Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการปฏิบัติและการประสานกรณีทหารถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา พ.ศ.๒๕๔๔

วิชาระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการปฏิบัติและการประสานกรณีทหารถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา พ.ศ.๒๕๔๔

Published by qacavalry, 2021-03-05 09:39:45

Description: วิชาระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการปฏิบัติและการประสานกรณีทหารถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา พ.ศ.๒๕๔๔
รหัสวิชา ๐๑๐๒๐๕๐๔๐๕
หลักสูตรนายสิบอาวุโส
แผนกวิชาทั่วไป กศ.รร.ม.ศม.

Search

Read the Text Version

1 โรงเรยี นทหารมา้ วิชา ระเบียบสานกั นายกฯ วา่ ด้วยการปฏิบตั ิ และการประสานกรณที หารถกู กลา่ วหาว่า กระทาความผิดอาญา พ.ศ.๒๕๔๔ รหัสวชิ า ๐๑๐๒๐๕๐๔๐๕ หลกั สตู รนายสิบอาวโุ ส แผนกวชิ าทั่วไป กศ.รร.ม.ศม. ปรัชญา รร.ม.ศม. “ฝกึ อบรมวชิ าการทหาร วทิ ยาการทันสมัย ธารงไวซ้ ึ่งคุณธรรม”

2 ปรชั ญา วสิ ยั ทศั น์ พันธกิจ วตั ถุประสงคก์ ารดาเนินงานของสถานศึกษา เอกลกั ษณ์ อัตลักษณ์ ๑. ปรัชญา ทหารม้าเปน็ ทหารเหลา่ หน่ึงในกองทพั บกที่ใชม้ ้าหรือส่ิงกาเนิดความเรว็ อ่ืนๆ เป็นพาหนะ เป็นเหล่าท่ีมีความสาคัญ และจาเป็นเหล่าหนึ่ง สาหรับกองทหารขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับเหล่าทหารอื่น ๆ โดยมีคุณลักษณะ ท่ีมีความคล่องแคล่ว รวดเร็วในการเคล่ือนท่ี อานาจการยิงรุนแรง และอานาจในการทาลายและข่มขวัญ อันเป็นคณุ ลกั ษณะที่สาคญั และจาเปน็ ของเหล่า โรงเรยี นทหารมา้ ศูนย์การทหารม้า มีปรชั ญาดงั น้ี “ฝกึ อบรมวชิ าการทหาร วิทยาการทนั สมัย ธารงไว้ซึ่งคุณธรรม” ๒. วิสยั ทัศน์ “โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้วิชาการเหล่าทหารม้าท่ีทันสมัย ผลติ กาลงั พลของเหลา่ ทหารมา้ ให้มลี กั ษณะทางทหารที่ดี มีคุณธรรม เพือ่ เปน็ กาลังหลักของกองทพั บก” ๓. พันธกจิ ๓.๑ วจิ ยั และพัฒนาระบบการศกึ ษา ๓.๒ พัฒนาคณุ ภาพครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ๓.๓ จดั การฝึกอบรมทางวชิ าการเหลา่ ทหารม้า และเหล่าอืน่ ๆ ตามนโยบายของกองทัพบก ๓.๔ ผลิตกาลงั พลของเหล่าทหารม้า ให้เป็นไปตามวตั ถุประสงค์ของหลักสูตร ๓.๕ พัฒนาส่อื การเรียนการสอน เอกสาร ตาราของโรงเรยี นทหารม้า ๓.๖ ปกครองบังคับบัญชากาลังพลของหน่วย และผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรต่างๆ ให้อยู่บนพ้ืนฐาน คณุ ธรรม จริยธรรม ๔. วตั ถปุ ระสงคข์ องสถานศกึ ษา ๔.๑ เพ่ือพัฒนาครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ให้กับผเู้ ข้ารับการศึกษาไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๔.๒ เพ่อื พัฒนาระบบการศกึ ษา และจดั การเรียนการสอนผ่านสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ ใหม้ คี ุณภาพอยา่ งตอ่ เนือ่ ง ๔.๓ เพื่อดาเนินการฝึกศึกษา ให้กับนายทหารช้ันประทวน ท่ีโรงเรียนทหารม้าผลิต และกาลังพลที่เข้ารับ การศกึ ษา ใหม้ ีความรู้ความสามารถตามท่หี นว่ ย และกองทพั บกตอ้ งการ ๔.๔ เพื่อพฒั นาระบบการบรหิ าร และการจัดการทรัพยากรสนับสนุนการเรยี นรู้ ใหเ้ กิดประโยชน์สงู สดุ ๔.๕ เพื่อพัฒนาปรบั ปรุงสื่อการเรยี นการสอน เอกสาร ตารา ใหม้ ีความทนั สมยั ในการฝึกศกึ ษาอย่างต่อเน่ือง ๔.๖ เพื่อพัฒนา วิจยั และให้บริการทางวิชาการ ประสานความร่วมมือ สร้างเครือข่ายทางวิชาการกับ สถาบันการศึกษา หน่วยงานอน่ื ๆ รวมทงั้ การทานุบารุงศลิ ปวัฒธรรม ๕. เอกลกั ษณ์ “เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ทางวิชาการ และผลิตกาลังพลเหล่าทหารม้าอย่างมีคุณภาพเป็นการ เพ่ิมอานาจกาลงั รบของกองทัพบก” ๖. อตั ลักษณ์ “เด่นสง่าบนหลงั มา้ เกง่ กล้าบนยานรบ”

3 ระเบยี บสานักนายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยการปฏบิ ัตแิ ละประสานงานกรณีทหารถูกหาว่ากระทาความผิดอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยที่เปน็ การสมควรปรบั ปรงุ ข้อตกลงระหวา่ งกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย เรื่องกา ปฏิบตั แิ ละประสานงานเกยี่ วกับกรณีทีท่ หารเปน็ ผู้เสียหายหรือเปน็ ผตู้ ้องหาในความผดิ คดีอาญา เน่ืองจากบดั น้ี มีการโอนกรมตารวจจากระทรวงมหาดไทยไปจดั ต้ังเป็นสานักงานตารวจแห่งชาติ และมีการปรบั ปรุงแกไ้ ข กฎหมายในสว่ นที่เกีย่ วกับตารวจ ทหาร พนักงานฝา่ ยปกครอง และวธิ ีพจิ ารณาความอาญาใหมแ่ ลว้ ประกอบ กับข้อตกลงบางข้อไมส่ อดคลอ้ งกบั การดาเนนิ กระบวนการยุตธิ รรมในเวลาปกติอันมใิ ช่ภาวะสงคราม จงึ สมควร ปรบั ปรุงแกไ้ ขใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพสังคม และกฎหมายโดยเฉพาะประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา และรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย อกี ทัง้ ควรกาหนดระเบยี บวธิ ปี ฏิบัติให้ชดั เจน สะดวกต่อผู้ปฏบิ ตั แิ ละ สามารถดาเนินการได้รวดเรว็ ไม่เสียหายต่อรปู คดีโดยคานงึ ถงึ หลกั ความสามัคคปี รองดอง และหลักการ ประสานงานระหว่างตารวจ ทหารกบั พนกั งานฝา่ ยปกครองในการร่วมมือและอานวยความสะดวก เพ่ือป้อง ปราม ปอ้ งกันหรือระงบั เหตุววิ าทมิให้ลกุ ลามต่อไป อนั จะชว่ ยรักษาความสงบเรยี บร้อยของสงั คมไดป้ ระการ หนึ่ง ขณะเดียวกนั กค็ านึงถงึ แบบธรรมเนยี มของแตล่ ะฝา่ ย ตลอดจนความจาเปน็ ขององค์กรในการดแู ลรักษา สถานท่ี ยานพาหนะ และอาวธุ ยุทโธปกรณ์ของตนให้ปลอดภัยและปกครองดแู ลบุคลากรใหอ้ ยูใ่ นวนิ ยั และได้รบั การปฏบิ ตั อิ ยา่ งมศี ักดิศ์ รี เปน็ ธรรมตามควรแกก่ รณี แต่ทั้งน้ตี อ้ งมิให้กระทบตอ่ สิทธิเสรีภาพของบุคคลอนื่ หรือ ฝ่าฝืนกฎหมายทีม่ เี พ่อื คุ้มครองบคุ คลทั่วไปโดยเสมอกนั อนั เปน็ การตอ้ งหา้ มตามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักร ไทยอาศยั อานาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) และ (๙) แหง่ พระราชบญั ญัตริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดนิ พ.ศ.๒๕๓๔ นายกรฐั มนตรโี ดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จงึ วางระเบียบไวด้ งั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรวี า่ ดว้ ยการปฏบิ ัติและประสานงานกรณีทหารถกู กล่าวหาว่า กระทาความผิดอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ขอ้ ๒ ระเบยี บนี้ให้ใช้บังคับตงั้ แต่วันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป ข้อ ๓ ใหย้ กเลิก ๓.๑ ข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกบั กระทรวงมหาดไทย เร่ืองการปฏบิ ตั แิ ละประสานงาน เก่ยี วกบั กรณีทีท่ หารเปน็ ผู้เสยี หายหรือเป็นผู้ตอ้ งหาในความผิดอาญา พ.ศ.๒๔๙๘ ๓.๒ ขอ้ ตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งการปฏบิ ตั ิกระสานงานเกี่ยวกับ กรณีที่ทหารเปน็ ผู้เสียหายหรอื เปน็ ผู้ตอ้ งหาในความผดิ อาญา พ.ศ.๒๔๙๘ (ฉบับท่ี ๑) พ.ศ.๒๕๐๗ ๓.๓ ขอ้ ตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกบั กระทรวงมหาดไทย เร่ืองการปฏบิ ัตแิ ละประสานงาน เกย่ี วกบั กรณที ท่ี หารเปน็ ผ้เู สียหายหรือเปน็ ผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ.๒๔๙๘ (ฉบบั ที่ ๒)พ.ศ.๒๕๑๒ ๓.๔ ขอ้ ตกลงระหวา่ งกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย เรื่องการปฏิบตั ิและประสานงาน เกีย่ วกบั กรณที ่ที หารเปน็ ผูเ้ สยี หายหรอื เป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ.๒๔๙๘(ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ.๒๕๑๘ ๓.๕ ขอ้ ตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกบั กระทรวงมหาดไทย เรือ่ งการปฏิบตั แิ ละประสานงาน เกีย่ วกับกรณีทท่ี หารเปน็ ผเู้ สยี หายหรือเปน็ ผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ.๒๔๙๘(ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ.๒๕๒๕ บรรดาขอ้ ตกลง ขอ้ บงั คับ ระเบียบ หรอื คาสั่งอน่ื ใดในส่วนทก่ี าหนดไว้แลว้ ในระเบียบนี้ หรือขดั แย้งกับระเบยี บ น้ใี หใ้ ชร้ ะเบยี บนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบน้ี “เขตทต่ี งั้ ทหาร” หมายความวา่ อาคาร สถานทห่ี รือบรเิ วณซง่ึ มีหน่วยทหารตัง้ อยู่ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการว่าด้วยการปฏบิ ตั ิและประสานงานกรณที หารถกู กล่าวหาวา่ กระทาความผดิ อาญา

4 “ตารวจ” หมายความวา่ ขา้ ราชการตารวจตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบขา้ ราชการตารวจ “ทหาร” หมายความว่า ข้าราชการทหาร ทหารกองประจาการ “พนักงานฝา่ ยปกครอง” หมายความวา่ เจ้าพนักงานซ่ึงมใิ ชต่ ารวจและทหาร แตม่ ีอานาจหนา้ ท่ีใน การรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่น “สง่ิ สื่อสาร” หมายความรวมถงึ จดหมาย โทรศัพท์ โทรเลข โทรสาร โทรพมิ พ์ วทิ ยุ และการ ตดิ ตอ่ ส่ือสารส่งข้อความทางอิเลก็ ทรอนิกสท์ กุ ชนิด ขอ้ ๕ ให้นายกรฐั มนตรรี ักษาการตามระเบยี บนี้ หมวด ๑ คณะกรรมการว่าด้วยการปฏบิ ตั แิ ละประสานงานกรณีทหารถูกกล่าวหาวา่ กระทาความผิดอาญา ข้อ ๖ องคป์ ระกอบของคณะกรรมการให้มคี ณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัตแิ ละประสานงานกรณี ทหารถูกกลา่ วหาว่ากระทาความผิดอาญาคณะหน่งึ ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงกลาโหม เปน็ ประธานกรรมการ (๒) ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ เป็นรองประธานกรรมการ (๓) ปลัดกระทรวงกลาโหม เปน็ กรรมการ (๔) ปลดั กระทรวงมหาดไทย เปน็ กรรมการ (๕) ปลัดกระทรวงยุตธิ รรม เป็นกรรมการ (๖) ผู้บัญชาการทหารสงู สุด หรอื เป็นกรรมการผู้บญั ชาการเหล่าทัพที่ผบู้ ญั ชาการทหารสูงสดุ มอบหมาย (๗) รองอัยการสงู สดุ คนหนึ่งตามท่ี เปน็ กรรมการอัยการสงู สุดมอบหมาย (๘) ข้าราชการตารวจระดับผู้บญั ชาการ เป็นกรรมการข้ึนไปคนหน่ึงตามทผี่ บู้ ญั ชาการตารวจแหง่ ชาติ มอบหมาย (๙) อธบิ ดกี รมการปกครอง เป็นกรรมการ (๑๐) เจ้ากรมพระธรรมนญู เป็นกรรมการและเลขานุการ ขอ้ ๗ อานาจหน้าทข่ี องคณะกรรมการคณะกรรมการมีอานาจหน้าที่ ดังนี้ (๑) วางมาตรการป้องกนั แกไ้ ข วนิ จิ ฉัย สั่งการหรอื ให้คาแนะนาแกเ่ จ้าหนา้ ท่หี รือผ้เู สียหายทีต่ อ้ ง ร้องเรียนเมื่อมีปัญหาในทางปฏบิ ตั ิอนั เกิดจากการใชร้ ะเบียบนี้ในกรณีทีเ่ ห็นว่าปญั หาใดเปน็ เร่ืองสาคัญอันควร ไดร้ ับคาวินจิ ฉัยหรอื ส่ังการให้มีผลเป็นการทวั่ ไปให้เสนอนายกรฐั มนตรีเพ่อื พจิ ารณา (๒) ออกข้อกาหนดเกย่ี วกบั แบบของหนังสอื ขนั้ ตอนหรอื รายละเอียดในการปฏบิ ัติและ ประสานงานกรณที หารถูกกล่าวหาวา่ กระทาความผิดอาญา ตลอดจนขอ้ กาหนดวา่ ดว้ ยการประพฤตปิ ฏิบตั ิตน ของทหาร พนักงานฝ่ายปกครอง และตารวจ ในการรักษาความสงบเรยี บร้อยของสังคม ขอ้ กาหนดดงั กล่าวให้มี ผลเมอื่ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๓) เสนอนายกรัฐมนตรใี ห้พิจารณาปรบั ปรงุ แก้ไขกฎ ระเบยี บคาสง่ั หรือขอ้ บงั คับ ซึง่ เก่ยี วขอ้ ง กับการปฏิบตั ิและประสานงานกรณที หารถกู หาว่ากระทาความผิดอาญา (๔) แต่งตงั้ คณะอนกุ รรมการ คณะทางาน หรอื มอบหมายใหบ้ ุคคลใดชว่ ยในการปฏบิ ตั ิงานของ คณะกรรมการบุคคลใดเหน็ วา่ ตนหรอื สมาชกิ ในครอบครวั ของตนไดร้ ับความเสียหายหรอื ความไม่เปน็ ธรรม เนอื่ งจากการที่ทหาร พนกั งานฝ่ายปกครองหรอื ตารวจ อ้างการปฏบิ ัติตามระเบยี บนี้ หรือละเลยการปฏิบัติ ตามระเบียบนี้ บุคคลน้นั มีสิทธริ อ้ งเรียนตอ่ คณะกรรมการหรอื ผู้ทค่ี ณะกรรมการมอบหมายเพอื่ แนะนา วินจิ ฉัย หรอื ส่งั การได้ตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการทค่ี ณะกรรมการกาหนด

5 หมวด ๒ การประสานงานระหวา่ งทหารกบั พนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจ ขอ้ ๘ การประสานงานกอ่ นเกิดเหตใุ หผ้ บู้ งั คับบัญชาของทหาร พนกั งานฝ่ายปกครองหรอื ตารวจ ส่งเสริมและสนับสนนุ ให้เจ้าหน้าทท่ี ุกฝ่ายมคี วามสามคั คีระหวา่ งกนั และพยายามป้องกนั หรอื ระงับความ ขดั แย้งเพ่อื มใิ หเ้ กดิ ความสงบเรยี บรอ้ ยขน้ึ โดยเฉพาะในบรเิ วณนอกเขตที่ตงั้ ทหารในการน้ี พนกั งานฝา่ ย ปกครองหรือตารวจอาจขอให้ฝ่ายทหารจัดสง่ สารวัตรทหารหรอื เจา้ หน้าทฝี่ า่ ยทหารไปรว่ มรกั ษาความสงบ เรยี บรอ้ ยในบางสถานท่หี รือบางโอกาสเพ่อื ปอ้ งปรามหรือป้องกนั เหตุรา้ ยไดต้ ามความจาเปน็ ขอ้ ๙ พนักงานฝา่ ยปกครองหรอื ตารวจขอความร่วมมือจากทหารในกรณีที่พนักงานฝา่ ยปกครองหรือ ตารวจสบื ทราบว่าทหารจะกระทาความผิดอาญา ใช้อิทธิพลในทางมิชอบ ก่อเหตเุ ดอื ดร้อนราคาญแก่ประชาชน หรือจะมกี ารก่อเหตุวิวาทนอกเขตทต่ี ง้ั ทหารไมว่ ่าจะเปน็ การกระทาโดยฝ่ายทหารทัง้ หมดหรือมีทหารร่วมอยู่ ดว้ ย ให้พนักงานฝา่ ยปกครอง หรอื ตารวจตักเตือนห้ามปรามไปตามอานาจหน้าที่ถา้ เกรงว่าจะไม่เปน็ ผลให้แจ้งเหตุแก่ฝา่ ยทหารโดยดว่ นเพื่อ ขอความรว่ มมือในการสอดส่องตรวจตรา ระงับยับยง้ั หรอื ปอ้ งกันมิให้มเี หตุรา้ ยเกิดขนึ้ เม่อื มีการรอ้ งขอหรอื แจ้ง เหตุดังกล่าว ให้ฝา่ ยทหารใหค้ วามร่วมมือตามความจาเปน็ ทั้งนี้ ทหาร พนกั งานฝ่ายปกครอง หรอื ตารวจท่ี ปฏบิ ัตหิ นา้ ทเี่ พ่อื ระงับเหตตุ อ้ งสวมเคร่อื งแบบ สว่ นจะนาอาวุธไปดว้ ยหรอื ไม่ ให้อยู่ในดุลพินจิ ของ ผู้บงั คบั บญั ชาผเู้ ป็นหวั หน้าหนว่ ยของฝ่ายนั้นๆ แตม่ ใิ หใ้ ช้อาวุธ เว้นแต่จะมคี วามจาเปน็ อันมอิ าจหลีกเล่ียงได้ หัวหน้าชดุ ของแตล่ ะฝ่ายทจี่ ะควบคุมไปต้องเป็นข้าราชการ นายทหาร หรอื นายตารวจชน้ั สัญญาบตั ร ห้ามมิให้ ทหาร พนกั งานฝา่ ยปกครอง หรอื ตารวจทม่ี ไิ ดร้ ับคาส่งั ไปยังสถานท่นี นั้ เองเป็นอนั ขาด ข้อ ๑๐ ทหารขอความรว่ มมือจากพนกั งานฝา่ ยปกครองหรือตารวจเมอ่ื ฝา่ ยทหารจบั กมุ ตวั ทหารที่ถกู หาวา่ กระทาผิดวนิ ยั ทหารหรอื กระทาความผดิ อาญาได้ และประสงคจ์ ะใชส้ ถานท่ี สงิ่ ส่ือสาร หรอื ยานพาหนะ ของพนกั งานฝา่ ยปกครอง หรือตารวจ เพื่อการสอบสวน หรือดาเนินการในส่วนของทหาร ให้ขอความร่วมมือ จากพนกั งานฝา่ ยปกครองหรือตารวจไดต้ ามความจาเป็น ข้อ ๑๑ หนว่ ยประสานงานการรอ้ งขอ การขอความร่วมมือหรอื การแจ้งเหตุใดๆ ตอ่ ฝ่ายทหารตาม ระเบยี บนี้ นอกจากการประสานงานกบั ผู้บังคบั บญั ชาต้นสงั กดั ของทหารผู้เก่ยี วข้องหรอื หน่วยทหารในเขตทีต่ ง้ั ทหารซ่งึ ใกล้ที่สุดกับบรเิ วณทีเ่ กิดเหตุหรือเช่อื ว่าจะเกิดเหตุโดยใช้สงิ่ ส่อื สารแล้ว พนักงานฝา่ ยปกครองหรอื ตารวจอาจประสานโดยใชส้ ่งิ สอ่ื สารกับหนว่ ยทหารอน่ื ในพื้นที่ไดต้ ามความจาเป็น ขอ้ ๑๒ การรายงานคดีในกรณที ่ีนายทหารช้นั สัญญาบัตรประจาการหรอื ข้าราชการกลาโหมพลเรือน ชน้ั สัญญาบัตรต้องหาวา่ กระทาความผิดอาญาอันมิใช่ความผิดลหโุ ทษ ความผิดประเภททพ่ี นกั งานสอบสวนมี อานาจเปรียบเทยี บได้ หรอื คดีทีเ่ สรจ็ ส้นิ หรอื ระงับไปในชนั้ พนักงานสอบสวนแลว้ ใหพ้ นกั งานสอบสวนรายงาน คดีตามลาดับถงึ ผู้บัญชาการตารวจแหง่ ชาติหรือผู้ได้รับมอบหมายเพือ่ แจง้ ให้กระทรวงกลาโหมทราบ หมวด ๓ การจับกุม การควบคุมและการรับตวั ทหารไปควบคุม ขอ้ ๑๓ การจบั กมุ ทหารในกรณมี ีคาสัง่ หรือหมายของศาลให้จับทหารผูใ้ ด ให้พนกั งานฝ่ายปกครอง หรอื ตารวจแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของทหารผ้นู ั้นทราบในโอกาสแรก เวน้ แต่เป็นการกระทาความผดิ ซึ่งหนา้ หรอื มีเหตุจาเปน็ อย่างอน่ื ที่กฎหมายใหจ้ ับไดโ้ ดยไมต่ ้องมีหมาย หรอื มเี หตุอันควรเชอ่ื วา่ ทหารผนู้ ั้นจะหลบหนกี าร จับกุมตามหมายในการจบั กมุ ทหารผใู้ ด ให้พนกั งานฝา่ ยปกครองหรือตารวจแจง้ ใหท้ หารผู้นนั้ ไปยงั ท่ีทาการของ

6 พนักงานฝา่ ยปกครองหรือตารวจ หากไมย่ อมไป ขดั ขวาง หรอื มเี หตอุ ันควรเชื่อวา่ จะหลบหนี ให้จับกุมได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และตามรฐั ธรรมนูญมาตรา ๒๓๗ โดยอาจรอ้ งขอใหส้ ารวัตรทหาร ช่วยควบคมุ ตัวผู้นน้ั ไปสง่ พนักงานฝา่ ยปกครองหรอื ตารวจก็ได้ หากทหารมีจานวนมาก ให้พนักงานฝ่าย ปกครองหรอื ตารวจรีบแจง้ ให้ฝา่ ยทหารทราบโดยเรว็ เพ่อื มาช่วยระงับเหตุและรว่ มมอื ในการจบั กุมทหาร ผ้กู ระทาความผิดไปดาเนินคดีในการจับกมุ ตามวรรคหน่ึง หากทหารผนู้ ้ันสวมเครอื่ งแบบอยู่ ใหป้ ฏิบัตติ ามข้อ ๑๔ โดยอนโุ ลม และหลีกเล่ียงการใช้เคร่อื งพนั ธนาการ เว้นแตม่ ีความจาเป็นอย่างย่ิงและมใิ หใ้ ช้อาวุธระหวา่ ง การจบั กุมโดยไม่จาเปน็ ถ้าเป็นกรณที หารและตารวจหรอื พนกั งานฝ่ายปกครองกาลังก่อการวิวาทกนั ให้รบี รายงานผูบ้ งั คับบญั ชาของแต่ละฝ่ายทราบทันทีและให้ผบู้ งั คับบัญชาท่ีเกย่ี วขอ้ งรีบออกไประงับเหตุโดยเรว็ ส่วน การดาเนินการขั้นต่อไปใหป้ ฏบิ ัตติ ามความในวรรคกอ่ น ข้อ ๑๔ การควบคุมตัวทหาร การควบคุมตวั ทหารทถ่ี ูกหาว่ากระทาความผิดอาญาและถกู จบั กุมตัวไปยังทที่ าการของพนักงานฝา่ ย ปกครองหรอื ตารวจ ให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญาถา้ ทหารที่ถูกจับกุมและควบคุมตวั สวมเคร่ืองแบบ ใหพ้ นกั งานฝา่ ยปกครองหรือตารวจดาเนนิ การดังนี้ (๑) แนะนาให้ทหารผู้นนั้ ทราบถงึ เกรียตขิ องเครอื่ งแบบทหาร และขอให้พิจารณาว่าจะถอดเครอื่ งแบบ หรอื ไม่ (๒) ถ้าทหารไมย่ อมถอดเคร่อื งแบบ ใหแ้ จง้ ฝา่ ยทหารทราบ เพือ่ จัดสง่ เจ้าหน้าท่ีฝา่ ยทหารมาแนะนาให้ ถอดเครื่องแบบแล้วดาเนินการตามวรรคแรก หากฝา่ ยทหารไมม่ าภายในระยะเวลาอนั สมควรหรอื ระยะเวลาท่ี กาหนด หรือดาเนนิ การใดๆ แลว้ ไม่เปน็ ผล ใหพ้ นักงานฝา่ ยปกครองหรอื ตารวจมาปฏบิ ัติตามวรรคแรกได้ และ บันทึกเหตุผลไว้ แล้วแจ้งเหตุนน้ั ให้ฝา่ ยทหารทราบ ข้อ ๑๕ การปลอ่ ยชั่วคราว การปลอ่ ยชว่ั คราวหรือการพิจารณาคาขอประกันทหารผู้ต้องหาให้เป็นไปตามรฐั ธรรมนูญมาตรา ๒๓๙ ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาอาญา และระเบียบปฏบิ ัตวิ า่ ดว้ ยการน้ีเช่นเดยี วกับผูต้ อ้ งหาทว่ั ไป ข้อ ๑๖ การรับตวั ทหาร เม่อื ควบคมุ ตัวทหารไวต้ ามขอ้ ๑๔ แล้ว ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรอื ตารวจแจ้งการจับกุมใหฝ้ า่ ยทหารท่เี ป็น ผู้บังคบั บญั ชาของทหารผนู้ นั้ ทราบทางสงิ่ ส่อื สาร หรือหนังสือโดยไม่ชกั ช้า และให้ดาเนินการดังตอ่ ไปน้ี (๑) หากฝา่ ยทหารแจ้งวา่ ไมป่ ระสงค์จะรับตวั ผ้ตู ้องหานัน้ ไปหรือไมม่ าขอรบั ตวั ภายในระยะเวลา ท่ีกาหนด ใหพ้ นกั งานสอบสวนควบคมุ ตวั และดาเนนิ การไปตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา แต่ ฝ่ายทหารอาจแจง้ ขอรบั ตัวมาภายหลงั จากนนั้ ได้ ในกรณเี ช่นนใี้ หด้ าเนินการตาม (๒) (๒) หากฝา่ ยทหารแจง้ วา่ ประสงค์จะรับตัวผตู้ อ้ งหาไปจากพนักงานสอบสวนกใ็ ห้นาหนังสือ ขอรบั ตวั ผู้ตอ้ งหามาแสดงต่อพนักงานสอบสวน ในกรณนี ีใ้ ห้พนกั งานสอบสวนทาหนังสอื ส่งมอบตวั และให้ บันทึกเป็นหลกั ฐานรวมเข้าสานวนไว้ พร้อมกับลงบนั ทกึ ในรายงานประจาวนั ด้วย (๓) หากพนกั งานฝา่ ยปกครองหรือตารวจเห็นว่ามคี วามจาเปน็ ในทางคดีท่จี ะตอ้ งนาตวั ทหาร ไปดาเนินการเพื่อประโยชน์แก่การรวบรวมพยานหลักฐานนอกจากการสอบปากคา เชน่ การนาชสี้ ถานทีเ่ กิด เหตุ การช้ีตวั การทาแผนประทษุ กรรม อาจขอดาเนินการก่อนที่จะส่งมอบตัวทหารผู้ตอ้ งหาให้ฝ่ายทหารรับตัว ไปก็ได้ ในกรณเี ชน่ นถี้ า้ ผตู้ อ้ งหาให้ฝ่ายทหาร ทนายความ หรือผ้อู ่นื ซึง่ ตนไว้วางใจอยใู่ นสถานทน่ี นั้ ด้วย ก็ให้ อนุญาตตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา และรฐั ธรรมนูญมาตรา ๒๔๑ และมาตรา ๒๔๒ หนังสือ ขอรบั ตวั และหนงั สอื สง่ มอบตวั ผู้ต้องหาตามขอ้ นีใ้ ห้เป็นไปตามแบบท่ีคณะกรรมการกาหนดในการรับตัวทหาร

7 ไปจากพนกั งานสอบสวน หากพนกั งานสอบสวนเห็นควรใหฝ้ า่ ยทหารควบคมุ ตวั ผูต้ อ้ งหาไวเ้ พอื่ ประโยชน์ทาง คดี ก็ใหแ้ จง้ เปน็ หนงั สือและใหฝ้ ่ายทหารดาเนนิ การตามกฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหารการรบั ตวั ทหารท่ี ได้รับบาดเจ็บและถกู ควบคุมตวั ไว้ ณ สถานพยาบาลให้ดาเนนิ การดงั กลา่ วข้างต้น แตใ่ หพ้ นักงานสอบสวนแจง้ ผ้มู หี น้าท่เี ก่ียวขอ้ งทราบดว้ ย หมวด ๔ การตรวจค้น ข้อ ๑๗ การตรวจค้นตวั บคุ คล การตรวจค้นตวั ทหาร ให้ผู้มีอานาจหนา้ ที่ปฏิบัตติ ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ข้อ ๑๘ การตรวจคน้ สถานที่และที่รโหฐาน การตรวจคน้ สถานทแ่ี ละทรี่ โหฐานของทหารทไ่ี ม่เก่ียวกบั ราชการทหารใหเ้ ปน็ ไปตาม ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา และรัฐธรรมนญู มาตรา ๒๓๘ การตรวจค้นสถานท่แี ละท่ีรโหฐานอนั เป็นเขตที่ต้ังทหารหรอื ของทางราชการทหาร นอกจากจะต้องปฏบิ ตั ิตามวรรคก่อนแล้ว ใหผ้ ้มู ีอานาจหน้าที่ใน การตรวจคน้ แจ้งให้ผบู้ ังคับบัญชาหรอื ผ้รู ับผดิ ชอบเขตทต่ี งั้ ทหารนน้ั ส่งผแู้ ทนไปอยู่ในการตรวจคน้ ดว้ ย ขอ้ ๑๙ การตรวจคน้ ยานพาหนะการตรวจคน้ ยานพาหนะของทหารไมว่ า่ จะเปน็ ของส่วนตัวหรือทาง ราชการทหารหรอื การค้นตวั ทหารท่ีอยู่ในยานพาหนะนั้นไม่ว่าจะสวมเครื่องแบบหรือไม่ก็ตาม ให้ผู้มีอานาจ หน้าท่ีปฏิบตั ติ ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และรัฐธรรมนูญ และใหท้ หารผคู้ รอบครองหรอื ผู้ ควบคุมยานพาหนะให้ความรว่ มมือและความสะดวกจนกว่าการตรวจคน้ จะเสรจ็ ส้ินการตรวจค้นยานพาหนะ ของทางราชการทหาร เชน่ รถสงคราม เคร่ืองบนิ เรอื ซึ่งชกั ธงราชนาวี ขณะปฏบิ ตั ิหน้าทีร่ าชการ และมี นายทหารชนั้ สัญญาบัตรควบคุมยานพาหนะนัน้ มา ผู้มีอานาจหนา้ ทตี่ รวจค้นจะตรวจคน้ ไดต้ อ่ เมอื่ มีหนังสอื อนมุ ัตจิ ากผู้บังคบั บัญชายานพาหนะนนั้ ๆ ต้ังแต่ชนั้ ผบู้ ังคับบัญชากองพลหรอื เทียบเท่าข้นึ ไปการตรวจคน้ ยานพาหนะของทางราชการทหารอนั ผูบ้ ังคับบัญชาฝ่ายทหารผูเ้ ปน็ หวั หน้าของหน่วยนั้นมีหนงั สอื รบั รองว่าจะ เปน็ เหตใุ ห้การปฏิบัติการยุทธ์พงึ เสียเปรยี บ ใหง้ ดการตรวจค้น ขอ้ ๒๐ การตรวจคน้ ส่งิ ของราชการลับในการตรวจค้น ถ้าไดร้ บั แจ้งจากฝา่ ยทหารวา่ สิง่ ของใดเปน็ ของ ราชการลับทางทหาร ให้ดาเนนิ การ ดังน้ี (๑) เมอ่ื นายทหารชัน้ สญั ญาบัตรที่เปน็ เจา้ หน้าที่เก่ียวข้องทาหนังสอื รับรองกากบั สง่ิ ของนน้ั และ แจ้งให้พนักงานฝา่ ยปกครองหรอื ตารวจทราบ ให้ผู้มอี านาจหนา้ ที่ตรวจคน้ งดเว้นการตรวจเฉพาะสิ่งของ ดงั กล่าว แล้วทาบันทึกเหตงุ ดเวน้ การตรวจคน้ พร้อมทั้งลงชอ่ื รบั รองทุกฝ่ายแลว้ รบี รายงานผบู้ ังคับบญั ชาทราบ (๒) ถ้าผู้มอี านาจหนา้ ทต่ี รวจค้นซงึ่ มตี าแหนง่ ตัง้ แตช่ ัน้ ปลัดอาเภอหรือหัวหนา้ สถานีตารวจขึน้ ไป ยงั ตดิ ใจสงสยั ทจ่ี ะตรวจคน้ ให้ทาเครอื่ งหมายลงชื่อทกุ ฝา่ ยปิดผนึกหรือกากบั ไวท้ ่ีหบี หอ่ หรอื ภาชนะบรรจุ สิ่งของนนั้ แล้วจดั ส่งสิง่ ของนน้ั ไปยังสถานทีป่ ลายทางตามท่ีตกลงกนั เพอื่ ร่วมกนั แตง่ ตัง้ คณะกรรมการเปิดตรวจ สง่ิ ของนน้ั ต่อไปถา้ สง่ิ ของใดอาจก่อให้เกดิ อนั ตรายแกผ่ ้ตู รวจค้นหรอื กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายอันจะทาใหท้ าง ราชการได้รบั ความเสยี หาย ไมว่ ่าจะเปน็ ส่ิงของราชการลับหรือไมก่ ต็ าม ใหด้ าเนนิ การตามวรรคกอ่ นโดยอนโุ ลม การตรวจค้นสิง่ ของใดอันผู้บงั คับบัญชาฝ่ายทหารผู้เปน็ หัวหน้าของหน่วยนน้ั มหี นงั สือรับรองว่าจะเปน็ เหตใุ ห้ การปฏิบัตกิ ารยทุ ธ์พงึ เสียเปรยี บให้งดการตรวจค้น ขอ้ ๒๑ การประสานการตรวจคน้ ในการตรวจค้นตวั บุคคล สถานทีแ่ ละทรี่ โหฐาน ยานพาหนะหรือ สง่ิ ของตามหมวดนี้ ใหก้ ระทาในเวลาและสถานที่อนั สมควร โดยใช้ความสุภาพนุ่มนวลตามควรแก่กรณี ถา้ มี

8 สารวัตรทหารอยู่ ณ สถานที่หรือบริเวณทีจ่ ะตรวจค้น ให้ผู้มีอานาจหนา้ ท่ีตรวจคน้ ประสาน โดยขอสารวัตร ทหารมารว่ มเป็นพยานในการตรวจค้นดว้ ย แตถ่ า้ ไม่มหี รือมีแต่สารวตั รทหารไม่ยนิ ยอมรว่ มเปน็ พยานก็ให้ บันทึกไว้ และเม่ือผมู้ ีอานาจหนา้ ที่ตรวจค้นดาเนนิ การเสรจ็ แลว้ ใหท้ าบนั ทึกพร้อมกับใหท้ ุกฝา่ ยลงชื่อรับรอง และตา่ งยึดถอื ไว้ฝา่ ยละหนึง่ ฉบบั หมวด ๕ การสอบสวน ขอ้ ๒๒ การสอบสวนคดีทหารฝ่ายทหารจะทาการสอบสวนการกระทาความผิดของทหารตาม กฎหมายว่าด้วยธรรมนญู ศาลทหารไดเ้ ฉพาะกรณีดงั ต่อไปน้ี (๑) คดีทีอ่ ยู่ในอานาจศาลทหารตามกฎหมายวา่ ดว้ ยธรรมนญู ศาลทหาร (๒) คดีที่ผู้กระทาผดิ และผู้เสียหายตา่ งอย่ใู นอานาจศาลทหารดว้ ยกนั ตามกฎหมายวา่ ด้วย ธรรมนญู ศาลทหาร ไมว่ า่ จะเกิดขึน้ ในเขตท่ีต้ังทหารหรือไมก่ ็ตาม (๓) คดอี าญาทีเกยี่ วด้วยวินยั ทหารตามกฎหมายว่าด้วยวินยั ทหาร (๔) คดอี าญาที่เกย่ี วด้วยความลบั ของทางราชการทหารในกรณีที่ฝ่ายทหารร้องขอให้พนกั งาน สอบสวนทาการสอบสวนโดยลาพังหรือร่วมกบั ฝ่ายทหารหรือช่วยดาเนินการอย่างอ่ืนเพอื่ ประโยชนใ์ นการ รวบรวมพยานหลักฐานเชน่ การสบื สวน การคน้ หรอื การจบั กมุ ใหพ้ นักงานสอบสวนใหค้ วามรว่ มมอื ตามท่ีฝ่าย ทหารร้องขอคดตี ามวรรคหนึง่ ถ้าฝา่ ยปกครองหรือตารวจไดร้ ับคาร้องทกุ ข์หรือคากล่าวโทษไวก้ อ่ นแลว้ หรอื ได้ ประสบเหตุและมคี วามจาเปน็ ตอ้ งสอบสวน ใหพ้ นกั งานสอบสวนทาการสอบสวนแลว้ รีบแจง้ ให้ฝ่ายทหารทราบ ถา้ ฝ่ายทหารไมม่ ารบั ตัวและไมแ่ จง้ ขอ้ ขัดข้องให้ทราบ ให้พนกั งานสอบสวนดาเนินการสอบสวนต่อไปไดจ้ น เสรจ็ สน้ิ ข้อ ๒๓ การสอบสวนคดอี าญาในกรณีที่ทหารเป็นผู้ตอ้ งหาในคดีอาญา ใหพ้ นักงานสอบสวนแจง้ ผบู้ ังคับบัญชาของทหารผนู้ น้ั ทราบ แล้วดาเนินการสอบสวนไปตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา และให้แจง้ สิทธิของผ้ตู อ้ งหาตามรัฐธรรมนูญ ให้ผู้ตอ้ งหาทราบ ดงั นี้ (๑) สทิ ธิท่จี ะขอประกนั ตวั ตามมาตรา ๒๓๙ (๒) สทิ ธิทจ่ี ะพบและปรึกษาทนายความเป็นการเฉพาะตัวในกรณถี ูกควบคมุ หรอื คุมขังตาม มาตรา ๒๓๙ (๓) สทิ ธิทจ่ี ะไดร้ ับการเยยี่ มตามสมควรในกรณถี ูกควบคมุ หรือคมุ ขงั ตามมาตรา ๒๓๙ (๔) สิทธิที่จะได้รับการสอบสวนดว้ ยความรวดเร็ว ต่อเนื่องและเปน็ ธรรมตามมาตรา ๒๓๙ (๕) สิทธทิ จ่ี ะให้ทนายความหรือผู้ซ่ึงตนไว้วางใจ เชน่ นายทหารพระธรรมนูญ หรือนายทหาร ช้ันสัญญาบัตร เขา้ ฟงั การสอบปากคาของตนได้ตามมาตรา ๒๔๑ (๖) สิทธทิ ี่จะตรวจหรือคดั สาเนาคาใหก้ ารของตนในชน้ั สอบสวนหรือเอกสารประกอบ คาใหก้ ารของตนตามหลกั เกณฑ์ของกฎหมาย เมอื่ พนกั งานอยั การได้ย่นื คาฟ้องคดตี ่อศาลแลว้ ตามมาตรา ๒๔๑ (๗) สทิ ธทิ ี่จะไดร้ ับความช่วยเหลือจากรัฐด้วยการจัดหาทนายความให้ตามหลักเกณฑข์ อง กฎหมายตามมาตรา ๒๔๒ (๘) สิทธทิ จ่ี ะไมใ่ หถ้ ้อยคาเปน็ ปฏิปักษต์ อ่ ตนเองอันอาจทาให้ตนถกู ฟ้องคดีอาญาตามมาตรา ๒๔๓ (๙) สิทธิทจ่ี ะได้รับการเตือนว่าถ้อยคาซึง่ เกิดจากการจงู ใจ มีคามั่นสญั ญา ขู่เขญ็ หลอกลวง ถูก ทรมาน ใชก้ าลงั บังคับหรอื กระทาโดยมิชอบประการใด ๆ ไมอ่ าจรบั ฟงั เป็นพยานหลักฐานได้ตามมาตรา ๒๔๓ ในกรณีมีเหตุอนั ควรสงสัยวา่ ทหารผู้ต้องหาไดก้ ระทาหรือจะกระทาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร

9 หรือกฎหมายว่าด้วยวนิ ยั ทหารด้วย ผูบ้ งั คบั บญั ชาของทหารผู้ต้องหาอาจสง่ นายทหารพระธรรมนญู หรือ นายทหารช้นั สญั ญาบัตรอืน่ ใดเข้าฟงั การสอบปากคาทหารผตู้ อ้ งหากไ็ ด้ในข้อ ๑๔ ขอ้ ๑๕ และขอ้ ๑๖ มาใช้กบั การควบคุมตวั และการปลอ่ ยชว่ั คราวทหารผู้ตอ้ งหาในระหวา่ งการสอบสวนโดยอนุโลม ทั้งนี้ ใหค้ านงึ ถึง กาหนดเวลาควบคมุ ตวั ตามกฎหมายว่าดว้ ยรัฐธรรมนญู ศาลทหาร และประมวลกฎหมาย วิธพี จิ ารณาความ อาญาดว้ ย ในกรณีท่ีฝ่ายทหารเหน็ ว่าการสอบสวนล่าช้า จะขอให้พนกั งานสอบสวนเร่งรดั หรือช้แี จงเหตุผลกไ็ ด้ ขอ้ ๒๔ คดีในอานาจศาลแขวงและคดที ี่เปรียบเทียบไดถ้ า้ ทหารผู้ตอ้ งหาคดีอาญาซงึ่ อยใู่ นอานาจศาล แขวงให้การรับสารภาพตลอดขอ้ หา ใหพ้ นกั งานสอบสวนดาเนินการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีพจิ ารณาความ อาญาในศาลแขวง โดยแจ้งให้ฝ่ายทหารทราบการจับกมุ และการฟ้องคดีดว้ ยถา้ คดีอาญาที่ทหารตอ้ งหาวา่ กระทาความผดิ น้นั อยูใ่ นอานาจของพนกั งานสอบสวนทจี่ ะเปรียบเทียบไดต้ ามกฎหมาย ไม่วา่ จะเปน็ คดที ีอ่ ยู่ใน อานาจศาลทหารหรือไม่ก็ตาม และทหารผู้ต้องหายินยอมใหเ้ ปรียบเทียบได้ ให้พนกั งานสอบสวนทาการ เปรียบเทยี บตามอานาจหน้าท่ี ถา้ ผู้ต้องหาไม่ยินยอมใหเ้ ปรียบเทยี บ ก็ให้ส่งสานวนการสอบสวนไปยงั พนักงาน อยั การหรอื อยั การทหารเพือ่ ดาเนินการตอ่ ไป ขอ้ ๒๕ การสอบสวนกรณที หารและตารวจก่อการวิวาทกัน ในกรณที ี่ทหารและตารวจกอ่ การววิ าทกนั ไม่วา่ จะมบี คุ คลอ่ืนรว่ มกระทาความผิดหรอื ได้รับความ เสยี หายด้วยหรอื ไมก่ ็ตาม ใหฝ้ ่ายตารวจรายงานตามลาดับชน้ั ถึงผบู้ ัญชาการตารวจนครบาลหากเหตเุ กดิ ใน กรุงเทพมหานคร หรือหวั หน้าตารวจภธู รจังหวัด หากเหตุเกดิ ในจงั หวัดอืน่ เพ่ือใหแ้ ตง่ ตัง้ คณะพนักงาน สอบสวนรว่ มกนั ระหว่างฝ่ายตารวจกับฝา่ ยทหารมีจานวนตามความจาเปน็ แห่งรปู คดี โดยให้แต่ละฝ่ายมีจานวน เทา่ กัน เมื่อการสอบสวนเสรจ็ สิน้ ให้พนักงานสอบสวนฝ่ายตารวจสั่งคดไี ปตามอานาจหนา้ ท่ีประกอบกับผลการ สอบสวนน้ัน ใหผ้ ู้บัญชาการตารวจแห่งชาตหิ รอื ผู้ได้รบั มอบหมายเปน็ ผมู้ ีความเห็นทางคดีแล้วส่งสานวนคดีให้ พนกั งานอยั การดาเนินการตอ่ ไปหากพนักงานสอบสวนฝ่ายหนึง่ ฝ่ายใดไม่มาร่วมการสอบสวนตามกาหนดนัด ใหค้ ณะพนกั งานสอบสวนร่วมกันเท่าท่มี ีอย่ดู าเนนิ การสอบสวนตอ่ ไปจนแล้วเสร็จเพอ่ื มิใหก้ ารสอบสวนล่าช้าจน เกดิ ความเสยี หายหรอื เป็นผลใหผ้ ตู้ อ้ งหาถกู ควบคุมตัวไวน้ านท้ังนี้ ใหบ้ ันทกึ การท่ีฝ่ายใดไม่มาร่วมทาการ สอบสวนตดิ สานวนไว้ด้วยในระหวา่ งรอการแต่งตงั้ หรอื รอการประชุมคณะพนักงานสอบสวนรว่ มกนั ตามวรรค หนงึ่ ใหพ้ นกั งานสอบสวนฝา่ ยตารวจปฏบิ ตั หิ น้าที่เท่าท่ีจาเปน็ กอ่ นไดต้ ามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความ อาญา เพือ่ มิใหเ้ สยี หายแก่รูปคดหี รอื เพือ่ ประโยชนแ์ กค่ วามเท่ยี งธรรมของคดี ข้อ ๒๖ การชนั สูตรพลกิ ศพในกรณีท่ีทหารตายโดยการกระทาของเจา้ พนกั งานซง่ึ อ้างวา่ ปฏบิ ัติการ ตามหนา้ ท่ี หรอื ตายในระหวา่ งอยู่ในความควบคมุ ของเจา้ พนักงานซง่ึ อา้ งวา่ ปฏิบัติการตามหน้าทีใ่ ห้จดั ใหม้ กี าร สอบสวนและชนั สูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา และให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ ผ้บู งั คบั บัญชาฝา่ ยทหารหรอื หน่วยทหารตามข้อ ๑๑ ทราบเพอ่ื ส่งนายทหารสัญญาบตั รเข้าฟงั การสอบสวนและ รว่ มสงั เกตการชนั สตู รพลกิ ศพด้วย หมวด ๖ การส่งสานวนการสอบสวน ข้อ ๒๗ การส่งสานวนและผตู้ อ้ งหาใหอ้ ยั การเมื่อการสอบสวนเสรจ็ สน้ิ ลง ให้พนักงานสอบสวน ดาเนนิ การ ดังน้ี (๑) ถา้ เปน็ คดอี าญาซ่ึงอยู่ในอานาจศาลทหารตามกฎหมายว่าดว้ ยธรรมนูญศาลทหาร ใหส้ ง่ สานวนการสอบสวนไปยงั อยั การทหารเพื่อดาเนินการตามหนา้ ที่ต่อไปส่วนผู้ตอ้ งหาน้นั ถา้ ไดม้ อบตัวให้

10 ผบู้ ังคับบญั ชารบั ไปควบคุมไว้กอ่ นแลว้ ตามข้อ ๑๖ กอ็ าจไมต่ อ้ งขอรับตัวมาดาเนินการอกี แต่ใหบ้ นั ทึกและแจง้ ใหอ้ ัยการทหารทราบว่าไดม้ อบตวั ผู้ตอ้ งหาให้ผู้บังคับบัญชาผ้ใู ดรับตวั ไปแลว้ ตงั้ แต่เมอ่ื ใด (๒) ถา้ เป็นคดีอาญาซ่งึ อย่ใู นอานาจศาลยตุ ิธรรม ใหส้ ่งสานวนการสอบสวนพร้อมทง้ั ตัวทหาร ผู้ตอ้ งหาไปยงั พนกั งานอยั การเพื่อดาเนนิ การตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญาตอ่ ไป การสง่ ตวั ทหารผู้ต้องหาทอี่ ยู่ในการควบคุมของผบู้ ังคับบัญชา ให้พนกั งานสอบสวนแจง้ ให้ผบู้ ังคับบัญชาเพื่อสง่ ตัวทหารผู้ น้ันมายงั พนักงานสอบสวนตามสถานที่และเวลาท่ีกาหนดเพื่อสง่ ให้พนกั งานอัยการพรอ้ มกบั สานวนในกรณีท่ี พนกั งานอยั การสัง่ ฟ้องไม่ทันในวันน้นั หากมิไดม้ ีการปลอ่ ยช่วั คราว ใหพ้ นักงานอยั การมอบตวั ผตู้ ้องหาใหอ้ ยู่ใน ความควบคุมของพนักงานสอบสวนสาหรบั ในกรุงเทพมหานคร สว่ นในจงั หวดั อ่ืนให้ฝากตัวผตู้ ้องหาใหเ้ รอื นจา ควบคมุ ไว้ ข้อ ๒๘ การสง่ สานวนใหอ้ ัยการทหารใหพ้ นกั งานสอบสวนส่งสานวนการสอบสวนไปยงั อัยการทหาร เพอ่ื ดาเนนิ การตามกฎหมายว่าดว้ ยธรรมนูญศาลทหารตอ่ ไปในกรณีดังต่อไปนี้ (๑) คดอี าญาซึง่ พนกั งานสอบสวนมีอานาจเปรยี บเทยี บไดแ้ ละเปรยี บเทียบเสรจ็ แลว้ หรอื ทหาร ผตู้ ้องหาไมย่ อมใหเ้ ปรียบเทียบตามขอ้ ๒๔ วรรคสอง (๒) คดอี าญาซง่ึ อยูใ่ นอานาจศาลทหารและยังจบั ตวั ทหารผูต้ ้องหาไม่ได้ (๓) คดอี าญาซึง่ อยู่ในอานาจศาลทหารและจบั ตวั ทหารผู้ตอ้ งหาได้แตห่ ลักฐานไม่พอฟอ้ งหรือ พนักงานสอบสวนเห็นควรส่ังไมฟ่ ้อง (๔) กรณมี คี วามตายเกดิ ข้นึ โดยการกระทาของฝ่ายทหารซึ่งอ้างว่าปฏิบัตกิ ารตามหนา้ ที่ (๕) กรณีทพ่ี นกั งานสอบสวนทาการสอบสวนคดีทหารตามทีฝ่ า่ ยทหารร้องขอตามข้อ ๒๒ วรรค สอง เสร็จสน้ิ แลว้ ในกรณที ี่ฝ่ายทหารเปน็ ผูท้ าการสอบสวนเกย่ี วกับคดีท่ีตอ้ งทาการชนั สูตรพลกิ ศพเมื่อพนกั งาน สอบสวนชันสตู รพลิกศพตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญาเสรจ็ แล้ว ให้พนักงานสอบสวนส่งสานวน ชันสตู รพลิกศพไปให้เจ้าหน้าที่สอบสวนฝา่ ยทหารตามท่ไี ด้รับการร้องขอ ขอ้ ๒๙ การแจ้งผลคดเี พอื่ การประสานงานในคดีอาญาซึง่ ทหารเปน็ ผู้ตอ้ งหาและอยู่ในอานาจศาล ยุติธรรมให้พนักงานสอบสวนและพนกั งานอยั การแจ้งผลคดีเพ่ือการประสานงาน ดงั น้ี (๑) เมอื่ พนักงานสอบสวนเหน็ ควรสงั่ ฟอ้ งหรอื ไม่ฟอ้ ง ให้หวั หน้าพนกั งานสอนสวนหรอื หวั หน้า สถานตี ารวจที่เกีย่ วข้องแจง้ ความเห็นทางคดชี ้ันสอบสวนไปยังฝ่ายทหาร (๒) เมื่อพนักงานอัยการมคี าสงั่ ฟอ้ งหรือมีคาส่ังเดด็ ขาดไม่ฟ้องแลว้ ให้พนักงานอยั การแจง้ คาสัง่ ดงั กลา่ วไปยงั ฝ่ายทหาร (๓) เมื่อศาลยุตธิ รรมมคี าพพิ ากษาประการใด ใหพ้ นกั งานอยั การแจง้ คาพพิ ากษาของทกุ ช้นั ศาลไปยังฝ่ายทหาร (๔) ในกรณีทท่ี หารผ้กู ระทาผิดต้องคาพิพากษาถึงทีส่ ดุ ให้ลงโทษจาคุกและฝ่ายทหารทไี่ ดร้ ับแจ้ง ตอ้ งการทีจ่ ะรบั ตวั ทหารผกู้ ระทาความผดิ นั้นต้องคมุ ขังอยไู่ ด้ทราบ และให้ผบู้ ญั ชาการเรอื นจาแจง้ ใหฝ้ า่ ยทหาร ท่แี จ้งการอายดั ตวั ทราบเมอื่ ใกล้กาหนดวนั เวลาท่ีจะปล่อยตวั ไป (๕) เมือ่ จะมกี ารปล่อยตัวทหารผู้กระทาความผดิ หากมีเจ้าหน้าท่ีฝ่ายทหารมารบั ตัว กใ็ ห้มอบ ตัวไป แต่ถา้ ไม่มีก็ใหผ้ ู้ที่มีอานาจสง่ั ปลอ่ ยหรือพนกั งานอยั การในกรณีทศ่ี าลยุติธรรมเปน็ ผู้ส่ังปล่อย แจง้ ให้ทหาร ผู้น้ันไปรายงานตวั ตอ่ ผบู้ ังคบั บญั ชาต้นสงั กัด (๖) ถ้าทหารผนู้ น้ั ต้องหาในคดอี ่ืนซ่ึงจะตอ้ งนาตัวไปฟ้องยงั ศาลทหารอกี ด้วย หรือ ผูบ้ ังคบั บัญชาฝ่ายทหารตอ้ งการตัว ใหฝ้ า่ ยทหารมีหนังสืออายัดตัวไวก้ ับพนักงานสอบสวน และให้พนักงาน

11 สอบสวนบันทึกไว้ในสานวนการสอบสวนวา่ ทางทหารยงั ตอ้ งการตัว และให้ผ้บู ังคับบัญชาฝ่ายทหารติดตอ่ กับ พนกั งานสอบสวนหรอื พนกั งานอยั การเพือ่ รับตัวทหารนน้ั ไป ขอ้ ๓๐ การดาเนนิ คดีกับบคุ คลบางประเภทการดาเนนิ คดีอาญากับบคุ คลบางประเภท ให้ดาเนินการ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ในกรณีท่ีทหารผูต้ อ้ งหาวา่ กระทาผดิ คดอี าญาและอยู่ในอานาจศาลทหารเป็นเดก็ หรอื เยาวชน ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจัดตัง้ ศาลเยาวชนและครอบครวั และวิธพี จิ ารณาคดเี ยาวชนและครอบครัว ใหพ้ นกั งาน สอบสวนดาเนินการไปตามกฎหมายนั้นทกุ ประการ และแจ้งใหผ้ ู้บงั คับบญั ชาของทหารผู้ต้องหาน้นั ทราบ (๒) ในกรณที ่ีผู้ตอ้ งหาเป็นพลเรือนในสังกัดราชการทหาร แตก่ ารกระทาความผดิ คดีอาญาเกดิ ขน้ึ ในขณะที่บุคคลน้ันปฏิบตั หิ น้าที่ยามรักษาสถานที่ราชการทหาร ให้นาความในขอ้ ๗ ขอ้ ๑๑ และข้อ ๑๖ มาใช้ โดยอนโุ ลม (๓) ในกรณีทีผ่ ตู้ อ้ งหาเป็นอาสาสมคั รทหารพรานทอ่ี ยู่ในความควบคุมดูแลของทางราชการทหาร และการกระทาความผิดคดอี าญาเกดิ ในขณะท่ีบุคคลนน้ั ยังสังกดั อยู่ในหนว่ ยอาสาสมคั รทหารพราน ใหน้ าความ ในข้อ ๗ ขอ้ ๘ ขอ้ ๙ ข้อ ๑๐ ขอ้ ๑๑ และขอ้ ๒๓ มาใช้โดยอนุโลม ประกาศ ณ วันท่ี ๓๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๔๔ พันตารวจโท ทกั ษิณ ชินวัตร ( ทักษณิ ชนิ วตั ร ) นายกรฐั มนตรี