วตั ถุประสงค์ เนื้อหา / ระดบั ช้ัน จดั ทาโดย กจิ กรรมการเรียนการสอน
วตั ถุประสงค์หลงั จากท่นี ักเรียนได้ศึกษาเกยี่ วกบั อกั ษรนาแล้วจะสามารถo สามารถบอกความสาคญั ของอกั ษรนาได้o สามรถอธิบายความหมายขออกั ษรนาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งo สามารถอา่ นออกเสียงไดถ้ ูกตอ้ งo สามารถเขียนคาอกั ษณนาได้
เนื้อหา / ระดบั ช้ันระดบั ช้ัน ประถมศึกษาปี ที่ 4 ความสาคญั ของอกั ษรนา ความหมายของอกั ษรนา การออกเสียง การเขยี น
จดั ทาโดย• นายธนกร ผลผิ ล• รหัส 6021156010• สาขาเทคโนโลยแี ละส่ือสารการศึกษา• คณะครุศาสตร์• มหาวิทยาลยั ราชภฏั บ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา
๑.ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน ๒.ข้นั ดาเนินการสอน ๓.ข้นั วเิ คราะห์และฝึ กปฏิบตั ิ๔.ข้นั สรุป ๕.ข้นั วดั และประเมณิ ผล
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียนความสาคญั ความหมายการออกเสียง การเขยี น
ข้นั ดาเนินการสอน ความสาคญัคาอกั ษรนามีความสาคญั ในฐานะที่ช่วยใหภ้ าษาไทยมีคาสาหรับใชส้ ่ือสารเพิ่มมากข้ึน เราจะพบวา่ คาท่ีมีพยญั ชนะตน้ เป็นอกั ษรต่าเดี่ยว (อกั ษรต่าเดี่ยวมี ๑๐ ตวั คือ ม ง ย ญ ล ว น ณ ร ฬ) เช่น งา นา มา จะผนัเสียงวรรณยกุ ตไ์ ดเ้ พยี ง ๓ เสียง ถา้ ตอ้ งการใหผ้ นั ครบ ๕ เสียง จะตอ้ งนาดว้ ยอกั ษรสูง โดยทว่ั ไปจะใชต้ วั\" ห \" นาหนา้คาอกั ษรต่าเดี่ยวเหล่าน้นั เช่น นา น่า นา้ เม่ือนา \"ห\" มาประสมขา้ งหนา้ ใหเ้ ป็นคาอกั ษรนา จะผนั เสียงได้เป็น ๕ เสียง นา หน่า หนา้ นา้ หนา นา หน่า น่า นา้ หนา
ความหมายคาอกั ษรนา คือ คาที่มีพยญั ชนะ ๒ ตวั ประสมสระเดียวกนั มีหลกั การอ่านดงั น้ี ๑. อา่ นออกเสียงร่วมกนั สนิทเป็นพยางคเ์ ดียว ไดแ้ ก่ ๑.๑ เมื่อ ห นาอกั ษรต่า เช่น หยดุ หวาน หลอก หญิง เหงา หรูหรา ๒.๒ เมื่อ อ นา ย มี ๕ คา คือ อยา่ อยู่ อยา่ ง อยาก ๒. อ่านออกเสียง ๒ พยางค์ พยางคแ์ รกออกเสียง อะ ก่ึงเสียง พยางคห์ ลงั ออกเสียงตามสระที่ประสมอยแู่ ละออกเสียงเหมือน ห นา๒.๑ อกั ษรสูงนาอกั ษรตา่ เดยี่ ว ๒.๒ อกั ษรกลางนาอกั ษรตา่ เดี่ยว
๒.๑ อกั ษรสูงนาอกั ษรต่าเด่ยี วสมาน อ่านวา่ สะ - หมาน ถวาย อ่านวา่ ถะ – หวาย อกั ษรสูงนาอกั ษรต่าเดี่ยวผนวช อ่านวา่ ผะ - หนวด สงวน อ่านวา่ สะ - หงวน มิใช่ ผะ – นวด อยา่ งท่ีเคยใช้สนอง อ่านวา่ สะ - หนอง ตลาด อ่านวา่ ตะ - หลาด อกั ษรกลางนาอกั ษรต่าเด่ียวผนวก อ่านวา่ ผะ - หนวก ผยอง อ่านวา่ ผะ - หยอง มิใช่ ตะ - ลาดอยา่ งที่เคยทาถนอม อ่านวา่ ถะ - หนอม ขยาย อ่านวา่ ขะ - หยายผนึก อ่านวา่ ผะ - หนึก ฉลาม อ่านวา่ ฉะ - หลาม ผะ –หนวด(ผนวช)ตวั เดียวเสียงกเ็ ปล่ียนไปจมูก อ่านวา่ จะ – หมูก สมุด อ่านวา่ สะ - หมุด เสียง “น” เปลี่ยนไปตามอกั ษรนาจรัส อ่านวา่ จะ - หรัด ตะ – หลาด(ตลาด)ตวั เดียวเสียงกเ็ ปล่ียนคา ฝึกจดฝึกจาเอาไวใ้ หด้ ี
๒.๒ อกั ษรกลางนาอกั ษรตา่ เด่ียว แต่ สะ – บาย(สบาย)ไม่ใช่อกั ษรนา เสียง “อะ” ไม่ประวสิ รรชนีย์องุ่น อ่านวา่ อะ - หงุ่น จมูก อ่านวา่ จะ - หมูกตลาด อ่านวา่ ตะ - หลาด ปรอด อ่านวา่ ปะ - หรอด เมื่อแยกคาอ่าน สะ – บาย คงท่ีตลก อ่านวา่ ตะ - หลก ตลอด อ่านวา่ ตะ –หลอด ก่ึงเสียงเท่าน้ีไม่มี “ห” นาตล่ิง อ่านวา่ ตะ - หล่ิง อนาถ อ่านวา่ อะ - หนาดกนก อ่านวา่ กะ – หนก กฤษณา อ่านวา่ กริด – สะ-หนา หากตวั “ห” นาอกั ษรต่าเดี่ยว เสียงที่เปล่ียนไปคืออกั ษรต่า หากมี “อ” นาอกั ษรต่าเดี่ยว ”อยา่ อยู่ อยา่ ง อยาก” สี่คาเท่าน้ี เสียง “อะ” ไม่เก่ียวกลมเกลียวทุกคา ไม่มีเง่ือนงาฝึกจาใหด้ ี เหมือน “ห” นาเชียวเหมือนกนั เลยนี่ หลกั การที่มีจาใหข้ ้ึนใจ
การออกเสียงการออกเสียง จะออกเสียงพยญั ชนะสองตวั ผสมกนั คนละคร่ึง พอแยกออกไดว้ า่ พยญั ชนะอะไรผสมกนั แต่การผสมน้ีจะไม่สนิทเท่าอกั ษรควบแท้ มียกเวน้ อยสู่ องกรณี ท่ีจะไม่ออกเสียงพยญั ชนะอีกตวั ไดแ้ ก่ตวั ห เมื่อเป็นตวั นาอกั ษรเด่ียว ไม่ตอ้ งออกเสียงคนละคร่ึงเหมือนอกั ษรนาอื่น ๆ แตใ่ หอ้ อกเสียงประสมกนั สนิทเหมือนอกั ษรควบแท้ เช่น หนู หมอ ใหญ่ ฯลฯตวั อ เม่ือนาหนา้ ตวั ย ไม่ตอ้ งออกเสียงเหมือนอกั ษรนาธรรมดา ใหอ้ อกเสียงทานองเดียวกบั ห นา แต่เป็นเสียงอกั ษรกลาง คือ อยา่ อยู่ อยา่ ง อยาก มี 4 คาเท่าน้นัถา้ พยญั ชนะขา้ งหนา้ เป็นอกั ษรกลางหรืออกั ษรสูง แลว้ พยญั ชนะขา้ งหลงั เป็นอกั ษรต่าที่เป็นอกั ษรเดี่ยว เวลาอ่านใหผ้ นัเสียงอกั ษรต่าน้นั เป็นเสียงสูงตามอกั ษรที่เป็นตวั นา แตถ่ า้ พยญั ชนะขา้ งหนา้ เป็นอกั ษรต่า หรือพยญั ชนะขา้ งหลงั ไม่ใช่อกั ษรต่าที่เป็นอกั ษรเดี่ยว ใหอ้ ่านออกเสียงพยญั ชนะน้นั ตามปกติเม่ืออกเสียงจะตอ้ งมีคาควบกล้าผสมอยดู่ ว้ ย
การเขยี นจะเขียนพยญั ชนะตวั แรกตามดว้ ยพยญั ชนะตวั ที่สอง โดยพยญั ชนะตวั แรกอาจจะเป็นอกั ษรหมู่ใดกไ็ ด้เช่นเดียวกบั พยญั ชนะตวั หลงั โดยถา้ ตวั หลงั เป็นอกั ษรเด่ียว พยญั ชนะตวั แรกกจ็ ะบงั คบั ใหผ้ นั พยญั ชนะตวั ที่สองข้ึนเสียงสูงสระตวั ใดท่ีใชเ้ ขียนไวข้ า้ งหนา้ กต็ อ้ งเขียนไวข้ า้ งหนา้ อกั ษรนาเหมือนอกั ษรธรรมดา เช่น เขนย แสยงไฉน ฯลฯ สระตวั ใดใชเ้ ขียนคร่อม กต็ อ้ งเขียนคร่อมอกั ษรนาเหมือนอกั ษรธรรมดาดว้ ย เช่น เฉลียวเขยบิ ฯลฯ สระท่ีใชเ้ ขียนไวข้ า้ งบน ขา้ งล่าง และหลงั พยญั ชนะ รวมท้งั รูปวรรณยกุ ตด์ ว้ ย ใหเ้ ขียนไวท้ ี่ตวั ที่ 2 ของอกั ษรนา เช่น สระ สมิง ฉลุ ฯลฯ ท้งั น้ีแสดงใหเ้ ห็นวา่ แมจ้ ะเขียนคู่กนั เป็น 2 ตวั กต็ อ้ งถือวา่ไดป้ ระสมเป็นตวั เดียวกนั แลว้ เพราะเราไม่มีการเขียนพยญั ชนะ 2 ตวั ใหเ้ ป็นตวั เดียวกนั ไดเ้ หมือนพยญั ชนะบาลีและสนั สกฤต
เมื่อ ห นาอกั ษรตา่ เม่ือ อ นา ยหยุด หวาน อย่า อยู่ หรูหรา อย่าง
แบบทดสอบจงเลือกคาตอบทถี่ ูกต้องทส่ี ุดขอ้ ท่ี ๑.ขอ้ ใดกล่าวผดิ เก่ียวกบั อกั ษรนา ก. คาที่มี ห นาพยญั ชนะตน้ ตวั ท่ี สอง ข. คาที่มี อ นาพยญั ชนะตน้ ตวั ท่ี สอ ค. คาท่ีมีพยญั ชนะตน้ ตวั แรกและตวั ที่สองออกเสียงพร้อมกนั ง. คาที่มีพยญั ชนะตน้ ออกเสียง อะ คร่ึงเสียง
ขอ้ ที่ ๒. ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ งเก่ียวกบั อกั ษรนา ก. มีพยญั ชนะ อ นาตวั ร, ล, ว ข. คาที่มี อ นา ย มีท้งั หมด ๕ คา ค. มีวธิ ีการอา่ นแบบเดียวคือ ออกเสียงร่วมกนั สนิทกนั เป็นพยางคเ์ ดียว ง. คาวา่ หมู อยู่ ขนม เป็นอกั ษรนาท้งั หมดขอ้ ที่ ๓. คาในขอ้ ใดไม่เขา้ พวก ก. หนู ข. อยาก ค. แกร่ง ง. ตลก
ขอ้ ที่ ๔. คาในขอ้ ใดเป็นอกั ษรนาทุกคา ก. หญา้ ทรง หลบั ข. อยา่ ถนน ตลาด ค. เหมือน ไทร สร้อย ง. ศรี หลง หนาวขอ้ ท่ี ๕. ขอ้ ใดอา่ นถูกตอ้ ง ก. หลบั อา่ นวา่ หะ-ลบั ข. อยู่ อา่ นวา่ อะ-ยู่ ค. ผนวช อา่ นวา่ ผะ-หนวด ง. ถนน อา่ นวา่ ถะ-นน
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: