Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือโลกดาราศาสตร์และอวกาศ

หนังสือโลกดาราศาสตร์และอวกาศ

Published by วรางคณา สีประสม, 2020-02-17 01:05:41

Description: หนังสือ

Search

Read the Text Version

หนังสอื เรยี นข้ันพ้นื ฐาน โลก ดาราศาสตร์ และ อวกาศ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสศาสตร์ สำ�หหรับนกั เรยี ยนทีเ่ น้นวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๔ -๖ สรุปครบเข้าใจงา่ ย รวดเร็วทนั ใจ

คำนำ ชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง เอกภพ ดาวฤกษแ์ ละระบบ สุริยะ วิชาโลก ดาราศาสตร์และ อวกาศ ของนกั เรียนช้นั มปวช.2 ข้นึ เพ่อื พฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนช้นั ปวช.2 ใหส้ ูงข้นึ และเป็นไป ตามเป้าหมายของกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ท่ีมุ่งหวงั ใหผ้ เู้ รียน ไดเ้ รียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ท่ีเนน้ การเช่ือมโยงความรู้ กบั กระบวนการ มีทกั ษะสาคญั ในการคน้ ควา้ และ สร้างองคค์ วามรู้ โดยใชก้ ระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และ การแกป้ ัญหาท่ี หลากหลาย ใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกข้นั ตอน มีการท ากิจกรรมดว้ ยการลงมือ ปฏิบตั ิจริง อยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดบั ช้นั ชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง เอกภพ ดาวฤกษแ์ ละระบบ สุริยะ วชิ าโลก ดาราศาสตร์และ อวกาศ ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 จดั ท าข้นึ เพือ่ พฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 ใหส้ ูงข้นึ และเป็นไป ตามเป้าหมายของกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ท่ีมุง่ หวงั ใหผ้ เู้ รียน ไดเ้ รียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ท่ี เนน้ การเชื่อมโยงความรู้กบั กระบวนการ มีทกั ษะสาคญั ในการคน้ ควา้ และ สร้างองคค์ วามรู้ โดยใชก้ ระบวนการในการ สืบเสาะหาความรู้ และการแกป้ ัญหาที่ หลากหลาย ใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกข้นั ตอน มีการท ากิจกรรมดว้ ย การลงมือ ปฏิบตั ิจริงอยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดบั ช้นั ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ นวตั กรรมชุดน้ีจะเป็นประโยชนใ์ นการพฒั นาผเู้ รียนตาม เป้าหมายในการจดั การเรียนรู้ดงั ท่ีกล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ รวมท้งั เป็นแนวทางในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แก่ครูผสู้ อนวทิ ยาศาสตร์ท่านอื่น ๆ และเพื่อประโยชน์ในการ ต่อยอด ทางการจดั การเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หรือกลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ ตอ่ ไป ขอขอบคณุ อาจรยจ์ นั ทนา ผอู้ านวยการโรงเรียนสวนศรีวิทยา และ ผเู้ ช่ียวชาญทกุ ท่านที่ใหค้ วามอนุเคราะหใ์ น การตรวจสอบนวตั กรรมจนสาเร็จลุล่วงเป็น นวตั กรรมท่ีมีความสมบรู ณ์อยา่ งมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล สูงสุดแก่ผเู้ รียน

สารบญั เร่ือง หนา้ การแบง่ โครงสร้างโลกตามลกั ษณะกายภาพ 1 เน้ือโลก 3 กำเนดิ เอกภพ 4 กาแล็คซ่ี 6

การแบง่ โครงสร้างโลกตามลักษณะกายภาพ เมื่อเกดิ แผ่นดินไหวจะทำใหเ้ กดิ คลื่นไหวสะเทอื น (Seismic wave) สองแบบ คือ คลน่ื พื้นผวิ (Surface wave) และคลน่ื ในตัวกลาง (Body wave) คลืน่ พน้ื ผิวเดนิ ทางไปตามพ้ืนผวิ โลกทำใหอ้ าคาร สิ่งปลกู สรา้ ง ชำรดุ พงั ทะลาย ส่วนคลืน่ ในตวั กลางเดินทางผา่ นเข้าไปภายในของโลกผา่ นไปยงั พน้ื ผวิ โลกท่ี อยซู่ ีกตรงข้าม นักธรณีวทิ ยาจึงใช้ คลนื่ ในตวั กลางในการสำรวจโครงสร้างภายในของโลก คล่นื ในตัวกลางซ่งึ มี 2 ประเภท ได้แก่ คลน่ื ปฐมภูมิ (P wave) และ คลืน่ ทุตยิ ภูมิ (S wave) • คลื่นปฐมภมู ิ (P wave) เปน็ คลน่ื ตามยาวที่เกิดจากความไหวสะเทือนในตัวกลาง โดยอนภุ าคของตวั กลางนั้นเกิด การเคล่อื นไหวแบบอดั ขยายในแนวเดยี วกบั ที่คลื่นสง่ ผ่านไป คล่นื นีส้ ามารถเคลื่อนทผี่ า่ นตวั กลางทเ่ี ปน็ ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ เป็นคล่นื ทสี่ ถานีวัดแรงส่ันสะเทอื นสามารถรับได้กอ่ นชนดิ อื่น โดยมีความเร็ว ประมาณ 6 – 7 กิโลเมตร/วินาที คล่นื ปฐมภมู ิทำใหเ้ กดิ การอดั หรือขยายตัวของชั้นหิน • คลืน่ ทตุ ยิ ภูมิ (S wave) เป็นคล่ืนตามขวางที่เกดิ จากความไหวสะเทือนในตัวกลางโดยอนภุ าคของตวั กลาง เคล่ือนไหวตงั้ ฉากกบั ทิศทางที่คลน่ื ผ่าน มีทงั้ แนวต้ังและแนวนอน คลนื่ ชนดิ นี้ผา่ นได้เฉพาะตวั กลางที่เปน็ ของแขง็ เท่านัน้ ไม่สามารถเดินทางผา่ นของเหลว คลนื่ ทุติยภูมิมีความเร็วประมาณ 3 – 4 กิโลเมตร/ วนิ าที คล่นื ทตุ ิยภูมทิ ำใหช้ ้นั หินเกิดการคดโคง้ นกั ธรณีวทิ ยาแบ่งโครงสร้างภายในของโลกออกเปน็ 5 สว่ น โดยพิจารณาจากความเรว็ ของคล่ืน P wave และ S wave ดังนี้ 1. ธรณภี าค (Lithosphere) คอื ประกอบด้วยเปลือกโลกทวปี (Continental crust) และ เปลอื กโลกมหาสมทุ ร (Oceanic crust) คล่นื P wave และ S wave เคล่ือนท่ชี ้าลงจนถึงแนวแบง่ เขตโมโฮโรวซิ กิ (Mohorovicic discontinuity) ซง่ึ อยทู่ ร่ี ะดับลกึ ประมาณ 100 กิโลเมตร 2. ฐานธรณีภาค (Asthenosphere) อยู่ ใตแ้ นวแบ่งเขตโมโฮโรวิซกิ ลงไปจนถงึ ระดบั 700 กโิ ลเมตร เป็นบรเิ วณที่คลื่น ไหวสะเทือนมีความเร็วเพิ่มขึ้นตามระดับลึก โดยแบง่ ออกเป็น 2 เขต ดงั น้ี § เขตทคี่ ล่นื ไหวสะเทือนมคี วามเรว็ ตำ่ (Low velocity zone หรือ LVZ) ที่ระดบั ลึก 100 - 400 กโิ ลเมตร P wave และ S wave มคี วามเร็วเพิ่มขึน้ อยา่ งไมค่ งท่ี เนอ่ื งจากบรเิ วณนีเ้ ปน็ ของแข็งเนื้ออ่อน อณุ หภมู ทิ สี่ งู มากทำให้แร่ บางชนิดเกดิ การหลอมละลายเป็นหนิ หนดื (Magma)

§ เขตทมี่ กี ารเปลีย่ นแปลง (Transitional zone) อยบู่ รเิ วณเน้ือโลกตอนบน (Upper mantle) ระดับลึก 400 - 700 กิโลเมตร P wave และ S wave มีความเรว็ เพิม่ ขึน้ มาก ในอตั ราไม่สมำ่ เสมอ เน่ืองจากบรเิ วณนี้มกี ารเปลยี่ นแปลง โครงสรา้ งของแร่ 3. เมโซสเฟียร์ (Mesosphere) อยู่บรเิ วณเนื้อโลกชนั้ ลา่ ง (Lower Mantle) ทคี่ วามลึก 700 - 2,900 กโิ ลเมตร เปน็ บริเวณทคี่ ล่ืนไหวสะเทือนมคี วามเร็วสมำ่ เสมอ เนื่องจากเป็นของแข็ง 4. แกน่ ชั้นโลกนอก (Outer core) ท่ึ ระดับลกึ 2,900 - 5,150 กิโลเมตร P wave ลดความเร็วลงฉับพลนั ขณะที่ S wave ไมป่ รากฏ ท้ังนีเ้ นอ่ื งจากบริเวณน้เี ปน็ เหล็กหลอมละลาย 5. แกน่ โลกช้นั ใน (Inner core) ที่ ระดับลกึ 5,150 กิโลเมตร จนถึงความลึก 6,371 กโิ ลเมตร ท่จี ดุ ศูนย์กลางของโลก P wave ทวี ความเรว็ ข้นึ เนือ่ งจากความกดดนั แรงกดดนั ภายในทำใหเ้ หล็กเปลย่ี นสถานะเป็นของแขง็ การแบ่งโครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบเคมี นกั ธรณีวทิ ยาแบง่ โครงสร้างภายในของโลก โดยพิจารณาจากองค์ประกอบทางเคมี ออกเปน็ 3 สว่ น 1.เปลือกโลก (Crust) เป็นผวิ โลกช้นั นอก มีองคป์ ระกอบสว่ นใหญ่เปน็ ซิลิกาไดออกไซด์ และอะลมู ิเนียม ออกไซด์ ประกอบดว้ ยเปลอื กโลกทวีปและเปลอื กโลกมหาสมุทร § เปลือกโลกทวีป (Continental crust) ส่วน ใหญ่เปน็ หนิ แกรนติ มีองคป์ ระกอบสว่ นใหญเ่ ป็น ซิลกิ อน อะลูมเิ นยี ม และออกซิเจน มีความหนาเฉลีย่ 35 กโิ ลเมตร ความหนาแนน่ 2.7 กรมั /ลูกบาศก์เซนติเมตร § เปลือกโลกมหาสมุทร (Oceanic crust) ส่วน ใหญเ่ ป็นหินบะซอลต์ มีองคป์ ระกอบส่วนใหญ่เป็น มีเหลก็ แมกนีเซียม ซลิ กิ อน และออกซิเจน ความหนาเฉลยี่ 5 กิโลเมตร ความหนาแนน่ 3 กรมั /ลกู บาศก์เซนตเิ มตร มากกวา่ เปลอื ก ทวีป ดังน้นั เมือ่ เปลือกโลกท้ังสองชนกัน เปลอื กโลกทวปี จะถูกยกตัวขึ้น ส่วนเปลอื กโลกมหาสมทุ รจะจมลง และหลอม ละลายเป็นแมกมาอกี คร้ัง

2. เน้อื โลก (Mantle) คอื สว่ นซงึ่ อยอู่ ยู่ใต้เปลือกโลกลงไปจนถงึ ระดับความลึก 2,900 กิโลเมตร มี องค์ประกอบหลกั เปน็ ซิลิคอนออกไซด์ แมกนเี ซียมออกไซด์ และเหล็กออกไซด์ แบ่งออกปน็ 3 ช้ัน ได้แก่ • เน้ือโลกตอนบนสดุ (Uppermost sphere) มีสถานะเปน็ ของแข็ง เป็นฐานรองรบั เปลือกโลกทวีป และ เปลือกโลกมหาสมุทร อยู่ใต้แนวแบง่ เขตโมโฮโรวชิ ิก เรียกโดยรวมว่า ธรณภี าค (Lithosphere) มคี วาม หนาโดยรวมประมาณ 30 - 100 กิโลเมตร • เนือ้ โลกตอนบน (Upper mantle) หรือ บางคร้ังเรียกวา่ ฐานธรณภี าค (Asthenosphere) อยู่ทรี่ ะดบั ลึก 100 - 700 กโิ ลเมตร มลึี ักษณะเปน็ ของแข็งเนื้ออ่อน อุณหภมู ิที่สูงมากทำให้แรบ่ างส่วนหลอม ละลายเปน็ หนิ หนดื (Magma) เคลื่อนที่หมุนวนดว้ ยการพาความร้อน (Convection) • เนอ่ื โลกตอนลา่ ง (Lower mantle) มีสถานะเป็นของแข็งที่ระดบั ลกึ 700 - 2,900 กโิ ลเมตร มี องคป์ ระกอบส่วนใหญ่เป็นเหลก็ แมกนีเซยี ม และซลิ เิ กท 3.แกน่ โลก (Core) คอื ส่วนท่ีอยใู่ จกลางของโลก มีองค์ประกอบหลกั เป็นเหล็ก แบ่งออกเปน็ 2 ช้ัน • แก่นโลกชัน้ นอก (Outer core) เปน็ เหลก็ ในสถานะของเหลว เคลอ่ื นท่หี มนุ วนดว้ ยการพาความร้อน (Convection) ท่ีระดับลึก 2,900 - 5150 กโิ ลเมตร เหลก็ ร้อนเบื้องล่างบริเวณที่ติดกับแก่นโลกชั้นใน ลอยตัวสูงขึ้น เม่ือปะทะกบั แมนเทลิ ตอนลา่ งทอ่ี ุณหภมู ิตำ่ กวา่ จงึ จมตัวลง การเเคลื่อนท่ีหมุนวนเช่นนี้ เหนีย่ วนำใหเ้ กดิ สนามแมเ่ หล็กโลก • แก่นโลกชั้นใน (Inner core) ท่ีระดบั ลกึ 5,150 กิโลเมตร จนถึงใจกลางโลกทรี่ ะดบั ลึก 6,370 กโิ ลเมตร ความดนั มหาศาลกดทบั ทำให้เหลก็ มสี ถานะเปน็ ของแขง็

เอกภพ a กำเนดิ เอกภพ กำเนดิ เอกภพเริ่มนบั จากจุดท่ีเรียกวา่ \" บิกแบง (BigBang) \" บกิ แบง เป็นชื่อทใ่ี ชเ้ รียกทฤษฎีกำเนดิ เอกภพทฤษฎี หน่ึง ปัจจุบนั บิกแบงเป็นท่ียอมรบั มากขึ้น เพราะมีปรากฏการณ์หลายอยา่ งทส่ี อดคล้อง หรือเปน็ ไปตามทฤษฎีบิ กแบง ก่อนการเกิดบกิ แบง เอกภพเปน็ พลงั งานลว้ นๆ ภายใต้อุณหภูมิทส่ี ูงยิ่ง จดุ บิกแบงจึงเปน็ จดุ ที่พลังงานเริ่ม เปลี่ยนเปน็ สสารครัง้ แรก เป็นจุดเร่ิมตน้ ของเวลาและเอกภพ ปัจจุบันเอกภพประกอบด้วยกาแลก็ ซีจำนวนเปน็ แสนล้านแหง่ ระหวา่ งกาแล็กซีเป็นอวกาศท่เี วิ้งว้างกว้างไกลเอกภพ จงึ มขี นาดใหญ่มาก โดยมีรัศมีไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านปีแสง และมีอายปุ ระมาณ 15,000 ลา้ นปแี สง ภายใน กาแล็กซีแต่ละแหง่ ประกอบดว้ ยดาวฤกษจ์ ำนวนมาก รวมท้งั แหล่งกำเนิดดาวฤกษ์ทีเ่ รยี กว่า เนบิวลา และที่วา่ ง โลกของเราเป็นดาวเคราะห์ดวงหน่ึงในระบบสรุ ิยะ ซึ่งเป็นสมาชิกหนงึ่ ของกาแล็กซีของเรา บิกแบงเป็นทฤษฎีทอี่ ธบิ ายถึงการระเบิดใหญ่ทีท่ ำให้พลังงานสว่ นหนงึ่ เปล่ียนเป็นเนื้อสาร มีวิวฒั นาการต่อเนือ่ งจน เกิดเป็นกาแลก็ ซี เนบวิ ลา ดาวฤกษ์ ระบบสุริยะ โลก ดวงจันทร์ มนษุ ย์ และส่ิงมีชีวติ ต่างๆ ขณะเกิดบกิ แบง มีเนือ้ สารเกิดขึ้นในรูปของอนุภาคพน้ื ฐานช่ือ ควารก์ (Quark) อิเล็กตรอน (Electron) นิวทรโิ น (Neutrino) และโฟตอน (Photon) ซึ่งเปน็ พลงั งาน เม่ือเกดิ อนภุ าคกจ็ ะเกดิ ปฏิอนุภาค (Anti-particle) ท่ีมปี ระจุ ไฟฟา้ ตรงกนั ข้าม ยกเวน้ นิวทริโนและแอนตนิ ิวทรโิ น ไม่มปี ระจไุ ฟฟ้า เมอื่ ปฏอิ นุภาคพบกับอนุภาคชนิดเดยี วกัน จะ หลอมรวมกันเนอื้ สารเปลี่ยนไปเป็นพลังงานจนหมดสิ้น ถ้าเอกภพมีจำนวนอนุภาคเท่ากบั ปฏิอนภุ าคพอดี เม่ือพบ กนั จะกลายเปน็ พลังงานทง้ั หมด กจ็ ะไมเ่ กิดกาแลก็ ซี ดาวฤกษ์และระบบสรุ ิยะ โชคดีทใ่ี นธรรมชาติ มีอนภุ าค มากกวา่ ปฏิอนุภาค ดังน้นั เมอ่ื ปฏิอนุภาคพบอนุภาค นอกจากจะไดพ้ ลงั งานเกิดขนึ้ แล้ว ยังมีอนภุ าคเหลอื อยู่ และ น่คี อื อนภุ าคก่อกำเนิดเปน็ สสารของเอกภพในปจั จุบนั

หลงั บิกแบงเพยี ง 10-6 วนิ าที อณุ หภมู ิของเอกภพลดลงเป็นสิบล้านล้านเคลวิน ทำให้ควาร์กเกิดการรวมตัวกนั เป็น โปรตอน (นิวเคลียสของไฮโดรเจน) และนิวตรอน หลังบกิ แบง 3 นาที อณุ หภูมิของเอกภพลดลงเป็นรอ้ ยล้านเคลวนิ มผี ลให้โปรตรตอนและนิวตรอนเกดิ การรวมตัว เป็นนิวเคลียสของฮีเลียม ในช่วงแรกๆน้ี เอกภพขยายตวั อย่างเรว็ มาก หลงั บกิ แบง 300,000ปี อุณหภมู ลิ ดลงเหลือ 10,000 เคลวิน นิวเคลียสของไฮโดรเจนและฮีเลียมดึงอเิ ล็กตรอนเข้ามา อยูใ่ นวงโคจร เกดิ เปน็ อะตอมไฮโดรเจนและฮเี ลียมตามลำดบั กาแลก็ ซตี า่ งๆ เกิดหลักบกิ แบงอยา่ งน้อย 1,000 ล้านปี ภายในกาแล็กซมี ธี าตุไฮโดรเจนและฮเี ลียมเป็นสารเบ้ืองต้น ซงึ่ ก่อกำเนิดเปน็ ดาวฤกษ์รุน่ แรกๆ ส่วนธาตตุ า่ งๆที่มีมวลมากกวา่ ฮเี ลียมเกิดจากดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ หลกั ฐานสนบั สนุนทฤษฎีบิกแบง 1. การขยายตัวของเอกภพ ฮับเบิล นกั ดาราศาสตรช์ าวอเมริกันคน้ พบว่า กาแล็กซีเคลือ่ นทไ่ี กลออกไปด้วยความเร็ว ที่เพ่มิ ขึน้ ตามระยะหา่ ง กาแล็กซที ่ีอย่ไู กลย่ิงเคลอ่ื นที่ห่างออกไปเร็วกวา่ กาแลก็ ซีท่ีอยู่ใกล้ น่นั คือ เอกภพกำลัง ขยายตัว จากความเข้าใจในเร่ืองนท้ี ำใหน้ กั ดาราศาสตร์สามารถคำนวณอายขุ องเอกภพได้ 2. อณุ หภูมิพ้นื หลังอวกาศซ่ึงปัจจบุ นั ลดลงเหลือ 2.73 เคลวิน การคน้ พบอุณหภูมิของเอกภพในปจั จุบนั หรือ อณุ หภมู พิ ้ืนหลงั เป็นการค้นพบโดยบังเอิญโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมรกิ า 2 คน คือ อารโ์ น เพนเซียส และ โร เบิร์ต วิลสัน แหง่ ห้องปฏิบตั ิการเบลเทเลโฟน เมือ่ ปีพ.ศ.2508 ขณะนักวทิ ยาศาสตรท์ งั้ สองคน กำลังทดสอบระบบ เครื่องรบั สัญญาณของกล้อง โทรทรรศนว์ ิทยุ ปรากฏว่ามีสญั ญาณรบกวนตลอดเวลา ไมว่ า่ จะเปน็ กลางวันหรือ

กลางคืน หรือฤดูต่างๆ แม้เปลยี่ นทิศทาง และทำความสะอาดสายอากาศแล้วก็ยังมีสัญญาณรบกวนอยเู่ ชน่ เดิม ต่อมาทราบภายหลังว่าเป็นสัญญาณท่เี หลืออยู่ในอวกาศเทยี บได้กับพลงั งานของการแผร่ ังสขี องวัตถดุ ำ ที่มอี ุณหภูมิ ประมาณ 2.73 เคลวิน หรือประมาณ – 270 องศาเซลเซยี ส ในขณะเดยี วกัน โรเบิร์ต ดิกกี พ.ี เจ.อีพี เบิลส์ เดวดิ โรลล์ และ เดวิด วิลคินสัน แห่งมหาวิทยาลัยปรนิ ซต์ นั ได้ ทำนายมานานแลว้ วา่ การแผร่ งั สจี ากบกิ แบงทเ่ี หลืออย่ใู นปัจจบุ ันนา่ จะตรวจสอบได้ โดยกล้องโทรทรรศนว์ ิทยุ ดงั น้ันการพบพลังงานจากทกุ ทศิ ในปริมาณที่เทยี บได้กบั พลงั งานการแผร่ งั สี ของวัตถุดำทป่ี ระมาณ 2.73 เคลวนิ จงึ เปน็ อกี ข้อหน่งึ ท่ีสนบั สนนุ ทฤษฎีบิกแบงได้เป็นอยา่ งดี กาแลก็ ซี (Galaxy) กาแลกซ่ี หรือดาราจักร ( Galaxy) กาแลกซ่ี คอื ระบบทก่ี วา้ งใหญไ่ พศาล ประกอบด้วยดาว ฤกษ์ กระจุกดาวฤกษ์ ก๊าซและฝนุ่ ท้องฟ้า ท่ีเรียกว่า เนบวิ ลา่ และที่วา่ ง ( Space) รวมกันอยูใ่ นระบบ เดยี วกัน เพราะมีแรงโน้มถ่วงซ่ึงกนั และกนั กาแลกซี่ ถือเป็นองค์ประกอบหนง่ึ ของเอกภพเกิดมาเม่ือ ประมาณ 18,000 ล้านปีมาแลว้ ประมาณวา่ ในเอกภพมดี าราจักรถึง 100,000 ลา้ นระบบ และเช่ือว่า ดาว ฤกษ์ต่างๆรวมท้งั ดวงอาทิตย์ ซึ่งเปน็ ศูนยก์ ลางของระบบสรุ ิยะ ตา่ งก็เคล่อื นรอบศนู ย์กลางของกาแลกซีด่ ้วยแรง โน้มถ่วงระหว่างดางฤกษก์ ับสงิ่ ที่อยู่ ณ ใจกลางของกาแลกซี่ ซึ่งมีแรงโนม้ ถ่วงสูงมาก นักดาราศาสตร์เชอื่ ว่าสิ่งน้ี คอื หลุมดำ ( Blank Hole) ซึ่งเช่ือวา่ มีความลกึ ไม่มีที่ส้นิ สุด สง่ิ ต่างๆ เมื่อหลุดเขา้ ไปไมส่ ามารถออกมาได้ ดาว ฤกษ์ทเ่ี หน็ บนท้องฟา้ เป็นดาวทอ่ี ยู่ในกาแลกซี่ของเรา หรือกาแลกซี่ทางชา้ งเผือก ( The Milky Way Galaxy) มีลกั ษณะเปน็ ฝา้ ขาวคล้ายเมฆบางๆ อยูโ่ ดยรอบทอ้ งฟา้ (คือ ดวงดาวประมาณแสน ดวง) กาแลกซี่ทางช้างเผือก เปน็ กาแลกซแ่ี บบกังหนั เนือ่ งจากมองด้านบนและด้านลา่ งจะเห็นว่ามโี ครงสรา้ งเป็น รูปจาน หรอื จกั ร หรอื ขดหอย ( Spiral Structure) โดยจดุ ศูนยก์ ลางจะเป็นรปู วงรี ( Ellipsoid) มีความยาว ถงึ 100,000 ปแี สงดวงอาทติ ย์ของเราอยู่ทางแขนดา้ นขวาหา่ งใจกลางของกาแลกซ่ีประมาณ 30,000 ปแี สง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook