โรงเรียนทหารม้า วชิ า การใช้และการซอ่ มบำรุง เล่มท่ี ๖ รหสั วิชา ๐๑๐๒๒๔๐๖๐๖ หลกั สูตร นายสิบยานยนต์ แผนกวชิ ายานยนต์ กศ.รร.ม.ศม. ปรัชญา รร.ม.ศม. “ฝึกอบรมวิชาการทหาร วิทยาการทันสมัย ธำรงไวซ้ ึ่งคุณธรรม”
ปรัชญา วิสยั ทัศน์ พนั ธกิจ วตั ถปุ ระสงคก์ ารดำเนินงานของสถานศึกษา เอกลกั ษณ์ อัตลักษณ์ ๑. ปรชั ญา ทหารม้าเป็นทหารเหล่าหน่ึงในกองทัพบก ที่ใช้ม้าหรือส่ิงกำเนิดความเร็วอื่น ๆ เป็นพาหนะ เป็นเหล่าท่ีมีความสำคัญ และจำเป็นเหล่าหนึ่ง สำหรับกองทหารขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับเหล่าทหารอ่ืน ๆ โดยมีคุณลักษณะที่มีความ คล่องแคล่ว รวดเร็วในการเคล่ือนท่ี อำนาจการยิงรุนแรง และอำนาจในการทำลายและข่มขวัญ อันเป็น คุณลกั ษณะทส่ี ำคัญและจำเป็นของเหลา่ โรงเรยี นทหารมา้ ศูนย์การทหารม้า มีปรัชญาดังนี้ “ฝึกอบรมวชิ าการทหาร วทิ ยาการทนั สมัย ธำรงไวซ้ ่งึ คณุ ธรรม” ๒. วิสัยทัศน์ “โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้วิชาการเหล่าทหารม้าท่ีทันสมัย ผลติ กำลังพลของเหลา่ ทหารมา้ ให้มีลกั ษณะทางทหารทด่ี ี มีคุณธรรม เพื่อเปน็ กำลงั หลักของกองทพั บก” ๓. พนั ธกจิ ๓.๑วิจัยและพฒั นาระบบการศึกษา ๓.๒ พฒั นาคุณภาพครู อาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ๓.๓ จัดการฝึกอบรมทางวิชาการเหลา่ ทหารม้า และเหลา่ อื่นๆ ตามนโยบายของกองทัพบก ๓.๔ผลิตกำลงั พลของเหล่าทหารมา้ ใหเ้ ปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงค์ของหลักสูตร ๓.๕ พัฒนาสื่อการเรียนการสอน เอกสาร ตำราของโรงเรยี นทหารม้า ๓.๖ปกครองบังคับบัญชากำลังพลของหน่วย และผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรต่างๆ ให้อยู่บนพ้ืนฐาน คณุ ธรรม จริยธรรม ๔. วตั ถุประสงค์ของสถานศึกษา ๔.๑เพื่อพัฒนาครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ใหก้ ับผ้เู ข้ารบั การศึกษาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ๔.๒ เพอ่ื พฒั นาระบบการศกึ ษา และจัดการเรียนการสอนผา่ นสื่ออเิ ล็กทรอนิกส์ ให้มคี ณุ ภาพอย่างต่อเนือ่ ง ๔.๓ เพื่อดำเนินการฝึกศึกษา ให้กับนายทหารช้ันประทวน ที่โรงเรียนทหารม้าผลิต และกำลังพลที่เข้ารับ การศกึ ษา ให้มีความร้คู วามสามารถตามทห่ี น่วย และกองทพั บกตอ้ งการ ๔.๔ เพ่อื พัฒนาระบบการบริหาร และการจดั การทรพั ยากรสนับสนนุ การเรียนรู้ ให้เกิดประโยชน์สงู สดุ ๔.๕ เพือ่ พฒั นาปรับปรงุ สือ่ การเรยี นการสอน เอกสาร ตำรา ใหม้ คี วามทนั สมัยในการฝึกศกึ ษาอย่างต่อเนื่อง ๔.๖เพ่ือพัฒนา วิจัย และให้บริการทางวิชาการ ประสานความร่วมมือ สร้างเครือข่ายทางวิชาการกับ สถาบนั การศึกษา หน่วยงานอืน่ ๆ รวมทง้ั การทำนบุ ำรุงศลิ ปวฒั ธรรม ๕. เอกลกั ษณ์ “เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ทางวิชาการ และผลิตกำลังพลเหล่าทหารม้าอย่างมีคุณภาพเป็นการ เพมิ่ อำนาจกำลงั รบของกองทัพบก” ๖. อตั ลักษณ์ “เด่นสงา่ บนหลังมา้ เกง่ กลา้ บนยานรบ”
สารบญั หน้า 1 - 51 ลำดับ วชิ า 52 - 146 1 การใชแ้ ละการซอ่ มบำรงุ รสพ. แบบ ๘๕ 2 การใชแ้ ละการซอ่ มบำรงุ รสพ. เอม็ ๑๑๓ เอ ๒ ...................................................
ห น้ า | 1 วิชา การใชแ้ ละซอ่ มบำรงุ รถสายพานลำเลียงพล แบบ 85 แผนกวิชายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารมา้ ค่ายอดิศร สระบุรี
ห น้ า | 2 แผนกวิชายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรยี นทหารมา้ ศูนย์การทหารมา้ สระบุรี ---------------------------------------- วชิ า การใช้ และการปรนนบิ ัตบิ ำรงุ ข้นั ท่ี 1 รสพ.แบบ 85 ( OPERATION MANUAL APC.TYPE 85 ) ตอนท่ี 1 คณุ ลักษณะ ขีดความสามารถ และมาตราทานรถ 1. กล่าวนำ รถสายพานลำเลียงพล แบบ 85 ( รสพ.แบบ 85 ) เป็นยานรบประเภทสายพานท่ีมีน้ำหนักเบา ทรวดทรงต่ำ สร้างข้ึนโดยมีความมุ่งหมายเพ่ือใช้ขนส่งทหาร และสัมภาระในแนวหน้า โดยมีเกราะป้องกัน อันตรายจากสะเก็ดระเบิด และกระสุนปืนเล็กได้ สามารถเคล่ือนที่ได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็วทั้งบนถนน และในภูมปิ ระเทศ การขับเคลื่อนด้วยสายพานทำให้ รสพ.แบบ 85 เคล่ือนท่ีและบังคับเลย้ี วได้ทั้งบนพ้นื ดิน และในน้ำ จึงมีขีดความสามารถในปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก คือสามารถใช้งานได้ในบริเวณพื้นที่ลุ่ม เช่น บึง แม่น้ำ ลำธาร เป็นต้น รสพ.แบบ 85 ได้สร้างขึ้นให้เหมาะสมท่ีจะบรรทุกพลขับ 1 นาย ผบ.รถ 1 นาย และ ทหารอีก 13 นาย ยุทธภัณฑ์ประจำรถจะเก็บบรรทุกไว้ในช่องเก็บของประจำรถ และ บนดาดฟ้าของรถ ทำให้ภายในรถมีพื้นท่ีว่างสะดวกแก่การเข้า-ออกของทหาร หรือการบรรทุกลำเลียง สัมภาระ รสพ.แบบ 85 มีป้อมตรวจการณ์ของ ผบ.รถ ซ่ึงหมุนได้รอบตัวพร้อมด้วยฐานติดต้ังปืนกลต่อสู้ อากาศยาน ขนาด 12.7 มม. จำนวน 1 กระบอก นอกจากน้ีบริเวณรอบนอกตัวรถ และท่ีประตูหลัง จะ ติดตั้งช่องยิงปืน และกล้องตรวจการณ์ เพื่อให้ทหารสามารถเล็งยิงอาวุธประจำกายจากภายในรถได้อีก 7 ช่อง 2. คุณลักษณะทวั่ ไป รสพ.แบบ 85 แบง่ ออกเป็น 3 สว่ น คอื 2.1 ส่วนหน้า - ทางด้านซ้าย เป็นห้องพลขับ เป็นท่ีติดต้ังแผงเคร่ืองวัด แผงสวิตช์ควบคุม วงจรไฟฟ้า เคร่ืองควบคมุ และคันบังคบั ต่าง ๆ ท่ีใช้ในการควบคุมการทำงานของเคร่อื งยนต์ และการขบั รถ - ทางด้านขวา เป็นห้องระบบขับเคลื่อนรถ ซ่ึงเป็นที่ติดต้ังเคร่ืองยนต์ หีบเฟือง ถ่ายทอดกำลัง คลัตช์หลัก เครื่องเปล่ียนความเร็ว ชุดคลัตช์บังคับเลี้ยวและห้ามล้อ หีบเฟืองขับข้ันสุดท้าย และหมอ้ กรองอากาศ
ห น้ า | 3 2.2 สว่ นกลาง เปน็ หอ้ งพลประจำรถ และห้องผู้โดยสาร เป็นทต่ี ดิ ตง้ั ที่น่ัง ผบ.รถ และป้อมตรวจ การณ์ เคร่อื งอปุ กรณ์การตดิ ต่อส่ือสาร ห้องแบตเตอรี่ ถังนำ้ มันเชื้อเพลิง และที่นั่งผู้โดยสารซ่ึงสามารถถอด เก็บได้ 2.3 ส่วนล่าง เป็นท่ีติดต้ังสายพาน และระบบพยุงตัวรถ ซึ่งประกอบด้วยล้อขับสายพาน ล้อปรับ สายพาน ล้อกดสายพาน แขนล้อกดสายพาน คานรบั แรงบิด เคร่อื งผอ่ นแรงสะเทือน และสายพาน 3. ระบบหน่วยกำลัง ใช้เคร่ืองยนต์ดีเซล V-8 แบบBFL8413F สี่จังหวะรอบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ มีเครอ่ื งเพ่ิมไอดี กำลงั 320 แรงมา้ เมอ่ื เครื่องยนตห์ มนุ 2,500 รอบ/นาที 4. ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงมีความจุรวม 450 ลิตรประกอบด้วยถังน้ำมันเช้ือเพลิง จำนวน 2 ชดุ คือ 4.1 ชุดภายในรถ จำนวน 2 ถัง ติดต้ังอยู่ทางด้านท้ายทางซ้าย และทางขวาของห้องผู้โดยสาร มี ความจถุ งั ละ 112 ลติ ร 4.2 ชุดภายนอกรถ จำนวน 2 ถัง ตดิ ตง้ั อยทู่ างด้านท้ายภายนอกตัวรถ ความจถุ ังละ 113 ลิตร ถังน้ำมันชุดภายในรถทั้ง 2 ถัง จะมีท่อน้ำมันเชื่อมต่อถึงกัน และต่อไปยังระบบน้ำมันเชื้อเพลิงของ เครอ่ื งยนต์โดยมลี ้ินเลอื กใชถ้ งั น้ำมนั อยูท่ างดา้ นหลังห้องพลขับ 5. ระบบไอดี-ไอเสีย ประกอบด้วยหม้อกรองอากาศแบบแห้ง จำนวน 2 หม้อ คือ หม้อกรองข้ันแรก และ หม้อกรองขั้นที่ 2 ติดต้ังอยู่ทางด้านหน้ารถ ภายในห้องเครื่องยนต์ ฝุ่นผงที่สะสมอยู่ในหม้อกรองขั้นแรก จะถูกระบายผ่านลิ้นทางเดียวท้ิงออกไปภายนอก ด้วยมอเตอร์พัดลมระบายฝุ่น ซ่ึงมีสวิตช์ควบคุมการ ทำงานอยู่ที่แผงหน้าปัดในห้องพลขับ และสวิตช์พัดลมระบายฝุ่นจะต้องอยู่ในตำแหน่งเปิด “ON” ตลอดเวลาทีเ่ คร่ืองยนต์ตดิ เว้นแตใ่ ชง้ านรถในบรเิ วณท่มี ีฝุ่นน้อย เชน่ ในขณะลยุ ขา้ มน้ำ หรอื ใช้งานในหิมะ 6. ระบบระบายความร้อน ประกอบด้วยพัดลมระบายความร้อน จำนวน 1 ชุด ขับหมุนด้วยกำลังขับจาก เครื่องยนต์ ซึ่งถ่ายทอดกำลังขับดว้ ยเครื่องต่อกำลังด้วยน้ำมันเคร่ืองยนต์ และใช้ระบบการควบคุมอุณหภูมิ จากไอเสียเคร่ืองยนต์ ทำหน้าท่ีควบคุมการไหลของอากาศโดยอัตโนมัติ ตามภารกรรมของเครื่องยนต์ ใน สภาพการใช้งานตา่ ง ๆ ทำให้อุณหภมู ขิ องเครอ่ื งยนต์ไมร่ อ้ น หรอื เยน็ จนเกนิ ไป 7. หีบเฟืองถ่ายทอดกำลัง, คลัตช์, เครื่องเปลี่ยนความเร็ว, ชุดคลัตช์บังคับเล้ียว และห้ามล้อ, และหีบ เฟืองขบั ขน้ั สุดทา้ ย 7.1 หีบเฟืองถ่ายทอดกำลัง ทำหน้าท่ีถ่ายทอดกำลังขับจากเคร่ืองยนต์ และลดรอบความเร็วจาก เคร่ืองยนตใ์ ห้น้อยลง แลว้ สง่ กำลังขบั ผา่ นเพลาขบั ไปยังคลัตช์ และเครอ่ื งเปลีย่ นความเรว็ 7.2 คลัตช์ เป็นคลัตช์แบบแห้ง ถ่ายทอดกำลังด้วยความฝืด ทำด้วยแผ่นเหล็กรูปจานวางซ้อนกัน มีหน้าท่ีตัดต่อกำลังระหว่างหีบเฟืองถ่ายทอดกำลัง และเครื่องเปล่ียนความเร็ว การควบคุมบังคับการ ทำงานของคลัตช์ จะกระทำโดยคันคลตั ช์ และชุดกา้ นโยงจากหอ้ งพลขบั 7.3 เคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว เป็นแบบธรรมดา มีเกียร์เดินหน้า 5 เกียร์ และเกียร์ถอยหลัง 1 เกียร์ ในเกียร์ 2, 3, 4 และ 5 จะมีชุดเฟืองปรับความเร็วประกอบอยู่ด้วย เพื่อช่วยให้เข้าเกียร์ได้เงียบ และ สะดวกขึ้น การควบคุมบังคับการทำงานของเครื่องเปล่ียนความเร็ว กระทำโดยคันเกียร์ และชุดก้านโยง จากหอ้ งพลขบั 7.4 ชุดคลัตช์บังคับเลี้ยวและห้ามล้อ ทำหน้าท่ีถ่ายทอดกำลังขับระหว่างเครื่องเปลี่ยนความเร็ว และหบี เฟอื งขับข้ันสุดท้ายแต่ละข้าง ชุดคลตั ช์บังคับเลี้ยวและหา้ มลอ้ ประกอบด้วยชุดแผ่นคลัตช์ จานห้าม ล้อ ผ้าห้ามล้อ และแผ่นกดคลัตช์ หน้าที่สำคัญของชุดคลัตช์บงั คับเลี้ยวและห้ามล้อ ก็คือการทำให้เกิดการ บงั คับเล้ียว และการห้ามล้อ การควบคุมบังคับการทำงาน กระทำโดยคันบงั คับเลี้ยว แป้นห้ามล้อ และชุด ก้านโยงในห้องพลขบั
ห น้ า | 4 7.5 หีบเฟืองขับข้ันสุดท้าย เป็นชุดเฟืองเกียร์แบบธรรมดา ทำหน้าท่ีรับกำลังขับจากชุดเฟือง บังคับเลี้ยวและห้ามล้อ ผ่านเพลาส่งกำลัง แล้วทดรอบความเร็วให้ชา้ ลง เพ่ือเพิ่มแรงบิดขับเคลื่อนให้แก่ล้อ ขบั สายพาน ซึ่งทำหน้าทีห่ มนุ ขับสายพานท้ังสองขา้ ง 8. ระบบพยุงตัวรถ และสายพาน รสพ.แบบ 85 ใช้ระบบพยุงตัวรถด้วยคานรับแรงบิด ประกอบด้วยล้อ กดสายพานข้างละ 5 ล้อ ล้อรับสายพานข้างละ 3 ล้อ ล้อขับสายพานอยู่ด้านหน้ารถ และล้อปรับสายพาน อยดู่ า้ นหลังรถ สายพานที่ใชก้ ับ รสพ.แบบ 85 มี 2 แบบ คือ (1) สายพานรุ่นเก่า เป็นสายพานเหล็ก จำนวนข้างละ 75 ข้อ แบบสายพานตาย ชนิด เปล่ยี นยางรองสายพานได้ สลักสายพานเปน็ แบบสลักเดี่ยวกลม (2) สายพานรุ่นใหม่ เป็นสายพานเหล็ก จำนวนข้างละ 75 ข้อ แบบมีปลอกยางรองสลัก สายพาน ชนิดเปล่ยี นยางรองสายพานได้ สลักสายพานเป็นแบบสลักคู่ 9. ระบบไฟฟ้า เป็นระบบไฟตรง 24 โวลท์ ประกอบด้วยระบบเก่ียวข้องสัมพันธ์กัน ติดต้ังอยู่ภายในห้อง พลขับ ห้องเครื่องยนต์ และห้องพลประจำรถ เช่น ระบบแบตเตอร่ี ระบบหมุนเคร่ืองยนต์ ระบบประจุไฟ ระบบแสงสว่าง ระบบเคร่ืองวัด และสัญญาณเตอื น เปน็ ต้น 10. ระบบเครอ่ื งดบั เพลงิ ประจำรถ ใช้ดับเพลิงท่เี กิดขน้ึ ภายในตัวรถ และเปน็ ระบบเคร่ืองดับเพลิงแบบยก ย้ายได้ จำนวน 2 หม้อ ๆ ละ 1.5 กก. สารดับเพลิงเป็นแบบเฮลอน 1211 สามารถดับเพลิงที่เกิดจาก กระแสไฟฟา้ และการลกุ ไหม้ของน้ำมันต่าง ๆ ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 11. ระบบกล้องตรวจการณ์ด้วยแสงอินฟราเรด รสพ.แบบ 85 จะมีระบบกล้องตรวจการณ์ด้วยแสง อินฟราเรด สำหรับการขับรถ หรือตรวจการณ์ในเวลากลางคืน มีระยะใช้งานประมาณ 60 เมตร โดยใช้ ประกอบกับโคมไฟอินฟราเรด ขนาด 80 วตั ต์ ตดิ ต้งั อย่ทู างด้านหน้าขวารถ จำนวน 1 ดวง 12. ทุ่นพยุงตัวรถ ทุ่นพยุงตัวรถมีไว้เพื่อช่วยในการทรงตัวของรถในขณะลอยน้ำ จะติดตั้งไว้ทางด้านข้าง ตัวรถเหนือสายพาน ท้ังสองข้าง เปลือกนอกของทุ่นพยุงตัวรถทำด้วยโลหะภายในบรรจุโฟมพลาสติก และ ทุ่นพยุงตวั รถสามารถถอดเก็บได้ 13. แผ่นพยุง ตดิ ต้ังไว้ท่ีลาดดา้ นหนา้ รถตอนบน เพือ่ ใช้ปอ้ งกนั คล่นื และนำ้ ไมใ่ ห้กระฉอกเขา้ ไปในห้องพล ขบั และปดิ บังการเหน็ ของกล้องตรวจการณ์ เมอ่ื รถวง่ิ อยู่ในน้ำ แผ่นพยงุ นีส้ ามารถพบั เกบ็ ไดเ้ มื่อไม่ใชง้ าน 14. มาตราทานรถ น้ำหนักพร้อมรบ 13.6 ตัน พลประจำรถ 2 นาย ผโู้ ดยสาร 13 นาย นำ้ หนักกดพน้ื ดิน 0.546 กก./ ซม.2 อัตราสว่ นกำลังขับเคลอ่ื น (แรงม้า/ตัน) 23.5 ขนาดรถ ความยาว 6.125 เมตร ความกวา้ ง 3.060 เมตร ความสูง (ไมร่ วม ปก.ตอ.) 1.914 เมตร (รวม ปก.ตอ.) 2.590 เมตร ระยะจากก่งึ กลางสายพานดา้ นซา้ ย-ขวา 2.526 เมตร สายพานสัมผัสพื้น 3.275 เมตร ความสงู ใตท้ อ้ งรถ 0.46 เมตร
ห น้ า | 5 สมรรถนะบนพื้นดนิ ระยะปฏิบัติการไกลสุด (บนถนนหลวง) 500 กม. (บนเสน้ ทางในภมู ิประเทศ) 350 กม. (ในนำ้ ) 61 กม. ความสามารถในการปีนลาด (ลาดขึน้ ) 32 องศา (ลาดลง) 30 องศา (ลาดขา้ ง) 25 องศา ความสิน้ เปลื้องนำ้ มนั เชื้อเพลิง(ระยะทาง 100 กม.) 75-82 ลติ ร (1.1 ลติ ร/กม.) ความเร็วสูงสุดบนถนน (บนถนน) 65 กม./ชม. ความเรว็ เดนิ ทาง (บนถนนหลวง) 37-42 กม./ชม. (บนถนนในภูมิประเทศ) 32 กม./ชม. ข้ามเครื่องกีดขวางทางด่งิ 0.60 เมตร ขา้ มคกู ว้าง 2.20 เมตร รศั มวี งเลยี้ วต่ำสดุ 1.5 เมตร สมรรถนะในนำ้ ความเรว็ สงู สุดในน้ำ 6 กม./ชม. มมุ ลงน้ำ 20 องศา มุมขึน้ จากนำ้ 25 องศา ตำแหน่งเกยี รใ์ ช้งานปกตใิ นน้ำ เกียร์ 3 ความเรว็ สงู สุดของกระแสน้ำที่รถสามารถตัดขา้ มได้ 1 เมตร/วินาที รศั มวี งเลีย้ วตำ่ สดุ ในน้ำ 13 เมตร เคร่อื งยนต์ ดีเซล V-8 แบบ BF8L413F 4 จงั หวะรอบ, ระบายความร้อนด้วยอากาศ มีเครอ่ื งเพิ่มไอดี และเครื่องระบายความร้อนไอดี แรงม้าสงู สุด 320 แรงมา้ @ 2,500 รอบ/นาที แรงบิดสงู สุด 100 กก./เมตร @ 1,500 รอบ/นาที รอบเดินเบา 600 รอบ/นาที เคร่อื งเปล่ยี นความเรว็ เฟืองเล่อื นธรรมดา เดนิ หน้า 5 ตำแหน่ง ถอยหลงั 1 ตำแหนง่ และวา่ ง 1 ตำแหนง่ ความเร็วในเกยี ร์ตา่ ง ๆ เกียร์ 1 8.8 กม./ชม. เกียร์ 2 17.3 กม./ชม. เกียร์ 3 24.7 กม./ชม. เกียร์ 4 39.9 กม./ชม. เกียร์ 5 59.4 กม./ชม. เกียร์ถอยหลงั 8.8 กม./ชม.
ห น้ า | 6 ระบบไฟฟา้ ระบบไฟตรง 24 โวลท์ แบตเตอร่ี แบบ 65 จำนวน 2 หม้อ แรงเคลื่อนไฟฟา้ 12 โวลท,์ 140 แอมแปร์-ชม. เคร่อื งกำเนิดไฟฟา้ แบบกระแสสลับ มีเคร่อื งเรียงกระแสในตวั 28 โวลท์ ,125 แอมแปร์ ความจุ ระบบนำ้ มันเช้ือเพลิง รวม 450 ลิตร ภายนอก (ถงั ละ) 112 ลิตร ภายใน (ถงั ละ) 113 ลติ ร อา่ งน้ำมนั เคร่ืองยนต์ 21 ลิตร เคร่ืองเปลีย่ นความเรว็ 8 - 9 ลติ ร หบี ถา่ ยทอดกำลัง 12 ลิตร หบี เฟืองขับข้ันสุดทา้ ย (ตัวละ) 2.2 ลิตร กล้องตรวจการณเ์ วลากลางคืนของพลขับ กำลังขยาย 1 เท่า ยา่ นการเห็น 30 องศา ระยะใชง้ าน 60 เมตร โคมไฟอนิ ฟราเรด ขนาด 80 วัตต์ 1 ดวง อาวธุ ประจำรถ (1) ปก.ตอ. ขนาด 12.7 มม. 1 กระบอก ระยะยงิ หวังผลตอ่ เปา้ หมายทางอากาศ 1,600 เมตร ระยะยงิ ในมาตราประจำแกว้ ของกลอ้ งเล็งตอ่ เป้าบนพ้ืนดิน 3,300-3,500 เมตร (2) เครื่องยิงลูกระเบดิ ควันขนาด 76 มม. แบบ 84 (4 ลำกล้อง) 2 ชุด ระยะยงิ (โดยประมาณ) 100 เมตร ช่องยงิ ปนื ( 7 ชอ่ ง ) ดา้ นซา้ ย 3 ช่อง ด้านขวา 3 ช่อง ดา้ นทา้ ยรถ 1 ชอ่ ง ความหนาของเกราะ ดา้ นหน้า 12 มม. หลังคา ด้านหลงั และใต้ท้องรถ 8 มม. ลาดดา้ นหนา้ รถตอนบน 8 มม. ----------------------------------
ตอนที่ 2 เครื่องควบคมุ และคันบงั คบั ห น้ า | 7 เคร่ืองควบคมุ และคนั บังคับในห้องพลขับ 8 7 9 6 5 10 4 11 3 12 2 13 1 ลำดบั ชอ่ื อุปกรณ์ หน้าท่ี และการใช้งาน 1. ลิน้ เลอื กถงั น้ำมันเชือ้ เพลิง เลอื กถงั น้ำมนั เชอื้ เพลงิ ใช้งาน มี 3 ตำแหนง่ คอื - ถงั ภายนอกรถ ( OUTER ) 2. คันเกียร์เคร่อื งเปลีย่ นความเรว็ - ถงั ภายในรถ ( INNER ) 3. คนั บังคับเล้ยี วขวา - ปิด ( SHUT OFF ) เลือกตำแหน่งเกียร์ใช้งาน มีเกียร์เดินหน้า 5 ตำแหน่ง 4. คันบังคบั เลี้ยวซ้าย เกียรถ์ อยหลงั 1 ตำแหนง่ และเกยี รว์ ่าง 1 ตำแหนง่ 5. สวิตชแ์ ตร บังคับรถให้เล้ียวขวาด้วยการดึงมาข้างหลัง มี 3 ตำแหน่ง 6. กลอ้ งตรวจการณ์ คือ - ตำแหน่งปกติ เมื่อไม่ใช้งาน - ตำแหนง่ 1 วงเล้ียวกวา้ ง - ตำแหนง่ 2 วงเล้ยี วแคบ และหมนุ อย่กู ับท่ี บังคับรถให้เล้ียวซ้ายด้วยการดึงมาข้างหลัง มี 3 ตำแหน่ง เช่นเดยี วกับคนั บงั คบั เลยี้ วขวา ใชก้ ดเพอื่ ใหเ้ สียงสัญญานเตอื น
ห น้ า | 8 7. ชดุ ไฟสญั ญาน 3 สี ใชส้ ำหรับขบั รถด้วยการปดิ ป้อม อยู่ด้านบนของห้องผู้โดยสาร ใช้โดย ผบ.รถ เพ่ือให้ สัญญาน แก่ผู้โดยสาร มี 3 สี คือ สีขาว สีแดง และสี เขียว เครือ่ งควบคุม และคนั บังคบั ในหอ้ งพลขบั ( ตอ่ ) ลำดับ ช่อื อปุ กรณ์ หนา้ ที่ และการใชง้ าน 8. กล่องปฐมพยาบาล เกบ็ เครื่องปฐมพยาบาลประจำรถ 9. เคร่ืองวัดความเร็ว แสดงความเร็วของรถเปน็ กม./ชม. และบันทึกระยะทางที่ รถเคลื่อนทไี่ ปเป็นกิโลเมตร และทศนยิ มของกโิ ลเมตร 10. เครื่องวดั รอบ แสดงรอบความเร็วของเคร่อื งยนต์ใน 1 นาที ( รอบ/นาท)ี 11. แผงเครื่องวัดไฟเตือน และสวิตช์ ติด ต้ังเคร่ืองวัด ไฟ เตือน แ ละสวิ ตช์ควบ คุม ( มี ควบคมุ รายละเอียดใน 12. หวั ขอ้ แผงเครอ่ื งวดั และสวติ ช์ควบคุมของพลขับ ) ทีน่ งั่ พลขับ เป็นท่ีน่ังปฏิบัติงานของพลขับ สามารถปรับระดับที่น่ัง 13. และพนักพงิ ได้ คนั ดับเครอ่ื งยนต์ และคันเร่งมอื ดับเคร่ืองยนต์ และต้ังรอบความเร็วเคร่ืองยนต์ตามความ ต้องการ 18 15 4 16 3 14 2 17 19 ลำดบั ชื่ออปุ กรณ์ หน้าที่ และการใช้งาน 14. คนั เร่งเครื่องยนต์ ควบคมุ ความเรว็ ของเครอ่ื งยนต์ 15. คนั หา้ มลอ้ จอดรถ ยดึ คันห้ามลอ้ ไวใ้ นตำแหน่งจอดรถ 16. แป้นหา้ มลอ้ ชะลอความเรว็ และหยุดรถ 17. สวิตชเ์ ลอื กลำแสง เลือกลำแสงไฟ สูง-ต่ำ ของโคมไฟใหญ่ ด้วยการกด และ 18. แผงเครื่องวัด ไฟเตือนและสวิตช์ ปลอ่ ย
ห น้ า | 9 ควบคมุ ติดต้ังเครื่องวัด ไฟ เตือน แ ละสวิตช์ควบ คุม ( มี 19. แป้นคลัตช์ รายละเอยี ดใน หัวขอ้ แผงเคร่ืองวดั และสวิตชค์ วบคมุ ของพลขับ ) ตดั - ต่อ การถา่ ยทอดกำลงั ขับระหว่างหบี เฟอื งถ่ายทอด เคร่ืองควบคมุ และคนั บังคับในห้องผ้โู ดยสาร 25 24 23 22 21 20 ลำดบั ชอื่ อปุ กรณ์ หนา้ ท่ี และการใชง้ าน 20. แบตเตอรี่ จ่ายกระแสไฟตรง 24 โวลท์ให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าของระบบ 21. ท่นี ั่งผ้โู ดยสาร ตา่ ง ๆ 22. ช่องยงิ ปืน เปน็ ที่นง่ั โดยสาร สามารถถอด และพบั เกบ็ ได้ 23. กลอ้ งตรวจการณ์ เป็นท่ีพาดปืนเล็ก เพื่ออำนวยให้ผู้โดยสารยิงอาวุธประจำ 24. ถงั น้ำมันภายในรถ กายได้ 25. พดั ลมระบายอากาศ เป็นท่ีตรวจการณ์ของผู้โดยสาร เก็บน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ภายในรถ มี 2 ถัง คือ ถังซ้าย และ ถงั ขวา ระบายอากาศภายในหอ้ งผโู้ ดยสาร
ห น้ า | 10 เครื่องควบคมุ และอุปกรณด์ า้ นท้ายรถ 30 25 23 30 29 29 31 22 ลำดบั ช่อื อุปกรณ์ 33 28 26. กลอนประตูทา้ ย 21 26 27. ประตูทา้ ย 27 28. ถงั นำ้ มันนอกรถด้านขวา หนา้ ท3่ี แ2ละการใช้งาน ยึดประตทู า้ ยไว้กับตัวรถ 29. ไฟห้ามลอ้ เป็นชอ่ งทางเข้า-ออก ทางท้ายรถ เกบ็ นำ้ มนั เชอื้ เพลงิ ไวภ้ ายนอกรถ 30. ไฟหรี่ และไฟเลยี้ ว ตดิ สว่างขึ้นเม่อื พลขับเหยียบหา้ มล้อ แสดงทิศทางการเลี้ยวรถ และแสดงตำแหน่งที่อยู่ของรถ 31. ถงั น้ำมันนอกรถดา้ นซา้ ย ในเวลากลางคืน 32. ขอลากจูง เก็บนำ้ มันเชอ้ื เพลิงไวภ้ ายนอกรถ 33. ฝาปิดเคร่ืองปรบั สายพาน สวมเก่ยี วลวดลากจงู รถ ปิดเครอ่ื งปรบั สายพาน มี 2 ดา้ น คือ ด้านซา้ ย และด้านขวา
ห น้ า | 11 แผงเคร่อื งวัด ไฟเตอื น และสวติ ชค์ วบคมุ ของพลขับ 1 23 4 56 7 18 8 9 17 16 ชื่ออุปกรณ์ หน้าที่ และการใชง้ าน 10 15 11 ลำดับ 1. เครอ่ื งวดั แรงดันนำ้ มนั เครอ่ื งยนต์ แสดงคา่ แรงดันนำ้ มันในระบบหลอ่ ลื่นของเครื่องยนต์ - แรงดันใชง้ านปกติ 3 - 5 บาร์ - แรงดนั ตำ่ สดุ ในรอบเดนิ เบา 0.5 บาร์ 2. เครื่องวัดอุณหภมู ินำ้ มนั เครอื่ งยนต์ แสดงคา่ อุณหภูมนิ ้ำมนั เครือ่ งยนตใ์ นขณะใช้งาน 14 13 - อณุ หภมู ิใชง้ านปกติ บบรรเิ วเิ วณ1ณ2ยยา่ ่านนสสเี ขแี ียดวง - อณุ หภมู ิสงู ผิดปกติ 3. เคร่ืองวัดอณุ หภูมิฝาสูบ แสดงค่าอุณหภูมขิ องฝาสูบในขณะใช้งาน - อณุ หภมู ใิ ชง้ านปกติ บรเิ วณย่านสีเขียว - อณุ หภูมิสูงผิดปกติ บริเวณยา่ นสีแดง 4. สวิตช์พัดลมระบายฝุ่น ควบคุมการทำงานของมอเตอร์พัดลมระบายฝุ่นในหม้อ กรองอากาศขน้ั แรก มี 2 ตำแหนง่ คอื - เปดิ ( ON ) สำหรับการใชง้ านรถตามปกติบนพนื้ ดนิ - ปิด ( OFF ) ใช้เมื่อลุยข้ามน้ำ หรือในพื้นที่ปลอดฝุ่น เช่นในหิมะ แผงเครอื่ งวดั ไฟเตอื น และสวติ ช์ควบคุมของพลขบั ( ตอ่ ) ลำดบั ชอื่ อุปกรณ์ หนา้ ท่ี และการใช้งาน 5. ไฟสอ่ งหน้าปัดเครือ่ งวดั ส่องสว่างหน้าปดั เครอื่ งวัด และสวติ ช์ควบคมุ 6. เครอ่ื งวัดไฟฟ้า แสดงค่ากระแส และแรงดันไฟฟ้าในระบบไฟฟ้าของรถ ดงั น้ี - แสดงคา่ การประจุไฟใหก้ บั แบตเตอร่ีเปน็ แอมแปร์
ห น้ า | 12 7. เครอ่ื งบันทึกชวั่ โมงใชง้ านเครอื่ งยนต์ - แสดงค่าแรงดนั ไฟฟา้ เมื่อกดปุ่มบนหนา้ ปัดเครือ่ งวดั 8. ไฟเตอื นเครอ่ื งกำเนิดไฟฟา้ บนั ทกึ ชั่วโมงใช้งานของเครือ่ งยนต์ แสดงการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเม่อื เครื่องยนต์เดิน ดังน้ี 9. สวิตช์ปมั๊ สบู นำ้ - ดับสนิทแสดงวา่ เครือ่ งกำเนดิ ไฟฟ้าทำงาน 10. สวิตชไ์ ฟหรีห่ นา้ รถ และไฟหร่ที ้ายรถ - ตดิ สว่างขน้ึ แสดงวา่ เคร่ืองกำเนดิ ไฟฟา้ ไมท่ ำงาน 11. สวติ ช์โคมไฟพรางขับอินฟราเรด เปิด – ปิดป๊ัมสูบน้ำพืน้ รถ 12. สวติ ชแ์ บตเตอรี่ เปดิ – ปิด ไฟหรี่หน้ารถ และไฟหรท่ี ้ายรถ 13. ฟิวสป์ ้องกนั วงจรไฟฟา้ เปดิ – ปิด โคมไฟพรางขบั อนิ ฟราเรด 14. สวติ ช์หมนุ เคร่ืองยนต์ ควบคุมการจา่ ยกระแสไฟของแบตเตอรี่ ปอ้ งกนั วงจรไฟฟ้าตา่ ง ๆ ของรถ ควบคุมการทำงานของมอเตอร์หมุนเครื่องยนต์ มี 3 ตำแหนง่ คอื 15. สวิตช์โคมไฟใหญ่หนา้ ขวา - ปิด ( OFF ) เมอื่ ปล่อยสวิตช์ 16. สวติ ชโ์ คมไฟใหญ่หนา้ ซา้ ย - ตำแหน่ง 1 ใช้อุ่นไอดี ก่อนติดเครื่องยนต์ในอากาศ 17. ไฟเตือนเคร่ืองอุน่ ไอดี หนาวจัด - ตำแหน่ง 2 ใชต้ ิดเคร่ืองยนตใ์ นอุณหภูมิปกติ 18. สวิตช์ไฟสอ่ งหน้าปดั เครื่องวัด เปดิ – ปิด โคมไฟใหญห่ น้าขวา เปดิ – ปดิ โคมไฟใหญ่หนา้ ซ้าย แสดงการทำงานของเคร่ืองอุ่นไอดีเมื่อจัดสวิตช์หมุน เครือ่ งยนตไ์ ว้ในตำแหน่ง 1 ประมาณ 1 นาที เปดิ – ปดิ ไฟส่องหนา้ ปัดเครื่องวดั แผงเครือ่ งวดั ไฟเตือน และสวิตชค์ วบคมุ ของพลขับ ( ตอ่ ) 4 ลำดบั ชือ่ อปุ กรณ์ หน้าท่ี และการใช้งาน 1. เครื่องวดั รอบ แสดงรอบความเร็วของเคร่ืองยนต์ใน 1 นาที ( รอบ/ นาที ) 2. ไฟเตือนประตทู ้าย โดยคูณคา่ ทีอ่ า่ นได้ด้วย 100 แสดงความไม่เรียบร้อยในการปิดประตูท้าย โดยติดสว่าง 3. เครื่องวัดความ เร็ว และบั น ทึ ก เมอ่ื ประตทู ้ายปดิ ไม่สนิท ระยะทาง แสดงความเร็วในการเคลื่อนท่ีของรถเป็นกิโลเมตร ต่อ ชว่ั โมง ( กม./ชม. ) และบันทึกระยะทางท่ีรถเคลื่อนท่ีเป็น 1 23
ห น้ า | 13 กิโลเมตร และทศนิยมของกิโลเมตร ตอนท่ี 3 การใชง้ านรถ การติดเคร่อื งยนต์ 1. การปฏบิ ัติทคี่ วรทำกอ่ นติดเครือ่ งยนต์ 1.1 ตรวจเครื่องดับเพลงิ ประจำรถ 1.2 ตรวจระดับน้ำมันเคร่ืองยนต์ และระดับน้ำมันเชอ้ื เพลิงให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภยั สำหรับการเดนิ เคร่อื งยนต์ 1.3 ตรวจการร่ัวไหลของระบบต่าง ๆ และการติดเครื่องยนต์จะกระทำได้เม่ือได้แก้ไขการรั่วไหลที่ ตรวจพบ เสร็จเรยี บร้อยแล้ว 2. ข้นั ตอนการติดเคร่ืองยนต์ 2.1 จัดคนั เรง่ มอื ไว้ในตำแหนง่ เดินเครอื่ ง 2.2 จัดล้ินเลือกถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้ตรงกับตำแหน่งถังน้ำมันเช้ือเพลิงท่ีต้องการใช้ โดยปกติควร เลอื กใชจ้ ากถังน้ำมันภายนอกรถก่อน 2.3 จดั สวิตช์แบตเตอรีไ่ วใ้ นตำแหน่งเปดิ “ON ” 2.4 จดั คนั เกียรไ์ วใ้ นตำแหนง่ “ ว่าง ” 2.5 กดสวิตช์แตรเพ่อื เตอื นให้ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งทราบวา่ จะตดิ เครอ่ื งยนต์ 2.6 เหยียบแป้นคลัตชล์ งไปจนสุด 2.7 กดคนั เรง่ ลงไปประมาณ 2/3 ของระยะคันเร่ง 2.8 บิดสวติ ชห์ มุนเครื่องยนตไ์ ปยังตำแหน่ง “ 2 ” ประมาณ 2 - 3 วินาที ถ้าเคร่ืองยนต์ไม่ติดให้ คอยอยา่ งน้อย 15 วินาที กอ่ นพยายามตดิ เคร่อื งยนต์ซำ้ อีก หมายเหตุ ตำแหนง่ “1” ของสวติ ช์หมนุ เคร่ืองยนต์เปน็ ตำแหน่งใช้เคร่ืองอ่นุ ไอดีเพื่อชว่ ยให้ ติดเครอ่ื งยนต์ ได้สะดวกข้ึนในอากาศหนาวจดั ( ตำ่ กว่า 5 ซ.) 2.9 ในทนั ทีท่ ่ีเคร่อื งยนต์ตดิ ให้ปล่อยสวติ ช์หมุนเครอ่ื งยนต์ และผ่อนแป้นคลตั ชจ์ นสุด 2.10 ปรบั คันเรง่ มือให้เคร่อื งยนตเ์ ดนิ เบา 700-800 รอบ/นาที 3. การดับเครือ่ งยนต์ 3.1 หลังการใช้งานควรปล่อยให้เคร่ืองยนต์เดินเบา 700-800 รอบ/นาที เป็นเวลา 2-3 นาทีเพือ่ ให้ ชดุ กงั หันอัดไอดี และเครอื่ งยนต์มอี ุณหภมู ลิ ดลงเสียกอ่ น 3.2 ผอ่ นคันเร่งเครือ่ งยนตใ์ ห้สุด แล้วจัดคันเร่งมือไวใ้ นตำแหน่งดับเคร่ืองยนต์ การปรนนบิ ัติบำรงุ เคร่ืองยนตใ์ นระหว่างใช้งาน 1. เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ชำรุดเสียหาย และรักษาเคร่ืองยนต์ให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลาจึง ควรหม่นั ตรวจนำ้ มนั เคร่ืองยนต์ และน้ำมนั เชื้อเพลงิ และเติมให้มีระดับพอเพียงตอ่ การใชง้ าน 2. ก่อนออกรถ ควรตรวจว่าเคร่ืองยนตเ์ ดินเบาไดเ้ รียบ และสามารถเร่งเคร่ืองยนต์ให้เดนิ ในรอบสูง ไดด้ ี และตอบสนองตอ่ การใชค้ นั เร่งไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ห น้ า | 14 3. ในขณะขับรถตอ้ งหมน่ั ตรวจการแสดงค่าของเคร่ืองวดั ตา่ ง ๆ ดังน้ี 3.1 เครื่องวัดแรงดันน้ำมันเครื่องยนต์ แสดงค่าแรงดันปกติ 3-5 บาร์ (แรงดันต่ำสุดในรอบเดินเบา 0.5 บาร์ ) ห้ามใชง้ านหากเขม็ วดั ช้อี ยใู่ นแถบสแี ดง 3.2 เคร่อื งวดั อณุ หภูมินำ้ มันเคร่ืองยนต์ แสดงค่าอุณหภมู ใิ ชง้ านปกติ ในบริเวณแถบสีเขยี ว ( 70 -90 ซ. ) หา้ มใช้งาน ในบรเิ วณแถบสีแดง ( 130 -150 ซ.) 3.3 เคร่ืองวัดอุณหภมู ิฝาสูบ แสดงค่าอณุ หภมู ิใชง้ านปกติ ในบรเิ วณแถบสีเขยี ว (50 -170 ซ.) หา้ มใช้งาน ในบริเวณแถบสีแดง ( 170 -200 ซ.) การท่ีเครื่องวดั อุณหภมู ฝิ าสบู อยใู่ นแถบสีแดง ซึ่งแสดง ว่าฝาสูบของเครอ่ื งยนตร์ อ้ นจัด เพราะเคร่อื งยนตถ์ ูกใช้งานดว้ ยภารกรรมหนัก และรอบเคร่ืองยนตส์ งู เกินไป พลขบั ควรลดเกียรใ์ ห้ต่ำลง และลดความเรว็ ของเคร่ืองยนต์ลง แล้วตรวจสภาพเคร่ืองยนตเ์ ม่ือดับเคร่ืองยนต์ แลว้ การขบั รถ ระเบยี บปฏบิ ตั ิ และขอ้ บงั คับ ต่าง ๆ 1. หลกั การทัว่ ไป 1.1.ในขณะขับรถพลขับควรเอาใจใส่ต่อสภาพภูมิประเทศเบื้องหน้า ใช้ความเร็วท่ีให้เหมาะสมกับ เส้นทางการเคลื่อนที่ ตำแหน่งเกียร์ และรอบความเร็วของเคร่ืองยนต์ หมั่นสังเกตเครื่องวัดต่าง ๆ และ ควบคุมรอบความเร็วใชง้ านเครื่องยนตใ์ หอ้ ย่ใู นเกณฑ์ 1,000-1,800 รอบ/นาที 1.2. การหยดุ รถ และการจอดรถบนลาดใหใ้ ช้ห้ามล้อเทา้ 1.3.การเหยียบคลัตชใ์ หก้ ระทำโดยเรว็ อยา่ วางพกั เทา้ ไวบ้ นแปน้ คลตั ชใ์ นขณะเดินเคร่ืองยนต์ 1.4.การเข้าเกียร์ และการเปล่ียนเกียร์จากตำแหน่งเดินหน้า – ถอยหลัง จะต้องกระทำเมื่อรถหยุด สนิท และเคร่อื งยนตเ์ ดินเบา 600-650 รอบ/นาที 1.5. ในขณะขับรถบนถนนให้ใชห้ า้ มล้อน้อยท่ีสดุ เท่าทีจ่ ะทำได้ 1.6. ไม่ควรใช้คันบังคับเล้ียวเพียงข้างเดียวอยู่เสมอ เพราะจะทำให้ผ้าห้ามล้อร้อนจัด และสึกหรอ เพยี งข้างเดยี ว ควรใชค้ ันบงั คบั เลี้ยวเทา่ ๆ กันท้งั สองข้างถ้ากระทำได้ 1.7. ในขณะขับรถด้วยความเร็วสูง อย่ากระตุกคันบังคับเลี้ยวโดยแรงเพ่ือให้รถเล้ียวเป็นวงแคบ เพราะจะทำให้รถแฉลบ ลนื่ ไถล จนควบคมุ บังคับรถไมไ่ ด้ 2. ระเบียบปฏิบัติ และขอ้ บงั คับ ต่าง ๆ 2.1 การออกรถ ควรออกรถดว้ ยตำแหนง่ เกียร์ท่ีเหมาะสม ดงั น้ี (1) บนพน้ื ราบ เมอื่ พ้ืนดนิ แขง็ และแน่น ตามปกติควรออกรถดว้ ยเกียร์ 2 (2) ขนึ้ ลาดชนั ในภูมปิ ระเทศขรุขระ บนพนื้ ทราย พนื้ ดนิ อ่อน หรอื ในโคลน ควรออกรถด้วยเกยี ร์ 1 สำหรับการลงลาดชนั ใหอ้ อกรถด้วยเกยี ร์ 3 ได้ 2.2 ข้นั ตอน (1) เหยียบคลัตชใ์ หส้ ุด (2) เข้าเกียรใ์ นตำแหน่งทตี่ ้องการ (3) กดสวติ ชแ์ ตร ( ถ้าสถานการณท์ างยทุ ธวธิ เี อ้ืออำนวย ) (4) ผ่อนแป้นคลัตช์โดยเร็ว 2/3 ของระยะแป้นคลัตช์ และในระยะ 1/3 ต่อมาให้ผ่อนคลัตช์อย่าง นิ่มนวล พร้อมกับเรง่ เครอ่ื งยนตใ์ ห้สัมพันธก์ บั การผอ่ นคลัตช์
ห น้ า | 15 2.3 การออกรถข้ึนลาดชัน การออกรถตอ่ ไปหลังจากการหยุดรถในขณะข้ึนลาดชัน ต้องระวังอย่าให้ รถไหลถอยหลัง เน่ืองจากการท่ีรถไหลถอยหลัง เมื่อเข้าเกียร์เดินหน้าจะทำให้เคร่ืองเปลี่ยนความเร็วชำรุด และเครอ่ื งยนต์หมุนยอ้ นกลบั ทิศทางปกติ 2.4 การออกรถลงลาดชัน การลงลาดชัน ควรปฏิบัติให้เหมาะสมกับความชันของลาด สภาพผิวพ้ืน เส้นทาง และสิ่งกดี ขวางที่รถจะต้องเคล่ือนท่ีผ่านไป - การออกรถลงลาดชนั มาก แต่เปน็ ลาดช่วงสนั้ อาจใช้เกยี ร์ 3 ได้ - การลงลาดชันท่เี ป็นลาดชว่ งยาวมาก ให้ใช้ห้ามล้อเท้าเป็นครั้งคราว เพื่อชะลอใหร้ ถแล่นลงจากลาด ชา้ ๆ - ถา้ ลาดชันเป็นลาดตรงใหพ้ ยายามใช้เคร่อื งยนต์ชว่ ยห้ามลอ้ โดยการผ่อนคันเรง่ ใหส้ ดุ แลว้ ปลอ่ ยให้รถแล่น ลงลาดในตำแหน่งเกียร์นน้ั - อย่าพยายามเปล่ียนเกียร์ในขณะข้ึนหรือลงลาด เพราะเม่ือปลดเกียร์ออกแล้วอาจเข้าเกียร์อีกไม่ได้ เป็น เหตใุ ห้รถพุ่งลง หรือไหลลงด้วยความเร็วสูง จนบังคับรถไม่ได้ และเกิดอบุ ัตเิ หตุร้ายแรงข้ึน โดยปกติการข้ึน และลงลาดชนั จะใชเ้ กียร์ในตำแหนง่ เดยี วกนั เสมอ 2.5 หลกั การเปลี่ยนเกียร์ หลักเบอื้ งต้นในการขับรถคือการเลือกใช้ตำแหน่งเกียร์ให้เหมาะสมกับสภาพ เสน้ ทาง และการจราจร ให้รถสามารถวง่ิ ไปด้วยความเร็วสงู สดุ ของเกยี รท์ ใ่ี ช้ อย่างปลอดภัย การท่ีจะบังเกิดผลดังกล่าว พลขับจะต้องมีความรู้ในการพิจารณาภูมิประเทศเป็นอย่างดี ใช้ความเร็วให้ เหมาะสม และในขณะรถวง่ิ ควรใช้หา้ มลอ้ ให้น้อยทสี่ ุดเทา่ ทจ่ี ะทำได้ (1) ไม่ควรเปล่ียนเกียร์ในขณะขึ้นหรือลงลาดชัน ในโคลน หรือพ้ืนดินอ่อน ในขณะข้ามเครื่องกีด ขวาง ขณะลยุ นำ้ หรือหาดทราย ขณะขา้ มสะพาน และในขณะบงั คับเลย้ี วรถ (2) การเปลี่ยนเกยี ร์ควรดำเนนิ ไปตามลำดบั ของตำแหน่งเกยี ร์ เวน้ แต่เมอ่ื รถวง่ิ ลงลาดจึงอนุญาตให้ เปลี่ยนเกียร์ข้ามลำดับ เช่นจากเกียร์ 1 ไปเกียร์ 3, จากเกียร์ 2 ไปเกียร์ 4 หรือจากเกียร์ 4 ไปเกียร์ 5 เป็น ต้น (4) ในกรณีท่ีรถไหลถอยหลัง ห้ามเข้าเกียร์เดินหน้าเป็นอันขาด โดยให้ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติอย่าง เคร่งครัดว่า การเปล่ียนเกียร์ระหว่างเกียร์เดินหน้า - ถอยหลังนั้นจะต้องกระทำเม่ือรถหยุดสนิท และ เครื่องยนต์อยใู่ นรอบเดินเบาเทา่ นน้ั 2.6 การเปล่ยี นจากเกยี รต์ ่ำไปเกยี ร์สูง เชน่ จากเกยี ร์ 2 ไปยงั เกียร์ 3 ให้ปฏิบัติดังนี้ ศึกษาความเร็วของตำแหนง่ เกียร์ต่าง ๆ ตามท่ีกำหนดไว้ ตำแหนง่ เกยี ร์ ความเรว็ สูงสุด ( กม./ชม. ) 1 8.8 2 17.3 3 24.7 4 39.9 5 59.4 ถอยหลงั 8.8 (1) เร่งเครื่องยนต์ขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอ เพ่ือเพิ่มความเร็วรถในเกียร์ 2 ให้สูงข้ึนจนถึงระดับ ความเร็วสูงสุดของเกยี ร์ 2 คือ 17 กม./ชม. (2) เหยยี บคลตั ช์ใหส้ ดุ โดยเรว็ พร้อมกับผอ่ นคันเร่งเครื่องยนต์
ห น้ า | 16 (3) ปลดเกียร์ 2 แล้วเข้าเกียร์ 3 (4) ผ่อนคลตั ช์โดยเร็ว พร้อมกบั เร่งเคร่อื งยนต์ต่อไป 2.7 การเปลีย่ นจากเกยี รส์ งู ไปเกียรต์ ำ่ เชน่ จากเกยี ร์ 3 ไปยงั เกียร์ 2 เป็นต้น (1) ชะลอความเร็วของรถจนต่ำกวา่ ความเรว็ สูงสดุ ของเกยี ร์ 2 คือ 17 กม./ชม. เหยยี บคลัตชใ์ หส้ ดุ โดยเร็ว พร้อมกับผ่อนคนั เรง่ เครือ่ งยนต์ (2) ปลดจากเกียร์ 3 โดยเรว็ และเร่งเครื่องยนต์เลก็ นอ้ ย (3) เขา้ เกียร์ 2 แล้วผอ่ นคลัตช์โดยเร็ว พรอ้ มกับเรง่ เคร่อื งยนตต์ ่อไป หมายเหตุ แม้วา่ เครือ่ งเปลี่ยนความเร็วจะมชี ดุ เฟืองปรับความเรว็ ( ซินโครเมช ) ประกอบอยดู่ ว้ ย กย็ งั จำเป็นต้องใช้เทคนิคในการย้ำคลัตช์ ในขณะในขณะเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์ต่ำไปยังเกียร์สูง และเร่ง เครือ่ งยนตเ์ ล็กน้อยในเกยี รว์ ่าง ก่อนทจี่ ะเปลยี่ นจากเกยี รส์ ูงเป็นเกียร์ต่ำ 3. การบังคับเลี้ยว การเล้ียวของรสพ.แบบ 85 กระทำโดยใชค้ นั บงั คบั เล้ียวไปบังคบั ควบคมุ หบี เฟืองบังคบั เลี้ยว และห้ามล้อในขณะเล้ียวรถจะต้องเร่งเคร่ืองยนต์ให้เหมาะสมกับขนาดของวงเล้ียว หรือตำแหน่งการ ดึงคนั บังคบั เลีย้ ว เพอ่ื ไม่ให้เคร่ืองยนต์ดับ คันบงั คับเลยี้ วแตล่ ะข้าง สามารถจัดได้ 3 ตำแหน่ง คอื 3.1 ตำแหนง่ ปกติ คนั บังคับอยู่ดา้ นหนา้ สดุ รถจะวงิ่ เป็นแนวตรง 3.2 ตำแหน่ง 1 ( ตำแหน่งกลาง ) รถจะเล้ียวเป็นวงกว้าง ใช้สำหรับควบคุมทิศทาง และบังคับ เลีย้ วรถบนถนนในขณะวิง่ ด้วยความเร็วในตำแหนง่ เกยี ร์ 3, 4 และ 5 3.3 ตำแหน่ง 2 ( ตำแหนง่ หลังสดุ ) รถจะเล้ยี วเป็นวงแคบไปรอบศูนยก์ ลางของสายพานข้างที่ถูก ยึดไว้ด้วยห้ามล้อ จึงห้ามใชต้ ำแหน่งน้ีในตำแหน่งเกียร์ 3, 4 และ 5 และถ้าใช้ในพื้นท่ีดนิ อ่อน ดนิ ร่วน หรือ บนพน้ื ทรายใหใ้ ชโ้ ดยการดงึ แล้วปล่อยหลาย ๆ ครงั้ จนไดท้ ิศทางทีต่ อ้ งการ มฉิ ะน้ันจะทำใหส้ ายพานรถหลดุ ได้ 4. ขอ้ บงั คบั ในการใชค้ นั บังคับเล้ียว 4.1 ควรดงึ ดันบังคับเลี้ยวอยา่ นิม่ นวล และอยา่ ดึงคันบังคับเลย้ี วบ่อย ๆ เมื่อไม่จำเป็น 4.2 การเลี้ยวรถโดยยึดสายพานให้หยุดหมุนข้างหนึ่ง ( การดึงคันบังคับเลี้ยวข้างนั้นมายังตำแหน่ง 2 ) หา้ มกระทำเมอื่ รถวง่ิ อย่ใู นเกยี ร์ 3, 4 และ 5 4.3 เลือกพนื้ ทรี่ าบเรียบ หรอื พนื้ ทซี่ ง่ึ มคี วามฝืดนอ้ ยเม่ือจะเลยี้ วรถ ถ้าสามารถกระทำได้ 4.4 ควรหลีกเล่ียงการเลี้ยวรถอย่างรวดเร็วในขณะขับรถขึ้น-ลงลาดชนั 4.5 ไม่ควรเล้ียวรถในขณะเคลื่อนท่ีบนโคลนเลน บนพ้ืนทราย และในขณะข้ามเครื่องกีดขวางถ้า สามารถกระทำได้ การเลี้ยวรถบนพื้นทราย ดินอ่อน หรือดินร่วน ควรเลี้ยวเป็นวงกว้างด้วยการดึงแล้ว ปลอ่ ย คนั บังคับเลี้ยวซำ้ กนั หลาย ๆ คร้งั 4.6 ในกรณีที่รถเกิดการล่ืนไถล ให้หยุดเล้ียวรถ และดันคันบังคับเล้ียวทั้งคู่ไปยังตำแหน่งปกติ (หน้าสดุ ) 4.7 ในการฝึกควรหลีกเลี่ยงสนามฝึกท่ีต้องใช้การบังคับเลี้ยวข้างเดียวเช่นสนามฝึกรูปวงกลม เพราะจะทำให้ชุดบังคับเล้ียวเกิดความร้อน และสึกหรอเพียงข้างเดียว ถ้าเลือกไม่ได้จะต้องเปลี่ยน ทศิ ทางว่ิงของรถสลบั กันไปเพ่อื ชดเชยการสึกหรอใหเ้ ทา่ กนั สนามฝึกขบั ขั้นต้นควรเป็นรูปเลขแปดอารบิก 5. การห้ามล้อ และการหยุดรถ การลดความเร็ว และการหยุดรถ กระทำด้วยการใช้ห้ามล้อการห้ามล้อ รถอาจกระทำโดยใช้เครอื่ งยนต์ หรอื ใชค้ ันหา้ มลอ้ เท้า วิธใี ดวิธีหน่ึง หรอื ใชร้ ่วมกันท้ัง 2 วธิ ี การหา้ มล้อรถ มขี ้อควรปฏิบัติ และข้อควรระวงั ดงั น้ี 5.1 การห้ามลอ้ รถด้วยคนั บังคับเลีย้ ว หรอื คนั หา้ มลอ้ เท้า จะตอ้ งกระทำอยา่ งนิม่ นวล
ห น้ า | 17 5.2 ให้ชะลอความเร็วของรถเม่ือรถว่ิงลงลาด เล้ียวโค้ง หรือวิ่งผ่านพ้ืนที่ลื่น อย่าห้ามล้อรถอย่าง กระทันหันในขณะรถว่ิงอยู่บนถนนล่ืน จะทำให้รถแฉลบ หรือลื่นไถล การฝา่ ฝืนข้อควรระวังท่ีกล่าวมาน้ี จะ ทำใหร้ ถเสียการทรงตัวจนบังคบั ควบคุมรถไม่ได้ และนำไปสอู่ นั ตรายรา้ ยแรงถึงเสียชีวิต และทรัพยส์ ิน 5.3 การห้ามล้อรถด้วยเครื่องยนต์ กระทำโดยการผ่อนคันเร่งเครื่องยนต์ให้สุด แล้วปล่อยให้รถว่ิง ต่อไปในตำแหนง่ เกยี รท์ ่ีกำลังใช้อยู่ การห้ามลอ้ ดว้ ยเครื่องยนตค์ วรใช้ในกรณี ต่อไปน้ี 5.1 เมอื่ ขับรถลงลาด เป็นรปู ขบวนแถวตอน และมสี ่งิ กดี ขวาง 5.2 เม่อื ขบั รถบนถนนลน่ื หรอื ในบริเวณพื้นทลี่ น่ื 5.3 ก่อนหยุดรถ หรือเปล่ียนเกียร์ลงต่ำ หรือเมื่อต้องการชะลอความเร็วให้รถว่ิงช้าลง และการใช้เคร่อื งยนต์หา้ มลอ้ รถเมอ่ื ว่งิ ลงลาด จะตอ้ งใช้เกยี รต์ ำแหน่งเดียวกบั ท่ใี ชว้ ่ิงขึ้นลาด 5.4 การหยุดรถอย่างรวดเร็ว การหยุดรถตามปกติอย่างนิ่มนวล หรือการชะลอความเร็วของรถ ใหใ้ ชค้ นั หา้ มล้อเท้า 5.5 ในกรณีฉุกเฉิน เมื่อต้องการหยุดรถอย่างกระทันหัน การห้ามล้อรถอาจใช้ทั้งคันบังคับเล้ียวท้ัง 2 ขา้ ง และคนั ห้ามลอ้ เทา้ ร่วมกนั บนั ทึก ตอนที่ 4 การปรนนบิ ัติบำรุงรถ และการหล่อลน่ื 1. คำอธิบายเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั การปรนนบิ ัติบำรุง 1.1 กล่าวทั่วไป การปรนนิบัติบำรุง การตรวจ และการบริการ เป็นการปฏิบัติโดยพลประจำรถ ซ่ึงกระทำ เพ่ือค้นหาข้อขัดข้องทั้งทางกล และทางไฟฟ้า เพ่ือให้ม่ันใจได้ว่าสิ่งบกพร่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะถูกตรวจพบ และได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง ทันท่วงที ก่อนที่จะลุกลามขยายตัวต่อไป จนต้องเสียเวลามากในการซ่อม แก้ และมรี าคาแพง 1.2 การปรนนิบัติบำรุง การตรวจ และการบริการจะต้องกระทำเมื่อนำสายพานลำเลียงพล ออกใช้งาน การตรวจ และการบริการตามลำดับรายการจะช่วยให้สามารถจำแนกระบบท่ีจะต้องไดร้ ับการซ่อมบำรุงข้ัน ต่อไปได้ง่ายยิ่งข้ึน ให้พลประจำรถรายงานข้อบกพร่องใด ๆ ที่ตรวจพบ และไม่อาจทำการแก้ไขได้ใน ขอบเขตการซ่อมบำรุงของตน ต่อช่างซ่อมบำรุงประจำหน่วย ลำดับรายการส่ิงสามัญต่าง ๆ ที่จะต้องตรวจ โดยทั่วตัวรถ มีดังน้ี (1) ปลอกรดั แป้นเกลยี ว และสลกั เกลยี ว การหลวมคลอน การลอกหลดุ ของสี โลหะเปลือย ไมม่ ีส่ิง ปกปิด หรือการข้ึนสนิมรอบ ๆ หัวสลักเกลียว และแป้นเกลียว รอยเกลี้ยงเป็นมัน หรือสะอาดกว่าโดยรอบ บริเวณหัวสลักเกลียว และแป้นเกลียว จะเป็นเคร่ืองบ่งช้ีว่าเกิดการหลวมคลอนข้ึนแล้ว ให้ขันแน่นเกลียว ตา่ ง ๆ ทพ่ี บว่าหลวมคลอน (2) รอยเชอื่ ม ตรวจตะเขบ็ รอยเชื่อมตา่ ง ๆ ด้วยสายตา เพ่ือหารอยแตกรา้ ว รอยแตกล่อนของสที ่ีทาทับ รอยเชื่อม การขึ้นสนิม ฯลฯ เนอื่ งจากองค์ประกอบหลายอย่างของรถ ได้ตดิ ตงั้ เข้ากบั ตัวรถดว้ ยวธิ ีการเชื่อม โลหะ จึงต้องตรวจเปน็ ประจำ (3) สายไฟ ข้ัวต่อสายไฟ ปลอกหุ้มสายไฟและชุดสายไฟ ตรวจหารอยปริ แตกร้าว หลุดรุ่ย ของฉนวน หุ้มสายไฟ สายไฟท่ีไม่มีฉนวนหุ้ม ข้ัวสายไฟท่ีหลวมคลาย หลุด หักหรือขาด ตรวจให้แน่ใจว่าสายไฟตา่ ง ๆ ถูกยึดไว้กับที่อย่างมั่นคง และเรียบร้อยไม่เสียดสีกับขอบสิ่งของต่าง ๆ ให้ขันแน่นส่ิงท่ีตรวจพบว่าหลวม คลอน และซอ่ มสายไฟที่ฉนวนชำรุดด้วยผา้ เทปพนั สายไฟใหเ้ รยี บร้อย
ห น้ า | 18 (4) ท่ออากาศ และท่อน้ำมันต่าง ๆ ตรวจการร่ัวไหล การสึกหรอ และการชำรุดเสียหาย ตรวจให้แน่ใจ ว่าปลอกรัดและข้อต่อท่อต่าง ๆ ขันแน่น ติดต้ังมั่นคง จุดท่ีเป็นรอยเปียก แสดงว่าเกิดการรั่วไหล และการ เปลี่ยนสีเข้มกว่าบริเวณท่ีอยู่ใกล้เคียง ของหัวต่อหรือข้อต่อ เป็นสิ่งบ่งช้ีว่าอาจมีการรั่วไหลเกิดขึ้นแล้ว เช่นเดียวกนั (5) ระดับการรั่วไหล จำแนกการรั่วไหลที่เกิดขึ้น และมีผลกระทบกระเทือนต่อการใช้งานของรถได้ 3 ระดับ คือ - ระดับ 1 เกิดการรั่วซึมของ ๆ เหลว ( ปรากฏรอยเปียกเยิ้ม หรอื การเปลีย่ นสีของพืน้ ผิว ) แต่ยัง ไม่มากพอทจี่ ะรวมตัวกนั จนเกิดการยอ้ ยขน้ึ - ระดับ 2 การรั่วไหลของ ๆ เหลวมากพอท่ีจะรวมตัวกัน จนเกิดการย้อยขึ้นแต่ยังไม่ถึงกับ หยดออกจากองคป์ ระกอบทีก่ ำลงั ตรวจ - ระดับ 3 การร่วั ไหลมาก จนหยดจากองค์ประกอบท่กี ำลังตรวจ ข้อควรระวงั * ให้ใช้ยุทโธปกรณ์ท่ีมีการร่ัวไหลเล็กน้อย (ระดับ 1 และ ระดับ 2) ได้โดยต้องพิจารณาถึงความจุ ของเหลวในองค์ประกอบหรือระบบท่ีทำการตรวจอยู่ว่า จะมีปริมาณเพียงพอต่อการใช้งานได้อย่าง ปลอดภัยตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้หรือไม่ เมื่อสงสัยให้สอบถามผู้ทำหน้าที่กำกับดูแลการ ซอ่ มบำรงุ * ในระหว่างใช้งานยุทโธปกรณ์ท่ีมีการร่ัวไหล ระดับ 1 หรือ ระดับ 2 ให้หมั่นตรวจระดับของเหลว ใหบ้ อ่ ยขนึ้ กวา่ ท่ีกำหนดไวใ้ นตารางการปรนนิบตั บิ ำรุง * เม่ือตรวจพบการร่ัวไหลระดับ 3 ให้รายงานผู้มีหน้าท่ีกำกับดูแลการซ่อมบำรุง หรือช่างซ่อมบำรุง ประจำหนว่ ย เพ่อื ดำเนินการแกไ้ ขทันที ขอ้ ควรระวัง อย่าทำความสะอาดภายในตวั รถดว้ ยไอนำ้ ดว้ ยน้ำหรอื ดว้ ยลมทีม่ ีแรงดนั สูงการทำความสะอาด ด้วยวธิ กี ารข้างต้น จะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้า กล้องเล็ง และเคร่อื งควบคุมการยิงชำรุดเสยี หายหรือ ไมท่ ำงาน ละอองไอนำ้ จะทำให้ ฟนั เฟือง รองเพลา ตลบั ลกู ปืน และชน้ิ ส่วนภายในองค์ ประกอบเปน็ สนิม อยา่ ใหน้ ้ำเข้าไปในระบบไอเสยี ของเครอ่ื งยนต์ จะทำให้เครื่องยนต์เสยี หาย รา้ ยแรงได้ 1.2 การปรนนิบัติบำรุงรถโดยพ้ืนฐาน ประกอบด้วยการปฏิบัติงานต่าง ๆ คือ การล้างรถ การเช็ดรถ การตรวจสภาพรถ การจัดปรับ การขันแน่น การบริการดว้ ยการเติมเช้ือเพลิง และน้ำมันหล่อล่ืน การหล่อ ลนื่ รถ การแกไ้ ขข้อขดั ข้อง การเพ่ิมเตมิ กระสุนปนื เครื่องมือเคร่ืองใช้ ช้ินส่วนอะไหล่ และส่ิงอุปกรณ์ อ่ืน ๆ 2. การแบง่ ประเภทการปรนนิบัตบิ ำรุง รสพ.แบบ 85 การปรนนบิ ัตบิ ำรุง รสพ.แบบ 85 แบ่งประเภทตามลักษณะงาน ได้ดงั นี้ 2.1 การ ปบ. ก่อนใช้งาน 2.2 การ ปบ. ขณะหยดุ พกั 2.3 การ ปบ. ขัน้ ที่ 1 2.4 การ ปบ. ขน้ั ที่ 2 2.5 การ ปบ. ข้ันที่ 3
ห น้ า | 19 ตารางแบ่งประเภทการปรนนิบตั ิบำรงุ ประเภท ความมุ่งหมาย ห้วงเวลาปฏิบตั ิ เวลาที่ตอ้ งการ การ ปบ.กอ่ นใชง้ าน เพ่อื ใหใ้ ช้งานรถประจำวนั ได้ตามปกติ กอ่ นใช้งาน 15 - 20 นาที การ ปบ.ขณะหยดุ เพื่อให้ใช้งานรถต่อเน่ืองกัน อย่างมี หยุดพักในขณะเดินทาง - พัก ประสิทธิภาพ และไวว้ างใจได้ หรือในขณะฝึก ทำการตรวจสภาพทางเทคนิค เพ่ือแก้ไข การ ปบ.ขน้ั ที่ 1 ข้ อ บ ก พ ร่อ งท่ี เกิ ด ขึ้ น แ ล ะเต รีย ม หลงั การใช้งานประจำวัน 1 - 2 ชั่วโมง ยุทโธปกรณ์ให้พร้อมใช้งานได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ ทำการตรวจสภาพทางเทคนคิ และแกไ้ ข ทุก ๆ 50 - 60 ชั่วโมงใช้ การ ปบ.ขน้ั ที่ 2 ข้ อ บ ก พ ร่ อ งที่ เกิ ด ขึ้ น เพื่ อ ด ำ ร ง งาน (ประจำ 3 เดือน หรือ 10 - 12 ชัว่ โมง ยุทโธปกรณ์ให้มีสภาพพร้อมใช้งานได้ 1,000 กม. ) อย่างมปี ระสิทธิภาพ การ ปบ.ขัน้ ท่ี 3 ทำการตรวจสภาพทางเทคนิค ทุกระบบ ทุก ๆ 100 - 120 ชั่วโมง อย่างสมบูรณ์ และแก้ไขข้อบกพร่องท่ี ใช้งาน (ประจำ 6 เดือน 20 - 24 ช่ัวโมง เกิดขึ้น เพื่อดำรงยุทโธปกรณ์ให้มีสภาพ หรอื พร้อมใชง้ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 2,000 กม. ) ขอ้ เตอื นใจ 1. ก่อนลงมือปฏิบัติ และในขณะปฏิบัติการ ปบ.ก่อนใช้งาน ในขณะหยุดพัก และหลังใช้งานจง ระลึกถึง คำเตือน และข้อควรระวงั ตา่ ง ๆ 2. ถ้ายุทโธปกรณ์ หรือองค์ประกอบเกิดขัดข้องให้ดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องด้วยเคร่ืองมือ และ อุปกรณท์ ี่เหมาะสมกบั การใชง้ าน และรายงานขอ้ บกพร่องทเี่ กิดข้ึนโดยใชแ้ บบพมิ พท์ ถี่ กู ตอ้ ง วธิ ีปฏิบัติโดยทวั่ ไป 1. ตรวจดูว่าสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในสภาพดี ประกอบหรือเก็บอย่างถูกต้อง ติดตั้งม่ันคงไม่สึกหรอ มากเกนิ ควร ไม่มกี ารรว่ั ไหล ไดร้ ับการหล่อลน่ื อย่างเหมาะสม และทำงานได้ถกู ตอ้ ง 2. ใช้งานเคร่ืองอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยการปฏิบตั ิตามคำแนะนำในการใช้งานที่กลา่ วไวใ้ นคูม่ ือเล่มน้ี 3. ปฏิบัติการตรวจ การปรนนิบัติบำรุง และการบริการตามคำแนะนำที่กำหนดไว้ในรายการ ปรนนบิ ัตบิ ำรุง 3. การปบ.ก่อนใชง้ าน เป็นการปฏิบัติเพ่ือให้มั่นใจว่ายุทโธปกรณ์อยู่ในสภาพใช้การตามปกติ และตรวจว่ามีการ เปล่ยี นแปลงอย่างหนึ่ง เกดิ ขึ้นกับยุทโธปกรณ์หรือไมภ่ ายหลังการ ปบ.ข้นั ที่ 1 แล้ว 3.1 ตรวจภายนอกรถ (1) ตรวจความคล่องตัวในการปิด-เปิด ของประตูช่องทางเข้า-ออก ตรวจความมั่นคงของประตู ฝาปดิ แผน่ พยุง และจุกเกลียวตา่ ง ๆ บริเวณตัวรถ และใต้ทอ้ งรถ
ห น้ า | 20 (2) ตรวจความเรียบร้อย ความม่ันคง การเก็บรักษาไว้ในที่กำหนดไว้ และจำนวนของชิ้นส่วน อะไหล่ เครื่องมือเครื่องใช้ประจำรถ ถังน้ำมันสำรอง ผ้าใบคลุมรถ ชดุ เคร่ืองมือกู้รถ ข้อสายพานอะไหล่ แหวนยึดสลักสายพาน และลวดลากจูงรถ (3) ตรวจความเรียบร้อย และความมั่นคง ของโคมไฟหน้า โคมไฟอินฟราเรด ไฟข้าง ไฟท้าย แตร และถงุ คลุม 3.2 สายพาน และเคร่ืองพยงุ ตัวรถ (1) ตรวจความตึงของสายพาน และจดั ปรบั ความตึง ตามความจำเป็น (2) ตรวจความมั่นคง และความเรียบร้อยของล้อขับสายพาน และล้ออ่ืน ๆ รวมท้ังจุกเกลียว และ แป้นเกลียว สลกั เกลียวของล้อต่าง ๆ (3) ตรวจความม่ันคงของฝาดุมล้อตา่ ง ๆ และเคร่ืองผอ่ นแรงสะเทอื น (4) ตรวจความมั่นคงของบงั โคลนรถ ทุน่ พยุงตัวรถ และยางกันฝุ่น 3.3 หอ้ งเครื่องยนต์ (1) ตรวจระดับน้ำมนั เครอ่ื งยนต์ และเติมน้ำมนั ตามความตอ้ งการ (2) ตรวจการรวั่ ไหลของนำ้ มันหลอ่ ล่ืน และน้ำมันเชือ้ เพลงิ (3) ตรวจการรั่วไหลของหีบเฟอื งถ่ายทอดกำลัง 3.4 เครอ่ื งเปลี่ยนความเร็ว เคร่ืองควบคุม และคันบงั คบั ในหอ้ งพลขบั (1) ตรวจความคล่องตวั และความเชอื่ ถือได้ของเครื่องบังคบั เลยี้ ว (2) ตรวจความม่นั คง และความคลอ่ งตวั ในการใชง้ าน และการจัดปรับของทน่ี ง่ั พลขับ (3) ตรวจความเรยี บร้อย และการติดต้งั อยา่ งถกู ตอ้ งของฟิวส์ป้องกันวงจรไฟฟ้า ต่าง ๆ (4) ตรวจความเรียบร้อยในการทำงานของ ปั๊มสูบน้ำ พัดลมระบายฝุ่นของหม้อกรองอากาศ พัดลม ระบายความรอ้ น แตร โคมไฟส่องสวา่ ง และไฟสญั ญาณเลีย้ ว (5) ตรวจความเรียบร้อยในการทำงานของเครื่องยนต์ท่ีรอบความเร็วต่าง ๆ และการร่ัวไหลที่ เครื่องยนต์ ความเรยี บร้อยในการทำงานของเครอ่ื งวดั และไฟเตอื นการทำงานของระบบประจุไฟ 3.5 หอ้ งผู้โดยสาร (1) ตรวจระดบั น้ำมนั ในถังน้ำมันเชื้อเพลิง (2) ตรวจความเรยี บรอ้ ยในการทำงาน และความมัน่ คงของชุดวิทยุ และเคร่ืองตดิ ต่อภาย ในรถ (3) ตรวจความเรียบร้อยในการทำงาน ความม่ันคงของฐานติดต้ังปืนกล เคร่ืองให้ทาง สูง และเคร่ือง หมนุ ปนื (4) ตรวจความเรยี บรอ้ ยในการเก็บ และยึดตรงึ ของกระสนุ ปืน เครื่องมือเคร่อื งใช้ และ ชิน้ สว่ นอะไหล่ (5) ตรวจความม่ันคงของเครอ่ื งดบั เพลิงในทีเ่ ก็บ (6) ตรวจความมั่นคงของแบตเตอรี่ และการตอ่ ขัว้ สายไฟ 4. การ ปบ.ขณะหยดุ พัก เป็นการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสามารถใช้รถปฏิบัติการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ เชื่อถือได้ การปฏิบัติ กระทำเมื่อหยุดพักระหว่างการใช้งานรถโดยใช้เวลาตามความจำเป็น และการ เออ้ื อำนวยของสถานการณ์ 4.1 ตรวจความม่ันคง และความครบถ้วนของเคร่ืองมือเครื่องใช้องค์ประกอบ และอปุ กรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ท่ีตดิ ตั้งอยนู่ อกรถ
ห น้ า | 21 4.2 ตรวจการแตกรา้ วของขอ้ สายพาน การหลดุ หายของยางรองสายพาน แหวนยึดสลัก สายพาน และ ความตงึ หยอ่ นของสายพาน 4.3 ตรวจความมั่นคงของล้อขับสายพาน และฝาดุมล้อทุกอัน ตรวจการรั่วไหลของสารหล่อล่ืนและ ตรวจการร้อนผิดปกตขิ องหีบเฟอื งขับข้นั สุดท้ายดมุ ล้อตา่ งๆและเคร่ือง ผอ่ นแรงสะเทือน โดยสัมผสั ดว้ ยมือ 4.4 ตรวจการร่ัวไหลของน้ำมันหล่อล่ืน และน้ำมันเชื้อเพลิงในตัวรถ ตรวจความมั่นคงของกระสุนปืน องคป์ ระกอบ อปุ กรณต์ า่ ง ๆ และเครอื่ งดับเพลงิ ประจำรถ 5. การ ปบ.ขนั้ ท่ี 1 จะต้องปฏิบัติเมื่อการใช้งานประจำวนั เสร็จสิ้นลง โดยไม่คำนึงถึงระยะทาง และชั่วโมงใช้งาน เป็น การปฏิบตั ิเพื่อตรวจสภาพทางเทคนิคของยุทโธปกรณ์ เพ่ือแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้น และตรวจพบ ในระหว่างใช้งาน และเป็นการเตรียมยุทโธปกรณ์ให้พร้อมที่จะใช้งานได้ตลอดเวลา โดยปกติการปรนนิบัติ บำรงุ ข้ันท่ี 1 จะใช้เวลาประมาณ 1 - 2 ช่ัวโมง 5.1 ภายนอกรถ ถ้าได้นำรถเข้าปฏิบัติการ หรือเคล่ือนท่ีผ่านบริเวณที่มีการใช้สารเคมี ชีวะ รังสี จะต้องดำเนินกรรมวธิ ชี ำระล้างสารพิษนัน้ เสยี กอ่ นทจี่ ะทำการปรนนบิ ตั ิบำรงุ (1) เชด็ และลา้ งฝุ่น โคลนภายนอกรถให้สะอาด (2) ตรวจความมั่นคง ความเรียบร้อย และการเก็บรักษาเคร่ืองมือโยธาสนาม, ถังน้ำมันเชื้อเพลิง ภายนอกรถ, ขอ้ สายพานอะไหล่, ฐานปนื กล, ผา้ ใบคลุมอปุ กรณ์ และลวดลากจูง (3) ตรวจความม่ันคง และความเรียบร้อยของโคมไฟใหญ่, ไฟพรางขับ, ไฟท้าย, แตร และฐานเสา อากาศ (4) ตรวจความคล่องตวั และความมั่นคงในการเปดิ -ปดิ ฝาปิดชอ่ งทางตา่ ง ๆ (5) ตรวจความชำรุดเสยี หาย การแตกร้าว และผดิ รปู ของตัวรถ (6) ให้การหล่อลนื่ บานพับ, กลอน และสลกั กลอนของฝาปดิ ชอ่ งทางต่าง ๆ 5.2 สายพาน และเคร่ืองพยงุ ตัวรถ (1) ลา้ งทำความสะอาด สายพาน และเคร่อื งพยุงตัวรถ (2) ตรวจความตึงหย่อนสายพาน, ตรวจการแตกร้าว และผิดรูปของข้อสายพาน, การแตกหักของ หัวสลกั สายพาน และการสูญหายของแหวนยดึ สลักสายพาน (3) ตรวจการร่วั ไหลของเครอ่ื งผอ่ นแรงสะเทือน, ดุมล้อกดสายพาน และดุมลอ้ รับสายพาน (4) ตรวจการฉกี ขาด และหลุดลอ่ นของยางห้มุ ลอ้ กดสายพาน (5) ตรวจการสกึ หรอ และการแตกรา้ วของเฟอื งลอ้ ขบั สายพาน (6) ตรวจสภาพไขขน้ ของดมุ ล้อกดสายพาน และดุมลอ้ รับสายพาน ภายหลังการ ลุยขา้ มนำ้ 5.3 เคร่ืองยนต์ และองค์ประกอบ (1) ทำความสะอาดฝนุ่ ผง และส่ิงสกปรกตา่ ง ๆ (2) ตรวจระดับน้ำมนั เครือ่ งยนต์ และเตมิ น้ำมันตามความต้องการ (3) ตรวจการร่วั ไหลของน้ำมันเคร่อื งยนต์ และหบี เฟอื งถา่ ยทอดกำลงั (4) ตรวจ และทำความสะอาดไสก้ รองอากาศ ตรวจความมั่นคงของข้อตอ่ และทอ่ ยางระหว่างหม้อ กรองอากาศ (5) ใหก้ ารหล่อล่นื คลัตช์ ( ตามสภาพการใชง้ าน )
ห น้ า | 22 5.4 เครือ่ งเปล่ียนความเร็ว เครอ่ื งควบคมุ และคันบงั คบั ในห้องพลขับ (1) ทำความสะอาดคราบไขขน้ และสิ่งสกปรกต่าง ๆ (2) ทำความสะอาดกระจกช่องตรวจการณ์ และกล้องตรวจการณด์ ว้ ยผา้ สักหลาด (3) ทำความสะอาดฝุ่นผงบรเิ วณเคร่อื งอปุ กรณส์ ื่อสาร และส่วนประกอบของกล้องตรวจการณ์ (4) ตรวจระดับน้ำมัน และสภาพของน้ำมันหีบเฟืองขับขั้นสุดท้าย ถ้ามีการเจือปนของน้ำหลังจาก ทำการลยุ ข้ามน้ำให้ทำการเปล่ียนถ่ายน้ำมันตามความจำเป็น และ ตรวจสอบจุดท่ีเกดิ การร่ัวไหล แล้วแก้ไข ให้เรียบร้อย (5) ตรวจการร่ัวไหลของน้ำมันหีบเฟืองถ่ายทอดกำลัง, เครื่องเปล่ียนความเร็ว, หีบเฟืองขับขั้น สดุ ทา้ ย และคลตั ช์บงั คับเลีย้ ว (6) ให้การบริการข้อต่อ และก้านโยงคนั บังคบั ตา่ ง ๆ ดว้ ยน้ำมันหล่อล่นื (7) ใหก้ ารหล่อลน่ื และตรวจการทำงานของคลตั ช์บังคบั เลยี้ ว และกา้ นโยงคันบงั คับเล้ียว 5.5 ห้องผโู้ ดยสาร (1) ตรวจการทำงานของชดุ วิทยุ เครอ่ื งตดิ ตอ่ ภายในรถ และหมวกพลประจำรถ (2) ทำความสะอาดช้ินส่วนต่าง ๆ ภายในห้องผู้โดยสาร, กระจกกล้องตรวจการณ์ของช่องยิงทุก ช่อง และแบตเตอรี่ ด้วยผา้ สักหลาด (3) ตรวจการทำงานของชุดไฟสญั ญาณเตอื น 3 สี 6. การ ปบ.ข้ันที่ 2 การ ปบ.ขั้นที่ 2 กระทำทุก ๆ 50 - 60 ช่ัวโมงใช้งาน หรือ 1,000 กม. แล้วแต่อย่างใดจะครบ กำหนดก่อน เป็นการปฏิบัติเพื่อตรวจสภาพทางเทคนิค เพ่ือแก้ไขข้อบกพร่องท่ีเกิดข้ึน และเตรียม ยทุ โธปกรณ์ ใหพ้ รอ้ มใช้งานได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ และเปน็ หลกั ประกันว่ายุทโธปกรณ์อยูใ่ นสภาพพร้อมใช้ งานตลอดเวลา รถที่เข้ารับการ ปบ.ข้ันท่ี 2 ควรจะไดร้ ับการ ปบ.ขนั้ ที่ 1 มาแลว้ อยา่ งครบถว้ น สมบูรณ์ 6.1 ภายนอกรถ (1) ตรวจการแตกร้าว และการชำรุดเสียหายอ่ืน ๆ ของตัวรถ และการแตกร้าวท่ีรอย เช่ือม ประสาน (2) ให้การหลอ่ ล่นื บานพบั สลักกลอนยึดฝาปดิ ชอ่ งทางเข้า-ออก และบรเิ วณตัวรถ และแผ่นพยุง 6.2 สายพาน และเครอ่ื งพยงุ ตัวรถ (1) ตรวจสภาพการแตกหกั ของคานรับแรงบิด โดยใช้ชะแลงยกล้อกดสายพานขึ้น (2) ตรวจสภาพการชำรดุ เสียหาย และการผดิ รปู เดมิ ของท่นุ พยุงตวั รถ บงั โคลนรถ และยางกนั ฝุน่ (3) ให้การหลอ่ ลนื่ ลูกปืนลอ้ กดสายพาน ล้อรับสายพาน และแกนขอ้ เหวย่ี งลอ้ ปรับสายพาน 6.3 เครือ่ งยนต์ และองค์ประกอบ (1) ทำความสะอาดหมอ้ กรองนำ้ มันเช้อื เพลงิ ขน้ั แรก (2) ทำความสะอาดไส้กรองอากาศในหม้อกรองอากาศ ขัน้ ท่ี 2 ( ตามสภาพการใชง้ าน ) (3) ตรวจสภาพ และทำการจัดปรับ ตำแหน่งปดิ และตำแหน่งเปิดน้ำมันเต็มท่ีของก้านโยงควบคุม ป๊มั สูบฉีด น้ำมันเช้ือเพลิง (4) ตรวจสภาพ และทำการจดั ปรบั ระยะว่าง และระยะทำงานของกา้ นโยงคลัตช์ (5) ตรวจระดับนำ้ มนั ของหีบเฟืองถา่ ยทอดกำลงั และเตมิ ตามจำเปน็ (6) ตรวจสภาพการยดึ แน่น และเช่ือถอื ไดข้ องเพลาขบั และขอ้ ตอ่ อ่อน
ห น้ า | 23 6.4 เครอ่ื งเปลีย่ นความเรว็ เครื่องควบคุม และคนั บงั คบั ในห้องพลขับ (1) ตรวจสภาพ และทำการจัดปรับกา้ นโยงคันเกยี ร์ และก้านโยงคันบงั คบั เล้ยี ว (2) ตรวจระดับน้ำมันเครื่องเปลี่ยนความเร็ว หีบเฟืองขับขั้นสุดท้าย และเติมน้ำมัน ตามความ จำเป็น 6.5 หอ้ งผู้โดยสาร (1) ตรวจการขันแนน่ ของสลักเกลียวยดึ ตรงึ เคร่ืองมอื ตดิ ต่อส่อื สารประจำรถ (2) ตรวจระดับน้ำยาแบตเตอรี่ ตรวจสภาพของประจุไฟของแบตเตอรี่ ( ตรวจทุก 15 วัน ) และ การอุดตันของรรู ะบายอากาศทฝี่ าปดิ (3) ตรวจความเรียบร้อย และความน่ิมนวลในการหมุนตัวของลูกหมากช่องพาดปืน และการปิด- เปิดของฝาปดิ ช่องยงิ ปนื 7. การ ปบ.ขั้นที่ 3 การ ปบ.ข้ันที่ 3 กระทำทุก ๆ 100 - 120 ชั่วโมงใช้งาน หรือ 2,000 กม. แล้วแต่อย่างใดจะครบ กำหนดก่อน เป็นการปฏิบัติเพ่ือตรวจสภาพทางเทคนิค เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดข้ึน และดำรงสภาพ ยุทโธปกรณ์ให้พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธภิ าพ รถที่เข้ารบั การ ปบ.ขนั้ ท่ี 3 ควรจะได้รบั การ ปบ.ขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 อย่างต่อเนื่องกันมาแล้วอย่างครบถ้วน สมบูรณ์ การ ปบ. ข้ันท่ี 3 ใช้เวลาประมาณ 20 - 24 ชัว่ โมง 7.1 ภายนอกรถ (1) ตรวจสภาพใช้การของยางกันรวั่ ที่บริเวณขอบประตู ชอ่ งเปิดทกุ อนั และชอ่ งยิงปืนทุกแห่ง (2) ตรวจหารอยชำรุด กะเทาะ บวมพองของสีรถ และทาสที บั ตามความจำเปน็ 7.2 สายพาน และเครือ่ งพยุงตวั รถ (1) ตรวจความมน่ั คงของแหนบหยุดแขนล้อกดสายพาน (2) เปล่ยี นนำ้ มนั เครอื่ งผ่อนแรงสะเทือน (3) ให้การหลอ่ ลืน่ ปลอกรองดุมแขนลอ้ กดสายพาน และดมุ แขนลอ้ ปรับสายพาน 7.3 ห้องเครอื่ งยนต์ (1) ทำความสะอาดจนหมดฝุ่นในถาดรองฝนุ่ ของหมอ้ กรองอากาศขนั้ แรก (2) เปล่ียนนำ้ มนั เครอ่ื งยนต์ ( อ้างถงึ ตารางการหล่อล่นื ) (3) ทกุ ๆ คร้ังที่ 2 ของการ ปบ.ข้นั ท่ี 3 ใหเ้ ปล่ยี นไส้กรองน้ำมนั เครอื่ งทที่ ำด้วยกระดาษ ( หรือลา้ งไสก้ รองท่ีถักทอดว้ ยลวด )ของหมอ้ กรองหยาบ และล้างหม้อกรองละเอยี ด แล้วทำการตรวจ และจัดปรับระยะหา่ งตีนลน้ิ ของเคร่อื งยนต์ (4) ทำความสะอาดภายนอกเคร่ืองยนต์ (5) ใหก้ ารหล่อลนื่ เพลาขับ และข้อตอ่ ออ่ น (6) ตรวจสภาพ และปรับความตึงของสายพานเครื่องกำเนิดไฟฟา้ และหมุนฝาตลับไขข้น หลอ่ ลน่ื เครอ่ื งกำเนิดไฟฟา้ (7) ล้างหวั ระบายอากาศของหบี เฟืองถา่ ยทอดกำลัง ถ่ายนำ้ มันหีบเฟอื งถา่ ยทอดกำลัง และทำ ความสะอาดไส้กรองนำ้ มนั ในหีบเฟืองถ่ายทอดกำลัง 7.4 เครื่องเปลีย่ นความเร็ว และเครือ่ งควบคุม (1) ลา้ งหัวระบายอากาศของหบี เฟอื งเครื่องเปล่ยี นความเรว็ (2) ใหก้ ารหลอ่ ลน่ื คันเกียร์ เคร่ืองกลไก และขอ้ ต่อกา้ นโยงคนั เกียรท์ ั้งหมด (3) ตรวจความต่อเนื่องของหวั ต่อสายลวดขบั เครอ่ื งวัดความเร็ว
ห น้ า | 24 (4) เปลีย่ นนำ้ มันเคร่อื งเปล่ยี นความเรว็ และหีบเฟอื งขับขน้ั สุดทา้ ย ตามสภาพการใช้งาน ( อา้ งถงึ ตารางการหล่อลนื่ ) แล้วทำความสะอาดภายนอกเครอ่ื งเปลี่ยนความเร็ว และหบี เฟอื งขับขน้ั สุดทา้ ย (5) อดั ไขข้นท่หี ัวอัดไขข้นหลอ่ ล่ืนกลไกควบคุมการเปล่ยี นเกียรท์ ุกอนั 7.5 ห้องผโู้ ดยสาร (1) ถ่ายนำ้ มันออกจากกน้ ถงั น้ำมันเชอ้ื เพลงิ ทกุ แหง่ ๆ ละ 5 - 6 ลติ ร เพอ่ื กำจัดนำ้ และสิง่ ตก ตะกอนในถงั น้ำมนั เชือ้ เพลงิ (2) ทำความสะอาด และหลอ่ ล่นื ลกู ปนื รางแท่นปืนกล 8. ระเบียบปฏบิ ตั อิ น่ื ๆ 8.1 เมอื่ ใชง้ านเคร่อื งยนตใ์ หม่ หรอื เครอื่ งยนต์ซ่อมใหญ่ ครบ 30 ชั่วโมงแรก ให้ปฏิบตั ดิ ังนี้ (1) เปล่ียนนำ้ มนั เคร่ืองยนต์ อา้ งถงึ บทท่ี 3 ตอนที่ 3 หัวขอ้ ท่ี 1 ของคู่มือประจำรถ รสพ.แบบ 85 ( ใหเ้ ปลย่ี น น้ำมนั เครือ่ งยนตอ์ ยา่ งนอ้ ยปีละ 1 ครั้ง ) (2) เม่ือน้ำมันเครื่องยนต์ ให้เปล่ียนไส้กรองหยาบที่ทำด้วยกระดาษ หรือล้างไส้กรองท่ีถักทอ ด้วย ลวด (3) ตรวจ และจดั ปรบั ระยะห่างตนี ล้ินของเครือ่ งยนต์ 8.2 เมื่อสายพานเก่าท่ีมีข้อสายพานเหลือ 72 ข้อ ( สายพานใหม่มีสายพาน 75 ข้อ )สึกหรอจนไม่ สามารถปรับความตึงหย่อนได้ตามเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ให้เปลี่ยนสายพานใหม่ทั้งชุด และให้สับเปล่ียนล้อขับ สายพาน โดยการสลับซ้าย-ขวา 8.3 แบตเตอร่ีประจำรถควรได้รับการประจุไฟเดือนละคร้ัง ให้ตรวจกำลังไฟแบตเตอร่ีที่ใช้งานเป็น ประจำ ทุก ๆ 6 เดือน และสำหรับรถทีไ่ ม่ได้ใช้งานเปน็ ประจำให้ตรวจกำลังไฟทุก ๆ 3 เดือน 8.4 ตรวจเครื่องดบั เพลิงด้วยการชั่งน้ำหนัก ทุก ๆ 2 เดือน หากพบว่าเครื่องดับเพลิงหม้อใดมีน้ำหนัก ลดลงมากกว่า 0.15 กก. ใหน้ ำไปประจุนำ้ ยาดบั เพลิงใหม่ หรือเบกิ เปลย่ี นหมอ้ ดบั เพลงิ ใหม่
ตำบลหลอ่ ลนื่ องคป์ ระกอบหรือระบบ ผนวก ก ตารางกำหนดก จำนวนจดุ หลอ่ ส ลนื่ ห้องเครื่องยนต์ เคร่ืองยนต์ 1. น เครอ่ื งพยงุ ตวั รถ น ลูกปืนลอ้ ปรับสายพาน 2 ไข ลูกปนื ลอ้ กดสายพาน 10 ไข บ้ชู ขอ้ เหวี่ยงแขนลอ้ ปรับ 2 ไข สายพาน เคร่ืองกลไกปรบั สายพาน 2 ไข บ้ชู ดมุ แขนลอ้ กดสายพาน 10 ไข หัวคานรับแรงบิด 20 ไข เครอ่ื งผ่อนแรงสะเทือน 6 น ก เครือ่ งเปลยี่ นความเรว็ ลูกปนื คลตั ช์ 1 น และเคร่ืองควบคมุ การ ไข ทำงาน ลูกปนื คลตั ชบ์ ังคับเล้ียว 4 ใน ขอ้ ต่อออ่ น และเพลาขับ 5 “ “
ห น้ า | 25 การหลอ่ ล่ืน รสพ.แบบ 85 ระยะเวลา สารหล่อลื่น นำ้ มนั เคร่ืองยนต์เกรด API: CD, HD-C และ ตรวจ/เติม ถ่าย/เปลยี่ น น้ำมนั หลอ่ ล่ืน MIL-L-2140C กอ่ นใชง้ าน - ขขน้ แคลเซ่ยี ม ขข้นแคลเซย่ี ม การ ปบ.ข้นั ที่ 2 - ขขน้ แคลเซีย่ ม “- “- ขขน้ แคลเซยี่ ม การ ปบ.ข้นั ที่ 3 - - ขข้นแคลเซ่ียม “ เมอ่ื ถอด - ขขน้ กราไฟต์ - - น้ำมนั ทรานสฟอร์มเมอร์ เบอร์ 25 50% ผสม การ ปบ.ขัน้ ที่ 3 กบั น้ำมนั หล่อล่ืนเทอร์ไบน์ เบอร์ 22 50 % ขขน้ ลเิ ธยี ม เบอร์ 3 หรอื ไขข้น เบอร์ 4 (ใช้งาน การ ปบ.ขัน้ ที่ 1 นทีม่ ีอณุ หภูมสิ ูง) “ “- “ การ ปบ.ขัน้ ท่ี 3 -
ตำบลหล่อลนื่ องคป์ ระกอบหรอื ระบบ ผนวก ก ตารางกำหนดการห จำนวนจดุ หลอ่ ล่นื ส เ ค รื่ อ ง เ ป ลี่ ย น คนั เกียร์และเครอ่ื งกลไก 1 ไข ความเร็ว และเคร่ือง ไข น ควบคุมการทำงาน ( น น ต่อ ) น ไข กา้ นโยงคนั เกยี ร์ 7 น น เคร่ืองเปลีย่ นความเร็ว 1 หบี เฟอื งถา่ ยทอดกำลงั 1 ขอ้ ตอ่ จดุ หมนุ ตา่ ง ๆ ของกา้ นโยง - คันเกยี ร์ หบี เฟอื งขับขั้นสดุ ท้าย 2 อ่นื ๆ รางแทน่ ปืนกล 1 จุดหมนุ กา้ นโยงขาคำ้ ยันแผ่นพยุง - บานพับ และกลอนยึดประตู ฝา ปดิ ทุกบาน และลูกหมากช่องยิงปืน ทุกช่อง
ห น้ า | 26 หล่อลน่ื รสพ.แบบ 85 ( ตอ่ ) ระยะเวลา ถา่ ย/เปลีย่ น สารหล่อลื่น ตรวจ/เติม - การ ปบ.ขั้นที่ 3 ขขน้ แคลเซย่ี ม ขข้นแคลเซยี่ ม “ - นำ้ มันเครอ่ื งยนต์เบอร์ 16 การ ปบ.ขน้ั ที่ 2 การ ปบ.ข้นั ที่ 3 น้ำมันเครื่องยนต์เบอร์ 16 “ การ ปบ.ขน้ั ท่ี 3 - น้ำมันเครอ่ื งยนต์เบอร์ 16 การ ปบ.ข้ันท่ี 1 การ ปบ.ขน้ั ที่ 3 น้ำมนั ซัลเฟอร์ไรซ์ การ ปบ.ขัน้ ที่ 2 การ ปบ.ขน้ั ที่ 3 ขขน้ แคลเซ่ยี ม - - นำ้ มนั เครอื่ งยนต์เบอร์ 16 การ ปบ.ข้นั ท่ี 2 - นำ้ มันเครอื่ งยนต์เบอร์ 16 การ ปบ.ขั้นท่ี 2
ตำบลหลอ่ ลื่น องค์ประกอบหรือระบบ ผนวก ก ตารางกำหนดการห จำนวนจุดหล่อล่ืน สารห หมายเหตุ 1 ควรเปลีย่ นน้ำมนั เครอ่ื งของเครอ่ื งยนต์ใหม่ หรอื เครอ่ื งยนต และการเปลย่ี นนำ้ มันใหถ้ ือปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1. นำ้ มันเคร่ืองยนต์ทใ่ี ชจ้ ะต้องมคี ุณภาพตามมาตรฐาน AP 2. ถ้าน้ำมนั เช้ือเพลิงที่ใชม้ ีกำมะถนั เจือปนไม่เกนิ 0.5% ให 3. ถา้ น้ำมนั เช้ือเพลงิ ที่ใชม้ กี ำมะถันเจอื ปนเกิน 0.5% ใหเ้
ห น้ า | 27 หลอ่ ลน่ื รสพ.แบบ 85 ( ตอ่ ) หล่อลืน่ ระยะเวลา ตรวจ/เตมิ ถ่าย/เปลีย่ น ตท์ ไี่ ดร้ ับการซอ่ มใหญ่ หรอื เครอ่ื งยนตซ์ ึง่ นำมาใช้จากที่เกบ็ รกั ษาไว้ด้วยการผนึกแนน่ PI เกรด CD, HD-C หรอื MIL-L-2104C ห้เปล่ยี นนำ้ มนั เครอ่ื งยนตท์ กุ ๆ ครงั้ ท่ี 2 ของการ ปบ.ขัน้ ที่ 3 เปลีย่ นนำ้ มนั เครอื่ งยนตท์ กุ ๆ คร้งั ของการ ปบ.ขัน้ ที่ 3
ผนวก ข นำ้ มนั เชอ้ื เพลิง และสารหล ลำดับ นำ้ มันเชื้อเพลงิ และสารหล่อล่นื 1. น้ำมนั เช้ือเพลิงดเี ซล ยานยนตท์ หาร เบอร์ 10 2021-80 2. น้ำมนั เชื้อเพลงิ ดเี ซล ยานยนต์ทหาร GB 2021-80 3. นำ้ มันเชอื้ เพลิงดเี ซล เบอร์ 50 QSY 1102-77 4. น้ำมันหลอ่ ลน่ื เครือ่ งยนต์ เกรด HD-C หรือเทียบเทา่ MIL-L2104C หรอื API : CD 5. นำ้ มนั หล่อลืน่ รถถงั เบอร์ 16 ( TANK OIL No 16. Q/SY 8014-80 ) 6. นำ้ มนั ทรานสฟอรม์ เมอร์ เบอร์ DB 25 GB 2536-81 7. นำ้ มนั เทอรไ์ บน์ เบอร์ 22 SYB 1201-60 หรือ USA. GR 8 ( FED-W-0-661 ) เยอรมนั ตะวันตก DIN 6554-3.5 E50 ESSO, TERESSO 43 SHELL, TELLUS 23, 27 TURBO 27 8. น้ำมนั ซลั เฟอไรซ,์ LIAO Q140-79
ห น้ า | 28 ล่อลื่น ที่อนมุ ตั ใิ หใ้ ชก้ ับ รสพ.แบบ 85 หมายเหตุ ใชเ้ มอ่ื อุณหภูมิท้องถิ่นสูงกวา่ 5 ซ. ใชเ้ มื่ออณุ หภมู ทิ อ้ งถน่ิ สงู กว่า –30 ซ. ใช้เม่อื อุณหภมู ทิ อ้ งถิน่ ต่ำกว่า –30 ซ. อ เกรด 40 , SAE 40 ใชเ้ มื่ออณุ หภมู ทิ อ้ งถิน่ ตำ่ กวา่ –5 ซ. ใชก้ บั เคร่ืองเปลี่ยนคามเร็ว และหีบเฟอื งถา่ ยทอดกำลัง ใชก้ บั เครื่องผอ่ นแรงสะเทอื น ใชก้ ับเครื่องผอ่ นแรงสะเทอื น ใชก้ บั หบี เฟอื งขับขัน้ สดุ ทา้ ย
ผนวก ข น้ำมนั เชอ้ื เพลิง และสารหล่อล ลำดับ นำ้ มนั เช้อื เพลิง และสารหล่อลื่น 9. ไขขน้ ลเิ ธยี ม เบส เบอร์ 3, LIAO 137-79 10. ไขขน้ แคลเซยี ม เบส, GB 491-65 11. ไขข้นกราไฟต-์ แคลเซ่ยี ม เบส, SY 1405-65 12. ไขขน้ ทนความรอ้ นสูง เบอร์ 4 SY 1511-65 ผนวก ค ความจนุ ำ้ มันเช ลำดบั องคป์ ระกอบ หรือระบบ 1. นำ้ มนั เชอ้ื เพลงิ ( รวมทกุ ถัง ) ถงั ภายในรถ ( ด้านซ้าย และด้านขวา ) ถังละ ถังภายนอกรถ ( ดา้ นซา้ ย และด้านขวา ) ถงั ละ 2. เครือ่ งยนต์ 3. เครอื่ งเปล่ียนความเรว็ 4. หีบเฟอื งถ่ายทอดกำลัง 5. หบี เฟืองขบั ขั้นสุดทา้ ย ( ตวั ละ ) 6. เครือ่ งดับเพลงิ ( ตัวละ )
ห น้ า | 29 ล่ืน ทีอ่ นุมัตใิ หใ้ ช้กับ รสพ.แบบ 85 ( ตอ่ ) หมายเหตุ ใชก้ บั ลกู ปนื คลตั ช์ ใชก้ บั ลกู ปนื ล้อ, ดมุ ล้อ, ปลอกรองเพลา, เพลาขบั , ขอ้ ตอ่ ออ่ น ใชก้ ับร่องฟนั หัวคานรบั แรงบิด ใช้กับลูกปืนคลตั ช์ ชอื้ เพลิง และนำ้ มนั หล่อลน่ื ความจุ ( ลติ ร ) 450 112 113 21 ( ประมาณ ) 8-9 12 ( ประมาณ ) 2.2 1.5 กก.
ผนวก ง เกณฑก์ ารตรวจ และการจดั ปรับระยะวา่ ง ลำดับ ระบบ หรอื องค์ประกอบ ระยะหา่ 1. ระยะวา่ งก่อนทำงานของแป้นคลตั ช์ มาตรฐา 23 - 28 2. ระยะเคล่ือนทข่ี องแผน่ กดคลัตช์ 3.2 - 4 3. ระยะวา่ งก่อนทำงานของคนั บังคบั เลย้ี ว 102 - 1 4. ระยะถว่ งเวลาของคนั บังคบั เล้ียวในตำแหนง่ ห้ามล้อ 15 - 18 5. ระยะหา่ งระหวา่ งจานห้ามล้อ กบั ผ้าหา้ มล้อ 1-2 6. ความคลาดเคลื่อนของเข็มช้ีบอกตำแหน่งเกียร์บนเรือนเครื่อง ช้ีตรงกับ เปลี่ยนความเร็ว ตำแห เกยี ร์ 7. ระยะห่างระหว่างพื้นรถ กับสลักเกลียวหยุดแป้นคันเร่งเมื่อกด 0.3 - 0. คันเร่งเคร่ืองยนต์ลงเต็มที่
ห น้ า | 30 ง และระยะหา่ งขององคป์ ระกอบเครอื่ งควบคมุ ต่าง ๆ าง ( มม. ) สว่ นทีท่ ำการจดั ปรบั าน เกณฑ์ยอมรับได้ 8 10 ปลอกเกลยี วกา้ นโยงตวั ยาว (8) รปู ที่ 4.2 ( CROSS PULL ROD ADJUSTING JOINT ) - สลกั เกลยี วหยุดแป้นคลัตช์ (5) รูปที่ 4.2 ( PEDAL FRONT LIMITING BOLT ) 112 - แกนปรับแขนรง้ั กา้ นโยง (31) รูปที่ 4.10 ( RELEASE PUSH ROD ) 8- แกนปรบั แขนดันห้ามลอ้ (23 และ 32 ) รูปท่ี 4.10 ( HAND CONTROL BRAKE PUSH ROD ) - แป้นเกลยี วแกนรั้งหวั ผ้าห้ามลอ้ (4) รปู ท่ี 4.9 ( BRAKE BAND ADJUSTING NUT ) บขีด 1.5 ก้ามปูปลายก้านโยงคันเปลี่ยนเกียร์ (12, 17 และ 20 ) ห น่ ง รูปท่ี 4.6 ( PULL ROD YOKE ) .5 - สลกั เกลยี วหยุดแป้นคนั เร่ง (8) รูปท่ี 3.6 ) ( ACCELERATOR PEDAL ADJUSTING BOLT )
ห น้ า | 31 ตอนท่ี 5 การใชง้ านในสภาวะผดิ ปกติ 1. การใชง้ านในสภาพอากาศรอ้ นจดั 1.1 เปดิ ผนงั กน้ั หอ้ งเครอ่ื งยนต์ 1.2 ตรวจการรั่วของอากาศท่ีขอบผนังก้ันห้องเคร่ืองยนต์ ถ้าพบการร่ัวของอากาศให้ปรับความ ตงึ ของกลอนยึดผนังกัน้ เพอ่ื ป้องกันไมใ่ ห้อากาศรอ้ นร่ัวเขา้ ไปในห้องผโู้ ดยสาร 1.3 อย่าดับเครื่องยนต์ทันทีในสภาพอากาศร้อนจัด ก่อนดับเครื่องยนต์ให้เดินเบาเครื่องยนต์ไว้ จนอุณหภมู ิลดลง 1.4 น้ำยาแบตเตอรี่จะระเหยอย่างรวดเร็วในสภาพอากาศร้อนจัด จึงต้องหม่ันตรวจระดับน้ำยา และเติมน้ำกล่ันให้ทันท่วงที รักษาผิวภายนอกของแบตเตอรี่ให้สะอาด และอย่าให้รูระบายอากาศท่ีฝา จุกแบตเตอรอ่ี ุดตนั 1.5 ในฤดฝู นนอกจากแดดร้อนแล้วยังมีฝนตกอกี ด้วย ทำให้อากาศร้อนและมีความชื้นสูงจงึ ตอ้ ง รักษาให้เครื่องอปุ กรณ์ทัศนะ และอุปกรณ์ไฟฟา้ พน้ จากละอองน้ำและความชน้ื กำจดั เชอื้ ราที่พบเห็นให้ หมดไปจากอุปกรณ์ หลังการใช้งานในวันฝนตกต้องเชด็ อุปกรณ์ให้แหง้ และสะอาดปราศจากโคลนโดยเรว็ ถ้าจำเป็นให้เปิดรถไว้เพ่ือให้อากาศถ่ายเท และเช็ดชุดวิทยุ ผ้าใบ เครื่องคลุมอุปกรณ์ และหมวกพล ประจำรถให้แห้ง ระวังอย่าให้ชิ้นส่วนอะไหล่เป็นสนิม หรือขึ้นรา ตรวจการเก็บรักษาปืนกล และให้ถอด ปนื กลออกทำความสะอาดตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ 2. การปรนนบิ ตั บิ ำรุงตามฤดกู าล เพื่อปรับสภาพรถให้สามารถใช้การได้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศซ่ึงผันแปรไปตามฤดูกาล หน่วยใช้จะต้องปรับสภาพรถให้แล้วเสร็จก่อนที่ฤดูใหม่จะมาถึง โดยปกติการปรนนิบัติบำรุงก่อนเปล่ียน ฤดูกาลจะประกอบไปด้วยการตรวจสภาพรถอย่างสมบูรณ์ และทำการปรนนิบัติบำรุงอย่างถี่ถ้วน จนรถมี สภาพพรอ้ มรบ ดังน้ี 2.1 เปลี่ยนน้ำมันหล่อล่ืน และน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับความถ่วงจำเพาะของน้ำยาแบตเตอรตี่ ามที่ กำหนดไวส้ ำหรับสภาพอากาศในฤดูกาลน้ัน 2.2 ทำการ ปบ.ขนั้ ท่ี 3 ใหส้ มบูรณ์ 2.3 เปิดสิ่งอุปกรณ์ท่ีเก็บรักษาไว้ด้วยการผนึกแน่น และปิดผนึกไว้ตามเดิม ภายหลังการตรวจ และให้การปรนนบิ ัติบำรุงเรียบรอ้ ยแล้ว 3. การใชง้ านรถในบริเวณพ้นื ทเ่ี ปน็ ทราย หรอื มีฝุน่ มาก เม่ือใชง้ านรถในบริเวณพื้นที่เป็นทราย หรือมีฝุ่นมาก ให้เอาใจใส่ และหม่ัน ปบ.รถ ถ่ีขึ้นกว่าห้วง เวลาปกติ ดังนี้ 3.1 กำจัดฝุ่นให้หมดไปจากองค์ประกอบ ต่าง ๆ ของรถทั้งภายนอก และภายในตัวรถ เมื่อทำ ความสะอาดเรยี บร้อยแล้วจึงใหก้ ารหล่อลนื่ องค์ประกอบเหลา่ น้นั 3.2 ตรวจระยะว่าง, ระยะทำงาน และระยะเคลื่อนท่ีท้ังหมดของคลัตช์หลัก และคลัตช์บังคับ เล้ียว อย่างรอบคอบตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ต้องเอาใจใส่ต่อสภาพการทำงานของคลัตช์ และแก้ไข ข้อบกพรอ่ งทีเ่ กิดข้ึนโดยเรว็ 3.3 เมื่อใช้งานรถในบริเวณพื้นท่ีดินอ่อน และพ้ืนท่ีเป็นทรายจะต้องปรับสายพานให้มีความตึง หยอ่ นถกู ตอ้ งตามเกณฑ์ทก่ี ำหนดไว้ 3.4 เพิ่มการ ปบ. ตามวงรอบของหมอ้ กรองนำ้ มนั เชื้อเพลงิ ข้ันแรก และหม้อกรองอากาศใหถ้ ขี่ ึ้น
ห น้ า | 32 3.5 ตรวจสภาพท่ออากาศ และปลอกรัดท่ออากาศเข้าเครื่องยนต์อย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้ฝุ่น ละอองเขา้ ไปในกระบอกสูบของเคร่อื งยนต์ 3.6 ในห้วงเวลาที่ไม่มีการฝึกยิงอาวุธ ควรใช้ผ้าพันปิดชิ้นส่วนเคลื่อนท่ี และปากลำกล้องปืนกล แลว้ จงึ ใช้ถุงคลุมให้มดิ ชดิ 3.7 การปรนนิบัติบำรุงในสนาม ควรป้องกันสิ่งท่ีทำการ ปบ. ให้พ้นจากลม และฝุ่น การเติม น้ำมันเช้ือเพลิงรถ ข้ันแรกให้ทำความสะอาดบริเวณช่องเติมน้ำมันจนหมดฝุ่น และเพ่ือป้องกันไมให้ฝุ่น เข้าไปในถังน้ำมันเช้ือเพลิงจึงควรทำความสะอาดในที่ปกปิด หรือกำบังให้พ้นจากลม และฝุ่น แล้วปิดสิ่ง อปุ กรณท์ ีท่ ำความสะอาดแล้วด้วยผ้าเพือ่ ป้องกนั ฝ่นุ ละอองไม่ให้เข้าไปในอุปกรณไ์ ด้อกี ตอนที่ 6 การลยุ ขา้ มนำ้ 1. หลักการลยุ ข้ามนำ้ โดยท่ัวไป 1.1 ในขณะรถแล่นอยู่ในน้ำ อุปสรรคใต้น้ำ เช่นที่ต้ืนเขิน โขดหิน สันเนิน หรือสิ่งกีดขวาง อ่ืน ๆ อาจทำใหร้ ถเกิดเร่งความเร็วขึ้นโดยกระทนั หัน หรือเกิดการหมนุ เลยี้ วอยา่ งแรง และอาจเลวร้ายจนทำ ให้สายพานรถหลุด หรอื ทำใหร้ ถเอียงจนพลิกคว่ำได้ 1.2 การป้องกันการร่วั ไหลท่ีไม่เรยี บร้อย หรอื การหลวมคลอนของสลักเกลียวท่ีใต้ท้องรถ จะทำ ให้น้ำรั่วไหลเขา้ ไปในรถได้ 1.3 เมื่ออยู่ในน้ำ การหยุดรถ และการเล้ียวรถจะไม่ตอบสนองต่อการบังคับได้รวดเร็ว และมี ประสิทธิภาพเท่ากับเม่ือรถอยู่บนพ้ืนดิน ดังน้ันการเลี้ยวรถ และการหยุดรถในน้ำจึงต้องกระทำแต่เน่ิน เพื่อใหบ้ งั เกิดผลตรงจดุ ท่ตี อ้ งการ ท้ังน้ียอ่ มขนึ้ อยู่กบั ประสบการณ์ และการฝกึ พลขบั 1.4 การแลน่ ไปข้างหน้าในนำ้ เมือ่ รถลอยตัวเต็มท่แี ล้วใหใ้ ช้เกยี รต์ ำ่ เท่านน้ั (โดยปกตจิ ะใช้เกียร์ 3) 1.5 ความปน่ั ปว่ นของกระแสนำ้ อาจทำใหร้ ถสนั่ หรอื โคลงอยา่ งรุนแรงข้นึ ได้ 1.6 ในเกยี ร์ 3 เครือ่ งยนตจ์ ะทำงานอยา่ งหนกั จนน้ำมนั เครื่องยนต์ร้อนข้นึ อย่างรวดเร็ว 1.7 เมื่อรถลอยน้ำ และขับเคล่ือนด้วยการหมุนของสายพานเพียงอย่างเดียว รถจะมีความเร็วต่ำ ( ความเร็วสงู สดุ ในนำ้ 6 กม./ชม. ) การหยุดรถ และการเล้ยี วรถจะทำไดช้ ้า 2. การเตรียมการลยุ ขา้ มน้ำ เน่ืองจากสภาพการลอยตัวในน้ำของรถ มีปัจจัยเข้ามาเก่ียวข้องด้วยหลายประการ ดังน้ันการนำ รถลุยข้ามน้ำจะประสพผลสำเร็จโดยเร็ว และปลอดภัยเม่ือมีการเตรียมการก่อนการลุยข้ามน้ำเป็นอย่างดี เท่านนั้ 2.1 การเลอื กตำบลท่จี ะลยุ ขา้ มน้ำ ( 1 ) ท่าลงน้ำจะต้องมีความชันไม่เกิน 20 องศา และท่าข้ึนจากน้ำจะต้องมีความชันไม่เกิน 25 องศา บรเิ วณชายฝ่ังหรือตล่งิ จะต้องมีพนื้ ดนิ แนน่ แขง็ แรง ไมม่ สี ิ่งกดี ขวาง หรอื เป็นที่สงู ชนั ( 2 ) เส้นทางการแล่นรถลุยข้ามน้ำจะต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง เช่น โขด เนิน ท่ีตน้ื เขิน หรือมีพืช ใตน้ ำ้ มาก ฯลฯ และความเรว็ ของกระแสน้ำไม่ควรเกนิ 1 เมตร/วินาที และมีลมอ่อน ( ความเร็วลมเฉล่ีย 4.3 เมตร/วนิ าที ) ( 3 ) ให้เลือกท่าลงน้ำท่ีมีน้ำไหลช้า พื้นน้ำราบเรียบ เพื่อให้สะดวกต่อการหันหัวรถทวนน้ำ และแล่นรถตดั เป็นมุมตัดกับกระแสน้ำได้ 2.2 การเตรยี มรถ ( 1 ) ให้การหลอ่ ล่ืนเครือ่ งพยุงตวั รถอย่างสมบรู ณ์ ตรงจุดท่หี ล่อลนื่ ด้วยไขข้น
ห น้ า | 33 ( 2 ) ตรวจความเรียบร้อยของสายพาน เคร่ืองยึดสลักสายพาน และเครื่องผ่อนแรง สะเทือน ( 3 ) ตรวจความเรียบร้อยของปะเก็นกันร่ัว และการปิดแน่นของฝาครอบดุมล้อ และ แผ่นปดิ ใต้ท้องรถ ( 4 ) จดั เตรียมอปุ กรณ์ชว่ ยชวี ติ ใหพ้ รอ้ ม รวมทัง้ ไมค้ ำ้ ยันประจำรถ ตรวจความเรยี บรอ้ ย และการติดต้งั มั่นคงของเคร่ืองมอื เครอื่ งใชป้ ระจำรถท่ีอย่ภู ายนอกรถ ( 5 ) สวมเกี่ยวลวดลากจูงไวก้ ับขอลากจูงท่ีดา้ นหน้า หรือด้านหลังของรถ และพาดปลาย สายลวดอกี ข้างหน่งึ ไวบ้ นหลงั คารถ เพ่ือให้สะดวกต่อการลากจงู รถในกรณฉี ุกเฉนิ ( 6 ) ประกอบปัม๊ สบู นำ้ ดว้ ยมือ และตรวจความเรยี บรอ้ ยในการทำงาน ( 7 ) ตรวจความเรียบรอ้ ยในการทำงานของชุดวทิ ยุ และเครือ่ งตดิ ตอ่ ภายในรถ ( 8 ) ปดิ ประตทู ้าย และช่องยิงปืนทุกชอ่ ง แล้วขัดกลอนให้สนิท ปิดท่อไอเสียของเคร่ือง ทำความอบอุ่นให้สนิท ( 9 ) การกรอบพยุงใหเ้ รยี บรอ้ ยกอ่ นขับรถลงนำ้ 3. ข้อเตือนใจสำหรบั การลุยขา้ มน้ำ 3.1 ขับรถม่งุ ตรงไปยงั จดุ ขึ้นฝ่งั ที่กำหนดไวโ้ ดยเรว็ ท่ีสดุ เท่าทีจะทำได้ 3.2 การลุยข้ามน้ำจะต้องมีการเตรียมการขั้นต้นที่ดี มีการป้องกันการรั่วไหลโดยสมบูรณ์ และ จะต้องไม่แลน่ รถตอ่ ไปในทันทีทีร่ ถเริม่ ลอยตัว โดยไม่ตรวจการรั่วไหลของน้ำให้แล้วเสร็จเสียกอ่ น และหาก พบวา่ มีนำ้ รวั่ ไหลเขา้ ในรถ ใหน้ ำรถกลับข้นึ ฝั่งทันที แล้วดำเนนิ การแก้ไขจดุ ที่เกดิ การร่วั ไหลให้เรียบรอ้ ย 3.3 การแลน่ รถในนำ้ ตามปกตใิ ห้ใช้ เกียร์ 3 3.4 ให้เปลี่ยนเกียร์ และใช้คันบังคับเล้ียว น้อยท่ีสุดเท่าท่ีจะทำได้ การเร่งเครื่อง และการผ่อน คนั เรง่ ใหก้ ระทำอยา่ งชา้ ๆ และสมำ่ เสมอ ใหพ้ ยายามหลกี เลย่ี งการใชห้ ้ามลอ้ 3.5 ให้ดำรงการติดต่อส่ือสารกับหน่วยที่อยู่บนฝ่ัง และกับรถคันข้างเคียง ในกรณีทีทำการลุย น้ำเป็นขบวนจะตอ้ งรกั ษาระยะต่อ ระยะเคียงระหวา่ งคันไวไ้ มน่ อ้ ยกวา่ 30 เมตร 3.6 พลประจำรถ และผู้โดยสารจะต้องน่ังประจำที่ใหเ้ รียบรอ้ ย ถ้ามผี ู้โดยสารไม่เตม็ ตามจำนวน ให้พยายามนงั่ โดยสารทางดา้ นหลังซา้ ย 4. การขับรถในน้ำ 4.1 ใหข้ บั รถลงน้ำอย่างช้า ๆ โดยสม่ำเสมอ และตั้งฉากกับชายฝ่ัง 4.2 เคล่ือนที่ในน้ำด้วยความเร็วคงที่ และเน่ืองจากแรงเฉ่ือยของรถ การบังคับเล้ียวรถจึงต้องดึง และปล่อยคันบังคับเล้ียวล่วงหน้าแต่เน่ินให้ถูกต้อง ถ้าจำเป็นให้ใช้ไม้ค้ำยันประจำรถเข้าช่วยในการเล้ียว รถ 4.3 ในขณะท่ีรถแล่นอยู่ในน้ำด้วยความเร็วต่ำ และรถมีแรงเฉื่อยเพียงเล็กน้อยเม่ือผ่อนคันเร่ง พลขบั สามารถเปลยี่ นเกยี รข์ า้ มลำดบั ขัน้ ได้ 4.4 การหยุดรถให้ผ่อนคันเร่งเคร่ืองยนตล์ ว่ งหน้าแต่เนนิ่ และถา้ หยดุ รถไม่ได้ใหใ้ ช้เกียร์ถอยหลัง เขา้ ช่วย 4.5 ในขณะรถแล่นอยู่ในน้ำ ถ้าสายพานรถเกยเข้ากับท่ีตื้นจะทำให้รถเร่งความเร็วขึ้นอย่าง กระทันหัน ให้ผ่อนคันเรง่ จนสุด การเคล่อื นทตี่ อ่ ไปจนถงึ น้ำลกึ อีกใหป้ ฏบิ ัติเชน่ เดียวกับการขบั รถลงนำ้ 4.6 ในขณะรถแล่นอย่ใู นน้ำ ถ้าสายพานข้างใด ข้างงหนึ่งปะทะกับสิ่งกดี ขวางจะทำให้รถเกิดการ เลี้ยวอย่างกระทันหัน ในกรณีน้ีให้ดึงดึงคันบังคับเลี้ยวเพ่ือหยุดสายพานข้างนั้น และเหยียบห้ามล้อทันที
ห น้ า | 34 แล้วเข้าเกียร์ถอยหลัง เพื่อถอยรถออกจากสิ่งกีดขวางอันน้ัน โดยใช้ไม้ค้ำยันประจำรถเข้าช่วยตามความ จำเปน็ 4.7 การขับรถขึ้นจากน้ำ ควรให้สายพานทั้งสองข้างแตะชายฝั่งพร้อมกันถ้ารู้สึกวา่ สายพานแตะ ชายฝั่งไมพ่ ร้อมกันใหห้ ยุดรถ หรือถอยหลังรถ แล้วเลอื กจุดขน้ึ ฝ่งั ใหม่ การข้ึนฝง่ั จะตอ้ งใช้ความเรว็ ต่ำ และ เรง่ เคร่ืองยนตแ์ ตน่ ้อย
ห น้ า | 35 ตอนที่ 7 การแก้ไขข้อขัดขอ้ ง ขอ้ ขดั ขอ้ ง สาเหตทุ ่อี าจเปน็ ได้ การแกไ้ ข เคร่อื งยนต์ เคร่อื งยนต์ไม่ติด 1. นำ้ มนั เชอื้ เพลงิ หมดถัง 1. เติมน้ำมันเช้ือเพลิงให้พอเพียง เครอ่ื งยนตต์ ดิ ยาก และอาจจำเป็นต้องไล่ฟองอากาศ เคร่อื งยนต์กำลงั ตก ออกจากระบบนำ้ มนั เชื้อเพลิง 2. ลิ้นเลือกถังน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในตำแหน่งปิด 2. เปดิ ล้ินเลือกถังนำ้ มนั เชอ้ื เพลงิ “ SHUT OFF ” 3. ไส้กรองในหม้อกรองน้ำมันเช้ือเพลิงเกิดการ 3. ทำความสะอาดหม้อกรองน้ำมัน อุดตัน เช้ือเพลิง 4. ทอ่ น้ำมันเชอ้ื เพลงิ รวั่ 4. ตรวจการขันแน่นของข้อต่อท่อ น้ำมันเชื้อเพลงิ 5. ไฟเตือนเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้าไม่ตดิ เม่ือไฟเตือน 5. หมุนสวิตช์ติดเคร่ืองยนต์จาก ระบบอนุ่ ไอดตี ดิ ขึ้นแล้ว ตำแหน่ง 1 ไปยัง 2, ตรวจการขัน แน่นของขั้วแบตเตอรี่ และตรวจ ความเรียบร้อยของสายไฟ 1. แบตเตอร่ีมีไฟน้อย, ข้ัวแบตเตอรี่หลวม หรือ 1. ตรวจสภาพแบตเตอรี่ ทำความ เป็นสนิมกรดจนไฟเดินไม่สะดวก ทำให้มอเตอร์ สะอาดข้ัวแบตเตอร่ีและสายไฟ ขัน หมุนช้า ให้แนน่ แล้วใชไ้ ขข้นทาบาง ๆ 2. ท่อทางเดินนำ้ มนั เชอื้ เพลิงอดุ ตนั 2. ตรวจจุดที่เกิดการอุดตันของท่อ นำ้ มันเช้ือเพลิง 1. น้ำมนั เชื้อเพลงิ เดินไมส่ ะดวก 1. ทำความสะอาด เปลี่ยนไส้กรอง น้ำมันเช้ือเพลิง และตรวจการขัน แน่นของขอ้ ต่อทอ่ น้ำมนั เชือ้ เพลิง 2. ระยะห่างของตนี ลิ้นไม่ถูกต้อง หรือแหนบล้ิน 2. จัดปรับระยะห่างของตีนล้ินให้ หกั ถกู ต้อง หรือรายงาน สพ.สน.โดยตรง 3. หัวฉดี นำ้ มันเชอ้ื เพลงิ บกพรอ่ ง 3. รายงาน สพ.สน.โดยตรง 4. เครอื่ งเพม่ิ ไอดีสกปรก 4. ตรวจสภาพ และทำความสะอาด 5. เคร่ืองควบคุมป๊ัมสูบฉีดน้ำมันเช้ือเพลิง 5. ตรวจ และจัดปรับเครื่องควบคุม บกพรอ่ ง หรอื จัดปรบั ไม่ถกู ต้อง ป๊ัมสบู ฉดี นำ้ มนั เช้อื เพลงิ 6. ไส้กรองอากาศสกปรกมาก หรอื อุดตนั 6. ทำความสะอาดหม้อกรองอากาศ ขั้นแรก และไส้กรองของหม้อกรอง ขนั้ ทส่ี อง
ห น้ า | 36 ขอ้ ขัดข้อง สาเหตุที่อาจเปน็ ได้ การแกไ้ ข เครื่องยนต์มีควันไอเสีย 1. ระดับน้ำมันเคร่ืองยนต์สูงเกนิ กำหนด 1. ถ่ายน้ำมันเคร่ืองยนต์ออกจนอยู่ที่ มาก ขีดบนสดุ ของเหล็กวดั 2. แหวนลูกสบู หลวม 2. รายงานหน่วย สพ.สน.โดยตรง 3. หวั ฉดี น้ำมนั เชือ้ เพลิงบกพรอ่ ง 3. รายงานหน่วย สพ.สน.โดยตรง 4. ระยะห่างของตนี ล้นิ ไม่ถูกตอ้ ง 4. จัดปรับระยะห่างของตีนลิ้นให้ ถกู ต้อง 5. เคร่ืองเพ่มิ ไอดีสกปรก 5. ตรวจสภาพ และทำความสะอาด 1. ครีบระบายความร้อนที่กระบอกสูบ 1. ทำความสะอาดครีบระบายความ เครื่องยนต์ร้อนจัด ( เข็ม และฝาสบู สกปรกมาก ร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครีบบนฝา วัดอุณหภูมิข้ึนสูงถึงขีด 2. หัวฉดี น้ำมันเช้ือเพลงิ บกพรอ่ ง สูบ แดง ) ให้ดับเคร่ืองยนต์ 3. จั ง ห ว ะ สู บ ฉี ด ข อ ง ป๊ั ม สู บ ฉี ด 2. รายงานหน่วย สพ.สน.โดยตรง ทันที คลาดเคล่อื น 3. รายงานหนว่ ย สพ.สน.โดยตรง 4. ทางเดนิ อากาศเข้าพดั ลมระบายความ 4. ตรวจ และจัดการให้อากาศไหล รอ้ น เข้าสู่พัดลมระบายความร้อนได้ ถูกปดิ กั้น สะดวก ความดนั น้ำมันเครอ่ื งยนต์ 5. พัดลมระบายความรอ้ นหมนุ ช้า 5. ตรวจลิ้นควบคุมอุณหภูมิไอเสีย ต่ ำ ม า ก ( ใ ห้ ดั บ แ ล ะ ถ อ ด แ ห ว น ท อ ง แ ด ง ข อ ง ส ลั ก เครื่องยนต์ทนั ที ) 6. เครือ่ งเพ่มิ ไอดีสกปรก เก ลี ย ว ป รั บ ล้ิ น ค ว บ คุ ม ต า ม ค ว า ม 7. เคร่อื งวัดอุณหภมู บิ กพรอ่ ง จำเปน็ 1. เกดิ การร่วั ไหลในระบบน้ำมันหล่อลืน่ 6. ตรวจสภาพ และทำความสะอาด 7. ตรวจ เปล่ียนเครอ่ื งวดั ท่บี กพรอ่ ง ระบบถ่ายทอดกำลัง 2. เครอ่ื งวัดแรงดันนำ้ มนั บกพร่อง 1. ตรวจการร่ัวไหล และทำการแก้ไข คลัตชห์ ลกั ลน่ื 3. รองเพลาขอ้ เหว่ียงสึกหรอมาก และเตมิ นำ้ มนั จนไดร้ ะดับถูกต้อง 4. หมอ้ กรองน้ำมนั เครื่องยนต์อุดตัน 2. ตรวจ เปลีย่ นเคร่อื งวดั ทีบ่ กพรอ่ ง 3. รายงานหน่วย สพ.สน.โดยตรง 4. เปล่ียนไส้กรองกระดาษ และทำ คลตั ช์จากไม่เตม็ ที่ 1. ไม่มีระยะว่างของคลัตช์ หรือมีน้อย ความสะอาดไส้กรองลวด มาก 1. ตรวจ และจัดปรับระยะว่างให้ ถูกต้อง 2. มีนำ้ มนั เปอื้ นผิวหน้าจานคลัตช์ 2. ทำความสะอาดจานคลตั ช์ 3. แหนบกดคลัตชอ์ อ่ นล้า หรอื หกั 3. รายงานหนว่ ย สพ.สน.โดยตรง 1. มีระยะว่างของแป้นคลัตช์มากเกินไป 1. จดั ปรับระยะว่างให้ถกู ตอ้ ง หรอื มรี ะยะทำงานนอ้ ย 2. จานคลัตช์บิดเบี้ยว แตกร้าว ไหม้ หรอื สกปรกมาก
ห น้ า | 37 ข้อขัดข้อง สาเหตทุ ีอ่ าจเปน็ ได้ การแก้ไข คลัตช์จากไมเ่ ต็มที่ (ต่อ) 3. ร่องฟันของแผ่นคลัตช์ และจานคลัตช์ 3. รายงานหน่วย สพ.สน.โดยตรง สกปรกมาก หรือสึกหรอเป็นบ้ังจนทำให้ จานคลตั ช์เคลอ่ื นตวั ไมส่ ะดวก 4. ร่องฟันของแผ่นคลัตช์ และจานคลัตช์ 4. รายงานหน่วย สพ.สน.โดยตรง แตกหักทำใหเ้ กิดการขัดตัวของคลตั ช์ 5. สลกั ร้อยแผน่ คลตั ชห์ ลวมคลาย 5. รายงานหนว่ ย สพ.สน.โดยตรง 6. ร่องลกู ปนื ปลดคลตั ช์สึกหรอมาก 6. รายงานหน่วย สพ.สน.โดยตรง แป้นคลัตช์หนักมาก หรือ 1. กา้ นโยงคลัตช์ขดั ตวั 1. ตรวจ และแก้ไขจดุ ทีข่ ดั ข้อง กดไมล่ ง 2. ร่องลกู ปนื ปลดคลัตช์สึกหรอมาก 2. รายงานหนว่ ย สพ.สน.โดยตรง 3. กลไกปลดคลัตช์ และลูกปืนคลัตช์ขาด 3. ใหก้ ารหลอ่ ลน่ื ตามที่กำหนดไว้ การหล่อล่นื แป้นคลัตช์ค้าง หรือไม่คืน 1. ก้านโยงคลัตชข์ ดั ตัว 1. ตรวจ และแก้ไขจุดที่ขดั ขอ้ ง ที่เดิมเม่อื ปลอ่ ยคลัตช์ 2. แหนบชว่ ยรัง้ คลัตชอ์ ่อนเกินไป 2. จัดปรับแหนบช่วยรงั้ คลตั ช์ 3. ลูกปืนปลดคลัตช์ติดค้างเนื่องจากสึก 3. รายงานหนว่ ย สพ.สน.โดยตรง หรอมาก หรือชำรุด 4. แผ่นคลตั ช์ตดิ คา้ ง 4. รายงานหนว่ ย สพ.สน.โดยตรง เข้าเกียร์ยาก เข้าเกียร์ 1. กลไกก้านโยงคันเกียร์คลาดเคล่ือนหรือ 1. ตรวจ และแก้ไข หรือเปล่ียน ไม่ได้หรอื ปลดเกียรไ์ มไ่ ด้ ปรบั ไมถ่ ูกต้อง สายลวดโยงขาด หรือหลดุ ตามความจำเป็น 2. ซ่อมเล่ือนเกียร์ หรือแกนเลื่อนหัก หรือ 2. รายงานหนว่ ย สพ.สน.โดยตรง หลดุ 3. คลัตช์จากไมเ่ ต็มที่ หรือคลตั ช์ไมจ่ าก 3. ดขู อ้ ขัดข้องของคลัตช์ 4. ชุดเฟอื งปรบั ความเรว็ ( ซนิ โครเมช ) 4. รายงานหน่วย สพ.สน.โดยตรง สกึ หรอมาก หรือชำรุด เกียร์หลุดเองในขณะใช้ 1. กลไกกา้ นโยงคันเกียรค์ ลาดเคลอื่ น 1. ตรวจ และจดั ปรบั กลไกก้านโยง งาน 2. เกียร์เข้าไม่สนิท หรือปรับตำแหน่งก้าน 2. ตรวจ และจดั ปรบั กลไกก้านโยง โยงไม่ถูกตอ้ ง 1. ซลี กันรั่วชำรดุ 1. เปล่ียนซลี กันรั่ว เกิดการรั่วไหลที่หีบเฟือง 2. เติมน้ำมนั มากเกินไป 2. ถ่ายน้ำมันออกให้ถึงระดับท่ี ถ่ายทอดกำลงั กำหนดไว้ 1. น้ำมันเกียร์มากเกินไป หรือน้อย 1. ถ่ายน้ำมันออก หรือเติมน้ำมัน หีบเฟืองถ่ายทอดกำลัง เกนิ ไปหรือนำ้ มนั เกยี ร์เสือ่ มคุณภาพ ใหไ้ ด้ระดบั หรือเปลี่ยนน้ำมันใหม่ ห รื อ เ ค รื่ อ ง เ ป ล่ี ย น 2. ไส้กรองน้ ำมั น เกียร์ของหี บ เฟื อง 2. ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนไส้ ความเร็วรอ้ นจดั ถา่ ยทอดกำลงั อดุ ตัน กรอง
ห น้ า | 38 ขอ้ ขดั ขอ้ ง สาเหตทุ ีอ่ าจเป็นได้ การแก้ไข มีเสียงดังผิดปกติในเคร่ือง ตลบั ลกู ปืนสกึ หรอมาก หรือลูกปืนชำรุด รายงานหน่วย สพ.สน.โดยตรง เปล่ียนความเร็ว หรือใน หรอื ฟันเฟืองเกียรช์ ำรดุ หบี เฟืองถา่ ยทอดกำลัง ระบบบังคับเลี้ยว การบังคับเลี้ยว หรือการ 1. คลัตช์บังคับเลี้ยวล่ืน ( ดูสาเหตุขัดข้อง 1. แก้ไขเช่นเดียวกบั คลัตช์หลกั หา้ มล้อทำงานไมด่ ี ของคลัตชห์ ลัก ) 2. คลัตช์บังคับเลี้ยวจากไม่เต็มที่ ( ดู 2. แกไ้ ขเช่นเดยี วกบั คลัตช์หลกั สาเหตุขดั ข้องของคลตั ช์หลัก ) 3. ผ้าห้ามล้อสึกหรอมาก ไหม้ เปื้อน 3. เปลี่ยนผ้าห้ามล้อ ทำความ น้ำมัน หรือปรับระยะห่างระหว่างผ้าห้าม สะอาด ลอ้ กบั จานหา้ มล้อไม่ถูกต้อง หรอื จัดปรบั ระยะหา่ งใหถ้ กู ต้อง 4. ก้านโยงบังคับเลี้ยวหลุด ขัดตัว หรือ ปรบั ระยะทำงานไมถ่ กู ตอ้ ง 4. ตรวจก้านโยงต่อกลับท่ีเดิม 5. ชดุ สลกั เกลยี วปรับผ้าห้ามลอ้ ชำรุด หรอื จดั ปรบั ระยะทำงานให้ถูกตอ้ ง หบี เฟอื งขับขั้นสุดท้าย 5. ตรวจ และเปลยี่ นสง่ิ ท่ีชำรดุ มีเสียงดังผิดปกติในหีบ ตลับลูกปืน หรือเฟืองเกียร์สึกหรอมาก เฟอื งขบั ขั้นสุดทา้ ย หรือชำรุด เปลี่ยนหีบเฟืองขบั ขั้นสดุ ท้าย หบี เฟืองขับขน้ั สุดท้าย น้ำมนั เกียรม์ ากเกินไป หรือนอ้ ยเกินไป ร้อนจัด หรือนำ้ มันเกยี รเ์ สอ่ื มคุณภาพ ถ่ายน้ำมันออก หรือเติมน้ำมันให้ มีน้ำมันร่ัวไหลท่ีหีบเฟือง ซีลกันร่วั ชำรดุ ได้ระดับ หรือเปลีย่ นนำ้ มันใหม่ ขับขัน้ สุดทา้ ย เปลย่ี นซีลกนั ร่ัว สายพาน และเคร่ืองพยุง ตัวรถ รถวิ่งเฉไปขา้ งใดขา้ งหน่งึ 1. สายพานสองขา้ งมีความตงึ ไมเ่ ท่ากนั 1. ปรับสายพานให้ตึงเท่ากันท้ัง 2. สายพานท้ังสองข้างมีความยาวไม่ สองข้าง เทา่ กัน 2. ตดั ต่อข้อสายพานให้สายพานทั้ง ดุมล้อกดสายพาน ดุมล้อ สองขา้ งมคี วามยาวเทา่ กัน ปรับสายพาน หรือดุมล้อ ขาดการหล่อลื่น ปรับลูกปืนล้อไม่ถูกต้อง ให้การหล่อลื่นดุมล้อตามที่กำหนด รบั สายพานร้อนจัด หรือลูกปนื ล้อชำรุด ไว้ ปรับลกู ปืนล้อ หรือเปล่ียนลกู ปนื ที่ แ ข น ล้ อ ก ด ส า ย พ า น ชำรุด ตรวจซีลกันรั่ว และเปลี่ยน กระแทกกับแหนบหยุด 1. คานรบั แรงบิดหัก ซลี ทีช่ ำรุด แขนลอ้ กดอย่างรนุ แรง 2. เคร่ืองผอ่ นแรงสะเทอื นไม่ทำงาน 1. เปลย่ี นคานรบั แรงบิด 2. ตรวจ ซ่อมแก้ หรือเปล่ียน เครื่องผอ่ นแรงสะเทือน
ห น้ า | 39 ข้อขดั ข้อง สาเหตทุ ีอ่ าจเป็นได้ การแกไ้ ข เคร่ืองผ่อนแรงสะเทือนไม่ เคร่อื งผอ่ นแรงสะเทือนไม่ทำงาน ตรวจ ซ่อมแก้ หรือเปล่ียนเครื่อง ร้ อ น ขึ้ น เมื่ อ วิ่ งใน ภู มิ ผอ่ นแรงสะเทือน ประเทศ 1. เดอื ยนำสายพานหกั หรือคดงอ 1. เปล่ยี นข้อสายพานอนั นน้ั มี เสี ย ง ดั ง ผิ ด ป ก ติ ท่ี 2. สลักสายพานถอยตัวออกมากระแทก 2. ตอกสลักสายพานกลับที่เดิม แล้ว สายพานในขณะรถว่ิง กับลาดบังคับสลักสายพาน เนืองจาก ใส่แหวนยึดสลกั สายพาน แหวนยึดสลักสายพานหลดุ หาย สายพานหย่อนเกินควร ปรับสายพานให้มีความตงึ ถูกตอ้ ง สายพานโยน เลี้ยวรถอย่างแรงบนพ้ืนทราย พื้นที่ดิน ขั บ ร ถ แ ล ะ บั ง คั บ เล้ี ย ว อ ย่ า ง สายพานหลุด ร่วนหรือพ้นื ที่ขรุขระ ระมดั ระวัง กระทบกระแทกกับสงิ่ ตา่ ง ๆ เปล่ยี นยางรองสายพาน ยางรองสายพานหลุด ระบบไฟฟา้ วงจรหมุนเครอื่ งยนต์ 1. ฟิวส์ขนาด 50 A ที่แผงเครื่องวัดของ 1. ตรวจสาเหตุท่ีทำให้ฟิวส์ชำรุด มอเตอร์หมุนเคร่ืองยนต์ พลขับ ชำรุด แล้วเปลย่ี นฟิวสใ์ หม่ ไม่ทำงานเมื่อบิดสวิตช์ 2. ข้ัวต่อสายไฟในวงจรหลวม หรือหลุด 2. ตรวจ และแกไ้ ขจุดบกพร่อง หมนุ เครอ่ื งยนต์ 3. มอเตอรห์ มุนเครอื่ งยนต์บกพร่อง 3. ตรวจ ซ่อมแก้ หรือเปล่ียน มอเตอร์หมนุ เครื่องยนต์ วงจรประจไุ ฟ ( ให้ใช้หลอดไฟทดสอบในการตรวจความ ไฟ เตื อน เค รื่องก ำเนิ ด บกพร่อง ของวงจร ) ไฟฟ้าไม่ติด เม่ือเปิดสวิตช์ 1. ถ้าหลอดไฟทดสอบติดเม่ือทำการตรวจ แบตเตอรี่ สายไฟระหว่างขัว้ D+ ของเคร่ืองควบคุมฯ 1. เปลย่ี นหลอดไฟเตือน และ กับฟิวส์ 50A บนแผงเคร่ืองวัด แสดงว่า ถา้ สายไฟขาด ใหซ้ ่อมสายไฟ หลอดไฟเตือนชำรุด หรือสายไฟขาด 2. ถ้าหลอดไฟทดสอบติดเม่ือทำการตรวจ สายไฟระหว่างขัว้ D+ ของเครื่องควบคุมฯ 2. เปลย่ี นเครื่องกำเนดิ ไฟฟ้า กับตัวรถ แสดงว่าเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า ชำรุด ไฟ เตื อน เค ร่ืองก ำเนิ ด ( ดับเคร่ืองยนต์ แล้วถอดขั้วต่อสายไฟ ไ ฟ ฟ้ า ไ ม่ ดั บ เมื่ อ เร่ ง ออกจากเคร่ืองควบคุมฯ ) ถ้าหลอดไฟ เคร่อื งยนตข์ ้ึน เตือนยังคงติดสวา่ ง แสดงว่า 1. สายไฟหมายเลข R40 หรอื R40B หรอื 1. ตรวจ และซอ่ มแกจ้ ุดที่ลดั วงจร R40K เกิดลดั วงจร 2. เคร่ืองควบคุมฯ หรือเคร่ืองกำเนิด 2. ตรวจสอบ และเปลี่ยนใหม่ ไฟฟ้าชำรุด 3. สายพานเครอ่ื งกำเนิดหลวม หรอื ขาด 3. ปรับสายพานให้ตึง หรือเปลี่ยน ใหม่
ห น้ า | 40 ขอ้ ขดั ขอ้ ง สาเหตุทอ่ี าจเป็นได้ การแก้ไข วงจรแสงสว่าง ไฟเตือน และแตร หลอดไฟแสงสว่างไม่ติด 1. ฟิวส์ขาด 1. เปลี่ยนฟวิ สใ์ หม่ ไฟเตอื นไมต่ ดิ 2. หลอดไฟขาด 2. ตรวจ และแกไ้ ขจุดทบ่ี กพร่อง 3. เรือนหลอดไฟชำรดุ 3. ตรวจ และซ่อมแก้ หรือเปลย่ี น 4. ข้ัวสายไฟสกปรก หลวมคลอน หรือ 4. ตรวจ และซอ่ มแก้ หรือเปลยี่ น ขาด 5. ตรวจ และซอ่ มแก้ หรอื เปลีย่ น 5. สวิตชไ์ ฟสกปรก หรอื ชำรดุ 6. เปิดฝาครอบหลอดไฟ แตรไมด่ งั 6. ปดิ ฝาครอบหลอดไฟไว้ 1. เปลีย่ นฟวิ สใ์ หม่ 1. ฟิวส์ขาด 2. ตรวจ และซอ่ มแก้ หรือเปลย่ี น 2. สวติ ชแ์ ตรสกปรก หรือชำรดุ 3. ตรวจ และซ่อมแก้ หรอื เปลีย่ น 3. ข้ัวสายไฟสกปรก หลวมคลอน หรือ 4. ปรับระยะห่างของหน้าสัมผัสท่ี ขาด แตร ไฟสัญญาณเล้ียว และไฟ 4. แตรบกพรอ่ ง หรอื เปล่ียนแตร ห้ามลอ้ ไฟ สั ญ ญ า ณ เล้ี ย ว ไม่ กระพริบ 1. เปลย่ี นเครอื่ งทำไฟกระพรบิ 1. เคร่อื งทำไฟกระพรบิ ชำรดุ 2. เปลี่ยนหลอดไฟ ไฟสัญญาณเลี้ยวกระพริบ 2. หลอดไฟเลี้ยวขาด เปลย่ี นเคร่อื งทำไฟกระพริบ ช้ามาก หรือเรว็ มาก เคร่อื งทำไฟกระพรบิ ชำรดุ ไฟ ห้ า ม ล้ อ ไม่ ติ ด เมื่ อ 1. ปรับสวิตช์ไฟห้ามล้อให้ต่อวงจร เหยียบหา้ มลอ้ 1. ปรับสวิตช์ไฟหา้ มล้อไม่ถกู ต้อง เม่อื ผา้ ห้ามลอ้ เริ่มทำงาน 2. เปลยี่ นฟิวส์ 2. ฟวิ ส์ขาด 3. เปลย่ี นหลอดไฟ 3. หลอดไฟห้ามลอ้ ขาด 4. ตรวจ และแก้ไขจดุ ทบ่ี กพร่อง กล้องตรวจการณ์เวลา 4. สายไฟหลวม หรอื หลุด กลางคืน ไมม่ ภี าพ หรือเห็นภาพไม่ 1. ตรวจ และซอ่ มแก้จุดที่บกพร่อง ชัดเจน 1. วงจรโคมไฟอนิ ฟราเรดบกพรอ่ ง 2. ตรวจ และเปลี่ยนเคร่ืองกำเนิดไฟ 2. เคร่อื งกำเนดิ ไฟแรงสูงของกลอ้ งทำงาน แรงสูง บกพร่อง 2. เปลย่ี นกลอ้ งตรวจการณ์ 3. หลอดภาพทำงานบกพร่อง 4. เปลี่ยนโคมไฟอนิ ฟราเรด 4. โคมไฟอินฟราเรดขาด
รุปทร่ีุป3ท.6ี่ 3แ.6ผนแผผงันวผงงัจวรงปจรระปจรไุ ะฟจไุรฟสพร.สแพบ.บแบ8บ5 85 ห น้ า | 41 1. แ1บ.ตแเบตตอเรต่ี อ2ร.ี่ ก2ล.อ่ กงลฟอ่ ิวงสฟ์ วิ 3ส.ร์ ีเ3ล.ยรแ์เี ลบยต์แเบตตอเรตี่ อ4ร. ่ีข4้ัว.ตข่อั้วสตา่อยสไาฟยแไผฟงแเคผรงอ่ืเคงรวอ่ื ัดงว5ดั . เค5ร. อ่ืเคงรวื่อดั งไวฟดั ฟไ้าฟฟ6า้. ข6ัว้ .ตข่อว้ั สตาอ่ ยสไาฟยแไผฟงแเคผรงอื่เคงรวอ่ื ดั งว7.ดั ส7ว.ิตสชว์แติ บชต์แเบตตอเรต่ี อรี่ - 40 - 8. ไ8ฟ.เไตฟอื เนตเอืคนรอ่ืเคงรก่อื ำงเนกดิำเไนฟดิ ฟไ้าฟฟ9า้. เค9ร. ่อืเคงรคอ่ื วงบคควมุบแครุมงแดรนั งไดฟันฟไา้ฟฟ1า้0. 1แ0ผ.งแตผอ่ งสตาอ่ ยสไาฟยไ1ฟ1. 1เค1ร. ่ือเคงรก่อื ำงเนกิดำเไนฟิดฟไ้าฟฟา้ - 40 -
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155