Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สมุนไพรทางการเกษตร

สมุนไพรทางการเกษตร

Published by madeaw370, 2019-07-31 00:17:56

Description: สมุนไพรทางการเกษตร

Search

Read the Text Version

คํานํา ปจ จบุ นั กระแสความนยิ มบริโภคอาหารทป่ี ลอดจากสารเคมีและสารพษิ กาํ ลงั ไดร บั ความนยิ มท้ังในประเทศไทยและตางประเทศ การสงออกผลผลติ ทางการเกษตรตองไดร ับผลกระทบ จากการกดี กนั ทางการคา ของประเทศผนู าํ เขา โดยเฉพาะในเรอื่ งมาตรการสขุ อนามยั และสขุ อนามยั พชื ทห่ี ลาย ๆ ประเทศนาํ มาใชเ ปน มาตรการในการจํากดั การนาํ เขา สนิ คา จากประเทศไทย แมแ ตผ บู รโิ ภค ภายในประเทศไทยกว็ ิตกกงั วลเก่ยี วกับสารพิษตกคางในผลผลติ ทางการเกษตรเชน เดียวกนั เพอื่ แกไข ปญหาดงั กลาวเกษตรกร จงึ จําเปนตองหาวิธกี ารอื่นๆ ทจ่ี ะนาํ มาใชทดแทนการใชสารเคมี เพ่อื ใหได ผลผลิตที่ปลอดภยั จากสารพษิ ตกคา งตางๆ การใชสมนุ ไพรเปน ทางเลอื กหนงึ่ ท่สี ามารถนํามาทดแทนการใชส ารเคมไี ด ไมวา จะ เปนดานการปลูกพืช เลี้ยงสัตว หรือประมง คูมือสมุนไพรเพ่ือการเกษตรเลมนี้ ไดจัดทาํ ข้ึนโดยมี วัตถุประสงคเพื่อเผยแพรความรูดานการปลูกและใชสมุนไพรทางการเกษตร เชน สมุนไพรปองกัน กําจัดศัตรูพืชและสมุนไพรสาํ หรับการเล้ียงสัตว เปนตน ซึ่งไดรวบรวมขอมูลจากทั้งงานวิจัย และภูมิปญญาชาวบานท่ีไดคัดสรรแลววาใชไดผล จึงหวังเปนอยางยิ่งวาจะเปนประโยชนตอ เกษตรกรผสู นใจ นาํ ไปปฏิบตั แิ ละนําไปประยกุ ตใ ช ใหเ กดิ ประโยชนสูงสดุ ตอ ท้งั ตัวเกษตรกรเองและ ตอประเทศชาติ ศุภวรรณ เคี่ยนเมธี นกั วชิ าการเกษตร 7 กลุม สง เสริมการผลิตสมนุ ไพร กลุมส่อื สงเสริมการเกษตร สํานักพฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สารบญั ฟา ทะลายโจร 1-5 6-9 หางไหล หนอนตายหยาก 10 - 11 12 - 14 ขมิน้ ชนั ตะไครห อม 15 - 16 17 - 18 บอระเพด็ 19 – 24 25 - 33 กลุมสื่อสงเสริมการเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพื่อการเกษตร ช่อื อนื่ ฟา ทะลายโจร นาํ้ ลายพงั พอน หญา กันงู ลกั ษณะพชื เปนพืชลมลกุ ลาํ ตน มกั เปน สเี่ หลี่ยม มใี บเดย่ี วออกตรงขาม แผนใบเปน รูปไขห รือรี โคนใบแหลม ปลายใบแหลมมาก ขอบใบหยักต้ืนหรือเรียบ ใบใกลปลายยอดมักจะมีขนาดเล็กลง ผิวดานบนสีเขมกวาดานใตใบ ชอดอกออกที่ยอดหรือท่ีงามใบใกลยอด ดอกมีสีขาวแกมมวง มีขน ผลหรอื ฝกเปนรปู ขอบขนานคอนขา งแบน ปลายและโคนแหลม เมอ่ื ผลแกจ ะแตกเปน สองซกี มีเมลด็ 8 - 14 เมลด็ ขนาดเลก็ สนี าํ้ ตาลแดง รปู คลา ยสเี่ หลย่ี ม มผี วิ ขรขุ ระ ลักษณะดอกฟาทะลายโจร กลมุ สือ่ สงเสรมิ การเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมุนไพรเพื่อการเกษตร 2 สภาพแวดลอมท่ีเหมาะสม เพาะปลูกไดดีในเขตรอนหรือรอนชื้น สามารถปลูกไดทุกฤดูกาลและขึ้นไดดีในดิน ทกุ ชนดิ ทง้ั ในท่ีโลงแจง หรือมแี สงราํ ไร แตจ ะเจริญเตบิ โตไดด ใี นดินรว นซยุ ทม่ี ีการระบายนาํ้ ดีและมี การใหน าํ้ เพยี งพอ การขยายพันธุ โดยใชเ มล็ด ควรคัดเลือกเมลด็ จากฝกทแ่ี กจ ัด เมล็ดมสี ีนํา้ ตาลแดง เมล็ดสมบูรณ ปราศจากโรคและแมลงทาํ ลาย เมลด็ พันธุ 1 ชอนโตะ (6.5 - 7 กรัม ) จะมีเมล็ดประมาณ 7,000 เมล็ด โดยทว่ั ไปเมลด็ พนั ธทุ ด่ี คี วรมคี วามงอกไมต ํ่ากวา รอ ยละ 85 เมลด็ ฟา ทะลายโจรเปลอื กหมุ หนาและแขง็ และมสี ภาพภายในเมลด็ บางประการทที่ าํ ใหเ มลด็ มกี ารพกั ตวั จงึ ควรกระตนุ ความงอกหรอื แกก ารพกั ตวั กอนเพาะเมลด็ หรอื กอนปลกู ดงั นี้ • เมลด็ ฟาทะลายโจรที่เก็บใหมหรอื มอี ายกุ ารเก็บรกั ษานานนอ ยกวา 2เดอื น ควรแกการพกั ตวั โดยแชเ มลด็ ในนํา้ นาน 24 ช่ัวโมง หรือแชในนํา้ รอน นาน 5 - 7นาที แลว นาํ ขน้ึ มาผ่งึ ไวใหเย็นท่ีอุณหภมู หิ อง • เมล็ดฟาทะลายโจรทม่ี ีอายกุ ารเก็บรกั ษานานประมาณ1ป ควรแกก ารพกั ตวั โดยเกบ็ ทอี่ ณุ หภมู ิ 10 องศาเซลเซยี ส นาน 1 เดอื น หรอื อบทอ่ี ณุ หภมู ิ 45 องศาเซลเซยี ส นาน 48 ชวั่ โมง กลุมสือ่ สงเสริมการเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพ่อื การเกษตร 3 การเตรยี มดิน ถา พน้ื ทป่ี ลกู มวี ชั พชื ไมม ากและดนิ รว นซยุ ดี อาจไถพรวนเพยี ง 1 ครงั้ แตถ า พนื้ ทปี่ ลกู มวี ชั พชื มาก และหนา ดนิ แขง็ ควรไถพรวน 2 ครง้ั คอื ไถดะ เพอื่ กาํ จดั วชั พชื และเปด หนา ดนิ ใหด นิ รว นซยุ แลว ตากดนิ ไวป ระมาณ 1 - 2 สปั ดาห เพอื่ ทาํ ลายไขแ มลงและเชอ้ื โรคในดนิ และไถแปรเพอ่ื กลบั หนา ดนิ ทําใหด นิ รว นซยุ และละเอยี ดมากยงิ่ ขน้ึ พรอม กบั เกบ็ ตอไมแ ละเศษไม และวชั พชื ออกจากแปลงปลกู ใหห มด การเตรียมแปลงปลกู ถาปลูกในฤดฝู นและพนื้ ทเ่ี ปน ท่ีลมุ ควรขดุ ยกรองแปลง เพอื่ ปองกนั นา้ํ ทวมขงั เปน เวลานาน ซ่ึงจะทําใหพืชตายได การขดุ ยกรอ งแปลง ควรขุดยกแปลงสงู ประมาณ 15- 20 เซนตเิ มตร ความกวา งแปลงประมาณ 1-2 เมตร สว นความยาวของแปลงข้ึนอยกู บั ความเหมาะสมและขนาดของ พนื้ ทป่ี ลกู และตอ งเวน ชอ งวา งระหวา งแปลงประมาณ 1 เมตร เพอ่ื ใชเ ปน ทางเดนิ สาํ หรบั การดแู ลรกั ษา วิธกี ารปลูก ปลกู แบบโรยเมล็ดเปน แถว โดยขุดรองตน้ื ๆเปนแถวยาวแลวโรยเมล็ด และเกลยี่ ดนิ กลบบาง ๆ ควรมีระยะปลูกระหวางแถวประมาณ 40 เซนติเมตร โดยท่ัวไปจะใชเมล็ดประมาณ 50 - 100 เมลด็ ตอ ความยาว 1 เมตร การปลกู ดว ยวธิ นี จี้ ะสะดวกในการกาํ จดั วชั พชื สามารถนําเครอ่ื งมอื ทางการเกษตร เชน จอบ เสยี ม มาใชพรวนดนิ และดายหญาได กลมุ สือ่ สงเสรมิ การเกษตร สํานักพัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมุนไพรเพ่ือการเกษตร 4 การดแู ลรกั ษา 1. หลงั จากปลูกแลว ประมาณ 7 - 15 วนั ถาพบตน กลาท่ีปลูกตายหรอื เมล็ดไมง อก ควรปลกู ซอมทนั ที 2. หลังจากปลูกแลวประมาณ 30 - 45 วัน ถาพบวาตนกลาข้ึนหนาแนนเกินไป ควรทาํ การถอนแยกไปปลกู ในแปลงอนื่ เพอ่ื ใหตน กลา ทีข่ ้นึ สมบรู ณเ ต็มที่ ไมแ ยง อาหารกนั 3. ถา พื้นที่ปลกู เปนทโ่ี ลงแจง ลมพัดแรง แดดจัด ฝนตกชกุ ควรคลมุ แปลงปลูกดวย ฟางขา วหรอื ใบหญาแหง โดยคลมุ บาง ๆ เพือ่ ชว ยพรางแสง ลดการชะลา งของนํา้ และชวยรกั ษา ความชน้ื ในดนิ 4. ใหน าํ้ ทนั ทหี ลงั ปลกู พชื และในระยะ 1-2 เดอื นแรกหลงั ปลกู ควรใหน ํ้าวนั ละ 1 - 2 ครง้ั หลงั จาก 2 เดอื นไปแลว อาจใหน ้าํ วนั เวนวนั หรือตามความเหมาะสมของสภาพพน้ื ทแ่ี ละสภาพอากาศ 5. ควรใสป ยุ เมอ่ื ดินขาดความอดุ มสมบรู ณ โดยแบงเปน ระยะ ๆ ดงั น้ี • ใสป ยุ อนิ ทรยี ร องพน้ื ทแี่ ปลงประมาณ ½ - 1 กโิ ลกรมั ตอ พน้ื ท่ี 1 ตารางเมตร • หลังปลูกอายปุ ระมาณ 2 เดือน ใสปยุ เคมีสตู ร 16 -20 -0 หรือ 15-15-15 ประมาณ 100 กรมั ตอพนื้ ท่ี 1 ตารางเมตร • หลงั ปลกู อายปุ ระมาณ 3 เดอื น ถงึ 3 เดอื นคร่ึง ใสปยุ เคมีสตู ร 15 -15 -15 หรอื 30-20-10 ประมาณ 150 - 200 กรมั ตอ พืน้ ที่ 1 ตารางเมตร 6. การกําจัดวชั พชื โดยการถอนหรอื ใชเ ครอ่ื งมือชว ย แลวแตส ภาพการปลูก และควร ทาํ การพรวนดินเขา โคนตน ไปพรอม ๆ กนั 7. การกาํ จัดโรคและแมลง ถาพบโรคและแมลง เชนโรคโคนเนาและรากเนา โรคแอนแทรคโนส มด และไร เปน ตน ใหด ําเนนิ การปองกนั กําจัดโดยการเก็บทาํ ลาย หรือใชส ารเคมี ตามคําแนะนาํ ของกรมวิชาการเกษตร กลุม ส่ือสงเสริมการเกษตร สํานักพัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมุนไพรเพื่อการเกษตร 5 การเกบ็ เก่ียวและการเก็บรกั ษา 1. เก็บเก่ยี วสว นเหนือดิน ในชวงทพี่ ืชเจรญิ เติบโตเตม็ ที่ คือ ชวงทพี่ ชื ออกดอก นับตัง้ แตเ ร่ิมออกดอกจนถงึ ดอกบาน 50 % ซ่ึงพชื จะมอี ายุประมาณ 110 - 150 วนั โดยใชก รรไกรตดั หรอื เคียวเกยี่ วทงั้ ตนใหเ หลอื ตอสงู ประมาณ 5 -10 เซนติเมตร เพ่ือเลย้ี งตอใหเจริญเติบโตใหผ ลผลติ ในรนุ ตอ ไป 2. นาํ สวนของพืชที่เก็บเกี่ยวแลวมาลางน้าํ ใหสะอาด ตัดหรือหั่นใหมีความยาว ประมาณ 3 - 5 เซนติเมตร ผึง่ ใหสะเด็ดนา้ํ แลวนาํ มาเกลยี่ บนภาชนะทสี่ ะอาด เชน กระดง หรือถาด 3. คลุมภาชนะดวยผาขาวบาง เพื่อปองกันฝุนละอองและการปลิวของสมุนไพร ตากจนแหง สนิท หรอื โดยการอบท่ีอุณหภมู ิ 50 องศาเซลเซียส ใน 8 ชว่ั โมงแรก และอบทอ่ี ณุ หภมู ิ 40 - 45 องศาเซลเซยี สจนแหง สนทิ 4. เกบ็ ฟา ทะลายโจรทแี่ หง สนิทแลว ใสถ งุ พลาสติก ปดปากถงุ หรอื มดั ใหแนน และ เก็บในทท่ี ีส่ ะอาด ไมควรเกบ็ วัตถุดบิ ไวใชน านเกนิ ไป เพราะสมนุ ไพรอาจจะเสอ่ื มคณุ ภาพได กลมุ ส่อื สงเสริมการเกษตร สํานักพฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมุนไพรเพือ่ การเกษตร 6 ชอ่ื อนื่ โลต ิน๊ อวดนํ้า ไหลนา้ํ กะลาํ เพาะ เครือไหลนา้ํ โพตะโกซา ลักษณะพชื เปน ไมช นดิ เลอ้ื ยเนอ้ื แขง็ มใี บประกอบแบบขนนก มใี บยอ ย 7 ใบขนึ้ ไป ใบออ นมสี แี ดง ออกดอกเปน ชอ มขี นาดเลก็ และสแี ดงออ น รปู รา งของดอกคลา ยดอกถว่ั ผลเปน ฝก ฝก แบนไมย าวมาก คลายฝก อญั ชนั สภาพแวดลอ มทเ่ี หมาะสม ชอบขึ้นตามปาชื้น และชายแมนํ้าลําคลองทั่วไป ข้ึนไดดีในสภาพดินรวนจนถึง ดินเหนียว กลมุ สื่อสงเสริมการเกษตร สํานกั พัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพื่อการเกษตร 7 การขยายพนั ธุ ใชเ มลด็ หรอื กงิ่ ปก ชาํ แตน ยิ มการปก ชาํ มากกวา เนอื่ งจากการปก ชาํ จะไดต น หางไหล ท่ีเจรญิ เตบิ โตเร็ว และใหผลผลติ เรว็ กวา การปกชําควรเลือกเถาทีแ่ กพอประมาณ คือ มสี นี ้าํ ตาล ขนาดเสน ผาศนู ยก ลางประมาณ 1 เซนตเิ มตร ไมควรใชทอ นพนั ธทุ ี่มขี นาดใหญเกนิ ไป เนือ่ งจากราก จะงอกชา ตดั ทอ นพนั ธเุ ปน ทอน ๆ โดยแตละทอนใหม ขี อ 3 - 4 ขอ ปก ชําในถุงพลาสตกิ ซึ่งใชว สั ดุปลูก เปน ข้ีเถาแกลบผสมกับดิน อตั ราสว น 2 : 1 ปกชาํ กง่ิ ทํามุม 45 องศา รากจะงอกภายใน 3 สปั ดาห และมีตุมข้ึนบริเวณขอ ซึ่งจะเจริญเปนตนออนตอไป ก่ิงชํานี้สามารถยายปลูกลงแปลงไดภายใน 6 - 8 สปั ดาห ตน หางไหลท่ไี ดจ ากการปกชํา อัตราการใชท อนพันธุ 400 - 800 ทอ นตอไร กลมุ สอื่ สงเสริมการเกษตร สํานักพฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมุนไพรเพื่อการเกษตร 8 การเตรียมดนิ ถา มวี ชั พชื มาก ควรทาํ การไถพรวน 2 ครง้ั แลว ตากดนิ ไว 7 - 10 วนั เพอ่ื ทาํ ลายไขแ มลง และเชือ้ โรคในดนิ แลวจงึ ไถแปรอกี หนึ่งครงั้ พรอ มทงั้ เกบ็ เศษวสั ดแุ ละวชั พชื ออกใหห มด ถา เปน พน้ื ทต่ี ํ่า ควรทาํ การยกรอ งเพอื่ ปอ งกนั น้ําทว มขงั วิธีการปลูก สามารถปลกู แบบปลอ ยเลอื้ ยหรอื ทาํ คา งกไ็ ด โดยระยะปลกู ระหวา งแถว 1.5 – 2 เมตร และระหวางตน 1.5 – 2 เมตร ขดุ หลมุ กวาง 30 เซนตเิ มตร และยาว 30 เซนติเมตร รองกนหลมุ ดวยปยุ อนิ ทรยี  คลกุ เคลา ปยุ ใหเ ขา กนั กบั ดนิ นาํ ตน กลา ทเ่ี ตรยี มไวล งปลกู ควรงดใหน าํ้ ตน กลา กอ นนาํ มาปลกู เพ่ือปอ งกนั ไมใ หตมุ ดนิ แตก ซ่งึ จะกระทบกระเทอื นรากทําใหตน ชะงักการเจรญิ เติบโต การปลูกหางไหลแบบปลอยเลอื้ ย กลมุ สือ่ สงเสรมิ การเกษตร สํานกั พฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมุนไพรเพอ่ื การเกษตร 9 การดแู ลรกั ษา หลงั จากปลกู ควรรดนํ้าอยางสม่ําเสมอ เพอ่ื ใหต นกลาตงั้ ตวั ไดเ ร็ว หลงั จากปลกู แลว 1 เดือน ควรกาํ จดั วัชพืชท่อี ยโู ดยรอบ การเก็บเกี่ยว สามารถเกบ็ เกยี่ วไดเ มอื่ หางไหลมอี ายุ 2 ปข น้ึ ไป เพราะจะเปน ระยะทร่ี ากสะสมสารสําคญั ไดม ากทสี่ ดุ ควรขดุ รากหางไหลในฤดฝู น เพราะดนิ จะออ น สามารถขดุ งดั รากขน้ึ มาไดง า ย กอ นทจี่ ะขดุ ราก จะตองตดั ก่ิงและเถาหางไหลที่รกปกคลมุ ดนิ ออกเสยี กอ น จนเหลอื แตโ คนตน แลว ปลอ ยทงิ้ ไวป ระมาณ 3 – 4 วนั ตัดตนออกใหเ หลอื แตต อ เพอื่ ความสะดวกในการขดุ ราก การขดุ รากอาจใชเ ครอ่ื งมือทนุ แรง ประเภทคานงดั หรือคานดดี เปนตน ตนหางไหลอายุ 2 ป การเก็บรกั ษา นํารากหางไหลมาลางใหสะอาดและตากในท่ีรม โดยจะเก็บทัง้ รากหรอื บดเปน ผงกไ็ ด ถาสกัดสารออกมาแลว ควรใชท นั ที เพราะสารสาํ คญั ในหางไหลจะสลายตัวไดง ายเม่อื ถกู แสงแดด กลุมส่อื สงเสริมการเกษตร สํานกั พัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพื่อการเกษตร 10 ชื่ออ่ืน ปงมดงา ม โปง มดงา ม ปงชา ง ฮากสามสบิ รากลงิ สลอดเชยี งคาํ กะเพยี ด ลักษณะพชื เปนไมเลื้อยทม่ี ีรากใตด นิ จํานวนมาก มรี ูปลกั ษณะคลา ยกระสวยหรอื ทรงกระบอก อยูก ันเปน พวง ยาวไดถงึ 10 – 30 เซนติเมตร ใบเด่ยี วตดิ อยูก บั ลาํ ตนแบบตรงกนั ขาม ใบมลี กั ษณะ เปน รปู หวั ใจคลา ยใบพลู กา นใบยาว เสน ใบมีหลายเสน ออกในแนวขนานกบั ขอบใบ ดอกออกเปน ชอ ประกอบคลา ยดอกยอ ย ๆ สขี าวหรือมว งออนจํานวนมาก ผลคอนขางแขง็ สีนาํ้ ตาลขนาดเลก็ สภาพแวดลอ มทีเ่ หมาะสม เปน พชื ปา พบขนึ้ อยทู ว่ั ไปตามชายปา ชายเขา ในสภาพรม รําไร ทร่ี ะดบั ความสงู ไมม ากนกั และในสภาพดนิ ทอี่ ุดมสมบรู ณด วยอินทรยี วัตถุ กลุม ส่อื สงเสรมิ การเกษตร สํานักพฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพ่อื การเกษตร 11 การขยายพนั ธุ ขยายพนั ธุโ ดยใชเ มล็ดหรอื แยกเหงา เหงา หนอนตายหยาก ตนกลาที่ไดจ ากการแยกเหงา วธิ ปี ลกู ควรปลกู ในฤดฝู นเนอื่ งจากหนอนตายหยาก เปน พชื ทเ่ี จรญิ ในฤดฝู น ออกดอก และตดิ ผลใน ฤดฝู น นําเหงา มาปลกู ลงดนิ รดนา้ํ ใหช มุ ทนั ที เมอ่ื ตน โตจะเจรญิ เลอื้ ยตามดนิ อาจทาํ คา งใหต น เลอ้ื ยกไ็ ด การปฏิบตั หิ ลงั เกบ็ เก่ียว หัวท่ีเก็บเกี่ยวไดนําไปลางน้าํ ใหสะอาดแลวตากแดดใหแหงเก็บในถุงพลาสติก เพอ่ื ปองกนั ความชนื้ เมือ่ จะใชป ระโยชนจ งึ นาํ หวั เหงา ไปบดใหละเอียด แลว จงึ นาํ ไปสกัดสารตอ ไป หรอื อาจบดหวั สดแลวอบในตอู บ โดยใชอ ณุ หภมู ิ 80 องศาเซลเซียส เปน เวลา 48 ชั่วโมง เกบ็ ผงแหง ทีไ่ ดไมใหถ ูกความชนื้ แลว จงึ นาํ ออกมาสกัดสารเมื่อตอ งการใช กลมุ สอ่ื สงเสริมการเกษตร สํานักพัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมุนไพรเพอื่ การเกษตร 12 ชอื่ อนื่ ขมิน้ ขมนิ้ แกง ขมนิ้ หวั ขมี้ น้ิ ลักษณะพชื เปน ไมล ม ลกุ มลี ําตน ใตด นิ เปน เหงา เนอื้ เหงา มสี เี หลอื ง เหงา เลก็ ขนาด 1 – 2 เซนตเิ มตร ใบรูปเรียวยาว ท่ขี อบใบคอ นขางขนาน ปลายใบแหลม เนื้อใบเรียบ กา นใบคลา ยกาบ ดอกออกเปน ชอทรงกระบอก กา นดอกออกจากเหงา โดยตรง มีกลบี ประดับขนาดใหญ จํานวนมาก สเี ขียวอมชมพู สีตอนบนเขม กวา ตอนลา ง ดอกสีขาวอมเหลอื ง สภาพแวดลอ มทเี่ หมาะสม ชอบดินรวนซุยซ่ึงอุดมดวยอินทรียวัตถุ ไมชอบนาํ้ ขัง ตองการความชื้นสงู เจริญไดดี ในท่ีแจง กลมุ สอ่ื สงเสรมิ การเกษตร สํานักพัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมุนไพรเพื่อการเกษตร 13 การขยายพนั ธุ ใชเ หงา ทมี่ อี ายุ 7 – 9 เดอื น มตี าสมบรู ณ ไมม โี รคแมลงทาํ ลาย แบง หวั พนั ธโุ ดยการหนั่ ขนาดของเหงาควรมีตาอยางนอย 3 – 5 ตา แชทอนพันธุดวยสารเคมีปองกันกําจัดแมลง และชุบ ทอนพันธดุ ว ยสารเคมปี องกนั กาํ จดั เช้ือรากอ นปลูก เหงา ขม้นิ ชนั วธิ ีปลกู ควรปลกู ในชว งฤดฝู น เดอื นพฤษภาคม – กรกฎาคม เพราะฤดอู นื่ ขมนิ้ ชนั จะพกั ตวั ไมง อก เตรียมดนิ โดยการไถพรวนและตากดินไว 1 – 2 สัปดาห การปลกู ควรปลูกเปน แถว ระยะระหวางตน ประมาณ 30 เซนติเมตร และระยะระหวางแถวประมาณ 30 เซนติเมตร ใสป ุยคอกรองกน หลมุ ประมาณหลมุ ละ 200 กรัม นําหัวพนั ธทุ ่เี ตรยี มไวล งปลกู กลบดนิ หนา 5 เซนติเมตร คลุมแปลงดว ย ฟางหรือหญา คาหนาประมาณ 2 นว้ิ เพอ่ื ปองกันการงอกของวัชพืช และรกั ษาความชื้นในดนิ จากน้ัน รดน้ําใหชุม กลุมส่ือสงเสรมิ การเกษตร สํานกั พัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมุนไพรเพอ่ื การเกษตร 14 การดแู ลรกั ษา 1. ใสป ยุ 15 – 15 – 15 อตั รา 15 กรมั ( ครง่ึ ชอ นแกง ) / ตน เมอื่ พชื มอี ายุ 1 เดอื นครง่ึ ถงึ 2 เดอื น 2. ใสป ยุ 15 – 15 – 15 อตั รา 30 กรมั ( 1 ชอ นแกง ) / ตน เมอื่ พชื มอี ายุ 3 – 4 เดอื นครงึ่ 3. ถา พบโรคเหงา เนา ยบุ ในระยะท่ีขม้นิ อยูในแปลงและท้งิ ใบหมดแลว ใหป อ งกนั โดยการหลกี เล่ียงไมป ลกู ซํ้าในพน้ื ทเี่ ดมิ ตดิ ตอ กนั 2 – 3 ป การเกบ็ เกยี่ ว เกบ็ เกย่ี วเมอื่ อายุ 9 – 11 เดอื น ไมค วรเกบ็ เกยี่ วในชว งทขี่ มน้ิ ชนั เรมิ่ แตกหนอ เพราะจะ ทําใหม สี ารออกฤทธิ์ เคอรค มู นิ ตา่ํ ถา ดนิ แขง็ รดนาํ้ ใหช มุ กอ นแลว ปลอ ยใหด นิ แหง หมาด ๆ จงึ ใชจ อบขดุ หลังจากขุดหวั ข้นึ มาแลว เคาะเอาดนิ ออกจากหวั และใสตะกรา แกวง ลางน้าํ อกี 1 ครั้ง กลุมสื่อสงเสริมการเกษตร สํานักพฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมุนไพรเพ่อื การเกษตร 15 ชอ่ื อืน่ ตะไครแ ดง ตะไครม ะขดู ตะไครมาขูด ลกั ษณะพืช เปนพชื ตระกูลหญาชนิดหนง่ึ ตะไครหอมท่ปี ลกู ในประเทศไทยเปนพนั ธุของชวา มีชอดอกยาวโนม ลง ลกั ษณะทัว่ ไปคลา ยกบั ตะไครแกง แตม ีลกั ษณะลําตนออกดอกสีมวงและแขง็ ลาํ ตนใบใหญแ ละยาว มกี ลนิ่ แรงกวา ตะไครแ กง สภาพแวดลอมท่ีเหมาะสม เจรญิ เตบิ โตไดด ใี นดนิ ทมี่ คี วามอดุ มสมบรู ณค อ นขา งสงู และมปี รมิ าณนํ้าฝนตลอดปส งู ชอบแสงแดดจดั มาก กลมุ สอ่ื สงเสรมิ การเกษตร สํานกั พฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพ่อื การเกษตร 16 การเตรียมตนพนั ธุ โดยตัดแตงใหม ขี อ 2 – 3 ขอ เหลอื อยู กอนถึงกาบใบหมุ ยอดท่มี อี ยู 4 – 5 ใบ และตัด ปลายใบออก วธิ ีปลูก ใชตนพนั ธุ 3 ตนตอหลมุ ระยะปลกู ทเี่ หมาะสม คอื 1 – 1.25 เมตร ควรปลกู เมอ่ื ฝน เร่ิมตกบางแลว ประมาณเดอื นพฤษภาคม การดูแลรกั ษา 1. ถาฝนทง้ิ ชว งควรรดนาํ้ เปน คร้ังคราว 2. กาํ จัดวัชพชื อยางนอ ย 1 คร้ัง หลังจากปลกู แลว 2 – 3 เดอื น 3. ถา ดนิ มคี วามอดุ มสมบรู ณส งู ไมจ าํ เปน ตอ งใสป ยุ ในระยะแรก ถา เกบ็ ใบไปหลาย ๆ ครง้ั แลว ควรใสป ยุ สูตร 16 – 16 – 8 , 16 – 20 – 0 หรอื 15 – 15 – 15 และใสป ุยแอมโมเนยี ซลั เฟต หลังจากตดั ใบเพ่อื กระตนุ ใหแ ตกใบใหม การเกบ็ เกีย่ ว เมอื่ ตะไครห อมอายุ 7 เดอื น ตดั เอาสว นของใบซง่ึ อยเู หนอื พนื้ ดนิ ประมาณ 1 ใน 3 สว น ของความสงู ทงั้ ตน เพอื่ ใหต นท่เี หลือแตกใบใหมไ ดเร็ว กลุมส่อื สงเสริมการเกษตร สํานักพัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมุนไพรเพอ่ื การเกษตร 17 ชือ่ อื่น เครอื เขาฮอ จงุ จงิ เจตมลู หนาม เถาหวั ดาน หางหนู ลกั ษณะพืช เปน ไมเลอื้ ยเนอื้ ออน เมื่อมอี ายุมากเนื้อของลําตน อาจแข็งได ลาํ ตน เปน เถาขนาด เทา นวิ้ มอื ตามเปลอื กลําตน มปี มุ ปมกระจายทวั่ ไป ยางมรี สขมจดั ใบเดยี่ วเปน แบบสลบั ใบเปน รปู หวั ใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเรยี บ ดอกออกเปน ชอ ดอกเลก็ มากสเี หลอื งอมเขยี ว ผลเปน รปู ไขส เี หลอื งหรอื สสี ม สภาพแวดลอมท่เี หมาะสม ข้ึนไดในดินทวั่ ไป แตชอบดนิ รว นซยุ ควรปลกู ในฤดฝู น กลุมสอื่ สงเสรมิ การเกษตร สํานักพัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพื่อการเกษตร 18 การขยายพันธุ ใชเ ถาปก ชาํ วิธปี ลกู ตดั เถาแกย าวประมาณ 1 คบื ชาํ ลงในดนิ ใหเ อยี งเลก็ นอ ย ความลกึ ประมาณ 10 เซนตเิ มตร รดน้าํ ใหชมุ ทนั ที เม่ือรากและใบแตกออกมามากพอสมควร จงึ ยา ยไปปลูก ควรทาํ คางใหบอระเพ็ด เลอื้ ยดว ย การเก็บเกี่ยว เร่ิมเก็บเกี่ยวเม่ืออายุ 2 ปขึ้นไป โดยเก็บเถาสดท่ีเจริญเต็มที่ ตากแดด 3 – 5 วัน จนแหง สนทิ เพอื่ ปอ งกนั เชอ้ื รา การตดั เถามาใชค วรเหลอื เถาไวป ระมาณ 2 – 3 วา เถาบอระเพด็ กลุมสอ่ื สงเสริมการเกษตร สํานกั พัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพอ่ื การเกษตร 19 สมุนไพรปองกันกาํ จัดศตั รพู ชื ชนดิ พชื สวนขยายพนั ธุ สว นทใี่ ช วธิ ใี ช ประโยชน 1.หางไหลแดง เมลด็ กง่ิ ปกชาํ ราก ( ควรใช นํารากหางไหล ½ - 1 กโิ ลกรมั ปอ งกนั กาํ จดั แมลงศตั รพู ชื ไดแ ก รากของตนทมี่ ี มาทบุ แลวแชน ้ํา 1 ปบ ท้งิ ไว หนอนกระทผู กั หนอนใยผกั อายปุ ระมาณ คางคนื นาํ นา้ํ หมักมาฉดี พน หนอนเจาะสมอฝา ยเพลย้ี ออ นฝา ย 2 ปข้นึ ไป ) ฆาแมลงไดห ลายชนดิ ตวั ออนเพลย้ี กระโดดสนี ้าํ ตาล และเพลยี้ จกั จน่ั สเี ขยี ว ขอควรระวัง ไมควรใชก ับแปลงผักหรอื แปลง ไมผ ลทม่ี บี อ เลย้ี งปลาอยใู กล ๆ 2. หนอนตายหยาก เหงา เมลด็ กงิ่ ปก ชาํ ราก รากประมาณ 1 กโิ ลกรมั ตาํ ให ปอ งกันกําจดั แมลงศตั รูพชื ละเอยี ด แลว แชใ นนาํ้ มะพรา ว ไดแ ก หนอนกระทผู กั หนอนใยผกั หรอื น้ํา 1 ปบ ท้งิ คางคืน กรอง ดว งหมดั ผกั และหนอนหลอดหอม เอากากออก นาํ ไปฉีดพน และปอ งกนั กาํ จดั เชอื้ รา เชอ้ื แบคทเีรยี ไดด ี 3. สะเดา เมล็ด ยอดออ น ดอก 1. นาํ เมลด็ แกป ระมาณ ปอ งกนั กาํ จดั แมลงศตั รูพชื ราก กา นใบ 1 กโิ ลกรมั มาบดและแชน า้ํ หลายชนดิ ไดแ ก หนอนกระทผู กั เปลือกราก 1 ปบ หมกั คา งคนื นาํ น้ําหมกั หนอนใยผกั เพลี้ยออน เปลอื กตน และ มาใชฉ ดี ฆา แมลงไดห ลายชนดิ หนอนชอนใบ หนอนเจาะสมอฝา ย เมล็ด 2. นําใบประมาณ 1 – 2 เพลี้ยออนฝายและเพลี้ย กโิ ลกรัม มาบดแชนาํ้ 1 ปบ กระโดดสีนํ้าตาล เปน ตน และ คา งคืน นาํ นา้ํ หมกั มาฉดี ไล ปองกันกาํ จดั เชอ้ื ราและ แมลงในแปลงปลกู พชื เช้ือแบคทเี รยี ไดดี กลมุ ส่ือสงเสริมการเกษตร สํานักพฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพ่ือการเกษตร 20 ชนิดพืช สว นขยายพนั ธุ สวนทใี่ ช วิธใี ช ประโยชน 4. วา นนํา้ ใชรากหรอื เหงา เหงา ทบุ เหงา ประมาณ 1 กโิ ลกรมั ปองกนั กําจัดศตั รูพชื หลายชนิด ตดั แบง มาปลกู ใน แชใ นนาํ้ 1 ปบ ทง้ิ คา งคนื เชน ดว งหมดั ผกั หนอนกระทผู กั บริเวณทมี่ ีนาํ้ ขัง นาํ มากรองกอนฉีดพนใหผ สม แมลงวนั ทอง แมลงโรงเก็บ และ แฉะอยเู สมอ ถา สารจับใบ เชน ผงซกั ฟอก โรคกงุ แหง พรกิ เปนตน ปลกู ตามชายเลน หรือแชมพู ฉดี พน 2 คร้งั เม่ือ รมิ ทอ งรองหรือริม มีปญ หาศตั รูพชื คลองจะดีมาก 5. ขมน้ิ ชนั เหงา แงง เหงา แงง ใชข มน้ิ ชนั ½ กโิ ลกรมั ตาํ ให ปองกันกําจัดแมลงศัตรูพืช เชน ละเอยี ด ผสมนาํ้ 1 ปบ หมกั หนอนกระทผู กั หนอนหลอดหอม ทงิ้ ไว 1 – 2 วนั กรองเอาแตนา้ํ หนอนใยผกั ดว งชาง ดว งเจาะ ไปฉีดพน กาํ จดั แมลง เมลด็ ถวั่ มอด ดว ง ถว่ั เขยี ว และ ไรแดง เปน ตน 6. ตะไครห อม เหงา ตน ใบ นาํ ตน ตะไครห อมท้งั ตน มาบด ปองกนั กาํ จัดแมลงศตั รูพชื เชน ใหล ะเอยี ด ประมาณ 400 กรมั หนอนใยผัก หนอนกระทูผกั ผสมนาํ้ 8 ลติ ร หมกั ทง้ิ ไว 1 คนื หนอนเจาะสมอฝาย เปน ตน กรองเอาแตน า้ํ ฉดี พน ทกุ 7 วนั ในเวลาเย็น กลมุ สอ่ื สงเสริมการเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพอื่ การเกษตร 21 ชนิดพชื สวนขยายพนั ธุ สวนทใี่ ช วิธใี ช ประโยชน 7. ดาวเรือง เมลด็ ดอก นาํ ดอกดาวเรือง 500 กรัม ปองกันกําจดั ศตั รพู ืช ไดแ ก ตมในนา้ํ 4 ลิตร พักใหเย็น เพลย้ี กระโดด เพลย้ี จกั จน่ั กรองเอาแตน้าํ แลวนาํ ไป เพลยี้ หอย เพล้ียออน เพลยี้ ไฟ ผสมน้ํา 4 ลติ ร นาํ้ สบู 2 ชอ นโตะ แมลงวันผลไม หนอนใยผัก ฉีดพน วนั ละ 2 ครั้ง ตดิ ตอ กนั หนอนกะหลํ่าปลี แมลงหวขี่ าว 2 วนั ตั๊กแตน หนอนผเี ส้อื หัวกะโหลก ดวงปก แขง็ และไสเ ดือนฝอย 8. นอยหนา เมล็ด เมล็ด ใบ 1. นําเมล็ดทีแ่ หง 1 กิโลกรัม ปอ งกันกาํ จดั แมลงศตั รพู ืช บดใหละเอยี ด ผสมนาํ้ 1 ปบ ไดแก เพล้ียออ น เพลี้ยหอย ทงิ้ คา งคนื กรองเอาแตน ํา้ เพลย้ี กระโดดสนี า้ํ ตาล เพลยี้ จกั จน่ั ผสมนาํ้ สบู 1 ชอ นโตะ ฉดี พน หนอนใยผกั ตกั๊ แตน มวน และ ทกุ 6 – 10 วนั ในเวลาเยน็ ดว งเตา 2. นาํ ใบสด 2 กิโลกรมั ตาํ ให ละเอยี ดผสมนํา้ 10 ลติ ร ทงิ้ คา งคนื กรองเอาแตน า้ํ ผสมนํา้ สบู 1 ชอ นโตะ ฉดี พน ทกุ 6 – 10 วนั ในเวลาเยน็ 9. บอระเพด็ เถาแกป ก ชาํ เถา นาํ เถาสด 5 กโิ ลกรมั หนั่ เปน ปองกันกาํ จัดศัตรูพืช เชน ชิ้นเลก็ ๆ แลวบดใหละเอียด ผสมน้าํ 12 ลติ ร ทง้ิ ไว 2 ชวั่ โมง หนอนกอ เพล้ียกระโดด นาํ มากรอง กอ นฉีดพน ควร เพล้ียจักจั่น โรคยอดเหี่ยว ผสมผงซกั ฟอก หรือแชมพู โรคขาวตายพราย และ 1 ชอ นโตะ ตอน้ํา 10 ลติ ร ฉีดพน 2 ครัง้ เมอื่ มีปญ หา โรคขาวลีบ เปนตน ศัตรูพชื กลุมส่อื สงเสริมการเกษตร สํานักพฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพ่ือการเกษตร 22 ชนดิ พืช สวนขยายพนั ธุ สว นท่ีใช วิธีใช ประโยชน 10. กลอย เมล็ด หวั หัว โขลกหัวกลอย 1 กิโลกรัม ปองกันกําจัดแมลงศัตรูพืช หมกั ในนํา้ 1 ปบ ทง้ิ คา งคนื ไว ไดแ ก เพลีย้ ออ น แมลงสงิ และ 1 – 2 คนื นําไปฉดี พน กาํ จัด แมลงทว่ั ไป แมลงศัตรพู ชื 11. ยาสบู เมลด็ ใบ นําใบยาสูบหนั่ ฝอย ตากแหง ปอ งกนั กาํ จัดแมลงศตั รพู ชื เชน ประมาณ ½ กโิ ลกรมั แชน า้ํ 1 ปบ ดว งหมัดกระโดด หนอนชอนใบ ทง้ิ คา งคนื นาํ นาํ้ หมกั ไปฉดี พน เพล้ียออ น ไรแดง และเพลยี้ ไฟ กาํ จดั แมลงศตั รูพชื เปน ตน ขอ ควรระวงั มพี ษิ ตอ สตั วแ ละปลา ทาํ ใหก ลามเนอื้ กระตกุ และตาย ในท่สี ดุ 12. มะดําดคี วาย เมล็ด ผล นาํ ผลมะคาํ ดีควายประมาณ ปองกันกําจดั แมลงศัตรูพืชได 13. ผกั โขม เมล็ด 1 กโิ ลกรมั มาทบุ ใหเ นอื้ ผลแตก หลายชนิด แลวนําไปหมกั ในนา้ํ 1 ปบ ทงิ้ คางคนื นาํ นา้ํ หมกั ท่กี รอง แลว มาฉีดพน ใบ ใชใบประมาณ 1 – 2 กิโลกรัม ใชป องกนั เชื้อราไดด มี าก ตาํ ละลายนาํ้ 1 ปบ หมกั ไว คางคืน นาํ นาํ้ หมกั ไปฉีดพน กลมุ สื่อสงเสรมิ การเกษตร สํานักพฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพอ่ื การเกษตร 23 ชนดิ พชื สวนขยายพนั ธุ สว นที่ใช วิธีใช ประโยชน 14. พรกิ เมล็ด ผลสุก บดพรกิ 100 กรัม ผสมนา้ํ ปองกนั กาํ จดั แมลงศัตรพู ืช เชน 1 ลิตร ทงิ้ คา งคนื กรองเอา เพลีย้ ออ น เพล้ยี ไฟ หนอนผเี ส้อื เฉพาะสว นของเหลว แลว เตมิ ดวงปก แข็ง และมด เปน ตน นาํ้ อกี 1 ลิตร นําไปฉีดพน 15. เถาวลั ยเ ปรยี ง ตน เถา ราก นาํ รากประมาณ 1 กิโลกรมั ปองกนั กาํ จัดแมลงศตั รูพืชได มาทบุ แลว แชน าํ้ 1ปบ ทง้ิ คา งคนื หลายชนดิ นํานํ้าหมกั ท่ีไดมาฉีดพน 16. นาํ้ นมราชสีห เมลด็ ตน ท้ังตน โขลกทง้ั ตน ประมาณ 1 กโิ ลกรมั ปองกนั กาํ จัดเชอ้ื บกั เตรี และ แลว นาํ ไปแชน ํา้ 1ปบ ทง้ิ คา งคนื เชอื้ ไวรสั เชน โรคใบดา งมะละกอ นาํ นํา้ หมกั ไปฉีดพน เปน ตน 17. หญา งวงชา ง เมลด็ ทง้ั ตน โขลกทงั้ ตน ประมาณ1–2กโิ ลกรมั ปองกนั กําจัดแมลงศตั รูพืชได นําไปแชใ นน้ํา 1 ปบ ทง้ิ คา งคนื หลายชนดิ นาํ นํ้าหมกั ทไี่ ดม าฉีดพน 18. สาบเสือ เมล็ด ตน และใบ นําตน และใบมาตากแดดให ปองกนั กําจัดแมลงศัตรพู ืช แหง แลวบดละเอยี ด แชน ํ้าใน ไดแ ก หนอนใยผัก และ อตั ราสวน 400 กรัม ตอ นา้ํ 8 ลติ ร เขยาผสมกันทิ้งไว หนอนกระทผู กั 24 ช่วั โมง กรองเอานา้ํ ฉีดพน ทุก ๆ 7 วนั ฉีดพน ใหครบ 6 ครง้ั กลุมส่อื สงเสริมการเกษตร สํานกั พฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพ่ือการเกษตร 24 ชนดิ พืช สวนขยายพนั ธุ สว นท่ีใช วธิ ใี ช ประโยชน 19. คูน เมล็ด ตอนกง่ิ ฝก นําฝกคนู 1 กิโลกรมั บดผสม ปองกันกาํ จัดศัตรูพืช ไดแ ก นาํ้ 1 ปบ แชน ้ําทง้ิ ไว 3 – 4 วนั หนอนกระทผู กั และดว งตา ง ๆ กรองเอาสารละลาย นาํ ไป ฉดี พน 20. หนมุ าน เมลด็ กงิ่ ปก ชาํ ใบ นาํ ใบสด 100 กรมั มาบดให ปองกันกาํ จดั แมลงศตั รูพืช ประสานกาย กิง่ ตอน ละเอยี ด ผสมนํา้ 1 ลติ ร ทงิ้ ไว ไดแ ก หนอนใยผัก 24 ชั่วโมง กรองเอาเฉพาะ สว นของเหลวนาํ ไปฉดี พน 21. กระเทยี ม หัว หัว ใชก ระเทยี ม 1 กํามือใหญ ปองกนั กําจดั แมลงศัตรพู ชื บดใหละเอยี ด เตมิ นา้ํ รอน ครึ่งลติ ร ทิ้งไว 24 ช่ัวโมง กรองเอานาํ้ นําไปฉดี พน กอนพน ใหผ สมสารจับใบ เชน ซลั ไลด ฉดี พนวนั ละ 1 ครง้ั ตดิ ตอ กนั 2 วนั กลมุ สื่อสงเสรมิ การเกษตร สํานกั พัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพือ่ การเกษตร 25 สมนุ ไพรสําหรับการเล้ียงสตั ว ตาํ รบั ยา 1. รกั ษาโรคผิวหนัง เหบ็ เหา ในวัว – ควาย ตาํ รบั ท่ี 1 กาํ มะถนั จนุ สี ลกู เหมน็ น้ํามนั กาด น้าํ มันเครอื่ ง วธิ ปี รงุ ยา - นาํ กํามะถนั จนุ สี ลกู เหมน็ พอสมควร นาํ้ มนั กา ด นาํ้ มนั เครอ่ื งเลก็ นอ ย กวนใหเ ขา กนั วิธใี ช - กอ นใชย าควรลา งผวิ หนงั ใหส ะอาด เช็ดใหแ หงแลวนํายามาทาตวั ทกุ วนั ในเวลาท่ี ควายพกั ไมลงปลัก ประมาณ 7 วนั สรรพคุณ - รกั ษาแผลข้ีเรื้อน ตาํ รบั ท่ี 2 กํามะถนั เมล็ดมนั แกว วธิ ีปรุงยา - นาํ กาํ มะถนั ขนาดนว้ิ มอื บดผสมเมล็ดมันแกวครงึ่ กโิ ลกรัมผสมนา้ํ มนั หมู หรือนา้ํ มนั พชื วิธีใช หรอื นํ้ามันเครอื่ ง สรรพคณุ - ใชทาทุกวัน ประมาณ 7 วนั แผลทแ่ี ตกจะหาย - กํามะถันทาํ ใหแผลหายและแหงเรว็ - เมล็ดมนั แกวใชฆ าเชอื้ ตาํ รับที่ 3 ใบนอ ยหนา 1 กํามอื ยาสบู 1 กาํ มือ วิธีปรุงยา - ตาํ ใบนอยหนาใหละเอยี ดผสมกับยาสบู ใสน ้ําลงไปเล็กนอ ยแลว คน้ั เอานํ้า วธิ ีใช - เอานํา้ ทีค่ น้ั ไดช โลมบริเวณทีเ่ ปนเหา วนั ละ 1 ครัง้ ประมาณ 2 - 3 วนั สรรพคุณ - รักษาโรคเหาในควาย ตาํ รบั ท่ี 4 ใบสะเดา วิธปี รงุ ยา - โขลกใบสะเดาท้ังกา น และใบใหล ะเอยี ด วธิ ใี ช - ถูทาตรงบริเวณทค่ี นั สรรพคุณ - รักษาอาการคนั ในควาย กลมุ ส่ือสงเสรมิ การเกษตร สํานักพัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพื่อการเกษตร 26 ตาํ รับท่ี 5 ใบนอ ยหนา ยาเสน กํามะถนั นํ้ามนั พืช วิธีปรุงยา - นําทุกอยา งมาตํารวมกันผสมน้าํ มนั พชื วิธใี ช - ใชท าตามตวั สรรพคุณ - รกั ษาขี้เร้อื นไดทัง้ ววั ควาย และสนุ ขั ตํารบั ท่ี 6 เมลด็ นอยหนา 10 เมลด็ เหลา ขาว วธิ ีปรุงยา - เมลด็ นอ ยหนาตําผสมเหลา ขาว วธิ ีใช - ทาตามตวั สรรพคุณ - รกั ษาโรคขเ้ี รือ้ น ตาํ รับที่ 7 นาํ้ หนอไมดอง วธิ ปี รุงยา - วธิ ใี ช สรรพคุณ - นํานา้ํ หนอไมด องมาทาบริเวณผิวหนังทเี่ ปน ดา งดวง ขนหลดุ - รักษาโรคผิวหนงั ใน วัว - ควาย ตาํ รับที่ 8 มะขามเปย ก นา้ํ หรือ แอลกอฮอล 10 % วิธปี รงุ ยา - แชม ะขามเปย กในน้ํา หรือ แอลกอฮอล 10 % ในปรมิ าตร 5 เทา ของนาํ้ หนกั มะขาม แชท งิ้ ไว 1 คนื แลว เทเฉพาะน้าํ ท่ีสกัดไดใสข วด ถา ใชแ อลกอฮอล 10 % ในการสกดั จะ วธิ ีใช ทาํ ใหน า้ํ ท่ีสกดั ไดไมมีเช้อื ราขึ้น - พนฆา เห็บตวั เมยี วัยแกท ด่ี ูดเลอื ดจนตวั เปลง ตอ งพนใหต วั เห็บเปยกโชกดว ย สรรพคุณ มะขามเปย กนานๆถาไมแนใ จวา นา้ํ แชม ะขามจะแหง เร็วไปหรือไม ใหพ นซาํ้ อีกครั้ง ฉดี พน ทกุ สปั ดาหต ดิ ตอกนั อยา งนอ ย 2 เดอื น - กรดในนา้ํ แชม ะขามเปยกจะกดั ผิวหนงั เหบ็ ใหเ ปน แผลและตายในทสี่ ดุ กลมุ ส่อื สงเสรมิ การเกษตร สํานกั พัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมุนไพรเพอ่ื การเกษตร 27 ตาํ รบั ยา 2. ถายพยาธิ วัว – ควาย ตํารับท่ี 1 บอระเพด็ 1 กโิ ลกรัม เกลือ 2 กาํ มอื วธิ ปี รงุ ยา - บอระเพด็ ผสมกับนา้ํ คัน้ เอานํา้ วธิ ใี ช - กรอกใหควายกิน สรรพคณุ - ถา ยพยาธแิ ละรักษาอาการสัตวไมกินหญา เบื่ออาหาร ตํารบั ที่ 2 เมล็ดนอยหนา วธิ ปี รงุ ยา - ตาํ เมล็ดนอ ยหนา ใหล ะเอียดผสมน้ํา วธิ ีใช - กรอกใหววั – ควาย กนิ สรรพคุณ - ฆา พยาธภิ ายใน ตํารับท่ี 3 มะเกลือ 10 เมล็ด วิธีปรงุ ยา - ตาํ มะเกลอื พอแหลกค้นั กบั น้าํ 1 ลติ ร กรองเอาแตน้ํา วิธีใช - กรอกใหล กู ควายอายุ 3 - 6 เดอื น กนิ ตอนเชา ควรคัน้ สดแลว กรอกใหก นิ ทนั ที ลกู ควายอายตุ ่าํ กวา 3 เดอื นไมค วรใหก นิ สรรพคณุ - ถายพยาธิไสเ ดือน พยาธิเสนดา ย ตํารบั ท่ี 4 มะหาดหรอื ปวกหาด วธิ ีปรงุ ยา - นาํ เนื้อไมม าเคีย่ วกบั น้ํา กรองเนือ้ ไมออกบีบน้ําออกใหแ หง จะไดผงสนี วล จับเปน กอ น ยา งไฟใหเหลอื ง เรยี กวา “ ปวกหาด ” วิธีใช - นําปวกหาดคลกุ ขา วเหนยี วในขนาด 1 มลิ ลกิ รมั ตอ นํา้ หนกั สตั ว 1 กโิ ลกรมั ปอ นใหค วายกนิ สรรพคณุ - ถายพยาธติ วั แบน ตํารบั ท่ี 5 ลูกมะเกลือ 75 กรัม ปวกหาด 5 กรมั ดเี กลือไทย 3 กรัม วธิ ีปรุงยา - นาํ ลูกมะเกลอื บด ปวกหาด ดเี กลอื ไทยผสมน้าํ 300 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร วิธีใช - กนิ ครั้งเดียวตอนเชากอนออกจากคอก สรรพคุณ - ถายพยาธิควาย กลมุ ส่อื สงเสริมการเกษตร สํานกั พัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพอ่ื การเกษตร 28 ตํารับท่ี 6 ใบขเ้ี หลก็ 1 กาํ มือใหญหรอื ครึง่ ลิตร นํา้ ปูนใส 1 ขวดแมโขง วิธีปรุงยา - ใบขี้เหล็กคัน้ เอาแตน า้ํ แลว นาํ มาผสมกบั นํ้าปนู ใส วิธีใช - กรอกตอนเชา กอ นใหอาหาร 2 - 3 ครงั้ สรรพคณุ - ถา ยพยาธิ ตาํ รับท่ี 7 ใบขเี้ หล็ก 5 กาํ มือ กะทิ ½ กโิ ลกรมั เกลอื 3 กาํ มอื และนาํ้ วธิ ีปรงุ ยา - นําใบขเี้ หล็กมาบดใหแ หลกกับเกลอื และหวั กะทิ วิธใี ช - ใสกระบอกไมไผก รอกใหส ตั วกนิ สรรพคณุ - รกั ษาพยาธิ ตาํ รบั ที่ 8 เปลือกสะเดา น้ําซาวขา ว วธิ ปี รงุ ยา - โขลกเปลือกสะเดาซงึ่ มรี สขมแลวแชใ นนา้ํ ซาวขาว คนั้ เอาแตนํา้ วิธใี ช - กรอกตอนเชา หรอื ตอนเยน็ กไ็ ด วนั ละ 3 - 4 กระบอกไมไ ผ ใหกนิ 3 - 4 วนั สรรพคุณ - รักษาพยาธแิ ละถา ยพยาธเิ สนดา ย ตาํ รบั ที่ 9 ลูกสะแก 2-3 กํามือ เกลอื วธิ ีปรุงยา - นาํ ลกู สะเดาตาํ กบั เกลอื พอเคม็ เติมนาํ้ 1 ลิตร วธิ ีใช - ใชก ระบอกไมไ ผก รอกทนั ทีครัง้ ละ1ลิตร สรรพคณุ - ถายพยาธติ วั กลมในควาย กลมุ สอ่ื สงเสริมการเกษตร สํานักพฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมุนไพรเพื่อการเกษตร 29 ตาํ รบั ยา 3. รักษาเสนตงึ เดนิ ไมไ ด ทอ งแข็ง หลงั โกง ในววั – ควาย ตํารับที่ 1 ตน โคคลาน เถาเอน็ ออ น รากกาํ ลงั หนมุ าน กาํ ลงั ชา งสาร โดไ มร ลู ม รากหญา คา รากหมาก ตาไมไผส ามตา วธิ ีปรงุ ยา - ตม ทกุ อยา งรวมกนั วธิ ีใช - รนิ เอานาํ้ กรอกใหกนิ ทกุ เชา สรรพคณุ - รกั ษาโรคเสน ตงึ ตํารบั ท่ี 2 หญา งวงชางทัง้ 5 ตะไครทั้ง 5 นาํ้ มันกา ด วิธปี รงุ ยา - ตาํ ยาแลวผสมน้าํ มนั กา ด วิธใี ช - ทาตามตวั สรรพคณุ - รกั ษาโรคเสนตึง ตาํ รับที่ 3 เสลดพงั พอน ขา ตะไคร นํ้า วิธีปรุงยา - ตําเสลดพังพอน ขา ตะไคร ใหละเอียด นาํ ไปหอ ผา ตม วธิ ใี ช - นาํ ไปประคบตรงทเี่ ปน สรรพคณุ - แกโรคตวั แข็ง ขาแข็ง หลงั แข็ง กลมุ สอื่ สงเสริมการเกษตร สํานกั พัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพ่อื การเกษตร 30 ตาํ รบั ยา 4. รักษาแผลปากเปอย เทาเปอ ย ตํารบั ที่ 1 เปลอื กประดู ใบสาบเสอื อยา งละ 3 กํามือ เกลือ 1 กํามอื วธิ ีปรงุ ยา - สบั ใบสาบเสือและเปลือกประดเู ปน ช้นิ เลก็ ๆ ใสหมอ ใสเกลอื และนา้ํ พอทว ม ตมใหเดือด 10 นาที ต้ังทิง้ ไวใ หเย็น วิธใี ช - นํามาราดทกี่ บี ทเ่ี นา ใหเ ปย กวนั ละ 3 ครงั้ ราดประมาณ 7 วัน สรรพคณุ - รกั ษาโรคกีบเนา ตาํ รบั ท่ี 2 มะเฟอ ง เกลอื วธิ ปี รงุ ยา - นาํ ผลมะเฟอ งมาคลุกเกลอื บบี ใหนํา้ ออก วิธีใช - กวาดลนิ้ ควายทเ่ี ปน ลน้ิ เปอ ย สรรพคุณ - รกั ษาล้ินเปอ ย ตาํ รบั ท่ี 3 ไพล เกลือ วธิ ปี รงุ ยา - ตําไพลกับเกลือ ใสเกลอื พอมีรสเค็ม วิธีใช - ใชท าปากและลิ้น สรรพคณุ - รกั ษาปากและลน้ิ เจบ็ ตํารับที่ 4 เปลอื กประดู วิธีปรงุ ยา - นาํ เปลอื กประดจู าํ นวนมาก มาตม นาํ้ จนขน ทง้ิ ไวพ ออนุ วธิ ใี ช - ใชร าดแผลทก่ี ีบกันแมลงวนั ตอม สรรพคณุ - รกั ษาแผลเนา เปอย ตํารบั ที่ 5 เปลือกตนเฮว เปลอื กตน ประดู เปลือกตนซอ อยางละ 2 กโิ ลกรัม วธิ ีปรุงยา - นาํ ตวั ยาทง้ั 3 อยา ง หรอื ใชเปลอื กคใู ดคหู นงึ่ เอาใสปบเติมนาํ้ ใหเ ต็ม ตมประมาณ 1 ชวั่ โมงยกลง วธิ ใี ช - พอนาํ้ ยาอนุ ๆนาํ มาเทในซองที่ขุดหลุมไว ใหเทา แชน าํ้ นาน 1 ชว่ั โมง ทํา 3 - 4 วนั สรรพคณุ - รกั ษากบี ทเ่ี ปน แผลหรอื เลบ็ หลดุ กลุมส่ือสงเสริมการเกษตร สํานกั พัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพอื่ การเกษตร 31 ตํารบั ยา 5. รักษาแผลมหี นอน ตํารับยา ตํารบั ท่ี 1 ตนหรอื รากหนามเกย่ี วไก ยาสูบ น้าํ มันเบนซนิ วธิ ปี รุงยา - ขดู รากหรอื ตน หนามเก่ยี วไก ผสมกบั ยาสบู และนํา้ มนั เบนซนิ เลก็ นอ ย - ใสบ ริเวณทเ่ี ปน แผล วธิ ใี ช - รกั ษาแผลทมี่ หี นอน ทําใหห นอนเมาและตาย สรรพคุณ ตาํ รบั ท่ี 2 ยาสบู ปูนแดง วิธีปรุงยา - นาํ ยาสูบผสมกับปูนแดง - อุดรแู ผล กอ นใสย าใหเ อาตวั หนอนออกกอน วธิ ใี ช - รักษาโรคแผลเนา มหี นอน สรรพคณุ 6. รักษาโรคเตานมอกั เสบในโคนม ตํารับที่ 1 หญา งวงชาง 1 กโิ ลกรัม นาํ้ ตาลทรายแดง 1 กโิ ลกรัม นาํ้ 1 ปบ วิธปี รุงยา - นาํ ทกุ อยา งมาตม รวมกนั กรองเอานา้ํ - กรอกใหสตั วก ินวนั ละ 1 ขวดลโิ พ โคนมทเ่ี ปน เตา นมอกั เสบระยะตน กนิ 3 วนั จะหาย วิธีใช - หญา งวงชา งมสี ารออกฤทธทิ์ ต่ี า นเชอื้ แบคทเี รยี เชอ้ื รา เชอ้ื ไวรสั พวกเรมิ และมฤี ทธไิ์ ลแ มลง สรรพคณุ ตาํ รบั ท่ี 2 หญางวงชา ง เถาตดู หมตู ูดหมา นา้ํ 1 ปบ หรืออาจเพม่ิ นา้ํ ตาลทรายแดง วิธปี รุงยา - นาํ ทุกอยา งมาตมรวมกนั กรองเอานา้ํ วธิ ีใช - กรอกใหส ตั วก ินและควรรีดนํ้านมทงิ้ ดว ย สรรพคณุ - รกั ษาเตานมอักเสบ ตาํ รับที่ 3 พนั งูเขยี วทง้ั 5 นํา้ ตาลทรายแดง วธิ ีปรงุ ยา - นาํ มาตมรวมกัน วธิ ใี ช - กรอกใหก นิ 3 - 4 วนั หรอื ใหก นิ รว มเจตมลู เพลงิ แดงสด ถา เปน นอ ยใหพ นั งเู ขยี วกนิ สดจะหาย สรรพคณุ - รักษาเตา นมอักเสบ พนั งเู ขยี วมีสารออกฤทธท์ิ มี่ ผี ลตอการตา นเช้ือแบคทเี รยี และเรง ให กลา มเนอื้ คลายตัวไดด ี ตาํ รับท่ี 4 วธิ ีปรงุ ยา หัวไพล น้าํ อนุ วธิ ีใช - นําหวั ไพลมาตําละเอียดหอ ผาขาวบางแชน้ําอนุ สรรพคุณ - นาํ มาประคบเตา นมท่ีอกั เสบ - ลดการบวม เตานมอักเสบ กลมุ ส่อื สงเสรมิ การเกษตร สํานักพัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมุนไพรเพื่อการเกษตร 32 ตาํ รบั ยา 7. รักษาตาอกั เสบ ตาํ รับที่ 1 ปนู กินหมาก เปลอื กหอยแครง พิมเสน วิธีปรงุ ยา - เอาปนู กนิ หมาก และเปลอื กหอยแครงบดมาเผาไฟตง้ั ทง้ิ ไวใหเ ยน็ เอามาบดใหเ ปน ผงละเอียดรวมกบั พิมเสน กรองดวยผา ขาวบางเปนฝนุ ละเอยี ด วิธใี ช - บรรจุผงลงในหลอดกาแฟเปา เขา ชองจมกู หรอื ตาประมาณ 4 - 5 ครงั้ สรรพคุณ - รกั ษาตาเจบ็ ตาํ รับที่ 2 ลกู มะคําดคี วาย น้าํ ฝน วธิ ีปรงุ ยา - เอาลูกมะคาํ ดคี วาย 1 ลกู ตาํ ใหแ ตกใสขวดแมโขงแบนเลก็ แลวเอานา้ํ ฝน ใสลงไปในในขวดใหเตม็ แลวเขยาขวดใหฟ องออก วิธใี ช - พน ตาท่ีเจ็บทกุ เชา ประมาณ 4 - 5 วนั สรรพคุณ - รักษาอาการขาวเปนดวงทล่ี ูกตาดํา ตาํ รบั ที่ 3 ขาวสาร 1 หยบิ เกลือ 1-2 เมด็ วิธีปรงุ ยา - เคี้ยวขา วสารและเกลอื ใหละเอยี ด วิธีใช - พน ใสตาในลูกตาทมี่ พี ยาธิ วนั ละ 1 ครั้ง ใชประมาณ 1 – 2 ครง้ั สรรพคณุ - รกั ษาโรคพยาธใิ นลกู ตาควาย กลมุ สื่อสงเสริมการเกษตร สํานกั พัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

สมนุ ไพรเพ่อื การเกษตร 33 ตาํ รบั ยา 8. บํารงุ วัว - ควายกนิ หญา ดี ตาํ รบั ที่ 1 บอระเพด็ 1 กโิ ลกรัม เกลอื 3 กํามือ ปสสาวะคน นาํ้ ซาวขา ว (ไขไก ไขเ ปด) วธิ ีปรุงยา - เอาบอระเพด็ มาหมกั กับเกลอื นาํ้ ปส สาวะ และนํา้ ซาวขา วพอทว มท้ิงไว 7 วนั วิธใี ช - รินเอานา้ํ มาผสมกับไข 1 ฟอง (อาจไมผ สมไขกไ็ ด) กรอกใหส ัตวกนิ ตอนเชา หรือตง้ั ไว ใหส ัตวก นิ สรรพคุณ - ทาํ ใหว ัว – ควาย อว นขึน้ รกั ษาอาการเบอื่ อาหาร ไมก นิ หญา ตํารบั ท่ี 2 ลกู ยอสกุ ขา วบดู เกลอื นํา้ วธิ ีปรุงยา - นาํ ลกู ยอสกุ ดองกับขาวบดู กบั เกลอื ผสมน้ํา วิธีใช - รินเอานาํ้ กรอกใหส ัตวกนิ ตอนเชา หรอื ตงั้ ไวใหก นิ ทงั้ เนือ้ และนํา้ สรรพคณุ - รกั ษาอาการสัตวไ มก นิ หญา เบื่ออาหาร ตํารบั ที่ 3 เปลอื กสะเดา นา้ํ ซาวขาว เกลือ ไพล ขม้นิ มะกรูด วธิ ีปรงุ ยา - นําเปลือกสะเดามาตใี หแตกตํารวมกับขมิน้ ไพล ใหแหลก ผามะกรดู นําทกุ อยาง มาผสมกนั แชในถงั กรองเอานา้ํ วธิ ใี ช - รินเอานา้ํ กรอกใหส ัตวก นิ สรรพคณุ - รักษาอาการสตั วไ มก ินหญา เบอื่ อาหาร ตํารบั ท่ี 4 ยาดํา ไพล สม มะขามเปย ก วธิ ปี รงุ ยา - ใชย าดําขนาด 2 เทา หวั แมม อื ผสมกบั สม มะขามเปย กหรอื ไพล ขนาด 2 กอ น เทา หวั แมม อื แลว ละลายนํ้า วิธใี ช - กรอกขนาด 1 กระบอกไมไ ผ เวลาไหนกไ็ ด สรรพคณุ - ควายจะมรี ะบบขับถายเปน ปกตดิ ี กลมุ สอ่ื สงเสรมิ การเกษตร สํานักพฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

เอกสารอางอิง กรมปศุสตั ว. มปป. สมนุ ไพรทางเลอื กใหมสําหรบั การเลีย้ งสตั ว. (แผนพับ) กรมวิชาการเกษตร. มปป. การปลกู ตะไครหอม. (อดั สาํ เนา) กรมวชิ าการเกษตร. 2544. พชื ฆา แมลงและพืชมพี ิษบางชนดิ ในประเทศไทย . (อดั สาํ เนา) กรมวิทยาศาสตรการแพทย. 2544 . มาตรฐานสมนุ ไพรไทย ฟาทะลายโจร. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพการศาสนา. กรมสง เสริมการเกษตร. 2545. รายละเอยี ดการใชส มนุ ไพรปองกนั กําจดั ศัตรพู ืชแยกรายชนิดสมุนไพร. เอกสารประกอบการประชมุ คณะอนกุ รรมการกลั่นกรองภูมปิ ญญาทอ งถิ่น (กลมุ งานภูมิปญญาทอ งถนิ่ สํานักพฒั นาเกษตรกร ) 2 กรกฎาคม 2545 ณ หองประชมุ กรมสง เสรมิ การเกษตร จตจุ กั ร กรุงเทพฯ. (อดั สําเนา) กรมสงเสรมิ การเกษตร. 2545. เอกสารประกอบการจัดทาํ ศนู ยเ ชอ่ื มโยงขอมูลการผลิตและ ตลาดสมนุ ไพร.(อัดสําเนา) กรมสงเสรมิ การเกษตร. 2546. การควบคุมศัตรพู ืชโดยชวี ภาพ. (อัดสาํ เนา) เฉลิม เนตรศริ ิ. 2526. “มาปลูก...โลวต นิ๊ หรอื หางไหลแดงไวฆ าแมลงกนั ดไี หม?”.ชาวเกษตร.28 (กนั ยายน 2526 ) : 3 -15 . ณรงค จึงสมานญาติ , ธเนศร ทพิ ยรักษ และทววี ัฒน ทศั นวัฒน . 2542. การผลิตสารสกัดจากพชื ที่มฤี ทธฆิ์ าเห็บโค.กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั ออฟเซท็ ครเี อช่ัน จํากัด. พนัส บูรณศลิ ปน .2539. “หนอนตายหยาก”.กสกิ ร (กรกฎาคม – สงิ หาคม 2539 ) : 342 - 343 . ภาวนา อัศวะประภา .ไมปรากฏปท พี่ มิ พ. คูม ือการปลกู พชื สมุนไพร.กรงุ เทพฯ : กองเกษตรสมั พนั ธ. มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล , จฬุ าลงกรณม หาวทิ ยาลยั , มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร ,สาํ นกั งานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ัย และ ศูนยพ นั ธวุ ศิ วกรรมและเทคโนโลยีชวี ภาพแหงชาติ .2545 . สมนุ ไพรไทย : โอกาสและทางเลือกใหมของ อุตสาหกรรมผลิตสัตว. เอกสารประกอบการประชมุ วชิ าการ ระหวา งวนั ที่ 24 - 25 ตุลาคม 2545 ณ โรงแรมมารวยการเ ดน จตุจักร กรงุ เทพฯ. สถาบนั วิจัยสมุนไพร. 2540. สมนุ ไพรพน้ื บาน(ฉบบั รวม). กรุงเทพฯ : พ.ี เอ. ลิฟวงิ่ จาํ กัด. กลมุ ส่อื สงเสริมการเกษตร สํานักพัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

ทม่ี า กรมสง เสรมิ การเกษตร.2546.สมนุ ไพรเพอ่ื การเกษตร.กรงุ เทพฯ:โรงพมิ พช มุ นมุ สหกรณก ารเกษตรแหง ประเทศไทยจํากดั เรียบเรียง : ศภุ วรรณ เค่ยี นเมธี ภัสรา ชวประดิษฐ อําพร เนติ สว นสงเสรมิ การผลติ ผัก ไมดอกไมป ระดบั และสมุนไพร สํานกั สง เสรมิ และจดั การสนิ คาเกษตร กรมสง เสริมการเกษตร ผลิตและเผยแพร : สาํ นกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี พิมพ : ครง้ั ท่ี 1 ป 2546 จาํ นวน : 4,000 เลม จดั ทําและเผยแพรทางเว็บไซต กลมุ ส่อื สงเสริมการเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสรมิ การเกษตร กลุมสื่อสงเสรมิ การเกษตร สํานกั พฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook