Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา หลักการสื่อสาร

วิชา หลักการสื่อสาร

Published by qacavalry, 2021-12-09 07:19:10

Description: วิชา หลักการสื่อสาร
รหัสวิชา ๐๑๐๒๒๗๐๕๐๓
หลักสูตร ช่างซ่อมบำรุงวิทยุประจำหน่วย
แผนกวิชาสื่อสาร กศ.รร.ม.ศม.

Search

Read the Text Version

46 รูปท่ี 15 เสาอากาศแบบ Ground Plane 8.6 สายอากาศรูปตวั วี (The V Antenna) สายอากาศรูปตวั วี ประกอบดว้ ยเสน้ ลวดจานวนสองเสน้ จดั เรียงเป็นรูปตวั วี โดยใหป้ ลาย ของเสน้ ลวดประกบกนั เป็นมุมและตอ่ ดว้ ยสายส่ง (ดูรูปท่ี 16 B) รูปแบบของการแพร่กระจายคลื่นจะเกิด จากการรวมทศิ ทางของคลื่นท่ีออกจากสายอากาศ ทาใหค้ วามเขม้ ของสญั ญาณเพิ่มข้ึนในทิศทางภายใน ของมุม (ดูรูปที่ 16 A) ในการสรา้ งสายอากาศรูปตวั วนี ้นั จะตอ้ งต่อตวั ตา้ นทาน (Resistor) เพิม่ เติมที่ปลาย สายอากาศแตล่ ะเสน้ (ดูรูปท่ี 16 B) ลงดินดว้ ย รูปแบบของคลื่นของสายอากาศแตล่ ะ เสน้ รูปแบบของคลื่นทถ่ี ูก แพร่กระจายออกไป ตวั ตา้ นทานทตี่ อ่ ปลายสายอากาศ แต่ละเสน้ รูปท่ี 16 รูปแบบการแพร่กระจายคล่ืนของสายอากาศรูปตวั วี

47 8.7 สายอากาศเทยี ม (Dummy Antenna) การใชส้ ายอากาศทีม่ ีการแผร่ งั สีในระหวา่ งทาการทดลองเคร่ืองส่งน้ัน อาจทาให้ท่ีต้งั ของ เคร่ืองส่งวทิ ยถุ ูกเปิ ดเผยไดถ้ า้ หากขา้ ศึกมีการใชเ้ คร่ืองหาทิศวทิ ยคุ น้ หาอยู่ และอาจจะเป็ นสาเหตุของการ รบกวนตอ่ สถานีอ่ืนๆ ซ่ึงกาลงั ใชง้ าน ณ ความถ่ีเดียวกนั อยู่ เพือ่ เป็ นการขจดั มิใหเ้ กิดเสียงสญั ญาณรบกวน ออกไปในขณะท่ีกาลงั ปรับแต่งหรือทดลองเครื่องส่ง ดงั น้ันพนักงานวิทยจุ ึงควรนาสายอากาศเทียม (Dummy Antenna) มาใชง้ าน สายอากาศเทยี ม จะทาหนา้ ที่เป็ นภาระของเคร่ืองส่งและจะดูดซับสญั ญาณ ไม่ใหแ้ พร่กระจายออกไปในอากาศ/อวกาศ โดยปกติสายอากาศเทียมจะประกอบดว้ ยตวั ตา้ นทานที่ไม่มี การเหนี่ยวนาเพยี งพอต่อการดูดซบั สญั ญาณเครื่องส่งท่ีส่งออกไปและจะทาใหค้ วามร้อนกระจายหายไป สายอากาศเทียมบางชนิดจะมีเครื่องวดั กาลงั ความถ่ีวิทยุ (RF Wattmeter) เพ่ือใชส้ าหรับตรวจสอบกาลงั ความถี่วทิ ยขุ องเครื่องส่งทส่ี ่งออกอากาศออกไปดว้ ย หลักฐานอ้างองิ : FM 24-18 Tactical Single-Channel Radio Communications Techniques, 30 SEPTEMBER 1987

47 บทท่ี 3 ระเบยี บการพดู วทิ ยุโทรศัพท์ (RADIO TELEPHONE PROCEDURE) 1. กล่าวท่ัวไป ระเบียบการพดู วทิ ยโุ ทรศพั ทข์ องเหล่าทหารมา้ มีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ ใหเ้ ป็ นมาตรฐานการใชค้ าพดู การส่ือสารทางวิทยโุ ทรศพั ทใ์ นแนวทางเดียวกนั และเพ่อื ให้เกิดความรวดเร็ว, ความสะดวกและความ แน่นอน มีความผดิ พลาดนอ้ ย อยา่ งไรก็ตามระเบียบการพดู วทิ ยโุ ทรศพั ทน์ ้ีใหถ้ ือปฏิบตั ิโดยอนุโลม 2. ระเบยี บปฏบิ ตั ิมูลฐาน 2.1. การอ่านออกเสียงพยญั ชนะไทย ก อ่านวา่ ไก่ ญ อ่านวา่ หญงิ ธ อ่านวา่ ธง ย อ่านวา่ ยกั ข อ่านวา่ ขา้ ว ฎ อ่านวา่ ชะดา น อ่านวา่ หนู ร อ่านวา่ เรือ ค อ่านวา่ ควาย ฏ อ่านวา่ ประ บ อ่านวา่ ใบไม้ ล อ่านวา่ ลิง ฆ อ่านวา่ ระคงั ตกั ฐ อ่านวา่ ฐาน ป อ่านวา่ ปลา ว อ่านวา่ แหวน ง อ่านวา่ งู ฒ อ่านวา่ ผเู้ ท่า ผ อ่านวา่ ผ้งึ ศ อ่านวา่ ศาลา จ อ่านวา่ จาน ณ อ่านวา่ เนน ฝ อ่านวา่ ฝา ษ อ่านวา่ ฤาษี ฉ อ่านวา่ ฉ่ิง ด อ่านวา่ เดก็ พ อ่านวา่ พาน ส อ่านวา่ สิงโต ช อ่านวา่ ชา้ ง ต อ่านวา่ เตา่ ฟ อ่านวา่ ฟัน ห อ่านวา่ หีบ ซ อ่านวา่ โซ่ ถ อ่านวา่ ถุง ภ อ่านวา่ สาเพา ฬ อ่านวา่ จุรา ฌ อ่านวา่ กระเชอ ท อ่านวา่ ทะหาน ม อ่านวา่ มา้ อ อ่านวา่ อ่าง ฮ อ่านวา่ นกฮูก หมายเหตุ พยญั ชนะตวั ฃ , ฅ , ฑ เป็นพยญั ชนะทไ่ี ม่ไดใ้ ชใ้ นระเบียบการพดู วทิ ยโุ ทรศพั ท์

48 2.2 การอ่านออกเสียงตวั อกั ษรภาษาองั กฤษ A อ่านวา่ อลั ฝ้า J อ่านวา่ จวิ ลีเอท S อ่านวา่ ซีเอร่า B อ่านวา่ AL FAH K อ่านวา่ C อ่านวา่ บราโว่ L อ่านวา่ JEW LEE ETT SEE AIR RAH D อ่านวา่ BRAH VOH M อ่านวา่ E อ่านวา่ ชาลี N อ่านวา่ คโี ล T อ่านวา่ แทงโก้ F อ่านวา่ CHAR LEE O อ่านวา่ G อ่านวา่ เดลตา้ P อ่านวา่ KEY LOH TANG GO H อ่านวา่ DELL TAH Q อ่านวา่ I อ่านวา่ เอค้ โค่ R อ่านวา่ ลีมะ U อ่านวา่ ยนู ีฟอร์ม ECK OH ฟ๊ อกซทรอท LEE MAH YOU NEE FORM FOKS TROT กอลฟ์ ไมค้ V อ่านวา่ วคิ ทะ GOLF โฮเตล็ MIKE VIK TAH HOH TELL อินดีอะ โนเวม็ เบ่อ W อ่านวา่ วสิ ก้ี IN DEE AH NO VEM BER WISS KEY ออสกา้ X อ่านวา่ เอกซเร OSS CAH ECKS RAY ปาป้า Y อ่านวา่ แยงก้ี PAH PAH YANG KEY เคเบก็ Z อ่านวา่ ซูลู KEH BECK ZOO LOO โรวมิโอ ROW ME OH 2.3 การอ่านออกเสียงสระ เ - าะ อ่านวา่ สระเอาะ - ะ อ่านวา่ สระอะ - อ อ่านวา่ สระออ - า อ่านวา่ สระอา สระอวั ะ อั ว ะ อ่านวา่ สระอวั กิ อ่านวา่ สระอิ อั ว อ่านวา่ สระเอียะ อี อ่านวา่ สระอี เ อยี ะ อ่านวา่ สระเอีย อึ อ่านวา่ สระอึ เ อี ย อ่านวา่ สระเอือะ อื อ่านวา่ สระอือ เ อื อะ อ่านวา่ สระเอือ เ อื อ อ่านวา่ สระเออะ ผุ อ่านวา่ สระอุ เ – อะ อ่านวา่ กู อ่านวา่ สระอู เ – ะ อ่านวา่ สระเอะ

49 เ - อ่านวา่ สระเอ เ – อ อ่านวา่ สระเออ แ – ะ อ่านวา่ สระแอะ -ํ า อ่านวา่ สระอา แ - อ่านวา่ สระแอ ใ - อ่านวา่ สระไอ โ – ะ อ่านวา่ สระโอะ ไ - อ่านวา่ สระไอ โ - อ่านวา่ สระโอ เ – า อ่านวา่ สระเอา 2.4 การอ่านออกเสียงตวั เลข Ø อ่านวา่ ศนู ย์ 5 อ่านวา่ หา้ 1 อ่านวา่ หน่ึง 6 อ่านวา่ หก 2 อ่านวา่ สอง 7 อ่านวา่ เจด็ 3 อ่านวา่ สา - อ๋าม 8 อ่านวา่ แปด 4 อ่านวา่ ส่ี 9 อ่านวา่ เกา้ 2.5 การอ่านจานวนเลข ใหอ้ ่านเป็นหลกั ๆ หรือตวั ๆ ไป เวน้ ไวแ้ ต่เลขจานวนน้นั เป็ นตวั คูณท่พี อดี ร้อย, พนั , หม่ืน, แสน ไม่มีเศษ เช่น 44 อ่านวา่ สี่สี่ 73 อ่านวา่ เจด็ สา – อ๋าม 9ø อ่านวา่ เกา้ ศูนย์ 1øø อ่านวา่ หน่ึงรอ้ ย 7øø อ่านวา่ เจด็ รอ้ ย 846 อ่านวา่ แปด,ส่ี,หก 1478 อ่านวา่ หน่ึง,ส่ี,เจด็ ,แปด 16øø อ่านวา่ หน่ึง ,หกร้อย 12øøøø อ่านวา่ หน่ึง,สองหม่ืน 342øø อ่านวา่ สา - อ๋าม,สี่,สองร้อย 812681 อ่านวา่ แปด,หน่ึง,สอง,หก,แปด,หน่ึง หมายเหตุ : การอ่านจานวนตวั เลขน้ีมีขอ้ ยกเวน้ ดงั ต่อไปน้ีคอื 1) วนั ที่,เวลาหรือหมู่วนั เวลา ใหอ้ ่านเป็นหลกั ๆ หรือทีละตวั เสมอ เช่น 2912øø อ่านวา่ สอง ,เกา้ ,หน่ึง,สอง,ศนู ย,์ ศนู ย์ หมายความวา่ วนั ท่ี 29 เวลา 12øø เป็นตน้ 2) พกิ ดั ใหอ้ ่านเป็นหลกั ๆ หรือทลี ะตวั เสมอ เช่นเดียวกนั เช่น 1øø 6øø อ่านวา่ หน่ึง,ศูนย,์ ศูนย,์ หก,ศูนย,์ ศนู ย์ หมายความวา่ พกิ ดั ต้งั คือ 1 øø พกิ ดั นอน คอื 6øø เป็นตน้ 3. ข่ายสถานีวิทยุ 3.1 คาจากดั ความของส่วนที่เกี่ยวขอ้ งกบั ขา่ ยสถานีวทิ ยุ มีดงั น้ี 3.1.1 นามสถานี อาจกาหนดดว้ ยตวั พยญั ชนะภาษาองั กฤษ เช่น A/ อลั ฝ้า, B/ บราโว,้ L/ ลีมา, Z/ ซูลู หรือ ตวั เลข 1,2,3,4,…… หรือเป็ นคา ๆ กไ็ ด้ เช่น นเรศวร, กาญจนา, จงอาง, ตากสิน เป็นตน้ ท้งั น้ีเพอื่ ใชใ้ นการรับ - ส่ง เป็นคาพดู แทนตวั ผบู้ งั คบั บญั ชาหรือแทนหน่วย

50 3.1.2 นามขา่ ยสถานี เป็ นช่ือสาหรับเรียกทุก ๆ สถานีภายในข่าย ( ต้งั แต่ 2 สถานีข้ึนไป รวมเป็นข่ายสถานีหน่ึง ) 3.1.3 คาแนะนาปฏิบตั กิ ารสื่อสารและอีเล็กทรอนิคส์ ( นปสอ. ) เป็นคาแนะนาการใชง้ านทาง เทคนิคของเคร่ืองมือส่ือสารท่ีมีอยภู่ ายในอัตรา คาแนะนาน้ีออกโดยหน่วยเหนือเพ่ือใชค้ วบคุมและ ประสานงานของระบบการสื่อสาร นปสอ. จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับ นามสถานี, ความถี่ใชง้ าน, คาแนะนาการใชร้ ะบบบอกพวก และการใชร้ หสั เป็นตน้ 3.1.4 การขยายนามสถานี นามสถานีน้นั เราอาจเรียกเพ่มิ เติมข้ึนใหแ้ ตกต่างออกไปอีกก็ได้ โดยใชพ้ ยญั ชนะต่อทา้ ย ต้งั แต่ ก ถึง ฮ หรือโดยการเพมิ่ จานวนตวั เลขกไ็ ด้ 3.1.5 สถานีวทิ ยุ หมายถึง สถานที่ใดๆ ก็ตามท่ีมีเคร่ืองรับ -ส่งวทิ ยุ ติดต้งั อยใู่ นลกั ษณะพร้อม ที่จะทางานได้ โดยมีพนักงานประจาและเปิ ดทาการสื่อสารกันได้ สถานีวิทยนุ ้ีอาจต้งั อยูใ่ นอาคาร, โรงเรียน,ในเรือ, บนยานพาหนะ, บนหลงั สตั วพ์ าหนะ, ในภมู ิประเทศ หรือโดยการติดตวั ไปกบั พนกั งาน วทิ ยกุ ็ได้ แต่ตอ้ งมีองคป์ ระกอบ 3 ประการคือ มีเครื่องรับ – ส่งวทิ ย,ุ มีพนกั งานประจา และสามารถ เปิ ดทาการสื่อสารกนั ได้ 3.2 ขา่ ยสถานีวิทยุ หมายถึง สถานีวิทยตุ ้งั แต่ 2 สถานีข้ึนไป เปิ ดทาการติดต่อสื่อสารกนั ข้ึน โดยใช้ ความถ่ีเดียวกนั ดว้ ยมีความมุ่งหมายในการรับ - ส่งข่าวระหวา่ งกนั เพื่อใหก้ ารส่ือสารทางวิทยเุ ป็ นไป ตามสายการบงั คบั บญั ชาในทางยทุ ธวธิ ี สถานีวทิ ยตุ า่ งๆ ไดแ้ ก่สถานีวิทยขุ องหน่วยเหนือและของหน่วย รองจะถูกจดั รวมกนั เป็นพวกๆ โดยการกาหนดใหท้ าการรบั - ส่ง ดว้ ยความถ่ีขนาดเดียวกนั ( โดยปกติจะ ใชช้ ุดวิทยุประเภทเดียวกนั เช่นประเภท AM.ก็ตอ้ งเป็ น AM. เหมือนกนั ) ท้งั น้ีเพื่อประโยชน์ในการ บงั คบั บญั ชาและควบคุมหน่วยได้สะดวกและรวดเร็ว การทางานของสถานีวิทยุต่างๆโดยการแบ่ง ออกเป็นพวกๆ ดงั กล่าวน้ี เรียกวา่ “ ขา่ ยสถานีวทิ ยุ ” 3.2.1 ส่วนประกอบของขา่ ยสถานีวทิ ยุ ประกอบดว้ ย 1) สถานีวทิ ยุ ต้งั แต่ 2 สถานีข้นึ ไป โดยจดั รวมกนั จากหน่วยทางยทุ ธวธิ ีที่มาข้ึนการบงั คบั บญั ชา ตามปกตจิ ะใชช้ ุดวทิ ยปุ ระเภทเดียวกนั และใชค้ วามถ่ีเดียวกนั 2) สถานีบงั คบั ข่าย โดยปกตสิ ถานีวทิ ยขุ องผบู้ งั คบั หน่วยจะทาหนา้ ที่เป็ นสถานีบงั คบั ข่าย ( สบข. ) หรืออาจเรียกไดอ้ ีกอยา่ งหน่ึงวา่ “ สถานีบงั คบั ข่ายหลกั ” ในกรณีที่สถานีบงั คบั ข่ายหลกั ไม่ สามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีต่อไปได้ เช่นเมื่อถูกขา้ ศึกทาลายพินาศลง ผูบ้ งั คบั หน่วยจะมอบหมายให้ สถานี วทิ ยใุ ดกไ็ ดภ้ ายในขา่ ยทาหนา้ ที่ สบข. แทน เราเรียกสถานีน้ีวา่ “ สถานีบงั คบั ข่ายสารอง ” 3) สถานีรอง ไดแ้ ก่สถานีวทิ ยตุ า่ งๆ ภายในขา่ ย ยกเวน้ สถานีวทิ ยุ สบข.

51 ตวั อยา่ งข่ายสถานีวทิ ยขุ องกองร้อย นเรศวร 6 สถานีบงั คบั ขา่ ย ( สบข. ) นเรศวร 1 นเรศวร นเรศวร 3 ( หมวด 1 ) ( ช่ือข่ายสถานีวทิ ยุ ) ( หมวด 3 ) นเรศวร 2 ( หมวด 2 ) นเรศวร เป็นช่ือข่ายสถานี ของกองรอ้ ย นเรศวร 6 เป็นนามสถานีของ ผบ. ร้อย หรือ สถานีบงั คบั ข่าย นเรศวร 1 เป็นนามสถานีของ ผบ. หมวด 1 นเรศวร 2 เป็นนามสถานีของ ผบ. หมวด 2 นเรศวร 3 เป็นนามสถานีของ ผบ. หมวด 3 3.2.2 การบงั คบั ข่ายสถานีวทิ ยุ ความมีวนิ ยั อยา่ งเคร่งครัดนบั วา่ เป็ นสิ่งจาเป็ นยง่ิ สาหรับการ ปฏบิ ตั งิ านของข่ายสถานีวทิ ยุ ในการจดั การควบคุมและรกั ษาวนิ ยั ของข่ายสถานีวทิ ยุ จะกาหนดสถานี บงั คบั ข่ายข้ึน เพอ่ื ทาหนา้ ทค่ี วบคุมทางเทคนิคตอ่ สถานีวทิ ยภุ ายในขา่ ย แต่ไม่มีหนา้ ทีใ่ นการจดั หรือการ ใชส้ ถานีวทิ ยทุ างยทุ ธวธิ ี 3.2.3 หนา้ ทีท่ างเทคนิคของสถานีบงั คบั ขา่ ย คือ การปรับความถี่ใหต้ รง, ควบคุมการส่งข่าว, ควบคุมจานวนการส่งขา่ วภายในข่ายสถานี, ระบายขา่ วภายในขา่ ยสถานีใหเ้ ร็วที่สุด, รักษาระดบั อาวโุ ส ของสถานีภายในขายไว้ และการปฏบิ ตั อิ น่ื ๆ ท่ไี ม่เกี่ยวกบั ทางยทุ ธวธิ ี ปัญหาใดๆ ท่เี กี่ยวกบั การ ปฏบิ ตั งิ านของสถานีวทิ ยุ ใหส้ อบถามสถานีบงั คบั ข่ายเพอื่ ทาการตกลงกนั เป็ นการภายใน ขอบเขตของ การควบคุมทางเทคนิค สถานีบงั คบั ขา่ ยยอ่ มมีสิทธิเด็ดขาดในการตกลงใจ สถานีรองภายในข่ายทุกๆ สถานีจะตอ้ งปฏบิ ตั ิตามโดยเคร่งครัด การทดสอบความดงั และความชดั เจนมกั จะกระทาก่อนเปิ ดขา่ ย สถานี หรือถา้ มีความจาเป็นตอ้ งกระทาภายหลงั การเปิ ดสถานีจะตอ้ งอยา่ งรวดเร็วและใชเ้ วลาใหน้ อ้ ยที่สุ 3.2.4 ข่าววทิ ยโุ ทรศพั ท์ 3.2.4.1 ส่วนประกอบของข่าววทิ ยโุ ทรศพั ทม์ ี 3 ส่วน คือ หวั เรื่อง, ตวั เร่ือง และทา้ ยเร่ือง ตวั อยา่ งเช่น นเรศวร1 จาก นเรศวร 6 - เริ่มยงิ ท่ีหมายหลกั - เปลี่ยน ( หวั เรื่อง ) ( ตวั เร่ือง ) ( ทา้ ยเร่ือง ) 3.2.5 หวั เร่ือง เป็นส่วนท่ีข้ึนตน้ ของการแจง้ ขา่ วและแยกจากตวั เรื่อง จะประกอบดว้ ยหลายอยา่ ง แต่ท่ีสาคญั คือ การเรียกขาน ซ่ึงมีอยู่ 2 แบบ คือ การเรียกขานแบบเต็ม และ.การเรียกขานแบบย่อ การเรียกขานแบบเตม็ ใชเ้ ม่ือเร่ิมทาการสื่อสารกนั คร้ังแรก เช่น นเรศวร 1 จาก นเรศวร 6 เปล่ียน เป็ น

52 ตน้ การเรียกขานแบบยอ่ ใชภ้ ายหลงั จากเปิ ดขา่ ยสถานีทาการสื่อสารกนั อยแู่ ลว้ การเรียกขานแบบยอ่ น้ี ไม่ตอ้ งบอกนามสถานีทตี่ อ้ งการเรียกขาน ใหบ้ อกเฉพาะนามสถานีของผถู้ ูกเรียกในการตอบรบั ต่อทา้ ยคา วา่ “จาก” เท่าน้นั เช่น (สถานีส่ง) นเรศวร 1 จาก นเรศวร 6 เปลี่ยน (สถานีรบั ) - จาก นเรศวร 6 เปลี่ยน เป็นตน้ สาหรับส่วนประกอบของหวั เรื่องอื่นๆ จะกล่าวในลาดบั ต่อไป 3.2.6 ตวั เรื่อง คือ ใจความสาคญั หรือตวั ข่าวท่ีจะส่งไป ลกั ษณะของข่าว หรือตวั เร่ืองที่ดีน้ัน ตอ้ งประกอบดว้ ยคุณลกั ษณะ 3 ประการ คือ ความชดั เจน, ความกระทดั รดั และความสมบูรณ์ โดยถือวา่ ความชดั เจนเป็นสิ่งสาคญั ที่สุด รายละเอียดในเรื่องน้ีน้นั จะศกึ ษาไดจ้ ากเร่ืองการเขียนข่าว 3.2.7 ทา้ ยเรื่อง การส่งข่าวทุกฉบบั ตอ้ งมีคาลงทา้ ยว่า “ เปล่ียน ” หรือ “ เลิก ” คาวา่ “ เปลี่ยน “ หมายความวา่ จบการส่งขา่ วของขา้ พเจา้ แลว้ ขอใหท้ า่ นตอบ หรือขอให้ท่านส่งข่าวต่อไปได้ ส่วนคาวา่ “ เลิก” หมายความวา่ จบการส่งข่าวถึงท่านแลว้ และขา้ พเจา้ ไม่ตอ้ งการคาตอบจากท่าน สาหรับในการ ตอบรบั ขา่ วน้นั เมื่อสถานีใดรับถูกตอ้ งเป็นทเี่ รียบรอ้ ยแลว้ พนกั งานวทิ ยโุ ทรศพั ทจ์ ะใชค้ าพดู ตามระเบียบ การวา่ “ รับถูกตอ้ ง ” ก่อนคาวา่ “ เลิก ” ซ่ึงหมายความวา่ “ขา้ พเจา้ รับข่าวสุดทา้ ยของท่านแลว้ ดว้ ยความ พอใจและไม่ตอ้ งการคาตอบจากท่าน” หรือถา้ เป็ นคาส่ังและผูป้ ฏิบตั ิเป็ นผูร้ ับข่าวเองก็ให้ใชค้ าพดู ตาม ระเบียบการวา่ “ รับปฏิบตั ิตาม ” ก่อนคาวา่ “ เลิก ” ซ่ึงหมายความว่า “ขา้ พเจา้ ไดร้ ับข่าวของท่านแลว้ มี ความเขา้ ใจยนิ ดีปฏบิ ตั ติ ามข่าวน้นั และไม่ตอ้ งการคาตอบจากท่าน” ตวั อยา่ ง - นเรศวร 1 จาก นเรศวร 6 เคล่ือนทีไ่ ปขา้ งหนา้ - เปล่ียน - นเรศวร 6 จาก นเรศวร 1 รับถูกตอ้ ง (หรือรบั ปฏบิ ตั ติ าม แลว้ แต่กรณี) - เลิก 3.2.8 การแยกตวั เร่ืองจากส่วนอ่ืนๆ การแยกตวั เร่ือง ออกจากหวั เรื่องและทา้ ยเร่ืองใชค้ าวา่ “ยอ่ หนา้ ” ท้งั น้ีคงใชเ้ ฉพาะเม่ือมีความสบั สนข้ึนระหวา่ ง หวั เรื่อง,ตวั เร่ืองและทา้ ยเรื่องท่ีคลา้ ยๆ กนั และ คาวา่ ยอ่ หนา้ น้ีเวลาจดขา่ วเราไม่ตอ้ งจดลงไปในกระดาษเขยี นข่าว ตวั อยา่ ง - นเรศวร จาก นเรศวร 6 - มีขา่ ว - ด่วน - เวลา 151ø35 - ยอ่ หนา้ - เคล่ือนท่เี ขา้ ยดึ ที่หมายน้าเงิน เดี๋ยวน้ี - ยอ่ หนา้ – เปลี่ยน - จากนเรศวร 1 - รบั ปฏิบตั ิตาม – เลิก - จากนเรศวร 2 - รบั ปฏิบตั ติ าม – เลิก - จากนเรศวร 3 - รบั ปฏบิ ตั ติ าม - เลิก หมายเหตุ คาวา่ “ ยอ่ หนา้ ” น้ียงั ช่วยผอ่ นคลายความตรึงเครียดในการรบั ข่าวดว้ ย 4. การเปิ ดข่ายสถานีและการายงานเข้าข่าย โดยปกติเราจะทราบกาหนดเวลาเริ่มเปิ ดข่ายสถานีได้จากคาแนะนาปฏิบตั ิการสื่อสารและ อีเลก็ ทรอนิกส์ (นปสอ.) เมื่อถึงกาหนดเวลาเร่ิมเปิ ดข่ายสถานี สถานีบงั คบั ข่าย (สบข.) และสถานีรอง ทุกสถานีจะตอ้ งเปิ ดเคร่ืองรบั -ส่งของตนเองไว้ พร้อมท้งั ปรบั ต้งั ความถ่ีตามทไี่ ดร้ ับมอบและรอฟังการสงั่ เปิ ดขา่ ยสถานีจาก สบข. (ถา้ ไม่มีคาสงั่ เปล่ียนแปลง สบข. แต่เพยี งผูเ้ ดียวเท่าน้นั เป็ นผสู้ ่ังเปิ ดข่ายสถานี) เม่ือเร่ิมเปิ ดข่ายสถานีทุกสถานีตอ้ งพยายามปรับเครื่องรับให้รับฟังไดช้ ดั เจนดีท่ีสุด และตอบรับการเปิ ด

53 ข่ายสถานี โดยปฏิบตั ิตามระเบียบการพูดวิทยโุ ทรศพั ท์ ในการตอบรับการเปิ ดข่ายสถานี สถานีรอง จะตอ้ งตอบรับตามลาดบั อาวุโสของสถานีดว้ ย ถา้ สถานีรองใดตอบรับการเปิ ดข่ายสถานีไม่ทนั ภายใน เวลา 5 วินาทีก็ให้ไปตอบรับการเปิ ดข่ายสถานีต่อทา้ ยสถานีสุดทา้ ย สาหรับสถานีรองถดั ไปเม่ือรออยู่ ครบ 5 วนิ าทีแลว้ กใ็ หต้ อบรบั การเปิ ดข่ายสถานีต่อไปตามลาดบั อาวโุ สของสถานี ตวั อยา่ ง การเปิ ดขา่ ยสถานี การส่งลาดบั ที่ 1 - นเรศวร จากนเรศวร 6 - เปลี่ยน การส่งลาดบั ที่ 2 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 1 - เปล่ียน การส่งลาดบั ท่ี 3 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 2 - เปล่ียน การส่งลาดบั ที่ 4 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 3 - เปล่ียน การส่งลาดบั ที่ 5 - นเรศวร จากนเรศวร 6 - รบั ถูกตอ้ ง - เลิก สมมุติวา่ มีการหยดุ ไปนาน 5 วนิ าที นเรศวร 2 ก็ไม่ยอมตอบรับการเปิ ดข่ายสถานี สถานีรอง ถดั ไปเริ่มรายงานตอบรบั การเปิ ดขา่ ยสถานีดงั น้ี การส่งลาดบั ที่ 1 - นเรศวร จากนเรศวร 6 - เปล่ียน การส่งลาดบั ท่ี 2 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 1 - เปล่ียน “ มีการหยดุ ไปนาน 5 วนิ าที นเรศวร 2 ไม่ตอบรบั ” การส่งลาดบั ที่ 3 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 3 - เปลี่ยน “สถานีบงั คบั ข่ายรอนานอีก 5 วินาที นเรศวร 2 ก็ไม่ตอบรับการเปิ ดข่ายสถานีอีกฉะน้ันสถานี บงั คบั ข่ายจึงเรียกไปอีกคร้งั หน่ึง” ดงั น้ี.- การส่งลาดบั ที่ 4 - นเรศวร 2 จากนเรศวร 6 - เปล่ียน “ปรากฏวา่ นเรศวร 2 ไม่ตอบรับการเปิ ดข่ายสถานีอีก( ภายหลงั ทค่ี อยอยนู่ านอีก 5 วนิ าที แลว้ )ก็ ใหส้ ถานีบงั คบั ขา่ ยตอบรบั ทราบสถานีรองอ่ืนๆก่อน” ดงั น้ี การส่งลาดบั ที่ 5 - นเรศวร 1,นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - รบั ถูกตอ้ ง - เลิก สาหรบั สถานีทจ่ี ะเขา้ ขา่ ยภายหลงั การเปิ ดขา่ ยสถานีเรียบรอ้ ยแลว้ ก็ใหใ้ ชค้ าพูดตามระเบียบการ กบั สถานีบงั คบั ข่ายโดยกล่าววา่ “ รายงานเขา้ ขา่ ย ” ดงั เช่นในกรณีของสถานีนเรศวร 2 ปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี การส่งลาดบั ที่ 6 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 2 รายงานเขา้ ข่าย - เปล่ียน “สถานีบงั คบั ข่ายกต็ อบรบั การเปิ ดข่ายแก่ นเรศวร 2” ดงั น้ี.- การส่งลาดบั ที่ 7 - นเรศวร 2 จากนเรศวร 6 - รบั ถูกตอ้ ง - เลิก “ก็เป็นอนั วา่ ข่ายสถานี นเรศวร ไดป้ ฏิบตั กิ ารเปิ ดขา่ ยสถานีเรียบรอ้ ยแลว้ ” 5. การส่งคาหรือหมู่คาทเ่ี ป็ นคายาก เมื่อมีการส่งคาหรือหมู่คายาก ในตวั เรื่องของข่ายทเี่ ป็ นคาพดู ธรรมดาก็จาเป็ นจะตอ้ งมีการสะกด โดยการออกเสียงพยญั ชนะน้นั ๆ ทีละตวั โดยการอ่านคายากน้นั ก่อนหน่ึงคร้ังแลว้ ใชค้ าพดู ตามระเบียบ

54 การวา่ “ ฉนั สะกด ” และอ่านคายากอีกคร้ัง แลว้ ตามดว้ ยการอ่านออกเสียงพยญั ชนะไปทีละตวั จนจบ คายากน้นั และใหอ้ ่านคายากอีกคร้ังหน่ึง ตวั อยา่ ง สมมุตวิ า่ คาวา่ “ พยคั ฆภูมิพสิ ยั ” เป็ นคายาก การส่งปฏิบตั ิดงั น้ี - นเรศวร 6 จากนเรศวร 1 - พบหมู่ลาดตระเวนขา้ ศึกท่ีหมู่บา้ นพยคั ฆภูมิ พสิ ยั - ฉนั สะกด - พยคั ฆภูมิพสิ ยั - พาน, ยกั , ไมห้ นั อากาศ, ควาย, ระคงั , สาเพา, สระอู, มา้ , สระอิ, พาน, สระอิ, สิงโต ,ไมห้ นั อากาศ, ยกั - พยคั ฆภมู ิพสิ ยั - เมื่อเวลา 1ø49 - เปลี่ยน 6. การแก้คาผิด การแกค้ าผดิ ในการส่งข่าว เราสามารถทาไดโ้ ดยใชค้ าพดู ตามระเบียบการวา่ “ แกค้ าผดิ ” ส่วนวธิ ีใชน้ ้นั จะแยกกล่าวออกเป็นกรณีๆ ไปดงั น้ี.- 6.1 ในขณะท่ีกาลงั ส่งข่าวอยเู่ กิดมีคาผดิ ในการส่งข่าวข้ึนในคาหรือหมู่คาใดหมู่คาหน่ึงก็ใหใ้ ช้ คาพูดตามระเบียบการวา่ “แกค้ าผิด” ตามหลงั คาหรือหมู่คาสุดทา้ ยที่ไดส้ ่งไป แลว้ อ่านคาหรือหมู่คาท่ี ถูกตอ้ ง ก่อนคาหรือหมู่คาท่สี ่งไปผดิ น้นั แลว้ ทาการส่งต่อไป ตวั อยา่ ง การส่งลาดบั ท่ี 1 - นเรศวร 6 จาก นเรศวร 1 - มีข่าว - ด่วน - เวลา 1325 - พบรถถงั - แก้ คาผดิ - ขบวนรถบรรทกุ ขา้ ศกึ ท่พี กิ ดั 1ø52ø4 - เปล่ียน การส่งลาดบั ที่ 2 - นเรศวร 1 จาก นเรศวร 6 - รับถูกตอ้ ง - เลิก 6.2 เม่ือมีการส่งคาที่ผิดข้ึนก่อนท่ีจะส่งข่าวจบ ( ภายหลงั ที่ไดส้ ่งข่าวไปบา้ งแลว้ )ใหใ้ ชค้ าพูดตาม ระเบียบการวา่ “ แกค้ าผดิ คาก่อนคาวา่ ” หรือ “ แกค้ าผดิ คาหลงั คาวา่ ” แลว้ ส่งคาทถ่ี ูกตอ้ งต่อไปไดเ้ ลย ตวั อยา่ ง การส่งลาดบั ท่ี 1 - นเรศวร 6 จาก นเรศวร 1 - มีข่าว - ด่วน - เวลา 1325 - พบขบวนรถถงั ขา้ ศึกทพ่ี กิ ดั 1ø52ø4 - แกค้ าผดิ คาหลงั คาวา่ - ขบวน - รถบรรทุก - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 2 - นเรศวร 1 จาก นเรศวร 6 - รับถูกตอ้ ง - เลิก 6.3 ถา้ มีการแกค้ าผดิ ข่าวท้งั ข่าวเมื่อไดท้ าการส่งและรับไปเรียบร้อยแลว้ ในกรณีเช่นน้ีให้ขอแกด้ ว้ ย การส่งขา่ วใหม่ท้งั หมด 7. การยกเลกิ ระหว่างส่งข่าว เม่ือตอ้ งการยกเลิกข่าวระหวา่ งส่งข่าวและก่อนส่งทา้ ยเร่ือง ( เปล่ียน หรือ รับถูกตอ้ ง - เลิก ) อาจกระทาไดโ้ ดยการใชค้ าพดู ตามระเบียบการว่า “ ยกเลิกข่าวฉบบั น้ี ” ข่าวที่ส่งไป แลว้ อาจยกเลิกไดก้ ต็ ่อเมื่อมีขา่ วแจง้ ไปอีกฉบบั หน่ึง ตวั อยา่ ง - นเรศวร จาก นเรศวร 6 - มีข่าว - เวลา 143Ø - เคล่ือนท่ีไปบริเวณแดงก่อนเวลา 15ØØ - คอย - คอย - ยกเลิกขา่ วฉบบั น้ี - เลิก 8. การบอกให้คอย สามารถกระทาได้ 2 กรณี คือ 8.1 ถา้ ตอ้ งการใหอ้ ีกสถานีหน่ึงคอยอยปู่ ระมาณ 2 - 3 วินาที แต่ไม่เกิน 5 วินาที ให้ใชค้ าวา่ “ คอย ” ถา้ ตอ้ งการใหค้ อยนานกว่า 5 วนิ าที แต่มีความประสงคท์ ่ีจะให้คอยต่อไปอีก ( โดยมีอุปสรรคท่ีพอจะ แกไ้ ขไดโ้ ดยรวดเร็ว ) กใ็ หใ้ ชค้ าวา่ “ คอย ” ทกุ ๆ 5 วนิ าที

55 8.2 ถ้าคิดว่าจะให้สถานีอ่ืนคอยเป็ นเวลานานกว่า 5 วินาที แต่ตอ้ งการเปิ ดโอกาสให้สถานีอื่นๆ ตดิ ต่อส่ือสารกนั ไดก้ ็ใหใ้ ชค้ าวา่ “ คอย - เลิก ” 9. การบอกสัญญาณเวลา โดยปกติเป็ นหน้าท่ีของสถานีบงั คบั ข่ายท่ีจะส่งสัญญาณบอกเวลาใหแ้ ก่สถานีรองภายในข่าย อยา่ งวนั ละ 1 คร้ัง หรือเมื่อเปิ ดขา่ ยสถานีคร้งั แรกในวนั น้นั ท้งั น้ีเพอื่ ใหส้ ถานีรองภายในข่ายบงั คบั บญั ชา ของตนไดท้ ราบเวลาท่ีถูกตอ้ งและตรงกนั การบอกสญั ญาณเวลาสถานีรองไม่จาเป็ นตอ้ งตอบก็ได้ ตวั อยา่ ง - นเรศวร จาก นเรศวร 6 - เม่ือบอกเวลาหมายถึง 1345 - คอย - คอย 15 วินาที - 1Ø วนิ าที - 9 - 8 - 7 - 6 - 5 - 4 - 3 - 2 – 1 เวลา 1345 - เลิก 10. การบอกความดงั และความชัดเจนของสัญญาณ โดยปกติจะทากนั เฉพาะในเขตหลงั ไม่กระทากนั ในเขตหนา้ เช่น ในฐานออกตี หรือในท่ีรวมพล เป็นตน้ และมีวธิ ีการปฏิบตั ิดงั น้ี.- 10.1 ทกุ สถานีตอ้ งมน่ั ใจเสมอวา่ มีความดงั และความชดั เจนของสญั ญาณดีเสมอ ยกเวน้ เมื่อมีอุปสรรค ซ่ึงอาจทาใหผ้ นั แปรได้ เช่น ขณะถูกขา้ ศึกทาการรบกวน 10.2 การรายงานวา่ ดงั ดี หรือชดั เจนดีไม่ตอ้ งกระทา ยกเวน้ เมื่อไดย้ นิ สถานีอ่ืนไม่ชดั เจน 10.3 ถา้ จาเป็นตอ้ งตอบรับ ก็ตอบรบั อยา่ งส้นั ๆ 11. เมื่อการส่ือสารกระทาได้ลาบาก ในโอกาสที่ทีถ่ ูกขา้ ศกึ รบกวนหรือถูกรบกวนจากธรรมชาติ เช่น เวลาฝนตก,ฟ้าร้อง เป็ นตน้ การ ส่งข่าวทางวทิ ยโุ ทรศพั ทก์ ็อาจกระทาไดย้ ากข้ึน ในสถานการณ์เช่นน้ี สถานีวทิ ยสุ นามจะตอ้ งใชค้ าพูด ตามระเบียบการวา่ “ คาละ 2 คร้ัง ” ท้งั น้ีเพ่อื เป็ นการขอร้องในการส่งข่าวน้นั โดยส่งขอ้ ความซ้ากนั 2 คร้ัง สถานีใดรบั คาขอรอ้ งน้ี สถานีน้นั กจ็ ะส่งนามสถานี 2 คร้ัง,วลี,คาและหมู่คาก็ตอ้ งส่ง 2 คร้ังดว้ ยแลว้ ใชค้ าพูดตามระเบียบการวา่ “ คาละ 2 คร้ัง ” และคาวา่ “ เปลี่ยน” หรือ “ เลิก” ก็ให้ส่ง 2 คร้ัง ดว้ ยภายใต้ สภาพการณ์ดงั กล่าว การเรียกขานคร้ังแรกและการตอบรบั ก็ส่ง 2 คร้ัง โดยเวน้ แต่คาวา่ “ จาก ” คาเดียวไม่ ตอ้ งส่ง 2 คร้งั ตวั อยา่ ง การส่งลาดบั ท่ี 1 - นเรศวร 2 จาก......( มีการรบกวนไดย้ นิ ไม่ชดั เจน ) – เปลี่ยน การส่งลาดบั ที่ 2 - สถานีไม่ทราบช่ือ,สถานีไม่ทราบช่ือ จากนเรศวร 2,นเรศวร 2 คาละ 2 คร้ัง, คาละ 2 คร้งั ฉนั ไดย้ นิ ท่านค่อยและมีการรบกวน, ฉนั ไดย้ นิ ทา่ นค่อยและมีการรบกวน - เปลี่ยน – เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 3 - นเรศวร 2,นเรศวร 2 จาก นเรศวร 6,นเรศวร 6 - เขา้ ยดึ ท่ีหมายน้าเงิน,เขา้ ยดึ ที่ หมายน้าเงิน - เปลี่ยน – เปล่ียน การส่งลาดบั ท่ี 4 - นเรศวร 6,นเรศวร 6 จาก นเรศวร 2,นเรศวร 2 - รบั ถูกตอ้ ง,รบั ถูกตอ้ ง - เลิก เลิก 12. การทานข่าว การทานข่าวน้ีใชโ้ ดยสถานีรับ เม่ือสถานีรับรับข่าวแลว้ ตอ้ งการจะใหส้ ถานีส่งทา การอ่านข่าวทีร่ บั ไวซ้ ้าอีกคร้ังหน่ึง สถานีรับตอ้ งใชค้ าพูดตามระเบียบการว่า “ทานข่าว” และ เม่ือสถานี

56 ส่งจะอ่านขา่ วน้นั ซ้าอีกคร้งั หน่ึง สถานีส่งก็ใชค้ าพดู ตามระเบยี บการวา่ “ ฉนั ทานข่าว ” และการทานขา่ วน้ี ถา้ สถานีรับใชค้ าพดู ตามระเบียบการวา่ “ทานขา่ ว” สถานีส่งจะตอ้ งส่งข่าวซ้าใหม่ท้งั หมด ยกเวน้ การเรียก ขานเทา่ น้นั ทไี่ ม่ตอ้ งส่งซ้าหรือจะใหท้ านข่าวเฉพาะตอนหน่ึงของข่าวก็ได้ ซ่ึงมีคาพูดตามระเบียบการใช้ อยดู่ งั จะกล่าวต่อไป ตวั อยา่ ง การส่งลาดบั ท่ี 1 - นเรศวร จากนเรศวร 6 - มีขา่ ว - ด่วน - เวลา 1215 - เสน้ ทางไปยงั บา้ นกดุ ปลอดภยั ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามภารกิจเดิมต่อไป - เปล่ียน การส่งลาดบั ท่ี 2 - จากนเรศวร 3 - ทานข่าว – เปล่ียน การส่งลาดบั ที่ 3 - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - ฉันทานข่าว - มีข่าว - ด่วน - เวลา 1215 เสน้ ทางไปยงั บา้ นกดุ ปลอดภยั ใหป้ ฏิบตั ติ ามภารกิจเดิมต่อไป – เปล่ียน การส่งลาดบั ท่ี 4 - จากนเรศวร 3 - รบั ถูกตอ้ ง - เลิก เมื่อสถานีรับทาการรับข่าวตกหล่นไปหรือสงสัยขอ้ ความตอนใดในข่าวก็อาจใชค้ าพูดตาม ระเบยี บการขา้ งล่างตอ่ ไปน้ี ท้งั น้ีเพอ่ื เป็นการประหยดั เวลาในการทานข่าว คือ แทนที่จะทานข่าวท้งั หมด สถานีรบั อาจจะขอรอ้ งใหท้ านขา่ วเฉพาะตอนที่ตนสงสยั หรือตกหล่นไปก็ได้ ก. เมื่อตอ้ งการใหท้ านข่าวท้งั หมดหลงั คาวา่ ..............ก็ใชค้ าพดู ตามระเบียบการวา่ “ ทานข่าว – ท้งั หมดหลงั คาวา่ ........................” ข. เม่ือตอ้ งการใหท้ านขา่ วท้งั หมดก่อนคาวา่ ................. กใ็ ชค้ าพดู ตามระเบียบการวา่ “ ทานข่าว – ท้งั หมดก่อนคาวา่ ........................” ค. เมื่อตอ้ งการใหท้ านขา่ วหลงั คาใดคาหน่ึง กใ็ ชค้ าพดู ตามระเบียบการวา่ “ทานขา่ ว – คาหลงั คาวา่ ....................... ” ง. เมื่อตอ้ งการใหท้ านข่าวก่อนคาใดคาหน่ึง ก็ใชค้ าพดู ตามระเบยี บการวา่ “ทานข่าว – คาก่อนคาวา่ ....................... ” จ. เม่ือตอ้ งการใหท้ านข่าวระหวา่ งคาสองคากใ็ หใ้ ชค้ าพูดตามระเบียบการว่า “ทานข่าว -ระหวา่ ง คาวา่ ..........................ถึงคาวา่ ...........................” หมายเหตุ คาพดู ตามระเบียบการเหล่าน้ี เราอาจนาเอาไปใชใ้ นการ ทวนข่าว หรือในการแกค้ าผิดก็ได้ เช่นเดียวกนั ตวั อยา่ ง ของการใชค้ าพดู ตามระเบียบการทีก่ ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ ในการทานข่าว การส่งลาดบั ท่ี 1 - นเรศวร จากนเรศวร 6 - มีข่าว - ด่วน - เวลา 1215 เสน้ ทางไปยงั บา้ นกุด ปลอดภยั ใหป้ ฏิบตั ติ ามภารกิจเดิมต่อไป - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 2 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 1 - ทานขา่ วท้งั หมดหลงั คาวา่ ปลอดภยั -เปลี่ยน การส่งลาดบั ที่ 3 - นเรศวร 1 จากนเรศวร 6 - ฉนั ทานข่าว - ท้งั หมดหลงั คาวา่ ปลอดภยั ใหป้ ฏิบตั ิ ตามภารกิจเดิมต่อไป – เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 4 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 1 - รบั ถูกตอ้ ง – เลิก

57 การส่งลาดบั ที่ 5 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 2 - ทานขา่ วท้งั หมดก่อนคาวา่ ปลอดภยั - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 6 - นเรศวร 2 จากนเรศวร 6 - ฉนั ทานข่าว - ท้งั หมดก่อนคาวา่ ปลอดภยั - มีขา่ ว - ด่วน - เวลา 1215 – เสน้ ทางไปยงั บา้ นกุด - เปลี่ยน การส่งลาดบั ที่ 7 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 2 - รับถูกตอ้ ง - เลิก การส่งลาดบั ที่ 8 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 3 - ทานข่าวท้งั หมดหลงั คาว่าไปยงั - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 9 - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - ฉันทานข่าว – ท้งั หมดหลงั คาวา่ ไปยงั - บา้ นกุด ปลอดภยั ใหป้ ฏิบตั ิตามภารกิจเดิมต่อไป - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 10 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 3 - รบั ถูกตอ้ ง - เลิก การส่งลาดบั ที่ 11 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 1 - ทานข่าวก่อนคาวา่ ไปยงั - เปล่ียน การส่งลาดบั ที่ 12 - นเรศวร 1 จากนเรศวร 6 -ฉนั ทานข่าว – ก่อนคาวา่ ไปยงั - เสน้ ทาง -เปล่ียน การส่งลาดบั ท่ี 13 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 1 - รับถูกตอ้ ง - เลิก การส่งลาดบั ท่ี 14 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 2 - ทานข่าวระหว่างคาว่าปฏิบตั ิตามถึงต่อไป- เปล่ียน การส่งลาดบั ที่ 15 - นเรศวร 2 จากนเรศวร 6 - ฉนั ทานข่าว -ระหวา่ งคาว่าปฏิบตั ิตามถึงต่อไป - ภารกิจเดิม - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 16 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 2 - รับถูกตอ้ ง – เลิก 13. การทวนข่าว การทวนข่าวน้ีใชโ้ ดยสถานีส่งในโอกาสท่ีสถานีส่งตอ้ งการทราบว่าสถานีรับ จะรับ ขา่ วท่ีไดส้ ่งไปแลว้ น้นั ถูกตอ้ งหรือไม่ สถานีส่งกอ็ าจขอรอ้ งใหส้ ถานีรับทาการทวนข่าวก็ไดโ้ ดยสถานีส่ง ตอ้ งใชค้ าพดู ตามระเบียบการวา่ “ ทวนข่าว” หรือ “ทวนข่าวเฉพาะตวั เรื่อง”และสถานีรับท่ีถูกขอร้องให้ ทวนข่าวกจ็ ะตอบรับโดยใชค้ าพดู ตามระเบยี บการวา่ “ ทวนขา่ ว ”หรือ “ฉันทวนข่าวเฉพาะตวั เรื่อง” และ มีวธิ ีปฏบิ ตั ิดงั น้ี.- 13.1 เม่ือสถานีส่งใชค้ าพดู ตามระเบียบการวา่ ”ทวนขา่ ว”สถานีรับก็จะทาการทวนขา่ วท้งั หมดและถา้ สถานีส่งใชค้ าพดู ตามระเบียบการวา่ “ทวนขา่ วเฉพาะตวั เรื่อง”สถานีรบั ก็จะทวนขา่ วเฉพาะตวั เร่ืองเท่าน้นั 13.2 ถา้ สถานีรับทวนขา่ วไม่ถูกตอ้ ง สถานีส่งก็จะตอ้ งใชค้ าพดู ตามระเบียบการวา่ “ผดิ ”ตอนใด ตอน หน่ึงแลว้ ส่งขอ้ ความถูกตอ้ งใหต้ อ่ ไปเลย 13.3 ถา้ สถานีรับทวนข่าวถูกตอ้ ง สถานีส่งก็จะใชค้ าพดู วา่ “ ถูกแลว้ ” ตวั อยา่ งที่ 1 การส่งลาดบั ท่ี 1 - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - มีข่าว - ทวนข่าว - ด่วน - เวลา 915 - เคล่ือนทเ่ี ขา้ เสน้ แดงเวลา 1øøø - เปล่ียน การส่งลาดบั ท่ี 2 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 3 - ฉนั ทวนข่าว - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - มีข่าว - ทวนข่าว - ด่วน - เวลา ø915 - เคลื่อนที่เขา้ เสน้ แดงเวลา 1øøø - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 3 - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - ถูกแลว้ - เลิก

58 ตวั อยา่ งท่ี 2 การส่งลาดบั ท่ี 1 - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - มีข่าว - ทวนข่าวเฉพาะตวั เร่ือง - ด่วน - เวลา ø915 - เคลื่อนทีเ่ ขา้ เสน้ แดงเวลา 1øøø - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 2 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 3 - ฉนั ทวนขา่ วเฉพาะตวั เรื่อง - เคลื่อนท่ีเขา้ เสน้ แดงเวลา 1øøø - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 3 - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - ถูกแลว้ – เลิก ตวั อยา่ งที่ 3 การส่งลาดบั ท่ี 1 - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - มีข่าว - ทวนข่าวเฉพาะตวั เรื่อง - ด่วน - เวลา ø915 - เคลื่อนทีเ่ ขา้ เสน้ แดงเวลา 1øøø - เปล่ียน การส่งลาดบั ท่ี 2 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 3 - ฉันทวนข่าวเฉพาะตวั เร่ือง - เคลื่อนที่เขา้ เสน้ แดงเวลา 12øø - เปล่ียน การส่งลาดบั ที่ 3 - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - ผดิ - คาหลงั คาวา่ เวลา 1øøø - เปล่ียน การส่งลาดบั ท่ี 4 - นเรศวร 6 จากนเรศวร 3 - คาหลงั คาวา่ เวลา 1øøø - เปลี่ยน การส่งลาดบั ท่ี 5 - นเรศวร 3 จากนเรศวร 6 - ถูกแลว้ - เลิก 14.การปิ ดข่ายสถานี เม่ือไดท้ าการรับ – ส่งข่าวกนั เสร็จส้ินแลว้ สถานีวทิ ยสุ นามมีความตอ้ งการท่ี จะปิ ดขา่ ยสถานี สถานีบงั คบั ข่ายแตผ่ เู้ ดียวเท่าน้นั เป็ นผสู้ งั่ ปิ ดขา่ ยสถานี ท้งั น้ีโดยใชค้ าพดู ตามระเบยี บการวา่ “ ปิ ดสถานี ” ตวั อยา่ ง การส่งลาดบั ที่ 1 - นเรศวร จากนเรศวร 6 - ปิ ดสถานี - เปลี่ยน การส่งลาดบั ที่ 2 - จากนเรศวร 1 - รับถูกตอ้ ง - เลิก การส่งลาดบั ที่ 3 - จากนเรศวร 2 - รบั ถูกตอ้ ง - เลิก การส่งลาดบั ที่ 4 - จากนเรศวร 3 - รับถูกตอ้ ง - เลิก 15. หัวเร่ืองของข่าว ในหวั เร่ืองของข่าวน้นั ส่ิงแรกที่เราจะตอ้ งใชเ้ สมอคือ “การเรียกขาน”ซ่ึงจะเป็ นการเรียกขานแบบ เต็มหรือแบบยอ่ แบบใดแบบหน่ึงดงั ไดก้ ล่าวขา้ งตน้ แลว้ ( ในขอ้ .3.2.5 หวั เร่ือง ) ต่อไปจะเป็ นขอ้ ความที่ จะตอ้ งเรียงไปเป็นลาดบั ก่อนหลงั และถือเป็นระเบยี บปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1) มีข่าว ( เช่น มีข่าว ) 2) ชนิดของการส่งข่าว ( เช่น ทวนขา่ ว,ทานข่าว,ขา่ วส่งตอ่ ) 3) ลาดบั ความเร่งด่วน ( เช่น ด่วนมาก ) 4) เวลา ( เช่น ø9øø ) 5) ผใู้ หข้ ่าวหรือตน้ ข่าว ( เช่น นเรศวร 6 ) 6) จานวนหมู่คา ( เช่น 4 หมู่คา )

59 วธิ ีจาลาดบั การส่งของหวั เรื่องตอ่ จากการเรียกขาน ขอแนะนาให้จาคาวา่ “MR PTOG” ของโรงเรียน ยานเกราะ ฟอร์ทน๊อกซ์ สหรัฐอเมริกา ซ่ึงมีความหมาย ดงั น้ี.- M = Message Follows ตรงกบั คาวา่ “ มีขา่ ว” R = Read Back หรือ Repetition ตรงกบั คาวา่ “ทวนข่าว,ทานข่าว ,ส่งข่าวต่อ” หรือ Relay To P = Precedence ตรงกบั คาวา่ “ลาดบั ความเร่งด่วน” T = Time ตรงกบั คาวา่ “เวลา” O = Originator ตรงกบั คาวา่ “ผใู้ หข้ า่ ว” G = Group ตรงกบั คาวา่ “จานวนหมู่คา” 16. การส่งข่าวทไ่ี ม่ต้องตอบ การส่งขา่ วชนิดน้ีมีระเบียบการปฏิบตั ดิ งั น้ี คอื .- 16.1 เม่ือตอ้ งการลวงหรือพราง ( ในสถานการณ์เงียบรบั ฟัง ) หรือเพอื่ เหตผุ ลอ่ืนๆ ถา้ สถานีส่ง (โดยปกติจะเป็ นสถานีบงั คบั ข่าย) มีความประสงคจ์ ะไม่ใหส้ ถานีรับ ทาการตอบรับข่าว ให้ใชค้ าพดู ตาม ระเบียบการวา่ “ไม่ตอ้ งตอบ” แทรกไวใ้ นหวั เร่ือง ตรงตาแหน่งตวั “R” (Row Me Oh) 16.2 ในการส่งข่าวไม่ตอ้ งตอบ สถานีส่ง ส่งขา่ วท้งั หมด 2 คร้งั เพอ่ื เป็นการประกนั วา่ สถานีรับ การรับข่าวไดถ้ ูกตอ้ งจริงๆ ขา่ วท้งั หมดน้ีหมายถึง หวั เรื่อง,ตวั เร่ือง,ทา้ ยเรื่อง ของขา่ ว 16.3 ภายหลงั การส่งขา่ วไปคร้งั หน่ึงแลว้ แต่ยงั ไม่ไดส้ ่งทา้ ยเรื่อง ใหใ้ ชค้ าพดู ตามระเบยี บการวา่ “ฉนั ทานขา่ ว” แลว้ ส่งขา่ วท้งั หมดไปอีกคร้ังหน่ึงรวมท้งั นามสถานีดว้ ย 16.4 ตอนทา้ ยเรื่อง ใหใ้ ชค้ าพดู ตามระเบยี บการวา่ “ เลิก ” ตวั อยา่ ง สมมุตวิ า่ สถานีรบั ในขา่ ยตากสินอยใู่ นสถานการณ์ “เงยี บ - รับฟัง” - ตากสิน จาก ตากสิน 6 - มีขา่ ว - ไม่ตอ้ งตอบ - ด่วนมาก - เวลา ø545 - ยอ่ หนา้ - มีรายงานมา วา่ มีดงระเบดิ ที่บริเวณขา้ งหนา้ - ฉนั ทานข่าว - ตากสิน จาก ตากสิน 6 - มีข่าว - ไม่ตอ้ งตอบ - ด่วนมาก - เวลา ø545 - ยอ่ หนา้ - มีรายงานมาวา่ มีดงระเบิดทบ่ี ริเวณขา้ งหนา้ - ยอ่ หนา้ - เลิก 17. การส่งข่าวส่งต่อ เนื่องจากรศั มีการทาการของชุดวิทยมุ ีจากดั ฉะน้ันการส่งข่าวส่งต่อจึงนบั ว่ามีความสาคญั มาก และจาเป็ นตอ้ งใชอ้ ยเู่ สมอ เช่น ในกรณีของกองร้อยรถถงั ซ่ึงใชว้ ทิ ยุ AN/VRC - 46 หรือ AN/VRC - 47 ซ่ึงมีรัศมีการทางานประมาณ 40 กม. ตอ้ งแยกยา้ ยกนั ดงั ในแผนภาพ ตากสิน 1 ตากสิน 6 ตากสิน 3 ตากสิน 2

60 จากแผนภาพ จะเห็นวา่ ตากสิน 3 สามารถติดต่อกบั ทุกสถานีได้ แต่การติดต่อระหว่างตากสิน 6 กบั ตากสิน 1 และตากสิน 2 น้นั ไม่สามารถตดิ ต่อกนั ได้ เพราะอยหู่ ่างกนั มากจนพน้ รัศมีการทาการของ วทิ ยุ ฉะน้นั เม่ือมีความจาเป็ นเกิดข้ึนในการรับ-ส่งข่าว ระหวา่ ง ตากสิน6 กบั ตากสิน1 หรือ ตากสิน 2 กจ็ าเป็นตอ้ งใชว้ ธิ ีส่งขา่ วส่งต่อโดยใหส้ ถานี ตากสิน 3 เป็ นผสู้ ่งขา่ วส่งตอ่ ให้ ในการส่งข่าวส่งต่อมีวธิ ีการปฏิบตั ิดงั น้ี 1) ใชค้ าพดู ตามระเบยี บการวา่ “ส่งต่อ”ไปยงั ทุกๆสถานีทต่ี อ้ งการส่งข่าวส่งตอ่ หรือจะส่งขา่ วให้ สถานีใดสถานีหน่ึงเป็ นบางสถานีก็ได้ในการขอให้ทาการส่งข่าวส่งต่อน้ีเราจะขอร้องให้สถานี ใดสถานีหน่ึงช่วยส่งตอ่ ใหก้ ไ็ ด้ ถา้ สถานีน้นั อยใู่ กลก้ นั 2) ทกุ คร้ังทม่ี ีการส่งขา่ วส่งต่อ ตอ้ งบอก “ผใู้ หข้ ่าว” ดว้ ยเสมอโดยใส่ไวต้ รงตวั “O” (Oss – Cah ) ในหวั เรื่อง และอยา่ ลืมบอกใหท้ ราบถึงผปู้ ฏบิ ตั ิตอ้ งการส่งตอ่ ถึงโดยแน่นอน ดงั ตวั อยา่ ง( ดูภาพประกอบ ) การส่งลาดบั ท่ี 1 - ตากสิน 3 จาก ตากสิน 6 มีข่าว - ส่งตอ่ ตากสิน 1,ตากสิน 2 ด่วนมาก - เวลา 221ø - ยอ่ หนา้ - เคล่ือนทไี่ ปยงั สระบรุ ี - ยอ่ หนา้ - เปลี่ยน การส่งลาดบั ที่ 2 - จากตากสิน 3 - รับถูกตอ้ ง - เลิก การส่งลาดบั ท่ี 3 - ตากสิน 1, ตากสิน2 จาก ตากสิน 3 - มีข่าว - ด่วนมาก - เวลา 221ø ผใู้ หข้ า่ ว ตากสิน 6 - ยอ่ หนา้ - เคล่ือนทีไ่ ปยงั สระบรุ ี - ยอ่ หนา้ - เปล่ียน การส่งลาดบั ที่ 4 - จากตากสิน 1 - รบั ถูกตอ้ ง - เลิก การส่งลาดบั ที่ 5 - จากตากสิน 2 - รบั ถูกตอ้ ง - เลิก ……………………………………………………………………. หลักฐานอ้างองิ : 1. นส. ว. 0602 รร.ส.สส. พ.ศ. 2534 2. FM 24 –18 Tactical Single-Channel Radio Communications Techniques, 30 SEP. 1987

61 บทที่ 4 การรักษาความปลอดภัยทางการส่ือสาร (COMMUNICATION SECURITY) 1. กล่าวท่ัวไป การรักษาความปลอดภยั ทางการส่ือสาร (Communication Security = COMSEC) คือ การป้องกนั โดยใชม้ าตรการท้งั ปวง เพอื่ ที่จะขดั ขวางมิใหบ้ คุ คลทไ่ี ม่มีหนา้ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งไดล้ ่วงรู้ข่าวสารอนั มีค่าซ่ึงอาจ ไดม้ าจากการครอบครองหรือการศึกษาพจิ ารณาอุปกรณ์โทรคมนาคมของฝ่ ายเรา หรือเพ่อื ทาให้รู้ ทาให้ บุคคลทีไ่ ม่มีหนา้ ท่เี กี่ยวขอ้ งเกิดความเขา้ ใจผดิ ในการตคี วามจากการศกึ ษาพจิ ารณาดงั กล่าวน้ัน การรักษา ความปลอดภยั ทางการสื่อสาร มีความสาคญั ยงิ่ ในการปฏิบตั ิการยทุ ธของทุกระดบั หน่วย การรักษาความ ปลอดภยั ท่ีไดผ้ ล จะช่วยกาจดั ปริมาณของข่าวกรองและขอ้ มูลทางเทคนิค ซ่ึงขา้ ศกึ สามารถนาไปพฒั นา เป็ นข่าวกรองทางการสื่อสารและมาตรการสนับสนุนสงครามอีเล็กทรอนิกส์ ในการสนับสนุนการ ปฏิบตั กิ ารทางดา้ นมาตรการต่อตา้ นทางอีเล็กทรอนิกส์ ( ECM ) หรือการยงิ และการดาเนินกลยทุ ธ การ รักษาความปลอดภยั ทางการสื่อสารประกอบด้วย การรักษาความปลอดภยั ทางการอกั ษรลบั (Crypto- graphic security ) การรกั ษาความปลอดภยั ทางการส่งข่าว ( Transmission Security ) และการรักษาความ ปลอดภยั ทางวตั ถุ ( Physical Security ) ซ่ึงท้งั สามประการน้ีจะกระทาตอ่ วตั ถุ, ยทุ โธปกรณ์และข่าวสารที่ จาเป็นตอ้ งมีการรกั ษาความปลอดภยั 2. การดาเนินการเก่ียวกับการรักษาความปลอดภยั ทางการสื่อสาร 2.1 จุดมุ่งหมายเบ้ืองตน้ ของการรักษาความปลอดภยั ทางการสื่อสาร ไดแ้ ก่ การใชม้ าตรการรักษาความ ปลอดภยั อยา่ งมีประสิทธิภาพตอ่ การติดตอ่ ส่ือสาร ไม่วา่ จะเป็ นการยทุ ธใด ขอ้ กาหนดในการรักษาความ ปลอดภยั ทางการส่ือสารจะตอ้ งไดร้ บั การพจิ ารณา ต้งั แต่ในข้นั การวางแผนเก่ียวกบั มาตรการรักษาความ ปลอดภยั สาหรับป้องกันข่าวสารทางทหาร, ยทุ โธปกรณ์และวตั ถุ รวมท้งั การป้องกนั การถูกจบั ยึด, การตรวจการณ์, การถ่ายภาพ, การกูซ้ ่อม, การโจรกรรม, การดกั ฟัง, การหาทิศ, การวิเคราะห์เครือข่าย, การลวงเลียน และการขาดความระมดั ระวงั หรือความประมาทเลินเล่อของเจา้ หนา้ ที่ 2.2 ผบู้ งั คบั บญั ชาเป็ นผรู้ บั ผดิ ชอบในการรกั ษาความปลอดภยั ทางการสื่อสาร โดยกาหนดหลกั การ ทวั่ ไปไวใ้ น รปจ.ของหน่วย และแจง้ ใหท้ ราบถึงการเปลี่ยนแปลงแกไ้ ขก่อนการปฏบิ ตั กิ ารยทุ ธทกุ คร้ัง 2.3 หน.สธ.2 หรือ ฝอ.2 ของหน่วย มีความรับผดิ ชอบทางฝ่ ายอานวยการในการเสนอแนะนโยบายการ รกั ษาความปลอดภยั ทางการสื่อสาร 2.4 นายทหารฝ่ายการสื่อสารเป็นผกู้ ากบั ดูแลใหม้ ีการปฏิบตั ิตามนโยบาย และระเบียบการรักษาความ ปลอดภยั ทางการส่ือสารของหน่วย พนักงานประจาเคร่ืองมือส่ือสารรับผิดชอบท่ีจะตอ้ งปฏิบตั ิตาม ระเบียบการรักษาความปลอดภยั โดยเคร่งครัด โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ท่ีเก่ียวกับการรักษาความปลอดภยั ทางการส่งขา่ ว

62 3. ความสาคญั ของการรักษาความปลอดภัยทางการสื่อสาร 3.1 การส่งข่าวดว้ ยวทิ ยนุ ้นั เสมือนหน่ึงเป็นการเตอื นใหข้ า้ ศกึ รูต้ วั และไหวตวั 3.2 ถา้ ปราศจากการรกั ษาความปลอดภยั ทางการส่ือสารแลว้ การปฏิบตั ิตอ่ ไปน้ีจะไม่เป็ นผลสาเร็จคอื 3.2.1 การปกปิ ดกาบงั ทีต่ ้งั , กาลงั ,การเคล่ือนยา้ ย และแผนการปฏิบตั ติ า่ งๆ ของฝ่ ายเรา 3.2.2 ชยั ชนะท้งั ปวง ท้งั ทางยทุ ธวธิ ีและทางยทุ ธศาสตร์ 3.2.3 ไม่สามารถหลีกเล่ียงใหข้ า้ ศกึ โจมตีจดุ อ่อนเราได้ 4. วธิ ีการท่จี ะให้การรักษาความปลอดภัยทางการสื่อสารบรรลผุ ลสาเร็จ ปฏบิ ตั ดิ งั น้ี 4.1 ป้องกนั การถูกขโมยหรือยดึ อุปกรณ์ต่างๆ ข่าวสารหรือเอกสารต่างๆ ของการส่ือสาร 4.2 ป้องกนั การจารกรรม การตรวจการณ์ หรือการถ่ายภาพการปฏิบตั ิการส่ือสาร อุปกรณ์ขา่ วสาร หรือเอกสารลบั 4.3 ป้องกนั การดกั ฟังข่าว 4.4 ป้องกนั การวเิ คราะหส์ ายการส่ือสาร 4.5 ป้องกนั การวเิ คราะหส์ ายการรหสั 4.6 ป้องกนั โดยการลวง และโดยการเลียนแบบ 4.7 ป้องกนั การหาทิศวทิ ยุ 5. ความเกีย่ วเน่ืองระหว่างการรักษาความปลอดภัยกับความต้องการในการส่ือสารกับหน่วยอ่ืน ประกอบดว้ ยรากฐาน 3 ประการ ซ่ึงทางราชการพงึ ประสงคใ์ นการสื่อสาร คือ ความเช่ือถือได้ ( Reliability ) ความปลอดภยั ( Security ) และความรวดเร็ว ( Speed ) ความเชื่อถือได้ หมายถึง ความถูกตอ้ งแน่นอนในการรับ-ส่งขา่ ว รวมท้งั รูปแบบของการรับ-ส่ง ข่าว การจา่ หนา้ ถึงผรู้ บั รวมถึงวธิ ีการเขยี นข่าวและเครื่องมือท่ีจะใชใ้ นการรับ-ส่งข่าว ตลอดจนเจา้ หนา้ ท่ี ประจาเครื่องน้นั ๆ ดว้ ย สาหรบั ความปลอดภยั และความรวดเร็วน้นั มีความสาคญั แปรผนั ไปตามเหตุการณ์ได้ เช่น ในข้นั การวางแผนยอ่ มมีคนรู้เรื่องเกี่ยวกบั การวางแผนนอ้ ยคน ดงั น้นั ในข้นั น้ีการรักษาความปลอดภยั จงึ สาคญั กวา่ ความรวดเร็ว เม่ือถึงข้นั การปฏิบตั ิแลว้ ผรู้ ู้เร่ืองเก่ียวกบั แผนยอ่ มเพ่มิ จานวนมากข้ึน และผล การปฏิบตั ิน้ันก็ไม่ต้องการปกปิ ดแล้ว ความสาคัญของความรวดเร็วก็จะเพิ่มมากข้ึนเรื่อยๆ โดย ความสาคญั ของความปลอดภยั กจ็ ะลดลงเรื่อยๆ เช่นกนั 6. ความรับผดิ ชอบของเจ้าหน้าทต่ี ่างๆ ( Responsibility of Operators ) เมื่อเจา้ หนา้ ทีไ่ ดร้ ับข่าวอยใู่ นมือเพ่ือทาการส่งน้ัน เร่ืองราวที่กล่าวมาแลว้ น้นั ตอ้ งนามาพจิ ารณา ทนั ที เป็นหนา้ ทขี่ องเจา้ หนา้ ท่ีทกุ คนท่จี ะตอ้ งปฏิบตั ิงานใหแ้ น่ใจวา่ ขา้ ศึกจะไม่ไดร้ ับผลประโยชน์ใดเลย จากการส่งข่าวของฝ่ายเรา เจา้ หนา้ ทต่ี ่างๆ จะปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีใหเ้ ป็ นผลสาเร็จ จะตอ้ งระลึกถึงองคป์ ระกอบ ของการรกั ษาความปลอดภยั ทางการสื่อสาร 3 ประการ คือการรักษาความปลอดภยั ทางวตั ถุ, การรักษา ความปลอดภยั ทางการอกั ษรลบั และการรักษาความปลอดภยั ทางการส่งขา่ ว

63 7. หน้าท่ีของผู้บงั คบั บัญชา ผบู้ งั คบั บญั ชาเป็นผรู้ ับผดิ ชอบในเรื่องการรกั ษาความปลอดภยั ดงั น้ี 7.1 ตรวจดูวา่ เจา้ หนา้ ท่ีผเู้ กี่ยวขอ้ งกบั การส่ือสารน้นั มีความเขา้ ใจในเรื่องการรักษาความปลอดภยั เพยี งใด มีคาสงั่ และ/หรือระเบียบอยพู่ รอ้ มหรือยงั 7.2 ตกลงใจทจ่ี ะรกั ษาความปลอดภยั ทางการส่ือสาร โดยแถลงหลกั การทว่ั ไปไวใ้ น รปจ. ของหน่วย และการปฏบิ ตั ิการทุกคร้งั ท้งั ก่อนและหลงั การยทุ ธ 8. การรักษาความปลอดภัยทางวัตถุ ( Physical Security ) การรักษาความปลอดภยั ทางวตั ถุ หมายถึง วิธีการใดๆ ท่ีป้องกนั ไม่ใหข้ า้ ศึกหรือบุคคลซ่ึงไม่ได้ รับอนุมตั ิเขา้ ไปถึงข่าวท้งั ปวงหรือเคร่ืองมือส่ือสารท่ีกาหนดช้นั ความลบั บรรดาข่าวและเคร่ืองมือท่ี กาหนดช้นั ความลบั ท้งั ปวง จะตอ้ งไดร้ ับการป้องกนั อยตู่ ลอดเวลา การป้องกนั น้นั อาจกระทาไดโ้ ดยการ บรรจเุ ขา้ ไวใ้ นกระเป๋ าเอกสารลบั ตูน้ ิรภยั หรือ มียามถืออาวุธเฝ้าหรือวิธีอ่ืนๆ เพื่อใหพ้ น้ จากขา้ ศึกหรือ บคุ คลผไู้ ม่ไดร้ ับอนุมตั ิ บรรดาเจา้ หน้าที่ทางทหารทุกคน ยอ่ มมีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบในการพิทกั ษข์ ่าวสาร และเคร่ืองมือที่มีช้นั ความลบั เอกสารลบั ตา่ งๆ ทกุ ชิ้น สาเนาขา่ วทุกชิ้น หรือเศษกระดาษอ่ืนๆ ท่ีเก่ียวกบั การสื่อสารเมื่อใชก้ ารแลว้ ไม่ตอ้ งการใชอ้ ีกจะตอ้ งทาการเผาทาลายเสีย ห้ามโยนท้ิงเด็ดขาด เม่ือทราบแน่ ชดั วา่ จะตอ้ งถูกยดึ ใหจ้ ดั การทาลายเคร่ืองมือและกระดาษทุกช้ินก่อนท่ีจะถูกยดึ 8.1 ขอ้ หา้ มตา่ งๆ และคาแนะนาในการปฏบิ ตั ิ 8.1.1 คาแนะนาปฏิบตั ิการสื่อสารและอิเลก็ ทรอนิกส์ (นปสอ.) ฉบบั สมบูรณ์หา้ มนาออกไป ขา้ งหนา้ ทีบ่ งั คบั การของกองพนั ในแนวหนา้ 8.1.2 ก่อนท่ีจะทิ้งกองบงั คบั การ หรือปฏิบตั ิร่นถอย ตอ้ งตรวจตราข่าว กระดาษเขม่าแถบ รหสั สาเนาคาสงั่ และแผนที่ อยา่ ใหห้ ลงเหลือไวเ้ป็ นอนั ขาด ถา้ หากคาสงั่ นปสอ. และรหสั สูญหายไปหรือถูก ขา้ ศึกยดึ ไป จะตอ้ งรายงานด่วนใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาทราบตามความจริง 8.2 การป้องกนั การสูญหาย กระทาโดย 8.2.1 การเกบ็ รกั ษา 8.2.2 การตรวจตรา 8.2.3 การทาลาย ซ่ึงแบง่ เป็ น 8.2.3.1 การทาลายปกติ คือ การปฏิบตั ติ ่อเอกสารที่กาหนดช้นั ความลบั ซ่ึงไดแ้ ก่ นปสอ. และ นสอป. 8.2.3.2 การทาลายในยามฉุกเฉิน อาจจาเป็ นตอ้ งกระทาต่อขา่ วท้งั ปวงหรือเคร่ืองมือ ทีก่ าหนดช้นั ความลบั ท้งั น้ีเพอื่ ป้องกนั มิใหส้ ่ิงเหล่าน้ีตกไปอยใู่ นมือของขา้ ศึก เมื่อไดร้ ับคาส่งั ให้ทาลาย จงทาลายขา่ วท้งั ปวงและเครื่องมือทีก่ าหนดช้นั ความลบั ท้งั ประเภทลบั ทส่ี ุด ลบั มาก และลบั จนไม่ใหจ้ า รูปร่างได้ และทาลายบรรดาข่าวสารหรือเครื่องมือประเภทปกปิ ดอย่าให้ทาการซ่อมได้หรือไม่ให้

64 บุคคลภายนอกนาไปใชไ้ ดต้ ่อไป สาหรับข่าวหรือเคร่ืองมือท่เี ป็ นรายการเฉพาะ อาจจะมีคาแนะนาการ ทาลายไวใ้ หเ้ ป็นพเิ ศษ 9. การรักษาความปลอดภัยทางการอักษรลบั ( Cryptographic Security ) การรักษาความปลอดภยั ทางการอักษรลับ หมายถึง การปฏิบตั ิเกี่ยวกบั การเก็บรักษาและใช้ ระบบการอกั ษรลบั เจา้ หนา้ ทกี่ ารอกั ษรลบั ตอ้ งไดร้ บั การพสิ ูจนค์ วามไวว้ างใจเป็ นอยา่ งดีและตอ้ งทาตาม คาแนะนาในการปฏิบตั ิโดยครบถว้ น เป็ นไปอยา่ งถูกวิธีและถูกตอ้ งทางเทคนิค เพื่อป้องกนั มิให้ขา้ ศึก หรือบคุ คลที่ไม่ไดร้ บั การอนุมตั ิล่วงรู้ขอ้ ความอนั แทจ้ ริงของข่าวน้ันโดยตรง อกั ษรลบั แบ่งเป็ น ประมวลลบั ( Code ) และรหสั ( Cipher ) ประมวลลบั หมายถึงขอ้ ความหรือตวั อกั ษรหรือตวั เลขที่ใชแ้ ทนจานวนเลข ถอ้ ยคาหรือประโยคในขอ้ ความของภาษาธรรมดาให้เป็ นภาษาที่ยงั ซ่อนความหมายไว้ สาหรับ รหัส หมายถึง ตวั อกั ษรหรือตวั เลขซ่ึงใชเ้ ปลี่ยนท่ีหรือแทนท่ีตวั อกั ษรในขอ้ ความของภาษาธรรมดาใหเ้ ป็ น ขอ้ ความทีอ่ ่านไม่ออก 9.1 กฎสาหรับปฏิบตั ิ 9.1.1 ผบู้ งั คบั บญั ชาเป็นผตู้ กลงใจในการทีจ่ ะส่งข่าวไปโดยวธิ ีเขา้ รหสั หรือขอ้ ความธรรมดา 9.1.2 ขา่ วน้นั จะตอ้ งมีความชดั เจน,กะทดั รดั และสมบรู ณ์ โดยถือความชดั เจนเป็นสาคญั ทส่ี ุด 9.1.3 ใชแ้ ตเ่ ฉพาะรหสั ท่ที างราชการทหารกาหนดข้นึ เทา่ น้นั 9.1.4 อยา่ ใชข้ อ้ ความท่เี ขา้ รหสั แลว้ รวมเขา้ กบั ขอ้ ความธรรมดา 9.1.5 อยา่ เกบ็ ขอ้ ความธรรมดาเขา้ แฟ้มรวมกบั ขอ้ ความทเ่ี ขา้ รหสั 9.1.6 อยา่ ส่งข่าวที่เป็นรหสั แลว้ ส่งเป็นขอ้ ความธรรมดาเป็นอนั ขาด 9.1.7 อยา่ ส่งข่าวเดียวกนั เป็นท้งั รหสั และขอ้ ความธรรมดา 9.1.8 การตอบขา่ วทเี่ ป็นรหสั ตอ้ งตอบเป็ นรหสั แบบเดียวกนั 9.1.9 พยายามหลีกเลี่ยงการใชถ้ อ้ ยคาทีเ่ ป็ นพมิ พเ์ ดียวกนั ท้งั หมด ในการข้นึ ตน้ และลงทา้ ยของ ขา่ วทส่ี ่งดว้ ยระบบรหสั 10.การรักษาความปลอดภยั ทางการส่งข่าว ( Transmission Security ) การรักษาความปลอดภยั ทางการส่งข่าว หมายถึง วิธีการใดๆ ท่ีใชป้ ้องกันข่าวให้พน้ จากการ ดกั ฟัง การวิเคราะห์ข่าวและการลวงเลียนจากฝ่ ายขา้ ศึก การรักษาความปลอดภยั ชนิดน้ีย่อมแตกต่าง กนั ไปตามชนิดเครื่องมือส่ือสาร เช่น พลนาสาร ควรระมัดระวงั มิให้ล้าแนวของฝ่ ายเราออกไปไกล จนขา้ ศึกจบั ไดโ้ ดยไม่รู้ตวั ผใู้ ชว้ ทิ ยหุ รือโทรศพั ทก์ ็ควรระมดั ระวงั อยา่ พดู ข่าวสารท่ีสาคญั ในระหว่างการ พดู ใหร้ ะลึกเสมอวา่ ขา้ ศึกอาจจะดกั รับฟังข่าวอยตู่ ลอดเวลา จงพูดให้ส้ัน ชดั ถอ้ ยชดั คาและปฏิบตั ิตาม ระเบียบการท่ีไดก้ าหนดไว้ ในการส่งข่าวทางวทิ ยนุ ้ันมีความจาเป็ นอยา่ งยิง่ ที่จะตอ้ งสมมุติอยู่เสมอว่า ขา้ ศึกจะตอ้ งใช้เคร่ืองหาทิศวิทยุ (Radio Direction Finder) และเครื่องดกั ฟังวิทยุ (Radio Interceptor) ปฏบิ ตั ิการต่อฝ่ายเรา การใชเ้ คร่ืองคน้ หาท่ีต้งั และทิศทางของขา้ ศึกน้นั จะเปิ ดเผยที่ต้งั สถานีส่งของเราให้ ขา้ ศกึ ทราบ ดงั น้นั พลวทิ ยจุ ะตอ้ งจาไวว้ า่ ขา้ ศกึ จะคน้ หาที่ต้งั ของเราแทบไม่ไดเ้ ลย เม่ือการส่งข่าวของเรา

65 ส้นั และรวดเร็ว ในทางตรงกนั ขา้ มถา้ เราส่งข่าวนานและชา้ ก็จะทาให้ขา้ ศึกเพิ่มความสามารถในการ คน้ หาที่ต้งั ข้ึนอีก ถึงแมว้ ่าขา้ ศึกจะไม่มีความรู้ในเรื่องการใชร้ หัสของฝ่ ายเราก็ตาม แต่ขา้ ศึกก็จะไดร้ ับ ความรูอ้ นั มีคา่ เก่ียวกบั ชนิดและจานวนวทิ ยทุ เี่ ราทาการส่ง ขอเนน้ ย้าวา่ การส่งทใ่ี ชค้ าพูดน้อย เวลาส่งส้ัน จะทาใหข้ า้ ศกึ มีโอกาสไดร้ ับข่าวของเรานอ้ ยลง สถานีวทิ ยขุ องขา้ ศึกอาจจะส่งข่าวลวงไปยงั คู่สถานีของ ฝ่ ายเราโดยการส่งข่าวผิดๆ ถูกๆ เช่น การเรียกนามสถานีหรือลวงหลอกต่างๆ นาๆ ไปยงั พนักงานวิทยุ คูส่ ถานี เรื่องน้ีแมเ้ ราจะจบั ไดว้ า่ เป็นการลวงก็ตาม แต่กจ็ ะทาใหเ้ กิดการรบกวนเสียเวลาอนั มีค่าของเราไป ดว้ ย ดงั น้นั พลวทิ ยสุ ามารถท่จี ะขจดั ปัญหาน้ีไดด้ ว้ ยการใชร้ ะบบการบอกพวกโดยเฉพาะ 10.1 กฎสาหรบั ปฏบิ ตั ิ 10.1.1 จะตอ้ งไม่ส่งขา่ วซ่ึงมิไดร้ บั อนุมตั จิ ากผมู้ ีอานาจ 10.1.2 หา้ มปฏบิ ตั ิในส่ิงตอ่ ไปน้ี.- 10.1.2.1 การฝ่าฝืนการจากดั การใชว้ ทิ ยุ คอื งดใชว้ ทิ ยุ (Radio Off) ปิ ดท้งั เคร่ืองรับ เครื่องส่ง และเงียบรับฟัง (Radio Silence) ปิ ดเครื่องส่ง เปิ ดเครื่องรับ เช่น ในโอกาสที่อยใู่ นฐานออกตี ก่อนจะเคล่ือนทเ่ี ขา้ ตี 10.1.2.2 การพดู เรื่องส่วนตวั ระหวา่ งพลวทิ ยุ 10.1.2.3 ส่งขา่ วเขา้ สถานีบงั คบั ขา่ ยโดยไม่ไดร้ ับอนุญาต 10.1.2.4 การปรบั คลื่นและทดลองเคร่ืองนานเกินไป 10.1.2.5 การส่งนามหรือเคร่ืองหมายพลวทิ ยุ 10.1.2.6 ใชข้ อ้ ความธรรมดาทไี่ ม่ไดร้ ับอนุญาตใหใ้ ช้ 10.1.2.7 ใชค้ าพดู อื่นทีน่ อกเหนือไปจากคาพดู ตามระเบยี บการ 10.1.2.8 การแทรกหรือการนานามสถานีทเี่ ป็นความลบั และที่อยขู่ องผรู้ บั ข่าวมา เปิ ดเผยเป็ นภาษาธรรมดาหรือใชร้ ่วมกบั สถานีทไี่ ม่เป็นความลบั 10.1.2.9 ใชภ้ าษาท่ีหยาบคาย ไม่สุภาพหรือไม่เป็ นมงคล 10.1.3 พงึ หลีกเล่ียงการกระทาในส่ิงตอ่ ไปน้ี.- 10.1.3.1 ใชก้ าลงั ส่งมากเกินไป 10.1.3.2 ใชเ้ วลามากเกินไปในการปรบั คลื่น การเปลี่ยนความถ่ีหรือปรบั เคร่ืองมือ 10.1.3.3 ส่งดว้ ยความเร็วเกินความสามารถของพลวทิ ยทุ ีจ่ ะรบั ฟังได้ 10.1.3.4 ใชถ้ อ้ ยคาทใ่ี ชต้ ิดปากของแตล่ ะบคุ คลในการส่ง 10.1.4 พยายามเปลี่ยนที่ต้งั สถานีบ่อยๆ ถา้ สามารถทาได้ 10.1.5 ใชร้ ะบบการบอกพวกและการรับรองฝ่ ายตามท่ีผบู้ งั คบั บญั ชากาหนดข้ึน เมื่อพลวทิ ยุ สามารถทาไดต้ ามกฎท่ีกล่าวมาแลว้ น้ี จะเรียกไดว้ ่าเป็ นพลวทิ ยทุ ่ีมีระเบียบวินัยดียงิ่ วินัยในการสื่อสาร ยอ่ มทาใหเ้ กิดความแน่ใจในเรื่องความเชื่อถือได้ และการรักษาความปลอดภยั ทางการส่ือสารของทาง ราชการทหาร

66 11. ระบบการบอกพวก ระบบการบอกพวก หมายถึง วิธีการท้งั ปวงที่ทาให้หน่วยทหารของฝ่ ายเราปลอดภยั จากการ ส่งขา่ วของขา้ ศึกซ่ึงขา้ ศึกอาจส่งข่าวลวงเขา้ มาในข่ายการส่ือสารของฝ่ ายเรา นายทหารฝ่ ายการสื่อสาร ของหน่วยเป็นผกู้ าหนดระบบการบอกพวกให้กบั พนกั งานวทิ ยใุ ชร้ ะบบบอกพวก ตามปกติระบบบอกพวกน้ี จะกาหนดไวใ้ น นปสอ. ของหน่วย ข่าวสารท่ีไม่ไดใ้ ชร้ ะบบการบอกพวกจะไม่ไดร้ ับการยอมรับโดยไม่มี เหตุผลไม่ได้ ถึงแมว้ า่ การบอกพวกจะผดิ พลาดจริงๆ ก็ตาม ข่าวสารดงั กล่าวน้นั จะตอ้ งรับไวท้ นั ที แต่ ตอ้ งหมายเหตุไวว้ า่ “ไม่ไดใ้ ชร้ ะบบการบอกพวก” และผรู้ ับจะพจิ ารณานาเรียนไปยงั ผบู้ งั คบั บญั ชาต่อไป นอกจากน้ีขอ้ ตกลงอื่นๆ จะใชแ้ ทนระบบการบอกพวกไม่ได้ 11.1 ระบบการบอกพวกใหใ้ ชใ้ นโอกาสตอ่ ไปน้ี 11.1.1 เม่ือใดก็ตามที่พนกั งานวทิ ยสุ งสัยว่าจะมีการลวงข้ึนในข่ายการสื่อสาร พนักงานวทิ ยุ จะ ตอ้ งขอใหค้ ู่สถานีใชร้ ะบบการบอกพวกทนั ที 11.1.2 เมื่อสถานีหน่ึงสถานีใดขอใหใ้ ชร้ ะบบการบอกพวก 11.1.3 เมื่อจะส่งรายงานการปะทะขา้ ศึกข้นั ตน้ และในการส่งรายงานเพมิ่ เติม 11.1.4 เม่ือสงั่ ใหร้ ะงบั วทิ ยแุ ละเลิกระงบั การใชว้ ทิ ยุ 11.2 ระบบการบอกพวก ซ่ึงเหมาะท่จี ะใชใ้ นเวลาสงครามโดยเฉพาะใหใ้ ชใ้ นโอกาสต่อไปน้ี 11.2.1 เมื่อการส่งเป็นภยั ตอ่ สถานการณ์ทางทหาร เช่น การปิ ดสถานี การเปล่ียนความถี่ การดาเนินกลยทุ ธดว้ ยวธิ ีรุกหรือวธิ ีรบั 11.2.2 เมื่อเริ่มเปิ ดข่ายสถานี หรือสงั่ การเพอ่ื ปิ ดสถานี 11.2.3 เม่ือทาการส่ือสารกนั ทางวทิ ยเุ ป็ นคร้งั แรก 11.2.4 เม่ือผบู้ งั คบั บญั ชามีความจาเป็นตอ้ งการใหใ้ ช้ 11.2.5 เมื่อส่งข่าวสารทีเ่ ป็ นขอ้ ความธรรมดา บอกเลิกขา่ วสารท่สี ่งมาแลว้ ****************************** หลกั ฐานอ้างองิ : 1. นส. 24-5 การสื่อสาร พ.ศ. 2536 2. FM 34-1 : Intelligence and Electronic Warfare Operations, 27 September 1994

67 บทที่ 5 การส่ือสารในทบี่ ังคบั การ (COMMAND POST COMMUNICATION SYSTEM) 1. กล่าวทว่ั ไป ส่วนของ “ กองบงั คบั การ” และ “ กองบญั ชาการ ” ที่ออกไปปฏิบตั ิราชการสนาม หรือ ปฏิบตั ิการรบ เรียกว่า “ ท่ีบงั คบั การ ” และ/หรือ “ ท่ีบญั ชาการ ” ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ขนาดของหน่วย ถา้ เป็ น หน่วยระดบั กองพลข้ึนไป เรียกว่า “ ท่ีบญั ชาการ ” ระดบั ต่ากว่ากองพลลงมา เรียกวา่ “ ท่ีบงั คบั การ ” ท้งั ทบ่ี งั คบั การ/ท่ีบญั ชาการ จะเขียนยอ่ ว่า “ ทก.” ไม่ว่าจะเป็ นหน่วยระดบั ใดก็ตาม ความมุ่งหมายของ ทก. กค็ อื การสนบั สนุนผทู้ ่เี กี่ยวขอ้ งกบั การแสวงขอ้ ตกลงใจดว้ ยการจดั โครงสร้างอยา่ งมีระเบียบ เพือ่ ทา หนา้ ท่อี านวยความสะดวกหรือเก้ือกูลต่อการแสวงขอ้ ตกลงใจ ซ่ึงในหน่วยระดบั กองทพั นอ้ ยและกองพล เป็นเรื่องสาคญั เพราะมีการปฏบิ ตั ิการทซี่ บั ซอ้ นยงุ่ ยากมากมาย 2. โครงสร้างของท่ีบงั คบั การ/ท่บี ัญชาการ (ทก.) 2.1 โดยทวั่ ไป แบบของ ทก. ไดแ้ ก่ ทก.ยทุ ธวธิ ี , ทก.หลกั , ทก.สารอง และทก.หลงั ทก.ดงั กล่าวน้ี ลว้ นจดั ข้ึนเพ่ือช่วยเหลือแบ่งเบาภาระหน้าท่ีผูบ้ ังคบั บญั ชาในการบงั คบั บญั ชาและการควบคุมการ ปฏบิ ตั ิการรบ ฝอ. และ ฝสธ. ที่ถูกจดั ข้ึนใน ทก. จะทาหนา้ ที่จดั หา, รวบรวม และประสานงานเก่ียวกบั ข่าวสารทผี่ บู้ งั คบั บญั ชาตอ้ งการ เพอื่ การบงั คบั บญั ชา และการควบคุมการปฏิบตั กิ ารรบ 2.2 ภาระหนา้ ที่อนั สาคญั ทีส่ ุดของ ฝอ. และ ฝสธ. คอื การเสนอข่าวสารต่อ ผบ. ซ่ึงจะตอ้ งเป็ นข่าวที่ ทนั เวลา , ถูกตอ้ งแม่นยา และเป็ นข่าวที่สาคญั จริง ๆ การดาเนินงานของ ฝอ. และ ฝสธ. ต่าง ๆ ที่ สอดคลอ้ งซ่ึงกนั และกนั จะทาให้ผบู้ งั คบั บญั ชาสามารถผสมผสานอานาจกาลงั รบ ณ ตาบล และเวลาท่ี ตอ้ งการไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมตลอดช่วงการปฏิบตั ิการรบ 2.3 โดยปกติแลว้ ทก.ทุกระดับหน่วย จะทาหน้าท่ีในการบงั คบั บญั ชาและควบคุมไดต้ ลอดพ้ืนที่ ปฏบิ ตั ิการ ซ่ึงไดแ้ ก่ พ้นื ท่ใี นทางลึกหรือพน้ื ท่ีแนวหลงั ของฝ่ายตรงขา้ ม, พ้นื ทกี่ ารรบระยะใกล,้ พ้ืนท่ีการ รบหลกั และพ้นื ทีส่ ่วนหลงั ฝ่ายเรา 3. การจัด ทก.ของหน่วยทหารระดบั ต่าง ๆ 3.1 กองทพั นอ้ ย จดั ต้งั ทก.ยทุ ธวธิ ี, ทก.หลกั และ ทก.หลงั 3.2 กองพลจดั ต้งั ทก.ยทุ ธวธิ ี, ทก.หลกั และกาหนดใหม้ ี ทก.สารอง ตามปกตจิ ะเป็น บก.ป.พล. หรือ บก.กรม สาหรับพ้ืนที่ส่วนหลังคือ พ้ืนท่ีสนับสนุนของกองพล จะบงั คับบญั ชาโดยผูบ้ งั คบั การกรม สนบั สนุน และจะดาเนินการสนบั สนุนการปฏิบตั ิการรบ ส่วนการปฏิบตั ิการรบในพ้ืนท่ีส่วนหลงั อาจมี ความตอ้ งการการจดั ต้งั ทก. สาหรับพ้นื ท่ีส่วนหลงั ก็ได้ และหากจดั ต้งั ข้ึนก็อาจจะบงั คบั บญั ชาโดยรอง ผบ.พล. ฝ่ายสนบั สนุน 3.3 กรม จดั ต้งั ทก.ยทุ ธวธิ ี, ทก.หลกั และอาจกาหนด ทก.สารอง ไวด้ ว้ ย พ้นื ทส่ี ่วนหลงั ของกรมจะ สนบั สนุนการปฏิบตั กิ ารรบขา้ งหนา้

68 3.4 กองพนั จดั ต้งั ศูนยป์ ฏิบตั ิการทางยทุ ธวิธี (ศปย.) ซ่ึงจะทาหน้าท่ีเสมือน ทก.หลกั และหาก จาเป็ นกองพนั อาจจดั กลุ่มการบงั คบั บญั ชาข้ึนเพอื่ ทาหนา้ ที่เสมือนกบั ทก.ยทุ ธวิธีก็ได้ ส่วน ทก.สารอง อาจจะกาหนดดว้ ยกไ็ ดเ้ ช่นกนั 4. ทบ่ี งั คบั การกองพนั และขบวนสัมภาระกองพนั 4.1 ทบ่ี งั คบั การกองพนั (ทก.พนั ) เป็นทป่ี ฏบิ ตั งิ านของผบู้ งั คบั กองพนั และฝ่ ายอานวยการ เพื่อควบคุม และบญั ชาการรบ ทก.พนั จึงเป็ นศูนยค์ วบคุมการบงั คบั บญั ชา,รวบรวมและกระจายข่าว, ส่ง คาสง่ั ไปยงั หน่วยรอง ตลอดจนดารงการติดตอ่ กบั หน่วยเหนือ, หน่วยขา้ งเคียง หน่วยสมทบและ หน่วยสนบั สนุน ที่บงั คบั การระดบั กองพนั จะแบ่งเป็ น 2 ส่วน เรียกวา่ ท่ีบงั คบั การส่วนหนา้ (ทก.หนา้ ) และ ท่ีบงั คบั การส่วนหลงั (ทก.หลงั ) 4.1.1 ที่บงั คบั การส่วนหนา้ (ทก.หนา้ ) เป็นทบี่ งั คบั การทางยทุ ธวธิ ี ดารงการติดตอ่ กบั หน่วยเหนือ, หน่วยรอง และหน่วยอ่ืนโดยตรง ในกรณีท่ีผูบ้ งั คบั บญั ชา, ฝ่ ายอานวยการและเจา้ หนา้ ท่ีฝ่ ายกิจการพิเศษ ออกไปอานวยการรบขา้ งหนา้ ท่บี งั คบั การ เรียกวา่ พวกบงั คบั บญั ชา หรือ ทก.ยทุ ธวธิ ี 4.1.2 ท่ีบงั คบั การส่วนหลงั (ทก.หลงั ) เป็ นทบี่ งั คบั การทางธุรการ เกี่ยวกบั การส่งกาลงั บารุง และควบคุมขบวนสมั ภาระ ไม่มีหนา้ ทตี่ ิดตอ่ ส่ือสารทางยทุ ธวธิ ีโดยตรง 4.2 ขบวนสมั ภาระของกองพนั แบง่ ออกเป็น ขบวนสมั ภาระรบ และขบวนสมั ภาระพกั 4.2.1 ขบวนสมั ภาระรบ มกั จะอยบู่ ริเวณใกลเ้ คียงกบั ทก.พนั จะประกอบดว้ ย กาลงั พล, ยานพาหนะ และยทุ โธปกรณ์ ซ่ึงจะสามารถใชส้ นบั สนุนการรบไดท้ นั ที 4.2.2 ขบวนสมั ภาระพกั จะอยใู่ นพน้ื ที่ขบวนสมั ภาระของกรม จะประกอบดว้ ย กาลงั พล, ยานพาหนะ และยทุ โธปกรณ์ทีไ่ ม่จาเป็นในการสนบั สนุนการรบโดยทนั ที 5. เส้นหลกั การเคล่ือนย้ายและเส้นหลักการสื่อสาร 5.1 เสน้ หลกั การเคลื่อนยา้ ย คอื เสน้ ทางการเคล่ือนทข่ี องทีบ่ งั คบั การในอนาคต ซ่ึงคาดวา่ จะไปต้งั เป็นหว้ ง ๆ ณ ตาบลและเสน้ ทางที่กาหนด จะระบุไวใ้ นขอ้ 5 ของคาสงั่ ยทุ ธการ หรือไม่ระบไุ วก้ ไ็ ด้ 5.2 เส้นหลักการส่ือสาร ในขณะท่ีหน่วยทหารเคลื่อนท่ีไปขา้ งหนา้ หรือถอยลงมาขา้ งหลงั ก็ตาม มี ความจาเป็นตอ้ งเคลื่อนยา้ ยหรือเปลี่ยนท่ตี ้งั ทบ่ี งั คบั การและที่บญั ชาการดว้ ย ในการท่ีจะใหก้ ารบญั ชาการ และการสื่อสารระหว่างการเคลื่อนยา้ ยดาเนินไปโดยต่อเน่ือง จึงจาเป็ นตอ้ งเลือกท่ีบงั คบั การและที่ บญั ชาการไวล้ ่วงหน้าตามลาดบั เส้นสมมุติซ่ึงลากเช่ือมต่อท่ีต้งั ที่เลือกไวก้ ่อนล่วงหน้า เรียกว่า เส้น หลกั การสื่อสาร แมว้ า่ ที่บงั คบั การ/ท่ีบญั ชาการจะไม่ไดต้ ้งั ณ ที่ต้งั ที่ไดเ้ ลือกไวแ้ ต่ละแห่งก็ตาม ที่บงั คบั การ/ทบ่ี ญั ชาการ ก็ยงั คงเคลื่อนยา้ ยตามเสน้ ทางหรือเสน้ หลกั ดงั กล่าวน้ี 6. การเลือกที่ต้งั ทบ่ี ังคบั การ ผบู้ งั คบั หมวดส่ือสารหรือนายทหารฝ่ ายการส่ือสาร เสนอแนะและร่วมในการจดั ต้งั ที่บงั คบั การ โดยอาศยั ปัจจยั และขอ้ พจิ ารณาเพอ่ื เป็ นมูลฐานในการเลือกที่บงั คบั การให้เหมาะสมกบั กิจการทางการ สื่อสารโดยไม่ขดั กบั ภารกิจทางยทุ ธวธิ ี การเลือกทต่ี ้งั ท่ีบงั คบั การควรพจิ ารณาในเร่ืองตอ่ ไปน้ี

69 6.1 ในระหว่างการเดิน ท่ีบงั คบั การจะยา้ ยเป็ นห้วงๆ ตามเส้นทางท่ีกาหนด และจะอยู่ค่อนไป ขา้ งหนา้ ของขบวน 6.2 การรบดว้ ยวธิ ีรุก ทก. จะต้งั ล้าไปขา้ งหน้า เพือ่ สะดวกต่อการควบคุมและหลีกเลี่ยงการเคล่ือนยา้ ย บ่อย 6.3การรบดว้ ยวิธีรับ ทก. จะต้ังค่อนไปขา้ งหลัง อาจต้งั อยใู่ กล้กับกองหนุน เพื่อจะไดร้ ับการระวงั ป้องกนั แมข้ า้ ศึกจะเจาะแนวเขา้ มาเฉพาะตาบล 6.4การปฏบิ ตั กิ ารยทุ ธชนิดอื่น ทก. จะต้งั อยู่ ณ ตาบลที่ผูบ้ งั คบั บญั ชาสามารถควบคุมและอานวยการ รบไดผ้ ลดีที่สุด การต้งั ท่ีบงั คบั การห่างไกลยอ่ มเป็ นการเพ่ิมภาระแก่ระบบการส่ือสารโดยไม่จาเป็ น ที่บงั คบั การของหน่วยเหนือและหน่วยรองที่ปฏิบตั ิการเขา้ ตีหลกั ตอ้ งระบุถึงความตอ้ งการที่ต้งั ท่ีบงั คบั การของ หน่วยไวด้ ว้ ย สาหรบั หน่วยขนาดเล็กมีความตอ้ งการท่ีตรวจการณ์/ทฟี่ ังการณ์ใกลท้ บี่ งั คบั การเพม่ิ เติมข้ึน ดว้ ย ทบ่ี งั คบั การส่วนหนา้ และท่บี งั คบั การส่วนหลงั ควรจะอยใู่ กลก้ นั เท่าทส่ี ถานการณ์จะอานวยให้ 6.5 ตอ้ งคานึงถึงผลของระยะทางและภูมิประเทศ, เสน้ ทางจราจรท่มี ีไปขา้ งหนา้ และขา้ งหลงั ระหวา่ ง หน่วยเหนือกบั หน่วยรอง (มีสองเสน้ ทางยงิ่ ดี) ใหผ้ ลดีแก่การวางสาย การนาสาร และไม่เป็ นอุปสรรคต่อ การตดิ ต่อสื่อสารทางวทิ ยุ มีการกาบงั และซ่อนพราง มองไม่เห็นจากถนนหลกั และทางอากาศ ที่ต้งั ควร ห่างกนั ประมาณ 50 เมตร ท่บี งั คบั การจะไม่ต้งั ณ ทีห่ มายเด่นหรือภูมิประเทศทีด่ ึงดูดความสนใจใหข้ า้ ศึก ทาการยงิ หรือตรวจพบ แต่จะอยใู่ นภูมิประเทศที่มีที่หมายซ่ึงฝ่ ายเดียวกนั สามารถสังเกตุรู้ไดง้ ่ายท้งั ใน แผนทแ่ี ละในภูมิประเทศ เช่น หมู่บา้ น หรือทางแยก ถนนสะดวกแก่การเขา้ ติดตอ่ มีการจดั คนนาทางหรือ ทาเครื่องหมายขนาดใหญ่ใหม้ องเห็นไดช้ ดั ขณะรถวงิ่ เร็ว 6.6 สะดวกต่อการวางสายไปขา้ งหนา้ และขา้ งหลงั 6.7 ผลของสายไฟฟ้าแรงสูง , สถานีไฟฟ้า , เนินเขา , ป่ าทึบ, สะพานเหลก็ และตึกสูง 6.8 ใกล้กบั ภูมิประเทศที่เหมาะสม จะใชเ้ ป็ นสนามบินเบาหรือสนาม ฮ. หรืออยา่ งน้อยก็ให้ใกลก้ ับ พน้ื ทโี่ ล่งแจง้ เพอื่ ใชใ้ นการทงิ้ ขา่ วและตกข่าวและการปูแผน่ ผา้ สญั ญาณ 6.9 เสน้ ทางคมนาคมและสภาพการจราจร มีเสน้ ทางคมนาคมท่ีสะดวกสามารถใชไ้ ดท้ กุ ฤดูกาล ไม่เป็น อุปสรรคและเกิดความยงุ่ ยากในการควบคุมทางยทุ ธวธิ ี ไม่เป็ นหล่มโคลนหรือช่องทางทจ่ี ากดั 6.10 ความจาเป็นสาหรับทต่ี ้งั ทม่ี ีแนวเสน้ สายตาไปยงั หน่วยทหารฝ่ ายเดียวกนั สาหรบั การสื่อสารดว้ ย ทศั นสญั ญาณการปฏิบตั ิการเลือกที่ต้งั ท่ีบงั คบั การ ฝอ.3 เป็ นผูเ้ ลือกท่ีต้งั ที่บงั คบั การอยา่ งกวา้ ง ๆ ฝสส.จะ พจิ ารณาเลือกในเร่ืองการตดิ ตอ่ ส่ือสาร ฝอ.1 เลือกท่ีต้งั ทเ่ี ป็นไปไดข้ องฝ่ ายอานวยการและส่วนสนับสนุน อ่ืน ๆ ท่ตี ้งั ทก.ทีแ่ น่นอนจะถูกกาหนดโดย ฝอ.1 ร่วมกบั ฝสส. โดยไดร้ ับอนุมตั ิจากผบู้ งั คบั กองพนั 7. เจ้าหน้าทีส่ ่ือสาร เจา้ หนา้ ทสี่ ่ือสารของ ทก. จดั จากตอนสื่อสารหรือหมวดสื่อสารของกองพนั อานวยการสื่อสาร โดย ผบ.มว.ส. หรือ ฝสส. ภายใตก้ ารกากบั ดูแลของ ฝอ.3 เพ่อื ใหร้ ะบบการสื่อสารสนองความตอ้ งการ ทางยทุ ธวธิ ีไดท้ กุ ชนิดการรบโดยฉบั พลนั และทนั ทว่ งที

70 8. การสารองเคร่ืองมือส่ือสาร พจิ ารณาใชเ้ ครื่องมือส่ือสารใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการทางยทุ ธวธิ ี หลีกเลี่ยงการร้องขอความ ช่วยเหลือจากหน่วยเหนือ โดยปกติจานวนเครื่องมือส่ือสารของแต่ละหน่วยจะจดั ไวพ้ อดีแก่การควบคุม หน่วย (ไม่มีอะไหล่) อยา่ งไรก็ตามจะตอ้ งหาวธิ ีสงวนเครื่องมือส่ือสารจากบุคคลท่ีมีความสาคญั อนั ดบั รองลงไปเพอ่ื สารองไวแ้ กป้ ัญหาเมื่อเคร่ืองมือส่ือสารจากส่วนกาลงั รบเกิดการชารุด เพอื่ จะไดจ้ ดั ส่งไป ทดแทนไดท้ นั ท่วงทแี ละหมุนเวยี นส่งซ่อมได้ การหวงั พ่งึ การสนบั สนุนเคร่ืองมือสื่อสารจากหน่วยเหนือ กระทาไดย้ ากเพราะตา่ งก็มีเคร่ืองมือสื่อสารจากดั ตามอตั รา 8. เครื่องมือส่ือสารในที่บังคบั การกองพัน (ทก.พนั .) เคร่ืองมือส่ือสารของ ทก.พนั . จะประกอบดว้ ย วิทยุ, โทรศพั ท,์ นาสาร ส่วนเสียงสัญญาณและ แสงสญั ญาณจะใชน้ อ้ ยมาก ใน ทก.พนั มีวธิ ีการจดั และการใชเ้ ครื่องมือสื่อสารแต่ละชนิดดงั น้ี 8.1 แสงสญั ญาณ จดั ใหม้ ีใชใ้ นลกั ษณะพรางอยา่ งจากดั เพื่อพิสูจน์ฝ่ ายระหว่างผทู้ ี่จะเขา้ มายงั ท่ีบงั คบั การหรือระหวา่ งหมู่ระวงั ป้องกนั ทีบ่ งั คบั การหรือหมู่ตรวจหรือส่งข่าวส้นั ๆ 8.2 เสียงสญั ญาณ ระฆงั จดั ไวข้ า้ งประตูทางเขา้ ทก. เพอื่ ใหย้ ามรกั ษาการณ์ทบี่ งั คบั การตีระฆงั แจง้ เหตอุ นั ตราย สาหรับสญั ญาณไซเรน จะตดิ ต้งั สวติ ชอ์ ยใู่ นท่บี งั คบั การ 8.3 การนาสาร เสมียนศูนยข์ ่าวมีหน้าที่รับข่าว จดั ระเบียบข่าวและแยกข่าวให้ตอนเคร่ืองมือ ไม่มี หนา้ ท่ีสาเนาข่าว และยงั ทาหนา้ ที่นาสารระหว่างศูนยข์ ่าวกับศูนยข์ ่าวหรือศูนยข์ ่าวกบั ศูนยร์ ับ-ส่ง ไม่มี หนา้ ทรี่ บั ส่งขา่ วระหวา่ งบคุ คล การรับ-ส่งข่าวเป็นส่วนบคุ คลหรือการส่งข่าวภายในหน่วยเป็ นหน้าที่ของ เจา้ หนา้ ท่รี ับ-ส่งของศนู ยร์ บั -ส่ง ซ่ึงจดั จาก ฝอ.1 และการรับ-ส่งไปรษณียเ์ ป็นหนา้ ท่ีของนายสิบไปรษณีย์ ของ ฝอ.1 เช่นเดียวกนั 8.4 การสื่อสารทางสาย ตอนส่ือสารและ/หรือหรือหมวดส่ือสารติดต้งั ตสู้ ลบั สายในทบี่ งั คบั การหรือ ใกลท้ ี่บงั คบั การ และควรห่างจากที่ปฏบิ ตั งิ านของผบู้ งั คบั บญั ชาเพอ่ื ไม่เป็ นท่สี ่งเสียงรบกวน ทางสาย 1 คู่สายจะได้รับการวางมาจากหน่วยเหนือ เพ่ือเช่ือมต่อเป็ นระบบสื่อสารส่วนใหญ่ของหน่วยเหนือ ในทานองเดียวกนั ตอนสื่อสารหรือหมวดสื่อสารของกองพนั จะวางสายไปยงั ตสู้ ลบั สายของกองร้อย สาย ระหว่างตูส้ ลบั สายน้ีเรียกว่า ทางสายหลกั (Trunk Line) นอกจากน้ี จะวางสายไปยงั ส่วนระวงั ป้องกนั , หมู่ซ่อม, หมวดเสนารกั ษ,์ ร้อย บก. และส่วนบริการอื่นๆ ภายใน ทก. จะติดต้งั โทรศพั ทใ์ ห้กบั ผบ.พนั ., รอง ผบ.พนั ., ฝอ.2,3, ฝอ.1,4,5 และเจา้ หนา้ ท่ีรับ-ส่งของ ฝอ.1 ทางสายชนิดน้ีเรียกวา่ ทางสายภายใน (Local Line) ทางสายอีกชนิดหน่ึงเรียกว่า ทางสายตรง (Hot Line) มีความมุ่งหมายเพอ่ื ใชค้ วบคุมการยงิ และควบคุมการปฏิบตั ทิ างยทุ ธวธิ ีโดยใกลช้ ิด เป็ นทางสายระหวา่ งเครื่องโทรศพั ทต์ ่อเครื่องโทรศพั ทโ์ ดย ไม่ผา่ นตูส้ ลบั สาย สามารถเรียกรับข่าวและส่งข่าวไดร้ วดเร็ว ไดแ้ ก่ทางสายจาก บก.ป.พล., บก.ฉก.หรือ ป. ทสี่ นบั สนุนโดยตรง ผใู้ ชไ้ ดแ้ ก่ ผบ.พนั ., รอง ผบ.พนั ., ฝอ.2-3 และพลวิทยปุ ระจา ทก. การติดต้งั โทรศพั ท์ ภายใน ทก. ติดต้งั เท่าที่จาเป็ นและเพียงพอต่อการใชง้ าน ลาดับความเร่งด่วนในการติดต้งั โทรศพั ท์เป็ นไป ตามท่กี าหนดไวใ้ น รปจ.

71 8.5 การสื่อสารทางวิทยุ สถานีวทิ ยุ ณ ทก.พนั จะทาหนา้ ที่เป็ นสถานีบงั คบั ข่าย ( สบข. ) เพ่ือ ควบคุมข่ายบงั คบั บญั ชา, ข่ายธุรการและส่งกาลงั บารุง และข่ายอื่นๆ ตามความจาเป็ น ปกติสถานีวทิ ยจุ ะต้งั ห่างจาก ทก. ประมาณ 200 เมตร เพอ่ื หลีกเลี่ยงการถูกทาลายดว้ ยกระสุนปื นใหญ่นัดเดียวกนั กรณีน้ีตอ้ งจดั ชุด ควบคุมวทิ ยหุ ่างจากตวั เครื่อง (Remote Control) ไวท้ ่ี ทก. เพื่อให้ ผบ.พนั , รอง ผบ.พนั และ ฝอ. 2-3 ใช้ ควบคุมอานวยการรบ ถา้ เป็ น ทก.ที่มีบงั เกอร์แข็งแรง จะต้งั สถานีวทิ ยไุ วใ้ น ทก. ก็ไดท้ าให้สะดวกแก่ การใชข้ องผบู้ งั คบั บญั ชาไม่ตอ้ งใช้ ชุดควบคุมวทิ ยหุ ่างจากตวั เคร่ือง (Remote Control)โทรศพั ทส์ ายตรง (Hot Line) จะต้งั ไวใ้ กลก้ บั สถานีวทิ ยเุ พอื่ พนกั งานวทิ ยจุ ะใชไ้ ดส้ ะดวก สายอากาศแบบ Ground Plane มี ไวส้ าหรับติดต่อกบั หน่วยที่ออกปฏิบตั ิการในระยะไกล การจดั ข่ายวิทยพุ จิ ารณาหน่วยที่ปฏิบตั ิภารกิจ เดียวกนั ใชค้ วามถ่ีเดียวกนั หน่วยทีป่ ฏิบตั ติ ่างภารกิจใหใ้ ชค้ วามถ่ีอื่น ท้งั น้ีเพ่ือป้องกนั การสบั สนและลด ความคบั คงั่ ของขา่ ว โดยเฉพาะกรณีท่มี ีการปะทะกบั ขา้ ศกึ พรอ้ มกนั ฉะน้นั ณ ทก. อาจมีสถานีบงั คบั ข่าย 2 หรือ 3 สถานีกไ็ ด้ พนกั งานวทิ ยผุ ลดั หน่ึง ๆ ควรจดั 2 นายเพื่อช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีตลอด 24 ชวั่ โมง เพอื่ สามารถติดตามสถานการณ์ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่อง 8.6 ศูนยข์ ่าว มักจะต้งั อยบู่ ริเวณทางเขา้ ที่บงั คบั การ สถานีพลนาสารจะอยใู่ กล้กบั ศูนยข์ ่าว รถยนตน์ า สารจะจอดใกลเ้ คยี งกบั ศูนยข์ า่ วและสถานีพลนาสาร แหล่งรวมรถจะอยใู่ นทก่ี าบงั ซ่อนพรางห่างจาก ทก. พอสมควรและเป็นตาบลที่เม่ือถูกตรวจการณ์ทางอากาศพบจะไม่เป็ นท่ีเปิ ดเผย ทก.ดว้ ย 8.7 ลาดบั ความเร่งด่วนในการติดต้งั โทรศพั ทใ์ น ทก. โดยปกติมกั จะติดต้งั ใหก้ บั ตอนศูนยข์ ่าว, ฝ่าย ยทุ ธการ ( ฝอ.3 ), ผบ.พนั ., รอง ผบ.พนั , ฝ่ ายข่าวกรอง ( ฝอ.2 ), ฝ่ ายส่งกาลงั ( ฝอ.4 ), ฝ่ ายส่ือสาร (ฝสส. ), ฝ่ ายกาลงั พล ( ฝอ.1 ) และส่วนอ่ืนๆ 9. การจดั ภายในทบ่ี ังคบั การ ฝอ.1 รับผิดชอบการจดั ภายในท่ีบงั คบั การ และเป็ นผูเ้ ลือกท่ีต้งั ของส่วนต่างๆ ยกเวน้ ท่ีต้ัง ทางการสื่อสาร ผบู้ งั คบั บญั ชาและฝ่ายอานวยการจะอยู่ ณ ทซ่ี ่ึงสามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ฝสส. จะเลือกทตี่ ้งั ทางการสื่อสารโดยพจิ ารณาคุณลกั ษณะของวธิ ีการสื่อสารแบบต่างๆ เพ่อื ใหบ้ ริการต่อ ผบู้ งั คบั บญั ชาและฝ่ายอานวยการไดอ้ ยา่ งดีท่ีสุด 10.การจัดท่ีบงั คบั การด้านการส่ือสาร การจดั ทก. ดา้ นการสื่อสารคานึงถึงพ้ืนที่ที่เพยี งพอแก่การปฏิบตั ิงานของผูบ้ งั คบั บญั ชา ฝ่ าย อานวยการ เจา้ หนา้ ท่ตี ่างๆ สะดวกแก่การประชุม การรักษาความปลอดภยั และสะดวกตอ่ การใชเ้ คร่ืองมือ ส่ือสารร่วมกนั การจดั มี 2 แบบ ไดแ้ ก่ 1) แบบเครื่องมือส่ือสารต้งั นอก ทก. แบบน้ีสิ้นเปลืองโทรศพั ทส์ าย ตรง (Hot Line) ซ่ึงตอ้ งต่อระหว่างเจา้ หนา้ ท่ี ฝอ. 2-3 กบั พนักงานวทิ ยแุ ละ 2) แบบเคร่ืองมือสื่อสารต้งั ภายใน ทก. แบบน้ีสะดวกแก่การใช้เคร่ืองมือส่ือสารดีมาก สามารถใช้โทรศพั ทส์ ายตรง (Hot Line) ร่วมกนั ได้ ทาใหก้ ารประสานกบั หน่วยเหนือและการประสานกนั ภายในหน่วยกระทาไดอ้ ยา่ งแน่นแฟ้น แต่ตอ้ งเป็ น ทก. ท่ีแข็งแรงมีบงั เกอร์ป้องกนั มนั่ คง ผงั ที่น่ังของบุคคลต่างๆ ไม่เป็ นขอ้ กาหนดตายตวั เปล่ียนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม ถา้ ทาไดค้ วรแยก ฝอ. และเจา้ หนา้ ท่ีของตอน ฝอ. โดยการจดั เตน้ ท์ ปฏิบตั งิ านต่างหาก เพอ่ื สะดวกในการตดิ ต้งั เครื่องมือสื่อสาร

72 11.การปฏบิ ตั กิ ารสื่อสารในท่บี งั คบั การกองพัน จดั ใหม้ ีการปฏิบตั ิงานตลอด 24 ชม. มีการหมุนเวียนกาลงั พลเพื่อให้มีโอกาสพกั ผอ่ น จดั ให้มี วิธีการส่ือสารอย่างเพียงพอและใช้งานได้ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถรับข่าว–ส่งข่าวได้อย่างรวดเร็วมี ประสิทธิภาพและทนั เวลา ข่าวเขา้ ท้งั หมดจะส่งเขา้ มาที่ศูนยข์ ่าว ( ยกเวน้ ข่าวท่ีส่งมาทางไปรษณีย์ ) ข่าว ออกจะมีการดาเนินกรรมวธิ ี จดั ประเภทและเลือกวธิ ีการส่งข่าวท่ีเหมาะสม ยานพาหนะที่ผ่านเขา้ –ออก ทก. จะตอ้ งกวดขนั อยา่ งเขม้ งวดมีการกาหนดจุดลงรถและสถานท่ีจอดรถ 12. การศึกษาสถานการณ์ ผบู้ งั คบั บญั ชา, ฝอ. และเจา้ หนา้ ที่รวมท้งั พนกั งานวทิ ยจุ ะศกึ ษาสถานการณ์ไดจ้ าก สมุดบนั ทึกข่าว, สรุปผลการปฏบิ ตั ิประจาวนั , ขา่ วความเคลื่อนไหวของขา้ ศึก, ขา่ วพยากรณ์อากาศ, สญั ญาณผ่านประจาวนั , ข่าวธุรการและส่งกาลงั บารุง, แผนท่ีสถานการณ์ และคาสง่ั อื่นๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง 14. การจัดห้องปฏบิ ตั งิ านวิทยุ 14.1 จดั ต้ังสถานีวิทยุให้พอเพียงสาหรับเป็ นสถานีบงั คับข่าย เพ่ิมเติมด้วยเครื่องรับช่วยไวเ้ ปิ ดฟัง สถานการณ์ 14.2 สายอากาศแบบแส้ (Whip) และแบบสองทิศทาง (Long Wire) จดั ใหเ้ พยี งพอกบั เคร่ืองรับ-ส่งวทิ ยุ เพมิ่ เติมดว้ ยสายอากาศแบบ Ground Plane ไวท้ ุกยา่ นความถ่ี หรือจดั ต้งั เฉพาะความถี่ที่ไดร้ ับอนุมตั ิตาม ความเหมาะสม 14.3 แผงประมวลลับยทุ ธการ ประมวลลบั ตวั เลข ประมวลลับบุคคลสาคญั ( เท่าที่จาเป็ น ) ติดไว้ ดา้ นหนา้ พนกั งานวทิ ยเุ พอ่ื ใหส้ ามารถมองเห็นไดง้ ่าย 14.4 แผนทส่ี ถานการณ์สื่อสาร ติดต้งั ไวด้ า้ นหนา้ หรือดา้ นขา้ งเพอื่ สะดวกแก่การทาเคร่ืองหมาย (Plot) บนแผนท่ี 14.5 สรุปสถานการณ์ประจาวนั แผนการปฏิบตั กิ ารประจาวนั ของ ฝอ.3 พยากรณ์อากาศของ ฝอ.2 คาสง่ั ท่ีเกี่ยวขอ้ งอ่ืนๆ ข่ายวทิ ยุ และนาฬกิ า ตดิ ต้งั ไวด้ า้ นหนา้ ดา้ นขา้ งหรือดา้ นหลงั 14.6 นปสอ., นสอป., สมุดบนั ทกึ ขา่ ว, กระดาษเขยี นข่าว, กระดาษเปล่า, ปากกา, ดินสอเขียนแผนท่ี, วางไวบ้ นโตะ๊ ดา้ นหนา้ พนกั งาน 15.การเคล่ือนย้ายที่บงั คบั การ การยา้ ยทบ่ี งั คบั การบ่อยจะเป็ นการขดั ขวางตอ่ การปฏิบตั ิภารกิจ แต่เม่ือจาเป็นตอ้ งกระทาจะตอ้ ง ดาเนินการให้แลว้ เสร็จโดยเร็ว มีอุปสรรคน้อยที่สุด และสามารถดารงการติดต่อส่ือสารไดต้ ลอดเวลา โดยผบู้ งั คบั บญั ชาจะไปต้งั ที่บงั คบั การทางยทุ ธวิธีเป็ นอนั ดบั แรกและค่อยๆ เพิ่มเติมจนเป็ นที่บงั คบั การ อยา่ งสมบูรณ์ วิธีน้ีใชเ้ ฉพาะเมื่อมีการปฏิบตั ิของขา้ ศึกหรือมีขอ้ จากดั ในเร่ืองการขนส่ง เมื่อไดว้ างการ ตดิ ต่อสื่อสาร ณ ทก. แห่งใหม่แลว้ เสร็จ ทก. ใหม่และ ทก. เก่าจะทาการเปิ ดและปิ ด ทก.พร้อมกนั ฝอ.3 จะแจง้ ใหห้ น่วยเหนือ, หน่วยรอง, หน่วยขา้ งเคยี งทราบที่ต้งั ทก. ผบ. มว.ส. หรือ ฝสส.จะตอ้ งไดร้ ับทราบ แผนการเคล่ือนยา้ ย ทก.ล่วงหนา้ แต่เน่ินๆ และวางแผนไม่ใหก้ ารติดต่อสื่อสารขาดตอนเป็ นอนั ขาดการ ยา้ ย ทก. อาจมีเหตุผลเพ่ือความปลอดภัยของ ทก., หรื อเพ่ือให้สอดคล้องกับสถานการณ์

73 หรือเพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั ภมู ิประเทศ การยา้ ยท่บี งั คบั การควรพจิ ารณาในเร่ืองตอ่ ไปน้ี 15.1 จะตอ้ งมีการประสานเพอ่ื มิใหก้ ารสื่อสารขาดตอนและเสียการควบคุมก่อนการเปล่ียนแปลงที่ ต้งั ทบี่ งั คบั การ 15.2 ฝอ.3 จะประสานกบั ผบ.หมวดส่ือสารหรือ ฝสส.และ ฝอ.1 ก่อนท่ีจะมีการเสนอแนะทต่ี ้งั ทก. แห่งใหม่, กาหนดเวลาในการเคล่ือนยา้ ย ทก. และลาดบั การเคลื่อนยา้ ย ทก. ต่อผบู้ งั คบั บญั ชา 15.3 ฝอ. 1 จะประสาน ฝอ. ต่างๆ ดงั น้ี 1) ประสาน ฝอ.2 ในเร่ืองสถานการณ์ขา้ ศึก, สภาพภมู ิประเทศและสภาพลมฟ้าอากาศ 2) ประสาน ฝอ.4 ในเร่ืองการขนส่งและการส่งกาลงั บารุง 3) ประสานกบั ฝอ.5 ในเรื่องขอ้ พจิ ารณาเก่ียวกบั ดา้ นกิจการพลเรือน 4) ประสานกบั ฝสส. ในเรื่องการติดต่อส่ือสาร, การติดต้งั สถานีวทิ ยแุ ละการส่ือสารวธิ ีอื่นๆ 5) ประสานกบั หน.บก. ในเรื่องการเคล่ือนยา้ ย ทก., การระวงั ป้องกนั , การนาทาง และการแจง้ เวลาการเคลื่อนยา้ ย 15.4 การต้งั ทก. และการเคลื่อนยา้ ย ทก. จะตอ้ งมีการฝึกการปฏิบตั ขิ องเจา้ หนา้ ทอี่ ยา่ งสม่าเสมอ เพือ่ ใหเ้ กิดความคล่องตวั ในการปฏิบตั ิท้งั ในเวลากลางวนั และเวลากลางคืนโดยปกติแผนผงั แสดงท่ีต้งั ต่างๆ ของ ทก. จะเขียนไวใ้ น รปจ. ของหน่วย สามารถนา รปจ. น้ีมาใชเ้ ป็ นแนวทางปฏิบตั ิโดยปรับแก้ หรือเปลี่ยนแปลงใหเ้ หมาะสมกบั สภาพภมู ิประเทศและสถานการณ์ทางยทุ ธวธิ ี ************************** หลกั ฐานอ้างองิ : 1. นส. 101 – 5 (รร.สธ.ทบ.) 2. นส. 17 - 11 – 6 (รร.ม.ศม.)

74 ถนนภายใน ตัวอ ่ยางการติด ้ตังเค ่ืรอง ืมอ ื่สอสารภายในท่ีบังคับการ ผบ.พนั รองฯ ฝอ.3 ฝอ.2 นตต. หอ้ งเก็บ คลงั ห้องอัดสาเนา เอกสาร ฝอ.1 แผนที่สถนการณ์ ช่องทาง รับ - ส่ง รถไปรษ ีณย์ เสมยี น เจา้ หนา้ ที่ ฝอ.1 ยาม ระฆัง เสาธง ถนนหลัก ศูนยข์ ่าว สญั ญาณผา่ น หอ้ งประชุม ตูส้ ลบั สาย สถา ีนวิทยุ ฝอ.4และเจา้ หนา้ ที่ รถนาสาร แผนทยี่ ทุ ธการ ช่องทาง กระดานดา ธงไชยฯ นายยทุทธหกาารรเวรพนกั งานวทิ ยุ เจา้ หนา้ ที่ ฝอ.2-3 หอ้ งยทุ ธการ โทรศพั ทภ์ ายใน (Local Line) แผน ี่ท โทรศพั ทส์ ายตรง (Hot Line)

75 บทที่ 6 การสื่อสารในกองร้อยและกองพนั ทหารม้า (COMMUNICATIONS IN CAVALRY UNIT) 1. กล่าวท่วั ไป ทหารม้าเป็ นทหารเหล่าหน่ึงในกองทพั บกไทย ปัจจุบนั การจดั หน่วยทหารม้ามีการจดั ตาม ลกั ษณะการจดั ดงั น้ี เป็ นหน่วยระดบั กองพลเรียกว่า “กองพลทหารมา้ ” เป็ นหน่วยระดบั กรมเรียกวา่ “กรมทหารมา้ ” เป็ นหน่วยระดับกองพนั เรียกว่า “กองพนั ทหารมา้ ” เป็ นหน่วยระดบั กองร้อยอิสระ เรียกวา่ “กองร้อยทหารมา้ ลาดตระเวนกองพลทหารราบ” ส่วนการบงั คบั บญั ชา หน่วยทหารมา้ ได้ แยกประเภทตามการบงั คบั บญั ชาเป็น 2 ประเภทคือ ทหารมา้ ในอตั ราการจดั ของกองพลทหารมา้ และทหาร มา้ ในอตั ราการจดั ของหน่วยทอี่ ยนู่ อกกองพลทหารมา้ การแบง่ ประเภทของทหารมา้ ศูนยก์ ารทหาร มา้ ไดก้ าหนดหลกั นิยมและรูปแบบการจดั หน่วยทหารมา้ ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ปัจจุบนั โดยแบ่ง ประเภทของทหารมา้ เป็น 3 ประเภทคือ ทหารมา้ ลาดตระเวน, ทหารมา้ รถถงั และ ทหารมา้ บรรทุกยานเกราะ ทหารมา้ ท้งั 3 ประเภท ปัจจุบนั ได้จดั ต้งั ข้ึนแลว้ ประกอบดว้ ย 2 กองพลทหารมา้ , 6 กรมทหารม้า, 30 กองพนั ทหารมา้ , 5 กองร้อยอิสระ และ 1 กองร้อยทหารมา้ อากาศ จากท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ ทาให้ทหารมา้ แต่ละประเภทมีอตั ราการจดั เครื่องมือส่ือสารทแี่ ตกต่างกนั สาหรบั ในบทน้ี จะขอกล่าวเฉพาะหน่วย ทหารมา้ ระดบั กองพนั และกองรอ้ ย 2. เครื่องมือส่ือสารของกองพันทหารม้าและกองร้อยทหารม้า จะไดร้ บั แบ่งมอบตามอตั ราการจดั (อจย.) ของหน่วย ทหารมา้ ท้งั 3 ประเภท มีหมายเลข อจย. ที่ไม่เหมือนกนั แตล่ ะ อจย. ในส่วนของสายสื่อสารจะ ไดร้ ับเครื่องมือสื่อสารชนิดต่าง ๆ ตามภารกิจและความจาเป็ นของหน่วย สาหรับในบทน้ี จะนาเฉพาะ เครื่องมือส่ือสารประเภทวิทยทุ ่ีมีใน อจย. ของแต่ละกองพนั และกองร้อย รวมถึงชุดวทิ ยทุ ี่หน่วยไดร้ ับ ทดแทนและ/หรือจดั หาเองมาบรรจุไวใ้ นบทเรียนเพ่ือใช้ประกอบการจัดข่ายวิทยขุ องแต่ละหน่วย อยา่ งไรก็ตาม หลกั การใชเ้ ครื่องมือสื่อสารของทหารมา้ จะตอ้ งจดั ใหม้ ีเครื่องมือสื่อสารทุกประเภทไวใ้ ช้ เสริมซ่ึงกนั และกนั จะไม่จดั เพยี งประเภทใดประเภทหน่ึงเทา่ น้นั 3. ความรับผดิ ชอบต่อการสื่อสาร 3.1 ภารกิจของหน่วยจะสาเร็จลุล่วงไปดว้ ยดีน้นั ผูบ้ งั คบั บญั ชาทุกระดบั ช้นั จะตอ้ งมีมาตรในการการ บงั คบั บญั ชา (Command) และการควบคุม (Control) โดยใชก้ ารติดต่อส่ือสาร (Communication) เป็ น เครื่องมือ ในการนาขอ้ มูลข่าวสารไปยงั หน่วยและ/หรือบุคคลที่เกี่ยวขอ้ งไดร้ ับและปฏิบตั ิได้อย่าง ถูกตอ้ งและ ทนั ต่อเหตุการณ์ ดงั น้ัน การบงั คบั บญั ชา(Command), การควบคุม (Control) และการ ติดต่อสื่อสาร (Communication) หรือเรียกว่า C 3 จึงจาเป็ นตอ้ งมีใชค้ วบคู่กนั ไปเสมอ ในส่วนของการ ติดตอ่ ส่ือสารน้นั ก็จาเป็ นตอ้ งมีเคร่ืองมือสื่อสารเป็ นองคป์ ระกอบ ซ่ึงเหล่าทหารมา้ จดั เคร่ืองมือส่ือสาร ออกเป็น 5 ประเภทคอื ประเภทวทิ ย,ุ ประเภททางสาย, ประเภทการนาสาร, ประเภททศั นสญั ญาณ และ ประเภทเสียงสญั ญาณ ท้งั 5 ประเภทน้ี ถือวา่ มีความสาคญั เทา่ เทยี มกนั ดงั น้นั การวางแผนการใชง้ าน

76 จะตอ้ งจดั เตรียมไวท้ ุกประเภท เพราะโอกาสการใช้งานย่อมข้ึนอย่กู บั เวลาและสถานการณ์ การใช้ เครื่องมือส่ือสารเพยี งประเภทเดียวจะเป็นอนั ตรายต่อการบงั คบั บญั ชาและการควบคุม 3.2 ความรับผิดชอบในการวางการส่ือสาร ตอ้ งกระทาในทุกระดบั ของการบงั คบั บญั ชา และตอ้ ง ดารงไวซ้ ่ึงความเหมาะสม โดยอาศยั หลกั การดงั น้ี 3.2.1 หน่วยเหนือวางการตดิ ต่อส่ือสารไปยงั หน่วยรองและหน่วยข้นึ สมทบ 3.2.2 หน่วยสนบั สนุนวางการตดิ ต่อสื่อสารไปยงั หน่วยรับการสนบั สนุน 3.2.3 หน่วยเพม่ิ เติมกาลงั วางการติดต่อสื่อสารไปยงั หน่วยรับการเพม่ิ เติมกาลงั 3.2.4 หน่วยเคล่ือนทีผ่ า่ นวางการตดิ ตอ่ สื่อสารไปยงั หน่วยอยกู่ บั ท่ี (เมื่อมีการผา่ นแนวในพ้ืนท่ี ส่วนหนา้ ) 3.2.5 หน่วยอยกู่ บั ที่วางการติดตอ่ ส่ือสารไปยงั หน่วยเคล่ือนทีผ่ า่ น (เม่ือมีการผา่ นแนวในพ้นื ท่ี ส่วนหลงั ) 3.2.6 การวางการติดต่อส่ือสารระหว่างหน่วยขา้ งเคียง ผูบ้ งั คบั บัญชาระดับสูงข้ึนไปเป็ น ผกู้ าหนดข้ึนและ/หรืออาจถูกกาหนดไวใ้ นระเบียบปฏิบตั ิประจา (รปจ.) ของหน่วยก็ได้ แต่ถา้ ไม่มีการ สง่ั การและ/หรือกาหนดไว้ ให้ยึดถือหลกั วา่ หน่วยทางซ้ายตอ้ งวางการติดต่อสื่อสารไปใหห้ น่วยท่ีอยู่ ทางขวา (ซ้ายไปขวา) และหน่วยข้างหลังต้องวางการติดต่อส่ือสารไปให้หน่วยที่อยู่ข้างหน้า (หลงั ไปหนา้ ) 3.2.7 ในกรณีท่ีการติดต่อส่ือสารระหว่างหน่วยเกิดขาดหาย ให้ทุกหน่วยปฏิบตั ิการแกไ้ ข เพอ่ื ใหก้ ารติดต่อสื่อสารกลบั คนื สู่สภาพการใชง้ านปกติในทนั ที โดยไม่ตอ้ งคานึงวา่ ความรับผิดชอบน้ัน จะเป็ นของหน่วยใด 3.3 นายทหารฝ่ ายการส่ือสาร (ฝสส.) และ/หรือ ผบู้ งั คบั หมวดสื่อสาร (ผบ.มว.ส.) ของกองพนั จดั ต้งั การถ่ายทอดการสื่อสารตามคาสง่ั /นโยบายของผบู้ งั คบั กองพนั 3.4 ผูบ้ งั คบั กองร้อยตอ้ งรับผิดชอบต่อเครื่องมือส่ือสารที่มีอยใู่ นอตั ราของกองร้อยให้อยใู่ นสภาพ พร้อมรบเสมอ ซ่ึงสภาพความพร้อมรบของหน่วยจะข้ืนอยกู่ ับความชานาญเฉพาะบุคคลของกาลงั พล ,ความพร้อมของยทุ โธปกรณ์และความเอาใจใส่ดูแลอยา่ งจริงจงั ของผบู้ งั คบั หน่วย ในเร่ืองความชานาญ เกี่ยวกบั การใชเ้ ครื่องมือสื่อสารและการติดตอ่ สื่อสารส่วนใหญ่จะข้ึนอยกู่ บั ระเบียบปฏิบตั ิประจา (รปจ.) ของหน่วย และแต่ละหน่วยไดท้ าการฝึกตาม รปจ.ไดด้ ีเพยี งใด 3.5 ผบู้ งั คบั หมวดเป็ นผูร้ ับผิดชอบในการวางแผน, การซ่อมบารุง, การฝึ กและการใชร้ ะบบการ ติดต่อสื่อสารภายในหมวด นอกจากน้ีผูบ้ งั คบั หมวดยงั ตอ้ งรับผิดชอบการใชง้ านระบบการติดต่อสื่อสาร ภายใน กองร้อยอีกดว้ ย

77 4. ข้อพิจารณาการใช้เคร่ืองมือสื่อสาร 4.1 เคร่ืองมือสื่อสารในเหล่าทหารมา้ แบ่งออกเป็ น 5 ประเภท คือ ประเภทวทิ ยุ, ประเภททางสาย, ประเภท การนาสาร, ประเภททศั นสญั ญาณ และประเภทเสียงสัญญาณ ซ่ึงท้งั 5 ประเภทน้ีจะถูกใชเ้ ป็ น เครื่องมือสาหรับการตดิ ต่อสื่อสารของผบู้ งั คบั บญั ชาในการบงั คบั บญั ชาและควบคุมหน่วย โดยทวั่ ไปจะ ทราบกันดีในรูปของ C3 (Command, Control, and Communication) ดังน้ันในสายการบงั คบั บญั ชา (Chain of Command) และลาดบั การบงั คบั บญั ชา (Succession of Command) จึงมีความจาเป็ นตอ้ งทราบ การจดั หน่วยโดยตลอด และตอ้ งมีการเปิ ดช่องทางการสื่อสารเช่ือมโยงท้งั หน่วยเหนือ, หน่วยรอง และหน่วย ขา้ งเคยี ง ผบู้ งั คบั บญั ชาทกุ ระดบั หน่วยควรพจิ ารณาในเร่ืองการใชเ้ ครื่องมือส่ือสารดงั น้ี  จดั หาเคร่ืองมือสื่อสารไวท้ กุ ประเภทเพอ่ื ใชเ้ สริมซ่ึงกนั และกนั  จดั เตรียมมาตรการการตอ่ ตา้ นการรบกวน โดยระบุการปฏิบตั ิไวใ้ น รปจ. ของหน่วย เพอ่ื ใหห้ น่วยรอง ไดท้ ราบและปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งในกรณีทีถ่ ูกรบกวน  หลีกเลี่ยงการใชร้ ะบบการติดต่อส่ือสารท่ีมากเกินไป ควรใชเ้ มื่อจาเป็ นเทา่ น้นั  พยายามใชว้ ทิ ยใุ หน้ อ้ ยทีส่ ุด และตอ้ งฝึกใหพ้ นกั งานวทิ ยมุ ีวนิ ยั ในการใชว้ ทิ ยอุ ยา่ งเคร่งครัด  ใหค้ วามสนใจเป็นพเิ ศษในเร่ืองการดารงไวซ้ ่ึงการตดิ ต่อส่ือสารทางขา้ งอยา่ งมีประสิทธิภาพ 4.2 วนิ ยั ในการรกั ษาความปลอดภยั ทางการส่ือสาร การรักษาความปลอดภยั ทางการสื่อสาร คือ กระบวนการหน่ึงท่ีมีความมุ่งหมายเพ่ือ ปฏิเสธหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้บุคคลที่มิไดเ้ ก่ียวขอ้ ง หรือได้รับอนุมตั ิได้รับข่าวสารขอ้ มูลอนั มีค่าของ ฝ่ายเราไป ผบ.หน่วย จะประสบผลสาเร็จในการรักษาความปลอดภยั ทางการสื่อสารได้ โดยการนาการ รบั รองฝ่ายมาบงั คบั ใชภ้ ายในข่ายวทิ ยุ ท้งั น้ีเพ่อื ใหม้ นั่ ใจวา่ สถานีซ่ึงไดร้ ับอนุมตั ิแลว้ เท่าน้ันท่ีอยใู่ นข่าย ของหน่วยตน และอีกหนทางปฏบิ ตั หิ น่ึงก็คอื การจากดั การใชเ้ ครื่องส่งวิทยเุ ม่ือไม่มีการปะทะเกิดข้ึน แต่จะมีผลบงั คบั เฉพาะการใชง้ านทางธุรการเท่าน้นั โดยปกติวทิ ยทุ ุกเครื่อง ยกเวน้ ของ ผบ.หน่วย ควร อยใู่ นสถานการณ์ เงียบ-รับฟัง และจะเลิกใชส้ ถานการณ์ เงียบ - รับฟัง เมื่อเกิดการปะทะข้ึน หรือเมื่อ ผบู้ งั คบั บญั ชาสงั่ การ เจา้ หนา้ ท่ีสื่อสารทกุ คนตอ้ งทาความเขา้ ใจอยา่ งกระจ่างชดั ในเร่ืองการควบคุมวินัย, การลดเวลาการส่งวิทย,ุ การใชข้ ่ายวทิ ยุ และการใชล้ กั ษณะภูมิประเทศเป็ นที่ต้งั เสาอากาศระหว่างท่ีต้งั หน่วยฝ่ายเรา และหน่วยขา้ ศกึ สาหรับการใชท้ างสาย และ/หรือการนาสาร ควรนามาใชง้ านทุกโอกาส เมื่อสถานการณ์อานวย 4.3 การต่อตา้ นการรบกวนและการหาทิศวิทยุ เม่ือวิทยถุ ูกรบกวนพนักงานวิทยุ คือ เจา้ หน้าท่ี คนแรกที่ตอ้ งใชก้ ระบวนการตอ่ ตา้ นการรบกวนเขา้ แกไ้ ขเหตุการณ์ ดงั น้นั พนกั งานวทิ ยขุ องแต่ละหน่วย จึงควรไดร้ บั การอบรมใหม้ ีความรู้เก่ียวกบั เร่ืองตอ่ ไปน้ี

78 4.3.1 การพสิ ูจน์ทราบ พนกั งานวทิ ยตุ อ้ งใชค้ วามพยายามในการพสิ ูจนท์ ราบถึงสาเหตทุ มี่ าของ การรบกวน อย่าด่วนสรุปลงไปว่าเป็ นเทคนิคการรบกวนที่ข้าศึกกาลังใชอ้ ยู่ เพราะอาการที่เกิดข้ึน อาจเหมือนกบั อาการรบกวนที่เกิดข้ึนจากเคร่ืองวิทยเุ องก็ได้ การพสิ ูจน์ทราบกระทาไดโ้ ดยการถอด สายอากาศเครื่องรับวทิ ยอุ อก ถา้ เสียงรบกวนลดลงแสดงวา่ การรบกวนน้ันเกิดจากภายนอกเคร่ืองวทิ ยุ และ/หรืออาจถูกขา้ ศกึ รบกวน 4.3.2 ดารงการปฏิบตั ิต่อไป หลงั จากทราบวา่ เป็ นการรบกวนจากขา้ ศึก ให้พนกั งานวิทยดุ ารง การปฏิบตั ิงานต่อไปตามปกติ การกระทาดงั กล่าวน้ีอาจทาใหข้ า้ ศกึ หลงเขา้ ใจผิดคิดว่าการรบกวนน้ันไม่ ประสบผล พนกั งานวทิ ยปุ ฏิบตั งิ านต่อไปตามปกติจนกวา่ จะไดร้ บั คาสง่ั เปลี่ยนแปลง 4.3.3 การรายงาน พนักงานวิทยุทุกคนตอ้ งรายงานการถูกรบกวนไปให้หน่วยเหนือทราบ โดยใชเ้ ครื่องมือสื่อสารประเภทอื่น เช่น ทางสาย,พลนาสาร หรือ วทิ ยเุ ขา้ รหสั 4.3.4 การใชก้ าลงั ส่งต่า จะช่วยลดโอกาสจากการถูกขา้ ศึกตรวจพบสญั ญาณวทิ ยไุ ด้ 4.3.5 การซ่อนท่ีต้งั เสาอากาศ วธิ ีเอาชนะเครื่องคน้ หาทศิ ทางวทิ ยแุ บบง่ายๆ ก็คือ การเลือกทต่ี ้งั สายอากาศให้อยู่ด้านหลงั สิ่งกาบงั ในภูมิประเทศ เช่น หน้าผา,ภูเขา,อาคารสูงๆ เป็ นตน้ การ แพร่กระจายของคล่ืนวทิ ยจุ ะถูกหกั เหและสะทอ้ น เม่ือเกิดเหตุการณ์เช่นน้ีก็จะเป็ นการยากต่อการคน้ หา ท่มี าของคล่ืน แต่ในเวลาเดียวกนั ความแรงของสญั ญาณกจ็ ะมีผลนอ้ ยมาก พนกั งานวทิ ยตุ ิดต้งั สายอากาศ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ต่าเทา่ ท่ีจะเป็นไปได้ และยงั คงดารงการติดต่อส่ือสารใหเ้ พยี งพอกบั หน่วยรอง,หน่วยเหนือ และหน่วยขา้ งเคยี ง 4.3.6 การใชร้ ะบบบอกพวก พนกั งานวทิ ยแุ ละ ผบ.หน่วย พงึ ระวงั ในเร่ืองการลวงเลียนไวเ้ สมอ เพราะขา้ ศกึ มกั จะนามาใชใ้ นการขยายเวลาการตดิ ตอ่ สื่อสารใหน้ านออกไป พนกั งานวทิ ยตุ อ้ งมน่ั ใจและ จดจาเสียงของพนกั งานวทิ ยคุ ู่สถานีได้ ถา้ เกิดความสงสยั คู่สถานีภายในข่าย ควรใชร้ ะบบการบอกพวก ในทนั ที หรือใชว้ ธิ ีส่งขา่ วแบบเขา้ รหสั เพอื่ ช่วยลดการลวงเลียน 4.3.7 การต่อตา้ นการรบกวน ระเบียบปฏิบตั ิประจา (รปจ.) ของหน่วยจะกาหนดระเบียบ ปฏิบตั ิการต่อตา้ นการถูกรบกวนไว้ เมื่อข่ายวิทยกุ องร้อยถูกรบกวน ผบ.ร้อย.หรือ รอง ผบ.ร้อย. ซ่ึงทา การแทนในกรณีท่ี ผบ.รอ้ ย.ไม่อยู่ จะเป็ นผูต้ กลงใจในการเปลี่ยนไปใชค้ วามถ่ีอ่ืน เมื่อมีการเปล่ียนแปลง ความถ่ีใชง้ าน ควรใชว้ ทิ ยุ 1 เคร่ืองเปิ ดและต้งั ความถ่ีของข่ายเดิมไวช้ ว่ั คราว เพือ่ เป็ นการตรวจสอบมิให้ สถานีใดๆ หลงอยใู่ นขา่ ยเดิม แต่ตอ้ งระวงั การร้องขอความถ่ีใหม่โดยไม่ยอมแจง้ นามสถานีในข่ายเดิมน้ี ดว้ ย ความถี่ท่ีเปล่ียนไปใชใ้ นข่ายวทิ ยใุ หม่ตอ้ งรายงานใหห้ น่วยเหนือทราบโดยเร็วทสี่ ุดเท่าทีจ่ ะเป็ นไปได้ 5. การใช้เคร่ืองมือส่ือสาร การตดิ ต่อส่ือสารในกองร้อยและกองพนั ทหารมา้ ท้งั 3 ประเภท ไดแ้ ก่ ทหารมา้ รถถงั , ทหารมา้ บรรทุกยานเกราะ และทหารมา้ ลาดตระเวน ซ่ึงท้งั 3 ประเภทไดร้ ับมอบภารกิจท่ีแตกต่างกนั ไป แต่สิ่ง สาคญั ที่ทหารมา้ ท้งั 3 ประเภท ตอ้ งปฏิบตั ิเหมือนกนั น้ัน ก็คือ การบรรลุภารกิจท่ีไดร้ ับมอบ ในระดับ กองร้อย และ กองพนั น้ี ผบ.ร้อย.และ ผบ.พนั .เป็นผทู้ ี่มีบทบาทสาคญั จงึ ตอ้ งมีความเขา้ ใจ และรู้จกั ใช้

79 อานาจกาลงั รบใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ในรูปแบบของสงครามสมยั ใหม่ ปัจจยั สาคญั ประการหน่ึงที่ ผบ.ร้อย.และ ผบ.พนั . ตอ้ งใชเ้ พื่อสร้างความ ม่ันใจให้กับความสาเร็จในภารกิจของหน่วยก็คือ การ ติดตอ่ สื่อสาร (Communication) ซ่ึงถือวา่ เป็ นปัจจยั หน่ึงของมาตรการการบงั คบั บญั ชา (Command) และ การควบคุม (Control) หรือที่เรียกว่า C3 การติดต่อส่ือสารของหน่วยทหารมา้ ปัจจุบนั มีอยดู่ ว้ ยกนั หลาย วธิ ี แต่ละวธิ ีประกอบไปดว้ ยเคร่ืองมือสื่อสารชนิดต่างๆ ซ่ึงไดพ้ ฒั นาใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ปัจจุบนั ผบู้ งั คบั หน่วยในระดบั กองพนั ต้งั แต่ ผบ.พนั . จนถึง ผบ.มว. ตอ้ งมีความรู้ในเรื่องการส่ือสารอยา่ งถูกตอ้ ง เพราะการติดตอ่ สื่อสารเป็นปัจจยั หน่ึงท่จี ะทาใหก้ ารบงั คบั บญั ชาและการควบคุมไดผ้ ลสมบูรณ์ ภารกิจที่ ไดร้ ับมอบก็จะสาเร็จลุล่วง จากการแบ่งประเภททหารมา้ ซ่ึงอาศยั ปัจจยั ภารกิจเป็ นสาคญั ทาให้หน่วย ทหารมา้ ในปัจจุบนั มีภารกิจ 2 ประการ คอื ภารกิจในการลาดตระเวน ไดแ้ ก่ หน่วยทหารมา้ ลาดตระเวน และภารกิจในการดาเนินกลยทุ ธ ไดแ้ ก่ หน่วยทหารมา้ รถถงั และหน่วยทหารมา้ บรรทุกยานเกราะ ดงั น้นั การใชเ้ ครื่องมือสื่อสารของกองร้อยและกองพนั ทหารมา้ จึงมีความแตกต่างกนั ตามภารกิจของทหารมา้ แตล่ ะประเภท ซ่ึงจะกล่าวใหท้ ราบตอ่ ไป 6. หมวดรถถัง ผบ.มว.ถ. เป็ นผรู้ ับผิดชอบในการวางแผน, ซ่อมบารุง, การฝึก และการใชร้ ะบบการ สื่อสารภายในหมวด รวมถึงกองร้อย การเลือกใชเ้ ครื่องมือสื่อสารควรจดั ใหม้ ีทุกประเภทเพือ่ เป็ นการ ประกนั ว่า การบังคบั บญั ชาและการควบคุมสามารถกระทาได้อย่างต่อเนื่องซ่ึง ผบ.มว. ควรรู้และใช้ ขอ้ พจิ ารณาดงั ต่อไปน้ี.- 6.1 ประเภทวทิ ยุ วิทยุเป็ นเคร่ืองมือส่ือสารท่ีมีความอ่อนตวั มากที่สุดของหมวดรถถงั แต่ให้ความ ปลอดภยั นอ้ ยทส่ี ุด วทิ ยสุ ามารถส่งขา่ วไดร้ วดเร็วและถูกตอ้ งในระยะการตดิ ตอ่ ที่ตดิ ต่อถึงกนั ได้ แต่ถา้ ไม่มีอุปกรณ์รักษาความปลอดภยั ต่อร่วมกบั วทิ ยกุ ็เป็ นการล่อแหลมต่อการถูกขา้ ศึกดกั รับฟังได้ รถถงั ภายในหมวดแต่ละคนั จะติดต้งั ชุดวทิ ยแุ บบ FM. และใชเ้ ป็ นเครื่องมือส่ือสารหลกั ในการติดต่อส่ือสาร ภายในข่ายบงั คบั บญั ชาหมวด และในเวลาเดียวกนั ผบ.มว.และ รอง ผบ.มว.ก็ตอ้ งติดตามรับฟังขา่ ยบงั คบั บญั ชากองรอ้ ยดว้ ย การใชก้ ารเรียกขานสามารถลดความสับสนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ เช่น เมื่อเกิด การปะทะกบั ขา้ ศึก เป็นตน้ ในการใชว้ ทิ ยนุ ้นั ขา้ ศึกสามารถรบกวนขา่ ยวทิ ยไุ ดท้ กุ ขา่ ย ดงั น้นั ผบ.มว. และกาลงั พลภายในหมวดจึงควรมีความรู้และใชข้ อ้ ควรระวงั ท้งั หมดเท่าที่จะกระทาไดเ้ พอื่ เป็ นการ ป้องกนั การถูกรบกวนจากขา้ ศึกใหม้ ีผลกระทบนอ้ ยทส่ี ุด 6.2 ประเภททางสาย มว.ถ.สามารถใชท้ างสายในการตอ่ ข่ายโทรศพั ทส์ ายตรงแบบบว่ ง ( Hot Loop ) ข้นึ ซ่ึงขา่ ยโทรศพั ทส์ ายตรงน้ีจะอานวยความสะดวกใหร้ ถแต่ละคนั สามารถติดต่อส่ือสารกบั ผบ.มว. ได้ นอกจากน้ียงั สามารถต่อทางสายไปยงั ท่ีตรวจการณ์ / ทีฟ่ ังการณ์และทีบ่ งั คบั การกองร้อยได้ อี ก ด้ ว ย โอกาสการใชท้ างสายของ มว.ถ. ไดแ้ ก่ ในที่มน่ั ต้งั รับข้นั แรก, พ้ืนท่ีรวมพล ดว้ ยการใชอ้ ุปกรณ์ของ เคร่ืองตดิ ต่อภายในรถ AN/VIC-1 แทนระบบทางสาย กรรมวธิ ีการปฏบิ ตั ิโดยการใชส้ ายโทรศพั ทส์ นาม WD-1/TT ต่อปลายสายโทรศพั ทส์ นามระหวา่ งจุดตอ่ ปลายสาย LINE ที่กล่อง AM - 1780 ของรถแต่ละคนั เขา้ ดว้ ยกนั สวติ ช์ MAIN POWER ท่ี AM - 1780 ต้งั ไวท้ ่ีตาแหน่งINT ONLY สวติ ช์ MONITOR ที่

80 กล่องควบคุม C - 2298 ของพลประจารถแต่ละคนั ต้งั ไวท้ ี่ตาแหน่ง ALL หรือ INT ONLY สวิตชเ์ ลือก การใชง้ านที่หมวกพลประจารถ เวลาพูด-ใชต้ าแหน่งหลงั , เวลาฟัง-ใชต้ าแหน่งกลาง ในข้นั ตอนน้ีเรา สามารถต่อโทรศพั ทส์ นามเขา้ กบั ข่ายโทรศพั ทส์ ายตรง ณ จุดใดจุดหน่ึงก็ไดเ้ ม่ือตอ้ งการติดต่อส่ือสาร ภายในข่ายโทรศพั ท์ สาหรับรถถงั M.41, M.48 A5, และ ถ.เบา 32 ( Stingray ) สามารถต่อข่ายโทรศพั ท์ สายตรงทจ่ี ดุ ตอ่ ปลายสาย LINE ทก่ี ล่องควบคุม C - 2296 ซ่ึงติดต้งั อยู่ภายนอกที่ท้ายรถถังและที่กล่อง ควบคุมC – 2297 ของพลขับ ต้องต้ังสวิตช์ SIG - EXT - OFF ไวท้ ่ีตาแหน่ง EXT เพ่ือต่อวงจรเขา้ กบั AM-1780 และ C-2298 ของพลประจารถ นอกจากน้ียงั เป็ นการอานวยความสะดวกใหก้ บั ผบ.มว.ในการ ติดต่อสื่อสารกบั ท่ีตรวจการณ์ / ที่ฟังการณ์ หรือท่ีบงั คบั การกองร้อย โดยไม่ตอ้ งจดั ต้งั ข่ายโทรศพั ท์ สายตรงแบบบว่ ง ( Hot Loop ) ข้นึ ใหใ้ ชส้ ายโทรศพั ทส์ นาม WD – 1/TT ต่อโดยตรงที่หมุดรับปลายสาย ตาแหน่ง LINE ทกี่ ล่อง AM - 1780 ส่วนปลายอีกดา้ นตอ่ เขา้ กบั โทรศพั ทส์ นามทมี่ ีอยู่ ข่ายโทรศัพท์สายตรงแบบบ่วง ( Hot Loop ) 6.3 ประเภทการนาสาร เป็ นเคร่ืองมือสื่อสารท่ีปลอดภัยท่ีสุดท่ีมีอยู่ และดีที่สุดสาหรับการส่ง ข่าวสารที่มีจานวนมาก เช่น แผนการยงิ ของหมวด และรายงานสถานภาพ เป็ นตน้ การนาสารยงั เหมาะ ทีจ่ ะใชใ้ นโอกาสทมี่ ีการหยดุ พกั ในระหวา่ งการเคลื่อนยา้ ย หรือในท่ีรวมพล 6.4 ประเภททศั นสัญญาณ มว.ถ.จะใชท้ ศั นสญั ญาณในการส่งข่าวสารและแสดงตนต่อหน่วยทหาร ฝ่ ายเดียวกนั ทศั นสญั ญาณมีขีดจากดั การใชเ้ มื่อทศั นวิสยั เลว หรือการมองเห็นในแนวเส้นระดบั สายตามี ไม่เพยี งพอ โอกาสการใชท้ ศั นสญั ญาณ เช่น เมื่อทางานร่วมกบั ทหารราบหรือปฏิบตั กิ ารกูร้ ถจะใชม้ ือและ แขนสัญญาณ ส่วนธงสัญญาณในรถถังแต่ละคนั จะมีคนั ละ 3 ธง 3 สี ไดแ้ ก่ สีแดง, เขียว, เหลือง ความหมายของแต่ละสีเมื่อใชป้ ระกอบท่ากนั จะระบุไวใ้ น รปจ. การใชท้ ศั นสญั ญาณทุกชนิดข้ึนอยกู่ บั คาแนะนาปฏิบตั ิการสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ (นปสอ.) ของหน่วยเหนือ และข่าวที่จะส่งน้ันตอ้ งเป็ น ข่าวที่มีขอ้ ความส้นั ๆ ซ่ึงไดเ้ ตรียมและซกั ซอ้ มไวล้ ่วงหน้าแลว้ เคร่ืองมือส่ือสารประเภททศั นสัญญาณที่ ผบู้ งั คบั บญั ชาอาจกาหนดข้นึ ไดแ้ ก่ แสงไฟ, ไฟฉาย, พลุสญั ญาณ, กระสุนส่องวถิ ี, แผน่ ผา้ สญั ญาณ

81 6.5 ประเภทเสียงสญั ญาณ ส่วนใหญ่จะใชส้ าหรับดึงดูดความสนใจ, ส่งข่าวสารท่ีไดเ้ ตรียมการไว้ ล่วงหนา้ และบอกสญั ญาณเตอื น เครื่องมือท่ีใชใ้ นการทาเสียงสญั ญาณไดแ้ ก่ นกหวดี , แตร, ไซเรน,ระฆงั , เครื่องขยายเสียง และเครื่องจดุ ระเบดิ เป็ นตน้ ระยะและความชดั เจนของเสียงสญั ญาณส่วนใหญ่จะถูก ลดประสิทธิภาพลง โดยเสียงของการสูร้ บ และมีขีดจากดั ในเรื่องของความปลอดภยั 7. หมวดทหารม้า ( บรรทุกยานเกราะ ) การใชเ้ คร่ืองมือสื่อสารทางยุทธวิธีของหมวดทหารมา้ ( บรรทกุ ยานเกราะ ) คงยดึ ถือแบบอยา่ งการใชจ้ ากหมวดรถถงั เป็นหลกั ผบู้ งั คบั หน่วยตอ้ งนามาดดั แปลง ใหเ้ หมาะสมกบั อตั ราการจดั เคร่ืองมือสื่อสารของหน่วยท่ีมีอยู่ 8. หมวดทหารม้า ( ลาดตระเวน ) หมวดทหารมา้ ลาดตระเวนตอ้ งออกไปปฏิบตั ิภารกิจในพ้ืนที่ส่วน หนา้ ดว้ ยระยะทางไกลมาก ดงั น้ันจึงมีความจาเป็ นตอ้ งอาศยั เทคนิคการติดต่อสื่อสารท่ีมีประสิทธิภาพ สูง ซ่ึงเทคนิคเหล่าน้ี ไดแ้ ก่ วธิ ีการใชเ้ คร่ืองมือส่ือสารท่ีถูกตอ้ งเหมาะสมตามสถานการณ์หรือหว้ งเวลา การปฏิบตั กิ าร รวมถึงการใชค้ าพดู ในการรับ-ส่งอยา่ งมีประสิทธิภาพ ผบ.มว. ตอ้ งมีความมนั่ ใจในกาลงั พลท้งั หมดภายในหมวดว่ามีความเขา้ ใจในกระบวนการการสื่อสารและข่ายการติดต่อต่างๆ ท่ีหมวด ลาดตระเวนของตวั เองกาลงั ใชง้ านอยู่ เคร่ืองมือส่ือสารท่ีมีใช้อยใู่ นหมวดลาดตระเวนมีอยดู่ ว้ ยกัน หลายประเภท ผบ.มว. ตอ้ งมีความอ่อนตวั เพียงพอท่ีจะตอบสนองต่อสถานการณ์ใหม่อยา่ งรวดเร็ว ดงั น้นั ผบ.มว. ตอ้ งวางแผนการใชเ้ คร่ืองมือส่ือสารอยา่ งรอบคอบ โดยจดั วธิ ีการส่ือสารทุกประเภทไวใ้ ช้ เสริมซ่ึงกนั และกนั รปจ. ของหน่วยจะช่วยใหห้ มวดลาดตระเวนบรรลุซ่ึงภารกิจไดเ้ ป็นอยา่ งมาก 8.1 ประเภทวทิ ยุ วทิ ยเุ ป็นเคร่ืองมือสื่อสารหลกั ของหมวดลาดตระเวนท่มี ีความอ่อนตวั มากที่สุด และใชบ้ ่อยทีส่ ุด แต่มีความปลอดภยั นอ้ ยท่ีสุด การใชว้ ทิ ยใุ หม้ ีประสิทธิภาพมากท่ีสุด คอื ตอ้ งปฏบิ ตั ิตาม มาตรฐานระเบยี บการใชว้ ทิ ยโุ ทรศพั ท์ อยา่ งไรกต็ ามสญั ญาณวทิ ยอุ าจถูกขา้ ศึกตรวจพบ โดยการใชเ้ คร่ือง หาทิศทาง และเป็ นสาเหตุใหส้ ถานีวทิ ยถุ ูกทาลายไดโ้ ดยง่าย ผบ.มว. ตอ้ งใชม้ าตรการเขม้ งวดกวดขนั ให้ ผใู้ ชว้ ิทยมุ ีวนิ ยั ในการส่งวทิ ยุ กล่าวคือ การส่งวทิ ยทุ ุกคร้ังตอ้ งเขา้ รหัส ผูใ้ ชว้ ิทยพุ งึ ระลึกไวเ้ สมอวา่ ใน การส่งวทิ ยนุ ้นั ขา้ ศกึ กาลงั ดกั รับฟังการส่งขา่ วอยตู่ ลอดเวลา ดงั น้นั ความปลอดภยั ของหน่วยส่วนหน่ึง จึง ข้นึ อยกู่ บั วนิ ยั ในการรกั ษาความปลอดภยั ทางการสื่อสารของกาลงั พล 8.2 ประเภททางสาย ทางสายเป็ นเคร่ืองมือส่ือสารท่ใี ชไ้ ดใ้ นโอกาสเมื่อหน่วยหยดุ อยกู่ บั ท่ีเป็ น คร้ัง คราวหรือในระหวา่ งภารกิจทาฉากกาบงั นอกจากน้ีทางสายยงั สามารถใชไ้ ดใ้ นหลายๆ สถานการณ์ท่ี แตกตา่ งกนั ในกรณีที่อยใู่ นพ้ืนท่ีรวมพล มว.ลว. อาจวางข่ายโทรศพั ทส์ ายตรงแบบบ่วง(Hot Loop) ข้ึน ใชภ้ ายในหมวดก็ได้ ( ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ยานยนตร์ บท่ีใชแ้ ละอตั ราการจดั เคร่ืองมือส่ือสารประเภททางสาย ทมี่ ีอยู่ ) หรือวางสายตดิ ต่อกบั ทตี่ รวจการณ์/ฟังการณ์ และ/หรือทีบ่ งั คบั การหน่วยเหนือ 8.3 ประเภทการนาสาร เป็ นวธิ ีทีป่ ลอดภยั ท่สี ุดของหมวดลาดตระเวน การบริการนาสาร ใชก้ นั มาก ในทรี่ วมพล และอาจใชส้ าหรับการตดิ ต่อกบั บก.หน่วยเหนือกไ็ ด้ แต่ก็ไม่บอ่ ยนกั 8.4 ประเภททศั นสญั ญาณ ทศั นสญั ญาณใชส้ าหรับส่งขอ้ ความส้นั ๆ ที่ไดจ้ ดั เตรียมไวล้ ่วงหนา้ แลว้

82 การส่งตอ้ งรวดเร็วและในระยะใกลๆ้ ดว้ ยขีดจากดั ดงั กล่าวขา้ งตน้ ทาให้ มว.ลว.ไม่ค่อยมีโอกาสไดใ้ ช้ ทศั นสญั ญาณบ่อยนัก เพราะตอ้ งปฏิบตั ิภารกิจลาดตระเวนในระยะไกล แต่อยา่ งไรก็ตาม ผบ.มว.ก็ตอ้ ง เตรียมการและวางแผนการใชไ้ วด้ ว้ ย การใชท้ ศั นสญั ญาณตอ้ งมีความชดั เจนเพียงพอและ ผบ.รถ ตอ้ งมี ความเขา้ ใจในท่าสัญญาณ เช่น ในกรณีที่ปฏิบตั ิการขา้ มพ้ืนที่การรบ ผบ.รถ ทุกคนั ตอ้ งมีความตื่นตวั ตลอดเวลาต่อการที่จะรบั ทศั นสญั ญาณจาก ผบ.มว. แลว้ ส่งทศั นสญั ญาณน้ัน ต่อไปยงั ผบ.รถ คนั อ่ืนๆ ภายในหมวดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง มือและแขนสญั ญาณหรือธงสญั ญาณจะใชไ้ ดผ้ ลดีในหว้ งที่มีทศั นวสิ ยั ดี ไฟ ฉาย, เครื่องให้แสงสว่างทางเคมี หรือแสงชนิดอื่นๆ มีความจาเป็ นในห้วงทศั นวิสัยจากัด หมวด ลาดตระเวนตอ้ งทาการฝึกการใชท้ ศั นสญั ญาณประเภทแสงอยา่ งระมดั ระวงั ท้งั น้ีเพือ่ หลีกเล่ียงอนั ตรายท่ี จะเกิดข้ึนแก่หน่วยทหารฝ่ ายเดียวกนั ความหมายของทศั นสัญญาณชนิดต่างๆ จะกาหนดไวใ้ นขอ้ 5 ของ คาสงั่ ยทุ ธการ และในคาแนะนาปฏิบตั กิ ารส่ือสารและอิเลก็ ทรอนิกส์ ( นปสอ. ) ของหน่วยเหนือ 8.5 ประเภทเสียงสญั ญาณ เสียงสญั ญาณเป็นเคร่ืองมือส่ือสารท่ีใชใ้ นการดึงดูดความสนใจเป็ นหลกั ใชส้ าหรับการส่งข่าวสารท่ีไดจ้ ดั เตรียมไวล้ ่วงหน้าและใชใ้ นการส่งสัญญาณเตือนภยั แต่สามารถใชใ้ น ระยะใกลเ้ ท่าน้ัน เพราะเสียงสัญญาณจะถูกจากัดด้วยเหตุผลทางดา้ นการรักษาความปลอดภยั และภาวะ แวดลอ้ มความหมายต่างๆ ของเสียงสญั ญาณจะถูกระบอุ ยใู่ น นปสอ. และ รปจ. ของหน่วย 9. กองร้อยรถถังและกองร้อยทหารม้า ( บรรทุกยานเกราะ ) 9.1 ประเภทวทิ ยุ จดั เป็ นเคร่ืองมือสื่อสารหลกั ใชใ้ นโอกาสเมื่อเกิดการปะทะขา้ ศึก ถึงแมว้ ่าวทิ ยจุ ะ เป็ นเคร่ืองมือสื่อสารที่ให้ความรวดเร็วและอ่อนตวั สูง แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความปลอดภยั น้อยท่ีสุด เพราะเป็ นเคร่ืองมือส่ือสารท่ีล่อแหลมต่อการดกั ฟังและตรวจพบ เพอ่ื หลีกเล่ียงการตรวจคน้ จากเครื่องมือ หาทศิ ทางของขา้ ศกึ กองรอ้ ยตอ้ งใชเ้ ครื่องมือสื่อสารประเภทอ่ืนทม่ี ีอยทู่ ้งั หมดดารง การสื่อสารไว้ และ จะใชว้ ทิ ยเุ ม่ือมีความจาเป็นเทา่ น้นั การใชว้ ทิ ยอุ ยา่ งระมดั ระวงั และเป็ นห้วงส้ันๆ เป็ นสิ่งสาคญั ในการลด การปฏบิ ตั ิการสงครามอิเล็กทรอนิกส์ การจดั ข่ายและความถ่ีของกองร้อย มีความมุ่งหมายเพื่อการบงั คบั บญั ชา, การควบคุม, การประสานการปฏิบตั ิงานท้งั ทางยทุ ธวิธีและทางธุรการ,การส่งกาลงั บารุงและอ่ืนๆ ผบ.ร้อย.แต่ละ กองร้อยเป็ นผูก้ าหนดการจดั ข่ายวทิ ยขุ องกองร้อย โดยการพจิ ารณาหลกั การใชห้ น่วยและนาจานวน ความถี่ทไ่ี ดร้ บั อนุมตั ิตามคาแนะนาปฏิบตั ิการส่ือสารและอิเล็กทรอนิกส์ (นปสอ.) ของหน่วยเหนือมาใช้ ในการประกอบข่าย โดยปกติสถานีบงั คบั ข่าย ( สบข. ) ไดแ้ ก่ รถของ ผบ.ร้อย สถานีอ่ืนๆ ภายในข่าย เป็นสถานีรอง แต่ ผบ.ร้อย. อาจมอบหมายใหร้ ถคนั ใดคนั หน่ึงในกองบงั คบั การเป็ น สบข. ก็ได้ เพราะ หนา้ ทข่ี อง สบข. ก็คือ การรักษาวนิ ัยการใชว้ ิทยุ และดารงการติดต่อส่ือสารแทน ผบ.หน่วย สบข. จะ ไม่มีหน้าที่ใชว้ ิทยุสั่งการทางยทุ ธวิธี ด้วยเหตุผลน้ีจึงทาให้ ผบ.ร้อย. มีเสรีในการปฏิบตั ิมากข้ึน สามารถ สง่ั การทางวทิ ยจุ ากรถคนั ใดคนั หน่ึงภายในข่ายกองร้อยไดท้ ุกเวลาเม่ือตอ้ งการโดยปกติในการ ปฏบิ ตั ิ ผบ.ร้อย. จะมอบหมายใหร้ ถ ทก.รอ้ ย. เป็น สบข. ในเร่ืองความถ่ีของกองร้อย ( ดูผงั แสดงการจดั ความถี่ ร้อย.ถ. ) ผบ.ร้อย.เป็ นผูป้ ระกอบข่ายบงั คบั บญั ชากองร้อย โดยนาความถ่ีที่ ไดร้ บั อนุมตั ิตาม นปสอ. มาแบ่งมอบใหก้ บั นขต. กองร้อย ( บก.ร้อย. และหมวด ) ตามปกติข่ายบงั คบั

83 บญั ชากองรอ้ ย ประกอบดว้ ยความถ่ี 2 ประเภท คอื ความถ่ีคล่ืนแยก และความถ่ีคลื่นร่วม ความถ่ีแต่ ละประเภทมีความมุ่งหมายการใชท้ ี่แตกตา่ งกนั กล่าวคือ ความถี่คล่ืนแยกเป็นความถ่ีท่ใี ชต้ ิดตอ่ กบั นขต. กองรอ้ ย จะแบง่ เป็ นความถ่ีหลกั ( ก. ) และความถี่รอง ( ข. ) ท้งั น้ีเพอื่ เป็ นการสารองช่องการส่ือสารไว้ ในกรณีท่ถี ูกขา้ ศึกรบกวน (Jamming ) ส่วนความถ่ีคลื่นร่วม ( ค. ) เป็นความถี่เพม่ิ เติมทกี่ องร้อยอาจไดร้ ับ หรือไม่ไดร้ ับอนุมตั ิก็ได้ ในกรณีท่ีไม่ไดร้ ับอนุมตั ิ ผบ.ร้อย.อาจดดั แปลงความถ่ีคล่ืนแยกใชเ้ ป็ นความถี่ คล่ืนร่วมตามความจาเป็ น โอกาสในการใชค้ วามถี่คล่ืนร่วม ไดแ้ ก่ ในกรณีที่ ผบ.ร้อย.ตอ้ งการรวบอานาจ การบงั คบั บญั ชาท้งั กองรอ้ ย (ต้งั แต่ ทก.ร้อย.จนถึงรถลูกแถวทุกคนั ) เพอื่ ผลในดา้ นการปฏิบตั ิรวมการ เช่น การรวมอานาจการยงิ หรือการควบคุมรูปขบวนเดินทาง เป็ นตน้ ความถี่ข่ายบงั คบั บญั ชากองร้อยท้งั 2 ประเภท โดยปกตจิ ะ ใชง้ านท้งั ทางยทุ ธวธิ ีและทางธุรการ แตค่ วามถี่คล่ืนร่วมในทางปฏิบตั ิจะไม่นิยม ใชท้ างยทุ ธวธิ ี เพราะจะเกิดขอ้ เสียมากกวา่ ขอ้ ดี เพอื่ ให้ ผบ.รอ้ ย. มีเสรีภาพในการปฏิบตั ิการรบ รอง ผบ. ร้อย. จะทาหน้าที่ ช่วยเหลือ ผบ.ร้อย. โดยการติดตามรับฟังข่ายบงั คบั บญั ชากองพนั และถ่ายทอด ขา่ วสารสาคญั ๆ ใหก้ บั ผบ.ร้อย.ไดร้ ับทราบเท่าท่ีจาเป็ น นอกจากน้ี รอง ผบ.ร้อย. ยงั ตอ้ งทาหน้าท่ี เป็นผปู้ ระสานงานหรือ แนะนาและสนับสนุนการเคลื่อนยา้ ยในส่วนท่ี ผบ.ร้อย. ไม่สามารถควบคุมไดใ้ น ขณะทก่ี าลงั สง่ั การส่วนหน้าในระหวา่ งการรบ การติดต่อส่ือสารทางขา้ งระหวา่ ง ผบ.มว. และ ผบ.ร้อย. เป็นสิ่งสาคญั ยง่ิ ผบ.มว. ทุกคนตอ้ งส่งขา่ วใหท้ ราบซ่ึงกนั และกนั ตลอดการรบ ท้งั น้ีเพอ่ื ดารงการรายงาน เหตกุ ารณ์เกี่ยวกบั การรบทกี่ าลงั เกิดข้ึน และควรแจง้ ข่าวสารเกี่ยวกบั สถานการณ์ทางขา้ งหรือทางหลงั ของแต่ละหมวดให้ทราบซ่ึงกนั และกนั ด้วย เช่น การปฏิบตั ิของขา้ ศึก, การปฏิบตั ิของแต่ละหมวดท่ี กระทาตอ่ ขา้ ศกึ ไปแลว้ และ/หรือมีแผนจะปฏิบตั ิอยา่ งไรต่อไป รวมท้งั การใหค้ าแนะนาแก่ ผบ.มว. คน อ่ืนๆ และ ผบ.ร้อย. เม่ือ ผบ.ร้อย. รับทราบสถานการณ์ในพ้นื ท่ีรับผดิ ชอบของตนจากการติดตามการ ติดตอ่ ส่ือสารทางขา้ ง กจ็ ะสง่ั การปฏบิ ตั ไิ ปยงั หมวดตา่ งๆ โดยใชข้ ่ายบงั คบั บญั ชากองรอ้ ย

84

85 9.2 ประเภททางสาย จดั เป็นเครื่องมือส่ือสารรอง โอกาสในการใชม้ ีนอ้ ย แตจ่ ะกลายเป็ นเครื่องมือ ส่ือสารหลกั สาหรบั การรบดว้ ยวธิ ีรับ เช่น ใชใ้ นท่มี น่ั รบ, จุดตา้ นทานแขง็ แรง, ทีต่ รวจการณ์หรือฟังการณ์, ขบวนสมั ภาระรบ และพน้ื ท่ีรวมพล 9.3 ประเภทการนาสาร เมื่อหน่วยเขา้ วางกาลงั ในพ้ืนท่ีรวมพล หรือในท่ีมน่ั รบหรือเสริมความ มน่ั คงบนท่ีหมาย การนาสารจะถูกพิจารณานามาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะเป็ นเคร่ืองมือ สื่อสารท่ีให้ความคล่องตวั ,ปลอดภยั ดีท่ีสุดและเช่ือถือได้ดีกว่าเครื่องมือส่ือสารประเภทอื่นๆ แต่การ นาสารก็มีจุดอ่อนและขีดจากดั กล่าวคือ ตอ้ งใชค้ นทาหนา้ ท่ีเป็ นพลนาสาร จึงมีขีดจากดั ในเรื่องความ รวดเร็วและมีจุดอ่อนในเร่ืองความล่อแหลมต่ออันตรายที่อาจจะถูกยิงหรือตรวจพบจากขา้ ศึกได้เมื่อ ปฏบิ ตั กิ ารในแนวหนา้ เม่ือเปรียบเทยี บกบั เคร่ืองมือส่ือสารประเภทอื่น การนาสารควรพิจารณาในเร่ือง ความปลอดภยั ,เวลา,ชนิดและปริมาณของขา่ ว ในการใชพ้ ลนาสารน้นั ถา้ เป็ นไปไดค้ วรมีการฝึกวิธีการนา และรกั ษาเอกสารประกอบกบั การใชเ้ ส้นทางนาสารท้งั กลางวนั และกลางคืน (การใชพ้ ลนาสารน้ีควร เขียนรายละเอียดไวใ้ น รปจ. ของกองร้อยดว้ ย ) สาหรับการนาสารของกองร้อยรถถงั จะพิจารณาใช้ นายสิบติดต่อซ่ึงทาหนา้ ทพ่ี ลขบั รถ 1/4 ตนั ของ รอง ผบ.ร้อย. ปฏิบตั หิ นา้ ทพ่ี ลนาสารของกองร้อย เพราะ ไม่มีอัตราพลนาสาร การเดินเอกสารภายในใช้พลทหารประจากองบังคบั การ ถ้าเป็ นข่าวสาคญั ใช้ นายทหารสญั ญาบตั รเป็นพลนาสาร 9.4 ประเภททศั นสญั ญาณ จดั เป็ นเครื่องมือส่ือสารเพมิ่ เติมเพอ่ื ใชเ้ สริมเคร่ืองมือส่ือสารประเภทอื่น การใชท้ ศั นสัญญาณยอ่ มข้ึนอยกู่ บั ชนิดของการรบ, ความใกลไ้ กลของขา้ ศึก, ภูมิประเทศและลมฟ้า อากาศ ความมุ่งหมายในการใชก้ ็เพือ่ ใชเ้ ป็ นเคร่ืองมือส่งข่าวส้ันๆ ที่ไดเ้ ตรียมไวล้ ่วงหนา้ ในระยะใกลๆ้ ไดร้ วดเร็ว แต่จะไม่ใชเ้ พอื่ ทาใหเ้ ป็นการแสดงที่ต้งั แก่ขา้ ศึก หรือทาให้เกิดอนั ตรายแก่ทหารฝ่ ายเดียวกนั ทศั นสัญญาณท่ีใช้ ไดแ้ ก่ แสงไฟ, ธงสญั ญาณ, มือและแขนสัญญาณ, พลุสัญญาณ, แผน่ ผา้ สัญญาณ ส่วนความหมายของทศั นสัญญาณรวมท้งั วิธีการใชจ้ ะถูกกาหนดไวใ้ นคาแนะนาปฏิบตั ิการส่ือสารและ อิเล็กทรอนิกส์ ( นปสอ. ) ของหน่วยเหนือ หรือในระเบียบปฏิบตั ปิ ระจา ( รปจ. ) ของ กองรอ้ ย 9.5 ประเภทเสียงสญั ญาณ จดั เป็นเครื่องมือส่ือสารเพมิ่ เตมิ อีกประเภทหน่ึงทม่ี ีไว้ เพอื่ เสริมเครื่องมือ ส่ือสารประเภทอื่น เช่นเดียวกบั ประเภททศั นสญั ญาณ ความหมาย, วธิ ีการใชแ้ ละเวลาทจ่ี ะใชต้ อ้ งตกลง กนั ไวล้ ่วงหน้า โดยจะถูกกาหนดไวใ้ นคาแนะนาปฏิบตั ิการสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ ( นปสอ. ) ของหน่วยเหนือ หรือในระเบยี บปฏบิ ตั ิประจา ( รปจ. )ของกองรอ้ ย 10. กองร้อยทหารม้า ( ลาดตระเวน ) การตดิ ต่อส่ือสารเป็ นสิ่งจาเป็นตอ่ การปฏิบตั งิ านของทหารมา้ ลาดตระเวน เพราะการรายงาน ขอ้ มูลข่าวสารการรบ คือ พ้นื ฐานหนา้ ทีข่ องการลาดตระเวนและระวงั ป้องกนั ขา่ วสารท่ีไดม้ าตอ้ งเช่ือถือ ไดแ้ ละถูกส่งอยา่ งรวดเร็ว ทหารมา้ ลาดตระเวนตอ้ งออกไปปฏิบตั ิภารกิจในพ้ืนท่ีห่างไกลมากๆ จาก บก.ควบคุม รัศมีรับผดิ ชอบท้งั ดา้ นหนา้ และดา้ นขา้ งตอ้ งกวา้ งไกลและลึกมากท่ีสุดเท่าที่จะเป็ นได้ ท้งั น้ี เพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงข่าวสารอนั เป็นประโยชนต์ ่อหน่วยดาเนินกลยทุ ธ รวมท้งั ฝ่ ายอานวยการของหน่วยเหนือ อีกดว้ ย การไดม้ าซ่ึงข่าวสารน้ันอาจใชว้ ิธีการดกั ฟังหรือวิธีอ่ืนๆ ก็ได้ ดงั น้นั การติดต่อสื่อสารระหว่าง

86 หน่วยลาดตระเวนกบั บก.ควบคุม จึงตอ้ งใชเ้ คร่ืองมือส่ือสารที่ทนั สมยั และมีขีดความสามารถในการส่ง ระยะไกลไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ขอ้ พจิ ารณาการใชเ้ ครื่องมือสื่อสารของทหารมา้ ลาดตระเวนมีดงั น้ี.- 10.1 ประเภทวทิ ยุ จดั เป็นเครื่องมือสื่อสารหลกั ในการติดต่อส่ือสาร โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในระหว่าง ปฏิบตั ิภารกิจลาดตระเวนและระวงั ป้องกัน อย่างไรก็ตามหน่วยลาดตระเวนก็ยงั คงตอ้ งใชเ้ คร่ืองมือ ส่ือสารทุกประเภทเพ่ือเสริมและทดแทนวิทยุ อีกท้งั ยงั เป็ นการหลีกเล่ียงมิให้ขา้ ศึกตรวจพบจากการใช้ อุปกรณ์คน้ หาทศิ ทางไดอ้ ีกดว้ ย โดยปกติหน่วยทหารมา้ ทม่ี ีภารกิจในการดาเนินกลยทุ ธจะใชว้ ทิ ยรุ ะบบ VHF./FM. เท่าน้ัน แต่หน่วยทหารมา้ ลาดตระเวนจะใชท้ ้งั ระบบ VHF./FM. และ HF./AM. เสริมซ่ึงกนั และกนั สาหรับการจดั ข่ายและความถี่ของกองร้อยลาดตระเวน [ ดูแบบอยา่ งข่ายวิทยกุ องพนั ทหารม้า ( ลาดตระเวน ) ] การจดั ข่ายแบ่งออกเป็ น 2 ข่าย ไดแ้ ก่ ข่ายบงั คบั บญั ชากองร้อย FM. และข่ายบงั คบั บญั ชากองร้อย AM./SSB. ผบ.ร้อย. จะไดร้ ับแบ่งมอบความถี่จากคาแนะนาปฏิบตั ิการส่ือสารและ อิเลก็ ทรอนิกส์ ( นปสอ. ) ของหน่วยเหนือ เพอื่ นามาประกอบขา่ ยวทิ ยใุ หก้ บั นขต. กองร้อย ( บก.ร้อย. และหมวด ) การแบ่งมอบหน้าท่ีความรับผดิ ชอบภายในข่ายกองร้อย มีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกับกองร้อย รถถงั และกองร้อยทหารมา้ บรรทุกยานเกราะ ผบ.ร้อย. ตอ้ งดดั แปลงให้เหมาะสมกบั ภารกิจและเครื่องมือ ส่ือสารท่ีมีอยู่ 10.2 ประเภททางสาย ตามปกติจะถูกนามาใชส้ าหรับการติดต่อส่ือสารภายในที่บงั คบั การ และ ทร่ี วมพลหรือในโอกาสใดก็ตามท่ีสถานการณ์อานวย 10.3 ประเภทการนาสาร จะใชร้ ะหวา่ งทบ่ี งั คบั การ, ขบวนสมั ภาระ, บก.หน่วยเหนือ และหน่วยรอง ถึงแมว้ า่ การนาสารจะเป็นเคร่ืองมือส่ือสารทช่ี า้ กวา่ เคร่ืองมือส่ือสารทุกประเภทกต็ าม แต่ก็มีความปลอดภยั และเช่ือถือไดด้ ีทส่ี ุด สาหรับหน่วยลาดตระเวนโดยเฉพาะทหารมา้ อากาศ จะมีขีดความสามารถในการใช้ การนาสารมายงั พ้ืนท่ีส่วนหลังไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ, รวดเร็ว และทุกโอกาส ถึงแมว้ ่าหน่วยจะอยู่ ระหวา่ งการปะทะ และ/หรือ การตดิ ต่อส่ือสารทางวทิ ยจุ ะถูกขดั ขวางหรือถูกรบกวนกต็ าม 10.4 ประเภทเสียงและทศั นสญั ญาณ โดยปกติจะถูกกาหนดไวใ้ นคาแนะนาปฏิบตั ิการส่ือสารและ อิเล็กทรอนิกส์ ( นปสอ. ) ของหน่วยเหนือ ถา้ ไม่มีใน นปสอ. กองร้อยตอ้ งกาหนดข้ึนไวใ้ น รปจ. ของ หน่วย ผบู้ งั คบั หน่วยและฝ่ายอานวยการตอ้ งวางแผนและตกลงใจอยา่ งรอบคอบเกี่ยวกบั การใชเ้ สียงและ ทศั นสญั ญาณ 10.5 ประเภททางสายทอ้ งถ่ิน ( Local Telephones )ได้แก่ โทรศพั ท,์ โทรสารท่ีมีอยทู่ ว่ั ไปตาม ทอ้ งถ่ินแต่การท่ีจะนามาใชต้ อ้ งไดร้ ับอนุมตั จิ าก บก.หน่วยเหนือก่อน ในบางโอกาสหน่วยลาดตระเวนจะ พบวา่ วทิ ยไุ ม่สามารถใชเ้ ป็ นเคร่ืองมือในการส่งข่าวหรือถ่ายทอดขอ้ มูลข่าวสารได้ เพราะอยใู่ นพ้ืนท่ีท่ี ห่างไกลมากหรือพ้ืนที่ในการรับ-ส่งไม่อานวย หรืออุปกรณ์ของหน่วยขดั ขอ้ ง ประเภทของเครื่องมือ สื่อสารท่ีจะนามาใชน้ อกเหนือจากพลนาสารกค็ ือ ระบบทางสายทอ้ งถิ่น ดงั น้ันหน่วยลาดตระเวนจึงควร วางแผนและ/หรือเตรียมการไวล้ ่วงหน้าดว้ ย เช่น ควรรู้หมายเลขโทรศพั ท์ของหน่วยเหนือ ศึกษาและ ทาความคุน้ เคยกบั ระบบทางสายทอ้ งถิ่นและรู้หมายเลขโทรศพั ทฉ์ ุกเฉินท่ีจาเป็ น การใชร้ ะบบโทรศพั ท์ ทอ้ งถ่ินน้ีมกั ถูกมองขา้ มไปท้งั ๆ ท่ีเป็ นเคร่ืองมือส่ือสารท่ีมีประโยชน์มาก เพราะใหค้ วามรวดเร็ว, ใช้

87 ทดแทนวิทยไุ ด้ อย่างไรก็ตามทางสายทอ้ งถ่ินไม่ใช่เคร่ืองมือส่ือสารท่ีปลอดภยั และไม่ควรยดึ ถือเป็ น เคร่ืองมือสื่อสารหลกั แตส่ ามารถใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์อยา่ งสูงไดเ้ มื่อโอกาสอานวย 11. การจดั การสื่อสารของกองร้อยทหารม้า (ลาดตระเวน) กองพลทหารราบ อจย.17-57 พ. ดว้ ย ร้อย ( ม. ) ลว. เป็ นกองร้อยลาดตระเวน ท่ีข้นึ ตรงกบั กองพลทหารราบ จึงจดั เป็ นกองร้อย ทหารมา้ อิสระ ทมี่ ีการจดั การสื่อสารทีแ่ ตกต่างไปจากกองร้อยทหารมา้ แต่ละประเภท อยา่ งไรก็ตาม อจย. ท่ีใชก้ ็ยงั คงใช้ อจย. 17-57 พ. เช่นเดียวกับกองร้อยทหารม้า (ลาดตระเวน) ของกองพนั ทหารม้า (ลาดตระเวน) อจย.17-55 พ. กองร้อยทหารมา้ (ลาดตระเวน) กองพลทหารราบ มีอยดู่ ว้ ยกนั 5 กองร้อย ไดแ้ ก่  ร้อย ม.( ลว. ) ที่ 1 พล.1 รอ.  รอ้ ย ม.( ลว. ) ท่ี 5 พล.ร.5  ร้อย ม.( ลว. ) ท่ี 3 พล.ร 3  ร้อย ม.( ลว. ) ที่ 6 พล.ร.6  รอ้ ย ม.( ลว. ) ที่ 4 พล.ร.4 การจดั การสื่อสารของกองรอ้ ยทหารมา้ (ลาดตระเวน) กองพลทหารราบ มีดงั น้ี 11.1 การสื่อสารกบั บก.หน่วยเหนือ ( Communication to Higher HQ ) 11.1.1 ขา่ ยวทิ ยขุ องกองพล ( Division Radio Net ) แบง่ เป็ น 1) ขา่ ยบงั คบั บญั ชากองพล FM. ( บช.พล. FM. ) 2) ข่ายบงั คบั บญั ชากองพล AM./SSB. ( บช.พล.AM./SSB.) 3) ขา่ ยคาขอทางอากาศกองพล AM./SSB. 4) ข่ายการขา่ วกรองกองพล AM./SSB. 11.1.2 การสื่อสารภายในกองรอ้ ย ( Internal Troop Communications ) ประกอบดว้ ย 11.1.2.1 ข่ายวทิ ยุ ( Radio nets ) แบ่งเป็ น 1) ข่ายบงั คบั บญั ชากองร้อย FM. ( บช.รอ้ ย.FM.) 2) ข่ายบงั คบั บญั ชากองรอ้ ย AM./SSB. ( บช.ร้อย.AM./SSB.) 3) ข่ายบงั คบั บญั ชาหมวด FM. ( บช.มว.FM. ) 11.1.2.2 ระบบทางสาย ( Wire System ) 11.1.2.3 การนาสาร (messenger) รอ้ ย ม.( ลว.) พล.ร. ใชน้ ายสิบติดต่อซ่ึงปฏิบตั ิ หนา้ ทีเ่ ป็นพลขบั รยบ.¼ ตนั ของ ผบ.รอ้ ย. ทาหนา้ ที่เป็ นพลนาสาร แต่การนาสารพเิ ศษจะใชน้ ายทหาร ตดิ ตอ่ ส่วนการแลกเปล่ียนขา่ วสารในเขตหน้ากบั หน่วยอ่ืน เช่น มว.ลว. และการข่าวของ กรม ร. เจา้ หน้าที่ ตอนคอยเหตุจะแลกเปลี่ยนข่าวสารโดยตรง 11.1.2.4 ทศั นสญั ญาณ และเสียงสญั ญาณ ปฏิบตั เิ ช่นเดียวกบั ร้อย.ถ. …………………………………

88 หลักฐานอ้างองิ : 1. FM. 17 – 1 TANK & MECHANIZED INFANTRY COMPANY TEAM, 22 NOVEMBER 1988 (หน้า 2-28, - 2-32) 2. FM. 17 – 2 TANK & MECHANIZED INFANTRY BATTALION TASK FORCE, 17 AUGUST 1994 (หน้า 2-29, - 2-32) 3. FM. 17 – 15 TANK PLATOON, 7 OCTOBER 1987 (หน้า 2-21, 2-22) 4. FM. 17 - 95 CAVALRY OPERATIONS, 19 SEPTEMBER 1991 (หน้า 2-37, - 2-39) 5. FM. 17 – 98 SCOUT PLATOON, 9 SEPTEMBER 1994 (หน้า 2-37, 2-38) 6. นส. 17-11-6 (รร.ม.ศม.)

89

90

91

92

93

94 บทที่ 7 การสื่อสารทางยทุ ธวธิ ี (TACTICAL COMMUNICATIONS) 1. กล่าวทัว่ ไป ความตอ้ งการเบ้ืองตน้ ของระบบการสื่อสารทางยทุ ธวิธี จะตอ้ งจดั ใหม้ ีความรวดเร็ว, ความ เช่ือถือได้ และความปลอดภยั ในการส่งขา่ วการรบ และส่งขอ้ ตกลงใจของผบู้ งั คบั บญั ชาท้งั ภายใน และระหวา่ ง กองบญั ชาการหน่วยรบตา่ ง ๆ ระบบการสื่อสารดงั กล่าวน้นั จะตอ้ งสามารถเปล่ียนเสน้ ทาง (RE - ROUTE) ส่งข่าวใหม่ได้ เพอ่ื หลีกเล่ียงการถูกทาลาย, เพื่อลดความคบั คง่ั ของข่าว, และเพอ่ื เป็ นการจดั เสน้ ทางเขา้ ระบบเสียใหม่ใหเ้ พยี งพอสาหรับหน่วยรบ อาวธุ ยทุ โธปกรณ์ที่ไดผ้ ลดั เปล่ียนเขา้ มาสู่พน้ื ท่นี ้นั อยตู่ ลอดเวลา การใชเ้ คร่ืองมือสื่อสารอยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม หมายถึง การใชแ้ ต่เพียงเท่าที่ตอ้ งการและเท่าที่หน่วยจะ สามารถใหก้ ารสนบั สนุนได้ จะทาให้เกิดการเช่ือมโยงในการบงั คบั บญั ชาและการควบคุมตามท่ีตอ้ งการ โดยมีความส้ินเปลืองน้อยท่ีสุด ดังน้ันจะตอ้ งออกแบบสร้างและใช้ระบบการส่ือสารทางยุทธวิธีให้ เหมาะสมกบั ขีดความสามารถของกาลังคน (MANPOWER) และตรงตามความรับผิดชอบต่อภารกิจทาง ยทุ ธวิธีของหน่วย ผูบ้ งั คบั หน่วย, และฝ่ ายอานวยการที่ใหก้ ารสนับสนุน จะตอ้ งไม่ร้องขอหรือจะตอ้ งไม่ หวงั พ่งึ พาระบบการสื่อสารท่ีนอกเหนือไปจากความมุ่งหมายหลกั ของหน่วย ยง่ิ กวา่ น้ันระบบการส่ือสาร ควรจะจากดั การใชเ้ ฉพาะข่าวท่ีสาคญั เท่าน้นั เพราะระบบการส่ือสารทางยทุ ธวิธี ถา้ ใชส้ ่งข่าวที่ไม่สาคญั ภายในข่ายมากเกินไปจะทาให้ผูบ้ งั คบั บญั ชาได้รับข่าวท่ีสาคัญ ๆ น้อยลงหรืออีกนัยหน่ึงคือ ไม่ควร จดั ระบบการส่ือสารให้มีลกั ษณะท่ีจะใหม้ ีการส่งข่าวกนั อยา่ งฟ่ ุมเฟ่ื อย เพราะการกระทาเช่นน้นั จะทาให้ ประสิทธิภาพในการบงั คบั บญั ชาและการควบคุมทางการรบเสียไป ประการสุดทา้ ยควรจะใชว้ ินยั ในการ บงั คบั บญั ชาให้เกิดประโยชน์ในการควบคุมระบบการสื่อสารทางยทุ ธวธิ ี เช่นเดียวกบั ที่ใชค้ วบคุมอาวธุ , กระสุน, และยทุ โธปกรณ์อ่ืนๆ 2. การสื่อสารทางยทุ ธวธิ ีของหน่วยระดบั กองร้อย 2.1 การส่ือสารทางยทุ ธวิธีระดบั กองร้อย ณ ระดบั กองร้อย ใชพ้ ดู โตต้ อบกันส้ัน ๆ ระยะใกล้ และ โดยทวั่ ไปไม่ตอ้ งบนั ทึกการสื่อสารน้นั ไว้ ( เช่น แผน่ สาเนาโทรพมิ พ์ ) ระบบการสื่อสารระดบั น้ีก็เพียงพอ กบั ความตอ้ งการเบ้ืองตน้ ในการควบคุมตอนร่วม ( Joint Section Control ) การควบคุมบงั คบั บญั ชาหมวด และการควบคุมบงั คบั บญั ชากองร้อยต่าง ๆ ในกองทพั สนาม กองทพั น้อยและกองพลน้นั ตามปกติจะมี เครื่องมือประจาหน่วยเพียงพอท่ีจะจดั การสื่อสารเพ่ือบงั คบั บญั ชาและควบคุมภายในหน่วยของตน การ ติดต่อระยะต่าง ๆ น้ี คงใช้วิทยุข่ายบงั คบั บญั ชาแบบ FM. ชนิดสะพายหลัง และติดต้งั บนยานยนต์ สาหรับข่ายโทรศพั ทส์ นามของกองรอ้ ยทหารมา้ และ/หรือของกองรอ้ ยทหารราบ เมื่อเทียบกนั แลว้ ไม่ยงุ่ ยาก เหมือนหน่วยทหารปื นใหญ่ซ่ึงใชใ้ นข่ายบงั คบั บญั ชาและควบคุมการยงิ ในสภาวการณ์ท่ีเครื่องมือประจา หน่วย ไม่อาจสนองตอบความตอ้ งการได้ หน่วยเหนือจะตอ้ งช่วยเหลือใหก้ ารส่ือสารเพม่ิ เติม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook