Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรชีววิทยา 2565

หลักสูตรชีววิทยา 2565

Published by noojiab_ka555, 2022-08-07 13:47:15

Description: หลักสูตรชีววิทยา 2565

Search

Read the Text Version

ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ - การเจริญเติบโตของมนุษย์จะมีขั้นตอนคล้ายกับการ เจริญเติบโตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอ่ืน ๆ โดย เอม็ บริโอจะฝงั ตัวทีผ่ นงั มดลูก และมกี ารแลกเปล่ียนสาร ระหวา่ งแม่กับลกู ผ่านทางรก 16. สืบคน้ ข้อมลู อธิบาย และเขียนแผนผัง - ฮอร์โมนเป็นสารที่ควบคุมสมดุลต่าง ๆ ของร่างกาย สรุปหนา้ ที่ของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและ โดยผลิตจากต่อมไร้ท่อหรือเนื้อเยื่อ โดยต่อมไร้ท่อนี้จะ เนื้อเย่ือ ท่ีสรา้ งฮอรโ์ มน กระจายอยตู่ ามตำแหนง่ ต่าง ๆ ท่ัวร่างกาย - ต่อมไร้ท่อที่สร้างหรือหลั่งฮอร์โมน ไม่มีท่อในการ ลำเลียงฮอร์โมนออกจากต่อมจึงถูกลำเลียงโดยระบบ หมุนเวยี นเลือดไปยงั อวัยวะเป้าหมายทจี่ ำเพาะเจาะจง - ต่อมไพเนียลสรา้ งเมลาโทนินซึ่งยับย้ังการเจริญเติบโต ของอวยั วะสืบพนั ธ์ชุ ่วงกอ่ นวัยเจรญิ พันธุ์ และตอบสนอง ตอ่ การเปลี่ยนแปลงของแสงในรอบวนั - ต่อมใต้สมองส่วนหน้าสร้างและหลั่งโกรทฮอร์โมน โพรแลกทิน ACTH TSH FSH LH เอนดอร์ฟิน ซึ่งทำ หนา้ ที่แตกตา่ งกนั - ต่อมใต้สมองสว่ นหลงั หลงั่ ฮอร์โมนซงึ่ สรา้ งจาก ไฮโพทาลามัส คือ ADH และออกซิโทซิน ซึ่งทำหน้าท่ี แตกตา่ งกนั - ตอ่ มไทรอยด์สรา้ งไทรอกซนิ ซึง่ ควบคมุ อัตรา เมแทบอลซิ มึ ของรา่ งกาย และสรา้ งแคลซโิ ทนิน ซ่ึงควบคมุ ระดับแคลเซยี มในเลือดใหป้ กติ - ต่อมพาราไทรอยด์สร้างพาราทอร์โมนซง่ึ ควบคุมระดับ แคลเซียมในเลอื ดให้ปกติ - ตบั ออ่ นมกี ลมุ่ เซลลท์ ี่สรา้ งอนิ ซลู ินและกลคู ากอน ซ่งึ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลอื ดใหป้ กติ -ต่อมหมวกไตส่วนนอกสร้างกลูโคคอรต์ ิคอยด์ มเิ นราโล- คอร์ติคอยด์ และฮอร์โมนเพศ ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกัน ส่วนต่อมหมวกไตส่วนในสร้าง เอพิเนฟรินและนอร์- เอพิเนฟรนิ ซงึ่ มีหนา้ ทเี่ หมอื นกนั - อัณฑะมีกลุ่มเซลล์สร้างเทสโทสเทอโรน ส่วนรังไข่มี กลุ่มเซลล์ที่สร้างอีสโทรเจน และโพรเจสเทอโรน ซึ่งมี หนา้ ท่ีแตกตา่ งกนั - เนื้อเยื่อบางบริเวณของอวัยวะ เชน่ รก ไทมสั กระเพาะ อาหาร และลำไส้เล็ก สามารถสร้างฮอร์โมนได้หลาย ชนดิ ซ่ึงมีหนา้ ท่แี ตกตา่ งกนั

ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พมิ่ เติม - การควบคุมการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อ มีทั้งการ ควบคุมแบบป้อนกลับยับยั้ง และการควบคุมแบบ ป้อนกลบั กระตุน้ เพอื่ รักษาดุลยภาพของรา่ งกาย - ฟีโรโมนเป็นสารเคมีที่ผลิตจากต่อมมีท่อของสัตว์ซ่ึง สง่ ผลต่อสตั ว์ตวั อืน่ ทีเ่ ป็นชนิดเดยี วกัน 17. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ - พันธกุ รรมและส่งิ แวดลอ้ มมีผลตอ่ การแสดงพฤตกิ รรม และยกตัวอย่างพฤติกรรมที่เป็นมาแต่ - พฤตกิ รรมท่เี ปน็ มาแตก่ ำเนิดแบง่ ออกได้เป็นหลายชนิด กำเนดิ และพฤตกิ รรมท่เี กิดจากการเรยี นรู้ เช่น โอเรียนเตชัน (แทกซิสและไคนีซิส) รีเฟล็กซ์ และ ของสัตว์ ฟกิ แอกชนั แพทเทริ ์น 18. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบาย และยกตัวอยา่ ง - พฤติกรรมที่เกิดจากการเรยี นรู้ แบง่ ได้เป็นแฮบบชิ ู- ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมกับ เอชัน การฝังใจ การเชื่อมโยง (การลองผิดลองถูกและ วิวฒั นาการของระบบประสาท การมเี งอื่ นไข) และการใชเ้ หตผุ ล 19. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่าง - พนั ธุกรรมและสง่ิ แวดลอ้ มมผี ลตอ่ การแสดงพฤตกิ รรม การสื่อสารระหว่างสัตว์ที่ทำให้สัตว์แสดง - พฤติกรรมที่เป็นมาแต่กำเนิดแบ่งออกได้เป็นหลาย พฤตกิ รรม ชนิด เชน่ โอเรียนเตชนั (แทกซสิ และไคนีซสิ ) รีเฟล็กซ์ และฟิกแอกชันแพทเทริ ์น - พฤตกิ รรมทเ่ี กดิ จากการเรียนรู้ แบง่ ได้เปน็ แฮบบชิ ู- เอชัน การฝังใจ การเชื่อมโยง (การลองผิดลองถูกและ การมีเง่อื นไข) และการใช้เหตุผล -ระดับการแสดงพฤติกรรมที่สัตว์แต่ละชนิดแสดงออก จะแตกต่างกันซึ่งเป็นผลมาจากวิวัฒนาการของระบบ ประสาททแี่ ตกตา่ งกนั - การสื่อสารเป็นพฤติกรรมทางสังคมแบบหนึ่ง ซึ่งมี หลายวิธี เช่น การสื่อสารด้วยท่าทาง การสื่อสารด้วย เสียง การสื่อสารด้วยสารเคมี และการสื่อสารด้วยการ สมั ผัส

5. เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับระบบนิเวศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบ นิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของสิง่ มีชวี ติ ในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบ การเพิ่มของประชากร ทรพัยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการแกไ้ ขปญั หา ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 ช้ัน ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพม่ิ เติม ม.6 1. วิเคราะห์ อธิบายและยกตัวอย่าง - ระบบนิเวศจะดำรงอยู่ได้ต้องมีกระบวนการต่าง ๆ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานในระบบ เกิดขึ้น กระบวนการที่สำคัญ ได้แก่การถ่ายทอด นิเวศ พลงั งาน และการหมนุ เวยี นสาร การถ่ายทอด พลังงาน 2. อธิบาย ยกตัวอย่างการเกิดไบโอแมก ในระบบนิเวศสามารถแสดงได้ด้วย แผนภาพที่เรียกวา่ นิฟิเคชัน และบอกแนวทางในการลด โซ่อาหาร สายใยอาหาร และพีระมิดทางนเิ วศวทิ ยา การเกิดไบโอแมกนฟิ ิเคชัน - พลงั งานท่ีถ่ายทอดไปในแต่ละลำดับข้ันการกินอาหาร 3. สบื คน้ ขอ้ มลู และเขียนแผนภาพ เพื่อ มีปรมิ าณทไ่ี ม่เท่ากนั พลังงานสว่ นใหญ่ จะสญู เสียไปใน อธิบายวฏั จักรไนโตรเจนวฏั จักรกำมะถัน รูปความรอ้ นระหว่างการถ่ายทอด จากสิง่ มีชีวิตหนึ่งไป และวัฏจักรฟอสฟอรัส ยังสงิ่ มีชีวิตอีกชนิดหนึง่ - การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศบางคร้งั อาจทำให้ มสี ารพษิ สะสมอยใู่ นสง่ิ มชี ีวติ ดว้ ย เรยี กว่า การเกิด ไบโอ แมกนิฟิเคชัน ซึ่งอาจมีระดับ ความเข้มข้นของ สารพิษมากขึ้นตามลำดับขั้นของ การกินจนอาจ ก่อให้เกิดอนั ตรายตอ่ ส่ิงมีชีวติ - สารตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศมกี ารหมนุ เวียนเกิดข้นึ ผ่าน ทั้งในสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตกลับคืนสู่ระบบ อย่าง เป็นวัฏจักร เช่น วัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักร กำมะถัน และวฏั จักรฟอสฟอรัส 4. สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่างและอธิบาย - ไบโอมคอื ระบบนิเวศขนาดใหญท่ ่ีกระจายอยู่ตาม ลกั ษณะของไบโอมที่กระจายอยู่ตามเขต เขตภูมิศาสตร์ตา่ ง ๆ บนโลก เชน่ ไบโอมทุนดรา ไบโอม ภมู ศิ าสตร์ต่าง ๆ บนโลก สะวันนา ไบโอมทะเลทราย โดยแต่ละ ไบโอมจะมี ลักษณะเฉพาะของปัจจัยทางกายภาพ ชนิดของพืช และชนิดของสัตว์ 5. สืบค้นข้อมูลยกตัวอย่าง อธิบายและ - ระบบนิเวศมีการเปลี่ยนแปลงได้การเปลี่ยนแปลงท่ี เปรียบเทียบการเปล่ียนแปลงแทนที่แบบ เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ทำให้ระบบนิเวศสามารถปรับสมดลุ ปฐมภูมิ และการเปลี่ยนแปลงแทนที่ ได้แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอาจส่งผล แบบทุติยภมู ิ กระทบต่อองคป์ ระกอบทางชีวภาพในระบบนิเวศทำให้ เกิดการเปล่ยี นแปลง แทนทข่ี องสง่ิ มีชวี ิตขนึ้

ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรเู้ พิม่ เตมิ - การเปลี่ยนแปลงแทนที่ทางนิเวศวิทยา มีทั้งการ เปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิและ การเปลี่ยน แปลงแทนทแ่ี บบทุติยภมู ิ 6. สืบค้นข้อมูล อธิบายยกตัวอย่าง และ - ประชากรของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีลักษณะหลาย สรุปเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะขอ ง ประการท่เี ป็นลกั ษณะเฉพาะ เชน่ ขนาด ของประชากร ประชากร ของสิง่ มชี ีวิตบางชนิด ความหนาแน่นของประชากร การกระจายตัวของ 7. สืบค้นขอ้ มลู อธิบายเปรยี บเทียบและ สมาชิกในประชากร โครงสร้างอายุของประชากร ยกตัวอย่างการเพิ่มของประชากรแบบ อัตราส่วนระหว่าง เพศอัตราการเกิดและอัตราการตาย เอกโพเนนเชียล และการเพิ่มของ การอพยพเข้า การอพยพออกของประชากร และการ ประชากรแบบลอจสิ ตกิ รอดชวี ติ ของสมาชิกที่มีอายตุ า่ งกนั 8. อธิบาย และยกตัวอย่างปัจจัยที่ - ลักษณะเฉพาะของประชากรมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยน ควบคุมการเติบโตของประชากร แปลงขนาดของประชากร ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิด ขน้ึ อยูเ่ สมอ - การเพิ่มประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียล เป็นการเพ่ิม จำนวนประชากรอยา่ งรวดเร็วแบบทวีคูณ - การเพิ่มประชากรแบบลอจิสติก เป็นการเพิ่มจำนวน ประชากรที่ขน้ึ อยกู่ ับสภาพแวดล้อม หรือมีตัวต้านทาน ในสงิ่ แวดล้อมมาเกย่ี วขอ้ ง - การเติบโตของประชากรขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ ซึ่ง แบ่ง ได้เปน็ ปัจจยั ที่ขึ้นกับความหนาแนน่ ของประชากร และ ปจั จัยทไ่ี มข่ ึ้นกับความหนาแน่นของประชากร - ประชากรมนุษย์มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบ เอ็กโพเนนเชียล หลังจากการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม เปน็ ตน้ มา 9. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - ปัญหาที่เกิดกับทรัพยากรน้ำ ส่วนใหญ่เกิดจาก การ การขาดแคลนน้ำ การเกิดมลพิษทางนำ้ ปล่อยน้ำที่ผ่านการใช้ประโยชน์จากกิจกรรม ต่าง ๆ และผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และ ของมนษุ ยแ์ ละยังไมไ่ ด้รบั การบำบัดลง สูแ่ หล่งนำ้ ทำให้ สิง่ แวดล้อมรวมทงั้ เสนอแนวทางการวาง เกิดมลพิษทางนำ้ แผนการจดั การน้ำและการแกไ้ ขปญั หา - การตรวจสอบคุณภาพน้ำนิยมใช้การหาค่าปริมาณ ออกซิเจนที่ละลายน้ำ และค่าปริมาณออกซิเจนท่ี จลุ นิ ทรีย์ในนำ้ ใชใ้ นการย่อยสลายสารอินทรยี ใ์ นน้ำ - การจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีการวางแผนการใช้น้ำ การแก้ไขปัญหา คุณภาพ นำ้ รวมท้งั การปลกู จติ สำนกึ ในการใชน้ ้ำ อยา่ งถูกตอ้ ง 10. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - การปนเปื้อนของสารเคมีฝุ่นละออง และจุลินทรีย์ มลพิษทางอากาศ และผลกระทบที่มีต่อ ต่าง ๆ ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่งเกิดได้ทั้งจาก ธรรมชาตแิ ละจากการกระทำของมนษุ ย์

ช้นั ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ มนุษย์และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งเสนอแนว - การเกิดมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทางการแกไ้ ข ปัญหา เชน่ การเกดิ พายกุ ารเกดิ ไฟปา่ และการเกดิ แกส๊ พษิ จาก การยอ่ ยสลายของจลุ ินทรีย์ - การเกิดมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการกระทำของ มนษุ ยเ์ ช่น การใชเ้ ช้ือเพลงิ ฟอสซิล ในรูปแบบตา่ ง ๆ - การจัดการทรัพยากรอากาศควรประกอบด้วย การ กำหนดนโยบาย และวางแผนงานเพื่อปอ้ งกนั และแกไ้ ข รวมทั้งการปลูกจิตสำนึกในการดูแล รักษาคุณภาพ อากาศ 11. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - มลพษิ ทางดนิ และปญั หาความเสอื่ มโทรมของดิน ส่วน ที่เกิดกับทรัพยากรดิน และผลกระทบที่ ใหญ่มสี าเหตุจากการกระทำของมนุษย์ มีต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งเสนอ - การจัดการทรัพยากรดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แนวทางการแก้ไขปัญหา ควรมีการปอ้ งกันและการแก้ปัญหาการเกิด มลพิษและ ความเสื่อมโทรมของดิน รวมทั้งการ ปลูกจิตสำนึกใน การใช้ดนิ อยา่ งถกู ต้อง 12. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - พื้นที่ป่าไม้ที่ลดลงอาจมีสาเหตุมาจากธรรมชาติ เช่น ผลกระทบที่เกิดจากการทำลายป่าไม้ ไฟปา่ แผ่นดินไหว ภเู ขาไฟระเบิด หรืออาจมี สาเหตุมา รวมทั้งเสนอแนวทางในการป้องกันการ จากการกระทำของมนุษย์เช่น การตัดไม้ ทำลายป่า ทำลายปา่ ไม้และการอนุรกั ษ์ป่าไม้ การบุกรุกพื้นที่ป่าเพ่ือครอบครองทีด่ นิ การเผาป่า การ ทำเหมืองแร่ - พื้นที่ป่าไม้ที่ลดลงทำให้ภูมิประเทศมีสภาพ แห้งแลง้ เกิดอุทกภัย เกิดการพังทลายของดิน ตลอดจนการ เพิ่มขึ้นของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นแก๊สเรือน กระจกชนดิ หนง่ึ นอกจากน้ี ทำให้สตั วป์ า่ และพืชพรรณ ธรรมชาตลิ ดจำนวนลง หรอื สูญพันธ์ุได้ - การจัดการทรพั ยากรป่าไม้ควรจัดการให้มี ทรัพยากร ป่าไม้คงอยู่อย่างยั่งยืนหรือเพิ่มขึ้น เช่น การกำหนด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ส่งเสริมการปลูกป่า ป้องกันการบุกรุก ป่า การใช้ไม้อย่างมคี ุณค่าและ มีประสิทธิภาพ รวมถึง การปลูกจติ สำนึกเรอ่ื ง การอนรุ ักษ์ป่าไม้ 13. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา - การลดจำนวนลงของสัตวป์ ่าเป็นผลเน่ืองมาจาก การ ผลกระทบที่ทำให้สัตว์ป่ามีจำนวนลดลง กระทำของมนุษยเ์ ปน็ สว่ นใหญค่ ือ การทำให้ แหลง่ ที่อยู่ และแนวทางในการอนรุ ักษส์ ตั ว์ปา่ อาศัยลดลงและการลา่ สตั วป์ ่า - การจดั การทรพั ยากรสตั วป์ า่ ควรมกี ารดำเนินการ ให้มี พน้ื ท่ีปา่ ไมเ้ พื่อการอยูอ่ าศยั อยา่ งเพยี งพอ รวมทัง้

ชนั้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พม่ิ เตมิ การไม่ทำร้ายสัตว์ป่าหรือทำให้สัตว์ป่า ลดจำนวนลง รวมทัง้ การปลูกจิตสำนึกใหช้ ว่ ยกนั อนุรกั ษ์ ม.6 1. อภิปรายความสำคัญของความหลาก - ความหลากหลายทางชีวภาพ ประกอบด้วย ความ หลายทางชีวภาพ และความเชื่อมโยง หลากหลายทางพันธุกรรมความหลากหลายของสปีชีส์ ระหว่างความหลากหลายทางพันธุกรรม และความหลากหลายของระบบนิเวศ ความหลากหลายของสปีชีส์และความ - การแปรผันทางพันธกุ รรมทำให้เกดิ ความหลากหลาย หลากหลายของระบบนเิ วศ ทางพันธุกรรม ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดที่มีความหลากหลายทาง พนั ธกุ รรมมากย่อมทำให้มโี อกาสอย่รู อดเพิม่ ขึ้นและสืบ ทอดลกู หลานตอ่ ไปได้ - สิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้ผ่าน กระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ หรือโดยมนุษย์มา เป็นระยะเวลายาวนาน หลายชั่วรุ่นซึ่งอาจเกิดเป็นสปี ชีส์ใหม่ สง่ ผลให้เกิดความหลากหลายของสปชี สี ์ -แหลง่ ทอี่ ยูอ่ าศัยแต่ละแหลง่ ที่สง่ิ มชี ีวิตอาศยั อยู่นั้น จะ มีองค์ประกอบของปัจจัยทางกายภาพ และปัจจัยทาง ชีวภาพที่แตกต่างกัน ทำให้เกิด ความหลากหลายของ ระบบนิเวศ 2. อธิบายการเกิดเซลล์เริ่มแรกของ - จุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการของเซลล์เกิดจากโมเลกุล สิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ของสารอนิ ทรยี โ์ ดยเซลลร์ ูปแบบแรก ทีเ่ กิดขึ้นคือ เซลล์ เซลล์เดียว โพรคาริโอต และมีวิวัฒนาการ ขึ้นมาเป็นเซลล์ยูคาริ โอต และจากสิ่งมีชีวิต เซลล์เดียว เป็นสิ่งมีชีวิตหลาย เซลล์ที่มีโครงสร้างแบบง่าย ๆ จนกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิต หลายเซลล์ ทมี่ โี ครงสรา้ งซบั ซอ้ นมากขนึ้ ตามลำดับ 3.อธิบายลักษณะสำคัญและยกตัวอย่าง - แบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตพวกโพรคาริโอต ผนังเซลล์ มี สิ่งมีชีวิตกลุ่มแบคทีเรียสิ่งมีชีวิตกลุ่ม เพปทิโด-ไกลแคนเป็นองค์ประกอบสำคัญ แบคทีเรีย โพรทิสต์ สง่ิ มชี วี ติ กลมุ่ พืชส่ิงมีชีวิตกลุ่ม ทั่วไปสร้างอาหารเองไม่ได้ดำรงชีวิต แบบผู้สลาย ฟังไจ และสิง่ มชี วี ติ กล่มุ สัตว์ สารอินทรีย์หรือแบบปรสิต แต่แบคทีเรียบางกลุ่ม เช่น ไซยาโนแบคทีเรีย สร้างอาหารเองได้จากกระบวนการ สงั เคราะห์ ดว้ ยแสง - โพรทิสต์เป็นสิ่งมีชีวิตพวกยูคาริโอต มีลักษณะ หลากหลาย ทั้งที่เป็นสิ่งมีชวี ติ เซลล์เดียว หรือสิ่งมีชวี ติ หลายเซลล์ที่ยังไม่พัฒนาไปเป็นเนื้อเย่ือ อาจมีหรือไมม่ ี ผนังเซลล์เปน็ ส่วนประกอบของเซลล์ - พืชเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์พวกยูคาริโอตมีผนังเซลล์ ซึ่งมีเซลลูโลสเปน็ องคป์ ระกอบ มีวัฏจักรชีวิต แบบสลับ

ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ และมีระยะเอม็ บริโอในการสืบพนั ธ์ุ แบบอาศัยเพศ พืช สรา้ งอาหารเองได้จาก กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง - ฟังไจเป็นสิ่งมีชีวิตพวกยูคาริโอต มีทั้งสิ่งมีชีวิตเซลล์ เดยี วและหลายเซลล์ เซลล์ของฟงั ไจยงั ไม่พัฒนาไปเป็น เน้ือเย่อื ผนงั เซลล์มไี คทนิ เปน็ องค์ประกอบสำคญั ฟงั ไจ สร้างอาหารเองไม่ได้และดำรงชีวิตแบบผู้สลายสาร อินทรยี ์หรอื แบบปรสติ - สตั วเ์ ป็นสิง่ มีชีวิตหลายเซลล์พวกยูคาริโอต ไมส่ ามารถ สร้างอาหารเองได้ต้องได้รับอาหาร จากสิ่งมีชีวิตอื่น ส่วนใหญ่มีระบบย่อยอาหาร บางชนิดอาจเป็นปรสิต สัตวม์ ีระยะเอม็ บรโิ อ ในการสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศ - สัตว์อาจแบ่งเป็นกลุ่มย่อยโดยพิจารณาลักษณะ ต่าง ๆ คือ เนื้อเยื่อสมมาตร การเปลี่ยนแปลงของบลาสโท พอร์การเจริญในระยะตัวอ่อน ทำให้อาจแบ่งสัตว์เป็น กลุ่มย่อย เช่น กลุ่มฟองน้ำ กลุ่มไฮดรา กลุ่มหนอนตัว แบน กลุ่มหอยและ หมึก กลุ่มไส้เดือนดิน กลุ่มหนอน ตวั กลม กลมุ่ สัตว์ท่ีมขี าเปน็ ปลอ้ ง กลมุ่ ดาวทะเล 4. อธิบาย และยกตัวอย่างการจำแนก -การจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่เป็นลำดับขั้น สิ่งมีชีวิตจากหมวดหมู่ใหญ่จนถึง ต่าง ๆ เริ่มจากหมวดหมู่ใหญ่ แล้วแบ่งเป็นหมวดหมู่ หมวดหมู่ย่อย และวิธีการเขียนช่ือ ย่อยมดี ังนี้ คิงดอม-ไฟลมั คลาส ออรเ์ ดอร์ แฟมิลี จีนัส วทิ ยาศาสตรใ์ นลำดบั ข้นั สปีชีส์ และสปีชสี ์ 5. สรา้ งไดโคโทมสั คยี ์ในการระบุ - ชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตในลำดับขั้นสปีชีส์ ที่ตั้ง สิ่งมชี ีวติ หรอื ตวั อยา่ งทกี่ ำหนดออกเป็น ขึ้นตามระบบทวนิ ามเพอื่ ใชใ้ นการระบุถึงส่ิงมชี ีวิตแต่ละ หมวดหมู่ ชนิดให้มีความเข้าใจถูกต้องตรงกัน ประกอบด้วย 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็น ชื่อสกุล ส่วนหลังเป็นคำที่ระบุ ลักษณะพิเศษของสิ่งมีชีวิต ชนิดนั้น หรือเป็นคำที่มี ความหมายเฉพาะ โดยทง้ั 2 ส่วนน้ีต้องเปน็ ภาษาละติน - ไดโคโทมสั คยี เ์ ป็นเครื่องมอื ที่ใช้เพ่อื ระบหุ มวดหมู่ ของ สิ่งมีชีวิตลำดับขั้นต่าง ๆ โดยมีหลักเกณฑ์ในการนำ ลกั ษณะทต่ี า่ งกันของส่ิงมีชีวติ มาพิจารณาเป็นคู่ - วิทเทเกอร์เสนอแนวความคิดที่วา่ สิ่งมีชีวิตพวกยูคาริ โอตมีวิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชวี ติ พวกโพรคาริโอต และ จำแนกส่ิงมีชีวติ เปน็ 5 คิงดอม ประกอบด้วย มอเนอรา โพรทิสตา พชื ฟังไจ และสัตว์

ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้เู พิ่มเตมิ - โวสซ์ และคณะ จำแนกสิ่งมีชีวิตเป็น 3 โดเมน ประกอบด้วย แบคทีเรีย อาร์เคีย และยูคารีอา โดย แนวความคดิ การจำแนกส่งิ มชี ีวติ แตล่ ะโดเมน เปน็ กลมุ่ ย่อยจะใช้หลักที่ว่าสิ่งมีชีวิตในกลุ่มเดียวกัน มีสาย วิวัฒนาการมาจากบรรพบรุ ุษรว่ มกัน

โครงสร้างหลักสตู รโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 โครงสร้างหลกั สตู รเวลาเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 รหัสวชิ า รายวชิ า ภาคเรยี นท่ี 1 น้ำหนัก หนว่ ยกติ กลุม่ รายวิชาพื้นฐาน ท31101 ภาษาไทย 40 1.0 ค31101 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว31101 วิทยาศาสตร์ 40 1.0 ส31101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 1.0 ส31102 ประวัตศิ าสตร์ 20 0.5 พ31101 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 20 0.5 ศ31101 ศลิ ปะ 20 0.5 ว31103 วิทยาการคำนวณ 20 0.5 อ31101 ภาษาอังกฤษ 40 1.0 280 7.0 รวมเวลาเรียน (พื้นฐาน) กลมุ่ รายวิชาเพม่ิ เติม (บงั คบั เลือก) 40 1.0 จ31201 ทักษะภาษาจนี กลาง 1 40 1.0 60 1.5 รายวชิ าเพิ่มเตมิ 80 2.0 ค31201 คณิตศาสตร์ 1 60 1.5 ว31201 ฟิสกิ ส์ 1 60 1.5 ว31202 เคมี 1 40 1.0 ว31203 ชวี วทิ ยา 1 20 0.5 ว31209 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 1 320 8.0 อ31207 ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจำวัน 1 20 รวมเวลาเรียน (เพมิ่ เติม) กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 40 1. กิจกรรมแนะแนว 20 2. กิจกรรมนกั เรยี น 40 120 - ลกู เสอื วสิ ามัญ / นกั ศึกษาวชิ าทหาร 760 16.0 - อบรมคณุ ธรรม 3. บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน รวมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน รวมทงั้ หมด

โครงสร้างหลกั สูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โครงสรา้ งหลกั สูตรเวลาเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 รหัสวชิ า รายวชิ า ภาคเรยี นท่ี 2 น้ำหนกั หนว่ ยกติ กลุ่มรายวชิ าพ้ืนฐาน ท31102 ภาษาไทย 40 1.0 ค31102 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว31102 วิทยาศาสตร์ 40 1.0 ส31102 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 1.0 ส31104 ประวตั ิศาสตร์ 20 0.5 พ31102 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 20 0.5 ศ31102 ศิลปศกึ ษา 20 0.5 อ31102 ภาษาอังกฤษ 40 1.0 ว31104 การออกแบบและเทคโนโลยี 20 0.5 280 7.0 รวมเวลาเรียน (พืน้ ฐาน) กลมุ่ รายวิชาเพม่ิ เติม (บังคบั เลือก) 40 1.0 จ31202 ทักษะภาษาจนี กลาง 2 40 1.0 60 1.5 รายวชิ าเพิ่มเตมิ 80 2.0 ค31202 คณติ ศาสตร์ 2 60 1.5 ว31204 ฟสิ กิ ส์ 2 60 1.5 ว31205 เคมี 2 40 1.0 ว31206 ชวี วิทยา 2 20 0.5 ว31210 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 2 320 8.0 อ31208 ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำวนั 2 20 รวมเวลาเรียน (เพมิ่ เตมิ ) กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 20 1. กจิ กรรมแนะแนว 40 2. กจิ กรรมผู้เรียน 40 120 - อบรมคุณธรรม 760 16.0 - ลกู เสอื วิสามญั / นกั ศกึ ษาวชิ าทหาร 3. บรู ณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น รวมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น รวมทั้งหมด

โครงสร้างหลักสูตรโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 โครงสร้างหลกั สูตรเวลาเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 รหัสวิชา รายวชิ า ภาคเรียนท่ี 1 น้ำหนัก หนว่ ยกิต กลุม่ รายวชิ าพ้นื ฐาน ท32101 ภาษาไทย 40 1.0 ค32101 คณิตศาสตร์ 40 1.0 ว32101 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 20 0.5 ส32101 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 1.0 ส32102 ประวตั ศิ าสตร์ 20 0.5 พ32101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 20 0.5 ศ32101 ศิลปศกึ ษา 20 0.5 ง32101 การงานอาชพี (คหกรรม) 20 0.5 อ32101 ภาษาองั กฤษ 40 1.0 ว32103 วทิ ยาการคำนวณ 20 0.5 280 7.0 รวมเวลาเรยี น (พ้ืนฐาน) กลมุ่ รายวิชาเพิม่ เตมิ (บงั คับเลือก) 40 1.0 จ31203 ทักษะภาษาจนี กลาง 3 40 1.0 60 1.5 รายวชิ าเพิ่มเตมิ 80 2.0 ค32201 คณติ ศาสตร์ 3 60 1.5 ว32201 ฟิสกิ ส์ 3 60 1.5 ว32202 เคมี 3 40 1.0 ว32203 ชวี วิทยา 3 20 0.5 ว32209 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 3 320 8.0 อ32207 ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำวัน 3 20 รวมเวลาเรยี น (เพ่ิมเตมิ ) กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน 20 1. กิจกรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผู้เรียน 40 120 - อบรมคุณธรรม 760 16.0 - ลกู เสือวสิ ามญั / นักศกึ ษาวิชาทหาร 3. บูรณาการสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน รวมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น รวมทั้งหมด

โครงสร้างหลกั สูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โครงสรา้ งหลกั สูตรเวลาเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 รหัสวิชา รายวชิ า ภาคเรยี นท่ี 2 น้ำหนกั หน่วยกติ กลุ่มรายวชิ าพ้ืนฐาน ท32102 ภาษาไทย 40 1.0 ค32102 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว32102 วทิ ยาศาสตร์ 40 1.0 ส32102 สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 1.0 ส32104 ประวตั ศิ าสตร์ 20 0.5 พ32102 สขุ ศึกษาและพลศึกษา 20 0.5 ศ32102 ศิลปศึกษา 20 0.5 ว32104 การออกแบบและเทคโนโลยี 20 0.5 อ32102 ภาษาองั กฤษ 40 1.0 280 7.0 รวมเวลาเรียน (พ้ืนฐาน) กลุ่มรายวิชาเพม่ิ เติม (บงั คบั เลือก) 40 1.0 จ32202 ทักษะภาษาจนี กลาง 4 40 1.0 60 1.5 รายวิชาเพิ่มเติม 80 2.0 ค32204 คณติ ศาสตร์ 3 60 1.5 ว32204 ฟสิ กิ ส์ 3 60 1.5 ว32205 เคมี 3 40 1.0 ว32206 ชวี วทิ ยา 3 20 0.5 ว32210 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 3 320 8.0 อ32201 ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำวนั 3 20 รวมเวลาเรียน (เพิ่มเตมิ ) กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 20 1. กจิ กรรมแนะแนว 40 2. กจิ กรรมผู้เรียน 40 120 - อบรมคุณธรรม 760 16.0 - ลกู เสอื วิสามญั / นักศกึ ษาวิชาทหาร 3. บูรณาการสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รวมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น รวมทั้งหมด

โครงสรา้ งหลักสูตรโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 โครงสรา้ งหลกั สตู รเวลาเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 รหสั วิชา รายวชิ า ภาคเรียนที่ 1 น้ำหนัก หน่วยกติ กลุ่มรายวชิ าพืน้ ฐาน ท33101 ภาษาไทย 40 1.0 ค33101 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว33101 วิทยาศาสตร์ 40 1.0 ส33101 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 1.0 ส33102 ประวตั ิศาสตร์ 20 0.5 พ33101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 20 0.5 ศ33101 ศลิ ปะ 20 0.5 ว33103 วิทยาการคำนวณ 20 0.5 อ33101 ภาษาองั กฤษ 40 1.0 280 7.0 รวมเวลาเรยี น (พ้นื ฐาน) กลุม่ รายวชิ าเพิ่มเตมิ (บงั คบั เลอื ก) 40 1.0 จ33203 ทักษะภาษาจีนกลาง 1 40 1.0 60 1.5 รายวชิ าเพ่มิ เตมิ 80 2.0 ค33201 คณติ ศาสตร์ 5 60 1.5 ว33201 ฟสิ ิกส์ 5 60 1.5 ว33202 เคมี 5 40 1.0 ว33203 ชีววิทยา 5 20 0.5 ว33209 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 5 320 8.0 อ33207 ภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำวนั 5 20 รวมเวลาเรยี น (เพิม่ เติม) กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 20 1. กิจกรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผเู้ รียน 40 120 - อบรมคุณธรรม 760 16.0 - ลกู เสอื วสิ ามญั / นักศกึ ษาวชิ าทหาร 3. บรู ณาการสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รวมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น รวมท้ังหมด

โครงสร้างหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 โครงสร้างหลักสูตรเวลาเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 รหัสวิชา รายวชิ า ภาคเรียนท่ี 2 นำ้ หนกั หน่วยกติ กลุ่มรายวชิ าพน้ื ฐาน ท33102 ภาษาไทย 40 1.0 ค33102 คณิตศาสตร์ 40 1.0 ว33102 วิทยาศาสตร์ 40 1.0 ส33101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 1.0 ส33104 ประวัติศาสตร์ 20 0.5 พ33102 สขุ ศึกษาและพลศึกษา 20 0.5 ศ33102 ศิลปะ 20 0.5 ว33103 วทิ ยาการคำนวณ 20 0.5 อ33102 ภาษาองั กฤษ 40 1.0 280 7.0 รวมเวลาเรยี น (พ้ืนฐาน) กลุ่มรายวชิ าเพ่มิ เติม (บังคบั เลือก) 40 1.0 จ33204 ทักษะภาษาจีนกลาง 6 40 1.0 60 1.5 รายวิชาเพ่ิมเติม 80 2.0 ค33201 คณติ ศาสตร์ 6 60 1.5 ว33204 ฟสิ ิกส์ 6 60 1.5 ว33205 เคมี 6 40 1.0 ว33206 ชีววิทยา 1 20 0.5 ว33210 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 6 320 8.0 อ33207 ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั 6 2๐ รวมเวลาเรยี น (เพิ่มเตมิ ) กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น 20 1. กจิ กรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผูเ้ รียน 40 760 16.0 - อบรมคุณธรรม - ลกู เสือวสิ ามญั / นกั ศึกษาวชิ าทหาร รวมกจิ กรรมบูรณาการ รวมท้งั หมด

คำอธิบายรายวชิ า รหัสวชิ า ว30241 รายวชิ าชวี วทิ ยา1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ****************************************** คำอธิบายรายวชิ า ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะสำคัญของสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ การ นำความรูเ้ ก่ยี วกับชีววิทยามาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวนั โครงสรา้ งและหน้าทข่ี องสารเคมีที่เป็นองค์ประกอบ ในเซลล์ของสิ่งมีชีวติ ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต โครงสร้างและหน้าทีข่ องส่วนประกอบของเซลล์ การ แพร่ การออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทต แอกทีฟทรานสปอร์ต การลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารส่งิ ท่ีเรยี นรูแ้ ละนำความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม และจริยธรรม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายและสรุปสมบตั ิท่ีสำคญั ของสิ่งมชี วี ติ และความสัมพันธ์ของการจัดระบบในสงิ่ มีชวี ติ ท่ที ำให้ สง่ิ มีชีวิตดำรงชวี ติ อยู่ได้ 2. อภปิ รายและบอกความสำคญั ของการระบุปญั หา ความสมั พนั ธร์ ะหว่างปญั หา สมมตฐิ าน และ วธิ กี ารตรวจสอบสมมตฐิ าน รวมท้งั ออกแบบ การทดลองเพอ่ื ตรวจสอบสมมติฐาน 3. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ ายเก่ยี วกับสมบัตขิ องนำ้ และบอกความสำคัญของนำ้ ท่ีมตี ่อสิง่ มชี วี ิต และ ยกตวั อย่างธาตตุ ่าง ๆ ที่มคี วามสำคัญตอ่ ร่างกายสงิ่ มีชวี ติ 4. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายโครงสร้างของคารโ์ บไฮเดรต ระบุกล่มุ คารโ์ บไฮเดรต รวมทงั้ ความสำคญั ของ คาร์โบไฮเดรตที่มตี ่อส่ิงมีชวี ิต 5. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ ายโครงสรา้ งของโปรตีน และความสำคญั ของโปรตีนท่มี ตี ่อส่ิงมชี ีวติ 6. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายโครงสรา้ งของลพิ ดิ และความสำคญั ของลิพิดที่มีตอ่ สิ่งมีชวี ติ 7. อธบิ ายโครงสรา้ งของกรดนิวคลีอกิ และระบุชนดิ ของกรดนวิ คลอี กิ และความสำคัญของกรด นิวคลอี ิกทมี่ ี ต่อสิง่ มชี ีวิต 8. สบื ค้นข้อมูลและอธิบายปฏกิ ิริยาเคมีที่เกดิ ข้ึนในส่ิงมชี ีวิต 9. อธบิ ายการทำงานของเอนไซมใ์ นการเร่งปฏิกริ ยิ าเคมใี นสงิ่ มีชวี ติ และระบปุ จั จัยท่ีมีผลต่อการ ทำงานของเอนไซม์ 10. บอกวธิ กี ารและเตรียมตวั อยา่ งส่ิงมชี ีวิตเพอื่ ศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศนใ์ ช้แสง วัดขนาด โดยประมาณ และวาดภาพที่ปรากฏภายใตก้ ลอ้ ง บอกวิธกี ารใช้ และการดแู ลรักษากลอ้ ง จลุ ทรรศนใ์ ชแ้ สงทถี่ ูกต้อง 11. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าที่ของส่วนทีห่ อ่ หุม้ เซลลข์ องเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ัตว์ 12. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ าย และระบุชนิดและหนา้ ท่ีของออร์แกเนลล์ 13. อธิบายโครงสรา้ งและหน้าท่ขี องนิวเคลยี ส

14. อธบิ ายและเปรยี บเทียบการแพร่ ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซลิ เิ ทต และ แอกทฟี ทรานสปอร์ต 15. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายและเขยี นแผนภาพการลำเลยี งสารโมเลกลุ ใหญอ่ อกจากเซลล์ดว้ ย กระบวนการเอก โซไซโทซิส และการลำเลียงสาร โมเลกลุ ใหญ่เขา้ สู่เซลลด์ ว้ ยกระบวนการเอนโด ไซโทซสิ 16. สงั เกตการแบง่ นิวเคลยี สแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซิสจากตวั อยา่ งภายใตก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ พร้อม ทัง้ อธิบายและเปรยี บเทียบการแบง่ นิวเคลียสแบบไมโทซิสและแบบไมโอซสิ 17. อธบิ าย เปรยี บเทยี บ และสรปุ ขน้ั ตอน การหายใจระดับเซลล์ในภาวะท่มี ีออกซิเจนเพยี งพอและ ภาวะท่ีมีออกซเิ จนไม่เพียงพอ รวมทงั้ หมด 17 ผลการเรียนรู้

คำอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า ว30242 รายวชิ าชวี วทิ ยา 2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ****************************************** คำอธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาเกยี่ วกับการถา่ ยทอดทางพันธุกรรม การศกึ ษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล กฏแหง่ การแยกและกฏ แห่งการรวมกลุม่ อยา่ งอิสระ ลกั ษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธศุ าสตร์เมนเดล ศกึ ษาเกี่ยวกับยีน และโคโมโซม การคน้ พบสารพันธุกรรม โครโมโซม องคป์ ระกอบทางเคมีของ DNA โครงสร้างของ DNA สมบัติ ของสาร พันธุกรรม มิวเทชัน ศึกษาเกี่ยวกับพันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง DNA พันธุวิศวกรรม การ ประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีทาง DNA ความปลอดภัยของเทคโนโลยีทาง DNA และมุมมองทางสังคมและจริยธรรม ศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการหลักฐานที่บ่งบอกถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ สงิ่ มีชวี ติ พนั ธศุ าสตร์ประชากร กำเนดิ ของสปีชีส์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย อภิปรายและสรุปกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวติ ของตนเอง และดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอืน่ ๆ เฝ้าระวังและ พัฒนาส่ิงแวดล้อมอย่างยง่ั ยืน เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนมคี ณุ ลกั ษณะในการนำความรู้ ความเข้าใจ ในด้านรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสัตย์สุจริต มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยู่อย่างพอเพียง มงุ่ มัน่ ในการทำงาน รกั ความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ รวมถึงการมีจิตวิทยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากสารเสพติด น้อมนำ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชวี ติ ประจำวันไดอ้ ย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มลู อธบิ าย และสรุปผลการทดลอง ของเมนเดล 2. อธบิ าย และสรปุ กฎแหง่ การแยก และกฎแห่งการรวมกลุ่มอยา่ งอิสระ และนำกฎของ เมนเดลน้ี ไป อธบิ ายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมและใชใ้ นการคำนวณโอกาสในการเกดิ ฟีโนไทป์และจโี น ไทปแ์ บบต่าง ๆ ของรุ่น F1 และ F2 3. สบื ค้นขอ้ มูล วเิ คราะห์ อธบิ าย และสรปุ เกีย่ วกับการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม ท่เี ป็นสว่ น ขยายของพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล 4. สืบค้นข้อมลู วิเคราะห์ และเปรียบเทียบลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่มี กี ารแปรผนั ไมต่ อ่ เนือ่ งและ ลักษณะทางพนั ธุกรรมทีม่ กี ารแปรผนั ต่อเนือ่ ง 5. อธิบายการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม และยกตวั อย่างลักษณะทางพันธกุ รรมที่ถกู ควบคมุ ดว้ ยยีน บนออโตโซมและยีนบนโครโมโซมเพศ 6. สืบค้นข้อมลู อธบิ ายสมบตั ิและหน้าท่ขี องสารพนั ธุกรรม โครงสร้างและองคป์ ระกอบทางเคมขี อง DNA และสรปุ การจำลอง DNA 7. อธบิ าย และระบขุ ้นั ตอนในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตนี และหน้าท่ีของ DNA และ RNA แต่ละ ชนดิ ในกระบวนการสังเคราะห์ โปรตีน 8. สรปุ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสารพันธุกรรม แอลลีล โปรตนี ลักษณะทางพนั ธุกรรม และเชือ่ มโยงกบั

ความรเู้ ร่อื งพนั ธุศาสตร์เมนเดล 9. สบื ค้นข้อมลู และอธิบายการเกดิ มิวเทชนั ระดบั ยีนและระดับโครโมโซม สาเหตกุ ารเกิดมิวเทชัน รวมท้ังยกตวั อยา่ งโรคและกลุม่ อาการท่เี ป็นผลของการเกิดมิวเทชนั 10. อธบิ ายหลักการสร้างสง่ิ มีชีวติ ดดั แปรพันธุกรรมโดยใชด้ เี อ็นเอรีคอมบแิ นนท์ 11. สืบค้นขอ้ มลู ยกตวั อย่าง และอภิปรายการนำเทคโนโลยีทางดีเอน็ เอไปประยกุ ต์ใชท้ ง้ั ในด้าน สิ่งแวดล้อม นิติวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตรและอุตสาหกรรม และข้อควรคำนึงถึงด้าน ชวี จริยธรรม 12. สบื ค้นขอ้ มูล และอธิบายเก่ยี วกับหลกั ฐานทสี่ นบั สนนุ และข้อมูลท่ีใชอ้ ธบิ ายการเกดิ ววิ ัฒนาการ ของสงิ่ มีชีวิต 13. อธิบาย และเปรยี บเทียบแนวคดิ เก่ียวกับวิวัฒนาการของส่งิ มีชีวิตของฌอง ลามาร์ก และทฤษฎี เกีย่ วกับววิ ัฒนาการของสิ่งมชี ีวิตของชาลส์ ดารว์ ิน 14. ระบุสาระสำคัญ และอธิบายเง่อื นไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์ก ปจั จยั ทีท่ ำให้เกดิ การ เปลีย่ นแปลงความถ่ขี องแอลลีลในประชากร พร้อมทงั้ คำนวณหาความถขี่ องแอลลีลและจีโนไทป์ ของประชากรโดยใชห้ ลักของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ก์ 15. สบื คน้ ข้อมลู อภปิ ราย และอธบิ ายกระบวนการเกดิ สปชี ีส์ใหมข่ องสิ่งมีชวี ติ 16. ผูเ้ รียนมีคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ตามหลกั สูตร และสามารถทำงานร่วมกบั ผอู้ นื่ ป้องกันตนเอง ใหห้ ่างไกลจากสารเสพติด 17. ผูเ้ รียนมีการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม 18. ผู้เรยี นเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะ ชีวติ และการใชเ้ ทคโนโลยี มีจติ วิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม รวมท้งั หมด 18 ผลการเรียนรู้

คำอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา ว30243 รายวชิ าชีววิทยา 3 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ****************************************** คำอธิบายรายวิชา ศกึ ษาเกย่ี วกับชนดิ และลักษณะของเน้ือเยื่อพชื โครงสรา้ งภายในของรากพืชใบเล้ยี งเด่ียวและรากพืช ใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวาง โครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัด ตามขวาง โครงสร้างภายในของใบพืชจากการตัดตามขวาง การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำของพืช กลไก การลำเลยี งนำ้ และธาตอุ าหารของพืช ความสำคัญของธาตุอาหาร และยกตวั อย่างธาตุอาหารที่สำคัญที่มีผลต่อ การเจริญเติบโตของพืช กลไกการลำเลียงอาหารในพืช การทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับ กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช C3 กลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ ในพืช C3 พืช C4 และพืช CAM ปจั จัยความเข้มของแสง ความเขม้ ข้นของคารบ์ อนไดออกไซด์ และอุณหภูมิ ที่ มีผลตอ่ การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช วัฏจักรชีวติ แบบสลับของพืชดอก กระบวนการสรา้ งเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ และเพศเมยี ของพชื ดอกและอธิบายการปฏสิ นธิของพืชดอก การเกิดเมล็ดและการเกดิ ผลของพืชดอก โครงสรา้ ง ของเมล็ดและผล และยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆของเมล็ดและผล ปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อ การงอกของเมล็ด สภาพพกั ตัวของเมล็ดและบอกแนวทางในการแก้สภาพพกั ตวั ของเมล็ด หน้าท่ีของออกซนิ ไซ โทไคนิน จบิ เบอเรลลนิ เอทิลนี และกรดแอบไซซกิ และอภิปรายเกย่ี วกับการนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร สิ่งเร้าภายนอกทมี่ ผี ลต่อการเจรญิ เตบิ โตของพืช รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิต วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคา่ นยิ มทเ่ี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายวัฏจกั รชวี ิตแบบสลับของพชื ดอก 2. อธิบาย และเปรียบเทยี บกระบวนการสรา้ งเซลล์สบื พนั ธเ์ุ พศผู้ และเพศเมยี ของพืชดอก และ อธิบายการปฏิสนธขิ องพชื ดอก 3. อธบิ ายการเกดิ ผลและการเกิดเมลด็ ของพชื ดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตวั อย่างการใช้ ประโยชนจ์ ากโครงสร้างตา่ ง ๆ ของเมล็ดและผล 4. อธบิ ายเกี่ยวกับชนิดและลักษณะของเนอ้ื เยื่อพืช และเขียนแผนผงั เพอ่ื สรุปชนิดของเนือ้ เยอื่ พืช 5. สังเกต อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างภายในของรากพชื ใบเล้ียงเดี่ยว และรากพชื ใบเล้ยี งคู่ จากการตัดตามขวาง 6. สงั เกต อธิบาย และเปรยี บเทียบโครงสร้าง ภายในของลำตน้ พืชใบเลย้ี งเดย่ี วและลำต้นพืช ใบ เลีย้ งคจู่ ากการตัดตามขวาง 7. สงั เกต และอธิบายโครงสร้างภายในของใบพืช จากการตัดตามขวาง

8. สบื ค้นข้อมูลและอธบิ ายกลไกการลำเลยี งนำ้ และธาตอุ าหารของพืช 9. สืบคน้ ขอ้ มูล สังเกต และอธิบายการแลกเปลยี่ น แกส๊ และการคายนำ้ ของพชื 10. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ ายความสำคัญของธาตอุ าหาร และยกตัวอยา่ งธาตอุ าหารทสี่ ำคญั ที่มีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื 11. อธิบายกลไกการลำเลียงอาหารในพืช 12. สบื ค้นข้อมูล และสรุปการศกึ ษาที่ได้จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกบั กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 13. อธบิ ายขั้นตอนท่ีเกดิ ขน้ึ ในกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื C3 14. เปรยี บเทียบกลไกการตรงึ คารบ์ อนไดออกไซด์ ในพืช C3 พชื C4 และพชื CAM 15. สืบคน้ ข้อมูล อภปิ ราย และสรุปปัจจัยความเข้มของแสง ความเขม้ ข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ และอณุ หภมู ิท่ีมีผลต่อการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช 16. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ ายบท บาทและหน้าทข่ี อง ออกซนิ ไซโทไคนิน จบิ เบอเรลลนิ เอทลิ นี และกรดแอบไซซิก และอภิปรายเกยี่ วกับการนำไปใช้ประโยชนท์ างการเกษตร 17. ทดลอง และอธิบายเกีย่ วกบั ปัจจยั ต่างๆ ที่มีผลต่อการงอกของเมลด็ สภาพพักตัวของเมล็ด และ บอกแนวทางในการแกส้ ภาพพักตัวของเมลด็ 18. สบื ค้นข้อมูล ทดลอง และอภปิ ราย เกีย่ วกับสงิ่ เรา้ ภายนอกทมี่ ีผลตอ่ การเจริญเติบโตของพืช รวมทง้ั หมด 18 ผลการเรยี นรู้

คำอธิบายรายวชิ า รหัสวิชา ว30244 รายวชิ าชวี วิทยา 4 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ ****************************************** คำอธิบายรายวชิ า ศึกษาวิเคราะห์ อภิปรายและอธิบายเกี่ยวกบั การเคลื่อนทีข่ องสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว การเคลื่อนที่ของ สตั ว์ไมม่ ีกระดูกสันหลัง โครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ท่ไี ม่มี ทางเดินอาหาร สัตว์ที่มีทางเดิน อาหารแบบไม่สมบรู ณ์ และสัตวท์ ม่ี ที างเดนิ อาหารแบบสมบรู ณท์ างเดินอาหาร สัตว์ท่มี ที างเดินอาหารแบบไม่ สมบูรณ์ และสัตว์ท่มี ีทางเดนิ อาหารแบบสมบรู ณ์ โครงสร้าง หนา้ ท่ี และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูด ซึมสารอาหารภายในระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์ โครงสร้างและการทำงานของหัวใจและหลอดเลอื ดในมนุษย์ การหมนุ เวียนเลือดและระบบนำ้ เหลืองของมนุษย์ ระบบภมู คิ ุ้มกนั โครงสร้างและหนา้ ท่ีของไต และโครงสร้าง ทใี่ ชล้ ำเลยี งปสั สาวะออกจากร่างกาย โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย อภิปรายและสรุปกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง และดูแลรักษาส่ิงมีชีวิตอืน่ ๆ เฝ้าระวังและ พัฒนาส่งิ แวดล้อมอย่างยั่งยืน เพ่อื ให้ผเู้ รยี นมีคณุ ลกั ษณะในการนำความรู้ ความเข้าใจ ในด้านรกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัยใฝเ่ รียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพียง มุ่งม่นั ในการทำงาน รกั ความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ รวมถึงการมีจิตวิทยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากสารเสพติด น้อมนำ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาประยุกตใ์ ชใ้ นการดำเนินชีวติ ประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบโครงสร้างและกระบวนการยอ่ ยอาหารของสัตว์ท่ไี ม่มี ทางเดนิ อาหาร สตั ว์ทมี่ ที างเดินอาหารแบบไม่สมบรู ณ์ และสัตวท์ มี่ ที างเดนิ อาหารแบบสมบูรณ์ 2. สงั เกต อธิบาย การกินอาหารของไฮดราและพลานาเรยี 3. อธบิ ายเก่ียวกับโครงสรา้ ง หนา้ ท่ี และกระบวนการยอ่ ยอาหาร และการดดู ซมึ สารอาหารภายใน ระบบย่อยอาหารของมนุษย์ 4. สืบค้นขอ้ มูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างท่ีทำหน้าท่ีแลกเปล่ียนแก๊สของฟองนำ้ ไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดือนดิน แมลง ปลา กบ และนก 5. สงั เกต และอธิบายโครงสร้างของปอดในสตั วเ์ ล้ยี งลูกด้วยนำ้ นม 6. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบายโครงสร้างทใ่ี ช้ในการแลกเปล่ียนแก๊ส และกระบวนการแลกเปล่ียนแกส๊ ของ มนุษย์ 7. อธบิ ายการทำงานของปอด และทดลองวดั ปรมิ าตรของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์ 8. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และเปรียบเทยี บระบบหมนุ เวยี นเลอื ดแบบเปิดและระบบหมุนเวียนเลอื ด แบบปดิ 9. สงั เกต และอธิบายทิศทางการไหลของเลือดและการเคลอ่ื นท่ขี องเซลลเ์ มด็ เลือดในหางปลา และ สรุปความสมั พนั ธ์ระหว่างขนาดของหลอดเลือดกับความเร็วในการไหลของเลอื ด 10. อธบิ ายโครงสร้างและการทำงานของหวั ใจและหลอดเลือดในมนุษย์

11. สังเกต และอธบิ ายโครงสร้างหัวใจของสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนำ้ นม ทศิ ทางการไหลของเลือดผ่าน หวั ใจของมนษุ ย์ และเขยี นแผนผงั สรุป การหมนุ เวียนเลอื ดของมนุษย์ 12. สบื คน้ ข้อมลู ระบคุ วามแตกต่างของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาวเพลตเลต และ พลาสมา 13. อธิบายหมู่เลอื ดและหลกั การให้และรับเลอื ดในระบบ ABO และระบบ Rh 14. อธบิ าย และสรปุ เกีย่ วกบั สว่ นประกอบและหนา้ ทข่ี องนำ้ เหลอื ง รวมทง้ั โครงสรา้ งและหน้าท่ีของ หลอดนำ้ เหลือง และต่อมนำ้ เหลือง 15. สืบค้นข้อมูล อธบิ าย และเปรียบเทียบกลไกการตอ่ ต้านหรือทำลายสิง่ แปลกปลอมแบบไม่ จำเพาะและแบบจำเพาะ 16. สืบค้นขอ้ มลู อธิบาย และเปรียบเทยี บการสร้างภมู ิคุม้ กนั ก่อเองและภูมคิ ุ้มกันรบั มา 17. สืบค้นข้อมูล และอธบิ ายเกี่ยวกับความผดิ ปกติของระบบภูมคิ มุ้ กันทีท่ ำให้เกิดเอดส์ ภมู ิแพ้ การ สรา้ งภมู ิต้านทานตอ่ เนื้อเยอ่ื ตนเอง 18. สบื ค้นขอ้ มลู อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างและหน้าท่ใี นการกำจดั ของเสยี ออกจากรา่ งกาย ของฟองนำ้ ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดนิ แมลง และสตั ว์มกี ระดกู สันหลงั 19. อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของไต และโครงสร้างทใี่ ช้ลำเลียงปัสสาวะออกจากรา่ งกาย 20. อธิบายกลไกการทำงานของหน่วยไต ในการกำจดั ของเสยี ออกจากร่างกาย และเขยี นแผนผงั สรปุ ขั้นตอนการกำจัดของเสยี ออกจากรา่ งกายโดยหน่วยไต 21. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และยกตวั อย่างเกยี่ วกบั ความผิดปกติของไตอันเน่อื งมาจากโรคตา่ ง ๆ 22. ผู้เรยี นมคี ณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคต์ ามหลกั สูตร และสามารถทำงานรว่ มกบั ผ้อู ่นื ป้องกันตนเอง ให้ห่างไกลจากสารเสพติด 23. ผเู้ รยี นมีการนอ้ มนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 24. ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มคี วามสามารถในการสือ่ สาร การคิด การแกป้ ัญหา การใช้ ทักษะชีวิตและการใช้เทคโนโลยี มจี ติ วิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม รวมทั้งหมด 24 ผลการเรยี นรู้

คำอธิบายรายวิชา รหัสวิชา ว30245 รายวิชาชวี วิทยา 5 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ****************************************** คำอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาวิเคราะห์ อภิปรายและอธิบายเกี่ยวกบั การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวติ เซลล์เดียว การเคลื่อนที่ของ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง การเคลื่อนที่ของสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง วิเคราะห์ อภิปรายการรับรู้และการ ตอบสนองตอ่ ส่ิงเรา้ ของโพรโตซวั และสัตวไ์ ม่มีกระดกู สนั หลงั ระบบประสาทและการทำงานของเซลล์ประสาท อวัยวะรับสัมผัส วิเคราะห์ อภิปรายและอธบิ าย การสร้างฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและการรักษาดลุ ยภาพของ ร่างกายด้วยฮอร์โมน ฟีโรโมน กลไกการเกิดพฤติกรรม ประเภทพฤติกรรมของสัตว์ การสืบพันธุ์และการ เจริญเติบโตของสัตว์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย อภิปรายและสรุปกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง และดูแลรักษาส่ิงมีชีวิตอื่นๆ เฝ้าระวังและ พฒั นาสิง่ แวดลอ้ มอยา่ งย่งั ยนื เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนมคี ุณลักษณะในการนำความรู้ ความเข้าใจ ในด้านรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสัตย์สุจริต มวี ินัยใฝ่เรยี นรู้ อย่อู ยา่ งพอเพียง มุ่งม่ันในการทำงาน รักความเปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ รวมถึงการมีจิตวิทยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากสารเสพติด น้อมนำ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดำเนนิ ชวี ติ ประจำวันไดอ้ ย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ของระบบประสาทของไฮดราพลานา เรีย ไสเ้ ดอื นดิน กุ้ง หอย แมลง และสตั ว์มกี ระดกู สันหลงั 2. อธบิ ายเกยี่ วกับโครงสร้างและหนา้ ที่ของเซลล์ประสาท 3. อธิบายเกย่ี วกบั การเปล่ยี นแปลงของศกั ย์ไฟฟ้าทีเ่ ยื่อห้มุ เซลล์ของเซลล์ประสาทและกลไก การถา่ ยทอดกระแสประสาท 4. อธิบาย และสรุปเกี่ยวกบั โครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก 5. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าที่ของสว่ นต่าง ๆ ในสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมอง ส่วนหลัง และไขสันหลัง 6. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอย่างการทำงานของระบบประสาทโซมาติก และ ระบบประสาทอตั โนวัติ 7. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนังของมนุษย์ ยกตัวอย่าง โรคตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง และบอกแนวทางในการดแู ลป้องกนั และรักษา 8. สังเกต และอธบิ ายการหาตำแหนง่ ของจุดบอด โฟเวีย และความไวในการรบั สัมผสั ของผวิ หนงั 9. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างและหนา้ ท่ีของอวัยวะทเี่ กี่ยวข้องกับการเคล่ือนท่ี ของแมงกะพรนุ หมึก ดาวทะเล ไสเ้ ดอื นดนิ แมลง ปลา และนก

10. สืบค้นข้อมูล และอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของกระดูกและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการ เคลอ่ื นไหวและการเคลือ่ นทขี่ องมนษุ ย์ 11. สังเกต และอธิบายการทำงานของข้อต่อชนิดต่าง ๆ และการทำงานของกล้ามเนื้อโครงร่างท่ี เกี่ยวข้องกบั การเคล่ือนไหวและการเคลอ่ื นที่ของมนษุ ย์ 12. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่าง การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศและการสืบพันธุ์แบบอาศัย เพศในสตั ว์ 13. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวยั วะในระบบสบื พันธุเ์ พศชายและระบบสืบพนั ธ์ุ เพศหญิง 14. อธิบายกระบวนการสร้างสเปิร์ม กระบวนการสร้างเซลลไ์ ข่ และการปฏิสนธิในมนษุ ย์ 15. อธบิ ายการเจริญเติบโตระยะเอ็มบริโอและระยะหลังเอ็มบรโิ อของกบ ไก่ และมนษุ ย์ 16. สืบค้นขอ้ มลู อธิบาย และเขยี นแผนผังสรุปหนา้ ที่ของฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ท่อและเนื้อเยอ่ื ท่ีสร้าง ฮอรโ์ มน 17. สบื ค้นข้อมลู อธบิ าย เปรยี บเทียบ และยกตวั อย่างพฤติกรรมท่ีเปน็ มาแต่กำเนดิ และพฤตกิ รรมท่ี เกดิ จากการเรยี นร้ขู องสตั ว์ 18. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างความสัมพนั ธ์ระหว่างพฤติกรรมกับวิวัฒนาการของระบบ ประสาท 19. สบื ค้นข้อมูล อธบิ าย และยกตัวอยา่ งการสอ่ื สารระหวา่ งสัตว์ทท่ี ำใหส้ ัตวแ์ สดงพฤติกรรม 20. ผเู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ตามหลกั สูตร และสามารถทำงานรว่ มกบั ผู้อ่ืน ป้องกันตนเอง ใหห้ า่ งไกลจากสารเสพตดิ 21. ผู้เรยี นมกี ารน้อมนำปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม 22. ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ มคี วามสามารถในการส่ือสาร การคิด การแก้ปญั หา การใช้ทักษะ ชวี ิตและการใช้เทคโนโลยี มีจติ วิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม รวมทงั้ หมด 22 ผลการเรยี นรู้

คำอธิบายรายวชิ า รหัสวชิ า ว30246 รายวชิ าชีววิทยา 6 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ****************************************** คำอธบิ ายรายวิชา ศึกษาวิเคราะห์ ความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดจำแนกสิ่งมีชีวิต อนุกรมวิธาน อาณาจักรของ สิ่งมีชีวิต ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต การอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต กับความหลากหลายของ สงิ่ มีชวี ติ ระบบนเิ วศ ความสมั พนั ธ์ในระบบนิเวศ การถา่ ยทอดพลงั งานและการหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ การเปลย่ี นแปลงการแทนทีข่ องระบบนเิ วศ ประเภทของทรพั ยากรธรรมชาติ การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติอย่าง คุ้มค่า การอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งยง่ั ยืน และมนษุ ย์กบั ความยงั่ ยืนของสิ่งแวดลอ้ ม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย อภิปรายและสรุปกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง และดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอืน่ ๆ เฝ้าระวังและ พฒั นาสิ่งแวดล้อมอย่างยงั่ ยนื เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนมีคณุ ลักษณะในการนำความรู้ ความเขา้ ใจ ในดา้ นรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มงุ่ มัน่ ในการทำงาน รักความเปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ รวมถึงการมีจิตวิทยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากสารเสพติด น้อมนำ หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มาประยกุ ต์ใช้ในการดำเนนิ ชวี ติ ประจำวันได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อภิปรายความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และความเชื่อมโยงระหว่างความ หลากหลายทางพนั ธกุ รรม ความหลากหลายของสปีชสี ์ และความหลากหลายของระบบนิเวศ 2. อธิบายการเกดิ เซลล์เริ่มแรกของส่ิงมีชวี ติ และววิ ัฒนาการของสิง่ มีชวี ิตเซลล์เดียว 3. อธิบายลักษณะสำคญั และยกตวั อยา่ งสงิ่ มชี วี ิตกลมุ่ แบคทีเรยี สง่ิ มชี ีวติ กลุ่มโพรทิสต์ สิง่ มชี วี ิตกลุ่ม พืช สิ่งมชี ีวติ กลุม่ ฟงั ไจ และสง่ิ มชี ีวติ กล่มุ สัตว์ 4. อธิบาย และยกตัวอย่างการจำแนกสิ่งมีชีวิตจากหมวดหมู่ใหญ่จนถึงหมวดหมู่ย่อย และวิธีการ เขียนชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ในลำดับขนั้ สปชี สี ์ 5. สรา้ งไดโคโทมัสคีย์ในการระบสุ ง่ิ มชี ีวิตหรือตัวอย่างที่กำหนดออกเปน็ หมวดหมู่ 6. วเิ คราะห์ อธบิ าย และยกตัวอยา่ งกระบวนการถา่ ยทอดพลังงานในระบบนิเวศ 7. อธบิ าย ยกตัวอย่างการเกดิ ไบโอแมกนฟิ เิ คชัน และบอกแนวทางในการลดการเกิดไบโอแมกนิฟเิ คชนั 8. สืบค้นข้อมูล และเขียนแผนภาพ เพื่ออธิบายวัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักรกำมะถัน และวัฏจักร ฟอสฟอรัส 9. สบื คน้ ข้อมูล ยกตวั อย่าง และอธบิ ายลักษณะของไบโอมทกี่ ระจายอยูต่ ามเขตภมู ิศาสตร์ต่าง ๆ บนโลก 10. สบื คน้ ข้อมลู ยกตวั อยา่ ง อธบิ าย และเปรยี บเทียบการเปลยี่ นแปลงแทนทีแ่ บบปฐมภมู ิ และ การเปลีย่ นแปลงแทนทีแ่ บบทตุ ยิ ภูมิ 11. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย ยกตวั อยา่ ง และสรุปเก่ยี วกับลกั ษณะเฉพาะของประชากรของสง่ิ มีชีวิตบาง ชนิด

12. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอยา่ งการเพิม่ ของประชากรแบบเอก็ โพเนนเชียล และการเพ่ิมของประชากรแบบลอจิสตกิ 13. อธิบาย และยกตัวอย่างปัจจยั ทคี่ วบคมุ การเติบโตของประชากร 14. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหาการขาดแคลนน้ำ การเกิดมลพิษทางน้ำ และผลกระทบที่มี ตอ่ มนษุ ย์และสิง่ แวดล้อม รวมทัง้ เสนอแนวทางการวางแผนการจัดการนำ้ และการแกไ้ ขปญั หา 15. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหามลพิษทางอากาศ และผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และ สงิ่ แวดล้อม รวมท้งั เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา 16. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหาที่เกิดกับทรัพยากรดิน และผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และ สง่ิ แวดล้อม รวมท้ังเสนอแนวทางการแกไ้ ขปัญหา 17. วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรุปปญั หา ผลกระทบท่ีเกิดจากการทำลายป่าไม้ รวมท้ังเสนอแนวทาง ในการปอ้ งกนั การทำลายป่าไม้และการอนรุ ักษป์ ่าไม้ 18. วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรุปปญั หา ผลกระทบที่ทำให้สัตวป์ า่ มีจำนวนลดลง และแนวทาง ในการอนรุ ักษส์ ัตวป์ ่า 19. ผเู้ รยี นมคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ตามหลักสูตร และสามารถทำงานรว่ มกับผูอ้ นื่ ปอ้ งกันตนเอง ให้ห่างไกลจากสารเสพติด 20. ผูเ้ รยี นมกี ารนอ้ มนำปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 21. ผ้เู รียนเกดิ ความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแก้ปญั หา การใช้ทักษะ ชวี ติ และการใช้เทคโนโลยี มีจติ วิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งหมด 21 ผลการเรียนรู้

เกณฑ์การจบการศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

เกณฑก์ ารจบหลักสตู รระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 1) ผเู้ รยี นเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานและเพม่ิ เติมไม่นอ้ ยกว่า 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน 41 หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ไมน่ อ้ ยกวา่ 40 หนว่ ยกิต 2) ผเู้ รยี นต้องได้หน่วยกติ ลอดหลกั สูตรไม่นอ้ ยกว่า 77 หนว่ ยกิต โดยเปน็ รายวิชาพนื้ ฐาน 41 หน่วย กติ และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ไม่นอ้ ยกวา่ 36 หนว่ ยกิต 3) ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี นในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน 4) ผู้เรยี นมีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ในระดบั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ 5) ผเู้ รยี นเข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนและมผี ลการประเมนิ ผา่ นเกณฑ์การประเมินเครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมินและการตัดสินผลการเรียน 1. การประเมนิ ผลสาระการเรยี นรู้ ระดับผลการเรยี น ความหมาย ชว่ งคะแนน 4 ผลการเรียนดีเย่ยี ม 80 - 100 3.5 ผลการเรยี นดมี าก 75 - 79 3 ผลการเรียนดี 70 - 74 2.5 ผลการเรียนคอ่ นข้างดี 65 - 69 2 ผลการเรียนน่าพอใจ 60 - 64 1.5 ผลการเรียนพอใช้ 55 - 59 1 ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์ข้ันต่ำ 50 - 54 0 ผลการเรียนตำ่ กวา่ เกณฑ์ 0 – 49 หมายเหตุ ไมม่ ีสิทธเิ์ ข้ารับการประเมนิ ผลปลายภาคเรยี น \" มส \" หมายถงึ รอการตัดสิน หรือยงั ตัดสนิ ไม่ได้ \" ร \" หมายถึง \" ผ \" หมายถงึ ผู้เรียนมเี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ปฏิบตั กิ ิจกรรมและมี ผลงานตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากำหนด \" มผ \" หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมและมี ผลงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากำหนด

2. การประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ตัวชวี้ ดั ท่ี 1 เปน็ พลเมืองดีของชาติ ตัวชว้ี ัดที่ 2 ธำรงไว้ซึง่ ความเปน็ ชาติไทย ตวั ขว้ี ัดที่ 3 ศรัทธา ยึดมัน่ และปฏิบตั ิตนตามหลกั ของศาสนา ตวั ชี้วัดที่ 4 เคารพเทิดทนู สถาบันพระมหากษตั ริย์ 2. ซอ่ื สัตย์สจุ ริต ตวั ชว้ี ัดที่ 1 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงตอ่ ตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ ตวั ชว้ี ดั ที่ 2 ประพฤตติ รงตามความเป็นจรงิ ต่อผู้อน่ื ทง้ั ทางกาย วาจา ใจ ตัวช้วี ัดท่ี 1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียนและสงั คม 3. มวี ินัย ตัวชีว้ ดั ท่ี 1 ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว โรงเรียนและสงั คม 4. ใฝ่เรียนรู้ ตัวชีว้ ดั ที่ 1 :งใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ 2 แสวงหาความร้จู ากแหล่งเรียนร้ตู า่ ง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น ดว้ ยการ เลอื กใชส้ ือ่ อย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ และสามารถ นำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ 5. อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ตัวชี้วัดท่ี 1 ดำเนินชวี ติ อยา่ งพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มคี ณุ ธรรม ตัวช้วี ดั ที่ 2 มภี มู คิ ้มุ กันในตัวท่ีดี ปรบั ตวั เพ่อื อยู่ในสังคมได้อยา่ งมคี วามสุข 6. มุ่งม่ันในการทำงาน ตวั ชว้ี ัดท่ี 1 ตั้งใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบัติหน้าท่กี ารงาน ตวั ชว้ี ัดท่ี 2 ทำงานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพือ่ ใหง้ านสำเร็จตามเปา้ หมาย 7. รักความเป็นไทย ตวั ชว้ี ัดที่ 1 ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย และมคี วามกตญั ญู กตเวที ตัวชี้วดั ที่ 2 เหน็ คุณคา่ และใช้ภาษาไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ตัวชี้วัดท่ี 3 อนุรกั ษแ์ ละสืบทอดภูมปิ ญั ญาไทย 8. มจี ิตสาธารณะ ตัวชี้วัดที่ 1 ชว่ ยเหลอื ผู้อ่นื ด้วยความเตม็ ใจและพึงพอใจ โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ตวั ขี้วัดท่ี 2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่ีเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรียน ชุมชน และสังคม

เกณฑพ์ ิจารณาสรปุ ผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดับ เกณฑก์ ารพิจารณา ดีเยี่ยม (3) 1. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีเย่ยี มจำนวน 5-8 คุณลกั ษณะ และไม่มี ดี (2) คุณลักษณะใดได้ ผลการประเมินระดับดี ผ่าน (1) 1. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดเี ย่ียมจำนวน 1-4 คุณลกั ษณะ และไมม่ ี ไม่ผ่าน (0) คุณลักษณะใดได้ ผลการประเมินตำ่ กว่าระดบั ดี หรอื 2. ได้ผลการประเมินระดับดี ท้งั คณุ ลกั ษณะ 8 คุณลักษณะ หรือ 3. ได้ผลการประเมินตง้ั แตร่ ะดบั ดี ขนึ้ ไป จำนวน 5-7 คุณลกั ษณะ และมี บางคณุ ลักษณะไดผ้ ลการประเมนิ ระดับผา่ น 1. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ผา่ นทั้ง 8 คุณลกั ษณะ หรือ 2.ได้ผลการประเมนิ ตงั้ แตร่ ะดบั ดีขึ้นไป จำนวน 1-4 คณุ ลักษณะ และ คุณลักษณะท่เี หลือไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ผ่าน ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ไมผ่ า่ น ตั้งแต่ 1 คุณลกั ษณะข้ึนไป 3. การประเมนิ ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ตวั ชี้วดั ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น 1. สามารถอา่ นเพ่ือการศกึ ษาค้นคว้า เพิ่มพนู ความรู้ ประสบการณ์ และการประยกุ ต์ใช้ใน ชีวติ ประจำวัน 2. สามารถจบั ประเด็นสำคญั ลำดับเหตุการณจ์ ากการอา่ นส่อื ทมี่ คี วามชบั ซ้อน 3. สามารถวิเคราะห์สิ่งทผ่ี ู้เขียนตอ้ งการสอื่ สารกบั ผอู้ า่ นและสามารถวิพากษ์ ให้ขอ้ สนอแนะในแง่ มมุ ต่าง ๆ 4. สามารถประเมินความน่าเชอื่ ถือ คณุ ค่า แนวคิดที่ได้จากสงิ่ ท่ีอ่านอยา่ งหลากหลาย 5. สามารถเขยี นแสดงความคดิ เห็นโตแ้ ย้ง สรปุ โดยมขี ้อมลู อธิบายสนบั สนุนอย่างเพยี งพอและ สมเหตุสมผล

เกณฑ์การประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ระดับ เกณฑ์การพจิ ารณา ดีเยีย่ ม (3) มผี ลงานที่แสดงถงึ ความสามารถใน การอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี นทม่ี ี ภาพ เลศิ อยู่เสมอ ดี (2) มีผลงานทีแ่ สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนทมี่ ี คณุ ภาพเปน็ ทยี่ อมรับ ผ่าน (1) มีผลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียนที่มี ขอ้ บกพร่องบางประการ ไม่ผ่าน (0) ไม่มีผลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน หรือ ถ้ามผี ลงาน ผลงานนน้ั ยงั มีขอ้ บกพร่องทีต่ ้องไดร้ ับการปรบั ปรงุ แกไ้ ขหลาย 4. การ ประการ ประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน 1. ผเู้ รยี นตอ้ งเขา้ ร่วมกจิ กรรมไม่น้อยกวา่ 809 ของเวลาเรียนทงั้ หมด 2. ผู้เรยี นต้องปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ และผ่านเกณฑข์ น้ั ต่ำตามที่กำหนด 3. ผู้เรยี นจะได้รบั ผลการประเมนิ กิจกรรม \"ผ\" (ผ่านกิจกรรม) 4. เมอื่ ไมป่ ฏิบตั ติ ามเกณฑ์ขอ้ 1 และ ขอ้ 2 จะไดร้ ับผลการประเมินกจิ กรรม \"มผ\" (ไม่ผา่ นกิจกรรม) และไม่สามารถจบหลกั สูตรในแตล่ ะช่วงชั้น จนกว่าผู้เรยี นปรับปรุงแกไ้ ขให้ผ่านเกณฑ์

คณะผ้จู ัดทำ 1. นางสาวณัฐธนญั า บญุ ถงึ ประธานกรรมการ กรรมการ 2. นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา กรรมการ 3. นางกมลชนก เทพบุ กรรมการ กรรมการ 4. นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา กรรมการ 5. นางสาวจันริรา ธนนั ชยั กรรมการ กรรมการ 6. นางอมลสริ ิ คำฟู กรรมการ 7. นางสาวฐิตารตั น์ คมั ภรี ะ กรรมการ 8. นางสาวปาริชาติ สงิ คำโล กรรมการ กรรมการ 9. นางธัญญรตั น์ ศิลาคำ กรรมการ 10. นายพงศ์ธร เปงวงศ์ กรรมการ กรรมการ 11. ว่าทีร่ ้อยตรสี มพงษ์ ตระการศภุ กร กรรมการ 12. นายเสรี แซจ่ าง กรรมการและเลขานกุ าร 13. นางสาวจิรัชญา ชัยธีรธรรม 14. นางสาวศริ วิ รรณ มนุ ิมคำ 15. นายเอกราช หมแี กว้ 16. นางสาวธันชนก ชยั บตุ ร 17. นางสาวสุดาภรณ์ สบื บุญเป่ียม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook