Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมไฟล์โครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโควิด

รวมไฟล์โครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโควิด

Published by wannipa6803, 2021-10-27 07:50:26

Description: รวมไฟล์โครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโควิด

Search

Read the Text Version

สรปุ ผลการดาเนนิ งาน โครงการอบรมให้ความรกู้ ารป้องกันโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา่ 2019 ปงี บประมาณ 2564 กศน.ตาบลท่าเย่ียม ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอโชคชัย สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครราชสีมา

คำนำ ก เอกสารสรุปผลโครงการเล่มนี้ จัดทาขึ้นเพื่อสรุปผลการดาเนินงานปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ จากการจัดกิจกรรมในโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า 2019 ของ กศน.ตาบลท่าเยี่ยม ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอโชคชัย เพ่ือเป็นข้อมูลสาหรับใช้ ในการพฒั นาการดาเนินงานในคร้ังต่อไป คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มน้ี จะเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมเพ่ือส่งเสริม และพัฒนา งานการศึกษาตอ่ เนือ่ ง อ่นื ๆ ต่อไป กศน.ตาบลท่าเย่ยี ม กรกฎาคม 2564

สำรบญั ข หน้ำ คำนำ ก สำรบัญ ข บทท่ี 1 บทนำ 1  หลกั การและเหตผุ ล 1  วัตถุประสงค์ 1  เป้าหมาย 1  ผู้รับผิดชอบโครงการ 2  เครอื ข่ายทเี่ ก่ยี วข้อง 2  ผลลพั ธ์ (Outcome) 2  ดัชนชี ี้วัดผลของโครงการ 2  การตดิ ตามและประเมินผล 2 บทที่ 2 เอกสำรกำรศกึ ษำและงำนวิจัยท่เี ก่ยี วข้อง  ความหมายของคาว่า\"สขุ อนามัย\"และ\"สุขภาพ\" 3  ความสาคญั ของการมสี ขุ ภาพดี 4  หลักการในการดูแลรกั ษาสขุ ภาพทางกาย 5  หลกั การในการดแู ลรักษาสุขภาพทางจิต 6  หลักการในการดแู ลรักษาสขุ ภาพทางสังคม 6  วิธีป้องกันการแพรร่ ะบาดไวรัส โควิค – 19 7  วิธีการทาเจลล้างมอื 8 บทที่ 3 วิธีกำรดำเนนิ งำน 9 บทที่ 4 ผลกำรวิเครำะห์ขอ้ มูล 12 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรำยผล และขอ้ เสนอแนะ 18 บรรณนุกรม 20 ภำคผนวก  ภาพกจิ กรรม  รายช่ือผู้เขา้ รว่ มโครงการอบรมให้ความรู้การปอ้ งกนั โรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรน่า 2019  ตารางวเิ คราะห์ขอ้ มลู โครงการอบรมใหค้ วามรู้การป้องกนั โรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรน่า 2019 โดยใช้โปรแกรม spss  แบบประเมนิ โครงการโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกนั โรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา่ 2019  โครงการอบรมให้ความรู้การปอ้ งกนั โรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรน่า 2019 คณะผจู้ ดั ทำ

บทท่ี 1 บทนำ หลกั กำรและเหตุผล ตามท่ีรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นเป้าหมายหลักของสังคม คือ ประชาชน ต้องมีสุขภาพ อนามัยท่ีดี ทั้งร่างกาย และจิตใจ ทุกเพศ ทุกวัย จากการศึกษาข้อมูลพบว่า ประชากร มีแนวโน้มเพ่ิมข้ึน นโยบาย การจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตให้กับประชาชน และมุ่งเน้นให้ทุกกลุ่มเป้าหมายมีทักษะการดารงชีวิต ตลอดจนสามารถประกอบอาชีพพึ่งพาตนเองได้ มีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการชีวิตของตนเองให้อยู่ใน สังคมได้อย่างมีความสุข และเตรียมพร้อมสาหรับการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางสังคม การ แพร่ระบาดของโรคโควิด -19 มีผลกระทบต่อการดารงชีวิตประชาชน การป้องกัน การมีส่วนร่วมค่านิยมที่พึง ประสงคส์ ่งเสรมิ ความสามารถพเิ ศษต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ สานักงาน กศน. กาหนดนโยบายด้านการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพคนให้มีคุณภาพ ส่งเสริมรูปแบบ การพัฒนาสุขภาวะของประชาชน โดยการอบรบให้ความรู้ ความเข้าใจ การสนับสนุนกิจกรรมสุขภาวะ การดูแล สุขภาพ มีคุณภาพชีวิตท่ีดี รู้วิธีป้องกันการระบาดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ประชาชน สามารถทาประโยชน์ให้แก่ สงั คม และดาเนินชวี ิตได้อยา่ งมคี วามสุข ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอโชคชัย ได้ตระหนักถึงความสาคัญของการดูแล สุขภาพ อนามัยของประชาชน และวิธีป้องกันการระบาดเช้ือโรคไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นท่ีตาบลท่าเย่ียม จึงได้ จัดทาโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารป้องกนั โรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรน่า 2019 วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือส่งเสริมใหป้ ระชาชนตาบลท่าเย่ียม มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับการดูแลสุขภาวะอนามัย รู้วิธีป้องกัน แพร่ระบาดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 สามารถใชช้ วี ิตอยูใ่ นสังคมได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เปำ้ หมำย เชงิ ปรมิ ำณ ประชาชนในเขตพนื้ ที่ท่าเยยี่ ม จงั หวดั นครราชสีมา จานวน 20 คน เชงิ คณุ ภำพ ประชาชนในเขตพืน้ ท่ีทา่ เย่ียม ที่เข้าร่วมโครงการฯ ร้อยละ 100 มีความรู้ ความเข้าใจวิธีการ ป้องกันการแพร่ระบาดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 ผรู้ บั ผิดชอบโครงกำร นายสมชาย มงุ่ ภกู่ ลาง ครอู าสาสมคั ร กศน. นางสาววรรณนภิ า สิทธิเจรญิ ยศ ครู กศน.ตาบล เครือข่ำย สานกั งานสาธารณสุขอาเภอโชคชัย โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตาบลบ้านโจด โครงกำรท่ีเกยี่ วขอ้ ง โครงการส่งเสริมการดูแลสุขภาพสาหรบั ผู้สูงอายุ สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามร้กู ารป้องกันโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรน่า 2019 ปีงบประมาณ 2564 1

ผลลัพธ์ (Outcome) กลุ่มเปา้ หมาย ท่ีเขา้ รว่ มโครงการฯ รอ้ ยละ 100 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ วิธปี ้องกันการแพร่ระบาด เช้อื ไวรัส โคโรนา 2019 ดัชนีชี้วัดควำมสำเรจ็ ของโครงกำร ตวั ชว้ี ัดผลผลิต ( Outputs ) กลมุ่ เปา้ หมาย ที่เขา้ รว่ มโครงการฯ จานวน 20 คน มีความรู้ ความเขา้ ใจ ในการดูแล สขุ ภาวะอนามยั ตนเอง และรู้วิธปี ้องกนั การแพร่ระบาดเชอ้ื ไวรัส โคโรนา 2019 ตัวช้ีวัดผลลพั ธ์ ( Outcomes ) กลุ่มเป้าหมาย ที่เข้าร่วมโครงการฯ ร้อยละ 100 นาความรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับการดูแลสุข ภาวะตนเอง รวู้ ธิ ีปอ้ งกนั การแพร่ระบาดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 สามารถใชช้ ีวติ อยใู่ นสงั คมได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ กำรติดตำมและประเมินผลโครงกำร -สงั เกตการมีส่วนรว่ ม -แบบประเมินโครงการ สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารป้องกันโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรน่า 2019 ปีงบประมาณ 2564 2

บทที่ 2 เอกสำรกำรศกึ ษำและงำนวิจัยท่เี ก่ยี วข้อง ในการจดั ทารายงานครัง้ น้ีได้ทาการศึกษาค้นคว้าเนื้อหาจากเอกสารการศึกษาและงานวิจยั ที่เก่ยี วขอ้ ง ดงั ต่อไปน้ี 1. ความหมายของคาว่า\"สุขอนามัย\"และ\"สขุ ภาพ\" 2. ความสาคญั ของการมสี ขุ ภาพดี 3. หลักการในการดแู ลรักษาสุขภาพทางกาย 4. หลกั การในการดูแลรกั ษาสุขภาพทางจติ 5. หลักการในการดแู ลรักษาสุขภาพทางสังคม 6. วธิ กี ารดแู ลสุขภาพของตนเอง 7. วธิ ีปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดไวรสั โควิค - 19 8. วธิ ีการทาเจลล้างมือ 1. ควำมหมำยของคำว่ำ\"สุขอนำมยั \"และ\"สขุ ภำพ\" สุขภาพคือ ภาวะแห่งความสมบูรณ์ทางร่างกาย จิตใจ และการดารงชีวิตอยู่ในสังคมด้วยดี ไม่ใช่เพียงแต่ ความปราศจากโรค หรือทุพพลภาพเท่านั้น (องค์การอนามัยโลก , 2491) จาก คาจากัดความน้ี แสดงให้เห็นว่า ภาวะของความไม่มีโรคหรือไม่บกพร่องยังไม่ถือว่ามีสุขภาพ แต่สุขภาพมีความหมาย เชิงบวกที่เน้นความเป็นอยู่ท่ี สมบูรณ์ท้ังทางร่างกาย จิตใจ และสังคม นั่นคือ ต้องมีสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาพทางสังคมครบทุกด้าน ก่อน พ.ศ. 2500 เราใช้คาวา่ สุขภาพนอ้ ยมาก เพราะขณะนั้นเราใช้คาว่า “อนามัย” เริ่มใช้ “สุขภาพ” แทน ในสมัย ต่อมาก็เนื่องจากคาว่า อนามัย(อน + อามัย) ซึ่งตามรูปทรัพย์หมายถึง \"ความไม่มีโรค\" ซ่ึงเมื่อเปรียบเทียบแล้วเห็น ว่าสุขภาพมีความหมายกว้างกว่าอนามัย เพราะสุขภาพเป็นความสุข เป็นความหมายเชิงบวก ตรงข้ามกับอนามัย เป็นความทกุ ขซ์ งึ่ มีความหมายเชิงลบ แนวคิดเกี่ยวกับสุขภาพในอนาคตอาจจะปรับเปล่ียนไปจากน้ีได้ เนื่องจากในที่ประชุมสมัชชาองค์การ อนามัยโลก ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2541 ได้ตกลงว่าจะเติมคาว่า “Spiritual Well-being” เข้าไปใน คาจากัด ความของคาว่าสุขภาพ นิยามคาว่าสุขภาพแบบไทย ควรเพ่ิม “Intellectual Well-being” เข้าไปอีกด้วย โดยมีแนวความคิด สุขภาพก็คือ สุขภาวะ หรือ Well-being ความสุข คือ ความเป็นอิสระหรือการหลุดพ้นจากความบีบคั้น ดังน้ัน สขุ ภาพคอื สขุ ภาวะหรือความเป็นอสิ ระหลุดพ้นจากความบีบคน้ั ทางกายทางจติ ทางสงั คม และทางปญั ญา สุขภำพกำย หมายถึง สภาพของร่างกายที่มีความเจริญเติบโต แต่พัฒนาการสมกับวัย สะอาด แข็งแรง สมบรู ณ์ ปราศจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ และทุพพลภาพ พรอ้ มท้ังมีภมู คิ มุ้ กันโรคหรอื ความตา้ นทานโรคเปน็ อยา่ งดี สขุ ภาพจิต หมายถงึ ความสามารถในการปรับตัวของคนเราให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันรวมทั้งสถานการณ์ในอดีต และอนาคตด้วย ดังนั้นสุขภำพ หมายถึง ภาวะของการดารงชีวิตท่ีมีความสมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจรวมทั้งการอยู่ ร่วมกันในสังคมได้ด้วยดี อยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม และการใช้สติปัญญา สุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพกาย ลักษณะของผู้ท่ีมีสุขภาพจิตดี ประโยชน์ของการมีสุขภาพจิตดี สุขภาพกายและสุขภาพจิตของคนย่อมมี สรุปผลการดาเนินงานโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารป้องกนั โรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา่ 2019 ปงี บประมาณ 2564 3

ความสัมพันธก์ นั อยา่ งแน่นแฟ้น เด็กที่มีความบกพร่องทางกาย เช่น หูตึง หรือสายตาส้ัน อาจได้รับความลาบาก ใน การปรับตัว เด็กที่มีโรคประจาตัวบางอย่างมักมีอารมณ์หงุดหงิด ทาตัวให้เข้า กับเพื่อนฝูงได้ยาก เด็กประเภทนี้ จาเปน็ ตอ้ งไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื มิฉะนั้นสขุ ภาพจิตของเดก็ ก็มีหวงั เสอ่ื มทรามลงไปได้มาก ๆ คนที่ขาดสุขภาพจิตมัก มีสุขภาพกายเสื่อมลงไปด้วย เด็กที่เสียสุขภาพจิต ถ้าเกิดเจ็บป่วยข้ึนมาก็มักเจ็บป่วยมาก กล่าวคือ เด็กจะเสีย กาลังใจและตีโพย ตีพายไปเกินกว่าเหตุ อาการเจ็บป่วยธรรมดาอาจเพ่ิมขึ้นโดยไม่จาเป็น กาลังใจของคนไข้เป็น ส่วนประกอบอันสาคัญในการท่ีจะรักษาโรคให้ได้ผล ถ้าคนไข้เป็นคนขาดสุขภาพจิตแล้วก็จะทาให้การรักษาโรค ลาบากยิ่งข้ึน ร่างกายและจิตใจมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดถ้าร่างกาย เกิดผิดปกติก็จะทาให้จิตใจผิดปกติไปไม่ มากก็น้อย ท้ังน้ีขึ้นอยู่กับบุคคลและส่ิงแวดล้อมด้วย ในทางกลับกัน ถ้าสุขภาพจิตไม่ดีก็จะมีผลให้สุขภาพกาย เปลี่ยนแปลงไป อาจทาให้เกิดโรคทางกายได้ ผู้ท่ีมีอารมณ์หว่ันไหว วิตกกังวล หรือเครียด อาจจะมีอาการท้องเดิน เมื่อเกิดความกลัวก็อาจจะมีอาการปวดศีรษะ หรือเกิดอารมณ์ทางกายอ่ืน ๆ เมื่อเราตื่นเต้นตกใจก็จะทาให้การ หายใจเร็วข้ึน ตัวสั่น เป็นต้น ดังน้ัน การท่ีคนเราจะมีร่างกายที่สมบูรณ์ได้ก็ควรจะต้องมีอารมณ์อยู่ในภาวะ ที่ สมบูรณ์ด้วย จากความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดของร่างกายและจิตใจนี้ จึงมีผู้กล่าวว่า จิตใจท่ีแจ่มใสย่อมอยู่ใน ร่างกายทสี่ มบรู ณ์ 2. ควำมสำคญั ของกำรมสี ขุ ภำพดี ลักษณะท่ีดีของคนสุขภาพดี คนท่ีมีสุขภาพดี คือ คนที่มีความสุข มีความหวัง และมีพลังกาย พลังใจ สุขภาพจะเป็นเสมือนหนง่ึ วถิ ีทาง อนั จะนาบุคคลไปสคู่ วามสขุ และความสาเรจ็ ต่าง ๆ นานาในชีวิต สขุ ภาพจิต คือ สภาพจิตท่ีเป็นสุข มีอารมณ์ม่ันคง มีสัมพันธภาพอันดีงามกับบุคคลอื่น และสามารถที่จะปรับตัวให้ เหมาะสม กับสภาพแวดลอ้ ม ควำมสำคญั ของสุขภำพจิต ผู้มีสุขภาพจิตดี จะสามารถจัดระเบียบชีวิตของตนได้เหมาะสม กับตัวเอง และสังคมท่ัวไป ทาให้ เกิดความพอใจในชีวิต สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ เป็นคนรู้จักยอมรับความจริงของชีวิต รู้จักควบคุมอารมณ์ ตัวเอง ปรับตวั ใหเ้ ข้ากับสงั คม และสิง่ แวดลอ้ มได้เปน็ อยา่ งดี จงึ มโี อกาสประสบความสาเรจ็ ในชวี ิตไดเ้ ป็นอยา่ งมาก ลกั ษณะของผูม้ สี ขุ ภาพจติ ดี -สามารถปรับตัวเขา้ กับสงั คม และสิง่ แวดล้อม -มคี วามกระตือรอื รน้ ไม่เหน่อื ยหนา่ ย หรือท้อแท้ใจ หรอื หมดหวงั ในชีวิต -มอี ารมณ์มัน่ คง และสามารถควบคมุ อารมณไ์ ด้ดี -ไมม่ ีอารมณ์เครยี ดจนเกนิ ไป มีอารมณ์ขัน -มีความร้สู ึก และมองโลกในแง่ดีเสมอ -มคี วามตัง้ ใจในการทางาน -รูจ้ กั ตนเอง และเขา้ ใจบุคคลอนื่ ไดด้ ี -มคี วามเช่อื ตนเองอย่างมีเหตผุ ล -สามารถแสดงออกอย่างมีเหตผุ ล -ความสามารถตดั สนิ ใจได้รวดเร็ว และถกู ต้อง ไม่ผิดพลาด -มีความปรารถนา และยินดี เม่ือบุคคลอื่นมีความสุข ความสาเร็จ และมีความปรารถนาดี ในการป้องกัน ผอู้ ่ืน ให้มคี วามปลอดภยั จากอันตราย หรือโรคภัยไข้เจบ็ สรปุ ผลการดาเนินงานโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารป้องกนั โรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา่ 2019 ปีงบประมาณ 2564 4

สุขภำพกำย อาหารเป็นปัจจัยสาคัญต่อการดาเนินชีวิตของมนุษย์ เน่ืองจากอาหารทาให้ร่างกายเจริญเติบโต ให้พลังงาน และความอบอุ่นต่อร่างกาย และอาหารช่วยควบคุมการทางานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้เป็นปกติ คนเราจึง รบั ประทานอาหารทมี่ ีประโยชน์ และปริมาณเพยี งพอกับความตอ้ งการของร่างกาย เพราะการรับประทานอาหารถูก สดั ส่วน จะทาให้รา่ งกายแขง็ แรง และเจริญเติบโตสมวัย ประโยชน์ของอำหำรตอ่ สขุ ภำพ ทาให้รา่ งกายเจริญเตบิ โต คนเราจะมรี ูปร่างสูงใหญ่เพยี งใด ขึ้นอยู่กับการรบั ประทานอาหาร และพันธุกรรม ของแต่ละคน คนที่มีลักษณะทางพันธุกรรม ท่ีมีรูปร่างสูงใหญ่ หากรับประทานอาหารถูกหลักโภชนาการ ร่างกายก็ จะสูงใหญ่ตามลักษณะทางพันธุกรรม ตรงกันข้ามกับคนที่รับประทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ รูปร่างก็จะ เจริญเติบโตไม่เต็มที่ ทาให้ตัวเล็กกว่าปกติได้ แม้ว่าลักษณะทางพันธุกรรม จะมีรูปร่างสูงใหญ่ก็ตามทาให้หญิงมี ครรภ์และทารกในครรภ์แข็งแรง หญิงมีครรภ์รับประทานอาหารถูกหลักโภชนาการ จะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจ เกิดขึ้น ในระหว่างมีครรภ์ได้ เช่น การแท้งบุตร การคลอดบุตรก่อนกาหนด เป็นต้น นอกจากน้ี หญิงมีครรภ์จะมี ร่างกายแข็งแรง และทารกในครรภ์ก็จะเจริญเติบโต ทั้งทางด้านร่างกาย และสมองอย่างปกติ เมื่อคลอดทารกก็จะ คลอดง่าย ทารกจะมีสุขภาพแข็งแรง ทาให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย คนที่รับประทานอาหารถูก หลักโภชนาการ ร่างกายจะสามารถต้านทานโรคได้ดี เพราะมีภูมิต้านทานโรค แม้เมื่ออาการเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือไม่รุนแรงนัก ร่างกายก็สามารถรักษาตัวเองได้ทาให้มีอายุยืนยาวขึ้น คนเราะมีอายุยืนยาวได้ ย่อมขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น สภาพแวดล้อมดี การแพทย์และการสาธารณสุขดี มีการรักษาสุขภาพร่างกายดี และที่ สาคัญ คอื รู้จักเลือกรบั ประทานอาหารถูกหลกั โภชนาการ จะทาใหร้ ่างกายแข็งแรง มีอายยุ ืนยาวข้นึ ได้ 3. หลกั กำรในกำรดูแลรักษำสุขภำพทำงกำย รักษาสขุ ภาพรา่ งกายใหแ้ ข็งแรง 1. รู้จักประมาณตน การประมาณตนในการออกกาลังกายแต่พอควร จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญ อาหารและพลังงานส่วนเกินได้ดี มีข้อสังเกตคือ ถ้าออกกาลังกาย เหน่ือยแล้ว ยังฝืนต่อด้วยความหนักเท่าเดิม โดย ไม่เหนื่อยเพ่ิมขึ้น และพักไม่เกิน 10นาที ก็รู้สึกหายเหนื่อย แสดงว่า ร่างกายทนได้ ตรงข้ามถ้าออกกาลังกายจน เหนื่อยทนไม่ไหว หรือพักแลว้ ยงั ไม่หายเหนื่อย แนะนาให้หยุด เพราะขืนเลน่ ตอ่ ไป อาจเกิดหวั ใจวายเฉียบพลนั ได้ 2. มีโรคประจาตัวหรือไม่ หากมี ควรปรึกษาแพทย์ก่อนท่ีจะเลือกวิธีการออกกาลังกายเพ่ือความ ปลอดภยั 3. แต่งกายเหมาะสม ควรใช้ผ้าฝ้าย เพื่อระบายความร้อนสะสมท่ีเกิดขึ้นขณะออกกาลังกาย เพราะความร้อนจะเป็นตัวจากัดการออกกาลังกาย แล้วยังทาอันตรายต่อระบบต่างๆ ในร่างกายด้วย ส่วนการ เลือกใชร้ องเทา้ ทีไ่ มเ่ หมาะกบั สภาพสนาม อาจส่งผลเสียต่อการเคล่อื นไหวและเกิดการบาดเจบ็ ได้ 4. เลอื กเวลาออกกาลังกาย เวลาเชา้ ตรู่และตอนเย็นเหมาะที่สุดในการออกกาลังกายมากกว่าตอน กลางวัน ซึ่งจะทาให้เหนื่อยเร็วและได้ปริมาณน้อย บางรายอาจหน้ามืดเป็นลมก็มี ท้ังน้ีควรเป็นเวลาเดียวกันทุกวัน เพราะจะส่งผลดตี ่อการปรับตวั ของร่างกาย 5. สภาพกระเพาะอาหาร ควรงดอาหารหนักเพ่ือป้องกันการจุกเสียดก่อนออกกาลังกายหรือเล่น กีฬาอย่างน้อย 3 ช่ัวโมง โดยเฉพาะกีฬาที่มีการกระทบกระแทก เช่น รักบ้ีฟุตบอล บาสเกตบอล รวมถึงกีฬาท่ีต้อง เลน่ เปน็ เวลานานๆ เชน่ วง่ิ มาราธอน จักรยานทางไกล ซ่ึงควรรับประทานอาหารจาพวกคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่ายใน ปรมิ าณไมถ่ ึงอิม่ เปน็ ระยะๆ จะดีกวา่ สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามร้กู ารป้องกันโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา่ 2019 ปงี บประมาณ 2564 5

6. ดื่มน้าเพียงพอ หลังการออกกาลังกาย ร่างกายจะสูญเสียเสียน้าได้ถึง 2 ลิตร หรือมากกว่านั้น ดงั นั้น ควรให้น้าชดเชยในปรมิ าณเท่ากับท่ีสูญเสียไป โดยดื่มทีละนดิ ๆ เปน็ ระยะ 7. บาดเจ็บกลางคัน ขณะออกกาลังกาย ให้หยุดพักจะดีท่ีสุด แต่หากบาดเจ็บเล็กน้อย อาจออก กาลังกายตอ่ ได้ แต่ถา้ รสู้ ึกเจบ็ ปวดมากขึ้น กต็ ้องหยุด เพราะการฝืนต่อไปอาจเป็นอันตรายถงึ ชวี ติ 8. จิตใจต้องพร้อม ควรทาจิตใจให้ปลอดโปร่ง หากมีเร่ืองไม่สบายใจ ก็ไม่ควรออกกาลังกาย เพราะอาจทาใหเ้ กิดอบุ ตั เิ หตไุ ด้งา่ ย 9. ความสม่าเสมอ ไม่ว่าจะออกกาลังกายให้สุขภาพแข็งแรงหรือลดน้าหนัก แต่จะได้ผลแค่ไหน ขึน้ กบั ปรมิ าณ และความหนกั เบาของการออกกาลังกายด้วย 10. พกั ผ่อนเพียงพอ หลังการออกกาลังกาย จาเป็นต้องพักผ่อนให้เพียงพอ เพ่ือให้ร่างกายได้ฟ้ืนฟู สภาพของตนเองและพร้อมรับการออกกาลงั กายครง้ั ใหม่อย่างมีพลังต่อไป 4. หลกั กำรในกำรดแู ลรักษำสุขภำพทำงจติ 8 วิธีดแู ลสขุ ภำพจติ รู้จักการสื่อสาร การแสดงความรู้สึกในทางที่ไม่ก้าวร้าว ไม่ต่อต้านเป็นหนทางท่ีใช้กับคนสาคัญใน ชีวิตคณุ รวมถงึ คอบครวั เพอ่ื นและเพือ่ นร่วมงาน อย่ารอให้เกิดความกดดันและความโกธรสุดขีด จัดการกับความโก ธรหรืออารมณไ์ มด่ เี สยี กอ่ นทจี่ ะเป็นเหตุให้คุณเครยี ดใหเ้ วลากับตัวเอง อยู่คนเดียวทุกวันเพียงแค่ 10 นาทีในห้องน้า หรือเดนิ สัก 20 นาที หรือออกกาลังกายในโรงยมิ ใชเ้ วลาใหเ้ ป็นประโยชน์ เช่น การทาสมาธิ การฟังเสียงเพลงเบาๆ หรือเพียงแคม่ ีความสุขกัลบธรรมชาติรอบตัวอย่าพยายามรักษาผลประโยชน์จากคนอ่ืนให้ได้มากท่ีสุดการมองหาส่ิง ที่สาคัญต่อสุขภาพจิตมีความสาคัญมากกว่าส่ิงภายนอก เช่น การแบ่งเวลาให้แก่คนท่ีรัก มีความสุขกับการดูพระ อาทติ ยต์ กหรอื นอนอาบแดด หางานท่ีคุณรักและทาด้วยหัวใจท่ีมีความสุขสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนที่คุณไว้วางใจ คนทคี่ ณุ แบ่งปนั ความคดิ เหน็ ความสขุ และความเศร้า จาไว้ว่ารู้จักให้พอ ๆ กับรู้จักรับหลีกเล่ียงความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ตอ้ สขุ ภาพจิตทท่ี าให้คุณรู้สึกเศร้า หรือท้อแท้ ไม่วา่ ผลออกมาจะเปน็ อย่างไร ใหอ้ อกมาจากสถานการณ์น้ี ทากิจกรรมทางร่างกายทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็นการทาสวน การล้างรถ เดินหรือออกกาลังกาย การศึกษา๙ให้เห็นว่า การออกกาลงั น้ันช่วยปล่อยสารเอ็นเดอร์ฟนิ ในร่างกายเพื่อทาใหร้ สู้ กึ ดีแบง่ ปันชีวิตร่วมกับคนท่ีรกั จริงใจกบั ตัวเอง 5. หลกั กำรในกำรดูแลรักษำสุขภำพทำงสงั คม การดแู ลตนเองทางสงั คม 1. รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนใกล้ชิด โดยเฉพาะสมาชิกในครอบครัว ควรคิดว่าจะเปิดเผย หรือไม่เปิดเผยเร่ืองการติดเช้ือกับผู้อ่ืน โดยคิดถึงผลกระทบที่จะได้รับทั้งด้านบวกและลบ ซึ่งเป็นสิทธิส่วนตัวท่ีจะ ไมเ่ ปิดเผยให้ผูอ้ น่ื รู้ 2. เตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ ในการอยู่ร่วมกับเพ่ือนบ้าน เพ่ือนร่วมงานและ ชุมชน เช่น การไปวดั ทาบญุ กบั ญาติการเป็นอาสาสมคั รชว่ ยเหลอื ชุมชน 6. วธิ ีกำรดแู ลสขุ ภำพของตนเอง หลัก 8 ประกำรของกำรดูแลรักษำสุขภำพ 1. รับประทานอาหาร อย่างถกู ต้องเหมาะสม อำหำรเช้ำ สาคัญมากเพราะช่วงเช้าร่างกายขาดน้าตาล ถ้าไม่รับประทานอาหารเช้าจะเกิดภาวะขาด น้าตาลซ่ึงจะมีผลทาให้ความคิดต้ือตันไม่ปลอดโปร่ง วิตกกังวล ใจส่ัน อ่อนเพลีย หงุดหงิด โมโหง่าย มื้อเช้า รับประทานได้เช้ ที่สุดยิ่งดี (ระหว่างเวลา 6.00 – 7.00 น.) เพราะท้องว่างมานาน หากยังไม่มีอาหารให้ด่ืมน้าอุ่น หรอื นา้ ข้าวอุ่น ๆ ก่อน ควรทานข้าวตม้ รอ้ น ๆ จะช่วยใหง้ า่ ยตอ่ การขับถ่ายอุจจาระ ถ้าจาเป็นต้องรับประทาน(สาย) ใกลอ้ าหารมื้อ สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารป้องกันโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา่ 2019 ปงี บประมาณ 2564 6

กลำงวัน อย่ารับประทานมากอาหารเพล (อาหารม้ือกลางวัน) ควรเป็นอาหารหนัก เช่น ข้าวสวย พร้อม กบั ขา้ วครบ 5 หมู่ เพราะร่างกายต้องใชพ้ ลงั งานมาก และควรรบั ประทานใหเ้ พยี งพอแกค่ วามต้องการของร่างกาย 2. ขบั ถา่ ย อุจจาระ ปัสสาวะ สม่าเสมอทกุ วนั 3. ใสเ่ สือ้ ผ้าให้เหมาะสม กับฤดูกาล เช่น หนา้ หนาวกใ็ ส่เส้อื ผา้ หนา ๆ สวมหมวก ถงุ มอื ถงุ เท้า ขณะนอนตอนกลางคืนควรหม่ ผ้าปดิ ถึงอก 4. ออกกาลงั กาย ควรออกกาลงั กายกลางแจ้งทกุ วนั 5. รักษาความสะอาดของสถานทพ่ี กั อาศยั เพอื่ ช่วยใหส้ ง่ิ แวดล้อมดี อากาศดี 6. รกั ษาอารมณ์ใหป้ ลอดโปรง่ แจม่ ใสตลอดท้ังวัน และอยา่ ลมื น่งั สมาธทิ กุ วัน 7. พกั ผอ่ นให้เพยี งพอ เหมาะสมกับเพศ และวยั ไม่ควรนอนดึกเกนิ 22.00 น. ตดิ ตอ่ กนั หลายวัน 8. มีท่าทาง และอริ ิยาบถท่ีถูกต้องเหมาะสม ในการทางานในชีวติ ประจาวนั บทสรุป การดาลงชีวิตของมนุษย์ในสังคมอย่างมีความสุข ตลอดช่วงชีวิตต่ังแต่วัยทารกจนถึงวัยชรา มนุษย์ทุกคน ต้องมีการบารงุ รักษาสขุ ภาพท้ังทางด้านรา่ งกาย และจิตใจใหส้ มบูรณ์ ปัจจยั การดาเนินการเพื่อให้มนุษย์มีความสุขดี มี 3 ดา้ น คือ สุขภาพทางกาย สุขภาพทางจติ และ สขุ ภาพทางสงั คม 7. วิธปี อ้ งกนั กำรแพรร่ ะบำดไวรัส โควคิ - 19 โคโรนาสายพันธ์ุใหม่ หรือที่เรียกอีกช่ือหน่ึงว่า COVID-19 โควิด19 ที่กาลังระบาดอยู่ในขณะน้ี มีความ รุนแรงเทียบเท่ากับโรคซาร์สมากที่สุด ทาให้ผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ องค์การอนามัยโลก ยังไมส่ ามารถหาที่มาของเชอื้ อย่างชัดเจนได้ แต่สันนิษฐานว่าอาจจะมาจากเน้ือสัตว์ป่าท่ีซ้ือขายอยู่ และปัจจุบันเช้ือ ไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้แล้ว จากการถูกไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหล่ังของคนที่ป่วย ดังนั้น เราควรดแู ลตนเองเพื่อใหร้ ่างกายห่างไกลจากเช้ือไวรสั โคโรนา่ โดยมวี ิธกี ารรบั มอื ดงั น้ี 1. เชอื้ ไวรัสนี้ติดต่อผ่านทางลมหายใจ สารคดั หลั่ง เช่น นา้ มูก นา้ ลาย ควรใส่หน้ากากอนามยั เพื่อปอ้ งกนั 2. เชื้อไวรสั โคโรน่าตดิ ตอ่ ในสัตว์เล้ียงลูกดว้ ยนม เน้ือสัตว์ เช่น เนอื้ หมู เนือ้ ววั ควรทานแบบสุกเทา่ นน้ั 3. ควรทานอาหารทส่ี กุ แลว้ งดอาหารดบิ และเนื้อสตั ว์ป่า 4. หมั่นล้างมือหรอื เช็ดดว้ ยแอลกอฮอล์ 5. ไมอ่ ยใู่ กลช้ ดิ ผ้ปู ่วยที่ไอ จาม 6. หลกี เลีย่ งการอยใู่ นสถานทแี่ ออัด และมมี ลภาวะเปน็ พิษ 7. งดเดนิ ทางไปยงั พืน้ ท่ีเสยี่ งโรคระบาด 8. ไมน่ ามือมาสัมผสั ตา จมูก ปาก ถา้ ไม่จาเปน็ 9. ไมใ่ ชส้ ่ิงของรว่ มกับผอู้ น่ื เชน่ ผา้ เช็ดหนา้ แกว้ น้า ฯลฯ 10.มีอาการไข้ มอี าการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ ปวดหัว อ่อนเพลีย หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวม หน้ากากอนามยั และรีบไปพบแพทย์ทันที สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารปอ้ งกนั โรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรน่า 2019 ปงี บประมาณ 2564 7

8. วธิ กี ำรทำเจลล้ำงมอื ส่วนผสม 1. Ethanol 95% ปรมิ าณ 750 มล. (ไมค่ วรใช้ปรมิ าณความเข้มข้นทีต่ ่ากวา่ 95% เพราะจะมีการ เจอื จางทาใหเ้ หลือ % นอ้ ยลงอีก) 2. Glycerin ปริมาณ 9 กรัม (สารใหค้ วามชุม่ ช้นื กับผิว) 3. 2% Lanolin ปรมิ าณ 9 กรัม (สารให้ความชมุ่ ชนื้ กบั ผวิ วธิ ีใช้ต้องนามาละลายในน้าอุ่นก่อน) 4. Triethanolamine 99% (TEA) ปรมิ าณ 0.75 กรัม (เป็นตวั ช่วยใหส้ ารชว่ ยกอ่ เจล ให้มีลักษณะใส) 5. Carbopol 940 ปรมิ าณ 3.6 กรัม (หรอื ที่เรียกว่าสารก่อเน้อื เจล) 6. น้าสะอาด ปริมาณ 225 มล. วธิ ที ำ 1. นา Carbopol 940 ละลายในนา้ สะอาดตามปริมาณท่กี าหนดไว้ 2. เมือ่ ท้ิง Carbopol ท่ผี สมกบั น้าสะอาดไว้ 1 คนื แลว้ จะได้เป็นลักษณะเจลข่นุ ๆ ให้เติม Ethanol 95% ผสมลงไปโดยใชเ้ ครือ่ งปัน่ เป็นตวั ช่วยใหเ้ นือ้ เจลผสมเขา้ กนั ได้ดี 3. ระหว่างป่ันเน้ือเจลให้เตมิ Glycerin และ Lanolin ตามปริมาณท่ีกาหนดไวล้ งไป 4. เติม Triethanolamine ท่ที าให้เน้ือเจลเซตตัวและใสข้นึ ป่นั จนเน้อื เนยี นละเอียดเขา้ กันไดด้ ี 5. บรรจุใส่ขวดท่ีสะอาด และนาไปใชง้ านไดท้ ันที 6. สามารถเพม่ิ น้าหอมหรือสี เพ่อื ให้เจลมีลกั ษณะตามท่ีคณุ ชอบได้ สรุปผลการดาเนินงานโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารปอ้ งกันโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรน่า 2019 ปีงบประมาณ 2564 8

บทท่ี 3 วิธีกำรดำเนินงำน การดาเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเช้ือไวรัส โคโรน่า 2019 คณะทางานได้ ดาเนินงาน ดังน้ี 1. สารวจกลุม่ เปา้ หมาย ประชาชน จานวน 20 คน 2. ประชุม/ช้ีแจงวางแผนการดาเนินงาน แก่บุคลากร กศน.อาเภอโชคชัย เพ่ือกาหนด รูปแบบและวางแผนการดาเนินงาน ในเดือนพฤษภาคม 2564 ณ หอ้ งประชุม กศน.อาเภอโชคชัย 3. จัดเตรียมเอกสาร/วัสดุอุปกรณ์ และประสานสถานท่ี เพ่ือเตรียมความพร้อมด้าน เอกสารวสั ดอุ ุปกรณ์ และสถานท่ี ในวันที่ 27 มถิ ุนายน 2564 ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านโจด หมู่ที่ 4 ตาบลท่าเยี่ยม อาเภอโชคชัย จังหวดั นครราชสีมา 4. ดาเนินการจดั โครงการอบรมให้ความร้กู ารป้องกันโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา่ 2019 ดาเนนิ การ ในวนั ที่ 29 มิถุนายน 2563 ณ บา้ นโจด หม่ทู ่ี 4 ตาบลท่าเยยี่ ม อาเภอโชคชัย จงั หวัดนครราชสมี า กจิ กรรมกำรเรียนรู้ตำมโครงกำรอบรมใหค้ วำมร้กู ำรปอ้ งกนั โรคติดเช้ือไวรสั โคโรน่ำ 2019 นายสมบตั ิ เดชพร เจ้าพนกั งานสาธารณสุข ชานาญงาน เปน็ วิทยากรใหค้ วามรเู้ ร่ืองการดูแลสุขภาวะ อนามัย ดังนี้ - เร่อื ง ความสาคัญของการดูแลสุขภาพอนามยั คอื สุขภาพอนามัยส่วนบคุ คลท่ีดีนน้ั มคี วามสาคัญอยา่ งยิ่ง ในสงั คมปจั จบุ นั ทงั้ เหตผุ ลทางดา้ นสุขภาพและเหตผุ ลทางสังคม การรักษาความสะอาดของมือและรา่ งกายเป็นสงิ่ สาคัญในการยับยั้งการเจรญิ เตบิ โตและแพร่กระจายของเช้อื โรคและความเจบ็ ปว่ ย นเ่ี ป็นสุขนสิ ัยขนั้ พืน้ ฐานที่มี ประโยชนต์ อ่ สขุ ภาพของคณุ และยงั ชว่ ยปกปอ้ งคนรอบข้างอกี ด้วย สขุ ภาพสว่ นบุคคลนั้นถอื เป็นเรือ่ งสว่ นรวมของสงั คม เร่มิ ตัง้ แต่การมสี ขุ ภาพสว่ นบุคคลท่ีดอี ยู่เสมอ นน่ั หมายถงึ การทาความสะอาดร่างกายเปน็ ประจาจะชว่ ยลดการเกดิ กลิน่ กาย ท่นี า่ อบั อายในท่ีสาธารณะ เช่นในท่ี ทางานหรือโรงเรียน วิธีป้องกันกำรแพร่ระบำดไวรัส โควิค - 19 โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือที่เรียกอีกช่ือหนึ่งว่า COVID-19 โควิด19 ท่ีกาลังระบาดอยู่ในขณะน้ี มีความ รุนแรงเทียบเท่ากับโรคซาร์สมากท่ีสุด ทาให้ผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ องค์การอนามัยโลก ยงั ไมส่ ามารถหาท่ีมาของเชอื้ อยา่ งชัดเจนได้ แต่สันนิษฐานว่าอาจจะมาจากเนื้อสัตว์ป่าท่ีซ้ือขายอยู่ และปัจจุบันเชื้อ ไวรัสน้ีสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้แล้ว จากการถูกไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหล่ังของคนท่ีป่วย ดังนั้น เราควรดูแลตนเองเพอ่ื ใหร้ ่างกายหา่ งไกลจากเช้ือไวรัสโคโรน่า โดยมวี ธิ ีการรับมอื ดังนี้ 1. เชอื้ ไวรสั นีต้ ิดตอ่ ผ่านทางลมหายใจ สารคัดหล่ัง เชน่ นา้ มูก น้าลาย ควรใส่หน้ากากอนามยั เพ่อื ปอ้ งกนั 2. เชื้อไวรสั โคโรน่าตดิ ต่อในสตั ว์เล้ียงลูกด้วยนม เนอ้ื สตั ว์ เชน่ เน้ือหมู เนอื้ ววั ควรทานแบบสกุ เทา่ นั้น 3. ควรทานอาหารท่ีสุกแลว้ งดอาหารดิบ และเนื้อสัตว์ปา่ 4. หม่นั ล้างมือหรอื เชด็ ดว้ ยแอลกอฮอล์ 5. ไมอ่ ยใู่ กลช้ ิดผปู้ ่วยท่ีไอ จาม 6. หลกี เล่ยี งการอยู่ในสถานท่แี ออัด และมมี ลภาวะเป็นพิษ สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรูก้ ารปอ้ งกนั โรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา่ 2019 ปีงบประมาณ 2564 9

7. งดเดนิ ทางไปยังพ้ืนที่เสย่ี งโรคระบาด 8. ไมน่ ามือมาสมั ผัสตา จมกู ปาก ถ้าไม่จาเป็น 9. ไม่ใช้สง่ิ ของร่วมกับผู้อน่ื เช่น ผา้ เช็ดหน้า แก้วน้า ฯลฯ 10.มีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ ปวดหัว อ่อนเพลีย หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามยั และรบี ไปพบแพทย์ทันที สรุปผลการดาเนินงานโครงการอบรมใหค้ วามร้กู ารปอ้ งกันโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรน่า 2019 ปีงบประมาณ 2564 10

วธิ ีกำรทำเจลล้ำงมอื ส่วนผสม 1. Ethanol 95% ปริมาณ 750 มล. (ไมค่ วรใช้ปริมาณความเข้มขน้ ทต่ี า่ กว่า 95% เพราะจะมีการ เจือจางทาให้เหลอื % นอ้ ยลงอีก) 2. Glycerin ปริมาณ 9 กรัม (สารใหค้ วามชุ่มชืน้ กับผิว) 3. 2% Lanolin ปริมาณ 9 กรัม (สารใหค้ วามช่มุ ชนื้ กบั ผวิ วิธีใชต้ ้องนามาละลายในน้าอุ่นก่อน) 4. Triethanolamine 99% (TEA) ปริมาณ 0.75 กรมั (เป็นตวั ชว่ ยให้สารช่วยก่อเจล ให้มลี ักษณะใส) 5. Carbopol 940 ปริมาณ 3.6 กรมั (หรือทีเ่ รียกว่าสารก่อเนือ้ เจล) 6. นา้ สะอาด ปริมาณ 225 มล. วิธีทำ 1. นา Carbopol 940 ละลายในนา้ สะอาดตามปริมาณทก่ี าหนดไว้ 2. เมอ่ื ทงิ้ Carbopol ท่ผี สมกบั น้าสะอาดไว้ 1 คนื แลว้ จะได้เป็นลกั ษณะเจลขุ่น ๆ ให้เติม Ethanol 95% ผสมลงไปโดยใชเ้ ครื่องปัน่ เป็นตัวช่วยให้เน้ือเจลผสมเขา้ กนั ได้ดี 3. ระหว่างปน่ั เนือ้ เจลใหเ้ ติม Glycerin และ Lanolin ตามปริมาณที่กาหนดไว้ลงไป 4. เตมิ Triethanolamine ทท่ี าใหเ้ นื้อเจลเซตตัวและใสข้ึน ปนั่ จนเนอ้ื เนยี นละเอียดเขา้ กันได้ดี 5. บรรจุใส่ขวดทีส่ ะอาด และนาไปใช้งานไดท้ นั ที 6. สามารถเพิม่ น้าหอมหรือสี เพ่ือใหเ้ จลมีลกั ษณะตามท่ีคณุ ชอบได้ สรุปผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารปอ้ งกนั โรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา่ 2019 ปงี บประมาณ 2564 11

บทที่ 4 ผลกำรวเิ ครำะหข์ ้อมูล การวิเคราะห์ข้อมลู ครงั้ นี้ มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พื่อประเมนิ ผลกิจกรรมโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติด เชือ้ ไวรสั โคโรน่า 2019 จากผู้ตอบแบบประเมินโครงการ จานวน 20 คน เครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบประเมินโครงการ ได้นาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในแบบตารางความถ่ี ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน (Standard deviation)ซึ่งใชโ้ ปรแกรม SPSS เพอื่ วิเคราะหค์ า่ สถิติท้ังหมด ดังมีรายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี ตอนที่ 1 วิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบประเมินโครงการ โดยการแจกแจงความถี่และค่าร้อยละ ของตวั แปร ตอนที่ 2 วิเคราะห์ผลการประเมินกิจกรรมโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 โดยการแจกแจงค่าเฉลีย่ คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน ตอนท่ี 3 วิเคราะห์ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ ตอนท่ี 1 วิเครำะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบประเมินโครงกำร โดยกำรแจกแจงควำมถี่และค่ำร้อยละของ ตัวแปร ข้อมูลสว่ นตัวของผู้ตอบแบบประเมินโครงการ ท่ีเข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกัน โรคติดเชอ้ื ไวรัส โคโรนา่ 2019 โดยการแจกแจงความถีแ่ ละคา่ รอ้ ยละของตัวแปร ดงั ตารางท่ี 1 ตำรำงท่ี 1 จำนวน และคำ่ ร้อยละ ของผู้ตอบแบบประเมินโครงกำร จำแนกตำมเพศ อำยุ ระดบั กำรศึกษำ และอำชีพ (N=20) ข้อมูลส่วนตัว จำนวน ร้อยละ 1. เพศ ชาย 8 40.00 หญงิ 12 60.00* 2. อำยุ 15 – 29 ปี รวม 20 100 30 – 49 ปี รวม 50 ปขี ้ึนไป 6 30.00 5 25.00 9 45.00* 20 100 สรุปผลการดาเนินงานโครงการอบรมใหค้ วามรู้การป้องกนั โรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา่ 2019 ปงี บประมาณ 2564 12

3. ระดบั ขอ้ มูลสว่ นตัว จำนวน รอ้ ยละ กำรศกึ ษำ ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 9 45.00* 4. อำชีพ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 7 35.00 4 20.00 เกษตรกรรม คา้ ขาย 20 100 รับจ้าง 11 55.00* 4 20.00 5 25.00 รวม 20 100 หมายเหตุ : * หมายถึง ขอ้ มูลส่วนใหญ่ จากตาราง ที่ 1 พบวา่ ผู้ตอบแบบประเมินโครงการ จานวน 20 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 60.00 เพศหญิง จานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 ส่วนใหญ่มีอายุ 50 ปีข้ีนไป จานวน 9 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 45.00 รองลงมา คือ อายุ 15-29 ปี จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 และอายุ 30-49 ปี จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00 ระดับการศึกษาส่วนใหญ่ศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00 รองลงมา คือ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 35.00 และระดับมัธยมศึกษาตอน ปลาย จานวน 4 คน คิดเปน็ ร้อยละ 20.00 สาหรับอาชีพ ส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จานวน 11คน คิด เป็นร้อยละ 55.00 รองลงมา คือ อาชีพรับจ้าง จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00 และอาชีพค้าขาย จานวน 4 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 20.00 ตามลาดับ ตอนที่ 2 วิเครำะห์ผลกำรประเมินกิจกรรมโครงกำรอบรมให้ควำมรกู้ ำรป้องกนั โรคติดเชอื้ ไวรัส โคโรนำ่ 2019 โดยกำรแจกแจงค่ำเฉลย่ี คำ่ เบยี่ งเบนมำตรฐำน การจาแนกระดบั ผลการประเมนิ โครงการ แบบมาตรฐานประมาณคา่ (Rating Scale) มี 5 ระดบั ดงั นี้ 5 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมินมากทสี่ ุด 4 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมินมาก 3 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมนิ ปานกลาง 2 คะแนน คือ ระดบั ผลการประเมนิ น้อย 1 คะแนน คือ ระดับผลการประเมนิ น้อยท่ีสุด N คือ จานวนผู้ตอบแบบประเมนิ ̅ คือ ระดบั ค่าเฉลย่ี ผลการประเมนิ S.D. (Standard deviation) คือ คา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรูก้ ารป้องกันโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา่ 2019 ปงี บประมาณ 2564 13

ค่าเฉลยี่ ระดับผลการประเมนิ ของผตู้ อบแบบประเมนิ โครงการ ค่าเฉลี่ย 4.50 – 5.00 คะแนน หมายถงึ มีผลการประเมนิ อยู่ในระดบั มากท่สี ดุ ค่าเฉลย่ี 3.50 – 4.49 คะแนน หมายถงึ มผี ลการประเมินอยู่ในระดบั มาก คา่ เฉลย่ี 2.50 – 3.49 คะแนน หมายถึง มผี ลการประเมินอยูใ่ นระดับปานกลาง คา่ เฉลี่ย 1.50 – 2.49 คะแนน หมายถึง มีผลการประเมนิ อยูใ่ นระดับน้อย ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.49 คะแนน หมายถงึ มีผลการประเมนิ อยู่ในระดับน้อยทส่ี ดุ ตำรำงที่ 2.1 คำ่ เฉล่ยี ค่ำเบี่ยงเบนมำตรฐำน และระดบั ผลกำรประเมนิ กิจกรรมโครงกำรอบรมให้ ควำมรู้กำรปอ้ งกนั โรคตดิ เช้อื ไวรัส โคโรน่ำ 2019 ของผูต้ อบแบบประเมินโครงกำร ในภำพรวม และจำแนก รำยด้ำน ดงั นี้ รำยกำร N = 20 ระดบั ผลกำรประเมิน ̅ S.D. 1. ด้ำนหลักสูตร 4.28 0.77 มำก 2. ด้ำนวทิ ยำกร 4.25 0.77 มำก 3. ดำ้ นสถำนท่ี ระยะเวลำ และควำมพึงพอใจ มำก 4.18 0.85 มำก รวม 4.23 0.79 จากตารางท่ี 2.1 พบว่าโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเช้ือไวรัส โคโรน่า 2019 มีผลการ ประเมินโครงการในภาพรวม อยู่ในระดับมาก (̅= 4.23) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านหลักสูตร มีผลการ ประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.28) รองลงมาคือ ด้านวิทยากร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก(̅=4.25 )และ ด้านสถานที่ ระยะเวลา และความพงึ พอใจ มผี ลการประเมนิ อย่ใู นระดบั มาก (̅=4.23 ) ตามลาดบั สรุปผลการดาเนินงานโครงการอบรมใหค้ วามรูก้ ารป้องกนั โรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรน่า 2019 ปีงบประมาณ 2564 14

ตำรำงท่ี 2.2 คำ่ เฉลีย่ คำ่ เบยี่ งเบนมำตรฐำน และระดบั ผลกำรประเมนิ กิจกรรมโครงกำรอบรมให้ ควำมรกู้ ำรป้องกนั โรคติดเชื้อไวรสั โคโรน่ำ 2019 ของผู้ตอบแบบประเมนิ โครงกำรด้ำนหลกั สูตร โดยจำแนก เป็นรำยข้อ ดังนี้ รำยกำร N = 20 ระดบั ผลกำรประเมนิ ̅ S.D. ด้ำนหลักสูตร มาก 1. กิจกรรมสอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ของหลักสตู ร 4.20 0.83 มาก 4.35 0.81 มาก 2. เนอ้ื หาของหลักสูตรตรงกับความตอ้ งการผรู้ ่วมกิจกรรม 4.30 0.80 มาก มาก 3. การจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผูร้ ว่ มกจิ กรรมสามารถ คิดเป็น 4.20 0.69 มำก ทาเปน็ แกป้ ญั หาเป็น 4. ผรู้ ว่ มกิจกรรมมสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็นต่อการ 4.35 0.74 จัดทาหลักสูตร 5. ผูร้ ่วมกิจกรรมสามารถนาความร้ไู ปปรบั ใชใ้ นการ 4.28 0.77 ปฏิบตั งิ าน รวม จากตารางท่ี 2.2 พบว่าโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเช้ือไวรัส โคโรน่า 2019 มีผลการ ประเมินโครงการในด้านหลักสูตร อยู่ในระดับมาก (̅= 4.28) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า เนื้อหาของหลักสูตร ตรงกับความต้องการผู้ร่วมกิจกรรม ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน ผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.35) รองลงมาคือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถ คิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.30) และกิจกรรมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ผู้ร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อการจัดทาหลักสูตร ผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.20) ตามลาดับ สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารป้องกันโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรน่า 2019 ปงี บประมาณ 2564 15

ตำรำงท่ี 2.3 คำ่ เฉล่ีย ค่ำเบี่ยงเบนมำตรฐำน และระดบั ผลกำรประเมินกจิ กรรมโครงกำรอบรมให้ ควำมรูก้ ำรปอ้ งกนั โรคติดเช้ือไวรสั โคโรน่ำ 2019 ของผ้ตู อบแบบประเมนิ โครงกำรดำ้ นวิทยำกร โดยจำแนก เปน็ รำยขอ้ ดังน้ี รำยกำร N = 20 ̅ S.D. ระดับผลกำรประเมนิ ด้ำนวทิ ยำกร 6. วิทยากรมคี วามรู้ความสามารถในการถา่ ยทอดองค์ 4.20 0.69 มาก ความรู้ 7. วทิ ยากรมีเทคนิค วธิ ีการในการจดั การถ่ายทอดองค์ 4.25 0.78 มาก ความรู้ 8. วิทยากรมกี ารใช้ส่ือทสี่ อดคล้องและเหมาะสมกับ 4.25 0.78 มาก กจิ กรรม มาก 9. บคุ ลกิ ภาพของวทิ ยากร 4.30 0.86 มำก 4.25 0.77 รวม จากตารางที่ 2.3 พบว่าโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 มีผลการ ประเมนิ ฯ ในดา้ นวทิ ยากร อยู่ในระดับมาก (̅=4.25) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า บุคลิกภาพของวิทยากร มีผล การประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.30) รองลงมาคือ วิทยากรมีการใช้สื่อที่สอดคล้องและเหมาะสมกับ วิทยากรมี เทคนิค วิธีการในการจัดการถ่ายทอดองค์ความรู้ มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.25) และวิทยากรมี ความร้คู วามสามารถในการถ่ายทอดองค์ความรู้ มผี ลการประเมิน อยใู่ นระดบั มาก (̅=4.20)ตามลาดับ สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรู้การปอ้ งกันโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา่ 2019 ปีงบประมาณ 2564 16

ตำรำงท่ี 2.4 คำ่ เฉล่ีย คำ่ เบีย่ งเบนมำตรฐำน และระดับผลกำรประเมินกิจกรรมโครงกำรอบรมให้ ควำมรกู้ ำรปอ้ งกนั โรคตดิ เชื้อไวรัส โคโรน่ำ 2019 ของผตู้ อบแบบประเมนิ โครงกำร ด้ำนสถำนที่ ระยะเวลำ และควำมพึงพอใจ โดยจำแนกเป็นรำยขอ้ ดังน้ี รำยกำร N = 20 ระดับผลกำรประเมิน ̅ S.D. ด้ำนสถำนท่ี ระยะเวลำ และควำมพึงพอใจ 10. สถานทใี่ นการจัดกิจกรรมเหมาะสม 4.20 0.83 มาก 11. ระยะเวลาในการจัดกจิ กรรมเหมาะสม 4.05 0.94 มาก 12. ความพึงพอใจในภาพรวมของผ้รู ่วมกิจกรรมต่อการเข้า 4.25 0.85 มาก ร่วมกิจกรรม 13. ประโยชนท์ ่ีได้รับจากการเขา้ ร่วมกิจกรรมตามหลกั สูตร 4.25 0.78 มาก รวม 4.18 0.85 มำก จากตารางท่ี 2.4 พบว่าโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเช้ือไวรัส โคโรน่า 2019 มีผลการ ประเมินฯ ในด้านสถานท่ี ระยะเวลา และความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=4.18) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ความพึงพอใจในภาพรวมของผู้ร่วมกิจกรรมต่อการเข้าร่วมกิจกรรม ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วม กิจกรรมตามหลักสูตร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.25) รองลงมาคือ สถานที่ในการจัดกิจกรรม เหมาะสม มีผลการประเมนิ อยใู่ นระดับมาก (̅= 4.20) และสถานที่ในการจัดกิจกรรมเหมาะสม มีผลการประเมิน อยู่ในระดบั มาก (̅=4.05) ตามลาดบั ตอนท่ี 3 วเิ ครำะห์ควำมคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ ควรเพิ่มวสั ดฝุ กึ ปฏิบตั กิ ารทาเจลลา้ งมือ สรุปผลการดาเนินงานโครงการอบรมใหค้ วามรูก้ ารป้องกนั โรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา่ 2019 ปีงบประมาณ 2564 17

บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รำยผล และข้อเสนอแนะ สรปุ ผล การวเิ คราะห์ สามารถสรุปไดด้ ังน้ี ตอนที่ 1 วเิ คราะหข์ ้อมูลส่วนตัวของผตู้ อบแบบประเมนิ ในภาพรวม ตอนที่ 2 วเิ คราะห์ผลการประเมินกจิ กรรมโครงการอบรมใหค้ วามรู้การป้องกนั โรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 ตอนท่ี 3 วิเคราะห์ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ตอนที่ 1 วิเครำะหข์ ้อมูลส่วนตัวของผตู้ อบแบบประเมนิ ในภำพรวม ผู้ตอบแบบประเมินโครงการ จานวน 20 คน ส่วนใหญเ่ ปน็ เพศหญิง จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 60.00 เพศหญิง จานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 ส่วนใหญ่มีอายุ 50 ปีข้ีนไป จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00 รองลงมา คือ อายุ 15-29 ปี จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 และอายุ 30-49 ปี จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00 ระดับการศึกษาส่วนใหญ่ศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00 รองลงมา คือ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 35.00 และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 20.00 สาหรับอาชีพ ส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จานวน 11คน คิดเป็นร้อยละ 55.00 รองลงมา คือ อาชีพรับจ้าง จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00 และอาชีพค้าขาย จานวน 4 คน คิดเป็น ร้อยละ 20.00 ตามลาดับ ตอนท่ี 2 วเิ ครำะห์ผลกำรประเมินกจิ กรรมโครงกำรอบรมให้ควำมร้กู ำรป้องกันโรคตดิ เชอ้ื ไวรัส โคโรนำ่ 2019 ตารางที่ 2.1 พบว่าโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 มีผลการประเมิน โครงการในภาพรวม อยู่ในระดับมาก (̅= 4.23) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านหลักสูตร มีผลการประเมิน อยูใ่ นระดบั มาก (̅=4.28) รองลงมาคอื ดา้ นวิทยากร มีผลการประเมนิ อยู่ในระดับมาก(̅=4.25 )และด้านสถานท่ี ระยะเวลา และความพงึ พอใจ มีผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั มาก (̅=4.23 ) ตามลาดับ ตารางท่ี 2.2 พบว่าโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 มีผลการประเมิน โครงการในด้านหลักสูตร อยู่ในระดับมาก (̅= 4.28) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า เน้ือหาของหลักสูตรตรงกับ ความต้องการผู้ร่วมกิจกรรม ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน ผลการประเมิน อยู่ใน ระดับมาก (̅=4.35) รองลงมาคอื การจดั กิจกรรมส่งเสรมิ ใหผ้ ู้ร่วมกิจกรรมสามารถ คดิ เปน็ ทาเปน็ แก้ปัญหาเป็น มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.30) และกิจกรรมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ผู้ร่วมกิจกรรมมี สว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เห็นตอ่ การจดั ทาหลกั สตู ร ผลการประเมนิ อยู่ในระดับมาก (̅=4.20) ตามลาดบั ตารางที่ 2.3 พบว่าโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 มีผลการประเมินฯ ในด้านวิทยากร อยู่ในระดับมาก (̅=4.03) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า บุคลิกภาพของวิทยากร มีผลการ ประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.15) รองลงมาคือ วิทยากรมีการใช้สื่อท่ีสอดคล้องและเหมาะสมกับกิจกรรม มีผล การประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.10) วิทยากรมีความรู้ความสามารถในการถ่ายทอดองค์ความรู้ มีผลการ ประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.05)วิทยากรมีเทคนิค วิธีการในการจัดการถ่ายทอดองค์ความรู้ มีผลการประเมิน อยูใ่ นระดบั มาก (̅=3.85) ตามลาดับ สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรู้การปอ้ งกันโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา่ 2019 ปีงบประมาณ 2564 18

ตารางท่ี 2.4 พบว่าโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 มีผลการประเมินฯ ในด้านสถานที่ ระยะเวลา และความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (̅=4.18) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ความพึง พอใจในภาพรวมของผู้ร่วมกิจกรรมต่อการเข้าร่วมกิจกรรม ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมตามหลักสูตร มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.25) รองลงมาคือ สถานท่ีในการจัดกิจกรรมเหมาะสม มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅= 4.20) และสถานที่ในการจัดกิจกรรมเหมาะสม มีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (̅=4.05) ตามลาดบั ตอนท่ี 3 วเิ ครำะหค์ วำมคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะอืน่ ๆ ควรเพิม่ วสั ดฝุ ึกปฏิบัติการทาเจลลา้ งมือ อภปิ รำยผล จากการสรุปผลการประเมินโครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 มีผลการ ประเมินโครงการในภาพรวม อยู่ในระดับมาก (̅=4.23) พบว่า ผู้ท่ีเข้าร่วมโครงการเห็นความสาคัญการดูแลสุข ภาวะตนเอง รู้วิธีป้องกันการแพร่ระบาดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 ท้ังน้ีเป็นเพราะคณะทางาน ได้ประชุม/ชี้แจง วางแผนการดาเนนิ งาน แกบ่ ุคลากร กศน.อาเภอโชคชัย กาหนดรูปแบบ และแผนการดาเนินงาน การจัดเตรียมวัสดุ สถานท่ี และประสานภาคีเครอื ขา่ ย เพอื่ ประชาชนดแู ลสขุ ภาวะตนเอง รู้วิธีป้องกันการแพร่ระบาดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 สามารถใชช้ ีวิตอยู่ในสงั คมได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ จากผลการประเมนิ ดังกลา่ ว มปี ระเด็นท่ีนา่ สนใจนามาอภิปรายผล ดังนี้ ประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรม ตามหลกั สตู ร อยู่ในระดับมาก (̅=4.25) ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการเห็นความสาคัญการดูแลสุขภาวะตนเอง รู้วิธีป้องกัน การแพรร่ ะบาดเชอื้ ไวรัส โคโรนา 2019 รวมถงึ การทาเจลล้างมือไว้ใช้เอง มีทักษะในการดารงชีวิตตลอดจนสามารถ พ่ึงพาตนเองได้ ซ่ึงสอดคล้อง กับนโยบายและจุดเน้นการดาเนินงาน สานักงาน กศน. ประจาปีงบประมาณ 2564 ซึ่งกล่าวไวว้ า่ การจดั การศึกษาเพอ่ื พฒั นาทักษะชวี ิต ใหก้ บั ทุกกลุ่มเป้าหมาย มุง่ เน้นให้ทกุ กลมุ่ เป้าหมายมีทักษะการ ดารงชวี ติ ตลอดจนสามารถประกอบอาชีพพง่ึ พาตนเองไดม้ ีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการชีวิตของตนเอง ให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขสามารถเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมสาหรับการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของข่าวสารข้อมูลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในอนาคต โดยจัดกิจกรรมท่ีมีเนื้อหาสาคัญต่าง ๆ เช่น การอบรมจิตอาสา การให้ความรู้เพื่อการป้องการการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ส่งผลให้โครงการอบรมให้ความรู้การป้องกันโรคติดเช้ือไวรัส โคโรน่า 2019 ประสบผลสาเรจ็ ตามวตั ถุประสงคท์ ่ีกาหนด ข้อเสนอแนะในกำรพฒั นำคร้งั ตอ่ ไป ควรส่งเสรมิ สนบั สนนุ การจัดกิจกรรม การดแู ลสุขภาพ และวิธีการป้องกันโรคติดตอ่ อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการอบรมใหค้ วามรู้การป้องกันโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรน่า 2019 ปงี บประมาณ 2564 19

บรรณำนุกรม วิธปี อ้ งกันตวั เองและสังคมจำกโรคตดิ ตอ่ โควดิ 19 [ออนไลน์]. เข้าได้ถึงจาก https://www.gj.mahidol.ac.th/main/covid19/preventioncovid/( วนั ที่ค้นข้อมลู วนั ที่ 8 กรกฎาคม 2564) สานกั งาน กศน (2564). ยุทธศาสตร์และจดุ เน้นการดาเนนิ งาน สานักงาน กศน. ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564. [ออนไลน์]. เขา้ ไดถ้ งึ จาก http://www.pattaninfe.com/web/wp- content/uploads/flipbook/12/mobile/index.html ( วันทีค่ ้นขอ้ มูลวนั ที่ 8 กรกฎาคม 2564) สรปุ ผลการดาเนินงานโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ารปอ้ งกนั โรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรน่า 2019 ปีงบประมาณ 2564 20

ภาคผนวก

ตารางวิเคราะห์ข้อมลู โครงการอบรมใหค้ วามร้กู ารป้องกันโรคติดเชื้อไวรสั โคโรน่า 2019 โดยใช้โปรแกรมSPSS Frequency เพศ Valid Cumulative Percent Percent Percent 40.0 40.0 100.0 Valid ชาย 8 40.0 60.0 หญิง 12 60.0 100.0 20 100.0 Total Vali 15– 29 ปี Frequenc อายุ Valid Cumulative d 30-49 ปี y Percent Percent 6 Percent 30.0 50 ปี ข้ึนไป 5 30.0 55.0 9 30.0 25.0 100.0 Total 20 25.0 45.0 45.0 100.0 100.0 ระดบั การศึกษา Vali ประถมศึกษา Frequenc Percent Valid Cumulative d มธั ยมศึกษาตอนตน้ y Percent Percent 9 45.0 45.0 มธั ยมศึกษาตอนปลาย 7 35.0 45.0 80.0 4 20.0 35.0 100.0 Total 20 100.0 20.0 100.0

Valid เกษตรกรรม อาชีพ Valid Percent Cumulative คา้ ขาย Percent รับจา้ ง Frequency Percent 55.0 55.0 20.0 75.0 Total 11 55.0 25.0 100.0 4 20.0 100.0 5 25.0 20 100.0 ข้อ 1กจิ กรรมสอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์ของหลกั สูตร Frequency Percent Valid Percent Cumulative Percent Valid ปานกลาง 5 25.0 25.0 25.0 มาก 6 30.0 30.0 55.0 มากที่สุด 9 45.0 45.0 100.0 20 100.0 100.0 Total ข้อ 2เนื้อหาของหลกั สูตรตรงกบั ความต้องการผ้รู ่วมกจิ กรรม Frequency Percent Valid Percent Cumulativ e Percent Valid ปานกลาง 4 20.0 20.0 มาก 5 25.0 25.0 20.0 มากท่ีสุด 11 55.0 55.0 45.0 20 100.0 100.0 100.0 Total ข้อ3การจดั กจิ กรรมส่งเสริมให้ผ้รู ่วมกจิ กรรมสามารถ คดิ เป็ น ทาเป็ น แก้ปัญหาเป็ น Frequency Percent Valid Percent Cumulativ e Percent Valid ปานกลาง 4 20.0 20.0 มาก 6 30.0 30.0 20.0 มากที่สุด 10 50.0 50.0 50.0 20 100.0 100.0 100.0 Total

ข้อ 4ผ้รู ่วมกจิ กรรมมสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็นต่อการจดั ทาหลกั สูตร Valid ปานกลาง Frequency Percent Valid Percent Cumulativ มาก e Percent มากที่สุด 3 15.0 15.0 10 50.0 50.0 15.0 Total 35.0 35.0 65.0 7 100.0 100.0 100.0 20 ข้อ 5ผ้รู ่วมกจิ กรรมสามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพได้ Valid ปานกลาง Frequenc Percent Valid Cumulative มาก y Percent Percent มากท่ีสุด 3 15.0 15.0 7 35.0 15.0 50.0 Total 10 50.0 35.0 100.0 20 100.0 50.0 100.0 ข้อ 6วทิ ยากรมคี วามรู้ความสามารถในการถ่ายทอดองค์ความรู้ Cumulative Percent Frequency Percent Valid Percent 15.0 65.0 Valid ปานกลาง 3 15.0 15.0 100.0 มาก 10 50.0 50.0 มากที่สุด 35.0 7 35.0 100.0 Total 20 100.0 ข้อ7วทิ ยากรมเี ทคนคิ วธิ กี ารในการจัดการถ่ายทอดองค์ความรู้ Cumulative Percent Frequency Percent Valid Percent 20.0 55.0 Valid ปานกลาง 4 20.0 20.0 100.0 มาก 7 35.0 35.0 มากท่ีสุด 9 45.0 45.0 20 100.0 100.0 Total

ข้อ 8วทิ ยากรมกี ารใช้สื่อทสี่ อดคล้องและเหมาะสมกบั กจิ กรรม Cumulative Percent Frequency Percent Valid Percent 20.0 55.0 Valid ปานกลาง 4 20.0 20.0 100.0 มาก 7 35.0 35.0 มากท่ีสุด 9 45.0 45.0 20 100.0 100.0 Total ข้อ 9บุคลกิ ภาพของวทิ ยากร Cumulative Percent Frequency Percent Valid Percent 25.0 45.0 Valid ปานกลาง 5 25.0 25.0 100.0 มาก 4 20.0 20.0 มากที่สุด 11 55.0 55.0 20 100.0 100.0 Total ข้อ 10สถานทใี่ นการจัดกจิ กรรมเหมาะสม Cumulative Percent Frequency Percent Valid Percent 25.0 55.0 Valid ปานกลาง 5 25.0 25.0 100.0 มาก 6 30.0 30.0 มากที่สุด 9 45.0 45.0 20 100.0 100.0 Total ข้อ11ระยะเวลาในการจัดกจิ กรรมเหมาะสม Cumulative Percent Frequency Percent Valid Percent 40.0 55.0 Valid ปานกลาง 8 40.0 40.0 100.0 มาก 3 15.0 15.0 มากที่สุด 9 45.0 45.0 20 100.0 100.0 Total

ข้อ12ความพงึ พอใจในภาพรวมของผ้รู ่วมกจิ กรรมต่อการเข้าร่วมกจิ กรรม Frequency Percent Valid Percent Cumulative Percent Valid ปานกลาง 5 25.0 25.0 25.0 มาก 5 25.0 25.0 50.0 มากท่ีสุด 10 50.0 50.0 100.0 20 100.0 100.0 Total ข้อ 13 ประโยชน์ทไี่ ด้รับจาการเข้าร่วมกจิ กรรมตามหลกั สูตร Cumulative Percent Frequency Percent Valid Percent 20.0 55.0 Valid ปานกลาง 4 20.0 20.0 100.0 มาก 7 35.0 35.0 มากท่ีสุด 9 45.0 45.0 20 100.0 100.0 Total

Descriptive Statistics Std. N Minimum Maximum Mean Deviation ข้อ 1กิจกรรมสอดคล้องกับวัตถุประสงคข์ อง 20 3.00 5.00 4.2000 0.83351 หลักสูตร ข้อ 2เนื้อหาของหลักสตู รตรงกบั ความ 20 3.00 5.00 4.3500 0.81273 ตอ้ งการผูร้ ่วมกิจกรรม 20 3.00 5.00 4.3000 0.80131 ข้อ3การจัดกจิ กรรมสง่ เสริมใหผ้ ้รู ว่ มกิจกรรม สามารถ คดิ เปน็ ทาเปน็ แก้ปญั หาเป็น 20 3.00 5.00 4.2000 0.69585 ข้อ 4ผู้ร่วมกจิ กรรมมีสว่ นร่วมในการแสดง ความคิดเหน็ ต่อการจัดทาหลักสูตร 20 3.00 5.00 4.3500 0.74516 ขอ้ 5ผู้รว่ มกจิ กรรมสามารถนาความรู้ไปปรบั 20 3.00 5.00 4.2000 0.69585 ใชใ้ นการประกอบอาชีพได้ ข้อ 6วิทยากรมีความร้คู วามสามารถในการ 20 3.00 5.00 4.2500 0.78640 ถ่ายทอดองคค์ วามรู้ 20 3.00 5.00 4.2500 0.78640 ข้อ7วทิ ยากรมเี ทคนิค วธิ ีการในการจัดการ ถ่ายทอดองค์ความรู้ 20 3.00 5.00 4.3000 0.86450 ข้อ 8วทิ ยากรมีการใช้สือ่ ท่ีสอดคล้องและ 20 3.00 5.00 4.2000 0.83351 เหมาะสมกับกิจกรรม 20 3.00 5.00 4.0500 0.94451 20 3.00 5.00 4.2500 0.85070 ขอ้ 9บุคลิกภาพของวิทยากร 20 3.00 5.00 4.2500 0.78640 ขอ้ 10สถานทใ่ี นการจัดกิจกรรมเหมาะสม 20 ขอ้ 11ระยะเวลาในการจัดกจิ กรรมเหมาะสม ข้อ12ความพึงพอใจในภาพรวมของผู้รว่ ม กิจกรรมต่อการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ข้อ 13 ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จาการเข้าร่วม กิจกรรมตามหลกั สูตร Valid N (listwise)

รายชื่อผูเ้ ข้าร่วมโครงการอบรมใหค้ วามรใู้ นการป้องกนั โรคตดิ ต่อไวรัสโคโรน่า 2019 วันที่ 29 มิถนุ ายน 2564 ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านโจด ตาบลท่าเยีย่ ม อาเภอโชคชยั จงั หวดั นครราชสีมา ท่ี ช่อื -สกุล 1 นางเดอื นน้อย เผ่ือนกระโทก 2 นายชาตรี โพธศ์ิ รที อง 3 นายธรี ดนย์ ชาติศักดิ์ 4 นายณฐั วุฒิ แพงกระโทก 5 นายสรุ ตั น์ ฝอฝน 6 นายวฒุ ิชยั สบุ งกช 7 นางสายัณต์ นามกระโทก 8 นางสาวศุภสิ รา สืบบุตร 9 นางสาวนวพร แสไพศาล 10 นางสาวเกศสดุ า ยทุ ธโยธนิ 11 นางสายพณิ ผดั กระโทก 12 นางประทุม ทิศกระโทก 13 นางบังอร พลยทุ ธภูมิ 14 นายแดง หมอ่ นกระโทก 15 นางบานเย็น เกริน่ กระโทก 16 นางละม่อม ผลุงกระโทก 17 นางลาไย เชดิ กระโทก 18 นางสมหมาย ฐานบัวแกว้ 19 นายจตุรวิทย์ โคง้ กระโทก 20 นายอมฤต โค้งกระโทก

ภาพกจิ กรรม โครงการอบรมให้ความรใู้ นการป้องกนั โรคติดตอ่ ไวรัสโคโรนา่ 2019 วันที่ 29 มถิ ุนายน 2564 ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านโจด ตาบลท่าเย่ียม อาเภอโชคชยั จังหวดั นครราชสมี า

กศน.ตำบลท่ำเยี่ยม ศูนย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัยอำเภอโชค ชัย สำนักงำนส่งเสริมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัยจังหวัดนครรำชสีมำ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook