โรงเรียนทหารม้า วิชา ผเู้ ชยี่ วชาญการใชอ้ าวุธรถถงั เลม่ ๓ รหสั วิชา ๐๑๐๒๒๙๐๒๐๑ หลกั สตู ร ผูเ้ ชีย่ วชาญการใชอ้ าวุธรถถงั แผนกวิชาหลกั ยงิ และตรวจการณ์ กศ.รร.ม.ศม. ปรชั ญา รร.ม.ศม. “ฝึกอบรมวิชาการทหาร วิทยาการทนั สมยั ธารงไวซ้ งึ่ คุณธรรม”
ปรัชญา วสิ ยั ทศั น์ พันธกิจ วตั ถุประสงค์การดาเนนิ งานของสถานศกึ ษา เอกลกั ษณ์ อตั ลักษณ์ ๑. ปรชั ญา ทหารมา้ เปน็ ทหารเหลา่ หนงึ่ ในกองทัพบกท่ีใชม้ า้ หรือสง่ิ กาเนดิ ความเรว็ อน่ื ๆ เป็นพาหนะเปน็ เหลา่ ที่มคี วามสาคัญ และจาเป็นเหล่าหนึ่ง สาหรับกองทหารขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับเหล่าทหารอื่ น ๆ โดยมีคุณลักษณะ ที่มีความคล่องแคล่ว รวดเร็วในการเคล่ือนที่ อานาจการยิงรุนแรง และอานาจในการทาลายและข่มขวัญ อนั เปน็ คุณลักษณะทสี่ าคัญและจาเปน็ ของเหล่า โรงเรียนทหารม้า ศูนยก์ ารทหารม้า มีปรชั ญาดังน้ี “ฝึกอบรมวชิ าการทหาร วทิ ยาการทันสมัย ธารงไว้ซึง่ คณุ ธรรม” ๒. วิสยั ทศั น์ “โรงเรียนทหารมา้ ศนู ยก์ ารทหารม้า เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้วิชาการเหล่าทหารม้าท่ีทันสมัย ผลิตกาลงั พลของเหล่าทหารม้า ใหม้ ีลักษณะทางทหารทีด่ ี มีคุณธรรม เพอื่ เป็นกาลงั หลกั ของกองทพั บก” ๓. พนั ธกิจ ๓.๑วจิ ัยและพฒั นาระบบการศึกษา ๓.๒ พฒั นาคุณภาพครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศกึ ษา ๓.๓ จัดการฝกึ อบรมทางวชิ าการเหล่าทหารม้า และเหล่าอืน่ ๆ ตามนโยบายของกองทัพบก ๓.๔ผลติ กาลังพลของเหล่าทหารมา้ ใหเ้ ป็นไปตามวัตถุประสงคข์ องหลักสูตร ๓.๕ พฒั นาส่ือการเรียนการสอน เอกสาร ตาราของโรงเรียนทหารม้า ๓.๖ปกครองบงั คับบัญชากาลงั พลของหน่วย และผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรต่างๆ ให้อยู่บนพื้นฐาน คุณธรรม จรยิ ธรรม ๔. วตั ถุประสงค์ของสถานศึกษา ๔.๑เพือ่ พฒั นาครู อาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ให้มีความรู้ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ใหก้ บั ผเู้ ขา้ รบั การศึกษาไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๔.๒ เพือ่ พฒั นาระบบการศึกษา และจดั การเรยี นการสอนผ่านส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ให้มคี ุณภาพอย่างต่อเน่ือง ๔.๓ เพ่อื ดาเนินการฝึกศึกษา ใหก้ ับนายทหารชัน้ ประทวน ท่ีโรงเรยี นทหารมา้ ผลติ และกาลังพลที่เข้ารับ การศึกษา ให้มีความร้คู วามสามารถตามที่หนว่ ย และกองทัพบกต้องการ ๔.๔ เพื่อพฒั นาระบบการบริหาร และการจัดการทรัพยากรสนับสนุนการเรียนรู้ ให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ ๔.๕ เพอ่ื พฒั นาปรบั ปรงุ สือ่ การเรียนการสอน เอกสาร ตารา ให้มีความทันสมัยในการฝกึ ศึกษาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ๔.๖เพือ่ พฒั นา วจิ ัย และให้บริการทางวชิ าการ ประสานความรว่ มมือ สร้างเครือข่ายทางวิชาการกับ สถาบันการศกึ ษา หน่วยงานอนื่ ๆ รวมทง้ั การทานบุ ารุงศลิ ปวัฒธรรม ๕. เอกลักษณ์ “เป็นศนู ยก์ ลางแห่งการเรียนรู้ทางวิชาการ และผลิตกาลังพลเหล่าทหารม้าอย่างมีคุณภาพเป็นการ เพ่ิมอานาจกาลงั รบของกองทัพบก” ๖. อตั ลักษณ์ “เด่นสงา่ บนหลงั มา้ เกง่ กลา้ บนยานรบ”
คานา สนามรบในอนาคตจะเป็นการรบท่ใี ช้การเคลอื่ นทแี่ ละมคี วามรุนแรง โดยเนน้ การใชป้ ระสิทธิภาพ จากอานาจการยิงและกาลังชนจากยานเกราะ รถถัง เอ็ม ๖๐ เอ ๓ได้ถูกออกแบบมาให้พบกับความท้าทาย ต่างๆ เหล่าน้ี พลประจารถถังทกุ นายจะตอ้ งเตรียมการในการทีจ่ ะนาเอาประโยชน์สูงสุดจากขีดความสามารถ ของรถถัง เอ็ม ๖๐ เอ ๓ ไปใช้ในสงครามของความขัดแย้งท่ีกาลังจะเกิดข้ึนเพื่อให้อยู่รอดจากสนามรบใน อนาคต โดยพลประจารถถัง เอ็ม ๖๐ เอ ๓ จะต้องได้รับการฝึกมาเป็นอยา่ งดี เพื่อเอาชนะกองกาลงั ของขา้ ศึกและเพ่ือความอยู่รอด พลประจารถถัง เอ็ม ๖๐ เอ ๓ จะต้องมี ความร้เู ก่ยี วกับขดี ความสามารถในการปฏิบัติงานของรถถัง เทคนิคในการค้นหาและได้มาซึ่งเป้าหมาย และ ประสทิ ธิภาพในการใช้งานของอาวุธต่างๆ ท่ีติดต้ังอยู่บนรถถัง นอกจากน้ี พลประจารถถังจะต้องพัฒนาและ ดารงรักษาความชานาญดา้ นยุทธวิธี ทจี่ ะชว่ ยใหพ้ วกเขาดาเนินกลยุทธ์อย่างได้ผลและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ อยู่รอดจากสนามรบ การผสานกนั ระหว่างความชานาญในวิชาหลักยิงและยุทธวิธีเป็นสิ่งสาคัญยิ่งเช่นเดียวกับ ความชานาญในระบบอาวุธของรถถงั
สารบญั หนา้ บทที่ ๑ ๑ กลา่ วนา ๑ ความมุ่งหมาย ๒ ๓ ขอบเขต สรปุ ๔ ๕ ๒ ขีดความสามารถในการปฏบิ ตั กิ ารรบ ๘ เครอ่ื งประกอบชดุ ยทุ ธภัณฑ์ ๒๐ ระบบควบคุมการยิง ๒๕ ระบบเครอื่ งให้ทางสงู , เครื่องหมุนป้อมปืนและระบบรกั ษาการทรงตัวของปืน ๒๖ สรปุ ๒๗ ๒๗ ๓ การค้นหาเปา้ หมาย ๓๘ กรรมวิธใี นการไดม้ าซ่งึ เปา้ หมาย ๔๑ การคน้ หาของพลประจารถ ๔๒ การค้นพบเปา้ หมาย ๔๒ การกาหนดท่ตี ้งั เปา้ หมาย ๔๓ การพสิ จู นฝ์ ่ายเป้าหมาย ๔๖ การรายงานพบเป้าหมาย ๔๗ การแบง่ ประเภทของเปา้ หมาย ๔๗ การยืนยนั เป้าหมาย ๔๘ การได้มาซงึ่ เปา้ หมาย และการปฏิบตั กิ ารยิง ๔๙ สรปุ ๕๓ ๕๗ ๔ การหาระยะ ๕๘ วิธกี ารหาระยะแบบเรง่ ดว่ น ๕๘ วธิ กี ารหาระยะแบบประณตี ๕๙ สรปุ ๖๑ ๖๒ ๕ กระสนุ และการทาลายเปา้ หมาย ๖๖ การแบง่ ประเภทกระสุนปนื ใหญ่ ๖๗ องคป์ ระกอบของกระสนุ ปนื ใหญ่ ๖๙ การพสิ ูจน์ทราบชนดิ กระสนุ ปืนใหญ่ ๗๐ กระสุนทาลายเกราะ ๗๒ แผนการบรรทกุ กระสุน กระสนุ ทีใ่ ช้ในความมุ่งหมายพเิ ศษ การพสิ จู น์ทราบชนิดกระสุนปนื กล กระสนุ เครอ่ื งยิงลกู ระเบิดควัน สรปุ
สารบญั หนา้ บทท่ี 73 73 ๖ ยงิ เลง็ ตรง 74 การบรรจุกระสุนพร้อมรบ 78 หัวขอ้ คาสั่งยิง 81 การสนองตอบตอ่ คาสัง่ ยงิ ของพปรระจาร 82 คาสัง่ สาหรบั พปขบั 83 หปกั การยงิ แบบรระณตี 85 หปักการยงิ ด้วยการควบคมุ แบบรกติ (ใช้เคร่ืองรกั ษาการทรงตัว) 88 หปกั การยงิ เมอ่ื เครอ่ื งควบคุมการยิงไมส่ มบรู ณ์ 91 หปกั การยงิ ดว้ ยศูนย์รบ 94 การทาการรบดว้ ยพปรระจาร ๓ นาย 97 การยงิ หปายเร้าหมายแปะการยงิ เรา้ หมายดว้ ยอาวุธสองชนดิ พรอ้ มกนั 101 การรรับการยิงเปง็ ตรง 102 การยิงเวปากปางคืน 108 เครือ่ งควบคมุ การยงิ เพม่ิ เติม 121 แผน่ จดระยะของร งั 122 แหปง่ ทมี่ าของความผดิ พปาด 125 สรรุ 125 128 7 ปืนกล 129 บทบาททัว่ ไปสาหรบั การใชป้ ืนกลท่ีตดิ ตง้ั บนรถถงั 129 หนา้ ท่ขี องพลประจารถสาหรับการยงิ ปนื กล 130 การยงิ เปา้ หมายเป็นพนื้ ท่ี 130 การยงิ เป้าหมายเปน็ จดุ 130 การยงิ ขม่ 131 การลาดตระเวนดว้ ยการยงิ 131 เทคนคิ การยงิ อากาศยาน 132 ทหารราบสง่ ลงทางเฮลิคอปเตอร์ และพลรม่ 133 การใชร้ ืนกปในส านการณ์พิเศษ 133 สรปุ 137 146 ๘ การแจกจา่ ยการยงิ และการควบคุม 149 หปกั พืน้ ฐานของการสง่ั การแปะการควบคมุ การยงิ 155 คาส่ังยิงของตอน/หมวดร ัง การแจกจา่ ยการยิงในการตง้ั รบั การแจกจ่ายการยงิ ในการรกุ สรรุ
สารบญั หน้า บทท่ี 157 158 ๙ โปรแกรมการฝกึ ปฏิบัตกิ ารรบของรถถัง 161 การรระเมินผปแปะการวางแผนการฝกึ ของผบ.หนว่ ย 162 ความตอ้ งการกอ่ นการฝกึ รฏบิ ตั กิ ารรบของร ัง 185 การเตรียมการก่อนทาการฝึกรฏบิ ัตกิ ารรบของร งั 187 ตารางฝกึ รฏบิ ัติการรบของร งั 187 สนามย่อสว่ นในตารางฝกึ วิชาหปกั ยิง 188 ตัวอย่างโรรแกรมการฝึก 189 สรรุ 189 189 ๑๐ การสรา้ งและการปฏบิ ตั งิ านในสนามฝกึ ยงิ อาวธุ /พื้นที่การฝกึ 195 สาหรับการฝกึ รฏิบัตกิ ารรบของร ัง 196 การสร้างสนามฝกึ ยิงอาวุธร งั ดว้ ยกระสุนจรงิ 207 การปาดตระเวนสนามฝกึ /หปักสูตรทางยุทธวิธี 210 การอานวยการสนามฝึก/พนื้ ท่ีการฝกึ การรฏิบตั งิ านในสนามฝกึ สรรุ
๑ บทท่ี ๑ กล่าวนา (INTRODUCTION) สนามรบในอนาคตจะเปน็ การรบทใ่ี ชก้ ารเคล่ือนทีแ่ ละมคี วามรนุ แรง โดยเน้นการใช้ประสิทธิภาพจาก อานาจการยิงและกาลงั ชนจากยานเกราะ รถถัง เอ็ม ๖๐ เอ ๓ได้ถูกออกแบบมาให้พบกับความท้าทายต่างๆ เหลา่ นี้ พลประจารถถังทกุ นายจะต้องเตรียมการในการท่ีจะนาเอาประโยชน์สูงสุดจากขีดความสามารถของ รถถัง เอม็ ๖๐ เอ ๓ ไปใชใ้ นสงครามของความขัดแย้งท่ีกาลังจะเกิดขึ้นเพ่ือให้อยู่รอดจากสนามรบในอนาคต โดยพลประจารถถัง เอม็ ๖๐ เอ ๓ จะต้องได้รับการฝกึ มาเปน็ อย่างดี เพ่ือเอาชนะกองกาลังของข้าศกึ และเพ่อื ความอยรู่ อด พลประจารถถัง เอม็ ๖๐ เอ ๓ จะต้องมีความรู้ เกี่ยวกับขีดความสามารถในการปฏิบัติงานของรถถัง เทคนิคในการค้นหาและได้มาซ่ึงเป้าหมาย และ ประสิทธภิ าพในการใช้งานของอาวุธต่างๆ ท่ีติดต้ังอยู่บนรถถัง นอกจากนี้ พลประจารถถังจะต้องพัฒนาและ ดารงรกั ษาความชานาญดา้ นยุทธวิธี ที่จะชว่ ยให้พวกเขาดาเนินกลยุทธ์อย่างได้ผลและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ อยู่รอดจากสนามรบ การผสานกนั ระหวา่ งความชานาญในวิชาหลักยิงและยุทธวิธีเป็นส่ิงสาคัญยิ่งเช่นเดียวกับ ความชานาญในระบบอาวุธของรถถงั ขอ้ สงั เกต: การปรับเสน้ เลง็ ถือว่าเป็นหวั ใจสาคัญยิง่ ในการทาใหป้ นื ใหญร่ ถถงั ม่ีความแม่นยา เพ่ือความอยู่รอด และความสาเร็จในสนามรบ พลประจารถถงั จะต้องทาการฝกึ อยา่ งทจี่ ะรบ ดังนน้ั พลประจารถถงั จะตอ้ งเป็นผู้ ทีม่ คี วามเชีย่ วชาญในการปรับเส้นเล็งระบบอาวุธประจารถถังได้ในทุกสถานการณ์และทุกสภาพเงื่อนไขของ สภาพแวดลอ้ ม ความม่งุ หมาย ค่มู ือเลม่ น้ไี ด้จดั ทาขน้ึ ให้สามารถขยายขีดความสามารถเพอ่ื ความเป็นเลิศของกองทัพบก โดยได้จัดทา แนวทางในการฝกึ ความชานาญในการใชร้ ะบบอาวธุ ประจารถถัง เอ็ม ๖๐ เอ ๓ โดยดาเนินการผสมผสานการ ฝกึ ตามตารางการฝกึ ความชานาญในวิชาหลักยงิ อาวุธรถถัง และการฝกึ ความชานาญในการใช้รถถังทางยุทธวิธี โดยนามาประยุกตใ์ ช้ฝกึ ร่วมกันในการฝึกตามตารางฝึกรถถงั ทางยุทธวิธี ขอ้ สงั เกต: ตารางฝึกรถถังทางยุทธวธิ ีในคมู่ ือเลม่ ท่ี ๒ จะถกู นามาใช้ทดแทนด้วย รส.๑๗-๑๕ ฉบบั ปรับปรุงใหม่ ใหด้ าเนนิ การใช้การฝกึ รถถงั ทางยุทธวธิ ีตามคู่มือเล่มนี้ต่อไปจนกว่า รส. ๑๗-๑๕ ฉบับใหม่จะจัดพิมพ์ออกมา ตารางฝกึ รถถงั ทางยทุ ธวิธเี ป็นสิง่ สาคญั ยงิ่ ในการฝึกผสมเหลา่ ทางยทุ ธวธิ ี ความชานาญในวชิ าหลกั ยิงอาวธุ รถถังได้จดั ทารายละเอียดในลกั ษณะท่สี อดคล้องกนั เพือ่ ให้ดารงไว้ซ่ึง มาตรฐานของความชานาญขน้ั สงู การประยุกต์ใช้เทคนคิ ตา่ งๆ เหลา่ น้อี ยา่ งถูกต้องจะทาให้แน่ใจได้ว่าสามารถ ใช้งานระบบอาวุธประจารถถังได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพท้ังในการฝกึ และในกาปฏิบตั กิ ารรบ
๒ ขอบเขต ค่มู อื เล่มนี้ไดส้ รุปส่วนที่สาคญั ของตารางฝึกปฏิบัติการรบของระบบรถถัง เอ็ม ๖๐ เอ ๓ โดยได้แผน แบบเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายและดารงๆไว้ซ่ึงความชานาญในวิชาหลักยิงอาวุธรถถังทางยุทธวิธีตั้งแต่ ระดบั พลประจารถถงั ไปจนถงึ ระดับหมวดรถถงั โดยประกอบด้วยบทเรียน ๑๒ และภาคผนวก ๖ ผนวก โดย แบง่ ออกเปน็ ๒ ภาค ภาคที่ ๑ ว่าด้วย “ทาอย่างไร (howto)” ท่ีประกอบด้วยบทที่ ๑–๑๐ ส่วนในภาคท่ี ๒ ประกอบดว้ ยบทท่ี ๑๑ – ๑๒ ว่าด้วย ตารางฝกึ ปฏิบตั กิ ารรบของรถถงั และภาคผนวก ภาคท่ี ๑ ได้นาเสนอหลักพื้นฐานของตารางฝึกปฏิบัติการรบของรถถังและเทคนิคต่างๆ ที่ต้องใช้ รวมถึงแบบการฝึกปฏิบัติของพลประจารถถัง เอ็ม๖๐เอ๓ การฝึกทักษะวิชาหลักยิงอาวุธรถถังได้จัดทา รายละเอียดท่ีมีความสอดคล้องไปในแนวทางเดยี วกันและดารงไวซ้ ่ึงความชานาญตามมาตรฐานข้ันสูง การนา เทคนคิ ตา่ งๆ เหล่านไ้ี ปประยกุ ต์ใชง้ านอยา่ งถกู ตอ้ งแล้วจะทาให้แน่ใจได้ว่าสามารถใช้ระบบอาวุธประจารถถัง ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพทง้ั ในการฝึกและในการรบ ภาคที่ ๑ ว่าดว้ ย ทาอยา่ งไร – อธบิ ายถงึ หน้าทีใ่ นการทางานและการใชง้ านเครือ่ งประกอบชุดของระบบเครื่องควบคุมการยงิ การคน้ หา คน้ พบ การพิสจู น์ฝา่ ย และการแบ่งประเภทของเป้าหมาย การเลือกใช้ชนิดกระสนุ ทถ่ี กู ต้องตรงกบั เป้าหมายทตี่ ้องทาการยิง การใช้เทคนิคการยงิ เลง็ ตรง การใชป้ ืนกลและบทบาทของปนื กลในระหวา่ งทท่ี าการยิงเล็งตรง การแก้ไขเม่อื สญู เสียพลประจารถหรือเมอ่ื เกดิ การชารุดในระบบควบคุมการยิง การพฒั นาโปรแกรมการฝึกปฏบิ ัติการรบของรถถัง การจดั ต้งั สนามฝกึ ใหม่สาหรบั ทาการฝกึ ปฏบิ ตั ิการรบของรถถงั ภาคท่ี ๒ ว่าด้วย ตารางฝึกวิชาหลักยิงสาหรับประเมินขีดความสามารถของกาลังพลเป็นบุคคล พล ประจารถ ตอน และหมวดรถถัง ตารางฝึกทางยทุ ธวธิ ีโดยการใช้ระบบเครื่องช่วยฝึกยิงด้วยแสงเลเซอร์ ซ่ึงจะ สามารถชว่ ยให้รวมรปู แบบของการฝึกดาเนนิ กลยุทธ์เข้ากับการฝกึ วชิ าหลกั ยงิ ไดเ้ ปน็ อย่างดี ระบบการฝึกปฏิบัติการรบ ตั้งแต่ระดับบคุ คลจนถึงระดบั หมวดรถถงั รวมถงึ ตารางฝกึ วิชาหลักยิงและ ตารางฝึกทางยุทธวธิ ีเป็นสงิ่ สาคญั ยง่ิ ตอ่ ความก้าวหนา้ ในการฝกึ ผสมเหล่าทางยทุ ธวธิ ีในระดบั หมวด กองร้อยชุด รบ และกองพนั เฉพาะกิจ
๓ ตารางตอ่ ไปนีจ้ ะแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความสมั พนั ธ์ระหว่างตารางฝึกวชิ าหลักยิงและตารางฝึกทางยุทธวิธี ตารางฝึกปฏบิ ตั กิ ารรบของรถถัง (TANK COMBAT TABLES) ตารางฝึกวิชาหลักยงิ ตารางฝกึ ทางยทุ ธวธิ ี การดาเนินการ: - การควบคมุ ดว้ ยมือ การดาเนนิ การ: - เป้าหมายเสมอื นจริง - หนา้ ที่ของพลประจารถ - ปัญหายากในการค้นหาเป้าหมาย - การปรบั การยงิ แบบมาตรฐาน - ลกั ษณะของเป้าหมายจรงิ - การใชก้ ล้องเลง็ ทกุ กลอ้ ง - การยิงโตต้ อบเปา้ หมาย - การใชเ้ ครือ่ งควบคมุ การยงิ เตม็ ระบบ - การถอนตัวออกจากเป้าหมาย - การยงิ เวลากลางคืน - ความสาคญั ของจดุ ออ่ นตา่ งๆ - การเลอื กชนิดกระสนุ - วธิ ีการฝกึ การเคลอ่ื นท/่ี ความ คลอ่ งแคลว่ ของยานรบไม่ได้ - เป้าหมายเสมอื นจรงิ ไม่ได้ - หน้าที่พลประจารถทั้งหมด ดาเนินการ: - ปญั หายากในการค้นหาเปา้ หมาย ดาเนนิ การ: - การปรับการยงิ แบบมาตรฐาน - ลักษณะของเป้าหมายจริง - การใช้กลอ้ งเลง็ ทกุ กลอ้ ง - การยิงโต้ตอบเปา้ หมาย - การยงิ เวลากลางคนื - การถอนตวั ออกจากเป้าหมาย - การยิงเวลากลางคืน - แนวทางในการใชป้ ระโยชน์จากความคลอ่ งแคล่ว - ใชร้ ะบบควบคุมการยงิ เตม็ ระบบ - พ้นื ทท่ี ่เี ป็นจุดออ่ น - การเลอื กชนดิ กระสนุ - ระยะปฏิบตั กิ ารรอบตวั ๓๖๐ องศา สาหรบั ในภาคผนวกไดอ้ ธบิ ายรายละเอียดในการปรับเทียบสภาพระบบควบคมุ การยิง การตรวจสอบ การทางานท่ีถูกต้องของยุทธภัณฑ์รถถัง การปรับต้ังระบบ และการทดสอบทักษะการใช้อาวุธรถถังของ พล ประจารถ เครือ่ งชว่ ยฝึก ขอ้ จากดั ของกระสุนท่ีแจกจา่ ย เทคนิคการใชค้ วนั ท่มี ีอยบู่ นรถถัง ข้อมลู ตา่ งๆ ทถ่ี กู ต้องไดก้ ลา่ วไวแ้ ล้วใน คท.๙-๒๓๕๐-๑๕๒-๑๐ ซงึ่ จะไมก่ ล่าวซา้ อกี ในค่มู อื เล่มนี้ สรุป เพอ่ื ความอยูร่ อดและความสาเรจ็ ในสนามรบ พลประจารถถงั จะตอ้ งทาการฝกึ อย่างทจ่ี ะรบ เพื่อใหพ้ ลประจารถจนถึงหมวดรถถังบรรลุผลสาเร็จและดารงสภาพความชานาญไว้จะต้องทาความ เขา้ ใจกับโปรแกรมตารางฝึกวชิ าหลกั ยิงอาวธุ รถถังและตารางฝึกฝกึ ทางยุทธวธิ ตี ่างๆอยา่ งถ่องแท้
๔ บทที่ ๒ ขีดความสามารถในการปฏิบตั ิการรบ (FUNCTIONAL CAPABILITY) เพอื่ ใหพ้ ลประจารถสามารถใช้รถถัง เอ็ม ๖๐ เอ ๓ได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มขีดความสามารถของ รถถงั พลประจารถจะต้องเขา้ ใจถงึ ระบบอาวุธ และระบบควบคุมการยิงของรถถังอย่างแท้จริง ในบทนี้จะได้ กล่าวถงึ ยทุ ธภัณฑ์ประจารถถงั ระบบควบคุมการยิงเลง็ ตรงหลกั และรอง กรรมวิธีในการเตรียมอุปกรณ์เครื่อง ควบคมุ การยงิ และการปรับเทยี บสภาพระบบควบคุมการยิง (สาหรับระบบควบคุมการยิงเล็งตรงรอง ให้ดูใน บทที่ ๖ เรอื่ งการยงิ เล็งตรง) รายละเอยี ดสาหรบั เรือ่ งอปุ กรณ์เครอื่ งควบคมุ การยิงและส่วนประกอบให้ศึกษา ใน คท.๙-๒๓๕๐-๒๕๓-๑๐
๕ เครือ่ งประกอบชดุ ยุทธภัณฑ์ (ARMAMENT COMPONENTS) ยทุ ธภัณฑป์ ระจารถถงั เอ็ม๖๐เอ๓ประกอบด้วย ปืนใหญ่ เอม็ ๖๘ ขนาด ๑๐๕ มม. ติดต้ังอยู่บนฐาน ตดิ ตง้ั ปนื แบบผสมพร้อมปืนกลรว่ มแกน เอม็ ๒๔๐ ขนาด ๗.๖๒ มม., ปนื กล เอม็ ๘๕ ขนาด .๕๐ น้ิว ติดตง้ั อยู่ บนฐาน เอม็ ๑๙ ในป้อมปนื ของ ผบ.รถ และระบบเครอ่ื งยงิ ลูกระเบิดควนั เอ็ม ๒๓๙ เคร่ืองประกอบชดุ ยทุ ธภัณฑ์ (ARMAMENT COMPONENTS ) ปื นกล เอม็ ๘๕ ขนาด .๕๐ นิ้ว ปื นกล เอม็ ๒๔๐ ป้ อมปื น ผบ.รถ แบบ เอม็ ๑๙ ขนาด ๗.๒๐ มม. ปื นใหญข่ นาด ๑๐๕ มม. ฐานตดิ ต้งั ปื นใหญ่ เคร่ืองควบคุมของพลยงิ แบบผสม และเครื่องมือต่าง ๆ ปนื ใหญร่ ถถงั (MAIN GUN) ปืนใหญร่ ถถัง ขนาด ๑๐๕ มม. เอ็ม ๖๘ ใชก้ ระสุนชนดิ ตา่ ง ๆ ทสี่ ามารถทาลายยานรบของขา้ ศกึ , ปอ้ มสนาม, สังหารบคุ คล และทาลายเป้าหมายทเี่ ป็นวัสดอุ นื่ ๆ และอากาศยานได้ ขอ้ ไดเ้ ปรียบเหนือรถถงั ของ ฝ่ายคกุ คาม คอื ปนื ใหญส่ ามารถยกปืนด้วยมุมสูง + ๒๐ องศา และลดลงตา่ สุดได้ – ๑๐ องศา
๖ ฐานติดตัง้ ปืนใหญ่แบบผสม (COMBINATION GUN MOUNT) ฐานติดต้งั ปนื ใหญแ่ บบผสม พรอ้ มดว้ ยแผ่นปอ้ งกนั การถอยและเปลปนื จะรองรบั ปืนใหญ่อยทู่ ด่ี ุมรบั ปืน นอกจากน้ันยงั ใช้ตดิ ตง้ั แท่งลกู เลอื่ นปืนใหญแ่ ละเคร่อื งกลไกในการยิง ปนื กลร่วมแกน กล้องเลง็ รอง เอม็ ๑๐๕ ดี และแผน่ ปอ้ งกันการถอยของปนื เปลปนื จะเปน็ สว่ นดา้ นนอกสดุ ของเครื่องกลไกรบั แรงถอย มหี น้าทใ่ี น การควบคุมการถอยของปนื เมื่อทาการยิงไปแล้วปืนใหญจ่ ะถอยมาข้างหลังประมาณ ๑๒-๑๓.๕ น้ิว ขอ้ ตอ่ ออ่ นนา้ มนั เครอ่ื งรับแรงถอยบนเปลปนื จะเช่อื มตอ่ กบั กระบอกชดเชยน้ามนั รบั แรงถอย ซง่ึ ตดิ ตง้ั อยบู่ นเพดานของปอ้ มปืน กระบอกชดเชยน้ามันรับแรงถอยมีหน้าท่ีควบคุมปริมาณน้ามันให้คงที่ เพื่อช่วยใน การขยายตัวของนา้ มนั เครื่องรับแรงถอยขณะที่ทาการยิง และยังเปน็ จดุ เตมิ หรอื ถา่ ยน้ามันเคร่ืองรบั แรงถอยอกี ดว้ ย ระดับนา้ มนั เครอื่ งรบั แรงถอยจะแสดงออกมาโดยใชแ้ ถบวดั ปริมาณนา้ มนั (แผน่ เทปโลหะ) ฐานตดิ ตัง้ ปนื ใหญ่แบบผสมและกระบอกชดเชยนา้ มันรบั แรงถอย (COMBINATION GUN MOUNT AND REPLENISHER)
๗ ปนื กลรว่ มแกน (COAXIAL - MOUNTED MACHINE GUN) ปืนกลร่วมแกน เอม็ ๒๕๐ ขนาด ๗.๖๒ มม. ทางานดว้ ยแกส๊ ปอ้ นกระสุนดว้ ยสายกระสนุ เปน็ อาวธุ ยงิ อัตโนมัตติ ดิ ต้ังอยกู่ ับฐานติดต้ังแบบผสมของปืนใหญ่ ปืนกล เอ็ม๒๔๐ เชือ่ มตอ่ กลไกในการยงิ ทางเชงิ กลกบั ระบบควบคมุ การยงิ เล็งตรงหลกั ใช้สาหรบั ทาการยงิ ตอ่ เปา้ หมายในระยะยงิ หวังผลของปืน ปืนกลเอ็ม ๒๔๐ (M 240 MACHINE GUN) อาวธุ ของผู้บงั คบั รถ (TANK COMMANDER’S WEAPON) ปนื กล เอม็ ๘๕ ขนาด .๕๐ น้ิว ทางานด้วยแรงถอย ป้อนกระสุนด้วยสายกระสุน เปน็ อาวุธยิงแบบ อตั โนมัติ ตดิ ตง้ั อยใู่ นป้อมปนื เอม็ ๑๙ เครอ่ื งควบคมุ การยงิ ของป้อมปืน เอ็ม ๑๙ จะมีกลอ้ งเลง็ กลางวนั และ กล้องกลางคนื แบบทวคี วามเข้มของแสง ( PASSIVE ) ใช้ในการเลง็ ยงิ เปน็ อิสระจากปนื ใหญ่ เอม็ ๖๘ ปืนกล เอม็ ๘๕ ในปอ้ มปนื เอม็ ๑๙ (M 85 MACHINE GUN IN M19 CUPOLA)
๘ เครอื่ งยงิ ลกู ระเบิดควัน (GRENADE LAUNCHER) เครอื่ งยงิ ลกู ระเบดิ ควนั เอม็ ๒๓๙ ติดต้งั อยูท่ างด้านขา้ งของป้อมปืน ลกู ระเบดิ ยงิ ฟอสฟอรัสแดงจะ ผลิตควันสขี าวเพอ่ื ใชใ้ นการกาบงั การเคลอ่ื นที่ และการตรวจการณ์ จากพลยิงของยานรบข้าศกึ ทไ่ี มม่ รี ะบบ กลอ้ งเล็งภาพความรอ้ น เครอ่ื งควบคุมการยงิ ของเคร่ืองยงิ ลกู ระเบิดจะตดิ ตัง้ อยบู่ นสถานีของผ้บู งั คับรถ เครอ่ื งยงิ ลกู ระเบิดควัน เอ็ม ๒๓๙ (M239 GRENADE LAUNCHER) เคร่ืองยงิ ลูกระเบิดควนั ตดิ ต้ังอย่ทู ้งั ด้านขวาและ ด้านซ้ายข้างละหนึ่งชุดยงิ เคร่ืองยิงลกู ระเบิดควนั ติดต้งั อย่ทู ้งั ดา้ นขวาและ ดา้ นซา้ ยของป้ อมปื น ระบบควบคมุ การยิง (FIRE CONTROL SYSTEMS) เคร่อื งควบคุมการยิงของรถถงั เอ็ม๖๐เอ๓ แบ่งออกเปน็ ระบบหลัก ๆ ได้ ๓ ระบบ คือ เครื่องควบคุม การยิงเลง็ ตรงหลัก เครือ่ งควบคุมการยิงเล็งตรงรอง เคร่ืองควบคุมการยิงเพ่ิมเติม ต่อไปจะได้กล่าวถึงระบบ ควบคุมการยิงเลง็ ตรงหลักและรองตามลาดับ สาหรับระบบการยิงเพ่มิ เตมิ ได้กล่าวไว้แลว้ ใน บทท่ี ๖ เรื่องการ ยิงเล็งตรง ระบบควบคุมการยิงช่วยให้พลประจารถมีขีดความสามารถในการตรวจการณ์ค้นหาให้ได้มาซึ่ง เปา้ หมาย และทาการยงิ ตอ่ เปา้ หมายน้ันๆ ไดท้ ง้ั ในเวลากลางวัน กลางคืน และในขณะทท่ี ัศนะวิสยั จากดั ระบบควบคมุ การยิงเลง็ ตรงหลัก (PRIMARY DIRECT-FIRE CONTROL SYSTEMS) ระบบควบคมุ การยงิ เลง็ ตรงหลกั ประกอบดว้ ย เครอ่ื งหาระยะดว้ ยเลเซอร์ (LRF) เครือ่ งคานวณมาตรา ทานทางขีปนะ แขนขับมาตราทานทางขีปนะ และกล้องเล็งภาพความร้อน (TTS) กรรมวิธีในการตรวจการ ทางาน และใชง้ านอุปกรณ์ได้กล่าวไวแ้ ลว้ ใน คท. ๙-๒๓๕๐-๒๕๓-๑๐
๙ เครือ่ งหาระยะด้วยเลเซอร์ (Laser Range Finder) เครื่องหาระยะดว้ ยเลเซอร์ แบบ AN/VVG - 2 LRF เป็นอุปกรณห์ ลักท่ีใชใ้ นการหาระยะของรถถงั เอ็ม ๖๐เอ๓ประกอบด้วยเครื่องรบั -สง่ (R-T) ติดตง้ั อย่ทู สี่ ถานขี องผบ.รถ และหน่วยวงจรอิเลคทรอนคิ ส์ (EU) ติดตงั้ อยบู่ นพน้ื ปอ้ มปืนใตป้ นื ใหญ่ เครื่องรับ - สง่ จะมกี ลอ้ งเลง็ ขยาย ๖ เท่าและ ๑๒ เทา่ ให้ ผบ.รถ ใวใ้ ชป้ ฏบิ ตั ิการ ยิงปนื ใหญแ่ ละปืนกลร่วมแกน กลอ้ งเล็งของเครอื่ งรับ - ส่ง จะมีเส้นมาตราประจากล้องแบบไม่มีมาตราทาน ทางขีปนะ หน่วยเครอ่ื งรับ - ส่ง เลเซอร์ (LASER RECEIVER-TRANSMITTER UNIT) เคร่ืองหาระยะจะส่งลาแสงเลซอรไ์ ปยังเป้าหมายแล้วสะท้อนลาแสงกลับมายังตัวเครือ่ งรบั โดยเครื่อง หาระยะจะรับลาแสงท่มี ีความเข้มจากการสะท้อนกลับมาเมือ่ กระทบกับวตั ถทุ ุกชนดิ เพื่อบันทึกลงในตัวเครื่อง รบั และจะไมบ่ นั ทึกลาแสงที่มีอาการกระจายหรือลาแสงที่ถูกดูดกลืนจากสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ เช่น หมอก ฝน หรือควัน ห้วงระยะเวลาระหว่างการกระตนุ้ ลาแสงทีท่ าการยงิ ออกไปครั้งแรกและการสะท้อนกลับมาของ ลาแสงจะถกู เปลีย่ นไปเป็นขอ้ มูลทางระยะแลว้ ส่งเข้าไปยงั เครื่องคานวณ เครือ่ งหาระยะสามารถใชง้ านได้ทั้ง ผบ.รถ และพลยงิ เพ่ือให้การหาระยะกระทาได้อย่างรวดเรว็ ตงั้ แต่ ระยะ ๒๐๐ – ๔,๗๐๐ ม. ด้วยความคลาดเคลื่อน +/- ๑๐ ม. เคร่ืองหาระยะมีขีดความสามารถในการทดสอบ ตัวเองจากสถานีของ ผบ.รถ เคร่ืองควบคุมและเคร่ืองแสดงต่าง ๆ ได้กล่าวถึงรายละเอียดไว้แล้วใน คท. ๙- ๒๓๕๐-๒๕๓-๑๐ การควบคุมการทางาน (Mode of Operation) เครือ่ งหาระยะสามารถเลือกใช้ตาแหน่งสวิทช์หน่ึงในสามตาแหน่งเพื่อควบคุมการใช้งานได้: TEST, ON หรือ AUTO ตาแหน่ง TEST เป็นตาแหน่งที่ใช้ทดสอบระบบ และเพ่ือความปลอดภัย โดยปกติสวิทช์ ควบคมุ การใช้งานจะอยใู่ นตาแหน่ง TEST ยกเวน้ เมอ่ื ต้องการยิงเลเซอรใ์ นตาแหนง่ นห้ี ลอดไฟสญั ญาณ RANGE บนแผงควบคุมเครื่องรบั - ส่ง (R-T) จะตดิ อยตู่ ลอดเวลาแตไ่ ม่สามารถทาการยิงเลเซอร์ได้ ตาแหนง่ ON เปน็ ตาแหนง่ ทีใ่ ช้หาระยะเมอ่ื ไม่ต้องการใหข้ ้อมูลของระยะถา่ ยทอดไปยังเครื่องคานวณ เอ็ม๒๑ หลังจากที่ ผบ.รถ หรือพลยิง ยิงหาระยะแล้วจานวนการสะท้อนกลับของลาแสงจะถูกบันทึกไว้โดย เครื่องหาระยะ เครื่องหาระยะจะบันทึกการสะท้อนกลับในสามครั้งแรกไว้ ผบ.รถ อาจต้องการให้ระยะท่ี สะท้อนกลบั มา แสดงระยะใดระยะหนงึ่ ของระยะทส่ี ะท้อนกลับมาในสามคร้ังแรกได้ โดยกดสวิทช์ 1, 2 หรือ LAST จะแสดงขอ้ มูลของระยะท่ีสะท้อนกลับมาในคร้ังสุดท้ายของสามคร้ังแรก เม่ือเคร่ืองรับ - ส่งได้รับการ
๑๐ สะท้อนกลับมาของลาแสง จอแสดงผลทางระยะ RANGE (METERS) จะแสดงหมายเลข 9995 ไม่ว่าจะกด สวทิ ชเ์ ลือกการสะท้อนกลบั ใดๆ (1, 2 หรือ LAST ) ภายหลังจากท่ี ผบ.รถ ได้ประเมินค่าการสะท้อนกลับมา ท้งั หมด และเลือกการสะทอ้ นกลับของระยะทถี่ ูกตอ้ งข้อมูลทางระยะจะสามารถส่งต่อไปยังเครื่องคานวณขีป นะวธิ ี เอ็ม๒๑ ได้ โดยการกดสวิทช์ FEED ไฟสัญญาณ GO จะติดขึ้นมาแสดงให้ทราบว่าเคร่ืองคานวณได้รับ ข้อมลู ทางระยะแลว้ ตาแหนง่ AUTO เปน็ ตาแหน่งใช้งานตามปกตติ ามระบบของเคร่ืองหาระยะ ในตาแหน่งน้ี ข้อมูลทาง ระยะจะถกู สง่ ไปยังเคร่ืองคานวณโดยอัตโนมัติ ถ้าระยะที่สะท้อนกลับมาอยู่ระหว่าง ๒๐๐ - ๔,๗๐๐ม. และ ไม่ได้รับขอ้ มลู การสะท้อนกลับมากกวา่ 3 คร้ัง เครื่องหาระยะอาจไดร้ บั ขอ้ มูลการสะทอ้ นกลบั มา ๘ คร้งั จากการยิงเลเซอร์ออกไปเพียงครง้ั เดยี ว แต่ จะมีเพยี งการสะทอ้ นกลับมาใน ๓ คร้ังแรกเท่านั้นทีถ่ กู บนั ทึกไว้ เม่อื เครือ่ งหาระยะไดร้ ับการสะทอ้ นกลับมา ๔ ครั้ง หรือมากกว่าขึ้นไป ไฟสัญญาณ SEL จะติดขึน้ มาโดยอัตโนมัติ และข้อมูลทางระยะจะยังไม่ถูกส่งต่อไปยัง เคร่อื งคานวณ ผบ.รถ จะประเมินค่าของการสะท้อนกลับในสามคร้ังแรกว่าระยะใดถูกต้อง ถ้าระยะใดระยะ หน่ึงใน ๓ ครั้งแรกถูกต้อง ผบ.รถ จะกดสวิทช์เลือกการสะท้อนกลับที่ถูกต้องนั้นแล้วกดสวิทช์ FEED ไฟสญั ญาณ SEL จะดับลง และไฟสัญญาณ GO จะตดิ ขึน้ เพอื่ แสดงใหท้ ราบว่าขอ้ มูลทางระยะทีเ่ ลอื กน้นั ไดถ้ กู ส่งไปยังเคร่ืองคานวณแลว้ ถา้ ระยะทส่ี ะทอ้ นกลบั มาใน ๓ คร้ังแรกไมถ่ กู ตอ้ ง ผบ.รถ มที างเลือกปฏบิ ัติ ดังนี้ ๑. กดสวิทช์ BATL RNG และ RESET แล้วสัง่ ใหพ้ ลยงิ ทาการยงิ เลเซอรใ์ หม่ ๒. กดสวทิ ช์ RESET และยิงเลเซอรไ์ ปยงั เปา้ หมาย ๓. ส่ังให้พลยงิ กดสวิทช์เลอื กการใช้งานบนกล่องควบคุมของพลยิง (GCU) ไปที่ตาแหน่ง MANUAL และตงั้ ระยะตามทหี่ าระยะไดด้ ้วยมือ (ดู บทท่ี ๔ เรื่อง การหาระยะ) ๔. ส่ังใหพ้ ลยงิ ผลกั สวทิ ช์เลอื กการใช้งานบนกลอ่ งควบคุมของพลยิง (GCU) ไปที่ตาแหน่ง MANUAL และใช้เทคนิคของศนู ยร์ บตามท่ไี ด้กล่าวไวใ้ น บทที่ ๖ เร่อื งการยิงเล็งตรง ระยะปฏบิ ัติการรบ (Battlerange) ระยะปฏบิ ัติการรบ (Battlerange) ทาหนา้ ทช่ี ่วยลดความผิดพลาดทางทิศหรือการเหล่ือมของระบบ ระหวา่ งเครอ่ื งหาระยะและกลอ้ งเล็งหลกั ของพลยงิ เพื่อชว่ ยให้พลยิงสามารถใช้กล้องเล็งหลักของตนหาระยะ ไปยังเป้าหมายได้ถูกตอ้ งตัง้ แตร่ ะยะ ๒๐๐ - ๔,๗๐๐ม. ขอ้ มูลข้างลา่ งน้จี ะแสดงให้เห็นวา่ ทกุ คร้ังที่เปิดสวิทช์ใช้ งานหรือเม่ือ ผบ.รถ กดสวิทช์ BATL RNG บนเครือ่ งหาระยะจะเกิดอะไรข้นึ
๑๑ ระยะปฏิบตั กิ ารรบ (BATTLERANGE) ๓,๙๐๐ ม. แนวเสน้ หลอด ค่าตวั แกม้ ุมสูงชดเชยในระยะ ๑,๒๐๐ ม. ของกระสุนชนิดต่างๆ จะเปล่ียนแปลงไป ๑,๒๐๐ ม. ลากลอ้ งปื น ตามชนิดกระสุนท่ีเลือกใชง้ านโดยเคร่ืองคานวณ แลว้ ส่งขอ้ มูลต่อไปยงั ปลอกขับมุม สูงชดเชย หรือส่งผ่านทางเคร่ืองกาหนดมุมสูงชดเชย (OUTPUT UNIT)ไปยงั แขน ๒,๐๒๐ ม. ขบั มาตราทานทางขีปนะ เพื่อใหเ้ คร่ืองฉายเสน้ มาตราประจากลอ้ งทางาน เส้นมาตรา แนวเสน้ เล็ง ประจากลอ้ งเล็งหลักจะตดั เป็ นแนวเดียวกบั เส้นเล็งของหลอดลากล้องปื นที่ระยะ เครื่องหาระยะ ๑,๒๐๐ ม. แนวเส้นเลง็ ของกระจกหวั กลอ้ งเล็งเลเซอร์จะตดั กบั เส้นเล็งของหลอดลา กลอ้ งปื นที่ระยะ ๒,๐๒๐ ม. และตดั กบั กลอ้ งเลง็ หลกั ที่ระยะ ๓,๙๐๐ ม. แนวเส้นเล็ง กลอ้ งเล็งหลกั การปรับแนวเส้นเล็งของระยะปฏิบัติการรบจะต้องทาให้แล้วเสร็จก่อนท่ีจะทาการหาระยะไปยัง เป้าหมาย มฉิ ะนนั้ ลาแสงเลเซอร์อาจไมถ่ ูกเปา้ หมาย และอาจได้รับข้อมูลทางระยะที่ผิดพลาด ผบ.รถจะต้อง กดสวิทช์ BATL RNG หลงั จากทที่ าการยงิ ทกุ ครงั้ เพือ่ ใหแ้ นใ่ จได้ว่าจะได้รับขอ้ มูลทางระยะอยา่ งถูกต้องในการ ยงิ ครง้ั ตอ่ ไป หน่วยวงจรอเิ ลคทรอนิคส์ (Electronics unit) หน่วยวงจรอเิ ลคทรอนคิ ส์ (EU) เป็นตวั ปรบั กระแสไฟเพอ่ื จ่ายกาลงั งานใหก้ ับเคร่อื งรบั และเครื่อง ส่ง แสงเลเซอร์ ภายในตัวเครอ่ื งจะมีวงจรในการทดสอบวงจรของตัวเอง เครอื่ งนบั และเครอื่ งบันทกึ ผลทาง LOGIC การดาเนนิ กรรมวธิ ีต่างๆ ท้งั หมดของข้อมลู ทางระยะท่สี ะทอ้ นกลบั มา และทาหนา้ ทส่ี ่งตอ่ ขอ้ มลู ทางระยะไปยงั เคร่อื งคานวณขปี นะวิธี หน่วยวงจรอเิ ลคทรอนิคสข์ องเครอ่ื งหาระยะแสงเลเซอร์ (LRF ELECTRONICS UNIT)
๑๒ การหาระยะไปยงั เปา้ หมาย (Ranging to a Target) ก่อนทจ่ี ะทาการหาระยะไปยงั เป้าหมาย ผบ.รถ จะตอ้ งเลอื กตาแหน่งควบคุมการใช้งาน (ON/AUTO) หลังจากท่ีผลักสวิทช์ควบคุมไปที่ตาแหน่ง ON หรือ AUTO แล้ว ภายในเวลา ๔ วินาที ไฟสวิทช์ RANGE สี แดงจะต้องกระพรบิ ข้นึ เพอื่ แสดงใหท้ ราบว่าเคร่ืองหาระยะมีพลงั งานเพยี งพอท่ีจะกระตุ้นลาแสง และทาการ ยงิ เลเซอร์ได้ พลยิงกดกระเดอื่ งสวทิ ช์ตดั ตอ่ วงจรคันบงั คับปอ้ มปนื และเล็งให้เส้นมาตราประจากล้องเลง็ หลกั อยู่ ก่งึ กลางเปา้ หมายทมี่ องเหน็ จากนั้นพลยงิ จะต้องกดปมุ่ ยงิ เลเซอร์ด้านซ้ายหรือขวาบนคันบังคับป้อมปืนเอหา ระยะ ลาแสงเลเซอรจ์ ะสะทอ้ นหวั กระจกทางทิศจากตัวเรือนด้านขวามือสุดของป้อมปืนไปยงั เป้าหมาย หน่วย วงจรอิเลก็ ทรอนิคส์ (EU) จะเริม่ นับความต่างของเวลาของลาแสงท่ีส่งออกไปกับลาแสงท่ีสะท้อนกลับเข้ามา ความต่างของเวลาจะถกู EU เปลย่ี นข้อมลู ไปเป็นขอ้ มูลทางระยะ และจะแสดงออกเป็นตัวเลขในช่อง RANGE (METERS) บนแผงควบคุมของเคร่ืองรับ - ส่ง ถ้าสวิทช์ควบคุมอยู่ที่ตาแหน่ง AUTO และเลือกใช้งานแป้น LAST ในการแสดงผลการสะท้อนกลับ ข้อมูลทางระยะของการสะท้อนกลับครั้งสุดท้ายจะถูกส่งไปยังเครื่อง คานวณขีปนะวิธี เอม็ ๒๑ โดยอัตโนมัติ ถ้าสวิทช์ควบคุมอยู่ในตาแหน่ง ON ข้อมูลทางระยะจะยังคงอยู่ที่ EU จนกว่า ผบ.รถ จะกดแป้น FEED ถ้าเครื่องรับได้รับการสะท้อนกลับ ๔ ครั้ง หรือมากกว่าในตาแหน่งควบคุม AUTO ไฟสัญญาณ SEL จะตดิ ขึน้ ผบ.รถ จะเป็นผู้ประเมินคา่ ของระยะที่ถูกต้องแล้วกดแป้น FEED เพ่ือป้อน ขอ้ มูลส่งไปยังเคร่ืองคานวณขีปนวิธี เอ็ม๒๑ อัตราการหาระยะที่สามารถใช้งานได้ของเครื่องหาระยะ แบบ AN/VVG - 2 คือ การกระตุ้นลาแสงได้ ๓ คร้ัง ใน ๑ นาที หรือ ๖ ครั้ง ในเวลา ๒ นาที ใช้เวลาพัก ๓ นาที กอ่ นทจ่ี ะทาการกระตนุ้ ลาแสงใหมอ่ กี ๒ นาที เครือ่ งคานวณขปี นวธิ ี เอ็ม๒๑ (M 21 ballistic Computer) เคร่ืองคานวณขีปนวิธี เอ็ม๒๑ เป็น เคร่อื งคานวณท่ีใชท้ รานซิสเตอร์แบบ SOLID - STATE ทค่ี านวณค่าตัวแกป้ ัญหาทางขปี นะอยา่ งเตม็ รปู แบบ ใช้ คอมพิวเตอร์แบบ ANALOC ซ่ึงมีระบบทดสอบตัวเอง และทาหน้าท่ีส่งผลค่าตัวแก้ของข้อมูลในการยิงไปยัง ระบบควบคุมการยิงเล็งตรงหลัก โดยเครื่องคานวณจะประมวลค่าของข้อมูล แล้วทาการปรับแก้ค่าความ เบยี่ งเบนทางขปี นะ ค่าตัวแกใ้ นมุมเอียงของดุมรับปืน ค่าอุณหภูมิของอากาศ ค่าช้ันความสูง ค่าความสึกหรอ ของลากลอ้ งปนื ค่าการเหลอื่ มระหวา่ งกล้องเลง็ กบั ลากลอ้ งปนื คา่ ตัวแก้ทางทศิ และทางระยะของกระสนุ แต่ละ ชนิด และค่าระยะของเป้าหมาย นอกจากน้ียังคานวณค่าตัวแก้มุมดักท่ีต้องใช้สาหรับทาการยิงต่อเป้าหมาย เคลอ่ื นท่ีดว้ ย เครอ่ื งคานวณจะรบั ขอ้ มูลทางระยะจากเครื่องหาระยะ แต่ถา้ เครื่องหาระยะชารดุ เราสามารถต้ัง ระยะดว้ ยมอื ทเ่ี ครอื่ งคานวณได้ เคร่อื งคานวณขีปนะวธิ ี เอม็ ๒๑ มีส่วนประกอบต่างๆ ดังน้ี เครื่องคานวณ (COMPUTER UNIT) แผง ควบคมุ ของพลยิง (GCU) กล่องเลอื กชนิดกระสนุ (ASU) ทง้ั ของ ผบ.รถ และพลยงิ เครอ่ื งวัดอัตราความเร็วใน การหมุนป้อม (RATE TACHOMETER) หน่วยวดั มมุ เอยี ง (CANT UNIT) เครอื่ งวัดความเร็วลมทางข้างและตัว กรองสัญญาณรบกวนของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า (Crosswind sensor probe and electromagnetic filter) และหน่วยส่งข้อมลู (Output Unit)
๑๓ เครื่องวดั ความเรว็ ลมทางขา้ งและตัวกรองสัญญาณรบกวนของคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า (Crosswind Sensor Probe and EMI Filter) เครื่องวัดความเร็วลมทางข้างจะติดตั้งอยู่บนยอดของเสาเคร่ืองวัดอยู่ด้านหลังซ้ายของป้อมปืน ใช้ สาหรับวัดความเร็วลมทางข้างที่ตัวรถและป้อนข้อมูลต่อไปยังเคร่ืองคานวณ เคร่ืองคานวณสามารถปรับแก้ ความเรว็ ลมได้ถงึ ๔๐ ไมล์/ชม.สญั ญาณจากเคร่อื งรับจะถกู ส่งผา่ นตัวกรองคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า EMI filter เพ่ือ ขจัดคลนื่ สัญญาณรบกวนทไี่ มต่ อ้ งการออกไปกอ่ นสง่ ไปยงั เครื่องคานวณ เครอื่ งวัดอตั ราความเร็วในการหมนุ ปอ้ ม (Rate Tachometer Unit) เครอื่ งวัดอตั ราความเรว็ ในการหมนุ ปอ้ มปืนจะติดตงั้ อยูก่ ับแหวนป้อมปืนทางด้านซ้ายของปืนใหญ่ ทา หน้าทีส่ ง่ ต่อขอ้ มลู ความเรว็ ในการหมุนปอ้ มปืนไปยังเครื่องคานวณ หนว่ ยวดั มุมเอยี ง (Cant Unit) หน่วยวัดมมุ เอียงตดิ ตั้งอยู่กึง่ กลางเพดานดาดฟา้ ป้อมปืนเหนือปืนใหญ่ทาหน้าที่ส่งข้อมูลมุมเอียงของ ดมุ รับปืนด้านซา้ ย และขวา ข้างละไมเ่ กนิ 15 องศา ไปยังเครือ่ งคานวณ ขอ้ มลู นจ้ี ะถกู นามาใชเ้ มื่อรถถงั จอดอยู่ กับท่ีเท่านัน้ กลอ่ งเลอื กชนิดกระสนุ (Ammunition Select Units) กล่องเลือกชนิดกระสุนทง้ั ของพลยิง และ ผบ.รถ มลี ักษณะเหมอื นกนั ทุกประการทง้ั รปู ร่างและการใช้ งาน ด้านหน้าของกลอ่ งเลอื กจะมีแป้นกดเลือกชนิดกระสนุ ซ่ึงมลี ักษณะของสีท่ีต่างกัน ๔ แป้นกด คือ กระสุน ระเบิดตอ่ ส้รู ถถัง (HEAT) กระสุนระเบิดพลาสติก / กระสุนควัน (HEP/WP) กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบทิ้ง เองทรงตัวดว้ ยครีบ (FSDS) กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบท้ิงเอง (APDS) เม่ือกดแป้นใดแป้นน้ันจะสว่างกว่า แปน้ เลือกอื่น ๆ ท่ีเหลืออีก ๓ แป้น สวิทชค์ วบคมุ การทางานแบบกระเดอ่ื ง STATIONARY / MOVING มีหนา้ ที่ หลักในการยกเลิกการป้อนข้อมูลของหน่วยวัดมุมเอียง เมื่อรถถังเคลื่อนที่ไฟสัญญาณสีเขียวจะติดข้ึนเม่ือ เลอื กใชต้ าแหน่ง MOVING และไฟสัญญาณสแี ดงจะติดขึ้นเม่ือเลือกใช้ตาแหน่ง STATIONARY สวิทช์ควบคุม ความสวา่ งของไฟสัญญาณจะอยูท่ างด้านบนของกลอ่ งเลอื กชนดิ กระสนุ แผงควบคมุ ของพลยงิ (Gunner’s Control Unit) แผงควบคมุ ของพลยิง (GCU) ใช้สาหรบั ควบคมุ การป้อนขอ้ มูลอณุ หภูมขิ องอากาศ ระยะ เส้นช้นั ความ สงู การปรับแก้การกระโดดของกระสนุ แตล่ ะชนิด และอายุการใชง้ านคงเหลือของลากลอ้ งเพอื่ สง่ ตอ่ ขอ้ มลู ไปยัง เคร่ืองคานวณขีปนวิธี เอ็ม๒๑ ด้วยมอื นอกจากน้ียงั ใชป้ ้อนขอ้ มูลที่จาเปน็ ของทิศทางและความเร็วของลมทาง ข้างอีกดว้ ย พลประจารถจะควบคมุ อุปกรณ์ควบคุมการยงิ จากคร่งึ ด้านบนของหีบควบคุม สาหรับการควบคุม การปรนนิบตั บิ ารงุ และการใช้งานอืน่ ๆ จะใชค้ รึง่ ด้านล่างของหีบควบคุมที่อยู่ใต้ฝาปิดแบบบานพับ แป้นกด แล้วหมุนมีไว้สาหรับป้องกันการเคลื่อนตัวของแป้นปรับที่มีสาเหตุมาจากการส่ันสะเทือนหรือการเคล่ือนท่ี ออกไปโดยไมเ่ จตนา หลอดไฟสญั ญาณแสดงข้อบกพร่องของระบบ จะแบ่งออกเป็นชดุ ๆ สีแดง แสดงวา่ ระบบ บกพร่อง, สเี ขียว แสดงว่าระบบพรอ้ มปฏิบัตกิ าร และ สเี หลอื ง แสดงว่าการบกพร่องที่เกิดขึ้นนน้ั พลประจารถ สามารถปรับแก้ และใชง้ านระบบการยิงเล็งตรงหลกั ตอ่ ไปได้
๑๔ แผงควบคุมของพลยงิ (GUNNER’S CONTROL UNIT) สวิทช์ควบคุมและไฟสัญญาณตา่ งๆ ท่ีอยบู่ นครงึ่ ดา้ นบนของแผงควบคมุ ของพลยงิ (GCU) จะมี ดังตอ่ ไปนี้ ๑. สวทิ ช์ POWER ON/OFF ใช้ในการเปดิ จา่ ยกาลงั ไฟไปยังเคร่ืองคานวณ ขีปนะวิธีเอ็ม๒๑ และเครื่อง หาระยะหลอดไฟสญั ญาณ POWER จะตดิ ขนึ้ เม่อื ผลักสวิทชไ์ ปอยู่ในตาแหน่ง ON ๒. สวทิ ช์ LAMP/NORMAL/SYSTEM เป็นสวิทช์แบบกระเด่ืองสปริงมีตาแหน่งใช้งาน ๓ ตาแหน่ง โดย ปกตเิ มื่อปลอ่ ยสวิทช์จะอยู่ในตาแหน่ง NORMAL การตรวจสอบไฟสัญญาณระบบทดสอบตัวเองให้ ผลกั สวิทช์ LAMP/NORMAL/SYSTEM ไปตาแหน่ง LAMP ไฟสัญญาณทดสอบจะติดขึ้นเมื่อต้องการ ทดสอบระบบเม่ือผลักสวทิ ช์ LAMP/NORMAL/SYSTEM ไปท่ตี าแหนง่ SYSTEM ถ้าระบบทางานโดย ไม่มขี อ้ บกพร่องไฟสญั ญาณสเี ขียวจะปรากฏขน้ึ ถา้ ระบบทางานไม่ถูกต้องหลอดไฟสัญญาณของระบบ แต่ละชนิดจะติดสว่างขึ้น หลอดไฟสีแดงเป็นระบบเครื่องคานวณ, เคร่ืองกาหนดมุมสูงชดเชย (OUTPUT UNIT) หรือเคร่ืองฉายมาตราประจากล้องเล็ง หลอดไฟสัญญาณสีเหลืองสาหรับเคร่ือง ควบคมุ ของพลยิง เคร่ืองวัดมมุ เอียง เครื่องวดั ลมทางข้างหรือเคร่อื งหาระยะ (LRF) บกพรอ่ ง ๓. แปน้ LIGHT เปน็ แปน้ ปรบั ความสว่างของหลอดไฟสัญญาณในหบี ควบคุม (GCU) ๔. แปน้ AIRTEMP เปน็ แปน้ ท่ชี ว่ ยใหพ้ ลยงิ ป้อนอณุ หภมู ภิ ายนอกดว้ ยมอื ไปยังเครื่องคานวณ ถ้าไม่ทราบ อุณหภูมิภายนอกให้ปรับแป้นควบคุม AIRTEMP ไปท่ีตาแหน่ง S ๕. แป้น ALTITUDE ใช้สาหรับปรับต้ังเส้นชั้นความสูงด้วยมือเพ่ือป้อนข้อมูลไปยังเคร่ืองคานวณ ถ้าไม่ ทราบช้นั ความสงู ให้ปรับแป้นควบคมุ ไปที่ตาแหนง่ O ๖. สวิทช์ ๒ ตาแหน่ง MANUAL/RANGEFINDER เป็นแบบกระเดื่องสวทิ ช์ ใชส้ าหรับปรบั ต้ังระยะด้วยมือ เม่อื เลอื กตาแหนง่ MANUAL หรอื ใชง้ านเครื่องหาระยะเม่อื เลอื กตาแหน่ง RANGEFINDER เพ่ือส่งต่อ ข้อมูลไปยงั เครือ่ งคานวณ
๑๕ ๗. หลอดไฟสัญญาณสีเหลือง WIND SENSOR FAIL ถ้าไฟสัญญาณสว่างขึ้นให้ปรับแป้น CROSSWIND ซง่ึ อยู่ในครึง่ ด้านล่างของกล่อง GCU ไปที่ตาแหน่ง O และผลกั สวิทช์ AUTO/MANUAL ไปท่ีตาแหน่ง MANUAL ๘. แป้นควบคุมการตั้งระยะ METER X 100 ใช้สาหรับต้ังระยะด้วยมือ เมื่อผลักสวิทช์ MANUAL / RANGEFINDER ไปท่ีตาแหน่ง MANUAL ข้อมลู ระยะจะถูกปอ้ นไปยังเครื่องคานวณ แป้นควบคุมการ ต้งั ระยะจะแบง่ มาตราส่วนย่อยไวข้ ีดละ ๒๐ ม. ตั้งแต่ ๔๐๐ – ๔,๖๔๐ ม. อปุ กรณ์ควบคมุ ตอ่ ไปนจี้ ะอย่ใู นส่วนครง่ึ ด้านลา่ งของหบี ควบคุม (GCU) ๑. แป้นควบคมุ อายกุ ารใช้งานคงเหลอื ของลากลอ้ งปนื % (REMAINDING TUBE LIFE %) ใช้สาหรับตง้ั อายุการใชง้ านคงเหลอื ของลากล้องปนื ตามท่คี านวณได้ ๒. สวทิ ช์ควบคุม APDS ใช้สาหรับเลือกใช้กระสุนเจาะเกราะได้ ๒ แบบ ใช้เม่ือรถถังบรรทุกกระสุนทั้ง สองชนดิ นี้ ถ้าทาไดใ้ ห้บรรทุกกระสนุ เพยี งแบบเดียว ปรบั ใช้แป้นกระสุน APDS M392 เม่ือทาการยิง กระสุนฝกึ ยิง TPDS-T M724 ๓. สวิทชค์ วบคมุ HEAT ใชส้ าหรับเลือกกระสุนระเบดิ ต่อสู้รถถัง เพ่ือป้อนข้อมูลทางขีปนะเข้ากับเครื่อง คานวณ ส่วนท่รี ะบุวา่ SPARE ไมใ่ ช้งาน ๔. สวิทช์ควบคมุ NORMAL / BORESIGHT เมื่อต้องการปรับเส้นเล็งปืนใหญ่ ๑๐๕ มม. ใหผ้ ลักสวิทช์ไป ท่ีตาแหน่ง BORESIGHT เม่ืออยู่ในตาแหน่งน้ีแล้วค่าตัวแก้ท้ังทางทิศและทางระยะ ยกเว้น ค่าการ เหลอื่ มของลากลอ้ งจะถูกลบทงิ้ ไปทง้ั หมด ชว่ ยให้การปรับเสน้ เลง็ กระทาได้อย่างถูกต้องในทกุ ๆ ระยะ ภายใตข้ อ้ จากัดของระบบควบคมุ การยิงเพม่ิ เตมิ ในระหวา่ งใช้งานตามปกติ สวิทชค์ วบคมุ จะตอ้ งอยใู่ น ตาแหน่ง NORMAL ๕. แปน้ ปรับปืนเรง่ ดว่ นทางยุทธวธิ ี COMMON ZERO AZ และ EL ใชใ้ นการปรับคา่ ตวั แก้ของกระสนุ ทุก ชนดิ ท้งั ทางทศิ และทางระยะ ๖. แปน้ ปรับทางทศิ และทางระยะ AZ และ EL ใช้ควบคุมการปรับทางปืน ZERO ทางทิศและทางระยะ เป็นแบบกดแล้วหมุน เป็นแป้นที่ใช้ในการปรับค่าตัวแก้ของกระสุนแต่ละชนิดแยกจากกัน (APDS, FSDS, HEAT และ HEP/WP) ๗. สวิทช์ควบคุม CROSSWIND (ลมทางขา้ ง) ใช้สาหรบั เลอื กการใชง้ านในการปรบั ตัง้ ขอ้ มลู ของความเร็ว ลมว่าเป็น AUTO หรือ MANUAL ในตาแหน่ง AUTO เคร่ืองคานวณจะรับข้อมูลโดยอัตโนมัติจาก เครื่องวัดลมทางข้าง สว่ นในตาแหน่ง MANUAL พลยิงต้องตงั้ ความเร็วและทิศทางลมตามทีค่ านวณได้ เครือ่ งคานวณ (COMPUTER UNIT) เคร่ืองคานวณของระบบ เอม็ ๒๑ ตดิ ตั้งอย่บู นผนังด้านขวามือของ ผบ.รถ ในปอ้ มปืน ทาหนา้ ท่คี านวณ เครอื ขา่ ยเดี่ยวของมมุ สงู และมุมทศิ ทจ่ี าเป็นใหก้ ับระบบควบคมุ การยิงเลง็ ตรงหลัก โดยรบั ขอ้ มูลการยิงจากแผง ควบคุมของพลยงิ (GCU) หนว่ ยวดั มมุ เอยี ง (CANT) กลอ่ งเลือกชนิดกระสุน (ASU) ความเร็วในการหมุนป้อม ปนื มุมดัก ความเร็วลมทางข้างและระบบรักษาการทรงตัว ผลรวมของข้อมูลมุมสูงทั้งหมดจะถูกนาไปใช้กับ
๑๖ เครื่องกาหนดมุมสูงชดเชย OUTPUT UNIT ผลรวมข้อมูลทางทิศจะถูกนาไปใช้กับเคร่ืองฉายมาตราประจา กล้องเลง็ และกระจกทางทิศหัวกลอ้ งเลง็ ของเครื่องหาระยะ เคร่อื งกาหนดมุมสูงชดเชย (OUTPUT UNIT) เครอ่ื งกาหนดมมุ สงู ชดเชยตดิ ตง้ั อยดู่ า้ นบนขวาของตาแหนง่ พลยิงทาหนา้ ทีจ่ ดั เตรยี มมุมสูงชดเชยโดย ใช้การหมุนเพลาส่งออกข้อมูลทางเชิงกล ๒ แกน แกนแรกจะส่งข้อมูลทางเชิงกลไปยังแขนขับมาตราทาน ทางขปี นะ แกนท่ีสองจะสง่ ข้อมลู คา่ ตัวแกข้ องมุมสูงชดเชยไปยังปลอกแขนขับของปืนใหญ่ จอแสดงค่ามุมสูง ชดเชยท่อี ยู่ทางดา้ นหนา้ จะแสดงค่ามมุ สูงชดเชยเป็นมลิ เคร่อื งประกอบชดุ ระบบเครื่องคานวณ (COMPONENTS OF COMPUTER) แขนขับมาตราทานทางขีปนะ (Ballistic Drive) แขนขับมาตราทานทางขีปนะ M10A3 จะประสานการ เคลื่อนทข่ี องปืนใหญแ่ ละกลอ้ งเลง็ ให้เป็นอิสระแยกจากกัน ในขณะที่ปืนใหญ่รับค่ามุมสูงชดเชยและปลอกขับ มุมสูงชดเชยส่งคา่ ตวั แกม้ มุ สูงชดเชยทถี่ ูกตอ้ งใหก้ บั ปนื ใหญอ่ ยนู่ ั้น จดุ เลง็ บนเสน้ มาตราประจากลอ้ งเลง็ จะยังคง อยู่ห่างจากจุดเล็ง ๑ มิล เม่ือสวิทช์จ่ายไฟป้อมปืนอยู่ในตาแหน่ง OFF ปลอกขับมุมสูงชดเชยจะไม่ทางาน ดังน้ัน ปืนใหญ่จะยังคงน่ิงอยู่กับท่ีในขณะท่ีกล้องเล็งเคล่ือนท่ีไปตามค่าของมุมสูงชดเชยที่ได้รับ เม่ือมุมสูง ชดเชยถูกนามาใช้กบั ระบบ แขนขับมาตราทานทางขปี นะจะดารงค่ามุมสูงที่ได้รับไว้ตลอดเวลา ดังน้ัน ก่อนท่ี จะทาการยิงพลยิงต้องใช้คันบังคับของตนเองจัดภาพเล็งเป็นคร้ังสุดท้ายลงบนจุดเล็งเร่ิมแรก กล้องเล็งภาพ ความรอ้ น (Tank Thermal Sight) (กล้องเลง็ หลัก) กล้องเล็งภาพความร้อน AN / VSG - 2 จะรวมกล้อง เลง็ กลางวนั และกลอ้ งเลง็ กลางคนื เขา้ ไว้ดว้ ยกนั ใชง้ านโดยพลยงิ และมกี ลอ้ งเล็งภาพความรอ้ นเช่อื มต่อสาหรับ ผบ.รถ ใช้งาน โดยจดั ทาแยกเป็นช่องเลง็ กลางวันท่ีมีกาลงั ขยาย ๘ เทา่ ชอ่ งเลง็ ขยาย ๑ เท่า และช่องเล็งภาพ
๑๗ ความรอ้ น ซงึ่ สามารถใช้ค้นหาและทาการยงิ ต่อเป้าหมายไดท้ ง้ั กลางวันและกลางคืน และในขณะท่ีทัศนะวิสัย จากัด ส่วนประกอบหลกั ของกล้องเลง็ ภาพความร้อนประกอบด้วย เคร่ืองประกอบชดุ หัวกลอ้ งเล็ง ชอ่ งเลง็ ของ พลยงิ ชอ่ งเลง็ ของ ผบ.รถ (เชอื่ มต่อ) หมอ้ แปลงกระแสไฟฟา้ และฐานติดต้งั เครื่องประกอบชดุ กล้องเลง็ ภาพความรอ้ น (TTS COMPONENTS) จอแสดงภาพของผบ.รถ ฐานตดิ ต้งั กล้องเลง็ หม้อแปลงกระแสไฟฟ้ า จอแสดงภาพของพลยงิ เครื่องประกอบชุดหัว กล้องเล็ง ช่องเล็งภาพความร้อนย่านการเห็นแคบ (NFOV) และย่านการเห็นกว้าง (WFOV) ในย่านการเห็นแคบเส้น มาตราประจากล้องเลง็ จะเป็นแบบไมม่ ีมาตราทานทางขปี นะ ซ่ึงมีลักษณะของเส้นมาตราเช่นเดียวกันกับช่อง เล็งกลางวัน เส้นมาตราของช่องเล็งทั้งสองจะรับค่าตัวแก้มุมทิศมาจากเครื่องคานวณ ช่องเล็งขยาย ๑ เท่า มีเส้นมาตราแบบวงกลมที่สามารถปรับความสว่างของเส้นมาตราได้ ใช้สาหรับการยิงปืนกลร่วมแกน “กรอบเสน้ มาตรา” ของยา่ นการเห็นกว้างจะแสดงพนื้ ทซี่ ง่ึ จะถูกขยายออกไปเม่ือเลอื กใชย้ ่านการเหน็ แคบ เส้น มาตรากล้องเล็งของยา่ นการเหน็ แคบใช้สาหรบั ทาการเล็งยิงต่อเปา้ หมาย
๑๘ ชอ่ งเล็งภาพความร้อน (THERMAL CHANNEL) ช่องเล็งภาพความร้อนย่านการเห็นกว้าง กาลงั ขยาย 2.67 เท่า ช่องเลง็ ภาพความร้อนย่านการเห็นแคบ กาลังขยาย 8 เท่า กลอ้ งเล็ง TTS ไมต่ อ้ งการแสงสวา่ งจากธรรมชาติหรอื แสงทมี่ นษุ ย์สร้างข้ึน โดยไดจ้ ัดทาภาพการ มองเหน็ วัตถุท่ีมีความรอ้ นไว้ สองสี คือ สที สี่ ว่างกวา่ และสที ี่ทบึ กวา่ พนื้ ทร่ี อบ ๆ วัตถนุ ้นั (ขึ้นอยกู่ บั สวิทช์ POPARITY ที่เลือกใชง้ าน) เพอื่ ช่วยเพิ่มขดี ความสามารถในการมองเห็นผ่านฉากควัน หมอกบางๆ และภายใต้ เงื่อนไขอืน่ ๆ ทจ่ี ากัดการมองเห็น ภาพการเห็นนัน้ จะแสดงให้เห็นทง้ั พลยงิ และผบ.รถ จากคณุ ลกั ษณะต่างๆ เหล่านเี้ องทาใหช้ อ่ งเล็งภาพความร้อนของกล้องเลง็ TTS เปน็ ทพ่ี งึ ปรารถนาในการปฏิบัตกิ ารยงิ กนั มากทงั้ กลางวนั และกลางคืน
๑๙ ระบบเครือ่ งควบคมุ การยงิ เลง็ ตรงรอง (Secondary Fire Control System) ระบบเครอื่ งควบคุมการยิงเล็งตรงรอง จะถกู ใช้งานเม่ือส่วนประกอบของระบบเครื่องควบคุมการยิง เลง็ ตรงหลกั ใชง้ านไม่ได้ หรือไมส่ ามารถปฏบิ ตั งิ านอยา่ งไดผ้ ล (การยิงเม่ือเครื่องควบคุมไม่สมบูรณ์) กล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดี เป็นกล้องเล็งแบบเทเลสโคปทเี่ ปน็ ปล้อง และมีฐานติดตั้ง เอ็ม๑๑๔ ช่วยให้พลประจารถมีระบบ ควบคมุ การยิงแบบอสิ ระที่สมบรู ณ์ กลอ้ งเลง็ เอม็ ๑๐๕ ดี ติดตงั้ รว่ มแกนกบั ปนื ใหญ่รถถงั เป็นกล้องยิงเล็งตรง รองของพลยิง หลอดของกล้องแบบเทเลสโคปสว่ นหลงั จะมีชุดเลนซต์ าที่ติดต้ังอยู่ประจาท่ีโดยสมั พันธ์กบั หลอด สว่ นหน้าของกลอ้ งเลง็ ทีต่ ดิ ต้ังอยูก่ บั ฐาน เอ็ม๑๑๔ จะเคลื่อนทีไ่ ปพร้อมกับปนื ใหญ่ กล้องเลง็ รองไมไ่ ด้เชื่อมต่อ เข้ากบั เครอ่ื งคานวณเมอื่ ใช้กล้องเล็งนที้ าการยงิ ผบ.รถ จะต้องออกหัวขอ้ คาส่งั ระยะใหพ้ ลยงิ ทราบ กล้องเล็ง เอม็ ๑๕๐ ดี (M 105 D TELESCOPES) กล้องเลง็ มมี าตราประจากลอ้ งแบบมีมาตราทานทางขีปนะแยกกันอยู่ ๒ ชนิด ข้อมูลของเส้นมาตรา สาหรับกระสนุ APDS - T และกระสนุ HEAT - T จะปรากฏอยู่บนเส้นมาตรารวม ขอ้ มลู สาหรับกระสุน HEAP - T จะปรากฏอย่บู นเสน้ มาตราท่แี ยกออกไป กระสุนสงั หารบคุ คล (APERS - T) สามารถใช้ทาการยิงได้โดยใช้ มาตราของกระสุนระเบิดต่อสู้รถถังร่วมกับตารางข้อมูลที่ติดอยู่บนแผ่นป้องกันการถอยของปืน พลยิงเลือก มาตราประจากล้องและใช้ช่วงดกั ถา้ จาเปน็ และวางจดุ เล็งท่ีเหมาะสมของเสน้ มาตราทางระยะลงบนจดุ กง่ึ กลาง ของเปา้ หมายทม่ี องเหน็ เสน้ มาตราทมี่ ีมาตราทานทางขปี นะของกล้องเลง็ เอม็ ๑๐๕ ดี (M105 D BALLISTIC RETICLE)
๒๐ ระบบเคร่อื งให้ทางสงู ปนื เครอื่ งหมุนปอ้ มปนื และเครอื่ งรกั ษาการทรงตัวของปนื ระบบเครื่องให้ทางสูงปืน และเครื่องหมุนป้อมปืนได้จัดทาไว้ให้ยกปืนขึ้นลงและหมุนป้อมปืนได้ทั้ง ระบบกาลัง (มอื ) และไฟฟ้า มุมยกสงู สดุ จากจดุ อา้ งของปอ้ มปนื + ๒๐ องศา กดปืนไดต้ ่าสุด - 10 องศา ระบบ เครื่องรกั ษาการทรงตัวช่วยใหพ้ ลประจารถทาการยิงได้ในขณะเคลื่อนท่ี ระบบเครอื่ งใหท้ างสูงปนื และเครือ่ งหมนุ ป้อมปืน ระบบเครอื่ งใหท้ างสูงปนื และเครือ่ งหมุนปอ้ มปืน เปน็ อปุ กรณท์ ใี่ ชค้ วบคุมการเล็งอาวุธสาหรับทาการ ยิงดว้ ยมือ และไฟฟ้า ระบบต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยป้องกันไม่ให้ปืนตีกับตัวรถ เม่ือหมุนป้อมปืนด้วยไฟฟ้าไปทาง ดาดฟา้ ดา้ นหลังของรถ อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ประกอบดว้ ย ๑. อ่างเก็บน้ามันไฮดรอลิกป้อมปืน (Turret Hydraulic Reservoir) บรรจุน้ามันไฮดรอลิกท่ีไม่ติดไฟ ๑๑.๗๕ ควอท์ พรอ้ มกา้ นวัดระดับหรอื ช่องวดั ระดับน้ามัน ๒. หม้อตลุ ย์กาลังหลกั (Main Accumulator) เป็นแบบลูกสบู ลอยตัวพรอ้ มกบั ถังก๊าซไนโตรเจนด้านหนึง่ และถังนา้ มันไฮดรอลิกอกี ด้านหน่งึ การสะสมกาลงั จะตอ้ งทาการบรรจุกา๊ ซไนโตรเจนโดยไมม่ นี า้ มนั ไฮ ดรอลิกในหม้อดว้ ยแรงดัน ๕๒๕+/-๒๕ ป./ตร.นวิ้ (psi) เสียก่อน หม้อตุลย์กาลังจะเก็บน้ามันไฮดรอ ลกิ ไว้ภายใตแ้ รงดันสาหรับการใชง้ านของระบบเคร่ืองใหท้ างสงู ปนื และเครอื่ งหมุนปอ้ มปนื เม่อื แรงดัน ตกลงมาถึง ๙๒๕+/-๒๕ ป./ตร.นิ้ว มอเตอรห์ ม้อตลุ ยก์ าลังทีม่ ีกาลงั ขบั ๑๐ แรงมา้ จะทางานประมาณ ๘ วินาที เพื่อปัม้ แรงดนั เพิ่มขึ้นอีกประมาณ ๑,๒๒๕ ป./ตร.น้ิว สาหรับผลักดันน้ามันไฮดรอลิก เข้าไปในหมอ้ ตุลย์ ๓. เครื่องประกอบชุดลิ้นระยะปลอดภัยของดาดฟ้า (Deck Clearance Switch) จะทางานร่วมกันกับ เคร่ืองประกอบชดุ สวิทช์ขัดขวาง (Interference Switch) ของเครื่องให้ทางสูงปืนท่ีติดต้ังอยู่บนแขน ขับมาตราทานทางขีปนะ และสวิทช์ขัดขวางของป้อมปืนที่ติดต้ังอยู่บน Slipring เมื่อป้อมปืนหมุน ผา่ นกง่ึ กลางดา้ นหนา้ ของแนว ๑,๗๗๘ มลิ ปนื ใหญจ่ ะไมล่ ดลงมาท่ีมุม ๐ องศาจากจุดอ้างของตัวรถ ๔. หม้อตุลย์กาลังเครื่องให้ทางสูงด้วยมือ (Elevating Hand Pump Accumulator) จะเก็บแรงดัน น้ามันไฮดรอลิกสาหรับระบบเคร่ืองให้ทางสูงด้วยมือ หม้อตุลย์กาลังนี้ จะต้องทาการบรรจุก๊าซ ไนโตรเจนโดยไม่มนี ้ามนั ไฮดรอลกิ ในหมอ้ ด้วยแรงดัน ๗๕ – ๑๐๐ ป./ตร.นวิ้ (psi) เสียกอ่ น ๕. เครื่องประกอบชุดกล่องเฟ่ืองเคร่ืองหมุนป้อมปืน (Traverse Gearbox Assembly) จะติดต้ังอยู่บน ผนังด้านขวาของปอ้ มปืนและประกบอยู่กับแหวนป้อมปืน กล่องเฟ่ืองทางานด้วยกาลังร่วมกับเคร่ือง ประกอบชุดการหมุนปอ้ มปืนดว้ ยมอื หรอื ควบคุมดว้ ยระบบไฟฟา้ กับระบบไฮดรอลิค ๖. เครอื่ งกลไกให้ทางสูง (Elevating Mechanism) อย่ดู ้านใต้ของปืนใหญ่ติดอยกู่ ับฐานทต่ี งั้ ปืนใหญ่และ แหวนปอ้ มปืน ต่อเชอื่ มกันด้วยท่อนา้ มันไฮดรอลกิ เขา้ ไปยังหมอ้ ตุลย์กาลงั หลกั และเครื่องประกอบชุด ปลอกขับมุมสูงชดเชย ๗. ปลอกขับมมุ สูงชดเชย (super elevation) ไมใ่ ช้สว่ นประกอบของระบบควบคมุ การยงิ เลง็ ตรง อย่างไร กต็ ามจะทางานร่วมกนั กบั ระบบ โดยรบั คา่ มมุ สงู ชดเชยมาจากหน่วยข้อมูลส่งออกของเคร่ืองคานวณ และชักนาการเคลื่อนท่ที างเชิงกลเข้าไปยังระบบน้ามันไฮดรอลิกของปืนใหญ่ ปลอกขับมุมสูงชดเชย
๒๑ ควบคมุ การไหลของนา้ มนั ไฮดรอลกิ ท่เี ข้าและออกจากกระบอกสูบของเครือ่ งให้ทางสูงใต้เปลปืน เมื่อ สวทิ ชป์ ้อมปนื เปดิ อยใู่ นตาแหนง่ ON ปนื จะถูกยกตวั ตามจานวนที่ต้องการเหนอื แนวเสน้ เลง็ ตามชนิด กระสนุ ทเ่ี ลอื กใช้งานเพอ่ื ให้ยงิ ถูกเป้าหมายตามระยะทีก่ าหนด (มมุ สูงชดเชย) การใช้งานป้อมปืนดว้ ยกาลัง (มือ) การควบคุมการให้ทางสูงปืนและหมุนป้อมปืนด้วยมือ จะกระทาได้จาก ตาแหน่งของพลยิงเท่าน้ัน การทางานเหล่านี้สามารถปฏิบัติได้ในขณะที่การควบคุมป้อมปืนอยู่ในตาแหน่ง ควบคมุ ดว้ ยไฟฟา้ แต่ไม่สามารถปฏิบัตงิ านไดใ้ นการควบคมุ ดว้ ยระบบรกั ษาการทรงตัว ๑. เคร่ืองหมุนป้อมปนื ด้วยกาลงั (Manual Traversing Handle) ใช้สาหรับการหมุนป้อมปืนด้วยมือเม่ือ ตอ้ งการหมนุ ปอ้ มปนื ไปทางซ้ายหรอื ขวาให้กดกระเด่ืองขดั กลอนแล้วหมนุ ๒. NO - BAK ช่วยใหก้ ารเคล่ือนทแี่ ยกออกจากเครือ่ งประกอบชดุ กลอ่ งเฟื่องแตย่ ังชว่ ยป้องกนั การตีกลับ ของเครื่องหมนุ ปอ้ มปืนด้วยมือ เม่ือปอ้ มปนื อยู่ในการควบคุมด้วยไฟฟ้า และยังช่วยป้องกันการเยื้อง ของปอ้ มปนื ได้อีกด้วย ๓. เครือ่ งยึดป้อมปืน (Turret Lock)อยูท่ ี่ตาแหนง่ ของพลบรรจโุ ดยไปขัดตวั กบั เฟอื งป้อมปืนและยึดป้อม ไว้ ๔. เครือ่ งให้ทางสูงดว้ ยกาลงั (Manual Traversing Handle) ใชส้ าหรบั ยกปืนใหญ่หรือลดลงด้วยมือและ ยงั ประกอบด้วยเครอ่ื งล่ันไกไฟฟ้า ถ้าการใหท้ างสงู ของปนื กระทาได้ไมส่ ะดวกใหท้ าการอัดแรงดันของ หมอ้ ตุลยก์ าลงั เคร่อื งใหท้ างสูงด้วยมอื ใหม่ โดยการลดปนื ใหญ่ลงในตาแหนง่ ต่าสุดด้วยเครอื่ งให้ทางสูง ด้วยมือจนกระทงั่ ต้องออกแรงกดลงจนปืนใหญ่ไมเ่ คลอื่ นท่ี การใช้งานปอ้ มปืนดว้ ยไฟฟา้ ในระหว่าการใช้งานดว้ ยไฟฟ้า ปนื ใหญ่สามารถยกข้นึ - ลง และหมุนป้อมปืนได้ จากตาแหนง่ ของพลยงิ และ ผบ.รถ ๑. คันบังคับด้วยไฟฟ้าของพลยิง (Gunner’s Power Control Handles) ใช้ยกปืนใหญ่ ข้ึน - ลง และ หมุนป้อมปืน กระเดื่องสวิทช์ตัดต่อไฟฟ้าบนแต่ละข้างของคันบังคับจะควบคุมวงจรตัดต่อ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าในกล่องเฟืองหมนุ ป้อมปนื วงจรตดั ตอ่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าช่วยป้องกันการเย้ืองของป้อมปืน เมือ่ รถถงั เอียง เมื่อปลอ่ ยกระเด่อื งข้างใดข้างหนงึ่ จะเปน็ การปลดวงจรตัดตอ่ ของแมเ่ หล็ก กดกระเดอ่ื ง ของสวทิ ช์ขา้ งใดข้างหนงึ่ จะเปน็ การตัดตอ่ วงจรตัดตอ่ ของแม่เหลก็ แต่ละขา้ งของคันบังคับจะมีเคร่ือง ลนั่ ไกไฟฟ้า และปุ่มสวทิ ช์ยิงเลเซอรแ์ ละช่วงดกั คาเตือน: ในการควบคุมดว้ ยระบบรักษาการทรงตวั ไม่ต้องกดกระเดื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้าเม่ือหมุนป้อมปืนและ ยกปืนข้ึน - ลง การเคลื่อนท่ใี ด ๆ ของคันบงุ คบั ของพลยิงจะทาให้ปอ้ มปนื และปนื ใหญเ่ คลือ่ นที่ ๒. กล่องสวิทช์ควบคุมของพลยิง (Gunner’s Switch Box) มีสวิทช์และหลอดไฟสัญญาณอยู่ 3 ชุด สวิทชจ์ ่ายวงจรไฟฟ้าปอ้ มปนื (ELEV/TRAV POWER ON/OFF) ต่อวงจรไฟฟ้าให้ไหลเขา้ ไปยงั มอเตอร์ หม้อตุลย์กาลังของระบบเครื่องให้ทางสูงปืนและเคร่ืองหมุนป้อมปืน สวิทช์ปืนใหญ่ (MAIN GUN ON/OFF) จ่ายกระแสไฟเข้าไปยังวงจรลั่นไกด้วยไฟฟ้าของปืนใหญ่ สวิทช์ปืนกล (MACHINE GUN ON/OFF) จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าไปยงั วงจรการลัน่ ไกดว้ ยไฟฟา้ ของปนื กลร่วมแกน
๒๒ ระบบการรกั ษาการทรงตวั (THE STABILIZATION SYSTEM) การรกั ษาการทรงตวั ช่วยใหก้ ารคน้ หาเปา้ หมายและการยิงในขณะเคลื่อนที่กระทาได้แม่นยาขึ้น ช่วย รักษาทิศทางและมมุ สูงเดมิ ไวไ้ มว่ า่ รถถงั จะเคลือ่ นท่ีขึน้ - ลง กลอ้ งเล็งของ ผบ.รถ และพลยงิ เชื่อมต่อกับระบบ รกั ษาการทรงตวั ของปนื ทาใหป้ ืนมคี วามมั่นคงเพยี งพอท่จี ะพสิ จู น์ทราบเป้าหมาย ไมว่ า่ จะเปน็ การเล็งจาก ผบ. รถ หรือการตรวจการณ์ของพลยิง การยิงอย่างได้ผลในขณะเคล่ือนที่ต่อเป้าหมายท่ีเป็นจุดและเป็นพื้นท่ี สามารถทาไดซ้ ึง่ ขนึ้ อยู่กบั เส้นทางและภมู ิประเทศ ความเร็วของรถถงั เอ็ม๖๐เอ๓ท่ีทาให้การยงิ เกดิ ประสิทธิผล อยู่ระหว่าง 16 -34 กม./ชม.(10-20 ไมล์/ชม.) ชุดสวทิ ช์ควบคุม ชุดสวิทชค์ วบคมุ ทาให้พลยงิ สามารถเปิด - ปิด และพรอ้ มใช้งานระบบรกั ษาการทรงตวั และ ปรับความสมดุลยทางทศิ และทางระยะของระบบได้ สวิทช์เปิดวงจรระบบ(POWER) ควบคุมการจ่ายกระแสไฟของรถไปยังเครื่องตรวจวัดอัตรา (Rate Sensor), หน่วยควบคมุ (Controller Unit) และมอเตอร์ทาความเย็น (Cooling Motor) สวทิ ช์เครอ่ื งรกั ษาการทรงตัว (STAB) ทาให้วงจรของระบบทางานไดอ้ ย่างสมบรู ณโ์ ดยจ่ายกระแสไฟไป ยงั ลนิ้ โซลนิ อยด์ (ล้ินปิด - เปดิ ) และหน่วยควบคมุ ผ่านทางเครือ่ งวดั อตั รา สวิทช์ STAB ยงั ใชเ้ พอื่ เปดิ วงจรตัดตอ่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ และลนิ้ ปดิ - เปิด เครอ่ื งใหท้ างสงู เม่ือสวิทชน์ ้ีอยู่ใน ตาแหน่ง ON ดว้ ยเหมือนกนั แปน้ ปรบั ความสมดุลยทางทิศและทางระยะ (Traverse and Elevation Balance Rheostat Knobs) ช่วยให้พลยิงปรับความสมดุลยของระบบโดยปรับค่าสัญญาณส่งออกทางทิศและขยายมุมสูงในหน่วย ควบคุมให้เป็นศูนย์ เครอ่ื งควบคุมการปดิ วงจรฉุกเฉิน (Emergency Shutoff Control) เครื่องควบคุมการปิดวงจรฉุกเฉินช่วย ให้ ผบ.รถ และพลยิงปิดการทางานระบบรกั ษาการทรงตัวให้กับเข้าไปอยู่ในตาแหน่งพร้อมใช้งาน (STANBY) พลยงิ ปิดการทางานของระบบโดยการผลักสวทิ ช์ STAB หรอื POWER ไปทตี่ าแหน่ง OFF หลอดไฟสัญญาณจะสวา่ งขึน้ เมอ่ื ปอ้ มปืนใช้การควบคมุ ด้วยระบบรกั ษาการทรงตวั กดแป้นควบคุมจะเป็นการผลักสวทิ ชเ์ ลอื กการทางานของระบบทก่ี ลอ่ งเลอื กการใช้งานให้กลับไปอยู่ใน ตาแหน่ง OFF และทาใหร้ ะบบกลับไปอยใู่ นตาแหนง่ พรอ้ มใชง้ าน หน่วยควบคุมวงจรอิเลคทรอนิคส์ (Electronics Control Unit) หน่วยควบคุมวงจรอิเลคทรอนิคเป็นตัว จ่ายกระแสไฟฟ้าใหก้ ับระบบรกั ษาการทรงตวั และสง่ สัญญาณไปยงั ลนิ้ เคร่ืองให้ทางสงู และเคร่ืองหมุนป้อมของ เครื่องรักษาการทรงตวั ชดุ เครื่องตรวจวัดอัตราความเร็ว (Rate Sensor Assemble) เครื่องตรวจวัดอัตราความเร็วประกอบด้วย แกนไจโรเคร่ืองหมุนปอ้ มและเครอื่ งให้ทางสูงซ่ึงจะรับสัญญาณรบกวนทางทิศและทางระยะที่อาจเกิดข้ึนกับ สัญญาณทีก่ าหนดไว้จากจดุ อา้ งของปืนใหญ่/ปอ้ มปนื โดยจะสง่ สัญญาณทางอเิ ลคทรอนคิ ที่สร้างขน้ึ โดยแกนท้ัง สองตัวไปยงั หน่วยวงจรอเิ ลคทรอนิค
๒๓ ชดุ พดั ลมหม้อตุลย์กาลัง (Power Pack Blower Assembly) จะมีทอ่ อากาศสองทอ่ ของชุดพัดลมหม้อตุลย์ กาลงั ต่อเช่อื มกับตัวเรอื นมอเตอร์ขบั ทางอิเลคทรอนิคหมอ้ ตลุ ย์กาลังป้อมปืน พัดลมจะระบายอากาศผา่ นเข้าไป ในตวั เรือนมอเตอร์หมอ้ ตุลยก์ าลงั ของป้อมปนื เพ่ือใหม้ อเตอรเ์ ย็นลงในระหวา่ งการใชง้ านระบบรักษาการทรงตัว กระบอกสูบป้องกันการถอยตัว (Backlash Cylinder) ในระหว่างการปฏิบัติงานตามปกติกระบอกสูบ ป้องกันการถอยตัวจะจัดทาแรงกดจากสปริงเพ่ือต่อต้านกับการหมุนเฟ่ืองทางทิศ ในการควบคุมด้วยเคร่ือง รกั ษาการทรงตวั จะใชแ้ รงดันจากน้ามนั ไฮดรอลิกส่งเข้าไปในกระบอกสบู นอกจากนนั้ ยงั ช่วยลดการถอยตัวของ ปอ้ มปืนอกี ดว้ ย ระบบลิ้นเครื่องหมุนป้อมปืน (Traverse Servo Valve) ระบบล้ินเครื่องหมุนป้อมปืนจะประกอบกับท่อ เคร่ืองหมนุ ทางทศิ ของระบบรักษาการทรงตวั ควบคมุ การไหลของน้ามันไฮดรอลกิ ทส่ี ง่ ไปยังเคร่อื งกลไกเครื่อง หมนุ ป้อมปนื เม่อื อยู่ในการควบคมุ ดว้ ยระบบรกั ษาการทรงตัว ลิ้นโซลินอย์ดเคร่ืองรักษาการทรงตัว (Stabilization Solenoid Valve) เป็นล้ินเปิด - ปิด ท่ีใช้สาหรับ ควบคมุ แรงดันของน้ามันหม้อตุลยก์ าลังทสี่ ่งไปยงั ระบบรกั ษาการทรงตัว ระบบลนิ้ เครื่องใหท้ างสงู (Elevation Servo Valve) ระบบลนิ้ เครอ่ื งใหท้ างสงู และทอ่ นา้ มนั เคร่อื งให้ทางสงู จะควบคมุ การไหลของนา้ มันไฮดรอลกิ ท่เี ขา้ ไปยงั เคร่อื งใหก้ ลไกเม่อื อยใู่ นการควบคุมด้วยระบบรักษาการทรง ตวั ชดุ เครอื่ งปรับความตา้ นทาน (Adjustable Resister Assembly) สัญญาณจากเครอื่ งปรับความต้านทานท่ี ส่งไปยังหน่วยคาบคุมวงจรอิเลคนรอนิคของระบบรักษาการทรงตัว จะหยุดสัญญาณค่าตัวแก้ของเคร่ือง รกั ษาการทรงตวั ที่เกิดจากหมุนปอ้ มปนื และยกปืน เนอื่ งจาการใชค้ นั บงั คบั ของ ผบ.รถ และพลยิง กล่องควบคมุ ขา่ ยการทางาน (Network Box) กลอ่ งควบคุมข่ายการทางานประกอบด้วยสวิทช์ป้องกันการ ตัดต่อวงจรด้วยกาลัง (มือ) สาหรับระบบรักษาการทรงตัวสองตัว สวิทช์ตัดต่อวงจรตัวแรกใช้ในการป้องกัน ระบบพัดลมเคร่ืองทาความเย็น และอีกตัวหนึ่งใช้เพื่อป้องกันชุดเคร่ืองตรวดวัดอัตราความเร็วและหน่วย ควบคมุ แหลง่ จา่ ยกระแสไฟที่จ่ายกระแสไฟใหม้ ากเกนิ ความต้องการ ตัวกรองสญั ญาณรบกวนคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า (Electromagnetic Interference Filter) การรบกวนไฟฟ้า ทจ่ี บั ได้จากอปุ กรณท์ ี่เปน็ สายลวดไฟฟ้าจะถูกลดลงด้วย EMI ก่อนท่ีจะเข้าไปถึงหน่วยควบคุมอิเลคทรอนิคส์ ของระบบรกั ษาการทรงตวั และเปน็ มาเหตใุ หเ้ กดิ การตอบสนองทีไ่ ม่ต้องการขนึ้ หรือทาให้ระบบปืนหรือป้อม ปืนชารดุ
๒๔ ระบบเครอื่ งหมนุ ปอ้ มปืนและเครอื่ งใหท้ างสงู ปืนรวมทงั้ ระบบรักษาการทรงตวั ของปืน
๒๕ สรุป ปัจจัยท้ังหลายท่ีมีผลกระทบต่อการตกกระทบของกระสุนลงบนเป้าหมาย สามารถปรับอีกได้โดย ระบบควบคมุ ขปี นวิธีในการยิงของรถถัง เอ็ม๖๐เอ๓ ในรถถังเอ็ม๖๐เอ๓ มรี ะบบควบคุมการยิงท่ีสาคัญอยู่ ๓ ชนิด คือ ระบบควบคุมการยิงเล็งตรงหลัก, ระบบควบคุมการยงิ เล็งตรงรอง และระบบควบคุมการยิงเพิ่มเติม ระบบควบคุมการยิงเล็งตรงรองช่วยให้พล ประจารถสามารถใช้ระบบควบคมุ การยงิ แบบอิสระทส่ี มบูรณ์ สาหรบั ทาการยิงด้วยวธิ ีการยงิ เม่ือเครอ่ื งควบคุม ไม่สมบรู ณ์ได้ สาหรบั ในข้ันสงู ระบบควบคุมการยิงด้วยเครือ่ งรกั ษาการทรงตัว (เคร่ืองหาระยะ AN/VVG - 2เคร่ือง คานวณขปี นวธิ ี เอม็ ๒๑ และระบบกล้องเล็งหลัก) จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการยิงเล็งตรง และการอยู่ รอดของรถถังเอ็ม๖๐เอ๓ จากสนามรบใหม้ ากยง่ิ ขึ้น
๒๖ บทที่ ๓ การคน้ หาเปา้ หมาย (TARGET ACQUISITION) การปฏบิ ตั กิ ารรบของสงครามในอนาคต จะทาให้พลประจารถถังต้องเคลื่อนท่ี และทาการยิงอย่าง รวดเรว็ หมวดรถถังจะต้องปฏบิ ัตกิ ารเพยี งลาพงั ภายในหนว่ ยรบทไ่ี ม่เปน็ ระเบียบ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทาง ยุทธวิธี และพ้นื ทีป่ ฏิบตั ิการ เป้าหมายท่เี ปน็ ฝ่ายคกุ คามจะเข้ามาปะปนอยรู่ ว่ มกบั ยานพาหนะของฝ่ายเราและ พลเรือน ความรวดเร็วและความคลอ่ งแคลว่ ของกองกาลังยานเกราะในปัจจุบนั ทใ่ี ชท้ ฤษฎีการรบในทางลึก จะ ทาให้ความเปน็ ไปไดใ้ นการเขา้ มาปะปนกันของกาลังฝ่ายตรงข้าม และฝ่ายพันธมิตรในระหว่างปฏิบัติการรบ เพิ่มมากข้ึน ผลท่ีจะทาใหอ้ ย่รู อดในสถานการณ์เหลา่ นี้จะข้ึนอยู่กับขีดความสามารถและความละเอียดในการ วิเคราะห์ ในเรอ่ื งของ การค้นพบ กาหนดที่ตั้ง พิสูจน์ฝ่าย แบ่งประเภท และทาการยิงเป้าหมายที่ถูกต้องได้ อย่างรวดเรว็ และมปี ระสิทธผิ ล พลประจารถถงั จะต้องอาศัยความได้เปรียบจากความเร็วในการยิงก่อน และ ความแม่นยาของการยิงจะขึ้นอยู่กับความชานาญของพลประจารถถังในการค้นหาเป้าหมายและความ เช่ียวชาญในวชิ าหลกั ยงิ การได้มาซ่งึ เป้าหมาย คอื เวลาที่ใชใ้ นการค้นพบ การกาหนดท่ีต้ัง และการพสิ จู น์ฝา่ ยของเป้าหมายให้ ได้รายละเอียดที่เพียงพอท่ีจะทาการโจมตีได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะด้วยการเล็งตรงหรือด้วยอาวุธยิงที่มา สนับสนุนก็ตาม ประสทิ ธิภาพในการไดม้ าซ่งึ เปา้ หมาย คือ ความพยายามร่วมกนั ของพลประจารถทุกนาย ใน บทนจี้ ะกล่าวถึงกรรมวธิ ใี นการได้มาซ่งึ เป้าหมาย และอธิบายถึงวธิ ีการที่ใชใ้ นการได้มา การแบ่ง ประเภทของ เป้าหมาย และความสมั พันธ์ทีเ่ ก่ียวข้องกบั การยืนยนั เปา้ หมายทไ่ี ด้มาเพ่ือทาการยงิ
๒๗ กรรมวิธใี นการไดม้ าซงึ่ เป้าหมาย กรรมวิธีในการได้มาซ่งึ เป้าหมายเปน็ ลาดบั ขน้ั ของเหตุการณ์ท่ีดาเนินไปตามลาดับ และเป็นขั้นตอนท่ี ต้องพ่ึงพาซึ่งกนั และกัน หรือเป็นการปฏบิ ตั ิของพลประจารถถงั ในการไดม้ าซง่ึ เป้าหมายท่ีเป็นขา้ ศึกเพอื่ ทาลาย เป็นความต้องการใหพ้ ลประจารถทกุ นายต้องดาเนินการอย่างต่อเนอื่ ง ทัง้ ในการรบด้วยวธิ รี ุกหรอื ในการต้งั รบั ไมว่ ่าจะเคล่ือนทห่ี รืออยูก่ บั ท่ี กรรมวิธีในการได้มาซ่งึ เป้าหมายมีอย่ดู ้วยกนั ๖ ข้นั ตอน การค้นหาของพลประจารถ เปน็ การรวบรวมความพยายามของพลประจารถ โดยใช้ทั้งตาเปล่า และกล้องตรวจการณข์ องรถ ตรวจการณภ์ ายในเขตท่ีได้รับมอบ เพื่อสารวจพ้ืนที่ปฏิบัติการด้วย สายตาในการคน้ หาขา้ ศกึ การค้นพบ คือ การได้มาด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่มีอยู่(สายตา เสียง กล่ิน) ของข้อเท็จจริงทุกชนิด (บคุ คล,ยุทโธปกรณ์,วัตถุ) ท่มี ีลักษณะทสี่ าคญั ทางทหารแฝงอยู่ การกาหนดท่ตี ัง้ คอื การกาหนด (ด้วยทศิ ทาง จุดอ้างหรือพกิ ดั กรดิ ) สถานที่อยู่ของเป้าหมายที่มี ลกั ษณะทางทหารแฝงอยูว่ า่ อยู่ ณ ทใ่ี ดในสนามรบ (บนพน้ื ดนิ หรอื ในอากาศ) การพิสูจนฝ์ า่ ย คอื ลกั ษณะของเปา้ หมายทีซ่ อ่ นเรน้ ทเี่ ป็นฝา่ ยเรา ข้าศึกหรือพลเรือนทีถ่ ูกคน้ พบ และกาหนดออกมาไดด้ ว้ ยลักษณะทางกายภาพ (เชน่ ขนาด รปู รา่ ง คุณลกั ษณะในการทางาน) การแบง่ ประเภท คอื การแบง่ ระดับความสมั พนั ธ์ของเป้าหมายท่ซี ่อนเร้นอยู่ว่ามีระดับความเป็น อนั ตรายทแี่ สดงออกมาอยา่ งไร การยนื ยนั เปน็ วธิ กี ารตรวจสอบเป้าหมายทไี่ ด้มาจากการพสิ ูจน์ฝา่ ย และการแบ่งประเภทในคร้ัง แรกอย่างรวดเร็วในระหว่างท่ีปฏิบัติการยิง (ดูบทท่ี 6 เร่ืองการยิงเล็งตรง) ผบ.รถ และพลยิง จะตอ้ งยนื ยนั วา่ เปา้ หมายนนั้ ได้ทาการพสิ ูจนฝ์ า่ ยและแบ่งประเภทไดถ้ กู ต้องกอ่ นทจ่ี ะทาการยิง การคน้ หาของพลประจารถ การคน้ หาของพลประจารถ หรอื การตรวจการณ์ เป็นการมองหรือการดูพ้ืนท่ีปฏิบัติการ โดยใช้เทคนิคใน การค้นหาหรือการมองกวาดอยา่ งรวดเร็วภายในเขตตรวจการณ์เพอ่ื ให้ได้มาซงึ่ เป้าหมาย เขตในการตรวจการณ์ เขตในการตรวจการณ์ คือ การกาหนดพ้ืนที่ให้กับพลประจารถแต่ละนายทาการค้นหา และได้มาซึ่ง เป้าหมาย เขตในการตรวจการณ์มาตรฐานจะข้ึนอยู่กับการติดต้ังป้อมปืนสาหรับพลประจารถทุกนาย ยกเวน้ พลขับ พลประจารถทุกนายจะตอ้ งทราบถึงเขตในการตรวจการณท์ ี่กาหนด เพ่ือให้แนใ่ จไดว้ า่ ครอบคลุม สนามรบ ๓๖๐ องศา เม่ือปฏิบตั กิ ารกบั หมวดเขตในการควบคุม ๓๖๐ องศา ของรถถงั แตล่ ะคันจะสร้างสนาม ในการตรวจการณท์ ท่ี าบทบั กัน ซึง่ โดยปกติจะกาหนดเขตไว้ใหด้ ังน้ี เขตของผบ.รถ มเี ขตรบั ผดิ ชอบ ๓๖๐ องศา อยา่ งไรก็ตาม เม่ือพลประจารถทาการตรวจการณ์ จากช่องทางของตน ผบ.รถจะตรวจการณท์ างด้านหน้าทางซ้ายของผ้าใบคลุมปืนตามเข็มนาฬิกา ไปยงั ด้านหลังทางซา้ ยของป้อม
๒๘ เขตของพลยิง อยู่ตามแนวของแกนหลอดลากลอ้ งปืนภายในเขตจากัดการเหน็ ของกล้องเล็งภาพ ความร้อน (TTS) ดว้ ยกาลังขยายในย่านการเห็นกว้าง (WFOV) เขตของพลบรรจุ อยู่ด้านหน้าทางขวาของผ้าใบคลุมปืนทวนเข็มนาฬิกาไปยังด้านหลังทางขวา ของป้อมปืน และควรกาหนดใหพ้ ลบรรจุทาหน้าท่ีหลกั เปน็ ยามทางอากาศเม่ือไมไ่ ดอ้ ยูภ่ ายในปอ้ ม ปืน เขตของพลขบั อยูท่ างดา้ นหน้าระหว่างขอบด้านหนา้ รถทั้งสองขา้ ง ในระหว่างปฏิบัติการดว้ ยการปิดปอ้ ม ขดี ความสามารถของพลประจารถในการได้มาซึ่งเป้าหมายจะ ลดลงอยา่ งนอ้ ย ๕๐ เปอร์เซ็นต์ และเขตความรบั ผิดชอบในการค้นหาจะต้องเปลี่ยนไป ผบ.รถ - มเี ขตความรบั ผิดชอบเชน่ เดมิ เพ่มิ เตมิ ดว้ ยความรบั ผดิ ชอบในการเปน็ ยามอากาศ พลยิง - เขตในการตรวจการณเ์ หมอื นเดมิ พลบรรจุ - ใช้กล้องตรวจการณ์ของตนหมุนไปทางดา้ นหลงั ของป้อมปืน พลขับ - เขตในการตรวจการณ์เหมอื นเดมิ พลประจารถทกุ นาย – ตอ้ งแน่ใจไดว้ ่ากล้องตรวจการณ์และกลอ้ งเล็งมีความชดั เจนและไม่มสี ิ่งกีด ขวาง เมื่อรถถงั อยู่ในท่มี นั่ ซ่อนตัว ตอ้ งจดั ผตู้ รวจการณ์ลงจากรถไปยงั ด้านหน้าของทมี่ ่ันพรอ้ มด้วย กลอ้ งส่องสายตา และทาการวางสายการติดต่อส่ือสารทางพื้นดนิ ขน้ึ เพือ่ ช่วยใหก้ ารตรวจการณ์ มีประสิทธภิ าพมากขึน้ ยงิ่ ข้นึ
๒๙ เขตรบั ผิดชอบ (SECTOR OF RESPONSIBILITY) รถถังคนั เดียว ผบ.รถ พลยิง พลบรร ุจ รถถงั เป็ น มว. ผบ.รถ ข้อสังเกต: เมื่อภูมปิ ระเทศไม่ได้กาบงั เขตตรวจการณ์ ผบ.รถ ผบ.รถ ของพลขบั คอื จากขอบด้านซ้ายของหน้ารถ ถึงขอบด้านขวา พลยงิ พลบรรจุ
๓๐ เทคนิคในการคน้ หาทางพ้ืนดิน พลประจารถทุกนายจะตอ้ งมองกวาดพ้ืนท่ตี รวจการณ์ของตนตลอดเวลา เพื่อให้พบเป้าหมายหรือสิ่ง บอกเหตหุ รอื สัญลักษณ์ทค่ี าดว่านา่ จะเป็นเป้าหมาย เทคนิคในการค้นหาทางพื้นดินท่ีจะช่วยให้พลประจารถ สามารถกาหนดที่ต้ังเป้าหมายไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ มี ๓ วิธี คือ การมองกวาดอยา่ งรวดเร็ว การมองกวาดอย่างช้า ๆ และการค้นหาจากรายละเอยี ด พลประจารถทุกนายอาจใชเ้ ทคนิคทั้ง ๓ วิธี ร่วมกับตาเปล่า กล้องส่องสอง ตา หรือกล้องตรวจการณ์ประจารถท้ังเวลากลางวัน (ทัศนะวิสัยดี) และเวลากลางคืน (ทัศนะวิสัยจากัด) ท่ีตรวจการณ/์ ทีฟ่ ังการณ์เม่ือลงจากรถ (DISMOUNTED OBSERVATION POST) เทคนคิ การมองกวาดอย่างรวดเร็ว วิธีการมองกวาดอย่างรวดเร็ว ใช้เพื่อค้นหาส่ิงบอกเหตุที่เคยมี การเคลื่อนไหวของข้าศกึ มากอ่ นอยา่ งรวดเร็ว เป็นวิธีการแรกทถ่ี ูกนามาใชอ้ ยเู่ สมอ ๆ ไม่วา่ รถถังจะอย่กู ับที่หรอื เคลื่อนที่ ผบ.รถ หรือพลบรรจุอาจใช้กล้องส่องสองตาหรือตาเปล่า พลยิงใช้กล้องเล็งภาพความร้อน (กลางวันหรอื กลางคนื ) หรือตาเปล่า เรม่ิ ต้นจากกึ่งกลางของเขต และมองกวาดอยา่ งรวดเร็วจากจุดท่ีใกล้ทสี่ ดุ ไปยงั จดุ ที่ไกลท่ีสุดเท่าท่ี จะมองเห็นได้ จากนนั้ เล่อื นไปทางซา้ ยหรือทางขวาอย่างรวดเร็วจากใกล้ไปหาไกล การมองกวาดวธิ นี ี้จะตอ้ งให้มี การทาบทบั ก่งึ กลางของพ้ืนที่ทเี่ คยมองกวาดมาแลว้ เมอื่ มองกวาดดา้ นหนง่ึ ของกง่ึ กลางเรยี บร้อยแลัวใหท้ าเช่นเดียวกันกับอกี ดา้ นหน่งึ
๓๑ การมองกวาดอย่างรวดเรว็ (RAPID SCAN) แนวต้นไม้ พนื้ ทแี่ รก แนวต้นไม้ พ่มุ ไม้ พนื้ ทท่ี สี่ อง แนวต้นไม้ แนวต้นไม้ พ่มุ ไม้ พนื้ ทที่ สี่ าม แนวต้นไม้ แนวต้นไม้ พ่มุ ไม้
๓๒ เทคนิคการมองกวาดอยา่ งช้า ๆ (๕๐ ม.) ถา้ ไม่ปรากฏเป้าหมายให้เห็นในการมองกวาดอยา่ งรวดเร็ว พลประจารถจะมองกวาดพื้นท่ีอย่างประณีตมากขึ้น โดยใช้กล้องตรวจการณ์ของรถหรือกล้องส่องสองตา ดว้ ยวธิ กี ารมองกวาดอย่างชา้ ๆ (๕๐ ม.) การมองกวาดอย่างชา้ ๆ เปน็ วิธีการใช้งานที่ดีท่ีสุดของผบ.รถหรือพล ยงิ ในทม่ี ั่นต้ังรบั หรือจากการหยุดชั่วขณะ หยดุ เปน็ ชว่ งสั้น ๆ เพอ่ื ใหเ้ วลาในการปรับจุดรวมของสายตา ค้นหาในพื้นทข่ี องเปา้ หมายเป็นแนว กวา้ ง ๕๐ ม. จากขวาไปซา้ ย จากนัน้ คน้ หาเปน็ แนวไกลออกไปจากซ้ายไปขวาให้ทาบทบั กบั ในครงั้ แรก คน้ หาในพ้ืนทข่ี องเป้าหมายโดยตลอดอยา่ งต่อเนื่องจนหมดทง้ั พ้นื ที่ เมื่อพ้ืนทีท่ ค่ี าดว่าหรอื มีสญั ลกั ษณท์ ่ีเป็นไปไดว้ ่าเป็นเปา้ หมายถูกค้นพบ ให้หยุดแล้วทาการค้นหา พ้ืนทน่ี ั้นอย่างละเอยี ดในทันที โดยใชเ้ ทคนิคการค้นหาจากรายละเอยี ด การมองกวาดอย่างชา้ ๆ(SLOW SCAN)
๓๓ เทคนิคการคน้ หาจากรายละเอียด ถ้าไม่พบเป้าหมายจากการใช้เทคนิคการมองกวาดอย่างรวดเร็ว และการมองกวาดอย่างชา้ ๆ และมเี วลาพอ พลประจารถควรจะใช้กล้องตรวจการณ์ (กลางวันหรือกลางคืน) ทาการค้นหาพนื้ ที่เฉพาะภายในเขตอยา่ งระมัดระวงั ดว้ ยความประณีต วิธีการน้ียังใช้ในการค้นหารายละเอียด ของพื้นทเ่ี ล็ก ๆ หรือพน้ื ทท่ี อ่ี าจจะเปน็ ทตี่ ้ังหรือคาดวา่ มกี ารเคล่ือนไหวของขา้ ศึกได้อีกด้วย มุ่งความสนใจไปยังพนื้ ทีใ่ ดพนื้ ทหี่ น่ึงหรอื ทต่ี ้งั หนงึ่ โดยเฉพาะ และคน้ หาอยา่ งพินจิ พเิ คราะห์ มองหาเปา้ หมายท่ีเปน็ สญั ลกั ษณอ์ าวธุ เล็งตรง และเลง็ จาลองด้วยการกวาดตามองตามเข็มนาฬิกา รอบ ๆ จดุ ทเี่ หน็ เดน่ ชัด (ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ) ของพน้ื ท่ี ตัวอยา่ งของสญั ลกั ษณบ์ างประการท่ีต้องการค้นหาโดยละเอยี ดไดแ้ ก่ - ฝุ่นทีเ่ กิดจากการเคล่ือนทหี่ รอื การยิง - ไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล - รอยสายพานหรอื รอยยางบนพืน้ ดิน - แสงสะทอ้ น (แสงแลบ) จากกระจกหรือโลหะ - วตั ถทุ ่ีเป็นมุมไมก่ ลมกลนื กบั ส่ิงทีล่ ้อมรอบอยู่ - ต้นไม้ทด่ี เู หมือนวา่ เคลอ่ื นทอ่ี อกจากท่เี ดิม - พชื พนั ธ์ไุ มท้ ่เี คลอื่ นทอ่ี อกไปแบบถอนรากถอนโคน - แสงแลบหรอื ควันจากปนื ทีก่ าลังยงิ หรอื จรวด - สนามเพลาะหรอื งานดนิ สาหรบั รายละเอียดของการคน้ หาเป้าหมายทม่ี ากกว่านีใ้ หด้ ใู นเรอื่ งการค้นพบเปา้ หมาย
๓๔ เทคนิคการค้นหาจากรายละเอียด (DETAILED SEARCH TECHNIQUE) ก - ทตี่ ้ังยิงทเี่ ป็ นไปได้ของ คจตถ. ข – ทต่ี ้ังยงิ ทคี่ าดว่ารถถงั ยดึ ครอง ค – ทตี่ ้ังยงิ ทค่ี าดว่ารถถังและคจต ยึดครอง ง - ทต่ี ้ังยงิ ทค่ี าดว่า ชุดยิง RPG ยดึ ครอง กข ค ง การมองเฉยี ง เทคนิคการค้นหา (การมองกวาดอย่างรวดเรว็ การมองกวาดอย่างช้า ๆ และการค้นหา จากรายละเอียด) ในเวลากลางวันและกลางคืนเป็นวธิ ีทเ่ี หมือนกันเว้นอยู่สิ่งหน่ึง คือ การใช้กล้องเล็งกลางวัน หรือตาเปล่าในเวลากลางคนื หา้ มมองตรงไปยงั วัตถุนัน้ ๆ แตใ่ หม้ องเฉียงเป็นมุมออกไปทางข้างเล็กน้อย (การ เหลอื บตา) เมอื่ ใชก้ ารค้นหาด้วยการมองเฉียง ใหก้ ลอกสายตามองเปน็ ชว่ งสนั้ ๆ หยดุ ทนั ทีและสอดส่ายสายตา มองไปอย่างไม่เป็นระเบียบไปยังพื้นท่ีที่คาดว่าเป็นเป้าหมาย หยุดประมาณ สอง - สามนาที เพื่อค้นหาการ เคลื่อนไหวของทกุ สง่ิ ถา้ วัตถทุ ี่คน้ พบนั้นอาจเป็นเป้าหมายให้ใช้การมองเฉียงตรวจการณ์วัตถุน้ัน เพื่อป้องกัน สายตาพรา่ จากวัตถุในขณะทีท่ าการตรวจการณอ์ ยใู่ ห้กลอกลูกตาไปมาบอ่ ยครงั้ และทามือเปน็ รปู ถว้ ยครอบลง บนตากจ็ ะช่วยเพิ่มการมองเห็นในเวลากลางคืนได้มากย่งิ ข้นึ
๓๕ เทคนคิ การค้นหาทางอากาศ ตามปกติพลประจารถทุกนายจะไดร้ ับมอบเขตในการค้นหา (เขตทางซ้ายและขวา) ๙๐-๔๕ องศาใน แตล่ ะข้างของเขต เขตท่แี คบ และเทคนคิ การคน้ หาทถ่ี ูกต้องเป็นปจั จยั ท่สี าคัญยิ่ง ที่จะทาให้พบเป้าหมายทาง อากาศไดก้ ่อน เทคนคิ ในการคน้ หาเปา้ หมายทางอากาศในทุกสภาพภูมิประเทศท่ีรวดเร็วมีอยู่ ๒ วิธี คือ การค้นหาและมองกวาดในแนวระดบั และการมองกวาดในแนวดิ่ง การคน้ หาและการมองกวาดในแนวระดับ คน้ หาในแนวระดับดว้ ยมมุ ๒๐ องศา เหนือแนวพ้นื ระดบั โดยสา่ ยสายตามองตัดกบั ท้องฟา้ เปน็ ช่วงส้นั ๆ ยกระดบั สายตาข้นึ แลว้ สา่ ยสายตามองไปทางขา้ ง มองกวาด ตามรปู แบบตา่ ลงมาตามแนวระดับเพือ่ คน้ หาอากาศยานท่ีบนิ เรย่ี พน้ื ดิน การมองกวาดในแนวระดับ (HORIZONTAL SCANNING)
๓๖ การค้นหาและมองกวาดในแนวด่ิง ค้นหาบนท้องฟ้าโดยใช้พ้ืนท่ีแนวระดับที่เป็นจุดเร่ิมต้นที่มี ลักษณะภูมปิ ระเทศท่สี าคัญและใช้เปน็ จดุ อา้ ง สอดสา่ ยสายตามองเป็นช่วงสนั้ ๆ ข้ึนไปบนทอ้ งฟ้า จากนัน้ มองย้อนกลับลงมายงั แนวระดับเพ่อื ค้นหาอากาศยานทบ่ี ินเร่ยี พื้นดิน การมองกวาดในแนวด่ิง (VERTICAL SCANNING) การประมาณเขตจากัดในการคน้ หา เม่ือทาการมองกวาดทอ้ งฟ้าเพอื่ คน้ หาอากาศยาน พลประจารถ ทุกนายอาจพลาดการพบอากาศยานทบี่ ินสูงได้ ถา้ หากว่าจากดั การคน้ หาไวใ้ กล้แนวพ้ืนระดับมากเกินไป หรือ อาจพลาดการคน้ พบเปา้ หมายอากาศยานทีบ่ ินต่าถ้าจากดั เขตในการค้นหาไว้สูงมากเกินไปจากแนวพ้ืนระดับ เขตจากัดในการค้นหาที่ถูกต้อง คือ ๒๐ องศา การประมาณเขต ๒๐ องศา ให้ใช้เทคนิคตามรูปที่แสดงไว้ ขา้ งลา่ งนี้ กางนว้ิ มือออกใหเ้ ตม็ ทปี่ ลายสุดของนิว้ หัวแม่มือ คือ เขตจากัดความสูงในการค้นหา การประมาณมุม ๒๐ องศา (ESTIMATEING 20 DEGREES)
๓๗ ข้อแนะนาในการคน้ หาของพลประจารถ เริ่มต้นการค้นหาด้วยตาเปล่าจากน้ันใช้กล้องตรวจการณ์ที่มีกาลังขยาย เคร่ืองมือตรวจการณ์ ประจารถทกุ ชนดิ สามารถนามาใช้ เพ่ือคน้ หาเป้าหมายท่ีอยู่ในระยะท่ีไกลเกินกวา่ ตาเปล่าจะมองเหน็ อยา่ งไรก็ ตามกลอ้ งเล็งภาพความร้อนเป็นกล้องเล็งที่นิยมใช้กันมากสาหรับการค้นหาและค้นพบเป้าหมายท้ังในเวลา กลางวนั และกลางคนื ป้องกันสายตามืดจากผลกระทบของแสงอาทิตย์ การมองตรงเข้าไปยังดวงอาทิตย์เป็นสาเหตุท่ีทาให้ คณุ พลาดเป้าหมายทมี่ าจากทศิ ทางเดยี วกนั กับดวงอาทิตยไ์ ด้ ถา้ มีปญั หาในการปรับจดุ โฟกัสในระยะไกลให้ใช้ การชาเลอื งตามอง การชาเลืองตามองจะเปล่ียนระยะในการปรับสายตาให้ไกลยิ่งข้ึน ซ่ึงจะช่วยนาเป้าหมายที่อยู่ใน ระยะไกลเขา้ มาอยู่ในจดุ ที่เรามองเห็นไดช้ ัดทส่ี ดุ ได้ หรี่ไฟบนเพดานป้อม ไฟแผงควบคุม และการส่องสว่างเส้นมาตราประจากล้องเล็ง เพื่อเพิ่มขีด ความสามารถในการได้มาซง่ึ เปา้ หมายในระหวา่ งการตรวจการณ์เวลากลางวนั และกลางคืน และยังเป็นการลด ความเป็นไปได้ในการพบรถถงั ของเราจากการตรวจการณข์ องข้าศกึ ท่ีใช้กล้องเล็งแบบ PASSIVE ได้ อย่าพยายามมองหาเปา้ หมายที่อยู่ตามแนวขอบด้านรมิ สดุ ของยา่ นการเหน็ เพราะเปน็ จดุ ท่ีค้นพบและ กาหนดทีต่ ้ังเปา้ หมายได้ยาก หน้ากากปอ้ งกันไอพษิ จะทาใหย้ ่านการเหน็ แคบลง เมื่อสวมหนา้ กากพลประจารถ ต้องปรับแก้โดยการเคล่ือนศรีษะให้มากข้ึน พุ่งความสนใจในการค้นหาไปในพื้นที่หรือบริเวณท่ีคาดว่าจะมี เป้าหมายปรากฏมากที่สุด เชน่ ตามแนวทางการเคลอ่ื นท่ีที่ทราบแล้ว ตามแนวชายป่า และตามแนวลาดหลัง เนนิ ของทตี่ งั้ ยิง ในขณะเคลื่อนท่ีให้ทาการค้นหาเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง พลยิงควรจะใช้เทคนิคการมองกวาดอย่าง รวดเรว็ ค้นหารายละเอียดในเขตจากดั จากซ้ายไปขวาอยา่ งสมา่ เสมอ เมอื่ ทาการคน้ หาเปา้ หมายทางอากาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหนือแนวพ้ืนระดับ ให้ปรับจุดการมองเห็น ของสายตาไปตามระยะของวัตถุ ลักษณะของพนื้ ผวิ หรือแม้กระทัง่ ก้อนเมฆ เพือ่ ป้องกันมิให้วัตถุท่ีมีระยะไกล เกิดการพร่ามัว เม่ือพบอากาศยานให้คงสายตาอยู่บนเป้าหมายไว้ตลอดเวลา การมองไกลออกไปอาจเป็น สาเหตทุ ท่ี าให้สูญเสยี เปา้ หมายได้ และจะตอ้ งทาการค้นหาเปา้ หมายใหม่ ถา้ จะตอ้ งมองไกลออกไปจะต้องจาได้ อยา่ งแม่นยาวา่ เปา้ หมายปรากฏอยู่ท่ีใด และมที ศิ ทางการเคล่ือนทไี่ ปทางใดจากจดุ ที่ชเ้ี ฉพาะ เช่น กลุ่มเมฆหรอื ลักษณะภูมิประเทศ การกระทาเชน่ นีช้ ว่ ยให้มองเห็นเป้าหมายอีกครง้ั ดว้ ยเวลาเพียงเลก็ นอ้ ย
๓๘ การคน้ พบเปา้ หมาย การคน้ พบเป้าหมาย คือ การพบส่ิงที่เป็นเป้าหมาย (บุคคล ยานยนต์ ยุทโธปกรณ์) ท่ีมีลักษณะทาง ทหารแฝงอยู่ในสนามรบ ซ่ึงเป็นขั้นตอนแรกของการได้มาซึ่งเป้าหมาย การค้นพบเป้าหมายจะเกิดข้ึนใน ระหว่างทีพ่ ลประจารถทาการคน้ หาเป้าหมาย ซึ่งเป็นผลลพั ธ์โดยตรงจากการตรวจการณ์จากคุณลักษณะต่างๆ ของเป้าหมายท่แี สดงออกมา ลกั ษณะทแี่ สดงออกมาของเปา้ หมาย ลกั ษณะทแ่ี สดงออกมาของเป้าหมาย คอื สง่ิ พริ ธุ หรอื ร่องรอยทแ่ี สดงออกมาและช่วยให้ผู้ตรวจการณ์ คน้ พบเป้าหมายท่แี ฝงอยใู่ นสนามรบนน้ั ได้ อาวุธและยานยนตท์ กุ ประเภทมีสง่ิ ท่ีบ่งบอกลกั ษณะท่ีแสดงออกมา คุณลักษณะเฉพาะเหล่าน้ีอาจมีผลมาจากการออกแบบ หรือสภาพแวดล้อมซ่ึงยุทโธปกรณ์นั้นแสดงออกมา ตวั อยา่ งเชน่ การยิงปืนใหญร่ ถถงั จะสร้างแรงระเบดิ แสงแลบ ฝ่นุ ควัน และเสียงออกมา รถถังที่เคล่ือนท่ีผ่าน พื้นที่ท่ีมีสิ่งปลูกสร้างจะทาให้เกิดเสียงดังมากกว่ารถถังที่เคลื่อนท่ีผ่านพื้นที่โล่งแจ้ง เครื่องบินปีกตรึงและ เครอื่ งบนิ ปกี หมนุ จะสร้างลักษณะทีแ่ สดงออกมา เชน่ เสียงการเคล่อื นที่อย่างรวดเรว็ ผ่านย่านกาแพงเสียงของ เครือ่ งบินไอพ่น และแสงสะทอ้ นของหน้าต่าง ฝาครอบห้องนกั บิน หรือเสียงใบพัดของอากาศยาน มองหาฝุ่น หรือการเคลอ่ื นไหวมาก ๆ ของยอดไมแ้ ละพุ่มไม้ทีม่ ีสาเหตุมาจากการหมนุ ของใบพัดเฮลคิ อปเตอร์ มองหาเป้าหมายในสถานท่ีที่คาดวา่ จะมกี ารวางกาลงั มากทส่ี ุด ค้นหาลักษณะท่ีแสดงออกมาของยาน ยนตส์ ายพานในท่โี ล่งแจง้ และภมู ปิ ระเทศทเ่ี ปน็ ลูกคลน่ื ทตี่ ้ังยงิ อาวุธต่อสรู้ ถถังของข้าศึกจะป้องกันครอบคลุม แนวทางการเคล่อื นทหี่ ลัก ทค่ี าดว่ารถถังและรถสายพานลาเลียงพล (รสพ.) น่าจะใช้ ค้นหา ฮ.ทางด้านหลัง ของแนวป่า แนวสันเขา ลกั ษณะที่เปน็ รอยต่อของภูมปิ ระเทศ ส่ิงเหลา่ นเี้ ป็นเพียงตวั อยา่ งเพียงเลก็ น้อยเท่าน้ัน พลประจารถจะต้องทาความคุ้นเคยกับมันให้ได้ สายตา เสียง และกลิ่น สามารถช่วยในการค้นพบลักษณะท่ี แสดงออกมา เพ่อื กาหนดท่ีตั้งและพสิ ูจนท์ ราบเปา้ หมายไดต้ าดงั ตวั อยา่ งบางชนิดดังน้ี ตวั อยา่ งลกั ษณะทแ่ี สดงออกมาของเปา้ หมาย ลักษณะทแี่ สดงออกมาวา่ เปน็ หนว่ ยทหาร หลมุ บุคคล รอยหกั ของกง่ิ ไม้ รอยเทา้ รอยกองไฟใหม่และเก่า ลักษณะทแี่ สดงออกมาเม่อื มองผ่านกล้องภาพความร้อน - พ้นื ผิวท่อี ยนู่ อกร่มผา้ จะเห็นไดช้ ดั กวา่ ทอี่ ยู่ในรม่ ผ้า - อาวุธท่รี ้อนจะสวา่ งกว่าอาวุธท่เี ยน็ - เสน้ ผมและแว่นตาจะปรากฏออกมามืดกว่าพน้ื ผวิ ที่อยนู่ อกรม่ ผา้
๓๙ ลกั ษณะทแี่ สดงออกมาว่าเป็นยานยนตส์ ายพาน รอยสายพานบนพน้ื เสยี งเคร่ืองยนต์ ควันจากไอเสีย กลุ่มของฝุน่ ทีเ่ กิดจากการเคล่อื นที่ การยิงอาวธุ และควัน แสงแลบสีขาวทส่ี วา่ งมากกวา่ ในเวลากลางคืน ลกั ษณะที่แสดงออกมาเมอ่ื มองผ่านกล้องภาพความรอ้ น - เครื่องผ่อนแรงสะเทือนและระบบไอเสียจะเห็นได้ชัดเจนกว่าส่วนท่ีเหลือของยานยนต์และ พ้นื ทีโ่ ดยรอบ - ลากลอ้ งปืนทเ่ี พง่ิ ทาการยงิ จะปรากฏความสว่างกวา่ ลากลอ้ งปืนที่ไม่ไดท้ าการยิง - ตามปกติยานยนต์จะมองเห็นได้ชัดกว่าพ้ืนที่ท่ีล้อมรอบอยู่ และพร้อมท่ีจะมองเห็นได้ผ่าน กล้องความรอ้ นเมือ่ สภาพอากาศเอื้ออานวย ลักษณะทแ่ี สดงออกมาว่าเปน็ อาวุธต่อส้รู ถถงั เสียงแหวกอากาศ “ดงั เฟย้ี ว” ของจรวดทีย่ ิงออกมา เสน้ ลวดบางและยาวจากจรวดนาวถิ ีทเี่ พง่ิ ยงิ ออกมา (คจตถ.(ATGM)) เสยี งแหลม “ดังเปร้ียะ” ของจรวดต่อสรู้ ถถงั นาวิถที ่เี พงิ่ ยงิ มา หนว่ ยทหารพรอ้ ม คจตถ. ท่ลี งจากรถอาจจะอยภู่ ายในระยะ ๑๐๐ ม. ของรสพ. ลักษณะทแี่ สดงออกมาเม่ือมองผา่ นกล้องภาพความรอ้ น - ระบบผ่อนการสะเทือนและไอเสยี ของเครอ่ื งยนต์ยานยนต์สายพานจะมองเห็นได้งา่ ยกว่า - ไอเสีย ล้อ และกระจกกันลมของยานยนต์ลอ้ จะมองเห็นไดง้ า่ ยกว่า - คจตถ. จะทิ้งรอยจุดของ “ความรอ้ น” ท่ีมองเหน็ ได้ชดั กวา่ พ้นื ทรี่ อบๆ - หนว่ ยทหารทีล่ งจากรถจะมีลักษณะท่ีแสดงออกมาดังท่ีได้กล่าวไว้แล้วในเร่ืองลักษณะท่ีเป็น หน่วยทหาร ลกั ษณะท่ีแสดงออกมาวา่ เป็นปืนใหญ่ เสยี งดงั อึกทกึ ทไ่ี ดย้ ิน เมฆสีขาวเทาของกลุ่มควัน แสงแลบสว่างจ้าสสี ้มพร้อมกลุ่มควนั สดี าจากการแตกอากาศ เสยี งแหวกอากาศอยา่ งรวดเรว็ นานประมาณสองสามวินาทกี ่อนที่กระสุนจะตกกระทบพื้น ลักษณะทแ่ี สดงออกมาเม่ือมองผา่ นกลอ้ งภาพความรอ้ น - ปืนใหญอ่ ัตราจรจะมีลักษณะที่แสดงออกมาเมื่อมองผา่ นกล้องภาพความรอ้ นของยานยนต์ สายพาน
๔๐ - ปืนใหญ่ลากจงู จะมลี ักษณะทแี่ สดงออกมาแตกต่างออกไปตามยานพาหนะทล่ี ากจงู ลักษณะทแ่ี สดงออกมาวา่ เปน็ อากาศยาน เสยี งของอากาศยาน แสงสว่างจ้าจากฝาครอบห้องนกั บิน และท่อเติมน้ามันของอากาศยานปีกตรง และหน้าต่างหรือ ใบพดั ของ ฮ. เส้นทางของไอน้าจากไอเสยี ของเครื่องยนตแ์ ละจรวดที่ยงิ ออกมา ฝุ่นและการเคลอื่ นไหวของยอดไมจ้ าก ฮ. ที่บินลอยตัวอยู่ ลักษณะท่แี สดงออกมาเมอื่ มองผา่ นกล้องภาพความรอ้ น - อากาศยานปีกตรงึ จะเห็นได้ชดั เจนกวา่ สงิ่ ท่ีลอ้ มรอบบนทอ้ งฟ้า - เม่ือ ฮ. ไมไ่ ด้อยใู่ นท่กี าบงั จะมองเห็นไดง้ า่ ยกวา่ พืน้ ที่ทล่ี อ้ มรอบ สิง่ ทที่ ้าทายให้ค้นหา เปา้ หมายบางเป้าคน้ หาให้พบได้ยากกวา่ เป้าหมายอื่น ๆ ดารงการฝกึ เพม่ิ เติมและเนน้ ใหพ้ ลประจารถ เพ่มิ ความสนใจใหม้ ากข้ึน จะทาให้คน้ พบและกาหนดที่ตั้งเป้าหมายเหล่าน้ันได้ ตารางฝึกรถถังทางยุทธวิธี (ดู บทท่ี ๑๒ เรอ่ื งตารางฝึกรถถังทางยุทธวิธี) ได้ออกแบบไว้เพ่ือให้พบกับเป้าหมายท่ีท้าทายเหล่าน้ีในการฝึก ตัวอย่างบางชนดิ ของเปา้ หมายยาก ๆ และทา้ ทายให้ค้นหาเหลา่ น้ี ได้แก่ เปา้ หมายทอ่ี ยสู่ ดุ ขอบของยา่ นการเหน็ (เปา้ หมายทอ่ี ยู่ของด้านนอก) เป้าหมายทที่ าการพรางหรืออย่ใู นร่มเงา เป้าหมายท่ไี ดย้ นิ แตเ่ สยี งแต่มองไม่เห็นตวั เปา้ หมายท่ีอยู่ภายใต้แสงส่องสว่างของอาวุธยิงเล็งจาลองท่ีเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย (ถ้าแสงส่อง สวา่ งอยู่ด้านหน้าของเป้าหมายผลของเงามืดจะทาให้มืดมากกว่าเป้าหมาย ถ้าแสงส่องสว่างอยู่ ด้านหลังของเป้าหมายและไม่ได้อยู่ในตาแหน่งท่ีจะทาให้กล้องเล็งของพลประจารถเกิดอาการ “มืดมวั ” เป้าหมายน้นั ควรจะอยู่หา่ งจากฉากหลัง คอยระวังรักษาสายตาโดยการปิดตาข้างหน่ึง ตลอดเวลาเม่อื อยู่ภายใตก้ ารสอ่ งสวา่ ง และไมค่ วรมองตรงไปยงั ต้นกาเนิดแสงน้นั ๆ เปา้ หมายเลก็ ๆ และโดดเด่ียว เชน่ ที่ตั้งยงิ คจตถ. ทล่ี งจากรถหรือพลยิงอาร์พจี ที ่ีอยู่คนเดียว เครอ่ื งกีดขวางตามธรรมชาติ (สภาพอากาศและภูมปิ ระเทศ) เครือ่ งกดี ขวางท่ีมนุษยส์ ร้างขนึ้ (กลุม่ ควัน และซากสลกั หกั พงั จากการรบ) นสิ ยั และความบกพร่องทางรา่ งกาย(ความเหนือ่ ยลา้ ,ผลจากแสงแลบของปนื ที่มตี อ่ สายตา)
๔๑ การกาหนดทตี่ ้งั เปา้ หมาย การกาหนดที่ต้ังเป้าหมาย คือ การประมาณว่าเป้าหมายท่ีซ่อนเร้นนั้นอยู่ท่ีใดในสนามรบซึ่งเป็น ขน้ั ตอนท่ี 2 ในการได้มาซ่ึงเปา้ หมาย และอย่ใู นขั้นที่ ๓ ของกรรมวิธใี นการได้มาซ่ึงเป้าหมาย การกาหนดที่ต้ัง เปา้ หมายทีป่ รากฏขนึ้ เปน็ ผลสบื เนอื่ งมาจาการตรวจการณ์และการค้นพบเป้าหมายในระหว่างที่พลประจารถ ทาการค้นหาเป้าหมาย วิธีการกาหนดท่ีตั้งเป้าหมายท่ีพลประจารถถังใช้เพ่ือกาหนดหรือแสดงถึงที่ตั้งของ เป้าหมายหรือเพือ่ ให้พลประจารถคนอ่ืนในรถถงั ทราบ จะข้ึนอยู่กับตาแหน่งของพลประจารถนั้นๆ รปจ.ของ หนว่ ย และเวลาทม่ี อี ยู่ วธิ กี ารกาหนดทต่ี ั้งเป้าหมายท่ีรู้จักและใชก้ นั มากมีอยู่ ๕ วิธี ดังต่อไปนี้ การใชร้ ะบบนาฬกิ า ระบบนาฬิกาและวิธีการใช้เขต เป็นวิธีท่ีรวดเร็วที่สุดท่ีจะนาให้ผบ.รถหรือพลยิงเห็นเป้าหมาย พลประจารถจะใช้ทิศทางการเคลื่อนท่ีของรถในขณะเดินทางและการหันหน้ารถในขณะอยู่กับที่เป็น ๑๒ นาฬกิ า ซง่ึ ตามปกตแิ ลว้ พลบรรจแุ ละพลขับจะใช้ระบบนาฬกิ าและเขตเปน็ วิธีกาหนดที่ต้ังเป้าหมายให้กับผบ. รถ หรอื พลยงิ (ตวั อยา่ ง “บีเอ็มพี - เกา้ นาฬกิ า”) การใช้เขต มแี นวคิดในการใช้เหมือนกับระบบนาฬิกา วิธีการใช้เขตเป็นวิธีที่เร็ว และเป็นวิธีที่ดีท่ีสุดที่ใช้ในการ บ่งชที้ ศิ ทางของเป้าหมายให้ทราบจากทิศทางการเคลื่อนท่ีของรถ (ถ้าเคล่ือนท่ี) หรือจากทิศทางของหน้ารถ (ถ้าอยู่กับที่) ก่งึ กลางของเขต คือ หนา้ รถเสมอ (ตวั อยา่ งเช่น “รถถงั สามคนั -หลังซา้ ย”) การหมนุ ป้อมปนื วธิ ีการหมุนปอ้ มเปรียบไดก้ ับวธิ เี รง่ ดว่ น เป็นวธิ ีหลกั ท่ีผบ.รถใชเ้ พือ่ นาพลยิงเขา้ หาเปา้ หมาย เม่ือพลยิง มองไมเ่ ห็นเปา้ หมาย และเม่ือ ผบ.รถ ไม่สามารถใชค้ ันบังคบั ของตนควบคมุ พลยิงได้ (ตัวอย่างเช่น “หมุนขวา (ซ้าย) – ชา้ - หยดุ ”) การใช้จดุ อ้าง การใช้จุดอ้างเป็นวิธีท่ีใช้ร่วมกับกล้องเล็งของรถ ผบ.รถ ใช้กล้องส่องสองตาเพื่อกาหนดค่ามุมจาก ลกั ษณะของภมู ปิ ระเทศจากจดุ ทที่ ราบแล้วเป็นมิล จากนั้นสั่งค่าของมุมเป็นมิลใหพ้ ลยิง พลยงิ ใช้มาตราประจา กล้องใหส้ มั พันธ์กบั คา่ มมุ ทไี่ ดร้ บั หมนุ ป้อมปนื ไปยงั เป้าหมาย หลักทีส่ าคัญในการกาหนดทีต่ งั้ เปา้ หมายดว้ ยวธิ ีนี้ คือ ผบ.รถ และพลยงิ จะต้องคุ้นเคยกบั ความสัมพนั ธ์ของคา่ มุมเป็นมลิ ของเสน้ มาตราประจากลอ้ งเลง็ (ตวั อย่าง “คจตถ. จดุ อ้างหนง่ึ สามสาม - ขวาหา้ มิล”) การใชจ้ ดุ อา้ งแบบเร่งด่วน เป็นวิธีท่ีพลประจารถทุกนายใช้ในการส่งมอบเป้าหมายที่อยู่ในระยะใกล้ เคยี งกันกับจดุ อา้ งเป้าหมาย (ตวั อยา่ งเช่น “รถถังสองคนั - จดุ อ้างหนงึ่ สามส่ี”) การใช้จุดอ้างแบบประณีต ใช้เพื่อกาหนดท่ีต้ังเป้าหมายอย่างถูกต้องโดยมีความสัมพันธ์กับจุดอ้างที่ ทราบแลว้ (ดบู ทที่ ๔ เร่ือง การหาระยะ)
๔๒ การใช้พกิ ัดกริด การใช้พิกัดกริดเป็นวิธีที่พึงปรารถนาในการใช้น้อยท่ีสุด เนื่องจากต้องใช้เวลาในการนาพลยิงเข้าสู่ เปา้ หมายมาก เม่อื ผบ.รถไดร้ ับที่ตงั้ ของเปา้ หมายมาจากพิกัดบนแผนท่ี (โดยปกติได้มาจากที่ฟังการณ์หรือที่ ตรวจการณ์) จากนัน้ ผบ.รถ ใชแ้ ผนที่ของตนหนั ทศิ ทางปืนไปยงั พืน้ ทีข่ องเปา้ หมาย การพิสจู นฝ์ า่ ยเปา้ หมาย การพสิ จู นฝ์ า่ ยเปา้ หมายเปน็ การจดจาลกั ษณะทางทหารที่แฝงอยูข่ องเปา้ หมาย ว่าเปน็ วตั ถทุ ีม่ ลี ักษณะ พิเศษ (เชน่ ลักษณะเฉพาะของยานยนต์ หรือจากแบบของยานยนต์) อย่างน้อยท่ีสุดการพิสูจน์ฝ่ายในคร้ังนี้ จะตอ้ งกาหนดไดว้ ่าเป้าหมายทีแ่ ฝงอยู่นัน้ เป็นฝ่ายเราหรือฝ่ายข้าศึก (พิสูจน์ว่าเป็นฝ่ายเรา ฝ่ายข้าศึกหรือพล เรือน (IFFN)) พลประจารถถังจะตอ้ งทราบวา่ จะตอ้ งยิงอะไร และอะไรท่ีไม่ต้องทาการยงิ วธิ ีการเดยี วท่พี ลประจารถถงั จะพสิ จู น์ฝา่ ยยานรบได้ คอื จากสายตา เมื่อระยะการยิงเพ่ิมข้ึน เทคนิค ในการพรางทไี่ ด้รบั การปรบั ปรงุ ดขี นึ้ และมสี ิ่งปดิ กั้นการมองเหน็ ในสนามรบเพ่มิ ขึน้ มาก จะทาให้ประสทิ ธิภาพ ในการพสิ จู นฝ์ ่ายด้วยสายตาลดลงมาก ความสามารถในการพสิ จู นฝ์ า่ ยได้กอ่ นจะทาให้พลประจารถไดเ้ ปรยี บใน การยงิ ก่อนและทาลายขา้ ศกึ ได้ ส่งิ ทีต่ อ้ งการคือ พิสจู น์ฝ่ายเป้าหมายข้าศกึ ได้อย่างถูกต้อง ณ ระยะท่ีไกลสุด ในการค้นหาเป้าหมายของระบบอาวุธ การฝกึ ทบทวนพลประจารถอย่างสม่าเสมอ และทาการประเมินผลเป็น ส่งิ ท่ตี อ้ งการเป็นอย่างแรก การฝึกพสิ ูจน์ฝา่ ยเป้าหมายเปน็ สง่ิ ทสี่ าคญั ยิง่ ของโปรแกรมการฝึกทักษะการใชร้ ะบบอาวุธทุกชนิด ผบ. รถจะต้องทาการฝึกพิสูจน์ฝา่ ยเปา้ หมายใหก้ ับพลประจารถอยา่ งสม่าเสมอ การทดสอบทกั ษะการใช้อาวุธรถถัง ของพลประจารถ (TCGST) จะรวมสถานีการพสิ ูจน์ฝา่ ยยานรบไวด้ ว้ ย (ดูผนวก ค. เร่ืองการทดสอบทักษะการ ใชอ้ าวุธรถถังของพลประจารถ) โปรแกรมการฝกึ การพสิ จู นฝ์ า่ ยยานรบ และอากาศยาน (เป้าหมาย) ของพลประจารถถงั ควรจะปฏบิ ตั ิ ตามคมู่ ืออ้างอิงดงั ตอ่ ไปนี้,- STP 21-1-SMCT FM 1-402 ขอขอ้ มูลเพิม่ เตมิ จาก ฝอ.๒ ของหนว่ ย เรอื่ งการพสิ จู นฝ์ า่ ยยานรบ อากาศยานและยทุ โธปกรณ์ ที่คาด ว่าจะปรากฏข้ึนในสนามรบในเขตรับผิดชอบของตน พึงระลึกอยู่เสมอว่าทุก ๆ ภาคส่วนในโลกนี้ ท้ังฝ่าย พันธมติ ร และฝ่ายขา้ ศกึ มกี ารใช้ยานรบที่ฝ่ายพนั ธมติ รสรา้ ง และทฝี่ ่ายโซเวยี ตสร้างรว่ มกนั การรายงานการพบเปา้ หมาย เปา้ หมายท่ถี กู คน้ พบโดยพลประจารถจะตอ้ งรายงานให้ ผบ.รถ ทราบทันที โดยใช้หัวข้อรายงานการ พบเป้าหมาย วธิ ีในการสง่ มอบเปา้ หมายนี้อาจจะกระทาในระหว่างข้ันตอนใดข้ันตอนหน่ึงในสามขั้นตอนของ การได้มาซง่ึ เปา้ หมายก็ได้ (ค้นหา กาหนดทีต่ ้งั พิสูจนฝ์ า่ ย) และจะต้องกระทาก่อนข้นั ตอนการแบง่ ประเภทของ เปา้ หมายของกรรมวธิ ีในการไดม้ าซึง่ เป้าหมาย
๔๓ รายงานการคน้ พบเป้าหมายประกอบดว้ ยกนั ๓ หัวข้อ คือ คาเตือน (เว้นได้) ลักษณะเป้าหมาย และ ทตี่ ั้งของเปา้ หมาย (ตัวอย่าง พลบรรจรุ ายงาน – รถถังกาลังเคลื่อนท่ี - ปีกซ้าย) รายงานการพบเปา้ หมายเปน็ การบอกกล่าวกันภายในระหว่างพลประจารถ ทาใหพ้ ลประรถทราบว่าเป็นเสียงของผู้ใดท่ีพบเป้าหมาย (จาก ตาแหนง่ ของพลประจารถ) ดงั นน้ั พลประจารถมักใชห้ วั ข้อลักษณะเป้าหมายในการรายงานเป็นหัวข้อของคา เตอื นได้เช่นเดยี วกนั (ตวั อยา่ งเชน่ “รถถังกาลงั เคลื่อนท่ี - หน่ึงนาฬิกา” ผบ.รถ และพลยิงจะจาเสียงของพล บรรจไุ ด้เม่อื เริม่ รายงาน) ดใู นบทท่ี ๘ เร่ือง การแจกจา่ ยการยิงและการควบคมุ เพอ่ื ใชใ้ นการรายงานการพบ เปา้ หมายในการควบคมุ การยิงรถถังหลาย ๆ คนั การแบง่ ประเภทของเปา้ หมาย การแบ่งประเภทของเปา้ หมายเป็นการแบง่ กลมุ่ ของเป้าหมายท่ซี อ่ นเรน้ โดยความสมั พนั ธ์กบั ระดบั ของ อันตรายที่เป้าหมายเหล่านั้นจะแสดงออกมา เป็นข้ันตอนท่ี ๕ ของกรรมวิธีในการได้มาซึ่งเป้าหมาย และ กาหนดโดยผบ.รถ หลังจากทีพ่ บวิธีการไดม้ าซ่งึ เป้าหมายแลว้ เพ่ือใหไ้ ดร้ บั ชัยชนะเหนอื ขา้ ศกึ จานวนมากที่ปรากฏในสนามรบ ผบ.รถ จะตอ้ งตดั สินใจโดยเรว็ ทส่ี ุดว่า เป้าหมายใดแสดงออกมาซึ่งความเป็นอันตรายมากท่ีสุด แบ่งประเภทของเป้าหมายออกเป็นเป้าหมาย อันตรายที่สดุ เปา้ หมายอันตราย และเป้าหมายอนั ตรายน้อยท่สี ุด ประมาณการวางกาลังของเป้าหมาย เป้า ตอ่ เปา้ เพือ่ นาไปสู่การตกลงใจจัดลาดบั ความเรง่ ด่วนในการยิง ผบ.รถ ต้องวิเคราะห์เป้าหมายต่อไปน้ี โดยใช้ คาศพั ทว์ า่ “เปา้ หมายแขง็ แรง” (ยานรบหุม้ ยานเกราะ, บงั เกอร์คอนกรีต) กบั “เป้าหมายเป็นพ้ืนที่” (หน่วย ทหาร) เพ่ือกาหนดชนิดกระสนุ และระบบอาวุธที่จะใช้ทาการยิง ผบ.รถ จะต้องพัฒนาการแบ่งประเภทของ เปา้ หมายอย่างตอ่ เนื่องหลงั จากท่เี ป้าหมายถกู ทาลายลงแล้ว เป้าหมายอนั ตรายที่สุด เมอ่ื พลประจารถตรวจการณ์พบเปา้ หมายท่ีมขี ดี ความสามารถในการทาลายยานเกราะปรากฏข้ึนและ กาลงั เตรยี มการยิงต่อฝ่ายเรา เป้าหมายนั้น คือ เป้าหมายประเภทอันตรายท่ีสุด เป้าหมายประเภทนี้เป็นภัย คกุ คามมากทีส่ ุด และจะต้องทาการยิงในทนั ที ถ้ามีเปา้ หมายประเภทนีม้ ากกวา่ ๑ เปา้ ให้ทาการยงิ เป้าหมายที่ อยใู่ กล้ทีส่ ุดก่อน พลประจารถควรใช้ที่ตั้งยิงสารองเมื่อทาการยิงเป้าหมายที่อันตรายท่ีสุด ๓ เป้าหมาย หรือ มากกว่า ในขณะอยูก่ ับที่ (ในทีม่ ั่นกาบังตัวรถ) ฉากควัน (จากอาวุธยิงเล็งจาลองหรือจากตัวรถถังเอง) อาจถูก นามาใช้เพ่ือแยกประเภทเป้าหมาย หรือกาบังการตรวจการณ์ของข้าศึกต่อรถถังเรา สาหรับรายละเอียด มากกว่าน้ใี ห้ดูในบทที่ ๖ เรอ่ื ง การยงิ เลง็ ตรง ลดจานวนกระสุนที่ใช้ในการยิงในแต่ละทีต้ังยิงให้น้อยที่สุด จะ ช่วยทาใหข้ า้ ศกึ สับสนในการกาหนดทต่ี ้ังยิงที่ถูกต้องได้ และยังชว่ ยหลบหลกี การถูกคน้ พบการยงิ ที่แสดงออกมา หลงั จากทท่ี าการยิง และทาลายเป้าหมายอนั ตรายทสี่ ดุ ไดแ้ ลว้ ผบ.รถ อาจเลอื กทาการยงิ ตอ่ เปา้ หมายอันตรายน้อยท่ีสุดแทนเป้าหมายอันตรายถ้าคาส่ังให้ทาการยิง ถูกกาหนดไวโ้ ดยเฉพาะในคาส่ังยทุ ธการ การปฏบิ ัตเิ ช่นนจ้ี ะชว่ ยใหท้ าลายเปา้ หมายทส่ี าคัญๆ ได้ เช่น ยานรบที่
๔๔ เปน็ ที่บังคับการ และบก.ควบคุม ศูนย์ควบคุมการติดต่อสื่อสาร เรดาร์ค้นหาเป้าหมาย ยานรบท่ีเป็นยานรบ ต่อสูอ้ ากาศยาน (ZSU-23-4) และเป้าหมายทีส่ าคัญอ่นื ๆ เป้าหมายอนั ตรายทส่ี ุด (MOST DANGEROUS TARGET) เป้ าหมายอนั ตรายทส่ี ุด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217