Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมงานวิจัยสมบูรณ์

รวมงานวิจัยสมบูรณ์

Published by wannipa6803, 2021-10-27 04:51:50

Description: รวมงานวิจัยสมบูรณ์

Search

Read the Text Version

พฒั นาส่อื การเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลท่าเยย่ี ม อาเภอโชคชัย จงั หวัดนครราชสีมา ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ผวู้ ิจัย นางสาววรรณนิภา สิทธิเจริญยศ ครู กศน.ตาบล ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอโชคชัย สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวดั นครราชสมี า

ประวัติผวู้ ิจัย ช่ือ-สกลุ นางสาววรรณนภิ า สิทธเิ จริญยศ วนั เดือนปีเกิด 15 มนี าคม 2525 อายุ 39 ปี ท่อี ยู่ปจั จุบนั บา้ นเลขที่ 12 หมทู่ ่ี 1 ถนน - ตาบลท่าอ่าง อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสมี า รหสั ไปรษณยี ์ 30190 โทร 087-929-6803 คณุ วุฒทิ างการศึกษา วุฒิต่ากวา่ ปรญิ ญาตรี : ประกาศนยี บตั รวิชาชพี ช้ันสูง วิชาเอก การจัดการธุรกิจเกษตร จากสถาบันการศกึ ษา สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวทิ ยาเขตจนั ทบุรี วุฒิปริญญาตรี : บรหิ ารธุรกจิ บณั ฑิต สาขา การจัดการทั่วไป จากสถาบันการศกึ ษา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตจนั ทบุรี หลักสูตร : ประกาศนยี บัตรบัณฑติ วชิ าชีพครู สาขาวิชาชีพครู ปรญิ ญา : ประกาศนยี บัตร บณั ฑติ วชิ าชีพครู ป.บัณฑติ (วชิ าชพี ครู) จากสถาบนั การศึกษา วิทยาลัยนครราชสมี า ต่าแหน่ง ครู กศน.ตาบล สถานศกึ ษา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสมี า

ก ชือ่ งานวิจัย พัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลทา่ เยีย่ ม อาเภอโชคชัย จงั หวัดนครราชสีมา ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ผ้ทู าวจิ ยั นางสาววรรณนภิ า สิทธิเจริญยศ ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล ปกี ารศึกษา ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 สงั กัด ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชัย บทคดั ยอ่ ผลการวิจัยการพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (̅=3.99) เนื่องจากผู้วิจัย จัดกิจกรรมการเรียนการสอนผ่าน ออนไลน์ เพ่อื การปอ้ งกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า 2019 จึงทาให้เป็นแรงผลักดัน ใหม้ กี ารนาเทคโนโลยีทางการศกึ ษามาใช้นั้น เป็นการดูแลช่วยเหลือนักศึกษา เพ่ือเอ้ือ นักศึกษาและ ผู้สอนสามารถเรียนรู้ ให้นักศึกษาทางานจากที่บ้านของตัวเองและครูผู้สอนสามารถมอบหมายงาน ตรวจงานและสร้างแบบวัดผลและประเมินผลการเรียนสามารถเรียนนักศึกษาได้ทุกท่ีทุกเวลา New normal หรือความปกติใหม่น้ี การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ส่งผล ให้สถานศึกษาเกิดการปรับตั วและมีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ที่เกิดข้ึนอย่างรวดเ ร็ว และหาวิธีแก้ปัญหา สาหรับใบงานเป็นรูปแบบส่ือพ้ืนฐานท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน และ สามารถเข้าใจได้ง่าย และปัจจุบันนี้ เป็นสังคมยุคดิจิตอล นักศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึง แหล่งขอ้ มลู ได้ เท่าเทียมกัน ดังนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอน จึงนาส่ือ ใบงาน อัพ โหลดงานในแอฟ กูเก้ิล ไดรฟ์ นาใบงาน นาเข้าในกลุ่มเฟ๊สบุ๊ค กลุ่มไลน์ เพ่ือเป็นช่องทางในการ ตดิ ตอ่ ส่ือสารกบั นักศกึ ษา และใหน้ ักศึกษา เขา้ ถงึ แหล่งความรู้ได้อย่างเท่าเทียมกัน จากผลการประเมินความพึงพอใจ ดังกล่าว มีประเด็นที่น่าสนใจนามาอภิปรายผล ดังนี้ พบว่า ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากการเข้าใช้ส่ือผ่านออนไลน์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (̅=3.60) ท้ังน้ี นักศึกษา ได้รับประโยชน์จาการเข้าไปใช้ส่ือผ่านออนไลน์ ทาให้นักศึกษา สามารถ เข้าไปเรียน ทาใบงาน และเข้าสอบกลางภาค ใช้งานผ่านสื่อออนไลน์ด้วย Google Forms Education ได้ ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จากัดสถานที่และไม่จากัดจานวนคร้ัง ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ บรรลุผลตามเป้าหมายผู้สอน และเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ดว้ ย ส่งผลให้งานวจิ ยั บรรลตุ ามวตั ถุประสงค์ทก่ี าหนด

ข กิตตกิ รรมประกาศ การวิจัยครั้งนี้สาเร็จได้ด้วยความอนุเคราะห์ช่วยเหลือและคาแนะนาเป็นอย่างดี จากนางจีระภา วัฒนกสิการ ผู้อานวยการ กศน.อาเภอโชคชัย ที่ได้จัดอบรมความรู้เร่ืองการทาวิจัย ในชั้นเรียน และการจัดทานวัตกรรมการเรียนรู้ ได้ดาเนินการทาผลงานจนกระท่ังทางานได้สาเร็จลุ ลวงไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณ นางจีระภา วัฒนกสิการ ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอโชคชัย ท่ีได้ให้ความกรุณาดูแล เอาใจใส่ ให้คาแนะนา ให้ข้อคิดและ ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ จนทาให้งานวิจัยนี้สาเร็จลุล่วงได้ ด้วยดแี ละมคี วามสมบรู ณย์ ง่ิ ข้นึ ผ้วู จิ ัยขอขอบพระคณุ ดว้ ยความเคารพเป็นอยู่อยา่ งสูง ไว้ ณ โอกาสน้ี ขอกราบขอบพระคุณผูเ้ ชยี่ วชาญทุกทา่ น ทีไ่ ด้กรุณาตรวจสอบ แก้ไขและให้คาแนะนาที่เป็น ประโยชน์ในการปรับปรุงเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ขอขอบพระคุณผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอโชคชัย ท่ีให้ความช่วยเหลือและเป็นกาลังใจตลอดมา ขอขอบใจนกั ศกึ ษาท่เี ป็นกลุ่มตัวอยา่ งที่ให้ความรว่ มมือในการศกึ ษาคน้ ควา้ ครงั้ น้ี วรรณนภิ า สทิ ธเิ จริญยศ

สารบญั ค บทคัดยอ่ หนา้ กติ ตกิ รรมประกาศ ก สารบญั ข บทที่ 1 บทนา ค บทท่ี 2 เอกสารการศึกษาและงานวจิ ยั ที่เกย่ี วข้อง 1 บทท่ี 3 วธิ กี ารดาเนนิ การวิจยั 4 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู 12 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 19 บรรณานกุ รม 25 ภาคผนวก

บทที่ 1 บทนำ 1.1 ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั ของปญั หำ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา 2019(COVID - 19) เมื่อเดือน ธันวาคม 2562 ส่งผลกระทบต่อระบบการจัดการเรียนการสอนของไทยในทุกระดับชั้น ซึ่งรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศและมีมาตรการเฝ้าระวังเพ่ือป้องกันการแพร่กระจายของ เช้ือไวรัสดังกล่าว อาทิ กาหนดให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม(Social Distancing) ห้ามการใช้ อาคารสถานท่ีของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท เพ่ือจัดการเรียนการสอน การสอบ ฝึกอบรมหรือการทากิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจานวนมาก การปิดสถานศึกษาด้วยเหตุพิเศษ การกาหนดให้ใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่อาทิ การจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ การ จัดการเรียนรู้ผ่านระบบการออกอากาศทางโทรทัศน์ วิทยุ และโซเซียลมีเดีย ต่าง ๆ รวมถึงการ ส่ือสารแบบทางไกลหรือดว้ ยวิธีอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ในส่วนของสานกั งาน กศน. ได้มกี ารพัฒนา ปรบั รูปแบบ กระบวนการในส่วนของสานักงาน กศน. ได้มีการพัฒนา ปรับรูปแบบ กระบวนการและวิธีการดาเนินงานในภารกิจต่อเนื่องต่าง ๆ ในสถานการณ์การใช้ชีวิตประจาวัน และการจัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการใช้ชีวิตแบบปกติวิถีใหม่ (New Normal) ซง่ึ กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ได้ให้ความสาคัญกับการดาเนินงานตามมาตรการการ ป้องกันการแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) อาทิ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ทุกประเภทหากมีความจาเป็นต้องมาพบกลุ่ม หรืออบรมสัมมนา ทางสถานศึกษาต้องมีมาตรการ ปอ้ งกันทเ่ี ขม้ งวด มเี จลแอลกอฮอล์ล้างมอื ผู้รับบรกิ ารต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ต้องมี การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลเน้นการใช้ส่ือดิจิทัลและเทคโนโลยีออนไลน์ในการจัดการเรียน การสอน จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การป้องกันการแพร่ ระบาดอย่างหน่ึงคือมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จึงทาให้เป็น แรงผลกั ดนั ให้มกี ารนาคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยสี ารสนทศและการสือ่ สารมาใช้ในการจัดการเรียน การสอนแบบการสอนผ่านออนไลน์อย่างทั่วถึงในทุกสถาบันและสาขาวิชาชีพ เพื่อเอ้ือให้ผู้เรียนและ ผู้สอนสามารถเรียนรู้ได้จากบ้านพักของตัวเอง (บุญทิพย์ สิริธรังศรี, 2563, หน้า2) อีกทั้งธานี สุขโชโตและวรกฤต เถ่ือนช้าง (2563, หน้า 147-148) ได้ศึกษากระบวนการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า 2019 เพ่ือให้ นักศึกษาสามารถเรียนได้ในทุก ๆท่ีและการเรียนยังคงต้องดาเนินต่อไปแม้ว่านักเรียนไม่สามารถไป โรงเรียนได้ตามปกติ การดูแลช่วยเหลือนักเรียนตลอดจนการจัดการเรียนการสอนโดยมีการ สนับสนุนส่งเสริม พัฒนา ป้องกันและแก้ไขปัญหาให้แก่นักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจที่เข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตท่ีดีในสถานการณ์ที่มีโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 ระบาดการใช้สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษาเป็นการเชื่อมต่อช่องว่างระหว่าง ครูผสู้ อนและนกั เรยี นในการจดั การเรียนโดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติด

2 เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งมีการเว้นระยะห่างทางสังคม การนาเอาและเทคโนโลยี ทางการศึกษามาใช้นั้นทาให้นักเรียนของจากที่บ้านและครูผู้สอนสามารถมอบหมายงาน ตรวจงาน และสร้างแบบวัดผลและประเมินผลการเรียนสามารถเรียนนักเรียนได้ทุกท่ีทุกเวลา New normal หรือความปกติใหม่น้ีส่งผลให้สถานศึกษาเกิดการปรับตัวและมีการจัดการเรียนการสอนแบบ ออนไลน์ท่ีเกิดข้ึนอย่างรวดเร็ว ครูผู้สอน นักเรียนและสถานศึกษาต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนผู้พัฒนา ระบบทางด้านสารสนทศไดเ้ ร่งพฒั นาเครื่องมือท่ีช่วยในการจัดการศึกษาและการประชุมทางไกล จึง เกิดเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการเรียนการสอนและการประชุมทางไกลข้ึนมากมาย เพ่ือตอบสนอง ตอ่ ความต้องการของผู้ใช้ เช่น Zoom, Google Hangouts, Skype, Line, Facetime, Facebook, Messenger, Microsoft Teams, True Visual World, Google Meet, Vroom, webXx เป็นต้น (กาญจนา บุญภักด์ิ, 2563, หน้า 2) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติอไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ ในประเทศไทย ในช่วงปลายปีพุทธศักราช 2563ซ่ึงช่วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาว และอากาศทีเ่ ยน็ นนั้ สง่ ผลให้ไวรัสมีอายุยาวนานข้ึน จากการคาดคะเนพบว่าการแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019(COVID-19) ระลอกใหม่ในไทย อาจจะรุนแรงกว่าเดิมดังน้ันมาตรการการ ป้องกัน คือ ให้ประชาชนอยู่บ้านลดการเดินทาง ลดการรวมกลุ่มกัน (สุรชัย โชคครรชิตไชย, 2563, หนา้ ง-จ)อีกทังโรงเรียนปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับคาสั่งให้ปิดสถานศึกษาชั่วคราวและ ใหค้ รูผู้สอนจัดการเรียนการสอนตามตารางปกติ โดยประยุกต์ไปตามความถนัดและความสะดวกใน การจดั การเรยี นการสอนของครูผู้สอนและนักเรียน เช่นใช้การจัดการเรียนออนไลน์ผ่านแอพลิเคชัน ต่าง ๆ เชน่ Line, Facebook, Zoom, Google Classroom ชอ่ งทางDLTV หรือชอ่ งทางใดก็ได้ แต่ การจัดการเรียนอย่างไม่มีกาหนด การเรียนการสอนต้องดาเนินต่อไป ส่วนกิจกรรมต่าง ๆ น้ัน เลอ่ื นออกไป จากการสารวจปัญหาและรวบรวมข้อมูลข้างต้นผู้วิจัย ต้องการพัฒนาส่ือการสอนผ่านสื่อ ออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education เพื่อดาเนินการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ท่ีไม่สามารถรวมกลุ่ม พบกลุ่มนักศึกษาไม่ได้ นักศึกษาที่ ไมม่ าพบกลุ่ม ได้ติดต่อส่ือสาร โดยไม่พบครู แต่สามารถทาใบงานผ่านออนไลน์ ซ่ึงนักศึกษาจะต้อง ความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและส่วนรวม ท้ังท่ีสถานศึกษา และที่บ้าน จากเหตุผลดังกล่าวทาให้ผู้วิจัย เล็งเห็นประโยชน์ของการนาสื่อการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education มาใช้ในการ เรียนการสอน โดยให้นักศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและนามาเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์ในการเรียนรู้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และนาองค์ที่ได้ ไปเปน็ แนวทางในการพัฒนาและประยุกตใ์ ช้ในการจัดการเรยี นการสอนท่ีมีประสิทธภิ าพต่อไป

3 1.2 วัตถปุ ระสงคข์ องกำรวจิ ยั 1.2.1 เพ่ือพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ของ กศน.ตาบลท่าเย่ียม อาเภอโชคชยั จังหวดั นครราชสีมา 1.2.2 เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษากลุ่มตัวอย่าง ในการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education 1.3 ประโยชนท์ ี่คำดวำ่ จะไดร้ ับ 1.3.1 ครูผู้สอนใช้ส่ือผ่านออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education กับนักศึกษา กศน. ตาบลทา่ เยยี่ ม ได้ 1.3.2 เป็นแนวทางให้ครูผู้สอน นาผลการวิจัยไปพัฒนาส่ือการสอนออนไลน์ เร่ืองอ่ืน ๆ ต่อไป 1.4 ขอบเขตของกำรวจิ ยั 1.4.1 ประชากร และกลุม่ ตวั อยา่ ง ประชากร ไดแ้ ก่ นักศึกษา กศน.ตาบลทา่ เยี่ยม จานวน 71 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย ท่ีลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โดยวิธีการเฉพาะเจาะจง จานวน 71 คน 1.4.2 ตัวแปรทศ่ี ึกษำ ตัวแปรต้น คือ นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษา ตอน ปลาย ที่ลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ตัวแปรตาม คอื ความพึงพอใจของการการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education 1.5 นยิ ำมศพั ท์ 1.5.1 บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนผ่านส่ือออนไลน์ หมายถึง การใช้สื่อบทเรียน คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ท่ีผู้เรียนสามารถเรียนได้ผ่านออนไลน์ (Social Network) หมายถึง กลุ่มคนที่ รวมกันเป็นสังคมมีการทากิจกรรมร่วมกนั บนอนิ เทอรเ์ น็ตในรูปแบบ ไลน์ เฟสบุค๊ 1.5.2 นักศึกษา หมายถึง นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย จานวน 71 คน ของ กศน.ตาบลท่าเย่ยี ม อาเภอโชคชยั จังหวดั นครราชสมี า

4 บทที่ 2 เอกสำรกำรศกึ ษำและงำนวิจยั ที่เกยี่ วข้อง ในการศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ทีเ่ ก่ยี วข้อง ในการสร้างสื่อการสอนใช้ส่ือผ่านออนไลน์โดย ใช้ Google Forms Education ซ่งึ สามารถแยกกล่าวเปน็ หัวข้อไดด้ งั น้ี 2.1 รปู แบบวธิ สี อนทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ 2.2 ความหมายของบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 2.3 ประโยชนข์ องบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน 2.4 ขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั ของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 2.5 งานวิจยั ท่ีเกีย่ วขอ้ ง รูปแบบวิธสี อนท่เี นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ รูปแบบที่ 1 วิธีสอนแบบใช้บทบาทสมมุติ : การใช้บทบาทสมมุติ เป็นกิจกรรมที่มีการ กาหนดสถานการณ์สมมุติ และบทบาทของผู้เรียนในสถานการณ์น้ันแล้วให้ผู้เรียนสวมบทบาทและ แสดงบทบาทน้ันตามความรู้สึก ประสบการณ์ เจตคติที่มีต่อบทบาทน้ันวิธีการน้ีจะช่วยให้ได้มี โอกาสศึกษา วิเคราะห์ถงึ ความรู้สกึ และพฤติกรรมของตนเองได้อย่างลึกซ้ึง อีกทั้งยังสามารถช่วยให้ เขา้ ใจพฤติกรรม ความรสู้ ึก อารมณ์ และเหตผุ ลของบุคคลที่สวมบทบาทน้ใี นชวี ติ จรงิ ได้ รูปแบบท่ี 2 วิธีสอนแบบใช้กระบวนการเผชิญสถานการณ์ : เป็นวิธีการสอนที่มีการ เช่อื มโยงการกระทากบั การคดิ วิเคราะหเ์ ข้าด้วยกัน โดยให้ผู้เรียนได้เผชิญสถานการณ์ลักษณะต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ท่ีจะเกิดข้ึนในชีวิตจริง ฝึกให้ผู้เรียนมีความเช่ือม่ันในคาสอนของ ผู้สอน ฝึกนาข้อมูลข่าวสารด้านต่าง ๆมาสรุปประเด็นเพ่ือประเมินค่าว่าสิ่งใดถูกต้องดีงาม เกดิ ประโยชน์ ส่ิงใดบกพร่อง ไมถ่ ูก ไม่ตรงในการตดั สนิ ใจ รูปแบบที่ 3 วิธีสอนแบบใช้บทเรียนสาเร็จรูป : เป็นการลาดับประสบการณ์ท่ีได้วางไว้ สาหรับผู้เรียน นาไปสู่ความสามารถโดยอาศัยหลักความสัมพันธ์ของสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซ่ึงได้ พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ บทเรียนสาเร็จรูปอยู่บนพ้ืนฐานจิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการ เ รี ย น รู้ โ ด ย มี ห ลั ก ก า ร แ ล ะ ท ฤ ษ ฎี ก า ร เ รี ย น รู้ เ ข้ า ม า เ กี่ ย ว ข้ อ ง ไ ด้ แ ก่ S-RTheory และ Reinforcement ของ Skinner และ Learning Theory ของ Thorndike รูปแบบท่ี 4 วิธีการสอนแบบศูนย์การเรียน : เป็นการจัดระบบห้องเรียนเพื่อส่งเสริมให้ ผู้เรียน สามารถประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมการเรียนรู้อาศัย เนื้อหาวชิ าท่จี ดั ออกเป็นหน่วยๆแตล่ ะหน่วยจะมีกิจกรรม สื่อวัสดุอุปกรณ์ และเน้ือหาวิชาที่แตกต่าง กนั ผู้เรยี นจะเรียนรโู้ ดยการประกอบกิจกรรมจากหน่วยต่าง ๆ ตามทีก่ าหนดภายใตก้ ารดูแลของ ผู้สอน ศูนย์การเรียนเป็นกิจกรรมท่ีอยู่บนพ้ืนฐานหลักการ และทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้องกับการใช้ส่ือ ประสม กระบวนการกลมุ่ กฎแห่งความพรอ้ ม และความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล รูปแบบที่ 5 วิธีการสอนแบบใช้ชุดการสอน : เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีได้รับการออกแบบ และจดั ไวเ้ ป็นระบบอันประกอบดว้ ยจดุ มุ่งหมาย เนือ้ หาและวสั ดุอุปกรณ์ โดยกิจกรรมต่างๆดังกล่าว ได้รับการรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบเป็นระเบียบ เพื่อจัดเตรียมไว้ให้ผู้เรียนได้ศึกษาจาก

5 ประสบการณท์ งั้ หมด ชดุ การสอนเปน็ กจิ กรรมท่อี ยู่บนพ้ืนฐานหลักการและทฤษฏีเกี่ยวกับการใช้สื่อ ประสม และการใช้วิธีการวิเคราะห์ระบบ ( System Approach ) เน้นความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน กับ กิจกรรม การปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างผู้เรียนกับผู้เรยี น โดยมีส่วนร่วมในการสร้างความรดู้ ว้ ยตนเอง รูปแบบที่ 6 วิธีการสอนแบบใชค้ อมพวิ เตอร์ : เปน็ การสอนทเ่ี น้นสื่อการสอนท่ีใช้เทคโนโลยี ระดับสูงนามาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับ คอมพิวเตอร์ รูปแบบท่ี 7 วิธีการสอนแบบโครงการ : การจัดการเรียนการสอนแบบโครงการเป็นการจัด ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานให้ผู้เรียนเหมือนกับการทางานในชีวิตจริง เพ่ือให้ผู้เรียนได้มี ประสบการณ์ตรง ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ผู้เรียนจะได้ทาการ ทดลอง ไดพ้ สิ ูจนส์ ง่ิ ต่างๆดว้ ยตนเอง ร้จู ักหาวธิ ีการตา่ งๆมาแก้ปัญหา ผู้เรียนจะทางานอย่างมีระบบ รู้จักวางแผนในการทางาน ฝึกการเปน็ ผนู้ าผ้ตู าม ฝกึ การวเิ คราะห์และการประเมนิ ผลตนเอง รูปแบบท่ี 8 วิธีสอนแบบแก้ปัญหา : เป็นวิธีสอนท่ีเน้นให้ผู้เรียนคิดแก้ปัญหาอย่างเป็น กระบวนการโดยอาศัยแนวคิดแกป้ ัญหาด้วยวิธกี ารนาเอาวิธีการสอนแบบนิรนัย คือ การสอนจากกฎ ไปหาความจริงย่อย การรวมกระบวนการคิดทั้ง 2 แบบเข้าด้วยกัน ทาให้เกิดเป็นรูปแบบวิธีสอน แบบแก้ปญั หา ซ่ึงเริม่ จากการกาหนดปญั หา วางแผนแกป้ ญั หา ตั้งสมมตุ ิฐาน การเก็บรวบรวมข้อมูล การพิสูจน์ การวิเคราะห์ และการสรุปผล ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนการสอนที่จะนาไปสู่การ แก้ปัญหาในชีวติ ประจาวันของผเู้ รียนได้เปน็ อย่างดี รูปแบบที่ 9 วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม : เป็นการสอนที่เน้นให้ ผู้เรียนได้มี อิสระในการศึกษาหาความรู้ตามหลักประชาธิปไตย ให้ผู้เรียนรู้จักการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม และ การศกึ ษาหาความรจู้ ากแหล่งตา่ ง ๆ รูปแบบท่ี 10 วิธีสอนแบบใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ : เป็นกระบวนการข้ันตอนวิธีการ หรือพฤติกรรมต่าง ๆ ท่ีจะช่วยให้การดาเนินงานเป็นกลุ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพคือได้ท้ัง ผลงานที่ดี ได้ทั้งความรู้สึกและความสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างผู้ร่วมงาน ซ่ึงมีลักษณะที่สาคัญคือ การยึด ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ยึดกลุ่มเป็นแหล่งความรู้ท่ีสาคัญ ยึดการค้นพบด้วยตนเอง เน้นกระบวนการ ควบคู่ไปกับผลงาน เน้นการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน รู้จักใช้สิทธิและหน้าที่ในระบอบ ประชาธปิ ไตยในการทางาน ยึดมติของกล่มุ และการตดั สนิ ใจร่วมกนั รูปแบบที่ 11 วิธสี อนแบบความคิดรวบยอด : เป็นการสอนท่ีช่วยให้ผู้เรียนได้สร้างความคิด รวบยอด ซ่งึ เปน็ ขอ้ ความแสดงประเภทของสรรพส่ิงตามลักษณะเฉพาะด้วยตนเอง จากการรวบรวม ข้อมูล สังเกต จาแนกประเภท และจัดหมวดหมูต่ ัวอยา่ งท่ผี ู้สอนนาเสนอ รูปแบบที่ 12 วิธีสอนแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เป็นการจัดการเรียนท่ีแบ่งผู้เรียน ออกเป็นกลุ่มเล็กๆสมาชิกในกลุ่มมีความสามารถแตกต่างกัน มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น มีการ ช่วยเหลือสนับสนุนซ่ึงกันและกัน และมีความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งในส่วนตัวและส่วนรวม เพ่ือให้ กลุ่มได้รับความสาเรจ็ ตามเป้าหมายท่ีกาหนด

6 กำรเรียนรแู้ หง่ ศตวรรษท่ี 21 เพือ่ 7 หลกั กำรสร้ำงนักศึกษำรแู้ หง่ อนำคตใหม่ การเรียนรู้แห่งศตวรรษท่ี 21 เพื่อ 7 หลักการสร้างนักศึกษารู้แห่งอนาคตใหม่ แรงจูงใจ เปน็ เรอื่ งสาคญั ย่ิงในการจดั กระบวนการเรียนการสอนให้กับนักศึกษา มีบทบาทสาคัญในการโน้มนา พฤติกรรมของนักศึกษา เพื่อให้มีความสนใจในการเรียน และเสริมพลังของนักศึกษาในการมุ่งสู่ เป้าหมายในการเรียนแตล่ ะวิชา กระบวนกำรเรียนร้ใู นยุคกำรผลิตแห่งศตวรรษท่ี 21 การถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือการยกระดับทักษะของบุคลากรในประเทศไทยจะเกิดข้ึนได้ อย่างแท้จริงนั้นสถาบันการศึกษาท่ีผลิตคนเข้าสู่ตลาดแรงงานจะต้องปรับทักษะต่างๆที่ใส่ลงไปใน หลกั สูตรให้สอดคล้องกบั สถานการณท์ เ่ี กดิ ข้ึนในโลกศตวรรษที่ 21 การจัดกระบวนการเรียนร้(ู Pedagogy) ในศตวรรษท่ี 21 จะต้องออกแบบกิจกรรมให้ผู้เรียน ใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง การอานวยความสะดวกและการเสนอแนะเพ่ือ การเข้าถึงองค์ความรู้ผ่าน Technology ทาให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ได้รวดเร็วและกว้างขวางมากข้ึน โดยลาดับ เราเรียกกระบวนการเรียนรู้แบบน้ีว่า Active Learning ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-centered) ในศตวรรษที่ 21 สถานการณ์โลกมีความแตกต่างจากศตวรรษท่ี 20 และ 19 ระบบ การศึกษาจึงต้องมีการพัฒนาเพ่ือให้สอดคล้องกับภาวะความเป็นจริง ในประเทศสหรัฐอเมริกา แนวคิดเรื่อง “ทักษะแห่งอนาคตใหม่ : การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21” ได้ถูกพัฒนาข้ึน โดยบริษัท แอปเป้ิล บริษัทไมโครซอฟ บริษัทวอล์ดิสนีย์ องค์กรวิชาชีพระดับประเทศ และสานักงาน ดา้ นการศึกษาของรัฐ รวมตวั และกอ่ ตั้งเป็นเครอื ข่ายองคก์ รความ ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคแห่งการพัฒนาต่อยอดการคิดค้นผลิตภัณฑ์ท่ีใช้อานวยความสะดวก ในการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ถา้ ประชาชนไทยเป็นผู้ซอ้ื หรอื ผบู้ รโิ ภคแต่ฝ่ายเดียว เราก็จะเสียดุลการค้า และที่สาคัญคือคนในชาติจะถูกชักจูงทางความคิดได้ง่าย สาหรับการจัดกระบวนการเรียนรู้ นักการศกึ ษาให้ความเหน็ วา่ ตอ้ งเปลยี่ นจาก Passive Learning มาเป็น Active Learning ควำมหมำยของบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน(ComputerAssisted Instruction:CAI) จัดว่าเป็นสื่อ อิเล็กทรอนกิ ส์ที่สามารถนาเสนอองคค์ วามรู้อยา่ งเป็นระบบและเป็นข้นั ตอนตามหลักการเรียนรู้ และ ตอบสนองการเรียนรู้ทางด้านสติปัญญาของแต่ละคนได้อย่างเต็มที่ และได้มีนักวิชาการได้ให้ ความหมายของบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนไว้มากมาย ดังน้ี กระทรวงศึกษาธิการ (2545: 108) กล่าวว่าส่ือคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหมายถึงสื่อเทคโนโลยี ทใ่ี ช้กบั คอมพิวเตอรแ์ ล้วนาไปใช้สอนแทนครหู รอื สอนเสริมจากการสอนในชนั้ เรียนปกติ สปุ รีชา สอนสาระ(2558)ให้ความหมายว่า คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหมายถึง สื่อการเรียนการ สอนทางคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง ซ่ึงใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการนาเสนอสื่อประสมอัน ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก แผนภูมิ กราฟ วีดิทัศน์ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เพ่ือถ่ายทอด เนื้อหาบทเรียน หรือองค์ความรู้ในลักษณะท่ีใกล้เคียงกับการสอนจริงในห้องเรียนมากที่สุดโดยมี เป้าหมายที่สาคัญก็คือ สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เรียน และกระตุ้นให้เกิดความต้องการที่จะ

7 เรยี นรู้ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเปน็ ตัวอย่างท่ีดีของสื่อการศึกษาในลักษณะตัวต่อตัว ซึ่งผู้เรียนเกิดการ เรียนรจู้ ากการมีปฏสิ มั พันธ์ หรือการโตต้ อบพรอ้ มทงั้ การได้รบั ผลป้อนกลับ (FEEDBACK) นอกจากน้ี ยังเป็นส่ือที่สามารถตอบสนองความแตกต่างระหว่างผู้เรียนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถที่จะ ประเมนิ และตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรยี นได้ ตลอดเวลา ณัฐกร สงคราม.(2552: 211) ได้สรุปความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนว่า หมายถึง การนาคอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือสร้างให้เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อให้ผู้เรียนนาไปเรียนด้วย ตนเองและเกิดการเรียนรู้ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบด้วย เนื้อหาวิชาแบบฝึกหัด แบบทดสอบลักษณะของการนาเสนออาจมีท้ังตัวหนังสือ ภาพกราฟิกภาพเคล่ือนไหว สีหรือเสียง เพ่ือดึงดูดให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้นรวมท้ังการแสดงผลการเรียนให้ทราบทันทีด้วยข้อมูล ย้อนกลับแกผ่ ู้เรียน ทักษิณา สวนานนท์.(2533 : 206) ได้ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือ ระบบ การเรียนการสอน ซ่ึงเกิดข้ึนระหว่างนักเรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยเรียกโปรแกรมสาเร็จรูปที่ เตรียมไว้และเก็บไว้ในจานแม่เหล็ก(Diskette) แสดงผ่านจอภาพเป็นคาอธิบายบทเรียน รปู ภาพ เสยี ง

8 ประโยชนข์ องบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนเป็นสื่อท่จี ะช่วยใหค้ รูจัดการเรียนรู้ไดบ้ รรลุจดุ หมายของหลักสตู ร โดยมผี ู้กลา่ วถงึ ประโยชน์ของคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน ดงั น้ี เกียรติพงษ์ ยอดเยี่ยมแกร(ม.ป.ป.) กล่าวถึงประโยชน์ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ดังนี้ 1) เสนอสง่ิ เรา้ ใหก้ บั ผเู้ รียนได้แก่ เนือ้ หาภาพน่งิ คาถามภาพเคลือ่ นไหว 2) ประเมนิ การตอบสนองของผูเ้ รยี นได้แก่การตัดสนิ คาตอบ เป็นต้น 3) ให้ข้อมลู ย้อนกลบั เพ่อื การเสริมแรงไดแ้ ก่การใหร้ างวัลหรือคะแนน 4) ให้ผเู้ รียนเลอื กสิ่งเร้าในลาดบั ตอ่ ไป 5) ใชใ้ นงานเพื่อการสอน 6) การทบทวนบทเรยี นเพื่อฝกึ หัด 7) การวดั ผลหรือสอบเลือ่ นชนั้ 8) ช่วยให้รบั รขู้ า่ วสารมากขนึ้ อรพันธุ์ ประสิทธิรัตน์(2552: 65) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ดงั น้ี 1) ผู้เรียนได้เรียนตามความสามารถของตนเองและสามารถเรียนตามลาพังด้วย ตนเอง 2) ด้านภาพเสยี งและสีสันเปน็ สิ่งดงึ ดูดความสนใจของผู้เรยี นให้สนใจในบทเรยี น 3) เป็นการเสริมแรงแก่ผู้เรียนได้รวดเร็วในระหว่างท่ีเรียนทาให้ผู้เรียนเกิดความ ตื่นเต้นไมเ่ บ่อื หนา่ ยและเมื่อทาผดิ พลาดก็สามารถแก้ไขได้ทันที 4) ผู้เรียนได้เรียนตามลาดับข้ันตอนจากง่ายไปยากหรือเลือกท่ีจะเรียนในหัวข้อที่ ตนเองสนใจก่อนได้ 5) ผู้เรียนสามารถทบทวนเน้ือหาหรือบทเรียนท่ีเคยเรียนไปแล้วซ้าได้อีกตาม ความต้องการ 6) ผู้สอนใช้เวลาในการสอนน้อยลงและมีเวลาในการเตรียมบทเรียนอื่น ๆ ได้มากขึน้ 7) ผู้สอนมีเวลาในการสรา้ งสรรค์และพัฒนานวตั กรรมใหม่ๆ 8) ชว่ ยแก้ปัญหาการขาดแคลนบคุ ลากร 9) ช่วยฝกึ ใหผ้ ู้เรยี นคดิ อย่างมีเหตุผลเพราะตอ้ งแกป้ ัญหาตลอดเวลา

9 รุจโรจน์ แก้วอุไร(2558: 77) ได้กล่าวถึงประโยชนข์ องบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ดังน้ี 1) สามารถตอบสนองการเรียนรู้ส่วนบุคคลได้ ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามระดับ ความสามารถและอตั ราความเรว็ ตามที่ต้องการ 2) สามารถสร้างแรงจูงใจในการเรียนโดยการใช้สี เสียงและภาพ รวมทั้งการ ออกแบบโปรแกรมที่นา่ สนใจ 3) สามารถคิดคานวณได้รวดเรว็ และแม่นยา ชว่ ยให้ผู้เรยี นเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 4) ช่วยสอนความคิดรวบยอด (Concept)และทาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เป็น อย่างดี 5) สามารถเรยี นไดอ้ ย่างไมจ่ ากัดเวลา และทบทวนไดต้ ามท่ี ตอ้ งการ 6) สามารถจัดแผนการสอนได้ดี ด้วยการท่ีผู้สอนสร้างโปรแกรมท่ีมีขั้นตอนและ ระบบท่ีดี เช่นมีจุดมุ่งหมาย สอนเนื้อหา ทดสอบและให้ผลย้อนกลับ และยังสามารถเก็บข้อมูล ผู้เรียน วิเคราะห์และเสนอผลการประเมินได้ตามท่ีนักการศึกษากล่าวมาสรุปได้ว่า บทเรียน คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนมปี ระโยชนท์ ั้งในและนอกเวลาเรียนและในและนอกสถานศึกษาผู้เรียนมีความ สนกุ สนานและสามารถทบทวนบทเรียนไดต้ ลอดเวลา ข้อดีและขอ้ จำกดั ของคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ข้อดีของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีข้อดีหลายประการเพื่อให้ผู้ใช้ สามารถมปี ฏสิ ัมพันธ์กบั บทเรียนไดโ้ ดยตรงซึ่งจะทาให้ผูเ้ รยี นเกิดการเรียนรู้ ซึง่ มขี ้อดีดงั นี้ (มนต์ชัย,2544 : 7-8) 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนสูงข้ึน เม่ือเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน 2) เวลาเรยี นของผเู้ รยี นลดลง เมือ่ เทยี บกบั การเรยี นการสอนปกติ 3) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนระบบมัลติมีเดียสามารถจูงใจให้ผู้เรียนมีความ สนใจมากขึ้น 4) ผู้เรยี นมกี ารโต้ตอบกับบทเรยี นทาใหเ้ กิดการเรยี นรู้อย่างลกึ ซ้งึ 5) ผูเ้ รียนเป็นผู้ควบคุมบทเรียนด้วยตนเอง ทาให้สามารถตอบสนองความต้องการ เป็นรายบุคคลได้เปน็ อยา่ งดี 6) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน สามารถสับเปลี่ยนโปรแกรมหรือนาเสนอเน้ือหา ได้รวดเรว็ 7) สามารถนาเสนอเน้ือหาในลักษณะที่เป็นองคป์ ระกอบของมัลติมีเดียไม่ว่าจะเป็น ขอ้ ความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง และวดี ีทศั น์ 8) ไมม่ ขี ้อจากดั ด้านเวลาและสถานท่ี สามารถเรยี นไดส้ ะดวกตามความตอ้ งการ 9) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสามารถบันทึกและตรวจสอบความก้าวหน้าของ ผู้เรยี นรวมท้งั การประเมินผลของผู้เรยี นไดต้ ลอดเวลา เบญจมาศ ชัยวรรณคปุ ต์และคณะ(2547) ไดส้ รปุ ข้อจากัดของคอมพวิ เตอร์ ช่วยสอนดังนี้

10 1) การออกแบบโปรแกรมเป็นงานท่ใี ช้เวลาและความสามารถครผู สู้ อนรู้เน้ือหาวิชา แตไ่ ม่สามารถสรา้ งบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนได้ดว้ ยตนเอง 2) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่สามารถสอนเน้ือหาในลาดับข้ันสูงๆของCognitive Domain ได้ท้ังน้ียังไม่รวมถึงAffective Domain และPsychomotor Domain ซ่ึงมีข้อจากัดอยู่ มาก 3) เม่ือเวลาผ่านไปผู้เรียนจะเริ่มเคยชินกับคอมพิวเตอร์ซึ่งเกิดข้ึนแล้วในบางสังคม ทาให้ความกระตือรือร้นและแรงจูงใจท่ีจะเรียนด้วยคอมพิวเตอร์ลดลงบางคร้ังให้ผลตรงข้ามผู้เรียน ไม่ชอบทจี่ ะเรียนคอมพวิ เตอร์ 4) บทเรียนคอมพิวเตอร์ไม่ส่งเสริมพัฒนาการทางสังคมเพราะผู้เรียนจะใช้เวลา และทักษะของการโต้ตอบกบั เครือ่ งคอมพิวเตอร์มากกวา่ ผู้สอนหรือเพื่อนรว่ มชนั้ เดียวกัน 5) ผู้เรียนบางประเภทโดยเฉพาะบางกลุ่มส่วนใหญ่ไม่ชอบที่จะเรียนตามลาดับขั้น หรือเรียนไปตามข้ันตอนของโปรแกรมซึ่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนส่วนมากจะมีหลักในการ ออกแบบใหเ้ รยี นเปน็ ขัน้ ตอน ซึง่ เปน็ การบังคับแบบแผนของการเรียนกบั ผู้อนื่ 6) คอมพิวเตอร์ช่วยสอนถึงแม้ว่าราคาเคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จะถูกลงแต่ ส่ิงแวดล้อมในการเรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์เช่นห้องเรียนหรือสถานที่และฐานข้อมูลต่าง ๆ ยังมี ราคาแพงและจากัดอยใู่ นเขตตัวเมืองท่มี สี ภาพเศรษฐกิจทีเ่ จริญแลว้ 7) ในประเทศไทยความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ของบุคลากรทางด้านการศึกษา ตลอดจนโปรแกรมทีจ่ ะสรา้ งงานคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนยังขาดแคลนการพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ มุ่งไป ท่ีธุรกิจมากกว่าการศึกษาสังเกตได้จากตลาดท่ีวางขายSoftware จะมีคอมพิวเตอร์ช่วยสอนน้อย มาก 8) ผู้เรียนและผู้สอนบางกลุ่มมีความคาดหวังว่าคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะให้ ประสิทธิภาพการเรียนการสอนสูงโดยคาดหวังไว้มากจากคอมพิวเตอร์ท่ีลงทุนไปแต่ผลกลับคื นที่ ไดร้ ับอาจน้อยกว่าท่ีคาดหวงั และธรรมชาติของการนาคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมาใช้ประกอบด้วยปัจจัย อ่นื ๆ ในการลงทนุ ร่วมด้วยอีกมากถ้าคดิ คานวณการลงทนุ เร่ิมต้นก็จะทาให้สัดส่วนของการลงทุนกับ ผลทีไ่ ด้รับไม่เปน็ ทพ่ี อใจของผู้ทีต่ อ้ งจา่ ยเงนิ ลงทุนให้กบั คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน 9) โปรแกรมทอ่ี อกแบบเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนส่วนมากไม่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ น้อยมากที่โปรแกรมจะสามารถทาให้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ส่วนมากจะถูกจากัดความคิดอยู่ในกรอบที่ผ้สู ร้างโปรแกรมกาหนดไว้ 10) ปัญหาทางด้านเทคนิคของเคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบการเรียน คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนคุณภาพของสินคา้ ทผี่ ลิตออกมาจากแหล่งต่าง ๆ มีคุณภาพไม่เท่าเทียมกันและ ความรูข้ องผใู้ ชย้ ังไมเ่ ทา่ ทันกบั การเปล่ียนแปลงกลไกทางตลาดทาใหผ้ ู้ใช้ไดส้ นิ คา้ ด้อยคุณภาพ ตามที่นักการศึกษากล่าวมาสรุปข้อดีได้ว่าคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเกิดจากความพยายามใน การที่จะช่วยให้ผู้เรียนที่เรียนอ่อนสามารถใช้เวลาในการฝึกฝนทักษะและเพ่ิมเติมความรู้ที่จะ ปรบั ปรงุ การเรียนของตนให้ทันผู้อื่นได้ ดังนน้ั ผูส้ อนจึงใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการสอนเสริมหรือ ทบทวนการสอนปกติใน ช้ันเรียนได้ผู้เรียนสามารถนาคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปใช้ในการเรียนด้วย

11 ตนเองในเวลาและสถานท่ีที่สะดวก คอมพวิ เตอร์ช่วยสอนสามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนสนุกสนาน ไปกับการเรยี น งำนวิจยั ทเ่ี กีย่ วข้อง ทักษะเพ่อื การดารงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิจารณ์ พานิช (2555: 16-21) ได้กล่าวถึงทักษะเพื่อการ ดารงชีวิตในศตวรรษท่ี 21 ว่า สาระวิชามีความสาคัญแต่ไม่เพียงพอสาหรับการเรียนรู้เพ่ือมีชีวิตใน โลกยุคศตวรรษที่ 21 ปัจจุบันการเรียนรู้สาระวิชา (content หรือ subject matter) ควรเป็นการ เรียนจากการค้นคว้าเองของผู้เรียน โดยผู้สอนจะช่วยแนะนา และช่วยออกแบบกิจกรรมที่ช่วยให้ ผเู้ รยี นแตล่ ะคนสามารถประเมินความกา้ วหน้าของการเรียนรู้ของตนเองได้ ส่วนสาระวิชาหลัก (Core Subjects) ประกอบด้วย ภาษาแม่ และภาษาสาคัญของโลก ศิลปะ คณิตศาสตร์ การปกครองและหน้าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ ประวัติศาสตร์ โดยวิชาแกนหลักนี้จะนามาสู่การกาหนดเป็นกรอบแนวคิดและยุทธศาสตร์สาคัญต่อ การจัดการเรียนรู้ในเนื้อหาเชิงวิทยาการ (Interdisciplinary) หรือหัวข้อสาหรับศตวรรษที่ 21 สามารถทาได้ ดงั นี้ 1. ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม จะเป็นตัวกาหนดความพร้อมของผู้เรียน เข้าสู่โลกการทางานที่มีความซับซ้อนมากข้ึนในปัจจุบัน ได้แก่ ความริเร่ิมสร้างสรรค์และนวัตกรรม การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา และการสอ่ื สารและการรว่ มมอื 2. ทักษะด้านสารสนเทศส่ือและเทคโนโลยี เน่ืองด้วยในปัจจุบันมีการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อและเทคโนโลยีมากมาย ผู้เรียนจึงต้องมีความสามารถในการแสดงทักษะ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและปฏิบัติงานได้หลากหลาย โดยอาศัยความรู้ในหลายด้าน ได้แก่ ความรูด้ า้ นสารสนเทศความร้เู กี่ยวกับสือ่ และความร้ดู ้านเทคโนโลยี 3. ทกั ษะดา้ นชีวิตและอาชีพ ในการดารงชวี ติ และทางานในยุคปัจจบุ ันใหป้ ระสบ ความสาเรจ็ ผเู้ รยี นจะต้องพัฒนาทกั ษะชีวติ ทส่ี าคัญ ไดแ้ ก่ ความยืดหยุ่นและการปรบั ตัว การริเรมิ่ สรา้ งสรรค์และเป็นตวั ของตัวเอง ทักษะสงั คมและสังคมข้ามวฒั นธรรม การเปน็ ผู้สรา้ งหรอื ผู้ผลิต (Productivity) และความรบั ผดิ ชอบเชื่อถือได้ (Accountability) ภาวะผู้นาและความรับผิดชอบ (Responsibility)

บทท่ี 3 วิธดี ำเนินกำรวจิ ยั การวิจัยมีวัตถุประสงค์ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ของ กศน.ตาบล ท่าเย่ียม อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา และศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษากลุ่มตัวอย่าง ผู้วจิ ยั ไดก้ าหนดระเบยี บวธิ วี จิ ยั และวิธกี ารดาเนนิ การวิจัยไว้ ดังนี้ 1. ประชำกร และกลุ่มตัวอย่ำง ประชากร ได้แก่ นักศกึ ษา กศน.ตาบลท่าเยยี่ ม และระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ของ กศน. ตาบลทา่ เยี่ยม อาเภอโชคชัย จงั หวดั นครราชสมี าจานวน 71 คน กลุม่ ตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยวิธีการเฉพาะเจาะจง จานวน 71 คน ตวั แปรท่ศี กึ ษำ ตัวแปรต้น คือ นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตวั แปรตาม คือ ผลประเมินความพงึ พอใจ การพฒั นาส่ือการเรยี นการสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education 2.เครื่องมือทีใ่ ช้ในกำรวิจยั 2.1. สือ่ การสอนออนไลน์ 2.2 แบบประเมินความพงึ พอใจเป็นเครอื่ งมอื เพื่อประเมนิ คา่ ส่ือการสอนออนไลน์ 3. ระยะเวลำในกำรดำเนินวจิ ัย เดือนมิถุนายน – สงิ หาคม พ.ศ. 2564 4. กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล มีข้ันตอนดงั น้ี 4.1. นาใบงานทุกวิชาทีล่ งทะเบียนเรียนภาคเรียนท่ี 1/2564 อฟั โหลด ส่งในกลุ่มเฟสบคุ๊ ให้กบั นกั ศกึ ษา จานวน 71 คน 4.2 นาสือ่ การสอนทุกวชิ าทล่ี งทะเบยี นเรยี นภาคเรยี นที่ 1/2564 อฟั โหลด ลิง้ ใบงาน ส่งให้ นักศึกษาเรียนรูท้ าใบงานผา่ นสื่อออนไลน์ และครู เข้าไปตรวจสอบ การตอบกลับในการตอบคาถาม ในใบงาน แต่ละครง้ั ทีศ่ ึกษา จะไม่กาหนดเวลาและผูว้ ิจัยควรให้คาปรกึ ษา หากนกั ศกึ ษามีปญั หา 4.3 นาแบบประเมินความพึงพอใจ เป็นเคร่ืองมือให้นักศึกษาตอบหลังการเรียนด้วยส่ือ การสอนผ่านออนไลน์วิชาทีล่ งทะเบยี นเรยี นภาคเรยี นที่ 1/2564

13 ข้นั ตอนกำรพฒั นำสอ่ื สรา้ งส่ือการสอนออนไลน์ สาหรบั ใช้ประกอบวิชาท่ีลงทะเบยี นเรียน เขา้ ไปทีห่ นา้ เดสท๊อป ไปที่ กูเกลิ โครม (Google chrome) เข้าระบบอนิ เตอร์เนต็ แอฟกูเกิล

14 เขา้ ไปทแ่ี อฟ กูเกิล ไดรฟ์ (Google Drive ) คือเปน็ บริการ Online Service ประเภท Cloud Technology ท่ีให้ผู้ใชส้ ามารถจดั เก็บข้อมูล ไฟล์เอกสาร ไฟลร์ ปู ภาพ หรือไฟลป์ ระเภทต่างๆ Google Apps Thai หรอื Google Drive คือโปรแกรมการจดั การเอกสารออนไลน์ของทาง Google หลักการทางานจะคล้ายกับโปรแกรมเอกสาร ... (Google Drive) นำสือ่ กำรสอนใบงำนอัฟโหลดออนไลน์ เพ่อื นำไปใชก้ ับนักศกึ ษำกลุ่มตัวอยำ่ ง ขั้นที่ 1: ไปท่ี drive.google.com ไปท่ี drive.google.com ในคอมพวิ เตอร์ คุณจะเห็น \"ไดรฟ์ของฉนั \" ซึง่ มีข้อมูลต่อไปนีไ้ ฟล์และโฟลเดอร์ที่คุณอัฟโหลดหรอื ซิงค์ Google เอกสาร, ชตี , สไลด์ และฟอร์มท่ีสรา้ งขนึ้ มาเรียนรู้วธิ สี ารองข้อมลู และซิงค์ไฟล์ drive.google.com Google forms

15 ข้ันที่ 2: อฟั โหลดหรอื สรา้ งไฟล์ การอฟั โหลดไฟล์จากคอมพิวเตอรห์ รือสรา้ งไฟลใ์ น Google ไดรฟ์ อฟั โหลดไฟล์และโฟลเดอร์ไปยัง Google ไดรฟ์ การใช้งานไฟล์ Office สร้าง แก้ไข และฟอรแ์ มต Google เอกสาร, ชีต และสไลด์ ขน้ั ท่ี 3: แชร์และจดั ระเบียบไฟล์ สามารถแชรไ์ ฟล์หรอื โฟลเดอร์เพื่อใหค้ นอน่ื ดู แกไ้ ข หรอื แสดง ความคิดเหน็  แชร์ไฟล์จาก Google ไดรฟ์  แชรโ์ ฟลเดอร์จาก Google ไดรฟ์ กาหนดให้คนอนื่ เป็นเจ้าของไฟล์ เม่อื ต้องการดไู ฟล์ที่คนอนื่ แชรก์ บั คุณ ใหไ้ ปที่หัวข้อ \"แชรก์ ับฉนั \"

16

17 กำรจดั ส่อื ผำ่ น Google site

18 สถิติวิเคราะห์ขอ้ มลู ผวู้ ิจยั นาขอ้ มลู ท่ีได้จากการเก็บรวบรวม หาค่าเฉลย่ี ( ̅) และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน S.D. (Standard deviation) โดยใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์สาเร็จรูป SPSS การอภิปรายผลจาแนกคะแนน การจาแนกระดับ ผลการประเมินความพงึ พอใจ แบบมาตรฐานประมาณค่า (Rating Scale) มี 5 ระดบั ดังน้ี 5 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมนิ มากทีส่ ุด 4 คะแนน คอื ระดบั ผลการประเมินมาก 3 คะแนน คือ ระดับผลการประเมินปานกลาง 2 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมินน้อย 1 คะแนน คอื ระดับผลการประเมินน้อยท่สี ุด N คือ จานวนผตู้ อบแบบประเมิน ̅ คือ ระดับค่าเฉล่ียผลการประเมนิ S.D. (Standard deviation) คอื คา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน คา่ เฉล่ยี ระดบั ผลการประเมินของผ้ตู อบแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ คา่ เฉลี่ย 4.50 – 5.00 คะแนน หมายถึง มผี ลการประเมนิ อยู่ในระดับมากทส่ี ดุ ค่าเฉล่ีย 3.50 – 4.49 คะแนน หมายถึง มผี ลการประเมนิ อยู่ในระดบั มาก ค่าเฉลี่ย 2.50 – 3.49 คะแนน หมายถึง มผี ลการประเมนิ อยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.50 – 2.49 คะแนน หมายถึง มผี ลการประเมินอยู่ในระดับน้อย คา่ เฉลยี่ 1.00 – 1.49 คะแนนหมายถึง มผี ลการประเมินอย่ใู นระดบั น้อยทส่ี ดุ

บทที่ 4 ผลกำรวิเครำะหข์ ้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์ เพ่ือประเมินผลการพัฒนาส่ือการเรียนการสอน ออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ของ กศน.ตาบลท่าเยี่ยม อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา จานวน 71 คน เครอื่ งมอื ที่ใช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล คือ แบบประเมินความพงึ พอใจ ได้นาผลการวิเคราะห์ข้อมูล ในแบบตาราง ความถ่ี ค่าเฉลย่ี และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ซึ่งใช้โปรแกรม คอมพวิ เตอร์สาเร็จรูป SPSS เพอ่ื วเิ คราะห์คา่ สถิตทิ งั้ หมด ดงั มรี ายละเอียดต่อไปนี้ดังน้ี ตอนที่ 1 ข้อมลู ส่วนตัวของผตู้ อบแบบประเมนิ ความพึงพอใจในการใชส้ ่ือออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education โดยการแจกแจงความถ่ีและค่าร้อยละ ของตวั แปร ตอนที่ 2 ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจการพฒั นาส่ือการเรียนการสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ของ กศน.ตาบลทา่ เยีย่ ม อาเภอโชคชัย จังหวดั นครราชสีมา โดยการแจกแจงคา่ เฉลยี่ ค่าเบยี่ งเบน มาตรฐาน ตอนท่ี 3 ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะอื่น ๆ ตอนที่ 1 ข้อมูลส่วนตวั ของผู้ตอบแบบประเมินควำมพึงพอใจ โดยกำรแจกแจงควำมถ่ี และค่ำร้อยละของตัวแปร ข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจ ท่ีเข้าร่วมกิจกรรมตาม การพัฒนาสื่อ การเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ของ กศน.ตาบลท่าเยี่ยม อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา และ ศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาด้วย โดยใช้ส่ือผ่านออนไลน์ โดยการแจกแจงความถ่ีและค่าร้อยละ ของตัวแปร ดังตารางที่ 1

20 ตำรำงที่ 1 จำนวน และคำ่ ร้อยละ ของผตู้ อบแบบประเมินควำมพึงพอใจ จำแนกตำมเพศ อำยุ และระดบั กำรศกึ ษำ (N=71) ขอ้ มลู สว่ นตัว จานวน ร้อยละ 34 1. เพศ ชาย 37 47.89 หญิง 71 52.11* 64 รวม 7 100 2. อายุ 15 – 29 ปี 33 90.14* 30 – 49 ปี 38 9.86 50 ปขี น้ึ ไป 71 - 3. ระดบั การศึกษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น มธั ยมศึกษาตอนปลาย 46.47 53.53* รวม 100 หมายเหตุ : * หมายถงึ ข้อมูลสว่ นใหญ่ จากตาราง ที่ 1 พบว่า ผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจ จานวน71 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศ หญิง จานวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 52.11 เพศชาย จานวน -4 คน คิดเป็นร้อยละ 47.89 ส่วนใหญ่มีอายุ 15-29 ปี จานวน 64 คน คิดเป็นร้อยละ 90.14 อายุ 30 – 49 ปี จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 9.86 ส่วนใหญ่กาลังศึกษาในระดับการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 38 คน คดิ เป็นร้อยละ 53.53 และมธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 33 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 46.47 ตามลาดับ

21 ตอนท่ี 2 วิเครำะหผ์ ลกำรประเมินควำมพึงพอใจ ของกำรพัฒนำสื่อกำรสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education โดยกำรแจกแจงคำ่ เฉล่ีย คำ่ เบ่ียงเบนมำตรฐำน การจาแนกระดบั ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจ แบบมาตรฐานประมาณค่า (Rating Scale) มี 5 ระดบั ดงั นี้ 5 คะแนน คอื ระดับผลการประเมินมากทส่ี ุด 4 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมินมาก 3 คะแนน คือ ระดับผลการประเมินปานกลาง 2 คะแนน คอื ระดับผลการประเมนิ น้อย 1 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมินน้อยท่ีสุด N คือ จานวนผ้ตู อบแบบประเมิน ̅ คือ ระดบั ค่าเฉล่ยี ผลการประเมิน S.D. (Standard deviation) คือ คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน คา่ เฉลี่ยระดับผลการประเมนิ ของผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจ คา่ เฉลี่ย 4.50 – 5.00 คะแนน หมายถึง มผี ลการประเมินอยู่ในระดับมากทส่ี ุด คา่ เฉลี่ย 3.50 – 4.49 คะแนน หมายถงึ มผี ลการประเมนิ อยู่ในระดับมาก คา่ เฉลย่ี 2.50 – 3.49 คะแนน หมายถงึ มผี ลการประเมนิ อยู่ในระดับปานกลาง คา่ เฉลี่ย 1.50 – 2.49 คะแนน หมายถงึ มีผลการประเมินอยู่ในระดบั น้อย คา่ เฉลย่ี 1.00 – 1.49 คะแนน หมายถงึ มีผลการประเมินอยู่ในระดับน้อยทส่ี ดุ

22 ตำรำงท่ี 2.1 คำ่ เฉลยี่ คำ่ เบี่ยงเบนมำตรฐำน และระดบั ผลกำรประเมนิ ควำมพงึ พอใจ กำรพัฒนำ สื่อกำรสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ของผู้ตอบแบบประเมินโครงกำร ใน ภำพรวมและรำยด้ำน รายการ N = 71 ระดับผลการประเมิน ̅ S.D. 1. ด้านผเู้ รยี น 3.96 0.31 มาก 2. ดา้ นเนือ้ หา สอ่ื การสอน มาก 4.03 0.28 มำก รวม 3.99 0.29 จากตารางที่ 2.1 พบว่า การประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในภาพรวม มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ใน ระดับมาก (̅=3.99) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีผลการประเมินความพึงพอใจ ด้านเน้ือหา สื่อการสอน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=4.03) และ รองลงมาคือ ด้าน ผเู้ รยี น มีผลการประเมนิ ความพงึ พอใจ อยใู่ นระดบั มาก (̅=3.96) ตามลาดบั

23 ตำรำงที่ 2.2 ค่ำเฉลี่ย คำ่ เบี่ยงเบนมำตรฐำน และระดับผลกำรประเมินควำมพึงพอใจ กำรพฒั นำ สื่อกำรเรยี นกำรสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education ของผตู้ อบแบบประเมินควำม พึงพอใจ ดำ้ นเน้อื หำส่ือกำรสอน โดยจำแนกเปน็ รำยข้อ ดังนี้ รายการ N = 71 ระดบั ผลการ ̅ S.D. ประเมนิ ดา้ นเนอื้ หาสอ่ื การสอน 1. กิจกรรมสอดคล้องกบั วตั ถุประสงคข์ องหลักสตู ร 3.97 0.33 มาก 3.95 0.31 มาก 2.บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกบั ของเนื้อหา มเี นอื้ หาครอบคลุมหลกั สูตร 3.98 0.35 มาก 3.การผลิตส่ือการสอนออนไลน์ สอดคล้องและ เหมาะสม 3.97 0.29 มาก 4. สื่อออนไลน์ช่วยกระตุ้นความสนใจให้กับผ้เู รยี น 3.94 0.28 มาก 5.สอื่ ออนไลน์ส่งเสริมให้ผเู้ รยี น สามารถ คดิ เป็น ทาเป็น แกป้ ัญหาเปน็ 3.96 0.31 มำก รวม จากตารางท่ี 2.2 พบว่า การประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอน ออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในด้านเนื้อหา สื่อการสอน มีผลการประเมิน ความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=3.96) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การผลิตสื่อการสอน ออนไลน์ สอดคล้องและเหมาะสม มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=3.98) รองลงมาคือ กิจกรรมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลักสูตร สื่อออนไลน์ช่วยกระตุ้นความสนใจให้กับผู้เรียนมี ผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=3.97) บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกับของเน้ือหา มเี น้ือหาครอบคลมุ หลกั สตู รมผี ลการประเมนิ อยใู่ นระดับมาก (̅=3.95) และสื่อออนไลน์ส่งเสริมให้ ผู้เรียน สามารถ คิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (̅=3.94) ตามลาดับ

24 ตำรำงที่ 2.3 คำ่ เฉล่ยี คำ่ เบ่ยี งเบนมำตรฐำน และระดบั ผลกำรประเมินควำมพึงพอใจ กำรพัฒนำ สอ่ื กำรเรียนกำรสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education ของผู้ตอบแบบประเมินควำม พงึ พอใจ ด้ำนผ้เู รียน โดยจำแนกเปน็ รำยข้อ ดงั นี้ รายการ N = 71 ระดับผลการ ดำ้ นผ้เู รียน ̅ S.D. ประเมิน 6. ผเู้ รียนมีความกระตุ้นใหเ้ รียนรู้ด้วยตนเอง 7. ผู้เรยี นมคี วามพึงพอใจในภาพรวมของสอื่ ออนไลน์ 3.97 0.23 มาก 4.01 0.26 มาก 8. ผเู้ รียนไดร้ ับประโยชนจ์ ากการเข้าใช้ส่ือผา่ นออนไลน์ 4.19 0.43 มาก 9. ผเู้ รยี นมกี ารใช้อินเทอรเ์ นต็ เชงิ สร้างสรรค์ 3.97 0.23 มาก 4.03 0.28 มำก รวม ตารางที่ 2.3 พบว่า ผลการประเมนิ ความพึงพอใจ การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้ Google Forms Education ในด้านผู้เรียน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=4.03) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ผเู้ รยี นได้รับประโยชน์จากการเข้าใช้ส่ือผ่านออนไลน์มีผล การประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.19) รองลงมาคือ ผู้เรียนมีความพึงพอใจในภาพรวมของสื่อ ออนไลน์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก(̅=4.01) ผู้เรียนมีความกระตุ้นให้เรียนรู้ด้วยตนเอง และผู้เรียนมีการใช้อินเทอร์เน็ตเชิงสร้างสรรค์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (̅=3.97) ตามลาดบั

บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรำยผล และข้อเสนอแนะ จากการวเิ คราะห์ข้อมลู ผลการวจิ ยั การพัฒนาสอ่ื การสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms สามารถสรุปผล อภิปรายผล และมขี ้อเสนอแนะ ดังน้ี สรุปผล ตอนที่ 1 วเิ ครำะหข์ ้อมลู ส่วนตัวของผู้ตอบแบบประเมินควำมพงึ พอใจในภำพรวม ผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจ จานวน71 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 52.11 เพศชาย จานวน -4 คน คิดเป็นร้อยละ 47.89 ส่วนใหญ่มีอายุ 15-29 ปี จานวน 64 คน คิดเป็นร้อยละ 90.14 อายุ 30 – 49 ปี จานวน 7 คนคิดเป็นร้อยละ 9.86 ส่วน ใหญ่กาลังศึกษาในระดับการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 38 คน คิดเป็นร้อยละ 53.53 และมธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 33 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 46.47 ตามลาดบั ตอนท่ี 2 วิเครำะหผ์ ลกำรประเมนิ กจิ กรรมแบบประเมินควำมพึงพอใจ พบว่า การประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในภาพรวม มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=3.93) เมื่อ พิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีผลการประเมินความพึงพอใจ ด้านผู้เรียน มีผลการประเมินความพึง พอใจ อยู่ในระดบั มาก (̅=3.97) และ รองลงมาคือ ด้านเนื้อหา สื่อการสอน มีผลการประเมินความ พึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=3.90) ตามลาดับ พบว่า การประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในด้านเน้ือหา ส่ือการสอน มีผลการประเมิน ความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=3.96) เมอื่ พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การผลิตสื่อการสอนออนไลน์ สอดคล้องและเหมาะสม มี ผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=3.98) รองลงมาคือ กิจกรรมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ หลักสูตร สื่อออนไลน์ช่วยกระตุ้นความสนใจให้กับผู้เรียนมีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=3.97) บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกับของเน้ือหา มีเน้ือหาครอบคลุมหลักสูตรมีผลการ ประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=3.95) และส่ือออนไลน์ส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถ คิดเป็น ทาเป็น แกป้ ัญหาเป็น มผี ลการประเมนิ อยใู่ นระดบั มาก (̅=3.94)ตามลาดับ

26 พบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ในด้านผู้เรียน มีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=4.03) เมื่อพจิ ารณาเปน็ รายขอ้ พบวา่ ผเู้ รียนได้รับประโยชน์จากการเข้าใช้ส่ือผ่านออนไลน์มีผล การประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.19) รองลงมาคือ ผู้เรียนมีความพึงพอใจในภาพรวมของส่ือ ออนไลน์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก(̅=4.01) ผู้เรียนมีความกระตุ้นให้เรียนรู้ด้วยตนเอง และผู้เรียนมีการใช้อินเทอร์เน็ตเชิงสร้างสรรค์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (̅=3.97) ตามลาดับ อภิปรำยผลงำนวจิ ัย ผลการวิจัยการพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (̅=3.99) เน่ืองจากผู้วิจัย จัดกิจกรรมการเรียนการสอนผ่าน ออนไลน์ เพ่อื การปอ้ งกนั การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า 2019 จึงทาให้เป็นแรงผลักดัน ให้มกี ารนาเทคโนโลยีทางการศกึ ษามาใชน้ นั้ เป็นการดูแลช่วยเหลือนักศึกษา เพ่ือเอื้อ นักศึกษาและ ผู้สอนสามารถเรียนรู้ ให้นักศึกษาทางานจากที่บ้านของตัวเองและครูผู้สอนสามารถมอบหมายงาน ตรวจงานและสร้างแบบวัดผลและประเมินผลการเรียนสามารถเรียนนักศึกษาได้ทุกท่ีทุกเวลา New normal หรือความปกติใหม่นี้ การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า 2019 ส่งผล ให้สถานศึกษาเกิดการปรับตัวและมีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเ ร็ว และหาวิธีแก้ปัญหา สาหรับใบงานเป็นรูปแบบสื่อพ้ืนฐานที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน และ สามารถเข้าใจได้ง่าย และปัจจุบันนี้ เป็นสังคมยุคดิจิตอล นักศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึง แหลง่ ขอ้ มลู ได้ เท่าเทยี มกัน ดังน้ัน เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการเรียนการสอน จึงนาส่ือ ใบงาน อัพ โหลดงานในแอฟ กูเกิ้ล ไดรฟ์ นาใบงาน นาเข้าในกลุ่มเฟ๊สบุ๊ค กลุ่มไลน์ เพื่อเป็นช่องทางในการ ติดต่อสอื่ สารกับ นักศึกษา และให้นักศกึ ษา เขา้ ถงึ แหล่งความรไู้ ด้อย่างเทา่ เทียมกัน จากผลการประเมินความพึงพอใจ ดังกล่าว มีประเด็นท่ีน่าสนใจนามาอภิปรายผล ดังนี้ พบว่า ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากการเข้าใช้ส่ือผ่านออนไลน์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (̅=3.60) ท้ังน้ี นักศึกษา ได้รับประโยชน์จาการเข้าไปใช้ส่ือผ่านออนไลน์ ทาให้นักศึกษา สามารถ เข้าไปเรียน ทาใบงาน และเข้าสอบกลางภาค ใช้งานผ่านส่ือออนไลน์ด้วย Google Forms Education ได้ ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จากัดสถานที่และไม่จากัดจานวนคร้ัง ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ บรรลุผลตามเป้าหมายผู้สอน และเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ด้วย ส่งผลให้งานวิจัย บรรลุตามวัตถปุ ระสงค์ที่กาหนดไว้

27 ปญั หำ/อปุ สรรค -การเรียนการสอนออนไลน์นักศกึ ษาบางกลุ่มไม่ได้อัพเดทเวอร์ชน่ั ลา่ สุด หนว่ ยความจาของ มอื ถือไม่เพยี งพอ สาหรบั การอัพเดท -นกั ศกึ ษาบางสว่ นทางานรบั จ้าง และบางคนทางานหาเลี้ยงชีพทาให้ต้องสละเวลาเรียนเพ่ือ ชว่ ยงานแบง่ เบาภาระครอบครวั -สัญญาณอนิ เตอรเ์ น็ตไม่เพียงพอ ข้อเสนอแนะเพือ่ กำรพฒั นำครัง้ ตอ่ ไป 1. ครูผู้สอนควรมีการพัฒนาส่ือการสอนโดยการใช้ส่ือผ่านออนไลน์ ในรายวิชาอื่น ๆ ให้ทันสมัยในยคุ ดจิ ิทัล สะดวกต่อการใชง้ านของนักศกึ ษา ต่อไป 2. ครู ควรทาแบบทดสอบ ใบงาน เป็นขอ้ สอบ ปรนยั

บรรณานุกรม คำพี ตรงกลำง. (2551). กำรศึกษำปัญหำกำรประพฤติผิดระเบียบ วินัยของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษำตอนตน้ . หนงั สอื ทำงวชิ ำกำรวจิ ยั , มหำวทิ ยำลัยวงษช์ วลติ กุล นครรำชสีมำ. คณะกรรมกำรกล่มุ ผลิตชุดวิชำจิตวิทยำและวิทยำกำรกำรเรียนร้.ู (2555). จิตวทิ ยำและวิทยำกำร กำรเรยี นร.ู้ โรงพมิ พ์มหำวิทยำลยั สุโขทัยธรรมำธิรำช, กรุงเทพมหำนคร ดำรุง จนั ทวำนิช. เลขำธกิ ำรสภำกำรศกึ ษำ. 2551. คุณธรรม 8 ประกำรของผู้เรยี น เจตคตแิ ละ พฤติกรรม. หำ้ งหุน้ สว่ นจำกัด ภำพพมิ พ์, กรงุ เพทมหำนคร ดร.อำจอง ชุมสำย ณ อยุธยำ. พิมพ์คร้ังที่ 2 (2553). รูปแบบกำรเรียนกำรสอนแบบบูรณำกำรที่ จะนำเดก็ ๆ สู่คณุ ธรรมนำควำมรู้. สำนกั พมิ พ์อักษรเจริญทศั น์, กรงุ เพทมหำนคร ดร.สมบตั ิ สวุ รรณพิทักษ.์ (2542). เทคนคิ กำรสอนแนวใหม่. โรงพมิ พส์ หกรณ์กำรเกษตรแหง่ ประเทศไทย, กรงุ เทพมหำนคร วันวิสำข์ เคน แปล. (2556). กำรเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อ 7 หลักกำรสร้ำงนักเรียนรู้แห่ง อนำคตใหม่. สำนกั พมิ พ์ OPENWORLDS, กรงุ เทพมหำนคร รองศำสตรำจำรย์มัณฑรำ ธรรมบุศย์ ทฤษฎีกำรเรียนรู้ของธอร์นไดค์ - จิตวิทยำสำหรับครู (502204) [ออนไลน์] เข้ำถึงได้จำก https://goo.gl/PTVRSz (วันที่ค้นข้อมูลวันท่ี 12 มีนำคม 2564). สคุ นธ์ สินธพำนนท์ และคณะ. (2545). กำรจัดกระบวนกำรเรยี นรู้: เน้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญ. สำนักพมิ พ์อักษรเจริญทัศน์, กรุงเทพมหำนคร. กำรพฒั นำสื่อกำรเรียนรู้ด้วยตนเองผ่ำนทำงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ของรำยวิชำออกแบบเคร่ืองเรือนและ กำรประมำณรำคำ รหัสวิชำ 554341 [ออนไลน์] เข้ำถึงได้จำก https://goo.gl/7NH3pe (วนั ทค่ี ้นขอ้ มลู วันท่ี 16 สงิ หำคม 2564).

ภาคผนวก

แบบประเมนิ ความพึงพอใจ การพัฒนาสื่อการเรยี นการสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education

แบบประเมินความพึงพอใจ การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Forms Education ………………………………………………………………………. คาช้แี จง แบบประเมนิ นีม้ วี ัตถุประสงค์ เพื่อทราบความพงึ พอใจในการร่วมกจิ กรรมและนาข้อมูลมา ใชป้ ระโยชน์ในการพัฒนาการดาเนนิ งาน สว่ นท่ี 1 ข้อมลู ทว่ั ไป 1.1 เพศ ชาย  หญงิ 1.2 อายุ  15– 29 ปี 30–49 ปี50 ปีขึน้ ไป 1.3 ระดับการศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น  มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สว่ นท่ี 2 ด้านความพึงพอใจของ นักศกึ ษา กศน. ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และ มัธยมศกึ ษา ตอนปลาย กศน.ตาบลท่าเยี่ยม สังกดั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอ โชคชัย คาชแี้ จง โปรดทาเครือ่ งหมาย / ลงในช่องทต่ี รงกบั ความคดิ เหน็ ของทา่ นเพียงชอ่ งเดยี ว ที่ รายการ ระดบั การประเมนิ /ความรู้ที่ไดร้ บั /การนาไปใช้ มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยท่สี ดุ ด้านเนอื้ หาสอ่ื การสอน 1 กจิ กรรมสอดคล้องกบั วัตถุประสงคข์ องหลักสตู ร 2 บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกบั ของเนื้อหา มเี นอ้ื หาครอบคลุมหลกั สตู รรายวิชาที่ลงทะเบยี น เรยี น 3 การผลติ ส่ือการสอนออนไลน์ สอดคลอ้ งและ เหมาะสม 4 ส่ือออนไลนช์ ่วยกระต้นุ ความสนใจใหก้ ับผเู้ รียน 5 สื่อออนไลน์สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียน สามารถ คดิ เปน็ ทาเป็น แกป้ ัญหาเป็น ด้านผ้เู รยี น 6 ผเู้ รียนมีความกระตุ้นใหเ้ รียนร้ดู ้วยตนเอง 7 ผูเ้ รยี นมีความพึงพอใจในภาพรวมของส่ือออนไลน์ 8 ผเู้ รียนได้รับประโยชน์จากการเขา้ ใช้ส่อื ผ่าน ออนไลน์ 9 ผู้เรียนมกี ารใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตเชิงสร้างสรรค์

ตารางวเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยใช้โปรแกรม spss แบบประเมินความพงึ พอใจ พัฒนาสือ่ การเรยี นการสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Forms Education ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลทา่ เยย่ี ม อาเภอโชคชยั จงั หวัดนครราชสมี า ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 เพศ Frequency Percent Valid Percent Cumulative 34 Percent Valid ชาย 37 47.9 47.9 47.9 หญิง 71 100.0 52.1 52.1 Total 100.0 100.0 อายุ Frequency Percent Valid Percent Cumulative 64 Percent Valid อาย1ุ 5-29 ปี 7 90.1 90.1 90.1 อาย3ุ 0-49 ปี 71 100.0 9.9 9.9 Total 100.0 100.0 ระดบั การศึกษา Frequency Percent Valid Percent Cumulative 33 Percent Valid มธั ยมศึกษาตอนตน้ 38 46.5 46.5 46.5 มธั ยมศึกษาตอนปลาย 71 100.0 53.5 53.5 Total 100.0 100.0

ข้อท่ี 1 กจิ กรรมสอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ของหลกั สูตร Frequency Percent Valid Percent Cumulative 5 Percent Valid ปานกลาง 7.0 7.0 7.0 มาก 63 95.8 มากที่สุด 3 88.7 88.7 100.0 Total 71 4.2 4.2 100.0 100.0 ข้อที่ 2 บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกับเนื้อหามเี นื้อหาครอบคลุม Frequency Percent Valid Percent Cumulative 5 Percent Valid ปานกลาง 7.0 7.0 7.0 มาก 64 97.2 มากที่สุด 2 90.1 90.1 100.0 Total 71 2.8 2.8 100.0 100.0 ข้อท่ี 3 การผลติ สื่อการสอนออนไลน์ สอดคล้องและเหมาะสม Frequency Percent Valid Percent Cumulative 5 Percent Valid ปานกลาง 7.0 7.0 7.0 มาก 62 94.4 มากท่ีสุด 4 87.3 87.3 100.0 Total 71 5.6 5.6 100.0 100.0 ข้อท่ี 4 สื่อออนไลน์ช่วยกระต้นุ ความสนใจให้กบั ผ้เู รียน Frequency Percent Valid Percent Cumulative 4 Percent Valid ปานกลาง 5.6 5.6 5.6 มาก 65 97.2 มากท่ีสุด 2 91.5 91.5 100.0 Total 71 2.8 2.8 100.0 100.0

ข้อท่ี 5 ส่ือออนไลน์ส่งเสริมให้ผ้เู รียน สามารถ คดิ เป็ น ทาเป็ น แก้ปัญหาเป็ น Frequency Percent Valid Percent Cumulative 5 Percent Valid ปานกลาง 7.0 7.0 7.0 มาก 65 98.6 มากที่สุด 1 91.5 91.5 100.0 Total 71 1.4 1.4 100.0 100.0 ข้อท่ี 6 ผู้เรียนมคี วามกระต้นุ ให้เรียนรู้ด้วยตนเอง Frequency Percent Valid Percent Cumulative 3 Percent Valid ปานกลาง 4.2 4.2 4.2 มาก 67 98.6 มากท่ีสุด 1 94.4 94.4 100.0 Total 71 1.4 1.4 100.0 100.0 ข้อที่ 7 ผ้เู รียนมคี วามพงึ พอใจในภาพรวมของส่ือออนไลน์ Frequency Percent Valid Percent Cumulative 2 Percent Valid ปานกลาง 2.8 2.8 2.8 มาก 66 95.8 มากที่สุด 3 93.0 93.0 100.0 Total 71 4.2 4.2 100.0 100.0 ข้อที่ 8 ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากการเข้าใช้ส่ือผ่านออนไลน์ Frequency Percent Valid Percent Cumulative 1 Percent Valid ปานกลาง 1.4 1.4 1.4 มาก 55 78.9 มากที่สุด 15 77.5 77.5 100.0 71 Total 21.1 21.1 100.0 100.0

ข้อที่ 9 ผู้เรียนมกี ารใช้อนิ เทอร์เนต็ เชิงสร้างสรรค์ Frequency Percent Valid Percent Cumulative 3 Percent Valid ปานกลาง 4.2 4.2 4.2 มาก 67 98.6 มากท่ีสุด 1 94.4 94.4 100.0 Total 71 1.4 1.4 100.0 100.0

Descriptive Statistics N Minimum Maximum Mean Std. Deviation ขอ้ ท่ี 1 กิจกรรมสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ อง 71 3.00 5.00 3.9718 .33687 หลกั สูตร ขอ้ ท่ี 2 บทเรียน ใบงาน ใบความรู้ ตรงกบั 71 3.00 5.00 3.9577 .31335 เน้ือหามีเน้ือหาครอบคลุม ขอ้ ท่ี 3 การผลิตส่ือการสอนออนไลน์ 71 3.00 5.00 3.9859 .35829 สอดคลอ้ งและเหมาะสม ขอ้ ที่ 4 ส่ือออนไลนช์ ว่ ยกระตุน้ ความสนใจ 71 3.00 5.00 3.9718 .29139 ใหก้ บั ผเู้ รียน ขอ้ ที่ 5 ส่ือออนไลนส์ ่งเสริมใหผ้ เู้ รียน สามารถ 71 3.00 5.00 3.9437 .28722 คิดเป็น ทาเป็น แกป้ ัญหาเป็น ขอ้ ที่ 6 ผเู้ รียนมีความกระตนุ้ ใหเ้ รียนรู้ดว้ ย 71 3.00 5.00 3.9718 .23736 ตนเอง ขอ้ ท่ี 7 ผเู้ รียนมีความพึงพอใจในภาพรวมของ 71 3.00 5.00 4.0141 .26688 สื่อออนไลน์ ขอ้ ท่ี 8 ผเู้ รียนไดร้ ับประโยชนจ์ ากการเขา้ ใชส้ ่ือ 71 3.00 5.00 4.1972 .43490 ผา่ นออนไลน์ ขอ้ ท่ี 9 ผเู้ รียนมีการใชอ้ ินเทอร์เน็ตเชิง 71 3.00 5.00 3.9718 .23736 สร้างสรรค์ 71 Valid N (listwise)

คณะผจู้ ดั ทำ ท่ีปรกึ ษำ วฒั นกสิการ ผูอ้ านวยการ กศน.อาเภอโชคชยั หาญกล้า บรรณารักษ์ชานาญการพเิ ศษ นางจรี ะภา มุง่ ภ่กู ลาง ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น นางสวุ มิ ล เชอ่ื ปญั ญา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน นายสมชาย นางจงรกั ษ์ เรียบเรียง/จดั รปู เล่ม ครู กศน.ตาบล นางสาววรรณนภิ า สิทธเิ จรญิ ยศ

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชัย สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั นครราชสมี า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook