Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การใช้โปรแกรม Quizizz ในการวัดผลระหว่างเรียน

การใช้โปรแกรม Quizizz ในการวัดผลระหว่างเรียน

Published by buritkongmali, 2020-03-27 01:48:50

Description: การใช้โปรแกรม Quizizz ในการวัดผลระหว่างเรียน

Search

Read the Text Version

วิจัยในชนั้ เรียน การใช้โปรแกรม Quizizz ในการวัดผลระหว่างเรียนเพือ่ แก้ไขปัญหาการขาด ความกระตอื รือรน้ ของนกั เรียนในระดับช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๕ จดั ทาโดย บรุ ศิ ร์ กองมะลิ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ นกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 สานกั บริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ

คานา เน่ืองจากการศึกษาในปัจจุบันเน้นในการให้ผู้เรียนเป็นศูนย์การในการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอน จึงมีการพฒั นาระบบ วิธีการจัดกจิ กรรมการเรียนรเู้ ป็นจานวนมาก ทางโรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 31 ซึ่งเป็นโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยมุ่งเน้นการพึง่ พาตนเองของนักเรียน การประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตได้อย่างพึ่งพาตนเอง ได้ การสร้างกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุก เกมส์กิจกรรมเพื่อการศึกษา ทางคณะผู้จัดทาจึง คน้ คว้าและพัฒนากระบวนการจัดกจิ กรรการเรียนรใู้ นรปู แบบต่างๆเพอ่ื สง่ เสรมิ ทักษะดังกลา่ ว บุริศร์ กองมะลิ ผู้จัดทา

สารบญั กติ ตกิ รรมประกาศ.......................................................................................................................................... ฉ บทคดั ย่อ ........................................................................................................................................................ 7 บทที่ 1 บทนา ................................................................................................................................................. 8 ทีม่ าและความสาคัญ................................................................................................................................... 8 วัตถุประสงค์ของการวิจัย ............................................................................................................................ 8 ขอบเขตของการวิจยั ................................................................................................................................... 8 ดา้ นตวั แปร................................................................................................................................................. 9 สมมตฐิ านของการวิจัย................................................................................................................................ 9 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ บั ........................................................................................................................... 9 บทที่ 2 เอกสารทีเ่ ก่ยี วข้อง ........................................................................................................................... 10 การวัดผลและประเมนิ ผล.......................................................................................................................... 10 บทที่ 3 วิธีการดาเนนิ งาน.............................................................................................................................. 20 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์................................................................................................................................ 22 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ................................................................................................ 24 อภปิ รายผล .............................................................................................................................................. 24 ข้อเสนอแนะ ................................................................................................ Error! Bookmark not defined. บรรณานุกรม................................................................................................................................................ 25 ภาคผนวก..................................................................................................................................................... 26 9. สือ่ การเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ ...................................................... Error! Bookmark not defined. 10. การวดั ผลและประเมินผล................................................................... Error! Bookmark not defined.

กติ ติกรรมประกาศ งานวิจัยฉบับน้ีสาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยการให้ความช่วยเหลือแนะนาของ ครูณัฐธนัญา บุญถึง หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีได้กรุณาท่ีให้คาแนะนา ข้อคิดเห็นตรวจสอบ และแก้ไขงานวิจัยมาโดยตลอด ผู้เขียนจึงขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสน้ี ผู้เขียนขอกราบขอบพระคุณ นางวิลาวัลย์ ปาลี ผู้อานวยการโรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 ซึ่งได้อานวยงาน อานวยสภานท่ีและงบประมาณในการทางานวิจัยฉบับน้ี ทาง คณะผู้จัดทาจงึ ขอบคณุ รพระคุณมา ณ ที่นี้ ท้ายน้ีผู้เขียนขอน้อมราลึกถึงอานาจบารมีของคุณพระศรีรัตนตรัย และส่ิงศักด์ิสิทธ์ิ ท้ังหลายท่ีอยู่ในสากลโลก อันเป็นท่ีพึ่งให้ผู้เขียนมีสติปัญญาในการจัดทาวิทยานิพนธ์ให้สาเร็จ ลลุ ว่ งไปด้วยดี ผู้เขียนขอให้เปน็ กตเวทติ าแดบ่ ิดา มารดา ครอบครัวของผู้เขยี น ตลอดจนผู้เขียน หนังสือ และบทความต่าง ๆ ท่ีให้ความรู้แก่ผู้เขียนจนสามารถให้วิทยานิพนธ์ฉบับน้ีสาเร็จได้ ดว้ ยดี บุรศิ ร์ กองะลิ ผู้ทาการวจิ ยั

เรื่อง การใช้โปรแกรม Quizizz ในการวดั ผลระหว่างเรียนเพอ่ื แก้ไขปัญหาการขาดความ กระตือรอื ร้นของนักเรียนในระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๕ ผูว้ จิ ยั นายบุรศิ ร์ กองมะลิ ________________________________________________________________________ บทคดั ย่อ นักเรียนในระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ต้องทากิจกรรมภายโรงเรียนเป็นจานวนมากทาใหเ้ หน่ือยล้า จากการทากิจกรรมประกอบกับเนือ้ หาในรายวิชาวิทยาศาสตรก์ ายภาพที่มีมาก ส่งผลในนักเรียนขาดความ กระตือรือร้นในขณะเรียนและการทบทวนบทเรียนดังนั้น จึงมีนาโปรแกรม Quizizz ในการวัดผลระหว่าง เรียน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างสนุกสนานมีความท้าทายเกิดข้ันการเรียนการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์กายภาพ อันจะส่งผลในเกิดแรงกระตุ้นในการพัฒนาตนเองในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์มาก ขึ้น โดยมาจุดประสงค์การวิจัยดังนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดความกระตือรือร้นของนักเรียนและพัฒนา รูปแบบการวัดผลในระหว่างเรียน ผลจากการวิจัยพบว่า นักเรียนมีความสุขกับการเรียนรู้ ได้รับความ สนุกสนาน สามารถทาแบบทดสอบหลังเรียนได้สูงขึ้น ถึง 4.85 คะแนนโดยเฉลี่ย แสดงถึงประสิทธิภาพ ของสื่อโปรแกรม Quizizz ในการวัดผลระหว่างเรียนซึ่งได้ค่าเฉลี่ยคะแนนเท่ากับ3.84 จัดอยู่ในนระดับดี มาก การเป็นการเรียนรแู้ บบเชิงรุก ทาให้ผเู้ รียนมีความตนื่ เต้นและความสนุกสนาน ส่งผลใหเ้ กิดการเรียนรู้ ได้ง่ายและมีความคงทนมากขึ้น

บทที่ 1 บทนา ทีม่ าและความสาคัญ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 เป็นโรงเรียนในสังกัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ซึ่งจัด การศกึ ษาให้กบั นักเรียนที่ด้อยโอกาส กลุ่มนักเรียนชาติพนั ธุ์ คือ ชนเผา่ ม้ง ชนเผาปกาเกอะญอ และชนเผ่า ละว้า ทาให้เป้าหมายของการจัดการศึกษามุ่งเน้นในนักเรียนสามารถนาความรู้จากโรงเรียนไปใช้ในการ ทางานตามวิถีของครอบครัว โดยในภาคเรียนที่ 2 นักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ต้องทากิจกรรม ภายโรงเรยี นเป็นจานวนมากทาให้เหน่อื ยล้าจากการทากิจกรรมประกอบกับเนือ้ หาในรายวิชาวิทยาศาสตร์ กายภาพที่มมี าก ส่งผลในนกั เรียนขาดความกระตือรือร้นในขณะเรียนและการทบทวนบทเรียน ดังน้ัน จึงมีนาโปรแกรม Quizizz ในการวัดผลระหว่างเรียน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่าง สนุกสนานมีความท้าทายเกิดข้ันการเรียนการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ อันจะส่งผลในเกิดแรง กระตนุ้ ในการพฒั นาตนเองในการเรียนวิชาวิทยาศาสตรมื ากขึ้น วัตถุประสงค์ของการวจิ ยั 1. เพื่อแก้ไขปญั หาการขาดความกระตือรอื ร้นของนักเรียน 2. เพือ่ พฒั นารูปแบบการวัดผลในระหว่างเรียน ขอบเขตของการวจิ ัย ดา้ นเนื้อหา ใชเ้ นือ้ หาของวิชา วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ เรือ่ ง พอลิเมอร์และการใช้ประโยชน์จากพอลิเมอร์ ด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1) ประชากร/กลุ่มเปา้ หมาย/กรณศี ึกษา ประชากร/กลุ่มเป้าหมายในการวิจยั คร้ังนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอ แม่แจ่ม จังหวัด เชียงใหม่ จานวน 101 คน ที่กาลงั ศกึ ษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 2) กลมุ่ ตัวอย่าง กลุ่มตวั อย่างที่ใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ คอื นักเรียนระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 อาเภอ แม่แจ่ม จังหวดั เชยี งใหม่ ท้ัง 4 หอ้ งโดยสุ่ม เลือกห้องละ 10 คน รวมเปน็ จานวน 40 คน

ด้านตวั แปร ตวั แปรตน้ คอื แบบทดสอบในโปรแกรม Quizizz ตวั แปรตาม คอื ผลการประเมินความพึงพอใจในการใชโ้ ปรแกรม ด้านวันเวลา และสถานท่ี จานวนชว่ั โมงในการสอน 2 ชัว่ โมง หอ้ งสบื ค้นความรู้ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 สมมติฐานของการวิจยั เมื่อจัดการเรียนรู้โดยโปรแกรม Quizizz จะทาให้นักเรียนเกิดความกระตือรือรน้ ในการ เรียนและการทบทวนบทเรียนมากขึ้น ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ บั - นักเรียนสามารถเข้าใจเรือ่ ง พอลิเมอรแ์ ละการใชป้ ระโยชนจ์ ากพอลิเมอร์ - นกั เรียนได้รับความสนกุ สนานในการจัดกระบวนการเรียนรู้ - สามารถพัฒนาการวัดผลระหว่างโดยใช้โปรแกรมด้าน ICT

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง การวดั ผลและประเมินผล การวดั ผลและประเมินผลทางการศึกษา เปน็ กระบวนการทีม่ ีระเบียบแบบแผน เพือ่ ให้ได้มา ซึ่งตวั เลขหรือสัญลักษณ์ทีแ่ สดงถึงปริมาณ หรอื คณุ ภาพของคณุ ลักษณะทีว่ ัดได้ เพือ่ จะได้นาผลของการ วัดมาเปน็ ข้อมูลในการประเมินผลได้อย่างถูกต้อง ดังนน้ั การวัดผลทางการศกึ ษาจะมีประสิทธิภาพ ควร ปฏิบัติดังนี้ 1.วัดใหต้ รงกับวัตถุประสงค์ ในการวดั ผลแต่ละคร้ังถ้าผลของการวดั ไม่ตรงกับคุณลักษณะ ทีเ่ ราต้องการจะวดั แล้ว ผลของการวดั จะไม่มคี วามหมาย และเกิดความผดิ พลาด ในการนาไปใช้ตอ่ ไป ดังนนั้ การวดั ผลควรมีการกาหนดจุดมงุ่ หมายของการวัด ต้องรู้วา่ จะนาผลการสอบไปเพือ่ ทาอะไรบ้างเพื่อ ใช้เครื่องมอื และกาหนดวิธีการให้เหมาะสม ถ้าจุดมุ่งหมายทางการศึกษาต่างกนั แบบทดสอบทีใ่ ช้ ก็ ควรจะแตกต่างกัน วิธีการใชแ้ บบทดสอบก็ย่อมแตกต่างกนั ความผิดพลาดทีอ่ าจทาให้การวัดไม่ตรง กบั วตั ถุประสงค์ คือ 1.1) ไม่เข้าใจในคุณลักษณะที่ต้องวัด คือ ผู้วัดมีความเข้าใจในสิ่งที่จะวัดไม่ชัดเจน หรือเข้าใจ เกีย่ วกบั สิ่งทีจ่ ะวดั ผดิ ทาให้ความหมายหรือคาจากัดความของสิ่งที่จะวัดน้ัน ไม่ตรงตามตอ้ งการ อันเปน็ ผลทาใหก้ ารวัดคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับวัตถปุ ระสงค์ได้ 1.2) ใช้เครื่องมอื ไม่สอดคล้องกบั ตวั แปรทีจ่ ะวดั การเลือกใช้เครอ่ื งเป็นเรื่องสาคญั สาหรบั นกั วัดผลอย่างมาก เพราะการใชเ้ ครือ่ งมือถูกต้องเหมาะสมย่อมทาให้ผลการวัดน่าเชอ่ื ถือและสอดคล้อง กบั ความตอ้ งการ ทางตรงกันข้ามถ้าใช้เคร่อื งมอื ไม่ถูกต้อง ผลการวัดอาจทาให้ขาดความเชือ่ ถือได้ 1.3) วดั ได้ไม่ครบถ้วน การวดั ทีด่ ตี ้องวัดคุณลกั ษณะได้ครอบคลุมครบถ้วนตามลกั ษณะตัว แปรน้ันๆ การวัดเพียงบางส่วนบางองค์ประกอบ ย่อมทาให้ผลการวดั น้ันไม่แน่นอนและไม่สามารถสรุป ผลได้อย่างม่ันใจ 1.4) เลือกกลุ่มตัวอย่างไม่เหมาะสม บางครงั้ ผู้วัดมคี วามรใู้ นสิง่ ที่จะวดั เปน็ อย่างดี รู้วิธีการ วัดที่ถูกต้องและมีเครอ่ื งมอื ทีด่ คี วามเที่ยงตรง สามารถวัดได้ครอบคลมุ พฤติกรรมหรอื คุณลักษณะนั้น ๆ แตก่ ลับไปวดั กลุ่มตวั อย่างทีไ่ ม่ถกู ต้องหรอื กลุ่มตวั อย่างทีไ่ ม่มีคณุ ลักษณะนั้น ผลการวดั กย็ ่อมไม่ถกู ต้อง ตรงตามวตั ถุประสงค์เช่นกนั

2. ใช้เคร่อื งดมี ีคุณภาพ ผลของการวดั จะเช่อื ถือได้มากน้อยเพียงใดน้ันขนึ้ อยู่กับเครื่องมือ ที่ใช้ ถ้าหากเครื่องที่ใชว้ ัดมีคุณภาพไม่ดพี อแล้ว การวดั น้ันก็ให้ผลทีไ่ ม่เกิดคณุ ค่าใดๆ เชน่ การสอบ ถ้าใชข้ ้อสอบทีม่ คี ุณภาพไม่ดไี ปทดสอบผเู้ รียน ผลหรอื คะแนนที่ได้กไ็ ม่มีความหมาย บอกอะไรเราไม่ ได้ ยิ่งกว่านั้นถ้านาผลจากการวดั ไปใช้ในการตัดสินใจ กอ็ าจทาให้การตดั สินใจนนั้ ผิดพลาด อาจเกิด ผลเสียเป็นผลกระทบจากการประเมินน้ันได้ ปรชั ญาการวดั ผลและประเมินผลทางการศึกษา มีดงั นี้คอื 1. ให้ถือว่าการสอบเปน็ ส่วนหนง่ึ ของการสอน ถึงแม้วา่ การสอนและการสอบจดุ มงุ่ หมายต่างกัน และทาในเวลาทีต่ า่ งกัน แต่ก็ถือวา่ ทั้งการสอนและการสอบมีความตอ่ เนื่องกันและสัมพันธ์กัน ครูที่ดีจะ ไม่แยกการสอนและการสอบออกจากกัน แต่พยายามทาให้ทั้งสองอย่างตอ่ เน่ืองกนั ตลอดเวลา 2. การสอบควรมุ่งวดั ศักยภาพมากกว่าทีว่ ดั ความจา การสอบทีผ่ ่านมามกั มุ่งวัดว่าผเู้ รียนจาสิ่ง ที่ครสู อนไปแล้วได้มากน้อยเท่าไร แตป่ ัจจุบันมุ่งทีจ่ ะวัดความสามารถด้านสมองของผู้เรยี นว่า เขา สามารถนาส่ิงที่เรียนรู้ไปดัดแปลงเพือ่ ใชใ้ นสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีอย่างไร 3. สอบเพือ่ วินิจฉัย การเรียนการสอนปัจจุบัน มงุ่ ใหเ้ ดก็ เรียนเพือ่ รู้มากกว่าแข่งขันกัน ระเบียบ การวัดผลปจั จุบนั ได้กาหนดให้มกี ารสอนซ่อมเสริมได้ ครจู าเป็นอย่างยิง่ ที่ตอ้ งรู้วา่ ผู้เรียนบกพร่องใน เรือ่ งใด จึงสามารถสอนซ่อมเสริมได้ 4. สอบเพื่อประเมินค่า การสอบมุ่งที่จะนาผลไปประเมินผลทางการศกึ ษาเป็นส่วนรวมว่ามี ความเหมาะสมหรอื ไม่ เพียงใด รวมท้ังชีใ้ ห้เหน็ ถึงความเหมาะสมของหลักสตู รการเรียนการสอน และ องค์ประกอบอืน่ ๆ ของการศกึ ษา มอี ะไรควรปรบั ปรงุ แก้ไข 5. ทดสอบเพือ่ ค้นและพัฒนาสมรรถภาพ เปน็ ปรชั ญาทีส่ าคัญยิ่ง มุ่งใหค้ รทู าหน้าทีต่ รวจค้น นกั เรียนว่าใครมสี มรรถภาพเด่นดอ้ ยในด้านใด โดยถือว่านักเรียนแต่ละคนกม็ ีคุณลกั ษณะพิเศษของตน มี ลกั ษณะต่างกันแฝงอยู่ อาจแสดงออกมาให้เห็นเด่นชัดหรอื ไม่ชัดก็ได้ ครูจงึ ตอ้ งทาหนา้ ทีค่ ้นหาให้พบ เพื่อหาทางส่งเสริม สนบั สนุนให้พฒั นาไปในทางน้ันใหม้ ากทีส่ ุด หลักการวัดผลและประเมินผลทางการศึกษา 3. มีความยตุ ิธรรม การวดั ผลการศึกษาซึ่งจดั ได้ว่าเป็นการการวดั ตัวแปรทางด้านจิตวิทยา หรอื ทางสงั คมศาสตร์นนั้ จะได้ผลดีตอ้ งมคี วามยตุ ิธรรมในการวัด สิง่ ที่ถูกวัดจะต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ ทีเ่ ป็นไปเหมอื น ๆ กัน ไม่มกี ารลาเอียง 4. แปลผลได้ถกู ต้อง การวัดผลทุกคร้ังผลที่ได้ออกมาย่อมเปน็ ตวั แทนของจานวนหรอื ระดบั ของคณุ ลักษณะที่ตอ้ งการจะวัดน้ัน ซึง่ ส่วนใหญ่แลว้ ผลของการวัดมักออกมาในรูปของคะแนนหรืออนั ดบั

ที่ แล้วจึงนาผลนน้ั ไปอภปิ รายหรือเปรียบเทียบกนั จงึ จะทาให้ผลการวดั นั้นมคี วามหมาย และเกิด ประโยชน์ ซึง่ การแปลผลจะได้ผลดีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กบั หลกั เกณฑ์ในการแปรผลวา่ สมเหตุสมผล มากน้อยเพียงไร โดยนาไปเปรียบเทียบกับเกณฑห์ รอื มาตรฐานทีม่ อี ยู่แล้ว หรอื นาไปเปรียบเทียบกบั คนอืน่ หรอื ผลงานของคนอน่ื ๆ ที่วดั คุณลกั ษณะเดียวกันโดย เครอ่ื งมอื เดียวกัน ซึ่งการเปรียบเทียบ เหล่านีจ้ ะมีความหมายเพียงไรข้นอยู่กับหนว่ ยของการวัดเปน็ สาคัญ 5. ใช้ผลการวัดใหค้ ุ้มค่า การวัดทีน่ อกจากจะเป็นการตรวจสอบว่าส่งิ ทีว่ ดั มีคุณภาพ เชน่ ไร แล้ว ยังมงุ่ หวงั ที่จะนาผลทีไ่ ด้จากการวัดไปเป็นเเนวทางในการปฎิบตั ิและปรบั ปรงุ กิจกรรมต่าง ๆ ทาง การศกึ ษาให้ดีข้ึนดว้ ย ในการวัดผลการศึกษาควรมีจดุ มุ่งหมายของการวัดหลาย ๆ ด้าน และพยายามใช้ ผลการวัดน้ันให้สนองจุดมงุ่ หมายที่วัดเหล่าน้ันให้มากที่สดุ เชน่ ผลจากการสอบของนกั เรียน อาจเปน็ เครือ่ งชีแ้ นะการปรับปรุงการเรียนการสอนของผู้สอน นาผลไปใช้ในการแนะแนวการเรยี นสาหรบั ผเู้ รียน แตล่ ะคน และใช้ประกอบการปรับปรุงระบบการบริหารภายในโรงเรียน เปน็ ต้น ดังนั้นในการสอบหรือ การทดสอบนกั เรียน เพื่อประเมนิ ผลว่านกั เรียนได้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามที่กาหนดไว้ใน หลักสูตรมากน้อยเพียงใด มีจุดเด่นจุดด้อยประการใดควรต้องปรบั ปรงุ แก้ไขอย่างไรบ้าง ครูจงึ ตอ้ งมี ทกั ษะและความรคู้ วามสามารถ ในเรือ่ งต่อไปนี้ 1. มีความร-ู้ ความเข้าใจในเนือ้ หาที่จะวัดและประเมินผลเปน็ อย่างดี ในฐานะครูผสู้ อนรายวิชาต่างๆ ปกติก็ต้องมคี วามรู้-ความเข้าใจในเนือ้ หาวิชาทีส่ อนและ พฤติกรรมที่ประสงคจ์ ะให้เกิดข้ึนในตัวนกั เรียนอยู่แลว้ แต่ในฐานะนกั วดั ผลและประเมินผล ซึ่งต้องทา หนา้ ทีส่ รา้ งเครื่องมอื ไปตรวจวัดสัมฤทธิท์ างการเรยี นในเนือ้ หาน้ัน ยิง่ จาเปน็ ต้องมีความรคู้ วามเข้าใจ ทีล่ กึ ซงึ้ ในเนือ้ หามากยิ่งขึน้ กล่าวคือไม่เพียงแตม่ ีความรคู้ วามเข้าใจในข้อเทจ็ จริงและหลักเกณฑ์ของ เนือ้ หาเท่านั้น แต่ยงั ตอ้ งรอบรู้ในเนือ้ หาสาระที่นกั เรียนมกั เกิดความเข้าใจผดิ อยู่เสมอ รอบรู้ในเนือ้ หา ที่เกี่ยวข้องสัมพนั ธ์กัน ทั้งนีก้ เ็ พือ่ ที่ใชเ้ ปน็ พืน้ ฐานในการสรา้ งเครื่องมอื เชน่ แบบทดสอบให้มปี ระสิทธิ ภาพและมีคุณภาพดีต่อไป 2. มีความร-ู้ ความเข้าใจในตวั นกั เรียนที่ได้รบั การวัดและประเมินผลเปน็ อย่างดี ผทู้ ี่ทาหน้าทีใ่ นการวดั ผลและประเมินผลทางการศกึ ษา จะต้องมีความรคู้ วามเข้าใจ และรู้ จกั นักเรียนทีจ่ ะได้รบั การวดั ผลและประเมินผลเพื่อจะได้ใชเ้ ป็นข้อมูลในการสร้างเครือ่ งมอื ให้เหมาะสม สอดคล้องกับธรรมชาติและระดับความสามารถของผถู้ ูกวัด การรู้จักและมคี วามรเู้ กี่ยวกบั ตวั นักเรียน เปน็ รายบคุ คลและในภาพรวมทั้งกลุ่ม ทาให้ครทู ราบถึงศกั ยภาพ สมรรถภาพ และความสามารถของผู้ ถกู วดั ได้เปน็ อย่างดี เครือ่ งมอื ทีส่ รา้ งเพือ่ ใชท้ ดสอบถ้าได้คานึงถึงสภาพความเป็นจรงิ ของผทู้ ีจ่ ะถกู ทด สอบแล้ว โอกาสทีจ่ ะสร้างเครือ่ งมอื ให้มคี ุณภาพเหมาะสมกบั ผถู้ กู ทดสอบกส็ งู ข้ึน 3. มีทักษะในการใชภ้ าษา

เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการวดั ผลการศึกษาท้ังหมดนน้ั จาเป็นต้องใช้ภาษาเป็นสือ่ ในการทดสอบ โดยใช้ภาษาพดู สาหรบั การสัมภาษณ์ และใช้ภาษาเขียนในเครื่องมอื ประเภท แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสารวจรายการ (Checklist) แบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ทกั ษะในการใชภ้ าษาจงึ เปน็ สิ่งจาเป็นอย่างยิ่งสาหรับนักวดั ผลประเมินผลการศกึ ษา หากการใชภ้ าษาในเครื่องมอื ไม่สามารถสือ่ สารให้ผู้ถกู วดั เข้าใจได้ตามที่ตอั งการเท่ากบั สิ่งเร้า(Stimuli) ขาดประสิทธิภาพในการไปกระตนุ้ ให้ผู้ถูก วัดตอบสนอง (Response) หรอื แมจ้ ะตอบสนองโดยแสดงพฤติกรรมย้อนกลบั มาแตก่ เ็ ปน็ พฤติกรรมที่ เกิดจากความเข้าใจผดิ ในถ้อยคาของคาถาม นักวัดผลและประเมินผลทีด่ จี งึ ตอ้ งมที กั ษะในการใชภ้ าษา ทั้งในภาษาพดู และภาษาเขียนให้ ผถู้ ูกวัดเข้าใจตรงกบั เจตนารมณข์ องตน ทั้งนีย้ ังหมายรวมถึงการใชภ้ าษาเหมาะสมกบั วยั ระดบั ช้ันวุฒิ ภาวะ และลักษณะเฉพาะของผู้ถูกวดั อีกด้วย 4. มีความรแู้ ละความคุ้นเคยในเครือ่ งมอื วดั และประเมินผล ในการวดั และประเมินผลการศกึ ษาเครื่องมือที่ใชต้ รวจวัดหรอื ทดสอบเพื่อให้ได้ข้อมลู เบื้อง ต้นสาหรับนาไปประมวลเพี่อการประเมินผลน้ัน มีอยู่มากมายหลายชนดิ ส่วนใหญ่เป็นเครือ่ งมอื ที่นักจติ วิทยา หรือ จิตแพทย์ได้ใช้อยู่ ลักษณะและประสิทธิภาพของเคร่ืองมือแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกัน ข้อจากดั มีเงื่อนไข และวิธีการใชต้ ่างกันออกไป นักวัดผลและประเมินผล จึงจาเป็นต้องเรียนรู้ในเครื่อง มอื แตล่ ะชนิดอย่างถ่องแท้ เพือ่ สามารถเลือกเครื่องมือมาใช้วัดได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมนอกจาก นีก้ ารได้เรียนรู้จนคุ้นเคยกับเครือ่ งมือวดั ผลชนดิ ต่าง ๆ เป็นอย่างดี จะช่วยใหน้ ักวดั ผลและประเมินผล สามารถสร้างเครื่องมอื ชนิดนน้ั ๆ ข้ึนมาใช้เองได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ เนื่องจากเครือ่ งมอื ทีใ่ ชว้ ัดผลทาง การศกึ ษาจาเป็นต้องสร้างใหมใ่ ห้เหมาะแตล่ ะคร้ังมีการปรับปรุงแก้ไขตลอดเวลา ส่วนมากมีลักษณะเป็น ข้อเขียน (Paper and Pencil) มิใช่เคร่ืองมอื สาเร็จรูปที่สามารถนามาใช้ได้ตลอดไปนกั วดั ผลจงึ จาเป็น ต้องสร้างข้นึ มาใช้เองใหต้ รงกับจุดมุ่งหมายในแตล่ ะครั้งของการวดั

การวัดผลทางการศึกษามีข้อควรคานึงถึงดงั นี้ 1. ระบใุ ห้ชัดเจนในสิง่ ที่ต้องการวดั โดยระบจุ ุดมุ่งหมายใหแ้ นน่ อนว่าจะวดั อะไรและส่ิงที่ต้อง การวดั นั้นวัดจากสิง่ ใด ซึง่ ถ้าระบุไว้อย่างชัดเจนแล้ว ก็จะสามารถเลือกเครื่องมือที่วัดได้และแปลความ หมายได้ตรงกบั ที่ตอ้ งการ 2. ควรเลือกวิธีการวัดให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการวดั เมอ่ื ได้วางจุดมุ่งหมายการวดั ไว้อย่างชัดเจนแล้ว กส็ ามารถเลือกแบบสอบได้ถูกต้องว่าจะใช้แบบสอบให้สอดคล้องกับจดุ มงุ่ หมายของ การวัด 3. การวัดที่สมบูรณ์ควรใช้เทคนิคหลาย ๆ อย่าง แบบสอบแตล่ ะแบบไม่สามารถวดั ความ สามารถของผเู้ รียนได้ทุกด้าน เพื่อให้การวัดได้ผลสมบรู ณ์ควรใช้แบบสอบหลายๆ แบบ เพราะแบบ สอบแตล่ ะแบบมีลกั ษณะเด่นเฉพาะไม่เหมอื นกัน การประเมินผลตามสภาพจริง การประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) หมายถึง กระบวนการสังเกต บันทึกและการรวบรวมข้อมูลจากผลงาน วิธีการ หรือสิ่งที่ผู้เรียนปฏิบัติ เพื่อเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจ ต่อตัวผู้เรียน การประเมินผลตามสภาพจริง จะไม่เน้นการประเมินเฉพาะทักษะพื้นฐาน แต่จะเน้นประเมิน ทักษะการคิดที่ซับซ้อนในการทางาน ความสามารถในการแก้ปัญหาและการแสดงออกทีเ่ กิดจาการปฏิบัติ ในสภาพจริง ในการเรียนการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคัญด้วย การวัดและประเมินตามสภาพจริง มีกระบวนการวดั ผลการเรยี นรู้ตามแนวทาง 3 ประการ คือ 1. วัดครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ได้จริง วัดความสามารถทางความรู้ ความคิดได้จริง (Cognitive Ability) วัดความสามารถในการปฏิบัติได้จริง (Performance/Practice Ability) และวัดคุณลกั ษณะ ทางจิตใจได้จรงิ (Affective Characteristics) 2. วัดได้ตรงความเป็นจริง คือ สิ่งที่วัดได้นั้นเป็นข้อมูล เป็นการแสดงพฤติกรรมที่สะท้อน ความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน ท้ังความสามารถทางความรู้ ความคิด ความสามารถในการปฏิบตั ิและ คุณลักษณะทางจิตใจ มีความคลาดเคลื่อนผิดพลาดน้อยที่สุด ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ด้อยความสามารถได้ คะแนนสงู ตดั ความผดิ พลาดที่ผมู้ ีความสามารถสงู กลับได้คะแนนน้อย 3. เลือกสรร คิดค้นเครือ่ งมือและเทคนิคการวัดผลทีเ่ ปน็ การวัดพฤติกรรมที่แท้จริงที่แสดงออก ซึ่งความสามารถของผู้เรียน (Ability to do) ซึ่งอาจได้จากการสังเกตุพฤติกรรมผู้เรียน สังเกตจากการ ปฏิบัติภาระงาน (Tasks) ที่จัดให้ปฏิบัติในสถานการณ์ที่ผู้สอนจะกาหนด สังเกตจากร่องรอยหลักฐานผล การปฏิบตั ิภาระงานของผู้เรยี น เป็นต้น

ต่อไปนี้คือเทคนิควิธีการประเมินตามสภาพจริงที่น่าสนใจ 7 วิธี ซึ่งจะช่วยให้การวัดและการประเมินผล ตามสภาพจริงมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้แก่ การสังเกต เป็นการเก็บข้อมูลพฤติกรรมด้านการใช้ความคิด การปฏิบัติงาน อารมณ์ ความรู้สึก และลักษณะนิสัย โดยสามารถทาได้ทุกที่ทุกเวลา ท้ังในห้องเรียน นอกห้องเรียน หรือใน สถานการณอ์ ื่นนอกโรงเรยี น ซึง่ มีวธิ ีดาเนินการอยู่สองลักษณะคือ การสงั เกตทาได้โดยตั้งใจ กับการสังเกต ที่ทาโดยไม่ตั้งใจ การสังเกตโดยตั้งใจหรือมีโครงการสร้างหมายถึงการที่ครกู าหนดพฤติกรรมที่ต้องสังเกต รวมถึงช่วงเวลาและวิธีการสังเกต ส่วนการสังเกตแบบไม่ตั้งใจ หรอื ไม่มโี ครงสร้างนั้น หมายถึงไม่มีกาหนด รายการสังเกตไว้ล่วงหน้า ครูอาจมีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อบันทึกเม่ือพบพฤติกรรม การแสดงออกที่มคี วามหมาย การสัมภาษณ์ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้เก็บข้อมูลพฤติกรรมของนักเรียนในด้าน ความคิดสติปัญญา ความรู้สึก กระบวนการขั้นตอนในการทางาน และวิธีแก้ปัญหาต่างๆได้ดี ซึ่งเป็นวิธีที่อาจใช้ประกอบการ สังเกตเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยก่อนที่ครูจะสัมภาษณ์นั้น ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลังของ นักเรียนและเตรียมชุดคาถามล่วงหน้าเสียก่อน เพื่อทาให้การสัมภาษณ์เจาะตรงประเด็นและได้ข้อมูลเพิ่ม มากขึ้น และขณะสัมภาษณ์ครูควรใช้วาจา ท่าทาง น้าเสียงที่อบอุ่นเป็นกันเอง เพื่อนักเรียนรู้สึกปลอดภัย และมีแนวโน้มจะให้ข้อมูลต่างๆ ควรสัมภาษณ์นกั เรียนด้วยคาถามที่เข้าใจง่าย และอาจใชก้ ารสัมภาษณ์กัล บุคคลใกล้ชิดนกั เรียนร่วมด้วยเพื่อให้ได้ข้อมลู เกี่ยวกบั นักเรียนเพิ่มเติม การตรวจงาน เป็นการวัดและประเมินผลที่เน้นการนาผลการประเมินไปใช้ทันทีใน 2 ลักษณะ คือ เพื่อการช่วยเหลือนักเรียนและเพื่อช่วยปรับปรุงการสอนของครู จึงเป็นการประเมินที่ควรดาเนินการ ตลอดเวลา และควรมีลักษณะที่ครูสามารถประเมินพฤติกรรมระดับสูงของนักเรียนได้ เช่น การตรวจ แบบฝกึ หดั ผลงานภาคปฏิบัติ โครงการ/โครงงานต่างๆ เปน็ ต้น การรายงานตนเอง เป็นการให้นักเรียนเขียนบรรยายหรือตอบคาถามส้ัน ๆ หรือ ตอบ แบบสอบถามที่ครูสร้างขึ้น เพื่อสะท้อนถึงการเรียนรู้ของนักเรียนท้ังความรู้ ความเข้าใจ วิธีคิด วิธีทางาน ความพอใจในผลงาน ความตอ้ งการพฒั นาตนเองให้ดยี ิ่งข้ึน การใช้บันทึกจากผู้ท่ีเกี่ยวข้อง เป็นการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับตัวนักเรียน ผลงานนักเรียน โดยเฉพาะความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักเรียนจากแหล่งต่าง ๆ เช่น จากเพื่อนครูหรอื ผปู้ กครอง เปน็ ต้น การใช้ข้อสอบแบบเน้นการปฏิบัติจริง คือการใช้แบบทดสอบเพื่อวัดสิ่งที่นักเรียนได้ปฏิบัติ จริง ซึ่งข้อสอบน้ันจะต้องมีความหมายต่อผู้เรียน เลียนแบบสภาพความเป็นจริง ครอบคลุมความสามารถ

ของผู้เรียนและเนื้อหาตามหลักสูตร เน้นให้มีหลายคาตอบและหลายวิธีหาคาตอบ และมีเกณฑ์การให้ คะแนนที่ชัดเจน การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงาน แฟ้มสะสมงานหมายถึง สิ่งที่ใช้สะสมงานของนักเรียน อย่างมีจุดประสงค์ อาจเป็นแฟ้ม กล่อง แผ่นดิสก์ หรืออัลบั้ม ก็ได้ แฟ้มสะสมผลงานนี้ จะเป็นหลักฐาน สะท้อนให้เหน็ ถึงความพยายาม ความก้าวหน้า และผลสมั ฤทธิข์ องนกั เรียน วิธีการประเมินตามสภาพจริงที่ได้กล่าวแล้วนั้น ถ้าจะให้ได้มาซึ่งผลการเรียนรู้ที่แท้จริงของ นักเรียนนั้น ครูควรจะใช้วิธีการเก็บข้อมูลหลายๆ วิธีรวมกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่หลากหลาย และครอบคลุม พฤติกรรมทกุ ด้าน รวมถึงมเี กณฑก์ ารประเมินชัดเจน และมีจานวนมากเพียงพอที่จะประเมินผลที่เกิดขึ้นใน ตัวนักเรียนอย่างม่ันใจจึงจะถือว่าเป็นการวัดและประเมินผลตามสภาพจริงอย่างมี ประสิทธิภาพแล ะ สามารถนาไปอ้างองิ ได้ มาตราสว่ นประมาณค่า ( Rating scale) เปน็ การวัดสิง่ ที่เปน็ นามธรรม ด้วยการดดั แปลง ปริมาณเชิงเปรียบเทียบ นิยมใช้วัดพฤติกรรมที่ไม่สามารถวัดออกมาเปน็ ตัวเลขได้โดยตรง (บุญธรรม กิจ ปรีดาบริสุทธิ์ 2524 : 232) แบบประมาณค่าอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. แบบไม่มีเกณฑ์เปรียบเทียบ (Non comparative Rating scale)ผู้ตอบประเมินตามความรู้สึก ของตนเอง เชน่ “ท่านพอใจกับการเลือกต้ังระบบบัญชรี ายชอ่ื มากน้อยเพียงใด” 2. แบบมีเกณฑ์ให้เทียบ ( Comparative Rating scale)ผู้ตอบต้องใช้เกณฑ์เปรียบเทียบเดียวกัน เชน่ “ท่านพอใจกับการบริหารประเทศของรัฐบาลชดุ น้มี ากน้อยเพียงใด เมือ่ เทียบกับรฐั บาลที่แล้วมา” มาตราส่วนประมาณถ้าแบ่งตามลักษณะคาตอบอาจแบ่งได้ 4 แบบคือ แบบตัวเลข แบบ กราฟิก แบบบรรยาย แบบใช้สัญลกั ษณ์ และแบบบ่งพฤติกรรม 1. แบบตัวเลข (Numerical Rating Scales) เปน็ แบบที่พบเหน็ ทั่วๆไปและใช้มาก ในวงการศึกษา มาตราส่วนประมาณค่าแบบตัวเลขนี้ จะเสนอตัวเลขเป็นระบบตาม ลาดับโดย ให้ผู้สังเกต กาหนดค่า ตวั เลขตามที่สงั เกตได้ เชน่ กาหนดให้ 5 (มากทีส่ ุด ) 4 (มาก) 3 (ปานกลาง) 2 (น้อย) และ1(น้อยทีส่ ดุ ) การประมาณค่า อาจมกี ารกาหนด ตัวเลขลงในส่วนที่จะตอบของแต่ละข้อ

2. แ บ บ ก ร า ฟิ ก ( Graphic Rating Scale) ใ ช้ เ ส้ น ต ร ง แ บ่ ง เ ข ต ช่ อ ง บ อ ก ร ะ ดั บ ที่ ผู้ ต อ บ จ ะ พิจารณาและเลือกตอบ โดยมีคาหรอื ข้อความบอกระดบั ความเข้มระบุไว้ที่ปลาย ท้ังสองขา้ ง ดังตวั อย่าง 3. แ บ บ บ ร ร ย า ย ( Descriptive Scale) เ ป็ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ค่ า โ ด ย ใ ช้ ภ า ษ า ห รื อ ข้ อ ค ว า ม ใ ห้ ผู้ ต อ บ พิ จ า ร ณ า เ ลื อ ก ต อ บ บ อ ก ร ะ ดั บ ค ว า ม ห ม า ย มี ค ว า ม ห ม า ย ชั ด เ จ น ใ น ตั ว เ อ ง ทุ ก ข้ อ 1. ภาษาอังกฤษมีความสาคัญในการประกอบอาชีพ เหน็ ดว้ ยอย่างยิ่ง เห็นด้วย ไม่แนใ่ จ ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง 2. ภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ทาให้คนฉลาด เห็นด้วยอย่างยิง่ เหน็ ด้วย ไม่แนใ่ จ ไม่เห็นด้วย ไม่เหน็ ด้วยอย่างยิ่ง หรอื กาหนดข้อความบอกระดับเฉพาะดา้ นบนในตาราง เช่น

4. แบบใชส้ ญั ลกั ษณ์ (Symbolic Rating Scale) เป็นการใช้สญั ลักษณ์แทนระดบั ทีผ่ ู้ตอบจะ พิจารณาเลือกตอบ สัญลกั ษณ์ที่ใชอ้ าจเปน็ อักษร เช่น ก หมายถึง ดที ีส่ ดุ หรอื มากทีส่ ุด ข หมายถึง ดี หรือมาก ค หมายถึง ปานกลาง ลดหลนั่ ไปเรือ่ ย ๆ ตวั อย่างเช่น ครูเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนแสดงความคิดเห็น ก ข ค ง จ ครใู ช้สอ่ื การเรียนทีเ่ หมาะสม กขคงจ หรอื อาจแสดงเปน็ ภาพใบหนา้ ในแบบวดั เจตคตติ ่อการเรียนการสอนดังน้ี ค่าเฉลี่ย สูตรค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmeticmean ) เป็นค่ากลางทางสถิติค่าหนึ่งเพื่อใช้แปลความหมายของ ข้อมูลต่างๆ หลักการการหาค่าเฉลี่ยง่ายๆ คือ เอาค่าท้ังหมดที่มีรวมกัน แล้วนามา หารด้วย จานวนของ ข้อมูล

ความเบีย่ งเบนมาตรฐาน สูตรความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation หรือ S.D.) เปน็ ค่าวัดการกระจายที่สาคญั ทาง สถิติ เพราะเป็นค่าทีใ่ ชบ้ อกถึงการกระจายของขอ้ มูลได้ดีกว่าค่าพิสยั และค่าส่วนเบีย่ งเบนเฉลี่ย โปรแกรมQuizizz Quizizz เป็นโปรแกรมที่มีแนวคิดหรือคอนเซ็ปต์ของสื่อนี้ที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย และตัวสื่อที่ถูกทา ออกมานน้ั ก็เป็นสื่อการเรียนรู้ทีด่ ี มีคณุ ภาพ สื่อชนิดน้ีนีเ้ ป็นสือ่ ที่มคี อนเซ็ปต์เป็นเกมแนวตอบคาถาม ซึ่งสือ่ ที่มคี อนเซ็ปต์แบบนีน้ ั้นมีมากมาย อาทิเช่น KaHoot! Quizalizeหรอื Quizletแต่ Quizizz กลบั มีความแตกต่าง จากสื่ออื่นๆเหล่านี้ Quizizz เป็นสื่อที่มีข้อดีและคุณประโยชน์มากมาย เช่น ใช้ในการสอบวัดระดับความูร้ ของนกั เรียน เพราะนกั เรียนจะรู้สกึ ตื่นเต้นตื่นตาตนื่ ใจกับการทาขอ้ สอบแบบใหม่แบบไทยแลนด์ยคุ 4.0

บทที่ 3 วธิ ีการดาเนนิ งาน ข้ันตอนการทาวิจัย 1. ศกึ ษาวิธีการในการพฒั นาความสามารถในการเรียนรู้ เทคนิคในการเชอ่ื มโยงความรู้ต่างๆ 2. ศกึ ษาและออกแบบแบบทดสอบในโปรแกรม Quizizz 3. ออบแบบการวัดผลจากการใช้สอ่ื กิจกรรม 4. ออกแบบประเมินการใช้สอ่ื โปรแกรม Quizizz 5. จดั กิจกรรมการเรียนการสอนและดาเนินการวดั ผล โดยใช้โปรแกรม Quizizz 6. ทาการประเมินผลการใชโ้ ปรแกรม Quizizz โดยใช้แบทดสอบ เครือ่ งมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั 1. สื่อโปรแกรมเกมส์วัดผล Quizizz 2. แบบประเมินผลการใชโ้ ปรแกรม Quizizz การสรา้ งและการตรวจสอบเครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการวิจยั ใช้หลักกการในการออกแบบแบบประเมินความพึงพอใจจากการใชโ้ ปรแกรม Quizizz การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ช่วงเวลาในการเก็บข้อมูล คือ เดือนธันวาคมม 2562 รวมระยะเวลา 1 เดือน ครูผสู้ อนเปน็ ผู้เกบ็ ข้อมูลการดาเนินการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในหอ้ งเรียน โดยใช้แบบประเมินการใช้สื่อ โดยใหน้ กั เรียนเป็นให้ ข้อมูลในแบบประเมิน

แบบประเมินการใช้สื่อ โปรแกรม Quizizz นอ้ ยมาก ระดับคณุ ภาพ 1 ลาดับ รายการ มากท่ีสดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย 54 32 1 ความสนกุ สนานในการใช้สอ่ื 2 ทบทวนความรู้ในขณะใช้ส่อื 3 มีแรงกระตุ้นใหท้ บทวนบทเรียน 4 ทาให้จดจาเนอื้ หาได้ดี 5 เขา้ ใจได้งา่ ย การใช้งานไม่ซบั ซอ้ น รวมคะแนนแต่ละชอ่ ง รวมคะแนนทงั้ หมด คา่ เฉลีย่ เทา่ กบั เกณฑ์การประเมิน ระดับ ควรปรับปรุง คะแนน 0 – 1 ระดับ พอใช้ คะแนน 1 – 2 ระดบั ดี คะแนน 2 – 3 ระดับ ดีมาก คะแนน 3 – 4 ระดับ ดีเยี่ยม คะแนน 4 – 5

บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ เม่ือทาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เร่ือง พอลิเมอร์ โดยใช้กระบวนการสอนแบบสืบเสาะความรู้ ได้ ใช้สื่อเกมส์การวัดผลจากโปรแกรม Quizizz เป็นจานวนสองคร้ังคือแบบทดสอบก่อนเรียนและแบบทดสอบ หลังเรียนเพื่อสังเกตผลจากการใช้สื่อในขณะทาการเรียนการสอน พบว่าผู้เรียนสามารถตอบคาถามใน ระหว่างเรียนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากโปรแกรม Quizizz ผู้เรียนจะได้รับทราบข้อผิดพลาดของตนจากคา เฉลยในแบบทดสอบ สง่ ผลใหผ้ เู้ รียนตั้งใจเรียนเพือ่ าแบบทดสอบในคร้ังต่อไป ภาพแสดงการใช้โปรแกรม Quizizz ในการวัดผลระหว่างเรียน เม่ือทาการจัดกิจกรรมการรียนเสร็จเรียบร้อย ได้ทาการประเมินผลจากการใช้สื่อจากการคิดค่าเฉลี่ยของ แบบประเมินการใช้สื่อ โดยสุ่มจากในรัดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวนห้องละ 10 คน ผลจากทาแบบ ประเมินพบว่าการใชส้ ื่อโปรแกรม Quizizz มีคา่ เฉลี่ยของคะแนน ค่าเท่ากบั 3.84 จดั อยู่ในนระดบั ดีมาก

เม่ือนาผลคะแนนจากการทาแบบทดสอบออนไลน์ โดยใช้โปรแกรม Quizizz มีการทดสอบก่อนเรียนและ หลังเรยี นเพือ่ ทาการเปรรียบเทียบผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ผลเปน็ ดงั นี้ ค่าเฉลี่ยคะแนนการทาแบบทดสอบ คะแนนกอ่ น เรียน คะแนนหลัง เรียน 0 2 4 6 8 10 12 14 แผนภูมิแสดงค่าเฉลี่ยของคะแนนการทาแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน พบว่าผลคะแนนเฉลี่ยก่อนจัดการศกึ ษาคิดเป็น 6.96 คะแนน และมคี ะแนนเฉลย่ี หลังการจัดการศึกษาคดิ เป็น 11.82 คะแนน โดยผลคะแนนมคี ่าสงู ขน้ึ ถึง 4.86 คะแนน สอดคลอ้ งกับแบบประเมินการใช้สอ่ื

บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ จากการศกึ ษาการใช้สือ่ โปรแกรม Quizizz ในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในช้ันเรยี น โดยมุ่งเน้นให้ เกิดความกระตือรอื ร้นในการเรียน มีวตั ถุประสงค์ของการวิจยั ดังน้ี 1. เพื่อแก้ไขปญั หาการขาดความกระตือรอื ร้นของนักเรียน 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการวัดผลในระหว่างเรียน สรปุ ผล 1. จากการประเมินการใชส้ ื่อได้ผลคะแนนเฉลี่ยเท่ากบั 3.84 จัดอยู่ในนระดับดีมาก 2. จากการจัดกิจกรรมตามแผนการเรียนรู้ ผลคะแนนก่อนเรียนมีคา่ เฉลี่ยเท่ากับ 6.96 ผล คะแนนหลงั เรยี นเฉลีย่ 11.81 ซึ่งหลังจากการใชส้ ือ่ ผลคะแนนมีคา่ เฉลี่ยมากขึ้น 4.85 อภิปรายผล จากการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สื่อการเรียนรู้โปรแกรม Quizizz ซึ่งเป็นการ จัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก สถาณการณ์ ประสบการณ์จริง อันก่อให้เกิดความดึงดูดความสนใจของผู้เรียน (อนุสรา,2555) เนื่องจากการนักเรียนมีความสุขกับการเรียนรู้ ได้รับความสนุกสนาน สามารถทา แบบทดสอบหลังเรยี นได้สงู ขึน้ ถึง 4.85 คะแนนโดยเฉลีย่ แสดงถึงประสิทธิภาพของสื่อโปรแกรม Quizizz ในการวัดผลระหว่างเรียนซึ่งได้ค่าเฉลี่ยคะแนนเท่ากับ3.84 จัดอยู่ในนระดับดีมาก การเป็นการเรียนรู้ แบบเชงิ รกุ ทาให้ผเู้ รียนมีความต่ืนเต้นและความสนุกสนาน ส่งผลใหเ้ กิดการเรยี นรู้ได้ง่ายและมีความคงทน และยืนยาว จากการอภิปรายข้างต้น การจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุกโดยใช้โปรแกรม Quizizz สามารถสร้างการ เรียนรู้ที่สนุกสนานและสร้างความน่าสนใจรายวิชาวิทยาศาสตร์เข้า กระตุ้นการจดจาในการเรียน เป็น นวัตกรรมการสอนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 สามารถสร้างองค์ความรใู้ ห้เกิดแก่ตัว ผเู้ รียนได้

บรรณานุกรม อนสุ รา,2555 “การพัฒนาชดุ กิจกรรมการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประภมศึกษาปีที่ 2” รายงานการวิจัยโรงเรยี นสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมติ ร สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี .2546 “การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้” www.gotoknow.org/ posts/211413 สืบค้นเมื่อวันที่ 20 ธนั วาคม 2561 บทเรียนออนไลน์ “ค่าเฉลี่ยเรขาคณติ ” www.stvc.ac.th/elearning/stat/csu2.html สืบค้นเมอ่ื วนั ที่ 3 กรกฏาคม 2562 สถิตเิ บอื้ งต้น “คา่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน” https://www.coraline.co.th/single-post/Basic-Statistic-1 สืบค้น เมือ่ วนั ที่ 12 กรกฏาคม 2562 Bingo Calls “ History of Bingo ” www.bingocalls.org/history-of-bingo/?fbclid=IwAR1prkDX KNxRwqxLmY7lbAP_5FJtVUCMPfO- 0TKqebbt6wcFire2wdUNmRk สืบคน้ เมื่อวนั ที่ 9 สิงหาคม 2562

ภาคผนวก

ประวัติผู้วจิ ัย ชื่อ นาย บุรศิ ร์ สกุล กองมะลิ ตาแหน่ง พนักงานราชการ วิทยฐานะ - อายุการทางาน 2 ปี - เดือน อาเภอ แม่แจม่ ระยะเวลาดารงตาแหน่งปัจจุบัน 2 ปี 5 เดือน วุฒกิ ารศึกษา ปริญญาตรี สาขาวิชาเอก ชีวเคมีและชีวเคมีเทคโนโลยี สถานทท่ี างาน โรงเรยี น ราชประชานุเคราะห์ 31 สงั กัด สานกั บริหารงานการศกึ ษาพิเศษ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ท่อี ยทู่ ส่ี ามารถติดตอ่ ได้ เลขที่ 99 หมู่ 10 ถนน - ตาบล ช่างเคิง่ จงั หวัด เชยี งคา โทรศัพท์มือถอื 094 7329469


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook