Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ม. 1 เทอม 1 หน่วยที่ 3 การเจริญเติบโตของพืช 1

แผนการจัดการเรียนรู้ ม. 1 เทอม 1 หน่วยที่ 3 การเจริญเติบโตของพืช 1

Published by buritkongmali, 2020-04-29 03:05:21

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ ม. 1 เทอม 1 หน่วยที่ 3 การเจริญเติบโตของพืช 1

Search

Read the Text Version

การทาบกิง่ (Approach Grafting) การทาบกงิ่ คือ การนาพืชสองต้นมาทาการต่อเชื่อมใหเ้ ปน็ ตน้ เดียวกนั โดยมีเซลล์เนื้อเยื่อเปน็ ตัวเชื่อมติดกนั การทาบกงิ่ ประกอบส่วนที่เปน็ ต้นตอ (Stock) ทาหน้าที่เปน็ ระบบรากของต้นพืชใหม่ และ ส่วนของกิง่ พนั ธ์ุดี (Scion) อย่เู หนือรอยต่อ ทาหน้าที่เป็นส่วนยอดหรือกิ่งก้านลาต้นของพืชต้นใหม่ 1. เลือกตน้ ตอขนาดใกลเ้ คียงกับกิ่งพนั ธ์ดุ ี เฉือนกิ่งต้นตอให้เปน็ ปากฉลามยาวประมาณ 2 น้ิว แล้วเฉือนปลายเปน็ รปู ลิม่ 2. เลือกกิ่งพนั ธ์ดุ ีให้ขนาดใกล้เคียงกบั ต้นตอ เฉือนกิ่งพันธ์ดุ ีให้เข้าในเน้ือไม้เฉยี งขึ้นไปยาว ประมาณ 2 น้วิ ตดั ส่วนปลายของเปลือกไม้ทีเ่ ฉือนไว้เหลือประมาณ ½ น้วิ 3. นาตน้ ตอประกบเข้ากับกงิ่ พนั ธ์ดุ ี จดั ใหแ้ นวเนื้อเยื่อเจริญสัมผสั กันมากทีส่ ุด แล้วพนั ด้วยเทป พลาสติกให้แน่น 4. เมือ่ รอยแผลต่อเชื่อมกนั สนิทดีแล้วใหต้ ัดที่โคนกิง่ พนั ธุ์ดีใต้รอยต่อ และนาไปปกั ชาต่อไป การเพาะเลี้ยงเนื้อเยือ่ เปน็ ความเจรญิ ก้าวหน้าในด้านการเกษตรเกี่ยวกบั พืช ที่มกี ารพัฒนา เทคนิคในการขยายพันธแุ์ บบใหม่ ทีท่ าใหไ้ ด้พืชต้นใหม่ จานวนมาก อย่างรวดเรว็ ในเวลาอนั จากัด โดยมี คุณภาพดีเหมือนเดิม ความหมายของการเพาะเลี้ยงเนือ้ เยื่อ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยือ่ หมายถงึ การนาเอาส่วนใดส่วนหนงึ่ ของพืช ไม่ว่าจะเปน็ อวยั วะเน้ือเยือ่ เซลล์ หรือเซลล์ไมม่ ผี นงั มาเลี้ยงในอาหารเล้ยี งในสภาพปลอดเชื้อจุลิทรีย์ และอย่ใู นสภาพควบคุมอณุ หภมู ิ แสงและความชื้นเพื่อให้เซลล์พืชที่นามาเพาะเลี้ยงน้นั ปราศจากเช้อื ที่มารบกวนและทาลายการ เจริญเติบโตของพืช พืชทีน่ ิยมนามาเพาะเลีย้ งเนื้อเยื่อ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื้อ นิยมใช้กับพืชที่มีปัญหาในเรื่องของการขยายพนั ธ์ุ หรอื พืชทีม่ ีปัญหาเรื่องโรค เช่น ขิง กล้วยไม้ หรือพืชเศรษฐกิจ เช่น กุหลาบ ดาวเรือง ข้าว แครอท คาร์เนชนั่ เยอรบ์ ีร่า เปน็ ต้น ข้นั ตอนการเพาะเลีย้ งเนือ้ เยื่อ การเพาะเลีย้ งเนื้อเยื่อมีวิธีการทา 5 ขนั้ ตอน ดงั นี้ 1. การเตรียมอาหาร คือ การเตรียมอาหาร คอื การนาธาตุอาหารหลกั ที่พืชต้องการในการ เจริญเติบโต และธาตอุ าหารรองมาผสมกบั ว้นุ ฮอร์โมนพืช วิตามินและน้าตาล ในอัตราส่วนที่เหมาะสม แล้วนาไปฆ่าเชื้อ ใส่ลงในขวดอาหารเล้ยี ง บางคร้งั อาจหยดสีลงไป เพือ่ ให้สวยงามและสังเกตได้ชัดเจน ธาตอุ าหารทีพ่ ืชต้องการ • ธาตอุ าหารหลกั ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โปรตัสเซียม แคลเซียม แมกนีเซีย่ มและกามะถนั • ธาตุอาหารรอง ได้แก่ ธาตุอาหารทีจ่ าเปน็ น้อย เช่น เหลก็ แมงกานีส สังกะสี ทองแดง 2. การฟอกฆ่าเช้อื ส่วนเน้ือเยือ่ คือ เปน็ วิธีการใช้สารเคมหี รือวิธีการตา่ ง ๆ ทีท่ าให้ชิน้ ส่วนของ พืชทีน่ ามาเลีย้ งในอาหารเลี้ยง ปราศจากเช้อื จลุ ินทรีย์ต่าง ๆ

3. การนาเน้อื เยือ่ ลงขวดเลี้ยง เปน็ การนาเอาชิ้นส่วนของพืชที่ฟอกฆ่าเชื้อแล้ว วางลงบน อาหารเลี้ยงที่ปลอดเชื้อ โดยใช้เครื่องมือและปฏบิ ตั ิการในห้องหรือตู้ย้ายเนื้อเยื่อโดยเฉพาะ 4. การนาขวดเลี้ยงเน้ือเยื่อไปเลี้ยง เป็นการนาเอาขวดอาหารเล้ยี งทีม่ ีช้นิ ส่วนของเนื้อเยือ่ ไป เลี้ยงไวบ้ นเครือ่ งเขย่า เพื่อให้อากาศได้คลุกเคล้าลงไปในอาหาร ทาให้แร่ธาตุ, ฮอร์โมนและสารอาหาร ต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นให้เนื้อเยื่อที่นามาเลยี้ งบนอาหารน้ัน เกิดต้นอ่อนของพืชจานวนมาก 5. การย้ายเนื้อเยื่อออกจากขวด เมือ่ กล่มุ ของต้นอ่อนเกิดขึ้น ให้แยกตน้ อ่อนออกจากกัน เพือ่ นาไปเลี้ยงบนอาหารเล้ยี งใหม่ จนต้นอ่อนแข็งแรงดีแล้ว จึงนาตน้ อ่อนที่สมบรู ณ์ออกจากขวด ปลกู ใน แปลงเล้ยี งต่อไป ประโยชน์ของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยือ่ 1. เพือ่ การผลิตต้นพนั ธ์พุ ืชปริมาณมากในเวลาอนั รวดเรว็ 2. เพื่อการผลิตพืชทปี่ ราศจากโรค 3. เพื่อการปรับปรงุ พนั ธ์พุ ืช 4. เพื่อการผลิตพืชพนั ธ์ตุ ้านทาน 5. เพื่อการผลิตพืชพนั ธ์ทุ นทาน 6. เพื่อการผลิตยาหรือสารเคมจี ากพืช 7. เพือ่ การเก็บรกั ษาพันธ์ุพืชมิให้สญู พนั ธ์ุ พืชใกล้สญู พนั ธ์ุ คือ ขนนุ ไพศาลทักษิณ ซึ่งมีเหลืออย่เู พียงตน้ เดยี วในพระราชวงั ไพศาลทกั ษิร ตามโครงการ พระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เพือ่ เก็บพนั ธ์ุ ไว้เผยแพรต่ ่อไปโดยมองให้ Central LAB ทีม่ หาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์บางเขน กองทพั บกและสวน จิตรลดา เป็นผ้รู ับผิดชอบโครงการร่วมกนั เป็นตน้

\"...การปลูกปา่ 3 อยา่ ง แต่ใหป้ ระโยชน์ 4 อยา่ ง ซึง่ ไดไ้ ม้ผล ไมส้ ร้างบา้ น และไม้ฟืนนน้ั สามารถใหป้ ระโยชน์ไดถ้ ึง 4 อย่าง คือ นอกจากประโยชน์ในตัวเองตามชือ่ แล้ว ยงั สามารถให้ ประโยชน์อันที่ 4 ซึ่งเป็นข้อสาคัญ คือ สามารถช่วยอนรุ กั ษด์ ินและต้นน้าลาธารด้วย...\" พระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรม นาถบพิตร เมือ่ วนั ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2523 ณ โรงแรมรนิ คา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ประโยชน์ของป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง พอกิน คือ การปลูกตน้ ไมท้ ีก่ ินได้ รวมท้งั ใช้เปน็ ยาสมุนไพร ไมใ้ นกล่มุ นี้ เช่น แค มะรมุ ทเุ รยี น สะตอ ผกั หวาน ฝาง แห้ม กล้วย ฟักข้าว ไม้ผลต่าง ๆ พอใช้ คือ การปลกู ตน้ ไม้ให้เปน็ ป่าไม้ สาหรับทาเครือ่ งใช้สอยในครวั เรือน อาทิ ทาฟืน เผาถ่าน ทางาน หัตถกรรม หรือทาน้ายาซักล้าง ไม้ในกล่มุ นี้ เช่น มะคาดีควาย หวาย ไผ่ หมีเหมน็ พออยู่ คือ การปลูกตน้ ไมท้ ีใ่ ช้เนื้อไม้และไม้เชิงเศรษฐกิจให้เปน็ ป่า ไม้กล่มุ น้เี ป็นไม้อายยุ ืนเพือ่ ใช้สร้าง บ้าน ทาเครือ่ งเรือน ต้นไมก้ ล่มุ นี้ เชน่ ตะเคียนทอง ยางนา สัก พะยูง พยอม พอร่มเยน็ คือ ประโยชน์อย่างที่ 4 ทีเ่ กดิ จากการปลกู ป่า 3 อย่าง จะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศดินและน้า ให้กลบั มาอดุ มสมบูรณ์ ร่มรืน่ และฉ่าเยน็ ขึ้นมา การปลูกปา่ 5 ระดบั แบบกสิกรรมธรรมชาติ ประกอบด้วยต้นไมห้ ลากหลายชนิดพันธ์ุ โดยเราสามารถจัดแบ่งตามระดับช่วงความสูงและระบบนิเวศ ได้ 5 ระดบั ดังนี้ 1. ไม้สงู เป็นกล่มุ ไมเ้ รือนยอดสูงสดุ และอายยุ ืน ไม้ในระดับน้ี เช่น ตะเคียน ยางนา เต็ง รัง 2. ไม้กลาง เปน็ กล่มุ ต้นไม้ที่ไม่สูงนกั ไมใ้ นระดบั นี้ ได้แก่ บรรดาไม้ผลทีเ่ กบ็ กินได้ เช่น มะม่วง ขนนุ มงั คดุ กระท้อน ไผ่ สะตอ 3. ไม้เตี้ย เป็นกล่มุ ต้นไม้พนั ธ์พุ ่มุ เต้ีย ไม้ในระดบั นี้ เช่น พริก มะเขือ กะเพรา ติ้ว ผกั หวานบ้าน เห ลียง 4. ไม้เลื้อยเรีย่ ดิน ไม้ในระดบั น้เี ปน็ ตระกูลไม้ล้มลุกทีท่ อดยอดเลื้อยได้ เช่น พรกิ ไทย รางจืด ฟกั ทอง แตงกวา 5. ไม้หวั ใต้ดิน ไม้หวั อยู่ใต้ดิน ไม้ในระดบั นี้ คือ มนั เผือก กลอย กวาวเครือ ขิง ข่า

๕. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ข้อที่ ๑ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ข้อที่ ๒ ซือ่ สตั ย์สจุ ริต ข้อที่ ๓ มีวินยั ข้อที่ ๔ ใฝร่ ู้ใฝ่เรียน ข้อที่ ๕ อย่อู ย่างพอเพียง ข้อที่ ๖ มุ่งมัน่ ในการทางาน ข้อที่ ๗ รักความเปน็ ไทย ข้อที่ ๘ มีจิตสาธารณะ ๖. การอา่ น คิดวิเคราะห์ และการเขียน การพัฒนาและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ได้กาหนดขอบเขตการประเมินและตวั ชี้วดั ที่แสดงความสามารถในการ อ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของผ้เู รียน ดั้งน้ี การอ่านจากสื่อสิง่ พิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ข้อมูลสารสนเทศ ข้อคิด ความรู้เกี่ยวกับ สงั คมและสิ่งแวดล้อมทีเ่ ออื้ ให้ผ้อู ่านนาไปคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ สรปุ แนวคิดคณุ ค่าทีไ่ ด้ นาไปประยุกต์ใช้ ด้วยวิจารณญาณ และถ่ายทอดเปน็ ข้อเขียนเชิงสร้างสรรค์หรอื รายงานด้วยภาษาทถี่ กู ต้องเหมาะสม เช่น อ่านหนงั สือพิมพ์ วารสาร หนังสือเรียน บทความ สนุ ทรพจน์ คาแนะนา คาเตือน แผนภมู ิ ตาราง แผนที่ ตัวบ่งช้ที างพฤติกรรมการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน 1.สามารถคดั สรรสื่อทตี่ ้องการอ่านเพื่อหาข้อมลู สารสนเทศได้ตาวตั ถปุ ระสงค์ สามารถสร้างความเข้าใจและประยุกต์ใช้ความร้จู ากการอ่าน 2. สามารถจบั ประเดน็ สาคญั และประเดน็ สนบั สนุน โต้แย้ง 3. สามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์ ความสมเหตสุ มผล ความน่าเชือ่ ถือ ลาดับความและ ความเปน็ ไปได้ของเรือ่ งที่อ่าน 4. สามารถสรปุ คณุ ค่า แนวคิด แง่คิดทไี่ ด้จากการอ่าน 5. สามารถสรปุ อภิปราย ขยายความแสดงความคิดเห็น โต้แย้ง สนับสนุน โน้มน้าวโดย การเขียนสื่อสารในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ ผังความคิด เปน็ ต้น

๗. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน กาหนดสมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียนตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ หลังจากผู้เรียนผ่านการเรียนและนาความร้ไู ปใช้ในการดารงชีวติ ในส่สู ังคม ตามหลักการประเมิน สมรรถนะผ้เู รียน ๕ ด้าน ได้แก่ ๑) ความสามารถในการสือ่ สาร ๒) ความสามารถในการคิด ๓) ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ๕) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๘. การบูรณาการ ๘.๑ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ศาสตรก์ ารจดั การและการอนรุ ักษ์ดิน น้า ป่า ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิ พลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ทรงศกึ ษา คิดค้น และวิจัย แล้วพระราชทานให้กบั ปวงชนชาว ไทย เพือ่ ใชใ้ นการจัดการล่มุ น้า ต้ังแตต่ น้ น้า กลางน้า ส่ปู ลายน้า จากภูผาส่มู หานที เมือ่ นาองค์ความรู้ น้มี าปฏบิ ัติตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงและทฤษฎีใหม่ จะนาไปส่กู ารพึ่งพาตนเองและการ พัฒนาอย่างยงั่ ยืน \"...การปลูกปา่ 3 อย่าง แตใ่ ห้ประโยชน์ 4 อย่าง ซึง่ ได้ไม้ผล ไม้สรา้ งบ้าน และไม้ฟืนน้นั สามารถให้ประโยชน์ได้ถึง 4 อย่าง คือ นอกจากประโยชน์ในตวั เองตามชื่อแล้ว ยังสามารถให้ประโยชน์ อันที่ 4 ซึ่งเป็นข้อสาคญั คือ สามารถช่วยอนรุ ักษ์ดินและต้นน้าลาธารด้วย...\" พระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ๘.๒ การบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ในโครงการอนรุ กั ษ์พันธกุ รรมพืชอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีวตั ถปุ ระสงค์ให้เยาวชนได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพืช พรรณไม้ ได้เรียนรถู้ ึงพืชทอ้ งถิ่นของตน ช่วยกันดแู ลไม่ให้สญู พนั ธ์ุ ซึ่งจะก่อให้เกิดจิตสานึกในการที่ จะอนุรกั ษ์สืบไป การดาเนนิ งานประกอบด้วย 5 องคป์ ระกอบ และ 4 สาระการเรียนร้แู ละฐาน ทรพั ยากรท้องถิน่ บูรณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน องค์ประกอบที่ 2 การรวบรวมพรรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรียน ลาดบั การเรยี นที่ 8 การปลกู และดูแลรักษา ลาดบั การเรียนร้ทู ี่ 9 การศึกษาของพืชพรรณทปี่ ลกู ออกแบบบนั ทึกการเปลี่ยนแปลง

๙. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) ๑. ครูทบทวนความร้เู รือ่ งองค์ประกอบและประเภทของพืช ๒. ใช้คาถามในฐานะทีน่ กั เรียนมาจากครอบครวั ทีป่ ระกอบอาชีพเกษตรกร นกั เรียนคิดว่านกั เรียนมี ความร้เู กีย่ วกบั การขยายพรรรพืชอย่างไร ๓. ให้นักเรียนเขียนลงในกระดาษชิ้นเล็กแล้วนาส่งครู ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) ๑. ครูมอบค่มู ือการขยายพรรรไม้พืชในแบบต่างๆในนกั เรียนศึกษา ๒. ให้นกั เรียนวิเคราะห์และจดั แนกวิธีการการขยายพรรณพืชแบบต่างๆ ๓. ให้นักเรียนแต่ละกล่มุ เลือกวิธีการหนึ่งวิธีแล้วนาเสนอให้เพือ่ ฟัง ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation) 1. ครูอธิบายวิธีการขยายพรรณพืชแต่ละวิธีการ ทาบกิง่ ต่อกงิ่ เพาะเมลด็ แยกหน่อ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื้อ และวิธีการการปลกู ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง 2. เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียของวิธีการแต่ละแบบ 3. ยกตวั อย่างตามสถาณการณจ์ ริงในชีวิต ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ๑. ครูให้นักเรียนออกแบบวิธีการบันทึกการเจริยเติบโตของพืช และจุดสงั เกตสาคญั ในการดูแล รกั ษาต้นไม้ ๒. ให้นักเรียนตกแต่งให้สวยงาม ๓. อธิบายการทากิจกรรม โดยให้นักเรียนขยายพรรณไม้โดยวิธีการปกั ชาและดูแลจนเจริญเติบโต ขนั้ ประเมิน (Evaluation) ๑. นกั เรียนนาเสนอต้นไม้ที่ตนเองเป็นคนเพาะและดแู ล ๒. ครูให้นักเรียนเขียนความรู้ที่ได้รบั ๑๐. สื่ออปุ กรณ์และแหลง่ เรียนรู้ ๑๐.๑ สื่อ อปุ กรณ์ ๑. ค่มู ือการขยายพรรรไม้พืช 2. แบบสงั เกต การทากิจกรรม ๑๐.๒ แหล่งเรียนรู้ ๑. สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

๑๑. การวัดและการประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ วิธีการ - แบบตรวจช้ินงาน ผู้เรียนฝึกทักษะการขยายพรรไม้ จานวน รอ้ ยละ ๑. ตรวจสอบต้นไม้ทีน่ ักเรียนดูแล ๘๐ ๒. สังเกตกระบวนการในการทากจิ กรรม - แบบสังเกต ผู้เรียนมีกระบวนการสังเกตและรวบรวมข้อมูล รอ้ ยละ ๘๐ 3. การเขียนองคค์ วามรู้ที่ฉันได้รบั - แบบตรวจกิจกรรม ผู้เรยี นสามารถเขียนองคค์ วามรู้ท่ฉี ันได้รับ รอ้ ยละ ๑๐๐ ๑๒. กิจกรรมเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ลงชือ่ ................................................................. (นายบุริศร์ กองมะลิ) ผ้เู ขียนแผนการจดั การเรยี นรู้ ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ในการใชแ้ ผนการเรียนรู้ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (นางกมลชนก เทพบุ) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ กลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการในการใชแ้ ผนการเรียนรู้ ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (นางสาวรัตติกาล ยศสขุ ) หวั หน้ากล่มุ บรหิ ารงานวิชาการ ข้อเสนอแนะของผูอ้ านวยการโรงเรียนในการใช้แผนการเรียนรู้ ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผ้อู านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31

๑๓. บันทึกผลการจัดการเรียนรู้ ปัญหา / อปุ สรรค ข้อเสนอแนะ / แนว หมายเหตุ ห้อง ผลการจดั การเรียนรู้ ทางแกไ้ ข ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/๔ ลงชือ่ ................................................................. (นายบุริศร์ กองมะลิ) ผ้สู อน