Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กือเลาะห์ โรงเรียนบ้านกลูบี

กือเลาะห์ โรงเรียนบ้านกลูบี

Published by suwi.nuhan, 2020-08-10 03:08:18

Description: KELOH MODEL โรงเรียนบ้านกลูบี

Search

Read the Text Version

การจดั การเรียนรทู้ ี่เหมาะสมกับบรบิ ทของสถานศกึ ษา “KELOH MODEL” โรงเรียนบา้ นกลูบี อาเภอศรสี าคร จงั หวดั นราธิวาส 1. ความเป็นมา การจัดการเรียนการสอน “ตามพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา” สนามปฏิบัติการการเปล่ียนแปลง การศึกษาของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลในการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ ลดความเลื่อมล้า มุ่งพัฒนาคนไทยให้เรียนรไู้ ดเ้ ตม็ ตามศักยภาพ ตรงตามความต้องการของพื้นท่ี เน้นการมสี ว่ นร่วมของทุกภาค ส่วนนั้น โรงเรียนบ้านกลูบี ได้คิดค้นนวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน เน่ืองจากนักเรียนส่วนใหญ่อยู่ห่างไกลจากโรงเรียน การเดินทางมาโรงเรียนของนักเรียนบางส่วน ค่อนข้างลา้ บาก โดยเฉพาะชว่ งฤดูฝน และผปู้ กครองไม่ค่อยมีเวลาดแู ลนกั เรียน เน่อื งจากตอ้ งทา้ งานประกอบ อาชีพ ส่งผลให้นักเรียนบางส่วนมีผลการเรียนอยู่ในระดับพอใช้ และเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนมีผลการเรยี นท่ีดขี ึ้น ทางโรงเรียนบ้านกลูบี จึงใช้กระบวนการ KELOH MODEL ซ่ึงเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับ บริบทพ้ืนที่ของโรงเรียน โดยน้าวิทยากรท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินมาฝึกฝนให้ความรู้แก่นักเรียน และน้าสิ่งที่มีอยู่ใน ทอ้ งถิน่ มาจัดทา้ เปน็ องค์ความรู้ ฝกึ อาชีพ และพัฒนาให้นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้และอนุรกั ษ์สิ่งท่ีมีอยู่ในทอ้ งถนิ่ ให้คง อยตู่ ่อไป 2. หลักการและเหตผุ ล การจัดการศึกษามีความส้าคัญอย่างย่งิ โดยเฉพาะโรงเรียนซึ่งเป็นสถานท่ีที่ให้ความรกู้ ับนักเรียน จึง ต้องมกี ารพัฒนาท้ังทางด้านการจัดกระบวนการเรียนการสอน ทกั ษะตา่ งๆให้ทนั สมยั อยู่เสมอ เพื่อใหน้ กั เรียน เป็นคนดี คนเกง่ มีความรู้ และมคี ุณภาพ รัฐบาลมีการปฏริ ูปการศึกษาและการเรียนรู้ มีการแบ่งพน้ื ท่ีนวตั กรรม ลดความเล่ือมล้า มงุ่ พัฒนาคน ให้เรียนรู้ได้เต็มตามศกั ยภาพ ตรงตามความตอ้ งการของพนื้ ท่ี ทางโรงเรียนบ้านกลูบี จึงได้คิดค้นนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน โดยการน้าความรู้เกี่ยวกับ ปลากือเลาะห์ ซ่ึงเป็นปลาท่ีมีชื่อเสียงในพื้นที่อ้าเภอศรีสาคร มาจัดท้าเป็นเอกสารประกอบการจัดการเรียน การสอน และน้าวิทยากรท่ีมีความสามารถทางด้านทักษะการแกะสลักงานไม้ท่ีมีอยู่ในท้องถิ่น มาฝึกฝนให้ ความรแู้ ก่นักเรียน และเปน็ การปลูกจิตสา้ นึก ให้นกั เรียนรักและหวงแหนสง่ิ ที่มอี ยใู่ นทอ้ งถน่ิ ของนักเรียนให้คง อยตู่ อ่ ไป

3. วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนมที ักษะในการประกอบอาชพี 2. เพือ่ ใหน้ กั เรียนมจี ติ ส้านึกทดี่ ี รกั และหวงแหนในสิ่งท่มี ีอยู่ในทอ้ งถนิ่ 3. เพ่ือแก้ปัญหาการอา่ นไมอ่ อก เขยี นไมถ่ กู ตอ้ งของนักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1-6 4. เพื่อยกระดับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1-6 ให้สูงขึน้ 4. กลมุ่ เปา้ หมาย นกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1-6 โรงเรยี นบา้ นกลบู ี อา้ เภอศรีสาคร จังหวดั นราธวิ าส 5. หลักการ แนวคดิ และทฤษฎี 5.1 บรบิ ทของสถานศึกษา/ชุมชน โรงเรียนบ้านกลบู ี ตั้งอยใู่ นหม่ทู ่ี 4 ตา้ บลซากอ อ้าเภอศรีสาคร จงั หวดั นราธิวาส มีเนือ้ ทที่ ้งั หมด 4 ไร่ 2 งาน เปิดสอนระดับช้ันอนุบาลปีท่ี 1 ถึงช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนท้ังหมด 413 คน เป็นโรงเรียน ขนาดใหญ่ มสี ภาพพื้นทีส่ ว่ นใหญ่เป็นป่าทึบและภูเขาสลับซับซ้อน เป็นแนวเขตของป่าบาลาฮาลา มพี นื้ ที่ราบ สูงทางทิศตะวันออกอยู่ในต้าบลศรีบรรพตและต้าบลเชิงคีรี บางส่วนประกอบด้วยพน้ื ท่ีป่าไม้เป็นจ้านวนมาก มแี มน่ ้าสายบรุ เี ปน็ แม่นา้ สายหลักไหลผา่ นกลางพน้ื ทอ่ี ้าเภอตลอดแนว ข้อมลู เกี่ยวกับชุมชน ลักษณะของชุมชนที่โรงเรียนต้ังอยู่ มีประชากรประมาณ 1,013 คน ประชากรนับถือศาสนาอิสลาม 100 % ใช้ภาษาถิ่นยาวีในการสื่อสาร ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม สภาพเศรษฐกิจค่อนข้างยากจน รายได้ ของประชาชนต่อหัวเท่ากับ 2,000 บาทต่อปี ชุมชนมีความสัมพันธก์ ับสถานศึกษาค่อนข้างดีมีส่วนร่วมในการ บริหารจัดการสถานศึกษาและสภาพชุมชนปลอดจากสารเสพติด โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากชุมชนเป็น อยา่ งดใี นการพัฒนาโรงเรยี น การระดมทรพั ยากรทางการศึกษา ทา้ ให้โรงเรยี นได้รับการพัฒนาและสนับสนุน ในเรื่องการจดั การศึกษาเป็นอย่างดี ข้อจ้ากัดของโรงเรยี น คือ ผู้ปกครองนักเรยี นส่วนใหญ่มีอตั ราการย้ายถน่ิ เพื่อประกอบอาชีพบ่อย ท้าให้นักเรียนต้องย้ายติดตามผู้ปกครองหรือต้องอาศัยอยู่กับตายาย จึงส่งผลให้ นกั เรียนบางคนเปน็ เดก็ ที่มปี ญั หาและเรยี นไมต่ อ่ เนอ่ื ง เป็นต้น 5.2 แนวคิดและทฤษฎที นี่ ามาใช้ 1. ทฤษฎีการสอนของกาเย่ เป็นแนวคิดการเรียนรู้ท่ีเป็นล้าดับข้ันและผู้เรียนต้องเรียนรู้ เนอื้ หาจากง่ายไปหายาก 2. แนวคิดของบลูม กล่าวถึงธรรมชาติของผู้เรียนแต่ละคนว่ามีความแตกต่างกัน ผู้เรียนจะ สามารถเรยี นรู้เนอื้ หาในหนว่ ยย่อยต่างๆได้ โดยใช้เวลาเรยี นทแี่ ตกต่างกัน 3. ทฤษฎีพฤติกรรมนยิ มของสกินเนอร์ บุคคลเรียนรู้ด้วยการกระท้า โดยมีตัวเสริมแรงเปน็ ตัวการ

4. ทฤษฎีลองผิดลองถกู ของธอร์นไดด์ สรุปเกณท์การเรยี นรู้ คอื - กฎความพรอ้ ม หมายถงึ การเรยี นรเู้ กิดขึ้นเม่อื บุคคลพร้อมที่จะทา้ - กฎผลท่ีได้รับ หมายถึง การเรียนรู้จะเกิดข้ึน เม่ือบุคคลกระท้าซ้าและย่ิงท้ามาก ความช้านาญจะเกิดข้นึ ไดง้ า่ ย 5. ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligence) ของ Howard Gardner ค้านึงถึงความ แตกต่างทางสติปัญญาของเด็ก ซ่ึงแต่ละคนมีวธิ ีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิผลแตกต่างกนั ทุกคนมีสติปัญญาทั้ง 8 ด้าน ท้ังท่ีอาจจะมากหรือน้อยที่แตกต่างกันไป บางคนอาจะสูงทุกด้าน บางคนอาจจะสูงเพียงด้านเดียวหรือ สองด้าน ส่วนด้านอื่นๆปานกลาง ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงข้ึนถึงระดับใช้การได้ ถ้ามีการ ฝึกฝนท่ีดี มีการให้ก้าลังใจท่ีเหมาะสมในสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ และปัญญาด้านต่างๆสามารถ ทา้ งานรว่ มกันได้ 6. แนวทาง/รปู แบบการพฒั นาการจัดการเรียนรู้ โรงเรียนบา้ นกลบู ีไดด้ ้าเนินการพัฒนาการเรียนรู้ของโรงเรียนโดยใช้กระบวนการ “KELOH MODEL” โดยมีกระบวนการ ดงั นี้ 1. Knowledge ก้าหนดการจัดการเรียนรู้ 1.1 การวางแผนการเรยี นรู้ โดย 1) ศึกษาหลกั สตู ร จดุ เน้น นโยบายท่เี ก่ยี วกบั การศกึ ษา 2) จดั ท้าแผนการเรียนรู้ 3) พัฒนาสือ่ นวัตกรรม 1.2 ใชน้ วตั กรรมในการจัดการเรยี นการสอน - เนน้ นักเรียนเป็นส้าคัญ - บูรณาการภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน 1.3 วดั ผลประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ และประเมินความพงึ พอใจ 1.4 มกี ารปรบั ปรุง ทบทวน พัฒนา และแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 2. Ethics ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยสอดแทรกคุณธรรมให้กับนักเรียน เน้นโครงงานคณุ ธรรม 3. Learning โรงเรียนจัดการเรียนการสอนโดยมุ่งวิชาการ และสานทักษะอาชีพ โดยแบ่งนักเรียน ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลมุ่ ความถนดั ดา้ นวิชาชีพ โดยจดั เป็นกจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร 2. กลุม่ พัฒนาดา้ นการอา่ นออกเขียนได้ ซง่ึ แบ่งนกั เรียนออกเป็น 3 กลุ่มยอ่ ย ไดแ้ ก่ 2.1 กล่มุ สีแดง คือ กลุ่มนักเรยี นที่อา่ นหนงั สือไมอ่ อก เขียนไม่ได้ และคิดวเิ คราะห์ ไมเ่ ปน็ 2.2 กลมุ่ สเี หลือง คือ กลุ่มนักเรียนทอี่ ่านไมค่ ล่อง เขียนไม่คล่อง และคิดวเิ คราะห์ ไม่เป็น 2.3 กลมุ่ สีเขียว คอื กลมุ่ นกั เรยี นทอ่ี า่ นหนังสือคล่อง เขยี นคลอ่ ง คดิ วิเคราะห์เป็น

กล่มุ ท่ี 1 หรือกลุม่ สแี ดง มจี ดั การพฒั นาการเรยี นรูเ้ พือ่ ส่งเสรมิ ใหน้ ักเรียนอ่านออกเขียนได้ โดยใช้สื่อ หน้าเดียว โดยส่อื จะมีรูปแบบการฝกึ อ่านค้าซ้าๆเพื่อฝึกทบทวนให้นักเรียนได้มีทกั ษะการจ้า และมกี ารฝึกอ่าน แบบแจกลกู สะกดค้า กล่มุ ท่ี 2 หรือกลุ่มสเี หลอื ง มจี ัดการพฒั นาการเรียนรเู้ พ่อื ส่งเสริมให้นักเรียนอา่ นออกเขียนได้ โดยใช้ แบบฝกึ การอา่ นและการเขยี น เพื่อฝกึ ฝนใหน้ กั เรียนมีพัฒนาการในการอ่านและการเขียนที่ดีขน้ึ กลมุ่ ท่ี 3 หรอื กลมุ่ สีเขยี ว มีการจดั การเรยี นรู้ที่สง่ เสรมิ ทักษะการอ่าน การเขยี น และการคิดวเิ คราะห์ โดยใชแ้ บบฝกึ การอ่านและการเขยี นท่มี คี วามยากกวา่ กล่มุ สีเหลอื ง 7. ผลการพฒั นาการเรียนรู้ 1. นกั เรียนให้ความรว่ มมือในการท้ากิจกรรมเป็นอย่างดี มีความกระตือรอื รน้ และสนใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 2. นกั เรยี นมีการพัฒนาทักษะด้านการอ่านและการเขยี นที่ดีขน้ึ 3. นักเรยี นได้แสดงศักยภาพของตนเองตามความถนัดและความสนใจ 4. ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 1-6 สูงข้ึน 5. นักเรยี นมจี ิตส้านึกทดี่ ี รกั และหวงแหนในสิ่งทมี่ ีอยู่ในทอ้ งถ่ิน 8. ปญั หา/อุปสรรคของการพัฒนาการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นขาดเรยี นบ่อย ท้าใหข้ าดความต่อเน่อื งในการเรยี นการสอน 2. นกั เรียนไม่กลา้ แสดงออก ขาดความมนั่ ใจในตนเอง 3. เวลาไม่เพยี งพอตอ่ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. นกั เรยี นบางคนไม่เข้าใจการสือ่ สารภาษาไทย 5. นกั เรียนแต่ละคนมีความพรอ้ มไมเ่ ทา่ กัน ทั้งดา้ นสงั คม อารมณ์ สตปิ ญั ญา เศรษฐกจิ ความสามารถ ท่แี ตกตา่ งกนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook