การจดั การเรยี นรทู้ เ่ี หมาะสมกับบรบิ ทของสถานศกึ ษา KELOH MODEL โรงเรียนบ้านกลูบี อาเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๑
ความเปน็ มา
หลกั การและเหตผุ ล
วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อใหน้ ักเรียนมีทกั ษะในการประกอบอาชีพ 2. เพอื่ ให้นกั เรียนมจี ติ สานึกทีด่ ี รกั และหวงแหนในสง่ิ ทมี่ ีอยใู่ นท้องถน่ิ 3. เพื่อแกป้ ญั หาการอา่ นไม่ออก เขียนไมถ่ ูกตอ้ งของนกั เรียน ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1-6 4. เพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของนกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษา ปีท่ี 1-6 ใหส้ งู ข้นึ
กล่มุ เป้าหมาย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1-6 โรงเรียนบ้านกลบู ี อาเภอศรสี าคร จงั หวดั นราธวิ าส
หลกั การ แนวคดิ และทฤษฎี บรบิ ทของสถานศึกษา โรงเรียนบา้ นกลบู ี ต้งั อยใู่ นหมู่ที่ 4 ตาบลซากอ อาเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส มีเนื้อท่ีทั้งหมด 4 ไร่ 2 งาน เปิดสอนระดับช้ันอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนท้ังหมด 413คน เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ และภูเขาสลับซับซ้อน เป็นแนวเขตของป่าบาลาฮาลา มีพ้ืนที่ราบสูงทางทิศ ตะวันออกอยู่ในตาบลศรีบรรพตและตาบลเชิงคีรี บางส่วนประกอบด้วยพ้ืนที่ป่าไม้ เป็นจานวนมาก มแี ม่นา้ สายบุรเี ปน็ แมน่ า้ สายหลักไหลผา่ นกลางพน้ื ทีอ่ าเภอตลอด
หลกั การ แนวคดิ และทฤษฎี ขอ้ มูลเก่ยี วกบั ชมุ ชน ลักษณะของชุมชนท่ีโรงเรียนตั้งอยู่ มีประชากรประมาณ 1,013 คน ประชากรนับถือศาสนาอิสลาม 100% ใช้ภาษาถ่ินยาวีในการส่ือสาร ส่วนใหญ่มี อาชพี เกษตรกรรม สภาพเศรษฐกิจคอ่ นข้างยากจน รายได้ของประชาชนต่อหัวเท่ากับ 2,000บาทต่อปี ชุมชนมีความสัมพันธ์กับสถานศึกษาค่อนข้างดีมีส่วนร่วมในการ บริหารจัดการสถานศึกษาและสภาพชุมชนปลอดจากสารเสพติด โรงเรียนได้รับความ รว่ มมอื จากชุมชนเปน็ อยา่ งดใี นการพฒั นาโรงเรียน การระดมทรัพยากรทางการศึกษา ทาให้โรงเรียนได้รับการพัฒนาและสนับสนุนในเรื่องการจัดการศึกษาเป็นอย่างดี ขอ้ จากดั ของโรงเรยี น คอื ผู้ปกครองนักเรียนส่วนใหญ่มีอัตราการย้ายถ่ินเพ่ือประกอบ อาชีพบ่อย ทาให้นักเรียนต้องย้ายติดตามผู้ปกครองหรือต้องอาศัยอยู่กับตายาย จงึ สง่ ผลใหน้ ักเรยี นบางคนเปน็ เด็กท่มี ปี ัญหาและเรียนไมต่ อ่ เน่ือง เป็นต้น
หลกั การ แนวคดิ และทฤษฎี 1. ทฤษฎีการเรียนรู้ 8 ข้ันของกาเย่ (Gagne) 2. ทฤษฎีการเรยี นรู้ของบลมู (Bloom’s Taxonomy) 3. ทฤษฎีการเรียนรู้ของสกินเนอร์ (Skinner) 4. ทฤษฎกี ารเชอ่ื มโยงของธอรน์ ไดค์ (Thorndike’Connectionism Theory) 5. ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligence) ของ Howard Gardner
แนวทาง/รปู แบบการพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านกลูบี ได้ดาเนนิ การพฒั นาการเรยี นรู้ของโรงเรยี นโดยใชก้ ระบวนการ “KELOH MODEL” โดยมีกระบวนการ ดังน้ี Knowledge Ethics Learning Opportunity Head Heart Hand Health
แนวทาง/รูปแบบการพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ 1. Knowledge กาหนดการจดั การเรยี นรู้ 1.1 การวางแผนการเรยี นรู้ โดย 1) ศึกษาหลักสูตร จุดเน้น นโยบายจังหวัดนราธิวาสที่เก่ียวกับ การศกึ ษา 2) จัดทาแผนการเรยี นรู้ 3) พฒั นาส่ือนวตั กรรม 1.2 ใชน้ วัตกรรมในการจัดการเรยี นการสอน - เน้นนักเรยี นเปน็ สาคัญ - บูรณาการภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่ 1.3 วดั ผลประเมนิ ผลตามสภาพจริง และประเมนิ ความพึงพอใจ 1.4 มกี ารปรบั ปรงุ ทบทวน พฒั นา และแลกเปลยี่ นเรยี นรู้
แนวทาง/รปู แบบการพัฒนาการจดั การเรียนรู้ 2. Ethics ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม จัดกิจกรรม การเรียนรู้โดยสอดแทรกคุณธรรมให้กับนักเรียนเน้น โครงงานคณุ ธรรม
แนวทาง/รูปแบบการพฒั นาการจัดการเรียนรู้ 3. Learning โรงเรียนจัดการเรียนการสอนโดยมุ่งวิชาการ และสานทักษะอาชีพ โดยแบ่ง นกั เรยี นออกเป็น 2 กล่มุ คอื 1. กลุม่ ความถนัดดา้ นวิชาชีพ โดยจัดเปน็ กจิ กรรมเสริมหลกั สูตร 2. กลุ่มพฒั นาด้านการอ่านออกเขยี นได้ ซึ่งแบง่ นกั เรยี นออกเปน็ 3กล่มุ ยอ่ ย ได้แก่ 2.1 กล่มุ สแี ดง คอื กลุม่ นักเรียนท่อี ่านหนงั สือไม่ออก เขยี นไมไ่ ด้ และคดิ วเิ คราะหไ์ ม่เป็น 2.2 กลมุ่ สีเหลอื ง คอื กล่มุ นักเรียนทอ่ี า่ นไม่คล่อง เขียนไม่คลอ่ ง และคิด วเิ คราะห์ ไม่เป็น 2.3 กลุ่มสเี ขยี ว คือ กล่มุ นกั เรียนที่อ่านหนงั สือคล่อง เขียนคล่อง คิดวเิ คราะห์เป็น
แนวทาง/รูปแบบการพัฒนาการจัดการเรยี นรู้ กลุม่ ท่ี 1 หรอื กลมุ่ สแี ดง มีจัดการพฒั นาการเรยี นรเู้ พ่อื ส่งเสริมใหน้ ักเรยี นอา่ น ออกเขยี นได้ โดยใชส้ ื่อหนา้ เดยี ว โดยสือ่ จะมรี ปู แบบการฝึกอ่านคาซา้ ๆเพอ่ื ฝึกทบทวนให้ นักเรยี นไดม้ ที ักษะการจา และมกี ารฝึกอ่านแบบแจกลกู สะกดคา กลุม่ ที่ 2 หรือกลุม่ สีเหลอื ง มีจดั การพัฒนาการเรยี นรู้เพื่อสง่ เสรมิ ให้นักเรยี น อา่ นออกเขียนได้ โดยใชแ้ บบฝึกการอา่ นและการเขียน เพือ่ ฝึกฝนให้นกั เรยี นมพี ฒั นาการ ในการอา่ นและการเขยี นทด่ี ีขนึ้ กลมุ่ ที่ 3 หรือกลมุ่ สีเขียว มกี ารจดั การเรียนร้ทู ี่สง่ เสรมิ ทักษะการอ่าน การเขียน และการคดิ วเิ คราะห์ โดยใชแ้ บบฝกึ การอา่ นและการเขียนทม่ี ีความยากกว่ากลุ่มสเี หลือง โดยมกี ารจัดการเรยี นการสอนในคาบแรกของทุกวนั ใช้เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง โดยมีครู ผูร้ บั ผิดชอบคอยดูแลติดตามความก้าวหน้าในดา้ นการอ่านของนกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม
แนวทาง/รูปแบบการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 4. Opportunity โรงเรียนนาผลจากการวิเคราะห์ SWOT ด้านโอกาสในทอ้ งถิน่ ซึ่งโรงเรยี นมีต้นทนุ ทางสงั คม คือ มชี ุมชน ท่ีเข้มแข็ง มีแหล่งเรียนรู้ มีทุนในพื้นที่ ไม่ว่าในด้าน ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านศลิ ปวัฒนธรรม โดยเน้นการมีสว่ นร่วม ของชุมชนในการพัฒนาการเรียนรู้
แนวทาง/รปู แบบการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 5. H - Head กจิ กรรมพฒั นาสมอง - Heart กจิ กรรมพฒั นาจติ ใจ - Hand กจิ กรรมพฒั นาทกั ษะการปฏิบตั ิ - Health กิจกรรมพฒั นาสุขภาพ
ผลการพฒั นาการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นให้ความร่วมมือในการทากจิ กรรมเปน็ อยา่ งดี มีความกระตือรือรน้ และสนใจในการเข้าร่วมกจิ กรรม 2. นักเรยี นมีการพัฒนาทกั ษะดา้ นการอ่านและการเขียนทีด่ ขี ึน้ 3. นักเรียนได้แสดงศักยภาพของตนเองตามความถนัดและความสนใจ 4. ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1-6 สงู ขนึ้ 5. นักเรยี นมีจติ สานกึ ที่ดี รัก และหวงแหนในสิง่ ที่มีอย่ใู นท้องถิ่น
ปญั หา/อปุ สรรคของการพฒั นาการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นขาดเรยี นบ่อย ทาใหข้ าดความตอ่ เนื่องในการเรยี นการสอน 2. นักเรียนไมก่ ลา้ แสดงออก ขาดความม่ันใจในตนเอง 3. เวลาไมเ่ พียงพอตอ่ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 4. นักเรยี นบางคนไม่เข้าใจการสือ่ สารภาษาไทย 5. นักเรียนแต่ละคนมีความพร้อมไม่เท่ากัน ทั้งด้านสังคม อารมณ์ สติปัญญา เศรษฐกิจ ความสามารถท่แี ตกตา่ งกัน
ประมวลภาพกจิ กรรม
ประมวลภาพกจิ กรรม
ปลากอื เลาะหห์ รอื ปลาพลวงชมพู
จบการนาเสนอ
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: