Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รัชกาลที่ 7

รัชกาลที่ 7

Published by pawukk.49, 2020-06-21 05:17:05

Description: รัชกาลที่ 7

Search

Read the Text Version

พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นโอรสองค์ที่ 76 ทรงเป็นพระโอรสองค์เล็กของพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงประสูติแด่สมเด็จพระศรีพัชริน ทราบรมราชินีนารถ นับว่าเป็นพระราชโอรสองค์เล็กสุด ประสูติ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิการยน พ.ศ. 2436 ตรงกับวันพุธ แรม 14 ค่ํา เดือน 11 ปีมะเส็ง ทรงพระนามเดิมว่า \" เจ้าฟ้าชายประชาธิ ปกศกั ดิเดช กรมหลวงสโุ ขทัยธรรมราชา เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 12 พรรษา พระองค์ได้เข้าศึกษา ใน วิทยาลัยทหารบก ณ ประเทศอังกฤษจนจบและได้เสด็จกลับมา รับราชการในรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นพระเชษฐาธิราชของพระองค์ โดยได้รับยศเป็นนายพันโททหารบกมีตําแหน่งเป็นราชองครักษ์ และผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยชั้นประถม ต่อมาภายหลังได้ เลื่อนตําแหน่งเป็นลําดับจนเป็นนายพันเอก มีตําแหน่งเป็นปลัด กรมเสนาธิการทหารบก กอ่ นข้ึนครองราชสมบัติมีตําแหน่งเป็นผู้ บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2

พระราชกรณียกิจ ดา้ นการทาํ นบุ าํ รุงบ้านเมือง เศรษฐกิจ สืบเนื่องจากผลของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ประเทศท่ัวโลกประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจ ตกต่ํา ซึ่งมีผลกระทบ กระเทือนมาสู่ประเทศไทย พระองค์ได้ทรงพยายามแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การควบคุมงบประมาณ ตัดทอนรายจ่าย ลดอัตราเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงการลดจํานวนข้าราชการ ปรับปรุงระบบภาษี การเก็บภาษีเพิ่มเติม ยุบรวมจังหวัด เลิกมาตรฐาน ทองคําเปล่ียนไปผูกกับค่าเงินของอังกฤษ เป็นต้น รวมทั้งส่งเสริม กิจการสหกรณ์ให้ประชาชนได้มีโอกาสร่วมกันประกอบกิจการทาง เศรษฐกิจ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติ สหกรณ์ พ.ศ. 2471 ขึ้นการสุขาภิบาลและสาธารณูปโภค โปรดให้ ปรับปรุงงานสุขาภิบาลทั่วราชอาณาจักรให้ทัดเทียมอารยประเทศ ด้านการสื่อสารและการคมนาคมนั้น ได้มีการอัญเชิญกระแสพระราช ดํารัสของพระองค์จากพระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ถ่ายทอดเสียงทางวิทยุเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในพิธีเปิดสถานี วิทยุกรุงเทพฯ ที่พระราชวังพญาไท[41] ในส่วนกิจการรถไฟ ขยาย เส้นทางรถทางทิศตะวันออกจากทางจังหวัดปราจีนบุรี จนกระทั่งถึง ต่อเขตแดนประเทศกัมพูชา

พระราชกรณียกิจ ในปี พ.ศ. 2475 เป็นวาระที่กรุงเทพมหานครมีอายุครบ 150 ปี ทรงจัดงานเฉลิมฉลองโดยทาํ นบุ าํ รงุ บูรณปฏิสังขรณ์สิ่งสําคัญ อันเป็นหลักของกรุงเทพมหานครหลายประการ คือ บูรณะวัด พระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง, สร้างปฐมบรม ร า ช า นุ ส ร ณ์ แ ล ะ ส ะ พ า น พ ร ะ พุ ท ธ ย อ ด ฟ้ า เ ชื่ อ ม ฝ่ั ง กรุงเทพมหานครและฝ่ังธนบุรีเพื่อเป็นการขยายเขตเมืองให้ กวา้ งขวาง[42][43] เป็นต้น สําหรับในเขตหัวเมือง ทรงได้จัดตั้ง สภาจัดบํารุงสถานที่ชายทะเลทิศตะวันตกขึ้น เพื่อทํานุบํารุงหัว หินและใกล้เคียงให้เป็นสถานที่ตากอากาศชายทะเล

พระราชกรณียกิจ ด้านการปกครอง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราช ปรารภจะพระราชทานรัฐธรรมนูญ แต่ถูกทักท้วงจากพระบรม วงศ์ชั้นผู้ใหญ่จึงได้ระงับไปก่อน[44] ซึ่งหม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล มีดํารัสถึงเรื่องนี้ว่า \"ส่วนพระเจ้าอยู่หัวเองนั้น [พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว] ทรงรู้สึกยิ่งขึ้นทุกทีว่า การปกครองบ้านเมืองในสมัยเช่นนี้ เป็นการเหลือกําลังของ พระองค์ที่จะทรงรับผิดชอบได้โดยลําพังแต่ผู้เดียว พระองค์ทรงรู้ ดีว่า ทรงอ่อนท้ังในทาง physical และ mental จึงมีพระราช ปรารถนาจะพระราชทานรัฐธรรมนูญให้ช่วยกันรับผิดชอบให้ เต็มที่อยู่เสมอ แต่ก็เกดิ เหตกุ ารณ์ปฏวิ ตั ิโดยคณะราษฎร ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยพระองค์ทรงยินยอมสละพระ ราชอาํ นาจ[30][31]และเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ทรงให้ตรวจตราตัวบทกฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะเป็นหลักในการ ปกครองอย่างถ่ีถ้วน ทรงแก้ไขกฎหมายองคมนตรี ด้วยการออก พระราชบัญญตั ิองคมนตรี เมื่อปี พ.ศ. 2470

พระราชกรณียกิจ โดยให้สภากรรมการองคมนตรีมีอานาจหน้าท่ีในการให้คาปรึกษาใน การร่างกฎหมาย โดยมีพระราชดาริให้สภาองคมนตรีเป็นที่ฝึกการ ประชุมแบบรัฐสภา กรรมการสภาองคมนตรีอยูใ่ นตาแหน่งวาระละ 3 ปี[46] ทรงตราพระราชบญั ญตั ิควบคุมการค้าขายอันกระทบถึงความ ปลอดภัยหรอื ความผาสุกแห่งสาธารณชน พ.ศ. 2471 เพ่ือคุ้มครอง สวัสดิการของปวงชนชาวไทย โดยมีขอบเขตครอบคลุมการค้าขายที่ เป็นสาธารณูปโภคและการเงิน เช่น การประปา การไฟฟ้า การรถไฟ การเดินอากาศ การชลประทาน การออมสิน และการประกันภัย อัน เปน็ รากฐานของระเบียบปฏบิ ัติ ทใี่ ช้กันมาจนทุกวันน้ี มีพระราชดาริให้จัดระเบียบการปกครองรูปแบบเทศบาลขึ้น เพ่ือให้ ประชาชนในท้องถ่ินรู้จักเลือกตัวแทนเข้าไปบริหารและจัดการงาน ต่าง ๆ ของชุมชน โดยโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติเทศบาล ขึ้นแต่มิได้เป็นไปตามพระราชประสงค์เน่ืองจากเกิดการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475

พระราชกรณียกิจ ทว่า ยังมีมมุ มองทีว่ ่าพระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวหาได้ เป็น \"กษัตริยป์ ระชาธิปไตย\" ดังที่ทรงได้รับยกย่องไม่ ทวีศักดิ์ ตั้ง ปฐมวงศ์ เขียนว่า พระองค์ทรงรับรู้ทั้งสนับสนุน \"คณะกู้บ้านกู้ เมือง\" ซึ่งหวังปราบปรามคณะราษฎร และมีพระราชดํารัส \"ประเทศนี้พร้อมแล้วหรือยังที่จะมีการปกครองแบบมีผู้แทน… ตามความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าขอย้ําว่าไม่\" ทั้ง ทรงขดั ขวางเค้าโครงการเศรษฐกิจปี 2475 ของปรีดี พนมยงค์ ซึ่งรูปแบบเนื้อหาเอนเอียงทางคอมมิวนิสต์[47] ทูตญี่ปุ่น ยาสุกิ จิ ยาตาเบ กล่าวว่า \"ประชาชนสยามไม่เคยได้รับการฝึกฝนทาง การเมือง ไม่มีอิสรภาพในการพูด หากไม่มีการปฏิวัติและรอให้ พระปกเกล้าฯ ปฏิรูปการเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไปน้ัน รอไปอีก หนึ่งร้อยปีก็ไม่มีทางสําเร็จ\"[48] สําหรับความข้องแวะในกบฏ บวรเดชนั้นก็ปรากฏหลักฐานว่าทรงให้เงินและกําลังใจแก่คณะ กบฏ

พระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธยใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475

พระราชกรณียกิจ ด้านการศาสนา การศึกษา ประเพณีและวฒั นธรรม ทรงส่งเสริมการศึกษาของชาติทั้งส่วนรวมและส่วน พระองค์ โปรดให้สร้างหอพระสมุดสําหรับพระนคร เพื่อเปิด โอกาสให้ประชาชนเข้าศึกษาได้อย่างเสรี ทรงต้ังราชบัณฑิตย สภา เพื่อมีหน้าที่บริหารและเผยแพร่วิชาการด้านวรรณคดี โบราณคดี และศิลปกรรม ในด้านวรรณกรรม โปรด ตรา พระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรมใน พ.ศ. 2475 พระราชทานเงินส่วนพระองค์ เป็นรางวัลแก่ผู้แต่ง หนังสือยอดเยี่ยม และให้ทุนนักเรียนไปศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ จากต่างประเทศ การศาสนา ทรงปลูกฝังเยาวชนให้มีคุณธรรมดี งาม โดยยึดหลักคําสอนของศาสนาพุทธ โปรดให้ราชบัณฑิตย สร้างหนังสือสอนพระพุทธศาสนาสําหรับเด็ก ซึ่งนับว่าพระองค์ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงสร้างหนังสือสําหรับเด็ก ส่วนการศึกษาในพระพุทธศาสนานั้น โปรดให้สร้างหนังสือ พระไตรปิฎกภาษาบาลี เรียกว่า ฉบับสยามรัฐ โดยหนึ่งชุดมี จํานวน 45 เล่ม เพื่อเป็นอนุสาวรีย์เชิดชูพระเกียรติยศของ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั

พระราชกรณียกิจ ในด้านศิลปวัฒนธรรมของชาตินั้น พระองค์ทรงสถาปนาราช บัณฑิตย์สภาขนึ้ (เดิมคือ กรรมการหอพระสมุดสาํ หรบั พระนคร) เพื่อจัดการหอพระสมุดสําหรับพระนครและสอบสวนพิจารณา วิชาอักษรศาสตร์ เพื่อจัดการพิพิธภัณฑสถานตรวจรักษา โบราณสถานและโบราณวตั ถุ และเพือ่ จดั การบํารงุ รกั ษาวิชาช่าง [51] ผลงานของราชบัณฑิตสภาเป็นผลดีต่อการอนุรักษ์และ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของชาติเป็นอย่างมาก เช่น การ ตรวจสอบต้นฉบับเอกสารโบราณออกตีพิมพ์เผยแพร่ มีการ ส่งเสริมสร้างสรรค์วรรณกรรมรุ่นใหม่ด้วยการประกวดเรียบ เรียงบทประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ทรงอนุรักษ์ดนตรี ไทยไว้ด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้เพราะได้ทรงสนพระราชหฤทัยใน วิชาดนตรีไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หลวงประดิษฐ ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) เข้าถวายการฝึกสอนจนสามารถ พระ ราชนิพนธ์ทาํ นองเพลงไทยได้ ถึง 3 เพลง คือ เพลงราตรีประดับ ดาวเถา เพลงเขมรลออองคเ์ ถา และเพลงโหมโรงคลืน่ กระทบฝ่ัง

พระราชกรณียกิจ ทางด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม ทรงสละทรัพย์ส่วน พระองค์ปฏิสังขรณ์วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร จังหวัด พระนครศรีอยุธยา โปรดฯให้เขียนภาพพงศาวดาร สมเด็จพระ นเรศวรมหาราชไว้ที่ผนังพระวิหาร ทรงพยายามสร้างค่านิยมให้ มีสามีภรรยาเพียงคนเดียว โปรดให้ตราพระราชบัญญัติแก้ไข เพ่ิมเติมกฎหมายลักษณะผัวเมีย พ.ศ. 2473 ริเริ่มให้มีการจด ทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ทะเบียนรับรองบุตร อันเป็นการ ปลูกฝังค่านิยมแบบใหม่ทีละน้อยตามความสมัครใจ นอกจากนี้ ยงั ทรงปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างโดยทรงมีแต่พระบรมราชนิ ีเพียง พระองคเ์ ดียว นอกจากนี้แล้ว เม่ือทรงว่างจากพระราชภารกิจ พระองคโ์ ปรดในการถา่ ยภาพนิ่งและถ่ายภาพยนตร์ ทรงมีกล้อง ถ่ายภาพและภาพยนตร์จานวนมากที่ทรงสะสมไว้ สะท้อนให้ เห็นพระอุปนิสัยโปรดการถ่ายภาพและภาพยนตร์ ภาพยนตร์ ทรงถา่ ยมีเนือ้ หาท้งั ทเ่ี ปน็ สารคดแี ละทีใ่ ห้ความบนั เทงิ

พระราชกรณียกิจ ในจานวนภาพยนตร์เหล่าน้ี เร่ืองท่ีเป็นเกียรติประวัติของวงการ ภาพยนตร์ไทยและแสดงพระราชอัจฉริยภาพดีเย่ียมในการสรา้ งโครง เร่ือง กากับภาพ ลาดับฉาก และอานวยการแสดง คือ เร่ืองแหวน วิเศษ นับได้ว่าพระองค์เป็นหน่ึงในบุคคลท่ีบุกเบิกวงการภาพยนตร์ ไทยอีกพระองค์หนึ่ง นอกจากน้ีทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สรา้ งโรงภาพยนตรศ์ าลาเฉลมิ กรงุ ซงึ่ นับเป็นโรงภาพยนตรท์ ันสมัยใน สมัยน้ัน นับเป็นโรงมหรสพแห่งแรกในเอเชียที่มีเคร่ืองปรับอากาศ ระบบไอนา้

พระราชกรณียกิจ ความสัมพันธ์กบั ต่างประเทศ ในต้นรัชสมัยได้ทรงดําเนินกิจการสําคัญที่ทรงเก่ียวข้องกับ ต่างประเทศที่ค้างมาต้ังแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัวให้สําเร็จลุลว่ งไป เช่น การให้สตั ยาบันสนธิสญั ญา ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังทรงทําสัญญาใหม่ ๆ กับประเทศเยอรมนี หลังสถาปนาความสัมพันธ์ข้ันปกติ เมื่อ พ.ศ. 2471 และทํา สนธิสัญญากับประเทศฝรั่งเศสเก่ียวกับดินแดนในลุ่มแม่น้ําโขง เรียกว่าสนธิสัญญาอินโดจีน พ.ศ. 2469 โดยกําหนดให้ มีเขต ปลอดทหาร 25 กิโลเมตร ท้ังสองฝั่งของแม่น้ําโขงแทนที่จะมี เฉพาะฝั่งสยามแตเ่ พียงฝ่ายเดียว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook