สรุปผลการดาเนินงาน โครงการจิตอาสาพัฒนาชุมชน ประจำปีงบประมำณ 2564 กศน.ตำบลทำ่ เยีย่ ม ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชยั
คำนำ ก เอกสารสรุปผลโครงการเล่มนี้ จัดทาข้ึนเพื่อสรุปผลการดาเนินงานปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ จากการจัดกิจกรรมในโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน ของ กศน.ตาบลท่าเย่ียม ศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอโชคชัย เพื่อเป็นข้อมูลสาหรับใช้ในการพัฒนาการดาเนินงานในคร้ัง ต่อไป คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มน้ี จะเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมเพ่ือส่งเสริม และพฒั นา งานการศกึ ษาตอ่ เนือ่ ง อน่ื ๆ ต่อไป กศน.ตาบลท่าเยีย่ ม กรกฎาคม 2564
สำรบญั ข คำนำ หน้ำ สำรบัญ บทท่ี 1 บทนำ ก ข หลักการและเหตผุ ล 1 วัตถุประสงค์ 1 เป้าหมาย 1 ผูร้ บั ผิดชอบโครงการ 1 เครอื ข่ายทเ่ี กยี่ วข้อง 2 ผลลพั ธ์ (Outcome) 2 ดชั นีชวี้ ดั ผลของโครงการ 2 การตดิ ตามและประเมนิ ผล 2 บทท่ี 2 เอกสำรกำรศกึ ษำและงำนวจิ ยั ที่เก่ียวข้อง 2 ความหมายของจติ อาสา 3 ความหมายของการอนุรักษส์ งิ่ แวดลอ้ ม 3 หลักการและวธิ กี ารอนรุ กั ษ์สง่ิ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ 4 แนวทางอนุรักษ์สงิ่ แวดล้อม 4 บทท่ี 3 วิธีกำรดำเนนิ งำน 5 บทที่ 4 ผลกำรวิเครำะหข์ อ้ มูล 8 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรำยผล และขอ้ เสนอแนะ 9 บรรณนุกรม 15 ภำคผนวก ภาพกิจกรรม รายชือ่ ผู้เข้าร่วมโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน ตารางวิเคราะห์ขอ้ มลู โครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน โดยใช้โปรแกรม spss แบบประเมินโครงการโครงการจิตอาสา พฒั นาชุมชน โครงการจติ อาสา พฒั นาชุมชน ผูจ้ ดั ทำ ข
บทที่ 1 บทนำ หลกั กำรและเหตุผล เน่ืองจากปัจจุบันนี้ความเจริญทางด้านวัตถุได้เพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว ทาให้สังคมเกิดค่านิยมที่ให้ ความสาคัญกับอานาจเงินทองมากกว่าที่จะให้ความสาคัญกับจิตใจและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ท่ีเป็นจิตสาธารณะ ส่งผลให้สังคมเกิดความเสื่อมโทรม การปลูกจิตสานึกด้านจิตสาธารณะหรือจิตอาสา คือการปลูกฝังจิตใจให้ ประชาชนมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม เป็นการสร้างคุณธรรม จริยธรรมให้ ประชาชน รู้จักเสียสละ ร่วม แรงร่วมใจและร่วมมือในการทากิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวมหรือกิจกรรมท่ีช่วยลดปัญหาที่เกิดข้ึนในสังคม เพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพชวี ติ และสร้างประโยชน์สุขของคนในสังคมรว่ มกัน การปลกู จติ สานึกด้านจติ สาธารณะ หรือ การสร้างจิตอาสาเพื่อพัฒนาชุมชนจะมีส่วนสาคัญท่ีจะทาให้ ประชาชน ได้พัฒนาสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์และ สังคม จะเป็นประโยชน์แก่ตนเองและชุมชน เช่น กิจกรรม การทาความสะอาดพื้นท่ีต่าง ๆ ภายในบริเวณศาลา ประชาคมหมู่บ้าน ป่าชุมชน และทรัพยากร สิ่งแวดล้อมในชุมชน การปลูกผักสวนครัวในชุมชน เป็นการปรับ กระบวนทัศน์การใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประชาชน รับมือกับวิกฤต เศรษฐกิจให้กับคนในพื้นท่ี จากสถานการณ์โควิด-19 หากเราสามารถพ่ึงพาตนเองได้จากการมีอาหารเพียงพอใน ครวั เรือน ส่วนท่เี หลือสรา้ งรายได้ ตาบลท่าลาดขาว ตาบลท่าเย่ียม ตาบลละลมใหม่พัฒนา ตาบลทุ่งอรุณ และตาบลพลับพลา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอโชคชัย ได้นานโยบายสู่การปฏิบัติ โดยวางแผนร่วมกับ ผู้นาชมุ ชน องค์กรนักศกึ ษา และคณะกรรมการ กศน.ตาบลท่าลาดขาว และกศน.ตาบลท่าเยี่ยม เพื่อสนองนโยบาย ดงั กลา่ ว จึงจดั โครงการจติ อาสาพัฒนาชุมชน เพ่อื คนในชุมชนควรท่จี ะช่วยกันดแู ล และสภาพแวดล้อมในชุมชนให้มี ความสะอาด รม่ รน่ื นา่ อยู่ น่ามอง นา่ อาศัย กจิ กรรมโครงการนส้ี ามารถสรา้ งความสมั พนั ธข์ องคนในชุมชนใหร้ ว่ มแรงรว่ มใจ ชว่ ยกนั พัฒนา บ้านเกิด และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขเพื่อสนองนโยบาย ดังกล่าวจึงจัดโครงการจิตอาสาพัฒนาชุมชน ใหก้ ลับมามสี ภาพแวดล้อมทีด่ ี ถกู สขุ ลักษณะ วัตถปุ ระสงค์ เพื่อสร้างจิตสานึกให้ประชาชนเกิดความรัก ความสามัคคี ในชุมชนและพัฒนาชุมชนให้มี สภาพแวดลอ้ มที่ดี เพอื่ สร้างความมั่นคงทางอาหาร ดา้ นการปลูกผกั สวนครัว และรับมือกบั วิกฤตเศรษฐกิจใหก้ ับคน ในพนื้ ท่ีพึ่งพาตนเองได้จากการมีอาหารเพียงพอในครัวเรือน สว่ นที่เหลอื สรา้ งรายได้ เปำ้ หมำย เชงิ ปริมำณ ประชาชน ตาบลท่าเย่ยี ม อาเภอโชคชัย จงั หวดั นครราชสีมา จานวน 20 คน เชิงคณุ ภำพ ประชาชน ตาบลทา่ เยย่ี ม อาเภอโชคชัย จงั หวดั นครราชสีมา ทเี่ ขา้ รว่ มโครงการฯ รอ้ ยละ 100 มีสว่ นรว่ มในการพัฒนาชุมชน และเกิดความรกั ความสามคั คขี องคนในชุมชน และทาให้ชุมชน สะอาด นา่ อยู่ นา่ อาศัย สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พัฒนาชมุ ชน ปงี บประมาณ 2564 1
ผรู้ ับผดิ ชอบโครงกำร สิทธเิ จริญยศ ครู กศน.ตาบล มงุ่ ภกู่ ลาง ครู อาสาสมัคร กศน. นางสาววรรณนิภา นายสมชาย เครือข่ำย -เทศบาลตาบลทา่ เยี่ยม -ผนู้ าชมุ ชนตาบลท่าเยยี่ ม โครงกำรท่เี ก่ยี วขอ้ ง โครงการจิตอาสาพัฒนาส่งิ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาตใิ นชุมชน ผลลัพธ์ (Outcome) ประชาชนทีเ่ ขา้ ร่วมโครงการฯ มีส่วนร่วมในการพัฒนาชมุ ชน เกิดความรัก ความสามคั คีของคนในชมุ ชน ดชั นีชวี้ ัดควำมสำเรจ็ ของโครงกำร ตัวช้ีวัดผลผลติ (Output) ประชาชนท่ีเขา้ ร่วมโครงการฯ จานวน 100 คน มสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาชุมชน และเกิดความรกั ความสามคั คขี องคนในชมุ ชน และทาให้ชุมชนสะอาด น่าอยู่ นา่ อาศยั ตวั ชวี้ ดั ผลลัพธ์ (Outcome) ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ร้อยละ 100 มี ส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน เกิดความรัก ความสามคั คีของคนในชุมชน กำรติดตำมและประเมนิ ผลโครงกำร -สงั เกตการมีสว่ นร่วม -แบบประเมินโครงการ สรปุ ผลการดาเนินงานโครงการจติ อาสา พฒั นาชุมชน ปงี บประมาณ 2564 2
บทที่ 2 เอกสำรกำรศึกษำและงำนวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วข้อง ในการจดั ทารายงานครั้งน้ีได้ทาการศึกษาคน้ คว้าเนื้อหาจากเอกสารการศึกษาและงานวิจัยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ดังต่อไปน้ี 1. ความหมายของจติ อาสา 2. ความหมายของการอนรุ กั ษ์สงิ่ แวดล้อม 3. หลกั การและวธิ ีการอนรุ กั ษ์ส่งิ แวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ 4. แนวทางอนุรักษส์ ิง่ แวดล้อม 1. ควำมหมำยของจติ อำสำ (Volunteer Spirit) จติ อาสา หรอื จติ สาธารณะ (public consciousness หรือ Public mind) หมายถงึ จิตสานึกเพ่ือ สว่ นรวมเพราะคาวา่ \"สาธารณะ\" คอื สิ่งทม่ี ไิ ดเ้ ป็นของผหู้ น่ึงผใู้ ด จติ สาธารณะจึงเปน็ ความรสู้ กึ ถงึ การเป็นเจา้ ของใน สงิ่ ท่ีเป็นสาธารณะ ในสทิ ธิและหนา้ ทีท่ ่ีจะดแู ล และ บารุงรักษารว่ มกนั จิตอาสา หรอื มจี ติ สาธารณะ\" ยงั หมายรวมถึง จิตของคนทร่ี จู้ ักความเสียสละ ความรว่ มมือ ร่วมใจ ในการทาประโยชนเ์ พ่ือส่วนรวม จะช่วยลดปญั หาทเี่ กิดข้ึนในสังคม ช่วยกันพัฒนาคุณภาพชวี ติ เพอ่ื เป็นหลกั การในการดาเนินชวี ติ ช่วยแกป้ ญั หาและสร้างสรรค์ให้เกดิ ประโยชนส์ ุขแก่สังคม เช่น การช่วยกันดูแล รกั ษาสิง่ แวดลอ้ ม โดยการไมท่ ้งิ ขยะลงในแหล่งนา้ การดูแลรกั ษาสาธารณสมบตั ิ เช่น โทรศพั ทส์ าธารณะ หลอดไฟฟ้าทใ่ี ห้ความสว่างตามถนนหนทาง แมแ้ ต่การประหยดั น้า ประปา หรอื ไฟฟ้า ท่ีเปน็ ของสว่ นรวม โดย ใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์อย่างคุ้มคา่ ตลอดจนชว่ ยกนั ดูแลรกั ษา ให้ความชว่ ยเหลือผู้ตกทกุ ข์ได้ยาก หรือผทู้ รี่ อ้ งขอ ความชว่ ยเหลอื เท่าทจี่ ะทาได้ ตลอดจนร่วมมือกระทาเพื่อไมใ่ ห้เกดิ ปญั หา หรือชว่ ยกันแก้ปัญหา แต่ต้องไมข่ ัด ตอ่ กฎหมาย เพ่อื รกั ษาประโยชนส์ ว่ นรวมบัณทิตยสถาน ไดใ้ หค้ วามหมายของ จติ สานึกทางสังคม หรอื จิตสานึก สาธารณตระหนกั รู้และคานึงถงึ สว่ นรวมรว่ มกัน หรือการคานงึ ถึงผอู้ ื่นทร่ี ว่ มสมั พันธ์เปน็ กลมุ่ เดียวกนั สานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแหง่ ชาติ ไดใ้ ห้ความหมายว่า การรูจ้ กั เอาใจใสเ่ ปน็ ธรุ ะและเขา้ ร่วม ในเร่ืองของส่วนรวมทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อ ประเทศชาติ มี ความสานึกและยึดม่ันในระบบคณุ ธรรม และจรยิ ธรรม ท่ดี ีงาม ละอายต่อส่ิงผิด เนน้ ความเรยี บร้อย ประหยดั และมคี วามสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สรปุ จติ อาสา หรือจิตสาธารณะ หรือจติ สานกึ สาธารณะ คอื จติ สานกึ (Conscious) เปน็ การ ตระหนักรู้ตัว หรือเป็นจิตส่วนท่ีรู้ตัว รู้ว่าทาอะไร อยู่ท่ีไหน เป็นอย่างไรขณะที่ต่ืนอยู่น่ันเอง ส่วน คาว่า สาธารณะ (Public) เปน็ การแสดงออกเพอ่ื สังคมสว่ นรวม เป็นการบริการชมุ ชน ทาประโยชน์เพ่ือสังคม ถ้าเป็นส่ิงของก็ต้องใช้ ประโยชน์ร่วมกนั เมื่อนาสองคามารวม หมายถึง การตระหนกั รู้ตนทจ่ี ะทาส่งิ ใดเพ่ือเห็นแกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวม สรุปผลการดาเนินงานโครงการจติ อาสา พัฒนาชุมชน ปีงบประมาณ 2564 3
2. ควำมหมำยของกำรอนุรักษส์ ง่ิ แวดล้อม การอนุรักษส์ ่ิงแวดล้อม (Environmental Conservation) หมายถึงการใช้สิ่งแวดลอ้ ม อย่างมเี หตุผล เพอ่ื อานวยใหม้ คี ุณภาพชีวิตทดี่ ตี ลอดไปแกม่ นุษย์ โดยมีแนวความคิดท่ีจะอนรุ ักษ์สงิ่ แวดลอ้ มให้เกดิ ผลอยู่ 6 ประการคอื 1) ตอ้ งมคี วามรใู้ นการท่ีจะรักษาทรัพยากรธรรมชาติท่ีจะให้ผลแก่มนษุ ยท์ ั้งที่ เป็นประโยชนแ์ ละโทษ และ คานึงถึงเร่ืองความสูญเปล่าในการจะนาทรพั ยากรธรรมชาตไิ ปใช้ 2) รกั ษาทรัพยากรธรรมชาติทจี่ าเป็นและหายากดว้ ยความระมัดระวัง ตระหนกั เสมอ วา่ การใช้ทรัพยากร มากเกินไปจะเปน็ การไมป่ ลอดภยั ต่อสภาพแวดลอ้ ม ฉะนั้นตอ้ งทาใหอ้ ยู่ในสภาพเพ่ิมพนู ท้ังดา้ นกายภาพและ เศรษฐกิจ 3) รกั ษาทรัพยากรที่ทดแทนไดใ้ ห้มีสภาพเพมิ่ พูนเท่ากับอตั ราท่ตี อ้ งการใช้เปน็ อยา่ งน้อย 4) ประมาณอัตราการเปลี่ยนแปลงของประชากรได้ พจิ ารณาความต้องการใช้ทรพั ยากรธรรมชาตเิ ปน็ สาคญั 5) ปรบั ปรุงวธิ ีการใหม่ ๆ ในการผลติ และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสทิ ธิภาพและพยายามค้นคว้าสง่ิ ใหม่ ๆ ทดแทนการใชท้ รพั ยากรจากแหลง่ ธรรมชาติใหเ้ พียงพอต่อความตอ้ งการใชข้ องประชากร 6) ใหก้ ารศกึ ษาแก่ประชาชนเพอ่ื เขา้ ใจถึงความสาคัญในการรักษาสมดุลธรรมชาติ ซงึ่ มีผลต่อการทาให้ สิง่ แวดลอ้ มอยู่ในสภาพท่ีดี โดยปรบั ความร้ทู ่ีจะเผยแพร่ใหเ้ หมาะแก่วัย คุณวฒุ ิ บุคคล สถานท่หี รอื ทอ้ งถ่นิ ทัง้ ใน และนอกระบบโรงเรยี น เพ่ือให้ประชาชนเขา้ ใจในหลักการอนรุ กั ษ์สิ่งแวดล้อม อันจะเป็นหนทางนาไปสู่อนาคตที่ คาดหวงั วา่ มนุษยจ์ ะได้อาศยั ในสิ่งแวดลอ้ มท่ีดีได้ 3. หลักกำรและวิธกี ำรอนรุ ักษ์ส่งิ แวดล้อมและทรพั ยำกรธรรมชำติ การอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ คือ การใช้ส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญ ฉลาดและใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ หลักการและวิธกี ารอนุรักษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ มีดงั นี้ 1. กำรถนอมรกั ษำคือ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติให้คงสภาพท้ังปริมาณและคุณภาพ เอาไว้ โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น กรณีแร่เหล็กแทนที่จะนามาใช้โดยตรงก็นาไป ผสมกับแร่ธาตุอ่ืน ๆ เพ่ือใช้เป็นเหล็กกล้า ซึ่งนอกจากจะลด ปริมาณการใช้เนื้อเหล็กให้น้อยลงแล้วยังช่วยยืดอายุ การใช้งานให้ยาวนานออกไปอกี ดว้ ย เปน็ ต้น 2. กำรบูรณะฟ้ืนฟคู ือ การทาให้ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมกลับคืนมาใช้ประโยชน์ได้เหมือนเดิม เชน่ ดินทน่ี ามาใช้เพอ่ื การเพราะปลูกพชื ชนิดเดยี วกนั ตดิ ตอ่ กันเปน็ เวลานานจะทาใหค้ ุณภาพของดนิ เสอ่ื มลง การบูรณะฟืน้ ฟูจะทาได้โดยการใส่ปุ๋ยปลกู พชื คลุมดิน หรอื พกั หน้าดนิ ไว้สักช่วงระยะหนึง่ เปน็ ตน้ 3. กำรนำกลับมำใช้ใหม่ หรือที่เรียกว่า รีไซเคิล นอกจากการถนอมรักษาและการบูรณะฟ้ืนฟูส่ิงแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติแล้ว การนาทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมทใ่ี ชไ้ ปแลว้ กลบั มาใช้ใหมถ่ ือเป็นการอนุรักษ์ อีกวิธีหน่ึง ซึ่งการอนุรักษ์ชนิดน้ีจะทาได้ดีกับทรัพยากรน้าและแร่ธาตุบางชนิด เช่น การนาเศษกระดาษ พลาสติก อลูมิเนยี ม สงั กะสี ตะกั่ว ทองแดง และเหล็กทีท่ งิ้ แล้วกลบั มาหลอมหรือเปลย่ี นสภาพ ให้นากลบั มาใชไ้ ด้อกี เปน็ ตน้ สรุปผลการดาเนินงานโครงการจติ อาสา พัฒนาชมุ ชน ปีงบประมาณ 2564 4
4. กำรเพมิ่ ประสิทธิภำพในกำรใช้งำนส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติบางชนิดจะไม่สามารถนามาใช้ ประโยชน์ได้มาก เช่น น้าท่ีไหลลงมาตามลาน้า ถ้าหากสร้างเขื่อนขวางกั้นลาน้าเพื่อยกระดับของน้าให้เขื่อนสูงขึ้น แลว้ นาพลงั งานน้านนั้ มาใช้ผลิตกระแสไฟฟา้ ซง่ึ เป็นการเพิม่ ประสทิ ธิภาพในการใชง้ านอีกวธิ หี นง่ึ 5. กำรนำสิ่งอื่นมำใช้ทดแทนการนาสิ่งอื่นมาใช้ทดแทนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมบางชนิดอาจ ทาได้ เชน่ การนากา๊ ซธรรมชาติ มาใช้ทดแทนน้ามันเชื้อเพลิงในรถยนต์ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทดแทนพลังงาน ไฟฟ้า ซง่ึ ทาให้ประหยัดค่านา้ มันเชื้อเพลงิ ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นตน้ 6. กำรสำรวจแหล่งทรัพยำกรเพ่ิมเติมเป็นการค้นหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น การใช้เครื่องตรวจสอบรังสีในการสารวจแร่ยูเรเนียม การใช้ระบบคลื่น แผ่นดินไหวเทยี มเพือ่ สารวจหานา้ มนั และกา๊ ซธรรมชาติ เป็นต้น 7. กำรประดิษฐ์ของเทยี มขึ้นใช้ ความเจรญิ กา้ วหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มนุษย์สามารถ ผลติ ของเทียมข้ึนใช้แทนการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ เช่น ยางเทียม ไหมเทียม เป็นต้น ความสามารถดังกล่าวจึงช่วย ลดปรมิ าณการใช้ทรัพยากรธรรมชาตบิ างชนดิ ให้น้อย 4. แนวทำงอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม การอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมจะได้ผลย่ังยืนข้อมูลน้ัน ตลอดจนต้องใช้มาตรการทางกฎหมายควบคุมแนวทางใน การอนรุ กั ษ์อยา่ งยั่งยืนมี 3 แนวทางดงั น้ี 1.การให้การศึกษาคือการสอนให้เข้าใจถึงหลักการ วิธีการอนุรักษ์ มีจริยธรรมเกิดสานักและร่วมในการ อนรุ กั ษ์ 2.การใช้เทคโนโลยใี นการนาทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มมาใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ 3.การใช้กฎหมายควบคุมเปน็ วิธีการสุดทา้ ยในการดาเนินการ กำรอนรุ กั ษ์บรรยำกำศ มหำสมทุ รและระบบนเิ วศบก การใช้ทรัพยากรเพ่อื สนองความต้องการของมนษุ ย์ ไมว่ ่าจะเป็นทรัพยากรป่าไม้ การเกษตร การประมง แร่ ธาตุ หิน ฯลฯ จะมีของเสียเกิดขึ้น ของเสียอาจจะอยู่ในรูปของของแข็ง (ขยะมูลฝอย กากสารพิษอันตราย) ของเหลว (น้าเสีย น้ามันและไขมัน) ก๊าซ (ฝุ่นละออง ก๊าซพิษ หมอกควัน ละอองสารพิษ) มลพิษทางฟิสิกส์ (เสียง แสง ความรอ้ น ความสน่ั สะเทอื น) ของเสยี และมลพษิ เหล่านี้ย่อมหมุนเวียนอยู่ท้ังบนบก มหาสมุทร และบรรยากาศ เฉกเช่นเดียวกับวัฎจักรของน้าของเสียและมลพิษ สิ่งแวดล้อมที่เป็นฝุ่นละออง แก๊สพิษ หมอกควัน ละอองสารพิษ จะลอยปนเปอ้ื นในบรรยากาศ สว่ นมากแลว้ จะเป็นกา๊ ซเรือนกระจก (greenhouse gases) ของเสียที่เป็นขยะมูลฝอย กากสารพิษ และน้าเสีย จะไหลลงสู่ลาน้า สุดท้ายลงสู่ทะเลและมหาสมุทร อาจจะทาให้ สิง่ มชี ีวิตในนา้ บางชนิดสญู พนั ธุ์ไปจากแหลง่ นา้ ได้ การอนุรกั ษ์ระบบนเิ วศบก ที่เปน็ แหลง่ ปัญหามีความสาคญั ย่ิง เน่ืองจากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ที่มี ทรัพยากรธรรมชาติมากมายที่สามารถตอบสนองต่อการดารงชีวิตของมนุษย์ได้ การจัดการควบคุมการอนุรักษ์หรือ การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ ของระบบบนบกจงึ ควรตอ้ งประยกุ ต์วิธีการอนุรักษ์เข้ามาช่วยจัดการ โดยเฉพาะการแบ่ง สรุปผลการดาเนินงานโครงการจติ อาสา พฒั นาชุมชน ปงี บประมาณ 2564 5
เขตพ้นื ทีผ่ ิวโลก เพ่อื ทจ่ี ะได้ทราบว่าพนื้ ทีผ่ วิ โลกส่วนใดทค่ี วรสงวนเก็บกักเอาไว้ พนื้ ทส่ี ว่ นใดท่มี ีศกั ยภาพในการฟ้ืนฟู พ้ืนที่ส่วนใดที่เห็นควรจะตอ้ งมีการฟน้ื ฟู รักษา/ซอ่ มแซมใหม้ ศี กั ยภาพดีขึ้น กำรปลูกปำ่ 3 อยำ่ ง ไดป้ ระโยชน์ 4 อยำ่ ง มดี ังน้ี “การปลกู ป่าถา้ จะให้ราษฎรมีประโยชน์ให้เขาได้ใหใ้ ช้วิธีปลกู ไม้ 3 อยา่ ง แต่มีประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กนิ ได้ ไม้เศรษฐกิจ โดยปลูกรองรับการชลประทาน ปลกู รับซับน้า และปลูกอดุ ช่วงไหลต่ ามร่องหว้ ยโดย รบั นา้ ฝนอย่างเดยี ว ประโยชนอ์ ย่างที่ 4 คอื สามารถช่วยอนุรกั ษ์ดนิ และน้า”แปลความสรปุ อยา่ งเขา้ ใจงา่ ย ปลูกไม้ใหพ้ ออยู่ พอกิน พอใช้ และระบบนิเวศน์ พออยู่ หมายถึง ไมเ้ ศรษฐกิจปลกู ไวท้ าท่ีอยู่อาศยั และจาหน่าย พอกิน หมายถงึ ปลูกพชื เกษตรเพือ่ การกนิ และสมุนไพร พอใช้ หมายถงึ ปลกู ไม้ไวใ้ ช้สอยโดยตรงและพลงั งาน เช่น ไมฟ้ ืน, และไม้ไผ่ เปน็ ตน้ ประโยชนต์ ่อระบบนิเวศน์ สรา้ งความสมบรู ณ์และก่อให้เกดิ ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นทีป่ า่ โครงกำรปลกู ป่ำ 3 อยำ่ งประโยชน์ 4 อยำ่ ง ตำมแนวปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลักกำรและเหตผุ ล วัตถปุ ระสงค์ 1. ใหป้ ระชาชนปลกู ตน้ ไมต้ ามแนวคดิ ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง 2. จัดรูปแบบการปลูกให้เกดิ คณุ คา่ และบูรณาการในพ้นื ที่ทากนิ เดิมใหม้ สี ภาพใกลเ้ คียงกบั ป่า 3. สร้างมลู คา่ ตน้ ไม้ทีป่ ลกู ทาใหเ้ ปน็ ทรัพย์ เพื่อออมทรพั ย์และใช้แกป้ ัญหาความยากจน วธิ ีกำรดำเนินกำร 1. กำรจัดแบง่ ทด่ี ินทำกินเพื่อใชป้ ลูกปำ่ 3 อยำ่ ง ประโยชน์ 4 อย่ำง จากพ้นื ทที่ ากนิ อยเู่ ดิม ท่ี เป็นพน้ื ท่ีสวน ไร่หรือนา แบ่งพ้ืนที่ออกมา รอ้ ยละ 30-50 โดยมรี ปู แบบการจัดแบ่ง 3 รูปแบบ ดงั นี้ 1.1 พ้ืนทีจ่ ัดแบง่ ปลูกป่ำ 3 อยำ่ งประโยชน์ 4 อย่ำง จัดแบ่งโดยใช้พ้ืนที่รอบแนวเขต พ้นื ทท่ี ากนิ ปลกู ในพื้นที่ร้อยละ 30-50 ตามแนวเขตแดนพ้ืนท่ี ทากิน 1.2 พ้ืนที่จดั แบ่งปลกู ปำ่ 3 อย่ำงประโยชน์ 4 อย่ำง จดั แบ่งออกมาชัดเจนเป็นส่วน ปลกู ในพืน้ ที่รอ้ ยละ 30-50 โดยจดั สว่ นอยดู่ ้านหนงึ่ ของพนื้ ที่ จัดแบ่งเปน็ รว้ิ หรอื แถบตามความเหมาะสม 1.3 พื้นทจี่ ัดแบง่ ปลกู ปำ่ 3 อยำ่ งประโยชน์ 4 อยำ่ ง 2. กำรจัดองคป์ ระกอบ พันธ์ไุ ม้ตำมวตั ถุประสงค์ โดยการปลูกพันธุ์ไม้ในพ้นื ทตี่ ามความเหมาะสม แต่ใหไ้ ด้องค์ประกอบซึ่งใหเ้ กิดความพออยู่ พอกนิ พอใช้ ดังนี้ 2.1 ปลกู เพอื่ ให้เกิดความเพียงพอในด้านพออยู่ เชน่ การปลกู ต้นไม้สาหรบั ใชเ้ น้ือไม้มา ปลูกสร้างอาคารบา้ นเรอื นทีอ่ ยอู่ าศยั เช่น ไม้ตะเคยี นทอง, สัก, ยางนา, มะฮอกกานี, กระทินเทพา, จาปาทอง ฯลฯ 2.2 ปลกู เพื่อใหเ้ กดิ ความเพยี งพอในด้านการพอกนิ เช่นการปลกู ต้นไมส้ าหรับใช้กิน เป็น อาหาร เปน็ ยาสมนุ ไพร เปน็ เครื่องด่ืม ตลอดจนพืชทป่ี ลกู เพ่ือการคา้ ขายผลผลติ เพือ่ ดารงชพี เช่น ไม้ผลตา่ ง ๆ ได้แก่ เงาะ, ทุเรยี น, มังคุด, ลองกอง, มะม่วง ฯลฯ ไม้ท่ใี ห้ผลผลิตเพ่ือขาย เชน่ ปาลม์ , มะพร้าว, ยางพารา ฯลฯ สรุปผลการดาเนินงานโครงการจติ อาสา พฒั นาชมุ ชน ปีงบประมาณ 2564 6
2.3 ปลกู เพื่อใหเ้ กิดความเพยี งพอในด้านการพอใช้ เชน่ ปลกู ต้นไม้สาหรับใชส้ อย ใน ครวั เรือน ใชพ้ ลงั งาน ใชเ้ ปน็ เคร่อื งมือตา่ ง ๆ ในการประกอบอาชพี ได้แก่ ไมไ้ ผ่,หวาย สาหรบั จกั สานเป็นเครื่อง เรอื น ของใช้ ฯลฯ ไมโ้ ตเรว็ บางชนิดท่ีใช้เป็นไม้ฟนื ,ถ่าน ไม้พลงั งาน เชน่ สบู่ดา, ปาล์ม ฯลฯ ไมท้ าเครอื่ งมือ การเกษตร ได้แก่ การทาด้ามจอบ, มีด, ขวาน, ทารถเข็น, โต๊ะ, เกา้ อี้, ตู้ ฯลฯ 3. องคป์ ระกอบตำมวัตถปุ ระสงค์ ปำ่ 3 อย่ำง ประโยชน์ 4 อยำ่ ง จดั โครงสร้ำงและลำดับชนั้ ต้นไมใ้ นป่ำ 3 อย่ำงประโยชน์ 4 อย่ำง เป็นการจัดโครงสร้าง พนั ธ์ไุ ม้ให้มสี ภาพใกลเ้ คยี งกับป่า เพื่อเป็นประโยชน์ตอ่ ความสมดลุ ของระบบนเิ วศ โดยให้มชี ้นั เรอื นยอด 3 ช้ัน ได้แก่ เรือนยอดชั้นบน เรอื นยอดช้นั กลาง เรอื นยอดช้นั ล่าง และหากจดั โครงสรา้ งด้านการใชป้ ระโยชน์จะเปน็ 4 ระดับ คือ ชั้นบน ชนั้ กลาง ช้ันล่างและช้ันใต้ดิน ตามรูปแบบเกษตร 4 ชนั้ , สวนโบราณ, สวนสมรม -ไมเ้ รือนยอดชัน้ บนได้แก่ ไม้ท่ีปลูกใช้เนอื้ ไมท้ าท่ีอยูอ่ าศัย เช่น ตะเคยี นทอง, สกั ยางนา, สะเดา, จาปาทอง ฯลฯ และไม้ทลี่ าต้นสงู และที่ลกู เปน็ อาหารได้ เชน่ สะตอ, เหรียง, กระทอ้ น, มะพรา้ ว หมาก ฯลฯ -ไม้ เรือนยอดช้นั กลางสว่ นใหญเ่ ป็นไม้เพอ่ื การกนิ , การขาย, การใช้เป็นอาหารและ สมุนไพร เช่น มะม่วง, ขนนุ , ชมพู่, มังคุด, ไผ่, ทเุ รียน, ลองกอง, ปาล์ม ฯลฯ -ไมท้ ี่ปกคลุมผิวดิน ท้งั ทีเ่ ปน็ อาหาร,สมนุ ไพรและของใช้ เช่น กาแฟ ผักป่าชนดิ ต่าง ๆ ชะ พูล, มะนาว, หวาย, สบู่ดา ฯลฯ -พันธุ์พืชท่ีใชป้ ระโยชนจ์ ากส่วนท่ีอยใู่ ต้ดิน (พืชหวั )เปน็ พชื ท่ีปลูกเพื่อความพอเพยี งในด้าน การกนิ ได้แก่ กลอย, ขงิ ขา่ , กระชาย, กระทอื ฯลฯ ซ่งึ กระบวนการปลกู ในรูปแบบดังกล่าวจะได้พนั ธ์ุไม้ทเ่ี กดิ ป่า 3 อย่าง คือ ปา่ เพื่อพออยู่ ปา่ เพ่อื พอกนิ และป่าเพ่อื พอใช้ และจะได้ประโยชนเ์ พิ่มในดา้ นการรักษาสมดุลดา้ นสิ่งแวดล้อม -เรอื นยอดชน้ั บน -เรือนยอดชนั้ กลาง -เรอื นยอดช้ันลา่ ง -ใต้ดนิ กระบวนกำรสร้ำงมลู คำ่ ต้นไม้ ในโครงกำรปลกู ป่ำ 3 อยำ่ งประโยชน์ 4 อย่ำง เปน็ การใหค้ ณุ ค่า ไม้ ให้เป็นมลู ค่าเพื่อเกิดการพออย่ตู ามนยั ที่ ให้พอรักษาที่ดินทากนิ ให้อยกู่ บั เจ้าของผูท้ ากิน ให้เปน็ มูลคา่ เพ่ือ การศกึ ษาเรยี นรู้ ในการลดค่าใชจ้ า่ ยจากพืชท่ปี ลูกไว้บรโิ ภคเอง พนื้ ทป่ี ลูกปำ่ 3 อยำ่ ง ประโยชน์ 4 อยำ่ ง -ในพนื้ ทท่ี ากนิ ของประชาชนในชุมชนท่อี ยู่ในหรือรอบแนวเขตปา่ -ชมุ ชนต้นแบบเศรษฐกจิ พอเพยี งตามความเหมาะสม -ในพื้นท่ีใช้ประโยชน์ร่วมกันของชมุ ชน สรปุ ผลการดาเนินงานโครงการจติ อาสา พฒั นาชุมชน ปงี บประมาณ 2564 7
บทท่ี 3 วิธกี ำรดำเนนิ งำน การดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พัฒนาชมุ ชน คณะทางานไดด้ าเนินงาน ดงั นี้ 1. สารวจกลมุ่ เปา้ หมาย ประชาชน จานวน 20 คน 2. ประชุม/ช้ีแจงวางแผนการดาเนินงาน แก่บุคลากร กศน.อาเภอโชคชัย เพ่ือกาหนด รูปแบบและวางแผนการดาเนนิ งาน ในเดือนพฤษภาคม 2564 ณ หอ้ งประชุม กศน.อาเภอโชคชัย 3. จัดเตรียมเอกสาร/วัสดุอุปกรณ์ และประสานสถานที่ เพ่ือเตรียมความพร้อมด้าน เอกสารวสั ดุอุปกรณ์ และสถานท่ี ในวันท่ี 21 มิถุนายน 2564 ณ บา้ นโจด หมทู่ ี่ 4 ตาบลทา่ เยีย่ ม อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสมี า 4. ดาเนนิ การจัดโครงการจติ อาสา พฒั นาชมุ ชน ดาเนนิ การ ในวันท่ี 25 มถิ ุนายน 2563 ณ บา้ นโจด หมู่ที่ 4 ตาบลทา่ เยี่ยม อาเภอโชคชยั จังหวัดนครราชสมี า กจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมโครงกำรจติ อำสำ พฒั นำชมุ ชน นายสวงษ์ ทิตวรางกูล ผใู้ หญบ่ ้าน หมู่ 4 บา้ นโจด วิทยากรบรรยายใหค้ วามรู้เรื่องจติ อาสา จิตอาสา คือ ผูท้ ่ีมจี ิตใจทเ่ี ปน็ ผใู้ ห้ เชน่ ใหส้ ่ิงของ ใหเ้ งิน ให้ความช่วยเหลอื ดว้ ยกาลงั แรงกาย แรงสมอง ซึ่ง เป็นการเสยี สละ สิง่ ท่ตี นเองมี แมก้ ระทง่ั เวลา เพื่อเผอ่ื แผ่ ใหก้ ับส่วนรวม...อีกทง้ั ยงั ช่วยลด \"อตั ตา\" หรอื ความเปน็ ตวั เป็นตน ของตนเองลงได้บ้าง จิตอาสา คือ จิตแห่งการใหค้ วามดงี ามท้งั ปวงแก่เพื่อนมนุษย์ โดยเตม็ ใจ สมคั รใจ อิ่มใจ ซาบซึง้ ใจ ปตี ิสขุ ท่ีพรอ้ มจะเสียสละเวลา แรงกาย และสตปิ ญั ญา เพอ่ื สาธารณประโยชน์ ในการทากิจกรรม หรอื สงิ่ ท่เี ป็นประโยชน์ แก่ผอู้ นื่ โดยไมห่ วังผลตอบแทน และมคี วามสุขทีไ่ ด้ช่วยเหลือผูอ้ ่ืน เป็นจิตที่ไม่นงิ่ ดดู าย เม่อื พบเห็นปัญหา หรือความ ทุกขย์ ากท่เี กิดข้ึนกบั ผู้คน เป็นจิตทม่ี คี วามสุขเมื่อได้ทาความดี และเห็นน้าตาเปลี่ยนเปน็ รอยยิม้ เปน็ จิตท่ีเปี่ยมด้วย \"บุญ\" คือความสงบเยน็ และพลังแหง่ ความดี อีกท้ังยงั ช่วยลด \"อตั ตา\" หรอื ความเปน็ ตัวเปน็ ตนของตนเองลงได้ รวมถึงใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ แสดงออกถงึ พฤติกรรมการชว่ ยเหลอื สงั คม มคี วามสามัคคีให้หมคู่ ณะ ได้เสริมสร้างความรู้ คุณธรรม จริยธรรมและปฏิบัตติ นตามหลักพระพุทธศาสนาได้อย่างเหมาะสม ปลูกฝงั สร้าง จิตสานึกที่ดีกับจิตอาสา ซ่งึ เป็นการขัดเกลาทางจติ ใจให้กับสมาชกิ ให้เห็นคณุ คา่ ของการชว่ ยเหลอื ผอู้ ืน่ มีส่วนร่วมใน การพัฒนาชุมชน และเกิดความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชน และทาให้ชุมชนสะอาด น่าอยู่ น่าอาศัย -ประชาชน ร่วมกันแลกเปลย่ี น เรียนร้หู าแนวทางการอนุรักษ์ ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม การดูแลรกั ษาป่าไมช้ มุ ชน ประชาชนที่เข้ารว่ มโครงการรว่ มพฒั นาป่าไม้ชุมชน ดแู ลรักษา ใสป่ ยุ๋ พรวนดนิ บรเิ วณ โคนตน้ ไม้ ทาความสะอาด ตกแตง่ ก่งิ พันธ์ุไม้ ให้มีความสะอาด รว่ มกนั ปลกู กระชาย พืชสมุนไพร และปลูกผักสวน ครวั ปลอดสารพิษ สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พฒั นาชมุ ชน ปงี บประมาณ 2564 8
บทที่ 4 ผลกำรวิเครำะห์ขอ้ มูล การวิเคราะห์ข้อมูลคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลกิจกรรมโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน จากผูต้ อบแบบประเมนิ โครงการ จานวน 20 คน เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบประเมินโครงการ ได้นาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในแบบตารางความถี่ ค่าเฉล่ีย และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ซึง่ ใชโ้ ปรแกรม SPSS เพ่อื วิเคราะหค์ า่ สถติ ทิ งั้ หมด ดงั มรี ายละเอียดตอ่ ไปนี้ ตอนท่ี 1 วิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบประเมินโครงการ โดยการแจกแจงความถ่ีและค่าร้อยละ ของตวั แปร ตอนที่ 2 วิเคราะห์ผลการประเมินกิจกรรมโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน โดยการแจกแจงค่าเฉลี่ย คา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน ตอนท่ี 3 วเิ คราะห์ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะอื่น ๆ ตอนที่ 1 วิเครำะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบประเมินโครงกำร โดยกำรแจกแจงควำมถ่ีและค่ำร้อยละของ ตวั แปร ข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบประเมินโครงการ ท่ีเข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน โดยการแจกแจงความถี่และค่ารอ้ ยละของตวั แปร ดงั ตารางท่ี 1 ตำรำงท่ี 1 จำนวน และค่ำร้อยละ ของผู้ตอบแบบประเมินโครงกำร จำแนกตำมเพศ อำยุ ระดับ กำรศกึ ษำ และอำชพี (N=20) ข้อมูลสว่ นตัว จำนวน ร้อยละ 1. เพศ ชาย 14 70.00* หญิง 6 30.00 2. อำยุ 15 – 29 ปี รวม 20 100 30 – 49 ปี รวม 9 45.00* 50 ปีขึน้ ไป 5 6 25.00 20 30.00 100 สรุปผลการดาเนินงานโครงการจติ อาสา พฒั นาชมุ ชน ปงี บประมาณ 2564 9
3. ระดับ ข้อมูลสว่ นตัว จำนวน ร้อยละ กำรศกึ ษำ ประถมศึกษา 4 20.00 มัธยมศกึ ษาตอนต้น 10 50.00* มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 6 30.00 4. อำชพี เกษตรกรรม 20 100 8 40.00* คา้ ขาย 2 10.00 รับจา้ ง 4 20.00 ไม่ได้ประกอบอาชพี 6 30.00 รวม 20 100 หมายเหตุ : * หมายถงึ ขอ้ มูลส่วนใหญ่ จากตาราง ท่ี 1 พบว่า ผู้ตอบแบบประเมินโครงการ จานวน 20 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 70.00 เพศหญิง จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 ส่วนใหญ่มีอายุ 15-29 ปี จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00 รองลงมา คือ อายุ 50 ปีข้ึนไป จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 และอายุ 30-49 ปี จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00 ระดับการศึกษาส่วนใหญ่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 รองลงมา คือ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 และประถมศกึ ษา จานวน 4 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 20.00 สาหรับอาชีพ สว่ นใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 รองลงมา คือ ไม่ได้ประกอบอาชีพ จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 อาชีพรับจ้าง จานวน 4 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 20.00 และอาชีพค้าขาย จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 10.00 ตามลาดับ ตอนที่ 2 วิเครำะห์ผลกำรประเมนิ กิจกรรมโครงกำรจิตอำสำ พัฒนำชุมชน โดยกำรแจกแจงค่ำเฉลีย่ คำ่ เบย่ี งเบน มำตรฐำน การจาแนกระดับ ผลการประเมินโครงการ แบบมาตรฐานประมาณค่า (Rating Scale) มี 5 ระดับ ดงั น้ี 5 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมนิ มากทส่ี ุด 4 คะแนน คือ ระดับผลการประเมินมาก 3 คะแนน คอื ระดบั ผลการประเมินปานกลาง 2 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมินน้อย 1 คะแนน คือ ระดับผลการประเมนิ น้อยทสี่ ุด N คอื จานวนผูต้ อบแบบประเมิน ̅ คือ ระดับคา่ เฉลีย่ ผลการประเมนิ S.D. (Standard deviation) คอื คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน สรปุ ผลการดาเนินงานโครงการจติ อาสา พัฒนาชมุ ชน ปีงบประมาณ 2564 10
คา่ เฉลย่ี ระดบั ผลการประเมินของผตู้ อบแบบประเมนิ โครงการ ค่าเฉลี่ย 4.50 – 5.00 คะแนน หมายถงึ มผี ลการประเมินอย่ใู นระดบั มากที่สุด คา่ เฉลี่ย 3.50 – 4.49 คะแนน หมายถงึ มีผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั มาก คา่ เฉลีย่ 2.50 – 3.49 คะแนน หมายถงึ มผี ลการประเมนิ อย่ใู นระดบั ปานกลาง คา่ เฉลีย่ 1.50 – 2.49 คะแนน หมายถงึ มีผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั น้อย ค่าเฉลีย่ 1.00 – 1.49 คะแนน หมายถงึ มีผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั น้อยที่สดุ ตำรำงท่ี 2.1 คำ่ เฉลี่ย ค่ำเบ่ียงเบนมำตรฐำน และระดบั ผลกำรประเมินกิจกรรมโครงกำรจิตอำสำ พัฒนำชุมชน ของผตู้ อบแบบประเมินโครงกำร ในภำพรวม และจำแนกรำยด้ำน ดังน้ี รำยกำร N = 20 ระดับผลกำรประเมิน ̅ S.D. 1. ดำ้ นหลักสตู ร 4.29 0.65 มำก 2. ด้ำนวทิ ยำกร 4.03 0.66 มำก 3. ด้ำนสถำนท่ี ระยะเวลำ และควำมพึงพอใจ มำก 4.32 0.67 มำก รวม 4.21 0.66 จากตารางที่ 2.1 พบว่าโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน มีผลการประเมินโครงการในภาพรวม อยู่ในระดับ มาก (̅= 4.21) เม่ือพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านสถานที่ ระยะเวลา และความพึงพอใจ มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.29) รองลงมาคือ ด้านหลักสูตร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก(̅=4.29) และด้าน วิทยากร มีผลการประเมนิ อยูใ่ นระดับมาก (̅=4.03 ) ตามลาดบั สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พฒั นาชมุ ชน ปีงบประมาณ 2564 11
ตำรำงที่ 2.2 ค่ำเฉลี่ย ค่ำเบ่ียงเบนมำตรฐำน และระดบั ผลกำรประเมนิ กจิ กรรมโครงกำรจติ อำสำ พฒั นำชมุ ชน ของผตู้ อบแบบประเมินโครงกำรดำ้ นหลกั สูตร โดยจำแนกเป็นรำยข้อ ดังนี้ รำยกำร N = 20 ระดับผลกำรประเมนิ ̅ S.D. ด้ำนหลกั สตู ร มาก 1. กจิ กรรมสอดคลอ้ งกับวัตถุประสงคข์ องหลกั สูตร 4.35 0.74 มาก 2. เนื้อหาของหลักสตู รตรงกับความตอ้ งการผูร้ ว่ มกจิ กรรม 4.10 0.55 มาก 4.30 0.65 3. การจดั กจิ กรรมสง่ เสริมให้ผ้รู ่วมกจิ กรรมสามารถ คิดเป็น มาก ทาเป็น แก้ปญั หาเปน็ 4.30 0.57 4. ผรู้ ว่ มกิจกรรมมีสว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เห็นต่อการ มาก จัดทาหลกั สูตร 4.40 0.75 มำก 5. ผรู้ ่วมกิจกรรมสามารถนาความรู้ไปปรบั ใช้ในการ ปฏิบัติงาน 4.29 0.65 รวม จากตารางที่ 2.2 พบว่าโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน มีผลการประเมินโครงการในด้านหลักสูตร อยู่ในระดับมาก (̅= 4.29) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในการ ปฏิบัติงาน มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.40) รองลงมาคือ กิจกรรมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ หลกั สตู ร มีผลการประเมิน อยู่ในระดบั มาก (̅=4.35) การจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ ให้ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถ คิดเป็น ทา เป็น แก้ปัญหาเป็น ผู้ร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อการจัดทาหลักสูตร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.30) เน้ือหาของหลักสูตรตรงกับความต้องการผู้ร่วมกิจกรรม มีผลการประเมิน อยู่ในระดับ มาก (̅=4.10) ตามลาดับ สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พฒั นาชมุ ชน ปงี บประมาณ 2564 12
ตำรำงท่ี 2.3 ค่ำเฉลยี่ ค่ำเบ่ียงเบนมำตรฐำน และระดบั ผลกำรประเมนิ กิจกรรมโครงกำรจิตอำสำ พฒั นำชมุ ชน ของผู้ตอบแบบประเมินโครงกำรด้ำนวทิ ยำกร โดยจำแนกเป็นรำยข้อ ดงั น้ี รำยกำร N = 20 ระดบั ผลกำรประเมิน ̅ S.D. ด้ำนวิทยำกร 6. วทิ ยากรมีความร้คู วามสามารถในการถ่ายทอดองค์ 4.05 0.75 มาก ความรู้ 7. วทิ ยากรมเี ทคนิค วิธกี ารในการจดั การถ่ายทอดองค์ 3.85 0.58 มาก ความรู้ 8. วิทยากรมีการใชส้ ่ือท่สี อดคล้องและเหมาะสมกบั 4.10 0.64 มาก กิจกรรม มาก 9. บคุ ลกิ ภาพของวทิ ยากร 4.15 0.67 มาก 4.03 0.66 รวม จากตารางที่ 2.3 พบว่าโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน มีผลการประเมินฯ ในด้านวิทยากร อยู่ในระดับ มาก (̅=4.03) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า บุคลิกภาพของวิทยากร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.15) รองลงมาคือ วิทยากรมกี ารใช้สื่อทสี่ อดคลอ้ งและเหมาะสมกับกิจกรรม มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.10) วิทยากรมคี วามรคู้ วามสามารถในการถ่ายทอดองค์ความรู้ มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.05) วิทยากรมีเทคนิค วิธีการในการจัดการถ่ายทอดองค์ความรู้ มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=3.85) ตามลาดับ สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พฒั นาชุมชน ปีงบประมาณ 2564 13
ตำรำงท่ี 2.4 คำ่ เฉล่ีย ค่ำเบยี่ งเบนมำตรฐำน และระดับผลกำรประเมินกิจกรรมโครงกำรจติ อำสำ พฒั นำชุมชน ของผ้ตู อบแบบประเมินโครงกำร ดำ้ นสถำนท่ี ระยะเวลำ และควำมพึงพอใจ โดยจำแนกเป็นรำยขอ้ ดงั น้ี รำยกำร N = 20 ̅ S.D. ระดบั ผลกำรประเมนิ ดำ้ นสถำนท่ี ระยะเวลำ และควำมพงึ พอใจ 10. สถานท่ใี นการจดั กิจกรรมเหมาะสม 4.05 0.68 มาก 11. ระยะเวลาในการจดั กจิ กรรมเหมาะสม 4.40 0.75 มาก 12. ความพงึ พอใจในภาพรวมของผู้ร่วมกจิ กรรมต่อการเข้า 4.45 0.60 มาก รว่ มกิจกรรม 13. ประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากการเขา้ รว่ มกิจกรรมตามหลักสตู ร 4.40 0.68 มาก รวม 4.32 0.67 มำก จากตารางท่ี 2.4 พบวา่ โครงการจติ อาสา พัฒนาชมุ ชน มผี ลการประเมินฯ ในด้านสถานที่ ระยะเวลา และ ความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=4.32) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ความพึงพอใจในภาพรวมของผู้ร่วม กิจกรรมต่อการเข้าร่วมกิจกรรม มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.45) รองลงมาคือ ระยะเวลาในการจัด กิจกรรมเหมาะสม ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมตามหลักสูตร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅= 4.40) และระยะเวลาในการจัดกิจกรรมเหมาะสม มผี ลการประเมนิ อยู่ในระดับมาก (̅=4.05) ตามลาดับ ตอนท่ี 3 วเิ ครำะห์ควำมคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ควรจดั กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวิต (กพช.) เพอื่ ให้ผู้เรยี นมีความรบั ผดิ ชอบแบ่งกลุ่มนักศึกษา และประชาชน ตดิ ตามดแู ลต้นไมอ้ ย่างต่อเน่อื ง สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พฒั นาชุมชน ปีงบประมาณ 2564 14
บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรำยผล และขอ้ เสนอแนะ สรุปผล การวิเคราะห์ สามารถสรปุ ได้ดังน้ี ตอนท่ี 1 วิเคราะหข์ ้อมูลส่วนตัวของผ้ตู อบแบบประเมินในภาพรวม ตอนที่ 2 วเิ คราะห์ผลการประเมินกจิ กรรมโครงการจิตอาสา พฒั นาชุมชน ตอนที่ 3 วิเคราะหค์ วามคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ ตอนท่ี 1 วเิ ครำะห์ข้อมูลส่วนตัวของผูต้ อบแบบประเมินในภำพรวม ตาราง ท่ี 1 พบวา่ ผู้ตอบแบบประเมินโครงการ จานวน 20 คน สว่ นใหญ่เป็นเพศชาย จานวน 14 คน คิด เป็นร้อยละ 70.00 เพศหญิง จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 ส่วนใหญ่มีอายุ 15-29 ปี จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00 รองลงมา คือ อายุ 50 ปีข้ึนไป จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 และอายุ 30-49 ปี จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00 ระดับการศึกษาส่วนใหญ่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 รองลงมา คือ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 และประถมศึกษา จานวน 4 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 20.00 สาหรับอาชีพ สว่ นใหญ่ ประกอบอาชพี เกษตรกรรม จานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 รองลงมา คือ ไม่ได้ประกอบอาชีพ จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 อาชีพรับจ้าง จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 20.00 และอาชีพค้าขาย จานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 10.00 ตามลาดับ ตอนที่ 2 วิเครำะหผ์ ลกำรประเมินกิจกรรมโครงกำรจติ อำสำ พัฒนำชุมชน ตารางท่ี 2.1 พบวา่ โครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน มีผลการประเมินโครงการในภาพรวม อยู่ในระดับมาก (̅= 4.21) เม่อื พิจารณาเป็นรายดา้ นพบวา่ ดา้ นสถานท่ี ระยะเวลา และความพึงพอใจ มีผลการประเมิ อยู่ในระดับ มาก (̅=4.29) รองลงมาคือ ดา้ นหลักสูตร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก(̅=4.29) และด้านวิทยากร มีผลการ ประเมนิ อยใู่ นระดับมาก (̅=4.03 ) ตามลาดบั ตารางท่ี 2.2 พบว่าโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน มีผลการประเมินโครงการในด้านหลักสูตร อยู่ในระดับมาก (̅= 4.29) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในการ ปฏิบัติงาน มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.40) รองลงมาคือ กิจกรรมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ หลักสูตร มีผลการประเมิน อยูใ่ นระดับมาก (̅=4.35) การจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ ให้ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถ คิดเป็น ทา เป็น แก้ปัญหาเป็น ผู้ร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อการจัดทาหลักสูตร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.30) เนื้อหาของหลักสูตรตรงกับความต้องการผู้ร่วมกิจกรรม มีผลการประเมิน อยู่ในระดับ มาก (̅=4.10) ตามลาดับ สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พฒั นาชมุ ชน ปีงบประมาณ 2564 15
ตารางท่ี 2.3 พบว่าโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน มีผลการประเมินฯ ในด้านวิทยากร อยู่ในระดับมาก (̅=4.03) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า บุคลิกภาพของวิทยากร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.15) รองลงมาคือ วิทยากรมีการใชส้ อ่ื ทสี่ อดคล้องและเหมาะสมกับกจิ กรรม มีผลการประเมนิ อยู่ในระดับมาก (̅=4.10) วิทยากรมีความรู้ความสามารถในการถ่ายทอดองค์ความรู้ มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.05)วิทยากรมี เทคนิค วิธีการในการจดั การถ่ายทอดองคค์ วามรู้ มีผลการประเมนิ อย่ใู นระดับมาก (̅=3.85) ตามลาดบั ตารางท่ี 2.4 พบว่าโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน มีผลการประเมินฯ ในด้านสถานท่ี ระยะเวลา และ ความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=4.32) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ความพึงพอใจในภาพรวมของผู้ร่วม กิจกรรมต่อการเข้าร่วมกิจกรรม มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.45) รองลงมาคือ ระยะเวลาในการจัด กิจกรรมเหมาะสม ประโยชน์ท่ีได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมตามหลักสูตร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅= 4.40) และระยะเวลาในการจดั กิจกรรมเหมาะสม มผี ลการประเมิน อยูใ่ นระดับมาก (̅=4.05) ตามลาดับ ตอนท่ี 3 วเิ ครำะห์ควำมคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ควรจัดกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน เพื่อให้ผูเ้ รยี นมคี วามรับผดิ ชอบแบ่งกลุม่ นักศึกษา และประชาชน ตดิ ตามดูแลต้นไม้อย่างต่อเน่ือง อภิปรำยผล จากการสรุปผลการประเมินโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน มีผลการประเมินโครงการในภาพรวม อยู่ใน ระดับมาก (̅=4.721) พบว่า ผ้ทู ี่เขา้ รว่ มโครงการเห็นความสาคัญของจิตอาสาในการพัฒนาชุมชน ทั้งน้ีเป็นเพราะ คณะทางาน ไดป้ ระชุม/ชแ้ี จงวางแผนการดาเนินงาน แก่บุคลากร กศน.อาเภอโชคชัย กาหนดรูปแบบ และแผนการ ดาเนินงาน การจัดเตรียมวัสดุ สถานที่ และประสานภาคเี ครือขา่ ย เพือ่ ให้คนในชมุ ชน มีส่วนร่วมและเห็นคุณค่าและมี จติ สานกึ ท่จี ะช่วยกันดแู ลรกั ษาป่า และอนรุ ักษส์ ภาพแวดล้อมในชุมชนใหก้ ลับมามสี ภาพที่สมบรู ณ์ดงั เดิม จากผลการประเมนิ ดังกล่าว มปี ระเดน็ ท่ีน่าสนใจนามาอภิปรายผล ดังน้ี ประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรม ตามหลักสูตร อยู่ในระดับมาก (̅=-4.45) ซ่ึงผู้เข้าร่วมโครงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน และเกิดความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชน และทาให้ชุมชนสะอาด น่าอยู่ น่าอาศัย รวมถึงการดูแลป่าชุมชน การปลูกผักปลอด สารพิษ การปลูกพืชสมุนไพร เช่น กระชายขาว ในพ้ืนที่ป่าสาธารณะประโยชน์ ทาให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ สรา้ งความมนั่ คงทางอาหาร ด้านการปลูกผักสวนครัว และรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจให้กับคนในพื้นท่ีพ่ึงพาตนเองได้ จากการมีอาหารเพียงพอในครัวเรือน ส่วนท่ีเหลือสร้างรายได้ ซึ่งสอดคล้องกับหนังสือ แนวทางการดาเนินงาน โครงการสร้างป่าสร้าง รายได้ ตามพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯสยามบรมราชกุมารี สาหรับ สถานศึกษา สานกั งาน กศน. ของสานักงาน กศน. กศน. สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). ซึ่งกล่าวไว้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์จากป่า และมีความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน โดยส่งเสริมให้มีการ รวมกลุ่มทากิจกรรมลดรายจ่าย สร้างรายได้ เพ่ือให้มีการจัดการผลผลิตจากโครงการสอดคล้องความต้องการของ ตลาด และมอี าชีพเสรมิ ทชี่ ่วยสรา้ งรายได้ในครัวเรือน เพื่อให้คนสามารถอยู่ร่วมกับป่าอย่างกลมกลืน และเกื้อกูลซึ่ง สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พัฒนาชุมชน ปงี บประมาณ 2564 16
กันและกัน มีท่ีทากินเป็นหลักแหล่งไม่ลุกทาลายพ้ืนที่อ่ืน จึงส่งผลให้โครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน ประสบ ผลสาเรจ็ ตามวัตถุประสงค์ที่กาหนด ข้อเสนอแนะในกำรพฒั นำครง้ั ต่อไป 1.ควรจดั กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ (กพช.) เพอื่ ให้ผู้เรยี นมีส่วนร่วมและมีความรับผิดชอบ เชน่ การจดั กระบวนการรู้ในรูปแบบฐานเรยี นรู้ 2. ควรจัดการทาปา้ ยองค์ความรู้ สรรพคุณ ประโยชนข์ องต้นไม้ เป็นตน้ สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการจติ อาสา พัฒนาชุมชน ปงี บประมาณ 2564 17
บรรณานุกรม สำนกั งำน กศน. สำนกั งำนปลดั กระทรวงศึกษำธิกำร กระทรวงศึกษำธิกำร. (2559). แนวทางดาเนนิ งาน โครงการสร้างปา่ สร้างรายได้ ตามพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี สาหรับ สถานศึกษา สานักงาน กศน. กรงุ เทพมหำนคร ฯ : รงั สกี ำรพิมพ์ สำนักงำน กศน (2564). ยุทธศำสตร์และจุดเนน้ กำรดำเนนิ งำน สำนกั งำน กศน. ประจำปงี บประมำณ พ.ศ. 2564. [ออนไลน์]. เขำ้ ไดถ้ ึงจำก http://www.pattaninfe.com/web/wp- content/uploads/flipbook/12/mobile/index.html ( วันที่ค้นขอ้ มูลวันท่ี 8 กรกฎำคม 2564)
ภาคผนวก
ภาพกิจกรรมโครงการจิตอาสาพัฒนาชมุ ชน วนั ท่ี ๒๕ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ บา้ นโจด หมู่ ๔ ตาบลท่าเยยี่ ม อาเภอโชคชยั จงั หวัดนครราชสมี า
รายช่อื ผู้ร่วมโครงการจิตอาสา พฒั นาชุมชน วันที่ 25 มิถนุ ายน 2564 ณ บ้านโจด หมู่ 4 ตาบลทา่ เยี่ยม อาเภอโชคชยั จงั หวัดนครราชสมี า ที่ ช่ือ –สกลุ 1 นายวรวัฒน์ เนนเลิศ 2 นายแตม้ บัวบาน 3 นางสาวจริ ภทั ร บัวบาน 4 นายคณศิ ร จันทร์สระนอ้ ย 5 นายจักรี ประจิตร์ 6 นางสาวภคั ธมี า จิม้ กระโทก 7 นางจารอง หงายกระโทก 8 นางสาวอรณภา ปลอดกระโทก 9 นายภานวุ ศั ค่ากระโทก 10 นายปงั ปรกึ กระโทก 11 นายชาตรี โพธิน์ าคเงิน 12 นายวรี ะศกั ด์ิ กลา้ ผจญ 13 นายวุฒิชยั สุบงกช 14 นายภาณุ ธรศรี 15 นายอานวย กลางกระโทก 16 นายจริ วฒั น์ แผละกระโทก 17 นายธีรดนธ์ ชาตศิ ักดิ์ 18 นายภูมิพฒั น์ หอมยา 19 นางสาวเกศสุดา ยุทธโยธิน 20 นางสาวนวพร แสไพศาล
ตารางวิเคราะห์ข้อมลู โครงการจิตอาสา พัฒนาชมุ ชน โดยใชโ้ ปรแกรม Spss Valid ชาย Frequenc เพศ Valid Cumulative หญิง y Percent Percent 14 Percent 70.0 Total 6 70.0 100.0 20 70.0 30.0 30.0 100.0 100.0 Vali 15-29 ปี Frequenc อายุ Valid Cumulative d 30-49 ปี y Percent Percent 9 Percent 45.0 50 ปี ข้ึนไป 5 45.0 70.0 6 45.0 25.0 100.0 Total 20 25.0 30.0 30.0 100.0 100.0 ระดบั การศึกษา Vali ประถมศึกษา Frequenc Percent Valid Cumulative d มธั ยมศึกษาตอนตน้ y Percent Percent 4 20.0 20.0 มธั ยมศึกษาตอนปลาย 10 50.0 20.0 70.0 6 30.0 50.0 100.0 Total 20 100.0 30.0 100.0 อาชีพ Vali เกษตรกรรม Frequenc Percent Valid Cumulative d คา้ ขาย y Percent Percent 8 40.0 40.0 รับจา้ ง 2 10.0 40.0 50.0 ไม่ไดป้ ระกอบอาชีพ 4 20.0 10.0 70.0 6 30.0 20.0 100.0 Total 20 100.0 30.0 100.0
ข้อ 1 กจิ กรรมสอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ของหลกั สูตร Vali ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative d มาก y Percent Percent 3 15.0 15.0 มากท่ีสุด 7 35.0 15.0 50.0 10 50.0 35.0 100.0 Total 20 100.0 50.0 100.0 ข้อ 2 เนื้อหาของหลกั สูตรตรงกบั ความต้องการผู้ร่วมกจิ กรรม Vali ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative d มาก y Percent Percent 2 10.0 10.0 มากที่สุด 14 70.0 10.0 80.0 4 20.0 70.0 100.0 Total 20 100.0 20.0 100.0 ข้อ 3 การจัดกจิ กรรมส่งเสริมให้ผ้รู ่วมกจิ กรรมสามารถ คดิ เป็ น ทาเป็ น แก้ปัญหาเป็ น Vali มาก Frequenc Percent Valid Cumulative d มากท่ีสุด y Percent Percent 12 60.0 60.0 Total 8 40.0 60.0 100.0 20 100.0 40.0 100.0 ข้อ 4 ผ้รู ่วมกจิ กรรมมสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็นต่อการจัดทาหลกั สูตร Vali ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative d มาก y Percent Percent 1 5.0 5.0 มากที่สุด 12 60.0 5.0 65.0 7 35.0 60.0 100.0 Total 20 100.0 35.0 100.0
ขอ้ 5 ผู้ร่วมกจิ กรรมสามารถนาความรูไ้ ปปรบั ใชใ้ นการประกอบอาชพี ได้ Frequency Percent Valid Percent Cumulative Percent Valid มาก 8 40.0 40.0 40.0 มากทส่ี ดุ 12 60.0 60.0 100.0 Total 20 100.0 100.0 ข้อ 6 วทิ ยากรมคี วามรู้ความสามารถในการถ่ายทอดองค์ความรู้ Vali ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative d มาก y Percent Percent 5 25.0 25.0 มากที่สุด 9 45.0 25.0 70.0 6 30.0 45.0 100.0 Total 20 100.0 30.0 100.0 ข้อ 7 วทิ ยากรมเี ทคนคิ วธิ ีการในการจัดการถ่ายทอดองค์ความรู้ Vali ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative d มาก y Percent Percent 5 25.0 25.0 มากท่ีสุด 13 65.0 25.0 90.0 2 10.0 65.0 100.0 Total 20 100.0 10.0 100.0 ข้อ 8 วทิ ยากรมกี ารใช้ส่ือทส่ี อดคล้องและเหมาะสมกบั กจิ กรรม Vali ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative d มาก y Percent Percent 3 15.0 15.0 มากท่ีสุด 12 60.0 15.0 75.0 5 25.0 60.0 100.0 Total 20 100.0 25.0 100.0
ข้อ 9 บุคลกิ ภาพของวทิ ยากร Vali ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative d มาก y Percent Percent 3 15.0 15.0 มากที่สุด 11 55.0 15.0 70.0 6 30.0 55.0 100.0 Total 20 100.0 30.0 100.0 ข้อ 10 สถานทใ่ี นการจัดกจิ กรรมเหมาะสม Vali ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative d มาก y Percent Percent 4 20.0 20.0 มากท่ีสุด 11 55.0 20.0 75.0 5 25.0 55.0 100.0 Total 20 100.0 25.0 100.0 ข้อ 11 ระยะเวลาในการจดั กจิ กรรมเหมาะสม Vali มาก Frequenc Percent Valid Cumulative d มากที่สุด y Percent Percent 6 30.0 30.0 Total 14 70.0 30.0 100.0 20 100.0 70.0 100.0 ข้อ 12 ความพงึ พอใจในภาพรวมของผู้ร่วมกจิ กรรมต่อการเข้าร่วมกจิ กรรม Vali ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative d มาก y Percent Percent 1 5.0 5.0 มากท่ีสุด 9 45.0 5.0 50.0 10 50.0 45.0 100.0 Total 20 100.0 50.0 100.0 ข้อ 13 ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจาการเข้าร่วมกจิ กรรมตามหลกั สูตร Vali มาก Frequenc Percent Valid Cumulative d มากท่ีสุด y Percent Percent 10 50.0 50.0 Total 10 50.0 50.0 100.0 20 100.0 50.0 100.0
Descriptive Statistics Mean Std. Deviation N Minimum Maximum 4.3500 0.74516 0.55251 ข้อ 1 กิจกรรมสอดคล้องกับ 20 3.00 5.00 0.65695 วัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สูตร ขอ้ 2 เนอ้ื หาของหลักสตู รตรงกบั 20 3.00 5.00 4.1000 0.57124 ความตอ้ งการผูร้ ว่ มกิจกรรม ขอ้ 3 การจดั กจิ กรรมส่งเสรมิ ใหผ้ ู้ 20 3.00 5.00 4.3000 0.75394 ร่วมกจิ กรรมสามารถ คิดเปน็ ทา 0.75915 เป็น แก้ปัญหาเป็น 20 3.00 5.00 4.3000 ข้อ 4 ผูร้ ่วมกจิ กรรมมสี ่วนร่วมใน 0.58714 การแสดงความคดิ เหน็ ต่อการจัดทา 20 3.00 5.00 4.4000 0.64072 หลักสตู ร 20 3.00 5.00 4.0500 0.67082 ขอ้ 5 ผรู้ ่วมกิจกรรมสามารถนา 0.68633 ความรไู้ ปปรบั ใช้ในการปฏิบตั งิ าน 20 3.00 5.00 3.8500 0.75394 ข้อ 6 วทิ ยากรมีความรู้ 0.60481 ความสามารถในการถา่ ยทอดองค์ 20 3.00 5.00 4.1000 ความรู้ 0.68056 ขอ้ 7 วทิ ยากรมเี ทคนคิ วิธกี ารใน 20 3.00 5.00 4.1500 การจัดการถา่ ยทอดองค์ความรู้ 20 3.00 5.00 4.0500 ขอ้ 8 วิทยากรมกี ารใช้ส่ือท่ี สอดคลอ้ งและเหมาะสมกับกจิ กรรม 20 3.00 5.00 4.4000 ขอ้ 9 บคุ ลกิ ภาพของวทิ ยากร ข้อ 10 สถานท่ใี นการจัดกจิ กรรม 20 3.00 5.00 4.4500 เหมาะสม ขอ้ 11 ระยะเวลาในการจัดกจิ กรรม 20 3.00 5.00 4.4000 เหมาะสม 20 ขอ้ 12 ความพึงพอใจในภาพรวม ของผู้ร่วมกจิ กรรมตอ่ การเขา้ ร่วม กิจกรรม ข้อ 13 ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับจาการเขา้ ร่วมกจิ กรรมตามหลักสตู ร Valid N (listwise)
คณะทำงำน ทปี่ รึกษำ วฒั นกสกิ าร ผู้อานวยการ กศน.อาเภอโชคชัย มงุ่ ภ่กู ลาง ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน นางจีระภา นายสมชาย ครู กศน.ตาบล ข้อมูล/ภำพกิจกรรม สิทธเิ จริญยศ ครู กศน.ตาบล นางสาววรรณนิภา ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอโชคชัย ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น วิเครำะห์ข้อมลู เรียบเรียงและทำตน้ ฉบบั เจ้าหน้าทธี่ รุ การ นางสาววรรณนภิ า สิทธเิ จรญิ ยศ บรรณำธกิ ำร วฒั นกสกิ าร มงุ่ ภู่กลาง นางจีระภา เน่อื งกระโทก นายสมชาย นางสาวอรอนงค์
กศน.ตำบลท่ำเย่ียม ศูนย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัยอำเภอโชค ชัย สำนักงำนส่งเสริมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัย จังหวัดนครรำชสีมำ
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: