Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา การใช้และการซ่อมบำรุง เล่มที่ ๙

วิชา การใช้และการซ่อมบำรุง เล่มที่ ๙

Published by qacavalry, 2021-10-29 15:15:59

Description: วิชา การใช้และการซ่อมบำรุง เล่มที่ ๙
รหัสวิชา ๐๑๐๒๒๔๐๖๐๙
หลักสูตร นายสิบยานยนต์
แผนกวิชายานยนต์ กศ.รร.ม.ศม.

Search

Read the Text Version

ห น ้ า | 44 2. การบริการข้ันแรก ให้การบริการ การปรนนิบัติบำรุงเพ่ือป้องกันประจำ 3 เดือน หรือ 750 ไมล์ โดยใช้ แบบฟอร์ม สพ.462 ( แบบฟอร์มการซ่อมบำรุง และตรวจสภาพสำหรับยานยนต์สายพาน ) โดยมีข้อ ผดิ แผกแตกตา่ งจากกันไปบา้ งดังน้ี 2.1 ขีดฆ่าการบริการอื่น ๆ ในหลักฐานการซ่อมบำรุง ( แบบฟอร์ม สพ.462 ) และกรอก รายการปฏิบตั ลิ งในชอ่ ง “การรับรถใหม่” ( หรือรถซอ่ มสรา้ ง ) 2.2 รายการที่ 18 ปฏบิ ัติตามรายการนกี้ อ่ นท่จี ะเริม่ ขับลองเคร่ือง ถา้ ป้ายหลักฐานการดำเนนิ กรรมวิธีก่อนจ่ายบนรถ ระบุวา่ มีน้ำมันถนอมรกั ษาเคร่อื งยนต์ ก็หมายความว่าน้ำมันนั้นเหมาะที่ใหร้ ถ ปฏิบัติการในระยะเพียง 500 ไมล์ และมีความหนืดท่ีเหมาะสมกับฤดูกาลด้วย ให้ตรวจสอบระดับ น้ำมันเคร่ืองแต่ไม่ต้องเปล่ียนน้ำมัน แตถ่ ้าไม่เป็นไปดังกล่าวก็ให้เปล่ียนน้ำมันเสียก่อน แล้วให้การหล่อ ลื่นแก่จุดหล่อล่ืนท้ังหมด โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะเวลาการหล่อล่ืนที่กำหนดไว้ในคำสั่งการหล่อล่ืน ตรวจสอบระดับน้ำมันหล่อล่ืนในส่วนต่าง ๆ ตามท่ีกำหนดไว้ในคำสั่งการหล่อลื่นท่ี 9-2350-201-12 ถ้าน้ำมันหล่อล่ืนน้ัน ๆ มีความหนืดถูกต้องตามฤดูกาลก็ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันใหม่ แต่ถ้าไม่เป็นไป ดงั กล่าวกใ็ หเ้ ปล่ียนเสีย 2.3 รายการท่ี 12 และ 27 ตรวจสภาพเคร่อื งตัด-ต่อวงจรต่าง ๆ 2.4 อาวุธประจำรถ ให้บริการขน้ั แรก 3. การทดลองขบั 3.1 การทดลองขับ ให้ขับทดลองเครื่อง ( ROAD TEST ) ต่อไปอย่างน้อยจนครบ 50 ไมล์ นอกเสียจากขับยานพาหนะนั้นไปส่งให้หน่วยใช้แล้ว ในกรณีหลังน้ีให้ขับทดลองเครื่องจนได้ระยะไกล พอท่ีจะสังเกตเห็นส่ิงผิดปกติเท่านั้นก็พอ ให้หยุดรถอย่างน้อยท่ีสุดทุก ๆ 10 ไมล์ และตรวจภายนอก รอบ ๆ ตัวรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ดูดุมล้อเฟืองขับสายพาน ล้อปรับสายพาน ล้อกดสายพาน หรือดุม ล้อรับสายพานท่ีร้อนจัดตลอดจนการร่ัวซึมของสารหล่อลื่นออกมาจากแหวนกันน้ำมัน เมื่อขับทดลอง เครื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ลองใช้เครื่องควบคุมการหมุนป้อมปืน และเคร่ืองควบคุมการให้ทางสูง แก่ปืน เพอ่ื ตรวจสอบดกู ารทำงานทีถ่ ูกตอ้ ง 3.2 ภายหลังการทดลองขับ เมื่อได้ทดลองขับเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องของ เครื่องยนต์ และเครื่องเปลี่ยนความเร็ว แล้วส่งรถเข้ารับการบริการตามปกติ จากนั้นรถก็จะครบ กำหนดเข้ารับการบริการ การปรนนิบัติบำรุงเพื่อป้องกันตามระเบียบเป็นครั้งแรกภายหลังจากที่ได้ใช้ งานไปได้หนงึ่ เดอื น หรอื 250 ไมลท์ ีเ่ พมิ่ ข้นึ มา ตอนที่ 2 เคร่อื งบงั คบั เครือ่ งวดั และไฟเตือนภายในรถถัง 1. กล่าวท่ัวไป ตอนที่ 2 น้ีจะให้คำอธิบาย บอกตำแหน่งท่ีอยู่ ตลอดจนรายละเอยี ดตา่ ง ๆ ในส่วนท่ีเกี่ยวข้อง กับเครื่องวัด และเครื่องบังคับต่าง ๆ ซ่ึงจัดไว้สำหรับการใช้รถ อย่างถูกต้อง และเพียงพอแก่พล ประจำรถ 2. คันบงั คบั ฝาปิดชอ่ งทางเขา้ ออกของพลขบั 2.1 กล่าวท่ัวไป ฝาปิดช่องทางเข้าออกของพลขับนั้นเป็นแผ่นเกราะหลอ่ ตดิ ต้ังอยเู่ หนือท่ีนั่ง พลขับ ซ่ึงอย่ทู างดา้ นซ้ายของตัวรถ ฝาปิดช่องทางเขา้ ออกน้จี ะเปิดหรอื ปิดโดยกระเดอ่ื งคนั บังคับซ่ึงอยู่ ในห้องพลขบั น่ันเอง

ห น ้ า | 45 2.2 การเปิด และปิดฝาปิดช่องทางเข้าออกของพลขับรถรุ่นเก่า การเปิดนั้นให้ดึงกลอนยึด คันบังคับมาด้านนอก แล้วดึงคันบงั คับลงมาข้างล่าง เพือ่ ยกฝาปิดช่องทางเข้าออกของพลขับ แล้วหมุน คันบังคับไปตามเข็มนาฬิกาครึ่งรอบ เพ่ือให้ฝาปิดเล่ือนไปทางขวา และอยู่เหนือกลอนยึดฝาปิด เมื่อ บานฝาปิดอยู่ตรงตำแหน่งน้ีแล้ว ก็ให้ผลักคันบังคับขึ้นเพ่ือให้ฝาปิดเคล่ือนตัวลงมาขัดกับกลอนยึดฝา ปิด ในการปิดฝาปิดช่องทางเข้าออกน้ัน ให้ดึงคันบังคับลงมาจนฝาปิดพ้นจากกลอนยึด แล้วหมุนคัน บังคับจนฝาปิดน้ีอยู่เหนือช่องทางเข้าออกของพลขับ และผลักคันบังคับข้ึน เพ่ือลดฝาปิดช่อง ทางเข้าออกลงมา 2.3 การเปิด และปิดช่องทางเข้าออกของพลขับรถรุ่นใหม่ การเปิดฝาปิดช่องทางเข้าออก ให้กดกลอนยึดคันบังคับข้ึนให้สุด ขณะที่ยึดคันบังคับไว้ในลักษณะดงั กล่าวน้ี ให้ผลักคันบังคับทวนเข็ม นาฬิกาเพ่ือจะเหวี่ยงฝาปิดไปยังตำแหน่งเปิด ให้ดึงคันบังคับลงมาเพ่ือขัดกลอนยึดฝาปิดให้อยู่ใน ตำแหน่งเปิด และขัดกลอน ส่วนการปิดฝาปิดช่องทางเข้าออกของพลขับ ให้กดกลอนที่คันบังคับแล้ว ดันคันบังคับขึ้น ผลักคันบังคับตามเข็มนาฬิกาจนฝาปิดอยู่เหนือช่องทางเข้าออกของพลขับพอดี แล้ว ลดฝาปิดชอ่ งทางเขา้ ออกลงโดยดงึ คนั บงั คบั ลงขา้ งล่าง 3. คนั บงั คบั ทน่ี ั่งพลขบั 3.1 ทีน่ ่ังพลขับซึ่งมีเบาะน่ังตดิ อยู่น้ัน ติดต้งั อยู่ในห้องพลขับ ท่ีนั่งน้มี ีพนกั พิงชนิดถอดได้ และ สามารถปรับทงั้ ทางระดบั และทางด่งิ หรอื พบั ลงได้ เพอื่ ใหม้ ที างลงช่องหนีได้สะดวกขึน้ 3.2 การปรับท่ีนั่งทางดิ่งน้ัน กระทำได้โดยดึงคันปรับที่น่ังพลขับ ทางด่ิงขึ้นแล้วปล่อยให้ที่น่ัง เลื่อนขน้ึ หรือเลอ่ื นลงตามความต้องการ โดยการผอ่ น หรอื การกดน้ำหนักตัว ข้อควรระวัง อย่าพยายามปรับความสูงของท่ีน่ังจนกว่าจะได้น่ังลงเรียบร้อยแล้ว เพราะ ต้องใช้น้ำหนักตัวของผู้ปรับ ในการควบคุมการทำงานของที่น่ัง เม่ือปล่อยคันปรับ แล้วท่ีนั่งจะถูกขัด กลอนไวใ้ นตำแหนง่ นน้ั 3.3 การปรับที่นั่งทางระดับ กระทำได้โดยปลดคันปรับทางระดับแล้วเล่ือนท่ีน่ังไปข้างหน้า หรือข้างหลงั ตามต้องการ 3.4 คันพับทน่ี ่ังพลขับ จะทำให้กลอนยดึ ท่นี ั่งพลขับปลดตวั ทำให้ท่นี ง่ั พลขบั เหว่ยี งตวั พบั ลง และหอ้ ยขนานกับผนังรถ อำนวยใหม้ ีชอ่ งทางเขา้ สชู่ อ่ งหนไี ดส้ ะดวกขึ้น 4. คันบังคับฝาปิดช่องหนี ฝาปิดช่องหนีน้ีอยู่ที่พ้ืนรถใต้ท่ีน่ังพลขับ และเป็นช่องทางท่ีอำนวยให้สามารถใช้เป็นทางออก ฉุกเฉินได้ การเปิดฝาปิดช่องหนีนี้ กระทำได้โดยดึงกระเดื่องปลดฝาปิดข้ึน แล้วฝาปิดช่องหนีจะหล่น ออกไปนอกรถ 5. คันบังคับลิ้นปดิ -เปิดถังน้ำมันเช้อื เพลิง คนั บงั คบั ลิ้นปดิ -เปดิ ถังนำ้ มันเชื้อเพลงิ น้ี ติดตั้งอยู่บนฝากนั้ ห้องเครื่องยนต์ค่อนไปทางขวาของ รถ และอยู่ในระยะที่เอื้อมถึงจากภายในป้อมปืน คันบังคับน้ีเป็นแบบแกนหมุน และมีอยู่ 4 ตำแหน่ง คือ ALL OFF (ปิดหมด) น้ำมนั ในถังทง้ั สองถงั จะไมไ่ หลปอ้ นกัน และไม่มนี ำ้ มันไหลออก OFF (ปดิ ) น้ำมันจะไมไ่ หลแตว่ ่านำ้ มนั ระหว่างถงั จะไหลป้อนกนั RIGHT ON (เปดิ ขวา) นำ้ มันระหวา่ งถังจะไม่ไหลป้อนกัน และน้ำมันจะไหลออกมาจากถังขวาเพียง ถงั เดยี ว LEFT ON (เปดิ ซ้าย) น้ำมันระหวา่ งถังจะไม่ไหลป้อนกัน และน้ำมันจะไหลออกมาจากถังซ้ายพียง ถังเดียว BOTH ON (เปดิ คู่) น้ำมันระหว่างถังจะไหลป้อนกนั และนำ้ มนั จะไหลออกมาจากถังทงั้ สองข้าง

ห น ้ า | 46 6. คันบังคับเครื่องสบู ฉดี ลอ่ 6.1 ในรถรุ่นเก่า คันบังคับเครื่องสูบฉีดล่อ จะติดต้ังในทางดิ่งกับพ้ืนรถ ข้างหน้าฐานคัน บังคับเลี้ยว แต่ในรถรุ่นใหม่ คนั บงั คับจะตดิ ตัง้ ไวท้ างระดับทางด้านหน้าของที่น่ังพลขับตรงสว่ นบนของ ผนงั รถดา้ นหนา้ 6.2 การทำงานของเคร่ืองสูบฉีดล่อนั้น ก็คือการฉีดฝอยน้ำมันเข้าไปช่องลิ้นไอดีของกระบอก สบู เพ่ือใหต้ ดิ เครื่องยนต์ได้ง่ายขนึ้ ในขณะทอ่ี ากาศหนาวจดั 6.2.1 เครื่องสูบฉีดล่อทำงานโดยโยกคันบังคับข้ึน และลง การโยกคันบังคับขึ้น และ ลงหนึ่งครั้งเรียกวา่ หน่ึงช่วงชักของเคร่ืองสูบฉีดล่อ ตารางช่วงชักแสดงไว้เป็นคู่มือแนะแนวทางสำหรับ หาจังหวะการสูบฉีดล่อท่ีต้องการ ในอุณหภูมิต่าง ๆ กัน อย่างไรก็ตามความต้องการในการใช้ช่วงชัก เพื่อสูบฉีดล่อน้ัน อาจจะแปรผันไปตามสภาพบรรยากาศ และสภาพของส่วนประกอบเคร่ืองยนต์ เคร่ืองสูบฉีดล่อควรจะใช้ขณะท่ีเครื่องยนต์กำลังหมุนเท่าน้ัน และจำนวนของช่วงชักของสูบฉีดล่อที่ ตอ้ งการนั้น ควรใช้ให้นอ้ ยทีส่ ุดเทา่ ที่จำเป็นแกก่ ารติดเครื่องยนต์เท่าน้ัน การใช้ชว่ งชกั เพ่ือสูบฉดี ล่อมาก เกินไปน้ัน อาจเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำมันท่วมอันจะติดตามมาด้วยการติดเคร่ืองยนต์ได้ยาก หรือเกิด น้ำมนั อัดหัวกระบอกสบู ซ่งึ ก่อใหเ้ กิดความเสยี หายอยา่ งหนักแกเ่ ครื่องยนต์ ตารางช่วงชักเพื่อสบู ฉีดลอ่ ที่ตอ้ งการในการติดเครือ่ งยนต์ ในอุณหภูมิใต้ศูนย์ อุณหภมู ริ อบตัวรถ ช่วงชักที่ตอ้ งการ ไมต่ อ้ งใช้ มากกวา่ 32 ฟ. ………………………………………………………….. 1 ถึง 3 3 ถงึ 5 32 ฟ. ถงึ 20 ฟ. ………………………………………………………….. 5 ถึง 6 ช่วงชักท่ีต้องการ 19 ฟ. ถงึ 10 ฟ. ………………………………………………………….. 7 ถงึ 10 8 ถึง 10 9 ฟ. ถงึ 0 ฟ. ………………………………………………………….. 9 ถงึ 13 อณุ หภมู ิรอบตัวรถ 10 ถึง 14 - 1 ฟ. ถึง - 5 ฟ. ………………………………………………………….. - 6 ฟ. ถงึ -10 ฟ. ………………………………………………………….. - 11 ฟ . ถึ ง - 15 ………………………………………………………….. ฟ. - 16 ฟ . ถึ ง - 25 ………………………………………………………….. ฟ. 6.2.2 ทันทที ี่เครอื่ งยนต์เร่ิมติด กใ็ ห้สูบฉีดล่ออกี ตามตอ้ งการ เพ่ือใหค้ วามเร็วในการอุ่นเครือ่ ง ของเคร่ืองยนต์เดินเรียบ ให้สูบฉีดล่อตามอัตราแรกต่อไปประมาณ 30 วินาที หลังจากเครื่องยนต์ติด แล้ว แล้วค่อย ๆ ลดอัตราการสูบฉีดล่อลงขณะที่เครื่องยนต์เร่ิมเดินเรียบข้ึน การสูบฉีดล่อควรจะหยุด ได้ต่อเมือ่ เครอ่ื งเร่มิ เดินเรยี บด้วยตัวของมันเอง หมายเหตุ เม่ือใช้อตั ราสูบฉีดล่อสูง เครอ่ื งสูบฉีดล่อจะใชเ้ วลาในการสูบฉีดน้ำมันเชอื้ เพลิง เข้าประจุนานกว่าที่จะฉีดน้ำมันเช้ือเพลิงออกไป ดังนั้นให้ชักคันบังคับในจังหวะ “สูบ” นานกว่าใน จังหวะ “ฉดี ” 7. คันเร่งเครื่องยนต์

ห น ้ า | 47 คันเร่งเครื่องยนต์น้ีติดตั้งอยู่ข้างหน้าทางขวาของท่ีน่ังพลขับ และต่อกับลิ้นเร่งท้ังสองตัวของ เครือ่ งยนต์โดยกา้ นโยงทางกล คันเร่งมอื นน้ั กต็ ่อกับกา้ นโยงนีด้ ้วย ท่ีวางเท้าบนคนั เรง่ และท่พี ักเท้านัน้ รวมอยู่ด้วยกันทง้ั นีเ้ พอ่ื ทจ่ี ะใหเ้ กดิ ความสะดวกแกพ่ ลขับเม่อื เลอ่ื นท่นี ัง่ พลขบั ไปตำแหนง่ ตา่ ง ๆ 8. คนั เร่งมือ คันเร่งมือติดต้ังอยู่ในเหล็กยึดทางด้านซ้ายสุดของคันบังคับเลี้ยว และช่วยให้สามารถปรับการ เร่งน้ำมันไดท้ ั้งแบบหยาบ และประณีตได้ การปรบั อยา่ งหยาบนัน้ กระทำโดยกดปุ่มกลอนแลว้ ดึงคนั เร่ง มอื ออกมาเพ่ือเพิ่มความเร็วรอบของเคร่ืองยนต์ขึ้น หรอื กดลงไปเพ่ือลดความเร็วรอบของเคร่ืองยนต์ลง การปรับคันเร่งมืออย่างประณีตน้ันกระทำโดยบิดปุ่มปรับทวนเข็มนาฬิกาเพื่อเพ่ิมความเร็วรอบของ เครื่องยนต์ หรือบิดตามเข็มนาฬิกาเพื่อลดความเร็วรอบของเคร่ืองยนต์ เม่ือกดปุ่มกลอนยึดคันเร่งมือ จะกลับไปอยู่ตำแหน่งเดินเบา เมื่อคันเร่งมือกลับไปอยู่ตำแหน่งเดินเบาตามเดิมแล้ว ควรจะบิดปุ่ม คนั เรง่ มือตามเขม็ นาฬิกาไปจนแน่นสุด เพ่อื ปอ้ งกนั การคลายตัวออกในระหว่างการขับรถ 9. คนั บังคบั เครือ่ งเปล่ียนความเร็ว คันบังคับเคร่ืองเปล่ียนความเร็ว ตดิ ตงั้ อยู่ทางด้านขวาของท่ีนั่งพลขับ และบังคับตำแหน่งใช้ งานของเคร่ืองเปล่ียนความเร็วมีอยู่ 5 ตำแหน่ง คือ ว่าง-จอดรถ “NEUTRAL PARK” ว่าง-บังคับ เลย้ี ว “NEUTRAL STEER” เกยี รต์ ่ำ “LOW” เกียรส์ งู “HIGH” และเกยี ร์ ถอยหลัง “REVERSE” 10. คันบงั คบั เล้ียว คันบังคับเล้ียว ติดตั้งอยู่ตรงหน้าท่ีนั่งพลขับพอดี และทำหน้าที่บังคับเลี้ยวรถ คันบังคับเลี้ยวน้ี จะเช่อื มตอ่ กับเรือนล้ินน้ำมันควบคุมการบังคบั เลีย้ วในเครื่องเปลี่ยนความเรว็ โดยกา้ นโยงซ่งึ จะบงั คบั ให้ ชดุ คลตั ชบ์ งั คับเลย้ี วทำงาน 11. แป้นหา้ มล้อ แป้นห้ามล้อ ติดต้ังอยู่ท่ีพ้ืนรถทางด้านหน้าของที่นั่งพลขับ การใช้แป้นห้ามล้อ ให้ใช้เท้า เหยียบ และกดลงไปข้างหน้า แป้นห้ามล้อจะกลับสู่ตำแหน่งเดิมเมื่อถอนน้ำหนักกดออกจากแป้นห้าม ล้อ ๆ สามารถจะขัดกลอนไว้เพ่ือจอดรถ โดยการเลื่อนคันบังคับเคร่ืองเปล่ียนความเร็วไปอยู่ใน ตำแหน่ง ว่าง-จอดรถ “NEUTRAL PARK” ก่อนที่จะเหยียบแปน้ ห้ามล้อ แปน้ ห้ามล้อในตำแหน่งจอด รถ จะปลดจากตำแหน่งขัดกลอนได้โดยการเหยียบแปน้ หา้ มลอ้ ไว้ แล้วเลื่อนคันบังคับเคร่ืองเปล่ียนความเร็วออกมาจากตำแหน่ง ว่าง-จอดรถ “NEUTRAL PARK” และ ค่อย ๆ ผอ่ นแปน้ หา้ มล้อขน้ึ ข้อควรระวัง อย่าเลื่อนคันบังคับเครื่องเปลี่ยนความเร็วออกจากตำแหน่ง ว่าง-จอดรถ “NEUTRAL PARK” โดยไม่ได้ใช้เท้ากดแป้นห้ามล้อไว้ มิฉะน้ัน หน้าแข้งจะได้รับบาดเจ็บ เนื่องจาก แป้นห้ามลอ้ ดีดตัวขนึ้ 12. เครอ่ื งบงั คับลิ้นระบายน้ำในตัวรถ 12.1 กล่าวท่ัวไป มีลิ้นระบายน้ำรูปดอกเห็ดอยู่ 4 ตัวบนพื้นรถ เพื่อระบายน้ำ น้ำมันเครื่อง และน้ำมันเช้ือเพลิงที่ตกค้างอยู่ในตัวรถออก ในห้องเครื่องยนต์จะมีลิ้นระบายน้ำอยู่ 2 ตัว และทำงานโดยเคร่ืองกลไกทางกล ลิ้นระบายน้ำแบบกดตัวหนึ่งอยู่ใต้ป้อมปนื ท่ีพื้นของห้องรบ และ อกี สองตวั อยทู่ ี่พ้นื หอ้ งพลขับ ข้อสังเกต รถถัง M41 รนุ่ แรก ๆ มีลิน้ ระบายนำ้ อยู่ 3 ตัว และมีเครอ่ื งสูบน้ำพนื้ รถ 12.2 ล้ินระบายน้ำตัวหลังในห้องเคร่ืองยนต์ ล้ินตัวนี้อยู่ตรงกึ่งกลางด้านหน้าเคร่ืองยนต์ และทำงานโดยคันบังคับซึ่งติดอยู่ท่ีผนังก้ันห้องเคร่ืองยนต์ทางซ้ายของประตูฝากั้นห้องเครื่องยนต์ การ เปดิ ล้ินระบายน้ำตัวนกี้ ระทำโดยบิดคันบงั คับ 90 ไปยงั ตำแหน่งเปิด “OPEN” การปิดลิ้นระบายน้ำ ตัวน้ีกระทำโดยบิดคันบังคับตามเข็มนาฬิกามายังตำแหน่งปิด “CLOSE” ในรถรุ่นเก่าล้ินระบายน้ำตัว

ห น ้ า | 48 หน้าของห้องเคร่ืองยนต์ ทำโดยใช้คันบงั คับแบบดึง วิธีใชก้ ระทำโดยดงึ ด้ามคันบังคับออกมา และยึดไว้ ในตำแหนง่ เปิดจนกว่าจะระบายเสร็จ ลิ้นนีป้ ิดเองดว้ ยแรงดึงของแหนบเมอื่ ปลอ่ ยคนั บงั คับ 12.3 ล้ินระบายน้ำในป้อมปืน ลิ้นระบายแบบกดน้ี ติดตั้งอยู่ใตพ้ ื้นป้อมปนื ใกล้กับด้านหน้า ซ้ายของตัวรถ ล้ินระบายนี้จะเห็นได้โดยการถอดแผ่นเหล็กพื้นป้อมปืน โดยจัดให้ปืนใหญ่รถถังขนาด 76 มม. อยู่ในตำแหน่งหันไปทางด้านหน้ารถ ล้ินน้ีเปิดโดยใช้เท้า หรือมือกดก็ได้ และจะกลับมาอยู่ ตำแหน่งปิดเองด้วยแรงแหนบ ล้ินนี้ขัดให้ค้างอยู่ในตำแหน่งเปิดได้โดยบิดปุ่มกดล้ินไปทางขวา หรือ ทางซ้าย ¼ รอบ ในขณะทกี่ ดล้นิ นอี้ ยู่ 12.4 ล้ินระบายน้ำในห้องพลขับ ลิ้นตัวนี้อยู่ด้านหน้าทางขวาของท่ีน่ังพลขับ เป็นลิ้นแบบ เดยี วกับลิน้ ระบายในป้อมปืน 13. สวติ ช์เครื่องถ่ายทอดวงจรหลัก สวิตชเ์ ครอื่ งถ่ายทอดวงจรหลัก ซึ่งหมายไว้ดว้ ยตัวอกั ษร “MASTER” ตดิ ต้ังอย่บู นแผงหน้าปัด ทางขวามือของพลขับ สวิตช์น้ีจะทำให้เคร่ืองถ่ายทอดวงจรหลักทำงานด้วยไฟฟ้า เพื่อเชื่อมต่อ กระแสไฟจากแบตเตอร่ีเข้ากับวงจรไฟฟา้ ภายในรถถงั ไฟสัญญานสวิตช์เคร่อื งถ่ายทอดวงจรหลักซ่งึ ตดิ ตง้ั อยู่ทางด้านซ้ายของสวิตชจ์ ะตดิ สว่างข้ึนเมื่อสวิตชอ์ ยู่ในตำแหน่งเปิด “ON” เพื่อแสดงการ ต่อวงจร แบตเตอร่ีเข้ากับระบบไฟฟ้าของรถถงั ข้อควรระวัง อย่าปิดสวิตช์เคร่ืองถ่ายทอดวงจรหลัก ถ้าเครื่องยนต์กำลังเดินเคร่ืองอยู่ ( เว้น แต่จะกระทำเพ่ือการทดสอบ ) 14. สวิตช์แม็กนโี ตจดุ ระเบิด สวิตช์แม็กนีโตจุดระเบิดติดต้ังอยู่ทางมุมขวาด้านบนของแผงหน้าปัด เป็นสวิตช์แบบ 4 ตำแหน่ง ซ่ึงควบคุมเครื่องจ่ายไฟจุดระเบิด (แม็กนีโต) ทั้งสองตัวของเครื่องยนต์ให้ต่อ หรือตัดวงจรลง ดิน เม่ือสวิตช์นี้อยู่ในตำแหน่ง ปิด “OFF” แม็กนีโตทั้งสองตัวจะลงดิน และไม่ทำงาน ในตำแหน่ง คู่ “BOTH” แม็กนีโตฯ ท้ังสองตัวจะทำงานร่วมกัน ในตำแหน่ง F และ A แม็กนีโตด้านล้อช่วยแรง และแม็กนโี ตด้านส่วนประกอบของเคร่ืองยนต์ ทำงานตามลำพังแตล่ ะตัวตามลำดับ ตำแหน่ง F และ A นีใ้ ช้สำหรบั การทดสอบการทำงานของแม็กนโี ตฯ แต่ละตวั ของเครอื่ งยนต์หลัก เท่านั้น 15. สวติ ช์หมุนเคร่ืองยนต์ สวิตช์หมุนเคร่ืองยนต์นี้ หมายด้วยคำว่า ติดเคร่ือง “START” ติดตั้งอยู่บนแผงหน้าปัดบน เรือนเดียวกันกับสวิตช์แม็กนีโต ฯ สวิตช์นี้มีอยู่ 2 ตำแหน่งคือ เปิด “ON” และ ปิด “OFF” ซ่ึงเลือก ตำแหน่งได้โดยคนั บงั คบั แบบมแี รง แหนบ สวิตช์นี้ปกติจะอยู่ในตำแหน่งปิด “OFF” ตลอดเวลา การหมุนเครื่องยนต์ ให้บิดคันบังคับนี้ไป ยังตำแหน่งเปิด “ON” และยึดไว้ เมื่อปล่อยมือ คันบังคับฯ จะกลับไปอยู่ในตำแหน่งปิด “OFF” ตามเดิม 16. สวติ ชเ์ พิม่ กำลงั ไฟแมก็ นีโตจดุ ระเบดิ สวิตช์เพิ่มกำลังไฟแม็กนีโตจุดระเบิดหมายไว้ด้วยอักษร เพ่ิมไฟ “BOOST” ติดตั้งอยู่ที่แผง หน้าปดั บนเรือนเดยี วกนั กับสวิตชแ์ มก็ นโี ตฯ สวิตชน์ ี้มีไว้สำหรับกระตุ้นให้ขดลวดเพมิ่ กำลังไฟจุดระเบดิ ทำงานระหว่างการหมุนติดเคร่ืองยนต์ สวิตช์น้ีมีอยู่ 2 ตำแหน่งคือ เปิด “ON” และ ปิด “OFF” และ บิดเลือกตำแหน่งได้โดยคันบังคับแบบมีแรงแหนบ การใช้งานกระทำโดยบิดคันบังคับฯ ไปยังตำแหน่ง เปิด “ON” และยดึ ไว้ เมอื่ ปลอ่ ยมอื สวิตช์จะกลับไปยังตำแหนง่ ปดิ “OFF” โดยอตั โนมตั ิ

ห น ้ า | 49 ข้อควรระวงั อยา่ ใชส้ วิตชน์ ี้แตล่ ะครง้ั นานเกินกว่า 30 วินาที เพราะจะทำให้ขดลวดเพิ่มกำลัง ไฟจุดระเบิดไหม้ ให้พัก 5 นาที เพ่ือให้ขดลวดเพ่ิมกำลังไฟจุดระเบิดเย็นตัวลงในระหว่างการหมุนติด เครอื่ งยนตแ์ ตล่ ะคร้ัง 17. สวติ ช์ตดั การจา่ ยน้ำมันเชอื้ เพลงิ สวิตช์ตัดการจ่ายน้ำมันเชอื้ เพลงิ น้ี เป็นสว่ นหนึ่งของเรือนสวติ ชห์ มุนเครอ่ื งยนต์บนแผงหน้าปดั สวิตช์น้ีเป็นสวิตช์แบบกด ใช้ตัดการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าป๊ัมสูบฉีดน้ำมันเช้ือเพลิงโดยใช้เคร่ือง แม่เหล็กปิดลิ้นน้ำมันเชื้อเพลิง “DEGASSERS” การดับเครื่องยนต์ให้ปล่อยเครื่องยนต์เดินเบา แล้ว กดสวติ ชค์ ้างไว้จนกวา่ เครอ่ื งยนตจ์ ะดับสนิท 18. สวติ ชโ์ คมไฟขับ 18.1 สวิตช์ไฟใหญ่ และสวิตช์นิรภัย สวิตช์โคมไฟขับติดต้ังอยู่บนแผงหน้าปัดทางซ้าย สวิตช์น้ีเปน็ สวติ ช์ไฟใหญ่ชนดิ ทำงานดว้ ยก้านกระเดื่องแบบ 5 ตำแหน่ง และทำงานร่วมกับสวิตช์นิรภัย ด้วย ก้านสวติ ชใ์ นมุมซ้ายล่างนัน้ ไม่ได้ใช้งาน เม่ือสวติ ชไ์ ฟใหญ่อย่ใู นตำแหน่งปิด “OFF” กา้ นสวิตช์จะ บิดไปตำแหน่ง พรางจอด “BO.MK” ได้โดยไม่ตอ้ งบิดสวติ ช์นิรภัยได้ตำแหน่งเดยี วเท่าน้ัน สวิตชน์ ิรภัย น้ีจะต้องบิดทวนเข็มนาฬิกา และยึดไว้ขณะท่ีบิดก้านสวิตช์ไปยังตำแหน่งอ่ืน ๆ อีก 3 ตำแหน่งคือ บิด ซ้ายไปตำแหน่ง พรางขับ “BO.DRIVE” บิดขวาไปตำแหน่ง ไฟห้ามล้อ “STOP LTS” และตำแหน่งไฟ ขับ “SER DRIVE” ถ้าบิดก้านสวิตช์ไฟใหญ่กลับไปยังตำแหน่งปิด “OFF” หรือ พรางจอด “BO.MK” ตามเดิม สวิตช์ไฟใหญ่จะขัดตัวกับสวติ ช์นิรภัยโดยอัตโนมัติ แผนภูมิแสดงไฟขับจะแสดงให้เห็นไฟแสง สวา่ งตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กับสวติ ช์ ณ ตำแหนง่ ตา่ ง ๆ 18.2 สวิตช์เลือกไฟพรางขับ ในรถรุ่นใหม่ตำแหน่งพรางขับ “BO.DRIVE” ของสวิตช์ไฟ ใหญ่แบง่ แยกออกมาโดยใชส้ วิตชเ์ ลือกไฟพรางขับแบบผลักข้ึนลงอีกตวั หนึ่ง ซ่ึงติดต้ังอยู่กับโครงรบั แผง หน้าปัดด้านซ้าย สวิตชน์ ้ีสามารถเลือกใช้ได้ทั้งไฟพรางขับธรรมดา “BO DRIVE LIGHT” หรอื ไฟพราง ขับอินฟราเรด “BO HEAD LIGHT” ในขณ ะก้านสวิตช์โคมไฟใหญ่ อยู่ในตำแหน่งพรางขั บ “BO.DRIVE” 18.3 สวิตช์ไฟกดต่ำ สวิตช์แบบทำงานโดยใช้เท้าเหยียบ ซ่ึงติดตั้งอยู่บนแผ่นเกราะผนังรถ ด้านหน้าทางซ้ายของแป้นห้ามล้อ ทำหน้าที่ควบคุมลำแสงสูง และลำแสงต่ำ ให้แก่โคมไฟใหญ่สำหรับ ขับ และโคมไฟอินฟราเรด ไฟสญั ญาณแสดงว่าใชล้ ำแสงสงู ซง่ึ ติดตงั้ อย่บู นแผงเคร่อื งวัดจะตดิ สวา่ งขน้ึ เม่ือใช้ลำแสงสูงไม่ว่าจะเปน็ ไฟขับธรรมดา หรือไฟพรางขับอนิ ฟราเรด 19. สวติ ช์ไฟเพดานห้องขบั 19.1 ไฟเพดานหอ้ งขับติดต้งั อยูบ่ นเพดานห้องขับค่อนไปทางตอนหลังด้านซ้ายของท่ีน่ังพลขับ ไฟเพดานน้ปี ระกอบด้วยหลอดไฟสองหลอดซ่ึงมีแกว้ ขยายสแี ดง และสีขาวครอบไว้ 19.2 ก้านสวิตช์ใช้งานร่วมซึ่งประกอบกลอนนิรภัยเข้าไว้ด้วยน้ี ทำหน้าท่ีควบคุมหลอดไฟทั้ง สองดวงในโคมไฟเพดาน กลอนนิรภัยเป็นตัวป้องกันมิให้เกิดการเปิดแสงสีขาวใช้งานโดยมิได้ต้ังใจ ใน การเปิดใช้แสงสีแดงนั้น กระทำโดยผลักก้านสวิตช์ไปทางแก้วครอบสีแดง ส่วนการเปิดใช้แสงสีขาว กระทำโดยกดกลอนนิรภัย และผลักก้านสวิตช์ไปทางแก้วครอบสีขาว และเม่ือผลักก้านสวิตช์ไปยัง ตำแหน่งกงึ่ กลางซง่ึ วา่ งการตอ่ วงจรนั้น จะทำให้หลอดไฟเพดานทั้งสองดวงดบั 20. สวติ ชแ์ ตร สวิตช์แตรติดต้ังอยู่บนคันบังคับเลี้ยวใกล้ ๆ กับด้ามคันบังคับเลี้ยวด้านขวา ในรถรุ่นเก่า และ ใกล้ ๆ กับคนั บังคบั เลี้ยวดา้ นซ้ายในรถร่นุ ใหม่ เมอ่ื กดปมุ่ สวิตช์น้จี ะทำให้แตรมีเสียงดังข้นึ 21. เครือ่ งตัดตอ่ วงจรไฟฟา้

ห น ้ า | 50 เครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้าแบบใช้ความร้อนทั้งสามตัวน้ีติดต้ังอยู่บนแผงหน้าปัด เครื่องตัดต่อ วงจรแต่ละชุดจะทำหน้าที่ป้องกันวงจรไฟฟ้าของตนมิให้เกิดการชำรุดเสียหาย และจะต่อวงจรโดย อัตโนมัติเองเม่ือเย็นตัวลงแล้ว เครื่องตัดต่อวงจรเครื่องหนึ่งจัดไว้ให้สำหรับไฟเพดาน และเคร่ืองจ่าย กำลังไฟสูงของกล้องตรวจการณ์ เคร่ืองหน่ึงสำหรับระบบแตร และไฟแสงสว่าง และอีกเครื่องหน่ึง สำหรับวงจรเครื่องวัด วงจรเครื่องแม่เหล็กตัดน้ำมันเช้ือเพลิง วงจรหมุนเคร่ืองยนต์ วงจรเพิ่มกำลังไฟ จดุ ระเบิด และวงจรไฟเตือนตา่ ง ๆ 22. ไฟเตอื นเครอื่ งยนต์หลกั 22.1 ไฟเตือนอุณหภูมิสูงในน้ำมันเคร่ืองยนต์ ไฟเตือนฯ นี้ติดตั้งอยู่ในส่วนกลางของแผง หน้าปัด หลอดไฟเตือนฯ ได้รับพลังงานจากสวิตช์ไฟเตือนอุณหภูมิสูงในน้ำมันเครื่องยนต์ และจะติด สว่างเมอื่ อุณหภูมขิ องน้ำมนั เคร่อื งยนต์สูงกวา่ 245  5 ฟ. 22.2 ไฟเตือนความดันต่ำในน้ำมันเครื่องยนต์ ไฟเตือนฯ นี้ติดต้ังอยู่ในส่วนกลางของแผง หน้าปัด หลอดไฟเตือนฯ ได้รับพลังงานจากสวิตช์ไฟเตือนความดันต่ำในน้ำมันเครื่องยนต์ และจะติด สว่างเมื่อความดันน้ำมนั เคร่ืองยนตต์ ่ำกวา่ 17  2 ปอนด/์ ตารางนว้ิ 22.3 ไฟเตือนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ไฟเตือนฯ นี้ติดต้ังอยู่ในส่วนกลางของแผงหน้าปัด และ หมายไว้ด้วยอักษรว่า “LEFT ENGINE” หลอดไฟเตือนฯ ได้รับพลังงานจากวงจรควบคุมเคร่ืองกำเนิด ไฟฟา้ และจะติดสวา่ งเมอ่ื เครือ่ งกำเนิดไฟฟา้ ของเครอื่ งยนต์หลักไม่ทำงาน 23. ไฟเตอื นเคร่อื งเปลี่ยนความเรว็ 23.1 ไฟเตือนอุณหภมู ิสูงในน้ำมนั เครื่องเปล่ียนความเร็ว ไฟเตือนฯ นี้ติดต้ังอยู่ในส่วนกลาง ของแผงหน้าปัด หลอดไฟเตือนฯ ไดร้ ับพลังงานจากสวิตช์ไฟเตือนอณุ หภมู ิสูงในเครื่องเปล่ียนความเร็ว และจะตดิ สว่างเมือ่ อณุ หภูมขิ องนำ้ มันเคร่ืองเปลย่ี นความเร็วสูงถึง 285  5 ฟ 23.2 ไฟเตือนความดันต่ำในน้ำมันเครื่องเปลี่ยนความเร็ว ไฟเตือนฯ นี้ติดต้ังอยู่ใน ส่วนกลางของแผงหน้าปัด หลอดไฟเตือนฯ ได้รับพลงั งานจากสวิตช์ไฟเตือนความดันต่ำในนำ้ มันเคร่ือง เปลี่ยนความเร็ว และจะติดสว่างเม่ือความดันของน้ำมันเครื่องเปล่ียนความเร็วต่ำกว่า 11 ปอนด์/ ตารางน้ิว 24. ไฟเตอื นหลัก ( MASTER WARNING LIGHT ) ไฟเตือนฯ น้ีจะติดสว่างขึ้นเมอ่ื ไฟเตือนฯ ดวงใดดวงหนึ่งของเคร่ืองยนต์ หรือของเคร่ืองเปล่ียน ความเรว็ ทำงาน ฉะน้นั จึงทำหน้าที่เหมือนไฟเตือนหลัก ในรถรุ่นเกา่ ไฟเตือนหลกั จะตดิ ตัง้ อยู่บนเรือน เข็มวดั รอบ – ความเร็ว ทางขวามือของพลขับ ส่วนรถรุ่นใหม่ไฟเตือนหลักจะติดตัง้ อยู่ในกรอบรับซึ่ง ตดิ อย่กู บั ปลายซ้ายของแผงหน้าปัด 25. เครอื่ งวดั ความดันนำ้ มนั เคร่อื งยนต์ เคร่ืองวัดความดนั น้ำมันเครื่องยนต์ ตดิ ตงั้ อยู่บนแผงหน้าปัด จะแสดงความดันโดยประมาณใน ระบบการหล่อลื่นของเครื่องยนต์ บนหน้าปัดเครื่องวัดจะแบ่งตัวเลขย่อย ๆ ให้อ่านได้ต้ังแต่ 0 ถึง 120 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ความดันของน้ำมันเคร่ืองยนต์ปกติอยู่ในระหว่าง 60 – 70 ปอนด์ต่อตารางน้ิว ขณะเคร่ืองยนต์หมุน 1,600 รอบต่อนาที หรือมากกว่า เมื่อใช้น้ำมันเคร่ืองยนต์เกรด 50 ( OE 50 ) และเครื่องยนตม์ อี ณุ หภูมิ 180 ฟ. 26. เคร่อื งวัดปรมิ าณนำ้ มันเชอื้ เพลงิ 26.1 กล่าวท่ัวไป มีเคร่ืองวัดปริมาณน้ำมันเช้ือเพลิงอยู่สองเคร่ือง ติดตั้งอยู่บนแผงหน้าปัด ทางด้านขวาของพลขับ สำหรับรถถังหมายเลข สพ.2391 ลงมาเคร่ืองวัดปริมาณน้ำมันเช้ือเพลิงเคร่ือง ซ้ายจะไม่ทำงาน และเครื่องวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องขวาจะแสดงปริมาณน้ำมันเช้ือเพลิง

ห น ้ า | 51 โดยประมาณในถังทั้งสอง เม่ือคันบังคับลิ้นปิดเปิดน้ำมันเช้ือเพลิงอยู่ในตำแหน่งถังคู่ “ BOTH ON” สำหรับรถถังหมายเลข สพ.2392 ขึ้นไป เครื่องวัดปริมาณน้ำมันเช้ือเพลิงทั้งสองเครื่องจะทำงาน โดย เคร่อื งวัดปรมิ าณนำ้ มันเชื้อเพลงิ อันขวา จะแสดงระดบั น้ำมนั เชื้อเพลงิ ของถังขวา และเครื่องวัดปริมาณ นำ้ มนั เชอ้ื เพลิงอนั ซ้าย จะแสดงระดับนำ้ มันเช้ือเพลงิ ของถงั ซ้าย หมายเหตุ เคร่ืองวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงจะทำงานก็ต่อเม่ือได้เปิดสวิตช์เครื่องถ่ายทอด วงจรหลกั และสวิตชแ์ ม็กนโี ตอยู่ในตำแหน่ง BOTH, A หรือ F แลว้ 26.2 ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง โดยท่ีลักษณะของถังน้ำมันเชื้อเพลิงน้ันมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ ดงั น้ันการแบ่งหน้าปัดของเข็มเครื่องวัดจึงแสดงถึงปริมาณน้ำมันเช้ือเพลิงที่เหลืออยู่ในถังได้ไม่แน่นอน ตวั เลขในตารางจะแสดงให้ทราบถึงปริมาณน้ำมันท่ียังเหลืออยู่ในถัง ณ ขีดต่าง ๆ บนหน้าปัดเคร่ืองวัด ปรมิ าณน้ำมันเชื้อเพลงิ ตารางแสดงปริมาณน้ำมนั เชือ้ เพลิง ต ำ แ ห น่ ง ที่ อ่ า น ไ ด้ ใ น ปรมิ าณนำ้ มันเชอ้ื เพลงิ ที่เหลอื อยเู่ ปน็ แกลลอน เค รื่องวัด ป ริม าณ น้ ำมั น เชื้อเพลงิ เค ร่ืองวัด ป ริม าณ น้ ำมั น เครื่องวัด ป ริม าณ น้ ำมั น เชอ้ื เพลิงทำงานเครื่องเดยี ว เช้ือ เพ ลิงท ำงาน ทั้ งส อ ง เครอื่ ง E 40 20 ¼ 85 42 ½ 113 56 ¾ 133 66 F 140 70 27. เคร่อื งวดั รอบ และความเรว็ (รถรนุ่ เก่า) เคร่ืองวัดรอบ และความเร็วเป็นชนิ้ ส่วนที่ติดตัง้ ทำงานร่วมกันโดยใชไ้ ฟฟ้า และติดตั้งอยู่ปลาย แผงหน้าปัดทางขวาของที่นั่งพลขับ ส่วนหน้าปัดที่ใช้วัดความเร็วนั้นจะมีขีดมาตราแสดงความเร็วของ รถต้ังแต่ 0 ถึง 70 ไมล์ต่อช่ัวโมง และยังมีเครื่องบันทึกจำนวนระยะทางเป็นไมล์ของรถท่ีว่ิงผ่านมา ส่วนหน้าปัดที่ใช้วัดรอบน้ันจะแสดงความเร็วของเคร่ืองยนต์ตั้งแต่ 0 ถึง 4,000 รอบต่อนาที และ จำนวนรอบของเครอื่ งยนต์นจี้ ะถกู บนั ทึกไวโ้ ดยเคร่อื งสง่ จำนวนรอบซงึ่ ตดิ ตั้งอย่บู นเคร่ืองยนต์ 28. เครอ่ื งวัดรอบ และเคร่อื งวดั ความเร็ว (รถรุน่ ใหม)่ 28.1 กล่าวท่ัวไป สำหรับรถรุ่นใหม่น้ัน เครื่องวัดรอบ และเครื่องวัดความเร็วจะแยกกันอยู่ คนละเรือน และทำงานโดยมเี ครอ่ื งขบั หมุนทางกล ติดต้งั อย่บู นกรอบยึดบนผนังตัวรถข้างหน้าทางซ้าย ของทนี่ ง่ั พลขบั 28.2 เคร่ืองวัดรอบ เคร่ืองวัดรอบจะติดต้ังอยู่เหนือเครื่องวัดความเร็ว ซึ่งแสดงให้ทราบถึง จำนวนรอบการหมุนของเพลาข้อเหว่ียงของเครื่องยนต์ มีขีดมาตราแสดงไว้บนแผงหน้าปัดขีดละ 100 รอบต่อนาที ต้ังแต่ 0 ถึง 4,000 รอบต่อนาที และมีเครื่องบันทึกจำนวนช่ัวโมงใช้งานประกอบไว้เป็น ส่วนหนึ่งของเคร่ืองวัดรอบ ซึ่งจะบันทึกระยะเวลาใช้งานของเคร่ืองยนต์ไว้เป็นช่วั โมง และทศนิยมของ ชว่ั โมง 29. กลอ้ งตรวจการณ์ บ.19 29.1 กล่าวท่ัวไป กล้องตรวจการณ์ บ.19 เป็นเคร่ืองทัศนะแบบเลนส์ตาคู่ ซ่ึงใช้แสง อินฟราเรดช่วยในการมองเหน็ เม่ือจะขับรถถงั เวลากลางคืนในสภาวะพรางแสงไฟ โคมไฟอินฟราเรดจะ ฉายลำแสงซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าออกไปหน้ารถจากโคมไฟอินฟราเรดทั้งสองดวง เพ่ือให้แสงสว่าง

ห น ้ า | 52 แกย่ ่านการเห็น และกล้องตรวจการณ์ บ.19 จะทำหน้าท่ีเปล่ียนภาพอันเกดิ จากแสงอินฟราเรดกลับมา เป็นภาพท่มี องเห็นได้ด้วยตาเปล่าเมอื่ มองผา่ นเลนส์ตาท้งั สอง กลอ้ งตรวจการณ์น้มี ีเดือยหัวกล้องขัดยึด ยันอยู่ในเรือนรับกล้อง ซ่ึงติดต้ังอยู่ในฝาปิดช่องทางเข้าออกของพลขับ หัวกล้องยื่นโผล่พ้นฝาปิดช่อง เข้าออกของพลขบั ขึ้นมาโดยมีตวั กล้องอยภู่ ายในรถ 29.2 เคร่อื งควบคุมการใช้กล้องตรวจการณ์ 29.2.1 กระเดื่องปรับทางสูง การปรับแนวกล้องทางดิ่งกระทำได้โดยผลักให้กล้อง ตรวจการณห์ มนุ รอบเดือยหวั กลอ้ งดว้ ยมอื จงึ มกี ระเด่ืองปรับทางสงู ไวเ้ พ่อื ใหป้ รบั ได้ตามต้องการ 29.2.2 ควงผีเส้ือยึดกรอบพาดศีรษะ กรอบพาดศรีษะชนิดปรับเล่ือนได้น้ีช่วยให้ ศรี ษะผู้ใช้กล้องมีท่ีพาด และช่วยในการปรับระยะจากนัยน์ตาของผใู้ ช้กล้องกับเลนส์ตา โดยมีควงผีเสื้อ ยึดกรอบพาดศีรษะทำหน้าทยี่ ดึ ไว้ 29.2.3 จุดรวมแสง เคร่ืองควบคุมการปรับจุดรวมแสงด้านซ้าย และด้านขวา ซ่ึง ระบุอยู่ในแผ่นป้ายน้ันติดตั้งอยู่บนส่วนล่างของเรือนกล้องตรวจการณ์ บ.19 เครื่องควบคุมเหล่าน้ีช่วย ใหม้ ีการปรับจดุ รวมแสงของประจุไฟฟ้าในกลอ้ งและมฝี าเกลียวปิดได้ปิดกันไว้ โดยขนั เกลยี วปิดทบั ลงบนเรือนตัวต้านทานปรับค่าได้ 29.2.4 สวิตช์ไฟ สวิตช์ควบคุมเครื่องจ่ายกำลังไฟแรงสูง ติดต้ังบนแผงเครื่องวัด เปน็ ตวั เช่อื มตอ่ เครอื่ งจ่ายกำลงั ไฟแรงสงู เข้ากบั แบตเตอรี่ประจำรถ 29.2.5 เครื่องจ่ายกำลังไฟแรงสูง ติดตั้งอยู่บนผนังตัวรถด้านหน้าพลขับ และทำ หนา้ ที่จ่ายกำลังไฟแรงสงู เพือ่ ใหก้ ลอ้ งตรวจการณ์ บ.19 ทำงานได้ ตอนท่ี 3 การใช้งานรถถงั ในสภาพปกติ 1. กล่าวทัว่ ไป ในตอนน้ีจะกล่าวถึงข้อแนะนำในเรื่องขั้นตอนทางกลท่ีจำเป็นในการใชง้ านรถถังติดต้ังปืน ใหญ่ ขนาด 76 มม. บ.41 หรือ บ.41 ป.3 ภายใต้สภาพอุณหภูมิ และความชื้นปานกลาง สำหรับการ ปฏิบตั ภิ ายใต้สภาพผิดปกตินน้ั กล่าวไวใ้ นตอนท่ี 5 2. การติดเคร่ืองยนต์หลัก 2.1 กล่าวทวั่ ไป 2.1.1 ก่อนท่ีจะนำรถใหม่ หรือรถซ่อมคืนสภาพมาใช้งานน้ัน ต้องแน่ใจว่าได้ให้การ บรกิ ารรถเรียบรอ้ ยแล้ว 2.1.2 ก่อนที่จะติดเครื่องยนต์หลัก พลขับจะต้องทำความคุ้นเคยกับตำแหน่ง และ ความมุ่งหมายในการใช้ของเครื่องมอื เครอ่ื งใช้ตา่ ง ๆ รวมทัง้ คนั บังคบั และเครอ่ื งควบคมุ ด้วย ข้อควรระวัง ถ้ามีป้ายเตือนผูกติดไว้ในห้องพลขับ ก็ให้แก้ไขข้อขัดข้องที่ระบุไวใ้ น ปา้ ยนนั้ ให้เรยี บรอ้ ยกอ่ นทจี่ ะติดเครอ่ื งยนต์ 2.1.3 ให้กระทำการปรนนิบัติบำรุงก่อนใช้งานตามตารางท่ี 7 ก่อนจะติด เคร่ืองยนต์ 2.2 การติดเครอ่ื งยนตด์ ้วยแบตเตอร่ที ีม่ ไี ฟเต็ม ข้อควรระวัง ตรวจให้แน่ใจว่าสวิตช์วิทยุอยู่ในตำแหน่งปิด “OFF” ก่อนที่จะติด เครอ่ื งยนต์ หลังจากทเี่ ครอ่ื งยนต์ตดิ แล้วจงึ เปิดวทิ ยไุ ด้ และอย่าเรง่ เครอื่ งยนต์ในขณะที่ใชว้ ทิ ยุ 2.2.1 จัดคันบังคับเลี้ยวไว้ในตำแหน่ง ว่าง “NEUTRAL” และจัดคันบังคับเครื่อง เปลยี่ นความเร็วไวใ้ นตำแหน่ง วา่ ง-จอดรถ “NEUTRAL PARK” กอ่ น 2.2.2 ใสห่ ้ามลอ้ จอดรถ

ห น ้ า | 53 2.2.3 จัดสวิตช์เครื่องถ่ายทอดวงจรหลักไว้ในตำแหน่งเปิด “ON” แล้วบิดสวิตชห์ มุน เคร่ืองยนต์ แต่ไม่ต้องใช้สวิตช์แม็กนีโตจุดระเบิด และสวิตช์เพิ่มกำลังไฟจุดระเบิด เคร่ืองยนต์ควรจะ หมุน ถ้าเคร่ืองยนต์ไม่หมุนเป็นสิ่งบอกเหตุว่าเกิดของเหลวอัดหัวกระบอกสูบ หรือถ้ามีส่ิงบอกเหตุว่า เกิดการจับตัวทางกลของช้ินส่วนเคร่ืองยนต์ขึ้น อย่าพยายามติดเคร่ืองยนต์ ให้รายงานเจ้าหน้าซ่อม บำรุงประจำหน่วยเพอ่ื ดำเนนิ การแก้ไขตอ่ ไป 2.2.4 จดั คันบงั คับล้ินเปดิ ปิดถังนำ้ มนั เชือ้ เพลงิ ไปอยใู่ นตำแหน่ง คู่ “BOTH ON” 2.2.5 ตรวจปรมิ าณน้ำมันเชอื้ เพลงิ 2.2.6 ดงึ ป่มุ คันเร่งนำ้ มันมือ ขน้ึ มาประมาณ 1 นว้ิ 2.2.7 จัดสวติ ชแ์ ม็กนโี ตจดุ ระเบิดให้ไปอยใู่ นตำแหนง่ คู่ “BOTH” 2.2.8 บีบสวิตช์ติดเครื่องยนต์ และสวิตช์เพิ่มกำลังไฟจุดระเบิด ไว้ในตำแหน่ง เปิด “ON” ถา้ เคร่อื งยนตไ์ ม่ติดภายใน 4 – 5 วนิ าที กใ็ ห้ลอ่ น้ำมันเช้อื เพลงิ บาง ๆ ขณะทห่ี มนุ เคร่ืองยนต์ 2.2.9 ปล่อยสวิตชห์ มุนเครื่องยนต์ทันทีที่เคร่ืองยนต์ตดิ แล้วจึงปล่อยสวติ ช์เพิ่มกำลัง ไฟจุดระเบิดเม่ือเครื่องยนต์หมุนถึงประมาณ 1000 รอบต่อนาที เร่งเคร่ืองยนต์หลาย ๆ ครั้งจน เครื่องยนต์เดินเรียบได้ส่วนกับการเร่ง และตรวจดูว่าไฟเตือนความดันต่ำในน้ำมันเครื่องยนต์ดับลง ภายใน 10 วินาที หลังจากเคร่ืองยนต์ติด ( ถ้าไฟเตือนยังคงติดสวา่ งอยู่ ให้ดบั เครือ่ งยนต์ และตรวจหา สาเหตุ ) ใหเ้ ร่งเครอื่ งยนต์ไว้ 1500 รอบตอ่ นาที ประมาณ 3-8 นาที เพ่ืออุ่นเครื่องยนตใ์ ห้เรยี บร้อย ข้อควรระวัง อย่าปล่อยให้เคร่ืองยนต์เดินเบาต่ำกว่า 650 รอบต่อนาที เป็น เวลานาน ถ้าจำเปน็ ต้องเดินเบาเครื่องยนต์เป็นเวลานานโดยไม่มีการขับเคล่ือนรถ ควรเรง่ เครอ่ื งยนต์ไว้ 900 ถงึ 1,100 รอบต่อนาที เพอ่ื ปอ้ งกันเขมา่ จับหัวเทียน และรกั ษาอณุ หภูมิใช้งานของรถไว้ 2.3 การตดิ เครอื่ งยนต์เม่อื แบตเตอรม่ี ไี ฟนอ้ ย ถ้ากำลงั ไฟของแบตเตอรอ่ี อ่ นลงเพราะว่า อุณหภูมิรอบ ๆ รถนั้นต่ำลง หรือเพราะแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ก็ให้ติดเครื่องยนต์เครื่องกำเนิดไฟช่วย และประจุไฟเพิ่มเติมให้กับแบตเตอรี่ประมาณ 5 นาที หรือนานกว่านั้น ก่อนท่ีจะติดเคร่ืองยนต์หลัก และควรปลอ่ ยให้เครื่องกำเนิดไฟชว่ ยเดนิ เคร่ืองไวจ้ นเคร่อื งยนตห์ ลกั ติดเครอื่ งได้เรียบรอ้ ย 2.4 การติดเครื่องยนต์เมื่อแบตเตอร่ีไม่มีไฟเลย หลักการทั้งสามข้อนี้ใช้เพื่อติดเคร่ืองยนต์ เมือ่ แบตเตอรไ่ี มม่ ไี ฟเลย 2.4.1 ติดเครือ่ งยนตเ์ คร่อื งกำเนิดไฟช่วยดว้ ยมอื 2.4.2 ต่อกำลังไฟมาจากแหล่งจ่ายกำลังไฟภายนอก (เช่น จากรถคันอ่ืน) เข้ากับ เตา้ เสยี บพ่วงไฟ โดยใช้สายพ่วง 17 – C – 568 2.4.3 ฉุดลากเพือ่ ใหเ้ ครอ่ื งยนต์ติด 2.5 การติดเครอ่ื งยนตด์ ว้ ยการพ่วงไฟจากแหล่งจา่ ยกำลังไฟภายนอก 2.5.1 ตอ่ สายพ่วง 17 – C – 568 เข้ากับเตา้ เสยี บสายพ่วงไฟของรถแต่ละคนั ข้อควรระวัง สวติ ช์เครอื่ งถ่ายทอดวงจรหลักของรถท้ังสองจะตอ้ งอยใู่ นตำแหน่ง ปดิ “OFF” ขณะทกี่ ำลังต่อ หรอื ถอดสายพ่วงไฟ 2.5.2 ติดเคร่ืองยนต์ในรถถังท่ีจะต่อกำลังไฟสำรองให้ ตามข้ันตอนปกติแล้วจัด เครื่องยนต์ให้เดินเบาด้วยความเร็ว 1,000 รอบต่อนาที ปล่อยให้สวติ ช์เครื่องถ่ายทอดวงจรหลักอยู่ใน ตำแหนง่ เปดิ “ON” 2.5.3 ติดเครื่องยนต์หลักของรถถังคันที่ไม่มีไฟ โดยให้สวิตช์เคร่ืองถ่ายทอดวงจร หลักอยู่ในตำแหน่ง ปิด “OFF” แล้วกระทำตามข้ันตอนการติดเครื่องยนต์ตามปกติ เว้นแต่จัดสวิตช์ เครอื่ งถ่ายทอดวงจรหลักให้อยู่ในตำแหน่ง ปิด “OFF”

ห น ้ า | 54 2.5.4 เมื่อเครอ่ื งยนต์ติด และเคร่ืองยนต์เดินเรยี บแล้ว ปดิ สวติ ชเ์ ครื่องถ่ายทอดวงจร ของรถคันท่ีป้อนกำลงั ไฟให้ แล้วปลดสายพว่ งไฟออกจากรถท้ังสอง หลังจากท่ีได้ปลดสายพว่ งออกจาก รถทั้งสองแล้ว ก็ให้เปิดสวติ ชเ์ คร่ืองถ่ายทอดวงจรหลักของรถทั้งสองมายังตำแหน่ง เปิด “ON” เพื่อใช้ งานตามปกติ 2.6 การตรวจสอบการทำงานของเคร่ืองยนต์ การตรวจสอบต่อไปนี้ จะต้องกระทำ หลงั จากได้ปฏบิ ัติตามข้อ 2.2 เรยี บรอ้ ยแลว้ 2.6.1 ตรวจเคร่ืองวัดความดันน้ำมันเคร่ืองยนต์ หลังจากท่ีปล่อยให้เดินเบาถึง 650 รอบต่อนาที ความดันของน้ำมันเครื่องควรจะตกลงมาอย่างมากท่ีสุดเพียง 20 ปอนด์ต่อตร.น้ิว เม่ือใช้ น้ำมนั เครือ่ งเกรด 10 (OE10) ซง่ึ ทำใหไ้ ฟเตือนความดันน้ำมันเคร่ืองยนตต์ ดิ ๆ ดบั ๆ อยู่ อยา่ งไรก็ตาม ไฟเตอื นความดนั น้ำมันเครื่องยนตจ์ ะต้องดับเม่ือรอบของเคร่อื งยนตส์ ูงขนึ้ ถึง 750 รอบต่อนาที หรือสูง กวา่ 2.6.2 ตรวจการทำงานของแม็กนีโตจุดระเบิด เมื่อใกล้จะสุดช่วงเวลาการอุ่น เครื่องยนต์ (ข้อ 2.2.9) โดยจัดคันบังคับเคร่ืองเปลี่ยนความเร็วอยู่ในตำแหน่งว่าง แล้วจัดคันเร่งน้ำมัน มือให้เครื่องยนต์เดินเรียบท่ี 2,500 รอบต่อนาที ขณะท่ีต้ังคันเร่งน้ำมันมือไว้ที่ 2,500 รอบต่อนาที ให้ บิดสวิตช์แม็กนีโตจุดระเบิดไปท่ีตำแหน่งด้านล้อช่วยแรง “F” แล้วหมายจำนวนรอบของเคร่ืองยนต์ท่ี ลดลงมา ปล่อยสวิตช์แม็กนีโตจุดระเบิดให้กลับไปอยู่ตำแหน่งคู่ “BOTH” ตามเดิม และให้เคร่ืองยนต์ เดิน 2,500 รอบต่อนาที บิดสวิตช์แม็กนีโตจุดระเบิดมาท่ีตำแหน่ง ด้านส่วนประกอบ “A” แล้วหมาย จำนวนรอบของเครื่องยนต์ท่ีลดลงมาไว้ ถ้าเคร่ืองยนต์ลดรอบลงมาเกินกว่า 225 รอบต่อนาที ขณะที่ สวิตช์แม็กนีโตจุดระเบิดอยู่ท่ีตำแหน่ง ด้านส่วนประกอบ “A” หรือด้านล้อช่วยแรง “F” ก็ตาม ให้ ตรวจสอบระบบจดุ ระเบิดของเคร่อื งยนต์ ข้อควรระวัง อย่าเดินเคร่ืองยนต์ไว้นานกว่า 1 นาที ขณะที่สวิตชแ์ ม็กนีโตจุดระเบิด อยู่ที่ตำแหน่งด้านส่วนประกอบ “A” หรือด้านล้อช่วยแรง “F” ท้ังนี้เพื่อป้องกันมิให้เขม่าจับหัวเทียน หลังจากท่ีได้ทดสอบแล้ว ให้บิดสวิตช์แม็กนีโตจุดระเบิดมายังตำแหน่ง “BOTH” แล้วเร่งเคร่ืองหลาย ๆ คร้งั เพอื่ ขจัดเขม่าในระบบจุดระเบิด 2.6.3 ตรวจดูไฟเตือนทุก ๆ ดวงบนแผงหน้าปัดว่าดับสนิท ถ้ามีดวงใดดวงหนึ่งยังติด อยู่ ให้ดับเคร่ืองยนต์ และคน้ หาสาเหตุ 3. การขบั รถถัง 3.1 กล่าวทั่วไป เมอ่ื สถานการณท์ างยุทธวธิ ีอำนวยให้ ต้องยึดลำกลอ้ งปนื ใหญ่รถถังให้อย่ใู น ที่ยึดลำกล้องปืนเพ่ือเดินทาง ก่อนที่จะขับเคล่ือนรถ ถ้าไม่ได้ใช้ หรือไม่ต้องการใช้วิทยุก็ให้เก็บเสา อากาศเสีย ถ้าจำเป็นตอ้ งเคลื่อนรถถังผ่านบริเวณซึ่งอาคารบา้ นเรือนหนาแน่น ต้องจัดผู้ให้สัญญาณท้ัง ข้างหน้า และข้างหลัง เพื่อช่วยพลขับจนกว่ารถจะอยู่ในภูมิประเทศโล่งแจ้ง ตลอดเวลาที่ใช้รถจะต้อง สังเกตดูเครอ่ื งวดั ไฟเตือน และอุปกรณ์ตา่ ง ๆ บนแผงหนา้ ปัดตลอดเวลา 3.2 การขบั เดินหนา้ 3.2.1 ตดิ เคร่อื งยนต์ แลว้ ตรวจการทำงานของเคร่ืองยนต์ 3.2.2 เล่ือนคันบังคับเคร่ืองเปล่ียนความเร็วให้ไปอยู่ในตำแหน่งเกียร์ สูง “HIGH” หรือ ต่ำ “LOW” ขณะเครื่องยนต์เดินเบา สำหรับการขับรถในภูมิประเทศราบเรียบ ให้จัดคันบังคับ เคร่อื งเปล่ียนความเร็วอยู่ในตำแหนง่ เกียร์ สงู “HIGH” ถ้าขบั ขน้ึ หรือลงลาด และในท่ีซึ่งเป็นหล่มโคลน ให้จัดคันบังคับเครื่องเปล่ียนความเร็วอยู่ในตำแหน่งเกียร์ ต่ำ “LOW” ( ขอแนะนำให้ออกรถดว้ ยเกียร์ ตำ่ “ LOW” เสมอ )

ห น ้ า | 55 3.2.3 กดคันเร่งเครื่องยนต์เพ่ือให้รถเดินหน้า ความเร็ว สูงสุดคือ 45 ไมล์/ชม. เมื่อ ขับในเกียรส์ งู “HIGH” และความเรว็ สูงสุดของเกียรต์ ำ่ “LOW” คือ 11 ไมล์/ชม. 3.2.4 คนั บงั คบั เครอื่ งเปล่ียนความเรว็ อาจจะเปลี่ยนจากตำ่ “LOW” มาสงู “HIGH” หรือจาก สูง “HIGH” มาต่ำ “LOW” ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนท่ีอยู่ก็ได้ การเปล่ียนจาก ต่ำ “LOW” ไปสูง “HIGH” กระทำโดยผ่อนคันเร่งเครื่องยนต์ แล้วเล่ือนคันบังคับเครื่องเปล่ียนความเร็วไปอยู่ใน ตำแหน่ง สูง “HIGH” แล้วเหยียบคันเร่งเคร่ืองยนต์อีกคร้ัง เมื่อจะเปล่ียนจาก สูง “HIGH” มาต่ำ “LOW” ให้ลดความเร็วลงให้เหลือ 8 – 10 ไมล์/ชม. เหยียบคันเร่งเคร่ืองยนต์ให้เต็มท่ีแล้วเล่ือนคัน บังคับเคร่อื งเปลย่ี นความเรว็ มายังตำแหนง่ ตำ่ “LOW” ข้อควรระวัง อย่าพยายามเปลี่ยนตำแหน่งจากเกียร์ สูง “HIGH” มายังเกียร์ ต่ำ “LOW” โดยไม่ได้เร่งเครื่องยนตใ์ ห้เร็วขึ้นจนเต็มที่ เพราะความเร็วของรถอาจจะลดลงเนื่องจากอตั รา การทดเฟอื งในเคร่ืองเปลยี่ นความเรว็ ท่ีเพิม่ ข้ึนในยา่ นเกยี ร์ ตำ่ “LOW” 3.2.5 การบงั คับเลี้ยวรถในขณะเคลื่อนท่ีไปข้างหน้าก็เป็นไปตามธรรมดา การดึงด้าม คันบังคับเลี้ยวทางด้านขวาเป็นการให้รถเลี้ยวขวา การหักเลี้ยวทีละน้อย หรือการหักเลี้ยวทันที ย่อมขึ้นอยู่กับปริมาณระยะทางที่ดึงคันบังคับเลี้ยวมาก หรือน้อยเพียงใด รัศมีวงเล้ียวต่ำสุดของย่าน ความเร็ว ต่ำ “LOW” เท่ากับ 18 ฟุต และในยา่ นความเรว็ สูง “HIGH” เท่ากับ 55 ฟตุ 3.2.6 จะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถอย่างสูงตลอดเวลา ขณะที่ใช้งานบนพ้ืนที่แข็ง หรือมีผิวหน้าเรียบแข็ง ตามปกติแล้วการขับรถจะกระทำได้โดยปลอดภัยเม่ือขับรถตามความเร็วซ่ึง กำหนดไว้ให้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความชำนาญ และประสบการณ์ในการขับรถชนิดน้ี การถือคันบังคับอย่าง ประมาท หรือเลินเล่ออาจจะทำให้ไม่สามารถบังคับรถได้ และอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือบาดเจ็บแกบ่ ุคคล หรือทำให้รถเกดิ การชำรุดเสียหายมากข้นึ 3.3 การขับรถถอยหลงั 3.3.1 มีสิ่งทจ่ี ะต้องพิจารณาเป็นพเิ ศษอยู่สองอยา่ งในขณะขับรถถอยหลังคอื - ทศั นะวสิ ัยของพลขับถูกจำกัดเม่อื ขับรถถอยหลงั - การบังคับเลี้ยวจะกลับทิศทางตรงกันข้าม เม่ือเล่ือนคันบังคบั เคร่ืองเปลี่ยน ความเรว็ มายังตำแหน่งเกยี ร์ ถอยหลัง “REVERSE” 3.3.2 ติดเคร่ืองยนต์ และตรวจการทำงานของเครื่องยนต์ เครื่องวัด และไฟเตือน ต่างๆ 3.3.3 เล่ือนคันบังคับเครื่องเปลี่ยนความเร็วอยู่ในตำแหน่งเกียร์ ถอยหลัง “REVERSE” โดยใหเ้ ครื่องยนต์เดินเบา 650 รอบ/นาที 3.3.4 จัดให้มีผู้ให้สัญญาณอยู่หน้ารถ เพ่ือให้สัญญาณแก่พลขับในขณะท่ีถอยรถ ถ้า สถานการณ์ทางยุทธวิธีขัดขวางไม่ให้จัดคนให้สัญญาณได้ ก็ให้ถอยรถด้วยความระมัดระวังเพ่ือป้องกัน การชนกนั 3.3.5 ถอยรถช้า ๆ ขณะดูทิศทางของผู้ให้สัญญาณ ถ้าต้องการให้ท้ายรถถอยไป ทางขวาก็ให้ดึงด้ามคันบังคับเล้ียวด้านซ้าย ถ้าต้องการให้รถถอยหลังไปทางซ้ายก็ให้ดึงคันบังคับเล้ียว ดา้ นขวา คำเตือน การเล่ือนคันบังคับเคร่ืองเปล่ียนความเร็วจากตำแหน่ง ถอยหลัง “REVERSE” จะต้องหยุดรถให้นิ่งสนิท และเดินเบาเคร่ืองยนต์ 650 รอบ/นาที เสียก่อน แล้วจึงเลื่อน คนั บงั คับเครื่องเปลีย่ นความเร็วไปในตำแหน่งทีต่ อ้ งการ 3.4 การหมุนเลี้ยวอยู่กับท่ี การเลี้ยวรถด้วยการหมุนอยู่กับท่ี สายพานทั้งสองข้างจะหมุน กลับทางกัน และรถก็จะหมุนรอบแกนตัวเองอยู่กับท่ี การบังคับให้หมุนอยู่กับท่ีน้ีกระทำได้โดยจัดคัน

ห น ้ า | 56 บงั คับเครื่องเปลี่ยนความเร็วให้อยู่ในตำแหน่งเกียร์ วา่ ง – บังคับเล้ียว “NEUTRAL – STEER” แล้วดึง คันบังคับเล้ียวมาให้สุดในทิศทางท่ีต้องการจะให้หน้ารถเลี้ยวไป ยึดไว้ให้แน่นพร้อมกับเร่งเคร่ืองยนต์ และควบคมุ การหมุนของรถด้วยคนั เร่งเคร่ืองยนต์ ข้อควรระวัง เพื่อให้การขับรถเป็นไปอย่างสมบูรณ์ อย่ากระทำนอกเหนือไปจากท่ีกล่าวไว้ ขา้ งตน้ 4. การขา้ ม และลงลาดชัน คู และเคร่ืองกีดขวาง 4.1 การขึ้นลาดชัน ตามธรรมดาน้ันลาดชันมักจะใช้ไต่ขึ้นด้วยย่านความเร็วต่ำ “LOW” นอกจากจะเป็นการข้ึนลาดสั้น ๆ ซึ่งความเร็วของรถมีมากพอที่จะพาตวั ข้ึนไปได้จนสุดลาด แตถ่ ้าต้อง เผชิญกับการไต่ลาดระยะยาวขณะขับรถแล้ว ตามปกตินั้นก็ให้ขับต่อไปที่ย่านความเร็วสูง “HIGH” จนกระทั่งความเร็วของรถเริ่มลดลงเนื่องจากอาการลาดชัน มาเหลือประมาณ 10 ไมล์/ชม.แล้ว จึง เลื่อนคันบังคับเครื่องเปล่ียนความเร็วมายังตำแหน่งเกียร์ต่ำ “LOW” ระหว่างการปีนลาดระยะยาว จะต้องเฝ้าดูไฟเตือนอุณหภูมิสูงในนำ้ มันเคร่ืองเป็นพิเศษ ถ้าไฟเตอื นดวงหนึ่งดวงใดตดิ สวา่ งขนึ้ มา ก็ให้ หยุดรถแล้วใส่ห้ามล้อจอดรถไว้ ปล่อยให้เคร่ืองยนต์เดินเบาจนกระท่ังไฟเตือนอุณหภูมิสูงใน น้ำมนั เคร่อื งดบั ลง เมอื่ อุณหภูมิเขา้ สรู่ ะดบั ปกตแิ ลว้ จงึ ขน้ึ ลาดตอ่ ไป 4.2 การลงลาดชัน การลงลาดชันระยะส้ัน ๆ นั้น จะต้องเล่ือนคันบังคับเครื่องเปล่ียน ความเรว็ มายงั ตำแหน่งเกียร์ตำ่ “LOW” เพื่อใหส้ ามารถควบคมุ ความเร็วได้ดีขึน้ โดยธรรมดาแลว้ เกียร์ ต่ำ “LOW” จะช่วยในการชะลอความเร็วของรถได้อย่างพอเพียง ดังนั้นการใช้ห้ามล้อจึงไม่จำเป็นนัก อย่างไรก็ตามถ้ารถยังชะลอความเร็วลงไม่พอ ก็ให้ใช้ห้ามล้อเป็นครั้งคราวไปเพ่ือช่วยลดความเร็วลงอีก เม่ือจะลงลาดชันระยะยาว ๆ ก็ให้เริ่มไต่ลงตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ถ้าเป็นลาดที่มีระยะไกลมาก และ พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้ห้ามล้อเป็นระยะเวลานาน ๆ แล้ว ก็ให้หยุดรถบ่อย ๆ เล่ือนคันบังคับ เครื่องเปล่ียนความเร็วมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ ว่าง – จอดรถ “NEUTRAL – PARK” แล้วให้เครื่องยนต์ เดนิ เบา เพอื่ ใหเ้ ครื่องเปลยี่ นความเรว็ เย็นตวั ลง คำเตือน อย่าปล่อยให้รถไหลลงลาดในตำแหน่งเกียร์ ว่าง – จอดรถ “NEUTRAL – PARK” เพราะการกระทำดังกล่าวน้ี จะเปน็ ผลให้ไม่สามารถบงั คับรถได้ เพราะคันบังคับเล้ยี วจะถูกขัด ตัวไวเ้ มื่อคันบังคับเล้ียวอยู่ตำแหน่งก่ึงกลาง และห้ามล้อก็ถูกยึดแน่นเมื่อเหยียบลงไป การท่ีไม่สามารถ บังคับรถได้นี้ อาจจะเป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงได้ ให้เฝ้าสังเกตดูไฟเตือนอุณหภูมิเคร่ือง เปล่ียนความเร็วไว้ในระหว่างการเคล่ือนท่ีดังกล่าวน้ี เพราะเครื่องเปล่ียนความเร็วมีความเร็วมีความ โน้มเอียงท่ีจะร้อนจัดผิดปกติไดอ้ ย่างรวดเร็วอยู่แล้ว ในการลงลาดระยะไกลด้วยเกียร์ ต่ำ “LOW” นั้น ปกตแิ ล้วไฟเตือนอุณหภูมเิ ครื่องเปลี่ยนความเรว็ มักตดิ สวา่ งข้นึ เนือง ๆ ทั้งนี้ก็เนอ่ื งมาจากความร้อนอัน เกิดจากการเสียดสี และความร้อนอันเป็นผลเน่ืองมาจากการทำงานของเครื่องเปล่ียนความเร็ว แต่ละ ครง้ั ทไี่ ฟเตอื นตดิ สวา่ งข้ึน ใหห้ ยุดรถใสห่ ้ามล้อจอดรถไว้ แลว้ เร่งเคร่ืองยนตไ์ ว้ 2,200 รอบ/นาที เพอื่ ให้ เคร่ืองเปล่ียนความเร็วเย็นตัวลงก่อนท่ีจะใช้งานต่อไป เมื่อถึงปลายลาดแล้วก็ให้เลื่อนคันบังคับเครื่อง เปล่ยี นความเร็วมายงั ตำแหนง่ เกียร์เดนิ หน้าท่ีต้องการแล้วจงึ ขับเคล่อื นรถต่อไป 4.3 การข้ามคู และเคร่ืองกีดขวาง เม่ือจะข้ามคู หลุมระเบิด หรือคูสนามเพาะ ให้ผ่อน คันเร่งลงจนถึงความเร็วหนึ่ง ซึ่งสามารถเล่ือนคันบังคับเคร่ืองเปลี่ยนความเร็วมายังตำแหน่งเกียร์ ต่ำ “LOW” ได้ แล้วจึงคอ่ ย ๆ ขับเคล่ือนลงไปในหลุมบอ่ ต่างๆ จากนั้นจึงเร่งเคร่ืองยนตเ์ ต็มท่ีเมื่อจะเริ่มไต่ ข้ึน เม่ือคร่อมข้ามเครื่องกีดขวาง ให้ปล่อยคันเร่งแล้วปล่อยให้รถหยุดน่ิงเหนือเครื่องกีดขวางก่อนที่จะ

ห น ้ า | 57 เร่งเคร่ืองยนต์ต่อไป ส่วนการคร่อมเคร่ืองกีดขวางสูง ๆ อาจจำเป็นต้องเร่งยนต์เต็มท่ีต้ังแต่เริ่มต้น แต่ เม่ือข้ึนถึงยอดเครื่องกีดขวางแล้ว ก็ให้ผ่อนคันเร่งจนกระทั่งรถคร่อมอยู่เหนือยอดเครื่องกีดขวางอย่าง สมบูรณ์ ข้อควรระวัง ให้ใช้ความระมัดระวังในการท่ีจะไม่ทำให้ปืนใหญ่ หรือบังโคลนชำรุดเสียหาย ขณะท่ไี ต่ลง หรือขึ้นจากคู หรือหลุมระเบดิ หรือขณะเขา้ ประชดิ หรือผละออกจากเครอื่ งกดี ขวาง 5. การหยดุ รถ และการดับเครอ่ื งยนต์ 5.1 การหยดุ รถ การหยุดกระทำได้โดยผอ่ นคันเร่ง และเหยยี บหา้ มลอ้ ข้อควรระวัง อย่าเลื่อนคันบังคับเคร่ืองเปลี่ยนความเร็วมายังตำแหน่งเกียร์ ว่าง – จอดรถ “NEUTRAL – PARK” จนกว่ารถจะหยุดสนิท เพราะอาจจำเป็นต้องใช้คันบังคับเล้ียวเพ่ือควบคุม ทิศทางรถในระหว่างการหา้ มลอ้ และการหยุดรถ เมื่อรถหยุดแล้ว ให้ใส่ห้ามล้อจอดรถ และให้การบริการในขณะหยุดพักการใช้งาน ถ้า จำเป็นต้องปล่อยให้เคร่ืองยนต์เดินเบาอยู่ในระหว่างการพักนาน ก็ให้เร่งเคร่ืองยนต์ไว้ 1,000 ถึง 1,100 รอบ/นาที ไว้ต้ังแต่ 5 ถึง 10 วินาที อย่างน้อยที่สุด 15 นาทีต่อครั้ง การกระทำเช่นน้ีนับวา่ เป็น ส่ิงจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อลดโอกาสท่ีหัวเทียนจะถูกเขม่าจับ และเพื่อเพ่ิมกำลังไฟจ่ายออกของเครื่อง กำเนิดไฟฟ้าด้วย และไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด ๆ จะต้องไม่ปล่อยท้ิงให้เคร่ืองยนต์ติดอยู่โดยไม่มี ผู้ใดอยู่ในห้องพลขับ 5.2 การดบั เคร่อื งยนต์ เมื่อรถหยุดแล้ว ตั้งคันเร่งน้ำมันมือให้เครื่องยนต์เดิน 1,000 ถึง 1,100 รอบ/นาที และปล่อยให้เครื่องยนต์เดินอยู่ด้วยความเร็วดังกล่าวนี้ 2 ถึง 5 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าการระบายความ ร้อนของลิ้น และส่วนประกอบอื่น ๆ ของเคร่ืองยนต์ จะค่อยเปน็ ค่อยไป และเป็นไปโดยสม่ำเสมอ เมื่อ ส้ินสุดชว่ งเวลาการระบายความร้อนแล้ว ก็ให้ลดความรอบของเครื่องยนต์ลงจนเหลือความเร็วเดนิ เบา 650 รอบ/นาที แล้วกดสวิตช์ตัดการจ่ายนำ้ มันเชื้อเพลิงจนกระทง่ั เครือ่ งยนตด์ บั ผลกั สวิตช์แม็กนโี ตจุด ระเบิดไปยงั ตำแหน่ง ปิด “OFF” ถ้ารถตอ้ งหยุดลงช่ัวระยะเวลาใดซ่ึงไม่ใชเ้ คร่ืองอุปกรณ์ ไฟแสงสว่าง หรือวิทยุในระหว่างการหยุดพักนั้น ๆ ก็ให้ผลักสวิตช์เคร่ืองถ่ายทอดวงจรหลักไปยังตำแหน่ง ปิด “OFF” แลว้ ให้การบริการภายหลงั การใชง้ าน 6. การลากจงู รถถงั 6.1 กล่าวท่ัวไป รถถังในตระกูล บ.41 มีขอลากจูง 4 ตัว สายลวดลากจูง 1 เส้น ขอลากจูง 2 ตัวจะติดตั้งอยู่ด้านหน้ารถ อีก 2 ตัวติดต้ังอยู่ด้านท้ายรถ และมีขอพ่วงติดต้ังอยู่ท่ีกึ่งกลางด้านท้าย รถ ขอพว่ งน้ันไม่ใช้ลากจูงน้ำหนักบรรทุกมาก ๆ ความมุ่งหมายในการใช้มีอยู่เพื่อสำหรับลากจูงรถพว่ ง ขนาดเล็ก หรือปืนใหญ่สนามเท่านั้น ลวดลากจูง น้ันเกบ็ ไวบ้ นบังโคลนด้านหน้าซ้ายของรถ ประโยชน์ ของลวดลากจูงก็คือ สำหรับลากจูงยานพาหนะที่ชำรุดในภูมิประเทศเป็นช่วงระยะทางสั้น ๆ ขณะท่ีไม่ สามารถใช้คานลากจูงได้ ไม่ควรใช้การลากจูงเป็นวิธีการติดเครื่องยนต์ นอกจากจะไม่สามารถใช้ วิธกี ารตดิ เคร่ืองยนต์ใด ๆ ได้แล้วเทา่ นั้น 6.2 การลากจงู รถถังชำรดุ ข้อควรระวัง เน่ืองจากแก็สคาร์บอนโมน็อกไซด์ เป็นอันตรายอย่างย่ิงแก่พลขับรถถังคันท่ีถูก ลากจูง และเน่ืองจากว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอันเป็นผลมาจากการชนกันระหว่างรถถังคันท่ีให้

ห น ้ า | 58 การลากจูง กับรถถังคันที่รับการลากจูง ดังนั้นการลากจงู จึงควรกระทำโดยใช้รถกู้ซ่อม ซึ่งใช้คานลาก จูงเมือ่ สามารถทำได้ การลากจูงดว้ ยลวดลากจงู ควรจะใชเ้ ฉพาะกรณฉี ุกเฉินเท่านัน้ ให้รถถังคันที่จะให้การลากจูงเข้าประจำท่ีทางด้านหน้ารถถังคันที่ชำรุด ต่อสายลวดลากจูงกับ ขอลากจูงตัวหน้า และตัวหลังของรถถังท้ังสองคันตามลำดับ ให้ไขว้กันเป็นรูปทะแยง (โดยใช้ลวดลาก จูงจากรถท้ังสองคัน) ให้พลขับเข้าประจำรถถังคันท่ีชำรุด เพ่ือให้สามารถควบคุมรถไว้ตลอดเวลา ระหวา่ งการลากจูง และในระหว่างการลากจูงนั้นตอ้ งจัดคันบงั คับเครื่องเปลี่ยนความเร็วอยู่ในตำแหน่ง ว่าง – บังคับเลี้ยว “NEUTRAL – STEER” ตลอดเวลา ถ้าคันบังคับเครื่องเปล่ียนความเร็วอยู่ใน ตำแหน่ง วา่ ง – จอด “NEUTRAL – PARK” ห้ามล้อจอดรถจะจับตวั โดยอัตโนมัติทันทีเมือ่ เหยียบแปน้ ห้ามล้อ ถ้าการชำรุดของรถถังเกิดจากหีบเฟืองขับข้ันสุดท้าย หรือสายพานไม่ทำงานแล้ว ก็ให้ปลดข้อ ต่ออ่อนออกจากหีบเฟืองขับข้ันสุดท้าย เพ่ือป้องกันมิให้เกิดการชำรุดเสียหายที่อาจจะเกิดข้ึนได้กับ ระบบการบงั คบั เลยี้ ว คำเตือน เม่ือปลดข้อต่ออ่อนออกแล้ว คันบงั คับเลี้ยว และแป้นห้ามล้อของรถคันที่ถูกลากจูง จะใช้การไม่ได้ ฉะน้ันอย่าใช้ความเร็วเกิน 5 ไมล์/ชม. เป็นอันขาดถ้ารถคันท่ีให้การลากจูงเป็นรถถังใน ตระกลู บ.41 ก็ให้หมนุ ปืนใหญ่รถถงั ขนาด 76 มม. ไปไวท้ างด้านหน้ารถ เพอื่ ป้องกันมิใหป้ นื ใหญ่รถถัง เหวย่ี งตัวไปกระแทกกับรถถังคันที่ถูกลากจูง หรือทำให้พลขับเกิดการบาดเจ็บ พยายามบังคับรถให้ได้ แนวตรงกันใหม้ ากทีส่ ดุ ที่จะมากได้ โดยเฉพาะอย่างย่ิงเมือ่ ยา่ งเขา้ สู่ หรือผา่ นภูมิประเทศเปยี ก หรือเป็น หล่มโคลน ถ้าห้ามล้อรถถังคันท่ีชำรุดใช้การไม่ได้ ความเร็วสูงสุดในระหว่างการลากจูงก็ไม่ควรจะให้ เกินกว่า 12 ไมล์/ชม. ข้อควรระวงั จะตอ้ งไมต่ ่อลวดลากจูงเข้าดว้ ยกันดว้ ยวิธอี น่ื ใด นอกจากใช้ห่วงตอ่ สายลวดลาก จูง เพราะการงอของลวดลากจูงจะเป็นสาเหตุให้เกิดการหักตวั ในชว่ งสั้น ๆ ซึ่งจะทำให้เกลียวลวดแตก และลวดลากจูงจะออ่ นกำลัง กับจะเปน็ อนั ตรายในการจบั ถอื 6.3 การลากจูงเพื่อติดเครื่องยนต์ การลากจูงเพ่ือติดเคร่ืองยนต์นั้น เป็นวิธีการติด เคร่ืองยนต์ในกรณีฉุกเฉินโดยใชเ้ ป็นวิธีการสุดท้ายเท่าน้ัน ท้ังน้ีเพราะรถคันที่ถูกลากจูงอาจจะชนเข้า กับรถคันที่ให้การลากจูงได้ง่าย ๆ และจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงขึ้นได้ และเน่ืองจากว่าการ เกิดอันตรายซึ่งมีอยู่เป็นประจำแก่พลขับรถคันท่ีถูกลากจูงจากแก็สคาร์บอนโมน็อกไซด์ นอกจากน้ัน หากแบตเตอรี่ไม่มีไฟเพียงพอท่ีจะใช้ในการติดเคร่ืองยนต์ยังมีวิธีสำรองกำหนดไว้ให้สองวิธีคือ การติด เคร่ืองยนต์เครื่องกำเนิดไฟช่วยด้วยมือ หรือการต่อรับไฟจากแหล่งกำลังไฟภายนอกเข้ากับเต้าเสียบ สายพ่วงไฟ เครื่องใชซ้ ง่ึ จัดไว้เหล่าน้ีทำให้ไม่ต้องใช้การติดเครอ่ื งยนต์ดว้ ยวธิ กี ารลากจูง เพราะอาจจะ ก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้ อย่างไรก็ตามถ้าวิธีการสำรองเหล่าน้ีใช้ไม่ได้ ก็ให้ใช้สายลวดลากจูงจากรถทั้ง สองคัน แล้วต่อสายลวดลากจูงเข้าพ่วงกับขอพ่วงตัวหน้าของรถถัง และเข้าพ่วงกับขอพ่วงตัวหลังของ รถท่จี ะใหก้ ารลากจูงไขว้ทะแยงกนั เปดิ สวิตช์เครอ่ื งถ่ายทอดวงจรหลัก จัดลนิ้ ควบคุมถงั น้ำมนั เชือ้ เพลิง ไปยังตำแหน่ง ถังคู่ “BOTH ON” แล้วดึงปุ่มคันเร่งน้ำมันมือออกมาประมาณ 1 นิ้ว ผลักสวิตช์แม็กนี โตจุดระเบิดไปยังตำแหน่ง คู่ “BOTH” ถ้าอุณหภูมิรอบ ๆ ต่ำกว่า 32 ฟ. ก็ให้สูบฉีดล่อน้ำมัน เชื้อเพลิงให้แก่เคร่ืองยนต์ตามที่ระบุไว้ เมื่อความเร็วของรถเพ่ิมข้ึนถึง 5 ไมล์/ชม. ให้เลื่อนคันบังคับ เคร่ืองเปล่ียนความเร็วไปยังตำแหน่งเกียร์ ต่ำ “LOW” แล้วจัดให้สวิตช์เพ่ิมกำลังไฟแม็กนีโตจุดระเบิด อยู่ในตำแหน่ง เพม่ิ ไฟ “BOOST” ข้อควรระวัง อย่าใช้สวิตช์เพิ่มกำลังไฟจุดระเบิดนานกว่า 30 วินาที ในแต่ละครั้ง เพราะจะ ทำให้ขดลวดเพิ่มกำลังไฟจุดระเบิดไหม้เสียหายได้ ก่อนที่จะใช้ต่อไปจงปล่อยพักไว้ 5 นาที เพื่อให้ ขดลวดเพิ่มกำลังไฟจุดระเบิดเย็นตัวลง ปล่อยสวิตช์เพิ่มกำลังไฟแม็กนีโตจุดระเบิดเม่ือเครื่องยนต์เดิน

ห น ้ า | 59 เรียบ ความเร็วสงู สดุ ในการลากจูงจะต้องไม่เกินกว่า 12 ไมล์/ชม. เปน็ อนั ขาด ในอุณหภูมิใตจ้ ุดน้ำแข็ง ให้สูบฉีดล่อน้ำมันเชื้อเพลิงตามที่ต้องการ เพื่อให้เคร่ืองยนต์ทำงานในระหว่างผ่านเวลาการ อุ่น เครอ่ื งยนต์ 3 ถงึ 8 นาที 7. การใชก้ ลอ้ งตรวจการณ์ บ.19 7.1 กล่าวท่ัวไป กล้องตรวจการณ์ บ.19 และหัวกล้องอะไหล่นั้น เก็บไว้ในหีบเกบ็ ตา่ งหากใน ห้องพลขับ กล้องตรวจการณ์น้ีใช้ร่วมกับไฟพรางขับ เมื่อไม่สามารถใช้แสงสว่างท่ีเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในการขบั รถ 7.2 การติดต้ัง ผลักสวิตช์เคร่ืองถ่ายทอดวงจรหลักมาไว้ในตำแหน่ง เปิด “ON” เปิดสวิตช์ ไฟเพดานในห้องพลขับไปไว้ในตำแหน่งท่ีให้ไฟสีแดง หรือสีขาวตามแต่สภาพการณ์จะอำนวยให้ นำ กล้องตรวจการณ์ บ.19 ออกจากหีบเก็บกล้องตรวจการณ์บนผนังตัวรถด้านหน้า และตรวจความ ครบถ้วนขององค์ประกอบ และสภาพท่ัวไป จากน้ันตั้งกล้องเข้าในฐานติดต้งั บนฝาปิดช่องทางเข้าออก ของพลขบั คำเตอื น สวิตช์ไฟพรางขับต้องอยู่ในตำแหน่ง เปิด “ON” คลายฝาเกลียวข้ัวเสียบสายไฟจาก เครอ่ื งจ่ายกำลังไฟสูง ซ่ึงเก็บไวใ้ นเตา้ เสียบบนด้านข้างทางขวาของหีบเกบ็ กลอ้ งตรวจการณ์ บ.19 7.3 การใช้งาน ผลักสวิตช์เคร่ืองจ่ายกำลังไฟสูงบนแผงเคร่ืองวัดไปยังตำแหน่ง “BO RECEIVER” ผลักสวิตช์เลือกตำแหน่งไฟขับไปยังตำแหน่ง ไฟพรางขับ “BO DRIVE LIGHT” เล่ือน สวิตช์นิรภัยทวนเข็มนาฬิกา แล้วผลักสวิตช์ไฟใหญ่ไปยังตำแหน่งไฟพรางขับ “BO DRIVE” ดูภูมิ ประเทศโดยมองผ่านเลนส์ตา แล้วยกหรือกดกล้องตรวจการณ์ตามท่ีต้องการ และขัดกระเด่ืองตั้งทาง สูงเสีย คลายควงผีเส้ือยึดท่ีพาดศีรษะออก แล้วปรับให้ได้ตามตำแหน่งที่ต้องการ และขันควงผีเส้ือให้ แนน่ ข้อควรระวัง อย่านำกล้องตรวจการณ์ บ.19 ไปไว้ท่ีมีแสงจัด ๆ หรือส่องทวนดวงอาทิตย์ เพราะความรอ้ นจากรังสที ่รี วมจดุ กนั อาจจะทำใหส้ ว่ นทเ่ี ป็นหลอดภาพทัศนะชำรุดเสยี หายได้ 7.3 การถอด คำเตือน ต้องให้แน่ใจวา่ สวิตช์เครื่องจ่ายกำลังไฟสูงอยู่ในตำแหน่ง ปิด “OFF” ผลักสวิตช์ไฟ ใหญ่ไปไว้ในตำแหน่ง ปิด “OFF” ปลดสายป้อนไฟออกจากเต้าเสียบขั้วสายไฟบนกล้องตรวจการณ์ บ.19 แล้วนำสายป้อนไฟแรง สูงนี้เข้าเก็บไว้ในเต้าเสียบบนด้านขวาของหีบเก็บกล้องตรวจการณ์ บ.19 ขันเกลียวฝาเต้าเสียบขั้ว สายไฟ นำกล้องตรวจการณ์ บ.19 ออกจากที่ยึดกล้องตรวจการณ์ในฝาปิดช่องทางเข้าออกของพลขับ แลว้ นำเข้าเกบ็ ในหบี เกบ็ กล้องตรวจการณ์บนผนังรถดา้ นหน้า ปิดไฟเพดาน และผลักสวิตช์ไฟใหญ่ไปไว้ ในตำแหน่ง ปดิ “OFF” ตอนที่ 4 การใช้ยุทธภัณฑซ์ ่งึ จัดใชร้ ่วมกบั ยุทธภณั ฑ์หลัก 1. เครื่องยนตแ์ ละเคร่ืองกำเนดิ ไฟชว่ ย 1.1 คุณลักษณะ และความมุง่ หมาย เคร่ืองยนต์และเคร่ืองกำเนิดไฟชว่ ยท่ีสร้างข้ึนเป็นส่วน เดียวกัน ซึ่งติดต้ังอยู่ในมุมขวาด้านหน้าของห้องเครื่องยนต์ข้าง ๆ ผนังกันไฟ เครื่องยนต์และเครื่อง

ห น ้ า | 60 กำเนิดไฟนี้เป็นยุทธภัณฑ์ส่วนประกอบ ซ่ึงใช้ในความหมายหลาย ๆ ประการ กล่าวคือใช้ในการประจุ ไฟเพ่ิมเตมิ ให้แบตเตอรี่ เป็นแหล่งจ่ายกำลัง ไฟฟ้าให้ยุทโธปกรณ์ที่ทำงานด้วยไฟฟ้าขณะท่ีเคร่ืองยนต์หลักไม่ทำงาน เป็นแหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้า เพ่ิมเติมให้เม่ือกระแสไฟซ่ึงเคร่ืองกำเนิดไฟของเคร่ืองยนต์หลักจ่ายไฟไม่เพียงพอกับการใช้อุปกรณ์ ไฟฟ้า (LOAD) ตลอดจนใชต้ ่างเครื่องทำความร้อนให้แก่ห้องเคร่ืองยนต์ ระหวา่ งการใชง้ านรถในสภาพ อากาศหนาวจัด เคร่ืองบังคับต่าง ๆ ของเคร่ืองยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วย ได้แก่หีบเครื่องควบคุม เครื่องยนตเ์ ครื่องกำเนิดไฟชว่ ย คันบงั คับเครือ่ งควบคุมการหมุนเคร่ืองยนตเ์ ครื่องกำเนิดไฟช่วยด้วยมือ และคนั บังคบั ลน้ิ ปดิ อากาศฯ ตา่ ง ๆ 1.1.1 หีบเครื่องควบคุมเคร่ืองยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วย ติดตั้งอยู่ในห้องพลขับ ดา้ นขวามอื หน้าที่น่ังพลขับ บนหีบควบคุม ฯ นี้มีสวิตช์จุดระเบิด และหมุนเคร่ืองยนต์แบบ 3 ตำแหน่งคือ ดับ เคร่ือง “OFF” เดินเครื่อง “RUN” และหมุนเครื่อง “START”, สวิตช์เคร่ืองทำความอบอุ่นให้แก่พล ประจำรถ และหลอดสัญญาณไฟเตือนสองดวง คือ ไฟเตือนความดันน้ำมันเคร่ืองยนต์ต่ำ “LOW OIL PRESSURE” และ ไฟเตอื นไมป่ ระจุไฟ “NOT CHARGING” ติดต้ังอยู่ 1.1.2 คันบังคับล้ินปิดอากาศเครื่องยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วย คันบังคับนี้ติดต้ังอยู่ เหนอื แผงเครอ่ื งวดั และเช่อื มตอ่ กับเครื่องปรงุ เช้อื ระเบดิ ของเครอ่ื งยนตช์ ่วยโดยใชส้ ายลวดออ่ น 1.1.3 คันบังคับเครื่องควบคุมการหมุนเคร่ืองยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วยด้วยมือ เครื่องมือนี้เป็นเครื่องหมุนเครื่องยนต์ประเภทลวดดึงม้วนตัวกลับเองโดยอัตโนมัติ ซ่ึงจะทำให้มีวิธีการ สำรองสำหรับการหมุนเคร่ืองยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วย ถ้าแบตเตอร่ีมีไฟน้อยเกินไปที่จะหมุน เครื่องยนตเ์ ครื่องกำเนิดไฟช่วยได้ คันบังคับนี้อยู่หลังประตูฝาก้ันห้องเครื่องยนต์บานขวา ซ่ึงเอ้ือมถึงได้ จากในป้อมปืน 1.1.4 การอุ่นข้อต่อท่อไอดีของเคร่ืองปรุงเชื้อระเบิดล่วงหน้า มีชิ้นส่วนในการ ให้ความร้อนด้วยการควบคุมทางไฟฟ้าสองช้ินส่วน อยู่ในข้อต่อท่อไอดีของเครื่องปรุงเช้ือระเบิด ช้ินส่วนท้ังสองน้ีได้แรงไฟเมื่อสวิตช์จุดระเบิด และหมุนเครื่องยนต์อยู่ในตำแหน่ง ติดเครื่องยนต์ “START” หรอื เดินเครือ่ ง “RUN” และอุณหภูมริ อบ ๆ ต่ำกวา่ 40 ฟ. 1.1.5 การจ่ายความร้อนเพ่ิมเติม และเคร่ืองทำความร้อนขนาด 60 กิโลวัตต์ เครื่องจา่ ยความร้อนเพม่ิ เติม เปน็ ตวั ให้ความร้อนแก่เครื่องยนต์หลักเมอ่ื จำเป็น ส่วนเครื่องทำความร้อน ด้วยไฟฟ้าขนาด 60 กิโลวัตต์ เป็นเคร่ืองมือทำความร้อน และควบคุมการทำงานด้วยสวิตช์ทำความ รอ้ นในหบี เคร่ืองควบคุมเคร่ืองยนต์ของเครื่องกำเนดิ ไฟช่วย 1.1.6 ของเหลวอัดหัวกระบอกสูบ น้ำมันเคร่ือง หรือน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็น ของเหลวซ่ึงเข้าไปในห้องเผาไหม้ขณะเคร่ืองยนต์ไม่ทำงาน หรือน้ำเข้าไปในห้องเผาไหม้ในระหว่างท่อ ไอเสียแช่น้ำอยู่โดยบังเอิญน้ัน จะเป็นสาเหตุให้เกิดของเหลวอัดกระบอกสูบ ก่อนที่จะพยายามติด เครื่องยนต์ ให้หมุนเครื่องยนต์ด้วยเคร่ืองควบคุมการหมุนเคร่ืองยนต์ด้วยมือเสียก่อนเต็มสองรอบ เครื่องยนต์ ถ้าไม่สามารถหมุนเครื่องยนตด์ ้วยเครื่องควบคุมการหมุนเครื่องยนต์ด้วยมือได้ ให้พยายาม หมุนเครื่องยนต์ด้วยมือโดยถอดหัวเทียนออก ถ้าเคร่ืองยนต์หมุนก็ให้หมุนเคร่ืองยนต์ต่อไปจนกระทั่ง ของเหลวถูกขับถ่ายออกมาจนหมด ถ้าไม่สามารถหมุนเคร่ืองยนต์ด้วยมือท้ังท่ีถอดหัวเทียนออกแล้ว แสดงว่ามีการขัดตัวกันในชิ้นส่วนของเคร่ืองยนต์เครื่องกำเนิดไฟช่วยน้ี ให้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุง ประจำหน่วยทราบ

ห น ้ า | 61 1.2 การติดเคร่ืองยนต์ด้วยไฟฟ้า ตรวจสอบว่ามีของเหลวอัดหัวกระบอกสูบหรือไม่ ผลัก สวิตช์ถ่ายทอดวงจรหลักไปยังตำแหน่ง เปิด “ON” และคันบังคับล้ินควบคุมถังน้ำมันเช้ือเพลิงไปยัง ตำแหนง่ ถงั คู่ “BOTH ON” หมายเหตุ ในอณุ หภูมิตำ่ กวา่ 0 ฟ. ให้จัดสวิตช์จดุ ระเบิด และหมุนเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นสวิตช์ รว่ มไปยังตำแหนง่ เดินเคร่อื ง “RUN” และอย่าพยายามหมุนเคร่อื งยนตเ์ ป็นเวลาประมาณ 5 นาที การ กระทำเช่นน้ีจะเปิดโอกาสให้เคร่ืองอุ่นท่อไอดีล่วงหน้าเพ่ือช่วยในการระเหยตัวเป็นไอของน้ำมัน เช้ือเพลิง เครื่องอุ่นท่อไอดีจะทำงานโดยเครื่องควบคุมซง่ึ ทำงานดว้ ยความร้อน “เทอร์โมสตัท” ทุกคร้ัง ไป เม่ืออุณหภูมิโดยรอบลดต่ำกว่า 40 ฟ. และสวิตช์อยู่ในตำแหน่ง เดินเคร่ือง “RUN” หรือ ติด เคร่ือง “START” ดึงคันบังคับล้ินปิดอากาศของเครื่องยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วย ออกมาประมาณ 1 นิ้ว ผลัก สวิตช์จุดระเบิด และหมุนเครื่องยนต์ไปยังตำแหน่ง ติดเครื่อง “START” แล้วยึดไว้จนกว่าเคร่ืองยนต์ จะติด ขอ้ ควรระวงั อยา่ เปิดสวติ ช์ไว้ในตำแหนง่ ติดเครอ่ื ง “START” ครง้ั หนงึ่ ๆ เกนิ 30 วินาที ปล่อยก้านสวิตช์ และสวิตช์จะดีดตัวกลับมาอยู่ในตำแหน่ง เดินเครื่อง “RUN” ปรับคันบังคับ ลิ้นปิดอากาศเท่าท่ีต้องการจะให้รักษาการทำงานให้เดินเรียบ จนกระท่ังเครื่องยนต์ได้รับการอุ่นเครื่อง เรียบร้อยแล้ว ถ้าไฟเตือนในหีบเคร่ืองควบคุมเครื่องยนต์เครื่องกำเนิดไฟช่วยไม่ดับลงใน 10 วินาที ภายหลงั เคร่อื งยนตต์ ิด ก็ให้ดับเครอื่ งยนตข์ องเคร่ืองกำเนิดไฟชว่ ย แลว้ ค้นหาสาเหตุ ข้อควรระวัง สวิตช์เคร่ืองถ่ายทอดวงจรหลักจะต้องอยู่ตำแหน่ง เปิด “ON” ตลอดเวลาที่ เครื่องยนต์ของเคร่ืองกำเนิดไฟชว่ ยทำงานอยู่ มิฉะนั้นจะไม่มีกระแสไฟไปถึงแบตเตอรี่ และอาจจะเป็น ผลให้เกิดการชำรุดเสยี หายขึน้ แกส่ ่วนประกอบของหีบเครือ่ งควบคุมเครอ่ื งกำเนิดไฟได้ 1.3 การติดเคร่ืองยนต์ด้วยมือ ตรวจสอบว่ามีของเหลวอัดหัวกระบอกสูบหรือไม่ เปิด สวิตช์เครื่องถา่ ยทอดวงจรหลักไปยงั ตำแหน่ง เปิด “ON” และคนั บงั คับลิน้ ควบคุมน้ำมันถังเชื้อเพลิงไป ยังตำแหน่ง ถังคู่ “BOTH ON” ดึงด้ามลิ้นคันบังคับปิดอากาศออกมาประมาณ 1 นิ้ว ผลักสวิตช์จุด ระเบิด และหมุนเครื่องยนต์ไปยังตำแหน่ง “START” เป็นพัก ๆ เพ่ือให้แน่ใจว่าขั้วแม่เหล็กของเครื่อง กำเนิดไฟถูกต้อง จากนั้นปล่อยสวิตช์ร่วมน้ี ดีดตัวกลับไปอยู่ในตำแหน่ง เดินเคร่ือง “RUN” ถ้า อุณหภูมิต่ำลง และเครื่องเย็นจัด ก็ให้ดึงคันบังคับลิ้นปิดอากาศออกมาอยู่ในตำแหน่ง ปิดอากาศเต็มที่ ณ อณุ หภูมิอากาศต่ำกว่า 0 ฟ. จัดสวิตช์ร่วมอยู่ ณ ตำแหน่ง เดินเคร่ือง “RUN” แล้วปล่อยท้ิงไว้โดย พยายามติดเครือ่ งยนต์ประมาณ 5 นาที จะอำนวยใหเ้ ครอ่ื งอนุ่ ไอดอี ุน่ ท่อไอดีล่วงหน้า ซึ่งจะชว่ ยให้การ ระเหยตัวเป็นไอของน้ำมันเช้ือเพลิง เครื่องอุ่นไอดีนี้จะทำงานด้วยเครื่องสะสมความร้อนทุกเวลาท่ี อุณหภูมิโดยรอบลดลงต่ำกว่า 0 ฟ. และสวิตช์ ฯ ร่วมน้ีอยู่ในตำแหน่ง เดินเครื่อง “RUN” หรือ ติด เครื่อง “START” ก่อนที่จะพยายามหมุนเคร่ืองยนต์ที่เยน็ จัดด้วยมือ ณ อณุ หภูมิต่ำกวา่ 0 ฟ. นั้น ให้ ลดความฝืดของเคร่ืองยนต์ลงด้วยการใช้น้ำมันแก็สโซลีน 1 ½ ไปน์ เจือจางน้ำมันเคร่ืองในห้องข้อ เหว่ียงเสียก่อน ในการที่จะป้องกันมิให้เกิดสภาพน้ำมันเคร่ืองเลยขีดเต็ม จะต้องถ่ายน้ำมันเคร่ือง จำนวนเทา่ กนั ออกก่อนท่จี ะเตมิ น้ำมนั แกส็ โซลนี ลงไป ภายหลงั จากเตมิ น้ำมนั แก็สโซลีนลงไปแล้ว ให้ตรวจเหล็กวัดระดบั น้ำมนั ถ้าเหล็กวดั ระดับน้ำมันแสดงว่าหอ้ งข้อเหวย่ี งมีน้ำมัน มากกว่าปกติ ก็ให้ถ่ายออกจนลดลงถึงขีดเต็ม ห้องข้อเหวี่ยงมีระดับน้ำมันเลยขีดเต็ม จะเป็นตัวทำให้ เกิดเขม่าจับหัวเทียน ในระยะเวลาอันส้ัน ให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างน้อยท่ีสุด 1 ชั่วโมงเพื่อให้น้ำมัน แก็สโซลีนระเหยตัวให้หมดก่อนการเติมน้ำมันแก็สโซลีนเพ่ือการติดเคร่ืองในอากาศหนาวจัดครั้งต่อไป

ห น ้ า | 62 การไม่ปฏิบัติดังกล่าวแล้วน้ีจะเป็นผลให้เกิดการเจือจางของน้ำมันเครื่องซึ่งให้การหล่อล่ืนมากเกินไป ซึ่งเป็นการทอนอายกุ ารใช้งานของเครื่องยนต์ใหส้ น้ั ลง หมุนเคร่ืองยนต์ให้ไดจ้ งั หวะอัดด้วยการดึงคันบังคับการติดเครอื่ งยนต์เครือ่ งกำเนดิ ไฟช่วยด้วย มื อ เป็นช่วงสั้นๆ ติดต่อกัน ปล่อยมือจากคันบังคับ ฯ แล้วให้ลวดคันบังคับ ฯ ม้วนตัวกลับเข้าที่ให้สนิท แล้วดึงคันบังคับเคร่ืองควบคุมการหมุนด้วยมือกลับออกมาใหม่ด้วยแรงดึงซึ่งจะงา่ ยข้ึน และสม่ำเสมอ จนสุดช่วงความยาวของสายลวดกระทำเช่นน้ีซ้ำ ๆ กันจนกระทั่งเคร่ืองยนต์ติด แต่จะต้องตรวจให้ แน่ใจว่า สายลวดคนั บงั คับม้วนตัวกลบั เขา้ เต็มทแ่ี ลว้ กอ่ นท่จี ะพยายามกระทำใหมแ่ ต่ละครั้ง 1.4 การใช้เคร่ืองทำความร้อน เครอื่ งยนต์ของเคร่ืองกำเนิดไฟช่วยนี้ มีแผน่ ปดิ ท่อไออนุ่ ของ เคร่ืองจ่ายความร้อนเพ่ิมเติม และเครื่องทำความร้อนขนาด 6 กิโลวัตต์ ชนิดตัวต้านทานเรียงห่าง ประกอบไว้ดว้ ย เพอ่ื ให้มีสิง่ อำนวยความสะดวกในการทำความร้อนใหแ้ กห่ ้องเครื่องยนต์ 1.4.1 แผ่นเปล่ียนทิศทางไออุ่น เป็นแผ่นปิดท่อไออุ่นชนิดเปลี่ยนตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง ซึ่งติดต้ังอยู่บนเครื่องจ่ายความร้อนเพม่ิ เตมิ เปน็ ตวั นำอากาศซง่ึ ใชร้ ะบายความร้อนจนตวั เอง ร้อนจัด และหมดคุณสมบัติในการระบายความร้อนแล้วจากเคร่ืองยนต์กำเนิดไฟช่วย ให้ผ่านออกไป ทางตะแกรงฝาปิดหอ้ งเครอื่ งยนต์ (เมือ่ ใช้งานในฤดูรอ้ น) หรือใหผ้ ่านไปห้อมล้อมเคร่ืองยนตห์ ลกั เพ่อื ให้ ความร้อนแก่เครื่องยนต์หลัก (เมื่อใช้งานในฤดูหนาว) ก็ได้ทั้งสองประการ ในการเปลี่ยนตำแหน่ง ทิศทางไออุ่นนี้ ให้เปิดตะแกรงฝาปิดห้องเคร่ืองยนต์ชนิดมีบานพับขวาข้ึน แล้วคลายเกลียวยึดก้านคัน บังคับแผ่นท่อไออ่นุ ออก ถ้าต้องการให้ความร้อนแก่ห้องเคร่ืองยนต์ (เมื่อใช้งานในฤดูหนาว) ก็ให้เลื่อน ก้านคันบังคับแผ่นปิดท่อไออุ่นไปทางด้านขวาของรถ แต่ถ้าไม่ต้องการให้ความร้อนแก่ห้องเครื่องยนต์ (เม่ือใช้งานในฤดูร้อน) ก็ให้เลื่อนก้านคันบังคับแผ่นปิดท่อไออุ่นไปทางด้านซ้ายของรถ ขันหมุดเกลียว ยึดก้านคันบังคับแผ่นปิดท่อไออุ่นให้แน่น แล้วปิดตะแกรงฝาปิดห้องเคร่ืองยนต์เม่ือปรับตำแหน่งตาม ต้องการแล้ว 1.4.2 ความร้อนเพ่ิมเติมสำหรับจ่ายให้แก่ห้องเครื่องยนต์ อาจกระทำขึ้นโดยการ ผลักสวิตช์เคร่ืองทำความร้อน “HEATER” ในหีบเคร่ืองควบคุมเคร่ืองยนต์เครื่องกำเนิดไฟช่วยไปยัง ตำแหน่ง เปิด “ON” การกระทำดังกล่าวน้ีจะทำให้เครื่องทำความร้อนขนาด 6 กิโลวัตต์ในเครื่องจ่าย ความร้อนเพ่ิมเติมทำงาน ซ่ึงจะทวีความร้อนให้แก่อากาศซ่ึงใช้ระบายความร้อนจนตัวเองร้อนจัด และ หมดคุณสมบัติในการขยายความร้อนน้ีให้ร้อนย่ิงขึ้น ด้วยการให้เครื่องทำความร้อนทำงาน จะทำให้ อณุ หภูมิของไออุ่นซึง่ ถกู ขับกระจายออกมาทวขี น้ึ ถงึ ยา่ นอณุ หภมู ิ 500 ฟ. ความรอ้ นทส่ี ่งออกมาจากเครอื่ งจา่ ยความร้อนเพิ่มเตมิ และเครอ่ื งทำความรอ้ นผสมนี้ จะแตกต่างกันไปตามความส้ินเปลืองแรงไฟ ซึ่งนำเข้าไปใช้งานกับเครื่องยนต์เครื่องกำเนิดไฟช่วย สภาพความส้ินเปลืองแรงไฟท่ีจะจ่ายให้ตัวตา้ นทานในเคร่ืองทำความรอ้ นย่ิงมีมากเพยี งใด ตวั ตา้ นทาน ในเคร่ืองทำความรอ้ นก็จะแปลงความส้นิ เปลอื งแรงไฟใหเ้ ป็นความร้อนซึง่ แผอ่ อกมาไดม้ ากเพยี งนั้น 1.4.3 ในรถถังซึ่งลำดับหมายเลข สพ.ตั้งแต่ 2803 ขึ้นไปนั้น มีประตูท่อระบายความ ร้อนติดต้ังอยู่ในประตูผนังกั้นห้องเคร่ืองยนต์ด้านขวา ประตูท่อระบายความร้อนนี้ทำหน้าที่ควบคุม แหล่งจ่ายอากาศซ่ึงใช้ระบายความร้อนให้แก่เครื่องยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วย สำหรับการใช้ในฤดูร้อน ควรจะเปดิ ประตูท่ออากาศไว้ การกระทำเชน่ น้ีจะเป็นเหตุให้อากาศซึ่งใช้ในการระบายความร้อนถกู ดดู เขา้ มาจากป้อมปนื และจะปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกดิ การหมุนเวยี น ซ้ำของอากาศซ่ึงใช้ในการระบายความร้อนจนตัวเองร้อนจัดแล้ว เข้ามายังเคร่ืองยนต์เครื่องกำเนิดไฟ ชว่ ยได้อีก อันจะเป็นเหตุให้น้ำมันเชื้อเพลิงกลายเป็นไอค่ังขวางทางเดินของน้ำมันเช้ือเพลิงส่วนที่ยังไม่ กลายเป็นไอขึ้นได้ ส่วนการใชง้ านในฤดหู นาวน้ันควรจะปิดประตูท่ออากาศระบายความร้อนน้ีเสีย เพื่อ

ห น ้ า | 63 อำนวยให้เกิดการหมุนเวียนซ้ำของอากาศซ่ึงเกิดจากความร้อนจากเครื่องยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วย เพื่อให้ความร้อนแก่ห้องเครื่องยนต์ ในการปฏิบัติงานในฤดูหนาวไม่ควรจะดูดอากาศจากบริเวณท่ีพล ประจำรถอยู่ เพราะจะทำให้ความร้อนซ่ึงเกดิ จากเครื่องทำความอบอุน่ ใหแ้ ก่พลประจำรถถูกดดู ออกมา ดว้ ย การดับเคร่ืองยนต์ การดับเคร่ืองยนต์ของเคร่ืองกำเนิดไฟช่วย ให้ผลักสวิตช์ควบคุมในหีบ เคร่อื งควบคุมเครื่องยนต์เครอ่ื งกำเนดิ ไฟช่วยจากตำแหน่ง เดนิ เครื่อง “RUN” ไปยงั ตำแหน่ง ดบั เครือ่ ง “OFF” ถ้าไม่ใช้งานอุปกรณ์ใด ๆ ที่ไม่ทำงานด้วยไฟฟ้าอีก ก็ให้ผลักสวิตช์เคร่ืองถ่ายทอดวงจรหลักไป ยังตำแหนง่ ปดิ “OFF” 2. เครือ่ งดับเพลิงรถร่นุ เก่า 2.1 กล่าวทั่วไป ในรถถังแต่ละคันมีระบบดับเพลิงชนิดประจำท่ี และชนิดนำไปมาได้ จัดไว้ ให้เพ่ือให้มีการค้มุ กันในกรณีทีเ่ กดิ อัคคภี ัยขึน้ 2.2 ระบบเคร่ืองดับเพลิงประจำที่ ในรถถังร่นุ เก่า มีเครื่องควบคุมการใชง้ านระยะไกลแบบ ต้ังดิ่ง ใช้ร่วมกับกระบอกเคร่ืองดับเพลิงแบบ “KIDDE” เครื่องดับเพลิงชนิดใช้คาร์บอนไดออกไซด์ ขนาดความจุ 10 ปอนด์ท้ังสองเคร่ืองน้ีติดตัง้ อยู่บนผนังก้ันห้องเครื่องยนตต์ อนใกล้กับด้านข้างทางขวา และทางซ้ายของรถ งวงหัวฉีดของเครื่องดับเพลิงท้ังสองเครื่องนี้ ช้ีพุ่งตรงไปในห้องเคร่ืองยนต์ และมี คันบังคับซ่ึงทำงานด้วยมือจัดไว้ให้สองแห่ง แห่งหน่ึงอยู่หลังท่ีนั่งพลขับ ส่วนอีกแห่งติดต้ังอยู่ภายนอก รถตอนที่อยู่ติดหลังฝาปิดช่องทางเข้าออกของพลขับ การดึงคันบังคับแห่งใดแห่งหน่ึงนี้ จะเป็นเหตุให้ เคร่ืองดับเพลงิ ชนิดประจำท่ีทง้ั สองเครื่องฉดี นำ้ ยาออกพร้อม ๆ กนั 2.3 เคร่ืองดับเพลิงชนิดนำไปมาได้ เคร่ืองดับเพลิงชนิดนำไปมาได้ ขนาดความจุ 5 ปอนด์ ติดตั้งอยู่บนผนังตัวรถด้านซ้ายในห้องพลขับ เพ่ือใช้ดับเพลิงใด ๆ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ในห้องพลขับ หรอื ปอ้ มปนื ในการใช้งานใหป้ ลดเคร่อื งดับเพลงิ ออกจากหว่ งรัดแลว้ นำไปยังท่ที ่เี กิดเพลงิ ไหม้ ข้อควรระวัง ให้จับถือเครื่องดบั เพลิงด้วยความระมัดระวัง อย่ากระแทก หรือทำตก ผลักงวง หัวฉีดไปยังฐานของกองเพลิง แล้วใช้กลไกควบคุมการฉีดน้ำยา ค่อย ๆ ฉีดน้ำยาต่อไปช้า ๆ ขณะท่ี ไฟดบั เพอ่ื ใหแ้ น่ใจวา่ ไมม่ ีเปลวเพลิงเหลอื ปรากฏอยู่ในบริเวณน้นั ก่อนทีจ่ ะหยุดฉีด เมอ่ื เปลวเพลงิ ดบั ลง หมดแล้ว ก็ยังคงให้ฉีดน้ำยาต่อไปเพ่อื ให้ละอองอนั เย็นจัดของคาร์บอนไดออกไซดเ์ คลือบผิววัสดุ ซึ่งยัง ร้อนระอุอยู่เพื่อป้องกันการคุไหม้ขึ้นอีก ถ้าสถานการณ์ทางยุทธวิธีอำนวยให้แล้วก็ควรจะได้เปลี่ยน ทดแทนเคร่ืองดบั เพลิงเสียใหม่ก่อนท่ีจะใช้งานรถตอ่ ไป ข้อควรระวัง พลประจำรถควรจะออกจากรถในทันที ทั้งนี้เน่ืองจากคาร์บอนไดออกไซด์จะ จำกดั แหล่งออกซเิ จน และควรจะใชพ้ ัดลมระบายอากาศเพื่อให้อากาศถ่ายเทไดภ้ ายหลงั จากท่ีเพลงิ ดบั แล้ว 3. เครือ่ งดบั เพลิงรถรนุ่ ใหม่ ในรถถังรุ่นใหม่ ใช้เคร่ืองควบคุมการทำงานระยะไกลแบบทางระดบั เคร่ืองควบคุมการใชง้ าน ระยะไกลน้ีจะใช้ร่วมกับกระบอกน้ำยาแบบใดก็ได้ ส่วนประกอบอ่ืน ๆ นั้นยังเช่นเดียวกับที่ใช้อยู่ใน รถถังรนุ่ เกา่ ตอนท่ี 5 การใช้งานรถในสภาพการณผ์ ิดปกติ 1. กล่าวทั่วไป 1.1 เพื่อเพ่มิ เตมิ ระเบียบปฏบิ ตั ิการในการใชง้ าน ซง่ึ ได้แนะนำไว้สำหรบั สภาพการณ์ปกติแล้ว น้ัน ในท่ีน้ีจะได้กล่าว หรือให้หลักฐานเก่ียวกับคำแนะนำพิเศษต่าง ๆ สำหรับการใช้งาน และการ ให้บริการแก่รถถังแบบนี้ภายใต้สภาพการณ์ท่ีอุณหภูมิ และความชื้นสูงจัด และภูมิประเทศทุรกันดาร

ห น ้ า | 64 เข้ามาเผชิญหน้า หรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย การปฏิบัติตามคำแนะนำพิเศษต่าง ๆ เหล่าน้ี ไม่แต่จะ ประกันให้ม่ันใจได้ว่าจะใช้งาน และทำงานได้อย่างถูกต้องเท่าน้ัน แต่ยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการ ชำรุดสึกหรอเกินสมควรขึ้นต่อช้ินส่วนตา่ ง ๆ ท่ีทำงาน และป้องกันมิให้ยุทโธปกรณ์เกิดการเสื่อมสภาพ การใช้งานอกี ด้วย 1.2 ใน คท.21 – 301 ประกอบคำแนะนำต่าง ๆ อันสำคัญในการคัดเลือก การฝึก และการ กำกับดูแลพลขับ ส่วน คท.21 – 306 น้ัน บรรยายถึงคำแนะนำพิเศษในการขับรถเกี่ยวกับการใช้รถ สายพาน และยานพาหนะอ่ืน ๆ ซึ่งคล้ายคลงึ กับการใชง้ านรถถงั ในสภาพการณ์ผิดปกติ ข้อควรระวัง ส่ิงที่หลีกเล่ียงไม่พ้นก็คือ การปฏิบัติตามการฝึกท่ีอนุมัติให้กระทำได้ และข้อ ควรระวังต่าง ๆ โดยเคร่งครัด การศึกษาคู่มือทางเทคนิคดังกล่าวเหล่านี้โดยละเอียดถ่องแท้นั้น จัดว่า เปน็ สิง่ จำเปน็ ย่งิ สำหรับการใชย้ ุทโธปกรณน์ ี้ภายใต้สภาพการณ์ผิดปกติ 1.3 สำหรบั การใหก้ ารหล่อลนื่ ภายใต้สภาพการณผ์ ิดปกตนิ ้นั ให้ดตู ามข้อความทก่ี ล่าวถงึ 1.4 เม่อื เกิดขอ้ บกพร่องซึ่งเร้ือรงั อันเป็นผลเนื่องมาจากการใช้งานภายใตส้ ภาพการณ์ผิดปกติ แล้วให้รายงานขนึ้ ไปตามสายการซอ่ มบำรงุ 2. การใชง้ านในอากาศร้อนจัด 2.1 กล่าวท่ัวไป การใช้รถถังด้วยความเร็วสูง ต่อเน่ืองกัน หรือการลากจูงน้ำหนักมาก ๆ เป็นเวลานานในย่านความเร็วต่ำบนลาดชัน หรือในภูมิประเทศท่ีเป็นท่ีโคลนเลนน้ัน อาจจะเป็นสาเหตุ ให้เคร่ืองยนต์ร้อนจัดได้ เม่ือใดก็ตามท่ีสามารถทำได้ ให้หลีกเลี่ยงการใช้รถถังอย่างต่อเน่ืองในย่าน ความเร็วต่ำเสีย กับให้เฝ้าดูอุณหภูมิของน้ำมันเคร่ือง และหยุดพักการใช้งานเพื่อให้มีห้วงเวลาการ ระบายความร้อน เมื่อจำเป็น และสถานการณ์ทางยุทธวิธีอำนวยให้ ควรเปิดพัดลมระบายอากาศไว้ ตลอดเวลาระหว่างการใช้งาน กับให้ตรวจสภาพ และให้การบริการแก่ครีบระบายความร้อน เครื่อง กรองน้ำมันเคร่ือง และหม้อกรองอากาศเสมอ ๆ ถ้าไฟเตือนอุณหภูมิสูงในน้ำมันเคร่ืองยนต์ หรือไฟ เตือนอุณหภูมิสูงในน้ำมันเครื่องเปล่ียนความเร็วติดสว่างขึ้นแล้ว ก็ให้หยุดรถทันที แล้วปฏิบัติตาม วธิ ีการระบายความร้อนที่ได้กล่าวมาแล้ว และตรวจดวู ่ามีฝุ่นผง ซากแมลง หรือสิ่งกีดขวางอ่ืน ๆ ซ่ึงติด อยู่กับตะแกรงรงั ผ้ึงระบายความรอ้ นของน้ำมันเคร่ืองหรือไม่ ถา้ มใี ห้นำออกใหห้ มด 2.2 ขณะหยุดพัก หรือจอดรถ 2.2.1 อย่าจอดรถถังกลางแสงแดดเป็นห้วงเวลานาน ๆ เมื่อกระทำไดใ้ ห้จอดรถถังใต้ ทกี่ ำบังเพ่อื บงั แสงแดด และป้องกนั ทราย หรือฝนุ่ ผง 2.2.2 ถา้ ท่ีกำบังอืน่ ใดไมไ่ ด้ ให้ใช้ผา้ คลุมรถถงั ท่ีไม่ใชง้ านไว้ ถา้ ไมส่ ามารถจะคลมุ ท่ัว ท้งั คันได้ กใ็ ห้ปอ้ งกันเครือ่ งมือเครือ่ งใช้ท่เี ปน็ แก้วทศั นะใหพ้ ้นจากการขูดขว่ นของฝุน่ ทราย และปอ้ งกัน มิให้ฝนุ่ ทรายเขา้ ไปในห้องเครื่องยนต์ได้ 2.2.3 รถถังที่ไม่ได้ใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ ในสภาพอากาศร้อนท่ีมีความช้ืนนั้น อาจจะเป็นเหตุใหเ้ กิดสนมิ หรอื ชว่ ยให้การเจรญิ เตบิ โตของเหด็ ราตา่ ง ๆ เป็นไปอยา่ งรวดเร็วได้ ใหห้ มั่น ตรวจสภาพ ทำความสะอาด และใหก้ ารหลอ่ ลนื่ เสมอ ๆ 2.3 เคร่ืองเล็ง และเคร่ืองควบคุมการยิง ยทุ ธภัณฑ์ดงั กลา่ วนี้ควรจะได้ห้มุ คลุมไว้ให้พ้นจาก การรบั แสงอาทิตย์โดยตรงให้มากท่สี ดุ ทจี่ ะมากได้ 3. การใช้งานในภูมิประเทศยากลำบาก 3.1 หล่มโคลน เลือกย่านความเร็วต่ำของเครื่องเปล่ียนความเร็ว เพ่ือให้รถถังสามารถ เคล่ือนท่ีผ่านไปได้สม่ำเสมอไม่ตกหล่ม ถ้ารถถังเร่ิมติดหล่ม ก็ควรจะได้ลากออกให้พ้นหล่มโคลนเสีย แทนที่จะปล่อยให้ฝังตัวลึกลงไป เมื่ออุณหภูมิเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ก็ให้ตรวจให้มั่นใจว่าจอดรถไว้

ห น ้ า | 65 บนพ้ืนดินแข็ง หรือรองสายพานไว้เพ่ือป้องกันสายพานมิให้แข็งตัวอยู่ในหล่มโคลน และให้ชำระโคลน ออกจากพื้นหน้าส่วนสัมผสั กันระหวา่ งสายพาน และล้อกดสายพานต่าง ๆ 3.2 ทราย วัตถุประสงค์หลักในขณะขับรถในภูมิประเทศท่ีเป็นทรายน้ันก็คือ ป้องกันมิให้ สายพานหมุนฟรีกระทำได้โดยลดความเร็วลง แล้วใช้การขับในย่านความเร็วต่ำ เพื่อขับเคลื่อนรถให้ เคลื่อนท่สี มำ่ เสมอ อย่าใหเ้ ครอื่ งยนตท์ ำงานหนกั จนเกินไป 4. การลยุ ขา้ มน้ำ 4.1 กล่าวทั่วไป ในการลุยข้ามน้ำนั้น รถถังอาจจะแช่อยู่ในน้ำซึ่งมีความลึกแตกต่างกัน นับตั้งแต่เพียงสองสามน้ิว จนถึงความลึกซ่ึงมากพอที่จะให้รถถังจมลงไปท้ังคันก็ได้ ปัจจัยต่าง ๆ ที่ จะตอ้ งนำมาพิจารณานั้นได้แก่ ข้อควรระวังในการสาดกระเซ็นของน้ำ ขีดความสามารถในการลุยข้าม ตามปกติการใช้ชุดเครือ่ งมอื ลุยขา้ มน้ำลึก และการจมลงท้งั คันอันเนือ่ งมาจากอบุ ตั ิเหตุ ยทุ โธปกรณ์ตา่ ง ๆ ท่เี ปน็ แกว้ ทัศนะน้ัน ไมค่ วรจะใหอ้ ย่ใู นน้ำ เวน้ แตก่ ลอ้ งตรวจการณซ์ ่งึ ใช้ในการขับรถเท่านัน้ 4.2 การลุยข้ามปกติ การลุยข้ามน้ำจนถึงความลึกสูงสุด 48 น้ิว ที่รถถังจะลุยข้ามได้นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับรถถังแบบมาตรฐานซึ่งมีการป้องกันน้ำเข้า ท่ีจัดไว้ให้ช้ินส่วนสำคัญยิ่งต่าง ๆ เม่ือผลิต ข้นึ มาโดยไมต่ ้องใชช้ ุดลยุ ขา้ มนำ้ ลึก ให้ตระหนักในขอ้ ควรระวงั ดงั ตอ่ ไปน้ี 4.2.1 ตรวจให้มั่นใจว่าฝาจุกเกลียวระบายอากาศของแบตเตอรี่แต่ละช่องสวมติด แน่น 4.2.2 อยา่ ลยุ ขา้ มน้ำเกินขดี จำกัดปกติ 4.2.3 จะตอ้ งให้เคร่ืองยนตท์ ำงานด้วยประสิทธภิ าพสูงสุด ก่อนท่ีจะพยายามลุยข้าม ในรถถังท่ีมีเครื่องสูบน้ำพื้นรถประกอบให้ไว้ ก็ให้เปิดเครื่องสูบน้ำใช้งาน และตรวจสอบการทำงาน เสียกอ่ น 4.2.4 เลื่อนคันบังคับเคร่ืองเปล่ียนความเร็วไปในย่านความเร็วต่ำ เร่งความเร็วของ เครื่องยนตข์ ้ึน เพื่อเลี่ยงมิให้เครื่องยนต์สะดดุ ดบั ลง เพราะน้ำท่ีเย็นจัดตามไปดว้ ยได้ ค่อย ๆ ลุยข้ามน้ำ ช้า ๆ ถา้ เคร่ืองยนตเ์ ดินสะดดุ และดบั ลงขณะที่แช่อย่ใู นนำ้ กใ็ ห้ติดเคร่อื งยนตใ์ หมต่ ามปกติ 4.2.5 การลุยข้ามน้ำตามปกตินั้น ควรจะกระทำด้วยความเร็ว 3 หรือ 4 ไมล์/ชม. เพ่ือหลีกเลี่ยงมิให้เกิดระลอกคลื่น ถ้ารถถังมีเคร่ืองสูบน้ำพ้ืนรถ ก็ให้เปิดเคร่ืองสูบน้ำใช้งานตามที่ ต้องการ 4.2.6 ถ้าเกิดการจมลงท้ังคันอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุแล้ว จะต้องกู้รถทันที แล้วให้ การถนอมยุทโธปกรณ์ช่ัวคราวตามที่สังเขปไว้ จากน้ันให้ส่งรถถังไปยังหน่วยซ่อมบำรุงของสรรพาวุธ โดยเรว็ ที่สุดเทา่ ทจ่ี ะทำได้ เพ่อื ให้การซอ่ มบำรุงอยา่ งถาวรตามความจำเปน็ 4.3 การลุยข้ามน้ำลึก ให้ดูคำแนะนำใน คท.9 – 2853 และคำแนะนำการปฏิบัติ ซ่ึงบรรจุ อย่ใู นกล่องชดุ เครอื่ งลุยขา้ มน้ำลกึ และรถถงั ซ่งึ มชี ดุ ลุยขา้ มน้ำลกึ ดงั กล่าวประกอบให้ 4.4 การปฏบิ ตั ิภายหลังการลุยข้าม เปดิ ลิน้ ระบายน้ำภายในตวั รถทุกอัน และในโอกาสแรก ตรวจระดับน้ำมันเครื่องของเคร่ืองยนต์ และตรวจสอบว่ามีน้ำอยู่ในห้องเพลาข้อเหวี่ยงหรือไม่ ความ ร้อนซึ่งแผ่ออกมาเนื่องจากการขับรถ จะทำให้น้ำส่วนมากซึ่งเข้าไปยังจุดต่าง ๆ ระเหยกลายเป็นไอ ออกไป นำ้ จำนวนนอ้ ยซ่ึงเขา้ ไปในห้องเพลาข้อเหวยี่ งไม่วา่ จะเข้าไปโดยการร่ัวไหล หรือการกลน่ั ตัวเป็น หยดน้ำของอากาศในห้องเพลาข้อเหวี่ยงก็ตามนั้น ตามปกติแล้วก็จะระบายออกโดยระบบการระบาย อากาศ สำหรบั การปรนนบิ ตั ิบำรงุ ภายหลังการลุยข้ามน้ำ ยุทโธปกรณท์ ีเ่ ป็นเคร่อื งทัศนะซ่ึงเรมิ่ จะเปยี ก ชนื้ ก็ควรจะได้เช็ดให้แห้งโดยทันที และตรวจสอบดูสิ่งช้สี อบวา่ มีการร่ัวไหลเข้าไปในตวั ยุทโธปกรณ์นั้น ๆ หรอื ไม่ ยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ดงั กลา่ วนี้ควรจะได้นำสง่ คนื เพือ่ ซ่อมคนื สภาพในโอกาสแรกที่กระทำได้ 4.5 คำแนะนำการหล่อลนื่ ท่ัวไปในสภาพการณ์ปกติ

ห น ้ า | 66 สำหรับเร่ืองราวเก่ียวกับคำแนะนำการหล่อลื่นในสภาพการณ์ปกตินั้น ดูที่กล่าวไว้ใน บทต่อไป บทท่ี 3 คำแนะนำในการปรนนบิ ัติบำรงุ ประจำหนว่ ย ตอนที่ 1 การให้การบริการ การปรนนบิ ัตบิ ำรงุ เพื่อปอ้ งกนั 1. กลา่ วทัว่ ไป 1.1 ความมุง่ หมาย ความมงุ่ หมายในการบริการ การปรนนบิ ัติบำรุงเพือ่ ปอ้ งกนั นั้น ก็คือเพื่อ ตรวจค้นอาการข้ันแรกของข้อบกพร่องในการทำงานทางไฟฟ้า หรือทางกลของหมู่ชิ้นส่วนต่าง ๆ ใน รถถัง เพื่อให้เป็นเคร่ืองประกันว่าได้มีการแก้ไขข้อบกพร่องที่ถูกต้องเหมาะสมเสียแต่ต้นมือก่อนท่ี จะต้องใช้การซ่อมแก้ หรือเปล่ียนชิ้นส่วนต่าง ๆ ซึ่งต้องสิ้นเปลืองเวลา และค่าใช้จ่ายสูง ระบบการให้ การบริการต่าง ๆ กระทำโดยผู้ใช้ยุทโธปกรณ์ และเจ้าหน้าท่ีซ่อมบำรุงของกองร้อย กองพัน หรือ กรม อยเู่ สมอ ๆ ภายใตก้ ารกำกบั ดูแลอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพของผบู้ งั คบั บัญชาทกุ ระดับหน่วย 1.2 ระยะเวลาการบริการ ใช้จำนวนระยะทางซ่ึงรถถังแล่นไปแล้วนั้นเป็นเกณฑ์หลักในการ แบ่งช่วงความถ่ีในการให้การบริการ การปรนนิบัติบำรุงเพื่อป้องกัน การใช้งานในสภาพการณ์ซ่ึงไม่ เก้ือกูลต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิสูงจัด ฝุ่นผง หรือหล่มโคลนนั้น ให้ลดห้วงเวลาระหว่างการให้การบริการ การปรนนิบัติบำรุงเพื่อป้องกันให้สั้นเข้ามาเม่ือสภาพการณ์ที่แวดล้อมอยู่ระบุว่าจำเป็นจะต้องกระทำ เช่นน้ัน อย่ายืดระยะเวลาในระหว่างการใหก้ ารบรกิ าร การปรนนิบัติบำรุงเพ่ือป้องกันแต่ละคร้ังออกไป เว้นเสยี แตไ่ ด้รับอนุญาตให้กระทำเช่นนั้น 2. ระเบยี บการปฏิบตั เิ กย่ี วกับการบริการ และการตรวจสภาพโดยสงั เขป และโดยทั่วไป 2.1 ระเบียบปฏิบัติโดยสังเขป ระบบต่าง ๆ ของการให้การบริการ การปรนนิบัตบิ ำรุงเพื่อ ป้องกันสำหรับรถสายพานที่ใช้ในทางยุทธวิธีนั้น สรุปไว้ในตารางที่ 6 การบริการข้ัน ก. และขั้น ข. ท่ี สรุปไวใ้ หน้ ้นั กด็ ้วยเจตนาท่ีจะใชเ้ ปน็ การบรกิ ารขั้นท่ี 1 ส่วนการบรกิ ารข้นั ค. และ ง. ใช้เป็นการบรกิ าร ข้นั ที่ 2 ตารางท่ี 6 สรุปการบรกิ าร การปรนนิบัติบำรุงเพือ่ ป้องกัน สำหรับรถสายพานที่ใช้ทางยุทธวธิ ี การบริการ หว้ งเวลา กระทำโดย ประจำวนั …………….ก ……… แตล่ ะวนั …………………. ผ้ใู ช้ หรอื พลประจำรถ ประจำสัปดาห…์ ……ข. ……… ทุกสัปดาห์ พลประจำรถกำกับดูแลโดย ผู้บังคับ หมู่ ผู้บังคับตอน และผู้บังคับหมวด ช่าง ซ่อมบำรุงประจำหน่วย เป็นผู้ให้ ความช่วยเหลอื ตามระยะทาง – ประจำเดอื น – ค. ทุกประจำเดือน หรือ ช่างซ่อมบำรุงประจำหน่วย 250 ไมล์ แล้วแต่อย่าง ใดจะถึงก่อน ป ร ะ จ ำ ส า ม เ ดื อ น …..... ต า ม ประจำสามเดือน หรือ ช่างซอ่ มบำรุงประจำหน่วย ระยะทาง……….. ง. ………………... 750 ไมล์ แล้วแต่อย่าง ใดจะถึงก่อน

ห น ้ า | 67 หมายเหตุ อาวุธ และยุทธภัณฑ์ประจำรถน้ัน ให้การบริการ การปรนนิบัติบำรุงเพ่ือป้องกันพร้อมกัน ไปกับรถถงั 2.2 ระเบียบปฏบิ ัติเก่ียวกับการการบริการ และการตรวจสภาพโดยท่ัวไป ระเบยี บปฏิบตั ิ โดยท่ัวไปท่ีจะกล่าวตอ่ ไปน้ี สามารถนำไปดดั แปลงใช้กับการบริการ การปรนนิบัตบิ ำรุงเพื่อปอ้ งกันได้ ทั้งขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ตลอดจนการตรวจสภาพท้ังมวล และถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเท่า ๆ กับระเบียบ ปฏิบัตติ า่ ง ๆ โดยเฉพาะของแตล่ ะขน้ั 2.2.1 ตรวจสภาพเพื่อดูว่ายุทธภัณฑ์ต่าง ๆ อยู่ในสภาพดี ประกอบช้ินส่วนถูกต้อง หรือติดตัง้ ตามที่ม่ันคง ไม่สึกหรอจนเกินควร ไม่มีการรั่วไหล และยุทธภัณฑ์ส่วนมากได้รับการหล่อล่ืน อย่างพอเพียงมาแล้วในการปรนนิบัติบำรุงเพื่อป้องกัน และการตรวจสภาพ หัวข้อการตรวจสอบ ประการใดประการหนึ่ง หรือโดยส้ินเชิงทุกหัวข้อซึ่งเกี่ยวข้องกับยุทธภัณฑ์หน่ึง ๆ (รวมทั้งส่วนยึดยัน ส่วนประกับ หรือส่วนเชื่อมโยงต่าง ๆ ) นี้ จะต้องได้รับการปฏิบัติให้เปน็ ไปโดยอตั โนมัติ ในฐานะท่ีเป็น ระเบียบปฏิบัติโดยทั่วไป ท้ังน้ีเพื่อให้เป็นการเสริมความสมบูรณ์ของระเบียบปฏิบัติโดยเฉพาะซ่ึง กำหนดไวใ้ ห้ 2.2.1.1 ตรวจสภาพว่ายุทธภัณฑ์อยู่ใน สภาพดี นั้น ตามปกติแล้วการตรวจ ดว้ ยสายตาเพื่อพิจารณาดูว่ายุทธภัณฑ์น้ัน ๆ อยู่ในสภาพปลอดภัย และใช้งานได้ ตามความหมายของ คำว่า สภาพดี น้ี อาจให้คำอธิบายเพ่ิมเติมด้วยความหมายต่อไปนี้คือ ไม่คดงอ หรือไม่บิด ไม่มีรอยขูด หรือเยิน ไม่แตกหัก หรือร้าว ไม่ลอก หรือหลุดลุ่ย ไม่มีรอยตอก หรือหักพัง ไม่มีรอยฉีดขาด หรือรอย สกดั ตลอดจนไม่ถูกทำให้เส่อื มสภาพไป 2.2.1.2 การตรวจสภาพยุทธภัณฑ์เพื่อดูว่า ประกอบชิ้นส่วนถูกต้องหรือ ติดตั้งตามท่ี ตามปกติแล้ว เป็นการตรวจสภาพด้วยสายตาเพื่อดูว่ายุทธภัณฑ์นั้นอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ ตามปกติในรถ และมีชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ทั้งมวลอยู่ครบ และอยู่ในอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กัน ถูกต้อง 2.2.1.3 การตรวจสภาพยุทธภัณฑ์เพอื่ ดวู ่ายุทธภณั ฑ์นั้น ๆ ม่ันคงหรือไม่นั้น ตามปกตแิ ล้วเป็นการตรวจสภาพด้วยสายตา หรือด้วยการใช้มือ ชะแลง กุญแจ หรอื ไขควงตรวจสอบดู การหลวมคลอน การตรวจสภาพยุทธภัณฑ์ด้วยวิธีนี้ หมายรวมไปถึงการตรวจสอบเหล็กรับ แหวนกัน คลาย แป้นเกลียวกันคลาย ลวดกันคลาย ตลอดจนสลักผ่าทั้งมวล เช่นเดียวกบั ท่ีตรวจสภาพท่อต่อ ท่อ ทางเดิน และสายไฟตา่ ง ๆ ด้วย 2.2.1.4 คำว่าสึกหรอเกินควร หมายถึงความสึกหรอท่ีเกิดข้ึนเลยขีดจำกัด ซึ่งจะใช้การได้หรือมีทีท่าว่าจะทำงานไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการถอดเปลี่ยนก่อนการตรวจสภาพตาม กำหนดเวลาในครั้งต่อไป ความสึกหรอจนเกินควรท่ีเกิดขึ้นของชิ้นส่วนซ่ึงจับตัวกันอยู่ หรือข้อต่อก้าน เครื่องโยงต่าง ๆ น้ัน ตามปกติจะปรากฏให้เห็นได้ด้วยตา การเล่ือนขยับตัวได้มากเกินไป (เกิดการ สะบัดตัว หรือไม่เคลื่อนไหว) กับยังหมายรวมไปถึงการลบเลือนของเคร่ืองหมาย แผ่นบอกมาตราทาน และข้อควรระวัง ตลอดจนสง่ิ พิมพต์ า่ ง ๆ 2.2.1.5 ในระเบียบการปฏิบัติต่าง ๆ น้ัน ที่ใดมีคำว่าขันแน่นปรากฏอยู่นั้น ย่อมหมายความวา่ ให้การขันแน่นด้วยกุญแจ ถึงแม้ว่ายุทธภัณฑ์นั้น ๆ จะมีทีท่าว่าติดต้ังมั่นคงอยู่แล้วก็ ตาม 2.2.1.6 ข้อความเช่น ปรับถ้าจำเป็น หรือ ถอดเปลี่ยนถ้าจำเป็น เหล่านี้ จะ ไม่ใช้ในระเบยี บปฏิบัติโดยทั่วไป เพราะย่อมเป็นท่ีเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าการตรวจสภาพแสดงให้เห็น ว่าต้องการการปรับ การซ่อมแก้ หรือถอดเปล่ียนชิ้นส่วนแล้ว ก็จะต้องกระทำไปโดยอัตโนมัติเท่าที่ จำเป็น

ห น ้ า | 68 2.2.1.7 อย่างน้อยท่สี ดุ ทกุ ๆ 6 เดือน จะตอ้ งจัดให้มีการตรวจสอบขึน้ เพื่อดู ว่าคำส่ังการดัดแปลงแก้ไขช้ินส่วนทุกฉบับได้รับการปฏิบัติตามรายการคำสั่งการดัดแปลงแก้ไขช้นิ ส่วน ต่าง ๆ นนั้ ตีพมิ พ์ไว้ในเอกสารของ ทบ.(สหรัฐ) DA PAM 310 – 4 ถ้ายงั ไม่มกี ารดดั แปลงแกไ้ ขชนิ้ สว่ น ก็ให้แจ้งให้หน่วยสรรพาวุธ ซึ่งให้การสนับสนุนทราบทันที เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงประจำหน่วยจะต้องไม่ แกไ้ ขดัดแปลงช้นิ ส่วนใด ๆ เป็นอนั ขาด เพราะจะก่อใหเ้ กิดผลร้ายขนึ้ แก่ชิ้นสว่ นท่ีเคล่ือนไหว เวน้ แตจ่ ะ ได้รบั มอบอำนาจใหก้ ระทำได้ 2.2.2 คำแนะนำในการทำความสะอาดเป็นพิเศษแก่เครื่องกลไก และชิ้นส่วนเฉพาะ อย่างน้ัน มีอยู่ในตอนที่ว่าด้วยเคร่ืองกลไก และช้ินส่วนนั้นๆ แล้ว และต่อไปน้ีเป็นคำแนะนำในการทำ ความสะอาดโดยทวั่ ไป 2.2.2.1 ใช้น้ำยาทำความสะอาดชนิดระเหยเร็ว หรือนำมันแร่ผสมสี (ทิน เนอร์) ชำระคราบไขข้น หรือน้ำมันเครื่องออกจากชนิ้ ส่วนโลหะทุกชิ้นส่วน ยกเว้นชิน้ ส่วนซึ่งไม่มีสิ่งปิด ก้ันเขม่าดินส่งกระสุน ซึ่งเกิดข้ึนในระหว่างการยิง เพราะน้ำยาทำความสะอาดดังกล่าวนี้ ไม่สามารถ ขจัดคราบเกลืออันจะก่อให้เกิดการผุกร่อน ซึ่งเกิดจากส่วนประกอบของดินส่งกระสุน และชนวนท้าย ปลอกกระสุนได้ 2.2.2.2 ใช้น้ำยาชำระลำกล้องปืน ชำระชิ้นส่วนต่าง ๆ ของอาวุธประจำรถ ซึง่ มคี ราบเขม่าดินสง่ กระสนุ จับอยู่ในระหว่างการยิง หมายเหตุ น้ำยาชำระลำกล้องปืนไม่ใช่สารหล่อล่ืน ช้ินส่วนต่าง ๆ ซึ่ง ต้องการการหลอ่ ลืน่ หรือชะโลมน้ำมนั นนั้ จะตอ้ งเช็ดใหแ้ ห้งสนิทแลว้ ชะโลมด้วยนำ้ มันที่ถกู ประเภท 2.2.2.3 อาจจะใช้น้ำยาของสารประกอบท่ีใช้ในการชำระไขข้น หน่ึงส่วนกับ นำ้ ยาทำความสะอาดชนดิ ระเหยเร็ว หรือนำ้ มนั แร่ผสมสี (ทินเนอร)์ ส่ีสว่ นในการชำระไขข้น หรอื น้ำมัน ออกจากเรือนสูบ ตัวรถ และชิ้นส่วนอื่น ๆ จากนั้นใช้น้ำเย็นเช็ดล้างน้ำยาใด ๆ ที่ยังเหลือตกค้างอยู่ ภายหลังการทำความสะอาดออกให้หมด 2.2.2.4 หลังจากทำความสะอาดช้ินส่วนต่าง ๆ แล้ว ก็ให้ล้าง และเช็ด ช้ินส่วนเหล่าน้ันให้แห้งสนิทจนทั่ว จากนั้นให้ใช้น้ำมันเคร่ืองใส ๆ ทาพ้ืนผิวโลหะส่วนท่ีขึ้นมันต่าง ๆ (ซ่งึ ไมใ่ ชเ่ ครื่องมอื ทางทัศนะ) บาง ๆ เพื่อกันสนมิ 2.2.2.5 เม่ือได้รับอนุมัติให้ติดต้ังช้ินส่วนใหม่ได้ ก็ให้ล้างวัสดุท่ีใช้ในการ ถนอมรักษาชิ้นส่วนน้ัน ๆ ไว้ เช่นสารป้องกันสนิม ไขข้นซ่ึงทาเคลือบกันสนิมไว้ ฯลฯ ออกเสียให้หมด แล้วจัดเตรียมชิ้นส่วนตา่ งๆ ทีจ่ ำเป็น (เชน่ เครื่องกันนำ้ มนั ฯลฯ) ไวใ้ ห้พร้อม จากนน้ั ใชส้ ารหล่อลื่นตาม ระบุในคำสั่งการหลอ่ ล่นื คล.9-2350-201-12 ให้การหลอ่ ลื่นแกช่ ้นิ สว่ นนน้ั ตามความตอ้ งการ 2.2.3 ข้อพงึ ระวงั ต่าง ๆ โดยทั่วไปในการทำความสะอาดมดี งั ตอ่ ไปนี้ 2.2.3.1 น้ำยาทำความสะอาดชนิดระเหยเร็ว หรือน้ำมันแร่ผสมสีน้ันเป็นส่ิง ที่มีความไวเพลิง จึงไม่ควรใช้ใกล้เปลวเพลิงซ่ึงไม่มีการครอบกันไว้ เม่ือใช้วัสดุดังกล่าวน้ีก็จะต้อง จัดเตรียมเคร่ืองดับเพลิงไว้ กับให้ใช้วัสดุทำความสะอาดจำพวกน้ีเฉพาะในท่ีซึ่งมีการระบายอากาศดี เท่านนั้ 2.2.3.2 วัสดุทำความสะอาดเหล่านี้ เป็นวัสดุที่ระเหยตัวรวดเร็ว และ แสดงผลในการทำให้เสียน้ำในผิวหนัง ซึ่งถ้านำไปใช้โดยไม่สวมถุงมือแล้ว ก็อาจเป็นสาเหตุให้ผิวหนัง เกดิ การแตกระแหง และในบางรายเฉพาะบคุ คลอาจจะเกดิ การระคายเคือง หรือไหมพ้ องเลก็ น้อยได้ 2.2.3.3 หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันแร่ (ฐานปิโตรเลียม) ต่าง ๆ เช่น น้ำยาทำความสะอาดชนิดระเหยเร็ว น้ำมันแร่ผสมสี น้ำมันเช้ือเพลิงสำหรับเคร่ืองยนต์ หรือสารหล่อ ลื่นใด ๆ ตอ่ ชิ้นส่วนท่ีเปน็ ยาง เพราะผลติ ภัณฑเ์ หล่านจี้ ะทำใหย้ างเสอื่ มสภาพ

ห น ้ า | 69 2.2.3.4 มิให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเคร่ืองยนต์ดีเซล น้ำมันแก๊สโซลีน หรือน้ำมันซึ่งสกัดจากพืช สัตว์ หรือถ่านหิน ท่ีใช้ในการผสมน้ำมัน หรือทำสีในการทำความสะอาดเป็น อันขาด หมายเหตุ นำ้ มันแก๊สโซลนี เป็นนำ้ มันซึ่งสกัดจากแร่ ท่นี ำมาใช้เปน็ เชือ้ เพลิง สำหรับเครื่องยนต์ซ่ึงรู้จักกันในนามว่า BENZIN, BENZOLINE หรือ PETROL อย่าเข้าใจสับสนกับ น้ำมัน BENZONE ซ่ึงเป็นน้ำมันที่สกัดจากพืช สัตว์ หรือถ่านหิน ซ่ึงมีคุณสมบัติไวไฟ แต่มีกล่ินหอม ใช้ ในการผสมน้ำมัน หรือทำสีน้ำมัน ไม่ใช้มาทำเป็นเช้ือเพลิง ซึ่งบางคร้ังเรียกว่า BENZOL หรือ BENZOLE 2.2.4 แผ่นปา้ ยชื่อยุทธภัณฑ์ แผ่นป้ายข้อควรระวัง ตลอดจนแผ่นปา้ ยคำแนะนำต่าง ๆ ซึง่ ทำด้วยเหลก็ กล้าน้ัน เกดิ สนิมได้รวดเร็วมาก ฉะนัน้ เม่ือตรวจพบแผน่ ป้ายต่าง ๆ น้ีอยใู่ นสภาพเปน็ สนิมก็ควรจะได้ทำความสะอาดโดยให้ทั่ว แล้วใช้แล็กเกอร์ชนิดเคลือบใสทาทับหนา ๆ ซึ่งจะดหู ลักฐาน ได้จาก คท.9 - 2851 3. การบรกิ าร การปรนนบิ ตั บิ ำรุงเพื่อปอ้ งกนั ขัน้ ท่ี 1 3.1 ความมุ่งหมาย เพ่ือที่จะป้องกันสมรรถนะทางกลไว้ จึงเป็นส่ิงจำเป็นท่ีจะต้องตรวจ สภาพ ณ ช่วงเวลาต่าง ๆ ของวันท่ีใช้งานรถทุก ๆ วัน และเป็นประจำสัปดาห์ด้วยเช่นกัน การปฏิบัติ ดังกล่าวน้ี จะทำให้สามารถค้นพบ และแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้ก่อนที่ข้อบกพร่องนั้น ๆ จะเป็น สาเหตุให้การชำรุดเสียหายขนาดหนัก หรือใช้งานไม่ได้ต่อไป กับจะต้องให้การบริการเพื่อดำรงสภาพ ตามโครงการการซ่อม ณ หว้ งเวลาทก่ี ำหนด ข้อบกพร่องหรือคุณลักษณะในการใชง้ านซึง่ ไม่เปน็ ทีพ่ อใจ ใด ๆ ก็ตามที่อยู่นอกเหนือขอบเขตการปฏิบัติของพลขับ หรือ (บรรดา) ผู้ใช้ยุทโธปกรณ์ในอันที่จะ แก้ไขได้น้ัน จะต้องรายงานไปจนถึงเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการกำหนดอำนาจหน้าที่ให้ปฏิบัติได้ในโอกาส เนนิ่ ทีส่ ดุ ทกี่ ระทำได้ 3.2 การบริการ การปรนนิบัติบำรุงประจำวัน ก. รถถังแต่ละคันจะต้องได้รับการตรวจ สภาพแตล่ ะวัน ที่นำรถออกใชง้ าน การบริการเหล่าน้ี แบ่งออกเป็นสี่ส่วนตามที่ระบุไวใ้ นข้อ 3.2.1 ถึง 3.2.4 3.2.1 การบริการก่อนใช้งาน การบรกิ ารน้ีเปน็ การให้บริการโดยสังเขปเพือ่ ประกัน ให้ม่ันใจได้ว่ารถถังจะอยู่ในสภาพพร้อมท่ีจะใช้งาน การบริการส่วนใหญ่เป็นการตรวจสอบเพ่ือดูว่า สภาพการณ์ต่าง ๆ ซ่ึงส่งผลกระทบกระเทือนต่อความพร้อมรบของรถถังว่าได้มีการเปล่ียนแปลงไป หลังจากการบริการครง้ั หลังสดุ หรือไม่ 3.2.2 การบรกิ ารระหวา่ งใชง้ าน การบริการนี้ประกอบด้วยการคน้ หาการใชง้ านซึ่ง ให้ผลไม่เป็นท่ีพึงพอใจ ขณะที่ขับรถน้ันพลขับ หรือพลประจำรถน้ันควรจะต้องตื่นตัวต่อเสียง หรือ กล่ินผิดปกติ ค่าผิดปกติที่อ่านได้จากเคร่ืองวัด การบังคับเล้ียวซ่ึงไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ หรือชิ้นส่วน อืน่ ใดเกีย่ วกบั การทำงานผิดปกติของชิ้นส่วนใดๆ ของรถถังซงึ่ เกิดขึน้ ทุกคร้ังท่พี ลขบั ใช้ห้ามล้อ เปล่ยี น ความเร็ว หรือเลี้ยวรถ พลขับควรจะได้ใช้การพิจารณาดูด้วยการทดสอบ และสังเกตการใช้งานซึ่ง เปน็ ไปอยา่ งผิดปกติ หรือให้ผลไม่เปน็ ท่ีนา่ พอใจ 3.2.3 การบริการขณะหยุดพัก การบริการน้ีประกอบด้วยการสอบสวนหา ข้อบกพรอ่ งตา่ ง ๆ ซงึ่ สงั เกตพบในระหว่างการใชง้ าน และในการให้การบริการก่อนใชง้ าน 3.2.4 การบริการหลังใช้งาน การบริการน้ีเป็นการบริการประจำวันข้ันมูลฐาน สำหรับยานยนต์ที่ใช้งานทางยุทธวิธี การบริการประกอบกับการแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ในการใช้งาน ให้ไดม้ ากทส่ี ุดทจ่ี ะมากได้ดว้ ยการบริการข้นั น้ีเอง ทเ่ี ป็นการเตรียมการให้รถถงั พรอ้ มทจี่ ะใชง้ านไดท้ นั ที ทไี่ ดร้ ับคำสงั่

ห น ้ า | 70 3.3 การบรกิ าร การปรนนบิ ัตบิ ำรงุ เพอ่ื ป้องกนั ประจำสัปดาห์ ข. 3.3.1 การบริการเหล่านี้ เปน็ การบริการเพิ่มเตมิ ให้แกก่ ารบรกิ าร การปรนนิบัตบิ ำรงุ เพื่อป้องกันข้ัน ก. และให้กระทำตามท่ีระบุไว้ในตารางที่ 7 และข้อ 3.3.2 การบริการเหล่าน้ีช่วยให้มี การทำความสะอาดแก่รถถังได้ท่ัวถึงยิ่งข้ึน และช่วยให้มีรายการการใช้การบริการต่าง ๆ ซ่ึงไม่อยู่ใน ขอบเขตท่จี ะต้องใหค้ วามสนใจเป็นประจำวัน 3.3.2 การบริการประจำสัปดาห์ขั้น ข. นำไปใช้แก่ยานยนต์สายพานสัปดาห์ละคร้ัง กระทำโดยพลประจำรถ ภายใต้การกำกับดูแลของผู้บังคับหมู่ ผู้บังคับตอน และผู้บังคับหมวด เม่ือ จำเป็นพลประจำรถจะไดร้ บั ความชว่ ยเหลือจากช่างซ่อมบำรงุ ประจำหนว่ ย 3.4 อาวุธประจำรถ การบริการการปรนนิบัติบำรุงเพื่อป้องกันให้แก่อาวุธประจำรถนั้น กำหนดไวใ้ นตารางท่ี 8 3.4.1 สนิม ฝุ่นผง กรวดทราย คราบน้ำมันเครื่องซึ่งจับตัวเป็นยางเหนียว ตลอดจน น้ำจะเป็นตน้ เหตใุ ห้ช้นิ ส่วนต่าง ๆ ของอาวุธเกิดการเส่ือมสภาพไปอย่างรวดเร็ว ควรจะได้เพง่ เล็งความ สนใจเป็นพิเศษ เพ่ือรักษาพื้นผิวของรองเพลาต่าง ๆ ตลอดจนผิวโลหะของช้ินส่วนท่ีไม่ได้ทาสีให้อยู่ใน สภาพสะอาด และได้รับการหล่อล่ืน หรือชะโลมน้ำมันอย่างถูกต้องเหมาะสมอยู่เสมอ ผ้าทำความ สะอาดน้ำยาชำระลำกล้อง น้ำมันทำความสะอาดชนิดระเหยเร็ว หรือน้ำมันแร่ผสมสี (ทินเนอร์) ตลอดจนสารหล่อลื่นต่าง ๆ น้ัน จัดให้ไว้เพื่อสนองความมุ่งหมายดังกล่าวน้ี ให้ชำระคราบสนิมต่างๆ ออกจากพืน้ โลหะดว้ ยการใช้ผ้าทรายซึง่ เป็นวสั ดุขัดที่มีความหยาบทส่ี ุดท่ีบรรดาวสั ดุสำหรับขัดทั้งหลาย ท่ีเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงประจำหน่วย จะใช้เพ่ือบรรลุความมุ่งหมายดังกล่าวน้ี กับให้ใช้ความระมัดระวัง อย่างยงิ่ อนั ท่จี ะมใิ ห้รูปรา่ ง หรือขนาดชน้ิ ส่วนใด ๆ ตอ้ งเปลยี่ นแปลงไป 3.4.2 แต้มสีให้แก่พืน้ ผิวส่วนท่ีทาสีใหม่ตามความจำเป็น เพ่อื ทาทับส่วนที่ข้ึนมัน บิ่น กะเทาะ มีรอยขดู ข่วน ตลอดจนเกิดการสึกหรออันเปน็ เหตุให้เห็นแตเ่ น้ือโลหะเปลา่ ๆ 3.4.3 ขนั ชนิ้ ส่วนท่ีหลวมคลอนให้แนน่ ตามความจำเปน็ 3.4.4 แต่ละครั้งที่ถอดแยกช้ินส่วนอาวุธออกเพ่ือทำความสะอาด หรือซ่อมแก้ ให้ ตรวจสภาพชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างพินิจพิเคราะห์เพื่อดูการแตกร้าว การสึกหรอท่ีเกิดขึ้นผิดปกติ สนิม ตลอดจนข้อบกพร่องต่าง ๆ ในทำนองเดียวกันนี้ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการทำงานผิดปกติของปืนขึ้นได้ ซึ่งว่าด้วยการแก้ไขสาเหตุติดขัดเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ของชิ้นส่วนแต่ละช้ินส่วน ซ่ึงเม่ือเกิดการสึก หรอ ชำรุดเสียหาย หรือปรับไม่ถูกต้อง อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการทำงานผิดปกติขึ้นเฉพาะอย่างได้ ทำความสะอาด และให้การหล่อลื่นช้ินส่วนท้ังหมดโดยท่ัวถึง และถูกต้องเหมาะสมก่อนท่ีจะประกอบ ชิ้นส่วนเข้าตามที่ 3.4.5 เมื่อไม่ได้ใช้งานยุทธภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม จะตอ้ งใช้ถุงคลุมท่ีเหมาะสมคลุมเสียให้ เรียบรอ้ ย 3.4.6 เม่อื ใชถ้ งุ ผ้าใบ หรือถุงคลุมประเภทอน่ื ๆ ในระหวา่ งหว้ งเวลาท่ีไม่ไดใ้ ช้งานนน้ั ความชื้นอาจจะกล่ันตัวเป็นหยดน้ำเกาะจับอยู่บนผิวพื้นที่เป็นโลหะได้ การท่ีจะป้องกันสนิมน้ัน กระทำได้โดยต้องถอดถุง ผ้าคลุมต่าง ๆ อย่างน้อยเป็นประจำสัปดาห์ และผิวพื้นส่วนท่ีไม่ได้ทาสีไว้ก็ จะต้องมีสารหล่อลื่นท่ีกำหนดให้ทาทับไว้ ในสภาพลมฟ้าอากาศหนาว ให้ใช้สารหล่อล่ืนชะโลมไว้เพียง บาง ๆ 3.5 ระเบียบปฏิบัติโดยเฉพาะสำหรับการปรนนิบัติบำรุงขั้นที่ 1 ตารางท่ี 7 จะใช้หัวข้อ การปฏิบัติโดยเฉพาะที่พลขับ หรือพลประจำรถจะต้องกระทำต่อรถของตน ในแต่ละการบริการ ประจำวนั และประจำสัปดาห์ เครื่องหมาย X ในช่องตารางนั้นแสดงให้ทราบวา่ หัวขอ้ การปฏบิ ัติต่าง ๆ

ห น ้ า | 71 ซึ่งอยู่ตรงข้ามนั้นควรจะได้รับการปฏิบัติ ณ ช่วงเวลาท่ีกำหนดไว้ในช่องตารางซึ่งมีเครื่องหมาย X น้ี ปรากฏอยู่ 4. การบริการ การปรนนิบตั บิ ำรุงเพื่อป้องกนั ขนั้ ที่ 2 4.1 กล่าวทั่วไป ระเบียบปฏิบตั ิท้ังมวลซ่ึงให้ไวแ้ ล้วน้ัน จะต้องได้รับการปฏิบัติตามเสียก่อน ช่างซ่อมบำรุงประจำหน่วย จะต้องได้รับการฝึกในระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เหล่านี้มาแล้วโดยตลอดจน สามารถนำไปใช้ได้โดยอัตโนมัตทิ ุกเวลาในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทีข่ องตน 4.2 ความร่วมมือของพลประจำรถ ตามปกติแล้วพลขับ หรือพลประจำรถจะตอ้ งอยู่กับรถ และชว่ ยเหลือชา่ งซ่อมบำรงุ ประจำหน่วยในการบริการขน้ั ที่ 2 ตามระยะเวลา 4.3 ยานพาหนะซึง่ มไิ ดช้ ำระลา้ ง พลขบั หรอื พลประจำรถท่ีดี ควรจะได้นำรถของตนมาเข้า รับการบริการการปรนนิบัติบำรุงเพ่ือป้องกันท่ีกำหนดไว้ในสภาพที่สะอาด สมเหตุสมผลนั่นคือรถควร จะแหง้ และไม่มีฝุ่นโคลนจับพอกอย่จู นถึงขีดท่ีจะขัดขวางการตรวจสภาพ และการใหก้ ารบริการตา่ ง ๆ จนเกินไป อย่างไรก็ตามควรจะได้หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดรถในเวลากระช้ันชิดก่อนการตรวจ สภาพ เพราะเหตุว่าข้อบกพร่องบางประการ เป็นต้นว่าชิ้นส่วนที่หลวมคลอน การรั่วไหลของน้ำมัน อาจจะยงั ไมป่ รากฏใหเ้ ห็นไดใ้ นทนั ทภี ายหลังจากการชำระลา้ งนนั้ 4.4 การบริการ การบริการต่าง ๆ ในข้ันท่ี 2 นี้ กำหนด และจำกัดให้กระทำไดต้ ามระเบียบ ปฏิบัติต่าง ๆ ต่อไปน้ี นอกเสียจากว่าหน่วยสรรพาวุธที่ให้การสนับสนุนจะอนุมัติให้กระทำนอกเหนือ ขนึ้ ไปได้ 4.4.1 การปรับ ให้การปรับต่าง ๆ เท่าที่จำเป็นตามคำแนะนำท่ีกล่าวไว้ในตอนที่ เก่ียวข้องในคู่มือเล่มนี้ หรือตามข้อความท่ีกล่าวไว้ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารซ่ึงใช้เป็นหลัก หรือ เอกสารทางเทคนิคตา่ ง ๆ 4.4.2 การทำความสะอาด ทำความสะอาดยุทธภัณฑ์ที่จะเข้ารับการบริการตาม สังเขปไวใ้ ห้ เพ่ือชำระล้างสารหลอ่ ล่นื เดิม คราบฝ่นุ ผงตลอดจนวสั ดุแปลกปลอมอน่ื ๆ 4.4.3 การหล่อลื่นพิเศษ การหล่อลื่นพิเศษนี้ใช้ในการให้การหล่อลื่นต่าง ๆ ทั้งท่ี มิได้ปรากฏอยู่ในคำสั่งการหล่อลื่นประจำรถ หรือท้ังมิได้ปรากฏอยู่ แต่ก็ควรจะต้องได้ปฏิบัติสัมพันธ์ กันไปกับการปฏิบตั ิการปรนนิบตั ิบำรุง ถ้าต้องการจะถอดแยกช้ินส่วนออกเพื่อตรวจสภาพ หรือให้การ บริการ 4.4.4 การบริการ การบริการน้ีโดยธรรมดาแล้วย่อมประกอบด้วยการปฏิบัติการ พิเศษต่างๆ เป็นต้นว่าการเติมน้ำกลั่นในแบตเตอร่ีเพ่ือชดเชยระดับการถ่าย และการเติมสารหล่อลื่น ตลอดจนการเปล่ียน หรือการทำความสะอาดหม้อกรองน้ำมันเช้อื เพลิง หม้อกรองอากาศ และไส้กรอง ตา่ ง ๆ 4.4.5 การขันแน่น การขันแน่นต่าง ๆ นั้น ควรจะได้กระทำด้วยแรงบิดบนกุญแจ (แรงบดิ ซ่ึงออก ณ ด้ามกุญแจ) ทเี่ พียงพอเพอื่ ขันชิ้นสว่ นน้ัน ๆ ให้แน่นตามกฏเกณฑท์ างการช่างได้เปน็ อย่างดี ใช้กุญแจวัดแรงบิดในที่ท่ีกำหนดว่าจะต้องใช้ อย่าขันให้แน่นจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้ เกลียวล้ม หรือผิดรูปไปได้ การขันแน่นนี้จะต้องเข้าใจไว้ด้วยว่าหมายรวมไปถึงการใส่แหวนกันคลาย ลวดกันคลาย หรือสลักผ่าต่าง ๆ ที่ถูกตอ้ งเหมาะสม เพอื่ ยึดแป้นเกลียวซ่ึงได้รับการขันแน่นไวใ้ ห้มั่นคง อีกด้วย 4.4.6 สภาพการณ์พิเศษ เม่ือมีสภาพการณ์ที่ก่อความยุ่งยากข้ึนจนไม่สามารถทำ การปรนนิบัติบำรุงเพื่อป้องกันโดยสมบูรณ์ให้เสร็จลงได้ในคราวเดียว ก็อาจปฏิบัติได้แต่เพียงส่วนใด สว่ นหนงึ่ เทา่ น้ัน ถ้ากระทำได้ใหว้ างแผนที่จะทำการบริการตา่ ง ๆ ทค่ี งั่ คา้ งอยใู่ ห้หมดส้ินภายในสัปดาห์ น้ัน และถ้าจำเป็นให้ใช้เวลาเท่าที่มีอยู่ในขณะหยุดพัก หรือในท่ีพักแรม เพ่ือให้เป็นท่ีม่ันใจได้ว่าการ

ห น ้ า | 72 ปฏิบัติการปรนนิบัติบำรุงต่าง ๆ น้ัน จะแล้วเสร็จลงให้จงได้ เม่ือสถานการณ์ทางยุทธวิธีจำกัดการ ปฏิบัติ กค็ วรจะไดเ้ พง่ เลง็ รายการปรนนบิ ตั บิ ำรุงเป็นพิเศษต่าง ๆ ตอ่ ไปนเ้ี ปน็ ลำดับแรก ตารางที่ 7 การบริการ การปรนนิบตั บิ ำรุง ประจำวัน ( ก ) และประจำสปั ดาห์ ( ข ) สำหรบั รถถัง บ.41 ห้วงเวลา ประจำวัน ( ก ) ระเบยี บปฏิบัติ ่กอนใ ้ชงาน ระหว่างใ ้ชงาน ขณะหยุด ัพก ห ัลงใ ้ชงาน การบริการประจำ ัสปดาห์ ( ข) ข้อควรระวัง ให้ตดิ ป้ายแสดงสถานภาพของรถถังไว้ในห้องพลขับ ในที่ซ่ึงมองเห็น ไดง้ ่ายเพื่อไม่ใหถ้ กู มองข้ามไปเสีย X - X X X น้ำมันเช้ือเพลิง และน้ำมันเคร่ือง ตรวจระดับน้ำมันเช้ือเพลิง และน้ำมันเคร่ือง ต รว จ ก าร X - - - X ร่วั ไหลภายในห้องเครือ่ งยนต์ และตรวจน้ำมนั ในถงั อะไหล่ X X สายพาน ตรวจสายพานดว้ ยสายตา X - X X X ตรวจความตึงท่ถี กู ต้องของสายพาน การร่ัวไหลโดยท่ัวไป ตรวจใต้ท้องรถเพ่ือหาร่องรอยการรั่วไหลของน้ำมันเช้ือเพลิง X - - - - น้ำมนั เครือ่ ง น้ำมันเฟอื งเกียร์ หรือการรั่วไหลของไขข้น ยุทโธปกรณ์ประจำรถ ตรวจสภาพเครื่องดับเพลิงด้วยสายตา ตรวจยุทโธปกรณ์ Xป ร ะ จ ำ ร ถ คู่มือประจำรถ คำส่งั การหลอ่ ลื่น แบบฟอร์ม สพ.91 ( รายงานอบุ ตั ิเหตุ ) X - - X X ตรวจคู่มือส่งกำลังสายสรรพาวุธ ORD 7 SNL G – 251 เพ่ือดูเครื่องมือเครื่องใช้ท่ี จ่ายประจำรถ ว่ามคี รบถว้ นตามรายการ และใชก้ ารได้ ตรวจแตร และโคมไฟแสงสว่าง ( ถ้าสถานการณ์ทางยุทธวิธีอำนวยให้ ) ตรวจ X - - - X เคร่ืองเล็ง และเคร่ืองตรวจการณ์ ตัวรถ แผ่นเกราะ ขอพ่วง ขอลากจูง เคร่ือง ยึดปืนเพ่ือดินทาง ฝาปิดช่องทางเข้าออก ผ้าใบคลุมรถ และเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ ตา่ ง ๆ ตรวจการชำรดุ เสียหายซึง่ อาจเกิดข้ึนได้ภายหลังการตรวจครง้ั สุดท้าย

่กอนใ ้ชงาน ห น ้ า | 73 ระหว่างใ ้ชงาน ขณะหยุด ัพกตารางท่ี 7 การบรกิ าร การปรนนิบตั ิบำรงุ ประจำวนั ( ก ) และประจำสปั ดาห์ ( ข ) สำหรับ รถถัง บ.41 ห ัลงใ ้ชงาน(ต่อ) การบริการประจำ ัสปดาห์ (หว้ งเวลา ข)ประจำวัน ( ก ) ระเบยี บปฏิบตั ิ X X - - - แผงเคร่ืองวัด และเคร่ืองบังคับ ตรวจการแสดงค่าต่าง ๆ ตามปกติของเคร่ืองวัด ไฟเตือน ในขณะอุ่นเคร่ืองยนต์ และในระหว่างการใช้งาน ตรวจการทำงานของ เคร่ืองบงั คบั การทำงานตา่ ง ๆ ข้อควรระวัง ถ้าไฟเตือนความดันต่ำในน้ำมันเครื่องยนต์ติดสว่างขึ้น และเคร่ืองวัด ความดันนำ้ มันเครอ่ื งยนต์แสดงว่าไมม่ คี ่าแรงดัน ให้ดับเคร่ืองยนต์ แลว้ ค้นหาสาเหตุ ถ้าไฟเตือนอุณหภูมิสูงติดสว่างขึ้น ให้ตรวจหาสาเหตุ และถ้าเครื่องยนต์ร้อนจัดให้ ปฏิบัตติ ามวิธีการระบายความรอ้ นท่ถี กู ตอ้ ง X - - - การทำงานโดยท่ัวไป จงตื่นตัวต่อเสียงดังผิดปกติ และการทำงานที่ไม่ถูกต้องของ คันบงั คบั เล้ยี ว แป้นห้ามลอ้ หรือคันบังคบั เครอ่ื งเปลีย่ นความเรว็ X X X การทำงานผิดปกติ ตรวจสอบ และแก้ไข หรือรายงานข้อบกพร่องใด ๆ ท่ี สงั เกตเห็นระหว่างการใช้งาน X X X แหนบรับแรงกระแทก และเคร่ืองพยุงตัวรถ ตรวจสภาพ และการชำรุดเสียหาย ของแหนบหยุดแขนล้อกดสายพาน เคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน ล้อกดสายพาน ล้อ รบั สายพาน ล้อปรับสายพาน และลอ้ ขับสายพาน X - หมอ้ กรองนำ้ มันเช้อื เพลิง ตรวจการร่ัวไหลของหม้อกรองน้ำมันเชอื้ เพลิงทุกตวั X X เปิดล้ินถ่ายน้ำมันใต้หม้อกรองน้ำมันเช้ือเพลิงของเคร่ืองยนต์ แล้วถ่ายน้ำและส่ิง ตกตะกอนออก ถอดถ้วยรับตะกอนออกจากตัวกรองของเคร่ืองสูบฉีดล่อ กำจัดน้ำ X X และตะกอนใหห้ มด หล่อลื่น ให้การหล่อลืน่ ประจำวัน หรือประจำสัปดาหต์ ามรายการหลอ่ ลืน่ ทีก่ ำหนด X X ไว้ใน คล. 9–2350-201-12 หลังการลุยข้ามน้ำลึก หรือการลุยข้ามลำธารติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือใช้งานรถ ในสภาพอากาศช้ืนแฉะ ในพ้ืนท่ีเป็นหล่มโคลน ให้ตรวจเครื่องยนต์ เครื่องเปลี่ยน ความเร็ว และหีบเฟืองขับขั้นสุดท้ายว่ามีน้ำเข้าไปเจือปนในน้ำมันเครื่อง เนื่องจาก X X การรั่วไหล หรอื การกลัน่ ตัวของไอน้ำในอากาศ ทำความสะอาด ทำความสะอาดกระจก เลนส์ เคร่ืองเล็ง และเครื่องตรวจการณ์ X ตา่ ง ๆ ทำความสะอาดรถท้ังภายใน และภายนอกรถ โดยใช้ผ้าเชด็ ล้างรถ ลา้ งรถ และทำความสะอาดเครือ่ งกำเนิดกำลงั และภายในห้องเครอ่ื งยนต์

่กอนใ ้ชงาน ห น ้ า | 74 ระหว่างใ ้ชงาน ขณะหยุด ัพกตารางท่ี 7 การบริการ การปรนนบิ ตั บิ ำรงุ ประจำวนั ( ก ) และประจำสปั ดาห์ ( ข ) สำหรบั รถถงั บ.41 ห ัลงใ ้ชงาน(ต่อ) การบริการประจำ ัสปดาห์ (ห้วงเวลา ข)ประจำวนั ( ก ) ระเบียบปฏบิ ัติ X แบตเตอร่ี ตรวจระดับน้ำกรดในแบตเตอรี่ ตรวจการขันแน่น และการผุกร่อนของ ขว้ั แบตเตอร่ี และการทาไขข้นเคลือบขว้ั แบตเตอร่ี X องคป์ ระกอบต่าง ๆ ตรวจสภาพองค์ประกอบตา่ ง ๆ เช่นป๊ัมสูบฉดี น้ำมันเชอื้ เพลิง เคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า พัดลมระบายความร้อนเครื่องยนต์ เคร่ืองจ่ายไฟจุดระเบิด มอเตอร์หมุนคร่ืองยนต์ ป๊ัมน้ำมันเช้ือเพลิง และเคร่ืองสูบน้ำพื้นรถ เพ่ือดูความ หลวมคลอนของฐานติดต้งั และข้อตอ่ ตา่ ง ๆ X สายไฟต่าง ๆ ตรวจด้วยสายตาเพื่อดูสภาพความเรียบร้อยของ สายไฟ ท่อนำ สายไฟ และปลอกลวดถกั หุ้มสายไฟ X ชอ่ งระบายอากาศของหีบเฟืองขับขั้นสดุ ท้าย ตรวจสภาพการอุดตัน บันทึก ตอนท่ี 2 การบรกิ าร การปรนนบิ ตั บิ ำรงุ เพอื่ ปอ้ งกัน ประจำเดือน และประจำ 3 เดอื น ก. การบริการ การปรนนิบัตบิ ำรุงเพอ่ื ป้องกัน ประจำเดือน – ตามระยะทาง ( ค ) (1) ห้วงเวลา การบริการประจำเดือน – ตามระยะทาง – ( ค ) นั้นกระทำโดยช่างซ่อมบำรุงประจำ หน่วย ตามห้วงเวลาท่ีกำหนดไว้ในตารางที่ 9 การบริการ การปรนนิบัติบำรุง ( ค ) และ ( ง ) โดย จะตอ้ งปฏบิ ัติใหต้ รงตามหว้ งเวลาท่กี ำหนดไว้ (2) ความมุ่งหมายในการบริการ การปรนนิบัติบำรุงเพ่ือป้องกัน ประจำเดือน – ตามระยะทาง ( ค ) ก็ เพ่ือ เป็นหลักประกันให้มั่นใจได้ว่ารถถัง และองค์ประกอบต่าง ๆ ได้มีการปรับอย่างถูกต้อง ติดต้ังม่ันคง ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถถังอย่างถูกต้อง การถอดเปลี่ยนชิ้นส่วน การทำความสะอาด การหล่อ ล่ืน และการให้การป้องกันช้นิ ส่วน หรือองค์ประกอบได้รับผลตามความมุ่งหมาย และเป็นการประกนั ว่า จะสามารถใช้งานได้โดยปราศจากขอ้ ขัดขอ้ งจนกวา่ จะถงึ กำหนดเวลาในการบรกิ าร การปรนนิบตั บิ ำรุงในครัง้ ต่อไป ข. การบรกิ าร การปรนนบิ ตั ิบำรงุ เพอื่ ป้องกนั ประจำ 3 เดอื น – ตามระยะทาง ( ง )

ห น ้ า | 75 การบริการ การปรนนิบัติบำรุงเพ่ือป้องกันประจำ 3 เดือน – ตามระยะทาง ( ง ) เป็นการให้การ บริการตามระยะเวลา ซึ่งรวมการบริการต่าง ๆ ไว้อย่างกว้างขวาง และกระทำโดยช่างซ่อมบำรุงประจำ หนว่ ย ตามหว้ งเวลาท่กี ำหนดไวใ้ นตารางท่ี 9 ค. ระเบยี บปฏิบตั เิ ฉพาะรายการ สำหรบั การปรนนบิ ัตบิ ำรุงข้ันท่ี 2 ระเบยี บปฏิบัตเิ ฉพาะสำหรับการปรนนิบตั ิบำรุงแต่ละรายการท่ีกำหนดไว้ในแต่ละหน้าของตาราง ที่ 9 นั้น ที่ขอบซ้ายในแต่ละหน้า ของตารางน้ีจะมีช่องกำหนดห้วงเวลาในการปรนนิบตั ิบำรุง การพิจารณา วา่ จะปฏบิ ัติตามระเบยี บปฏิบตั ิใด ๆ น้ันให้มองไล่ลงมาตามชอ่ งหว้ งเวลา ซึง่ จะมีหมายเลขกำหนดลำดับการ ปฏิบัติไว้ และให้ปฏิบัติไปตามลำดับหมายเลขหัวข้อเพ่ือให้เกิดความเคยชิน และปฏิบัติได้ครบถ้วนตาม ระเบียบปฏบิ ตั ิท่ีกำหนดไว้ทุกรายการ ตารางท่ี 9 การบริการ การปรนนิบตั ิบำรุงเพ่ือปอ้ งกนั ( ค ) และ ( ง ) หว้ งเวลา ประจำ 3 เดือน ประจำเดอื น ระเบยี บปฏิบตั ิ หรือ 750 ไมล์ หรอื 250 ไมล์ การตรวจสภาพ และการทดลองขบั หมายเหตุ เม่ือสถานการณ์ทางยุทธวิธีไม่อำนวยให้ทำการทดลองขับอย่าง เต็มที่ ก็ให้ปฏิบัติแต่เฉพาะรายการต่าง ๆ ท่ีต้องใช้การเคลื่อนท่ีของรถถัง เพียงเล็กน้อย หรือไม่ต้องเคล่ือนที่เลย แต่เม่ือสามารถทดลองขับได้ จะต้อง ทดลองขับอยา่ งนอ้ ยทีส่ ุด 3 ไมล์ แตไ่ ม่เกิน 5 ไมล์ ก่อนใช้งาน ตรวจน้ำมันเครื่อง น้ำมันเช้อื เพลิง สายพาน การรั่วไหล และ ตรวจสภาพรถ กับยุทโธปกรณ์ประจำรถด้วยสายตา และทำการปรนนิบัติ 1 1 บำรงุ กอ่ นใช้งาน ตามท่กี ำหนดไวใ้ น ตารางท่ี 7 เคร่ืองบังคับเคร่ืองวัด และไฟเตือนต่าง ๆ ไฟเตือนความดันน้ำมันเครื่อง และอุณหภูมิเครื่องยนต์ ไฟเตือนความดันน้ำมันเครื่องและอุณหภูมิของ เคร่อื งเปลยี่ นความเรว็

ห น ้ า | 76 ตารางที่ 9 การบรกิ าร การปรนนิบตั ิบำรุงเพื่อป้องกัน ( ค ) และ ( ง ) ( ต่อ ) หว้ งเวลา ประจำ 3 เดอื น ประจำเดือน ระเบยี บปฏบิ ตั ิ หรือ 750 ไมล์ หรอื 250 ไมล์ 1 1 (ต่อ) การจ่ายกระแสไฟของเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า เคร่ืองวัดความเร็ว เครื่องวัดรอบ เคร่ืองยนต์ และเคร่ืองวัดน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจความดันน้ำมันเครื่องจากเคร่ืองวัด ความดันน้ำมันเคร่ืองยนต์ ความดันปกติจะอยู่ระหว่าง 60 – 70 ปอนด์/ตร.นิ้ว เมื่อ เครื่องยนต์หมุน 1,600 รอบ/นาที เม่ือใช้น้ำมันเคร่ืองเกรด 50 ( OE50 ) สังเกตการ อา่ นคา่ ตามปกตขิ องเครอื่ งวดั ทกุ อัน และคน้ หาสาเหตบุ กพร่องถา้ ไฟเตือนติดสวา่ งขึ้น 2 2 เคร่ืองทำความอบอุ่น ( ถ้ามี ) เม่ือสถานการณ์อำนวยให้กระทำได้ ให้ทดสอบการ ทำงานของเครือ่ งทำความอบอุ่น 3 3 โคมไฟแสงสว่าง โคมไฟหน้า ไฟท้าย ไฟห้ามล้อ และไฟพรางต่าง ๆ เม่ือหยดุ รถ ถ้าสถานการณ์ทาง ยุทธวิธีอำนวยให้ ให้ทดสอบการทำงานของโคมไฟ ต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในรถ ทดสอบการทำงานของสวิตช์ไฟ และตรวจว่าลำแสงไฟใหญ่ปรับไว้ให้ฉายลำแสงส่อง ถนนได้อย่างถูกต้อง 4 4 เคร่ืองยนต์ การเดินเบา การเร่งเครื่อง กำลัง เสียง ควัน และรอบความเร็วที่ ควบคุมไว้ เม่ืออุ่นเครื่องยนต์ ให้ตรวจว่าเครื่องยนต์หมุนติดได้ง่าย ตรวจการทำงาน ของเคร่ืองสูบฉีดล่อ และคันเร่งมือ ว่าเป็นไปอย่างน่าพอใจ ตรวจว่ารอบเดินเบาของ เครื่องยนต์ถูกต้องและเหมาะสม ท่ี 650 รอบ/นาที สังเกตเสียงผิดปกติ และการ สนั่ สะเทอื นท่มี ากเกนิ ควรในรอบเดินเบา และรอบสูง ในขณะใชง้ านให้สังเกตวา่ รถถัง มีกำลังเป็นปกติ และเร่งความเร็วข้ึนได้ดีในทุกตำแหน่งเกียร์ หรือมีทีท่าว่าจะเดิน สะดดุ ฟังสียงผิดปกติที่เกิดข้ึนเม่ือเคร่อื งยนตต์ ้องออกแรงขับเคล่ือนมากขึ้น สังเกต ควันจากท่อไอเสียท่ีเป็นสีดำ หรือสีน้ำเงิน และมีควันมากเกินไป เมื่อเร่งเคร่ืองยนต์ เต็มท่ีในเกียร์ต่ำบนทางราบ เคร่ืองยนต์ควรเร่งได้ถึง และไม่เกินรอบความเร็วที่ ควบคมุ ไว้ 2,800 รอบ/นาที ในขณะออกแรงขับเคล่ือนรถ 5 5 เครื่องพยุงตัวรถ ให้ตรวจสภาพ สายพาน ล้อกดสายพาน ล้อรับสายพาน ล้อ ปรับสายพาน และเฟืองล้อขับสายพาน เคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน แหนบหยุดแขนล้อ กด คานรับแรงบิด และแขนล้อกดสายพาน การตรวจสภาพสายพานให้เพ่งเล็งต่อ การเสื่อมสภาพของยางรองสายพาน การหลวมคลอนของปลอกรองสลักสายพาน และการสึกหรอ หลวมคลอนของสลักสายพาน สังเกตความตึงพอดีของสายพาน ตรวจความตึงหยอ่ นของสายพาน ระหว่างลอ้ รบั สายพาน ล้อที่ 1 และลอ้ ที่ 2 วา่ อยูใ่ น เกณฑ์ระหว่าง 5/8 นิ้ว ถึง 1 นิ้ว ตรวจการร่ัวไหลของสารหล่อล่ืนที่ยางกันรั่วของ ดมุ ล้อตา่ ง ๆ ตรวจการหลุดล่อน ฉีกขาดของยางหุ้มล้อ ต่าง ๆ ตรวจการติดต้ังมั่นคง ของ

ห น ้ า | 77 ตารางที่ 9 การบรกิ าร การปรนนบิ ตั ิบำรงุ เพอ่ื ปอ้ งกนั ( ค ) และ ( ง ) ( ตอ่ ) ห้วงเวลา ประจำ 3 เดอื น ประจำเดอื น ระเบยี บปฏบิ ตั ิ หรือ 750 ไมล์ หรอื 250 ไมล์ 5 5 (ต่อ) แหนบหยุดแขนล้อกดสายพาน ตรวจหาคานรับแรงบิดท่ีหักชำรุด โดยใช้ชะแลงงัดล้อ กดสายพานแต่ละล้อขึ้น 6 6 ห้ามล้อ ตรวจประสิทธภิ าพในการทำงานของห้ามล้อหลัก และห้ามล้อจอด รถ ในขณะใช้งาน ทดสอบแป้นห้ามล้อว่าการทำงานเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม ตรวจการทำงานของคันบังคับเล้ียว หมุนคันบังคับเล้ียวไปตลอด ยา่ นการหมุน ตรวจการตอบสนองตอ่ การบงั คับเลี้ยวของรถว่าเป็นทนี่ า่ พอใจ และรถไม่วิ่งเฉไปข้างใดข้างหนึ่งเม่ือจัดคันบังคับเล้ียวไว้กึ่งกลาง สังเกตการ เคาะ เสียงหรืออาการผิดปกติต่าง ๆ เร่งความเร็วรถข้ึนให้พอควร แล้วใช้ ห้ามล้อ สังเกตว่าห้ามล้อสามารถหยุดรถได้เป็นแนวตรง ไม่เฉไปข้างใดข้าง หนึ่ง การหยุดเป็นไปอย่างนิ่มนวล และมีประสิทธิภาพ ห้ามล้อจอดรถ 7 7 สามารถยึดรถไว้ได้อย่างม่ันคง และปลอดภัยบนลาดเอยี ง เคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว ตรวจการทำงานของคันบังคับเคร่ืองเปลี่ยน ความเร็ว การสั่นสะเทือน เสียงผิดปกติ และการควบคุมการทำงาน เลื่อน คนั บังคับไปยงั ตำแหนง่ เกียร์ทุกตำแหน่ง สังเกตว่าคันบงั คับสามารถทำงานได้ ราบรื่น ไม่มีการส่ันสะเทือน หรือมีเสียงผิดปกติ รถตอบสนองต่อการเปล่ียน ตำแหนง่ เกยี ร์ อย่างถกู ตอ้ งด้วยความเร็วท่ีนา่ พอใจ สงั เกตความโน้มเอยี งของ คนั บังคบั ทีจ่ ะดีดตวั หลดุ ออกจากตำแหน่งเกียร์ที่เข้าไว้ ตรวจการทำงานของ ก้านโยงต่าง ๆ ของคันบังคับ ว่าทำงานได้คล่อง และได้รับการปรับไว้อย่าง 8 ถูกต้อง ตรวจการอุดตันของช่องระบายอากาศของเคร่ืองเปล่ียนความเร็ว รวมทง้ั ชอ่ งระบายอากาศของหบี เฟืองขบั ข้นั สดุ ท้ายดว้ ย 9 8 ทำการขันแน่นสลักเกลียวยึดช้ินส่วน และฐานติดตั้งองค์ประกอบต่าง ๆ ของเครื่องเปลี่ยน ความเรว็ เสียงผิดปกติ ฟังเสียงผิดปกติท่ีเกิดจาก ข้อต่ออ่อน หีบเฟืองขับข้ันสุดท้าย ล้อกดสายพาน ล้อปรับสายพาน เฟืองล้อขับสายพาน ล้อรับสายพาน เครื่องผ่อนแรงสะเทือน สายพาน และพัดลมระบายความร้อนของ เคร่ืองยนต์ และเสียงผิดปกติท้ังจากภายใน หรือภายนอกรถ ซ่ึงเป็นเคร่ืองช้ี สอบว่าขาดการหล่อลื่น การปรับไม่ถูกต้อง หรือมีการชำรุดเสียหายเกิดข้ึน ใหต้ ่ืนตัวต่อเสยี งผิดปกตทิ ่ีกลา่ วมานต้ี ลอดเวลาของการทดลองขบั ภายหลงั การทดลองขบั อุณหภูมิ ในทันทีภายหลังการทดลองขับให้ใช้มือสัมผัสดุมล้อกดสายพาน ดุมล้อขับสายพาน ดุมล้อปรับสายพาน ดมุ ล้อรับสายพาน หีบเฟืองขับข้ัน สุดทา้ ย

ห น ้ า | 78 ตารางท่ี 9 การบริการ การปรนนิบตั ิบำรุงเพ่ือปอ้ งกนั ( ค ) และ ( ง ) ( ต่อ ) ห้วงเวลา ประจำ 3 เดอื น ประจำเดือน ระเบยี บปฏิบตั ิ หรือ 750 ไมล์ หรอื 250 ไมล์ 10 9 (ต่อ) เคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน และสัมผัสเครื่องเปล่ียนความเร็วด้วย หากสงสัยว่าไฟ เตือนทำงานถูกตอ้ งหรือไม่ เคร่ืองผ่อนแรงสะเทือนควรร้อนกวา่ ตัวรถ ดมุ ล้อต่าง ๆ ที่ ร้อนจัดผิดปกติ เป็นเครื่องช้ีสอบให้ทราบว่าปรับลูกปืนไว้ไม่ถูกต้อง ขาดการหล่อล่ืน หรือลูกปืนชำรุดเสียหาย หีบเฟืองขับขั้นสุดท้ายที่ร้อนจัดเกินควรเป็นเครื่องชี้สอบให้ ทราบว่าปรับองค์ประกอบภายในไว้ไม่ถูกต้อง ขาดการหล่อลื่น หรือให้การหล่อลื่นไม่ เพยี งพอ 11 10 เครอื่ งกำเนิดไฟชว่ ย และเคร่ืองยนต์ ตรวจสภาพเครื่องกำเนิดไฟช่วย และเครอื่ งยนต์ และสายไฟต่าง ๆ กำลัง ควนั ความเร็วในการเดินเคร่ือง และการจ่ายกระแสไฟ ติด เครื่องยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วย เพ่ือสังเกตดูว่าเครื่องยนต์มีกำลังตามปกติ และการ ทำงานโดยทั่วไปเป็นท่ีน่าพอใจ ดูว่าควนั จากท่อไอเสียเป็นสีดำ หรือสีน้ำเงินและมีควัน มากเกินไปหรือไม่ ตรวจว่ากระแสไฟที่จ่ายออกจากเคร่ืองกำเนิดไฟช่วยป็นไปตาม เกณฑท์ ีน่ า่ พอใจหรือไม่ 11 10 ให้การบริการหม้อกรองอากาศของเคร่ืองยนต์เคร่ืองกำเนิดไฟช่วยตาม คล.9-2350- 201-12 ทำความสะอาดตวั กรองน้ำมนั เชื้อเพลิง และถ้วยรับตะกอน ( ถ้วยกรอง ) 11 ทำความสะอาดหวั เทียน และปรับระยะห่างของเข้ียวหัวเทยี น แต่งหน้าทองขาวเคร่ืองจ่ายไฟจุดระเบิด แลว้ ปรับระยะวา่ งหน้าทองขาว ทุกรอบการตรวจสภาพ และการบริการประจำ 3 เดอื น หรอื 750 ไมล์ ครั้งท่ี 2 ใหต้ รวจแปรงถา่ นของเครือ่ งกำเนดิ ไฟช่วยถา้ พบว่าสึกหรอมากใหเ้ ปลี่ยนเครือ่ งกำเนิดไฟช่วย ตรวจสภาพแท่นรองรับเคร่ืองกำเนิดไฟชว่ ย และเครือ่ งยนต์ การร่ัวไหล ตรวจรถโดยทั่วไปทั้งภายนอก และภายในเพื่อดูการร่ัวไหลของน้ำมัน 12 11 เช้ือเพลิง น้ำมันเคร่ืองยนต์ น้ำมันเคร่ืองเปล่ียนความเร็ว หีบเฟืองขับข้ันสุดท้าย ล้อ กดสายพาน ล้อปรับสายพาน ซีลกันน้ำมันต่าง ๆ เคร่ืองสูบฉีดล่อ ตรวจการร่ัวซึม ของสารหล่อล่ืนท่ีซีลกันน้ำมัน ปะเก็น และข้อต่อของท่อน้ำมันเคร่ืองระบายความรอ้ น น้ำมนั เคร่อื ง ถังนำ้ เช้ือเพลงิ หรอื แหล่งเก็บน้ำมันตา่ ง ๆ ตัวรถ ตรวจสภาพสี บังโคลน ช่องทางเข้า – ออก ตะแกรงฝาปิด จุกเกลียวถ่าย 13 12 และลิ้นระบายนำ้ ท่ีน่งั พลขบั และเครอื่ งสูบน้ำพ้ืนรถ ตลอดจนองคป์ ระกอบท่ตี ดิ ตั้งอยู่ ภายนอกรถ และเครอ่ื งอุปกรณ์ทัศนะ (รวมท้งั กล้องอะไหล่) ภายในตวั รถ ข้อควรระวัง กระจก และเลนส์ ของเคร่ืองอุปกรณ์ทัศนะ เป็นช้ินส่วนท่ีเกิดรอยขูด ข่วนไดง้ า่ ย การชำระฝุ่นผงออก ให้ใชไ้ ดแ้ ตแ่ ปรงขนอูฐเท่านนั้ และเช็ดทำความ

ห น ้ า | 79 ตารางท่ี 9 การบรกิ าร การปรนนิบตั ิบำรงุ เพื่อป้องกนั ( ค ) และ ( ง ) ( ตอ่ ) ห้วงเวลา ประจำ 3 เดือน ประจำเดือน ระเบยี บปฏิบตั ิ หรอื 750 ไมล์ หรือ 250 ไมล์ 14 12 ( ต่อ ) สะอาดด้วยกระดาษเช็ดเลนส์เท่าน้ัน โดยยอมให้เป่าลมหายใจรด กระจก เลนส์ก่อนการเช็ดถูได้ ถ้ากระจก เลนส์เปื้อนไขข้น หรือน้ำมัน ให้ ชำระลา้ งดว้ ยสบู่ฟอกเลนสเ์ ท่านัน้ แลว้ กระดาษเชด็ เลนส์เชด็ คราบสบ่อู อกให้ หมดให้สังเกตตำบลต่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอกตัวรถ ซ่ึงสีที่ทาทับไว้ลอก ออก และเกื้อกูลให้เกิดสนิม หรือการสะท้อนแสงขึ้นได้ ให้ตรวจ เคร่ืองหมาย และแผ่นป้ายต่าง ๆ ว่าสามารถอ่านได้ชัดเจน ตรวจว่าฝาปิด ช่องทางเข้าออก และบานประตู ฝาปิดก้ันต่าง ๆ สามารถขัดกลอนได้แน่น และมียางกันร่ัว หรือปะเก็นอดุ กันไวอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ตรวจว่ามีส่ิงปิดก้ันระหว่างช่องตะแกรงต่าง ๆ หรือไม่ ตรวจลิ้นระบายน้ำ ภายในตวั รถว่าทำงานถูกตอ้ งหรือไม่ ทดสอบการทำงานของเครื่องสูบน้ำพ้ืน รถ และความสะอาดของตะแกรงกรอง ทดสอบเคร่ืองควบคุมการปรับที่นั่ง 14 13 เพือ่ ดคู วามถกู ตอ้ งในการทำงาน ป้อมปืน ตรวจสภาพกลอนยึดป้อมปืน ท่ีน่ังพลประจำรถ เบะท่ีน่ัง และ นวมกันกระแทกต่าง ๆ รวมทั้งส่วนประกอบ และเคร่ืองทัศนะต่าง ๆ ของ ป้อมปืน ทดสอบการทำงานของกลอนยึดป้อมปืน ฝาปิดช่องทางเข้าออก และกลอนยึดฝาปิดช่องทางเข้าออกต่าง ๆ ตลอดจนที่นั่งพลประจำรถ และ เครื่องทัศนะต่าง ๆ ตรวจสภาพใช้การได้ของนวมกันกระแทกต่าง ๆ ตรวจ การหลุดลอกของสีท่ีทาไว้ และความชัดเจนของเคร่ืองหมาย และแผ่นป้าย 15 14 ต่าง ๆ และทดสอบการ ทำงานของเครอ่ื งกำหนดมุมภาคของทศิ อาวุธระจำรถ ตรวจสภาพฐานติดต้ัง ระบบควบคุมการรับแรงถอย เคร่ืองบังคับการยิง เคร่ืองควบคุมการหมุนป้อมปืน และเคร่ืองควบคุมการ ให้ทางสูง รวมทั้งเครื่องปิดท้ายฯ และชิ้นส่วนอะไหล่ต่าง ๆ ด้วย จอดรถ ใหเ้ อียงทางขา้ งประมาณ 10 องศา แล้วทดสอบการทำงานของเคร่ืองควบคมุ การหมุนป้อมปืนด้วยมือ และด้วยกำลังขับของน้ำมันตลอดย่านการให้ทาง ทิศ ข้อควรระวัง ตรวจให้แน่ใจว่าปืนสามารถหมนุ ได้โดยไมม่ ีสง่ิ กีดขวาง ตั้งปืนให้หันไปทางด้านหน้า หรือหันไปทางท้ายรถ แล้วทดสอบการทำงาน ของเครื่องควบคุมการให้ทางสูงด้วยมือ และด้วยกำลังขับของไฟฟ้าตลอด ย่านการให้ทางสูง ทดสอบการทำงานของเคร่ืองบังคับการยิงด้วยมือ และ ดว้ ยไฟฟา้ โดยเฉพาะตอ่ การทำงานของเครื่องนิรภัยต่าง ๆ ทำความสะอาดกระจกเลนส์เคร่ืองทัศนะต่าง ๆ

ห น ้ า | 80 ตารางที่ 9 การบริการ การปรนนบิ ตั ิบำรุงเพ่อื ปอ้ งกนั ( ค ) และ ( ง ) ( ต่อ ) ห้วงเวลา ประจำ 3 เดอื น ประจำเดือน ระเบยี บปฏิบตั ิ หรือ 750 ไมล์ หรอื 250 ไมล์ 15 14 ขอ้ ควรระวงั กระจก และเลนส์ ของเครื่องอุปกรณท์ ศั นะ เป็นช้นิ ส่วนท่ีเกิด รอยขูดข่วนได้ง่าย การชำระฝุ่นผงออก ให้ใช้ได้แต่แปรงขนอูฐเท่านั้น และ เช็ดทำความสะอาดด้วยกระดาษเช็ดเลนส์เท่านั้น โดยยอมให้เป่าลมหายใจ รดกระจก เลนส์ก่อนการเช็ดถูได้ ถ้ากระจก เลนส์เปื้อนไขข้น หรือน้ำมัน ให้ ชำระล้างดว้ ยสบู่ฟอกเลนสเ์ ท่าน้ัน แล้วกระดาษเชด็ เลนสเ์ ช็ดคราบสบู่ออกให้ 15 หมดขันแน่นชุดฐานติดตั้งอาวุธประจำรถทุกชนิด และสลักเกลียวยึดฐาน 16 15 ติดต้ังหีบเก็บกระสุน ราวเก็บกระสุน และช่องเก็บกระสุน ตรวจสภาพส่ิง เหล่าน้ี โดยเพ่งเล็งเป็นพิเศษว่ากระสุนเก็บไว้ตามที่อย่างมั่นคง ปลอดภัย หรอื ไม่ หรือดูวา่ บรรดาหีบเก็บกระสุน ราวเกบ็ กระสุน และช่องเก็บกระสุน ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดบรรจุอยู่ และตรวจดูว่าอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานได้ 17 16 หรือไม่ ขอลากจูง หูห่วงยก ขอพ่วง และลวดลากจูง ตรวจสภาพส่ิงเหล่านี้ และ 18 17 สังเกตวา่ ฝาประกบั ขอพว่ ง สามารถขดั กลอน ปลดกลอนได้เรียบรอ้ ยหรอื ไม่ การหล่อลื่น ให้การหล่อลื่นรถถัง และอาวุธประจำรถตามที่กำหนดไว้ใน คล. 9-2350-201-12 เว้นแต่อุปกรณ์ที่จะทำการถอดแยกช้ินส่วนต่าง ๆ ใน 19 18 ภายหลงั และให้การหล่อลน่ื ก่อนประกอบเขา้ ท่ีเดมิ ความสิ้นเปลืองน้ำมันเคร่ืองยนต์ ตรวจสอบว่าเคร่ืองยนต์ใช้น้ำมันเคร่ือง มากเกินควรหรือไม่ ความสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องสูงสุดซ่ึงยอมให้มีขึ้นได้ เมื่อ เครอ่ื งยนตท์ ำงานด้วยความเร็ว 2,800 รอบ/นาที คือ 4 ควอต ต่อชัว่ โมง 20 19 การปฏบิ ตั ิในการซ่อมบำรุง 21 20 แบตเตอร่ี ทดสอบน้ำยาในแต่ละช่องด้วยเคร่ืองวัดความถ่วงจำเพาะ และ บันทึกค่าความถว่ งจำเพาะลงในช่องวา่ งซง่ึ จัดไว้ในแบบฟอร์ม สพ.462 21 20 แบตเตอร่ี ตรวจแรงเคลื่อนไฟฟ้า โดยการดึงกระแสด้วยเคร่ืองทดสอบวงจร ไฟแรงตำ่ แล้วบนั ทกึ แรงเคลื่อนไฟฟ้าท่วี ดั ไดไ้ ว้ในแบบฟอร์ม สพ.462 ภายหลังการทดสอบแบตเตอรี่ ให้ทำความสะอาดส่วนบนของแบตเตอร่ี แลว้ ใช้ 22 …………….. ไขข้นทาเคลือบขั้วแบตเตอรี่บาง ๆ ให้ทำความสะอาด และทาสีเคร่ือง รองรับถ้าเกดิ การผุกรอ่ น ตรวจว่าแบตเตอร่ีตอ้ งการน้ำกล่ันเพมิ่ เติมหรือไม่ หมายเหตุ ถ้าหาน้ำกลั่นเติมแบตเตอร่ีไม่ได้ ก็อาจใช้น้ำสะอาด เช่นน้ำฝน เตมิ แทนได้ กำลังอัดของเครื่องยนต์ ทดสอบกำลังอัดในแต่ละกระบอกสูบของ เครื่องยนต์ โดยถอดหัวเทียนของแต่ละกระบอกสูบออก 1 หัว เม่ือ เครอ่ื งยนต์อยู่ในสภาพอุน่ เครอื่ ง

ห น ้ า | 81 ตารางท่ี 9 การบริการ การปรนนิบตั ิบำรุงเพือ่ ป้องกนั ( ค ) และ ( ง ) ( ต่อ ) หว้ งเวลา ประจำ 3 เดือน ประจำเดอื น ระเบยี บปฏิบตั ิ หรอื 750 ไมล์ หรอื 250 ไมล์ 22 …………. ( ต่อ ) และน้ำมันเครื่องยนต์มีอุณหภูมิระหว่าง 60 ถึง 100 องศา ฟ. และแบตเตอร่ีมีไฟเต็ม สอดเครื่องวดั กำลังอัดของกระบอกสูบเข้าไปใน ช่องใส่หัวเทียน เปิดลิ้นเร่งเครื่องยนต์ให้เต็มท่ีแล้วหมุนเครื่องยนต์ด้วย รอบความเร็วสำหรับติดเคร่ืองจนเคร่ืองวัดอ่านค่ากำลังอัดได้สูงสุด กำลังอัดปกติควรอยู่ระหวา่ ง 75 ถึง 90 ปอนด์/ตร.นิ้ว และกระบอก สบู ใดท่ีมีกำลังอัดต่ำกวา่ อตั ราเฉลี่ยของกระบอกสูบทั้งหมดมากกว่า 10 ปอนด์/ตร.นิ้ว ให้ทำการตรวจวัดกำลังอัดซ้ำอีก ให้บันทึกกำลังอัดท่ีวัด 23 ………….. ได้ในแตล่ ะกระบอกสบู ลงในชอ่ งที่จัดไว้ให้ในแบบฟอร์ม สพ.462 หม้อกรองน้ำมันเชื้อเพลิง ตะแกรงกรองของเครื่องสูบน้ำพื้นรถ เครื่อง กรองน้ำมันเคร่ือง และหม้อกรองอากาศ ให้ทำความสะอาดหม้อกรอง น้ำมันเช้ือเพลิง ตะแกรงกรองของเคร่ืองสูบน้ำพ้ืนรถ เคร่ืองกรองน้ำมัน เครื่องยนต์ และเคร่ืองกรองน้ำมันเคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว ทำความสะอาด และให้บริการแก่หม้อกรองอากาศตา่ ง ๆ ถ้าหม้อกรองน้ำมันเชื้อเพลิงแสดง ว่าน้ำมันเช้ือเพลิงในถังสกปรก ให้ถ่ายน้ำ และตะกอนสกปรกออกจากถัง 24 …………… นำ้ มนั นำ้ มนั เชอ้ื เพลิง โดยใช้ภาชนะที่เหมาะสมรองรับนำ้ มนั ไว้ หวั เทยี น ขดลวดเพ่ิมแรงไฟจดุ ระเบิด และขดลวดกรองเสยี งรบกวนทางวิทยุ สายไฟ เครื่องจ่ายไฟจุดระเบิด และการต้ังจังหวะจุดระเบิด ถอด และ ตรวจสภาพหัวเทียน ตรวจสภาพฝาครอบเครื่องจ่ายไฟจุดระเบิด ลูกเบ้ียว และชุดหน้าทองขาว ทดสอบขดลวดเพิ่มแรงไฟจุดระเบิด และตัวเก็บประจุ ไฟฟ้าด้วยเครอื่ งทดสอบ ตามคำแนะนำในค่มู ือประจำเคร่อื งทดสอบ ตรวจ 24 ……………. ความถูกต้องในการต้ังจังหวะจุดระเบิด ทดสอบเคร่ืองควบคุมเคร่ือง กำเนิดไฟฟ้าด้วยเครื่องทดสอบวงจรไฟแรงต่ำ ( LVCT ) ตามคำแนะนำใน คมู่ ือประจำเคร่อื งทดสอบ ทำความสะอาดหัวเทียน และปรับระยะห่างเข้ียวหัวเทียน แต่งหน้า ทองขาว และปรับระยะห่างหน้าทองขาวของเคร่อื งจา่ ยไฟจุดระเบิด ถ้า หน้าทองขาวขรุขระมากเกนิ ไปใหเ้ ปล่ยี นเคร่ืองจา่ ยไฟจดุ ระเบดิ 25 ………….. เครื่องกลไกของลิ้น และระยะห่างของล้ิน ตรวจสภาพเคร่ืองกลไกของล้ิน 26 ………….. เพ่งเล็งต่อแหนบลิ้นที่อ่อน หรือหัก ตรวจวัดระยะห่างของลิ้นด้วยเครื่องมือ และตรวจสภาพฝาครอบกระเด่ืองกดล้ิน ปรบั ระยะหา่ งของลิ้นใหไ้ ดต้ ามเกณฑท์ ่ีกำหนดไว้ ท่อไอเสีย และหม้อระงับเสียง ตรวจสภาพ ฟังเสียงที่ดังเกินไป หรือเสียง ผดิ ปกติ ตรวจการร่วั ไหลของไอเสยี ซงึ่ แสดงให้เห็นจากแนวคราบเขม่า

ห น ้ า | 82 ตารางท่ี 9 การบริการ การปรนนิบัตบิ ำรุงเพ่อื ป้องกนั ( ค ) และ ( ง ) ( ตอ่ ) หว้ งเวลา ประจำ 3 เดอื น ประจำเดือน ระเบยี บปฏบิ ตั ิ หรือ 750 ไมล์ หรอื 250 ไมล์ 27 …………….. ขนั แนน่ ฐานตดิ ตง้ั ต่าง ๆ 28 …………….. 29 ……………. ท่อรว่ มไอดี ตรวจสภาพทอ่ ร่วมไอดี และร่องรอยการรัว่ ไหลของปะเก็นท่อรว่ มไอดี ห้ามล้อ การปรับห้ามล้อ และก้านโยงต่าง ๆ ตรวจการปรับห้ามล้อ โดยเฉพาะ 29 …………… อย่างยิ่ง คานเพลาขวาง และกา้ นโยง ทำการปรับห้ามล้อ และกา้ นโยงห้ามล้อ ถ้าในระหว่างการทดลองขับแสดงให้เห็น 30 ……………... วา่ จำเป็นต้องปรับ และขันแน่นฐานติดตง้ั องค์ประกอบของเครอื่ งห้ามล้อ พัดลมระบายความร้อนของเครื่องยนต์ กรอบพัดลม แผ่นเบี่ยงทางลม และ 31 …………….. แผ่นก้ัน ให้ตรวจสภาพส่ิงท่ีกล่าวมานี้ เพ่ือดูส่ิงปิดก้ันทางลม และความหลวม 31 ……………. คลอน ความตึงของสายพาน ตรวจความตึงของสายพาน ทำการปรับความตึงของสายพาน ถ้าจำเป็น และใช้กุญแจวัดแรงบิดขันแน่นแป้น เกลียวยึดสลักสายพานทุกตัว ด้วยแรงบิด 120 ถึง 140 ปอนด์.ฟุต ขันแน่นสลัก เกลียวยึดองค์ประกอบ และฐานติดตั้งเคร่ืองพยุงตัวรถทุกแห่ง เม่ือใดก็ตามที่ถอด สายพานออกเพื่อเปลี่ยน หรือซ่อมแก้ ให้ตรวจสอบล้อกดสายพาน ล้อเฟืองขับ สายพาน ล้อปรับสายพาน และล้อรับสายพาน เพ่ือทดสอบระยะขยับตัวของดุมล้อ และความหลวมคลอน หรอื การชำรุดเสียหายของ ลูกปืนเพลาล้อ ให้หมุนล้อต่าง ๆ แตล่ ะล้อ และฟงั เสียงการชำรดุ ของลูกปนื เพลาลอ้ จับลอ้ ไว้แล้วออกแรงดึง และดัน เขา้ เพือ่ พิจารณาระยะขยบั ตัวของดุมลอ้ ว่ามีมากเกินไปหรอื ไม่ ทดสอบความหลวม คลอนของลูกปืนเพลาล้อโดยใช้ชะแลงงัดล้อ การทดสอบระยะขยับตัวของดุมล้อ ความหลวมคลอน และการชำรุดเสียหายของลูกปืนเพลาล้อ ควรจะได้กระทำอย่าง น้อยทุก ๆ การบริการประจำ 3 เดือนครั้งท่ี 3 ( ทุก ๆ 9 เดือน หรือ 2,250 ไมล์) …………….. และถ้าในครั้งคราวน้ันไม่ได้ถอดสายพานออก ก็สามารถทำการทดสอบเหล่านี้ได้ 32 ด้วยการใช้เหล็กยกแขนล้อกดสายพาน แม่แรง และท่อนไม้ ให้เปลี่ยน หรือปรับ ลูกปนื เพลาล้อตา่ ง ๆ ตามความจำเปน็ เคร่ืองควบคุมการทำงานทางไฟฟ้า สายไฟ และเคร่ืองระงับเสียงรบกวนทาง วทิ ยุ ตรวจสภาพเครื่องควบคุมการทำงานทางไฟฟ้า หีบชุมสายข้ัวสายไฟ และขั้วต่อ สายไฟ สายไฟ และท่อนำสายไฟท่ีมองเห็นได้ ตรวจสภาพสายลวดถักต่อลงดิน ปลอกลวดหุ้มสายไฟ เพ่ือกันเสียงรบกวนทางวิทยุ แคร่วิทยุ และเคร่ืองควบคุมตา่ ง ๆ ที่มองเห็นไดด้ ้วยตา ตลอดจนชดุ ปากพูดหูฟังของหมวกพลประจำรถ เสาอากาศ และฉนวน ทำความสะอาดสงิ่ ทกี่ ล่าวมาน้ดี ว้ ยผา้ นุ่มและแห้ง ถ้ามีเสยี งรบกวนทางวทิ ยเุ กดิ ขน้ึ

ห น ้ า | 83 ตารางท่ี 9 การบริการ การปรนนบิ ตั บิ ำรุงเพ่อื ป้องกนั ( ค ) และ ( ง ) ( ตอ่ ) หว้ งเวลา ประจำ 3 เดือน ประจำเดือน ระเบยี บปฏบิ ตั ิ หรอื 750 ไมล์ หรอื 250 ไมล์ 32 …………….. ( ต่อ ) ในขณะใช้งานรถถังให้ทำการทดสอบ หาแหล่งที่เกิดเสียงรบกวน ทำความสะอาดส่วนที่สัมผัสกันของโลหะตัวนำต่อวงจร ขันแน่นสาย ลวดถักต่อลงดิน แหวนจักรรองอุปกรณ์ และขั้วต่อสายไฟ และฐาน ติดต้งั อุปกรณ์ต่าง ๆ และเปล่ียนเครื่องระงับเสียงรบกวนทางวิทยุต่าง ๆ ตามความจำเป็น แต่ถ้าการปฏิบัติต่าง ๆ เหล่านี้ไม่สามารถขจัดปัญหา 33 …………….. ให้พลประจำรถรายงานสภาพการใช้งานตามสายการบงั คบั บญั ชา เครื่องระบายความร้อนน้ำมันเครื่อง ( เคร่ืองยนต์ และเครื่องเปลี่ยน ความเร็ว ) ตรวจสอบตัวเครื่องระบายความร้อน และหลอดน้ำมัน และข้อ ต่อท่อน้ำมนั เพื่อดูวา่ ส่ิงเหล่านม้ี ีสภาพดี ม่ันคง และไม่มกี ารรั่วไหล ตรวจว่า ตะแกรงปิดเคร่ืองระบายความร้อน และทางเดินอากาศระหว่างหลอดน้ำมัน 34 ……………. ไม่มีส่ิงปิดกั้น หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ขันแน่นสลักเกลียว แป้นเกลียว ยึด ฐานตดิ ต้งั และขอ้ ต่อท่อน้ำมันต่าง ๆ การยกเคร่ืองกำเนิดกำลังออกจากรถ ( เม่ือต้องการ ) การยกเคร่ืองกำลัง ออกจากรถ ให้กระทำเมื่อทำการตรวจสภาพในรายการลำดับที่ 4 , 7, 9, 11,19 และ 22 และมีความจำเป็นบังคับให้ต้องกระทำเท่านั้น ให้ทำความ สะอาดห้องเครื่องยนต์ และส่วนภายนอกของเครื่องกำเนิดกำลังด้วยน้ำมัน ทำความสะอาด โดยต้องระวังอย่าให้น้ำมันถูกสายไฟ หรือฉนวนต่าง ๆ ท่ี เป็นยาง ถ้าทำได้ควรใช้น้ำกับผงซักฟอก ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายต่อยาง และ 35 ……………. ฉนวนต่าง ๆ ถอด และทำความสะอาด ตะแกรงลวดกรองที่คอถังน้ำมัน เชอื้ เพลิง ตรวจสภาพฐานติดตง้ั เครอ่ื งกำเนิดกำลัง และแผ่นรองกนั กระแทก ต่าง ๆ ว่ามีสภาพดี และตดิ ต้งั มน่ั คง การทดลองขับขั้นสุดท้าย ทำการทดลองขับขั้นสุดท้าย ตรวจสอบ ตามลำดับหัวข้อต้ังแต่ลำดับท่ี 1 จนถึงลำดับท่ี 9 ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง การ ทดลองขับขั้นสุดท้ายนี้ให้กระทำโดยใช้ระยะทางน้อยท่ีสุดเท่าที่จำเป็นต่อ การสงั เกตการสภาพการณ์ต่าง ๆ ได้ครบถ้วน หมายเหตุ ให้ทำการแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่ตรวจพบในระหว่างการ ทดลองขับขั้นสดุ ท้ายจนครบถ้วน และรายงานขอ้ บกพรอ่ งทีแ่ กไ้ ขไมไ่ ด้

ห น ้ า | 84 วิชา การใช้และซอ่ มบำรงุ ยานเกราะล้อยาง 8x8 แบบ VN๑ แผนกวชิ ายานยนต์ กองการศึกษา โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การ ทหารม้า ค่ายอดศิ ร สระบุรี

ห น ้ า | 85 แผนกวชิ ายานยนต์ กองการศึกษา โรงเรียนทหารม้า ศูนยก์ ารทหารม้า คา่ ยอดิศร สระบุรี ---------- คุณลักษณะ และมาตราทาน รถเกราะล้อยาง 8×8 VN1 1. กล่าวนำ (Introduction) รถเกราะล้อยาง 8x8 แบบ VN1 เป็นรถเกราะล้อยางรุ่นล่าสุดท่ี พัฒนาโดยบริษัท นอริงโก้ เพื่อนำเสนอในตลาดต่างประเทศ โดยรถเกราะรุ่นน้ีเน้นให้มีขีดความสามารถใน การบรรทุกน้ำหนักเพ่ิมมากขึ้น มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนท่ีสูงสามารถเคล่ือนที่ในน้ำ ได้มีระบบ ป้องกันตัวรถที่มีประสิทธิภาพ, มีความง่ายสะดวกสบาย ต่อการใช้งาน และใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับ สงิ่ แวดล้อม มคี วามสะดวกสบายในการขับเคล่ือน, ระบบพยุงตัวรถมคี วาม นมุ่ นวล, มคี วามเรว็ สูง, สามารถ เคลื่อนท่ีไปไดใ้ นทุกภูมิประเทศ, เกณฑ์สิ้นเปลืองน้ำมันเช้ือเพลิงและ น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์, งา่ ยต่อการ ปรนนิบัติบำรุง, ออกแบบให้มีโครงสร้างที่กะทัดรัด, มีประสิทธิภาพของความ อยู่รอดในสนามรบสูงทำให้ เกิดความมั่นใจในการนำไปใชง้ านดว้ ยองคป์ ระกอบและคุณสมบตั ติ า่ งๆ เหลา่ นี้ จึงทำใหร้ ถเกราะชนดิ นมี้ ีขีด ความสามารถในการรองรบั การปฏบิ ตั ิงาน อาวุธ ปนื ใหญอ่ ตั โนมัติ ขนาด 30 มม. เคร่อื งยงิ ลกู ระเบดิ อัตโนมตั ิขนาด 40 มม. เครอื่ งยิงลูกระเบดิ ควนั ขนาด 76 มม. ปนื กลร่วมแกนขนาด 7.62 มม. ฐานตดิ ตงั้ จรวจนำวถิ ี HJ73D คุณลกั ษณะหลักของรถเกราะชนิดนีม้ ดี งั น้ี - เป็นรถเกราะ ขับเคล่ือน แบบ8x8ล้อมีระบบพยุงตัวรถแบบอิสระ มีระบบ ล็อคเฟือง ทา้ ยระหวา่ ง แกนเพลากบั ล้อ ทำให้มคี วามแข็งแกร่งและทนทานต่อการขบั เคล่อื นในทุกสภาพภมู ิประเทศ - ติดต้ังเครื่องยนต์ดีเซลระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ DEUTZ BF6M1015CP และเครื่องเปล่ียน ความเร็วแบบอตั โนมัติทำให้รถเกราะชนิดนี้มีคุณลักษณะ เหมาะสมท่ีจะปฏิบตั ิงานในพื้นท่ีเขตร้อน, พน้ื ท่ีท่ี เปน็ ทะเลทรายและในพนื้ ทท่ี เี่ ปน็ ที่ราบสูงทุรกนั ดารได้เป็นอยา่ งดี - ใช้ระบบควบคุมการบังคบั เลี้ยวแบบไฮดรอลคิ จึงทำให้การขับเคลื่อนรถมีความสะดวกสบายและ งา่ ย ต่อการควบคมุ - ใช้ระบบห้ามล้อด้วยลมอัดแบบสองวงจร (dual pneumatic circuit brake System) เป็นตัว เพ่ิมขดี ความสามารถในการหา้ มล้อจึงทำให้ผใู้ ช้เกิดความมั่นใจในการใช้งาน - ติดต้ังระบบป้องกันตัวรถแบบ สมบูรณ์ทั้งระบบซ่ึงประกอบด้วยระบบป้องกัน นชค. ในตัวรถ, ระบบ ดบั เพลงิ อัตโนมัติ - ใช้ล้อยางแบบยางสงครามท่ีไม่มียางใน (Run Flat) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถใน การอยู่รอด ใหก้ บั รถ - ตัวรถและป้อมปืนสรา้ งดว้ ยแผน่ เกราะแบบเหล็กกล้าชนดิ แขง็ พิเศษ จึงทำให้มปี ระสิทธภิ าพอยา่ ง สูงในการป้องกนั ให้กบั ตัวรถ - ดา้ นท้ายของรถเกราะตดิ ตั้งใบจกั รทำใหส้ ามารถเคลอื่ นท่ีในน้ำได้ - ติดต้ังระบบเติมลมและปล่อยลมล้อยางจากระบบควบคุมภายในรถจึงทำให้สามารถตรวจสอบ แรงดัน,เตมิ ลมและปล่อยลมออกจากล้อยางไดโ้ ดยอัตโนมัติ ตดิ ต้ังเครื่องปรับอากาศทท่ี ำความเย็นได้สูงเพ่ือ ทำให้เกิดความสบายให้กับกำลังพล และพลประจำรถ ติดต้ังเครื่องกำหนดตำแหน่งที่อยู่แบบ GPS เป็น ระบบนำร่องให้กับรถ ติดตงั้ สถานีควบคุมระบบอาวุธประจำรถจากระยะไกล (RCWS), ซ่ึงประกอบด้วยปืน

ห น ้ า | 86 ใหญ่อัตโนมัติ ขนาด 30 มม., ระบบอาวธุ นำวิถีต่อสรู้ ถถงั แบบ 73, ปืนกลรว่ มแกนขนาด 7.62 มม.เครอ่ื งยิง ลูกระเบิด อตั โนมัติ และเครื่องยิงลูกระเบิดควัน จึงทำให้รถเกราะน้ีมีอำนาจในการยิงท่ีแม่นยำ และรุนแรง รถเกราะในตระกูลน้ีสามารถดัดแปลงเป็นรถ แบบอ่ืนๆได้อีกหลาบแบบ เช่น รถ บังคับการ, รถกู้ซ่อม รถพยาบาล ฯลฯ 2. คณุ ลักษณะเฉพาะทางเทคนคิ (Technical Specification) เปน็ รถเกราะสะเทนิ น้ำสะเทิน บก ตวั ปอ้ มปืนตดิ ต้งั ปืนใหญ่อัตโนมตั ิ ขนาด 30มม. เป็นอาวธุ หลักในการใช้งาน รปู ท่ี 2-1 ภาพหน้าตัดดา้ นต่างๆ ของ VN1 ตัวรถแบ่งออกเป็น 3 ตอนดังนี้ : ห้องพลขับ, ห้องเครื่องยนต์และห้องโดยสาร ของกำลังพลมี ชอ่ งทาง เชอ่ื มต่อกับห้องพลขับ อย่ทู างดา้ นซ้ายของหอ้ งเครื่องยนต์ ห้องพลขับอยู่ดา้ นหน้า ทางซ้ายของตัว รถ ภายในห้องพลขับจะประกอบด้วยท่ีนัง่ พลขับ, ที่น่งั ผ้บู ังคบั รถ ทางดา้ นหลังของทีน่ ั่งพลขับ ในตำแหน่งท่ี นั่งพลขับจะ ติดต้ังอุปกรณ์ควบคุมรถ, เคร่ืองมือตรวจการณ์ มาตรวัดต่างๆ, ชุดวิทยุ, ระบบป้องกัน นชค. และกล่องควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ในตำแหน่งที่น่ังของพลขับและ ผบ.รถจะมีช่องตรวจการณ์แบบแท่งแก้ว (Periscope) ใช้ตรวจการณ์ด้วยสายตา ด้านบนตรงตำแหน่งเหนือท่ีนั่งของพลขับและ ผบ.รถจะติดตั้งฝา ปดิ -เปิดช่องทางเข้า-ออกเป็นแบบบานพับ พลขับและ ผบ.รถ จะใช้ช่องทางน้ีเป็นทางเข้า – ออกจากตวั รถ ห้องเคร่ืองยนต์อยู่ทางด้านขวาของห้องพลขับ จะติดตั้งเคร่ืองยนต์ดีเซลระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ DEUTZ BF6M1015CP และเคร่ืองเปลี่ยนความเร็วแบบอัตโนมัติ (มีเกียร์เดินหน้า 9 ตำแหน่ง และ ถอย หลัง 1 ตำแหน่ง)อุปกรณ์ อัดไอดีและไอเสียของเคร่ืองยนต์ (Turbo Charger), ปั้มไฮดรอลิค, อุปกรณ์ ตรวจจับเปลวเพลิง , ท่อทางเดินของน้ำยาเครื่องดับเพลิงอัตโนมัติพร้อมหัวฉีดฯลฯ ตัวห้องเครื่องยนต์จะ ติดตั้งฝาครอบห้องเคร่ืองยนต์ทางด้านบนและฝาก้ันทางด้านข้างของห้องเครื่องยนต์เพ่ือแยกห้อง เครื่องยนต์ออกจากส่วนต่างๆของตัวรถ และฝาครอบและแผ่นก้ันน้ีสามารถถอดออกเพ่ือทำการปฏิบัติ บำรุงและซ่อมบำรุงเคร่ืองยนต์ได้ ท่ีนั่งของกำลังพลในรถจำนวน 11 ที่จะอยู่ที่ตำแหน่ง ผบ.รถ 1 ท่ีน่ัง, อยู่ ด้านหนา้ ปอ้ มปนื 2 ทีน่ ัง่ และอยู่ ดา้ นหลงั ป้อมปืนจำนวน 8 ที่น่งั

ห น ้ า | 87 คุณลกั ษณะทว่ั ไปขนั้ ตน้ 2 + 11 นาย พลประจำรถ / กำลงั พล 8 x 8 ล้อ (สามารถ เปลย่ี นเป็นขบั เคล่ือน 8 x 4 ล้อ รปู แบบในการขับเคล่ือน ได)้ 19.5 ตนั น้ำหนกั รถ 24.5 ตัน น้ำหนกั 8000 มม. ความยาวตัวรถ 3000 มม. ความกวา้ งตัวรถ 3300 มม. ความสูงตัวรถ 450มม. ความสงู ของรถจากพน้ื 1420มม.+2000มม.+1420มม. ระยะหา่ งระหว่างชว่ งลอ้ 2600มม. ระยะหา่ งระหว่างลอ้ ซา้ ย – ขวา - 20° C - + 50° C อุณหภมู ิสภาพแวดล้อมในการใชง้ าน รูปที่ 2-2 ภาพหนา้ ตัดด้านบนของรถเกราะล้อยาง 8x8 แบบ VN1 1.พลขบั , 2. ผบ.รถ, 3.กำลงั พลผู้โดยสาร, 4. พลยงิ 3. ความคลอ่ งแคล่วในการเคลอื่ นท่ี (Mobility Performance) เกิดจากการผสมผสานเคร่อื งยนตท์ ี่มีกาํ ลังมาก ทำงานร่วมกบั เครื่องเปลี่ยนความเร็วแบบอัตโนมัติ และ ระบบเสริมสมรรถนะต่างๆ เข้าด้วยกัน ตัวเคร่ืองยนต์มีระบบระบายความร้อนที่ มีประสิทธิภาพ , มี ระบบอัดอากาศในการส่งกําลังเช้ือเพลิงให้กับ เครื่องยนต์ ประกอบกับระบบหัวฉีดน้ำมันไฟฟ้าจึงทําให้ เครื่องยนต์สามารถส่งกําลังออกไปได้อย่างเต็มท่ี เพลาล้อตัวที่ 1 และ 2 ติดต้ังระบบ พยุงตัวรถอิสระแบบ คอยล์สปริงทำงานร่วมกับ โช้คอัพ Strut-Type Suspension)เพลาล้อที่ 3 และ 4เป็นแบบ ใช้กระบอกรับ แรง ทำงานด้วยนำ้ มนั กบั อากาศ ( Hydro - Pneumatic) การออกแบบระบบพยุงตัวรถใช้การออกแบบให้มีคุณลักษณะพิเศษเป็นแบบอิสระโดยนําเอา ผลกระทบท่ี เกิดขึ้นจากการขับเคล่ือน ในสภาพ ภูมิประเทศ,การบรรทุกน้ำหนักพร้อมรบ และการใชอ้ าวุธ

ห น ้ า | 88 มาเป็น ข้อพิจารณาในการออกแบบ เพ่ือให้รถมีขีดความสามารถในการขับเคลื่อน ในลักษณะภูมิประเทศ ต่างๆไดด้ ี และสามารถปรับเปลย่ี นได้ตามสภาพของภมู ปิ ระเทศทีผ่ นั แปรไป รปู ท่ี 3-1 ภาพการเคลื่อนท่ใี นภมู ิประเทศแบบตา่ งๆ ของรถเกราะล้อยาง 8x8 แบบ VN1 กำลังงานท่ีเครื่องยนต์ผลิตขึ้นจะถูกถ่ายทอดจากหีบเฟืองถ่ายทอดกําลังผ่านหีบเฟืองเกียร์ แล้วส่ง ตอ่ เข้าหีบ เคร่ืองเพมิ่ กำลังเข้าชุดเฟืองบังคับเล้ียวแล้วออกไปชุดเฟืองขับเพลาล้อที่ 2 แล้วส่งไปชดุ เฟืองขับ ออกไป ดา้ นหน้าเพ่ือส่งไปยังหีบเคร่ืองเพลาล้อท่ี 1ขณะเดียวกันก็ส่งกําลังขับออกไปทางด้านหลังเพื่อไปยัง ชุดเฟือง ขับเพลาล้อที่ 3 และ 4 หีบชุดเฟืองขับที่เพลาล้อจะทําหน้าท่ีลดความเร็วเพ่ิมกําลัง และเปลี่ยน ทศิ ทางกาํ ลงั ออกดา้ นข้างสดู่ มุ ล้อแตล่ ะล้อ เคร่ืองกำเนิดกําลัง จะประกอบด้วยเครื่องยนต์ (พร้อมอุปกรณ์ประกอบชุดของเครื่องยนต์ เช่น มอเตอร์สตาร์ท, คอมเพรสเซอร์, เครื่องควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า, ปั้ม ไฮดรอลิกช่วยการบังคับเลี้ยว ฯลฯ) ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ (หม้อน้ำ, เครื่องเพิ่มกําลังอัดอากาศ, เครื่องช่วยระบายความร้อน อากาศก่อนเข้าห้องเผาไหม้, หมอ้ พักน้ำ, เคร่อื งระบายความรอ้ นน้ำมันไฮโดรลิก, เคร่ืองกรองฝุ่น ฯลฯ), หีบ เฟอื งเกยี ร์, เครอ่ื งกำเนิดไฟฟ้า (Generator) ฯลฯ มมุ ถงึ ลาด(หนา้ รถ) รปู ที่ 3 -2 เครอ่ื งกำเนดิ กําลัง มุมจากลาด (ทา้ ยรถ) อตั รากำลังต่อน้ําหนัก 45 38 22.4แรงม้า/ตนั

ความเร็วสูงสดุ บนท้องถนน ห น ้ า | 89 ความเร็วสงู สดุ ในภมู ิประเทศ ความเร็วสูงสุดในน้ำ 100กม./ชม. ไตล่ าดชนั 60กม./ชม. ไตล่ าดเอียง 8กม./ชม. ข้ามคูกวา้ ง 60% ข้ามเครื่องกดี ขวางทางดิ่ง 30% รศั มีวงเลี้ยวตำ่ สุด 1.8 ม. ระยะเบรก 0.55 ม. ชม.) 11 ม. อัตราการเรง่ จาก 0 – 400 ม. 15 ม. (ท่คี วามเร็ว 40 กม./ชม.), 29ม. (ทค่ี วามเรว็ 60 กม./ ความสิน้ เปลอื งนำ้ มันเชอื้ เพลิง กม.) 29วนิ าที ระยะปฏิบัติการบนท้องถนน บนถนน (44 ล./100 กม.), ภมู ปิ ระเทศ (60 ล./100 900 กม. รูปท่ี 3 -3 ขดี ความสามารถในการเคลือ่ นทข่ี องรถเกราะล้อยาง 8x8 แบบ VN1 3.1 เครือ่ งยนต์ (Engine) คณุ ลักษณะเฉพาะทางเทคนิคของเครอ่ื งยนต์ แสดงไว้ในตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 คุณลกั ษณะเฉพาะทางเทคนคิ ของเคร่ืองยนต์ รายการ เครอื่ งยนต์แบบ DEUTZ BF 6 M1015CP ประเภท เครอ่ื งยนต์ดีเซล 4 จงั หวะรอบ ระบายความร้อนด้วยนำ้ , มีเครอ่ื งเพมิ่ กำลังอดั เคร่อื งยนต์ (Turbo Charger) จำนวนกระบอกสูบ, การจัดวาง 6 กระบอกสูบ วางแบบรูปตัว V,“90” ปรมิ าตรกระบอกสบู 11,906 ล. ความเรว็ รอบสงู สดุ 2,100 รอบ/นาที กำลงั 448 แรงม้า (330 kW.) น้ำหนกั 1,050 กก. (รวมน้ำมันเครือ่ ง) ขนาด 1,170 × 950 × 1,173 มม. มลภาวะ Europe 2 วิธีการควบคมุ ควบคุมความเรว็ ดว้ ยอิเล็กทรอนิกส์ ระบบชว่ ย เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพเครื่องยนต์ ประกอบดว้ ยระบบระบายความรอ้ น, ระบบไอดี, ระบบไอ เสีย, ระบบนำ้ มันเชอ้ื เพลิง, ระบบผลติ ลมสำรอง ฯลฯ

ห น ้ า | 90 3.2 ระบบเคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว (Transmission System) ระบบเครื่องเปลี่ยนความเร็ว ถือเป็น หัวใจในการขับเคลื่อน และจ่ายกําลังให้กับรถ ประกอบดว้ ย หีบเฟือง เกียร์, ห้องถ่ายทอดกําลัง, หีบเครื่อง เปล่ยี นความเร็วดา้ นข้าง, ชุดเฟืองขับท่เี พลาลอ้ ฯลฯ หีบเฟืองเกียร์ตดิ ตง้ั อยูร่ ว่ มกบั เครอ่ื งกำเนิดกําลงั 3.2.1 หีบเฟืองเกียร์ (Gear box) หีบเฟืองเกียร์เป็นเครื่องเปล่ียนความเร็วแบบอัตโนมัติ ขอ้ ดีของเครอื่ งเปล่ยี นความเร็วแบบอัตโนมัตมิ ดี ังนี้ - โหมดใช้งานง่ายต่อการใช้งานโดยพลขับไม่ต้องมี การฝึกเพ่ิมเติม รถสามารถจับคู่ใน ตำแหน่งของเกียร์อัตโนมัติได้อย่างเหมาะสม, ทําให้เพ่ิมขีดความสามารถในการขับเคลื่อนที่นอกจากนั้นพล ขับยังสามารถเปล่ียนการควบคุมไปใช้การควบคุมด้วยมือเพื่อปรับเปลี่ยนการขับเคล่ือนไปตามสภาพพิเศษ ของถนนได้งา่ ย - การทำงานภายในหีบเฟืองเกียร์ความสึกหรอในการทำงานของเฟืองและ เครื่องกลไก เชิงกลอื่นๆ จะมีนอ้ ยมาก ทําใหล้ ดค่าใชจ้ า่ ยและงา่ ยต่อการปรนนบิ ัตบิ ำรุงยืดระยะเวลาในการใชง้ าน - หีบเฟืองเกียร์มีประสิทธิภาพสูงทําให้ในการเปล่ียนเกียร์จะไม่ทําให้สูญเสียกําลังในการ ถ่ายทอด 3.2.2 เครื่องเปล่ียนความเร็วแบบ H - Type เครื่องเปลี่ยนความเร็วแบบ H - Type ประกอบด้วยหีบถ่ายทอดกําลัง 1 ตัว และหีบเฟืองขับข้ันสุดท้าย 8 ตัว เน่ืองจากความต้องการในการ ขับเคลื่อนล้อทุกล้อ 8x8 ล้อ โครงสร้างของหีบถ่ายทอดกําลังจึงออกแบบ ให้อยู่ร่วมกับแกนเพลาของหีบ เฟอื งขบั ขนั้ สดุ ท้าย 2 ชดุ 3.2.3 เพลาเคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว (Transmission shaft) เพลาเคร่ืองเปล่ียนความเร็วทํา หน้าที่เป็นเพลาส่งกําลังของรถ ทําให้เกิดข้อดีในการเปล่ียนความเร็วแบบ คงที่, ให้ความถูกต้องสูง, ให้การ เคลอ่ื นท่ที สี่ มดุลและลดเสยี งที่จะเกิดจากการสนั่ สะเทอื น 3.2.4 ระบบใบจกั ร (Propelling System) ตัวรถติดตัง้ ใบจักรแบบใบจกั รคู่เพ่ือใช้งานใน การขบั เคล่ือนในน้ำโดยการใช้มอเตอรแ์ บบไฮดรอลกิ ซึ่งทาํ ให้มี ขีดความสามารถในการเคล่ือนที่ในนำ้ ได้ แผ่นกันคล่นื ติดต้ังไว้บนด้านหน้าของตัวรถ และตดิ ต้ังป้ัมสูบน้ำใน ตัวรถไว้ 3 เครือ่ ง ทางดา้ นหนา้ กลาง และดา้ นทา้ ยของตวั รถ เมอ่ื เคลอื่ นท่ใี นนำ้ พลขบั จะใชค้ ันบงั คับเพอื่ ทําใหเ้ กดิ มมุ และทศิ ทางทีแ่ ตกต่างกัน ในการควบคุมความเรว็ และทิศทางของใบจกั รทัง้ สองดา้ น ทําให้ สามารถขบั เคล่อื นเดินหนา้ ถอยหลัง และ หมุนตวั ในน้ำได้ 3.3 ระบบขบั เคล่ือน (Running Gear) ระบบขบั เคลื่อนประกอบดว้ ย อปุ กรณ์เครอื่ งพยงุ ตวั รถ, ลอ้ และระบบเติมลม และปลอ่ ยลมยางจากการ ควบคมุ ภายในตวั รถ 3.3.1 ระบบพยุงตัวรถ (Suspension) อปุ กรณ์ประกอบเคร่อื งพยุงตัวรถจะถูกเชือ่ มต่อตัว รถ กับล้อทําหนา้ ทถ่ี ่ายทอด/แบกรับนา้ํ หนกั และแรงบิด ต่างๆ ที่เกดิ ข้ึนซง่ึ ระบบน้ีจะทําใหเ้ กดิ ความยดื หยุ่น ลดแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนที่เกิดข้ึนในระหว่าง การขับเคล่ือนไปบนถนน และภูมิประเทศอย่าง นุ่มนวล อุปกรณ์ประกอบชุด ของเคร่ืองพยุงตัวรถจะติดตั้ง แบบอิสระกับแกนเพลาแตล่ ะแกนบนตัวถังของ รถแกนเพลาที่หน่ึงและสองใช้เคร่ืองพยุงตัวรถแบบ คอยล์สปริงทำงานร่วมกับโช้คอัพ (strut type) ติดต้ัง เป็น อิสระ โดยมีแขนรับแรงแบบปีกนกร่วมกับโช้คไฮดรอลิกและตัวกันกระแทก พร้อมด้วยแหนบแบบ คอยลส์ ปรงิ ทาํ หน้าทเี่ ปน็ ตัวยืดหยุ่นแกนเพลาที่สามและสต่ี ิดตง้ั แบบอิสระดว้ ยเคร่ืองพยุงตัวรถแบบคานรับ แรงแกนเดียวพร้อมกับกระบอกสูบ รับแรงด้วยของเหลว และลม (hydro-pneumatic) ทําหน้าท่ีเป็นตัว ยดื หยุน่ 3.3.2 ลอ้ ยาง (Tyre) เปน็ ยางแบบยางสงครามที่ไม่มยี างใน (Runflat) ขนาด 14.00R20 - 18PR เติมลมเต็มท่ดี ้วยแรงดนั ลม 87 ป./ตร.น้วิ (0.6 MPa) แรงดันลมยาง นำ้ หนกั กดพ้ืน

ห น ้ า | 91 ที่ 21.75 ป./ตร.นว้ิ (0.15MPa) 23.2 ป./ตร.น้วิ (0.16MPa) ท่ี 87 ป./ตร.น้วิ (0.6MPa) 37.3 ป./ตร.นิ้ว (0.26MPa) 3.3.3 ระบบเตมิ ลมและปลอ่ ยลมยางจากระบบควบคมุ (Central tire inflation &deflation system) ระบบเตมิ ลมและปลอ่ ยลมยางจากระบบควบคุมสามารถเตมิ และปลอ่ ยลมใหก้ บั ล้อ ยางแต่ละล้อหรือพร้อม กันทกุ ล้อ โดยใชอ้ ปุ กรณ์ในการควบคมุ ด้วยไฟฟ้าและอุปกรณ์นวิ แมตคิ เมอ่ื หยุดรถ หรือในขณะทรี่ ถ เคลื่อนท่ี เพอื่ ความสะดวกตามความต้องการในการใชล้ มยางในการขบั เคล่อื นรถบนถนน แต่ละประเภท ทาํ ให้รถมีขดี ความสามารถในการขับเคล่ือนไป บนสภาพภูมปิ ระเทศพเิ ศษไดท้ กุ แบบ ยา่ น การปรบั แรงดันลมยางของระบบเตมิ ลมและปลอ่ ยลมยางจากระบบควบคุม 21.75 ป./ตร.นิว้ – 87 ป./ตร. นว้ิ ระยะเวลาในการเติมลม (21.75 ป./ตร.นว้ิ – 87 ป./ตร.น้ิว) 30 นาที ระยะเวลาในการถา่ ยลม ( 87 ป/ตร.น้ิว – 21.75 ป./ตร.น้ิว) 15 นาที 3.4 ระบบปฏิบตั กิ ารและควบคุม (Operation & Control System) ระบบปฏบิ ัติการและการ ควบคมุ ประกอบดว้ ย ระบบหา้ มล้อ, ระบบบังคบั เลย้ี ว, เคร่อื งกลไกในการควบคมุ หบี เฟอื งเกยี ร,์ เครอ่ื ง กลไกในการควบคมุ นำ้ มันเชือ้ เพลิง, ระบบพัดลมไฮดรอลิกส,์ ระบบใบจกั รไฮดรอลกิ , กว้าน ฯลฯ ระบบควบคมุ หา้ มล้อ เป็นแบบ ผ้าเบรก/ดรัม้ เบรก และระบบการห้ามล้อแบบทอ่ ลมคู่ เมอ่ื ลงท่ลี าดชันจะใช้ ระบบหา้ มลอ้ ดว้ ยไอเสยี ร่วมดว้ ย มีระบบเบรกเพ่อื หยุดพักรถ เพอ่ื ซ่อมบำรุงรถหรือจอดรถอยกู่ ับที่ ระบบ ควบคุมการห้ามล้อแบบทอ่ ลมคูท่ าํ ให้มั่นใจไดว้ ่าการควบคุมการหา้ มล้อสามารถทาํ ไดต้ ามปกติเม่ือ แมว้ ่าจะ มที อ่ ลมท่อใดทอ่ หนง่ึ ชำรดุ ระบบหา้ มลอ้ ด้วยไอเสียสามารถใช้เป็นหา้ มลอ้ สำรองเมอ่ื ขบั รถไปตามทางลาด ลงเนิน 3.4.1 ระบบบังคับเล้ียว (Steering System) ระบบบังคบั เลี้ยวใช้แรงดนั ไฮดรอลิก ร่วมกับคันชักคันสง่ เพอื่ ชว่ ยในการบังคับเลย้ี วและมีเครอ่ื งกลไกในการ ควบคมุ ด้านหนา้ ด้วยเฟอื งขอ้ ตอ่ รปู สีเ่ หลย่ี มคางหมู 4 ตวั ในการบงั คับเลีย้ วทง้ั 4 ลอ้ รัศมีวงเล้ยี วตำ่ สุดคือ 11 ม. 3.4.2 ระบบห้ามลอ้ และระบบห้ามล้อช่วยด้วยลม (Brake system and auxiliary air System) ระบบหา้ มล้อแบบดรมั้ เบรกหา้ มลอ้ ดว้ ยแรงดนั ลม ติดต้ังเป็นระบบห้ามลอ้ หลักในการใชง้ าน โดย มีห้ามลอ้ สำหรบั จอดรถและห้ามลอ้ ด้วยไอเสียจากเครือ่ งยนตเ์ ป็นหา้ มล้อช่วยเม่ือลงท่ีลาดชัน ระบบวงจร เบรกด้วยแรงดันลมแบบทอ่ คใู่ นระบบหา้ มลอ้ ทาํ ให้สามารถม่ันใจไดว้ ่าการควบคุมการใช้งาน สามารถ ทำงานได้ตอ่ เนื่องเมอ่ื วงจรใดวงจรหน่งึ ชำรดุ นอกจากนย้ี งั ตดิ ต้ังอปุ กรณ์หา้ มลอ้ ด้วยไอเสยี บน เครื่องยนต์ ใชส้ ำหรับลดความเรว็ และใชเ้ ป็นหา้ มลอ้ สำรองในขณะที่รถกาํ ลงั เคลื่อนทล่ี งทลี่ าดชนั 3.4.3 กวา้ น (Winch) แบบของกว้าน TCJ-MD-70 ชนิดของการลดแรง TCJ-70-JS ความยาวลวด 55 ม. เสน้ ผ่าศนู ย์กลางลวดดงึ 14 มม. อัตรากำลังในการกวา้ น 6 ตนั 4. ระบบป้องกนั (Protection performance) รถเกราะลอ้ ยาง 8x8 VN1 ตดิ ตั้งแผน่ เกราะ เหล็กกลา้ ชนิดแข็งพิเศษและ เสริมโครงสร้าง ของตัวรถดว้ ยแผน่ เกราะแบบถอดเกบ็ ได้ การออกแบบติดต้งั แผ่นเกราะในลกั ษณะนจี้ ะ สะท้อนใหเ้ หน็ ถงึ แนวคิดในการใชแ้ ผ่นเกราะแบบผสมผสาน เพอ่ื เพ่ิมขดี ความสามารถในการปอ้ งกันให้กบั ตวั รถได้ อยา่ งมี ประสิทธิภาพซ่ึงจะเป็นไปตามแบบของการพัฒนายาน เกราะในเวทโี ลกดา้ นข้างของตัวรถติดตงั้ เคร่อื งยงิ ลูก ระเบดิ ควนั ข้างละ 3 ท่อ ลูกระเบดิ ควันสามารถสรา้ ง ฉากควันสขี าวเทาในระยะ 50 เมตรจากตวั รถ เพ่อื จำกัดการตรวจการณแ์ ละการเล็งยิงของข้าศกึ ตวั รถ

ห น ้ า | 92 ตดิ ตงั้ ระบบปอ้ งกัน นชค. และระบบดบั เพลิงอตั โนมัติ โดยระบบป้องกนั นชค.มขี ดี ความสามารถใน การ แจง้ เตือนและสรา้ งแรงดัน อากาศภายในตัวรถ เม่อื เกิดเหตุการณ์สงคราม นค., ระบบดบั เพลิงแบบ อตั โนมตั สิ ามารถใชง้ านไดท้ ั้งแบบอตั โนมตั ิและ บังคบั ด้วยมือ หลงั จากเซนเซอร์ตรวจพบสัญญาณเพลงิ ไหม้ ระบบดบั เพลิงอตั โนมตั จิ ะเร่มิ ต้นทำงานโดยอตั โนมตั ิหรือใชม้ อื ควบคมุ เพ่อื ดบั เพลิงในระยะเวลาแจ้งเตอื น น้อยกวา่ 5 วนิ าที ตดิ ต้ังแผ่นเกราะป้องกันชนดิ โลหะผสมแบบถอดได้ (Removable Composite Armor) สามารถปอ้ งกันได้ ในระดับ 3 ตามมาตรฐานนาโต้ 4569 4.1 ตัวรถ (Hull) ตวั รถประกอบด้วยเครือ่ งประกอบชดุ ของตวั รถ, แผน่ ปิดกน้ั ห้อง เคร่อื งยนต,์ พ้ืนรถ, พื้นผิวภายในตัวรถ, แผ่นกนั คลืน่ , ท่นี งั่ สำหรบั พลประจำรถ, ผู้โดยสารหรอื กําลังพลที่ บาดเจ็บ ฯลฯ ตวั รถติดตัง้ ฝาปดิ -เปิด ชอ่ งทางเขา้ - ออก ของพลขบั , ผบ.รถ, พลยงิ , ประตูเขา้ -ออก ทางด้านหลงั รถของ กาํ ลังพล , ช่องทางเขา้ -ออกฉุกเฉินด้านบนตวั รถ, พดั ลมเทอรโ์ บ,แผน่ เกราะด้านซ้าย/ขวา, ฝาปิดห้อง เครอื่ งยนตท์ างดา้ นบน , แผน่ กัน้ ลอ้ ยางและเก้าอนี้ งั่ , ช่องตรวจการณ์ ช่องยงิ และช่องติดตงั้ อุปกรณต์ รวจ การณ์สำรอง ฯลฯ ตัวโครงสรา้ งของ รถสรา้ งจากแผ่นเหลก็ กล้าทมี่ ีความแขง็ สูง ดา้ นหน้าสามารถปอ้ งกันกระสุนเจาะเกราะ แบบ API ขนาด 12.7x108 มม. ได้ทรี่ ะยะ 100 ม. และดา้ นขา้ ง (ซ้าย/ขวา) สามารถป้องกันกระสนุ เจาะ เกราะแบบ AP ขนาด 7.62x51 มม. ได้ทรี่ ะยะ 150 ม. ชอ่ งทางเขา้ - ออกทางด้านหลงั รถสามารถเปิด-ปิด ไดอ้ ย่างรวดเร็ว และเพมิ่ ความปลอดภยั ในการข้ึน หรือลง จากรถให้กับกาํ ลังพล 4.2 การปอ้ งกนั ลูกระเบดิ ขวา้ งและท่นุ ระเบดิ (Grenade and Mine Resistance) รถ เกราะล้อยางลำเลียงพลแบบ 8x8 VN1 ไดน้ ําเอาแผน่ เกราะเหล็กแบบตารางและโครงสร้างเกราะแบบ ถอด ไดม้ าตดิ ตงั้ สะทอ้ นให้เห็นถงึ แนวคดิ ในการออกแบบโมดลู ของเกราะในการปอ้ งกัน เพื่อเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพใน การปอ้ งกนั ให้กับตัวรถ ใหม้ คี วามแข็งแรงเพยี งพอตอ่ การปอ้ งกนั การระเบดิ ของลกู ระเบดิ ขว้าง และทนุ่ ระเบดิ แบบ ขีดความสามารถในการปอ้ งกนั ทุ่นระเบดิ มาตรฐาน VN1 ป้องกนั ลกู ระเบิดขว้าง, สะเกด็ ระเบดิ ของ NATO Standard no. 4569 level 1 (แผ่นเกราะเดิมของ กระสนุ ปนื ใหญ่, และการระเบดิ ของท่นุ ระเบิด รถ) สังหารบุคคลใต้ตวั รถเกราะ 4.3 ระบบป้องกนั นชค. (NBC Protection System) เปน็ ระบบท่ีควบคุมการทำงานแบบ กึง่ อตั โนมัติในการปอ้ งกนั พลประจำรถ และกําลังพล รวมทัง้ ยุทโธปกรณ์ ที่อยูภ่ ายในตัวรถจากความ เสยี หายทจ่ี ะเกดิ ข้นึ ในระหว่างสงคราม นชค. และยงั สามารถนำมาใช้งานเพือ่ ระบายอากาศภายในตัวรถ เมื่อไม่อยใู่ นสภาวะสงคราม นชค. ได้ 4.4 ระบบดบั เพลงิ อตั โนมัติ (Automatic Fire Extinguisher System) ระบบดบั เพลิง สามารถทำงานไดท้ ้งั แบบอตั โนมตั ิและบงั คบั ดว้ ยมือ หลังจากท่เี คร่ืองตรวจจบั ตรวจพบเปลว เพลงิ ตวั เครอื่ ง จะทำงานโดยอัตโนมัตพิ รอ้ มท้ังส่งสัญญาณเตอื นไปยงั พลประจำรถและกาํ ลงั พลด้วยสญั ญาณ ไฟและเสียง นอกจากน้นั ยงั มถี ังดบั เพลงิ แบบเคล่อื นท่ีได้อีก3 ถงั เพ่ือใหก้ าํ ลงั พลทอ่ี ยใู่ นรถใช้ดบั เพลิง 4.5 ระบบเครอื่ งปรบั อากาศ (Air Conditioner) ระบบเครอ่ื งปรบั อากาศประกอบดว้ ยชุด ควบคมุ คอมเพรสเซอร์, ระบบระบายอากาศภายนอก 1 ชุด, ระบบ ปรับอากาศภายใน 3จุดตรงตำแหนง่ พล ขับ, ผบู้ งั คบั รถ, ในห้องโดยสารของกาํ ลงั พล เครอ่ื งปรับอากาศสามารถระบายอากาศ และปรบั อณุ หภูมิให้กับกาํ ลงั พลและยทุ โธปกรณ์ภายในรถทาํ ให้ สภาพแวดลอ้ มภายในรถมบี รรยากาศท่ีสบาย

ห น ้ า | 93 ขดี ความสามารถในการทําความเย็น 10 kW. ใช้ไฟกระแสตรง 26 + 4 V. อณุ หภูมิแวดล้อม 18 °C – 55 °C นำ้ ยาหล่อเย็น R134a ชอ่ งระบายอากาศชุดท่ี1 ติดตัง้ หนา้ ตวั รถ เพือ่ ปรบั อากาศให้กับพลขบั และ ผบ.รถ ช่องระบายอากาศชุดท่ี 2 ตดิ ตงั้ อย่ทู างดา้ นซา้ ยของหอ้ งโดยสารใชส้ ำหรับเพ่มิ ความสะดวกสบาย ให้กบั กาํ ลงั พลในเรอ่ื งของสภาพอากาศแวดลอ้ ม -------------------------------------------


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook