คมู อื มาตรการในการปองกันและแกไ ขปญ หา การลวงละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการทำงาน
ค�ำ น�ำ มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี คร้งั แรก เม่อื วันท่ ี 16 มิถุนายน 2558 แต่จากการดำ�เนินงาน ตามมาตรการฯ ทผ่ี า่ นมาพบวา่ มาตรการดงั กลา่ วไมค่ รอบคลมุ ถงึ กระบวนการไตส่ วน และการคมุ้ ครอง ผู้ร้องเรียน พยาน รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาอย่างแท้จริง และนอกจากน้ียังพบว่าหน่วยงานภาครัฐ และ รฐั วสิ าหกจิ บางหนว่ ยงานยังมีเหตุการณ์การลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งานเกดิ ขน้ึ คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (สทพ.) ซ่ึงเป็นคณะกรรมการระดับชาติ จึงมีมติเห็นชอบให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคง ของมนุษย์ ทบทวนและปรับปรุงมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ในการทำ�งานให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน ต่อมากรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวได้เสนอปรับปรุง มาตรการฯ จากเดมิ 7 ขอ้ เปน็ 12 ขอ้ โดยครอบคลมุ ถงึ การประกาศเจตนารมณเ์ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร การจัดทำ�แนวปฏิบัติตามมาตรการฯ การให้ความรู้และสร้างความตระหนักกับบุคลากรในองค์กร การกำ�หนดกลไกการร้องทุกข์ภายในหน่วยงาน การจัดการข้อร้องเรียนหรือร้องทุกข์ การคุ้มครอง ผู้ ร้ อ ง ทุ ก ข์ แ ล ะ ผู้ เ ป็ น พ ย า น แ ล ะ ก า ร คุ้ ม ค ร อ ง ผู้ ถู ก ก ล่ า ว ห า จ น ก ร ะ ทั่ ง เ ดื อ น ม ก ร า ค ม 2 5 6 3 ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ส ท พ . ไ ด้ มี ม ติ ใ ห้ เ ส น อ ม า ต ร ก า ร ดั ง ก ล่ า ว ต่ อ ค ณ ะ รั ฐ ม น ต รี เ พ่ื อ เ ห็ น ช อ บ แ ล ะ ประกาศใช้ต่อไป คณะรัฐมนตรีมีมติเม่ือวันที่ 21 เมษายน 2563 เห็นชอบมาตรการในการป้องกันและแก้ไข ปญั หาการลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน ตามทก่ี ระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คง ของมนุษย์เสนอ โดยมอบหมายให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวทำ�หน้าท่เี ป็นศูนย์ประสาน ก า ร ป้ อ ง กั น แ ล ะ แ ก้ ไข ปั ญ ห า ก า ร ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด ห รื อ คุ ก ค า ม ท า ง เ พ ศ ใ น ก า ร ทำ � ง า น ( ศ ป ค พ . ) แ ล ะ สร้างความเข้าใจกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รวมถึงเอกชน ในการดำ�เนินงานตามมาตรการ อย่างถกู ต้องและท่ัวถงึ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวหวังเป็นอย่างย่ิงว่าคู่มือฉบับนี้จะช่วยให้หน่วยงาน และผู้ปฏิบัติงานมีแนวทางในการดำ�เนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา การล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน หากมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำ�ขออภัย ไว ้ ณ ที่น้ี กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครวั มีนาคม 2564
สารบัญ 10. หลกั การสำ�คญั ของมาตรการ ในการปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หา การล่วงละเมดิ หรือคกุ คาม ทางเพศในการท�ำ งาน 18 11. แนวทางการดำ�เนินงาน เม่ือเกดิ ปญั หาการล่วงละเมิด 1. ความเปน็ มา 1 หรอื คุกคามทางเพศในการทำ�งาน 22 2. กฎหมายท่ีเก่ยี วข้อง 3. สถานการณ์ของการลว่ งละเมดิ 2 12. แนวทางการป้องกนั ไม่ให ้ หรือคุกคามทางเพศในประเทศไทย 5 เกดิ การลว่ งละเมิดหรือคุกคาม 4. แนวคิดในการกำ�หนด ทางเพศในการทำ�งาน 26 แนวทางการจัดการปญั หา 7 13. หน่วยรับเร่อื งร้องทกุ ข ์ 27 11 14. ชอ่ งทางและวธิ กี ารรอ้ งทกุ ข ์ 28 5. นยิ าม 6. รปู แบบของการลว่ งละเมิด หรอื คุกคามทางเพศในการท�ำ งาน 13 7. พฤตกิ รรมการล่วงละเมิด หรือคกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 14 8. ผลกระทบของการลว่ งละเมดิ หรือคุกคามทางเพศในการท�ำ งาน 16 9. มาตรการในการป้องกันและแก้ไข ปญั หาการลว่ งละเมิดหรือคุกคาม ทางเพศในการทำ�งาน 17
สารบัญ ภาคผนวก ก หนังสือส�ำ นักเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรเี ร่อื งเหน็ ชอบมาตรการในการป้องกัน และแก้ไขปญั หาการลว่ งละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน 30 ข กฎ ก.พ. ว่าด้วยการกระทำ�อันเป็นล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ พ.ศ. 2553 31 ค ตวั อย่างประกาศเจตนารมณ์ในการการป้องกนั และแก้ไข 34 ปัญหาการลว่ งละเมดิ หรือคกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน ง แบบรายงานผลการด�ำ เนนิ งานตามมาตรการป้องกนั และแก้ไข 36 ปญั หาการล่วงละเมดิ หรอื คุกคามทางเพศในการท�ำ งาน จ กระบวนการรับเรอ่ื งรอ้ งเรยี น กรณกี ารล่วงละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศ ในการทำ�งานของกรมกจิ การสตรแี ละสถาบนั ครอบครวั 39
ความเป็นมา การส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการเสริมพลังเป็นหลักการสำ�คัญ ที่ประชาคมโลกได้กำ�หนดไว้ร่วมกัน โดยประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วย การขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women: CEDAW) ซึ่งมีผลบังคับใช้ ตั้ ง แ ต่ วั น ที่ 8 กั น ย า ย น 2 5 2 8 ส่ ง ผ ล ใ ห้ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย มี ข้ อ ผู ก พั น ใ น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สิทธิมนุษยชนของสตรี คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิสตรี เพ่ือให้เกิดความเท่าเทียมกัน ของหญิงและชาย และความเป็นธรรมทางสังคมบนพ้ืนฐานในเรื่องเพศ และห้าม ไม่ให้กระทำ�การเลือกปฏิบัติโดยเง่ือนไขต่าง ๆ รวมถึงเงื่อนไขในเร่ืองเพศ รวมถึง การกำ�หนดกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development G o a l s : S D G s ) ต า ม ท่ี อ ง ค์ ก า ร ส ห ป ร ะ ช า ช า ติ ไ ด้ จั ด ทำ � ข้ึ น เ มื่ อ ปี พ . ศ . 2 5 5 8 เพื่อเป็นทิศทางการพัฒนาประเทศระยะยาว 15 ปี โดยเริ่มต้ังแต่ปี พ.ศ. 2558 – 2573 ในเป้าหมายท่ี 5 คือ บรรลุความเท่าเทียมระหว่างเพศ และเสริมสร้าง ความเขม้ แข็งใหแ้ ก่สตรีและเด็กหญงิ (Achieve gender equality and empower all women and girls) ส่งผลให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต้องกำ�หนดนโยบาย และทศิ ทางการด�ำ เนินงาน ดา้ นการส่งเสรมิ ความเสมอภาคระหวา่ งหญิงชาย
กฎหมายที่เกยี่ วขอ้ ง ประเทศไทยให้ความสำ�คัญกับการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และ การเคารพศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ มีการกำ�หนดหลักการเก่ียวกับการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ และความเสมอภาคของประชาชนชาวไทยไว้ ในรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยหลายฉบับ โดยฉบับปัจจบุ ัน ฉบับปพี ุทธศักราช 2560 มีการกำ�หนดไว้ในมาตรา 4 ว่า “ศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และ ความเสมอภาคของบคุ คลย่อมได้รบั ความค้มุ ครอง ปวงชนชาวไทยยอ่ มไดร้ ับความคมุ้ ครองตามรฐั ธรรมนูญเสมอกัน” ม า ต ร า 2 7 ที่ บั ญ ญั ติ ไว้ ว่ า “ บุ ค ค ล ย่ อ ม เ ส ม อ กั น ใ น ก ฎ ห ม า ย มี สิ ท ธิ แ ล ะ เสรีภาพและไดร้ บั ความคมุ้ ครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเร่ืองถ่ินกำ�เนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรอื สขุ ภาพ สถานะของบคุ คล ฐานะทางเศรษฐกจิ หรอื สงั คม ความเชอ่ื ทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติ แหง่ รฐั ธรรมนญู หรอื เหตอุ น่ื ใด จะกระท�ำ มไิ ด ้ มาตรการที่รัฐกำ�หนดขึ้นเพ่ือขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถ ใช้ สิ ท ธิ ห รื อ เ ส รี ภ า พ ไ ด้ เช่ น เ ดี ย ว กั บ บุ ค ค ล อื่ น ห รื อ เ พ่ื อ คุ้ ม ค ร อ ง ห รื อ อำ � น ว ย ความสะดวกให้แก่เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือผู้ด้อยโอกาส ย่อมไม่ถือว่า เปน็ การเลอื กปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม 2 คู่มือมาตรการในการป้องกันและแกไ้ ขปัญหา
บุคคลผู้เป็นทหาร ตำ�รวจ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่อ่ืนของรัฐ และพนักงาน หรือลูกจ้างขององค์กร ของรัฐย่อมมีสิทธิและเสรีภาพเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป เว้นแต่ที่จํากัดไว้ในกฎหมายเฉพาะในส่วนท่ีเกี่ยวกับการเมือง สมรรถภาพ วินัย หรือจรยิ ธรรม” มาตรา 68 กำ�หนดว่า “รัฐพึงจัดระบบบริหารงานในกระบวนการยุติธรรม ทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และให้ประชาชนเข้าถึง กระบวนการยตุ ธิ รรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว และไมเ่ สยี คา่ ใชจ้ ่ายสงู เกนิ สมควร” ม า ต ร า 7 1 ว ร ร ค 3 กำ � ห น ด ว่ า “ รั ฐ พึ ง ใ ห้ ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ด็ ก เ ย า ว ช น สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส ให้สามารถดำ�รงชีวิตได้อย่าง มีคณุ ภาพ และคมุ้ ครองป้องกนั มิใหบ้ คุ คลดังกล่าวถกู ใช้ความรุนแรงหรอื ปฏิบัติอยา่ ง ไม่เปน็ ธรรม รวมตลอดทงั้ ให้การบำ�บัด ฟ้ืนฟูและเยยี วยาผู้ถกู กระทำ�การดงั กล่าว” พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เป็นการแสดงความ มงุ่ มน่ั ของประเทศไทยในการสง่ เสรมิ ความเสมอภาคระหวา่ งเพศ โดยก�ำ หนดการหา้ ม การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ อันหมายถึงการกระทำ�หรือไม่กระทำ� การใด อันเป็นการแบ่งแยก กีดกัน หรือจํากัดสิทธิประโยชน์ใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม โดยปราศจากความชอบธรรม เพราะเหตุท่ีบุคคลน้ันเป็นเพศชายหรือ เพศหญิง หรือมีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดยกำ�เนิด นอกจากน ้ี ประเทศไทยมกี ฎหมายทก่ี ลา่ วถงึ การลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศ ได้แก่ พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับท่ ี 22) พ.ศ. 2558 แก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 กำ�หนดให้การรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำ�ให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำ�คาญ ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกิน 5,000 บาท และหากกระทำ�ในสาธารณสถาน ต่อหน้าธารกำ�นัล หรือส่อไป ใ น ท า ง ล่ ว ง เ กิ น ท า ง เ พ ศ ร ว ม ทั้ ง ห า ก ก ร ะ ทำ � โ ด ย ผู้ บั ง คั บ บั ญ ช า น า ย จ้ า ง ห รื อ ผู้มีอำ�นาจเหนือ ต้องระวางโทษจำ�คุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ห รื อ ท้ั ง จำ � ท้ั ง ป รั บ ส่ ว น ก า ร ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด ห รื อ คุ ก ค า ม ท า ง เ พ ศ ใ น ก า ร ทำ � ง า น ข อ ง ภ า ค เ อ ก ช น ไ ด้ แ ก่ พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ คุ้ ม ค ร อ ง แร ง ง า น ( ฉ บั บ ที่ 2 ) พ . ศ . 2 5 5 1 การลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 3
คมุ้ ครองแรงงานในระบบ ทห่ี า้ มมใิ หน้ ายจา้ ง หวั หนา้ งาน ผคู้ วบคมุ งาน หรอื ผตู้ รวจงาน กระทำ�การล่วงเกิน คุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนรำ�คาญทางเพศต่อลูกจ้าง ส�ำ หรบั รฐั วสิ าหกจิ มปี ระกาศคณะกรรมการรฐั วสิ าหกจิ สมั พนั ธ ์ เรอ่ื ง มาตรฐานขน้ั ตา่ํ ของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2549 ท่ีออกตามความในพระราชบัญญัติ แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 คุ้มครองพนักงานรัฐวิสาหกิจท่ีห้ามมิให้ นายจา้ ง ผซู้ ง่ึ เปน็ หวั หนา้ งาน ผคู้ วบคมุ งาน หรอื ผตู้ รวจงานกระท�ำ การลว่ งเกนิ คกุ คาม หรือก่อความเดือดร้อนรำ�คาญทางเพศต่อลูกจ้าง และในส่วนของข้าราชการพลเรือน มี พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ร ะ เ บี ย บ ข้ า ร า ช ก า ร พ ล เรื อ น พ . ศ . 2 5 5 1 ป ร ะ ม ว ล จ ริ ย ธ ร ร ม ข้าราชการพลเรือน ที่กำ�หนดให้ข้าราชการพลเรือนทุกตำ�แหน่งต้องมีคุณธรรม ศีลธรรม และมีจิตสำ�นึกในด้านจริยธรรม รวมถึง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการกระทำ�การ อั น เ ป็ น ก า ร ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด ห รื อ คุ ก ค า ม ท า ง เ พ ศ พ . ศ . 2 5 5 3 กำ � ห น ด ก า ร ก ร ะ ทำ � อันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศไว้ ซึ่งเป็นการคุ้มครองข้าราชการพลเรือน เจา้ หน้าทีใ่ นหน่วยงานของรฐั ทอี่ ยภู่ ายใตพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบข้าราชการพลเรอื น 4 คู่มอื มาตรการในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา
สถานการณ์ของการล่วงละเมิดหรือคกุ คามทางเพศ ในประเทศไทย สถานการณ์ของการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศก็ยังเป็นปัญหาท่ีเกิดขึ้น อย่างต่อเน่ือง ศูนย์สำ�รวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ร่วมกับ ศูนย์สาธารณประโยชน์ และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ดำ�เนินการสำ�รวจ ความคิดเห็นจากนักเรียน นักศึกษา ช่วงอายุ 15 - 25 ปี ทุกภูมิภาค ท่ัวประเทศ ระหว่างวันที่ 14 – 20 กันยายน 2563 จำ�นวน 1,197 หน่วยตัวอย่าง พบว่า มี ผู้ เ ค ย ถู ก ล ว น ล า ม ห รื อ ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด ท า ง เ พ ศ จำ � น ว น 1 5 8 ค น คิ ด เ ป็ น ร้ อ ย ล ะ 1 3 . 2 8 ง า น วิ จั ย ข อ ง สุ สั ณ ห า ย้ิ ม แ ย้ ม แ ล ะ ค ณ ะ ใ น ว า ร ส า ร ส ภ า ก า ร พ ย า บ า ล เม่อื ปี 2554 ท่ศี ึกษาถึงการถูกละเมิดทางเพศและความรุนแรงในครอบครัวของสตรี ในสถานประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม และศูนย์การค้า จำ�นวน 301 คน พ บ ว่ า ส ต รี จำ � น ว น 1 3 2 ค น คิ ด เ ป็ น ร้ อ ย ล ะ 4 3 . 9 เ ค ย ถู ก ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด ท า ง เ พ ศ การล่วงละเมิดหรือคกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 5
โดยเพ่ือนร่วมงานด้วยการใช้วาจาและหลอกสัมผัส แตะเน้ือต้องตัว และการศึกษา ของ กนกวรรณ ธราวรรณ ระบุว่า “สถานการณ์การคุกคามทางเพศในสังคมไทย ทวีความรุนแรงมากข้ึน ในขณะเดียวกันเหตุการณ์ผู้หญิงทำ�งานในทุกสาขาอาชีพ ถูกลวนลามทางเพศในรูปแบบต่าง ๆ ก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน ข้อมูลการสำ�รวจจาก สวนดุสิตโพล สำ�รวจความเห็นผู้หญิง จำ�นวน 1,153 คน ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเกี่ยวกับการถูกลวนลามหรือล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำ�งาน ผ้ใู ห้ความเห็นแยกเป็นข้าราชการหญิง 470 คน พนักงานรัฐวิสาหกิจหญิง 258 คน พนักงานบริษัทหญิง 293 คน พนักงานธนาคารหญิง 132 คน ผลสำ�รวจ พบว่า ผู้ให้ความเห็นต่างมีประสบการณ์ถูกคุกคามทางเพศในรูปแบบต่าง ๆ โดยมักถูกใช้ วาจาลามกมากที่สุด รองลงมา คือ ถูกลวนลาม แต๊ะอั๋ง ถูกเนื้อต้องตัว และอันดับ สุดท้าย คือ ถูกชวนดูเว็บไซต์โป๊ ถูกแทะโลมด้วยสายตา ถูกชวนไปมีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิงท่ีมีประสบการณ์ถูกคุกคามทางเพศเหล่านี้ กล่าวว่า หัวหน้างานเป็นผู้กระทำ� ลวนลามทางเพศอยู่ในอันดับต้น รองลงมา คือ เพ่ือนร่วมงาน ผู้มาติดต่องาน ลูกค้า คนงาน ภารโรง และพนักงานรักษาความปลอดภัย” นอกจากน้ี ในการสำ�รวจ สถานการณ์ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในหน่วยราชการไทย ของนางสาวสุวรรณา พลู เพชร ระบวุ า่ “สถานการณป์ ญั หาการลว่ งละเมดิ ทางเพศในหนว่ ยงานราชการไทย ที่ดูเหมือนว่าจะตํ่า แต่ในความเป็นจริงแล้วยังคงมีเหตุการณ์การล่วงละเมิดทางเพศ ในหนว่ ยงานเกดิ ข้นึ แตเ่ รอื่ งราวกลบั ไปไมถ่ ึงกระบวนการสอบสวน...” 6 คู่มอื มาตรการในการป้องกนั และแกไ้ ขปญั หา
แนวคดิ ในการกำ�หนดแนวทางการจดั การปัญหา การล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งานเป็นเรื่องท่ีมีเจตคติทางเพศ เข้ามาเกี่ยวข้อง มักมีประเด็นเกี่ยวโยงกับความสัมพันธ์เชิงอำ�นาจในการให้คุณ ให้โทษในหน้าที่การงานระหว่างผู้กระทำ�และผู้ถูกกระทำ� อีกท้ัง การท่ีสังคมไทย ยังไม่ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ยังมองว่าเป็นเร่อื งน่าอับอายและซ้าํ เติมผ้ถู ูกกระทำ� จึงทำ�ให้ผู้ถูกกระทำ�ไม่กล้าพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน และไม่กล้าเอาผิดผู้กระทำ� ส่งผลให้ปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งานยังเกิดข้ึนอย่าง ต่อเนอื่ ง และการแกป้ ัญหามคี วามยากล�ำ บากมากข้ึน การล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งานส่งผลกระทบต่อสุขภาพและ อารมณ์ ผู้ถูกกระทำ�จะมีความเครียด รู้สึกอึดอัด รำ�คาญ หรือรู้สึกกลัว ไม่ปลอดภัย ต่อหน้าที่การงาน หว่ันวิตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดมีอาการปวดศีรษะ วิ ต ก กั ง ว ล สู ญ เ สี ย ค ว า ม ภ า ค ภู มิ ใจ ใ น ต น เ อ ง น อ ก จ า ก น้ี ยั ง ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ การทำ�งาน เกิดความตึงเครียดในที่ทำ�งาน ผลผลิตตกต่ํา เน่ืองจากต้องขาดงานบ่อย การลว่ งละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน 7
เพราะผู้ถูกกระทำ�จะหลีกเลี่ยงการประชุม ท่ีมีผู้บริหารหรือหัวหน้างานท่ีกระทำ� ก า ร คุ ก ค า ม ท า ง เ พ ศ อ ยู่ ด้ ว ย สิ่ ง เ ห ล่ า นี้ ล้วนส่งผลกระทบต่อกระบวนการทำ�งาน ในองค์กร ประสิทธิภาพการทำ�งานและ คณุ ภาพของงานอย่างมาก งานวิจัยเก่ยี วกับการล่วงละเมิดหรือ คุกคามทางเพศหลายเล่ม ได้แก่ รายงาน การประเมนิ สถานการณป์ ญั หาการลว่ งเกนิ คุ ก ค า ม ห รื อ ก่ อ ค ว า ม เ ดื อ ด ร้ อ น รำ � ค า ญ ท า ง เ พ ศ ใ น ท่ี ทำ � ง า น ห รื อ เ น่ื อ ง จ า ก ง า น ในองค์กรภาครัฐ โดยกรมกิจการสตรีและ สถาบันครอบครัวและมหาวิทยาลัยมหิดล การคุกคามทางเพศในที่ทำ�งาน โดยมูลนิธิ ธีรนาถ กาญจนอักษร รายงานการวิจัยเร่ือง การวิเคราะห์ความเกี่ยวข้องของการ ดื่มสุรากับความรุนแรงในการทำ�งาน โดยรองศาสตราจารย์บุญเสริม หุตะแพทย์ จากมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช การลว่ งละเมดิ ทางเพศในหนว่ ยงานราชการไทย : ปัญหาและนโยบายในการป้องกันและแก้ไข โดยนางสาวสุวรรณา พูลเพชร รายงาน การวิจัยเรื่อง มาตรการทางกฎหมายเก่ียวกับการคุกคามทางเพศต่อนิสิต นักศึกษา ในสถาบันการศึกษา โดยนายชนะชัย อ๊อดทรัพย์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานการวิจัยเร่ือง ทัศนะของนักศึกษาต่อการคุกคามทางเพศในสถานศึกษา โดยนางสาวนพวรรณ ปรากฏวงศ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รายงานการวิจัย เรื่ อ ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ก า ร จั ด ก า ร ใ น ก า ร ป้ อ ง กั น ก า ร คุ ก ค า ม ท า ง เ พ ศ แ ล ะ ข วั ญ ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ข อ ง พ นั ก ง า น ห ญิ ง โ ด ย น า ง ส า ว อ ร อ น ง ค์ สิ ท ธิ ว ณิ ช ย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้ให้ข้อเสนอแนะในการ จัดการกับการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งานที่คล้ายคลึงกัน ดังน้ี 1 ) ก า ร ทำ � ค ว า ม ส ะ อ า ด อ ง ค์ ก ร เ ส ริ ม ส ร้ า ง บ ร ร ย า ก า ศ ส ภ า พ แว ด ล้ อ ม ที่ ดี แ ล ะ 8 คมู่ อื มาตรการในการปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหา
สร้างค่านิยมใหม่ท่ีไม่ยอมรับเรื่องการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ 2) การกำ�หนด เป็นนโยบายการป้องกันการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ รวมถึงกำ�หนดให้เป็น ข้อห้ามหน่ึงในประมวลคุณธรรมและจริยธรรมของหน่วยงาน 3) การเสริมสร้าง ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับพฤติกรรมที่เข้าข่ายการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ 4) มีมาตรการทางกฎหมายเพื่อป้องปราม และกำ�หนดลักษณะและพฤติกรรม ท่ีเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศของผู้กระทำ�ความผิดเป็นการเฉพาะ 5 ) มี แ น ว ท า ง ป ฏิ บั ติ ท่ี ชั ด เจ น ส ร้ า ง ก ล ไ ก ใ น ก า ร ร อ ง รั บ ปั ญ ห า 6 ) มี ห น่ ว ย ง า น รับผิดชอบโดยตรง 7) มีช่องทางและข้ันตอนการร้องเรียนท่ีชัดเจน โดยปกปิด ชื่อผู้ร้องเรียนเป็นความลับ และมีการบันทึกข้อมูลการแก้ไขปัญหา และ 8) ผู้บังคับ บัญชาทุกระดับต้องรับผิดชอบในการป้องกันและแก้ไขการล่วงละเมิดหรือคุกคาม ทางเพศ จากการศึกษาแนวทางปฏิบัติในต่างประเทศ พบว่ามีการสอดแทรกประเด็น การล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศไว้ในกฎหมายต่าง ๆ เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายอาญา หรอื กฎหมายเกย่ี วกบั ความเทา่ เทยี มทางเพศแลว้ และหลายประเทศ ได้จัดทำ�มาตรการและ/หรือแนวปฏิบัติ (Code of conduct) เพื่อจัดการกับ ปัญหาดังกล่าวท่ีเกิดข้ึนภายในหน่วยงาน เช่น องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization – ILO) องค์การความร่วมมือระหว่าง ประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency – JICA) มหาวิทยาลัยยอร์ค ประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัยบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ทั้งนี้ การกำ�หนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิด หรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน ก่อนการเข้าสู่กระบวนการทางวินัย ต้องให้ ผู้ถูกกระทำ�เป็นศูนย์กลาง โดยคำ�นึงถึงความต้องการของผู้ถูกกระทำ� มีกระบวนการ จั ด ก า ร ปั ญ ห า ท่ี เ ป็ น มิ ต ร ไ ม่ ส ร้ า ง ค ว า ม อั บ อ า ย แ ก่ ทั้ ง ผู้ ก ร ะ ทำ � แ ล ะ ผู้ ถู ก ก ร ะ ทำ � มี ม า ต ร ก า ร คุ้ ม ค ร อ ง ผู้ ร้ อ ง ทุ ก ข์ พ ย า น แ ล ะ ผู้ ก ร ะ ทำ � เ พ่ื อ ป้ อ ง กั น ไ ม่ ใ ห้ เ กิ ด ผ ล เ สี ย ต่ อ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ใ น ก า ร ทำ � ง า น ข อ ง ทั้ ง ส อ ง ฝ่ า ย ห น่ ว ย ง า น / อ ง ค์ ก ร ค ว ร เ น้ น การสร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ดีในการทำ�งาน สร้างความตระหนักรู้ การล่วงละเมดิ หรือคุกคามทางเพศในการท�ำ งาน 9
ส ร้ า ง วั ฒ น ธ ร ร ม ก า ร เ ค า ร พ ใ ห้ เ กี ย ร ติ ซึ่ ง กั น แ ล ะ กั น แ ล ะ ไ ม่ ย อ ม รั บ ก า ร ก ร ะ ทำ � ท่ีเป็นการล่วงละเมิดหรือคกุ คามทางเพศ ซง่ึ จะเป็นการป้องกันปัญหาการลว่ งละเมดิ หรือคกุ คามทางเพศอีกทางหนง่ึ 10 คู่มอื มาตรการในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหา
นยิ าม ปัญหาความไม่เสมอภาคระหว่างเพศและการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เป็นสาเหตุหนึ่งของการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ซึ่งเป็นความรุนแรงทางเพศ ท่ีแสดงออกในรูปการแบ่งแยก กีดกัน โดยมีเร่ืองเพศเป็นประเด็นหลัก เป็นปัญหา สำ�คัญที่ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำ�ท้ังทางร่างกายและจิตใจ เกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ ทั้งในครอบครัว สถาบันการศึกษา สถานท่ีท่องเที่ยว หรือแม้แต่สถานที่ทำ�งาน ห น่ึ ง ใ น ปั ญ ห า เ ห ล่ า น้ี คื อ ก า ร ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด ห รื อ คุ ก ค า ม ท า ง เ พ ศ ใ น ที่ ทำ � ง า น ห รื อ เกี่ยวเน่ืองจากการทำ�งานท่ีสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทั้งชาย หญิง และบุคคล ทแ่ี สดงออกแตกตา่ งจากเพศโดยก�ำ เนดิ เกดิ จากการกระท�ำ ของนายจา้ ง ผบู้ งั คบั บญั ชา เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ที่ติดต่อประสานงานด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัว ในเรื่องชีวิตทางเพศ และสิทธิในการทำ�งานที่บุคคลควรได้อยู่ในสภาพแวดล้อม ท่ีเหมาะสม รวมท้ังยังเป็นการขัดขวางโอกาสต่าง ๆ ในการทำ�งานท่ีมีประสิทธิภาพ และเปน็ การเลอื กปฏบิ ตั ดิ ้วยเหตแุ หง่ เพศ การลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศ คอื พฤตกิ รรมหรอื การกระท�ำ ทางเพศใด ๆ ที่เป็นการบีบบังคับด้วยการใช้อำ�นาจที่ไม่พึงปรารถนา ด้วยวาจา ข้อความ ท่าทาง การมองด้วยสายตา การแสดงด้วยเสียง รูปภาพ เอกสาร ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสิ่งของลามกอนาจารเกี่ยวกับเพศ หรือกระทำ�อย่างอื่นในทำ�นองเดียวกัน การลว่ งละเมดิ หรือคุกคามทางเพศในการท�ำ งาน 11
โดยทำ�ให้ผู้ถูกล่วงละเมิดหรือคุกคามรู้สึกอึดอัดใจ รำ�คาญ ได้รับความอับอาย เส่ือม เสียเกียรติ หรือรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม และให้หมายรวมถึงการติดตาม รังควาน หรือการกระท�ำ ใดท่ีก่อให้เกิดบรรยากาศไม่ปลอดภัยทางเพศ การล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน คือ การกระทำ�ที่เกิดข้ึน ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา เพ่ือนร่วมงานกระทำ� ต่ อ เ พ่ื อ น ร่ ว ม ง า น ด้ ว ย กั น ค รู กั บ นั ก เรี ย น ร ว ม ถึ ง เจ้ า ห น้ า ท่ี ข อ ง ห น่ ว ย ง า น กั บ ผู้ท่ีดำ�เนินงานร่วมกับหน่วยงาน เช่น นักศึกษาฝึกงาน ผู้รับจ้าง หรือผู้รับบริการ เป็นต้น โดยอาจมีการสร้างเงื่อนไขท่ีมีผลต่อการจ้างงาน การสรรหา หรือการแต่งตั้ง หรือผลกระทบอื่นใดต่อผู้เสียหายท้ังในหน่วยงานของรัฐและเอกชน รวมถึงสถาบัน การศึกษา ก า ร ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด ห รื อ คุ ก ค า ม ท า ง เ พ ศ ใ น ก า ร ทำ � ง า น ส า ม า ร ถ เ กิ ด ขึ้ น ไ ด้ ในส�ำ นกั งาน สถานทจ่ี ดั งานของบรษิ ทั สถานทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมายใหไ้ ปท�ำ งาน สถานท่ ี ประชุมและฝึกอบรม รวมถึงระหว่างการปฏิบัติงาน เช่น ระหว่างการเดินทาง ไ ป ป ฏิ บั ติ ง า น ร ะ ห ว่ า ง ก า ร ใช้ โ ท ร ศั พ ท์ ป ร ะ ส า น ง า น ห รื อ ร ะ ห ว่ า ง ก า ร ใช้ ส่ื อ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ในการสอ่ื สาร เป็นต้น 12 ค่มู ือมาตรการในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา
รูปแบบของการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ในการทำ�งาน 1. การสร้างบรรยากาศไม่พึงปรารถนาหรือเป็นปฏิปักษ์ หรือการก่อ ความเดือดร้อนรำ�คาญทางเพศในท่ีทำ�งาน ได้แก่ การใช้วาจา เช่น การวิพากษ์ วิจารณ์รูปร่างหน้าตา แซว พูดตลกลามก ล้อเลียน ดูหมิ่นเหยียดหยามในความเป็น หญิง ความเป็นชาย หรือเพศสภาพอ่ืน รวมถึงรสนิยมทางเพศ หรือแสดงลักษณะ ทางกิริยา เช่น มองด้วยสายตาโลมเลีย ส่งจูบ ผิวปาก จับมือถือแขน ถูกเนื้อต้องตัว หรือการแสดงสิ่งของ ภาพ จดหมาย เช่น ภาพลามก ปฏิทินโป๊เปลือย จดหมาย อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ เปน็ ตน้ 2. การใช้ประโยชน์หรือโทษจาก “งาน” การล่วงเกินหรือคุกคามทางเพศ ชนิดน้ี เป็นการล่วงเกินทางเพศโดยตรงเห็นได้ชัดเจนที่สุดรูปแบบหนึ่ง โดยใช้ การแลกเปล่ียนผลประโยชน์ หรือการใช้อำ�นาจให้คุณให้โทษจากงาน เพ่ือให้ได้มา ซ่ึงความพึงพอใจทางเพศสัมพันธ์ อาทิ การร่วมประเวณี การสัมผัสเนื้อตัว ร่างกาย หรือการกระทำ�อื่นใดทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศนี้ มักเป็นการกระทำ�ของ ผู้มอี �ำ นาจกระทำ�กับผทู้ ดี่ อ้ ยอำ�นาจ การล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในรูปแบบที่สองน้ี แม้อีกฝ่ายยินยอม หรือ ตกอยู่ในภาวะจำ�ยอม หรือยอมจำ�นน ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ เนอ่ื งจากมกี ารน�ำ ผลประโยชนข์ องหนว่ ยงานเปน็ สง่ิ แลกเปลย่ี น ซง่ึ ขดั หลกั ธรรมาภบิ าล ในการบริหาร ส่งผลต่อท้ังบุคคลและหน่วยงาน รวมถึงประสิทธิภาพการด�ำ เนินงาน ตลอดจนภาพลกั ษณข์ องหนว่ ยงาน การลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 13
พฤตกิ รรมการลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน พฤตกิ รรมทเ่ี ขา้ ขา่ ยเปน็ การลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศ โดยเปน็ การกระท�ำ ที่ ผู้ ถู ก ก ร ะ ทำ � ไ ม่ ต้ อ ง ก า ร มี ค ว า ม เ ดื อ ด ร้ อ น รำ � ค า ญ อึ ด อั ด อั บ อ า ย ห รื อ รู้ สึ ก ถู ก เ ห ยี ย ด ห ย า ม ถื อ ว่ า เข้ า ข่ า ย ก า ร ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด ห รื อ คุ ก ค า ม ท า ง เ พ ศ แ บ่ ง เ ป็ น 5 ลกั ษณะ ดงั น้ี 1. การกระทำ�ทางสายตา เช่น การจ้องมองร่างกายท่ีส่อไปในทางเพศ มอง ช้อนใต้กระโปรง มองหน้าอกหรือจ้องลงไปท่ีคอเส้ือ จนทำ�ให้ผู้ถูกมองรู้สึกอึดอัด อับอาย หรือไม่สบายใจ หรือผู้อ่ืนที่อยู่บริเวณดังกล่าวมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน เป็นต้น 2. การกระทำ�ดว้ ยวาจา เชน่ •• การวพิ ากษ์วิจารณร์ ปู รา่ ง ทรวดทรง และการแต่งกายทีส่ ่อไปทางเพศ •• การชักชวนให้กระทำ�การใด ๆ ในที่ลับตา ซ่ึงผู้ถูกกระท�ำ ไม่พึงประสงค์ และไมต่ อ้ งการ การพดู เร่ืองตลกเกย่ี วกับเพศ •• การเกี้ยวพาราสี พูดจาแทะโลม วิจารณ์ทรวดทรง การพูดจาลามก การโทรศัพท์ลามก การเรียกผู้หญิงด้วยคำ�ท่ีส่อไปทางเพศ จับกลุ่ม วิจารณ์พฤติกรรมทางเพศของบุคคลในทท่ี �ำ งาน •• การสนทนาเรื่องเพศหรือเพศสัมพันธ์ การแสดงความคิดเห็นต่อ ร ส นิ ย ม ท า ง เ พ ศ แ ล ะ ก า ร พู ด ที่ ส่ อ ไ ป ใ น ท า ง เ พ ศ ก า ร ถ า ม เ ก่ี ย ว กั บ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ค ว า ม ชื่ น ช อ บ ใ น เรื่ อ ง เ พ ศ ก า ร ส ร้ า ง เรื่ อ ง โ ก ห ก ห รื อ การแพร่ข่าวลือเกยี่ วกบั ชีวติ ทางเพศของผ้อู ่ืน 14 คู่มือมาตรการในการป้องกนั และแก้ไขปญั หา
3. การกระทำ�ทางกาย เชน่ •• การสัมผัสร่างกายของผู้อื่น การลูบคลำ� การถูไถร่างกายผู้อื่นอย่าง มีนัยทางเพศ การฉวยโอกาสกอดรัด จูบ การหยอกล้อโดยแตะเน้ือ ต้องตัว หรือการสัมผัสทางกายอ่ืนใดท่ีไม่น่าพึงประสงค์ เช่น การดึงมา นง่ั ตกั เป็นตน้ •• การตามต้ือโดยท่ีอีกฝ่ายหนึ่งไม่เล่นด้วย การตั้งใจใกล้ชิดเกินไป เกชาิญรตช้อวนน เขก้าามรสุม่งหจรูบือ ขกวาารงเทลียางรเิมดฝินีป ากกา รกยาักรคทิ้วำ�หทล่า่ิวนต้ำ�าล ากยาหรกผิ วกปาารกแแสบดบง พฤติกรรมท่ีสื่อไปในทางเพศโดยใช้มือหรือการเคลื่อนไหวร่างกาย เปน็ ต้น 4. การกระทำ�อนื่ ๆ เชน่ •• การแสดงรูปภาพ วัตถุ และข้อความที่เก่ียวข้องกับเพศ รวมท้ังการ เปิดภาพโป๊ในทท่ี �ำ งานและในคอมพวิ เตอรข์ องตน •• การแสดงออกที่เก่ียวกับเพศ เช่น การโชว์ปฏิทินโป๊ การเขียนหรือ วาดภาพทางเพศในท่สี าธารณะ การใชส้ ัญลกั ษณ์ ท่แี สดงถึงอวยั วะเพศ ห รื อ ก า ร ร่ ว ม เ พ ศ ก า ร ส่ื อ ข้ อ ค ว า ม รู ป ภ า พ สั ญ ลั ก ษ ณ์ ท่ี แ ส ด ง ถึ ง เรอื่ งเพศทางอนิ เทอร์เนต็ เชน่ เฟซบคุ๊ ไลน์ ฯลฯ เปน็ ต้น 5. การกระท�ำ ทางเพศทีม่ กี ารแลกเปล่ยี นผลประโยชน์ •• การให้สัญญาที่จะให้ผลประโยชน์ เช่น ตำ�แหน่งหน้าที่การงาน ผลการเรียน การศึกษาดูงาน การเลื่อนเงินเดือนหรือตำ�แหน่ง การต่อ สัญญาการทำ�งาน หากผู้ถูกล่วงละเมิดหรือถูกคุกคามยอมมี เพศสัมพันธ์ เช่น ขอให้ไปค้างคืนด้วย ขอให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย หรือ ขอให้ทำ�อย่างอน่ื ทีเ่ กย่ี วข้องกบั เรอื่ งเพศ เปน็ ต้น •• การข่มขู่ให้เกิดผลในทางลบต่อการจ้างงาน หรือการศึกษา การข่มขู่ว่า จะทำ�ร้าย การบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ หรือการพยายามกระทำ�ชำ�เรา หรอื กระท�ำ ชำ�เรา การล่วงละเมดิ หรือคุกคามทางเพศในการท�ำ งาน 15
ผลกระทบของการล่วงละเมดิ หรือคุกคามทางเพศ ในการท�ำ งาน ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง องค์การแรงงานระหว่าง ประเทศระบุถึงผลกระทบ ข อ ง ก า ร ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด หรือคุกคามทางเพศว่า “การถูกคุกคามทางเพศ มี ผ ล ต่ อ สุ ข ภ า พ แ ล ะ อ า ร ม ณ์ ผู้ ถู ก ก ร ะ ทำ � จะมีความเครียด มีอาการ ปวดศีรษะ วิตกกังวล สูญเสียความภาคภูมิใจ ในตนเอง ผลกระทบจาก การถูกคุกคามทางเพศ ไม่เพียงแต่สั่นคลอนตัวตน ของผู้ถูกกระทำ� แต่ยังมีผลกระทบต่อการทำ�งาน เกิดความตึงเครียดในที่ทำ�งาน ผ ล ผ ลิ ต ต ก ตํ่ า เ นื่ อ ง จ า ก ต้ อ ง ข า ด ง า น บ่ อ ย เ พ ร า ะ ผู้ ถู ก ก ร ะ ทำ � จ ะ ห ลี ก เ ลี่ ย ง การประชุมที่มีผู้บริหารหรือหัวหน้างานที่กระทำ�การคุกคามทางเพศอยู่ด้วย และหลีกเลี่ยงการพบปะลูกค้าที่กระทำ�การคุกคามทางเพศ “ สิ่ ง เ ห ล่ า นี้ ล้ ว น ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ ก ร ะ บ ว น ก า ร ทำ � ง า น ใ น อ ง ค์ ก ร ประสิทธิภาพการทำ�งานและคุณภาพของงานอย่างมาก และหากมีการคุกคาม ทางเพศเกิดขึ้นในที่ทำ�งานบ่อย ๆ ย่อมเป็นตัวชี้วัดว่าสังคมไม่มีความเสมอภาค หญิงชาย” 16 คู่มอื มาตรการในการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา
มาตรการในการป้องกนั และแก้ไขปญั หาการล่วงละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ในการทำ�งาน ประกาศใช้คร้งั แรกเม่อื ปี 2558 แต่จากการดำ�เนินงานตามมาตรการฯ ที่ผ่านมาพบว่า มาตรการดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงกระบวนการไต่สวน และการ คุ้มครองผู้ร้องเรียน พยาน รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาอย่างแท้จริง และนอกจากนี้ยังพบว่า หน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจบางหน่วยงานยังมีเหตุการณ์การล่วงละเมิดหรือ คุกคามทางเพศในการทำ�งานเกิดข้ึน ซึ่งการติดตามผลการดำ�เนินงานตามมาตรการ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน เมื่อ ปี 2560 ท่ีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สอบถามไปยังหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ จำ�นวน 196 หน่วยงาน มีหน่วยงานท่ีรายงานผลกลับมา จำ�นวน 179 หนว่ ยงาน พบวา่ 165 หนว่ ยงาน ไมม่ ปี ญั หาการลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศ ในการทำ�งาน คิดเป็นร้อยละ 92.18 และมี 14 หน่วยงาน ท่มี ีปัญหาการล่วงละเมิด หรือคุกคามทางเพศฯ คิดเป็นร้อยละ 7.82 อย่างไรก็ตาม มีบางหน่วยงานรายงาน วา่ ไม่มเี หตุการณ์การล่วงละเมดิ หรือคุกคามทางเพศ แตก่ ลบั มปี รากฏเปน็ ข่าว คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (สทพ.) จึงมีมติเห็นชอบ ให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ทบทวนและปรับปรุงมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งานให้มีประสิทธิภาพ มากขึ้น ในเดือนมกราคม 2563 คณะกรรมการ สทพ. จึงได้เห็นชอบร่างมาตรการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน และมีมติ ให้เสนอมาตรการฯ ดังกล่าว ต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณาขอความเห็นชอบต่อไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการดังกล่าว เม่ือวันท่ี 21 เมษายน 2563 และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว ทำ�หน้าที่เป็นศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหา การล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน (ศปคพ.) และสร้างความเข้าใจ กับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รวมถึงเอกชน ในการดำ�เนินงานตามมาตรการ อย่างถูกตอ้ งและทว่ั ถงึ การล่วงละเมิดหรอื คุกคามทางเพศในการท�ำ งาน 17
หลักการส�ำ คญั ของมาตรการในการป้องกนั และแกไ้ ข ปญั หาการลว่ งละเมดิ หรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน 1 . ห น่ ว ย ง า น ต้ อ ง มี ก า ร ป ร ะ ก า ศ เจ ต น า ร ม ณ์ เ ป็ น ล า ย ลั ก ษ ณ์ อั ก ษ ร ( เช่ น ประกาศ คำ�ส่งั ) โดยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้บุคลากรในองค์กรรับทราบอย่างท่วั ถึง ในการป้องกนั และแก้ไขปญั หาการล่วงละเมิดหรือคกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 2. หน่วยงานต้องมีการจัดทำ�แนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการ ล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน ที่ครอบคลุมบุคลากรทุกคนท่ีทำ�งาน ในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมท้ังผู้ที่ดำ�เนินงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน เช่ น นั ก ศึ ก ษ า นั ก ศึ ก ษ า ฝึ ก ง า น ผู้ รั บ จ้ า ง ฯ ล ฯ โ ด ย ใ ห้ บุ ค ล า ก ร ใ น ห น่ ว ย ง า น ได้มีส่วนร่วมเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้และยอมรับ รวมทั้งต้องประชาสัมพันธ์เพ่ือสร้าง ความตระหนกั แกบ่ ุคลากรทุกคนในหนว่ ยงานได้รบั ทราบและถือปฏิบตั ิ 3. หนว่ ยงานตอ้ งแสดงเจตนารมณอ์ ยา่ งจรงิ จงั ในการสง่ เสรมิ ความเทา่ เทยี มกนั ระหว่างบุคคล เพ่ือให้บุคลากรปฏิบัติต่อกันอย่างให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน โดยเน้นการป้องกันปัญหาเป็นพื้นฐาน ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับ พ ฤ ติ ก ร ร ม ท า ง เ พ ศ ร ว ม ทั้ ง กำ � ห น ด ใ ห้ เ ป็ น ป ร ะ เ ด็ น ห น่ึ ง ใ น ห ลั ก สู ต ร ก า ร พั ฒ น า บคุ ลากรทกุ ระดบั 18 ค่มู ือมาตรการในการปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หา
4. หน่วยงานต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับพฤติกรรมการล่วง ละเมิดหรือคุกคามทางเพศ และแนวทางในการแก้ไขในกรณีท่ีมีปัญหาเกิดขึ้น และ สร้างสภาพแวดล้อมท่ีดี โดยคำ�นึงถึงเร่ืองพื้นที่ปลอดภัยในองค์กร เช่น จัดห้อง ทำ�งานทเี่ ปิดเผย โล่ง มองเหน็ กันได้ชัดเจน เปน็ ต้น 5 . ห น่ ว ย ง า น ต้ อ ง กำ � ห น ด ก ล ไ ก ก า ร ร้ อ ง ทุ ก ข์ ภ า ย ใ น ห น่ ว ย ง า น ( เช่ น ฝา่ ยการเจ้าหนา้ ท ่ี ฝ่ายกฎหมาย หรือกล่มุ คมุ้ ครองจรยิ ธรรม) 6. การแก้ไขและจัดการปัญหาอาจใช้กระบวนการอย่างไม่เป็นทางการ เช่น การพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร การประนอมข้อพิพาท ฯลฯ เพื่อยุติปัญหา หากกระบวนการไม่เป็นทางการไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงจะเข้าสู่กระบวนการ ทางวินัยตามกฎหมายที่หน่วยงานนั้นถือปฏิบัติอยู่ 7. การแก้ไขและจัดการปัญหาต้องดำ�เนินการอย่างจริงจังโดยทันทีและ เป็นไปตามเวลาท่ีกำ�หนดในแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิด และคุกคามทางเพศในการทำ�งาน และต้องเป็นความลับ เว้นแต่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย ยิ น ดี ใ ห้ เ ปิ ด เ ผ ย ร ว ม ทั้ ง ใ ห้ ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม ต่ อ ทั้ ง ส อ ง ฝ่ า ย เ ท่ า เ ที ย ม กั น ก ร ณี ท่ี ขยายเวลาออกไป ต้องมีเหตุผลที่ดีพอ การล่วงละเมิดหรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 19
8. กรณที ม่ี กี ารร้องเรยี นหรือการรายงานเรือ่ งน ้ี ให้ด�ำ เนนิ การ ดังตอ่ ไปน้ี •• ให้หัวหน้าหน่วยงานดำ�เนินการแต่งต้ังคณะทำ�งานสอบข้อเท็จจริง จำ�นวนไม่เกิน 5 คน ประกอบด้วย ประธานคณะทำ�งานท่ีมีตำ�แหน่ง สูงกว่าคู่กรณี บุคคลจากหน่วยงานต้นสังกัดของคู่กรณี โดยมีตำ�แหน่ง ไม่ต่ํากว่าคู่กรณี โดยต้องมีบุคคลที่มีเพศเดียวกับผู้เสียหายไม่น้อยกว่า หนึ่งคน และให้มีบุคคลท่ีผู้เสียหายไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังในการสอบ ข้อเทจ็ จรงิ ได ้ เฉพาะในกรณมี กี ารสอบปากค�ำ ผเู้ สียหาย หรอื •• ให้กลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมดำ�เนินการสอบข้อเท็จจริง ท้ังน้ี ให้รายงานผลต่อหัวหน้าหน่วยงาน และหากต้องมีการดำ�เนินการ ท า ง วิ นั ย ข อ ใ ห้ ค ณ ะ ทำ � ง า น นำ � ข้ อ มู ล เ ส น อ ผู้ บ ริ ห า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ดำ�เนินการทางวินัย 9. หน่วยงานต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียนและผู้เป็นพยาน เม่ือมีการ ร้องเรียนแล้ว ผู้ร้องเรียนและผู้เป็นพยานจะไม่ถูกดำ�เนินการใด ๆ ท่ีกระทบต่อ หน้าที่การงานหรือการดำ�รงชีวิต หากจำ�เป็นต้องมีการดำ�เนินการใด ๆ ต้องได้รับ ความยนิ ยอมจากผรู้ อ้ งเรยี นและผเู้ ปน็ พยาน รวมถงึ ขอ้ รอ้ งขอของผเู้ สยี หาย ผรู้ อ้ งเรยี น หรือผู้เป็นพยานควรได้รับการพิจารณาจากบุคคลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบตาม ความเหมาะสม และหน่วยงานต้องให้การ คุ้มครองผู้ร้องเรียนไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง 1 0 . ห น่ ว ย ง า น ต้ อ ง มี ม า ต ร ก า ร คุ้ ม ค ร อ ง ผู้ ถู ก ก ล่ า ว ห า โ ด ย ใ น ร ะ ห ว่ า ง ก า ร ร้ อ ง เรี ย น ยั ง ไ ม่ ถื อ ว่ า ผู้ ถู ก ก ล่ า ว ห า มี ค ว า ม ผิ ด ต้ อ ง ใ ห้ ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม แ ล ะ ใหไ้ ดร้ บั การปฏบิ ตั เิ ชน่ เดยี วกบั บคุ ลากรอน่ื และต้องมีการให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหา ในการช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหาอย่างเต็มท่ี รวมทั้งสิทธิในการแสดงเอกสาร/พยาน หลกั ฐานแกข้ อ้ กลา่ วหา 20 คูม่ ือมาตรการในการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา
11. หน่วยงานต้องรายงานผลการดำ�เนินงานตามแนวปฏิบัติเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งานอย่างต่อเนื่อง สำ�หรับหน่วยงานภาครัฐ ให้รายงานต่อผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (Chief Gender Equality Officer: CGEO) และให้เจ้าหน้าท่ีศูนย์ประสานงาน ด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย (Gender Focal Point: GFP) ติดตาม การดำ�เนินงานตามมาตรการฯ สำ�หรับการรายงานผลการดำ�เนินงานให้รายงาน ไปยังศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ใ น ก า ร ทำ � ง า น ( ศ ป ค พ . ) ก ร ม กิ จ ก า ร ส ต รี แ ล ะ ส ถ า บั น ค ร อ บ ค รั ว ภ า ย ใ น วั น ที่ 31 ตลุ าคม ของทกุ ปี 12. ศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคาม ทางเพศในการทำ�งาน (ศปคพ.) กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ทำ�หน้าที่ เป็นศูนย์กลางในการประสานหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ในการดำ�เนินงาน ป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน และ ติดตามผลการดำ�เนินงานตามมาตรการฯ โดยรายงานต่อคณะกรรมการส่งเสริม ความเทา่ เทยี มระหวา่ งเพศ (คณะกรรมการ สทพ.) อยา่ งน้อยปลี ะหนึ่งคร้งั การลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการทำ�งาน 21
แนวทางการดำ�เนินงานเมือ่ เกดิ ปญั หาการลว่ งละเมิด หรือคกุ คามทางเพศในการทำ�งาน หน่วยงาน 1 . จั ด ตั้ ง ก ล ไ ก ก า ร ร้ อ ง ทุ ก ข์ ภ า ย ใ น ห น่ ว ย ง า น มี ห น้ า ท่ี รั บ ผิ ด ช อ บ ใ น ก า ร ดำ�เนินการ เม่ือได้รับการร้องเรียนหรือร้องทุกข์ ทั้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรและ ไม่เป็นลายลักษณอ์ ักษร 2. การใช้กระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างไม่เป็นทางการ เช่น การพูดคุย กันอย่างเป็นมิตร และการประนอมข้อพิพาท โดยต้องให้ท้ัง 2 ฝ่าย ยินยอมให้ มีการประนอมข้อพิพาท โดยผู้ประนอมข้อพิพาทต้องเป็นบุคคลท่ีคู่กรณีท้ังสองฝ่าย ใหค้ วามเคารพนบั ถอื และตอ้ งมกี ารก�ำ หนดเงอ่ื นไขเพอ่ื เปน็ การควบคมุ ความประพฤต ิ ของผู้กระทำ�ไม่ให้กระทำ�ซํ้า ท้ังน้ี จะดำ�เนินการได้ในกรณีท่ีการร้องเรียนไม่เป็น ลายลักษณ์อักษร หากสามารถตกลงกันได้แล้ว ท้ังสองฝ่ายต้องลงนามในบันทึก ขอ้ ตกลงรว่ มกนั เปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร และใหเ้ ก็บไวใ้ นแฟม้ ประวัตขิ องทงั้ สองฝ่าย 3. กระบวนการในการแก้ไขและจัดการปัญหาต้องเร่ิมดำ�เนินการอย่างจริงจัง ภายในระยะเวลา 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องเรียน และต้องเป็นความลับ เว้นแต่คู่กรณีท้ังสองฝ่ายยินดีให้เปิดเผย รวมท้ังให้ความเป็นธรรมต่อท้ังสองฝ่าย เท่าเทียมกัน ไม่เอ้ือประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และข้อมูลของคู่กรณีท้ังสองฝ่าย ต้องเป็นความลับ ทั้งน้ี ต้องดำ�เนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน หากไม่แล้วเสร็จ ใหข้ อความเหน็ ชอบผบู้ รหิ ารสงู สดุ ของหนว่ ยงานในการขยายเวลาออกไปไดอ้ กี 30 วนั 4. กรณมี กี ารรอ้ งเรยี นเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร ใหก้ ลไกรอ้ งทกุ ขภ์ ายในหนว่ ยงาน ทำ�หน้าท่ีสอบข้อเท็จจริงหากพบว่ามีมูลความผิดจริงจะต้องส่งเร่ืองต่อไปยังส่วนงาน ท่ีรับผิดชอบดา้ นการสอบวนิ ัย 5. การแต่งต้ังคณะทำ�งานสอบข้อเท็จจริง ให้หัวหน้าหน่วยงานดำ�เนินการ แต่งต้ังคณะทำ�งานสอบข้อเท็จจริง จำ�นวนไม่เกิน 5 คน ประกอบด้วย ประธาน 22 คู่มือมาตรการในการป้องกนั และแกไ้ ขปญั หา
คณะทำ�งานท่ีมีตำ�แหน่งสูงกว่าคู่กรณี บุคคลจากหน่วยงานต้นสังกัดของคู่กรณี โดยมีตำ�แหน่งไม่ต่ํากว่าคู่กรณี โดยต้องมีบุคคลที่มีเพศสภาพเดียวกับผู้เสียหาย ไม่น้อยกว่าหนึ่งคน และให้มีบุคคลที่ผู้เสียหายไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังในการสอบ ข้อเท็จจริงได้เฉพาะในกรณีมีการสอบปากคำ�ผู้เสียหาย ท้ังนี้ในกรณีผู้ถูกกล่าวหา ดำ � ร ง ตำ � แ ห น่ ง สู ง ก ว่ า ผู้ อำ � น ว ย ก า ร ก ลุ่ ม ง า น คุ้ ม ค ร อ ง จ ริ ย ธ ร ร ม ต้ อ ง เ ส น อ เร่ื อ ง ให้หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งคณะทำ�งานสอบข้อเท็จจริง 6. กรณีที่ผู้กระทำ�เป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน ให้ผู้มีอำ�นาจเทียบเท่า จากหน่วยงานอ่ืน หรืออำ�นาจเหนือกว่าเป็นประธานการสอบข้อเท็จจริง และให้มี ผู้ ท ร ง คุ ณ วุ ฒิ ห รื อ ผู้ แ ท น ห น่ ว ย ง า น อื่ น ที่ มี ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ก า ร ทำ � ง า น ท่ี เ ก่ี ย ว ข้ อ ง ร่วมเป็นคณะทำ�งานดว้ ย 7. หน่วยงานตอ้ งมีมาตรการในการคมุ้ ครองผู้รอ้ งเรียนและผเู้ ปน็ พยาน ดงั น้ี 1) ผู้ร้องเรียนและผู้เป็นพยานจะไม่ถูกดำ�เนินการใด ๆ ที่กระทบต่อหน้าที่ ก า ร ง า น ห รื อ ก า ร ดำ � ร ง ชี วิ ต ร ว ม ถึ ง ไ ม่ ใ ห้ ถู ก ก ลั่ น แ ก ล้ ง ทุ ก ก ร ณี เ พื่ อ เ ป็ น ก า ร ส ร้ า ง หลักประกันความปลอดภัย ทั้งน้ี หากจำ�เป็นต้องมีการดำ�เนินการใด ๆ ต้องได้รับ ความยินยอมจากผ้รู ้องเรียนและผ้เู ป็นพยาน รวมถึงข้อร้องขอของผ้เู สียหาย ผ้รู ้องเรียน หรือผู้เป็นพยานควรได้รับการพิจารณาจากบุคคลหรือหน่วยงานท่ีรับผิดชอบตาม ความเหมาะสม การล่วงละเมิดหรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 23
2) ผู้ร้องเรียนต้องได้รับการฟ้ืนฟู เยียวยา และได้รับการชดเชยค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ท่สี บื เนอ่ื งมาจากการลว่ งละเมดิ ทางเพศในการทำ�งาน เช่น คา่ เดนิ ทางในการ ม า ใ ห้ ข้ อ เ ท็ จ จ ริ ง ห รื อ ค่ า รั ก ษ า พ ย า บ า ล เ ป็ น ต้ น ท้ั ง น้ี ห า ก ก ร ณี ดั ง ก ล่ า ว เ ป็ น การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ สามารถย่ืนคำ�ร้องต่อคณะกรรมการวินิจฉัย การเลือกปฏิบัตโิ ดยไมเ่ ป็นธรรมระหวา่ งเพศ เพื่อขอรับเงินเยยี วยาได้ 8. ผู้ร้องทุกข์และผู้ถูกกล่าวหาจะต้องได้รับคำ�แนะนำ�หรือการสนับสนุน อย่างเท่าเทียมกัน และจะไม่ถือว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิด จนกว่าข้อกล่าวหา จะได้รับการพิสูจน์ว่ากระทำ�ผิดจริง ผู้ร้องทุกข์และผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิในการช้ีแจง แสดงหลักฐานหรอื พยานเพอ่ื ยนื ยันขอ้ เท็จจริง 9 . ก ร ณี ห น่ ว ย ง า น ท่ีม อ บ ห ม า ย ใ ห้ เจ้ า ห น้ า ท่ีศู น ย์ ป ร ะ ส า น ง า น ด้ า น ค ว า ม เสมอภาคระหว่างหญิงชาย (Gender Focal Point: GFP) เป็นกลไกร้องทุกข์ เม่ือ ดำ�เนินการเสร็จส้ิน ให้เจ้าหน้าที่ศนู ยป์ ระสานงานดา้ นความเสมอภาคระหวา่ งหญงิ ชาย (GFP) รายงานผลการดำ�เนินงานต่อผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (CGEO) ของหนว่ ยงาน และรายงานผลการดำ�เนินงานไปยังศูนย์ประสานการป้องกัน แ ล ะ แ ก้ ไข ปั ญ ห า ก า ร ล่ ว ง ล ะ เ มิ ด ห รื อ คุ ก ค า ม ท า ง เ พ ศ ใ น ก า ร ทำ � ง า น ( ศ ป ค พ . ) กรมกจิ การสตรีและสถาบันครอบครวั 24 ค่มู อื มาตรการในการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา
บุคลากร 1. บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนด้วยการบันทึกเสียง บันทึกภาพหรือภาพถ่าย หรอื ถ่าย Video Clip (หากทำ�ได้) 2. บันทึกเหตุการณ์ท่ีเกี่ยวข้องเป็นลายลักษณ์อักษรทันทีที่เหตุการณ์เกิดขึ้น โ ด ย จ ด บั น ทึ ก วั น เว ล า แ ล ะ ส ถ า น ที่ เ กิ ด เ ห ตุ คำ � บ ร ร ย า ย เ ห ตุ ก า ร ณ์ ท่ี เ กิ ด ข้ึ น ชื่อของพยานและ/หรือบุคคลที่สาม ซึ่งถูกกล่าวถึงหรืออยู่ในเหตุการณ์ 3. แจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นให้บุคคลที่ไว้ใจหรือผู้บังคับบัญชาทราบทันที 4 . ดำ � เ นิ น ก า ร ร้ อ ง ทุ ก ข์ ที่ ก ล ไ ก ก า ร ร้ อ ง ทุ ก ข์ ข อ ง ห น่ ว ย ง า น โ ด ย ส า ม า ร ถ ร้ อ ง ทุ ก ข์ ด้ ว ย ต น เ อ ง ท า ง โ ท ร ศั พ ท์ ห รื อ เ ป็ น ล า ย ลั ก ษ ณ์ อั ก ษ ร เช่ น จ ด ห ม า ย จ ด ห ม า ย อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ โ ท ร ส า ร เ ป็ น ต้ น ห รื อ ก ร ณี ผู้ ถู ก ก ร ะ ทำ � อ า ย ห รื อ ก ลั ว อาจให้เพื่อนมาแจ้งแทน แต่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถูกกระทำ� 5 . ร้ อ ง ข อ ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ ต่ อ ผู้ บั ง คั บ บั ญ ช า ข อ ง ผู้ ก ร ะ ทำ � ห ลั ง จ า ก เ กิ ด เหตุการณ์ขึ้น และให้ผู้บังคับบัญชาดำ�เนินการค้นหาข้อเท็จจริง หากไม่ดำ�เนินการ ใด ๆ ถือว่าผู้บังคับบัญชาละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ 6. ร้องขอหน่วยงานท่ีรับผิดชอบให้มีบุคคลเป็นผู้ประสานงาน เพื่อช่วยเหลือ จัดให้มีการประชุมหารือระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือหาทางยุติอย่างไม่เป็น ทางการ หรือผู้ไกล่เกล่ียช่วยเหลือในการยุติเร่ืองดังกล่าว ซ่ึงมีกำ�หนดเวลา 15 วัน เช่นเดยี วกนั การล่วงละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 25
แนวทางการปอ้ งกันไมใ่ หเ้ กดิ การลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คาม ทางเพศในการทำ�งาน 1. มีความภาคภูมใิ จและเห็นคุณคา่ ในผลการท�ำ งานของตนเอง 2. ใหเ้ กียรติเพื่อนร่วมงาน ผ้บู ังคับบญั ชา และผู้ใต้บังคบั บญั ชา 3. หลีกเล่ียงการอยู่ในท่ีลับตาหรือทำ�งานสองต่อสองกับผู้บังคับบัญชาหรือ เพ่ือนร่วมงาน หากเป็นไปได้ให้มีผู้ที่ไว้ใจอยู่ด้วยในกรณีถูกเรียกเข้าพบหรือรับ มอบหมายงานนอกเวลาทำ�งาน เปน็ ตน้ 4. ช่วยสอดส่องและรายงานพฤติกรรมการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ท่ีเกิดขึ้นในหน่วยงานต่อบุคคลหรือหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง รวมทั้งไม่ควรเพิกเฉย ห า ก มี ปั ญ ห า ดั ง ก ล่ า ว เ กิ ด ข้ึ น กั บ เ พ่ื อ น ร่ ว ม ง า น แ ล ะ ค ว ร ใ ห้ คำ � ป รึ ก ษ า ร ว ม ท้ั ง ชว่ ยเหลอื แกเ่ พ่ือนรว่ มงานด้วย 5 . ห า ก ผู้ บั ง คั บ บั ญ ช า เรี ย ก ผู้ ใ ต้ บั ง คั บ บั ญ ช า ใ ห้ เข้ า ไ ป ป ฏิ บั ติ ง า น ใ น ห้ อ ง โดยเฉพาะนอกเวลาทำ�งานหรือไปปฏิบัติงานต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ แบบสอง ต่อสอง ให้แจ้งผบู้ งั คบั บญั ชาระดับต้นรับทราบก่อนทกุ ครั้ง 26 คมู่ ือมาตรการในการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหา
หน่วยรบั เรือ่ งรอ้ งทุกข์ ภายในหน่วยงาน ได้แก่ •• ผ้บู ังคบั บัญชาทุกระดับของผูก้ ระท�ำ •• กลไกการรบั เรื่องรอ้ งทกุ ขภ์ ายในหน่วยงาน ภายนอกหนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ •• ศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคาม ทางเพศในการท�ำ งาน (ศปคพ.) กรมกิจการสตรีและสถาบนั ครอบครัว •• สำ�นักงาน ก.พ. •• คณะกรรมการการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ประจำ�กระทรวง ตาม ระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการเร่ืองราวร้องทุกข์ พ.ศ. 2552 •• คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามมาตรา 26 พระราชบัญญัติ คณะกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 การล่วงละเมิดหรือคกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 27
ช่องทางและวิธกี ารรอ้ งทกุ ข์ •• ช่องทางรับเรื่องร้องทุกข์ของหน่วยงาน เช่น เว็บไซต์ กล่องรับเร่ือง รอ้ งทกุ ข ์ ต ู้ ป.ณ. •• ผู้ร้องทุกข์สามารถร้องทุกข์ด้วยตนเอง ทางโทรศัพท์ หรือเป็น ลายลักษณ์อกั ษร เชน่ จดหมาย จดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ โทรสาร •• ผู้ร้องทุกข์ควรร้องทุกข์ต่อบุคคลหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง จนกว่าจะเสร็จกระบวนการ หากไม่มีการดำ�เนินการใด ๆ จึงร้องทุกข์ ต่อบุคคลหรอื หนว่ ยงานอืน่ 28 คมู่ ือมาตรการในการป้องกันและแกไ้ ขปัญหา
ภาคผนวก
30 คู่มอื มาตรการในการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หา
การล่วงละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 31
32 คู่มอื มาตรการในการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หา
การล่วงละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 33
ตวั อย่าง ประกาศ (ช่อื หน่วยงาน) เรือ่ ง เจตนารมณ์การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาการลว่ งละเมิดหรอื คกุ คามทางเพศ ในการท�ำ งาน _________________________ ค ณ ะ ผู้ บ ริ ห า ร ข้ า ร า ช ก า ร ลู ก จ้ า ง พ นั ก ง า น แ ล ะ บุ ค ล า ก ร ทุ ก ค น ข อ ง (ช่ือหน่วยงาน) มีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างบุคคล และสร้างองค์กรท่ีปราศจากการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน ด้วยการปฏิบัติต่อกันอย่างให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน และไม่กระทำ�การใด ที่เป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศต่อผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อน ร่วมงาน ลูกจ้าง และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการติดต่อประสานงานหรือดำ�เนินงานร่วมกับ (ชอ่ื หน่วยงาน) ดังน้ัน เพ่ือให้บรรลุเจตนารมณ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิด หรอื คุกคามทางเพศในการทำ�งานดงั กลา่ ว (ชื่อหน่วยงาน) จะด�ำ เนนิ การ ดังน้ี 1. บริหารงานและปฏิบัติงานบนหลักแห่งความเสมอภาค ให้เกียรติซึ่งกัน และกัน เคารพในศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์โดยคำ�นึงถึงความเท่าเทียมระหว่างเพศ ไม่ กระทำ�การอันเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลด้วยเหตุความแตกต่าง ในเร่ืองของเพศ และไม่กระทำ�การใดที่เป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการ ทำ�งาน 34 คูม่ อื มาตรการในการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หา
2. สรา้ งวฒั นธรรมองคก์ ร และปลกู ฝงั คา่ นยิ มใหแ้ กค่ ณะผบู้ รหิ าร ขา้ ราชการ ลูกจ้าง พนักงาน และบุคลากรทุกคนของ (ช่ือหน่วยงาน) ให้ปฏิบัติต่อกันโดยให้เกียรติ ซง่ึ กันและกนั และเคารพในศกั ด์ิศรคี วามเปน็ มนษุ ย์ 3. สร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศท่ีดีภายในองค์กร และส่งเสริมความ ปลอดภัยไม่ให้ถูกล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งานให้แก่คณะผู้บริหาร ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงาน และบุคลากรทุกคน และบุคคลท่เี ก่ยี วข้องหรือดำ�เนินงาน ร่วมกับ (ชือ่ หน่วยงาน) 4. สร้างกลไกและกระบวนการในการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาการลว่ งละเมิด หรือคุกคามทางเพศในการทำ�งานเพื่อมิให้มีการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการ ทำ�งาน ประกาศ ณ วันท่ี ............................... พ.ศ. ................. (หัวหน้าส่วนราชการ) การล่วงละเมดิ หรือคกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 35
แบบรายงานผลการด�ำ เนนิ งาน ตามมาตรการในการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาการลว่ งละเมิดหรอื คุกคามทางเพศ ในการท�ำ งาน ประจ�ำ ปี............................. 1. หนว่ ยงาน .................................................................................................................. 2. หน่วยงานทีร่ บั ผิดชอบการรายงานผลการดำ�เนนิ งานตามมาตรการฯ ....................... โทรศัพท ์ ....................................................... โทรสาร ............................................. 3. การประกาศเจตนารมณใ์ นการป้องกนั และแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคกุ คาม ทางเพศในการทำ�งาน (หากตอบวา่ ม ี โปรดแนบเอกสารประกอบ) 3.1 ด�ำ เนนิ การเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร ม ี ไมม่ ี 3.2 ประชาสัมพันธใ์ ห้บุคลากรในองคก์ รรบั ทราบอยา่ งท่ัวถงึ มี ไม่มี 4. การจัดทำ�แนวปฏิบัติเพ่อื ป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ในการท�ำ งาน (หากตอบว่ามี โปรดแนบเอกสารประกอบ) 4.1 ด�ำ เนนิ การเปน็ ลายลกั ษณ์อักษร ม ี ไมม่ ี 4.2 ประชาสมั พันธใ์ หบ้ ุคลากรในองคก์ รรบั ทราบอยา่ งทว่ั ถึง ม ี ไม่มี 5. มีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับมาตรการฯ และพฤติกรรมที่เป็นการ ลว่ งละเมิด/คุกคามทางเพศ โดย (ตอบไดม้ ากกว่า 1 ข้อ) กำ�หนดไว้ในแผนแมบ่ ทการส่งเสรมิ ความเสมอภาคหญิงชายของหน่วยงาน ก�ำ หนดไวใ้ นกฎ ระเบียบ แนวปฏบิ ัติของหน่วยงาน กำ�หนดชอ่ งทางรับเร่ืองราวรอ้ งทกุ ข์ภายในหนว่ ยงาน กำ�หนดเป็นสว่ นหน่ึงของหลกั สูตรการพัฒนาบคุ ลากร หรอื การปฐมนิเทศ ข้าราชการใหม่ 36 ค่มู ือมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหา
จัดทำ�ค่มู ือปฏบิ ตั ิส�ำ หรับแจกข้าราชการและเจา้ หนา้ ท่ที กุ คน จัดท�ำ แผ่นพับ จดหมายข่าว หรือเผยแพรต่ ามบอรด์ ประชาสัมพนั ธ์ จดั ท�ำ หนงั สือเวยี นเพอ่ื ใหบ้ ุคลากรทราบโดยทวั่ ไป สอดแทรกในกิจกรรมการจดั การความรู้ ประชาสัมพนั ธ์ทางเสยี งตามสาย อน่ื ๆ ไดแ้ ก.่ .......................................................................................................... 6. การกำ�หนดกลไกการร้องทุกข์ภายในหน่วยงานตามมาตรการในการป้องกันและ แก้ไขปญั หาการล่วงละเมดิ หรือคกุ คามทางเพศในการทำ�งาน กลุ่มงานค้มุ ครองจริยธรรม กล่มุ งานวนิ ัย กลมุ่ งานบรหิ ารบุคลากร ไม่ม ี อน่ื ๆ ได้แก่ ....................................................................................... 7. ปงี บประมาณทผ่ี า่ นมา (ตง้ั แต่ 1 ตุลาคม ปที ่ีแลว้ - 30 กันยายน ปนี ้ี) หน่วยงาน ของทา่ นมกี ารรอ้ งเรยี นปญั หาการลว่ งละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งานหรอื ไม่ มี (ตอบข้อ 7.1 - 7.5) ไม่มี 7.1 จำ�นวนการร้องเรียนปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในหน่วยงาน .......................... ครั้ง 7.2 รปู แบบปัญหาการลว่ งละเมิดหรอื คกุ คามทางเพศทเ่ี กดิ ข้ึนในหนว่ ยงาน (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) ทางวาจา ............... คร้งั ทางกาย ............... คร้งั ทางสายตา ............ ครง้ั ถกู กระท�ำ โดยมผี ลประโยชนเ์ กย่ี วขอ้ ง .......... ครง้ั ถกู กระท�ำ ลกั ษณะอน่ื ๆ ............... ครง้ั ไดแ้ ก ่ ........................................... การลว่ งละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำ�งาน 37
7.3 ลักษณะการลว่ งละเมิดหรอื คกุ คามทางเพศในหน่วยงานของทา่ น (ตอบได้มากกวา่ 1 ขอ้ ) ผู้บงั คับบญั ชา กระท�ำ ต่อ ผใู้ ตบ้ ังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบญั ชา กระทำ�ตอ่ ผูบ้ งั คับบญั ชา เพ่ือนร่วมงาน กระทำ�ต่อ เพอ่ื นรว่ มงาน บคุ ลากรภายในหนว่ ยงาน กระทำ�ต่อ ผู้ท่ีเก่ยี วข้องหรอื ดำ�เนนิ งานร่วมกับ หนว่ ยงานของทา่ น เชน่ นักศึกษาฝกึ งาน ผู้รับจ้าง หรอื ผูร้ บั บรกิ าร เป็นตน้ 7.4 สถานทเี่ กดิ กรณีการลว่ งละเมิดหรือคกุ คามทางเพศในหนว่ ยงาน (ตอบได้มากกวา่ 1 ข้อ) ภายในหอ้ งท�ำ งาน บรเิ วณที่ลับตาคนหรือมมุ อับภายในสถานทที่ ำ�งาน พื้นท่ปี ฏบิ ัติงานนอกสำ�นักงาน อื่น ๆ ได้แก่ ............................................... 7.5 การจัดการในกรณมี ีการร้องเรยี นประเดน็ การล่วงละเมิดหรือคกุ คามทางเพศ หนว่ ยงานไดด้ ำ�เนนิ การตามมาตรการฯ กฎ ระเบยี บ หรอื กฎหมายทเี่ กี่ยวข้อง อยา่ งไร (โปรดระบโุ ดยละเอียด) .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. 8. ขอ้ เสนอแนะ/ขอ้ คิดเหน็ อ่ืน ๆ ................................................................................................................................. ................................................................................................................................. .................................................................................................................................. 38 คมู่ อื มาตรการในการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา
กระบวนการรับเร�่องรอ งเร�ยน กรณีการลว งละเมดิ หร�อคกุ คามทางเพศ ในการทำงานของกรมกิจการสตรแ� ละสถาบันครอบครัว เรเร่�ออ่� งงรรอ อ งงเรเร�ยย� นน จจาากกบบุคคุ ลลาากกรรสลคค.. สสำำนนกั ักงงาานนเลเลขขาานนุกุกาารลรลกงกงลรลรับมุ บัมุ ใงในงานารนรนะคะบคบุมบมุบคทคทรันรันอทอทงีงจี จรรย� ย� ธธรรรรมม((สลลลคคจจ..)) สลลลคคจจ..พพจ� จ� าารรณณาาขขออรรอองงเรเร�ย�ยนนววาา เขเขา าขขา ายยกกาารรลลว ว งงลละะเมเมดิ ิดหหรรอ� อ� คคุกุกคคาามม ททาางงเพเพศศใในนกกาารรททำำงงาานนตตาามมมมาาตตรรกกาารรฯฯหหรรอ� �อไไมม ((รระะยยะะเวเวลลาาดดำำเนเนินินกกาารร22ววนั นั ททำำกกาารร)) ใใชช ไไมมใใชช สงตอขอมลู ใหสำนกั ตรวจสอบขอ เทจ็ จรง� รระะงงบั บั เรเรอ�่ ่�องงรรอ อ งงเรเรย� �ยนน เลขานกุ ารกรมตงั้ คณะทำงาน จากขอ มลู เอกสาร หรอ� สอบขอ เท็จจร�ง (ระยะเวลา ทำรายงานเสนอผูบ ร�หาร บคุ คลท่ีเกย่ี วของ (ระยะเวลาดำเนินการ ดำเนินการ 7 วนั ทำการ) (ระยะเวลาดำเนินการ 3 วันทำการ) 15 วันทำการ) มมคี ีคววาามมผผดิ ดิ ไไมมมมีคีคววาามมผผิดิด สสรรปุ ุปผผลลกกาารรตตรรววจจสสออบบขขออ เทเท็จจ็ จจรร�งง� แแลละะเสเลนนออตตออ สสง งตตออขขออ มมูลูลใใหหส ส ำำนนักักเลเลขขาานนุกกุ าารรกกรรมม ออธธบิ ิบดดกี ีกรรมมกกจิ จิ กกาารรสสตตรร�แแ� ลละะสสถถาาบบันนั คครรออบบคครรัวัว ดดำำเนเนินนิ กกาารรเกเก่ยี ย่ี ววกกับับกกาารรแแตตง ง ตต้งั ัง้ คคณณะะกกรรรรมมกกาารร เพเพ่อ� �อ่ ขขออคคววาามมเหเห็นน็ ชชออบบแแตตงง ตตัง้ งั้ คคณณะะกกรรรรมมกกาารร สสบื ืบสสววนนหหาาขขออ เทเทจ็ จ็ จจรรง� ง� //คคณณะะกกรรรรมมกกาารรสสออบบววน� น� ัยัย สสบื ืบสสววนนหหาาขขออเทเท็จ็จจจรร�งง� //คคณณะะกกรรรรมมกกาารรสสออบบววน� น� ัยัย สสำำนนักกั เลเลขขาานนกุ ุกาารรกกรรมมแแจจง ง ผผลลกกาารรสสืบืบสสววนนหหาาขขอ อ เทเท็จ็จจจรร�งง� ((รระะยยะะเวเวลลาาดดำำเนเนินนิ กกาารร77ววนั นั ททำำกกาารรนนับับตต้งั งั้ แแตต กกาารรสสออบบวว�น�นัยยั ใใหหศ ศ นู ูนยยปป รระะสสาานนกกาารรปปอ อ งงกกนั ันแแลละะแแกกไไขขปปญญหหาา เสเสรร็จจ็ สสน�ิ น�ิ กกรระะบบววนนกกาารรตตรรววจจสสออบบขขอ อเทเท็จ็จจจรร�ง�ง)) กกาารรลลวว งงลละะเมเมิดิดหหรรอ� อ� คคกุ กุ คคาามมททาางงเพเพศศใในนกกาารรททำำงงาานน((ศศปปคศพพ..))ททรราาบบ ((รระะยยะะเวเวลลาาดดำำเนเนนิ นิ กกาารร1155ววันนั ททำำกกาารรนนับบั แแตตว ว นั นั ทที่ ่ี ออธธิบบิ ดดีกีกรรมมกกจิ จิ กกาารรสสตตรรแ� �แลละะสสถถาาบบันันคครรออบบคครรัวัวมมีคีคววาามมเหเห็นน็ ชชออบบ)) การล่วงละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศในการท�ำ งาน 39
ค่มู ือมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิด หรอื คุกคามทางเพศในการทำ�งาน จดั ท�ำ โดย กรมกจิ การสตรแี ละสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนุษย์ คณะผู้จดั ท�ำ กล่มุ คมุ้ ครองและพิทักษส์ ิทธิ กองสง่ เสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ พมิ พค์ ร้ังท ่ี 1 เดือน เมษายน 2564 จ�ำ นวน 12,000 เลม่ จดั พิมพโ์ ดย กรมกจิ การสตรแี ละสถาบนั ครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย์ 255 ถนนราชวถิ ี แขวงท่งุ พญาไท เขตราชเทว ี กรงุ เทพมหานคร 10400 โทรศพั ท์ 0 2642 7743 โทรสาร 0 2642 7743 E-mail: [email protected] www.dwf.go.th ออกแบบ และจดั พิมพท์ ี่ บริษทั พีระมิตร ครเี อชนั่ จ�ำ กดั ISBN 978-616-331-118-4 40 คู่มือมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหา
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: