สถาบันสงเสริมความปลอดภัย อาชวี อนามัย โดทยําใคชแวาอมลสกะออฮาอดลง า7ย0ๆ% และสภาพแวwดลwอ มwใน.tกoารsทhาํ .งoานr.(tอhงคการมหาชน) เชด็ ในจุดทต่ี อ งสมั ผัสเปนประจาํ ท้ิงของที่ไมใช เพอ่ื ปองกนั BบiาgนหCใาหงไlกปeลลaCอOnดViInDภ-g1ยั 9 การสะสมของฝุน และส่ิงสกปรก ก*ับหขลอีกงเบลายี่ งงชกนาดิ รใเชชแ น อพลกลอาสฮตอกิล ทาํ ความสะอาดจุดเสยี่ งทีเ่ ปน แหลงสะสมเชือ้ โรคในบา น ลูกบดิ ประตู สวติ ชไฟ มา นหองนํา กอ กนาํ ราวจับบันได ตนไมในบาน ถงั ขยะ มุงลวด/มูล ี โซฟา
05 20 26 33 การส่อื สาร จดั เกบ็ สารเคมี ใเPกนP่ยี หEว้อสขง้อำ� ปหงฏรกิบบั ับตั กสิกาาารรรทเคทำ� ม่ีงีาน ท1เพ5่ือ่ี ใหจ้เขร่อืปอ้ งค.ววามิชปาลอชดภี พัย อาตชีวออ้ นางมใัยช้!!! สญั ลกั ษณส์ ารเคมี เใพน่ือหใอ้ หงเ้ กปิดฏคบิ วตั ากิ มาปรลออยดา่ ภงไัยร และวัตถุอันตราย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงานได้รบั ความร่วมมือ การสอ่ื สาร PART 1 สญั ลกั ษณ์ สารเคมี และ วตั ถุอนั ตราย 1. การสอ่ื สารความเปน็ อนั ตรายของสารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตราย ความเปน็ อนั ตรายของสารเคมแี ละ จดั เกบ็ สารเคมี ในห้องปฏบิ ัติการอยา่ งไร PPE 15 ข้อ วัตถอุ ันตรายสามารถส่ือสารดว้ ยสญั ลกั ษณ์ฉลาก และเอกสารขอ้ มูลความปลอดภัย ซึ่งจะตดิ ทภี่ าชนะบรรจ ุ หรอื ยานพาหนะ หรอื เพ่ือใหเ้ กดิ ความปลอดภัย สถานที่ท�างานเพื่อบ่งช้ีความเป็นอันตรายของสารนั้นๆ ระบบส่ือสารความเป็นอันตรายของสารเคมีและวัตถุอันตรายมีหลายระบบ ส�าหรับการท�างาน ท่ี จป.วิชาชีพ ตอ้ งใช!้ !! โดยสามารถแบ่งเปน็ กลมุ่ ใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม คือ การจัดเก็บสารเคมีท่ีดีนับว่าเป็นองค์ประกอบท่ีส�าคัญ ในการช่วยส่งเสริม ดร.องอาจ ธเนศนติ ย์ ทใน่ีเกห่ีย้อวงขป้อฏงิบกัตับิกสาารรเคมี ให้การท�างานในห้องปฏิบัติการเคมีเกิดความปลอดภัย1 การจัดเก็บสารเคมี คือ ศูนย์ความปลอดภัยอาชีวอนามัยและส่ิงแวดล้อม เพ่อื ให้เร่อื งความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ ม 1.1 การขนส่ง ซ่ึงใช้ระบบการขนส่งของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (UN Transportation) โดยจะติดที่ภาชนะ กระบวนการที่ต้องน�าสารเคมที ่มี คี วามเป็นอนั ตรายในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ ไวไฟ เปน็ พษิ จุ ฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการท�างานไดร้ บั ความรว่ มมือ บรรจถุ งั เหลก็ แทง็ ก ์ หรอื ตดิ บนรถยนต ์ หรอื รถบรรทกุ เมอื่ ทา� การขนสง่ สารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตราย ทง้ั น ้ี ประเทศไทยไดป้ ระยกุ ตร์ ะบบ วอ่ งไวในการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า เปน็ ตน้ มาจดั เกบ็ ไวใ้ นพน้ื ทแ่ี ละสภาพแวดลอ้ มทมี่ คี วามเหมาะ ดงั กลา่ วและประกาศเปน็ กฎระเบยี บขอ้ บงั คบั รายละเอยี ดตามประกาศมตคิ ณะกรรมการวตั ถอุ นั ตราย เรอ่ื งการขนสง่ วตั ถอุ นั ตราย สมภายใตก้ รอบระยะเวลา (สารเคมสี ว่ นใหญม่ กั จะถกู จดั เกบ็ ยาวนานเปน็ ป)ี การจดั เกบ็ ดร.องอาจ ธเนศนติ ย์ จป.วิชาชีพ อยากเห็นทุกคนปลอดภัย นอกจากการท�าให้สถานประกอบการปฏิบัติข้อกฎหมายแล้ว ยังมีกิจกรรมส่งเสริมเร่ืองความ ทางบก พ.ศ.2545 สารเคมอี ยา่ งไมถ่ กู ตอ้ ง เชน่ การจดั เกบ็ สารเคมโี ดยจดั เรยี งตามลา� ดบั ตวั อกั ษร การจดั เกบ็ อศาูนชยีว์คอวนาามมปัยลแอลดะภส่ิงัยแวดล้อม ปลอดภัยมาให้ทกุ คนท�ารว่ มกันมากมาย เชน่ สารเคมีโดยแยกตามสถานะ การจัดเก็บสารเคมีโดยไม่มีเกณฑ์ที่เชื่อถือได้ใดๆ ใช้ใน จุ ฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1. การชีบ้ ่งอนั ตรายและประเมินความเสี่ยง (Checklist, JSA, HAZOP, What if ฯลฯ) 1.2 สถานทที่ า� งาน และสถานทจ่ี ดั เกบ็ ซง่ึ จะตดิ ทภ่ี าชนะบรรจ ุ ถงั เหลก็ แทง็ ก ์ หรอื บรเิ วณสถานทจ่ี ดั เกบ็ มหี ลาย การอ้างองิ การจัดเก็บสารเคมีในสภาพแวดลอ้ มท่ไี มป่ ลอดภัย ล้วนแลว้ แต่มีความเส่ียง 2. การรายงานสภาพการณ์ที่อันตราย ระบบ เชน่ ระบบจเี อชเอส (Globally Harmonized System of Classification and Labelling of Chemicals : GHS) ระบบอี ท่อี าจกอ่ ใหเ้ กดิ อุบตั ิเหตตุ ่างๆ ตามมา เช่น การเกิดไฟไหม ้ การระเบิด สารเคมีรั่วไหล 26 3. การรณรงคอ์ ุบัติเหตใุ หเ้ ป็นศูนยด์ ว้ ย KYT อซี ี (European Economic Community : EEC) แนวโน้มเลกิ ใชห้ ลงั จากการใช้ระบบจีเอชเอส และระบบเอน็ เอฟพเี อ (National เป็นต้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายท้ังแบบทางตรงและทางอ้อม เช่น การบาดเจ็บ 4. กิจกรรมขอ้ เสนอแนะเพอ่ื ความปลอดภยั Fire Protection Association : NFPA) ทง้ั น้ี ตามกฎหมายของประเทศไทยสถานทจี่ ัดเก็บสารเคมีและวตั ถุอนั ตรายจะตอ้ งปฏิบตั ิ การสูญเสียเวลา การสูญเสยี ทรพั ยส์ ิน การเสียชีวติ รวมทัง้ ภาพลักษณ์ขององค์กรได้ 42 5. Safety Talk การสนทนาความปลอดภัย ตามประกาศกรมโรงงานอตุ สาหกรรม เรื่องคู่มือการเกบ็ รักษาสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย พ.ศ.2550 และโรงงานอตุ สาหกรรมจะต้อง โดยธรรมชาตขิ องสารเคมใี นหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารมกั จะมคี วามแตกตา่ งกบั สว่ นงาน 6. การสอบสวนอุบตั เิ หตุ ปฏบิ ัติตามประกาศกรมโรงงานอตุ สาหกรรมฉบับท่ี 24 (พ.ศ.2530) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิโรงงาน พ.ศ.2512 เรอื่ งหน้าที่ อน่ื ๆ ขององคก์ ร เชน่ ฝา่ ยผลติ คลงั เกบ็ สารเคม ี โดยในหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารจะมชี นดิ ของสาร 7. จัดอบรมความรเู้ รอ่ื งความปลอดภยั ในหวั ขอ้ ต่างๆ ของผู้รบั ใบอนญุ าตประกอบกจิ การโรงงาน เคมที ค่ี รอบครองซึ่งมีความหลากหลาย แตจ่ ะมีปรมิ าณในแตล่ ะชนดิ ทน่ี อ้ ย การจัดเกบ็ 8. จัดกจิ กรรม Safety Week / Safety Day สารเคมตี ามความเขา้ กนั ไดข้ องสารเคมจี งึ เปน็ เรอ่ื งทจ่ี า� เปน็ เพอื่ ใหส้ ามารถควบคมุ ความ 9. การรณรงคใ์ หใ้ ช้งานอุปกรณป์ ้องกนั อนั ตรายส่วนบุคคล (PPE) 2. สัญลักษณ์ ฉลาก และป้ายของสารเคมีและวตั ถุอันตราย เปน็ อนั ตรายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การจดั เกบ็ สารเคมโี ดยทว่ั ไป จะอาศยั 1) การจดั เกบ็ 10. การเดินตรวจความปลอดภยั เป็นต้น 2.1 สญั ลกั ษณแ์ ละฉลากตามระบบขนสง่ ของยเู อน็ (UN Transportation) สารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตรายเมอื่ ทา� การ สารเคมตี ามประเภทความเปน็ อนั ตราย เชน่ สารไวไฟ สารออกซไิ ดซ ์ สารระเบดิ ได ้ เปน็ ตน้ เพราะเร่ืองของความปลอดภัยฯ เป็นหน้าที่ของทุกคน ในแต่ละงานของ จป. วิชาชีพ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ทุกระดับ ทุกสว่ นงาน ในองค์กร/สถานประกอบการ ขนสง่ ต้องมฉี ลากและเครื่องหมายท่ีถูกต้องและเหมาะสม โดยติดไว้ที่ภาชนะบรรจ ุ บรรจุภัณฑข์ นาดเลก็ รวมถงึ แท็งก์สา� หรับขนสง่ 20 เมอื่ จป. วชิ าชพี ตอ้ งขอความรว่ มมอื เรอื่ งความปลอดภยั ...จะทา� อยา่ งไร?? ใหท้ กุ คนพรอ้ มทา� กจิ กรรม/โครงการตา่ งๆ ไปดว้ ยกนั กบั เรา ทง้ั ทตี่ ดิ ตรงึ กบั ตวั รถพาหนะ แทง็ กท์ ย่ี กและเคลอื่ นยา้ ยได ้ ตสู้ นิ คา้ ส�าหรบั การขนสง่ และตดิ กบั รถบรรทกุ ทที่ า� การขนสง่ โดยแบง่ เปน็ 9 ประเภท (Un-Class) ตามลกั ษณะทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายหรือความเส่ยี งในการเกดิ อันตราย 33 5 36 38 จป. วัยทีน 46 จป. มอื โปร คณุ ทิพวัลย์ คำ� ลือ รูเ้ ทา่ ทนั คุณอรอุมา อารีสน่นั รูห้ รอื ไม่ ความล้าทาง กบั สารก่อภูมิแพ้ เจ้าหน้าท่คี วามปลอดภยั ในการท�ำงาน นกั ศึกษาชั้นปีท่ี 4 สาขาวชิ า กายกบั ความลา้ สายตา เทคโนโลยคี วามปลอดภยั และ มคี วามสมั พันธก์ ัน!! สรู้เาทรา่ กทอ่ นั ภกมู บั แิ พ้ บรษิ ัท อาหารยอดคณุ จ�ำกดั อาชีวอนามัย คณะเทคโนโลยี อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัย ราชภฏั สวนสุนนั ทา ดร.องอาจ ธเนศนติ ย์ สารก่อภูมิแพ้ สารดังกล่าวจะรวมกับโปรตีนภายในร่างกายเปลี่ยน จป.มอื โปร เมอื่ เทยี บปจั จบุ นั กบั อดตี แลว้ ระบบเศรษฐกจิ และสงั คมมคี วามเจรญิ เตบิ โตอยา่ งกา้ วกระโดด ศูนย์ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและส่ิงแวดล้อม เป็น antigen presenting cell (hapten adduct) ซง่ึ สามารถสง่ ผล องค์กรต่างๆมีการขยายตัวและก่อตั้งเพิ่มขึ้นเป็นจ�านวนมาก ถึงแม้จะมีการใช้เครื่องจักรมากข้ึน จุ ฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย สารแปลกปลอมดังกล่าวจะถูกก�าจัด คณุ อรอมุ า อารสี นนั่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังจ�าเป็นต้องใช้แรงงานคนในการท�างาน คนท�างานมีโอกาสสัมผัสปัจจัยเสี่ยง โดย lymphocyte อีกทั้งกลไกในร่างกายจะมีการสร้างแอนติบอด้ี ทม่ี ผี ลทา� ใหเ้ กดิ ปญั หาสขุ ภาพได ้ จงึ มคี วามจ�าเปน็ ทต่ี อ้ งใหค้ วามส�าคญั และศกึ ษาความสมั พนั ธ์ ในการท�างานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี ผู้ปฏิบัติงานอาจพบ ที่มีความเฉพาะเจาะจง (Immunoglobulin E, IgE) ส�าหรับใช้ก�าจัด เจ้าหน้าทคี่ วามปลอดภัยในการทาํ งาน รู้หรือไม่ ระหว่างมนุษย์และปัจจัยอ่ืนของการท�างานในอาชีพและการประกอบกิจกรรมในทุกมิติ อาการผิดปกต ิ เช่น มีน้�ามูกไหล จามบ่อย มีอาการคันตา ระคายเคือง สารดังกล่าวในครง้ั ถดั ไป ระยะที ่ 2 “elicitation” เกิดข้นึ เมอื่ รา่ งกาย บรษิ ทั อาหารยอดคุณ จํากัด ความล้าทางกาย ท้ังผู้ปฏิบัติ สถานที่ท�างาน การออกแบบงาน หรือท่ีเรียกว่า การศึกษาด้านการยศาสตร์ ทว่ั ใบหนา้ มผี ่ืนคนั เร้อื งรังตามผวิ หนัง มอี าการบวม มอี าการหอบหดื ไดร้ บั สารกอ่ ทเ่ี กดิ การแพใ้ นครงั้ ถดั ไป IgE จะตรวจจบั hapten adduct (Ergonomic) โดยคา� ว่า ergo หมายถงึ งาน และ nomos หมายถึง กฏทางวิทยาศาสตร์ หรือหายใจไม่สะดวก โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดข้ึนจากอะไร อาการ ของสารกอ่ ภมู แิ พท้ เ่ี คยรบั สมั ผสั และกระตนุ้ mast cell เพอ่ื ปลดปลอ่ ย ประวัตกิ ารศกึ ษา ดงั กลา่ วขา้ งตน้ อาจเกดิ ขน้ึ จากการแพส้ ารเคมใี นกลมุ่ “สารกอ่ ภมู แิ พ”้ histamine และ inflammatory mediator อ่ืน ๆ ส่งผลท�าให้ ปริญญาตรี สาขาอาชีวอนามยั ละความปลอดภัย มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎบ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา ของการท�างาน เมื่อน�ามารวมกันจึงเป็นการศึกษา ค้นคว้าเป็นวิธีการปรับปรุงงานให้ ซึ่งสารดังกล่าวมีชื่อเรียกทางภาษาอังกฤษว่า “allergen” หรือ เกิดอาการแพ้ เช่น ร้อน เจ็บปวด บวม แดง และคัน เป็นต้น ประวตั กิ ารทํางาน เหมาะสมกับพนักงาน ปรับท่าทางการท�างานให้ถูกต้อง ไม่ใช่การปรับสรีระร่างกาย “sensitizer” สารก่อภูมิแพ้จัดเป็นสารอันตรายประเภทหน่ึง ดังแสดงกลไกการออกฤทธิ์ของสารก่อภูมิแพ้ในร่างกายในภาพท่ี 2 • ป ี 2553 – ปจั จบุ นั เจา้ หนา้ ทคี่ วามปลอดภยั ในการทา� งาน บรษิ ทั อาหารยอดคณุ ท่ีสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยอาศัยกลไกที่เกี่ยวข้องกับ อาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากการแพ้สารเคมี จะถูกเรียกว่า “chemical จ�ากดั ระบบภูมิค้มุ กันของร่างกาย อย่างไรก็ตาม ผปู้ ฏิบตั งิ านจ�านวนไมน่ ้อย hypersensitivity” ประวตั กิ ารอบรม / รางวัล มักมองข้ามในเร่ืองอันตรายจากสารก่อภูมิแพ้ เนื่องจากเข้าใจผิด ภาพที่ 2 แสดงกลไกการออกฤทธ์ขิ องสารกอ่ ภมู แิ พ้ในร่างกาย • ป ี 2553 – 2559 สถานประกอบกิจการต้นแบบด้านความปลอดภัยฯ ระดับ คิดว่าสารก่อภูมิแพ้สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายได้เพียงเล็กน้อย (ทม่ี าของภาพ: Wikipedia Contributors (2020). Allergy. [online] Wikipedia. Available ประเทศ 7 ปี ติดต่อกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วจากรายงานทางการแพทย์พบว่า การแพ้สารก่อภูมิแพ้ at: https://en.wikipedia.org/wiki/Allergy#/media/File:The_Allergy_Pathway.jpg • ป ี 2561 ไดร้ บั การคดั เลอื กในกจิ กรรมการรณรงคล์ ดสถติ อิ บุ ตั เิ หตจุ ากการทา� งาน ในระดับทรี่ ุนแรง อาจสง่ ผลท�าใหเ้ กิดการเสยี ชีวิตได้ [Accessed 21 Jan. 2020].) ใหเ้ ปน็ ศนู ย ์ ภาพท่ี 1 แสดงอาการผน่ื แดงจากการแพส้ ารก่อภูมิแพ้ • ป ี 2562 เข้ารว่ มเป็นกรรมการชมรมเจา้ หนา้ ทคี่ วามปลอดภยั ในการทา� งาน (ที่มาของภาพ: Burke, D. (2017). Allergic Eczema. [online] Healthline. Available กรงุ เทพมหานคร พนื้ ท ่ี 10 จป.วยั ทนี at: https://www.healthline.com/health/skin/eczema [Accessed 21 Jan. 2020].) • ปี 2562 ผ่านการอบรมโครงการวิทยาลัยความปลอดภัย (นักบริหารความ ปลอดภยั ระดับกลาง) นางสาวทิพวัลย์ คําลือ (ออย) ตัวอย่างของสารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ ฟอร์มาดีไฮด์ โพลิไอโซ กบั ความล้าสายตา พนักงาน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมการท�างาน สถานีงานให้เหมาะสม เพ่ือการ ไซยาเนต (polyisocyanates) กรดแอนไฮไดรด์ (acid anhydride) 38 อายุ : 22 ปี ชน้ั ปที ี่ 4 สาขาวชิ าเทคโนโลยคี วามปลอดภยั และอาชวี อนามัย มคี วามสัมพันธ์กัน!! ทา� งานทมี่ คี วามสขุ ทง้ั สขุ ภาพกายและใจ ทา� งานไดเ้ ตม็ ประสทิ ธภิ าพ ลดความเสยี่ ง โลหะบางชนิด เช่น นิกเกิล เบริลเลียม เป็นต้น นอกจากนี้ สารก่อ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทา จากการเกิดอุบัติเหตุและโรคจากการท�างานซึ่งส่งผลดีต่อตัวพนักงานเอง ดีต่อ ภูมแิ พย้ ังสามารถพบเจอได้ในชีวติ ประจา� วนั ตัวอยา่ งเช่น ละอองเกสร 49 ประสบการณท์ าํ งาน/ฝึกงาน จป. วชิ าชีพ : พษิ จากพืชและสตั วบ์ างชนิด เชน่ พษิ จากเหล็กในของผึ้ง และสารทใี่ ช้ พิธีกรงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธาน ี องค์กรในด้านคุณภาพงาน และลดการสูญเสียค่ารักษาพยาบาล แต่ก็ปฏิเสธ หลังทานเสรจ็ ใหม่ๆ ประจา� ปี 2562 ไม่ไดว้ ่ายงั เป็นเร่อื งทีถ่ ูกมองขา้ มจากหลายหนว่ ยงาน หรือตัวผปู้ ฏิบัติงานเอง ออกก�ำลงั กาย แนะนําไลฟสไตลต์ นเองครา่ วๆ อุปนสิ ยั สว่ นตวั ทบ่ี ่งบอกความเปน็ ตัวเอง : จึงท�าให้เกิดปัญหาสุขภาพด้านการยศาสตร์เป็นวงกว้าง ซ่ึงความผิดปกติ ได้เลยรึเปลา่ ? ไลฟสไตล์ในวิถีชีวิตของออยจริงๆแล้วเป็นคนง่ายๆค่ะ กินง่ายอยู่ง่าย ชอบธรรมชาติท่ีเป็นป่าเขา ทางระบบโครงรา่ งและกลา้ มเนอ้ื (Musculoskeletal disorders; MSDs) อาการที่เกิดข้ึนเนื่องจากการแพ้สารก่อภูมิแพ้ จะเกิดผ่าน กจิ กรรมทชี่ อบทา� กม็ ี ออกกา� ลงั กาย อา่ นหนงั สอื หรอื ออกไปคา่ ยอาสาหรอื ไปทา� อาสาตามมลู นธิ ทิ เี่ ขารบั อาสา ก็เป็นหน่ึงในโรคไม่ติดต่อท่ีพบสูงสุด ซ่ึงเกิดจากการท�างานท่ีไม่เป็น ปฏกิ ิรยิ าการแพ ้ หรอื ท่ีเรียกว่า“anaphylaxis” โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ชว่ั คราวอนั นชี้ อบมากเปน็ พเิ ศษคะ่ เพราะออยชอบการไดอ้ อกไปเรยี นรผู้ คู้ น วถิ ชี วี ติ จากการไดเ้ ขา้ ไปพดู คยุ กบั ไปตามหลักที่ถูกต้องด้านการยศาสตร์ แม้ส่วนใหญ่จะไม่อันตราย ได้แก ่ ระยะท ่ี 1 “sensitization” เกิดข้นึ หลงั จากร่างกายได้รบั สัมผสั จุ รภี รณ์ แกว้ จันดา เฉียบพลัน แต่ในระยะยาวหากไม่ได้รับการแก้ไขจะท�าให้คุณภาพ 42 36 อาจารย์ประจ�าสาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ชีวิตแย่ ถึงขึ้นต้องลาออกเพราะไม่สามารถปฏิบัติงานต่อได้ 52 มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ซึ่งปัจจุบันพบว่าความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเน้ือ เข้ารมุ เร้าพนกั งานเกือบทกุ สาขาอาชพี จากทผ่ี ่านมาในปี พ.ศ. 2554-2558 มอี าการ MSDs เพมิ่ สงู ขนึ้ เรอื่ ยๆถงึ รอ้ ยละ 83.09 เมื่อเทียบกับประชากรที่เจ็บป่วยทั้งหมด และพบในอัตรา สงู สดุ เมอ่ื เทยี บกบั โรคอนื่ ๆ ตามการบนั ทกึ จากรหสั ICD10 (International Classification of Diseases and Related Health Problem 10thRevision) (ส�านักงานประกันสังคม, 2558) กระทรวงแรงงาน ได้ให้รหัสโรคในกลุ่มที่จัดอยู่ในความผิดปกติทาง ระบบโครงร่างและกล้ามเน้ือจากการประกอบ อาชพี ส�าหรับบันทึกข้อมูล ICD-10 ไวด้ ังน้ี 46 TOSH NEWS ข่าว สสปท. หลงั ทาน TOSH NEWS เสรจ็ ใหม่ๆ ไอดอ้เลกยกรา� เึลปังลก่าา?ย 01 รว่ มพธิ เี ปดิ งาน “วนั ความปลอดภยั ในการทา� งาน” นานาสาระ ณ บริษัท อาหารยอดคณุ จา� กดั เมื่อวันท่ี 13 กันยายน 2562 นายวรานนท์ ปีติวรรณ ผู้อ�านวยการ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ท�างาน ร่วมพิธีเปิดงาน “วันความปลอดภัยในการท�างาน” ณ บริษัท อาหารยอดคุณ จ�ากัด โดยมีนายวิวัฒน์ ตังหงส์ อธิบดีกรมสวัสดิการและ คุ้มครองแรงงานเป็นประธานเปิดงาน กิจกรรมดังกล่าวทางบริษัทได้จัดขึ้น เพือ่ รณรงค์ สรา้ งจิตส�านึกเร่ืองความปลอดภัยในการทา� งานให้กบั ผบู้ รหิ าร และลกู จ้างของ บรษิ ัท อาหารยอดคุณ จา� กดั และบรษิ ัท มนิ แิ ชมป ์ จ�ากดั โดยจัดต่อเน่ืองกันมาทุกปี โดยคร้ังนี้เป็นคร้ังท่ี 23 เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ ด้านความปลอดภัยในการท�างานให้กับพนักงาน โดย สสปท.เข้าร่วมแสดง นทิ รรศการในงานดงั กล่าวด้วย นอกเหนือจากการส่งเสริมความปลอดภัยแล้วน้ัน ปัจจุบันหลายๆ 02 อบรมดา้ นความปลอดภยั สถานประกอบการมีสวัสดิการด้านส่งเสริมสุขภาพส�าหรับให้พนักงาน เห็นได้จาก อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อม การจัดห้องฟิตเนส สนามส�าหรับเล่นกีฬา หรือจัดให้มีอุปกรณ์และโซนส�าหรับ ร่วมพิธีมอบรางวลั “สถานศกึ ษาปลอดภยั ดเี ดน่ ” ในการทา� งาน หัวขอ้ ออกกา� ลงั กาย ใหพ้ นกั งานที่ชืน่ ชอบในการออกก�าลังกาย ไดอ้ อกกา� ลงั กายในเวลา ประจา� ปี 2562 จัดโดยกรมสวสั ดิการและค้มุ ครองแรงงาน “การทา� งานบนที่สงู ” รนุ่ ท่ี 3 ว่างหรือช่วงพักกลางวัน เพื่อส่งเสริมการ มีสุขภาพที่แข็งแรงพร้อมส�าหรับการ นายวรานนท ์ ปตี วิ รรณ ผอู้ า� นวยการสถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และ สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภยั อาชีวอนามยั และ ทา� งานอย่างเต็มที่ สภาพแวดล้อมในการท�างาน ร่วมพิธีมอบรางวัล สถานศึกษาปลอดภัยดีเด่น” ประจ�าป ี สภาพแวดล้อมในการท�างาน (องค์การมหาชน) จัดให้ ส�าหรับโค้ชเองมีโอกาสที่ได้ไปฝึกอบรมพร้อมออกแบบรูปแบบกิจกรรม 2562 เม่ือวนั ที ่ 13 กันยายน 2562 ณ อาคารกฬี าเวสน ์ 1 ศนู ยเ์ ยาวชนกรงุ เทพมหานคร มีการฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ เพอ่ื สง่ เสรมิ การออกกา� ลงั กายสง่ เสรมิ สขุ ภาพใหก้ บั สถานประกอบการหลายท ี่ และ (ไทย-ญี่ป่นุ ) ดินแดง โดยม ี นายววิ ัฒน ์ ตงั หงส ์ อธิบดกี รมสวัสดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน สภาพแวดลอ้ มในการทา� งาน หวั ขอ้ “การทา� งานบนทส่ี งู ” รุ่นที่ 3 สว่ นใหญ่มกั จะเจอค�าถามจากพนกั งานว่า “หลังทานอาหารเสรจ็ ใหมๆ่ ออกก�าลัง (กสร.) เป็นประธานเปดิ งานและมอบรางวลั สถานศกึ ษาปลอดภยั ดเี ดน่ เม่ือวันท่ี 13 กันยายน 2562 ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ กายไดเ้ ลยรเึ ปลา่ ?????” วนั นเี้ ราจะมาไขปญั หาคาใจหรอื สรา้ งความเขา้ ใจทต่ี รงกนั กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ให้ความส�าคัญกับการด�าเนินการด้านความ กรุงเทพมหานคร โดยผู้เช่ียวชาญ เพ่ือถ่ายทอดองค์ ดังนคี้ รับวา่ ... ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�างาน โดยได้ก�าหนดเป้าหมายหลัก ความรู้ด้านความปลอดภัยฯ ให้กับสถานประกอบ หลงั ทานเสรจ็ ใหมๆ่ ออกกา� ลงั กายได้เลยรเึ ปล่า?? ในการด�าเนินงานให้มุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Preventive กิจการ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ เอกชน และผู้ท่ีสนใจ โดยทั่วไปหลังจากที่เราได้ทานอาหารมื้อหลักไปแล้วน้ัน ท๊อปแนะน�าว่า Safety Culture) และสร้างวิสัยทัศน์อุบัติเหตุจากการท�างานเป็นศูนย์ (Zero Vision) เพื่อเพิ่มพูนความรู้ในเร่ืองความปลอดภัยในการ เราควรรอเปน็ ระยะเวลาประมาณ 3 ชว่ั โมง ก่อนท่จี ะออกกา� ลังอย่างหนกั เพื่อให้ ผ่านกลไกส�าคัญคือการสร้าง ความตระหนักรู้และการปลูกจิตส�านึกด้านความปลอดภัย ท�างานบนที่สูง สามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในสถาน รวมถงึ การพฒั นาพฤตกิ รรม ทไ่ี มก่ อ่ เกดิ ภาวะเสยี่ งภยั อนั ตรายตอ่ ชวี ติ รา่ งกาย และจติ ใจ ประกอบกิจการ และเป็นกิจกรรมหน่ึงท่ีมุ่งหวังให้ 49 ภายใต้แนวคดิ “ปลอดภยั ไวก้ ่อน” โดยเร่ิมต้นด้วยการเสรมิ สร้างใหน้ ักเรยี น นักศึกษาใน ทกุ ภาคสว่ นไดร้ ว่ มกนั สรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรมความปลอดภยั สถานศกึ ษาไดม้ คี วามร ู้ ความเขา้ ใจและเกดิ ความตระหนกั เกย่ี วกบั ความปลอดภยั ในการ เชิงป้องกนั เพ่อื ใหค้ นทา� งานทุกคนมีความปลอดภัย ท�างาน ซ่ึงจะส่งผลให้เกิดความปลอดภัยกับชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนในสถานศึกษา อีกทง้ั ยงั เป็นการเตรยี มความพร้อมกอ่ นจะเขา้ สวู่ ยั แรงงานตอ่ ไป 03 52
สวัสดีค่ะ ระหว่างการเตรียมต้นฉบับ ฉบับนี้ เป็นช่วงท่ีเราต้องเผชิญกับปัญหามลพิษจาก ฝุ่นชนิดที่เรียกได้ว่าจัดเต็มโดยเสมอภาคกันเลย และในฐานะที่สมาชิก OSHE Magazine ล้วนแต่ เปน็ ผทู้ ม่ี คี วามสำ� นกึ ความปลอดภยั เชงิ ปอ้ งกนั ดว้ ยกนั ทกุ คน ในเลม่ นเ้ี รากจ็ ะมารว่ มกนั เปน็ สว่ นหนง่ึ ท่ีจะช่วยป้องกันและลดปัญหาดังกล่าว ด้วยการจัดการกับสารเคมีที่เราใช้ในการปฏิบัติงาน อย่างถูกวิธีเพ่ือความปลอดภัยของทุกคน และไม่เป็นการซ�้ำเติมปัญหาที่พวกเราเผชิญกันอยู่ให้ ทวีความรุนแรงข้ึน ปัจจัยท่ีเกิดจากธรรมชาติเหนือการควบคุมของปุถุชนอย่างเราๆ ก็รุนแรงมาก พอแล้ว ปจั จัยอย่างอนื่ เราตอ้ งรว่ มด้วยช่วยกนั นะคะ เชญิ พบกบั สาระดีๆ ทเี่ รามมี าฝากทุกทา่ นค่ะ ท่ีปรึกษา กรงุ ไกรวงศ์ กรรมการผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ สดุ ธิดา ปีตวิ รรณ ผอู้ �ำนวยการสถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภัยฯ วรานนท์ ฟุ้งเกียรติ รองผ้อู �ำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภยั ฯ ศรัณย์พงศ ์ สธุ รรมาสา สาขาวิชาวทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช รองศาสตราจารยส์ ราวธุ พนั ธป์ ระสทิ ธ ิ์ สมาคมอาชวี อนามัยและความปลอดภัยในการท�ำงาน (สอป.) รองศาสตราจารย์ ดร.วนั ทน ี บุญดกี ลุ รองผู้อ�ำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ บรรณาธกิ ารบรหิ าร สธุ รรมาสา จุฑาพนติ พันธป์ ระสิทธ์ิ รองศาสตราจารย์สราวธุ รองศาสตราจารย์ ดร.วันทน ี กองบรรณาธกิ าร นวะมะรัตน์ ควบคุมการผลิตและประสานงาน พรรณทิวา สลีออ่ น กมลฐิต ิ วรเวชกลุ เศรษฐ์ นายธนศู ลิ ป ์ ศรวี งษ์แผน ว่าทีร่ อ้ ยตรี นพรัตน์ ทรงพนั ธ์ุ ฝา่ ยการตลาดและสมาชกิ สมั พนั ธ์ นพปกรณ ์ อินทร์มณี สุคนธา ท้วมพงษ์ จิรนันทน์ คะตา สภุ ารัตน์ จนั ทรส์ ี สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย พิษณุ แสงพวง และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน (องคก์ ารมหาชน) ศภุ ชัย เรอื นคำ� เลขที่ 18 ถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิง่ ชัน กรุงเทพมหานคร 10170 พิมพร์ มั ภา ปรางทพิ ย์ โทรศพั ท์ 0 2448 9111, 0 2448 9098 สกุ านดา เมอื งอดุ ม www.tosh.or.th จฑุ าภรณ์ ไชยสทิ ธ์ิ ปานฤทัย 4
การสอ่ื สาร PART 1 สัญลกั ษณ์ สารเคมี และ วตั ถุอันตราย 1. การสอ่ื สารความเปน็ อนั ตรายของสารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตราย ความเปน็ อนั ตรายของสารเคมแี ละ วตั ถุอันตรายสามารถสอื่ สารด้วยสญั ลกั ษณฉ์ ลาก และเอกสารข้อมูลความปลอดภยั ซง่ึ จะติดที่ภาชนะบรรจุ หรือยานพาหนะ หรอื สถานที่ท�ำงานเพื่อบ่งช้ีความเป็นอันตรายของสารนั้นๆ ระบบส่ือสารความเป็นอันตรายของสารเคมีและวัตถุอันตรายมีหลายระบบ โดยสามารถแบ่งเป็นกล่มุ ใหญ่ๆ ได้ 2 กลุม่ คือ 1.1 การขนส่ง ซ่ึงใช้ระบบการขนส่งของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (UN Transportation) โดยจะติดท่ีภาชนะ บรรจถุ งั เหลก็ แทง็ ก์ หรอื ตดิ บนรถยนต์ หรอื รถบรรทกุ เมอื่ ทำ� การขนสง่ สารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตราย ทง้ั น้ี ประเทศไทยไดป้ ระยกุ ตร์ ะบบ ดงั กลา่ วและประกาศเปน็ กฎระเบยี บขอ้ บงั คบั รายละเอยี ดตามประกาศมตคิ ณะกรรมการวตั ถอุ นั ตราย เรอ่ื งการขนสง่ วตั ถอุ นั ตราย ทางบก พ.ศ.2545 1.2 สถานทที่ ำ� งาน และสถานทจ่ี ดั เกบ็ ซง่ึ จะตดิ ทภ่ี าชนะบรรจุ ถงั เหลก็ แทง็ ก์ หรอื บรเิ วณสถานทจ่ี ดั เกบ็ มหี ลาย ระบบ เช่น ระบบจีเอชเอส (Globally Harmonized System of Classification and Labelling of Chemicals : GHS) ระบบ ออี ซี ี (European Economic Community : EEC) แนวโนม้ เลกิ ใชห้ ลงั จากการใชร้ ะบบจเี อชเอส และระบบเอน็ เอฟพเี อ (National Fire Protection Association : NFPA) ท้ังน้ี ตามกฎหมายของประเทศไทยสถานท่จี ดั เก็บสารเคมีและวตั ถุอันตรายจะตอ้ งปฏบิ ัติ ตามประกาศกรมโรงงานอตุ สาหกรรม เรอื่ งคูม่ ือการเกบ็ รกั ษาสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย พ.ศ.2550 และโรงงานอตุ สาหกรรมจะตอ้ ง ปฏิบตั ติ ามประกาศกรมโรงงานอตุ สาหกรรมฉบบั ที่ 24 (พ.ศ.2530) ออกตามความในพระราชบัญญัตโิ รงงาน พ.ศ.2512 เรือ่ งหน้าที่ ของผ้รู ับใบอนญุ าตประกอบกจิ การโรงงาน 2. สัญลักษณ์ ฉลาก และปา้ ยของสารเคมีและวัตถอุ นั ตราย 2.1 สญั ลกั ษณแ์ ละฉลากตามระบบขนสง่ ของยเู อน็ (UN Transportation) สารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตรายเมอื่ ทำ� การ ขนสง่ ตอ้ งมฉี ลากและเครอ่ื งหมายทีถ่ ูกตอ้ งและเหมาะสม โดยตดิ ไว้ท่ภี าชนะบรรจุ บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก รวมถงึ แท็งกส์ ำ� หรบั ขนส่ง ทงั้ ทต่ี ดิ ตรงึ กบั ตวั รถพาหนะ แทง็ กท์ ยี่ กและเคลอ่ื นยา้ ยได้ ตสู้ นิ คา้ สำ� หรบั การขนสง่ และตดิ กบั รถบรรทกุ ทที่ ำ� การขนสง่ โดยแบง่ เปน็ 9 ประเภท (Un-Class) ตามลกั ษณะท่กี ่อใหเ้ กิดอันตรายหรอื ความเส่ยี งในการเกิดอันตราย 5
1) ประเภทที่ 1 - ระเบดิ ได้ (Explosives) สารระเบดิ ได้ หมายถงึ ของแขง็ หรอื ของเหลว หรอื สารผสมทสี่ ามารถเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าทางเคมดี ว้ ยตวั มนั เองทำ� ใหเ้ กดิ กา๊ ซทม่ี คี วามดนั และ ความรอ้ นอยา่ งรวดเรว็ กอ่ ใหเ้ กดิ การระเบดิ สรา้ งความเสยี หายแกบ่ รเิ วณโดยรอบได้ ซง่ึ รวมถงึ สารทใี่ ชท้ ำ� ดอกไมเ้ พลงิ และสง่ิ ของทร่ี ะเบดิ ไดด้ ว้ ย แบง่ เปน็ 6 กลมุ่ ยอ่ ย คอื 1.1) สารหรือสิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดอย่างรุนแรงทันทีทันใดท้ังหมด (Mass Explosive) ตัวอย่างเช่น เช้ือปะทุ ลกู ระเบิด เป็นต้น 1.2) สารหรือสิ่งของท่ีมีอันตรายจากการระเบิดแตกกระจาย แต่ไม่ระเบิดทันทีทันใดท้ังหมด ตัวอย่างเช่น กระสุนปืน ทุ่นระเบิด ชนวนปะทุ เป็นต้น 1.3) สารหรอื สิง่ ของทีเ่ สยี่ งตอ่ การเกิดเพลงิ ไหม้ และอาจมอี ันตรายบา้ งจากการระเบิดหรือ การระเบิดแตกกระจาย แตไ่ ม่ระเบิดทนั ที ทนั ใดทงั้ หมด ตวั อย่างเช่น กระสุนเพลงิ เปน็ ต้น 1.4) สารหรือส่ิงของท่ีไม่แสดงความเป็นอันตรายอย่างเด่นชัด หากเกิดการปะทุหรือปะทุ ในระหว่างการขนส่งจะเกิดความเสียหาย เฉพาะภาชนะบรรจุ ตัวอย่างเชน่ พลุอากาศ เปน็ ต้น 1.5) สารทไี่ มไ่ วต่อการระเบิด แต่หากมีการระเบิดจะมอี นั ตรายจากการระเบิดท้งั หมด 1.6) สง่ิ ของทไี่ วตอ่ การระเบดิ นอ้ ยมากและไมร่ ะเบดิ ทนั ทที ง้ั หมด มคี วามเสย่ี งตอ่ การระเบดิ อยใู่ นวงจำ� กดั เฉพาะในตวั สง่ิ ของนน้ั ๆ ไมม่ ี โอกาสท่จี ะเกิดการปะทหุ รือแผ่กระจาย 2) ประเภทที่ 2 – กา๊ ซ (Gases) ก๊าซ หมายถงึ สารท่อี ณุ หภูมิ 50 องศาเซลเซยี ส มคี วามดนั ไอมากกวา่ 300 กิโลปาสคาล หรือมสี ภาพเป็นกา๊ ซอย่างสมบรู ณท์ อี่ ณุ หภมู ิ 20 องศาเซลเซียส และมีความดนั 101.3 กิโลปาสคาล ไดแ้ ก่ ก๊าซอัด กา๊ ซพิษ กา๊ ซในสภาพของเหลว ก๊าซในสภาพของเหลวอุณหภมู ิต�่ำ และ รวมถึงกา๊ ซท่ีละลายในสารละลายภายใต้ความดัน เม่ือเกิดการรั่วไหลสามารถกอ่ ให้เกดิ อันตรายจากการลุกตดิ ไฟ และ/หรือเปน็ พษิ และแทนที่ ออกซิเจนในอากาศ แบ่งเปน็ 3 กลมุ่ ยอ่ ย ดังน้ี 2.1) กา๊ ซไวไฟ (Flammable Gases) หมายถงึ ก๊าซทอ่ี ณุ หภูมิ 20 องศาเซลเซียสและมีความดัน 101.3 กิโลปาสคาล สามารถติดไฟได้ เมอื่ ผสมกบั อากาศ 13 เปอรเ์ ซน็ ต์ หรอื ตำ่� กวา่ โดยปรมิ าตร หรอื มชี ว่ งกวา้ งทส่ี ามารถตดิ ไฟได้ 12 เปอรเ์ ซน็ ตข์ น้ึ ไปเมอื่ ผสมกบั อากาศโดยไมค่ ำ� นงึ ถึงความเขม้ ขน้ ต่�ำสุดของการผสม โดยปกติก๊าซไวไฟหนกั กว่าอากาศ ตัวอย่างของกา๊ ซกลุ่มน้ี เช่น อะเซทลิ นี ก๊าซหงุ ต้มหรอื กา๊ ซแอลพจี ี เป็นตน้ 2.2) ก๊าซไม่ไวไฟและไม่เป็นพิษ (Non-flammable, Non-toxic Gases) หมายถึง ก๊าซที่มีความดันไม่น้อยกว่า 280 กิโลปาสกาล ทอ่ี ณุ หภมู ิ 20 องศาเซลเซยี ส หรอื อยใู่ นสภาพของเหลวอณุ หภมู ติ ำ�่ สว่ นใหญเ่ ปน็ กา๊ ซหนกั กวา่ อากาศ ไมต่ ดิ ไฟและไมเ่ ปน็ พษิ หรอื แทนทอี่ อกซเิ จน ในอากาศและท�ำใหเ้ กิดสภาวะขาดแคลนออกซเิ จนได้ ตัวอย่างของกา๊ ซกลุม่ นี้ เชน่ ไนโตรเจน คารบ์ อนไดออกไซด์ อารก์ อน เปน็ ต้น 2.3) กา๊ ซพษิ (Toxic Gases) หมายถงึ กา๊ ซทมี่ คี ณุ สมบตั เิ ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพหรอื ถงึ แกช่ วี ติ ไดจ้ ากการหายใจ โดยสว่ นใหญห่ นกั กวา่ อากาศ มีกล่นิ ระคายเคอื ง ตัวอยา่ งของกา๊ ซในกล่มุ น้ี เช่น คลอรีน เมทลิ โบรไมด์ บางชนิดไม่มีกลนิ่ เชน่ คารบ์ อนมอนออกไซด์ เปน็ ต้น 6
3) ประเภทท่ี 3 - ของเหลวไวไฟ (Flammable Liquids) ของเหลวไวไฟ หมายถงึ ของเหลว หรอื ของเหลวผสมทีม่ ีจดุ วาบไฟ (Flash Point) ไม่เกนิ 60.5 องศาเซลเซียส จากการทดสอบดว้ ย วธิ ถี ว้ ยปดิ (Closed-cup Test) หรอื ไมเ่ กนิ 65.6 องศาเซลเซียส จากการทดสอบดว้ ยวธิ ีถว้ ยเปดิ (Opened-cup Test) ไอของเหลวไวไฟพร้อม ลุกตดิ ไฟเม่ือมีแหลง่ ประกายไฟ ตัวอย่างเชน่ อะซโี ตน น้�ำมนั เชอ้ื เพลิง ทนิ เนอร์ เปน็ ตน้ 4) ของแข็งไวไฟ สารทล่ี ุกไหม้ไดเ้ อง และสารท่ีสมั ผสั กับน�้ำแล้วให้กา๊ ซไวไฟ แบง่ เป็น 3 กลุม่ ยอ่ ย ดงั น้ี 4.1) ของแข็งไวไฟ (Flammable Solids) หมายถึง ของแข็งที่สามารถติดไฟได้ง่ายจากการได้รับความร้อนจากประกายไฟ/เปลวไฟ หรอื เกดิ การลุกไหมไ้ ด้จากการเสยี ดสี ตัวอย่างเชน่ ก�ำมะถัน ฟอสฟอรสั แดง ไนโตรเซลลูโลส เป็นตน้ หรือเป็นสารทม่ี แี นวโน้มท่ีจะเกิดปฏิกิรยิ า คายความร้อนที่รุนแรง ตัวอย่างเช่น เกลือไดอะโซเนียม เป็นต้น หรือเป็นสารระเบิดท่ีถูกลดความไวต่อการเกิดระเบิด ตัวอย่างเช่น แอมโมเนียมพิเครต (เปียก) ไดไนโตรฟีนอล (เปยี ก) เป็นตน้ 4.2) สารทม่ี คี วามเสยี่ งตอ่ การลกุ ไหมไ้ ดเ้ อง (Substances Liable to Spontaneous Combustion) หมายถงึ สารทมี่ แี นวโนม้ จะเกดิ ความรอ้ นข้นึ ไดเ้ องในสภาวะการขนสง่ ตามปกติหรือเกิดความรอ้ นสูงขน้ึ ไดเ้ มอื่ สัมผัสกับอากาศ และมแี นวโนม้ จะลกุ ไหมไ้ ด้ 4.3) สารที่สัมผัสกับน้�ำแล้วท�ำให้เกิดก๊าซไวไฟ (Substances which in Contact with Water Emit Flammable Gases) หมายถงึ สารท่ที �ำปฏิกริ ิยากบั น�้ำแล้ว มีแนวโนม้ ท่ีจะเกดิ การตดิ ไฟได้เอง หรือท�ำให้เกิดก๊าซไวไฟในปรมิ าณที่เปน็ อันตราย เช่น โลหะอลั คาไลน์ สารประกอบโลหะไฮไดรด์ 5) ประเภทท่ี 5 – สารออกซไิ ดซแ์ ละสารอินทรยี เ์ ปอร์ออกไซด์ แบง่ เป็น 2 กลมุ่ ยอ่ ย ดงั น้ี 5.1) สารออกซิไดส์ (Oxidizing Substances) หมายถึง ของเเข็งหรือของเหลวท่ีตัวของสารเองไม่ติดไฟ แต่ให้ออกซิเจนซึ่งช่วยให้ วัตถุอ่ืนเกิดการลุกไหม้ และอาจจะก่อให้เกิดไฟเมื่อสัมผัสกับสารท่ีลุกไหม้และเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ โซเดียมเปอร์ออกไซด์ โซเดยี มคลอเรต เปน็ ต้น 5.2) สารอนิ ทรยี เ์ ปอรอ์ อกไซด์ (Organic Peroxides) หมายถงึ ของแขง็ หรือของเหลวท่ีมโี ครงสรา้ งออกซเิ จนสองอะตอม และช่วยใน การเผาสารที่ลุกไหม้ หรอื ทำ� ปฏกิ ริ ิยากบั สารอน่ื แลว้ ก่อให้เกดิ อนั ตรายได้ หรือเมอ่ื ไดร้ บั ความร้อนหรอื ลกุ ไหมแ้ ลว้ ภาชนะบรรจสุ ารนี้อาจระเบดิ ได้ ตวั อยา่ งเช่น อะซีโตนเปอรอ์ อกไซด์ เปน็ ตน้ 7
6) ประเภทท่ี 6 – สารพิษและสารตดิ เชอื้ แบ่งเปน็ 2 กลุ่มยอ่ ย ดังน้ี 6.1) สารพิษ (Toxic Substances) หมายถึง ของแข็ง หรือของเหลวท่ีสามารถท�ำให้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บรุนแรงต่อสุขภาพของคน หากกลืน สูดดมหรือหายใจรับสารนี้เข้าไป หรือเม่ือสารน้ีได้รับความร้อนหรือลุกไหม้จะปล่อยก๊าซพิษ ตัวอย่างเช่น โซเดียมไซยาไนด์ กลุ่มสารก�ำจดั แมลงศตั รพู ืชและสตั ว์ เป็นตน้ 6.2) สารติดเชื้อ (Infectious Substances) หมายถึง สารที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน หรือสารท่ีมีตัวอย่างการตรวจสอบของพยาธิสภาพ ปนเปอ้ื นทีเ่ ปน็ สาเหตขุ องการเกดิ โรคในสัตว์และคน ตัวอย่างเชน่ แบคทีเรียเพาะเชื้อ เปน็ ตน้ 7) ประเภทที่ 7 – วสั ดุกัมมันตรงั สี วัสดกุ ัมมันตรังสี (Radioactive Materials) หมายถงึ วัสดทุ ่สี ามารถแผ่รงั สที มี่ องไม่เห็นอย่างตอ่ เน่อื งมากกว่า 0.002 ไมโครครู ีตอ่ กรมั ตัวอย่างเชน่ โมนาไซด์ ยูเรเนียม โคบอลต์-60 เป็นตน้ 8) ประเภทที่ 8 – สารกัดกรอ่ น สารกดั กรอ่ น (Corrosive Substances) หมายถงึ ของแขง็ หรอื ของเหลวซงึ่ โดยปฏกิ ริ ยิ าเคมมี ฤี ทธก์ิ ดั กรอ่ นทำ� ความเสยี หายตอ่ เนอ้ื เยอ่ื ของสงิ่ มชี วี ติ อยา่ งรนุ แรง หรอื ทำ� ลายสนิ คา้ /ยานพาหนะทท่ี ำ� การขนสง่ เมอ่ื เกดิ การรว่ั ไหลของสาร ไอระเหยของสารประเภทนบ้ี างชนดิ กอ่ ใหเ้ กดิ การระคายเคืองตอ่ จมูกและตา ตัวอยา่ งเชน่ กรดเกลือ กรดก�ำมะถนั โซเดียมไฮดรอกไซด์ เป็นต้น 9) ประเภทที่ 9 – วสั ดุอันตรายเบด็ เตลด็ วัสดอุ ันตรายเบ็ดเตลด็ (Miscellaneous Dangerous Substances and Articles) หมายถึง สารหรือส่ิงของที่ในขณะขนส่งเปน็ สาร อันตรายซึ่งไมจ่ ดั อยู่ในประเภทท่ี 1 ถงึ ประเภทท่ี 8 ตวั อยา่ งเชน่ ป๋ยุ แอมโมเนยี มไนเตรต เป็นต้น และให้รวมถึงสารทีต่ อ้ งควบคมุ ให้มีอุณหภูมิ ไม่ต�่ำกวา่ 100 องศาเซลเซียส ในสภาพของเหลว หรือมีอุณหภมู ิ ไมต่ ำ่� กวา่ 240 องศาเซลเซยี สในสภาพของแขง็ ในระหวา่ งการขนส่ง 8
2.2 สญั ลักษณ์และฉลากตามระบบจเี อชเอส (GHS) ระบบ GHS เป็นระบบการจำ� แนกหรือการสื่อสารกลุ่มผลิตภัณฑเ์ คมที ีอ่ งค์การ สหประชาชาติได้ก�ำหนดข้ึน เพื่อให้แต่ละประเทศสามารถส่ือสารและเข้าใจข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับอันตรายที่เกิดจากสารเคมีและวัตถุอันตรายใน ทิศทางเดยี วกนั โดยจะตดิ ที่ภาชนะบรรจุและหีบหอ่ ของสารน้นั 9
10
11
12
การจัดการสารเคมี PART 2 หกรั่วไหลเบอ้ื งต้น การก�ำหนดเขตพน้ื ท่ี การกำ� หนดพน้ื ทแ่ี บง่ เปน็ 3 เขต ไดแ้ ก่ พน้ื ทอี่ นั ตราย (Hot Zone) พน้ื ทช่ี ำ� ระลา้ ง (Decontamination Zone) และ พ้ืนที่ปลอดภัย (Clean Zone) การกำ� หนดระยะห่างของแต่ละเขตจะข้ึนอยู่ในดุลยพินิจของผู้มีอ�ำนาจสั่งการ โดยส่วนใหญ่ จะพจิ ารณาจากชนิดของสารเคมี อันตรายท่ีรัว่ ไหล และทิศทางลมเปน็ สำ� คัญ โดยเฉพาะสารเคมี ที่เปน็ ประเภทกา๊ ซจะกำ� หนด ระยะทไี่ กลกวา่ สารประเภทอ่นื ๆ เปน็ ตน้ โดยมหี ลักการแบ่งพนื้ ทด่ี งั น้ี การแบง่ เขตพื้นทใี่ นการระงบั เหตฉุ กุ เฉิน (Decontamination Zone) (Clean Zone) 13
จุดที่ 1 พืน้ ท่ีอันตราย (Hot Zone) เปน็ จดุ ทท่ี มี เจา้ หน้าทปี่ ฏิบัตกิ ารฉกุ เฉินหรือทีม HAZMAT ของกรมควบคุมมลพิษ ซง่ึ ตอ้ งสวมชดุ ป้องกนั สว่ นบคุ คลระดบั เอหรอื บีข้นึ อยู่กบั ความเป็นอนั ตรายของสารเคมี และวัตถอุ ันตรายที่รวั่ ไหลเข้าพ้นื ทอ่ี ันตราย จุดที่ 2 พื้นท่ชี �ำระล้าง (De-contamination Zone) เปน็ จดุ ของทมี เจา้ หนา้ ทท่ี คี่ วบคมุ และขจดั สารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตรายทป่ี นเปอ้ื นจากการเขา้ ปฏบิ ตั งิ านในพนื้ ทปี่ นเปอ้ื นสารเคมแี ละวตั ถุ อันตรายของทีมเจ้าหนา้ ที่ปฏบิ ตั ิการฉุกเฉิน หรอื ทมี HAZMAT ของกรมควบคุมมลพษิ ซึง่ ต้องสวมใสป่ อ้ งกันอนั ตรายสว่ นบุคคลระดบั ทร่ี องกวา่ ชดุ ท่เี จา้ หน้าทีป่ ฏบิ ตั ิการฉุกเฉนิ เขา้ ไปในพ้นื ทอ่ี ันตราย จุดท่ี 3 พื้นทป่ี ลอดภัย (Clean Zone) เปน็ จดุ ท่ีไม่มีสารเคมแี ละวตั ถุอันตรายปนเปอ้ื น และเป็นที่ตงั้ ของศูนยป์ ฏบิ ตั กิ ารสว่ นหน้า รายละเอยี ดการแบ่งเขตพืน้ ทใ่ี นการระงับเหตฉุ ุกเฉนิ Z(Doenceo)ntamination (Clean Zone) ท่ีมา : กรมควบคุมมลพษิ และกรมโรงงานอตุ สาหกรรม 14
การประเมนิ สถานการณ์ (Assess the Situation) ความรุนแรงของเหตกุ ารณ์ฉุกเฉิน เพ่อื ใหผ้ ูบ้ ญั ชาการ ในทเ่ี กิดเหตุสามารถก�ำหนด ขน้ั ตอนการระงบั เหตุ และประสานขอรับการสนับสนุนหน่วยงานปฏิบัติ และหนว่ ยงานสนบั สนนุ รวมทงั้ ทรพั ยากรที่จำ� เปน็ ในการเขา้ ระงบั เหตุ การปอ้ งกนั อนั ตราย • อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบคุ คล (Personal Protective Equipment) หรือเรยี กชอ่ื ยอ่ วา่ PPE ซงึ่ หมายความรวมถงึ เส้อื ผา้ และอปุ กรณต์ า่ งๆ ทใ่ี ชใ้ นการป้องกันและแยกผใู้ สจ่ ากอันตรายดา้ นสารเคมี ด้านกายภาพ และดา้ นชวี ภาพ ซง่ึ อาจพบไดใ้ นท่ีเกิดเหตุจาก อบุ ตั ภิ ัยจากสารเคมี และสารอนั ตรายอนื่ ๆ ตัวอย่างเช่น 1) หมวกนิรภัย เป็นหมวกแข็งท�ำด้วยพลาสติกแข็งหรือยาง อาจมีพลาสติกบุด้านในเพ่ือให้เกิดความอบอุ่น ใช้ป้องกันศีรษะจาก การกระแทก 2) ฮทู โดยท่ัวไปใช้ใส่ทบั หมวกนิรภัยเพื่อปอ้ งกันสารเคมีทกี่ ระเดน็ มาสัมผสั 3) ท่คี ลุมผม สวมใสเ่ พ่ือปอ้ งกนั การปนเปอ้ื นของสารเคมี และปอ้ งกันไมใ่ หผ้ มเข้าไปติดในอุปกรณห์ รอื เคร่ืองจักรขณะทำ� งาน 4) กระบังหนา้ แวน่ นริ ภยั แว่นตาท่ีครอบปิดตา เป็นอปุ กรณ์ป้องกันตาและใบหนา้ จากการกระเด็นของสารเคมี หรอื อนุภาค หรือ ของแขง็ 5) ถงุ มือ เปน็ อปุ กรณป์ กป้องมือจากการสมั ผสั สารเคมี โดยอาจใชเ้ ป็นช้นิ เดียวกันยดึ ติดกนั กับแขนเสื้อ หรือชุดสวมปอ้ งกนั หรอื แยกจากชดุ ปอ้ งกนั อ่นื ๆ 6) รองเท้าบูท๊ ทนตอ่ สารเคมี ใชป้ ้องกนั เทา้ จากการสมั ผสั สารเคมี 7) ชุดสวมใส่ป้องกันสารเคมี ใช้ป้องกันก๊าซ ฝุ่น ไอระเหย และการกระเด็นของสาร มีชนิด 1 ชิ้น และ 2 ช้ิน หรือชุดห่อหุ้ม ทง้ั ร่างกาย อาจใชค้ รง้ั เดยี วท้ิงหรือชดุ ทนทาน • ระดับของการป้องกัน หน่วยงานป้องกันส่ิงแวดล้อมประเทศสหรัฐอเมริกา (EPA : U.S. Environmental Protection Agency) ได้แบ่งระดับการป้องกันของ PPE เป็น 4 ระดับ โดยบ่งช้ีถึงการใช้เครื่องช่วยหายใจ และการใช้เสื้อผ้าเพื่อการป้องกัน รวมท้ังเกณฑ์การเลือก ชุดป้องกันอนั ตรายจากสารเคมีตามระดบั การป้องกัน 15
การจ�ำแนกชุดป้องกันสารเคมแี ละเคร่อื งป้องกนั ระบบทางเดินหายใจตามระดับการป้องกัน หมายเหตุ : 1. ชดุ ป้องกันสารเคมี พจิ ารณาจากคุณสมบตั ิการดูดซึมหรอื อนั ตรายต่อผวิ หนัง 2. เคร่อื งปอ้ งกันระบบทางเดินหายใจ พิจารณาจากคุณสมบัติการดดู ซมึ หรอื อันตรายต่อระบบทางเดนิ หายใจ ที่มา : กรมควบคมุ มลพษิ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม เกณฑก์ ารเลอื กชุดปอ้ งกนั อันตรายจากสารเคมีตามระดับการปอ้ งกัน 16
ท่มี า : กรมควบคมุ มลพษิ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม 17
• การเขา้ สรู่ ่างกายของสารเคมีและวธิ สี ังเกตอาการ 1) ระบบทางเดนิ หายใจ โดยการสูดดมไอระเหย ฝนุ่ ผง หรอื ละอองสารพิษ อาการเม่อื ไดร้ บั สารเคมีเข้าสทู่ างเดนิ หายใจ เชน่ เกดิ การระคายเคอื งในทางเดินหายใจ แสบจมกู วงิ เวยี น และหากได้รับสารในความเขม้ ขน้ หรอื ปริมาณมากอาจท�ำให้ปอดถูกท�ำลาย ผลในระยะ ยาวอาจเกดิ มะเร็งปอด เปน็ ตน้ 2) ทางปาก โดยการกินทั้งจากการตัง้ ใจและไม่ต้ังใจ อาการทไ่ี ดร้ บั สารทางนีอ้ าจเกิดการระคายเคอื งต่อระบบล�ำไส้ ปวดท้อง แสบคอ ในระยะยาวอาจเกิดอนั ตรายต่ออวัยวะภายใน เชน่ ตบั ไต หรอื ระบบเลอื ด รวมทงั้ การสะสมของสารที่น�ำไปสูก่ ารเป็นมะเรง็ ได้ 3) ทางตา จากการทส่ี ารในรปู ของเหลว ไอระเหย หรือฝนุ่ ผงเขา้ สูต่ าอาจท�ำให้เกดิ การระคายเคอื งทตี่ า มอี าการแสบ หากได้ รบั ในความเข้มข้นหรือปรมิ าณมากอาจทำ� ใหต้ าบอดได้ 4) ทางผวิ หนัง แบ่งเป็น 2 วธิ ี คอื โดยการซึมผา่ นจากการสัมผัสทผ่ี ิวหนังและการฉีดหรอื ทม่ิ แทง อาการจากการทสี่ ารเคมี เข้าส่ทู างผิวหนังอาจเกดิ การระคายเคือง ผวิ หนงั ถูกท�ำลายถาวร และอาจเกดิ มะเร็งผิวหนัง เป็นต้น 11. การปฐมพยาบาลเบ้อื งต้นผไู้ ด้รบั อนั ตรายจากสารเคมี 11.1 ระบบทางเดินหายใจ ใหย้ ้ายผไู้ ดร้ บั สารเคมีนัน้ ออกจากบรรยากาศของสารเคมไี ปที่ทมี่ ีอากาศบรสิ ทุ ธ์ิ ช่วยผายปอดหรอื กระตุ้น การหายใจดว้ ยยาดมฉุนๆ 11.2 ทางปาก 1) ให้ผ้ปู ว่ ยดืม่ นมหรือไข่ดบิ หรือดื่มนำ้� เปลา่ ทันที เพื่อลดอตั ราการดดู ซมึ และท�ำให้สารเคมีเจือจางลง กรณที ี่ผูไ้ ดร้ ับสารเคมี ก�ำลงั ชกั หรือสลบอย่าใหด้ ่มื อะไรทัง้ ส้ิน 2) ทำ� ให้อาเจยี นโดยใช้นิ้วแหย่แถวเพดานคอ หรือให้ด่ืมนำ้� เกลอื อุ่นๆ (ผสมเกลือ 1 ชอ้ นโต๊ะ ในน้�ำ 1 แกว้ ) หรอื ทั้งดื่มและ ล้วงคอเพื่อให้อาเจียนเอาสารพษิ ออกมา ขอ้ ควรระวังในการท�ำใหอ้ าเจียน คือ อยา่ พยายามท�ำให้อาเจียนถา้ ผู้ไดร้ บั สารเคมมี ีอาการชักหรอื สลบ เพราะจะทำ� ใหเ้ ศษอาหารทะลกั เขา้ ไปในหลอดลมและเกดิ การอกั เสบของปอดได้ ในกรณที ดี่ ม่ื กรด ดา่ ง หรอื นำ�้ ยาฟนี อล (ยาดบั กลน่ิ ) ถา้ ดม่ื กรด ใหด้ ม่ื นำ้� ปนู ใส เพื่อช่วยทำ� ให้เป็นกลางแล้วให้ดม่ื นมเพอื่ ลดการระคายเคอื งกอ่ น แล้วจึงท�ำใหอ้ าเจยี น ถา้ ด่มื ดา่ งให้ดมื่ นำ�้ ผลไม้ เช่น น้�ำสม้ หรอื น้�ำผสมนำ�้ สม้ สายชูเลก็ น้อย แล้วด่ืมนมหรือไขต่ กี ่อนทำ� ใหอ้ าเจยี น 3) ใหย้ าถา่ ย เพ่ือช่วยขบั สารเป็นพิษออกจากล�ำไส้ ยาถ่ายท่ีเหมาะสมทสี่ ุดไดแ้ ก่ โซเดยี มซลั เฟต ดเี กลอื นำ�้ มันระหุ่ง ขอ้ ควร ระวงั ในการให้ยาถ่ายนนั้ อย่าใหใ้ นรายท่ดี ่มื สารทม่ี ีฤทธ์กิ ดั กรอ่ น เช่น กรด หรอื ดา่ ง ถา้ จะให้ยาถา่ ยในรายดืม่ กรด หรือดา่ งควรให้หลังจากที่ให้ ด่มื นมหรือไขต่ ี หรอื สารทจ่ี ะไปทำ� ให้กรดหรือดา่ งเป็นกลางกอ่ น 11.3 ทางตา ให้ลา้ งตาด้วยน�้ำสะอาดให้มากท่ีสุดทนั ที โดยเปดิ เปลือกตาขน้ึ ให้นำ�้ ไหลผา่ นตาอย่างน้อย 15 นาที ปา้ ยขผ้ี ้งึ ปา้ ยตา แลว้ รบี น�ำส่งแพทยโ์ ดยเรว็ ห้ามใชส้ ารเคมแี กพ้ ิษใดๆ ทง้ั ส้นิ 11.4 ทางผิวหนงั ใหล้ ้างผิวหนงั ในบรเิ วณทถ่ี กู สารเคมี โดยใชน้ ้�ำสะอาดลา้ งใหม้ ากท่ีสุด เพื่อท�ำใหเ้ จือจาง และขับออก ถ้าสารเคมหี ก รดเส้ือผ้าให้รีบถอดเส้ือผ้าออกก่อน ห้ามใช้สารแก้พิษใดๆ เทลงไปบนผิวหนังเพราะอาจเกิดความร้อนจากปฏิกิริยาเคมีท�ำให้แผลกว้างและเจ็บ มากข้ึน 18
จัดเกเ็บพส่ือใาหรเ้ กเดิคมคีวในาหมอ้ ปงปลฏอิบดัติกภาัยรอยา่ งไร การจัดเก็บสารเคมีท่ีดีนับว่าเป็นองค์ประกอบท่ีส�ำคัญ ในการช่วยส่งเสริม ดร.องอาจ ธเนศนิตย์ ให้การท�ำงานในห้องปฏิบัติการเคมีเกิดความปลอดภัย1 การจัดเก็บสารเคมี คือ กระบวนการทต่ี ้องนำ� สารเคมที ม่ี ีความเปน็ อนั ตรายในรปู แบบต่างๆ เช่น ไวไฟ เป็นพษิ ศูนย์ความปลอดภัยอาชีวอนามัยและส่ิงแวดล้อม วอ่ งไวในการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า เปน็ ตน้ มาจดั เกบ็ ไวใ้ นพนื้ ทแ่ี ละสภาพแวดลอ้ มทม่ี คี วามเหมาะ จุ ฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมภายใตก้ รอบระยะเวลา (สารเคมสี ว่ นใหญม่ กั จะถกู จดั เกบ็ ยาวนานเปน็ ป)ี การจดั เกบ็ สารเคมอี ยา่ งไมถ่ กู ตอ้ ง เชน่ การจดั เกบ็ สารเคมโี ดยจดั เรยี งตามลำ� ดบั ตวั อกั ษร การจดั เกบ็ สารเคมีโดยแยกตามสถานะ การจัดเก็บสารเคมีโดยไม่มีเกณฑ์ที่เชื่อถือได้ใดๆ ใช้ใน การอ้างอิง การจัดเก็บสารเคมีในสภาพแวดล้อมทไี่ มป่ ลอดภยั ลว้ นแล้วแต่มีความเส่ียง ที่อาจก่อใหเ้ กิดอุบตั เิ หตตุ ่างๆ ตามมา เช่น การเกดิ ไฟไหม้ การระเบิด สารเคมีรวั่ ไหล เป็นต้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งแบบทางตรงและทางอ้อม เช่น การบาดเจ็บ การสญู เสียเวลา การสญู เสยี ทรัพย์สิน การเสยี ชีวิต รวมทง้ั ภาพลักษณข์ ององคก์ รได้ โดยธรรมชาตขิ องสารเคมใี นหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารมกั จะมคี วามแตกตา่ งกบั สว่ นงาน อน่ื ๆ ขององคก์ ร เชน่ ฝา่ ยผลติ คลงั เกบ็ สารเคมี โดยในหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารจะมชี นดิ ของสาร เคมที ่คี รอบครองซ่ึงมคี วามหลากหลาย แต่จะมีปรมิ าณในแตล่ ะชนิดทนี่ อ้ ย การจัดเกบ็ สารเคมตี ามความเขา้ กนั ไดข้ องสารเคมจี งึ เปน็ เรอ่ื งทจ่ี ำ� เปน็ เพอื่ ใหส้ ามารถควบคมุ ความ เปน็ อนั ตรายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การจดั เกบ็ สารเคมโี ดยทว่ั ไป จะอาศยั 1) การจดั เกบ็ สารเคมตี ามประเภทความเปน็ อนั ตราย เชน่ สารไวไฟ สารออกซไิ ดซ์ สารระเบดิ ได้ เปน็ ตน้ 20
2) สารเคมีท่ีเข้ากันไม่ได้ (Incompatible chemicals) จะต้องถูกเก็บแยกให้ห่างออกจากกัน เช่น สารออกซิไดซ์กับสารไวไฟ กรดกับเบส สารออกซไิ ดซก์ บั สารรดี วิ ซ์ เปน็ ตน้ 3) สารเคมที มี่ คี วามเปน็ อนั ตรายแบบเฉยี บพลนั และรนุ แรง ตอ้ งถกู เกบ็ แยกออกจากสารเคมใี นกลมุ่ อนื่ ๆ เชน่ สารที่มคี วามเสี่ยงตอ่ การลุกไหมไ้ ดเ้ อง สารที่ใหก้ า๊ ซไวไฟเม่อื สัมผสั กับน�้ำ สารพิษที่มีอันตรายสูง เปน็ ต้น สำ� หรบั แนวทางในการจำ� แนกกล่มุ ของสารเคมเี พ่อื ใชใ้ นการจดั เกบ็ สามารถใชเ้ กณฑ์อ้างอิงตา่ งๆ จากแหลง่ ข้อมูลท่ีเชอื่ ถอื ได้ เชน่ การ จำ� แนกสารเคมตี ามกลุ่มสารทีเ่ ขา้ กันไดข้ อง Lawrence M. Gibbs มหาวิทยาลัยสแตนฟอรด์ ประเทศสหรัฐอเมรกิ า2 การจำ� แนกวัตถอุ ันตราย สำ� หรบั การจดั เกบ็ ตามกรมโรงงานอตุ สาหกรรม เรอ่ื ง คมู่ อื การจำ� แนกประเภทวตั ถอุ นั ตรายเพอื่ การเกบ็ รกั ษา ตามบญั ชรี ายชอ่ื วตั ถอุ นั ตรายทก่ี รม โรงงานอุตสาหกรรมรบั ผิดชอบ (พ.ศ. 2556-2560)3 เปน็ ต้น ทง้ั นี้ จะขอยกตวั อยา่ งการจ�ำแนกวัตถอุ ันตรายส�ำหรับการจัดเก็บตามกรมโรงงาน อุตสาหกรรม โดยคู่มือการจ�ำแนกประเภทวตั ถอุ นั ตรายเพอื่ การเก็บรกั ษา ซ่ึงจะแบง่ สารเคมีออกเปน็ 13 ประเภทใหญๆ่ ได้ดังนี้ หมายเหตุ * สารเคมปี ระเภทที่ 6.2 (สารติดเช้ือ) และ 7 (สารกัมมันตรังส)ี ตอ้ งถูกจัดเกบ็ เปน็ พเิ ศษตามระเบยี บของรัฐ ในการพิจารณาเพ่ือจ�ำแนกสารเคมีในการจัดเก็บตามตารางดังกล่าว จะใช้ข้อมูลจากเอกสารข้อมูลความปลอดภัยของสารในหัวข้อ ท่ี 2 การระบคุ วามเปน็ อนั ตราย (Hazard identification) ซง่ึ จะมแี สดงขอ้ มลู ความเปน็ อนั ตรายของสารเคมตี ามระบบ GHS และสญั ลกั ษณแ์ สดง ความเปน็ อันตราย (Pictogram) หรอื ใชข้ ้อมูลความเป็นอนั ตรายจากฐานขอ้ มูลอืน่ ๆ ทเ่ี ช่อื ถอื ได้ เชน่ ECHA (European chemicals agency) 21
สหภาพยุโรป4 PubChem ของ National Center for Biotechnology Information ประเทศสหรัฐอเมริกา5 เป็นต้น โดยจะน�ำข้อมูล ความเป็นอันตรายของสารเคมมี าพิจารณาตามลำ� ดบั ความสำ� คญั ของความเป็นอนั ตราย ดังนี้ ลำ� ดบั ที่ 1 สารติดเชื้อ ลำ� ดับที่ 2 สารกมั มนั ตรังสี ลำ� ดับท่ี 3 วตั ถรุ ะเบิด ลำ� ดบั ที่ 4 แก๊สอัด ก๊าซเหลว หรือก๊าซท่ีละลายภายใต้ความดัน ลำ� ดบั ท่ี 5 สารทมี่ ีความเส่ยี งตอ่ การลกุ ไหม้ไดเ้ อง ลำ� ดบั ที่ 6 สารใหก้ ๊าซไวไฟเม่อื สมั ผสั กบั น�้ำ ลำ� ดบั ที่ 7 สารเปอร์ออกไซดอ์ ินทรีย์ ลำ� ดบั ท่ี 8 สารออกซิไดซ์ ลำ� ดบั ที่ 9 ของแขง็ ไวไฟ ลำ� ดับท่ี 10 ของเหลวไวไฟ ลำ� ดบั ท่ี 11 สารพิษ ลำ� ดบั ที่ 12 สารกดั กร่อน ลำ� ดบั ที่ 13 ของเหลวตดิ ไฟ/ ของเหลวไม่ติดไฟ ลำ� ดบั ที่ 14 ของแขง็ ตดิ ไฟ/ ของแขง็ ไม่ติดไฟ ตัวอยา่ ง เชน่ • กรดไนตรกิ 6 มีความเป็นอนั ตรายตามระบบ GHS คอื H272: สารออกซไิ ดซ์อาจเร่งการลกุ ไหม้ใหร้ ุนแรงข้ึน (May intensify fire; oxidizer) H314: ท�ำใหผ้ ิวหนังไหม้อย่างรนุ แรงและทำ� ลายดวงตา (Causes severe skin burns and eye damage) ดังน้นั จัดกรดไนตรกิ เปน็ สารออกซไิ ดซ์ (สารประเภท 5.1 ในการจดั เกบ็ สารเคมตี ามกรมโรงงานอตุ สาหกรรม) • ฟนี อล7 มคี วามเปน็ อนั ตรายตามระบบ GHS คอื H301 เป็นพิษเม่ือกลนื กนิ (Toxic if swallow) H311 เป็นพิษเม่ือถูกผิวหนงั (Toxic in contact with skin) H314 ท�ำใหผ้ วิ หนังไหม้อย่างรนุ แรงและท�ำลายดวงตา (Causes severe skin burns and eyes damage) H331 เปน็ พิษเมอื่ สูดดม (Toxic if inhale) H341 อาจทำ� ใหเ้ กิดความผิดปกติทางพันธุกรรม (Suspected of causing genetic defects) H373 อาจทำ� ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ อวยั วะเมอ่ื รบั สมั ผสั เปน็ เวลานานหรอื ซำ�้ หลายครงั้ (May cause damage to organs through prolonged or repeated exposure) ดงั น้ัน จดั ฟีนอล เป็นสารพิษ (สารประเภท 6.1 ในการจดั เก็บสารเคมีตามกรมโรงงานอตุ สาหกรรม) หลังการคัดแยกสารเคมีตามกลุ่มสารที่เข้ากันได้แล้ว ให้น�ำสารเคมีในแต่ละกลุ่มมาจัดเก็บเรียงกันตามล�ำดับตัวอักษร และปฏิบัติตาม ข้อแนะน�ำการจัดเกบ็ ดังน้ี • จัดเกบ็ สารเคมีตามข้อแนะนำ� ในเอกสารขอ้ มูลความปลอดภยั ของสาร ในหวั ข้อเรอ่ื งต่างๆ ท่เี กย่ี วข้อง เช่น o หวั ขอ้ ท่ี 7 การขนถา่ ย การเคลอ่ื นยา้ ยและการจดั เกบ็ (Handling and storage) แสดงขอ้ มลู ขอ้ ควรระวงั ในการเกบ็ รกั ษาสารเคมี o หวั ขอ้ ที่ 10 ความเสถยี รและความไวต่อปฏกิ ริ ิยา แสดงข้อมูลในเร่อื งสารทีเ่ ขา้ กันไม่ได้ (Incompatible materials) • จัดเกบ็ สารเคมีตามข้อแนะนำ� ในคูม่ ือการจำ� แนกประเภทวัตถุอันตรายเพอ่ื การเก็บรักษา ตามบัญชีรายช่ือวัตถุอนั ตรายทีก่ รมโรงงาน อตุ สาหกรรมรับผิดชอบ (พ.ศ. 2556-2560)3 • ไมจ่ ดั เกบ็ สารเคมสี มั ผสั ความร้อนหรอื แสงแดดโดยตรง • วางสารเคมไี วบ้ นภาชนะรองรบั (Secondary container) ทม่ี สี มบตั เิ ฉอื่ ย สามารถกกั เกบ็ สารเคมไี ดท้ งั้ หมดในกรณที สี่ ารเคมเี กดิ หกรว่ั ไหล • ไมจ่ ดั เกบ็ สารเคมีไว้ในระดับทีส่ งู เกินกวา่ ระดับสายตา • จดั เก็บสารเคมที ่ีมขี นาดใหญ่และหนกั บนช้ันวางทม่ี รี ะดับตำ่� • ไมเ่ ก็บสารเคมีไว้ในตู้ดูดควันอย่างถาวร 22
• ไม่วางขวดสารเคมซี อ้ นกนั ตามแนวต้งั • ไม่วางสารเคมไี ว้บนทางเดินหรือวางบนพ้ืน ควรเก็บในพ้ืนที่ทจ่ี ดั ไวโ้ ดยเฉพาะ • สารที่ต้องถูกจัดเก็บไว้ในพื้นท่ๆี เยน็ เช่น ตู้เยน็ ตเู้ ย็นที่ใช้งานต้องเปน็ ประเภททส่ี ามารถกันการระเบดิ ได้ (Explosion-proof) ในกรณที สี่ ารเคมมี ลี กั ษณะอนั ตรายเฉพาะ เชน่ สารไวไฟ สารทว่ี อ่ งไวในการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า สารกดั กรอ่ น เปน็ ตน้ ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามขอ้ แนะนำ� เพ่มิ เติม6 ดงั นี้ การจัดเกบ็ ของเหลวไวไฟและของเหลวตดิ ไฟ • เกบ็ ให้หา่ งจากสารออกซไิ ดซ์ เช่น กรดไนตรกิ กรดโครมกิ เปอรแ์ มงกาเนต คลอเรต เปอรค์ ลอเรต และเปอรอ์ อกไซด์ เปน็ ต้น • เก็บให้หา่ งจากความร้อน และแหล่งก่อให้เกิดประกายไฟ • ควบคุมปรมิ าณของของเหลวไวไฟและของเหลวติดไฟในการจดั เก็บ • ถา้ มีสารไวไฟและสารตดิ ไฟในปรมิ าณมาก ควรเก็บไวใ้ นตูเ้ กบ็ สารไวไฟโดยเฉพาะ • เกบ็ ตวั ท�ำละลายท่มี ีจุดเดอื ดต่�ำในทม่ี ีการถ่ายเทอากาศทีด่ ี ไมค่ วรใหโ้ ดนแสงแดดโดยตรง การจดั เกบ็ สารท่ีว่องไวในการเกิดปฏกิ ิริยา (เช่น สารระเบดิ ได้ สารทม่ี ีความเสี่ยงตอ่ การลุกไหม้ไดเ้ อง สารให้กา๊ ซไวไฟเมือ่ สัมผสั กับน�้ำ สารออกซไิ ดซ์และสารรดี วิ ซท์ ี่มีความรุนแรง เปน็ ตน้ ) • การจดั เก็บสารทว่ี อ่ งไวในการปฏิกริ ิยา ตามข้อแนะน�ำในเอกสารข้อมูลความปลอดภัยของสาร • จัดเก็บสารในปรมิ าณน้อย • จัดเกบ็ สารออกซไิ ดซ์ แยกออกจากสารรีดวิ ซ์ สารไวไฟและสารติดไฟ • จดั เกบ็ สารรดี วิ ซ์ท่รี ุนแรง แยกออกจากสารทถี่ กู รดี ิวซไ์ ดง้ า่ ย • จดั เก็บสารท่ีมคี วามเสีย่ งตอ่ การลกุ ไหมไ้ ด้เอง แยกออกจากสารไวไฟ • เกบ็ สารทใ่ี หก้ า๊ ซไวไฟเมอื่ สมั ผสั กบั นำ�้ ใหห้ า่ งจากระบบดบั เพลงิ แบบสปรงิ เกลอร์ หรอื แหลง่ นำ้� ตา่ งๆ การจัดเกบ็ สารกัดกรอ่ น • จดั เก็บสารกดั กร่อนประเภทกรดแยกออกจากเบส • ควรจดั เกบ็ สารกัดกรอ่ นในตเู้ ก็บสารกัดกร่อนโดยเฉพาะ • ไม่เก็บสารกัดกร่อนไวในตูท้ ที่ �ำจากโลหะ • จดั เกบ็ กรดทเี่ ขา้ กนั ไมไ่ ดแ้ ยกออกจากกนั เชน่ จดั เกบ็ กรดอนนิ ทรยี ท์ ม่ี สี มบตั อิ อกซไิ ดซ์ (Oxidizing inorganic acid) แยกออกจากกรดอนินทรีย์ที่ไม่มีสมบัติออกซิไดซ์ (Non-oxidizing inorganic acid) ตวั อย่างเชน่ การแยกกรดไนตริกออกจากกรดไฮโดรคลอรกิ • จดั เกบ็ กรดอนิ ทรีย์ไว้รวมกับสารไวไฟและสารติดไฟ 23
นอกจากนี้ ควรมกี ารจดั ทำ� สารบบสารเคมี (Chemical inventory) เพอื่ สามารถบรหิ ารจดั การขอ้ มลู สารเคมรี วมทง้ั การใชง้ านสารเคมี ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ โดยหม่นั ปรับขอ้ มูลของสารบบสารเคมใี หม้ ีความเปน็ ปจั จุบนั อยู่เปน็ ประจ�ำ ตวั อยา่ งของข้อมลู ท่คี วรบันทกึ ลงในสารบบ สารเคมี ได้แก่ 1) ชอ่ื สารเคมี 2) หมายเลข CAS ของสารเคมี 3) ประเภทความเป็นอันตราย 4) ปริมาณของสารเคมี 5) ภาชนะบรรจุสารเคมี 6) สถานทีจ่ ดั เกบ็ 7) วนั ที่รับสารเคมี 8) วันที่หมดอายุ 9) วนั ทเ่ี ปดิ ใช้งานสารเคมี 10) ราคา 11) ผรู้ ับผดิ ชอบ เปน็ ตน้ ผรู้ บั ผดิ ชอบหรอื ผทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งควรทำ� การประเมนิ ความเสย่ี งในการจดั เกบ็ สารเคมี จดั หาอปุ กรณด์ า้ นความปลอดภยั ทม่ี คี วามเหมาะสม เช่น วัสดุดูดซับ ถังดับเพลิง ชุดอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เป็นต้น รวมทั้ง มีแผนตอบโต้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และด�ำเนินการฝึกซ้อมแผนตอบโต้ อย่างต่อเน่ือง เช่น ฝึกซ้อมอย่างน้อยปีละครั้ง เมื่อสามารถจัดเก็บสารเคมีได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายเนื่องจาก อบุ ตั เิ หตจุ ากการจดั เกบ็ สารเคมที ไี่ มถ่ กู วธิ ี รวมทง้ั ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของผปู้ ฏบิ ตั งิ านและผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ในการทำ� งานมากขน้ึ ส่งผลให้การท�ำงานในห้องปฏิบัติการมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลท่ีดี และเป็นส่วนหนึ่งท่ีช่วยน�ำพาความส�ำเร็จมาให้หน่วยงาน และองค์กร ได้ในท้ายสดุ เอกสารอ้างอิง 1. คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ . 2560. ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม ฉบบั ที่ 4699 (พ.ศ. 2558) เรอื่ ง กาํ หนดมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม ระบบการจดั การดา้ นความปลอดภยั ของห้องปฏิบัติการทีเ่ ก่ียวข้องกับสารเคมี เล่ม ๑ : ขอ้ กาํ หนด. [ONLINE] Available at https://www.sci.tsu.ac.th/org/sci/UserFiles/file/dowload%20file/มอก_2677%20เลม่ %201.pdf : [Accessed /20 December 2019]. 2. กรมโรงงานอตุ สาหกรรม. 2560. คมู่ อื การจำ� แนกประเภทวตั ถอุ นั ตรายเพอื่ การเกบ็ รกั ษาตามบญั ชรี ายชอ่ื วตั ถอุ นั ตรายทกี่ รมโรงงานอตุ สาหกรรมรบั ผดิ ชอบ (พ.ศ. 2556-2560). [ONLINE] Available at: http://oaep.diw.go.th/haz/wp-content/uploads/2019/01/บช5.1_56-60.pdf. [Accessed 16 December 2019]. 3. The National Academics of Sciences, Engineerings and Medicine. 2019. Prudent Practices in the Laboratory: Handling and Management of Chemical Hazards, Updated Version (2011). [ONLINE] Available at: https://www.nap.edu/catalog/12654/prudent-practices-in-the-laboratory-handling-and-management-of-chemical. [Accessed 16 December 2019]. 4. European Chemicals Agency. 2019. ECHA. [ONLINE] Available at: https://echa.europa.eu. [Accessed 20 December 2019]. 5. National Center for Biotechnology Information. 2019. PubChem. Available at: https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov. [Accessed 20 December 2019]. 6. ECHA. 2019. Summary of classification and labelling (nitric acid). [ONLINE] Available at: https://echa.europa.eu/information-on-chemicals/cl-inventory-data- base/-/disclidetails/75872. [Accessed 19 December 2019]. 7. ECHA. 2019. Summary of classification and labelling (phenol). [ONLINE] Available at: https://echa.europa.eu/information-on-chemicals/cl-inventory-database/-/ discli/details/1011. [Accessed 19 December 2019]. 8. ศูนย์ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและส่ิงแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คู่มือความปลอดภัยในการท�ำงานกับสารเคมีส�ำหรับนิสิตที่ท�ำวิจัยและนักวิจัย. 1 ed. (SHE-CH-SD-003) [ONLINE] p.72. Available at: https://www.shecu.chula.ac.th/data/boards/272/คมู่ อื ความปลอดภัยในการทำ� งานกบั สารเคม.ี pdf. [Accessed 23 December 2019]. 24
ดร.องอาจ ธเนศนติ ย์ PPE ศอาูนชยีว์คอวนาามมปัยลแอลดะภส่ิงัยแวดล้อม จุ ฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส�ำหรับการท�ำงาน ใทน่ีเกห่ีย้อวงขป้อฏงิบกัตับิกสาารรเคมี 26
อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (Personnel Protective Equipment) หรือที่เรียกส้ันๆ ว่า PPE เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ สวมใส่เพอื่ ค้มุ ครองรา่ งกายจากอนั ตรายในรูปแบบต่างๆ เช่น ความร้อน สารเคมี เชอ้ื ทีก่ ่อโรค เปน็ ตน้ ซงึ่ เกิดจากการท�ำงานหรอื สภาพแวดล้อม ในการทำ� งานท่ีไมป่ ลอดภัย และสามารถสง่ ผลกระทบต่อสุขภาพของผปู้ ฏิบัตงิ านได้ อีกทง้ั มาตรการควบคุมอันตรายในดา้ นอ่นื ๆ ขาดหรือไรซ้ ึง่ ประสิทธิภาพในการใช้งาน เช่น การไม่มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ท่ีสามารถใช้ก้ันความเป็นอันตรายออกจากตัวผู้ปฏิบัติงาน การขาดแนวทางและ วิธีปฏิบัติงานที่มีความเหมาะสมในการท�ำงานกับสารเคมี ท้ังน้ี การใช้งาน PPE จัดเป็นการควบคุมอันตรายที่มีประสิทธิภาพน้อยท่ีสุดเม่ือ เปรียบเทียบกับการควบคมุ อันตรายในแบบอืน่ ๆ ดังภาพที่ 1 แสดงล�ำดบั ชน้ั ของการควบคุมอันตราย (Hirarchy of controls) 1 ภาพท่ี 1 แสดงล�ำดับชนั้ ของการควบคมุ อันตราย (hirarchy of controls) [ที่มาของภาพ: EN.WIKIPEDIA.ORG. (2019). Hierarchy of hazard controls. [online] Available at: https://en. wikipedia.org/wiki/Hierarchy_of_hazard_controls#/media/File:Hierarchy_of_Controls_(By_NIOSH).jpg [Accessed 25 Nov. 2019].] ส�ำหรับการท�ำงานในห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี ผู้ปฏิบัติงานต้องเผชิญกับอันตรายต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากการท�ำงาน ในลกั ษณะอื่น ทั้งน้ี PPE ที่เหมาะสมกบั การทำ� งานในห้องปฏบิ ตั กิ ารที่เกยี่ วขอ้ งกับสารเคมี1 ประกอบดว้ ย 1. อุปกรณ์ป้องกันดวงตาและใบหน้า2 เป็นอปุ กรณซ์ งึ่ ผปู้ ฏิบตั งิ านต้องสวมใส่ตลอดเวลาในการท�ำงาน เพือ่ ปกป้องและบรรเทาความ เสียหายท่ีอาจเกิดขึ้นจากการกระเด็นของสารเคมี ทั้งน้ี อุปกรณ์ป้องกันดวงตาและใบหน้าที่ใช้งาน ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานด้านความ ปลอดภัยทีเ่ ชื่อถือได้ เช่น ANSI Z87.1-1989 ANSI Z87.1-2003 หรอื ANSI Z87.1- 2010 เปน็ ต้น ในกรณีที่ท�ำงานกบั สารเคมที ีเ่ ป็นของแขง็ ผู้ปฏิบัตงิ านควรเลอื กสวมใสแ่ วน่ ตานริ ภัย (Safety glasses) ชนดิ ทม่ี ีกระบงั กนั ดา้ นข้าง (ดงั แสดงในภาพที่ 2) หรือชนิดที่ไมม่ กี ระบังกนั ด้านขา้ ง อย่างไรก็ตาม แว่นตานิรภัยชนิดที่มีกระบังกันด้านข้างจะช่วยปกป้องครอบคลุมดวงตาได้ดีมากกว่าชนิดท่ีไม่มีกระบังกันด้านข้าง เลนส์ที่ใช้ท�ำ แว่นตานิรภัยส่วนใหญ่ มักท�ำมาจากพอลิคาร์บอเนตซ่ึงมีความแข็งแรงและสามารถทนแรงกระแทกได้ดี ในกรณีที่ท�ำงานกับสารเคมีเหลว ควร เลือกสวมใส่แว่นตานิรภัยแบบครอบดวงตา (Safety goggles) ดังแสดงในภาพท่ี 3 เนื่องด้วยแว่นตานิรภัยชนิดดังกล่าว จะมียางท่ีช่วยปิดก้ัน บรเิ วณรอยตอ่ ระหว่างหนา้ กากและหนา้ ทำ� ใหส้ ารเคมเี หลวไม่สามารถไหลผา่ นเข้ามาภายในแวน่ ตาได้ ขอ้ จ�ำกัดในการใชง้ าน คอื เม่อื ใช้งานไป สกั พกั มกั มฝี า้ เกดิ ขน้ึ ทบ่ี รเิ วณเลนสซ์ งึ่ เปน็ อปุ สรรคตอ่ การมอง ดงั นนั้ เพอ่ื ขจดั ปญั หาดงั กลา่ วควรเลอื กใชช้ นดิ ทม่ี ชี อ่ งระบายทางออ้ ม (Indirect ventilation safety goggles) ซ่ึงสามารถระบายฝา้ ได้ แตจ่ ะไม่ยอมให้สารเคมเี หลวไหลผา่ นเขา้ มาภายในแว่นตาได้ หรอื เลือกใช้ชนดิ ท่มี ีเลนส์ 27
ป้องกนั การเกดิ ฝ้า (Anti-fog safety goggles) แทน ในกรณที ่ีทำ� งานกับสารเคมีซงึ่ มีโอกาสในการหกกระเดน็ สูงหรือมคี วามเสย่ี งต่อการระเบิด ผปู้ ฏบิ ัติงานควรสวมใสก่ ระบังหนา้ (Face shield) รว่ มกับการใชง้ านแว่นตานิรภัยหรือแวน่ ครอบตานริ ภัยด้วยทุกครงั้ 2 ภาพที่ 2 แสดงตวั อยา่ งของอปุ กรณป์ อ้ งกนั ดวงตาและใบหนา้ : ก) แวน่ ตานริ ภยั ชนดิ ทมี่ กี ระบงั กนั ดา้ นขา้ ง (Safety glasses with side shield) และ ข) แสดงตัวอย่างของแว่นตานิรภยั แบบครอบดวงตา (Safety goggles) [ทม่ี าของภาพ: ก) CCOHS.CA. (2019). [online] Eye and Face Protectors. Available at: https://www.ccohs.ca/oshanswers/prevention/ppe/glasses.html [Accessed 25 Nov. 2019]. ข) Direct Workwear. (2019). 882 Advantage Series - Indirect Vent Chemical Splash Safety Goggles - Direct Workwear. [online] Available at: https:// directworkwear.com/shop/safety/sellstrom-882-advantage-series-indirect-vent-chemical-splash-safety-goggles/ [Accessed 26 Nov. 2019].] 2. อุปกรณ์ป้องกันมือและแขน2 ผิวหนังมนุษย์สามารถดูดซับสารเคมีชนิดต่างๆ เช่น กรด เบส สารอินทรีย์ น�้ำมันและอ่ืนๆ ได้ หลงั การสมั ผสั (ถา้ สารเคมมี มี วลโมเลกลุ ตำ่� กวา่ 500 D) ถงุ มอื จดั เปน็ อปุ กรณป์ อ้ งกนั มอื และแขนทช่ี ว่ ยปกปอ้ งรา่ งกายจากการสมั ผสั สารเคมี ถงุ มอื สามารถแบง่ ออกได้เปน็ 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ถงุ มอื ท่ีใชค้ รง้ั เดยี วแล้วท้ิง (Disposable gloves) และถงุ มอื ท่ีสามารถใช้งานซ้�ำได้ (Reusable gloves) ถุงมือที่ใช้ครั้งเดียวแล้วท้ิงจะมีความหนาของถุงมือที่น้อยกว่าถุงมือที่สามารถใช้งานซ�้ำได้ ท�ำให้มีเน้ือสัมผัสและความยืดหยุ่นที่ดีกว่า แตค่ วามสามารถในการกนั สารเคมีไดด้ ีนอ้ ยกว่า ตวั อย่างของถุงมอื ทใ่ี ช้งานกับสารเคมี ได้แก่ ถงุ มอื ยางทางการแพทย์ (Latex rubber gloves) ถงุ มอื ไนไตร (Nitrile gloves) ถงุ มือพอลิไวนลิ แอลกอฮอล ์ (Polyvinyl alcohol gloves) ถุงมือพอลิยูรีเทน (Polyurethane gloves) ถงุ มือ พอลิไวนลิ คลอไรด์ (Polyvinyl chloride gloves) ถงุ มือบิวทลิ (Butyl gloves) ถุงมอื นโี อพรีน (Neoprene gloves) เป็นต้น ท้ังนี้ ชนิดของ ถุงมือจะเปน็ ตัวก�ำหนดความสามารถในการกนั สารเคมี ส�ำหรับถงุ มือยางทางการแพทย์หรือทีเ่ รียกว่า ถงุ มือยางลาเทก็ ซ์ จัดเปน็ ถงุ มอื เบอื้ งตน้ ท่ี ใชง้ านกบั สารเคมี มคี วามเหมาะสมในการใชง้ านกบั สารละลายกรดและเบสชนดิ เจอื จาง แตไ่ มเ่ หมาะสมในการใชง้ านกบั สารละลายกรดและเบส ทมี่ คี วามเขม้ ขน้ สงู รวมทง้ั ตวั ทำ� ละลายอนิ ทรยี ์ นำ�้ มนั และจาระบี (Grease) เปน็ ตน้ ถงุ มอื เปน็ ทนี่ ยิ มในการใชง้ านในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร คอื ถงุ มอื ไน ไตร ซงึ่ เป็นถุงมอื ยางสังเคราะหส์ ามารถใช้งานกบั สารละลายกรดและเบส น้�ำมัน แอลกฮอล์ ไขมนั ไดด้ ี แตไ่ มเ่ หมาะในการใช้งานกับ แอลดีไฮด์ (Aldehyde) คีโตน (Ketone) สารออกซไิ ดซ์ และสารแอโรมาตกิ ไฮโดรคารบ์ อน (Aromatic hydrocarbon) เป็นต้น ท้ังนี้ ความสามารถในการ กนั สารเคมีของถุงมือในแต่ละชนดิ สามารถสืบคน้ ได้จาก Chemical resistance gloves guideline ของบริษัทผู้ผลติ ถงุ มือ เพอ่ื ใหส้ ามารถใชถ้ งุ มอื ไดอ้ ย่างถกู ต้องและปลอดภัย ผู้ปฏบิ ตั ิงานควรเลือกใชถ้ ุงมอื ที่มขี นาดเหมาะสม สามารถสวมใสแ่ ละใช้งานได้อยา่ งกระชบั ถงุ มืออย่ใู นสภาพท่ีดี ไมม่ ีรรู ่ัว ถงุ มอื ยงั ไม่หมดอายุในการใช้งาน ขณะปฏบิ ตั ิงานถ้ามคี วามจำ� เป็นต้องออกไปท�ำกิจธรุ ะนอกห้องปฏิบัตกิ าร ต้อง ถอดถงุ มอื ออกกอ่ นทกุ ครงั้ เพอื่ ปอ้ งกนั การปนเปอ้ื นสารเคมอี อกสพู่ น้ื ทสี่ าธารณะ การถอดถงุ มอื ตอ้ งไมใ่ หม้ อื สมั ผสั กบั สารปนเปอ้ื นดา้ นนอกของ ถงุ มอื หลงั การใชง้ านถงุ มอื ทสี่ ามารถใชง้ านซำ�้ ได้ ใหท้ ำ� ความสะอาดและผงึ่ ถงุ มอื ใหแ้ หง้ เพอื่ พรอ้ มใชง้ านในครง้ั ถดั ไป ไมใ่ ชง้ านซำ้� สำ� หรบั ถงุ มอื ที่ ใชค้ ร้ังเดียวแล้วทง้ิ และท้ิงถุงมอื ท่ีปนเป้อื นสารเคมีลงในถังขยะปนเป้อื นสารเคมเี ท่าน้ัน 28
3. อุปกรณป์ ้องกันล�ำตวั ผู้ปฏบิ ตั งิ านตอ้ งสวมใสเ่ สอ้ื คลุมปฏบิ ตั กิ ารทุกครั้ง เพ่อื ปกปอ้ งรา่ งกายจากการสมั ผัสสารเคมี เส้ือคลุมปฏบิ ัติ การโดยทว่ั ไป จะทำ� มาจากฝา้ ยหรอื ใยผสมระหวา่ งพอลเิ อสเตอรแ์ ละฝา้ ย ในกรณที ต่ี อ้ งทำ� งานกบั สารไวไฟ สารทม่ี คี วามเสย่ี งตอ่ การลกุ ไหมไ้ ดเ้ อง หรอื สารชนดิ อนื่ ๆ ทต่ี ดิ ไฟไดง้ า่ ย ตอ้ งเลอื กสวมใสเ่ สอื้ คลมุ ปฏบิ ตั กิ ารทสี่ ามารถหนว่ งไฟได้ ซง่ึ ทำ� จากเสน้ ใยชนดิ พเิ ศษ มชี อื่ เรยี กทางการคา้ ตา่ งๆ เช่น Nomex® Indura® Excel® เป็นตน้ (ดังแสดงในภาพที่ 4) นอกจากน้ี การเลือกใชเ้ ส้อื คลมุ ปฏิบตั ิการท่ีมีแขนยาว จะชว่ ยปกคลมุ ร่างกาย ของผปู้ ฏบิ ัติงานได้ดีมากกวา่ เสอื้ คลมุ ปฏิบตั กิ ารทมี่ แี ขนสน้ั อยา่ งไรกต็ าม บริเวณปลายแขนของเสื้อคลมุ มักมีความกวา้ ง ซ่ึงอาจเป็นอปุ สรรคต่อ 3การท�ำงาน ปลายแขนเสือ้ สามารถไปเกย่ี วจบั กบั ส่ิงอืน่ ๆ ได้โดยไมต่ ้ังใจ ดังนนั้ ควรเย็บติดปลายแขนดว้ ยสายยางรัดเพ่อื ใหเ้ กดิ ความกระชับเวลา ทำ� งาน หรือเลอื กใช้เสอ้ื คลุมปฏบิ ัติการทมี่ ปี ลายแขนสอบเข้าหาข้อมือ 4 ภาพท่ี 4 แสดงตวั อยา่ งของเสื้อคลุมปฏิบัตกิ ารที่สามารถหนว่ งไฟ (flame resistance lab coat) [ทมี่ าของภาพ: COATS, B. (2019). Bulwark Flame Resistant Nomex Lab Coats | KNL2RB. [online] Flameresistantuniforms.com. Available at: https://www. flameresistantuniforms.com/bulwark-flame-resistant-lab-coats/KNL2RB/ [Accessed 26 Nov. 2019].] 4. อปุ กรณป์ อ้ งกนั ระบบทางเดนิ หายใจ ควรใชง้ านในสภาพอากาศทไ่ี มป่ ลอดภยั หนา้ กากมคี วามหลากหลายตอ้ งเลอื กใหเ้ หมาะสมกบั ภยั อันตรายในสภาพการณ์นน้ั ๆ ในการทำ� งานในห้องปฏิบัติการท่ีเก่ียวข้องกับสารเคมี ส�ำหรับหนา้ กากทางการแพทย์ (Surgical mask) มคี วาม เหมาะสมในการใช้งานกับสารเคมีทีเ่ ป็นของแขง็ ซง่ึ มอี นุภาคขนาดใหญส่ ามารถฟุง้ กระจายในอากาศได้นอ้ ย แตเ่ มือ่ ตอ้ งทำ� งานในสภาพอากาศ ที่มีการปนเปื้อนของสารเคมีที่เป็นอนุภาคละอองลอย (ของแข็งหรือของเหลว) ที่สามารถฟุ้งกระจายในอากาศได้ดี ควรเลือกสวมใส่หน้ากาก สำ� หรบั กรองอนภุ าค (Particulate respirator) แทน ดงั แสดงในภาพที่ 5 สำ� หรบั หนา้ กากชนดิ ดงั กลา่ วน้ี ตามมาตรฐานของ National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH) ประเทศสหรัฐอเมริกา จะแบง่ ออกเป็น 3 กลมุ่ ใหญ่ๆ คอื กลุม่ N (N95, N99 และ N100), กลมุ่ R (R95, R99 และ R100) และกลมุ่ P (P95, P99 และ P100) โดยกลุ่ม N จะเหมาะสมกบั ละอองลอยของแข็งหรือของเหลว (ซง่ึ ไม่มีน้�ำมนั เปน็ องคป์ ระกอบ) ในขณะทก่ี ลมุ่ R และ P จะเหมาะสมกบั ละอองลอยของแขง็ หรอื ของเหลว (ซง่ึ มหี รอื ไมม่ นี ำ�้ มนั เปน็ องคป์ ระกอบ) ทงั้ น้ี หนา้ กาก ในแตล่ ะกลมุ่ จะมตี วั เลข 95, 99 และ 100 กำ� กบั เพอื่ แสดงประสทิ ธภิ าพตำ�่ สดุ (%) ในการกรองอนภุ าคขนาด 0.3 ไมครอนได ้ สำ� หรบั ความแตกตา่ ง 29
ระหว่างหน้ากากในกลุ่ม R และ P คอื หน้ากากในกลุม่ R มีความเหมาะสมสำ� หรับการใชง้ านคร้ังเดียวอยา่ งต่อเนือ่ งไดไ้ ม่เกิน 8 ชวั่ โมง ในขณะท่ี หน้ากากในกลุ่ม P สามารถใช้งานได้ยาวนานมากกว่าน้ัน (หน้ากากโดยท่ัวไปมักจะเปลี่ยนใช้งานชิ้นใหม่ เม่ือหน้ากากมีความสกปรก ช�ำรุด หรอื เปน็ อปุ สรรคตอ่ การหายใจ) นอกจากน้ี หนา้ กากประเภท P ยงั สามารถใชง้ านในสภาพอากาศทมี่ กี ารปนเปอ้ื นของไอระเหยสารเคมแี บบเจอื จางได้ อยา่ งไรก็ตาม ในกรณที ่ตี ้องทำ� งานในสภาพอากาศทม่ี ีการปนเปื้อนไอระเหยของสารเคมจี �ำนวนมาก (รวมท้งั ละอองลอย) ผู้ปฏิบัตงิ านมี ความจำ� เปน็ ตอ้ งสวมใสห่ นา้ กากกรองอนภุ าคชนดิ ตลบั กรองสารเคมี (Respirator with cartridge) แทน ซงึ่ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ ใหญๆ่ คือ หน้ากากแบบครงึ่ หน้า (Half-face respirator with cartridge) และหน้ากากแบบเตม็ หน้า (Full-face respirator with cartridge) ท้ังน้ี ตลบั กรองทใ่ี ชง้ านสำ� หรบั หนา้ กากชนดิ ดงั กลา่ ว ตอ้ งเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ชนดิ ของไอระเหยของสารเคมี เชน่ เมอื่ ตอ้ งทำ� งานในสภาพแวดลอ้ ม ท่มี ไี อกรด ต้องเลอื กใชต้ ลับกรองส�ำหรับไอกรด เม่ือต้องทำ� งานในสภาพแวดลอ้ มท่มี ีไอสารอนิ ทรยี ์ ตอ้ งเลือกใชต้ ลบั กรองสำ� หรบั ไอสารอนิ ทรยี ์ เปน็ ต้น นอกจากน้ี ผทู้ จี่ ะใชง้ านตอ้ งผ่านการอบรมการใช้งานหน้ากากประเภทนีม้ ากอ่ น และตอ้ งไมเ่ ปน็ โรคทเี่ กี่ยวข้องกบั ระบบทางเดินหายใจ ซ่งึ เปน็ อปุ สรรคตอ่ การใชง้ านของหนา้ กาก เชน่ หอบ หืด เปน็ ต้น หลังการใชง้ านหนา้ กากชนิดดงั กล่าว จำ� เปน็ ต้องท�ำความสะอาดตวั หน้ากาก และถอดตลับกรองออกด้วยทุกครั้ง โดยจัดเก็บตลับกรองสารเคมีไว้ในภาชนะปิด เช่น ถุง zip-lock เพ่ือป้องกันการปนเปื้อนจากสารเคมีและ ฝุ่นละออง ส�ำหรับข้อจ�ำกัดในการใช้งานของหน้ากากกรองอนุภาคชนิดตลับกรองสารเคมี คือ ไม่สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมท่ีมีปริมาณ ออกซิเจนในบรรยากาศนอ้ ยกว่า 19.5% หรอื เป็นพื้นที่อับอากาศ (Confined space) ภาพท่ี 5 แสดงตัวอยา่ งหนา้ กากกรองอนุภาคชนดิ N95 (Particulate respirator N95) [ทม่ี าของภาพ: 3M.COM. (2019). 3M™ Particulate Respirator 8210, N95 160 EA/Case | 3M United States. [online] Available at: https://www.3m.com/3M/en_US/company-us/all-3m-products/~/3M-Particulate-Respirator-8210-N95-160-EA-Case/?N=50 02385+3294780268&rt=rud [Accessed 26 Nov. 2019].] 30
5. อปุ กรณป์ อ้ งกนั เทา้ ควรสวมใสร่ องเทา้ ทป่ี กปดิ นวิ้ เทา้ และสน้ เทา้ มสี น้ ทไ่ี มส่ งู วสั ดทุ ใ่ี ชท้ ำ� รองเทา้ มคี วามทนทานตอ่ สารเคมี สามารถ ป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตย์ในกรณีท่ีต้องท�ำงานกับสารไวไฟได้ ไม่ควรสวมใส่รองเท้าผ้าใบเน่ืองจากสารเคมีเหลวสามารถซึมผ่านเน้ือผ้าใบได้ อุปกรณ์ปอ้ งกันเท้าต้องไดร้ บั การรบั รองมาตรฐานดา้ นความปลอดภัยทีเ่ ชอ่ื ถือได้ เช่น ANSI Z41-1991 ANSI Z41- 1999 หรือ ASTM F-2413- 52005เปน็ ต้น ทง้ั น้ี ผู้ใช้งาน PPE จ�ำเปน็ ต้องผ่านการฝกึ อบรมเและทราบข้อมูลต่างๆ ของ PPE ท่ีจำ� เป็น ได้แก่ 1) ชนดิ ของ PPE ทม่ี ีความเหมาะสม กับอันตรายในการทำ� งาน 2) การสวมใส่ การถอด การใชง้ าน PPE อยา่ งถกู ต้อง 3) การดูแลรักษา การจดั เก็บ รวมทง้ั การก�ำจดั PPE หลงั การ ใชง้ าน พงึ ระลึกอยู่เสมอวา่ “ไมม่ ี PPE ชนิดใดชนดิ หน่ึงทีส่ ามารถกนั สารเคมีหรืออันตรายไดท้ กุ ชนิด” ดังน้ัน ต้องเลอื กใช้ PPE ให้เหมาะสมกับ ลักษณะของอันตรายที่เก่ียวข้องในการปฏิบัติงาน ส�ำหรับข้อมูลของ PPE ที่เหมาะสมกับการท�ำงานกับสารเคมี สามารถสืบค้นได้จากเอกสาร ขอ้ มูลความปลอดภยั ของสาร (Safety data sheet) (ในหวั ขอ้ ที่ 8 การควบคมุ การรับสัมผัส) หรือแหลง่ ข้อมลู ทีเ่ ช่ือถอื ได้ เชน่ PubChem ของ National Center for Biotechnology Information ประเทศสหรัฐอเมริกา4 เป็นต้น ถึงแม้ว่า PPE จะถูกจัดเป็นมาตรการสุดท้ายในการ ควบคุมอันตรายแต่ PPE ก็สามารถชว่ ยบรรเทาความเสียหายท่อี าจเกดิ ข้นึ ตอ่ ตัวผปู้ ฏิบัตงิ านได้ และมสี ่วนช่วยผลกั ดนั ท�ำให้ผ้ปู ฏบิ ตั งิ านมีขวัญ และก�ำลังใจในการท�ำงานมากขึ้น ส่งผลให้การท�ำงานในห้องปฏิบัติการมีความต่อเน่ืองและประสิทธิผลท่ีดี ซึ่งจะก่อประโยชน์ให้แก่ผู้ที่มีส่วน เก่ียวขอ้ ง หน่วยงานและองค์กร ได้ตอ่ ไป เอกสารอา้ งองิ 1. ศูนย์ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและส่ิงแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คู่มือความปลอดภัยในการท�ำงานกับสารเคมีส�ำหรับ นสิ ติ ทที่ ำ� วจิ ยั และนกั วจิ ยั . 1 ed. (SHE-CH-SD-003). [ONLINE] p.72. Available at: https://www.shecu.chula.ac.th/data/boards/272/ ค่มู ือความปลอดภัยในการทำ� งานกบั สารเคมี.pdf. [Accessed 23 December 2019]. 2. The National Academics of Sciences, Engineerings and Medicine. 2019. Prudent Practices in the Laboratory: Handling and Management of Chemical Hazards, Updated Version (2011). [ONLINE] Available at: https://www.nap.edu/ catalog/12654/prudent-practices-in-the-laboratory-handling-and-management-of-chemical. [Accessed 16 December 2019]. 3. Occupational Safety and Health Administration (OSHA). 2019. Respiratory Protection Program Guidelines. [ONLINE] Available at: https://www.osha.gov/pls/oshaweb/owadisp.show_document?p_id=2125&p_table=DIRECTIVES. [Accessed 16 December 2019]. 4. National Center for Biotechnology Information. 2019. PubChem. [ONLINE] Available at: https://pubchem.ncbi. nlm.nih.gov. [Accessed 16 December 2019]. 31
ท1ี่5จปข.วอ้ ชิ าชพี ต้องใช้!!! เพ่อื ให้เรือ่ งความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อม ในการท�ำงานได้รับความรว่ มมอื จป.วิชาชีพ อยากเห็นทุกคนปลอดภัย นอกจากการท�ำให้สถานประกอบการปฏิบัติข้อกฎหมายแล้ว ยังมีกิจกรรมส่งเสริมเร่ืองความ ปลอดภยั มาใหท้ กุ คนทำ� รว่ มกันมากมาย เช่น 1. การช้บี ่งอนั ตรายและประเมินความเส่ียง (Checklist, JSA, HAZOP, What if ฯลฯ) 2. การรายงานสภาพการณท์ ี่อนั ตราย 3. การรณรงค์อบุ ัตเิ หตใุ ห้เปน็ ศูนยด์ ว้ ย KYT 4. กจิ กรรมข้อเสนอแนะเพื่อความปลอดภยั 5. Safety Talk การสนทนาความปลอดภยั 6. การสอบสวนอุบตั ิเหตุ 7. จัดอบรมความรู้เร่ืองความปลอดภัยในหัวข้อต่างๆ 8. จดั กจิ กรรม Safety Week / Safety Day 9. การรณรงค์ให้ใชง้ านอุปกรณป์ อ้ งกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) 10. การเดนิ ตรวจความปลอดภยั เป็นตน้ เพราะเร่ืองของความปลอดภัยฯ เป็นหน้าที่ของทุกคน ในแต่ละงานของ จป. วิชาชีพ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ทุกระดับ ทกุ สว่ นงาน ในองค์กร/สถานประกอบการ เมอ่ื จป. วชิ าชพี ตอ้ งขอความรว่ มมอื เรอื่ งความปลอดภยั ...จะทำ� อยา่ งไร?? ใหท้ กุ คนพรอ้ มทำ� กจิ กรรม/โครงการตา่ งๆ ไปดว้ ยกนั กบั เรา 33
สิ่งท่ี จป.วิชาชพี ไมอ่ ยากได้ยนิ ไมอ่ ยากไดเ้ จอ เม่ือตอ้ งไปขอความร่วมมอื แต่กลบั ต้องเจอค�ำพดู /การกระท�ำทปี่ ฏิเสธเราเหล่าน้ี • งานของเรานี่ จป. เรากท็ ำ� ไปเองสิ ไมเ่ ก่ยี วกบั งานของพวกพ่ี • เร่ืองเซฟตี้เหรอ เอาไว้กอ่ นก็ได้ • ยังปรบั ปรุงไม่ไดห้ รอก งบยังไมม่ ี • จะมาเปลย่ี นแปลงอะไร แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว • ทำ� แบบนีม้ าตงั้ นานไม่เห็นเป็นอะไรเลย ทำ� ไมตอ้ งทำ� อะไรเพม่ิ ด้วย • คนในแผนกพไี่ มม่ ีเวลาหรอกแคง่ านท่ีท�ำอย่กู ล็ น้ มอื กันหมดทกุ คนแลว้ ฯลฯ ค�ำพูดต่างๆ เหล่านี้ นานทีท่ีได้ยินน่าจะพอไหว แต่ในหนึ่งปี มีกิจกรรมเรื่องความปลอดภัยให้ท�ำมากมาย ได้ยินค�ำพูด/การกระท�ำ ที่ปฏเิ สธบ่อยๆ อาจท�ำให้ จป.วิชาชีพหลายๆ คน รสู้ กึ หมดก�ำลงั ใจ หมดแรงทำ� งานเพื่อสรา้ งความปลอดภัยฯ ได้ แบบนตี้ ้องมาเติมพลงั ใจ มาเตมิ พลงั ไฟ เพอ่ื ให้ จป.วชิ าชพี มีก�ำลังใจในการท�ำสิง่ ดๆี ท่ีต้องการใหท้ กุ คนปลอดภยั กันต่อไป 15 ขอ้ ท่ี จป.วชิ าชีพ ต้องใช้!!! เม่ือต้องการใหเ้ รื่องความปลอดภยั ได้รบั ความร่วมมือ 1.) สรา้ งบรรยากาศท่ผี อ่ นคลาย สร้างพ้นื ท่ีปลอดภัยในการพดู คยุ รว่ มกัน (ดูจงั หวะ ดเู วลาความพรอ้ มของคนที่เราจะพูดคยุ ด้วยนะ) 2.) จัดการความคิดของเราก่อนนะ จป. เช่ือว่า ทุกคนมีส่ิงท่ีดีท่ีจะสามารถมาช่วยให้งานดีย่ิงขี้น “I am OK and You are OK” (ฉันก็มีดีในแบบของฉนั เธอกม็ ีดใี นแบบของเธอ เราตา่ งมดี ีทจ่ี ะมาสง่ เสรมิ และร่วมกันท�ำเรื่องความปลอดภยั ) 3.) เขา้ ใจความคดิ อารมณข์ องตนเอง ควบคมุ ตนเองได้ (ทำ� ตวั เราใหพ้ รอ้ มสำ� หรบั การพดู คยุ ) เมอ่ื เขา้ ใจตนเอง เราจะไดส้ ามารถเขา้ ใจ คนอน่ื ใชเ้ หตผุ ลในการพดู คยุ ใหม้ ากกวา่ ใชอ้ ารมณ์ (เขา้ ใจตนเองและผอู้ น่ื เราเปดิ ใจเพอ่ื ทำ� งาน เรากจ็ ะไดค้ วามรว่ มมอื ความเขา้ ใจและเหน็ ใจกนั ) 4.) สรา้ งความเขา้ ใจระหวา่ งกนั (พนื้ ฐานของการสรา้ งสมั พนั ธภ์ าพ) เคารพความตา่ ง เขา้ ใจวา่ แตล่ ะคนไมเ่ หมอื นกนั มปี ระสบการณใ์ น ชวี ติ ที่เจอมาตา่ งกนั ความคิดเหน็ และมมุ มองท่แี ตกต่าง จึงมปี ระโยชนต์ อ่ การท�ำงานเพือ่ ใหเ้ กิดความหลากหลายของแนวทาง/วธิ กี าร 5.) ใหใ้ จเราก่อน เพือ่ ให้ได้ใจจากคนอน่ื (จรงิ ใจเพราะตอ้ งการเห็นทกุ คนมีความปลอดภยั ในการท�ำงาน) 6.) สรา้ งความสมั พันธใ์ ห้แข็งแรง • สร้างความคุ้นเคยกับคนทเี่ ราคยุ ดว้ ย/สว่ นงานท่ีเราตอ้ งการขอความรว่ มมือ • ส่ือสารให้ตรงกบั ความเข้าใจ/สไตล์ของคนท่ีเราคยุ ด้วย 7.) จป.วิชาชพี ต้องมจี ิตใจเข้มแขง็ มัน่ คงจากภายใน พรอ้ มรับมือกับสถานการณ์ตา่ งๆ อย่างมีสติ คดิ รอบคอบ 8.) จป.วชิ าชพี เหน็ ภาพกวา้ งเรอื่ งความปลอดภยั เมอื่ เหน็ ภาพชดั กต็ อ้ งสามารถสง่ ตอ่ ภาพความปลอดภยั ทอ่ี ยากใหเ้ กดิ ขน้ึ ใหก้ บั ทกุ คน ได้ เพื่อที่ทกุ คนจะได้ร่วมกันท�ำให้ภาพความปลอดภัยเกิดขนึ้ จรงิ จากการรว่ มมือในการลงมือท�ำของทกุ คน 9.) น�ำเสนอภาพทอี่ ยู่ในสมองเราไปสู่คนอืน่ ๆ โดยใช้ทักษะการสื่อสาร โนม้ น้าวใจ สามารถสร้างภาพในฝันใหท้ ุกคนจนิ ตนาการตามได้ จนเกิดการตัดสินใจลงมือท�ำ (ทกุ คน/ทกุ ฝา่ ยที่เกย่ี วขอ้ งมองเห็นจุดทเ่ี ป็นเป้าหมายปลายทางจดุ เดียวกนั “ทกุ คนปลอดภัย ทุกคนช่วยกัน”) 34
10.) โน้มน้าว สร้างแรงบันดาลใจ จป.วิชาชีพ มีอิทธิพลในการน�ำพาทุกคน (ท�ำให้ทุกคนเชื่อม่ัน ศรัทธา) ไปสู่เป้าหมายปลายทางที่ ตอ้ งการ มีค�ำพดู ที่ดีและผสมผสานทว่ งท่า อารมณ์ ความรู้สึกท่ีจรงิ ใจลงไปในการสือ่ สาร 11.) ให้โอกาสสมาชิก/คนท่ีเราคยุ ด้วยไดเ้ สนอความคดิ รบั ฟงั คำ� อธิบายจนจบ ไมร่ บี ให้ข้อสรปุ สงิ่ ทไี่ ดฟ้ ัง รับฟังความเห็นจากทุกฝา่ ย เพ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ สรุปท่เี ห็นพอ้ งต้องกัน 12.) ความร่วมมือในการท�ำงาน จะเกิดขึ้น เม่ือเขาได้เห็นคุณค่าในตนเอง จป.วิชาชีพ เปล่ียนจากการใส่แว่นจ้องจับผิด เป็น จับถูก หาข้อดี หาโอกาสช่ืนชมสิ่งดีๆ ที่เห็นจากส่ิงที่เขาท�ำและส่ิงที่อยู่ภายในตัวเขา เพ่ือกระตุ้นการเห็นคุณค่าในตนเองให้กับทุกคน นอกจากนี้ ต้องใช้การถามค�ำถามในส่วนที่อยากให้เกิดการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อให้คนท่ีเราคุยด้วย ได้คิด เกิดทางเลือกและสามารถเลือกแนวทาง ทจ่ี ะรว่ มท�ำใหเ้ กดิ ความปลอดภัยได้ด้วยตนเอง 13.) อยากใหเ้ ขาเรม่ิ ทำ� จป.วชิ าชพี กแ็ คท่ ำ� เปน็ แบบเพอื่ นำ� พวกเขา ทำ� ตอ่ เนอื่ ง ทำ� นำ� ไปกอ่ น ทำ� เปน็ แบบอยา่ ง แลว้ ชวนเขามารว่ มทำ� ทำ� ไปดว้ ยกัน เพอื่ เตบิ โตไปด้วยกันในระหว่างรว่ มกนั ท�ำ ตอ้ งใส่ใจเรอ่ื งเล็กๆ ของทกุ คน ทำ� ตัวเองใหเ้ ปน็ ทีไ่ วใ้ จของทกุ คน ท�ำใหเ้ ขาเหน็ วา่ เรามี ความสามารถมากพอทีจ่ ะช่วยน�ำพาพวกเขาได้ 14.) ประเมนิ สถานการณต์ ลอดเสน้ ทางในแตล่ ะกิจกรรมทขี่ อความร่วมมอื • รวู้ ่าจะมกี ้อนหิน ขวากหนาม อปุ สรรคตรงไหน อยา่ งไรบ้าง • เตรยี มหาวิธีแกไ้ ข หลบเลยี่ ง และเตรยี มแนวทางส�ำหรับปอ้ งกนั 15.) คอยมองหาส่งิ ที่จะตอ้ งพฒั นา แกไ้ ข เพื่อใหจ้ ุดติดขัดดีขน้ึ เสมอ • เมอ่ื ต้องแกป้ ัญหา (ใชท้ งั้ พลังกายและพลงั ใจ) ดว้ ยกระบวนการ 3 ระยะ • ระยะแรก อธบิ ายปญั หา รวบรวมขอ้ มูลทีเ่ กีย่ วข้องท้งั หมด • ระยะสอง มองหาทางเลือกทจี่ ะแก้ปญั หา • ระยะสาม ลงมอื แก้ปญั หาตามทางเลือกทไ่ี ด้เลือกไว้ ความรว่ มมอื เรอ่ื งความปลอดภยั ฯ จะเกดิ ขนึ้ โดย “งา่ ย” เมอ่ื จป.วชิ าชพี เชอ่ื มนั่ (ทง้ั ในความ คิดและจากภายในใจ) วา่ มนั “งา่ ย”และ “เกดิ ข้นึ ได้” ดว้ ยการลงมือทำ� 15 ข้อ ที่ จป.วิชาชพี ตอ้ งใช้!!! เพื่อท�ำให้เกิดความร่วมมือเร่ืองความปลอดภัยและไปสู่ความปลอดภัยที่ต้องการให้เกิดข้ึนกับทุก คนในองค์กรจรงิ ๆ ด้วยรกั และห่วงใย จากใจผู้เขียน...โคช้ ออนซ์_สุชาดา อวยจินดา วิทยากรความปลอดภยั ในการทำ� งาน (หลักสูตรจิตส�ำนึกความปลอดภยั ,หลกั สตู รพฤติกรรมความปลอดภัยในการท�ำงาน และหลักสตู รความปลอดภัยในการทำ� งานอืน่ ๆ) ที่ปรกึ ษาการพัฒนาองค์กรเชงิ กลยทุ ธ์ และท่ีปรกึ ษาด้านส่งิ แวดลอ้ ม โคช้ ด้านจติ วทิ ยาการส่อื ประสาท NLP Neuro Linquistic Programming Coach หรือ NLP Coach (หลกั สูตรการโค้ช,รับปรกึ ษาปัญหาเพอื่ ทะลายทุกข้อจ�ำกัดที่ฉดุ รง้ั คุณ) นักเขียน หนังสอื เร่อื ง จติ (ใต้) สำ� นกึ ความปลอดภัย 35
รสเู้าทร่ากทอ่ นั ภกมู บั แิ พ้ ดร.องอาจ ธเนศนติ ย์ สารก่อภูมิแพ้ สารดังกล่าวจะรวมกับโปรตีนภายในร่างกายเปล่ียน ศูนย์ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและส่ิงแวดล้อม เปน็ antigen presenting cell (hapten adduct) ซ่งึ สามารถส่งผล จุ ฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย สารแปลกปลอมดังกล่าวจะถูกก�ำจัด โดย lymphocyte อีกทั้งกลไกในร่างกายจะมีการสร้างแอนติบอดี้ ในการท�ำงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี ผู้ปฏิบัติงานอาจพบ ที่มีความเฉพาะเจาะจง (Immunoglobulin E, IgE) ส�ำหรับใช้ก�ำจัด อาการผิดปกติ เชน่ มีนำ้� มกู ไหล จามบอ่ ย มีอาการคนั ตา ระคายเคือง สารดังกลา่ วในครั้งถดั ไป ระยะที่ 2 “elicitation” เกดิ ข้นึ เมอ่ื รา่ งกาย ทั่วใบหน้า มีผื่นคันเร้ืองรังตามผิวหนัง มีอาการบวม มีอาการหอบหืด ไดร้ บั สารกอ่ ทเ่ี กดิ การแพใ้ นครงั้ ถดั ไป IgE จะตรวจจบั hapten adduct หรือหายใจไม่สะดวก โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดข้ึนจากอะไร อาการ ของสารกอ่ ภมู แิ พท้ เ่ี คยรบั สมั ผสั และกระตนุ้ mast cell เพอ่ื ปลดปลอ่ ย ดงั กลา่ วขา้ งตน้ อาจเกดิ ขน้ึ จากการแพส้ ารเคมใี นกลมุ่ “สารกอ่ ภมู แิ พ”้ histamine และ inflammatory mediator อ่ืน ๆ ส่งผลท�ำให้ ซ่ึงสารดังกล่าวมีชื่อเรียกทางภาษาอังกฤษว่า “allergen” หรือ เกิดอาการแพ้ เช่น ร้อน เจ็บปวด บวม แดง และคัน เป็นต้น “sensitizer” สารก่อภูมิแพ้จัดเป็นสารอันตรายประเภทหนึ่ง ดังแสดงกลไกการออกฤทธิ์ของสารก่อภูมิแพ้ในร่างกายในภาพที่ 2 ที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยอาศัยกลไกท่ีเกี่ยวข้องกับ อาการที่เกิดขึ้นเน่ืองจากการแพ้สารเคมี จะถูกเรียกว่า “chemical ระบบภูมคิ ้มุ กันของร่างกาย อยา่ งไรกต็ าม ผปู้ ฏบิ ัตงิ านจ�ำนวนไม่นอ้ ย hypersensitivity” มักมองข้ามในเร่ืองอันตรายจากสารก่อภูมิแพ้ เนื่องจากเข้าใจผิด ภาพท่ี 2 แสดงกลไกการออกฤทธิ์ของสารก่อภมู แิ พใ้ นร่างกาย คิดว่าสารก่อภูมิแพ้สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายได้เพียงเล็กน้อย ซ่ึงจริง ๆ แล้วจากรายงานทางการแพทย์พบว่า การแพ้สารก่อภูมิแพ้ (ทม่ี าของภาพ: Wikipedia Contributors (2020). Allergy. [online] Wikipedia. Available ในระดบั ท่รี ุนแรง อาจส่งผลท�ำให้เกิดการเสียชีวิตได้ at: https://en.wikipedia.org/wiki/Allergy#/media/File:The_Allergy_Pathway.jpg ภาพที่ 1 แสดงอาการผ่ืนแดงจากการแพ้สารกอ่ ภูมิแพ้ [Accessed 21 Jan. 2020].) (ท่ีมาของภาพ: Burke, D. (2017). Allergic Eczema. [online] Healthline. Available at: https://www.healthline.com/health/skin/eczema [Accessed 21 Jan. 2020].) อาการที่เกิดข้ึนเนื่องจากการแพ้สารก่อภูมิแพ้ จะเกิดผ่าน ตัวอย่างของสารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ ฟอร์มาดีไฮด์ โพลิไอโซ ปฏกิ ิริยาการแพ้ หรอื ท่เี รียกว่า“anaphylaxis” โดยแบ่งเปน็ 2 ระยะ ไซยาเนต (polyisocyanates) กรดแอนไฮไดรด์ (acid anhydride) ได้แก่ ระยะที่ 1 “sensitization” เกดิ ข้ึนหลงั จากรา่ งกายไดร้ ับสมั ผสั โลหะบางชนิด เช่น นิกเกิล เบริลเลียม เป็นต้น นอกจากนี้ สารก่อ ภูมแิ พย้ ังสามารถพบเจอได้ในชีวติ ประจำ� วัน ตวั อย่างเช่น ละอองเกสร พษิ จากพืชและสัตว์บางชนดิ เช่น พษิ จากเหล็กในของผึ้ง และสารทีใ่ ช้ 36
เปน็ องคป์ ระกอบในผลติ ภณั ฑต์ า่ ง ๆ เชน่ สารเคมใี นเครอ่ื งสำ� อาง สารเคมี ภาพที่ 4 แสดงขอ้ มลู ความเปน็ อนั ตรายของสารก่อภูมิแพ้ ผา่ นทาง ท่ใี ช้ทำ� ถงุ มือ เป็นตน้ จากรายงานอบุ ตั ิของมหาวิทยาลยั แคลฟิ อร์เนยี ผวิ หนัง และระบบทางเดนิ หายใจ ตามระบบ GHS เออร์ไวน์ (University of California, Irvine) ประเทศสหรฐั อเมริกา ก่อนการปฏิบัติงานที่เก่ียวข้องกับสารก่อภูมิแพ้ทุกคร้ัง พบว่าสารเคมี HATU, HBTU และ HCTU ซึ่งถูกใช้เป็น peptide พึงระลึกอยู่เสมอว่า ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นเนื่องจากการแพ้สารจะเป็น coupling agent ในการสร้างพนั ธะ amide ถูกจัดเป็นสารก่อภูมิแพ้ ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นในระยะยาว และสามารถส่งผลกระทบตลอดช่วง ดว้ ยเชน่ กนั ดงั ภาพแสดงโครงสรา้ งของสาร HATU, HBTU และ HCTU ชวี ติ ในการทำ� งาน (เมอ่ื ทำ� งานเกย่ี วขอ้ งกบั สารกอ่ ภมู แิ พ)้ เพอ่ื ลดโอกาส ในภาพที่ 3 โดยนิสิต Kate McKelly ที่ท�ำงานวิจัยในมหาวิทยาลัย ในการรบั สมั ผสั สารกอ่ ภมู แิ พ้ ตอ้ งทำ� การประเมนิ ความเสย่ี งในกจิ กรรม แคลิฟอร์เนีย เออร์ไวน์ พบว่าเมื่อท�ำงานกับสารเคมีในกลุ่มดังกล่าว ตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การทำ� งาน (กอ่ นปฏบิ ตั งิ าน ระหวา่ งการปฏบิ ตั งิ าน มกั มอี าการแพ้ โดยมอี าการคดั จมกู และมนี ำ้� มกู ไหล บางครง้ั เกดิ การแพ้ และหลังการปฏิบัติงาน) เพ่ือสามารถควบคุมความเป็นอันตรายของ ในระดบั ทร่ี นุ แรง หายใจตดิ ขดั และมเี สยี งหวดี ดงั เกดิ ขน้ึ จากการหายใจ1 สารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรหลีกเล่ียงการสัมผัสสาร สารก่อภูมิแพ้ถูกจัดให้เป็นสารท่ีมีความเป็นอันตรายต่อ กอ่ ภมู แิ พ้ (ผา่ นชอ่ งทางตา่ ง ๆ เชน่ ทางผวิ หนงั ทางการหายใจ) ทำ� การ สุขภาพตามระบบ GHS โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ สารก่อ จัดเก็บสารก่อภูมิแพ้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ท้ังน้ี ภาชนะบรรจุ ภูมิแพ้ผ่านทางผิวหนัง และสารก่อภูมิแพ้ต่อระบบทางเดินหายใจ สารก่อภูมิแพ้ต้องถูกปิดสนิท อยู่ในสภาพท่ีดี และมีมาตรการในการ ดังแสดงในภาพท่ี 4 ท้ังน้ี ผู้ปฏิบัติงานสามารถตรวจสอบว่าสารที่ใช้ ควบคุมการเข้าถึงสารก่อภูมิแพ้ ทุกครั้งเม่ือใช้งานสารก่อภูมิแพ้ งานเป็นสารก่อภูมิแพ้หรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จาก ต้องท�ำงานภายในตู้ดูดควันหรือระบบที่สามารถควบคุมความเป็น เอกสารข้อมูลความปลอดภัยของสาร ในหัวข้อท่ี 2 การจ�ำแนกความ อันตรายของสารก่อภูมิแพ้ได้ ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เป็นอันตรายของสาร หรือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น PubChem ส่วนบุคคล เช่น แว่นตานิรภัย เส้ือคลุมปฏิบัติการ ถุงมือ เป็นต้น ของ National Center for Biotechnology information ประเทศ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งสามารถค้นหาข้อมูลเพ่ิมเติม สหรฐั อเมริกา2 เปน็ ต้น ของอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ได้จากเอกสารข้อมูลความปลอดภัย ภาพที่ 3 แสดงโครงสร้างทางเคมีของ HBTU HATA และ HCTU ของสาร (ในหัวข้อท่ี 8 การควบคุมการรับสัมผัส) ควรหลีกเลี่ยงไม่ใช้ ซง่ึ เป็นสารก่อภมู แิ พ้ สารก่อภูมิแพ้ และเลือกใช้งานสารเคมีชนิดอ่ืนท่ีมีความเป็นอันตราย (ที่มาของภาพ: Allergic to the lab. (2020). C&EN Global น้อยกว่าเพ่ือทดแทน มีการเตรียมความพร้อมในการตอบโต้เม่ือเกิด Enterprise, 98(2), pp.4–4.) เหตุฉุกเฉินเกิดข้ึน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีอาการซึ่งคาดว่าจะเกิด ข้ึนจากการแพ้สารก่อภูมิแพ้ และเป็นอุปสรรคต่อการท�ำงานหรือการ ด�ำเนินชีวิต ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อท�ำการรักษา ท้ังน้ี เม่ือผู้ปฏิบัติ งานทราบถงึ อนั ตรายจากสารกอ่ ภมู แิ พ้ และทราบวธิ กี ารควบคมุ ความ เปน็ อนั ตราย กจ็ ะสามารถปฏบิ ตั งิ านเกย่ี วขอ้ งกบั สารกอ่ ภมู แิ พไ้ ดอ้ ยา่ ง ถกู ตอ้ งและปลอดภยั ซง่ึ จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ทงั้ ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน เพอื่ นรว่ ม งานและองค์กร เอกสารอา้ งองิ 1 McKnelly, K.J., Sokol, W. and Nowick, J.S. (2019). Anaphylaxis Induced by Peptide Coupling Agents: Lessons Learned from Repeated Exposure to HATU, HBTU, and HCTU. The Journal of Organic Chemistry. 2 National Center for Biotechnology Information. 2019. PubChem. [ONLINE] Available at: https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov. [Accessed 20 37 January 2020].
จป.มือโปร คณุ อรอมุ า อารีสนนั่ เจา้ หน้าทคี่ วามปลอดภยั ในการท�ำงาน บริษัท อาหารยอดคุณ จ�ำกัด ประวัตกิ ารศกึ ษา ปริญญาตรี สาขาอาชีวอนามัยละความปลอดภยั มหาวิทยาลัยราชภฎั บ้านสมเด็จเจา้ พระยา ประวตั ิการทํางาน • ปี 2553 – ปจั จบุ นั เจา้ หนา้ ทคี่ วามปลอดภยั ในการทำ� งาน บรษิ ทั อาหารยอดคณุ จำ� กัด ประวตั ิก ารอบร ม / ราง วัล • ปี 2553 – 2559 สถานประกอบกิจการต้นแบบด้านความปลอดภัยฯ ระดับ ประเทศ 7 ปี ติดตอ่ กนั • ปี 2561 ไดร้ บั การคดั เลอื กในกจิ กรรมการรณรงคล์ ดสถติ อิ บุ ตั เิ หตจุ ากการทำ� งาน ใหเ้ ปน็ ศนู ย์ • ปี 2562 เขา้ ร่วมเป็นกรรมการชมรมเจ้าหนา้ ทคี่ วามปลอดภัยในการท�ำงาน กรงุ เทพมหานคร พ้ืนท่ี 10 • ปี 2562 ผ่านการอบรมโครงการวิทยาลัยความปลอดภัย (นักบริหารความ ปลอดภัย ระดับกลาง) 38
เหตุใดถึงไดเ้ ลอื กเรียนในหลักสตู รอาชวี อนามัยและความปลอดภยั เมื่อประมาณ ปี 2547 แน่นอนว่า สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ยังไม่ใช่สาขายอดฮิตของ เหล่านิสิตในมหาวิทยาลยั บางคนไมร่ จู้ ักดว้ ยซำ้� ว่าสาขาเรยี นจบมาแลว้ ไปท�ำงานอะไร แตเ่ รากไ็ ด้รบั ค�ำแนะนำ� มาจากรุ่นพี่คนหนึ่งว่าตอนน้ีสาขาน้ีจบมามีกฎหมายรองรับนะว่าทุกสถานประกอบกิจการทุกแห่งจะต้องมี ตำ� แหนง่ เจา้ หนา้ ทคี่ วามปลอดภยั ในการทำ� งาน ประจำ� อยา่ งนอ้ ย 1 คน เรากเ็ รม่ิ คดิ วา่ อยา่ งนอ้ ยถา้ เราเรยี นสาขา เราคงไมต่ กงาน หรอื ไมต่ อ้ งไปแขง่ ขนั กบั ตลาดแรงงานขา้ งนอก เรากเ็ รมิ่ เขา้ ไปหาขอ้ มลู เกย่ี วกบั สำ� คญั ของอาชพี น้ี จนสุดทา้ ยเราก็เลอื กเรยี นในสาขานี้ และอาชพี เจ้าหนา้ ที่ความปลอดภยั ในการทำ� งาน ถอื เปน็ อาชีพทท่ี า้ ทาย เราตอ้ งเปน็ ทงั้ นกั วเิ คราะห์ นกั บรหิ าร นกั วางแผน นกั เจรจา เจา้ หนา้ ทส่ี บื สวน นกั จดั กจิ กรรมสนั ทนาการ ถอื วา่ เปน็ ตำ� แหน่งท่คี รบทกุ รสชาดการท�ำงานเลยทเี ดยี ว อะไรคือความภมู ิใจมากท่สี ดุ ในการประกอบอาชีพด้านความปลอดภยั ความภมู ิใจท่สี ดุ อีกอย่างหนึ่งคือการได้รับความร่วมมอื จากทุกส่วนในสถานประกอบการ ไมว่ า่ จะเปน็ จากนายจ้าง ผู้บริหารในแต่ละหน่วยงาน บุคคลลากรด้านความปลอดภัย พนักงานทุกคน ซึ่งการที่เราได้รับ ความร่วมมือจากทุกส่วน มันคือเครื่องมือส�ำคัญท่ีจะท�ำอุบัติเหตุจากการท�ำงานเป็นศูนย์ เม่ือเราท�ำให้ทุกคน เปิดใจในเรือ่ งต่างๆดา้ นความปลอดภัยได้ 39
เทพ่า่ือนทมุกแี นควนทจาะไงดในก้ กลาับรบบา้ รนหิ อายร่าจงดั ปกลาอรดองภคัย์กในรทดุก้านๆคววนั ามปลอดภัยอย่างไรใหม้ รี ะบบทย่ี ัง่ ยืน เรามองว่าความปลอดภัยเป็นสิทธิ์อันพึงมีของทุกคน เราจึงยึดม่ันในวัฒนธรรมองค์กรท่ีตระหนักถึงความ สำ� คัญและเห็นคุณค่าในเรอ่ื งความปลอดภยั ควบคไู่ ปกับการสรา้ งระเบียบด้านความปลอดภัยใหก้ บั พนกั งาน ทา่ นมแี นวทางอย่างไรในการลดอุบตั เิ หตจุ ากการทาํ งานให้ได้ผล เช่ือว่าคนท�ำงานทุกคนไม่มีใครท่ีอยากเกิดอุบัติเหตุหรอก แต่ในฐานะของเจ้าหน้าท่ีความปลอดภัยในการ ท�ำงาน เราจะท�ำอย่างไรให้ สามารถควบคุมอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้นได้ นอกเหนือจากหลักการควบคุมป้องกันอันตราย ทเี่ ราศกึ ษาทางต�ำรามาแล้ว เราพบว่าปัจจัยสำ� คญั ท่ีจะชว่ ยลดอุบตั ิเหตุไดด้ ที ่ีสดุ คือ คน เราจงึ มแี นวคิดวา่ ในเมอ่ื ปจั จัย สำ� คญั ในการควบคมุ อบุ ตุ เิ หตุ คอื คน แลว้ เราจะควบคมุ คนเหลา่ นนั้ ไดอ้ ยา่ งไร เราเรม่ิ ตน้ จากการทเ่ี รามกี ารจดั ตง้ั กลมุ่ ย่อย SGA (Small Group Activity) ก�ำหนดใหก้ ล่มุ ย่อยมีช่วงเวลาในการ Safety Talk ในหนว่ ยงานทุกวนั พนกั งาน จะมชี ว่ งเวลาที่ไดพ้ ดู คยุ แจง้ จดุ อนั ตราย ความไม่ปลอดภัยในจุดต่างๆที่เขาพบเจอมา ซึ่งพนกั งานเขาจะรสู้ กึ ว่าเขาเอง กม็ สี ว่ นชว่ ยทท่ี ำ� ใหอ้ บุ ตั เิ หตนุ นั้ ไมเ่ กดิ ขน้ึ ได้ โดยจดุ ตา่ งๆทพี่ นกั งานเสนอมาจะนำ� ไปสกู่ ารปอ้ งกนั กอ่ นการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ นอกจากน้ีเราได้มกี ารสรา้ งเครือข่ายความปลอดภัยในหน่วยงานข้นึ โดยเครือขา่ ยทกุ คนจะไดร้ บั การฝึกอบรมในเรอ่ื ง ของบทบาทหน้าท่ีโดยเครือข่ายจะเป็นเสมือนบุคคลที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและพนักงาน ถือเป็นการสร้าง สมั พนั ธอ์ ันดี ทจาา่ กนกเหา็นรวท่าาํ วงธิากีนาไดรอ้หยรอื่างแนเหวมทาาะงสไมหนซง่ึทรี่นว่ามจถะจงึ มัดีผกาลรลกัพบั ธพ์ทฤ่ีนตา่ กิจะรอรอมกเพม่ือาใดหีทห้ ่ีสยดุ ุดอุบัตเิ หตุ การจัดการกับพฤติกรรมเพื่อหยุดการเกิดอุบัติเหตุ เรามองว่าการสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยให้เกิด ขึ้นกับพนักงานทุกคนน่าจะเป็นหลักการบริหารท่ีเกิดความถาวรขึ้นมาได้ เพราะบางครั้งการบังคับด้วยกฎระเบียบท่ี เครง่ ครดั อยา่ งเดยี ว กไ็ ม่ไดห้ มายความวา่ เราควบคมุ อุบัติเหตุได้ แตก่ ารสรา้ งความปลอดภัยควรเร่มิ มาจากพฤตกิ รรม การยอมรับ และการปฏบิ ตั เิ ป็นวฒั นธรรมข้นึ มา 40
ดควา้ นามครวบัาผมปิดลชออดบตภัย่อสอง่ิ ยแา่วงดไลรบอ้ ้ามงและสงั คมมีสว่ นสาํ คัญในการบริหารจัดการ ชุมชนรอบข้างส่วนหนึ่งเขาคือลูกหลานพนักงานท่ีปฏิบัติงานให้บริษัทฯ เราจึงให้ความส�ำคัญในการพัฒนา คณุ ภาพชวี ติ โดยการจดั ทำ� กจิ กรรม CSR ในดา้ นสขุ ภาพใหก้ บั ชมุ ชน การเปดิ สอนทำ� เจลลา้ งมอื อนามยั ใหก้ บั เดก็ นกั เรยี น การจดั ทำ� มมุ สง่ เสรมิ สขุ ภาพศูนย์สุขภาพในชุมชน นคอ้วรงจๆะมจปี แ.นรวุ่นทใหามงอ่ ถย้า่าองยไราบก้าจงะเป็น จป.มือโปร หรอื ประสบความสาํ เร็จในวชิ าชีพน้ี หลักส�ำคัญอย่างหนึ่งท่ีอยากฝากถึงน้องๆท่ีก�ำลังจะจบการศึกษา การเป็นเจ้าหน้าท่ีความปลอดภัยควรเริ่มต้น “การประสานงาน” การประสานงานถอื เป็นใบเบกิ ทางแรกท่ีจะท�ำให้เราไดร้ บั ความร่วมมือจากทุกๆคน 41
จป.วยั ทีน นางสาวทิพวัลย์ ค�ำลอื (ออย) อายุ : 22 ปี ช้ันปีที่ 4 สาขาวิชาเทคโนโลยคี วามปลอดภัยและอาชีวอนามยั คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา ประสบการณท์ �ำงาน/ฝกึ งาน จป. วชิ าชีพ : พิธีกรงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี ประจ�ำปี 2562 แนะน�ำไลฟสไตลต์ นเองครา่ วๆ อุปนิสัยส่วนตวั ทบ่ี ่งบอกความเปน็ ตวั เอง : ไลฟสไตล์ในวิถีชีวิตของออยจริงๆแล้วเป็นคนง่ายๆค่ะ กินง่ายอยู่ง่าย ชอบธรรมชาติที่เป็นป่าเขา กิจกรรมที่ชอบท�ำก็มี ออกก�ำลังกาย อ่านหนังสือ หรือออกไปค่ายอาสาหรือไปท�ำอาสาตามมูลนิธิท่ีเขารับ อาสาช่ัวคราวอันน้ีชอบมากเป็นพิเศษค่ะเพราะออยชอบการได้ออกไปเรียนรู้ผู้คน วิถีชีวิตจากการได้เข้าไป 42
พดู คยุ กบั เขา สำ� หรบั อปุ นสิ ยั สว่ นตวั คนทร่ี จู้ กั หรอื เหน็ ออยในครงั้ แรกมกั จะมองวา่ ออย เปน็ คนนง่ิ ๆ ขรมึ ๆ จนบางทคี นคดิ วา่ ออยหยง่ิ ซงึ่ ในความเปน็ จรงิ แลว้ ออยเปน็ คนโกะ๊ ๆ เฮฮา สามารถเขา้ ไดก้ บั ทกุ คน เวลาทำ� งานหรอื บางทแี มแ้ ตใ่ นการใชช้ วี ติ ตวั ออยคอ่ นขา้ ง จะมคี วามเป็นผใู้ หญ่สูง ออกแนวสายวิชาการและเป็นคนมีเหตุมีผลค่ะ เหตใุ ดถงึ เลอื กเรียนอาชวี อนามยั และความปลอดภัยฯ : ต้องสารภาพเลยนะคะว่าจริงๆแล้วที่ออยเลือกเรียนสาขานี้ก็เพราะว่าออย สอบต�ำรวจไม่ติดค่ะ ตอนน้ันนึกได้ว่ามีพี่ท่ีรู้จักเขาเคยแนะน�ำออยเกี่ยวกับสาขานี้ ซึ่ง พเี่ ขาบอกวา่ ถา้ ชอบลยุ ๆอาชพี นกี้ ส็ ามารถตอบโจทยอ์ อยนะ หลงั จากนน้ั ออยกต็ ดั สนิ ใจ สอบเขา้ สาขาเทคโนโลยคี วามปลอดภยั และอาชวี อนามยั ซง่ึ ในตอนนนั้ ออยกไ็ ดบ้ อกกบั ตัวเองว่าระหว่างทีเ่ รียนอยกู่ ็จะสอบต�ำรวจไปเรือ่ ยๆจนกวา่ จะตดิ แตพ่ อเวลาผา่ นไป 3 ปี กับการได้เขา้ มาเรยี นรใู้ นอาชพี จป. ความคิดท่อี อยไดพ้ ดู กบั ในตอนนนั้ มันกห็ ายไป คะ่ เม่อื ออยรู้สกึ หลงรกั ในอาชพี จรงิ ๆแลว้ อาชีพน้ีมนั มีเสนห่ ์นะคะ เปน็ เสนห่ ์ท่ไี มไ่ ดม้ ี ใครสร้างหรือสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่มันคือเสน่ห์ท่ีเราสัมผัสได้ด้วยความ รสู้ กึ จากใจเราเองคะ่ ออยเชอื่ วา่ ถา้ ทกุ คนคน้ พบเสนห่ ใ์ นอาชพี ของตวั เองไดม้ นั จะทำ� ให้ เราท�ำงานอย่างมีความสขุ ค่ะ ตอนทเี่ รยี น ยากไหม (ตอ้ งมกี ารทบทวนเนอ้ื หาทเ่ี รยี นไหม หรอื เลา่ ถงึ วา่ ตอนเรยี น ได้ไปฝกึ งาน ได้ศกึ ษาอะไรเป็นพิเศษบา้ งไหม) เรยี นมยี ากบา้ งงา่ ยบา้ งคะ่ ขนึ้ อยกู่ บั ความถนดั ของเราดว้ ยคะ่ แตจ่ ะยากหรอื จะง่ายไม่ส�ำคัญเลยค่ะถ้าเรารู้สึกว่าตัวเองก�ำลังมีความสุขท่ีได้เรียนรู้อะไรบางอย่างอยู่ ความยากง่ายจะไม่มีอยู่ในหัวเลยค่ะ ส่วนเร่ืองทบทวนเนื้อหาเรียนมีตลอดค่ะ ไม่ว่า กอ่ นเรยี น หลงั เรยี นหรอื กอ่ นสอบ เพราะวา่ ออยจะบอกตวั เองเสมอวา่ เราตอ้ งพยายาม ใหเ้ ตม็ ทก่ี บั ทกุ เรอ่ื ง ตอ่ ใหผ้ ลทไ่ี ดจ้ ะออกมาไมด่ เี รากจ็ ะไมร่ สู้ กึ เสยี ใจหรอื เสยี ดายทหี ลงั แต่เราจะน�ำความล้มเหลวมาพิจารณาเพื่อแก้ไขปรับปรุงตัวเองอีกครั้งค่ะว่าเราขาดตก บกพร่องตรงไหนเพ่ือทำ� คร้ังต่อไปหรือประยุกต์ใช้กับงานตอ่ ไปให้ดขี ึ้นค่ะ เตรียมตัวอยา่ งไรบา้ ง ในบทบาทของ จป.วยั ทนี : ออยไม่รู้นะคะว่าคนอ่ืนเขาเตรียมตัวกันอะไรยังไงบ้าง แต่ส�ำหรับออยอันดับ เเรกทอ่ี อยเตรยี มคอื เตรยี มใจคะ่ ออยตอ้ งเตรยี มใจตวั เองแลว้ วา่ หลงั จากนเ้ี ราตอ้ งออก ไปท�ำหน้าที่ตามท่ีเราต้ังเป้าหมายไว้แล้วนะ เราจะใช้ชีวิตเหมือนเรียนอยู่ไม่ได้แล้ว ต่อ 43
จากนี้เราจะต้องออกไปพบกับผู้คนมากมายหลายตาท่ีเราไมร่ ู้จักเพือ่ เรยี นรู้การทำ� งานและพัฒนาตนเอง ออยเชอื่ นะคะวา่ ต่อให้เรามคี วามรมู้ าก แค่ไหนแต่ถา้ ใจเรายังไม่พรอ้ มทจี่ ะท�ำงานสุดท้ายแล้วความรทู้ ีส่ ะสมมาก็ไม่ได้น�ำไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์ค่ะ เมื่อท�ำงานในฐานะ จป. วชิ าชพี มีการบรหิ ารจดั การองค์กรอยา่ งไรบ้างเพื่อให้เกิดความปลอดภัย : เราทกุ คนรกู้ นั ดีอยู่แลว้ นะคะวา่ ความปลอดภยั ไมใ่ ช่หนา้ ทขี่ องใครคนใดคนหนึ่งแต่มนั คือหน้าทขี่ องเราทกุ คน ดังน้ัน การที่เราจะทำ� ให้ ทกุ คนใหค้ วามรว่ มมอื กบั เราในเรอ่ื งของการสรา้ งความปลอดภยั ในองคก์ ร เรากต็ อ้ งทำ� ใหค้ นในองคก์ รเชอื่ ใจและเชอื่ มน่ั กนั กอ่ น โดยทเี่ ราบรหิ าร จัดการองค์กรให้เป็นเหมือนด่ังพ่ีน้องคนใครอบครัว เราเปรียบเสมือนว่าทุกคนคือคนในครอบครัวของเรา เราจะไม่มีการแบ่งว่าคนน้ีคือหัวหน้า คนนค้ี อื พนักงานแต่อยากจะให้ทกุ คนคดิ วา่ คนนีพ้ ีเ่ รานะ คนนี้น้องเรานะ เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกนั ออยเชื่อวา่ ถ้าเรามพี ้นื ฐานบุคคลกร ทด่ี ีเราจะสามารถสรา้ งความปลอดภัยทีด่ ใี หก้ ับองค์กรไดค้ ะ่ ผลงานดีเดน่ /เกียรติประวัติ /รางวัลทเ่ี คยไดร้ บั ในการท�ำงาน : • รองประธาน ชมรมธารนำ�้ ใจใหน้ ้องใหน้ อ้ งครัง้ ท่ี 10 ปี 2561 • ชนะเลศิ การประกวด “Safety Youth Brand Ambassador2019” ประวัตกิ ารเขา้ รว่ มโครงการ อบรม/สมั นาตา่ งๆ ท่ผี า่ นมา : • เข้ารว่ มโครงการสาขา ชมรมธารนำ้� ใจใหน้ ้องให้น้องคร้งั ท่ี 8 ปี 2559 • เข้าร่วมโครงการสาขา ชมรมธารนำ้� ใจใหน้ ้องให้น้องคร้งั ท่ี 9 ปี 2560 • ผ่านการฝกึ อบรมหลกั สตู ร “การปฏบิ ัตจิ รงิ ของ จป.วิชาชีพ Safety Engiineer” ปี 2561 • เขา้ ร่วมโครงการเรยี นรู้การปฏิบตั ขิ อง จป.วชิ าชีพ ที่ บริษัท ถิรไทย จำ� กัด (มหาชน) ปี 2561 • ผา่ นการฝึกอบรม First Aid, CPR, AED, Rescue ปี 2562 ความภาคภมู ิใจสงู ในการท�ำงาน หรือ ความภูมิใจในบทบาท จป วชิ าชพี : ชนะเลศิ การประกวด“Safety Youth Brand Ambassador2019 (หญิง)รสู้ ึกเปน็ เกียรติและภาคภูมใิ จท่มี ากๆค่ะ ถามวา่ ภาคภูมใิ จท่ี ชนะเลศิ ประกวดใชไ่ หม บอกเลยวา่ ภาคภมู ใิ จนอ้ ยกวา่ ทตี่ วั เองกลา้ กา้ วขา้ มความกลวั ของตวั เองคะ่ มนั เปน็ ความกลวั ทเ่ี ราตอ้ งออกมาพดู ตอ่ หนา้ ผูค้ น เพราะจรงิ ๆ แล้วแต่ก่อนออยเป็นคนไมค่ ่อยพดู โลกส่วนตัวสงู อย่แู ต่กบั ตัวเองไมค่ อ่ ยเข้าสงั คมซึง่ ส่งิ เหลา่ นี้สง่ ผลให้เราเปน็ คนไม่กล้าท่จี ะ ออกมาพดู ตอ่ หนา้ คนเยอะๆ และการทอี่ อยมาประกวดในครงั้ นกี้ เ็ พอ่ื พสิ จู นศ์ กั ยภาพของตวั เอง เพราะออยเชอื่ มน่ั ในตวั เองวา่ ออยมศี กั ยภาพมาก พอท่จี ะสามารถท�ำลายความกลัวนีไ้ ด้ และซึ่งก็ได้ผลจรงิ ๆ ค่ะ ทุกวนั น้ีออยรู้สกึ กลา้ และมน่ั ใจมากขน้ึ แลว้ คะ่ ท่อี อกมาพูดตอ่ หน้าผ้คู น กสุดอ่ นทจา้ ยะเอปยน็ า(กวใ่าหท้ฝี่)าจกปถ.ึงในน้อองนๆาคนติสติ : นกั ศึกษาที่ก�ำลังศกึ ษาในสาขาวชิ าท่ีเกี่ยวขอ้ ง ส�ำหรับน้องๆ ท่ีได้ออกไปฝึกงานแล้วก็อยากจะฝากให้เก็บเกี่ยวเอาความรู้ เอาความรู้สึกจากการฝึกงานที่ได้ไปสัมผัสจริงๆ ร่วมท้ัง อุปสรรคทเ่ี กิดขึ้น น�ำมาเปน็ บทเรียนให้กับตัวน้องๆ เองเพอื่ น�ำไปปรับปรุงหรือน�ำไปพัฒนาตนเองตอ่ ไป ส่วนนอ้ งๆ คนไหนท่ียงั ไม่เคยไดอ้ อกไป ฝึกงานกอ็ ยากจะให้นอ้ งๆ ไดเ้ ปิดโอกาสให้กับตัวเองในการท่ีจะออกไปเรยี นร้อู ะไรใหม่ๆ ท่ไี มใ่ ช่แคใ่ นมหาวทิ ยาลยั ของตวั เอง หรอื พัฒนาทักษะ ของตวั เองทีค่ ิดว่าตวั เองยงั ขาดหรอื ไม่มอี ยเู่ พื่อเปน็ การเตรียมความพรอ้ มของตัวเองทจี่ ะก้าวส่กู ารท�ำงานเป็น จป.วิชาชพี ไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์แบบ ค่ะ 44
เมอ่ื เทยี บปจั จบุ นั กบั อดตี แลว้ ระบบเศรษฐกจิ และสงั คมมคี วามเจรญิ เตบิ โตอยา่ งกา้ วกระโดด องค์กรต่างๆมีการขยายตัวและก่อตั้งเพิ่มข้ึนเป็นจ�ำนวนมาก ถึงแม้จะมีการใช้เครื่องจักรมากข้ึน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังจ�ำเป็นต้องใช้แรงงานคนในการท�ำงาน คนท�ำงานมีโอกาสสัมผัสปัจจัยเสี่ยง ทม่ี ผี ลทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หาสขุ ภาพได้ จงึ มคี วามจำ� เปน็ ทตี่ อ้ งใหค้ วามส�ำคญั และศกึ ษาความสมั พนั ธ์ รูห้ รอื ไม่ ระหว่างมนุษย์และปัจจัยอ่ืนของการท�ำงานในอาชีพและการประกอบกิจกรรมในทุกมิติ ท้ังผู้ปฏิบัติ สถานท่ีท�ำงาน การออกแบบงาน หรือที่เรียกว่า การศึกษาด้านการยศาสตร์ ความลา้ ทางกาย (Ergonomic) โดยคำ� ว่า ergo หมายถงึ งาน และ nomos หมายถงึ กฏทางวทิ ยาศาสตร์ ของการท�ำงาน เมื่อน�ำมารวมกันจึงเป็นการศึกษา ค้นคว้าเป็นวิธีการปรับปรุงงานให้ เหมาะสมกับพนักงาน ปรับท่าทางการท�ำงานให้ถูกต้อง ไม่ใช่การปรับสรีระร่างกาย พนักงาน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมการท�ำงาน สถานีงานให้เหมาะสม เพ่ือการ กบั ความล้าสายตา ทำ� งานทม่ี คี วามสขุ ทงั้ สขุ ภาพกายและใจ ทำ� งานไดเ้ ตม็ ประสทิ ธภิ าพ ลดความเสย่ี ง มคี วามสมั พนั ธ์กัน!! จากการเกิดอุบัติเหตุและโรคจากการท�ำงานซึ่งส่งผลดีต่อตัวพนักงานเอง ดีต่อ องค์กรในด้านคุณภาพงาน และลดการสูญเสียค่ารักษาพยาบาล แต่ก็ปฏิเสธ ไมไ่ ดว้ า่ ยงั เป็นเรื่องทถี่ ูกมองขา้ มจากหลายหนว่ ยงาน หรือตวั ผู้ปฏิบตั ิงานเอง จึงท�ำให้เกิดปัญหาสุขภาพด้านการยศาสตร์เป็นวงกว้าง ซ่ึงความผิดปกติ ทางระบบโครงรา่ งและกลา้ มเนอ้ื (Musculoskeletal disorders; MSDs) ก็เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อที่พบสูงสุด ซ่ึงเกิดจากการท�ำงานที่ไม่เป็น ไปตามหลักที่ถูกต้องด้านการยศาสตร์ แม้ส่วนใหญ่จะไม่อันตราย จุ รีภรณ์ แก้วจนั ดา เฉียบพลัน แต่ในระยะยาวหากไม่ได้รับการแก้ไขจะท�ำให้คุณภาพ อาจารย์ประจ�ำสาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ชีวิตแย่ ถึงข้ึนต้องลาออกเพราะไม่สามารถปฏิบัติงานต่อได้ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ซ่ึงปัจจุบันพบว่าความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเน้ือ เขา้ รมุ เรา้ พนกั งานเกอื บทุกสาขาอาชพี จากที่ผา่ นมาในปี พ.ศ. 2554-2558 มอี าการ MSDs เพม่ิ สงู ขนึ้ เรอื่ ยๆถงึ รอ้ ยละ 83.09 เมื่อเทียบกับประชากรท่ีเจ็บป่วยทั้งหมด และพบในอัตรา สงู สดุ เมอื่ เทยี บกบั โรคอนื่ ๆ ตามการบนั ทกึ จากรหสั ICD10 (International Classification of Diseases and Related Health Problem 10thRevision) (ส�ำนักงานประกันสังคม, 2558) กระทรวงแรงงาน ได้ให้รหัสโรคในกลุ่มท่ีจัดอยู่ในความผิดปกติทาง ระบบโครงร่างและกล้ามเน้ือจากการประกอบ อาชีพส�ำหรบั บนั ทึกข้อมูล ICD-10 ไวด้ งั น้ี 46
• M 54 ปวดหลัง (Dorsalgia) • M 54.5 ปวดหลังสว่ นล่าง (Low back pain) • M 65 เย่ือหุ้มขอ้ และปลอกเอน็ อกั เสบ (Synovitis and tenosynovitis) • M 65.3 น้วิ ลอ็ ค นิว้ ไกปนื นิ้วล่ัน • M 65.4 ปลอกเอ็นกลา้ มเน้อื อักเสบ บริเวณปลายย่นื กระดูกเรเดียส • M 70 ความผดิ ปกตขิ องเนื้อเย่อื ออ่ น เน่ืองจากการใช้งานมากเกนิ และแรง กดทบั (Soft tissue disorders related to use, overuse and pressure) • M 70.0 ปลอกเอน็ กลา้ มเนอ้ื ทีม่ อื และข้อมอื อกั เสบเร้ือรัง • M 70.2 ถงุ ลดเสยี ดสีปลายศอกอักเสบ • M 70.4 ถงุ ลดเสียดสหี นา้ สะบา้ เขา่ อักเสบ • M 77 เอน็ ยดึ กระดูกอกั เสบแบบอ่นื ๆ (Other enthesopathies) • M 77.0 รอยนูนเหนือปุ่มกระดูกตน้ แขนอกั เสบด้านใน • M 77.1 รอยนูนเหนือปุ่มกระดกู ต้น แขนอกั เสบดา้ นนอก (ทีม่ า: ค่มู ือการลงรหัส ICD-10 สำ� หรับโรคจากการประกอบอาชพี โดย ววิ ัฒน์ เอกบรณู ะวฒั น)์ ความผดิ ปกตทิ างระบบโครงรา่ งและกลา้ มเนอื้ จากการทำ� งานมกั เกดิ จากปจั จยั เสยี่ งหลายปจั จยั ทง้ั ปจั จยั ดา้ นลกั ษณะการทำ� งาน เชน่ การใช้ร่างกายท�ำงานในลักษณะใดลักษณะหนึ่งซ�้ำๆ ถี่ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน การท�ำงานเกินก�ำลัง การท�ำงานเกินเวลาที่ร่างกายจะสามารถ ฟ้นื สภาพใหเ้ ป็นปกตไิ ด้ การผลักการดันการดงึ หรือยกสิง่ ของหนกั เกนิ กำ� ลังในท่าทางท่ไี มเ่ หมาะสม การเคลือ่ นไหวรา่ งกายในทา่ ก้มหลังหรือบดิ ตวั ผดิ ลักษณะ เปน็ ต้น ปจั จยั เสีย่ งทางจิตวทิ ยาสังคมคุกคาม ความเครยี ด ปจั จยั ด้านสภาพแวดล้อมและสถานทที่ �ำงานไมเ่ หมาะสม เชน่ สถานท่ี ปฏบิ ตั งิ านคบั แคบทำ� ใหเ้ คลอื่ นไหวรา่ งกายสว่ นทตี่ อ้ งใชง้ านไมส่ ะดวกหรอื ไมถ่ นดั เปน็ เวลานาน ทำ� งานในสภาวะทร่ี า่ งกายไดร้ บั ความสนั่ สะเทอื น อณุ หภมู สิ งู หรอื ตำ่� เกนิ ไป แสงสวา่ งไมเ่ หมาะสม เปน็ ตน้ ทก่ี ลา่ วมาลว้ นสง่ ผลตอ่ คนทำ� งาน ไมเ่ พยี งแคก่ ารเกดิ ความผดิ ปกตทิ างระบบโครงรา่ งและ กลา้ มเนอื้ หรอื ความเมอื่ ยลา้ ทางกายเทา่ นนั้ จากเทคโนโลยลี ำ�้ สมยั ปจั จบุ นั ทำ� ใหม้ ลี กั ษณะงานทตี่ อ้ งใชอ้ ปุ กรณด์ า้ นอเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ ปน็ จำ� นวนมาก เช่น คอมพวิ เตอรส์ มาร์ทโฟน หน้าจอแสดงผลตา่ งๆ รวมถึงลักษณะงานท่จี ้องวัตถุเป็นเวลานาน เชน่ งานตรวจสอบ/ควบคมุ คณุ ภาพ (Quality Control:QC) ซึ่งตอ้ งใชส้ ายตาเปน็ อยา่ งมาก เปน็ สาเหตทุ ่ีทำ� ให้เกิดความล้าของสายตา (Visual fatigue) หรือกลุ่มอาการจอภาพคอมพิวเตอร์ (Computer vision syndrome: CVS) ทจี่ ะแสดงออกหลงั จากทร่ี า่ งกายมคี วามรสู้ กึ เหนอ่ื ยและเพลยี เกดิ ขน้ึ กบั สายตา ทำ� ใหก้ ลา้ มเนอ้ื ตา (Ciliary muscle) มกี ารเกรง็ โดยการยดื หรือหดตัว ความลา้ สายตาจงึ เป็นปญั หาท่ีมขี นาดคอ่ นข้างกวา้ งในผูท้ ีท่ �ำงาน ส่งผลตอ่ คณุ ภาพงาน คณุ ภาพการ ผลิตทลี่ ดลง ความผิดพลาดมากขึน้ มโี อกาสเกิดอุบัติเหตุได้ ปกตแิ ล้วค่าเฉล่ียระยะทางท่ีใกลท้ ี่สุดที่สามารถมองเห็นชัดเจนตามอายุ คอื อายุ (ป)ี ระยะมองเหน็ ชัดใกล้ทส่ี ดุ (มม.) 16 80 32 120 44 250 50 500 60 1000 ทีม่ า: Kruger and Muller-Limmroth, 1979 47
ประเภทของแสงบาดตาหรอื แสงจา้ (glare) ทมี่ ผี ลทำ� ใหเ้ กดิ ความลา้ สายตา ไดแ้ ก่ แสงบาดตาโดยตรง คอื แสงจา้ มากจนไมส่ ามารถมองวตั ถไุ ด้หรือ มองดว้ ยความลำ� บาก และแสงบาดตาทางออ้ ม เกดิ จากการสะทอ้ นพนื้ ผวิ บรเิ วณทท่ี ำ� งานจากแหลง่ กำ� เนดิ แสงอน่ื ๆ ทำ� ใหเ้ กดิ ความลา้ ของสายตา จากการทบทวนวรรณกรรมทผ่ี า่ นมามผี ศู้ กึ ษาเรอ่ื งความลา้ สายตาในพนกั งานผใู้ ชง้ านคอมพวิ เตอรม์ ผี ลการตรวจสมรรถภาพทางสายตา ไม่เหมาะสมกับงาน หรือมีอาการล้าของสายตาเมื่อเทียบกับผู้ท่ีผลการตรวจวัดความล้าสายตาปกติ เป็น 2.667 เท่า (จรูญ ชิดนายี, วิรงค์รอง จารุชาต, และศศธิ ร ชดิ นาย,ี 2556) ไม่เพียงเร่ืองของแสงเท่าน้ันที่มีผลต่อความล้าสายตา แต่ยังมีภาระทางกาย (Physical Workload) หรือ การท�ำงานท่ีใช้แรงกาย และปริมาณความล้าทางจิตใจก็มีผลกระทบต่อความสามารถด้านการมองเห็นและความล้าสายตา ส่งผลให้การตัดสินใจ และประสิทธิภาพการ ท�ำงานลดลง เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายข้ึน จะเห็นได้ว่าความล้าสายตามีความสัมพันธ์กันกับการยศาสตร์ในด้านของความผิดปกติทางระบบโครงร่าง และกล้ามเนอ้ื ด้วย จากการศกึ ษาของ จรุ ภี รณ์ แกว้ จนั ดา ไดท้ ำ� การศกึ ษาในพนกั งานกระบวนการผลติ เยอื้ และกระดาษ ดว้ ย 2 วธิ กี าร คอื 1.แบบสอบถาม 2.ใช้เครื่องวัดความล้าสายตา Flicker Fusion Test เป็นเคร่ืองมือ “Digital Flicker Value Tester” (DF-1 Type) โดยอาศัยหลักการของ Critical Fusion Frequency (CFF) มหี นว่ ยเปน็ รอบตอ่ วนิ าที (Cycle Per Second หรอื Hertz) เปน็ การวดั ทอี่ าศยั การทำ� งานรว่ มกนั ของตาและ สมอง มไี ดโอดซง่ึ เปน็ ตวั ควบคมุ ความถข่ี องคลนื่ ไฟฟา้ ทำ� หนา้ ทลี่ ดสญั ญาณความถล่ี งทลี ะนอ้ ยๆ จนความถขี่ องกระแสไฟฟา้ ไดป้ ระมาณ 40 จนถงึ 50 Hz. ก็จะท�ำใหเ้ กดิ การกระพริบของหลอดไฟหรอื เป็นจดุ สญั ญาณสีส้ม ในจอภาพความถีข่ องแถบกระพริบน้ีจะตรงกบั ความถ่ขี องคลน่ื สมอง สว่ นทร่ี บั รกู้ ารเหน็ ซง่ึ จะรบั ภาพการกระพรบิ เปน็ แถบสเี ดยี วกนั ถา้ ผถู้ กู ทดสอบปกตจิ ะสามารถตอบสนองไดเ้ รว็ แตถ่ า้ ผถู้ กู ทดสอบเกดิ ความเมอื่ ย ลา้ กจ็ ะทำ� ให้เกิดการตอบสนองนั้นชา้ โดยท่ีคา่ ปกติของ CFF จะอยูใ่ นชว่ ง 30-40 รอบต่อวนิ าที หรือ “Cycle Per Second (CPS)” (ชมพูศักดิ์ พลู เกษ, 2535) การแปลผลคา่ CFF คา่ CFF ทวี่ ดั ได้ (CPS) การแปลผล หนว่ ยวัด 30 < CFF < 40 ปกติ 0 40 < CFF < 45 มคี วามเม่อื ยลา้ ของสายตาเลก็ น้อย 1 45 <CFF < 50 มีความเมอ่ื ยล้าของสายตาปานกลาง 2 CFF > 50 ข้นึ ไป มีความเมอ่ื ยลา้ ของสายตามาก 3 (ชมพศู ักด์ิ พลู เกษ, 2535) จากการใช้แบบสอบถามพนักงานมีความรู้สึกล้าสายตา ร้อยละ 33.94 แต่เม่ือใช้เคร่ืองวัดความล้าสายตาพบว่า ส่วนใหญ่มีความล้า สายตา ร้อยละ 60.51 เป็นไปได้ว่าผลจากการตอบแบบสอบถามมีความล้าสายตาน้อยกว่าใช้เครื่องนั้นอาจเพราะพนักงานมีความเคยชินกับ งานที่ท�ำ หรือการใช้แบบสอบถามเพียงอย่างเดียวไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าพนักงานไม่มีความล้าสายตา จึงเป็นส่ิงดีท่ีใช้เคร่ืองวัดความล้า สายตาตรวจสอบรว่ มดว้ ย และเมอ่ื นำ� ผลจากเครอ่ื งวดั ความลา้ สายตามาหาความสมั พนั ธก์ บั ความผดิ ปกตทิ างระบบโครงรา่ งและกลา้ มเนอื้ โดยการ วเิ คราะหพ์ หถุ ดถอยลอจสิ ตกิ โมเดลสดุ ทา้ ย ผลการวเิ คราะห์ พบวา่ พนกั งานทมี่ คี วามลา้ สายตาจากเครอื่ งวดั ความลา้ สายตา Flicker Fusion Test มคี วามสมั พนั ธแ์ ละเปน็ ปจั จยั เสยี่ งตอ่ ความผดิ ปกตทิ างระบบโครงรา่ งและกลา้ มเนอื้ มากกวา่ พนกั งานทไี่ มม่ คี วามลา้ สายตา 4.51 เทา่ หรอื กลา่ ว ไดง้ ่ายๆวา่ ความลา้ สายตามคี วามสัมพนั ธ์และเปน็ ปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความล้าทายกายได้ ดงั นน้ั จงึ เปน็ เรอื่ งจำ� เปน็ ทต่ี อ้ งตระหนกั เหน็ ความสำ� คญั การทำ� งานตามหลกั การยศาสตรท์ ถ่ี กู ตอ้ ง ทง้ั ทา่ ทางการทำ� งาน สภาพแวดลอ้ ม สถานีงาน เช่น ระยะเวลาการท�ำงาน แสงสว่างท่ีเหมาะสม รวมถึงเฝ้าระวังสมรรถภาพการมองเห็นของพนักงาน โดยเพ่ิมเรื่องการวัดความล้า สายตาในโปรแกรมตรวจสุขภาพประจ�ำปี ซ่ึงไม่ใช่วัดความผิดปกติของสายตา หรืออย่างน้อยมีการใช้แบบสอบถามและให้ความรู้เร่ืองความล้า สายตาและความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเน้ือ แม้จะไม่ใช่เรื่องที่กฎหมายก�ำหนดไว้แต่เป็นความห่วงใยที่พนักงานทุกคนควรได้รับ จากองคก์ ร เมื่อพนกั งานเปน็ สขุ องค์กรยอ่ มประสบผลส�ำเร็จในดา้ นคณุ ภาพงานอย่างปฏิเสธไม่ได้ เอกสารอา้ งอิง กลุ่มรายงานมาตรฐาน. (2560). โรคจากการประกอบอาชีพและส่ิงแวดล้อม. ค้นเม่ือ 18 ตุลาคม 2562, จาก https://hdcservice.moph.go.th/hdc/ main/index_pk.php จุรภี รณ์ แกว้ จันดา และ สุนสิ า ชายเกล้ยี ง. (2562). การประเมนิ ความเสี่ยงทางสขุ ภาพดา้ นความผิดปกตทิ างระบบโครงร่างและกลา้ มเนื้อของพนกั งานท่ี ปฏบิ ัตงิ านในกระบวนการผลิตเย่ือและกระดาษ. วารสารวจิ ยั สาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น., 12(1). พงษ์จันทร์ อย่แู พทย.์ (2561). การยศาสตร์และสรีรวทิ ยาของการทำ� งาน. ส�ำนกั พมิ พ์มหาวิทยาลยั รังสิต สุนสิ า ชายเกลยี้ ง. (2557). สรีรวทิ ยาการทำ� งานและการยศาสตร์. ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . 48
หลังทาน เสรจ็ ใหมๆ่ อไดอเ้ ลกยกร�ำึเลปังลก่าา?ย นานาสาระ นอกเหนือจากการส่งเสริมความปลอดภัยแล้วนั้น ปัจจุบันหลายๆ สถานประกอบการมีสวัสดิการด้านส่งเสริมสุขภาพส�ำหรับให้พนักงาน เห็นได้จาก การจัดห้องฟิตเนส สนามส�ำหรับเล่นกีฬา หรือจัดให้มีอุปกรณ์และโซนส�ำหรับ ออกกำ� ลังกาย ใหพ้ นักงานทีช่ ่นื ชอบในการออกก�ำลงั กาย ไดอ้ อกกำ� ลงั กายในเวลา ว่างหรือช่วงพักกลางวัน เพื่อส่งเสริมการ มีสุขภาพที่แข็งแรงพร้อมส�ำหรับการ ทำ� งานอย่างเต็มท่ี ส�ำหรับโค้ชเองมีโอกาสท่ีได้ไปฝึกอบรมพร้อมออกแบบรูปแบบกิจกรรม เพอื่ สง่ เสรมิ การออกกำ� ลงั กายสง่ เสรมิ สขุ ภาพใหก้ บั สถานประกอบการหลายที่ และ ส่วนใหญ่มักจะเจอคำ� ถามจากพนกั งานวา่ “หลงั ทานอาหารเสร็จใหมๆ่ ออกกำ� ลัง กายไดเ้ ลยรเึ ปลา่ ?????” วนั นเ้ี ราจะมาไขปญั หาคาใจหรอื สรา้ งความเขา้ ใจทตี่ รงกนั ดงั นีค้ รับวา่ ... 49
รหเึลปังลทา่ า?น?เสร็จใหม่ๆ ออกก�ำลังกายได้เลย โดยทั่วไปหลังจากที่เราได้ทานอาหารม้ือหลักไปแล้วน้ัน ทอ๊ ปแนะนำ� วา่ เราควรรอเปน็ ระยะเวลาประมาณ 3 ชว่ั โมง กอ่ นทจี่ ะ ออกกำ� ลงั อยา่ งหนกั เพอ่ื ใหส้ ารอาหารนน้ั ถกู ดดู ซมึ และเปลยี่ นเปน็ พลังงานท่พี รอ้ มส�ำหรบั การใช้งาน สัญญาณเตือน? ยำ้� !!ขอเตอื นไวก้ อ่ นนะครบั วา่ ถา้ เราไปออกกำ� ลงั ในขณะท่ี รา่ งกายกำ� ลงั ทำ� การยอ่ ยอยนู่ น้ั อาจจะทำ� ใหเ้ กดิ อาการเปน็ ตะครวิ ที่ หน้าท้อง หรือ จกุ น่นั เอง สารอาหารมรี ะยะเวลาย่อยอย่างไร? โดยทั่วไปสารอาหารต่างๆ จะมีเวลาย่อยไม่เท่ากัน เช่น คาร์โบไฮเดรตจะใช้เวลาย่อยประมาณ 1 ช่ัวโมง โปรตีนประมาณ 2 ชว่ั โมง และไขมันประมาณ 4 ช่ัวโมงครับ ตัวอย่างการแบง่ เวลา ก่อน-หลัง รับประทานอาหาร เพือ่ ออกกำ� ลงั กาย ท่เี หมาะสม!! ยกตวั อยา่ งถา้ เราทานอาหารกลางวนั ในช่วงเที่ยงหรือช่วง บา่ ยนนั้ ซง่ึ โดยปกติ มอื้ กลางวนั เราจะทานกนั ในปรมิ าณเยอะอยแู่ ลว้ ตามหลักการเลยครับ ประมาณ 3 ชั่วโมง ร่างกายก็จะย่อยอาหาร และดูดซึมอาหาร ท่ีพร้อมเป็นพลังงานในช่วงเย็นพอดี และเราก็ สามารถไปออกก�ำลงั กายไดอ้ ย่างเต็มท่ี และมีประสิทธภิ าพครับ โคช้ ทอ๊ ปเทพ เทรนเนอรค์ ณุ ธรรม สถาบันฝึ กอบรม WE ACADEMY 50
Search