ประวัติความเป็นมาของแม่บทเล็ก และประวัติเพลงช้า-เพลงเร็ว จัดทำโดย นางสาว พิมพ์อัปสร ม่วงน้อยเจริญ รหัสนักศึกษา 6510121258026
ประวัติความเป็นมาเพลงแม่บทเล็ก รำแม่บทเล็ก แม่บทเล็ก เป็นท่ารำมาตรฐาน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “แม่ท่า” เช่นเดียวกับแม่บทใหญ่ แต่มี ลีลากระบวนการรำที่สั้นกว่า แม่บทใหญ่ยาวถึง ๑๘ คำกลอน ส่วนแม่บทเล็กมีเพียง ๖ คำกลอน เป็นที่ นิยมฝึกหัดกันเป็นอย่างมาก เพราะสารมารถนำไปใช้แสดงออกโรงไดพอเหมาะพอดี ไม่มากไม่น้อย จนเกินไป ประวัติเพลงแม่บทเล็ก เพลงแม่บทเล็ก เป็นชุดรําชุดหนึ่งที่อยู่ในต้นเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทุกข์ ใช้ ทํานอง เพลงชมตลาด ซึ่งมีลีลาการเอื้อนที่ช้าและนุ่มนวล เหมาะกับกระบวนการรําที่มีความอ่อนช้อย งดงามตาม ลักษณะการรําของนาฏศิลป์ไทย ที่มีการวางไว้เป็นแบบมาตรฐาน สําหรับประวัติเพลงแม่บทเล็ก นั้นมีเรื่องเล่าว่าแม่บทเล็กหรืออีกชื่อหนึ่งคือ แม่บทนาง นารายณ์ มีมา แต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ปรากฏอยู่ในระบําเบิกโรง ชุดนารายณ์ปราบนนทุก และมีการ สืบทอดต่อกันมาในสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ ดังปรากฏในกลอนบทละครความพิสดารเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนถึงรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งแม่บทเล็กถือได้ว่าเป็นแม่แบบของกระบวนท่าในรูปแบบการแสดงของนาฏศิลป์ไทยที่มี หลักฐานว่ามีการสืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณแต่ในกระบวนการสืบทอดทางการปฏิบัตินั้นไม่ปรากฏผู้ สืบทอดกระบวน ท่ารําที่ชัดเจน ต่อมาในปีพุทธศักราช 2498 กรมศิลปากรเรียนเชิญท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี มาเป็นผู้ เชี่ยวชาญ ด้านนาฏศิลป์ไทย ท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่มีบทบาทในการประดิษฐ์กระบวนท่ารําสําหรับการ แสดง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในการรําแม่บทนั้น ท่านได้เรียบเรียงและประดิษฐ์กระบวนท่ารําประกอบ บทขับร้องได้อย่างสอดคล้องเหมาะสมแต่ยังคงท่ารําตามรูปแบบมาตรฐานที่สวยงามไว้ รําแม่บท เป็นการรวบรวมท่ารําในเพลงช้าเพลงเร็ว ซึ่งเป็นแม่แบบของการฝึกหัดมาเรียงร้อย ให้เป็นกระบวนโดยการตั้งชื่อท่ารําและผูกเป็นบทกลอนนับเป็นขั้นตอนที่ต่อจากการเรียนเพลงช้า เพลงเร็ว เพื่อให้ผู้เขียนมีความคล่องแคล่วนอกจากใช้เป็นแบบฝึกหัดแล้วเขามักจัดให้ละครตัวเอก เช่น ตัวนายโรง และตัว นาง คือ พระหนึ่ง นางหนึ่ง ของคณะละครโรงนั้นๆออกมารําอวดให้ดูเป็น แบบฉบับเพื่อดูว่าศิลปินคนใดในคณะใดจะแสดงท่ารํานั้นๆได้ถูกต้องสวยงาม และถูกต้องตาม แบบแผน ตลอดจนความสามารถเชื่อมท่าจากท่าหนึ่งไปสู่ทาหนึ่งได้อย่างละเมียดละไมกลมกล่อม ตัว ละครผู้ใดรําแม่บทนี้ได้ดี ก็ยกย่องกันว่าเป็นศิลปินผู้มี ฝีมือเอก ท่ารําแม่บทนี้มีบทร้องอยู่ 2 อย่าง บทร้องที่ใช้รําดูกันโดยทั่วไปอย่างย่อนั้นมีอยู่ 18 ท่าด้วยกันดังนี้ 1.เทพนม 2. ปฐม 3. พรหมสี่หน้า 4. สอดสร้อยมาลา 5. กวางเดินดง 6. หงส์บิน 7. กินรินเลียบถ้ํา 8. ช้านางนอน
9. ภมรเคล้า 10. แขกเต้า 11. ผาลาเพียงไหล่ 12. เมขลาล่อแก้ว 13. มยุเรศฟ้อน 14. ลมพัดยอดตอง 15. พรหมนิมิต 16. พิสมัยเรียงหมอน 17. มัจฉาชมสาคร 18. พระสี่กรขว้างจักร สำหรับบทนางนารายณ์ท่ีเกี่ยวกับการรำแม่บทปรากฏตามบทละคร ๘ คำกลอนโดยมีเนื้อร้องว่า เทพนม ปฐม พรหมส่ีหน้า สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน ทั้งกวางเดินดง หงส์บิน กินรินเลียบถ้ำอำไพ อีกช้านางนอน ภมรเคล้า แขกเต้า ผาลาเพียงไหล่ เมขลาโยนแก้วแววไว มยเุรศฟ้อนในอัมพร ลมพัดยอดตอง พรหมนิมิต อีกท้ังพิสมัยเรียงหมอน ย้ายท่ามจัฉาชมสาคร พระสี่กรขว้างจักรฤทธิรงค์ ฝ่ายว่านนทกกร็าตาม ด้วยความพิสมัยใหลหลง ถึงท่านาคาม้วนหางวง ชี้ตรงถูกเพลาทันใดฯ จากการราแม่บทนางนารายณ์ครูทางนาฏศิลป์ไทยได้ตัดบท ๒ คำท้ายออกเหลือเพียง ๖ คำ กลอนและนำมาจัดแสดงเป็นชุดเบ็ดเตล็ด แม่บทเล็กเป็นท่ารำมาตรฐานหรือแม่ท่าใช้ทำนองเพลงชมตลาดมีลีลาเอ้ือนช้านุ่มนวลและ อ่อนช้อยตามลักษณะของท่ารำไทยเป็นแบบมาตรฐานซ่ึงผู้ฝึกกนาฏศิลป์จะต้องฝึกรำให้คล่องแคล่ว ชำนาญ เพื่อเป็นพ้ืนฐานในการรำเพลงอ่ืนๆต่อไป
ลักษณะการแต่งกายรำแม่บทเล็ก(ตัวพระ) ภาพเครื่องแต่งกายยืนเครื่องตัวพระ ๑. กำไลเท้า ๒.สนับเพลา ๓. ผ้า นุ่ง (พระภูษา) ๔.ห้อยข้าง (เจียระบาดหรือชายแครง) ๕.เสื้อ (ฉลององค)์ ๖.รัดสะเอว (รัดองค์หรือรัดพัสตร์) ๗.ห้อยหน้า (ชายไหว) ๘.สุวรรณกระถอบ ๙.เข็มขัด (ปั้นเหน่ง) ๑๐.กรองคอหรือนวมคอ (กรองศอ) ๑๑.ตาบหน้าหรือตาบทับ (ทับทรวง) ๑๒. อินทรธนู (เสื้อแขนยาว) ๑๓. พาหุรัด (เสื้อแขนสั้น) ๑๔. สังวาล ๑๕. ตาบทิศ ๑๖. ชฎา ๑๗.ดอกไมเ้พชรทัด ซ้าย ๑๘. จอนหู ๑๙.ดอกไม้ทัด (ขวา) ๒๐. อุบะหรือพวงดอกไม้ (ขวา) ๒๑. ธามรงค์ ๒๒. แหวนรอบ ๒๓. ปะวะหล่า ๒๔. กำไลแผง (ทองกร)
ลักษณะการแต่งกายรำแม่บทเล็ก(ตัวนาง) ภาพเครื่องแต่งกายยืนเครื่องตัวนาง ๑.กำไลเท้า ๒.เสื้อในนาง ๓.ผ้านุ่งนาง หรือ พระภูษา ๔.เข็มขัด (ปั้นเหน่ง) ๕.สะอิ้ง ๖.ผ้าห่มนาง ๗.นวมนาง หรือ กรองศอ ๘.จี้นาง (ทับทรวง) ๙.พาหุรัด ๑๐.แหวนรอบ ๑๑.ปะวะหล่า ๑๒.กำไลตะขาบ ๑๓.กำไลสวม (ทองกร) ๑๔.ธามรงค์ ๑๕.มงกุฎนาง ๑๖.กรรเจียกหรือจอนหู ๑๗.ดอกไม้ทัก (ซ้าย) ๑๘.อุบะหรือพวงดอกไม
เครื่องดนตรีที่ใช้ ประกอบการรำแม่บทเล็ก วงดนตรีประกอบการแสดง วงปี่พาทย์ วงปี่พาทย์เป็นวงดนตรีที่ผสมด้วยเครื่องตีและเครื่องเป่าเข้าด้วยกัน แบ่งได้เป็น ๓ ขนาดคือ ๑.วงปี่พาทย์เครื่องห้า ๒.วงปี่พาทย์เครื่องคู่ ๓.วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ วงปี่พาทย์เครื่องห้า บทร้องรำแม่บทเล็ก ปี่พาทย์บรรเลงเพลงรัว - ร้องเพลงชมตลาด เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน ทั้งกวางเดินดงหงส์บิน กินรินเลียบถ้ำอำไพ (ปี่พาทย์รับ) อีกช้านางนอนภมรเคล้า แขกเต้าผาลาเพียงไหล่ เมขลาโยนแก้วแววไว มยุเรศฟ้อนในอัมพร (ปี่พาทย์รับ) ยอดตองต้องลมพรหมนิมิต อีกทั้งพิสมัยเรียงหมอน ย้ายท่ามัจฉาชมสาคร พระสี่กรขว้างจักรฤทธิรงค์ (ปี่พาทย์รับ) ปี่พาทย์บรรเลงเพลงเร็ว –ลา
ประโยชน์ของการรำแม่บทเล็กคุณค่าทางวัฒนธรรม ๑. แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรมครูทางด้านนาฏศิลป์ ที่คิดประดิษฐ์ท่ารำต่างๆ จากการเลียนแบบกิริยาอาการ ท่าทางของคน สัตว์ และธรรมชาติให้เป็นท่านาฏศิลป์ที่สวยงาม ด้วย การใช้สรีระส่วนต่างๆ ของร่างกายเคลื่อนไหวไปมา ทั้งยังสามารถสื่อความหมายให้ผู้ชมรับรู้ และ คล้อยตามได้ ๒. แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรมครูทางด้านดนตรี ที่คิดประดิษฐ์ท่วงทำนอง จังหวะให้สอด ประสาน สัมพันธ์กับบทร้อง ทำให้การแสดงตอนนี้เป็นที่ประทับใจกับผู้แสดง และผู้ชม ๓. ก่อให้เกิดทักษะแก่ผู้แสดง ในการปฏิบัติท่ารำ การฟังท่วงทำนองจังหวะ การร้องเพลงและจดจำ นำไปใช้ในการแสดงอื่นๆ อันก่อให้เกิดการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมด้านนาฏศิลป์ ดนตรีอย่างกว้าง ขวาง การสืบทอด ศิลปินรุ่นครู รุ่นพี่สู่รุ่นน้องในสายอาชีพด้านนาฏศิลป์ไทยของสำนักการสังคีต กรม ศิลปากรและสืบทอดจากครูสู่ศิษย์ รุ่นสู่รุ่น ในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และสถานศึกษาที่สนับสนุน ศิลปวัฒนธรรมด้านนาฏศิลป์ดนตรี สถานภาพปัจจุบัน ยังคงอนุรักษ์ไว้ทั้งบทร้อง ท่ารำที่เป็นมาตรฐาน และการแต่งกาย ใช้แสดง ในโขน และแสดงเป็นชุดเอกเทศ รวมทั้งใช้วัดผลในการสอบเข้ารับการศึกษาในสายอาชีพศิลปิน ด้าน นาฏศิลป์ ดนตรีโดยใช้บทร้องที่เรียบเรียงขึ้นใหม่จากบทเดิม ที่เรียกว่าแม่บทสลับคำ (เนื้อหาที่นำเสนอเป็นเพียงบางส่วนจาก หนังสือมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๕๗)
ประวัติเพลงช้า-เพลงเร็ว คำว่า “รำเพลงช้า-เพลงเร็ว” บางครั้งก็เรียกสั้น ๆ “รำเพลง” ซึ่งหมายถึงรำเพลงช้า-เพลง เร็วนั้นเอง เนื่องจากเรียกตามชื่อเพลงในทางปี่พาทย์ สมเด็จพระเจ้าบรมเธอกรมพระยาดำรงราชานุ ภาพ กล่าวถึงท่ารำ “เพลงรำ” ไว้ในตำนานละครอิเหนาว่า “การฟ้อนรำเป็นหลักของวิชาละคร(รำ) เพราะฉะนั้นผู้เป็นครูบาอาจารย์แต่ก่อนจึงคิดแบบ รำเป็นท่าต่าง ๆ ตั้งชื่อบัญญัติไว้ให้เรียกเป็นตำรา แล้วคิดร้อยกรองท่ารำต่าง ๆ นั้นเข้าเป็นกระบวน สำหรับท่ารำ เข้ากับเพลงปี่พาทย์เรียกว่า “เพลงรำ” อย่างหนึ่ง อีกอย่างเข้ากับบทร้องเรียกว่า “รำใช้ บท” บรรดาผู้ที่ฝึกหัดเป็นละคร ฝึกหัดตั้งแต่ยังเด็ก ครูให้หัดรำเพลงก่อนแล้วจึงรำใช้บท เมื่อรำได้แล้วครูจึง “ครอบ” ให้ คืออนุญาตให้เล่นละคร แต่ นั้นไปจึงนับว่าเป็นละคร แม่ท่าเพลงช้า-เพลงเร็วมีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและได้จดจำสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ เพลงช้า-เพลงเร็วเป็นเพลงประเภทหน้าพาทย์ จัดอยู่ในประเภทเพลงหน้าพาทย์อัญเชิญครูโขน ละคร พระ นาง มาร่วมในพิธีให้ลูกศิษย์ได้คารวะในวันไหว้ครู เมื่อนำมาใช้สำหรับหลักสูตรบทเรียน นาฏศิลป์จัดอยู่ในประเภทเพลงฝึกหัดการรำนาฏศิลป์เบื้องต้น โดยเฉพาะผู้ฝึกหัดได้รับคัดเลือกให้ เป็นตัวพระ-นางต้องผ่านการฝึกหัดเบื้องต้นการรำเพลงช้า-เพลงเร็วก่อนถ้าต้องการฝึกเพื่อเป็น ศิลปินหรือครูผู้สอนนาฏศิลป์ซึ่งทำหน้าที่ผลิตศิลปิน จำเป็นต้องฝึกในรูปแบบเพลงช้า-เพลงเร็วอย่าง เต็ม
ท่ารำในเพลงช้า-เพลงเร็ว เป็นการนำเอาแม่ท่ามาเรียงลำดับโดยมีลีลาเชื่อมท่ารำต่อเนื่องกันไป ถือว่าเป็นเพลงบูชาครู ดังนั้น ก่อนที่เรียนรำเพลงอื่นๆ ผู้เรียนควรจะต้องรำเพลงช้าเพลงเร็วก่อนทุก ครั้ง ผู้เรียนรำจะต้องฝึกหัดรำเพลงบูชาครูให้คล่องแคล่วแม่นยำ เพื่อเป็นพื้นฐานในการเรียนเพลง อื่นๆ ต่อไป รำเพลงช้า-เพลงเร็ว เป็นเพลงสำหรับฝึกหัดท่ารำเบื้องต้นของตัวพระ ตัวนาง มีวงปี่พาทย์ บรรเลงประกอบ ไม่มีบทร้อง ในการฝึกหัดขั้นแรก ผู้รำจะร้องปากเปล่าเลียนเสียงหน้าทับของเพลง คือ ร้องเพลงช้าว่า จะ โจ๊ง จะ ทิง โจ๊ง ทิง และร้องเพลงเร็วว่า ตุ๊บ ทิง ทิง เมื่อผู้ฝึกหัดคล่องดีแล้ว จึงจะให้รำเข้าวงปี่พาทย์โดยใช้ทำนองเพลงสร้อยสนในการบรรเลงเพลงช้าและใช้เพลงเร็ว (ตามชื่อ เพลง) ในการบรรเลงเพลงเร็ว จบด้วยเพลงลา ในการรำเพลงช้า – เพลงเร็ว มีลำดับขั้นตอนตั้งแต่ท่าแรกถึงท่าสุดท้ายอย่างเป็นระบบ กล่าวคือ มีการเชื่อมท่ารำหนึ่งไปสู่อีกท่ารำหนึ่งอย่างสอดคล้องกลมกลืนแต่ขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยจารีตหรือ วัฒนธรรมไทยลงไปในท่ารำด้วยเช่นท่าแรกจะต้องเริ่มด้วยการไหว้เพื่อรำลึกถึงครูบาอาจารย์ ผู้มี พระคุณ จากนั้นจึงจะออกท่ารำ จากท่าง่ายๆ ไปหาท่ายากๆ ที่มีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ท่ารำต่างๆ ในเพลงช้า – เพลงเร็ว ล้วนแต่ เป็นท่าแม่บท หรือ “แม่ท่า” ของกระบวนการ รำละครไทย เพราะไม่ว่าจะเป็นการแสดงระบำ รำฟ้อน การแสดงละคร และบทบาทของผู้ แสดงทุกตัว จะต้องมีการใช้ท่ารำในเพลงช้า – เพลงเร็วด้วยเสมอ โดยเหตุนี้ ผู้ที่จะเป็นนักรำ ที่ดี จึงต้องมีการรำเพลงช้า – เพลงเร็วอยู่ เสมอ การรำเพลงช้า – เพลงเร็ว จึงนับเป็น หัวใจที่สำคัญยิ่งของการละครไทย
ดนตรี-เพลงร้อง เพลงช้าเป็นชื่อเพลงหน้าพาทย์ ที่บรรเลงประกอบกิริยาอย่างนวยนาฏงดงามของละคร ส่วน เพลงเร็วประกอบกิริยาไปมาอย่างว่องไว โดยปกติเมื่อบรรเลงเพลงช้าแล้วต้องบรรเลงเพลงเร็ว ติดต่อกันไป แล้วบรรเลงเพลงลาในตอนจบ การบรรเลงเพลงช้าและเพลงเร็วปี่พาทย์จะเลือกการบรรเลงได้ตาม พอใจเพราะมีเพลงประกอบประเภทเพลงช้าและเพลงเร็วอยู่มากมาย และเรียกชื่อไว้ต่าง ๆ กัน แต่ละเพลงอาจบรรเลงได้นานๆ เพลงจะมีลีลาของเพลงยาวโดยปกติและส่วนมากแล้ว เราจะใช้ เพลงที่ใช้บรรเลงในการเริ่มฝึกเพลงช้า ประโยคของเพลงฟังง่ายกว่าเพลงช้าอื่น ๆ วงปี่พาทย์ไม้แข็ง วงปี่พาทย์ไม้แข็งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วงปี่พาทย์เครื่องหนัก” วงปี่พาทย์จัดเป็นวงดนตรีที่ได้รับ ความนิยมแพร่หลายสูงสุดในกลุ่มวงปี่พาทย์ และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นวงดนตรีที่มีความเป็น มาตรฐานที่สูงสุดอีกด้วย เครื่องดนตรีที่สังกัดในวงดนตรีประเภทนี้ทุกเครื่องจะมีเสียงดัง เนื่องจาก บรรเลงด้วยไม้ตีชนิดแข็ง จึงเรียกชื่อวงดนตรีชนิดนี้ว่า ปี่พาทย์ไม้แข็ง ตามลักษณะของไม้ที่ใช้ บรรเลง บรรเลง อรรถรสที่ได้จากการฟังดนตรีชนิดนี้จึงมีทั้งความหนักแน่น สง่าผ่าเผย คล่องแคล่ว และสนุกครึกครื้น จึงสามารถบรรเลงได้ในโอกาสทั่วๆไป เช่น งานพระราชพิธี งานบวชนาค งาน โกนจุก เทศน์มหาชาติ ประกอบการแสดง โขน ละคร ลิเก หนังใหญ่ เป็นต้น วงปี่พาทย์ไม้แข็งสามารถแบ่งตามขนาดของวง ได้เป็น 3 ขนาด คือ 1.วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่ 2.วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องใหญ่ 3.วงปี่พาทย์ไม้นวม
เพลงช้าเพลงเร็วเป็นเพลงหน้าพาทย์ ที่ใช้เป็นหลักสูตรเบื้องต้นสำหรับนักเรียนศิลปินฝึกหัด นาฏศิลป์ไทย มีท่ารำที่ครูอาจารย์ตามนาฏศิลป์ของไทย บัญญัติขึ้นไว้เป็นแบบฉบับมาแต่โบราณ ท่า รำประจำเพลงช้า – เร็ว เหล่านี้ อย่างน้อยก็มีสืบทอดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กุลบุตร กุลธิดา ที่ จะฝึกหัดนาฏศิลป์ไทย จะต้องหัดรำทำท่าตามเพลงช้า เพลงเร็วให้คล่องแคล่วแม่นยำเสียก่อน ซึ่ง ต้องใช้เวลาฝึกหัดกันแรมปี ท่ารำในเพลงช้าเพลงเร็ว ย่อมเสมอเป็นแม่ท่าหรือพื้นฐานภาษาของ ละครไทยทั่วไปมักนิยมกันว่าศิลปินที่ฝึกหัดท่ารำเพลงช้าเพลงเร็วมาดีแล้ว ย่อมเป็นผู้มีกิริยามารยาท แช่มช้อยงดงามในสังคมไทยอีกด้วย ท่ารำในแม่บทก็ดี ท่าที่ครูอาจารย์ทางนาฏศิลป์เลือดคัดจัดทำให้ รำ “ทำบท” ตามคำร้อง หรือทำท่าบทให้ตามท้องเรื่องของละครไทยก็ดีโดยมากก็เลือกคัดจัดท่ามา จาก ท่าที่ เป็นแบบฉบับในการรำ เพลงช้า เพลงเร็วเป็นหลักแม้บางคราวจะปรากฏว่าเคยมีผู้นำเอา แบบนาฏศิลป์ต่างชาติมาใช้ ในวงการนาฏศิลป์ไทยหลายอย่าง แต่ก็มักจะนำมาผสมกับท่ารำที่มีอยู่ใน เพลงช้าเพลงเร็วเป็นส่วนมากเหมือนผู้เรียนรู้ภาษามาจากต่างประเทศ ซึ่งมักปรากฏว่าการแต่งตัว และการพูดจะติดสำนวนและภาษาเดิมของตน ด้วยเหตุนี้จึงมีความจริงอยู่ว่า ถ้านักเรียนศิลปินคนใด ฝึกหัดรำเพลงช้าเพลงเร็วได้ดีและสวยงามเป็นพื้นฐานมาแล้ว ก็ย่อมหมายความว่านักเรียนคนนั้นก็จะ ได้เป็นศิลปินทางการละครฟ้อนรำของไทยได้ดีในภายหน้าด้วย เพราะการรำเพลงช้าเพลงเร็วนี้ จัดได้ ว่าเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของการเรียนนาฏศิลป์ที่ถูกต้อง
ประโยชน์ของการรำเพลงช้า-เพลงเร็ว การฝึกหัดเพลงช้า-เพลงเร็ว เป็นการฝึกหัดที่เป็นขั้นตอนมีระเบียบแบบแผน ฝึกให้มี ระเบียบวินัย เป็นแม่แบบของผู้รักษาศิลปวัฒนธรรมของชาติ และเป็นเบื้องต้นของผู้ที่เป็นศิลปิน นอกจากนั้น การฝึกเพลงช้า-เพลงเร็ว ยังให้ประโยชน์โดยเฉพาะ เช่น 1. การฝึกหัดที่เป็นขั้นตอน มีระเบียบแบบแผน เป็นการฝึกให้มีระเบียบวินัยตามแบบแผนตาม ขั้นตอน เท่ากับเป็นการสร้างสรรค์คนให้ดำเนินชีวิตอย่างมีระเบียบ 2. เป็นแม่แบบของผู้รักษาศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีความ เป็นผู้ดีแบบไทย ๆ ซึ่งจะแสดงออกในรูปแบบทางอิริยาบถด้วยความสง่าภาคภูมิ สุภาพนุ่มนวล อ่อนหวาน 3. การฝึกเพลงช้า-เพลงเร็ว เป็นเบื้องต้นของผู้เป็นศิลปินสิ่งที่ศิลปินต้องปฏิบัติอยู่เป็นนิจคือต้อง เคารพครู มีความกตัญญูแบบไทย เป็นสิ่งที่ทำให้คนมีความรักดี รักษาวิทยาการทางด้านศิลปะให้ สืบเนื่องต่อไป 4. การฝึกหัดการฟ้อนรำ เป็นวิทยาการชั้นสูงมนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าดังในตำนาน ได้กล่าวไว้ ผู้ฝึกปฏิบัติต้องทำความรู้เสียก่อนว่าปฏิบัติจะต้องทำด้วยใจสูง ไม่ดูหมิ่น ไม่ทำอย่าง เอาแต่ได้ ซึ่งเป็นการทำลายศิลปะเป็นการเตือนให้ผู้ฝึกเริ่มด้วยใจรัก มิใช่ว่าใครอยากทำก็ได้ เพราะเป็นวิชาที่มีครู
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: