Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือวรรณกรรมกลอนลำ

หนังสือวรรณกรรมกลอนลำ

Published by boonjun_2013, 2021-11-13 18:25:43

Description: หนังสือวรรณกรรมกลอนลำ

Search

Read the Text Version

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน ก วรรณกรรมกลอนลำอีสำน บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย ภำพปก มติชนออนไลน์ : สจุ ิตต์ วงษ์เทศ เวบ็ ไซต์ข่ำว shorturl.asia/OqCHz พิมพ์คร้ังท่ี 1 พ.ศ. 2564 สงวนลิขสทิ ธ์ิ จดั พิมพ์โดยเพจ บุญจนั ทร์ เพชรเมืองเลย กลอนลำอีสำน ลงิ ค์เพจ: shorturl.asia/T3wD7

ข บญุ จันทร์ เพชรเมอื งเลย หน้ำ 1 สำรบญั 2 14 หมอลำ 14 กลอนลำ 15 กลอนลำประพันธ์เพื่อสืบสำนวัฒนธรรมอีสำน 17 กลอนลำ นำงอวั้ ตอนผูกคอตำยใต้ง่ำจวงจันทร์ 21 กลอนลำล่อง ประวตั ิหมอลำ 23 กลอนลำพืน้ สินไซ ตอนยักษ์กมุ ภณั ฑ์ส้ินชีพ ครง้ั ที่ 1 24 กลอนลำล่อง ประวัติศำสตร์อสี ำน ตอนไทยลำวพีน่ ้องกนั 26 กลอนลำลอ่ ง ส่งใจไป สปป.ลำว 27 กลอนลำลอ่ ง พลงั จำกแฮงใจ 28 กลอนลำลอ่ ง อศั จรรย์โอ้นโต้นลอ่ งโขง 30 กลอนลำลอ่ ง ออนซอนสังคมช้ำงลำว 32 กลอนลำล่อง สงั คมอีสำน 33 กลอนลำลอ่ ง อัศจรรย์ 36 กลอนลำ ผฟี ้ำ 38 กลอนลำทำงส้ัน วิวัฒนำกำรหมอลำ 40 กลอนลำเตย้ อำเซียนรวมใจ 43 กลอนลำเตย้ บ่ำวเกีย้ วสำว 44 กลอนลำผไู้ ท ผญำบ่ำวเกีย้ วสำว 45 กลอนลำเต้ย ผบู้ ่ำวเกีย้ วผสู้ ำว 47 กลอนลำเดิน ไหว้ครูลำเดิน 49 กลอนลำเดิน พระธำตศุ รสี องรักสัมพันธ์ฮักไทยลำว กำพย์เซิง้ บ้ังไฟ ผำแดงนำงไอ่ 49 กลอนลำประพันธเ์ พื่อรับใช้สงั คม 51 กลอนลำลอ่ ง เทิดไท้องค์รำชินี 52 กลอนลำเตย้ โควิด 19 53 กลอนลำเดนิ ชลกร แสงวันชัย กลอนลำเดิน สุรำงค์รัตน์ วอนแฟน

สำรบญั วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน ค กลอนลำเดิน ลิขิตนอ้ ย วอนแฟน หน้ำ กลอนลำเดิน ไพรวัลย์วอนแฟน 55 กลอนลำเดิน วัชรินทร์วอนแฟน 57 กลอนลำเดิน น้ำหนึง่ วอนแฟน 59 กลอนลำเดิน ฟ้อนของดที ่ำหนิ โงม 60 กลอนลำเพลิน ออนซอนขอนแก่น 62 กลอนลำแพน อำนำจวอนแฟน 64 กลอนแหล่ พระคณุ แมท่ อง 66 กลอนลำ ฟ้อนบญุ เดือนหำ้ บูชำธำตุพนม 68 ลำเพลิน ของดนี ้ำโสม (สำเนียงไทเลย) 70 72

กลอนลำ: วรรณกรรมอีสำน 1 หมอลำ จำกกำรสันนิฐำนกำรเกิดหมอลำจำกนักวิจัยและนักวิชำกำรหลำยท่ำน ได้แก่ พร ยงดี (2555), สุนทร ทองเปำว์ (2537 อ้ำงจำก อุดม บัวศรี, 2528: 88-89), คงฤทธิ์ แข็งแรง (2537) ได้ให้ข้องสันนิษฐำน กำรเกิดหมอลำไว้ ดังนี้ 1) หมอลำเกิดจำกกำรบูชำแถนหรอื ผฟี ้ำ เช่น กำรลำผีฟ้ำ รักษำคนป่วย 2) หมอลำเกิดจำกกำรเทศน์ของพระสงฆ์ เช่น เทศน์แหล่เกีย่ วกบั ชำดก 3) หมอลำเกิดจำกประเพณีกำรอำ่ นหนงั สือผกู เช่น กำรอ่ำนในงำนมงคล และอวมงคล 4) หมอลำเกิดจำกกำรเกีย้ วพำรำสีของหนุ่มสำว เช่น ผญำเกีย้ ว ในประเพณีลงขว่ ง ดังนั้น กำรเกิดหมอลำอำจมีสำเหตุมำจำก กำรบูชำแถน กำรเทศน์ของพระสงฆ์ กำรอ่ำนหนังสือผูก และกำรเกี้ยวพำรำสี จำกควำมเป็นมำดังกล่ำว หมอลำ จึงหมำยถึง ศิลปะกำรแสดงพื้นบ้ำนของภำคอีสำน ที่ต้องอำศัยผู้ที่มีควำมรู้ ควำมสำมำรถและควำมชำนำญในกำรท่องจำบทกลอนลำจำกวรรณกรรมพื้นบ้ำน ที่ประพันธ์ขึ้นด้วยสำนวนภำษำอีสำน โดยมีแคนเป็นเคร่ืองดนตรีประกอบ และสำมำรถถ่ำยทอดให้ชำวบ้ำนฟัง อย่ำงเข้ำใจ หมอลำอำจมีพัฒนำกำรมำด้วยกันท้ังหมด 7 ยุค คือ 1. ก่อนพุทธศตวรรษที่ 20 (ก่อน พ.ศ. 1900) เกิดหมอลำผีฟ้ำ และผญำเกี้ยว 2. พุทธศตวรรษที่ 20 (หลัง พ.ศ. 1900) เกิดเทศน์แหล่ของพระสงฆ์ 3. พุทธศตวรรษที่ 24 (หลัง พ.ศ. 2322) เกิดหมอลำพื้น และหมอลำกลอน 4. หลังสงครำมโลกครั้งที่ 2 (ประมำณ พ.ศ. 2485 - 2490) เกิดหมอลำเร่ืองต่อกลอน 5. ประมำณ พ.ศ. 2490 – 2510 เกิดหมอลำเพลิน และหมอลำชิงชู้ 6. ปี พ.ศ.2523 – 2524 เกิดหมอลำเพลินประยุกต์ และเพลงลูกทุ่งหมอลำ และ7. ปี พ.ศ. 2529 – ปัจจุบัน เกิดหมอลำซิ่ง (สนอง คลังพระศรี, 2541) ซึ่งเป็นที่น่ำอัศจรรย์ว่ำศิลปะกำรแสดงพื้นบ้ำน ของภำคอีสำนได้รับกำรสืบทอด และพัฒนำมำอย่ำงต่อเนื่อง ในกำรแสดงหมอลำอำจสำมำรถแยกเป็นกลุ่ม ตำมควำมถนัดของผู้แสดงได้ 3 ส่วน คือ 1. กลุ่มหมอลำกลอน และหมอลำซิ่ง 2. กลุ่มหมอลำพื้น หมอลำเร่ือง ต่อกลอน หมอลำเพลิน และ 3. กลุ่มหมอลำประยุกต์ และเพลงลูกทุ่งหมอลำ กำรแสดงทั้ง 3 กลุ่มน้ี จะมี อัตลักษณ์เฉพำะของตนอย่ำงชัดเจน โดยอำศัยควำมถนัดของผู้แสดง ด้วยปัจจัยดังกล่ำวจึงทำให้หมอลำของ อีสำนแพร่กระจำยอย่ำงรวดเร็ว ด้วยรปู แบบกำรแสดงที่หลำกหลำย ทำใหผ้ ู้ชมได้มีโอกำสตัดสินใจในกำรเลือก ชมกำรแสดงอย่ำงต่อเน่ืองมำจนถึงปจั จุบนั

2 บุญจนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำ กลอน หมำยถึง คำประพันธท์ ่มี ีสมั ผสั เช่น โคลง ฉนั ท์ กำพย์ หรอื ร่ำย กลอนทีเ่ ป็นลำนำขับรอ้ ง คือ บทละคร สกั วำ บทดอกสร้อย เป็นเพลง คือ กลอนตลำด (รำชบณั ฑิตยสถำน, 2542) กลอนลำ เป็นบทร้อยกรองประพันธ์โดยครูผู้แต่งกลอนลำ หมอลำใช้ลำเม่ือทำกำร แสดง ทำนองลำที่นิยมใช้มี 5 ทำนอง คือ ทำนองลำทำงส้ัน ทำนองลำทำงยำว ทำนองลำเต้ย ทำนองลำเพลิน และทำนองลำเดิน (พงษ์ศักดิ์ ฐำนสินพล, 2526 อ้ำงจำก เจริญชัย ชนไพโรจน์ 2526; 20-27) กลอนลำ หมำยถึง บทกลอนที่หมอลำทุกประเภทใช้ลำ มีลักษณะเป็นร้อยกรอง คล้ำยกลอนภำคกลำง เน้ือหำกลอนลำที่ใช้ลำ ได้แก่ กลอนเกี้ยว กลอนนิทำน กลอนวิชำกำร และกลอน ศลี ธรรม เปน็ ต้น (บณั ฑติ วงศ์ ทองกลม, 2539 อ้ำงจำก เจริญชยั ชนไพโรจน์, 2526; 29) กลอนลำ หมำยถึง บทกลอนที่หมอลำใช้ลำ เนื้อหำเป็นเรื่องรำวของท้องถิ่นนำมำ แต่งเป็นร้อยกรอง ที่ใหค้ วำมไพเรำะเน้นเนื้อหำและควำมหมำยเป็นสำคัญ (เสง่ยี ม บึงไสย์, 2533) กลอนลำ หมำยถึง กลอนที่หมอลำนำมำจำกวรรณกรรมนิทำนที่แต่งเป็นร้อยกรอง ไม่นิยมมีคำสร้อยเหมือนกลอนอ่ำนแต่เน้นสัมผัสระหว่ำงวรรค (รำเพย ไชยสินธ์ุ, 2553) จำกควำมหมำยของกลอนลำดังกล่ำวพอสรุปได้ว่ำ กลอนลำหมำยถึง บทร้อยกรอง ของอีสำนที่หมอลำนำไปลำเน้ือหำกลอนลำมำจำกวรรณคดีท้องถิ่นอีสำนมีสัมผัสระหว่ำงวรรค เน้นเนื้อหำ สำระทีใ่ หค้ วำมหมำยเปน็ สำคัญ 1. ประเภทเนือ้ หำและทำนองกลอนลำ กำรแบ่งประเภทของกลอนลำสำมำรถจัดได้หลำยวิธี แล้วแต่ควำมเหมำะสมและกำรศึกษำ ค้นคว้ำของแต่ละคน ส่วนเสง่ียม บึงไสย์ (2533) ได้จัดประเภทของกลอนลำไว้ 3 ประเภท คือ 1. แบ่งตำมลกั ษณะเนือ้ หำ 2. แบ่งตำมทำนองท่ัวไป และ 3. แบ่งตำมทำนองท้องถิน่ 1) กลอนลำทีแ่ บ่งตำมลกั ษณะเน้ือหำแบ่งออกได้ 5 ประเภท คือ 1.1) กลอนเกี้ยว คือ เปน็ กลอนลำที่หมอลำฝ่ำยชำยลำเกี้ยวพำรำสีหมอลำฝ่ำยหญิง 1.2) กลอนนิทำน คือ กลอนลำทีน่ ำเน้ือหำมำจำกวรรณกรรมพื้นบ้ำนมำลำ เช่น ขูลูนำงอ้ัว ผำแดงนำงไอ่ เป็นต้น 1.3) กลอนศีลธรรม คือ กลอนลำที่มีเน้ือหำเกี่ยวข้องกับศำสนำเป็นส่วนใหญ่ เช่น กลอนศีล แปด กลอนพทุ ธทำนำย เป็นต้น 1.4) กลอนวิชำกำร คือ กลอนลำที่มีเนื้อหำในทำงวิชำกำร เช่น กลอนประวัติศำสตร์ กลอน ภมู ศิ ำสตร์ กลอนกำรเมอื ง เป็นต้น

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 3 1.5) กลอนพรรณนำธรรมชำติ คือ กลอนที่มเี นื้อหำเกีย่ วกบั ธรรมชำติ เช่น กลอนเดินดง กลอนพรรณนำดอกไม้ เป็นต้น 2) กลอนลำที่แบ่งตำมทำนองท่ัวไป แบ่งได้เปน็ 4 ประเภท คือ 2.1) กลอนลำทำงส้ัน เป็นท่วงทำนองแบบกระชับ ไม่เยินเย้อ ให้จังหวะเร็ว ใช้ลำกับ กลอนที่มีเนื้อหำที่มีควำมยำวมำกเพื่อกระชับเวลำในกำรลำ ส่วนกลอนลำที่ใช้ลำเช่น กลอนประวัติศำสตร์ กลอนวรรณคดี กลอนพุทธทำนำย เป็นต้น ทำนองกลอนลำทำงส้ันใหอ้ ำรมณ์สนุกสนำน ตน่ื เต้น และเร้ำใจ 2.2) กลอนลำทำงยำว เป็นทำนองแบบช้ำ อำศัยควำมละเอียดของคำมีกำรเอื้อนเสียงใช้ ลำกบั กลอนที่มีเน้ือหำทีต่ ้องกำรควำมละเอียดและไม่ยำวมำก กลอนลำที่ใช้ลำเช่น กลอนลำพรรณนำคิดถึงคน รกั กลอนลำอวยพร และกลอนลำล่องของ เปน็ ต้น 2.3) ลำเต้ย เป็นทำนองจังหวะเร็ว ใช้ในกำรเกี้ยวพำรำสีระหว่ำงชำยและหญิงมีอยู่ 4 ทำนอง ได้แก่ เต้ยโขง เต้ยพม่ำ เต้ยธรรมดำ และเต้ยโนนตำล ทำนองลำเต้ยให้อำรมณ์สนกุ สนำน 2.4) ลำเพลิน เป็นท่วงทำนองจังหวะเร็ว และมีกำรแทรกเพลงลูกทุ่งสลบั ลำตำมสมัย นิยม ใหค้ วำมสนุกสนำน และเร้ำใจ 3) กลอนลำทีแ่ บ่งตำมทำนองท้องถิ่น แบ่งได้เปน็ 4 ทำนอง (ปริญญำ ป้องรอด, 2544) คือ 3.1) วำดอุบล หรอื ทำนองอุบล เปน็ ท่วงทำนองที่ช้ำมีกำรเอื้อนเสียงที่ยำวและสูงและใช้ ลูกคอท้ำยวรรคมำก ผลู้ ำทำนองอุบลได้ดีนั้นจะต้องมีลมหำยใจยำว และเสียงดี 3.2) วำดขอนแก่น หรือทำนองขอนแก่น เป็นทำนองที่มีจังหวะเร็วกว่ำทำนองอุบล ไม่มี โอ่ ตอนเกริ่นลำ ในขณะลำไม่มีเอื้อนเสียงและใช้ลูกคอมำกเท่ำกับทำนองอุบล แต่จะเอื้อนเสียงยำวเฉพำะบท โศกเศร้ำเท่ำนั้น ผทู้ ี่จะลำวำดขอนแก่นได้ดีต้องมีเสียงสูงและแหลมถึงจะไพเรำะ 3.3) วำดกำฬสินธ์ุ หรือทำนองกำฬสินธุ์ เป็นท่วงทำนองที่ช้ำและหนักแน่น ตอนเกริ่น ลำมักขึ้นต้นว่ำ มำบัดนี้ แม่เอ้ยแม่ ในระหว่ำงกำรลำไม่มีกำรเอื้อนเสียง มักลำเสียงห้วน ๆ มีกำรใช้ลูกคอ เลก็ น้อย ผู้ที่ลำวำดกำฬสินธุ์ได้ดี ต้องเสียงตำ่ และเสียงใหญ่ทุ้ม และหำ้ ว 3.4) วำดสำรคำม หรือทำนองสำรคำม เป็นทำนองเดียวกันกับทำนองกำฬสินธ์ุ เพรำะ ในอดีตสำนกั งำนหมอลำตั้งอยู่ทีจ่ งั หวดั สำรคำมเป็นจำนวนมำก ชำวกำฬสินธ์ุจึงมำลำอยู่ทีส่ ำรคำม ค่อนข้ำงมำกตำมไปด้วย เม่อื อยู่นำนไปจึงเรียกว่ำ วำดสำรคำม

4 บุญจนั ทร์ เพชรเมอื งเลย 2. ฉนั ทลักษณ์กลอนลำ 1) รูปแบบคำประพันธ์ เป็นรูปแบบคำประพันธ์ที่นิยมใช้กันมำกที่สุดในวรรณกรรมอีสำนเรียกว่ำ โคลงสำร หรือ กลอนวิชุมำลี (จำรุวรรณ ธรรมวัตร, 2521) โดยเฉพำะ กลอนอ่ำน ซึ่งกลอนอ่ำนใน 1 บท มี 2 วรรค แบ่งออกเป็น บทเอก และบทโท ดงั นี้ 1.1 บทเอก หมำยถึง บทที่มีเสียงเอกนำใน บำทแรก คำที่ 2 วรรคหน้ำ มีเสียงวรรณยุกต์เอก 3 ตำแหนง่ วรรณยุกต์โท 2 ตำแหน่ง แผนผงั บทเอก (๐๐) ๐๐๐ ๐๐๐๐ (๐๐) (๐๐) ๐๐๐ ๐๐๐๐ (๐๐) ตวั อย่ำงกลอน “…แล้วบ่ช้ำ นำงกส็ ัง่ สำมี บสุ ดีนำงงำม ก็สงั่ ควำมนำท้ำว…” (เตชวโร ภกิ ขุ (อินตำ กวีวงศ์), สุริยะคำส จันทระครำส. หน้ำ 24) 1.2 บทโท หมำยถึง บทที่มีเสียงโทนำในบำทแรก คำที่ 3 วรรคหน้ำ มีเสียงวรรณยุกต์เอก 3 ตำแหน่ง และวรรณยกุ ต์โท 3 ตำแหน่ง แผนผัง บทโท (๐๐) ๐๐๐ ๐๐๐๐ (๐๐) (๐๐) ๐๐๐ ๐๐๐๐ (๐๐) ตัวอย่ำงกลอน “…ครำวเมอ่ื องค์อวนอำ้ ย ไปเถิงเมืองบ้ำนเก่ำ ขอให้พระพี่เจ้ำ คะนงิ นอ้ งผู้อยู่คอย…” (เตชวโร ภกิ ขุ (อินตำ กวีวงศ์), สรุ ิยะคำส จันทระครำส. หน้ำ 24) หำกนำไปแต่งเป็นคำกลอนที่มีเน้ือหำเร่ืองรำวแล้ว นิยมแต่งแบบคู่และแบบเดี่ยว คือ บทเดี่ยวจะแต่งบทเอก หรือบทโทของบทใดก่อนก็ได้ ส่วนบทคู่ คือ กำรนำบทเอกและบทโทมำรวมกัน เพื่อให้ เกิดควำมไพเรำะของบทกลอนและเป็นที่นิยมในกำรประพันธ์กลอนแต่โบรำณ คือ หำกจะแต่งบทคู่ให้ใช้บทเอก เป็นบทแต่งนำ หำกจะแต่งด้วยบทเดี่ยว ใหใ้ ช้บทโทนำ

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 5 แผนผัง ๐๐๐๐ (๐๐) ตวั อย่ำงกลอน ๐๐๐๐ (๐๐) (๐๐) ๐๐๐ ๐๐๐๐ (๐๐) บทเอก “…นำงกล่ำวต้ำน ชวนพี่รำชำ (๐๐) ๐๐๐ ๐๐๐๐ (๐๐) บทโท (๐๐) ๐๐๐ ถึงเวลำ กล่ำวจำคีค้อย (๐๐) ๐๐๐ ผมหอมน้อย ชวนชำยเข้ำบ่อน เข้ำไปนอนแนบข้ำง ปรำงค์กว้ำงฮว่ มพระนำง…” (เตชวโร ภิกขุ (อนิ ตำ กวีวงศ์), นำงผมหอม. หนำ้ 61) คำเสริม เป็นคำที่ใช้เพิ่มเข้ำหน้ำวรรค เพื่อขยำยควำมหมำยให้สมบูรณ์ขึ้น เช่น โอน้อ เทื่อนี้ บดั นั้น ฯลฯ คำสร้อย เป็นคำที่ใช้เพิ่มท้ำยวรรค เพื่อขยำยควำมหมำยให้สมบูรณ์ขึ้น เช่น พุ้นเย้อ น้ันแล้ว แลนำ ฯ ลฯในกลอนอ่ำนนี้ จะบังคับแต่วรรณยุกต์เท่ำน้ัน ส่วนสัมผัสไม่เคร่งครัด แต่ในปัจจุบันนิยมให้มี ทั้งสมั ผสั สระ และพยัญชนะ 2) เค้ำโครงกำรประพันธ์กลอนลำ เป็นกำรประพันธ์กลอนมีลักษณะทั่วไปที่ เรียกว่ำ เค้ำโครง ที่เป็นองค์ประกอบของกลอนลำทุกชนิด มี 3 ส่วน คือ กลอนเกริ่น กลอนเญิ้น และกลอนจบ ( จิรภัทร แก้วกู่, 2541) ดังนี้ 2.1) กลอนเกร่ิน เป็นคำนำของกลอนใช้ในกำรเปิดเร่ือง ก่อนจะเข้ำสู่เน้ือหำกลอน เพื่อเทียบเคียงจังหวะของเสียงลำกับเสียงแคนให้เข้ำกันอย่ำงลงตัว ในกลอนเกริ่นนี้สำมำรถแบ่งย่อยได้ อีก 3 จงั หวะ คือ เกริ่นเริม่ เกริ่นเรอ่ื ง และเกริ่นลง ดังนี้ 2.1.1 เกรน่ิ เรม่ิ คือ คำเริ่มกลอน มีอยู่ 1 วรรค จำนวน 4 คำ แผนผัง เกริน่ เริม่ ๐ ๐ ๐ ๐ ตวั อย่ำง โอ่ โอ๋ละนอ… 2.1.2 เกร่ินเร่ือง คือ คำเกริ่นเกี่ยวกับเนื้อหำที่เป็นแก่นเรื่องก่อนเข้ำถึงกลอนเญิ้น มีจำนวน 7-8 คำ วรรคหน้ำ 3 คำ วรรคหลัง 4 คำ ส่งสัมผัสระหว่ำงคำสุดท้ำยของบำทที่ 1กับคำที่ 1,2,3 ใน บำทถัดไป

6 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย แผนผงั ๐๐๐๐ เกริน่ เรือ่ ง ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ตวั อย่ำง เอี้ยงคำบไข่ สังกำนอนคอน ซอนอ้ำยแด่หนำ่ หนำน้องหนำ่ 2.1.3 เกริ่นลง คือ คำลงท้ำยกลอน มีจำนวน 2-3 พยำงค์ เช่น แผนผัง เกริน่ ลง ๐๐ ตวั อย่ำง ละนำ พี่เอย น้องสำวเอย แผนผงั กลอนเกริ่นสมบรู ณ์ 1. เกริน่ เริม่ ๐๐๐๐ 2. เกริ่นเรือ่ ง ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ 3. เกริ่นลง ๐๐๐ ตวั อย่ำง ‘’…โอละหนอ… ไม้เอยไม้ ไม้เจำ้ ล้มพำดงำ่ เจำ้ พำกนั ตดั ป่ำ จนวำ่ ไม้หมดลง ยำมฝนตกฝนลงมนั กะไหลลงมำ กะท่วมบ้ำนเอำสำ มันตำยจ้อย โอ้ยละน้อนวนนวนเอย…” ฯลฯ (ประมวล พิมพ์เสน, 2543 กลอนลำทำงสน้ั เฮือนสำม นำ้ สี่. หน้ำ 79)

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 7 2.2) กลอนเญิ้น คือ กลอนที่เป็นเนื้อหำในกำรบรรยำยเร่ืองรำว หรอื เหตุกำรณ์ต่ำงๆ ในแก่น เร่ืองเดี่ยวกันจนจบเร่ือง สำมำรถแบ่งออกได้ 3 ลักษณะ คือ กลอนเญิ้นแต่ง (เขียน) กลอนเญิ้นด้ัน และกลอน เญิ้นพัฒนำ มีรำยละเอียดดังนี้ 2.2.1 กลอนเญิ้นแต่ง (เขียน) เป็นกลอนดั้งเดิม ที่ยึดเสียงวรรณยุกต์เป็นหลัก บำงครั้งเรียกว่ำ โคลงสำร มีลักษณะแบบเดียวกับ กลอนอ่ำน กลุ่มคำมีอยู่ 7 คำ เรียกว่ำ กลอนเจ็ด และ สำมำรถเพิ่มคำเสริม และคำสร้อยได้ แต่ต้องเพิ่มเป็นคู่ คือ 2 คำ หรือ 4 คำ ไม่เกินนี้ จะเติมด้ำนหน้ำหรือ ด้ำนหลังกไ็ ด้ตำมควำมเหมำะสม กลอนเญิ้นแต่งนี้ มีกำรกำหนดบทเอก และบทโท อย่ำงชัดเจน ตัวอย่ำงกลอน เช่นกลอนลำทำงส้ันเชิญชวนชำวอีสำนกลับบ้ำน “…ฟงั เด้อไทย ชำวไทยทกุ ท่ำน อยู่ตำมหมู่บ้ำน ไกลใกล้ห่ำงกัน มีห้วยกั้น ผำหล่ันปันแดน กะแม่นดนิ ไทยแลนด์ แผน่ เดียวเด้อป้ำ…”ฯลฯ (สุนทร แพงพทุ ธ, 2556) 2.2.2 กลอนเญิ้นด้ัน เป็นกำรยึดสัมผัสคล้องจองเป็นหลัก แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ สัมผัสคำ เป็นกำรส่งสัมผัสกันท้ำยบำทกลอน และสัมผัสร้อง เป็นกำรรับส่งสัมผัสระหว่ำงบทกลอนเพลง กลอนเญิ้นดั้นนี้ ในแต่ละบำท มีจำนวนคำอยู่ 7 คำ มีลลี ำกระซับรวดเรว็ เหมำะกลอนลำทำงส้ัน แผนผงั ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ตวั อย่ำงกลอน “…ฟังเด้อเจ้ำ คณุ พ่อศรทั ธำ หลำนสิพรรณนำ ฮิตครองของเก่ำ ดีกว่ำอยู่เปล่ำเปล่ำ น้อนำ้ บ่ำวอำวอำ ประเพณีเขำมำ สบั เอำเฮำเปลี่ยน นีจ้ ่งั แมน่ เจ้ำเลียน ฟ้ำวรับฟ้ำวเอำ…”ฯลฯ (ประมวล พิมพ์เสน,2543 ลำทำงสั้น ฮีตสบิ สอง. หน้ำ. 82)

8 บุญจนั ทร์ เพชรเมอื งเลย 2.2.3 กลอนเญิ้นพัฒนำ ได้พัฒนำมำจำกกลอนเญิ้นด้ัน ยึดวรรณยุกต์และกำร ส่งสัมผัสเป็นหลัก เรียกว่ำ โคลงสำร กลอนหนึ่งบท มี 1 บำท วรรคหน้ำ 5 คำ วรรคหลัง 5 คำ รวมเป็น 10 คำ หรืออำจมีกำรเพิ่มคำอีกเป็น 9 หรือ 10 คำ ก็ได้เพื่อต้องกำรควำมหมำย กำรส่งสัมผัสมีท้ัง สัมผัสร้อง และสัมผัสคำ เหมือนกับกลอนเญิ้นด้ัน กลอนเญิ้นพัฒนำนี้ มีจำนวนคำในคำกลอนมำก จงึ เหมำะกบั ทำนองลำทำงยำว ทีม่ ที ่วงทำนองที่ช้ำ และให้เสียงสูง เชน่ แผนผัง ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ตวั อยำ่ ง กลอนลำภำษำพืน้ บ้ำน “จบกระบวนสมควรแล้วสิลำปำงวำงขว่ ง หมอลำลงจำกฮ้ำน คนเฒ่ำฮีแมเ่ ฮือน กะสิคำด ๆเคลือ่ น ลับเลี่ยมลงบัง ดำวกุญชรงำเงย ไก่บกั แดงขันท้ำ ดวงจันทรำกำลังค้อย คอยแสงใกล้สว่ำง ซุมดำวหำงดำวไก่น้อย คอยป้องอี่แม่เมอื …”ฯลฯ (สุนทร แพงพทุ ธ, 2556. หนำ้ 14) 2.2.4 กลอนลง เป็นคำที่ลงท้ำยกลอนลำ เพื่อใช้ในกำรจบกลอนลำหรือบทลำ อำจมี 1, 2 หรอื 3 พยำงค์ แผนผงั ๐๐๐ ตัวอย่ำง เชน่ ละนำ พี่เอย นอนี่

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 9 ตวั อย่ำงแผนผังที่สมบูรณ์ ๐๐๐๐ ๐๐๐๐ 1. เกริน่ เริม่ ๐๐๐ ๐๐๐๐ 2. เกริ่นเรื่อง ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐๐ 3. เกริน่ ลง ๐๐๐ ๐๐๐๐ 4. กลอนเญิ้น ๐๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐๐ ๐๐๐๐ 5. กลอนลง ๐๐ ตัวอย่ำงกลอน “…โอนอ น้องนีก้ ะยงั ได้เว้ำเจ้ำได้วำ่ ไม้เอยไม้เจำ้ สิล้มพำดง่ำ คำพุ้นว่ำเดี่ยงมำ ว่ำเดี่ยงมำ….เออ เออ ละนำ่ โอนอ เหลียวไปทำงเหนอื พุ้น เวียงจนั ทร์ปำกน้ำง่มึ เห็นแตด่ อนต่อขน้ั ขันต่อแจง้ กระแสน้ำปั่นหลวิ เหลียวไปทิวบนด้ำน โพธำรำมก้ำบ้ำนโป่ง เลำะตำมสำยแม่นำ้ โขง เห็นแตเ่ รือพ่อคำ้ ลงแก้งท่ำกระเบำ…” ฯลฯ ละนำ… (ไพบูลย์ แพงเงนิ , 2534 อ้ำงจำก หมอลำขันทอง. หน้ำ 58-59)

10 บุญจันทร์ เพชรเมอื งเลย 3) ประเภทโครงสร้ำงกลอนลำ ไพบูลย์ แพงเงิน (2534) ได้แบ่งกลอนลำออกเป็น 3 ประเภท คือ กลอนลำทำงสั้น กลอนลำทำงยำว และลำเต้ย ซึง่ มีโครงสร้ำง ดงั นี้ 3.1) ลำทำงส้ัน จำนวนคำในประโยคเนื้อหำลำทำงส้ันที่นิยมมำกที่สุด คือ จำนวน 14 คำ จำนวนคำในวรรคหน้ำ 7 คำ วรรคหลัง 7 คำ นิยมส่งสัมผัสไปยังคำที่ 3 และ 4 มำกที่สุด จำนวนควำมยำว ของบทขึน้ อยู่กบั เนื้อหำสำระของกลอนลำ แผนผงั โครงสร้ำงของกลอนลำทำงสั้น ตอนตน้ โอละนอ (หรอื ข้อควำมอน่ื )………………….โอละนอ นวลเอย (หรอื ข้อควำมอ่นื ) ตอนกลำง ……………………………….………… (กลอนตดั ) หรอื …………………………………………. (กลอนเญิ้น) ตอนปลำย ……………………….สีนำนวล……. ท่อน้แี ล้ว (หรอื ข้อควำมอ่นื ) 3.2) ลำทำงยำว จำนวนคำในประโยคเน้ือหำลำทำงยำวที่นิยมมำกที่สุด คือ จำนวน 23 คำ จำนวนคำในวรรคหน้ำ 11 คำ วรรคหลัง 18 คำ นิยมส่งสัมผัสไปยังคำที่ 3 และ 5 มำกที่สุด จำนวนควำมยำว ของบทขึน้ อยู่กับเน้ือหำสำระของกลอนลำ แผนผังโครงสร้ำงของกลอนลำทำงยำว ตอนตน้ โอละนอ (หรอื ข้อควำมอ่นื )………………….เออละนำ (หรอื ข้อควำมอน่ื ) ตอนกลำง ……………………………….…….. (กลอนเญิ้น) …………………………………….. ตอนปลำย ……………………………………..ละนำ (หรอื ข้อควำมอ่นื ) 3.3) ลำเต้ย จำนวนคำในประโยคเนื้อหำลำเต้ยที่นิยมมำกที่สุด คือ จำนวน 24 คำ จำนวนคำ ในวรรคหน้ำ 11 คำ วรรคหลัง 18 คำ นิยมส่งสัมผัสไปยังคำที่ 3 และ 4 มำกที่สุด จำนวนบทขึ้นอยู่กับเน้ือหำ สำระของกลอนลำ แผนผงั โครงสร้ำงของกลอนลำเต้ยธรรมดำ ตอนตน้ สำวแม่นนำงเอ๊ย (หรอื ข้อควำมอ่นื ) ตอนกลำง ………………………………….. ตอนปลำย นนั่ ละนำนำงนำ นกเขำขนั ลำแตต่ อนเอ๊ย (หรือขอ้ ควำมอื่น)

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 11 4) องคป์ ระกอบของกำรแสดงลำกลอน (เสง่ยี ม บึงไสย์, 2533) ได้แบ่ง องค์ประกอบของกำรแสดงลำกลอนไว้ 5 ประกำร ดังนี้ 1) ผู้แต่งกลอนลำ คือ ผู้ที่ต้องมีองค์ประกอบอยู่ 3 ประกำร คือ 1. ต้องมีควำมรู้ด้ำนเนื้อหำ สำระที่จะนำมำแต่งกลอนลำ 2. ต้องมีควำมรู้เร่ืองรูปแบบของฉันทลักษณ์ของกลอนว่ำมีกี่ประเภทที่ใช้ในกำร แต่งกลอนลำ และ 3. สำมำรถเลือกใช้สำนวนโวหำรกินใจและถ้อยคำที่กระชับเพื่อให้ผู้ฟังได้เกิดอำรมณ์ สะเทือนใจ (พงษ์ศกั ดิ์ ฐำนสินพล, 2556) 2) กลอนลำ หมำยถึง บทร้อยกรองอีสำนที่หมอลำนำไปลำ เน้ือหำกลอนลำมำจำกวรรณคดี ท้องถิ่นอีสำน มีสัมผัสระหว่ำงวรรค เนื้อหำสำระให้ควำมหมำยเป็นสำคัญ กลอนลำหำกแบ่งตำมเนื้อหำได้ 5 ประเภท คือ กลอนเกี้ยว กลอนนิทำน กลอนศีลธรรม กลอนวิชำกำร และกลอนพรรณนำธรรมชำติ แต่หำก แบ่งตำมทำนองท้องถิ่นจะได้ 4 ทำนอง คือ ทำนองอุบล ทำนองขอนแก่น ทำนองกำฬสินธุ์ และทำนองสำรคำม และฉันทลักษณ์กลอนลำ มีอยู่ 5 รูปแบบ คือ กลอนลำ 7 คำ กลอนลำ8 คำ กลอนลำ 9 คำ กลอนลำ7 คำ กลอนลำ 8 คำ และ9 คำ กลอนลำ 8 คำ 9 คำ ปนกนั 3) คุณสมบัติของหมอลำกลอน มีน้ำเสียงดี เพื่อจะได้รับควำมนิยมจำกประชำชน บุคลิกภำพดี ส่งผลต่อควำมมั่นใจในกำรแสดงหน้ำเวที ทำให้ได้รับควำมนิยมมำกมีปฏิภำณไหวพริบดี เพรำะ จำเปน็ ต้องตอบโจทย์กลอนลำบทเวทีมีควำมรู้แตกฉำน เพรำะต้องลำได้ทุกสถำนกำรณ์ควำมจำดี เพรำะกลอน ลำที่ลำมีหลำยกลอนใช้เวลำลำทั้งคืน ชอบแสวงหำควำมรู้ เพื่อจะได้นำเหตุกำรณ์ใหม่ ๆ มำลำเสมอมีมำรยำท เรียบร้อย ตอ้ งรู้จกั กำลเทศะ และกำรแสดงออกที่เหมำะสมบนเวที (เสงย่ี ม บึงไสย์, 2533) 4) หมอแคน คือ ผู้ชำนำญในกำรเป่ำแคน (สนอง คลังพระศรี, 2554) โดยหมอแคนจะทำกำร เป่ำประกอบขณะที่หมอลำกลอนลำทำงสั้น ลำทำงยำว และลำเต้ย หรือเป่ำแคนลำยสุดสะแนน หรือลำยน้อย ในขณะที่หมอลำฟ้อน ลำยแคนทีใ่ ช้เป่ำประกอบหมอลำกลอนมีอยู่ 3 ทำนอง คือ ลำทำงส้ัน ลำทำงยำว และลำ เต้ย ดงั นี้ 4.1) ลำทำงส้ัน หรือ ลำยน้อย ใช้ลำยสุดสะแนน ซึ่งแบ่งเป็น 2 อย่ำงคือ เป่ำลำย และ เป่ำไต่กลอน กำรเป่ำลำย คือ กำรที่หมอแคนเป่ำดำเนินลำยแคนไปเร่ือย ให้หมอลำได้เตรียมตัว หรือโชว์ วำดฟ้อน หรืออำจเป็นกำรโชว์ลำยแคนของหมอแคนเอง ส่วนกำรเป่ำไต่กลอน คือ กำรเป่ำประสำนไปกับเสียง ร้องของหมอลำไปเร่ือย ๆ จนกว่ำจะจบกลอน ทำนองหรือลำยลำทำงส้ันนี้จะใหจ้ ังหวะที่รวดเร็วสนุกสนำน และ เร้ำใจ 4.2) ลำทำงยำว หรือ ลำยใหญ่ เป็นลำยอ่ำนหนังสือ โดยเป่ำตำมถ้อยคำที่หมอลำ ขบั ออกมำซึ่งจะมีเสียงส้ันเสียงยำวตำมแต่หมอลำจะลำ ฉะนั้นหมอแคนจึงต้องมีไหวพริบและเข้ำใจในทำนองลำ

12 บญุ จันทร์ เพชรเมอื งเลย ทำงยำวเป็นอย่ำงดี ถึงจะเกิดอรรถรสและไพเรำะขณะเป่ำประสำนไปกับเสียงลำ ทำนอง หรือ ลำยลำทำงสั้นนี้ ใหจ้ งั หวะที่ช้ำเนิบ อำรมณ์เศร้ำ อำลยั อำวรณ์ 4.3) ลำเต้ย สำมำรถใช้ทั้งลำยลำทำงส้ันและลำยลำทำงยำว ส่วนใหญ่ผู้ชำยจะใช้ ลำยน้อย และผหู้ ญิงจะใช้ลำยใหญ่ ใหจ้ งั หวะสนกุ สนำน 5) กำรแสดงหมอลำกลอน หมอลำกลอนจะแสดงอย่ำงมีแบบแผนหรือเรียกว่ำ ขนบ มี ลักษณะกลอน (บณั ฑติ วงศ์ ทองกลม, 2539) ดังนี้ ยกที่ 1 ว่ำกลอนธรรมดำ ขั้นตอนนี้เป็นกำรไหว้ครู ซึ่งอุปกรณ์ในกำรไหว้ครูเรียกว่ำ คำย ประกอบด้วย ขนั 5 ขัน 6, เทียนเล่มบำท 1 คู่, เหล้ำก้อง, ไข่ตม้ , น้ำมันทำผม, แป้ง 1 ป๋อง, กรวยใส่ดอกไม้ 5 อัน, เงิน 12.50 บำท, ผ้ำถุง 1 ผืน, ผ้ำขำวม้ำ 1 ผืน, เม่ือลำไหว้ครูเรียบร้อยแล้วหมอลำก็จะลำกลอนต่ำง ๆ เช่นประกำศศรัทธำ บอกที่อยู่บ้ำน เป็นต้นแล้วกจ็ ะลำยกต่อไป ยกที่ 2 กำรลำเกี้ยวในยกนี้หมอลำชำยจะแสดงกำรลำเกี้ยวฝ่ำยหญิงและแสดงวำด ฟ้อนกันอย่ำงสง่ำงำมและสนุกสนำน ยกที่ 3 กลอนส่องกลอนลำส่องจะเป็นกลอนลำทำงยำวพรรณนำถึงธรรมชำติ สั่ง ญำติพ่นี ้อง โดยหมอลำจะลำสะกดใหผ้ ฟู้ ังซำบซึ้งคล้อยตำม ยกที่ 4 กลอนอ่ำนหนังสือกลอนอ่ำนหนังสือจะมีเนื้อหำในกลอนเกี่ยวกับกำรสั่งลำ ไว้ อำลยั ซึง่ ยกนีก้ ใ็ กล้จะสว่ำงแล้ว ส่วนใหญ่จะมีแต่คนสูงอำยุนั่งฟงั กัน

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 13 ท่มี ำ: มติชนออนไลน์ : สุจิตต์ วงษ์เทศ เว็บไซตข์ ำ่ ว shorturl.asia/OqCHz

14 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำ นำงอ้ัวตอนผูกคอตำยใต้ง่ำจวงจนั ทร์ ประพันธ์โดย บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย 6/03/59 ทำนองลำทำงยำว (ลำเรื่องตอ่ กลอนทำนองขอนแก่น) --------------------- อันควำมเคือง มำรดำน้อง เอำมำถอง ใจแค้นอ่ัง อ้ัวคำ ได้แต่นง่ั หลง่ั น้ำตำไหลย้อย มำรดำเจ้ำ บ่อิดู อำ้ ยขูลูเอย้ .... สำลิกำ ฮ้องท้วง เอิ้นอำ่ ว น้ำวคืนหวน ให้ทบทวน ควำมคิด ในหว่ำงจิต ใจสอ่ งฮู้ เทิงคึดนำ ขลู ูอ้ำย คนั บ่ตำย สิยำกตื่ม ในพงป่ำ ฟ้ำครมึ้ สำลกิ ำน้อย ฮ้องไห้นำ อ้ัวคำ ย่ำงเลำะถ้ำ มดื คำ่ ในดงหนำ เสือสิงหล์ ิง ชะนผี ำ ลนลดั เลำะ เปำะปีนไม้ ต้นจวงจันทร์ เถือบมำใกล้ เหน็ เป็นเงำ แสงเดอื นส่อง เสียงวิโวก เวกเวิ้น วิญญำณเอิน้ จวงง่ำผี อวั้ ต้ังจติ ในม้ือน้ี กรรมเวรมี อย่ำสำปสม ให้งำ่ จันทร์ โน้มลง ไหมคำมัด พันง่ำไว้ สำธเุ ด้อ...เทวดำท่อนไท้ ใหเ้ หลิงหล่ำ นำแลเหลียว...เด้นอ... ผัวผู้เดียว คือขูลู บ่ฮักไผ มำเทียมซ้อน ลูกขอวอน พ่อแถนไว้ ให้สำยแนน ลกู พนั เกีย่ ว กกเครือเกีย้ ว อุ้มลุ้ม ขลู ูอ้ำย ชำติใหม่แทน ใจบ่มี อ่ังแค้น บ่เคียดแนน ในใจจิต งำจวงจันทร์ ทรงฤทธิ์ ดึงไหมคำ อวั้ ลอยไว้ มรณงั ชีวำไห้ วิญญำณ เหำะเหนิ ไป ภพใหมแ่ ล้ว จติ ยังหว่ ง บำปเวรกรรม ยงั ตำมหน่วง ทวงอดีต เฮ็ดผดิ ไว้ เทียวชดใช้ อิแม่เวร เออ (กลอนลง) อ้ัวคำ...เอย

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 15 กลอนลำลอ่ ง ประวตั ิหมอลำ ขบั ลำ วำดฝัน ภรญั ญำ ประพนั ธ์โดย บญุ จันทร์ เพชรเมืองเลย แคน เน่ำ โปงลำงสะออน (ครูทวทิ ย์ สิทธิ์ทองส)ี -------------------- (เกริ่นลำ) โอย…อืม…โอย….โอ่…โอ…โอ…่ โอย…. ละเสียงเอย เสียงแคนดงั กึกก้อง สบื ขนบทำนอง ปฐมเค้ำพุ้นปู่ย่ำ เทิ่งวำดลำคำผญำ เทิงลีลำท่ำฟ้อน ออนซอนแท้ บดั โอ่ลำ โอยเด้อนอ…ออ…คนฟงั เอย (กลอนลำ) พีน่ อ้ งเอย อีสำนเฮำ มฮี ำกเหงำ้ เก่ำก่อน พุทธกำล เพิน่ ว่ำเอิ้น บูฮำน ตำมตำนำน หลักฐำนพ้อ หมอลำเฮำ พำกันซ่อ เกิดพอศอ ใดยงั ว่ำ งำมสำเนียง ภำษำ เทิงลีลำ วำดฟ้อน ออนซอนแท้ ของเก่ำลุน หลำยพนั ปี มำพุ้น เพิน่ ว่ำ มำนำแถน สอนเฮำลำ เป่ำแคน บชู ำแถน ลำผฟี ้ำ “นางนี้ขอนาอ้าย นาชาย เจ้าคณุ พี่ คนผูด้ ี หมู่อ้าย ขอเจ้า แมน่ สูคน” พ้นจำกลำ ผีฟ้ำ อ่วยหนั มำ ลำผญำ เป็นสำนวน ภำษำ เกีย้ วพำ รำสีเว้ำ ซมุ หนมุ่ สำว พำกนั เข้ำ วัดฟงั ธรรม บุญเดือนส่ี ฟังกญั หำ ชำลี นำงมทั รี โศกไห้ กันเทศน์ แหล่อสี ำน ตกแลงตำม เดิ่นบ้ำน ผเู้ ฒ่ำอ่ำน นิทำนสอน ให้หลำนฟัง เป็นกลอน ก่อนนอน ฟอ้ นลำพืน้ เทิงลกุ ยืน บำยเอำผ้ำ พำดไปมำ บ่ล้ำเมื่อย คนเดียวลำ ไปเรือ่ ย ครบเครือ่ ง เรือ่ งแสดง

16 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย ลำผู้เดียว เสียงผัดแหง้ จงึ เหลียวแงง หำผู้เสริม ลำสน้ั ยำว มำเติม เพิม่ ควำมม่วน ซ้วนใส่เต้ย “โอย้ ละพี่ชายเอย้ จงั ว่า เนาะละพี่ ชายเอ้ย พอแต่เหลียว เหน็ หน้า ซายงาม รปู หลอ่ น้องนี้ขอ เด้อละแม่น ถามอ้าย มีชู้ แล้วไปนอ้ (คำสรอ้ ย) นี่นัน่ ลานา นวลหน่า หอมกลิ่นมา อยากดมเด๊ หอมกลิ่นมาอยากดมเด.้ ..เด่” จำกลำกลอน นอ้ งคู่อำ้ ย หันใส่ลำย ลำเป็นตอน เอิ้นลำเรื่องต่อกลอน เปน็ คำสอน โศกำไห้ “วางใจดี เชื่ออา้ ยเวา้ ย้อนฮักเขา ตายบ่ห่วง อา้ ยขลู ูเอย้ แมน่ างนั้น เอาบว่ งผูกชีวติ นอ้ งไว้ ขุนลางนน้ั ให้แตง่ งาน” ยคุ สมยั เมอื งบ้ำน ควำ่ ผ่ำน โบรำณกำล เกิดลำเพลิน ผสำน ผำ่ นเพลง ไทยลูกทุ่ง กำลสมยั ต่ำงมุ่ง ควำมเจรญิ พ้อของใหม่ หมอลำเฮำ จ่ึงใด้ ใช้ลำซิง่ เอิน้ ต่อมำ เอำท่อนี้ ลุงป้ำ ประวัติว่ำ เรื่องหมอลำ เปน็ บทลำ คำกลอน ออนซอน เพิ่นสร้ำงไว้ ให้ลกู หลำน เฮำได้ใช้ อย่ำนำไป เฮ็ดกันทัว่ มูลมงั เก่ำ สิขนุ มวั เอำหมอลำ เฮด็ ผดิ ฮีต ขอท่ำนไว้ ให้ซ่อยแพง (กลอนลง) โอ้ยเด้นอ้ ….เออ…ละนำ

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 17 กลอนลำพื้นสนิ ไซ ตอนยกั ษก์ ุมภณั ฑ์สิน้ ชีพ ครง้ั ท่ี 1 ประพนั ธ์โดย บญุ จันทร์ เพชรเมอื งเลย 10/5/2557 ทำนอง ลำทำงส้ัน ------------------------------- (เกริ่นลำ) อืมบัดนี…้ สิขอไขป่องท้ำง นำนิทำนมำกล่ำว เรือ่ งสินไซแตเ่ ค้ำ โบรำณเว้ำต่อมำ สะเทือนฟ้ำ ฮ้อนเขตแดนสวรรค์ พุ้นเย้อ ยักษ์กุมภณั ฑ์แผลงฤทธิ์ ในบทกลอน…เด้อตอนน้ี (ลำพ้ืน) สิกล่ำวก้ำ นำนิทำนเว้ำต่อ วรรณกรรมเรื่องย่อ สินไซอ้ำงแต่งแปลง บ่เหอื ดแหง้ นครใหญ่เปงจำล มีเสนำทหำร บริวำรไพร่พรอ้ ม บงั คมนอ้ ม ท้ำวธรรมจักรใหญ่ มีโอรสสืบไว้ กศุ รำชหน่อแนว ปำนได้แก้ว เมืองใหญ่ปงจำล มีโอรสหำ่ วหำญ พร้อมธิดำองค์น้อย ตำมตอ้ ย ๆ สมุ ณฑำน้องพี่ พระคนี ีหม่อมอ้ำย แพงเจำ้ ดังทอง ดังลอื ก้อง ยักษ์ใหญ่กมุ ภณั ฑ์ เมืองนรกสวรรค์ บ่มไี ผหำญสู้ ยกั ษ์ได้ฮู้ สุมณฑำเหยกลิ่น เหำะเหินบินคว้ำได้ มำลีแลว้ เสิน่ หนี เปน็ ตำมที่ ยักษ์ใหญ่สมหวัง มเหสีอยู่วงั คือสมุ ณฑำน้อง ฟ้ำลน่ั ฮ้อง สะเทือนภผู ำใหญ่ แมน่ ทียินได้ ฮ่วมเซซ้องซื่นซม

18 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กศุ รำชห่วงหลำย ไปใส่บ่แจ้ง ยืนเทิงล้ม หยอกเล่นซื่อ ๆ สุมณฑำหนหี ำย ม้ือนเ้ี จ้ำอยู่ใส่ ฮือกลน่ั แกล้ง ออกด่วนตำมหำ กับมำคือเก่ำกี้ เจด็ พระนำงเคียงซ้อน นำงจันทำเคียงคู่ ทนบ่ได้ แตใ่ จนั้นประสงค์ จงึ ได้ตื่มภรรยำ โงอ่วยคืนมำ เดิมก่อนกี้ คลอดบุตรำน้อย กศุ รำชกะฮู้ รำชสีหเ์ ติบใหญ่ จำผ่ำยห่ำงวัง เดือนปีโค้ง เทีย่ งอยู่ในธรรม แปดพระนำงเล่ำพำ ตำมทำบ่มีได้ หอยสังข์นอ้ ย หลำยปีเติบใหญ่ ถืกเพด็ ทลู ใส่รำ้ ย แผนล้ำเลื่อมลำย สงั ขะสีโห ด้วยใจตง้ั ตกภัยบ่วงลอ้ ม ทุกข์เข็ญแนวคะลำ เอำพระคนี ีคืนสู่ สำมน้องอำ้ ย คำสั่งเจ้ำแมเ่ มือง หกกมุ ำรได้ใช้ บ่เคืองแคงขัด จัดกำรภัยฮ้ำย จนสุดท้ำย หกกุมำรพร้อมพร่ำ รวมเทิงโตสินไซ ถ้ำกว้ำงป่ำสน ให้เตรียมพร้อม เขตค่วงภัยหนำ เมืองเปงจำลเหน็ ฮู้ นำงสมุ ณฑำเว้ำ เทิ่งสินไซน้อยอ่อน ได้ทรำบเรื่อง คือหำรกล้ำเก่งหลำย ย้อนว่ำเฮำถนดั ผปี ่ำบ่เหลอื สำมน้องอำ้ ย แตใ่ จขืนลำบ้ำน ได้ลว่ งไปลึกล้ำ บ่โดนพ้น เข้ำปรำสำทหำอำ สีโหเจ้ำ ไผ๋แม่นสอนมนตใ์ ห้ ปรำบยกั ษ์ฮ้ำย อำนีเ้ ช่อื บ่ฝนื

กมุ ภัณฑน์ ้ัน วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 19 ใจเปน็ หดหเู่ ศร้ำ คืนปรำสำทเมือต่ำว พอแต่เว้ำ หว่ งเมียเค้ำบ่เซำ ว่ำได้กลิน่ ของคน มำฮอดบ่โดน ท่ำนอย่ำท้วง อยู่โถงใหญ่กว้ำง ในเขตป่ำทีล้ ี้ น้องหวงเด้พี่ หรอื ท่ำนมกั สำว ใช้คำน้ำว ดึงจอ่ งยักษี สุมณฑำหวังดี แอบซ่อยหลำนไว้ กมุ ภณั ฑไ์ ด้ นอนหลบั บ่ตน่ื อีกเจ็ดมอื้ จัง่ ฟื้น หนไี ด้วำ่ ไกล อำลยั ห่วงหำ ควำมฮกั ใคร่ บ่อยำกลำเมืองบ้ำน เฮ็ดนำงสุมณฑำ ยกั ษ์กมุ ภัณฑ์นนั้ ต่นื ย้ำนกะย้ำน สิใจท้อสำ่ ใด๋ หำกมือ้ อืน่ บ่พ้อ ตดั หำ่ งใจหนี คงสิพำนพบพ้อ นำงจึงได้ ลวงอำออกจำกที่ หำกว่ำบุญยงั มี หนแี ล้วบ่วำย สินไซล้อ อำฆำตตำมเห็น ปรำสำทมียักษ์ฮ้ำย หวนคืนฆ่ำซ้ำ ไปปรำสำทใหญ่ หำกยักษ์ฮ้ำย ไปสู้ยกั ษำ คงบ่เป็นสิ่งดี ยักษ์เป็นหมน่ื แสน เมื่อคนื ก้ำ เกลื่อนกองตำมพื้น ท้ำวสินไซน้ันได้ น้ำวศรเล็งใส่ ตำยสิ้นบ่หรอ บ่เม่อื ยล้ำ โลกยึดสจั ธรรม ยิงศรฆ่ำยักษ์แปน ธรรมดำคนน้ี สินไซทืน้ สินไซกบั แม่ ยกั ษ์กุมภัณฑ์จึ่งได้ ทุกข์เวทนำ เป็นตำมข้อ ถึงแก่อนจิ กรรม ต้ังแตก่ ี้ เทิงน้องสองคนแท้

20 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย พ่อไล่หนปี ่ะ ใช้กรรมตำมพื้น ย้อนกำพร้ำ ใจดีคือเก่ำ จงึ เพียรอุสำหะ ในฮ้ัวแห่งวัง ม้ือน้ีฟื้น พ้อสมุ ณฑำ พระบิดำฮับเข้ำ ซ่อยหนภี ยั ฮ้ำย ตอนปลำยยงั บ่สง่ั จนกระท้ัง แก่นแท้อำวสำน ท่ำนมศี ักดิ์เป็นอำ ติดตำมตอนใหม่ มำถึงท้ำย ให้ฟังตอนสองเว้ำ….. เหลือหลำยบทบ่อนยั้ง สินไซน้ัน คนั่ แมน่ ท่ำนใจ

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 21 กลอนลำลอ่ ง ประวัติศำสตรอ์ ีสำน ตอนไทยลำวพี่นอ้ งกนั ประพันธ์โดย บญุ จนั ทร์ เพชรเมืองเลย 9/5/2557 กลอนลำล่อง เน้อื หำประวตั ศิ ำสตร์ ------------------------------- (เกริน่ ลำ) โอย่ …ละนอ้ … ละออนซอนเด้ ออนซอนโขงไหลเลี้ยว เทิงชีมลู สำยเลือดใหญ่ หำหอยปลำยำมไซ ไทยฝั่งขวำ ลำวฝง่ั ซ้ำย สองเอื้อยอ้ำย เผ่ำอีสำน…เออ…เออ…ละนำ (ลำทำงลอ่ ง) พีน่ อ้ งเอย ประวตั ิศำสตร์ เพิน่ เว้ำ งดั เร่ืองเก่ำ เอำมำพือ เรือ่ งสำคัญเฮำกะคือ ภมู หิ ลงั เก่ำ อสี ำนน้ัน หลำยพันปี เฮำอยู่ฮั่น บ่แปรผนั บ้ำนเซียงเก่ำ กลุ่มโนนชัย เพิน่ กะเว้ำ ดินเผำป้นั ล้นลน่ื หลำย เพิ่นปัดเป่ำ ควำมชั่วฮำ้ ย กำรเสีย่ งทำย พิธีกรรม ส่องฟ้ำฝน บ่อนคะลำ แล้วนำคำ ถำมผเี ถ้ำ ภำพหลกั ฐำน อีสำนเว้ำ ตำมภูผำ สูงชนั ใหญ่ คน สัตว์ มือ ภำพวำดไว้ ปรำกฏให้ ได้ศึกษำ ปีหนง่ึ เก้ำ หนึง่ ห้ำ ชนชำติลำว ย้ำยถิน่ ฐำน เข้ำอีสำน ตั้งเฮือน แถวร้อยเอด็ กำฬสินธุ์น้ัน ด้วยปญั ญำ อันเลิศล้ำ พระไชยเชษฐำทรงนำ เผำ่ ชนเช้ือมำสร้ำงก่อ ผูกมติ รไทย-ลำวบ่ท้อ ทรงสรำ้ งแปลงพระธำตุ หลำยหม่อง คู่อสี ำน จำกประวัติ เมืองบ้ำน อีสำนเฮำ ข้อมูลหลำย หำกแม่น สำธยำย หำหม่องลง บ่มแี ท้ แก่นอสี ำน เฮำแน่ๆ เน้นไทยลำว แตค่ รำวก่อน จง่ั เปน็ ที่แนน่ อน ตัดเป็นตอนหอนเป็นปล้อง สั้นแล้วจั่งค่อยเห็น สิขอกล่ำว เลือกเฟ้น รำชกำร เด้อทีส่ ำม ยกกองทัพ มำปรำบปรำม เวียงจันทร์มนุ่ พังเพม้ำง

22 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย ชนชำติลำว บ้ำนเมอื งฮ้ำง หำหนทำงบ่อน ส้นใหม่ ได้เข้ำมำฝง่ั ไทย ในอีสำนเฮำแตก่ ี้ จนเดีย๋ วนี้ บ่ลปึ สูญ หำกเว้ำถึง ชำติพนั ธุ์ จำกหลกั ฐำน โบรำณพุ้น พวกกะเลิง ผไู้ ท ย้อ มีหลำยเผ่ำ นำกัน ต้องวำงแผน อีสำนใหม่ ชำวกรุงเทพ เพิ่นได้พ้อ เปน็ ภัยแท้ หำกบ่ทำ พวกยโุ รป เข้ำมำใกล้ ทำกำรแบ่ง เป็นสี่เขต ต้องคุ้มครอง ชนเช้ือชำติ ปีสองส่ี สำมสำมย้ำ ได้เปลี่ยนกำร ปกครองใหม่ ย้อนว่ำมี สำเหตุ เหนอื กลำงใต้ ทุกข์บ่มี ปีสองส่สี ำม เจด็ เดด็ ขำด ถือว่ำ สำคญั สุด เอิ้นมณฑล ประกำศใช้ เลิกใช้คำ ว่ำลำวแล้ว ฝรงั่ เศสมำยึดแนว แถวฝง่ั ซ้ำยโขงลำ้ ค่ำ ปีสองส่ี สีส่ องนี้ ได้ประกำศ อย่ำงแนน่ เหนียว บรรพบรุ ษุ ของเฮำ ประวัติเก่ำ ของอสี ำน ชำวสยำมใจเป็นแป้ว บ่ถิ่มกัน หำ่ งหนเี ว้น รำชกำรเด้อที่ห้ำ วัฒนธรรม นำสืบต่อ แต่ พ.ศ. ได๋นั้น หำบ่พ้อ ส่องบ่เหน็ หำกว่ำเหลียว เบิง่ เมืองบ้ำน เน้นทำงประวัติศำสตร์ เฮำเหนียวแนน่ แตโ่ ดนนำน บกุ ดินนำ้ เฮียนศกึ ษำ ภำษำเป็น สิ่งย้ำ ลำบ่ไปตำมทำง ปรำชญ์ผู้ฮู้อภัยด่วน อีสำนเฮำ สร้ำงก่อ บ่ถีถ่ ้วน กะบวนลำ ผสู้ ืบสำน เพียรศกึ ษำ หำกสิเสำะ เลือกเฟ้น ส่งเสริม เผยแพรไ่ ว้ ต้องนกั ปรำชญ์ ผฮู้ ู้ ยังเบิด๊ ไป บ่คงอยู่ หำกว่ำแม่น กลอนลำข้ำม เป็นประตู เปิดสืบทอด ให้เฮียนฮู้ เรอ่ื งอสี ำน หำกว่ำฟ้ำว แต่ม้วน ฝำกไว้นำหลำน แหลนหลอ่ น นำประวัติศำสตร์ เฮำมำ มีทรพั ย์สิน ของใช้ ประวัติศำสตร์ เฮำคงคู่ (กลอนลง) โอย… เออ…เออ… ละนำ

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 23 กลอนลำลอ่ ง สง่ ใจไป สปป.ลำว ประพนั ธ์โดย บญุ จนั ทร์ เพชรเมืองเลย 29/07/61 ทำนองลำล่อง ------------------------------- (เกริ่นลำ) โอย…โอย…ละนอ้ ละสำยเอย สำยนทีโกธำฮ้ำย ไหลทำลำย บ้ำนบ่อนอยู่ พีน่ อ้ งเอย พีน่ อ้ งลำว ขอให้ฮู้ ไทยฮักเจำ้ บ่เสื่อมสญู บุญเอ้ยบุญ…คุ้มครองดว้ ย (กลอนลำลอ่ ง) ละกบกินเดือน ยังเหลือฟ้ำ นำคกินปลำ ยังเหลอื ฮ่อง เฮำไทยลำว พีน่ อ้ ง ปองดองพนุ้ แตบ่ ฮู ำน ยำ้ นอีหยงั กะบ่ย้ำน บ่ย้ำนส่ำ ควำมสูญเสีย จติ ใจล้ำ ออ่ นเพลีย คนั เกิดข้ึน กบั ไผ๋แล้ว เสียงแซวแซว คนฮ้อง ถ้อนยองกัน ดงั สนนั่ น้ำไหลหลำก ฉับพลัน ต้ังโตกนั บ่ได้ ฟ้ำวหนีขนึ้ บ่อนทีส่ งู คนท่ัวโลก ตำ่ งมุ่ง ฟ้ำวแล่น ไปให้ถึง พออยำกดึง หอ่ นที น้ำเขือ่ นนี้ ใส่ถุงไว้ อย่ำอำดูน โศกำไห้ พี่นอ้ งไทย นีเ้ ปน็ หว่ ง ขอส่งใจ อันใหญ่หลวง ให้เป็นบ่วงคล้องไว้ ป้องภยั ฮ้ำย ให้ห่ำงหนี ขำดสิง่ ใด มำเอำพี้ บ่มถี ี่ พร้อมซ่อยเหลือ กำลงั ใจ เหลือเฟือ เครือเดียวกัน เมอื งล้ำนช้ำง อดทนเด้อ…พีน่ อ้ งเฮำ ตุ้มเต็มขำ้ ง ยังสิมหี นทำง เห็นม้ือวันสว่ำง ทำนน้ำใจ หม่องตำ่ ง ๆ ได้ไหลย่ำงมำฮอดแล้ว ขอลำวนน้ั สู้อย่ำงถอย เออ….พีน่ อ้ งเอย

24 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำล่อง พลงั จำกแฮงใจ ประพนั ธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย 1 ตุลำคม 2556 ทำนองลำล่อง ------------------------------- (เกริน่ ลำ) โอย…ละนอ้ ….. ละเสบียงใจหำเติมได้ จำกคนอยู่ใกล้ไกล มีสง่ ให้ได้ทุกถิน่ เกิดจำกจิตที่ได้ยิน จำกหมู่ฝูง ญำตพิ ี่น้อง ลงุ ป้ำ ปู่ย่ำยำย และแฮงใจอนั สุดท้ำย เปรียบได้พรทั่วโลกำ คือแฮงใจจำกมำรดำ และบิดำ ของเอำแท้… (กลอนลำลอ่ ง) พี่นอ้ งเอย… ส่วนลึกใจคนนี้ ล้ำนเรือ่ งมีเบิ่งบ่ออก สิปอกเปลือกออกคือกล้วย มันง่ำยโพดบ่แม่นแนว อนั ควำมจริงสรปุ แล้ว หลำยคนมักใหเ้ ว้ำม่วน กำลังใจล้วน ๆ ชวนฟงั แท้อิ่มแก่ใจ กินข้ำวน้ำกะอิม่ ได้ แตอ่ ิม่ ใจมคี วำมสุข ซ่อยบรรเทำควำมทุกข์ อุกองั่ ทรวงผ่อนควำมกลุ้ม มรสมุ ปญั หำค้ำง ยำกทีส่ ปิ ล่อยวำง สังคมนั้น ผดั ซ้ำตืม่ เอำแฮงใจซ่อยลืม ยืมจำกคนฮกั แท้ พ่อแม่นั้นพร้อมสง่ หำ กำรเฮ็ดงำนเมอ่ื ยอิดล้ำ ทนคำจำของนำยเขำ หำกเฮำบ่ทนเอำ สิมเี งินใสมำใช้ ลำงเทื่อนอนฮ้องไห้ โชคชะตำแนวใด๋ มำต่มื ซ้ำบีบค้ันต่อ โอย…เสียงจำกพ่อแม่เว้ำ ทนเอำเด้อลกู หล้ำ ย้อนทำงบ้ำนเฮำบ่มี ควำมทกุ ข์จนเหล่ำนี้ มันได้มมี ำแตโ่ ดน หำกเฮำบ่อดทน ยำกสิย่ำงฝำ่ ฟันได้ กำลงั ใจซ่อยเหลือได้ เป็นด่งั ยำสมุนไพร รักษำได้ให้เซำป่วง คือแฮงใจจำกคู่ควง เปรียบหนึง่ เดียวดวงตำแก้ว ซ่อยเหลือได้แทนสุยำม

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 25 แนวใด๋ผดิ คอยเตือนหำ้ ม ค่อยไถ่ถำมยำมซึมเหงำ คู่ชีวติ ของเฮำ ให้ฮกั ฮ่อถนอมไว้ สุขทุกข์เจ็บป่วยไข้ คอยส่งกำลงั ใจ มำยิ้มใหบ้ ่เคยเบื่อ หำกขัดสนคอยซอยเหลอื ข้ำวโหยเกลือกะกินได้ คู่เฮำนั้นพรอ้ มเสมอ หำกทกุ ข์หนักใจซึมเซ่อ ยงั มีเดอหมู่สหำย มีหยังเว้ำผอ่ นคลำย เรือ่ งวุ่นวำยซ่อยฮ่วมแก้ มิตรแท้ ๆ บ่ได้จ้ำง พร้อมเคียงขำ้ ง บ่มหี ว่ัน อัศจรรย์ใจแล้ว คือหมู่แท้ บ่มเี ทียม น้ำใจคนนี้เยี่ยม ถึงไหมเ้ กียมบ่มีดำ คอยส่งเสริมแนะนำ พำเฮด็ ทำ ถนอมเว้ำ ท้อเหนด็ เหนอ่ื ย งำนรมุ่ เร้ำ เอำแฮงใจ ซ่อมควำมเหงำ จำกหมพู่ ้อง เทิ่งพ่อแม่ กำลังใจเด้อซ่อยแก้ บ่มแี พ้ แท้สุแนว (กลอนภำษำกลำง) กำลังใจ เปรียบแก้วใส ไม่หมองหมน่ ขอทกุ คน จงเชือ่ ใน แรงควำมหวัง เอำแรงใจ ดื่มเปน็ ยำ เติมพลัง จะเป็นคลัง เก็บควำมสุข บำรงุ ใจ (ลำล่อง-ตอ่ ) โอย… ละขอกรำบวอนเทพไท้ เทวดำผู้ศักดิส์ ทิ ธิ์ ส่งพรเนรมิต ซ่อยคุ้มครองคนดไี ว้ อำนำจใดในโลกนี้ ขำดบ่ได้นนั้ ต้องมี ส่ิงหนนุ สร้ำงเสริมใจก่อน ทุกอำชีพให้ได้พร จำกมโนพุทธเจำ้ ยึดเหนยี วแนน่ เข้ำแก่นใจ ผม (ชือ่ ตนเอง) ลำฝำกไว้ ขำดแนวใด๋ใหต้ ื่มคิด พรหมลขิ ิต เพิน่ ขีดไว้ บ่หำรได้ให้ลึปลำย ขอฝำกถึงน้องอ้ำย แฮงใจเด้ออยู่ใกล้หม่อ เมื่อยทกุ ข์ท้อให้คึดพ้อ สองท่ำนนี้ พ่อแม่เฮำ (กลอนลง) เออ…เออ…เออ…เอยละนำ

26 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำลอ่ ง อัศจรรยโ์ อน้ โต้นล่องโขง ประพนั ธ์โดย บญุ จันทร์ เพชรเมืองเลย ทำนองลำล่อง ------------------------------- ละอศั จรรย์นำ้ เต้ำ ให้เฮำได้มำเกิด เปิดป่องฮูออกแล้ว ขำวแหล่ต่ำงเผำ่ พันธ์ุ อศั จรรย์หินกั้น แทนภูกนั คนออก กั้นคนนอกบ่ให้เขำ้ มคี นเฝ้ำอยู่สยู่ ำม อศั จรรย์เปิงบ้ำน เฮือนซำนยำวค่ำซอก คันบ่บอกบ่ฮู้ อนั นแี้ มน่ เวียดนำม อศั จรรย์เอิน้ ล่ำม ย้ำนฟงั เพิน่ บ่ออก บัดเพิน่ ตอกคืนแล้ว อำเซียนได้ซู่แนว อศั จรรย์เอิน้ แขว่ ซู่แนวแมน่ มันเบิ๊ด เกิดบ่มมี ันแลว้ เอำหยงั หย้ำจั่งอม่ิ เด้ อศั จรรย์หำบเร่ ไม้เปเปซ่ำงไปฮอด ย่ำงไปซอดบ้ำนนั้น ย่ำงไปชนบ้ำนนี้ งึดแท้ซ่ำงบ่แพ อัศจรรย์แท้เด้ ควำยเขำเลมนั นอนบวก ฮวกไปอยู่แทนแล้ว ควำยไหไ้ ผแม่นออย อัศจรรย์บกั พร้ำวน้อย งอยผำซนั กิ่งดิ่ง ย้ำนมนั กลิ้งหล่นถิม่ เสียดำยน้ำ ใจแล่นฮน อัศจรรย์หนว่ ยมันโต้น ตึง๋ ตง๋ั บักพร้ำวอ่อน หนว่ ยมนั เกลีย้ งบ่อนลอ่ น สะออนแท้ถืกหนว่ ยตำ อัศจรรย์นำเสื้อผ้ำ เปน็ ป่องมอดกินเบิด๊ ออนซอนนำสะเกิ๊ด สิกุ้มคีงบ่นอ้ นั้น อัศจรรย์สวรรค์ป้นั ให้โอ้นโต้น เอน้ เต้นน่ี เชญิ ล่องโขงไปเบิ่งหม๋ี อยู่โฮยอำน หมเี๋ ซินพนุ้ เวยี ดนำมนนั้ พ่อแม่เอย้ ขำวพอนพอน…เออ…เออ…ละนำ

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 27 กลอนลำลอ่ ง ออนซอนสงั คมช้ำงลำว ประพนั ธ์โดย บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย ทำนองลำล่อง ------------------------------- (เกริน่ ลำ) ละกบกินเดือนยงั เหลือฟ้ำ นำคกินปลำยังเหลอื ฮ่อง เฮำไทยลำวเอิ้นพ่นี ้อง ลำของคน่ั บ่หำ่ งเหนิ แก้มเปิ่นเวิน่ ….ไทยลำว เออ เออ (กลอนลำล่อง) พีน่ อ้ งเอย น้ำเต้ำปงุ หนว่ ยน้ัน เฮำพำกนั มดุ ออกมำ เทิงภำษำเผำ่ พนั ธ์ุ บ่ตำ่ งกนั จนวันนี้ ไทยกับลำวเฮำแต่กี้ เปน็ หนง่ึ เดียวไผกะว่ำ กำลเวลำเปลีย่ นโลก โจกโหลกฟ้ำกะเปลี่ยนไป มรดกโลกเพิน่ ได้ ให้ไปอยู่หลวงพระบำง เศรษฐกิจเป็นศนู ย์กลำง กำรท่องเทีย่ วกะว่ำได้ เอำมูลมงั ฮักษำไว้ วัดอำฮำมใหเ้ ขำเบิ่ง มีเกินเคิ่งลำวน้ัน หวั จดใต้เลียบล่องของ ไผเห็นซ่ำลอื ก้อง แผ่นดนิ ทองมรดก จกไหง้เอำของดี ฝมี อื คนประดิษฐ์สรำ้ ง ไปนำเอำฮปู ช้ำง มำเติมแต้มเพิม่ ปรับเปลี่ยน เอำมำเขียนเปน็ ฮปู ติดของใช้หัตถกรรม เปน็ ภำพจำจอ่ื ไว้ ช้ำงยิ่งใหญ่อยู่ตลอด จนมำฮอดม้ือน้ี บ่หนีล้ไี ปจำกคน ไทยกะไปซอกค้น หลวงพระบำงน้ันหลำยแหง่ ขอแสดงควำมปรำบปลืม้ นำพีน่ อ้ งทีเ่ จริญ สงั คมลำว….. (กลอนลง) เออ….เออ….พี่นอ้ งเอย

28 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำล่อง สังคมอสี ำน ประพันธ์โดย บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย ทำนองลำล่อง ------------------------------- (เกริน่ ลำ) โอย…โอย…ละนอ้ ละเสียงแคน ดังจ้ำวขึน้ หมอลำกลอน ฟอ้ นเกีย้ วคู่ จติ วิญญำณ เฮำซ้นอยู่ มำแตป่ ู่ ย่ำเฮำพุ้น เพิ่นลำไว้ กล่อมอสี ำน แต่บูฮำนละนำ (ลำลอ่ ง) อนิจจัง บ่เที่ยงแท้ ทกุ ข์ขัง อนตั ตำ สงั ขำรมี ล่วงลำ สู่คน โจกโลกฟ้ำ ภูมปิ ญั ญำ ของจริงแท้ มีสูแจ ยังม่นั เทีย่ ง เว้ำเป็นเสียง หรอื จำรไว้ เฮำได้ใช้ ทัว่ อีสำน ภำษำถิน่ พ้ืนบ้ำน แตบ่ ูฮำน มีมำโดน มำตั้งแต่ ขนคน ข้ำมไทยลำว แตค่ รำวพุ้น มันบ่สญู หำยเสีย้ ง เว้ำสำเนียง เสียงคือเก่ำ ยงั แทนโต ขอ่ ยกบั เจ้ำ ผเู้ ฒ่ำเว้ำ แฮ่งมว่ นหู มีแต่ปุ๊ แตป่ ู้ ภูมปิ ัญญำ ฮ่วมสืบสำน ปรำชญ์โบรำณ เพิน่ จำร อกั ษรธรรม อสี ำนไว้ ยำมบญุ งำน ท่ำนจงึ ได้ เอำมำใช้ เทศนล์ ำส่อง เปน็ ครรลอง ตำมฮีต อดีตพุ้น แต่เก่ำเดิม บ่ทนั โดน เฮำจึงเริ่ม เติมแต่ง ฮ้อยภำษำ เอำไทยน้อย เข้ำมำ จำ่ ยผญำ สองนอ้ งอ้ำย ม่วนสะออน เอำฮ้ำย เทิ่งต่มื ลำย เสียงแคนเป่ำ เกิดหมอลำ จำกลอนเว้ำ หมอแคนเด้ำ อยู่หย่ังคนื ผเู้ ฒ่ำฟัง ลำพืน้ สะอ้นื ไห้ ตอนบทโศก ยำมตลก โปกฮำ ต่ำงพำกัน หวั ม่วนแท้ กลอนลำเกี้ยว กะบ่แพ้ งมจอกแหน๋ ซอกหำเต่ำ ซำวมือซ้วน ปับ๊ เข้ำ ผชู้ ำยเว้ำ น้ีแมน่ ขำ

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 29 เหลียวขึ้นเบิง่ ขีฟ้ ้ำ ลอยลำลบั ลปึ หลบแสง คือของเก่ำ เฮำแพง มีเปลี่ยนแปลง ไปกนั ได้ เปรียบใบลำน จำนกลอนไว้ สูญเสียไป เวลำผ่ำน แตล่ กู หลำน เฮำอสี ำน ได้เฮียนอ่ำน ลำสืบไว้ ต่อยอด ออกหน่อแนว เสียงแซวแซว ม่วนลำกลอน เมืองอีสำน พุ้นแหล่ว ออนซอน ปำนก่อนกี้ แมน่ ไผเห็น กะออนซอน หมอลำมี ยงั ได้มว่ น อีสำนเฮำ เดีย๋ วนี้ ทวนกลอนลำ หดน้ำไว้ ใบกิ่งก้ำน แพร่ขยำย ฝำกลูกหลำน เฮำซ่อยพรวน หลำนหญิงชำย….. (กลอนลง) พีน่ อ้ งเอย

30 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำล่อง อัศจรรย์ ประพันธ์โดย บุญจนั ทร์ เพชรเมอื งเลย 10 /05/57 ทำนองลำล่อง ------------------------------- (เกริ่นลำ) โอย….เออ…เออ…เอย… สิขอกล่ำวบ่อนบั้น ในเร่อื งอศั จรรย์ พรรณนำเปน็ ตอน ให้ออนซอนคนั ฟังแล้ว…. (กลอนลำล่อง) อัศจรรย์ขฟี้ ้ำ เปน็ ก้อนหนำมีน้ำไหล อศั จรรย์ฟืนไฟ มอื จบั แม่นมันฮ้อน อศั จรรย์ภูเขำซ้อน บ่เพียงกันสูงโนนตำ่ ตกตอนคำ่ เสอื ช้ำง มำ้ ย่ำงเล่น แมน่ มว่ นหลำย อัศจรรย์ต้ังแต่ด้ำย ออกจำกฝ้ำยป่ันเป็นหลอด ใช้ลอดฮูกตำ่ ด้ำย เปน็ ผ้ำหม่ อยู่เฮือน อัศจรรย์ผำ้ เปื้อน เอำนำ้ ล้ำงบ่ออก น้ำบักนำวหนึง่ จอก ด่ำงเปื้อน แมน่ บ่เหลือ อศั จรรย์แมงกะเบยี้ สีสนั งำมสดใส แตว่ ่ำภำษำไทย เอิ้นมัน “ผเี สื้อ” ซ้ำ อัศจรรย์นำน้ำ ไหลลงแตท่ ำงลมุ่ แมงมมุ ย่ำงไต่น้ำ บ่จมซ้ำผดั แล่นเสย อศั จรรย์เขยไทยใต้ มีแฮงหลำยสู้งำนหนกั คนั ใหเ้ ปน็ เสำหลัก สกิ ุ้มเฮือนได้บ่อำ้ ย ย้ำนมกั แต่ทำงท้ำย นอนหงำยบ่มำหม่อ บดั ว่ำนอนควำ่ แล้ว โดดโยมโลดผซู้ ำย ดอกไม้เรียงซ้ำยหลำ้ ย บ่เหลยี วแต่พอเมด็ ป่ำในเขตเดียวกันนั้น ผชู้ ำยท่ำนมักชื่นชม อัศจรรย์ตั้งแต่ก้ม ลอดขำเหลยี วไปเบิ่ง งูหอยลอยเทิง่ น้ำ หยอกเล่นเป็นหมกู่ ัน

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 31 อศั จรรย์งูกินแข้ โตยำว ๆ กลืนแล้วลดึ งดึ แตว่ ่ำอีแข้ มนั คอื แพ้แข้วกะคม อัศจรรย์แต่บักส้ม หนว่ ยกลม ๆ เปียกกะฮิน่ แตว่ ่ำกินไปแล้ว หยงั บ่เอิ้นวำ่ บักหวำน อัศจรรย์หำนลอยน้ำ ขนบ่เปียกน้ำบ่จม อศั จรรย์เทิง่ ลม ยกบ้ำนเฮือนของคนได้ อศั จรรย์ใจอ้ำย ปำกเปน็ ตั๊วะง่ำย อยำกเอำเข็มกับด้ำย ฮ้อยปำกยุ้มใส่กนั อัศจรรย์หลำยเร่อื ง ในโลกกลมหนำ หลำยปัญหำยกมำ อัศจรรย์ตำมเว้ำ หนว่ ยบักพร้ำวมีเบ้ำ เหน็ ได้ย้อนว่ำผ่ำ ผชู้ ำยเหน็ แต่หน้ำ ปลอมหรอื แท้โลกเปลีย่ นผนั … อัศจรรย์…เออ…เอย…เออ เอย ละนำ

32 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำ ผีฟ้ำ ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมอื งเลย 10/5/2557 ทำนองลำล่อง ------------------------------- (กลอนลำล่อง) นำงน้ีขออนุญำติอำ้ ย อยู่บ่อนใด๋ให้อำ้ ยว่ำ หรอื ว่ำทำงแจฮ้ัว ขัวข้ำมน้ำบ่อนคหู นอง พิษพยำธิ์ตำมข้อง จองจำซ้ำนำป่วง หำกว่ำถ่วงน่วงแน่น แถนอยู่ฟ้ำให้ซ่อยนำ แมน่ คะลำแนวใด๋อ้ำย ให้พีช่ ำยบอกน้องแน่ ไฮ่คันแทอุแอง่ น้ำ กะดีซ้ำบ่เสียหำย บ่อนโพนใด๋ละอ้ำย บ่อนผีเฒ่ำเพิน่ หมำย จองไว้เนำวน์ อนอยู่ ไปป้ำนคคู องน้ำ ไถ่ก่นหญ้ำกะบ่มี ให้บอกส้นพิษฮ้ำย มีบ่อนใด๋อ้ำยชำย ทำงนอ้ งสิแก้ด่วน คนั แมน่ หนักกะสิซ้วน เอำขบวนช้ำงม้ำ แต่งแก้ให้ซ่วงเซำ คันแมน่ เบำ กะสิเว้ำ เอำแพรวำ ข้ึนหง่ิ สง่ จดุ ประสงคต์ รงใจแล้ว แนวฮ้ำยน้ันอยู่ใส สิบปีเดือนเทียวป่วยไข้ บ่สำบำยสดใส ควำมเจ็บไข้แห่งหนกั หน่วง บำงม้อื เลำเป็นป่วง มีแนวถ่วงดงึ จอ่ งไว้ พี่เอย้ แม่นอีหยัง ให้อ้ำยสัง่ มำโลด เฮ็ดแนวใด๋มนั สิซ่วง ควำมเจบ็ ปวดหำยลลุ ่วง ไหลลี้มน่ื ลงโขง คือฝัดข้ำวในกระด้ง โฟ้งโด่งคือเม็ดลีบเสีย เด้อพี่ ให้มันเหลอื ควำมซ่วงไว้ ควำมไข้ให้ฟง้ หนี เหมินแล้วบ่ควำมป่วยไข้ ภัยพำลเกีย้ งบ่อยหล่อย คำบ่ดีดำ่ ป้อย บ่สอยเว้ำดอกพีช่ ำย คนั ว่ำผโี พงฮ้ำย เพิ่นยำงกรำย แล้วเลำซ่วง ย้อนเลำป่วงจั่งเอิ้นทวงถำมอ้ำย คนั เร่ืองฮ้ำยจงั เคยเชิญ พช่ี ำยเอย

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 33 กลอนลำทำงสนั้ ววิ ัฒนำกำรหมอลำ (ผู้ประพันธ์ บญุ จันทร์ เพชรเมอื งเลย 23 ก.ค. 54) ทำนองลำทำงสน้ั ------------------------------- (เกริน่ ลำ) โอ่…ละหนอ… ละจั่งว่ำจิตเอยจิต จติ วิญญำณอีสำนนี้ หนบี ่พ้น ฮีตคองเก่ำ แตโ่ บรำณก่อนเฮำ สืบมำฮอดปู่ย่ำยำย เผำ่ พนั ธุ์เฮำส่ำยหร่ำย ก่ำยกองเตม็ อีสำน อย่ำถิ่มเป็นตำนำน มลู มังเก่ำเฮำแท้ๆ โอยละนอ…. (ลำทำงสั้น) ฟังเด้อเจ้ำ คุณท่ำนท้ังหลำย กำลสมยั เวลำ ผนั เปลีย่ นเวียนแล้ว มีหลำยแนวลืมเม้ียน สูญสิ้นหลำยอย่ำง บ่มที ำงคนื ได้ เสียถิ่มเปล่ำศูนย์ โบรำณพุ้น เฮำจำ่ ยผญำ กลอนเกีย้ วพำรำสี หยอดกันมว่ นแท้ ลำโจทย์-แก้ กะได้ ควมทวยกะม่วน พำกันชวนนั่งเว้ำ กินข้ำวฮ่วมพำ ยงั บ่ช้ำ หำกเลำควำมหลัง มันเป็นวังเวียนวน หมุนไปคือนำ้ หมอลำแต่เก่ำพนุ้ มีกนั หลำยอย่ำง บ่มที ำงตำยได้ จนเท่ำสวู่ นั แตก่ ่อนนั้น เอิ้นวำ่ ลำปวั ปวั คนมำรกั ษำ หรอื ลำผฟี ้ำ ผปี ู่ตำเฮด็ ให้ฮ้อน ผดิ คองฮีตเพิ่น จง่ั เผชิญป่วยไข้ ลำแก้ฮกั ษำ

34 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย ลำผีฟ้ำ ปรับเปลี่ยนเวียนหัน เลยพลิกผนั บทกลอน เข้ำสู่ลำพืน้ หนงั สือผูกอ่ำนเทศน์ นิทำนธรรมต่ำง ๆ ลำขูลูนำงฮ้ัว หัวไห้ใส่กนั ดึกดื่นมนั ยำว ลำบ่สั้น หำผลู้ ำแก้ คนเดียวลำบ่ไหว ลำนำได้บ่ แลเห็นผู้สำวเว้ำ พอเว้ำม่วนกนั นำงขอลำข้ำงอ้ำย ฮีบฟ้ำวมำลำ มำเฮียงขำ้ งอ้ำย มำจงั่ ซ้ัน เสียลำฟงั มว่ น บ่คลำแนวใด๋ เขำเอิน้ ลำกลอน ลำยโป้งซ้ำยแคนขึ้น อ้อนออ่ ยถำมหำ ลำซ้วนกนั เกี้ยวฟ้อน ยุคใหม่ลำเรื่อง เทิง่ เวทีใหญ่ ผอู้ ยำกฟ้อน เอิ้นลำเรื่องต่อกลอน สิพำลกุ ยำมใด๋ ฮุ่ม ๆ อยู่คิง มีเสียงลำตำมเว้ำ มำแกมแซมแล้ว เหลียวไปคนเตม็ ฮ้ำน เฮด็ โตคือเก่ำ คนถิ่มมดิ เสีย มนั ออกฮ้อน ยงั ว่ำมนั ขม ยุคสตริงสมัย ยังนวั แซบได้ บ่มแี นวใด๋อ้ำง ดนตรีพรอ้ มพร่ำ มีแต่เหงำกับเศร้ำ คนฮู้ท่วั แดน ทัว่ ถิ่นอสี ำน กินขีเ้ พี้ย ใจฝอ่ เหีย่ วได้ เอำผสมหลำยแนว ออนซอนตำหนำ่ ย เกิดสมัยลำซิ่ง ซืน่ ได้มว่ นแฮง หมอลำเฮำตืน่ ได้ ทุกแว้นแคว้น ขำดสียงลำเสียงแคน ไผ๋ได้ยินหลงฟ้อน ย้อนขำขวำขำซ้ำย

มำปะแป้ง วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 35 มำเฮด็ ทำนวนั ศลิ ยำมม้อื เว้นน่ังเว้ำ คือเก่ำสงกำนต์ ให้ผู้เฒ่ำสอนไว้ อย่ำลืมไลเว้น ลำนทิ ำนคือเก่ำ คัน่ ยงั ชำ้ จ่อื แล้วศึกษำ ชำติพนั ธุ์ของตน ชิบ่ทนั เห็น มำอดสนู ่ังไห้ สิบ่มฮี ู้ เขำขอไปเบิ๊ดแลว้ ถืกเขำลกั ต่อ แนวอำ้ งบ่มี แตม่ ้ือน้ี เฮำควรหวนคิด สิ่งใด๋ผิดพลำดพลั้ง ควรแก้อย่ำลมื พวกหมเู่ ฮำ ควรปลื้ม มลู มังพอ่ แม่ เอำหมอลำไปแพร่ ขยำยไปให้กว้ำง ๆ (กลอนลง) คนได้ฮู้…สืบต่อไป…….

36 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำเตย้ อำเซียนรวมใจ ประพนั ธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย 29 สิงหำคม 2556 ทำนอง ลำเตย้ ------------------------------- (เต้ยพมำ่ ) สังคมเรำพัฒนำ ๆ ก้ำวไกลรุดหนำ้ ไม่หยดุ นิง่ เฉย สิบประเทศของเรำก็เลย เชอ่ื มสำยใจกันกลมเกลียวเปน็ หน่งึ กำรค้ำเข้ำถึง ผลักดนั หนนุ ดึงช่วยเหลือปองดอง ทกั กันเหมอื นญำตพิ ี่นอ้ ง เพรำะเรำประคองกนั ด้วยจิตใจ อำเซียนเปน็ กำรรวมตวั ๆ เรำอย่ำตื่นกลวั และไปอ่อนไหว เศรษฐกิจเรำจะก้ำวไกล มีกินมีใชร้ ุ่งเรืองไปหนำ้ ท้ังเรื่องกำรค้ำ จะไหลหลั่งมำคือฝนหลง่ั ริน ขจัดควำมจนหมดสนิ้ ปญั หำหนสี้ ินทกุ เลำทันตำ (ลำเต้ยธรรมดำ) แปดสิงหำคมนน้ั สองพันหำ้ ร้อยสิบเดอ ขอเสนอใหจ้ ัดต้ังอำเซียน อำเซียน ผู้อำเซียนอำเซียน ห้ำประเทศเข้ำฮ่วมกนั ได้เป็นวันแรกเริ่ม สัมพนั ธ์อนั มนั่ แก่น อยู่ต่ำงแดนกะได้เอิ้นพน่ี ้อง พีน่ ้องผพู้ ี่นอ้ ง พีน่ อ้ ง ผ่ำนมำได้ สบิ เจด็ ปี กะได้มีเพื่อนบ้ำนมำสำนเข้ำฮ่วมหมู่ ห้ำประเทศรวมเปน็ สิบใหฮ้ ู้ ให้ฮู้ ผู้ให้ฮู้ ให้ฮู้ จนเท่ำสู่สุวัน เรื่องสำคัญเร่งฟ้ำว ขำ่ วสำรประกำศอยู่ ให้พี่นอ้ งประชำชนฮับฮู้ ฮับฮู้ผู้ฮบั ฮู้ ฮับฮู้ เหน็ ได้แมน่ อยู่ไกล (เตย้ พมำ่ ) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ๆ รู้จกั กันไว้เชื่อมสำยสมั พันธ์ มำเลเซียเวียดนำมพ้อกนั ให้ยิ้มทักทำยไถ่ถำมยำมข่ำว บูไน ไทย ลำว ฟิลิปิน และอินโดนีเซีย สิงคโป พม่ำ ยังเหลือ เพือ่ นสดุ ท้ำย คือกัมพูชำ ภำษำและวฒั นธรรม ๆ เป็นสิ่งพึงทำที่ควรรกั ษำ อนุรกั ษ์ไปพร้อมพฒั นำ เพิ่มมลู ค่ำเกียรตศิ รีชำตพิ นั ธ์ุ

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 37 หมอลำเฮำน้ัน กส็ ำคญั เป็นมรดกไทย สิบประเทศอำเซียนยิง่ ใหญ่ แล้วอย่ำลืมไลหมอลำอีสำน (ลำเตย้ ธรรมดำ) ปำนสำยแนนชำติแล้ว พยำแถนน้ันป้นั คองนอ่ ง สิบประเทศเฮำกลำยเป็นพี่น้อง พีน่ ้องผู้พี่น้อง พี่น้อง หลำยเชือ่ เผำ่ พงษ์พันธ์ุ อัศจรรย์หลำยเด้ ทุกชำติทุ่มเทขยนั เหน็ ค่ำ ใกล้ถึงวันอำเซียนแลว้ หนำ แล้วหนำผแู้ ล้วหนำ แล้วหนำ ฟังไว้อย่ำงห่ำงเหนิ ให้เฮำเดินตำมได้ แตอ่ ย่ำลืมไลฮีตคองพ่อแม่ ภมู ปิ ญั ญำสิพำเฮำซ่อยแก้ ซ่อยแก้ผู้ซ่อยแก้ ซ่อยแก้ อยู่ได้บ่สับสน (กลอนลง) จรงิ หนำ พ่อแมห่ นำ จรงิ หนำลุงป้ำหนำ อำเซียนเข้ำมำเพือ่ ส่งเสริม มียงั เพิม่ เตมิ ให้เฮียนฮู้ ให้เฮียนฮู้

38 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำเต้ย บ่ำวเกี้ยวสำว คำรอ้ ง บญุ จันทร์ เพชรเมอื งเลย 21 มนี ำคม 53 ทำนอง ลำเตย้ พมำ่ ------------------------------- (ชำย) นวลน้องขำวผอ่ งแก้มใส เปน็ ลูกสำวใครแม่ยอดชู้ โอ้แมโ่ ฉมพธู พี่อยำกรู้อยำกเคียงคนดี ฮักอ้ำยเหมอื นหัวปลี เปรียบกล้วยมีเครือเดียว หญิงอื่นพีไ่ ม่แลเหลียว รักน้องคนเดียวรอน้องตกลง ๆ (หญิง) คำพดู ชำยมีเป็นโหล ยกสระโอใหพ้ ีค่ นเดียว ขีโ้ ม้โลโซหำเทีย่ ว ปำนอึ่งยำงเกี้ยวหำคู่เต็มท่ง น้องเพลอตอบตกลง น้ันก็คงไม่พ้นน้ำตำ เหมอื นผ้ำแพรมนไร้ค่ำ พอเปื่อยขำดมำอ้ำยกท็ งิ้ ไป ๆ (ลำเต้ยธรรมดำ) (ชำย)แมน่ ผใู้ ดซ่ำงพำเว้ำ พำนำงเอำคำเว้ำมำซ่ำ สจั จะชำยสูงซำ่ แผน่ ฟ้ำ แผ่นฟ้ำ โอ้ยแผน่ ฟ้ำ บ่มไี ด้สิต่ำลง ใจประสงค์ยึดม่นั สญั ญำใด๋กะบ่เคยถิม่ ป่อน เฝำ้ ออนซอนแตน่ ำงสมุ ้ือ บ่มไี ด้สหิ นำ่ ยลง ใจประสงค์แท้แล้ว น้องเปน็ มันแกว อ้ำยสิขุนก่น คน่ั น้องเปน็ โพนอ้ำยสิอ้อมฮ้ัวไว้ บ่มใี ห้ไผก๋ ่นเถิ่ง (กลอนลง) นั้นหละหนำ่ หนำนวลหน่ำ ๆ ขำวนวน ๆ ก๊ะตำเอ่ย ๆ (ลำเตอ้ ธรรมดำ) (หญิง)โอ้ยละพี่ชำยเอ้ย ๆ คน่ั แมน่ ใจอ้ำยผ่ำได้ น้องอยำกเอำออกมำเบิ่ง ย่ำนแตใ่ จอ้ำยมีหลำยลิ้น เทียวหยอกแตผ่ สู้ ำว เว้ำมือซำวประสงค์สร้ำง ทำงนำดอนอ้ำยบ่ทนั ซ่ำว ให้นอนหนำวอยู่กะต๊อบน้อย ๆ เบิ่งหงิ ห้อยอยู่ย่ังคืน

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 39 บ่ได้ฝืนใจเว้ำ เอำควำมจริง ดอกมำว่ำ อ้ำยสัญญำดั่งคำเว้ำได้ สิเอำใหแ้ มน่ ใจนำง แสนสิไกลกะตำมซ่ำง คน่ั แมน่ บุพเพสร้ำง ถึงสิลอยซำวสิบแม่น้ำ คงสิได้แม่นฮ่วมกัน ถึงสิย่ำงข้ำมสิบแม่น้ำ (กลอนลง) ละนำ นวล ๆน่ำ ขำวนวน ๆ กระต่ำยเอย นั้นล่ะนำนวน ๆ นำ่ ขำวนวน ๆ กระต่ำยเอย จนวำ่ โพนจะเท่ำภูผำ (เต้ยโขง) บ่ลมื ดอกหนำ คนดีของพี่ พี่ไม่มใี ครอน่ื จบั จอง (ชำย) ฮกั มำโดน ไม่เคยมองหญิงอ่ืนชำมเชย ยึดมั่นตำมสัญญำ หำ่ งกนั วนั นี้ เวียกงำนอ้ำยเอำใจใส่ ในใจมแี ตน่ วลน้อง เต็มเล้ำ บ่อดึ กิน (เต้ยธรรมดำ) อ้ำยคอยจอบหว่ำนแหถี่ เจ้ำนีค้ ือขมุ ทรัพย์ใจของอ้ำย (ชำย) เปน็ เขยแม่อยู่บ้ำน ไถ่ไฮ่ เฮด็ นำ ปลกู เข้ำ ปลำนลิ ปลำกด ปลำสร้อย พันปี อำ้ ยกะเลี้ยงเจำ้ กุ้ม (กลอนลง) บ่มเี สียหำยลองฮักไว้ ลองดูไว้

40 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำผ้ไู ท ผญำบำ่ วเกีย้ วสำว ประพนั ธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย 4/03/53 ทำนองลำเต้ย ------------------------------- (หญิง) โอย…น้อ… ไผ๋วำ่ เมืองอีสำนแล้ง ข้ำวพำแลงกินแซบอยู่ ให้มำดูพีน่ ้อง เต็มท้องอยู่ท่งนำ อ้ำย…เอย…อำ้ ยเอย โอย…น้อ… คันย่ำงกรำยผำ่ นหน้ำ แถวเถียงนำเปน็ ตำเบิง่ พ่อกบั แมเ่ พิน่ ฮ้องเอิ้น กินข้ำวแมน่ ฮ่วมพำ อ้ำย…เอย…อ้ำยเอย ชำยเอย น้องขอชวนอวนอ้ำย ผเู้ พิน่ หมำยเกี้ยวผญำ เปน็ สำเนยี งวำจำ ผญำดอกจำต้ำน เชญิ อ้ำยขึน้ เทิงฮ้ำน เสียงหวำน ๆ นอ้ งสกิ ล่อม คันอ้ำยยอม เปน็ ผแู้ พ้ สิเอำแส้ฟำดใส่คอ อ้ำย…เอย…อ้ำยเอย ชำยเอย คนั น้องเตำะตำต้อย สำออยแพ้ญำพี่ น้องยินดี ให้ต่ิงตอ้ ย บ่มปี ้อยดอกด่ำเสีย อ้ำย…เอย…อ้ำยเอย (ชำย) โอย…น้อ… เจ้ำผบู้ ุปสร้อยสร้ำง สคุ นธำบ่เหยกลิน่ ใจถวินสิบแมน่ ้ำ กะหอมฮู้ ฮอดพีช่ ำย ใจพี่หมำยบกุ ดุ้งด้ัน ประสงค์ดันออกมำใส่ ใจประสงค์อยำกฮู้ พระนำงน้องผจู้ ั่งใด๋ น้อย…เอย…น้องเอย (หญิง) โอย…น้อ… เจ้ำผู้ภมู รีเผ้งิ แสวงชมดอกไม้ใหญ่ อ้ำยช่ำงตแิ ถลงลม้ กลำงบ้ำนหม่นื ทะเล เจ้ำผขู้ ำแป๋หน้ำ หนั มำกะรปู หล่อ อยำกมีพ่อให้บกั หำน้อย ย้ำนเป็นงอ้ ย น้องคึดหลำย อ้ำย…เอย…อ้ำยเอย

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 41 (ชำย) โอย…น้อ… ควำมฮกั เทียมดัง่ ศรจำ้ ตำทรวงเสียบคำขอ่ื ควำมฮกั คือน้ำอ่งั ต้อน แมน่ ทนไว้กะบ่ไหว ไฟมันสมุ ดอกอกฮ้อน ปำนฮมฮอดกระฮอก ค่นั บ่ออกไขปำกต้ำน อกสิมำ้ งเปื่อยทะลำย (หญิง) โอย…น้อ… ไขกะไขมำถ่อน ทำงนอ้ งสคิ อยต่ง ไขใหต้ รงป่องท้ำง ทำงนอ้ งสิต่งเอำ ย้ำนอ้ำยติแถลงเว้ำ เอำเลำมำปลูกก่อน บ่แม่นคอนชำติเชือ้ อ้อย กินได้กะบ่หวำน (ชำย) โอย…น้อ… พี่น้ีพนั ดอกเฮือไว้ ประสงค์ให้แฮข้ำมฝงั่ แนวว่ำหวังปลูกกล้วยไว้ ประสงค์ก้ำนออกน่วยใบ แนวว่ำสำนไซไว้ ยำมฝนสิมำฮอด แนวว่ำปลูกฮกั ไว้ ประสงค์ซ้อนดอกฮ่วมชม (หญิง) โอย…น้อ… คนั พอใจประสงค์สร้ำง ทำงนำดอนบ่ทนั ซำว ปล่อยลมหนำวพัดจอ้ ย ๆ กะต๊อบน้อยมันสิเพ (ชำย) โอย…น้อ… เพิน่ ว่ำใจบ่ใสแล้ว แงงเงำกะบ่ส่อง ใจบ่ใสต้อง ฆ้องตไี ด้กะบ่ดงั ย้ำนแตม่ ีเครือข้อง ทำงหลงั น้องดึงจอ่ ง ย่ำงแต่คองคอยผซู้ ้อน ทำงบ้ำนผอู้ ยู่คอย (หญิง) โอย…น้อ… อย่ำสิสงสยั ถ่อน ว่ำเมษำน้ำท่วมท่ง น้องนีค้ งปลอดอ้อยซ้อย เสมออ้อยกลำงกอ ผัดแม่นป่งหนอมำ กะบ่มีหนซู ้น ย้ำนแตค่ นจัง่ อ้ำย ถำมหลำยเป็นตำหน่ำย แนวสัจจะของอ้ำย ๆ สเิ ชอ่ื ได้ดอกซ่ำใด๋

42 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย (หญิง) โอย…น้อ… ซำวพรรษำสิคอยอยู่ แมน่ สิบปีสิคอยถ้ำ เหน็ แตอ่ ุแอ่งน้ำ ผฟู้ ังนั้นกะคิดถึง พอได้แนวดอกไปหว่ำน คนั่ บ่ได้เป็นคู่ เกษมม่นั คสู่ ุคน ถึงเวลำลำแล้ว ขอขอบคณุ ทกุ ท่ำน ๆ

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 43 กลอนลำเตย้ ผบู้ ำ่ วเกีย้ วผู้สำว ประพนั ธ์โดย บญุ จันทร์ เพชรเมืองเลย ทำนองลำเต้ย ------------------------------- โอยกะละว่ำน้อนำง (ชำย)อ้ำยอยู่หำงตำน้อง เจ้ำสิมองอ้ำยฮือบ่ หรอื ว่ำแถนป้ันแตง่ บ่พ้อ ท่อก้อยศอกคำวำ คันตืน่ กะอยำกเหน็ โลดหน้ำ แสงดำวน้อซู้พี่ เว้ำอหี ลีอ้ำยบ่มเี ล่น ทำงนอ้ งว่ำจ่ังใด โอยละพ่ชี ำยเอย คนเคยต๊ัวะเคยเว้ำ คนเมำเว้ำไปทวั่ ไผสิเชือ่ เฟือมำข้ำงฮั้ว แมน่ ไผนนั้ กะหวั่นกลวั คันผวั เพิน่ มำเล่นซู้ ปิดหปู ิดตำน้องเสี่ยง ใจอ้ำยมื่นปำนบักตมู เกลีย้ ง สิมำเลี้ยงกลุ้มบ่เด้ นั้นละนำ นวลนวลน่ำ ละน่ำนวลนวลน่ำ บกั ผีพวนเด็ดข้วนลึดโลด คันอ้ำยเปน็ โสดสิเดด็ ใจอำ้ ยไว้ มนั ขมในในคนั อ้ำยบ่เหลยี ว คันอ้ำยเทียวลวงใหส้ ำวซ้ำให้สำวซ้ำ (เต้ยพมำ่ ) อำ้ ยรกั แสงดำวมำนำน เชื่อเถิดตำหวำนดอกซ้อน กลิ่นเจำ้ หอมออนซอน ยำมกล่อมนอนอ้ำยชื่นใจ บ่มสี ำวใด มำเคียงข้ำงใจบ่มีบ่มี เช่อื อ้ำยเถอะนะคนดี ไม่เกินสำมปีสิไปสู่ขอ (เตย้ พม่ำ) ให้นอ้ งนั้นหลงคำรม ผชู้ ำยเอวกลมดมกลิน่ ว่ำหอม แล้วจะให้น้องนีย้ อม ไปเป็นของปลอมอยู่กินกับอ้ำย คันฮกั น้องหลำย สำวอน่ื เดินกลำยอย่ำงไปแลเหลียว ให้มนี ้องได้คนเดียว หำกอ้ำยมำเบีย้ ว ไม่เอำ ไม่เอำ (ลำเต้ยธรรมดำ) ข้ำวขึน้ นำขนึ้ เล้ำ ควำยเขำเล เบอะปำกเข้ำใส่ เข้ำใส่ เข้ำใส่ เข้ำใส่ กินข้ำวใหมก่ ะบ่คือกินก้อย กินน้ำอ้อยกะบ่คือน้ำน้ัน โอ้ยอัศจรรย์จริงแท้ โอ้ยอศั จรรย์จริงแท้

44 บุญจนั ทร์ เพชรเมอื งเลย กลอนลำเดิน ไหว้ครลู ำเดิน ประพันธ์โดย บญุ จันทร์ เพชรเมอื งเลย ทำนองลำเดินขอนแก่น ------------------------------- (เกริน่ ลำ) ผขู้ ้ำ….สำธเุ ด้อ …. ลกู ขอวันทำไหว้ บรมครูผู้สอนสั่ง….. ขอครบู ำให้มำนงั่ เทียมข้ำงอยู่ใกล้ใกล้ เทเวศเจ้ำ เฝำ้ ส่งเสริม เนรมิตกลอนลำเพิ่ม คอยเติมแตง่ แปลงทำงศิลป์ เทวดำองค์อินทร์ วันทำทูนเกศำไว้ ผขู้ ้ำลำขอถวยไท้ แมน่ พลำดเลือ่ มแนวใด ขอพรครูหยู่ให้ป่อง ให้ปัญญำใสส่อง คนไหลนอง ล้อมทวั่ หน้ำ ครบู ำเจ้ำ ให้ลำ่ แงง…..เออ…ละนำ (เพลง) ข้ำจักขอ วนั ทำนอ้ ม เทพศกั ดิส์ ิทธิ์ เนรมิต ปญั ญำแก้ว ให้ป่องใส เทเวศเจ้ำ พระยำยม อินทร์พรหมไซ้ ลำถวยไท้ เทวดำ พระยอดคน มีคำยอ้อ เซ่นยอครู ผสู้ อนศษิ ย์ ให้สถิต ปัญญำเกิด ไม่ฉงน ขันหำ้ พร้อม ซวยสี่ซ้อง ให้มำยล ขอจงดล กำยทิพย์เฮียง ผู้ข้ำลำ (ลำเดินขอนแก่น)คำใดข้ำม ยำมลำให้ป่อง ๆ คนช่นื ชม แซซ้อง พำกันย้อง ซ่ำกนั มำรภัยนั้น ให้บังเหตุ โรคำ สพั พะภยั หนำมหนำ อย่ำแล่นกุม มำใกล้ วันทำไหว้ องค์กษัตรยิ ์ ผเู้ ป็นใหญ่ คุ้มครองไทย ทว่ั หล้ำ ผนื แผน่ ฟ้ำ ให้ล่ำมอง อย่ำขดั ข้อง ให้เสียงลำ ห่ำวใส บูรณำกำรหมอลำไทย ซ่อยส่งพร มำซคู ้ำ (เพลง) ขอพรลำ ให้เจ้ำภำพ ลำภยศพร้อม ให้คนล้อม สรรเสริญ ผลักดนั หนนุ สัพพะโรค สัพพะภัย อย่ำได้ซนู ขอให้บญุ หนุนนำ แคล้วคำดภยั คำผญำ ปรำชญ์อีสำน สอนไว้วำ่ ควรบูชำ ครผู ู้สอน บ่มนสิ ัย เฮ็ดตำมฮีต ตำมคอง ตรกึ ตรองไว้ ศษิ ย์สิได้ ฮงู เฮือง ก้ำวเป็นนำย ครเู หมือนเทียน ส่องทำง ปัญญำเกิด ให้บรรเจิด เลิศล้ำ คำป่องใส ศษิ ย์มีครู ย่อมบรรลุ สิ่งหวังไว้ แมร้ ่ำเรียน วำทศำสตร์ใด ย่อมไหว้ครู (ลำเดินขอนแก่น) ฮูลึกตื้น ฝืนบืน บ่มที รวง หำกแมน่ ล่วง คำเว้ำ เหลยี วข้ำมล่ืนครู ภูเขำกั้น สงู ใหญ่ เทียมสวรรค์ กะปีนขึ้น ทันควร ทวนคำครูเว้ำ สำธุเจ้ำ เทวรำช ผู้เปน็ ใหญ่ เชญิ ลงมำสู่พ้ืน เฮียมเบือ้ ง เมืองคน พรหลำยล้น จงบงั เกิดเห็นผล ขอให้ครูซ่อยดล ยำมขนึ้ ลำ แสงฮูงจำ้

วรรณกรรมกลอนลำอสี ำน 45 กลอนลำเดิน พระธำตศุ รีสองรกั สัมพันธ์ฮักไทยลำว ประพันธ์โดย บญุ จันทร์ เพชรเมืองเลย ทำนองลำล่องสลบั ลำเดินขอนแก่น ----------------- คำสัญญำยังคงมัน่ สำยสมั พันธ์ยงั มน่ั แก่น อำณำจกั รสองแดน อยธุ ยำล้ำนช้ำง ยังเหนยี วแน่น บ่เสื่อมสูญ ฮักกันมำแต่พุ้น ลุ่นก่อนสเิ ปลีย่ นแปลง ไทยลำวเทียวเบิ่งแงง ฮกั แพงเป็นพีน่ อ้ ง เฮำท้ังสองผกู ใจมั่น สร้ำงพระธำตฮุ ่วมกนั ศรีสองรักน้ัน ให้เป็นชื่อ ประกำศก้องซ่ำลือ ผอื สัญญำใจไว้ คนได้ฮู้ ถ้วนทั่วแดน ควำมคบั ค่ังเคืองแค้น แนน่ องั่ บ่มเี ห็น ดัง่ สญั ญำเคยเปน็ ซุ่มเย็นท่ัวเมืองบ้ำน ไทยลำวเฮำจงึ บ่ย้ำน ไผรุกรำนแมแ้ ต่น่อย พระเจำ้ ไชยเชษฐำเพิน่ คอย ซ่อยดแู ลไพร่ฟำ้ ท้ังไทยพร้อมดอกดั่งกัน องค์พระธำตุศรสี องรกั น้ัน ป้ันก่ออิฐถือปูน จ่งั แนน่ หนำค้ำคูณ เปน็ หยง่ั บญุ เหน็ วนั นี้ องค์ระฆังทรงบวั เหลีย่ มเฮำแตก่ ี้ ของเพิน่ มลี ้ำนช้ำงเก่ำ คือพระธำตพุ นมตง้ั แตเ่ ค้ำ มูลผู้เฒ่ำเก่ำสืบมำ สตั ยำธิษฐำนไว้ ไผอย่ำล่วงล้ำดินแดน ให้ฮกั แพงหวงแหน สองฝั่งของไทยลำวไว้ ไทยฝั่งขวำลำวฝง่ั ซ้ำย ศนู ย์รวมใจยังคือเก่ำ พระธำตุศรสี องรกั ของเฮำ เทียวบูชำกรำบไหว้ จนฮอดแมน่ สู่วนั ยำมเดือนหกสู่ปีน้ัน มำฮ่วมกันฉลองบญุ องค์พระธำตุซ่อยค้ำคูณ หนุนนำบุญส่งหยู้ เสื้อเมอื งบ้ำนเพิ่นฮับฮู้ เข้ำทรงพอ่ ก้วนดู สอ่งสอด ฮอดสู่ป่อง เฮำเฮด็ ตำมครรลอง ผองโพยภัยผีกเว้น หำยเสี่ยงพ้นผ่ำนคีง ไทยลำวเฮำศรธั ำยิ่ง ยึดเป็นสิ่งผูกพันใจ แมน่ ้ำโขงบ่หยุดไหล ฮักลำวไทยบ่แปนฮ้ำง

46 บญุ จนั ทร์ เพชรเมอื งเลย พระธำตุศรสี องรักยงั เคียงข้ำง อยู่กลำงใจยังเช่ือมตอ่ พยำนฮกั ยงั หมุ้ หอ่ ใส่พระธำตฮุ ักษำไว้ ให้เฮำไหว้อยู่บ่เซำ ไทยลำว เฮำ พีน่ อ้งเอย ทำนองลำเดินขอนแก่น (เพลง) พระธำตุศร/ี สองรัก/คู่เมอื งบ้ำน ย้อนเหตุกำรณ์/ที่ด้ำนซ้ำย/สองฝ่ังโขง หลวงพระบำง/ย้ำยถิ่นฐำน/จงึ เชือ่ มโยง สืบดำรง/ เผำ่ พันธุ์/ทีเ่ มืองเลย พระไชย/เชษฐำ/กษัตรยิ ์เจ้ำ คุ้มครองเรำ/ผูกสัมพันธ์/ไม่นิง่ เฉย สัตยำ/ธิษฐำน/ไม่ละเลย ไม่เฉยเมย/ให้ใครล้ำ/ดินแดนไทย (ลำเดินขอนแก่น) ไผบ่ได้/บ่ได้เฮด็ ตำมสัญญำว่ำ ให้ผิดผแี ถนฟ้ำ/มลำยสนิ้ /เสือ่ มสูญ ตั้งแตพ่ ุ้น/ไทยลำวจง่ึ /ฮักหอม ถนอมแพงกันมำ/จนสู่วันนี้ มีโขงก้ัน/โขงกนั /บ่ลืมกนั น้องพี/่ สัมพันธ์ไมตร/ี มนั ยำกที่ขำดดุ้น/มุ่นมำ้ ง/จำงหำย ไปด้ำนซ้ำย/สิเหน็ สิง่ ประจักษ์/พระธำตุศรีสองรัก/ผกู ใจ/ไทยลำวไว้ (เพลง) ไม่ไกล/ไปชม/กำรละเล่น งำนโดดเด่น/ด่ำนซ้ำย/ผตี ำโขน อดีตก่อน/เรยี กว่ำ/ผตี ำมคน เพรำะปะปน/คนแห่/เจำ้ เข้ำเมอื ง เวสสนั ดร/ชำดก/ทศชำติ ได้โอกำส/คืนนคร/อำวรณ์เสียง สัตว์นอ้ ยใหญ่/ออดออ้ น/ส่งสำเนียง แหเ่ ข้ำเมือง/ท้ังผปี ่ำ/เดินตำมคน (ลำเดินขอนแก่น) ย่ำงตำมก้น/ ตำมก้น/ผีตำโขน/เพิน่ ว่ำ ได้สบื ทอดมำ/ปู่ย่ำเยอ/ครำวพุ้น/เครือเขำกำด/บงั แสง บ่อนแหง้ แล้ง/สอิ ดุ มสมบรู ณ์/คนั่ ฮู้คณุ ของผ/ี ให้เฮด็ ดี/เอำไว้ เพิน่ สิให้/พรประสงค์ดง่ั คิด/ใหช้ ีวติ รำบร่นื /อุดมถ้วนสู่แนว เฮ็ดบุญแล้ว/สไิ ด้ทรวง/กำยใจ/ผีตำโขน/บ่ไกล/เมือเลย/เชิญเด้อท่ำน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook