1 โครงสร้างรายวิชา รายวชิ า เคมี ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ จัดทาโดย นายบุริศร์ กองมะลิ ตาแหน่ง พนักงานราชการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่ ตาบลชา่ งเค่ิง อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชยี งใหม่ สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ สานักงานการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โดย นายบุรศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
2 คาอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ า เคมี 5 รหสั วชิ า ว 33202 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 เวลา 60 ช่ัวโมง จานวน 1.5 หน่วยกิต คาอธบิ ายรายวชิ า สืบค้นข้อมูลและนำเสนอตัวอย่ำงสำรประกอบอินทรีย์ที่มีพันธะเด่ียว พันธะคู่ หรือพันธะสำมท่ีพบใน ชีวิตประจำวัน เขียนสูตรโครงสร้ำงลิวอิส สูตรโครงสร้ำงแบบย่อและสูตรโครงสรำ้ งแบบเสน้ ของสำรประกอบ อนิ ทรีย์ วิเครำะหโ์ ครงสรำ้ งและระบุประเภทของสำรประกอบอินทรีย์จำกหมู่ฟังก์ชัน เขยี นสูตรโครงสร้ำงและ เรียกช่ือสำรประกอบอินทรีย์ประเภทต่ำงๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ ตำมระบบ IUPAC เขียนไอโซเมอร์ โครงสร้ำงของสำรประกอบอินทรีย์ประเภทต่ำงๆ วิเครำะห์และเปรยี บเทียบจุดเดือดและกำรละลำยในนำของ สำรประกอบอนิ ทรียท์ ีม่ หี มู่ฟังกช์ นั ขนำดโมเลกุลหรอื โครงสร้ำงตำ่ งกนั ระบุประเภทของสำรประกอบ ไฮโดรคำรบ์ อนและเขียนผลิตภัณฑ์จำกปฏิกิริยำกำรเผำไหม้ ปฏิกิรยิ ำกับโบรมีน หรอื ปฏิกิรยิ ำกับโพแทสเซียม เปอร์แมงกำเนตเขียนสมกำรเคมีและอธิบำยกำรเกิดปฏิกิริยำเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยำกำรสังเครำะห์เอไมด์ ปฏิกิริยำกำรไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยำสะปอนนิฟิเคชัน ทดสอบปฏิกิริยำเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยำไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยำสะปอนนิฟิเคชัน สืบค้นข้อมูล และนำเสนอตัวอย่ำงกำรนำสำรประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ ในชวี ติ ประจำวนั และอุตสำหกรรม โดยใชก้ ำรสืบเสำะหำควำมรู้ กำรสำรวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์และทักษะกำร เรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 กำรสืบค้นข้อมูลและกำรอภิปรำย เพ่ือให้เกิดควำมรู้ ควำมคิด ควำมเข้ำใจ สำมำรถ สื่อสำรส่ิงท่ีเรียนรู้ มีควำมสำมำรถในกำรตัดสินใจ กำรแก้ปัญหำ กำรนำควำมรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิต วทิ ยำศำสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่ำนยิ มทเี่ หมำะสม โดย นายบรุ ศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่
3 ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง วิทยาศาสตร์ * รหัสวชิ า ว 33202 ชื่อรายวชิ า เคมี 5 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 มำตรฐำน ว ๒. เข้ำใจกำรเขียนและกำรดุลสมกำรเคมี ปริมำณสัมพันธ์ในปฏิกิรยิ ำเคมี อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ เคมี สมดลุ ในปฏกิ ริ ยิ ำเคมี สมบัตแิ ละปฏิกิรยิ ำของกรด–เบส ปฏกิ ิรยิ ำ รีดอกซแ์ ละเซลล์เคมไี ฟฟ้ำ รวมทงั กำร นำควำมร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ๒๘. ระบุองค์ประกอบของเซลล์เคมีไฟฟ้ำ และ เซลล์เคมีไฟฟ้ำประกอบด้วยแอโนด แคโทด และสำรละลำยอิเล็กโทรไลต์ เขียนสมกำรเคมีของปฏิกิริยำที่แอโนดและ ซ่ึงอำจเชื่อมต่อกันด้วยสะพำนเกลือ โดยท่ีแอโนดเกิดปฏิกิริยำออกซิเดชัน แคโทด ปฏกิ ริ ยิ ำรวม และแผนภำพเซลล์ และแคโทดเกิดปฏิกิริยำรีดักชัน ทำให้อิเล็กตรอนเคล่ือนท่ีจำกแอโนดไป แคโทด เซลลเ์ คมีไฟฟำ้ สำมำรถเขยี นแสดงได้ด้วยแผนภำพเซลล์ ๒๙. คำนวณคำ่ ศกั ย์ไฟฟ้ำมำตรฐำนของเซลล์และ ค่ำศักย์ไฟฟ้ำมำตรฐำนของเซลล์คำนวณได้จำกค่ำศักย์ไฟฟ้ำมำตรฐำนของ ระบุประเภทของเซลล์เคมีไฟฟ้ำ ขัวไฟฟ้ำ และ คร่ึงเซลล์ ถ้ำค่ำศักย์ไฟฟ้ำของเซลล์เป็นบวก แสดงว่ำปฏิกิริยำรีดอกซ์ ปฏกิ ิรยิ ำเคมีท่เี กิดขึน เกิดขึนได้เอง ซ่ึงทำให้เกิดกระแสไฟฟ้ำ เรียกเซลล์ชนิดนีว่ำ เซลล์กัลวำนิก แตถ่ ำ้ ค่ำศกั ยไ์ ฟฟำ้ ของเซลล์เป็นลบ แสดงวำ่ ปฏิกิริยำรดี อกซ์ไมส่ ำมำรถเกิด ได้เอง ต้องมีกำรให้กระแสไฟฟ้ำจึงจะเกิดปฏิกิริยำได้ เซลล์ชนิดนีเรียกว่ำ เซลลอ์ เิ ล็กโทรลติ กิ ๓๐. อธิบำยหลักกำรทำงำน และเขียนสมกำร เซลล์เคมีไฟฟำ้ สำมำรถนำไปใชป้ ระโยชน์ได้ แสดงปฏิกิรยิ ำของเซลลป์ ฐมภูมิและเซลลท์ ตุ ยิ ภมู ิ ในชีวิตประจำวัน เช่น แบตเตอรี่ ซ่ึงมีทังเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทุติยภูมิ โดยปฏิกิริยำเคมีท่ีเกิดขึนภำยในเซลล์ปฐมภมู ิไม่สำมำรถทำให้เกิดปฏิกริ ยิ ำ ย้อนกลับได้โดยกำรประจุไฟ จึงไม่สำมำรถนำกลบั มำใชไ้ ด้อีก ปฏิกิริยำเคมี ท่ีเกิดขึนภำยในเซลลท์ ุตยิ ภูมสิ ำมำรถทำใหเ้ กิดปฏิกิรยิ ำย้อนกลับไดโ้ ดยกำร ประจุไฟ จงึ นำกลบั มำใช้ไดอ้ กี ๓๑. ทดลองชุบโลหะและแยกสำรเคมีด้วย เซลล์อเิ ลก็ โทรลติ ิกสำมำรถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทงั ในชีวิตประจำวัน และใน กระแสไฟฟ้ำ และอธบิ ำยหลักกำรทำงเคมีไฟฟ้ำท่ี อุตสำหกรรมหลำยประเภท เช่น กำรชุบโลหะ กำรแยกสำรเคมีด้วย ใช้ในกำรชุบโ ลหะ กำรแยกสำรเคมีด้วย กระแสไฟฟ้ำ กำรทำโลหะใหบ้ ริสทุ ธิกำรป้องกนั กำรกดั กรอ่ นของโลหะ กระแสไฟฟ้ำ กำรทำโลหะให้บริสุทธิ์ และกำร ป้องกนั กำรกัดกร่อนของโลหะ ๓๒. สืบค้นข้อมูล และนำเสนอตัว อย่ ำ ง ปฏิกิริยำเคมีหลำยปฏิกิริยำที่พบในชวี ิตประจำวนั เป็นปฏิกิริยำรดี อกซ์ เช่น ควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกับเซลล์ ปฏิกิริยำกำรเผำไหม้ ปฏิกิริยำในเซลล์เคมีไฟฟ้ำ ซ่ึงควำมรู้เร่ืองเซลล์ เคมไี ฟฟ้ำในชีวติ ประจำวนั เคมีไฟฟ้ำและควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีท่ีเก่ียวข้องกับเซลล์เคมีไฟฟ้ำ นำไปสนู่ วัตกรรม ด้ำนพลังงำนทเี่ ป็นมิตรตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม โดย นายบรุ ศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
4 รหัสวิชา ว 33202 ช่อื รายวิชา เคมี 5 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 มำตรฐำน ว ๑. เขำ้ ใจโครงสร้ำงอะตอม กำรจัดเรยี งธำตใุ นตำรำงธำตุ สมบัติของธำตุ พันธะเคมแี ละสมบตั ิของ สำร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบตั ขิ อง สำรประกอบอนิ ทรียแ์ ละพอลเิ มอร์ รวมทังกำรนำควำมรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ๑. สืบค้นข้อมูลและนำเสนอตัวอย่ำง สำรประกอบอินทรีย์เป็นสำรประกอบของคำร์บอนส่วนใหญ่พบใน สำรประกอบอินทรีย์ท่ีมีพันธะเดี่ยว พันธะ ส่ิงมีชีวิต มีโครงสร้ำงหลำกหลำยและแบ่งได้หลำยประเภท เนื่องจำกธำตุ คู่ หรือพนั ธะสำม ทพี่ บในชีวติ ประจำวัน คำร์บอนสำมำรถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธำตุคำร์บอนด้วยพันธะเด่ียว พันธะคู่ พนั ธะสำม นอกจำกนยี ังสำมำรถเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์กบั ธำตุอน่ื ๆ ได้อีกด้วย และมีกำรนำสำรประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์อย่ำง หลำกหลำย ๒. เขียนสูตรโ ครงสร้ ำงลิวอิส สูตร โครงสร้ำงของสำรประกอบอินทรยี ์แสดงได้ดว้ ย สูตรโครงสร้ำงลิวอิส สูตร โครงสร้ำงแบบย่อ และสูตรโครงสร้ำงแบบ โครงสรำ้ งแบบยอ่ หรือสูตรโครงสรำ้ งแบบเส้น เสน้ ของสำรประกอบอินทรยี ์ ๓. วิเครำะห์โครงสร้ำง และระบุประเภท สำรประกอบอินทรีย์มีหลำยประเภท กำรพิจำรณำประเภทของ ของสำรประกอบอนิ ทรยี จ์ ำกหมฟู่ ังกช์ นั สำรประกอบอินทรีย์อำจใช้หมู่ฟังก์ชันเป็นเกณฑ์ได้เป็นแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ อะโรมำติกไฮโดรคำร์บอน แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คโี ตน กรดคำรบ์ อกซิลกิ เอสเทอร์ เอไมด์ ๔. เขียนสูตรโครงสร้ำงและเรียกชื่อ กำรเรียกช่ือสำรประกอบอินทรีย์ประเภทแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ สำรประกอบอินทรีย์ประเภทต่ำง ๆ ท่ีมีหมู่ แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคำร์บอกซิลิก เอสเทอร์ ฟงั ก์ชันไมเ่ กนิ ๑ หมู่ ตำมระบบ IUPAC และเอไมด์ จะเรียกตำมระบบ IUPAC หรืออำจเรียกโดยใชช้ อื่ สำมญั ๕ . เ ขี ย น ไ อ โ ซ เ ม อ ร์ โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ข อ ง ปรำกฏกำรณ์ท่ีสำรมสี ตู รโมเลกุลเหมอื นกันแต่มสี มบัตแิ ตกตำ่ งกัน เรียกวำ่ สำรประกอบอินทรยี ป์ ระเภทต่ำง ๆ ไอโซเมอริซึม และเรียกสำรแต่ละชนิดว่ำ ไอโซเมอร์ ไอโซเมอร์ที่มีสูตร โมเลกลุ เหมือนกนั แตม่ สี ตู รโครงสรำ้ งตำ่ งกนั เรียกว่ำ ไอโซเมอร์โครงสรำ้ ง ๖. วเิ ครำะห์ และเปรียบเทียบจุดเดือดและ สำรประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนำดโมเลกุล หรือโครงสร้ำงของสำร กำรละลำยในนำของสำรประกอบอินทรีย์ที่ ต่ำงกันจะมีจุดเดือดและ กำรละลำยในนำต่ำงกัน สำหรับกำรละลำยของ มีหมู่ฟังก์ชัน ขนำดโมเลกุล หรือโครงสร้ำง สำรพิจำรณำได้จำกควำมมีขัวของตัวละลำยและ ตัวทำละลำย โดยสำร ตำ่ งกัน สำมำรถละลำยได้ในตัวทำละลำยท่มี ขี วั ใกล้เคยี งกนั โดย นายบุริศร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
5 รหสั วชิ า ว 33202 ชอื่ รายวชิ า เคมี 5 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 มำตรฐำน ว ๑. เข้ำใจโครงสรำ้ งอะตอม กำรจดั เรียงธำตุในตำรำงธำตุ สมบตั ขิ องธำตุ พันธะเคมแี ละสมบัติของ สำร แก๊สและสมบัตขิ องแก๊ส ประเภทและสมบตั ขิ อง สำรประกอบอนิ ทรยี แ์ ละพอลิเมอร์ รวมทังกำรนำควำมรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ๗. ระบุประเภ ทของสำรปร ะ ก อ บ สำรประกอบอินทรีย์ประเภทแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ อะโร ไฮโดรคำร์บอนและเขียนผลิตภัณฑ์จำก มำติกไฮโดรคำร์บอน เป็นสำรประกอบไฮโดรคำร์บอน ซ่ึงเม่ือ ปฏิกิริยำกำรเผำไหม้ ปฏิกิริยำกับโบรมีน เกิดปฏิกิริยำกำรเผำไหม้ ปฏิกิริยำกับโบรมีนและปฏิกิริยำกับ หรือปฏิกิริยำกับโพแทสเซียมเปอร์แมงกำ โพแทสเซียมเปอร์แมงกำเนต จะให้ผลของปฏิกิริยำต่ำงกัน จึง เนต สำมำรถใชเ้ ป็นเกณฑ์ ในกำรจำแนกประเภทของสำรประกอบไฮโดรคำรบ์ อนได้ ๘. เขียนสมกำรเคมีและอธิบำยกำร กรดคำร์บอกซิลิกทำปฏิกิริยำกับแอลกอฮอล์ได้เป็นเอสเทอร์ เกิดปฏิกิริยำเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยำ เรียกว่ำ ปฏิกิริยำเอสเทอริฟิเคชัน กรดคำร์บอกซิลิกทำปฏิกิริยำ กำรสังเครำะห์เอไมด์ปฏิกิริยำไฮโดรลิซิส กบั เอมีนเกิดเป็น และปฏิกิริยำสะปอนนฟิ เิ คชัน เอไมด์ เอสเทอร์และเอไมด์สำมำรถเกิดปฏิกิริยำไฮโดรลิซิส ๙. ทดสอบปฏิกิริยำเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยำไฮโดรลิซิสของเอสเทอร์ในเบสแอลคำไล เรียกว่ำ ปฏิกิริยำไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยำสะปอน ปฏกิ ริ ิยำสะปอนนิฟิเคชัน นฟิ เิ คชนั ๑๐. สืบค้นข้อมูล และนำเสนอตัวอย่ำง สำรประกอบอินทรีย์สำมำรถนำไปใช้ประโยชน์ ได้มำกมำยใน ก ำ ร น ำ ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ อิ น ท รี ย์ ไ ป ใ ช้ ชีวิตประจำวัน รวมทังนำไปใช้เป็น สำรตังต้นและตัวทำละลำยใน ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จ ำ วั น แ ล ะ อุตสำหกรรม อุตสำหกรรม ด้ำนต่ำง ๆ เช่น อุตสำหกรรมเชือเพลิงและพลังงำน อุตสำหกรรม อำหำรและยำ อตุ สำหกรรมเกษตรไปใช้ประโยชน์ โดย นายบุรศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่
6 ผงั มโนทัศน์ รายวิชา เคมี 5 รหสั วิชา ว 33202 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 ช่อื หนว่ ยท่ี 1 เซลลไ์ ฟฟ้าเคมแี ละการใช้ประโยชน์ จานวน 18 ชัว่ โมง : 30 คะแนน รายวชิ าเคมี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 จานวน 60 ชั่วโมง ชือ่ หนว่ ยที่ 2 ประเภทสารอนิ ทรยี ์ ช่อื หนว่ ยที่ 3 ปฏกิ ริ ิยาของสารอินทรีย์ จานวน 24 ช่ัวโมง : 35 คะแนน จานวน 18 ช่วั โมง : 35 คะแนน โดย นายบรุ ศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
7 ผงั มโนทศั น์ 1 รายวิชา เคมี 5 รหัสวชิ า ว33202 ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรื่อง เซลล์ไฟฟ้าเคมแี ละการใช้ประโยชน์ จานวน 18 ช่วั โมง : 30 คะแนน ช่ือหนว่ ยที่ 1 เซลลไ์ ฟฟ้าเคมี จานวน 6 ชัว่ โมง : 10 คะแนน รายวิชาเคมี ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 จานวน 18 ช่ัวโมง ช่อื หน่วยท่ี 2 คานวณความต่างศักดิ์เซลล์ไฟฟ้า ชอ่ื หน่วยท่ี 3 ประโยชน์ของเซลลไ์ ฟฟา้ จานวน 9 ชว่ั โมง : 15 คะแนน จานวน 3 ชว่ั โมง : 5 คะแนน โดย นายบุรศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่
8 ผังมโนทศั น์ 2 รายวชิ า เคมี 5 รหสั วิชา ว33202 ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง ประเภทของสารอินทรยี ์ จานวน 24 ช่วั โมง : 35 คะแนน ช่ือหน่วยที่ 1 พนื้ ฐานการเขยี นสูตรและหมู่ฟงั กช์ นั จานวน 6 ชวั่ โมง : 10 คะแนน รายวชิ าเคมี ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 จานวน 24 ช่ัวโมง ช่ือหน่วยที่ 2 ประเภทสารตามหมฟู่ ังกช์ นั ช่อื หนว่ ยท่ี 3 การอ่านชอ่ื สารอินทรยี ์ จานวน 12 ช่ัวโมง : 25 คะแนน จานวน 6 ช่วั โมง : 10 คะแนน โดย นายบุรศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
9 ผังมโนทศั น์ 3 รายวิชา เคมี 5 รหัสวชิ า ว33202 ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง ปฏกิ ิริยาของสารอินทรยี ์ จานวน 18 ช่ัวโมง : 35 คะแนน ชือ่ หนว่ ยท่ี 1 ปฏกิ ริ ิยาการเตมิ แทนที่ เผาไหม้ จานวน 6 ชัว่ โมง : 10 คะแนน รายวชิ าเคมี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 จานวน 18 ช่ัวโมง ช่ือหนว่ ยท่ี 2 ปฏิกริ ยิ ำเอสเทอริฟิเคชนั ปฏิกิริยำ ช่ือหน่วยที่ 3 สารชีวโมเลกลุ และ ประโยชนใ์ นอตุ สาหกรรม ไฮโดรลซิ ิส และปฏิกิริยำสะปอนนฟิ ิเคชัน จานวน 6 ชั่วโมง : 10 คะแนน จานวน 6 ชว่ั โมง : 25 คะแนน โดย นายบุริศร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่
10 โครงสรา้ งรายวชิ า วิทยาศาสตร์ ม.6 ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐา คะแนน ลาดับ ชือ่ หนว่ ย นการ สาระสาคญั เวลา รวม K P A ที่ การเรยี นรู้ เรยี นร/ู้ (ชม.) ตัวช้ีวดั 1. เซลล์ไฟฟ้า ว 2 องค์ประกอบของเซลล์เคมีไฟฟ้า และ 18 30 15 10 5 เคมีและการ เขียนสมการเคมีของปฏิกิริยาที่แอโนด ใช้ประโยชน์ และแคโทด ปฏิกิริยารวม และแผนภาพ เซลล์ การคานวณค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐาน ของเซลล์และระบุประเภทของเซลล์ เคมีไฟฟ้า ขั้วไฟฟ้า และปฏิกิริยาเคมีที่ เกดิ ขนึ้ หลักการทางาน และเขยี นสมการ แสดงปฏิกิริยาของเซลล์ปฐมภูมิและ เซลล์ทุติยภูมิ การชุบโลหะและแยก สารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า และอธิบาย หลักการทางเคมีไฟฟ้าที่ใช้ในการชุบ โลหะ การแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า การทาโลหะให้บริสุทธ์ิ และการป้องกัน ก า ร กั ด ก ร่ อ น ข อ ง โ ล ห ะ ตั ว อ ย่ า ง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เก่ียวข้อง กบั เซลลเ์ คมไี ฟฟ้าในชีวิตประจาวนั 2. ประเภทของ ว.1 ตัวอย่างสารประกอบอินทรีย์ที่มีพันธะ 24 35 15 15 5 สารอินทรยี ์ เด่ียว พันธะคู่ หรือพันธะสาม ที่พบใน ชีวิตประจาวัน การเขียนสูตรโครงสร้าง ลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสูตร โครงสร้างแบบเส้นของสารประกอบ อินทรีย์ โครงสร้าง และระบุประเภทของ สารประกอบอินทรีย์จากหมู่ฟังก์ชัน สูตร โครงสร้างและเรียกช่ือสารประกอบ อินทรีย์ประเภทต่าง ๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่ โดย นายบรุ ิศร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
11 มาตรฐา คะแนน ลาดับ ช่อื หนว่ ย นการ สาระสาคัญ เวลา รวม K P A ที่ การเรยี นรู้ เรยี นร/ู้ (ชม.) ตัวชว้ี ัด เกิน ๑ หมู่ ตามระบบ IUPAC ไอโซเมอร์ โ ค ร ง ส ร้ า ง ข อ ง ส า ร ป ร ะ ก อ บ อิ น ท รี ย์ ประเภทต่าง ๆ จุดเดือดและการละลาย ในน้าของสารประกอบอินทรีย์ท่ีมีหมู่ ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้าง ต่างกนั 3. ปฏกิ ริ ยิ า ประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน 18 35 15 15 5 ของ ว.1 และเขียนผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาการเผา สารอินทรีย์ ไหม้ ปฏิกิริยากับโบรมีน หรือปฏิกิริยา กับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต สมการ เคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอ ริฟิเคชัน ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซิส และปฏกิ ริ ยิ าสะปอน นิฟเิ คชัน การทดสอบปฏกิ ริ ิยาเอสเทอริฟิ เคชัน ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยา สะปอนนิฟิ เ คชัน ตัว อย่างก า ร น า สารประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ใน ชีวติ ประจาวนั และอตุ สาหกรรม รวมท้ังหมด 60 100 45 40 15 โดย นายบุริศร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่
12 คาอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ า เคมี 6 รหสั วชิ า ว 33205 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา 60 ชั่วโมง จานวน 1.5 หน่วยกติ ระบุประเภทของปฏิกริ ิยำกำรเกดิ พอลเิ มอร์จำกโครงสร้ำงของมอนอเมอร์หรือพอลิเมอร์ วเิ ครำะห์ และอธบิ ำยควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงโครงสรำ้ งและสมบัติของพอลเิ มอร์ รวมทังกำรนำไปใช้ประโยชน์ ทดสอบ และระบุประเภทของพลำสติกและผลิตภณั ฑย์ ำง รวมทงั กำรนำไปใช้ประโยชน์ อธบิ ำยผลของกำรปรบั เปลี่ยน โครงสรำ้ งและกำรสงั เครำะห์พอลเิ มอร์ที่มีต่อสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ สบื ค้นข้อมูลและนำเสนอตวั อย่ำงผลกระทบ จำกกำรใชแ้ ละกำรกำจดั ผลติ ภัณฑ์พอลิเมอรแ์ ละแนวทำงแก้ไข กำหนดปญั หำและนำเสนอแนวทำงแก้ปัญหำ โดยใชค้ วำมรู้ทำงเคมจี ำกสถำนกำรณท์ เ่ี กดิ ขนึ ในชวี ิตประจำวนั กำรประกอบอำชีพหรอื อุตสำหกรรม แสดง หลักฐำนถึงกำรบูรณำกำรควำมร้ทู ำงเคมีร่วมกับสำขำวชิ ำอ่ืน รวมทังทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์หรือ กระบวนกำรออกแบบเชงิ วิศวกรรม โดยเน้นกำรคดิ วเิ ครำะห์ กำรแก้ปัญหำและควำมคดิ สร้ำงสรรค์ เพื่อ แกป้ ญั หำในสถำนกำรณห์ รือประเด็นทีส่ นใจ นำเสนอผลงำนหรือชินงำนที่ไดจ้ ำกกำรแก้ปัญหำในสถำนกำรณ์ หรือประเดน็ ท่ีสนใจโดยใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ แสดงหลกั ฐำนกำรเขำ้ รว่ มกำรสมั นำ กำรเข้ำร่วมประชมุ วชิ ำกำร หรอื กำรแสดงผลงำนสง่ิ ประดษิ ฐ์ในงำนนิทรรศกำร โดยใชก้ ำรสบื เสำะหำควำมรู้ กำรสำรวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตรแ์ ละทกั ษะกำร เรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 กำรสืบค้นข้อมูลและกำรอภิปรำย เพ่ือให้เกิดควำมรู้ ควำมคิด ควำมเข้ำใจ สำมำรถ ส่ือสำรส่ิงท่ีเรียนรู้ มีควำมสำมำรถในกำรตัดสินใจ กำรแก้ปัญหำ กำรนำควำมรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิต วทิ ยำศำสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคำ่ นิยมท่เี หมำะสม โดย นายบรุ ิศร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
13 รหัสวชิ า ว 33205 ชือ่ รายวชิ า เคมี 6 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2 มำตรฐำน ว ๑. เขำ้ ใจโครงสร้ำงอะตอม กำรจดั เรียงธำตใุ นตำรำงธำตุ สมบตั ิของธำตุ พันธะเคมีและสมบัติของ สำร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบตั ขิ อง สำรประกอบอินทรยี แ์ ละพอลิเมอร์ รวมทังกำรนำควำมรู้ ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ๑๑. ระบปุ ระเภทของปฏิกริ ยิ ำกำรเกิดพอ พอลิเมอร์เป็นสำรที่มีโมเลกุลขนำดใหญ่ซึ่งประกอบด้วยหน่วยย่อยท่ี ลิเมอร์จำกโครงสร้ำงของมอนอเมอร์หรือ เรียกว่ำ มอนอเมอร์ เช่ือมต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์ โดยมีทังพอลิเม พอลิเมอร์ อรธ์ รรมชำติและพอลิเมอร์สงั เครำะห์ ปฏกิ ิริยำกำรเกิดพอลิเมอร์ อำจเป็น ปฏิกิริยำแบบควบแน่นหรือปฏิกิริยำแบบเติม ขึนอยู่กับหมู่ฟังก์ชันและ โครงสรำ้ งของมอนอเมอร์ ๑๒. วิเครำะห์ และอธิบำยควำมสัมพันธ์ พอลิเมอร์มีโครงสร้ำงต่ำงกันอำจเป็นโครงสร้ำง แบบเส้น แบบก่ิง หรือ ระหว่ำงโครงสร้ำงและสมบัติของพอลิ แบบร่ำงแห ขึนอยู่กับชนิดของมอนอเมอร์และภำวะของปฏิกิริยำกำรเกิด เมอร์ รวมทัง กำรนำไปใชป้ ระโยชน์ พอลิเมอร์ ซึ่งโครงสร้ำงของพอลิเมอร์ส่งผลต่อจุดหลอมเหลว ควำม หนำแน่น ควำมเปรำะ ควำมเหนียว ควำมยืดหยุ่น จึงสำมำรถนำไป ประยุกตใ์ ช้ได้อยำ่ งหลำกหลำย ๑๓. ทดสอบ และระบุประเภทของ พอลิเมอร์ท่ีให้ควำมร้อนแล้วสำมำรถนำกลบั มำ ขึนรูปใหม่ได้ เรียกว่ำ พอ พลำสติกและผลิตภัณฑ์ยำง รวมทังกำร ลิเมอร์เทอรม์ อพลำสติก สว่ นใหญ่มโี ครงสรำ้ งแบบเสน้ และแบบกิ่งส่วนพอ นำไปใชป้ ระโยชน์ ลิเมอร์ที่ให้ควำมร้อนแล้วไม่อ่อนตัวจึงไม่สำมำรถนำกลับมำขึนรูปใหม่ได้ เรยี กวำ่ พอลเิ มอร์เทอร์มอเซต มโี ครงสร้ำงแบบรำ่ งแห พลำสติกมีทังที่เป็น พอลิเมอร์เทอร์มอพลำสติกและพอลิเมอร์เทอร์มอเซต ผลิตภัณฑ์ยำงเป็น พอลิเมอรเ์ ทอร์มอเซต ซึง่ ทำใหม้ ีสมบตั แิ ละกำรนำไปใช้ประโยชน์ต่ำงกัน ๑๔. อธิบำยผลของกำรปรับเปล่ียน กำรปรับเปลี่ยนโครงสร้ำงหรือกำรสังเครำะห์ พอลิเมอร์ เช่น วัลคำไนเซ โครงสร้ำง และกำรสังเครำะห์พอลิเมอร์ท่ี ชัน กำรสังเครำะห์ โคพอลิเมอร์ กำรสังเครำะห์พอลิเมอร์นำไฟฟ้ำ เป็น มีต่อสมบตั ขิ องพอลิเมอร์ กำรปรับปรุงคุณภำพของพอลิเมอร์ เพ่ือให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สำมำรถนำไปใช้ ประโยชนไ์ ดอ้ ย่ำงเหมำะสมและหลำกหลำยมำกขนึ โดย นายบุริศร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่
14 รหสั วชิ า ว 33205 ชือ่ รายวชิ า เคมี 6 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 มำตรฐำน ว ๓. เข้ำใจหลักกำรทำปฏิบัติกำรเคมี กำรวัดปริมำณสำร หน่วยวัดและกำรเปลี่ยนหน่วยกำร คำนวณปริมำณของสำร ควำมเข้มข้นของสำรละลำย รวมทังกำรบูรณำกำรควำมรู้และทักษะในกำรอธิบำย ปรำกฏกำรณ์ในชีวิตประจำวันและกำรแก้ปญั หำทำงเคมี ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ๑. กำหนดปัญหำ และนำเสนอแนว สถำนกำรณ์บำงสถำนกำรณ์ในชีวิตประจำวัน กำรประกอบอำชีพ หรือ ทำงกำรแก้ปัญหำโดยใช้ควำมรู้ทำงเคมี อุตสำหกรรม สำมำรถนำควำมรูท้ ำงเคมีไปใช้ประโยชน์หรือแกป้ ัญหำได้ จำกสถำนกำรณ์ที่เกิดขึนในชีวิตประจำวัน กำรประกอบอำชพี หรอื อุตสำหกรรม ๒. แสดงหลักฐำนถึงกำรบูรณำกำรควำมรู้ กำรศึกษำและกำรแกป้ ัญหำในสถำนกำรณ์ หรือประเด็นที่สนใจทำได้โดย ทำงเคมีร่วมกับสำขำวิชำอน่ื รวมทังทกั ษะ กำรบูรณำกำรควำมรู้ ทำงเคมีร่วมกับวิทยำศำสตร์แขนงอ่ืน รวมทัง กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์หรือ คณิตศำสตร์ เทคโนโลยี และทักษะกระบวนกำร ทำงวิทยำศำสตร์หรือ กระบวนกำรออกแบบเชิงวิศวกรรม โดย กระบวนกำรออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยเน้นกำรคิดวิเครำะห์ แก้ปัญหำ เน้นกำรคิดวิเครำะห์ กำรแก้ปัญหำและ และควำมคดิ สร้ำงสรรค์ ควำมคิดสร้ำงสรรค์ เพ่ือแก้ปัญหำใน สถำนกำรณ์หรือประเด็นทส่ี นใจ ๓. นำเสนอผลงำนหรือชินงำนที่ได้จำก กำรนำเสนองำนหรือแสดงผลงำน เป็นกำรเปิดโอกำสให้ผู้มีส่วนร่วมได้ กำรแก้ปัญหำในสถำนกำรณ์หรือประเด็น แลกเปลี่ยนแนวคิดผลงำน รวมทังเพ่ิมโอกำสในกำรพัฒนำงำนโดยใช้ ท่สี นใจโดยใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ เทคโนโลยีสำรสนเทศเป็นเครื่องมือประกอบกำรนำเสนอ ซง่ึ จะทำให้กำร สอื่ สำรมปี ระสิทธิภำพมำกขึน ๔. แสดงหลักฐำนกำรเข้ำร่วมกำรสัมมนำ กำรสัมมนำ กำรประชุมวิชำกำร หรอื กำรร่วมแสดงผลงำน ส่งิ ประดษิ ฐใ์ น กำรเขำ้ ร่วมประชุมวชิ ำกำร หรือกำรแสดง งำนนิทรรศกำร เป็นกำรเปิดโอกำสให้ผู้มีส่วนร่วมได้แลกเปล่ียนควำมคดิ ผลงำน แสดงทัศนคติต่อกรณีศึกษำ สถำนกำรณ์ หรือประเด็นสำคัญทำงเคมี ซึ่ง ส่ิงประดิษฐ์ในงำนนทิ รรศกำร ช่วยส่งเสริมให้พัฒนำกระบวนกำรคิด ทักษะกำรสื่อสำร ทักษะกำรใช้ เทคโนโลยี เพ่ือกำรค้นคว้ำและกำรส่ือสำร ซึ่งสำมำรถทำได้หลำยระดับ โดยอำจเป็นระดับชนั เรยี น โรงเรียน กลมุ่ โรงเรียน ชมุ ชน ระดบั ชำติ หรอื นำนำชำติ * สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษำธิกำร, ตัวช้ีวัดและสาระการ เรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551. (กรุงเทพมหำนคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์กำรเกษตรแห่งประเทศไทย, 2560) โดย นายบุริศร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
15 ผงั มโนทัศน์ รายวชิ า เคมี 6 รหสั วิชา ว 33205 ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 ช่อื หน่วยท่ี 1 พอลเิ มอร์การใชป้ ระโยชน์ จานวน 18 ช่ัวโมง : 30 คะแนน รายวิชาเคมี 6 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6 จานวน 60 ช่ัวโมง ชื่อหน่วยที่ 2 ความรทู้ างเคมีเพ่ือ นวัตกรรมและผลงานวชิ าการ จานวน 42 ชั่วโมง : 70 คะแนน โดย นายบรุ ศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
16 ผงั มโนทศั น์ 1 รายวิชา เคมี 6 รหัสวิชา ว33205 ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่ือง พอลิเมอรก์ ารใช้ประโยชน์ จานวน 18 ชั่วโมง : 30 คะแนน ช่ือหนว่ ยที่ 1 ความหมายและประเภทของพอลิเมอร์ จานวน 6 ชัว่ โมง : 10 คะแนน รายวิชาเคมี 6 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 จานวน 18 ช่ัวโมง ชื่อหน่วยท่ี 2 การใชป้ ระโยชนข์ องพอลเิ มอร์ ชื่อหน่วยที่ 3 ปญั หาของพอลิเมอรต์ ่อสงิ่ แวดลอ้ ม จานวน 6 ชวั่ โมง : 15 คะแนน จานวน 6 ชัว่ โมง : 5 คะแนน โดย นายบรุ ศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่
17 ผังมโนทัศน์ 2 รายวชิ า เคมี 6 รหสั วิชา ว33205 ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เร่ือง ความรทู้ างเคมเี พือ่ นวตั กรรมและผลงานวิชาการ จานวน 42 ชัว่ โมง : 70 คะแนน ชอื่ หน่วยท่ี 1 การสมั มนาเชงิ วิชาการ ชื่อหน่วยที่ 2 การออกแบบนวัตกรรมเชิงวิศวกรรม จานวน 6 ชัว่ โมง : 10 คะแนน จานวน 12 ชวั่ โมง : 15 คะแนน รายวชิ าเคมี 6 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 จานวน 42 ชั่วโมง ชื่อหนว่ ยที่ 3 การสรา้ งนวัตกรรมในโรงเรยี น ชื่อหนว่ ยท่ี 4 การนาเสนองานอย่างมีคุณภาพ จานวน 15 ช่ัวโมง : 35 คะแนน จานวน 9 ชั่วโมง : 10 คะแนน โดย นายบุริศร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่
18 โครงสรา้ งรายวิชา วิทยาศาสตร์ ม.6 ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐา คะแนน ลาดับ ช่ือหน่วย นการ สาระสาคัญ เวลา รวม K P A ท่ี การเรียนรู้ เรยี นรู้/ (ชม.) 5 ตัวช้ีวดั 1. พอลเิ มอร์ ว 1 ประเภทของปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์จาก 18 30 20 5 การใช้ โ ค ร ง ส ร้ า ง ข อ ง ม อ น อ เ ม อ ร์ ห รื อ พ อ ลิ เ ม อ ร์ ประโยชน์ วิเคราะห์ และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ รวมท้ัง การนาไปใช้ประโยชน์ ประเภทของพลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง รวมท้ังการนาไปใช้ ประโยชน์ ผลของกำรปรับเปล่ียนโครงสร้ำง และกำรสังเครำะห์พอลิเมอร์ที่มีต่อสมบัติของ พอลิเมอร์ 2. ความรู้ทาง ว.3 การกาหนดปญั หา และนาเสนอแนวทางการแกป้ ญั หา 42 70 20 30 20 โดยใช้ความรู้ทางเคมีจากสถานการณ์ที่เกิดข้ึนใน เคมีเพ่ือ ชีวติ ประจาวัน การประกอบอาชีพ หรืออุตสาหกรรม นวตั กรรม แสดงหลักฐานถึงการบูรณาการความรู้ทางเคมีร่วมกบั และผลงาน สา ข า วิชาอ่ืน รว มทั้งทัก ษ ะกระ บวนการทาง วิทยาศาสตร์หรือกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม วชิ าการ โดยเน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาและความคิด สร้างสรรค์ เพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์หรือประเดน็ ท่ี สนใจ นาเสนอผลงานหรือชิ้นงานที่ได้จากการ แก้ปัญหาในสถานการณ์หรือประเด็นที่สนใจโดยใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ แสดงหลักฐานการเข้าร่วมการ สัมมนา การเข้าร่วมประชุมวิชาการ หรือการแสดง ผลงานสิ่งประดษิ ฐใ์ นงานนิทรรศการ รวมท้ังหมด 60 100 40 35 25 โดย นายบุริศร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่
19 โดย นายบรุ ศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่
20 โดย นายบรุ ศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
21 โดย นายบรุ ศิ ร์ กองมะลิ ตาแหนง่ พนักงานราชการ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: