COMPUTER ENGINEERING AND ARTIFICIAL INTELLIGENCE BOOKS หนังสือวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ AUTOMATIC COMPUTERS COMPUTER ENGINEERING Neural Nets
ก คำนำ ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในช่วงสอง ทศวรรษที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของมนุษย์อย่างต่อ เนื่อง อาทิเช่น การพัฒนาคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวล้ำ ไปข้างหน้า ทำให้สามารถนำมาปรับใช้ในหลากหลายสาขาอาชีพและ อุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน วิศวกรรมคอมพิวเตอร์เป็นสาขาที่ช่วยให้เราสามารถออกแบบ และพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและ มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับ อุปกรณ์เคลื่อนที่ ระบบเกมที่น่าตื่นเต้น หรือระบบควบคุมอัตโนมัติ ในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาอะลูมนัมและความเชื่อม โยงของระบบที่มีอยู่ในโลกเสมือน (Virtual Reality) และโลก ข้อมูล (Augmented Reality) ที่ก่อให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่า ทึ่งอย่างอิสระ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และ เทคนิคการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ก็เป็นจุดเด่น ของวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์ทำให้ คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้และประมวลผลข้อมูลอย่างเชิงลึก ทำให้ เกิดสิ่งที่เรียกว่า \"ความฉลาดเทียม\" (Artificial Intelligence) ที่ สามารถจำแนกและสร้างความเข้าใจในเชิงปัญญาเทียม นำไปสู่การ พัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในทั้งอุตสาหกรรมและส่วนต่างๆ ที่มีความซับซ้อน ทำให้การดำเนินชีวิตและการทำงานเปลี่ยนไปอย่าง สิ้นเชิง
สารบัญ ข คำนำ ก ง ข สารบัญ 12 บทนำ 1 บทที่ 1 Programming บทที่ 2 Computer Systems and Operating Systems 23 บทที่ 3 Computer Network 34บทที่ 4 Hardware and Computer systems 45 บทที่ 5 การสร้างและพัฒนาแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ 56บทที่ 6 การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการตัดสินใจ
69 บทที่ 7 การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในโมบายแอปพลิเคชั่น บทที่ 8 การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในระบบอัตโนมัติเเละ 79การคาดการณ์เเละการจัดลำดับ 85 บทที่ 9 การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในวิทยาศาสตร์ข้อมูล 97บทที่ 10 ความปลอดภัยและจริยธรรมในปัญญาประดิษฐ์ จ บทสรุปของหนังสือ
บทนำ ง วิศวกรรมคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์เป็นส่วนสำคัญของ การพัฒนาเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจและความนิยมมากขึ้นในยุค ปัจจุบัน ทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การใช้ปัญญาประดิษฐ์และ การเรียนรู้ของเครื่องในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ กลายเป็นที่ยอมรับใน ชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นในงานอุตสาหกรรม การแพทย์ ระบบอัตโนมัติ หรือแม้กระทั่งสื่อบันเทิง วิศวกรรมคอมพิวเตอร์เป็นกลุ่มสาขาวิชาที่ศึกษาถึงการ ออกแบบ พัฒนา และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ในการ แก้ไขปัญหาทางวิศวกรรมต่าง ๆ ซึ่งครอบคลุมหลากหลายด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) คือการจำลอง ความสามารถในการคิด การเรียนรู้ และการตัดสินใจของมนุษย์ด้วย เครื่องจักรหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการนำ วิทยาการคอมพิวเตอร์และวิทยาการสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ เพื่อ ทำงานที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ หรืออาจมีความฉลาดและความสามารถ เกินกว่ามนุษย์ในบางด้าน การพัฒนาเทคโนโลยีในสองส่วนนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความ คิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อด้าน เศรษฐกิจและสังคมอย่างลึกซึ้ง โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในงานการ ผลิต การทำงาน และการบริหารจัดการทั้งในอุตสาหกรรมและภาคการ ค้า นอกจากนี้ยังมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การ เปลี่ยนรูปแบบของการทำงาน การศึกษา และการสร้างงานอาชีพใหม่ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้เทคโนโลยีที่สร้างโอกาสใหม่และท้าทายแก่ มนุษย์
ProgCrHAaPT EmR 1ming
บทนำ 2 วันนี้เราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดดข้ามขีดจำกัดและมี บทบาทสำคัญในทุกด้านของชีวิตเรา การโปรแกรมกลายเป็นทักษะ ที่สำคัญและเป็นประโยชน์ที่เราสามารถนำไปใช้ในงานที่หลาก หลาย เรียนรู้การโปรแกรมไม่เพียงแค่ช่วยให้เราเข้าใจวิธีการทำงาน ของเทคโนโลยีและโปรแกรมที่เราใช้เหมือนกัน แต่ยังเปิดโอกาสให้ เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และแก้ไขปัญหาในวิธีที่ไม่เคยมีมาก่อน บทนำนี้เป็นการเริ่มต้นการเดินทางสู่โลกของการโปรแกรม โปรแกรมมีความหมายเป็นภาษาเทคนิคที่เราใช้เพื่อสร้างคำสั่งและ แนวคิดที่คอมพิวเตอร์สามารถทำความเข้าใจและปฏิบัติตามได้ เรา สามารถใช้โปรแกรมเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่เราต้องการ จแาลกะกพัาฒรเนขียาแนอโปปพรแลิกเครมชัเนบื้ทอี่ซงัตบ้นซ้ทอี่ใน ชม้คาำกสัขึ่้งนง่าแยลๆะตเอราบสสานมอารงถต่สอรค้าวงาม ต้องการและความท้าทายของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การโปรแกรมเป็นกระบวนการที่สอนคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำ สั่งของเรา ด้วยการใช้ภาษาโปรแกรม นักโปรแกรมเมอร์สร้างโค้ดที่ รวมถึงอัลกอริทึม การสร้างโครงสร้างข้อมูล และการจัดการข้อมูลเพื่อ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เราขอให้คุณเปิดประตูสู่โลกของความสร้างสรรค์ด้วยการโปรแกรม ความรู้ที่คุณจะได้รับจากหนังสือนี้จะเป็นแรงบันดาลใจและพื้นฐาน ที่ดีในการเขียนโปรแกรม ขอให้คุณมีความสุขในการเรียนรู้และ พัฒนาทักษะ
3 หนังสือนี้จะพาคุณผ่านการเรียนรู้การโปรแกรมเบื้องต้น โดยเน้นการใช้ภาษา Python ภาษาที่เข้าใจง่ายและมี ความยืดหยุ่นสำหรับผู้ที่เริ่มต้นการเขียนโปรแกรม ในแต่ละ บทของหนังสือนี้ เราจะสอนคุณเรื่องราวพื้นฐานและคอนเซ ปต์ที่เกี่ยวข้องกับการโปรแกรม รวมถึงการใช้ภาษา Python เพื่อสร้างโค้ดที่มีประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาในการ พัฒนาโปรแกรม เอ๊ะ!!ภาษา Python ?? Python เป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบอ่านง่ายและ เข้าใจได้ง่าย มันมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถใช้ในหลายงานต่าง ๆ เช่นการพัฒนาเว็บไซต์ การทำงานกับฐานข้อมูล และการสร้าง แอปพลิเคชัน เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมที่ต้องการเขียนโค้ด เบื้องต้น และสร้างโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ ในการเขียน Python โค้ด มักใช้สัญลักษณ์ที่ชัดเจนและอ่านง่าย และมี ไลบรารีที่หลากหลายเพื่อช่วยในการเขียนโปรแกรมเช่นการจัดการ ข้อความ การทำงานกับไฟล์ และการเชื่อมต่อฐานข้อมูล
สิ่งที่ควรรู้เมื่อจะเริ่มเรียนการโปรแกรมแบบพื้นฐาน4 1.แนวความคิดและตัวอย่างการโปรแกรม: เข้าใจแนวความคิดพื้นฐาน ของการโปรแกรม รู้จักกับตัวอย่างโปรแกรมเบื้องต้น เพื่อให้คุณ สามารถเข้าใจโครงสร้างและลำดับของโปรแกรมได้ 2.ภาษาโปรแกรม: เลือกภาษาโปรแกรมที่ต้องการเรียนรู้ เช่น Python, Java, C++, JavaScript ฯลฯ และศึกษาเกี่ยวกับความสามารถและ ไวยากรณ์ของภาษานั้น 3.โครงสร้างของภาษาโปรแกรม: ศึกษาคำสั่งและโครงสร้างพื้นฐานใน ภาษาที่คุณเลือก เช่น การประกาศตัวแปร การควบคุมการทำงานโดย ใช้เงื่อนไขและการวนซ้ำ รวมถึงโครงสร้างข้อมูลเบื้องต้น เช่น อาร์เรย์ และรายการ 4.การใช้เครื่องมือและแหล่งข้อมูล: สอบถามและศึกษาเครื่องมือและ แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่คุณสามารถใช้เพื่อเรียนรู้การโปรแกรมได้ เช่น IDE (Integrated Development Environment) หรือแหล่ง เรียนรู้ออนไลน์ 5.การแก้ไขปัญหา: เรียนรู้วิธีการแก้ไขปัญหาโดยใช้การวิเคราะห์และการ คิดตรรกะ ศึกษาวิธีการแก้ไขปัญหาแบบเชิงโครงสร้างและการ ออกแบบโปรแกรม 6.การเขียนโปรแกรม: เรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมอย่างถูกต้อง และปฏิบัติที่ดี รวมถึงการใช้คำสั่งและโครงสร้างข้อมูลเพื่อสร้าง โปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ 7.การทดสอบและการแก้ไขข้อผิดพลาด: เรียนรู้เทคนิคในการทดสอบ โปรแกรมเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและประสิทธิภาพ รวมถึงวิธีการ ค้นหาและแก้ไขข้อผิดพลาด (debugging) ในโปรแกรม
การแก้ไขปัญหา: โปรแกรมช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำ วันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างโปรแกรมที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้เรา ทำงานได้รวดเร็วและตอบสนองต่อความต้องการของเรา 5 1.การอัตโนมัติ: โปรแกรมช่วยให้เราทำงานอัตโนมัติ ลดความ จำเป็นในการทำงานด้วยมือ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนิน กิจกรรมต่าง ๆ ทำให้เราสามารถประหยัดเวลาและแรงงานได้มาก ขึ้น 2.การควบคุมและการจัดการข้อมูล: โปรแกรมช่วยให้เราสามารถ ควบคุมและจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การจัดเก็บ ข้อมูล การประมวลผล การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างรายงาน 3.การสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่: การโปรแกรมเป็นพื้นฐาน สำคัญในการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ สิ่งที่เราใช้ในชีวิต ประจำวัน เช่น แอปพลิเคชันมือถือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และ ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการโปรแกรมที่ถูกพัฒนา ขึ้น 4.การสื่อสารและการเชื่อมต่อ: โปรแกรมช่วยให้เราสามารถสื่อสาร และเชื่อมต่อกับคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการ สื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือ การสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการ ใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ 5.การพัฒนาทักษะและการเรียนรู้: การโปรแกรมช่วยให้เราพัฒนา ทักษะใหม่ และเปิดโอกาสให้เราเรียนรู้เพิ่มเติม การเขียน โปรแกรมเป็นกระบวนการที่ให้เราฝึกฝนการคิดวิเคราะห์ การแก้ ความสำคัญของการปัญหา และการสร้างสรรค์ โปรแกรมและการใช้งาน ในชีวิตประจำวัน
โครงสร้างของภาษาโปรแกรมเป็นเฟรมเวิร์กหรือแนวทางที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมมีโครงสร้างและลำดับการทำงานที่ชัดเจนและอ่านเข้าใจได้ง่าย โครงสร้างเหล่านี้ช่วยให้โปรแกรมเป็นระเบียบเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และง่ายต่อการ แก้ไขหรือปรับปรุงในอนาคต นี่คือบางตัวอย่างของโครงสร้างที่พบในภาษาโปรแกรม: 1.โครงสร้างควบคุม (CONTROL STRUCTURES): โครงสร้างที่ใช้สำหรับควบคุมลำดับการทำงานของโปรแกรม เช่น IF- ELSE, SWITCH-CASE, LOOP (FOR, WHILE), และ DO-WHILE 2.โครงสร้างข้อมูล (DATA STRUCTURES): โครงสร้างที่ใช้ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูล เช่น ARRAYS, LINKED LISTS, STACKS, QUEUES, TREES, GRAPHS, และ HASH TABLES 6 3.ฟังก์ชัน (FUNCTIONS): โครงสร้างที่ใช้สำหรับกลุ่มของคำสั่งที่ถูกจัดกลุ่มในบล็อกเดียว เพื่อให้ สามารถเรียกใช้งานได้ซ้ำได้ และเพื่อให้สามารถใช้งานแยกจากส่วนอื่น ของโปรแกรม 4.โครงสร้างของคลาส (CLASS STRUCTURES): โครงสร้างที่ใช้ในการกำหนดคลาส หรืออ็อบเจกต์ ซึ่งประกอบด้วยฟิลด์ (FIELDS) และเมธอด (METHODS) ที่ใช้ในการดำเนินการกับอ็อบเจ กต์ 5.การจัดการข้อผิดพลาด (EXCEPTION HANDLING): โครงสร้างที่ใช้ในการจัดการข้อผิดพลาดหรือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดใน การทำงานของโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมยังคงทำงานได้ถูกต้องแม้ว่าจะ เกิดข้อผิดพลาด 6.โครงสร้างการเชื่อมต่อและการจัดการข้อมูล (INPUT/OUTPUT): โครงสร้างที่ใช้ในการรับข้อมูลจากผู้ใช้หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ และการแสดง ผลข้อมูลออกทางหน้าจอหรือสื่ออื่น ๆ โครงสร้างของภาษาโปรแกรมช่วยให้โปรแกรมมีการจัดระเบียบและความสัมพันธ์ระหว่าง ส่วนต่าง ๆ ทำให้โปรแกรมมีความเข้าใจง่ายและง่ายต่อการดูแลรักษา
การเขียนโปรแกรมเป็นการนำเอาผลลัพธ์ของ 7 การออกแบบโปรแกรม มาเปลี่ยนเป็นโปรแกรม ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษา ใดภาษาหนึ่ง ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องให้ความ สนใจต่อรูปแบบคำสั่งและกฎเกณฑ์ของภาษาที่ ใช้เพื่อให้การประมวลผลเป็น ไปตามผลลัพธ์ที่ได้ออกแบบไว้ นอกจากนั้นผู้ เขียนโปรแกรมควรแทรกคำอธิบายการทำงาน ต่างๆ ลงในโปรแกรมเพื่อให้ โปรแกรมนั้นมีความกระจ่างชัดและง่ายต่อการ ตรวจสอบและโปรแกรมนี้ยังใช้เป็นส่วนหนึ่งของ เอกสารประกอบ การทดสอบโปรแกรมเป็นการนำโปรแกรมที่ลงรหัสแล้วเข้าคอมพิวเตอร์ เพื่อ ตรวจสอบรูปแบบกฎเกณฑ์ของภาษา และผลการทำงานของโปรแกรมนั้น ถ้าคำสั่งใดมีรูปแบบไม่ถูกต้องก็จะแสดงข้อ ผิดพลาดออกมาเพื่อให้ผู้เขียนนำไปแก้ไขต่อไป ถ้าไม่มีข้อผิดพลาด เราจะได้ โปรแกรมภาษาเครื่องที่สามารถให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ตรวจสอบความถูก ต้องของการประมวลผลของโปรแกรม โปรแกรมที่ถูกต้องตามรูปแบบและกฎ เกณฑ์ของภาษา แต่อาจให้ผลลัพธ์ของการประมวลผลไม่ถูกต้องก็ได้ ดังนั้นผู้ เขียนโปรแกรมจำเป็นต้องตรวจสอบว่าโปรแกรมประมวลผลถูกต้องตามต้องการ หรือไม่ดี
8 การทำเอกสารประกอบโปรแกรมเป็นงานที่สำคัญของการพัฒนาโปรแกรม เอกสารประกอบโปรแกรมช่วยให้ผู้ใช้โปรแกรมเข้าใจวัตถุประสงค์ ข้อมูลที่ จะต้องใช้กับโปรแกรม ตลอดจนผลลัพธ์ที่จะ5ไ0 ด้จากโปรแกรม การทำ โปรแกรมทุกโปรแกรมจึงควรต้องทำเอกสารกำกับ เพื่อใช้สำหรับการอ้างอิง เมื่อจะใช้งานโปรแกรมและเมื่อต้องการแก้ไข40ปรับปรุงโปรแกรม เอกสาร ประกอบโปรแกรมที่จัดทำ ควรประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้ 1. วัตถุประสงค์ 30 2. ประเภทและชนิดของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้ในโปรแกรม 3. วิธีการใช้โปรแกรม 20 4. แนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบโปรแกรม10 5. รายละเอียดโปรแกรม 6. ข้อมูลตัวแทนที่ใช้ทดสอบ 7. ผลลัพธ์ของการทดสอบ 0 รายการ รายการ 2 รายการ 3 รายการ รายการ 5 14
การบำรุงรักษาโปรแกรม 9 เมี่อโปรแกรมผ่านการตรวจสอบตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว และ ถูกนำมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งาน ในช่วงแรกผู้ใช้อาจจะยังไม่คุ้นเคยก็อาจ ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาบ้าง ดังนั้นจึงต้องมีผู้คอยควบคุมดูแลและคอย ตรวจสอบการทำงาน การบำรุงรักษาโปรแกรมจึงเป็นขั้นตอนที่ผู้ เขียนโปรแกรมต้องคอยเฝ้าดูและหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมใน ระหว่างที่ผู้ใช้ใช้งานโปรแกรม และปรับปรุงโปรแกรมเมื่อเกิดข้อผิด พลาดขึ้น หรือในการใช้งานโปรแกรมไปนานๆ ผู้ใช้อาจต้องการ เปลี่ยนแปลงการทำงาน ของระบบงานเดิมเพื่อให้เหมาะกับ เหตุการณ์ นักเขียนโปรแกรมก็จะต้องคอยปรับปรุงแก้ไขโปรแกรม ตามความต้องการของ ผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง
สรุป 10 การโปรแกรมคือกระบวนการเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์ที่ทำงานตาม ลำดับเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้โปรแกรมต้องการ โดยใช้ ภาษาโปรแกรมเพื่อสร้างโค้ดที่มนุษย์สามารถเข้าใจและแก้ไขได้ โปรแกรมมีหลายลักษณะ เช่น โปรแกรมเว็บ, โปรแกรม แอปพลิเคชัน และอื่นๆ โดยใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ เพื่อสร้าง และจัดการกับโค้ดเพื่อให้โปรแกรมทำงานได้อย่างถูกต้องและมี ประสิทธิภาพมากที่สุด
11 คำ ถ า ม ท้ า ย บ ท 1.ในการเขียนโปรแกรม คำสั่ง print() ใช้สำหรับอะไร? 2.อธิบายการใช้งานคำสั่ง if-else ในการตรวจสอบเงื่อนไขใน โปรแกรม. 3.ในภาษาโปรแกรม Python, วิธีการสร้างลูป (loop) คือ อะไร? 4.คำสั่ง for loop ใช้ในการทำอะไรในโปรแกรม? 5.ในการเขียนโปรแกรม Java, การสร้างฟังก์ชัน (function) ต้องใช้คำสั่งใด? 6.อธิบายความแตกต่างระหว่างอาเรย์ (array) และลิสต์ (list) ในการเก็บข้อมูลในโปรแกรม. 7.ในภาษาโปรแกรม JavaScript, คำสั่ง console.log() ใช้ สำหรับอะไร? 8.การใช้คำสั่ง while loop จะทำอะไรในโปรแกรม? 9.อธิบายการใช้งานคำสั่ง try-catch-finally ในการจัดการ ข้อผิดพลาด (exception) ในโปรแกรม. 10.ในการเขียนโปรแกรม PHP, การสร้างตัวแปร (variable) ต้องใช้เครื่องหมายอะไร?
บทที่ 2 ระบบคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรมระบบ (Computer Systems and Operat ing Systems)
บทนำ 13 ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ก้าวล้ำขึ้นอย่างรวดเร็ว ระบบคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะ เป็นการทำงานทางธุรกิจ เรียนการสื่อสาร การบันเทิงหรือการทำงานอื่นๆ ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล มากยิ่งขึ้น การเขียนโปรแกรมระบบเป็นกระบวนการสร้างโปรแกรมที่ทำงานใน ระบบคอมพิวเตอร์ โดยการเขียนโปรแกรมระบบจะเกี่ยวข้องกับการออกแบบ โครงสร้างระบบ การจัดการทรัพยากร การประมวลผลข้อมูล และการกำหนด สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล เป็นต้น ดังนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรมระบบ เป็นสิ่งสำคัญที่จะเปิดโอกาสให้เราเข้าถึงอาชีพที่น่าสนใจและเติบโตได้อย่างต่อ เนื่องในยุคดิจิทัลนี้
ระบบคอมพิวเตอร์ 14 ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยส่วนประกอบต่างๆ ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างเป็นระบบส่วน ประกอบหลักของระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย ดังนี้ 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เป็นส่วนประกอบทางกายภาพของ ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการ ประมวลผลข้อมูลและให้บริการในระบบคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ส่วน ใหญ่ประกอบด้วยส่วนประกอบ ต่อไปนี้ 1.1 เมนบอร์ด (Mainboard) เป็นแผ่นวงจรหลักที่เชื่อมต่อ ส่วนประกอบทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ เช่น หน่วยประมวลผล (CPU) หน่วยความจำ (RAM) การ์ดเสียง การ์ดจอ และ อุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้ส่วนประกอบทำงานร่วมกันได้ 1.2 หน่วยประมวลผล (Central Processing Unit - CPU) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ประมวลผลคำสั่งและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เทคนิคการทำงานทางคอมพิวเตอร์ เช่น ภาษาเครื่อง (Machine Language) และเลขฐานสอง (Binary) ซึ่งประกอบไป ด้วยหน่วยความจำในตัว เรียกว่า แคช (Cache) และหน่วยความ จำหลัก (Main Memory)
1.3 หน่วยความจำ (Memory) ใช้เก็บข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์ ใช้ในการประมวลผล ประกอบไปด้วยหน่วยความจำหลัก (RAM) ซึ่ง เป็นหน่วยความจำที่สามารถเขียนและอ่านข้อมูลได้รวดเร็ว และหน่วย ความจำถาวร (ROM) ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลที่ไม่สามารถ เขียนได้ 1.4 ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk Drive - HDD) หรือ ไดรฟ์ถาวร (Solid State Drive - SSD) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ในระยะยาว โดยใช้วิธีการเขียนและอ่านบนแผ่นดิสก์หมุนหรือวงจร อิเล็กทรอนิกส์ 15 1.5 การ์ดจอ (Graphics Card) เป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการ แสดงผลภาพบนหน้าจอ โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิกและหน่วย ความจำกราฟิกเพื่อให้สามารถแสดงผลภาพและกราฟิกสูงสุดได้ 1.6 เครือข่าย (Network) และการเชื่อมต่อ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ ในการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่าย ซึ่งสามารถเชื่อมต่อ กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ เช่น การ์ดเครือข่าย (Network Interface Card - NIC) และสายเคเบิลต่างๆ เช่น สาย LAN, สายแลน, สาย USB ฯลฯ 1.7 อุปกรณ์อื่นๆ ฮาร์ดแวร์อื่นๆ ที่ใช้ในการเสริมสร้างความ สามารถของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น อุปกรณ์เชื่อมต่อเสียง (Sound Card) กล้องเว็บแคม (Webcam) แป้นพิมพ์ (Keyboard) และ เม้าส์ (Mouse)
ฮาร์ดแวร์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงาน ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เมื่อเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ที่เหมาะ สมและทันสมัย จะส่งผลให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่าง 16 รวดเร็ว 2. ซอฟต์แวร์ (Software) เป็นส่วนประกอบที่ทำงานบน ฮาร์ดแวร์ของระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ ผู้ใช้ต้องการ ซอฟต์แวร์ประกอบด้วยส่วนประกอบต่างๆ ที่มีหน้าที่ ควบคุมและประมวลผลข้อมูล ส่วนสำคัญของซอฟต์แวร์ประกอบด้วย 2.1 ระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นซอฟต์แวร์ หลักที่ควบคุมและจัดการทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์รวมถึงการ จัดการหน่วยความจำ เรียกใช้งานอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ จัดการกับเครือข่าย และให้บริการสำหรับโปรแกรมแอปพลิเคชันอื่นๆ 2.2 โปรแกรมแอปพลิเคชัน (Application Programs) เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานตามที่ ต้องการ ได้แก่โปรแกรมสำหรับการเขียนเอกสาร เครื่องมือสำหรับ การออกแบบกราฟิก โปรแกรมเล่นเกมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมอีเมล และโปรแกรมต่างๆ ที่ช่วยในการดำเนินงานและทำธุรกรรมทาง ธุรกิจ 2.3 ไลบรารี (Libraries) เป็นชุดของโค้ดที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้การเขียนโปรแกรมเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายขึ้นไลบรารี มักถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการจัดการกับงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การ จัดการกับฐานข้อมูล การจัดการเครือข่ายเป็นต้น
2.4 เครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development Tools) เป็นเครื่องมือที่ช่วยในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์เช่น ภาษาโปรแกรมที่ใช้ในการเขียนโค้ด โปรแกรมคอมไพล์เลอร์ (Compiler) และเครื่องมือสำหรับการทดสอบและตรวจสอบโค้ด 2.5 เฟรมเวิร์ก (Frameworks) เป็นโครงสร้างที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อช่วยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมีฟังก์ชันต่างๆ ที่ช่วยให้การพัฒนางานเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่น ฟราว์เวิร์กสำหรับเว็บ แอปพลิเคชัน ฟราว์เวิร์กสำหรับแอนดรอยด์ เป็นต้น 17 2.6 ซอฟต์แวร์สำหรับการบริหารจัดการ (Management Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจัดการและควบคุมระบบ คอมพิวเตอร์ เช่น ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการ โครงข่าย ฯลฯ การพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องใช้เทคนิคและวิธีการที่ เหมาะสม เช่น การวางแผนและออกแบบระบบ การเขียนโค้ด การ ทดสอบและแก้ไขข้อบกพร่อง และการปรับปรุงซอฟต์แวร์ในระยะ ยาว เพื่อให้ได้ซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความ ต้องการของผู้ใช้งาน
การเขียนโปรแกรมระบบ 18 การเขียนโปรแกรมระบบเป็นกระบวนการสร้างโปรแกรม คอมพิวเตอร์ที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ระบบทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ โปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์เน้นในการพัฒนาโปรแกรมที่ควบคุมและ ประสานงานกับส่วนประกอบต่างๆของระบบ โดยระบบคอมพิวเตอร์ที่มี ความซับซ้อนสูง อาจประกอบด้วยโปรแกรมระบบหลายๆ ส่วนประกอบ ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างถูกต้องและมี ประสิทธิภาพ ระบบคอมพิวเตอร์มีหลายประเภท เช่น ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ระบบฐานข้อมูล (Database System) ระบบควบคุมการเคลื่อนที่ (Motion Control System) เป็นต้น ขั้นตอนในการเขียนโปรแกรมระบบปกติ ประกอบด้วย ดังนี้ 1. วางแผนและออกแบบระบบ การวางแผนและออกแบบระบบ คือขั้นตอนที่สำคัญในการเขียนโปรแกรมระบบ ผู้พัฒนาต้องวางแผน เพื่อกำหนดความต้องการของระบบและส่วนประกอบที่จะใช้ในการ พัฒนา นอกจากนี้ยังต้องออกแบบโครงสร้างของโปรแกรม รวมถึงการ กำหนดขั้นตอนการทำงานและการประสานงานระหว่างส่วนประกอบ ต่างๆ
2. การเขียนโค้ด หลังจากวางแผนและออกแบบระบบเสร็จ 19 สิ้นแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเขียนโค้ด เป็นกระบวนการแปลง แผนและออกแบบของระบบเป็นโค้ดที่สามารถทำงานได้ ผู้พัฒนา โปรแกรมต้องเลือกภาษาโปรแกรมที่เหมาะสมกับระบบที่กำลัง พัฒนา เช่น C++, Java, Python เป็นต้น และใช้เครื่องมือ พัฒนาซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม เช่นIntegrated Development Environment (IDE) เพื่อช่วยในการเขียนโค้ด 3. การทดสอบและการประเมิน หลังจากเขียนโค้ดเสร็จสิ้น แล้ว ต่อมาคือการทดสอบระบบเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและ ประสิทธิภาพของระบบ การทดสอบจะทำให้สามารถตรวจสอบปัญหา หรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นและแก้ไขได้ ในกระบวนการทดสอบ ควร ทดสอบทุกฟังก์ชันและสถานการณ์ที่เป็นไปได้เพื่อตรวจสอบความ ถูกต้องของระบบ 4. การปรับปรุงและการอัพเกรด โปรแกรมระบบ คอมพิวเตอร์จะต้องรับการปรับปรุงและการอัพเกรดเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพและความสามารถใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อความ ต้องการของผู้ใช้งานและการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมที่ใช้ งาน
5. การบำรุงรักษาและการดูแล หลังจากการพัฒนาและการ 20 ปรับปรุงเสร็จสิ้น ควรมีการดูแลรักษาและการบำรุงรักษาระบบเพื่อให้ ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างเสถียร รวมถึงการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ อาจเกิดขึ้น โดยการดูแลรักษาและการบำรุงรักษาระบบนั้นมีการสำรวจ และการดูแลอย่างสม่ำเสมอเพื่อความราบรื่นในการทำงานของระบบ การเขียนโปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์เป็นกระบวนการที่ ซับซ้อนและจำเป็นสำหรับการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความ ซับซ้อน ผู้พัฒนาควรมีความรู้และทักษะทางเทคนิคเพียงพอใน การวางแผน ออกแบบ และพัฒนาโปรแกรมเพื่อให้ระบบ คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ สรุป ระบบคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรมระบบเป็นกระบวน การที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างเป็นระบบและตรงตาม ความต้องการของผู้ใช้งาน ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์เป็นส่วนประกอบทางกายภาพของระบบ คอมพิวเตอร์ เช่น เมนบอร์ด, CPU, RAM, HDD/SSD, การ์ดจอ เป็นต้น ซอฟต์แวร์เป็นส่วนประกอบที่ทำงานบนฮาร์ดแวร์และมีหน้าที่ ควบคุมและประมวลผลข้อมูล เช่น ระบบปฏิบัติการ, โปรแกรม แอปพลิเคชัน, ไลบรารี การเขียนโปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์เน้นใน การพัฒนาโปรแกรมที่ควบคุมและประสานงานกับส่วนประกอบต่างๆ ของระบบ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องมีการทดสอบและปรับปรุงเพื่อให้ระบบสอดคล้องกับ ความต้องการและมีประสิทธิภาพสูงสุด
คำถามท้ายบท 21 1. ระบบคอมพิวเตอร์คืออะไรและประกอบด้วยส่วน ประกอบใดบ้าง? 2. การเขียนโปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์แตกต่างจากการเขียน โปรแกรมแอปพลิเคชันทั่วไปอย่างไร? 3. อะไรคือระบบปฏิบัติการและบทบาทของระบบปฏิบัติการใน ระบบคอมพิวเตอร์? 4. การเลือกใช้ภาษาโปรแกรมในการเขียนโปรแกรมระบบ คอมพิวเตอร์มีความสำคัญอย่างไร? 5. การทดสอบและการประเมินคุณภาพระบบคอมพิวเตอร์เป็น องค์ประกอบสำคัญของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่?
6. ส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ใดที่มีบทบาทสำคัญในการรันระบบ ปฏิบัติการและโปรแกรมระบบ? 22 7. อะไรคือโปรแกรมไดรเวอร์และบทบาทของโปรแกรมไดรเวอร์ ในระบบคอมพิวเตอร์? 8. การวางแผนและออกแบบระบบคือกระบวนการอะไรและทำไม มีความสำคัญ? 9. ความแตกต่างระหว่างเฟรมเวิร์กและไลบรารีในการพัฒนา โปรแกรมระบบคืออะไร? 10. การบำรุงรักษาและการดูแลระบบคอมพิวเตอร์เป็นอะไรที่ สำคัญหรือไม่และทำอย่างไร?
บทที่ 3 COMPUTER NETWORK เครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ บทนำ เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ใน สมัยปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร โดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญ ในการเชื่อมต่อและส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ รวม ถึงการเข้าถึงทรัพยากรร่วมกัน สำหรับองค์กรหรือกลุ่มงานที่ใช้งาน คอมพิวเตอร์หลายเครื่อง การใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้ผู้ใช้ งานสามารถแชร์ข้อมูลและทรัพยากรร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 24 ในบทนำนี้ เราจะสำรวจหน้าที่และประโยชน์ของเครือข่าย คอมพิวเตอร์ รวมถึงองค์ประกอบสำคัญที่นำเสนอในเครือข่าย คอมพิวเตอร์ เพื่อให้คุณเข้าใจและรับรู้ถึงความสำคัญของเครือข่าย คอมพิวเตอร์ในระบบองค์กรหรือองค์กรที่ทำงานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ หน้าที่ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์คือการเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่าง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ทรัพยากร และบริการร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเครือข่าย คอมพิวเตอร์มีประโยชน์สำคัญต่อองค์กร ได้แก่
1.การแบ่งปันข้อมูลและทรัพยากร: เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้ผู้ใช้ งานสามารถแชร์และเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรต่าง ๆ ที่อยู่บนเครือ ข่ายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งส่งผลให้การทำงานร่วมกันระหว่างทีมงาน หรือแผนกต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว 2.การสื่อสารและการทำงานร่วมกัน: เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้ผู้ ใช้งานสามารถสื่อสารระหว่างกันได้โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นการส่ง ข้อความ การแชท การส่งไฟล์ หรือการใช้งานแอปพลิเคชันร่วมกัน ทำให้การทำงานร่วมกันและการปฏิบัติงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ 25 3.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นทางเชื่อมต่อ กับโลกออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง ข้อมูลและบริการออนไลน์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น เว็บไซต์ เมล โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 4.การจัดการและควบคุมเครือข่าย: เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้ผู้ ดูแลระบบสามารถควบคุมและจัดการเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล การควบคุมความปลอดภัย และการจัดการการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 5.การสนับสนุนการทำงานระยะไกล: เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้ผู้ ใช้งานสามารถทำงานจากที่ไกลโดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่ เดียวกัน โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ผ่านทาง อินเทอร์เน็ตได้ ทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการทำงานและการบริหาร งาน 26 ในบทความต่อไป เราจะสำรวจรายละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบ สำคัญที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อุปกรณ์เครือข่าย เครือข่าย สาย เครือข่ายไร้สาย โปรโตคอลเครือข่าย และระบบการเครือข่าย เพื่อให้คุณเข้าใจและรับรู้ถึงความสำคัญและการใช้งานของเครือข่าย คอมพิวเตอร์ในระบบองค์กรของคุณอย่างมีประสิทธิภาพและเต็ม ประสิทธิภาพ
บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับวิศกรรมคอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับวิศกรรมคอมพิวเตอร์เป็นระบบที่ใช้ ในการเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ที่ใช้ในงานวิ ศกรรมคอมพิวเตอร์ เครือข่ายนี้มีบทบาทสำคัญในการแลกเปลี่ยน ข้อมูลและทรัพยากรระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ภายใน องค์กรหรือระหว่างองค์กรต่าง ๆ 27 มีลักษณะและความซับซ้อนต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับขนาดและความ ต้องการขององค์กรหรือโครงการที่ใช้งาน เครือข่ายนี้สามารถประกอบ ด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น 1.อุปกรณ์เครือข่าย: เครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับวิศกรรม คอมพิวเตอร์มักประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ เรา เตอร์(ROUTER) สวิทช์เน็ตเวิร์ค และอุปกรณ์เน็ตเวิร์คอื่น ๆ ที่ใช้ ในการแบ่งส่วนเครือข่ายและการส่งข้อมูล และแบบจำลองเครือข่าย (NETWORK INTERFACE CARDS - NICS) ที่ใช้ในการเชื่อม ต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับเครือข่าย เพื่อให้เครือข่ายสามารถทำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ และสื่อสารกัน เช่น เราเตอร์ ที่ใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายย่อย
บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2.เครือข่ายสาย: สายเคเบิลแลน (ETHERNET) เป็นตัวอย่างของ เครือข่ายสายที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับวิศกรรม คอมพิวเตอร์ สายเคเบิลแลนสามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงและ มีการรับประกันความน่าเชื่อถือในการสื่อสารข้อมูล 3.เครือข่ายไร้สาย: เครือข่ายไร้สาย (WIRELESS NETWORK) ใช้ เทคโนโลยีไร้สายและที่ใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์และส่งข้อมูล เป็นสัญญาณวิทยุ เช่น WI-FI ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ภายในเครือข่าย สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับ เครือข่ายได้อย่างยืดหยุ่นและเคลื่อนที่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสาย เชื่อมต่อ 28 4.โปรโตคอลเครือข่าย: เครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับวิศกรรม คอมพิวเตอร์ใช้โปรโตคอลต่าง ๆ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ภายในเครือ ข่ายสามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ เช่น TCP/IP (TRANSMISSION CONTROL PROTOCOL/INTERNET PROTOCOL) ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วยเลเยอร์หลักในการส่งข้อมูล 4 เลเยอร์หลัก ได้แก่ เลเยอร์แอปพลิเคชัน (APPLICATION LAYER), เลเยอร์ ทรานสปอร์ต (TRANSPORT LAYER), เลเยอร์อินเทอร์เน็ต (INTERNET LAYER), และเลเยอร์เชื่อมต่อเครือข่าย (NETWORK INTERFACE LAYER).
บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 5.ระบบการจัดการเครือข่าย: เครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับวิศกรรม คอมพิวเตอร์มักใช้ระบบการจัดการเครือข่ายเพื่อให้ผู้ดูแลระบบ สามารถควบคุมและดูแลเครือข่ายได้ง่ายขึ้น เช่น การกำหนดสิทธิ์ การเข้าถึงข้อมูล การจัดการความปลอดภัย เป็นต้น 29 6.ความปลอดภัยเครือข่าย: เครือข่ายคอมพิวเตอร์ต้องมีการรักษา ความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการโจมตี ต่าง ๆ เช่น การใช้งานรหัสผ่านที่ปลอดภัย, การใช้งานระบบ FIREWALL ในการควบคุมการเข้าถึงและออกจากเครือข่าย, การใช้ งานระบบการตรวจจับการบุกรุก (INTRUSION DETECTION SYSTEM - IDS) เพื่อตรวจสอบภัยคุกคามที่เป็นไปได้, และการ ใช้งานระบบการตรวจจับและป้องกันไวรัส (ANTIVIRUS SYSTEM) เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล 7.บริการเครือข่าย: เครือข่ายคอมพิวเตอร์ให้บริการต่างๆ เพื่อรองรับ ความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น การแชร์ไฟล์และพิมพ์ร่วมกัน (FILE AND PRINT SHARING) การแชทและการส่งข้อความ (MESSAGING), การสื่อสารเสียงและวิดีโอ (VOICE AND VIDEO COMMUNICATION), การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (INTERNET ACCESS), และบริการอื่น ๆ เช่น DNS (DOMAIN NAME SYSTEM) ที่ใช้ในการแปลงชื่อโดเมนเป็นที่อยู่ IP และ DHCP (DYNAMIC HOST CONFIGURATION PROTOCOL) ที่ใช้ในการกำหนด IP อัตโนมัติ
บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 8.การสำรวจและการวิเคราะห์ปัญหา: เครือข่ายคอมพิวเตอร์ต้องมี เครื่องมือและเทคนิคในการสำรวจและวิเคราะห์ปัญหา เพื่อตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบ เช่น การใช้งานเครื่องมือตรวจ สอบสายเคเบิล (CABLE TESTER) เพื่อตรวจสอบสายเคเบิลที่ ชำรุด, การใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์การส่งข้อมูล (PACKET ANALYZER) เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์การส่งข้อมูลในเครือข่าย 9.การเข้าถึงและการจัดการทรัพยากรเครือข่าย: เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและจัดการทรัพยากรเครือข่ายได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เช่น การจัดการแบนด์วิดท์ (BANDWIDTH MANAGEMENT) เพื่อควบคุมและจัดสรรทรัพยากรเครือข่ายให้ เหมาะสม การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล (ACCESS CONTROL) เพื่อควบคุมการเข้าถึงและการใช้งานทรัพยากร, และการจัดการผู้ใช้ งาน (USER MANAGEMENT) เพื่อการตั้งค่าและการจัดการผู้ใช้ งานในเครือข่าย 30 เครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับวิศกรรมคอมพิวเตอร์มีความสำคัญอย่าง มากในการสนับสนุนการทำงานของวิศกรรมคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทรัพยากรระหว่างคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังช่วย ให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ เช่นอินเทอร์เน็ตและระบบเก็บ ข้อมูลเพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น
บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ บทสรุป 31 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นระบบที่สำคัญและมีบทบาทสำคัญใน วงการวิศกรรมคอมพิวเตอร์ การใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้ผู้ใช้ งานสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และเข้า ถึงทรัพยากรร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้ยัง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รวมถึงเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ได้ สำคัญอย่างมากในเครือข่ายคอมพิวเตอร์คือการแบ่งปันข้อมูลและ ทรัพยากร ผู้ใช้งานสามารถแชร์และเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรต่าง ๆ บนเครือข่ายได้อย่างง่ายดาย ทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างทีมงาน หรือแผนกต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เครือข่ายคอมพิวเตอร์ยังช่วยในการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารระหว่างกันได้โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นการส่ง ข้อความ การแชท การส่งไฟล์ หรือการใช้งานแอปพลิเคชันร่วมกัน ทำให้การทำงานร่วมกันและการปฏิบัติงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ยังเป็นทางเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ผ่าน ทางอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการออนไลน์ ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น เว็บไซต์ เมล โซเชียลมีเดีย และ แอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 32 ท้ายที่สุด เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ ควบคุมและจัดการเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการ กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล การควบคุมความปลอดภัย และการ จัดการการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การทำงาน และการสื่อสารขององค์กรมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายในโลกที่ เชื่อมต่อกันแบบดิจิตอลของวันนี้
บทที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คำถามท้ายบท 1.โปรโตคอลเครือข่าย TCP/IP ประกอบด้วยเลเยอร์หลักในการส่ง ข้อมูลกี่เลเยอร์? 2.คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรงใช้อุปกรณ์อะไร เป็นที่เชื่อมต่อหลัก? 3.โครงสร้างเครือข่ายแบบไร้สายที่ใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์และส่ง ข้อมูลเป็นสัญญาณวิทยุคืออะไร? 4.คำว่า \"FIREWALL\" ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์หมายถึงอะไร?ฃ 5.การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล ภาษาอังกฤษ คืออะไร? 6.ความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการ โจมตีต่าง ๆ เช่น? 7.เครือข่ายคอมพิวเตอร์ให้บริการต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ ใช้งาน เช่น? 8.การสำรวจและการวิเคราะห์ปัญหา เพื่อตรวจสอบอะไรบ้าง ยก ตัวอย่าง? 9.การเข้าถึงและการจัดการทรัพยากรเครือข่าย ผู้ใช้งานสามารถเข้า ถึงและจัดการทรัพยากรเครือข่ายได้ ยกตัวอย่าง? 10.ระบบการจัดการเครือข่าย มักใช้ระบบการจัดการเครือข่ายเพื่อ? 33
บทที่ 4 ฮาร์ดเเวร์และระ บบคอมพิวเตอร์ Hardware and Computer systems บทนำ ฮาร์ดแวร์และระบบคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราในปัจจุบัน ฮาร์ดแวร์เป็นส่วนที่ กำหนดคุณสมบัติและความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์ส่วนระบบคอมพิวเตอร์ เป็นซอฟต์แวร์ ที่ประมวลผลข้อมูลและจัดการทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์
ฮาร์ดแวร์ (Hardware) 35 ฮาร์ดแวร์เป็นส่วนที่กำหนดโครงสร้างพื้นฐานของระบบ คอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำหน้าที่ในการ ประมวลผลข้อมูล และให้บริการสำหรับผู้ใช้งาน อาทิเช่น 1.เมนบอร์ด (Mainboard) เป็นอุปกรณ์หลักในคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ใน ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งเป็นตัวกลาง ในการเชื่อมต่อระบบต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ โดยประกอบด้วยวงจร และช่องต่อต่างๆ ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์ เช่น หน่วยประมวลผล (CPU), หน่วยความจำ (RAM), การ์ดแสดง ผล (Graphics card), การ์ดเสียง (Sound card), ฮาร์ดไดรฟ์ (Hard drive), อุปกรณ์เชื่อมต่อภายนอก (USB, HDMI, Ethernet, ฯลฯ) และอื่นๆ นอกจากนี้ เมนบอร์ดยังมีฟังก์ชันใน การรองรับและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบ คอมพิวเตอร์อีกด้วย
2.ซีพียู (CENTRAL PROCESSING UNIT) 36 หรือหน่วยประมวลผลหลักคือส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์ที่ทำ หน้าที่ประมวลผลคำสั่งและข้อมูลที่เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็น ส่วนสำคัญที่สุดของระบบคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ในการควบคุมการ ทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ และดำเนินการทางคณิตศาสตร์และตรรกะ เพื่อประมวลผลข้อมูล CPU ประกอบด้วยหน่วยความจำแคช (CACHE MEMORY) ที่ใช้เก็บข้อมูลชั่วคราวเพื่อเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล และหน่วยประมวลผล (ARITHMETIC LOGIC UNIT - ALU) ที่ทำการดำเนินการทางคณิตศาสตร์และตรรกะ เช่น การบวก การลบ การคูณ การหาร การเปรียบเทียบ เป็นต้น CPU ทำงานโดยการรับคำสั่งและข้อมูลจากหน่วยความจำ (MEMORY) และทำการประมวลผลตามคำสั่งที่ได้รับ จากนั้น จึงส่งผลลัพธ์ออกไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น แสดงผลทางหน้าจอ การเขียนข้อมูลลงบนฮาร์ดไดรฟ์ หรือการสื่อสารกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับระบบ ในสมัยปัจจุบัน CPU มีหลายรุ่นและยี่ห้อต่างๆ ซึ่งมี ความ สามารถและประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน โดยรุ่นล่าสุดมักมี ประสิทธิภาพที่สูงมาก เช่น INTEL CORE I9 หรือ AMD RYZEN 9 ซึ่งสามารถรองรับงานที่ซับซ้อนและการเล่นเกมที่ ต้องการประสิทธิภาพสูงได้
3.หน่วยความจำแรม (RANDOM ACCESS MEMORY - RAM) เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้เก็บข้อมูลชั่วคราว ในขณะที่คอมพิวเตอร์กำลังทำงาน ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่ CPU สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว 37 RAM มีหน้าที่เก็บข้อมูลที่ใช้งานในขณะนั้นเช่น โปรแกรมที่กำลัง เปิดใช้งาน ข้อมูลที่ถูกนำเข้ามาจากอุปกรณ์ภายนอก เป็นต้น ซึ่ง ข้อมูลใน RAM สามารถอ่านและเขียนได้โดยตรงโดย CPU ข้อดีของ RAM คือความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ โดยเมื่อ โปรแกรมถูกเปิดใช้งาน RAM จะเก็บข้อมูลโปรแกรมนั้นไว้ ในหน่วยความจำ ทำให้ CPU สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่าง รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม RAM เป็นหน่วยความจำชั่วคราว ซึ่งหมายความว่า ข้อมูลที่เก็บใน RAM จะถูกล้างหรือสูญหายเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ ถูกปิด ดังนั้น เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ถูกเปิดใช้งานใหม่ จำเป็นต้อง โหลดข้อมูลใหม่ลงใน RAM เพื่อให้โปรแกรมและระบบทำงานได้ ต่อเนื่อง
4.การ์ดจอ (Graphics Card) 38 หรือหน่วยประมวลผลกราฟิก คืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลและควบคุมการแสดงผลกราฟิก สามารถ เชื่อมต่อกับเมนบอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต PCI Express หรือขนาดใหญ่กว่าอาจเชื่อมต่อผ่านสล็อต AGP (Accelerated Graphics Port) ซึ่งมักใช้สำหรับการเล่นเกมหรือ งานกราฟิกที่ต้องการประสิทธิภาพสูง การ์ดจอมีหน่วยประมวลผลแบบพิเศษที่เรียกว่า GPU (Graphics Processing Unit) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการประมวล ผลของภาพ การ์ดจอที่มี GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงจะช่วยให้ เกมหรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานกราฟิกหนักโหลดแสดงผลได้ อย่างราบรื่นและเร็วขึ้น
5.ระบบปฏิบัติการ (Operating System) 39 คือซอฟต์แวร์ที่จัดการและควบคุมทรัพยากรต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานและประมวลผลข้อมูล ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ซึ่งระบบปฏิบัติการเป็น ตัวกลางที่เชื่อมต่อระหว่างฮาร์ดแวร์ (Hardware) และซอฟต์แวร์ (Software) โดยจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์ เช่น หน่วยประมวลผล (CPU), หน่วยความจำ (Memory), อุปกรณ์นำทาง (Input/Output Devices) และแบตเตอรี่ เป็นต้น ระบบปฏิบัติการมีหน้าที่ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน (Applications) และผู้ใช้งาน โดยให้บริการฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น การจัดการและการจัดสรรทรัพยากร, การสื่อสารระหว่าง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์, การจัดการและควบคุมการทำงานของ ระบบไฟล์ การจัดการเครือข่าย การรักษาความปลอดภัย และ ฟังก์ชันอื่น ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้งานมากที่สุดในปัจจุบันรวมถึง Windows, macOS, Linux, iOS, Android และอื่น ๆ ระบบปฏิบัติการมีหลายรุ่นและเวอร์ชันที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงความสามารถและประสิทธิภาพในการใช้งานตาม ความต้องการของผู้ใช้งาน
6.ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน (Application Software) คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการช่วยประสาน งานและให้บริการแก่ผู้ใช้งานในรูปแบบของแอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมประยุกต์ที่สามารถทำงานบนอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์เช่นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) หรือเครื่องมือ อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่นสมาร์ทโฟน (Smartphone) หรือ แท็บเล็ต (Tablet) เป็นต้น 40 ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันมักถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำงานตาม ความต้องการของผู้ใช้งาน อาทิเช่น ซอฟต์แวร์สำหรับการ จัดการเอกสาร (เช่น Microsoft Word) ที่ใช้ในการสร้าง และแก้ไขเอกสาร หรือซอฟต์แวร์สำหรับการแก้ไขรูปภาพ (เช่น Adobe Photoshop) ที่ใช้ในการปรับแต่งรูปภาพต่าง ๆ
41 ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันมีความหลากหลายและรวมถึงการให้ บริการในหลายๆ ด้าน เช่น เกมคอมพิวเตอร์, โปรแกรม ประยุกต์สำหรับการทำงานในสำนักงาน, แอปพลิเคชันสื่อ สังคม, แอปพลิเคชันทางการเงิน, แอปพลิเคชันท่องเที่ยว และอื่นๆ อีกมากมาย ความสามารถและฟังก์ชันของ แอปพลิเคชันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และการออกแบบของ แอปพลิเคชันนั้นๆ ความหลากหลายในซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันมีการแบ่งแยก ตามประเภทและฟังก์ชันที่แตกต่างกัน ยังมีแพลตฟอร์มและ ระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันที่รองรับซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน ต่าง ๆ เช่น iOS สำหรับ iPhone และ iPad, Android สำหรับอุปกรณ์พวกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต, Windows สำหรับเดสก์ท็อปและแท็บเล็ต, macOS สำหรับเครื่อง คอมพิวเตอร์แม็ค, และอื่น ๆ นอกจากนี้, ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันยังมีความหลากหลายใน เชิงเทคโนโลยี อย่างเช่น แอปพลิเคชันเว็บเบราว์เซอร์, แอปพลิเคชันเกมระดับสูงที่ใช้กราฟิก 3 มิติ, แอปพลิเคชัน เพื่อสื่อสารในเวลาเกือบจริง (Virtual Reality) หรือ แอปพลิเคชันเพื่อสร้างโลกเสมือน (Augmented Reality) ซึ่งทั้งหมดนี้มีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
สรุป 42 ฮาร์ดแวร์และระบบคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนการทำงาน ของคอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ดังนั้น เราสามารถสรุปเกี่ยว กับฮาร์ดแวร์และระบบคอมพิวเตอร์ได้ดังนี้: 1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware): ฮาร์ดแวร์เป็นอุปกรณ์ทางฟิสิกส์ที่ ประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น เมนบอร์ด, หน่วย ประมวลผล (CPU), หน่วยความจำ (RAM), ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk), การ์ดกราฟิก (Graphics Card), และอุปกรณ์ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ จำเป็นต้องเข้ากันได้และสอดคล้องกับระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้ เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน 2.ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System): ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นส่วนประกอบที่รวมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อ ให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบ คอมพิวเตอร์ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ที่กล่าวมาและซอฟต์แวร์เช่น ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ที่ควบคุมและจัดการ ทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์, ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันที่ใช้ ในการดำเนินงานเฉพาะ เช่น เว็บเบราว์เซอร์, โปรแกรมการ สร้างเอกสาร, และโปรแกรมแก้ไขภาพ รวมถึงผู้ใช้งานที่เป็น ส่วนสำคัญในการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์
ประสิทธิภาพและความสามารถ: การออกแบบฮาร์ดแวร์และ ระบบคอมพิวเตอร์มีผลต่อประสิทธิภาพและความสามารถของ เครื่องคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถ ประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วและเล่นเกมหนักได้อย่างราบรื่น ระบบปฏิบัติการที่เสถียรและมีความสามารถสูงสามารถรองรับ การทำงานของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ดี และผู้ใช้งานที่มี ความรู้และทักษะในการใช้งานคอมพิวเตอร์สามารถใช้งาน อย่างเต็มประสิทธิภาพได้ 43 ฮาร์ดแวร์และระบบคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานของ คอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชัน และการเลือกฮาร์ดแวร์และระบบ คอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมสามารถช่วยให้เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลในการใช้งานได้อย่างมาก คำถามท้ายบทที่ 4 1.เมนบอร์ดคืออะไรและบทบาทที่สำคัญของมันคืออะไร? 2.ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อเมนบอร์ดสำหรับคอมพิวเตอร์คือ อะไร? 3.ซีพียู (CPU) คืออะไรและมีหน้าที่อะไรในคอมพิวเตอร์?
4.มีตระกูลหรือรุ่นของซีพียูในตลาดปัจจุบันมากน้อยแค่ไหนและมี ความแตกต่างกันอย่างไร? 44 5.หน่วยความจำแรมคืออะไรและหน้าที่ของมันคืออะไร? 6.อะไรคือความแตกต่างระหว่างหน่วยความจำแรมแบบ RAM และ ROM? 7.ความหมายของคำว่า \"การ์ดจอ\" คืออะไร? 8.สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกซื้อการ์ดจอคืออะไรบ้าง? 9.การตัดสินใจเลือกซื้อการ์ดจอชนิดใดที่เหมาะกับความต้องการใน การเล่นเกมหรือการทำงานที่ต้องการกราฟิกสูงควรพิจารณาอะไร? 10.ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันคืออะไรและวัตถุประสงค์หลักของการ พัฒนาซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันคืออะไร? 11.องค์ประกอบหลักของกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน คืออะไร? 12.การทดสอบและปรับปรุงซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันเป็นกระบวนการ อย่างไรและทำไมสำคัญต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน?
บทที่5 การสร้าปงัแญลญะพาัปฒระนดาิษแบฐ์บจำลอง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117