นนนั้ ๆให้เกิดความกลมกลืนสวยงาม ภาพจาก https://www.pngegg.com/th/png-bmvws 4.ศิลปะสอ่ื ผสม ศลิ ปะส่อื ผสม หมายถงึ ผลงานที่มนุษย์สรา้ งสรรค์ข้ึนโดยใชเ้ ทคนิคและวธิ ีการของศิลปะทาง ดา้ นทศั นศิลปห์ ลาย ๆ แขวงมาผสมผสานทำให้เกิดผลงานทอ่ี ยใู่ นชิ้นเดียวกัน เน้นหลกั การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ แสดงออกถึงอารมณ์สะเทอื นใจของผูส้ รา้ ง ซึ่งวัสดุท่ใี ชใ้ นการสรา้ งผลงาน สอ่ื ผสมสามารถหาไดจ้ ากวสั ดธุ รรมชาติ เชน่ วัสดุจากพชื สัตว์ และแร่ วัสดุสงั เคราะห์ เชน่ กระดาษ โลหะ เป็นต้น ภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/745064332082364113/ โดย ashleigh mason 5.ทัศนศลิ ปก์ บั งานอาชีพ 5.1 จติ รกร คอื ผู้สรา้ งสรรคง์ านจติ รกรรมทกุ ประเภทไม่วา่ จะเปน็ จติ รกรรมภาพคน ภาพ ทวิ ทศั นภ์ าพธรรมชาติ ภาพสัตว์ ภาพดอกไม้หรือภาพอน่ื ๆโดยจะใช้เทคนคิ วธิ กี ารต่างๆ ตามความถนดั ของแตล่ ะบคุ คล โดยจิตรกรจะตอ้ งเป็นผทู้ ่ีมีจิตนาการสูงและสามารถ ถา่ ยทอดจนิ ตนาการน้นั ออกมาเป็นผลงานได้ ภาพจาก https://th.pngtree.com/freepng/painter_1159802.html
13 5.2 ประติมากร คอื ผสู้ รา้ งสรรค์ผลงานประติมากรรมทัง้ ขนาดเลก็ จนถึงขนาด ใหญ่ เชน่ เหรียญชนดิ ต่างๆ ภาชนะ เครื่องประดบั เเละรปู ปั้น ภาพจาก https://pixabay.com/th/photos/A3-1264880/ 5.3 สถาปนิก คือ ผู้ออกแบบและวางแผนในการกอ่ สร้างงานสถาปตั ยกรรมและเปน็ ผูท้ ี่ เขา้ ใจมาตรฐานการก่อสร้าง เข้าใจหนา้ ท่ีใชส้ อยรวมถึงวสั ดทุ ่ีนำมากอ่ สร้าง ภาพจาก https://www.cealect.com/ 5.4 มัณฑนากร คอื คอื นักออกแบบประดิษฐแ์ ละตกแต่งอาคารสถานทห่ี รอื ภายในตา่ งๆให้ ตรงตามเปา้ หมายและประโยชนใ์ ชส้ อย ภาพจาก https://jobschiangrai.com/Interior-Designer-job.html
14 5.5 นักออกเเบบผลติ ภัณฆ์ คอื ผ้อู อกแบบผลิตภัณฑต์ ่างๆ เช่นรถยนต์ เคร่อื งมือ เครอื่ งใช้ ของตกแตง่ เเละสงิ่ ตา่ งๆ ภาพจาก https://www.khaosod.co.th/pr-news/news_3923719 5.6 นกั เขียนการ์ตนู คอื สร้างสรรคแ์ ละกำหนดลักษณะของตัวละครแต่ละตัวตาม วัตถุประสงคท์ ี่วางไว้ โดยการเขียนการต์ ูนมที ั้งการวาดดว้ ยดินสอ วาดดว้ ยน้ำหมกึ การใช้ พกู่ ัน หรือวธิ ีการตา่ งๆ ภาพจาก https://akibatan.com/2017/07/japanese-fans-pick-favorite-manga-author-poll/
15 บรรณานุกรม วิทูรย์ โสแก้ว. 2559. ทัศนศลิ ป์ ม.3. กรงุ เทพ: บริษัท สำนักพมิ พ์วัฒนาพานชิ จำกดั PREEDE. (2554). ทศั นธาตุ. สบื ค้น 12 มกราคม 2565, จาก https://preede.wordpress.com/2011/09/16/
16 คณะผจู้ ดั ทำ 1.ด.ญ.ณัฐณิชา นอ้ ยวงษ์ เลขที่ 3 ชั้น ม.3/6 2.ด.ช.นพวิชญ์ เตชถาวรกุล เลขที่ 13 ช้ัน ม.3/6 3.ด.ญ.วิฌญา ธรรมฤทธ์ิ เลขที่ 17 ช้ัน ม.3/6 4.ด.ญ.ณฏั ฐ์ วรารัตนะโรจน์ เลขที่ 26 ช้ัน ม.3/6 5.ด.ญ.ดุจดาว ศรีเอ่ยี ม เลขที่ 30 ชั้น ม.3/6
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: