โรงเรียนทหารมา้ วิชา การใช้และการซ่อมบำรุง เลม่ ที่ ๘ รหสั วิชา ๐๑๐๒๒๖๐๖๐๘ หลักสูตร นายทหารยานยนต์ แผนกวชิ ายานยนต์ กศ.รร.ม.ศม. ปรัชญา รร.ม.ศม. “ฝึกอบรมวิชาการทหาร วิทยาการทนั สมัย ธำรงไวซ้ ึ่งคุณธรรม”
ปรชั ญา วสิ ยั ทัศน์ พนั ธกจิ วตั ถปุ ระสงคก์ ารดำเนนิ งานของสถานศึกษา เอกลกั ษณ์ อัตลักษณ์ ๑. ปรชั ญา ทหารมา้ เปน็ ทหารเหลา่ หน่ึงในกองทัพบกทีใ่ ชม้ ้าหรอื สิ่งกำเนิดความเร็วอื่นๆ เปน็ พาหนะเป็นเหล่าทม่ี ีความสำคญั และจำเปน็ เหลา่ หนงึ่ สำหรบั กองทหารขนาดใหญ่ เช่นเดียวกบั เหลา่ ทหารอน่ื ๆ โดยมีคณุ ลักษณะทม่ี ีความ คลอ่ งแคล่ว รวดเรว็ ในการเคล่อื นท่ี อำนาจการยิงรนุ แรง และอำนาจในการทำลายและข่มขวัญ อนั เป็น คณุ ลักษณะท่สี ำคัญและจำเป็นของเหลา่ โรงเรยี นทหารมา้ ศนู ยก์ ารทหารม้า มปี รัชญาดังน้ี “ฝกึ อบรมวชิ าการทหาร วทิ ยาการทันสมยั ธำรงไวซ้ ึ่งคณุ ธรรม” ๒. วสิ ยั ทัศน์ “โรงเรียนทหารมา้ ศูนยก์ ารทหารมา้ เปน็ ศูนย์กลางการเรยี นรูว้ ชิ าการเหลา่ ทหารมา้ ทท่ี นั สมัย ผลิตกำลงั พลของเหลา่ ทหารม้า ใหม้ ีลกั ษณะทางทหารที่ดี มคี ุณธรรม เพอื่ เปน็ กำลงั หลกั ของกองทัพบก” ๓. พันธกจิ ๓.๑ วิจัยและพัฒนาระบบการศึกษา ๓.๒ พัฒนาคณุ ภาพครู อาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ๓.๓ จดั การฝกึ อบรมทางวชิ าการเหล่าทหารมา้ และเหล่าอน่ื ๆ ตามนโยบายของกองทัพบก ๓.๔ผลิตกำลงั พลของเหล่าทหารม้า ให้เป็นไปตามวัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สูตร ๓.๕ พฒั นาสือ่ การเรยี นการสอน เอกสาร ตำราของโรงเรียนทหารม้า ๓.๖ปกครองบงั คับบญั ชากำลังพลของหนว่ ย และผเู้ ข้ารับการศึกษาหลักสูตรต่างๆ ใหอ้ ยบู่ นพ้นื ฐาน คุณธรรม จริยธรรม ๔. วัตถุประสงค์ของสถานศึกษา ๔.๑เพ่อื พฒั นาครู อาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ใหม้ ีความรูค้ วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ให้กับผเู้ ขา้ รบั การศึกษาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ๔.๒ เพอื่ พฒั นาระบบการศกึ ษา และจดั การเรยี นการสอนผ่านส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์ ให้มีคุณภาพอย่าง ต่อเนื่อง ๔.๓ เพอื่ ดำเนินการฝึกศึกษา ใหก้ บั นายทหารชั้นประทวน ท่ีโรงเรียนทหารม้าผลิต และกำลังพลที่เขา้ รบั การศึกษา ใหม้ คี วามร้คู วามสามารถตามท่ีหนว่ ย และกองทพั บกต้องการ ๔.๔ เพอ่ื พัฒนาระบบการบรหิ าร และการจัดการทรพั ยากรสนับสนุนการเรยี นรู้ ใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สุด ๔.๕ เพื่อพฒั นาปรบั ปรุงส่ือการเรยี นการสอน เอกสาร ตำรา ให้มคี วามทนั สมยั ในการฝึกศึกษาอย่างต่อเน่อื ง ๔.๖เพ่อื พฒั นา วิจัย และใหบ้ รกิ ารทางวิชาการ ประสานความร่วมมอื สร้างเครอื ขา่ ยทางวิชาการกบั สถาบันการศึกษา หนว่ ยงานอ่นื ๆ รวมทงั้ การทำนุบำรุงศิลปวฒั ธรรม ๕. เอกลักษณ์ “เป็นศูนย์กลางแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าการ และผลิตกำลังพลเหล่าทหารมา้ อยา่ งมีคุณภาพเป็นการ เพิ่มอำนาจกำลังรบของกองทพั บก” ๖. อัตลกั ษณ์ “เด่นสงา่ บนหลงั มา้ เก่งกล้าบนยานรบ”
สารบัญ หน้า ลำดบั วิชา 1 - 57 58 - 161 1 การใช้และการซอ่ มบำรุง รถถงั เอ็ม 48 เอ 5 2 การใช้และการซอ่ มบำรุง รถถงั เอ็ม 60 เอ 3 ...................................................
หน้า |1 วชิ า การใชแ้ ละซ่อมบำรงุ รถถงั เอ็ม 48 เอ 5 แผนกวิชายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรยี นทหารมา้ ศูนย์การทหารมา้ คา่ ยอดศิ ร สระบรุ ี
หน้า |2 แผนกวิชายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรยี นทหารม้า ศนู ย์การทหารมา้ ค่ายอดิศร สระบุรี ---------- วชิ า คุณลกั ษณะมาตราทาน และการใช้ รถถัง M48A5 ( คท.9-2350-258-10, ธ.ค.2519 ) 1. กล่าวนำ รถถัง M48A5 เป็นรถถังขนาดกลาง หรือรถถังหลัก ตัวรถและป้อมปืนสร้างด้วยแผ่นเกราะ เหล็กกล้าเป็นเน้ือเดียวกันตลอด,โดยการหล่อขึ้นรูปทั้งตัวรถ และป้อมปืนได้รับการออกแบบ ให้มีลักษณะ ทรวดทรงและมีมุมลาด ท่ีสามารถป้องกันการทะลุทะลวงจากกระสุนปืนให้กับพลประจำรถได้ดีที่สุด และ ได้รับการติดตั้งอาวุธปืนใหญ่ ขนาด 105 มม. ปืนกลร่วมแกน ขนาด 7.62 มม. และปืนกล ขนาด .50 นิ้ว หรอื ปนื กล ขนาด 7.62 มม.(M60D) ท่ปี ้อมตรวจการณ์ของผู้บังคบั รถ 2. องคป์ ระกอบหลกั ,ที่ติดตัง้ และคณุ ลกั ษณะโดยทั่วไป รถถัง M48A5 แบง่ ออกเป็น 3 ตอน คอื - ตอนหน้า เป็นห้องพลขับซ่ึงเป็นท่ีติดต้ังแผงเคร่ืองวัดฯ สวิตช์เครื่องควบคุมและคันบังคับต่างๆท่ี จำเป็นต้องใช้ในการควบคมุ การทำงานของเครือ่ งยนต์และการขบั รถ - ตอนกลาง เป็นห้องหอรบซ่ึงเป็นท่ีติดต้ังป้อมปืน และภายในป้อมปืนจะติดตั้งระบบอาวุธประจำรถ เครื่องวัดฯ และเคร่ืองควบคุมต่างๆ ที่จะเป็นต้องใช้ในการหมุนป้อมปืน การยกปืนขึ้น-ลง เคร่ืองล่ันไกปืน ใหญ่ และปนื กลรว่ มแกน - ตอนหลัง เป็นห้องเคร่ืองยนต์ซึ่งเป็นที่ติดต้ังเคร่ืองยนต์,เคร่ืองเปลี่ยนความเร็วและถังน้ำมันเช้ือเพลิง 2 ถัง 3. ตัวรถ ดา้ นบนของตัวรถจะมีช่องเปิดต่างๆ สำหรับติดต้ังป้อมปืน,ฝาปิดห้องพลขับ,โครงดาดฟ้าท้ายรถ,ฝา บานเกล็ดปิดห้องเครื่องยนต์ และเครื่องเปลี่ยนความเร็ว ฯลฯ ที่พื้นรถใต้ท่ีน่ังพลขับเป็นที่ติดตั้งฝาปิด ช่องทางหลบหนีและบรเิ วณใต้ท้องรถตอนหลังจะมแี ผ่นปดิ ปดิ ใตท้ ้องรถซ่ึงสามารถถอดออกได้ ตามบริเวณ ที่ติดต้ังองค์ประกอบต่างๆ เพ่ือให้การบริการต่อองค์ประกอบน้ันๆ เช่น การถ่ายน้ำมันเช้ือเพลิง,ถ่ายน้ำมัน เคร่ืองยนต์ และถ่ายน้ำมันเคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว รวมทั้งการจัดปรับองค์ประกอบของเครื่องเปล่ียน ความเร็วอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณพื้นรถยังมีล้ินถ่ายน้ำในห้องพลประจำรถ 1ตัว และล้ินถ่ายน้ำในห้อง เครือ่ งอีก 1 ตวั ด้านหลังของตัวรถมีขอพ่วง 1 ตัว สำหรับลากจูงรถพว่ ง และยังมีขอลากจูงสำหรบั สวมเกีย่ ว ลวดลากจงู อย่ทู างดา้ นหนา้ และดา้ นหลังรถอกี ดา้ นละ 2 ตวั โคมไฟใหญ่ จะตดิ ตัง้ ไวท้ างด้านหน้ารถตอนบน ข้างละ 1 ดวง และโคมไฟทา้ ยจะติดตัง้ อยทู่ างด้านหลังรถตอนบน ขา้ งละ 1 ดวงเช่นกนั 4. การกำหนดดา้ นหนา้ ,หลัง,ซา้ ย และขวาของรถ ด้านหน้า, หลัง, ซ้าย และขวาของรถถัง M48A5 ท่ีถูกกล่าวถึงตามบริเวณทั่ว ๆ ไปของรถ หรือ ดา้ นนั้นๆ ของรถ จะกำหนดได้ด้วยการหันหน้าเข้าหาด้านหลังของห้องเคร่ืองยนต์ ซึ่งเรียกวา่ ด้านหลังรถ ยกเว้นการกำหนดด้านต่างๆ ของเครื่องยนต์ โดยให้เรียกด้านที่ติดต้ังเรือนหม้อกรองน้ำมันเคร่ืองยนต์ว่า เป็นดา้ นหน้าของเครื่องยนต์ และด้านเครื่องเปล่ียนความเร็วเป็นด้านหลัง ส่วนด้านซ้ายและขวาจะกำหนด ได้ด้วยการมองหันหนา้ เข้าหาเรือนหมอ้ กรองน้ำมนั เคร่ืองยนต์ 5. ระบบพยุงตัวรถ
หน้า |3 รถถัง M48A5 ใช้ระบบพยุงตัวรถด้วยคานรับแรงบิด ประกอบด้วย ล้อกดสายพานข้างละ 6 ล้อ และสายพานด้านบนจะถูกพยุงและรองรับไว้ระหว่างล้อขับสายพาน และล้อรับสายพานข้างละ 5 ล้อ ล้อ ต่างๆ ในระบบพยงุ ตวั รถเปน็ ล้อแบบลอ้ คู่ท้งั สน้ิ สายพานทั้งสองข้าง จะถูกขับด้วยซี่เฟืองล้อขับสายพานซึ่งอยู่ทางด้านท้ายรถ ท่ีล้อปรับสายพาน ด้านหน้ารถแต่ละข้าง จะมีก้านโยงจากแกนกระบอกปรับความตึงของสายพาน เช่ือมต่ออยู่ระหว่างแขน ล้อปรับสายพานและดุมแขนล้อกดสายพานล้อที่ 1 ระยะเคลื่อนที่ข้ึน-ลงของล้อกดสายพานแต่ละล้อ จะถูก จำกดั ดว้ ยแหนบหยุดแขนล้อกดฯ และแหนบหยุดแขนล้อกดฯ ของล้อกดสายพานล้อที่ 1 จะเปน็ แหนบขด แบบคู่ ส่วนลอ้ ทีเ่ หลอื จะเปน็ แหนบขดแบบเด่ยี ว ในระบบพยุงตัวรถ แตล่ ะขา้ งจะมีเคร่ืองผอ่ นแรงสะเทือนเพื่อดูดกลนื และผ่อนคลายแรงสะเทือน ติดอยกู่ ับแขนลอ้ กดฯ ล้อท่ี 1, 2 และล้อที่ 6 ตามลำดับ 6. เครือ่ งทำความอบอุ่นประจำรถ ติดต้ังอยู่บนพื้นรถด้านหน้าสุดภายในห้องพลขับ มีไว้เพ่ือให้ความอบอุ่นแก่พลประจำรถเม่ือ ปฏิบัติการในภูมิอากาศหนาวเย็น เครื่องทำความอุ่นเป็นแบบเผาอากาศให้ร้อน โดยใช้น้ำมันเช้ือเพลิง จาก ระบบนำ้ มันเชือ้ เพลิงของเคร่ืองยนต์ 7. ระบบผนกึ ยางกนั นำ้ บริเวณโดยรอบระหว่างตัวรถและป้อมปืนจะมีผนึกยางกันน้ำ ซ่ึงพองตัวได้ด้วยแรงดันของลมอัด ช่องว่างระหว่างตวั รถ และป้อมปืนไว้ไม่ให้น้ำร่ัวเข้าไปภายในตวั รถในขณะลุยข้ามน้ำ โดยผนึกยางกันน้ำจะ ติดอยู่รอบๆ ตัวรถ และหันด้านเปิดเข้าหาป้อมปืน ระบบควบคุมการอัดลมจะติดต้ัง อยู่ในห้องพลขับ ประกอบดว้ ยปม๊ั สบู ลมดว้ ยมอื ,เครือ่ งวัดความดนั ลม,ลิ้นควบคมุ และท่อลมตา่ งๆ 8. ลิน้ ถ่ายนำ้ ของตัวรถ ท่ีพ้ืนรถ จะมีล้ินถ่ายน้ำบังคับการทำงานด้วยมืออยู่ 2 ตัว ติดต้ังอยู่ภายในห้องพลขับ 1 แห่ง ตดิ ตั้งอยู่ภายในห้องเครื่องยนต์อีก 1 แห่ง เพ่ือใชใ้ นการถ่ายน้ำที่รั่วไหลเข้ามาตกค้างอยู่ภายในตัวรถ และที่ เรอื นลิ้นถ่ายนำ้ แต่ละตวั จะมีกระเดื่องกดลนิ้ และกา้ นโยงต่อเข้ามายังคันบังคับลนิ้ ถ่ายนำ้ ซ่งึ อยู่ด้านหลงั ท่ีนั่ง พลขับ 9. ระบบเครอ่ื งดบั เพลงิ ประจำรถ ระบบเคร่ืองดับเพลิงประจำรถ เป็นแบบบังคับใช้งานได้สองคร้ังสามารถใช้ดับเพลิงที่เกิดจาก กระแสไฟฟ้า,นำ้ มันเช้ือเพลงิ หรอื นำ้ มันเคร่อื งยนต์ ระบบนี้ประกอบด้วยหม้อน้ำยาดับเพลิง จำนวน 3 ท่อ พรอ้ มดว้ ยคันบังคับการทำงาน หมู่กา้ นโยง และลนิ้ ควบคุมภายในหอ้ งพลขับ ทหี่ ัวหมอ้ น้ำยาดับเพลิงทั้ง 3 จะมีทอ่ ส่งนำ้ ยาดบั เพลงิ เข้าไป ภายในห้องเคร่อื งยนต,์ ทอ่ ฉีดนำ้ ยาฯ สองทอ่ จะวางเปน็ แนวยาวไปตามด้านข้างถังนำ้ มนั เช้ือเพลงิ ถังซ้ายและถังขวา ท่อฉดี นำ้ ยาแต่ละทอ่ จะเจาะรูเรียงกนั ไว้เป็นแถวในระดับตา่ ง ๆ กนั เพือ่ ใหเ้ กิด การกระจายของน้ำยาดับเพลิงอย่างท่ัวถึงในห้องเครือ่ งยนต์ และท่อฉีดน้ำยาอันท่ี 3 จะติดต้ังอยู่ ระหวา่ งแนวกระบอกสบู รปู ตัว \" V \" ของเครอ่ื งยนต์ ระบบเคร่ืองดับเพลิงนี้ สามารถบังคับการใชง้ านจากภายนอกตัวรถไดโ้ ดยการดึงคนั บงั คบั ซง่ึ ตดิ ตั้ง อยู่ทางด้านหนา้ -ซา้ ยของรถ 10. ระบบกลอ้ งตรวจการณ์ดว้ ยแสงอินฟราเรด รถถัง M48A5 จะใช้ระบบกล้องตรวจการณ์ด้วยแสงอินฟราเรดสำหรับการขับรถหรือการ ปฏิบัติงานในเวลากลางคืนของพลขับ เป็นกล้องตรวจการณ์ แบบ M 24 ซ่ึงในขณะใช้งานจะติดตั้งเข้ากับ ฐานตดิ ต้ังกลอ้ งบนฝาปิดหอ้ งพลขบั
หน้า |4 11. เครอื่ งกรองฝุ่นและไอพษิ ภายในรถถัง M48A5 จะติดตั้งอุปกรณ์น้ี จำนวน 2 เคร่ือง เพ่ือใช้สำหรับกรองฝุ่นผง และไอพิษ ใหก้ ับพลประจำรถในขณะปฏิบัติงานอยู่ในพื้นทอ่ี ันตราย โดยจัดไว้สำหรบั พลขบั 1 เครอื่ ง และ อีก 1 เครื่อง จดั ไวใ้ ห้ผู้บงั คับรถ,พลยิง และพลบรรจุ ใช้รว่ มกนั เครื่องกรองฝุ่นและไอพิษ เป็นแบบ M8A3 และจะต้องใช้ร่วมกับหน้ากากป้องกันไอพิษ แบบ M25A1 คำเตือน เครื่องกรองฝุ่นและไอพิษ หรือหน้ากากป้องกันไอพิษ ไม่สามารถป้องกันอันตรายจาก แก๊สคารบ์ อนโมน๊อกไซด์ ข้อควรระวัง ในขณะล้างทำความสะอาดรถต้องทำอย่างระมัดระวัง และอย่าให้น้ำเข้าไปในเคร่ืองกรองฯ เพราะจะทำให้ไส้กรองเสียหายจนใชก้ ารไมไ่ ด้ มาตราทาน ความจุ (เชือ้ เพลงิ และนำ้ มันเครอ่ื ง) - ถงั นำ้ มนั เชือ้ เพลงิ (รวม) 385 ยเู อส แกลลอน (320.5 อมิ พเี รยี ลแกลลอน หรอื 1456.9 ลิตร) - อา่ งน้ำมนั เครื่องยนต์ (เตมิ ใหม่โดยประมาณ) 16.5 ยเู อส แกลลอน (เครอ่ื งยนต์ รนุ่ 2D) 13.7 อมิ พเี รียลแกลลอน (หรือ 62.28 ลิตร) 13.0 ยูเอส แกลลอน (เครอ่ื งยนต์ รนุ่ 2A) 10.8 อมิ พีเรียลแกลลอน (หรอื 49.99 ลติ ร) - เคร่อื งเปล่ยี นความเรว็ (เตมิ ใหม่โดยประมาณ) 17 ยูเอส แกลลอน (14.2 อิมพเี รยี ลแกลลอนหรอื 64.5 ลิตร เครือ่ งควบคมุ และคันบงั คบั ห้ามลอ้ - การทำงาน ระบบไฮดรอลิก บงั คบั ด้วยคันหา้ มล้อเทา้ เคร่ืองบงั คบั เลีย้ ว - แบบ ระบบไฮดรอลิก ทำงานดว้ ยคนั บงั คับทางกล - ความสามารถในการเลยี้ ว หมุนเลีย้ วอยู่กับที่ 360 องศา ตำแหน่งใช้งานของคันเกยี ร์เครอื่ งเปล่ยี นความเรว็ N (วา่ ง) การใช้งาน หมนุ เลยี้ วอยกู่ ับท่ี P (จอดรถ) การใช้งาน ยึดห้ามล้อไว้ในขณะขับรถ และเป็นตำแหน่งสำหรับหมุนติด เคร่อื งยนต์ L (ตำ่ ) การใชง้ าน ขบั รถข้ึนและลงลาดชนั หรอื ใช้งานในพ้ืนที่ดนิ อ่อน หรอื ที่ ขรุขระมาก ความเรว็ สูงสุด 10 ไมล์/ชม. (16 กม./ชม.) และใช้ลงลาดชนั H (สูง) การใชง้ าน ใชใ้ นการขบั ปกติ ความเรว็ เดนิ หน้าสงู สดุ 30 ไมล์/ชม. (48 กม./ชม.) R (ถอยหลงั ) การใช้งาน ใชใ้ นการขับถอยหลังตามปกติและไตข่ ้ึนลาดสูงชนั เพอื่ ใหไ้ ด้กำลงั ขบั จากเครื่องยนตส์ งู สุด ความเรว็ ถอยหลังสงู สุด 5 ไมล์/ชม. (8 กม./ชม.และใชส้ ำหรบั ลงลาดชัน) ขนาด - ความยาว (เมอื่ ปืนใหญอ่ ย่ใู นตำแหนง่ เดนิ ทาง) 26 ฟุต 5 นวิ้ (8.255 เมตร) - ความยาว (เม่ือปืนใหญ่อยู่ทางดา้ นหน้า) 30 ฟุต 6 นว้ิ (9.436 เมตร)
หน้า |5 - ความกว้าง (ลดลงได้ตำ่ สดุ ) 10 ฟุต 10 นว้ิ (3.2893 เมตร) - ความกว้าง 11 ฟุต 11 นิว้ (3.6322 เมตร) - ระยะห่างใต้ทอ้ งรถ 16.5 นว้ิ (41.90 ซม.) ระบบไฟฟา้ 24 โวลท์ เคร่อื งยนต์ - ชนิด ดีเซล 12 กระบอกสบู ,ระบายความร้อนด้วยอากาศ, จุดระเบิดดว้ ยกำลังอัด มีเคร่อื งเพิม่ ไอดี - แบบ ADVS 1790-2A หรือ AVDS 1790-2D ความเร็วควบคุม - มภี ารกรรมเต็มท่ี 2,400 รอบ/นาที - ไมม่ ภี ารกรรม 2,650 รอบ/นาที - นำ้ มันเช้ือเพลงิ น้ำมันดเี ซลธรรมดา เบอร์ 2 (40 ซเี ทน ตำ่ สุด) DF-2 ,VVF-800 - ระบบระบายความร้อนหลัก อากาศ - ระบบระบายความรอ้ นนำ้ มนั เคร่ือง เครื่องระบายความรอ้ นด้วยอากาศติดต้งั อยูท่ ่เี ครอ่ื งยนต์ เคร่ืองเปลีย่ นความเรว็ - ชนิด ขบั ขวาง CD-850-6A มเี กียร์เดินหน้า 2 เกยี ร์ และเกียรถ์ อยหลงั 1 เกียร์ สมรรถนะ ความเรว็ สงู สุดทอ่ี นุมัตใิ หใ้ ช้ - เกียร์ตำ่ 10 ไมล์/ชม.(16 กม./ชม.) - เกียร์สูง 30 ไมล์/ชม.(48 กม./ชม.) - เกียรถ์ อยหลงั 5 ไมล์/ชม. (8 กม./ชม.) ระยะปฏบิ ัติการ (โดยประมาณ) 310 ไมล์ ( 499 กม.) ขา้ มเครือ่ งกีดขวางทางดิ่ง (ทางดา้ นหน้าได้สงู ) 36 น้ิว (91.45 ซม.) ครอ่ มขา้ มคูกว้างได้สูงสดุ 8 ฟุต 6 น้ิว (2.591 เมตร) ลุยขา้ มน้ำได้ลึก 4 ฟุต (1.21 เมตร) โดยไมต่ ิดต้ังอปุ กรณ์ลุยขา้ มน้ำลึก ความสามารถในการไต่ลาดชนั สงู สดุ - ลาดขึ้น 60 % - ลาดลง 60 % - ลาดข้าง 30 % การหมนุ ของปอ้ มปนื 360 องศา นำ้ หนัก - น้ำหนักพรอ้ มรบ 108,000 ปอนด์ (54 ตัน)(48,987.9 กก.) - น้ำหนกั กดพ้นื 11.8 ปอนด์/ตร.นวิ้ (.8 ตัน/ตร.เมตร) ระบบเครอื่ งกรองฝุน่ และไอพิษ - ขนาด 12 ลบ.ฟตุ /นาที แบบ ABC, M8A3 ให้การปอ้ งกันส่วนบุคคล 4 คน หรอื นอ้ ยกวา่ ตอ่ อปุ กรณ์หน่ึงหน่วย (ติดตง้ั ใหพ้ ลขับ 1 หน่วย และตดิ ตง้ั ใหพ้ ลประจำปอ้ มปนื อีก 1 หน่วย) *************
หน้า |6 คำแนะนำในการใช้งาน ตอนที่ 1 คำอธบิ ายและการใชง้ านของเคร่ืองควบคุม และคันบงั คับ,เครอ่ื งวัดและไฟเตือนตา่ ง ๆ เครอื่ งควบคมุ และคนั บงั คบั ,เครอื่ งวัด และไฟเตือนต่าง ๆ ในห้องพลขบั ลำดบั ชอ่ื อปุ กรณ์ หนา้ ทแี่ ละการใช้งาน 1. เครอ่ื งวดั รอบ แสดงรอบความเร็วของเครือ่ งยนต์ ในหนึง่ นาท(ี รอบ/นาท)ี เครอ่ื งบนั ทกึ ชวั่ โมง บนั ทกึ ยอดรวมของชว่ั โมงเดินเครอ่ื ง โดยจำนวน 1 ชม. ทีบ่ นั ทกึ ไว้เทา่ กับ เวลาท่ีเดินเคร่อื งดว้ ยความเร็ว 2,025 รอบ/นาที ใน 1 ชวั่ โมง 2. เครอ่ื งวัดความเร็วและ แสดงความเรว็ ของรถเป็นไมล์/ชั่วโมง เครอ่ื งบนั ทึกระยะทาง บนั ทึกระยะทางท่รี ถเคล่อื นทีไ่ ป เปน็ จำนวนไมล์ และทศนิยมของไมล์ ตงั้ แต่ 0-99,999.0 3. ไฟเตอื นหลกั หลอดไฟจะตดิ สวา่ งข้ึน เมอื่ ความดันน้ำมนั เคร่อื งยนต,์ อณุ หภูมนิ ำ้ มันเครอ่ื งยนต์ และอณุ หภูมนิ ำ้ มนั เครื่องเปลี่ยนความเร็ว อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ไมอ่ ยู่ในเกณฑใ์ ช้งานปกติ 4. คันบังคับฝาปดิ ห้องพลขับ ยึดฝาปดิ ห้องพลขับใหอ้ ยใู่ นตำแหนง่ เปิด หรือปดิ 5. เครอื่ งวัดแรงดนั ภายในผนกึ แสดงค่าความดันของลมภายในผนึกยางกนั รัว่ ยากนั รวั่ รอบปอ้ มปนื 6. หีบควบคมุ เครอ่ื งตดิ ต่อ เลือกตำแหน่งใช้งานของเครื่องติดต่อสื่อสารและส่ือสารภายใน รถปรบั ความดังของสญั ญาณเสยี ง 7. คนั เกยี รเ์ คร่ืองเปลี่ยนความเร็ว เลอื กตำแหนง่ เกยี รใ์ ช้งานและใช้ยึดห้ามล้อรถ เมอื่ เลื่อนคนั เกยี ร์ไวใ้ นตำแหน่งจอดรถ (P) 8. ป๊มั สูบลม ใชส้ ูบด้วยมือ เพ่ือสบู ลมเข้าผนึกยางกันกนั ร่วั รอบปอ้ มปนื 9. กระเดื่องยึดคันเรง่ ฯ ยดึ คนั เรง่ เครอ่ื งยนตไ์ วใ้ นตำแหนง่ ท่ีต้องการใช้งาน 10. คันเร่งเคร่ืองยนต์ ควบคมุ ความเรว็ ของเครอ่ื งยนต์ 11. คนั ห้ามลอ้ เทา้ บงั คบั การทำงานของระบบหา้ มล้อ เพ่อื ลดความเรว็ และหยดุ รถ 12. กระเดอ่ื งยดึ ฝาปดิ ชอ่ งหลบหนี ปลดฝาปิดฯ เมอื่ คนั กระเดอ่ื งทวนเขม็ นาฬิกา และยดึ ฝาปดิ ฯ เมื่อคนั กระเด่อื งตามเขม็ นาฬกิ า ลำดบั ช่อื อุปกรณ์ หนา้ ทแ่ี ละการใชง้ าน 13. คนั บังคบั เลย้ี ว บังคับและควบคุมการเลยี้ วรถ เมอื่ เคร่อื งเปลี่ยนความเร็ว อยู่ในตำแหนง่ เกยี ร์ต่างๆ ยกเวน้ ตำแหน่งจอดรถ (P) 14. สวิตช์เลอื กลำแสง ใชเ้ ลอื กลำแสงไฟสูง-ตำ่ ของโคมไฟใหญ่ดว้ ยการกด และปลอ่ ย 15. ปั๊มสูบล่อ ใช้ไลฟ่ องอากาศออกจากระบบนำ้ มนั เช้ือเพลิง
หน้า |7 และส่งน้ำมันเชอื้ เพลงิ ให้กับระบบอนุ่ ไอดขี องเครือ่ งยนต์ 16. สวิตชอ์ ่นุ ไอดี ควบคมุ การตัด-จ่าย นำ้ มนั เชอ้ื เพลงิ ของเครื่องอนุ่ ไอดี และควบคมุ กระแสไฟฟ้าของหัวเทียนอนุ่ ไอดี 17. ท่ออากาศเคร่ืองกรองฝนุ่ ไอพิษ สวมตอ่ เขา้ กับหน้ากากปอ้ งกันไอพิษของพลขับ 18. เครื่องวัดความดนั น้ำมนั ห้ามลอ้ แสดงคา่ แรงดนั ของน้ำมนั ในทอ่ น้ำมนั หา้ มลอ้ ระหว่างแมป่ มั๊ และลกู ปมั๊ ห้ามลอ้ 19. คันบงั คับเคร่อื งดับเพลิงประจำท่ี บงั คบั การฉดี นำ้ ยาดับเพลิง หมายเหตุ เครอ่ื งดบั เพลงิ ประจำท่ี ใช้สำหรบั ดบั เพลิงในห้องเครอื่ งยนต์เทา่ น้ัน 20. ไฟเพดาน ให้แสงสวา่ งในหอ้ งพลขับ 21. ปุ่มปรับความสวา่ ง ปรับความสว่างของไฟเพดาน 22. กระเดื่องบังคบั ล้นิ ถา่ ยน้ำในหอ้ งพลประจำรถ เปดิ -ปดิ ลิ้นถ่ายนำ้ ในห้องพลประจำรถ 23. กระเด่ืองบังคบั ลนิ้ ถ่ายน้ำในหอ้ งเคร่อื งยนต์ เปิด-ปดิ ลน้ิ ถ่ายน้ำในหอ้ งเครื่องยนต์ 24. คนั ดับเคร่อื งยนต์ด้วยมอื ปิดนำ้ มันเชอ้ื เพลิง เข้าปมั๊ สบู ฉดี นำ้ มันเช้ือเพลิง เมอ่ื ดงึ คนั บังคับขน้ึ และเปิดน้ำมันเชือ้ เพลิงเม่ือดนั ลงสดุ 25. แหนบยดึ คนั ดบั เครอ่ื งยนตด์ ้วยมือ ยึดคนั ดับเครือ่ งยนต์ไว้ในตำแหน่ง \"เปิด\" --------------------------- แผงเคร่อื งวัดของพลขับ ลำดบั ชอ่ื อุปกรณ์ หน้าทแ่ี ละการใช้งาน 1. เครื่องวดั ความดันนำ้ มนั เครอ่ื ง แสดงค่าความดันของน้ำมนั เครือ่ งยนต์ ความดนั ใช้งานปกติ 15 ปอนด/์ ตร.น้วิ (ต่ำสุด) เม่ือ 750 รอบ/นาที และ 70 ปอนด/์ ตร.นิ้ว (สูงสุด) เม่ือ 2,400 รอบ/นาที 2. เคร่อื งวดั แบตเตอร่แี ละเครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา้ เมื่อเคร่อื งยนต์ดบั จะแสดงสภาพแบตเตอรี่ และ (เคร่อื งวัดไฟฟา้ ) จะแสดงอัตราการประจุไฟ เม่อื เคร่ืองยนตต์ ิด ลำดับ ชือ่ อุปกรณ์ หน้าทแ่ี ละการใชง้ าน 3. เครอ่ื งวัดอณุ หภูมนิ ำ้ มนั เครือ่ งยนต์ แสดงคา่ อุณหภูมิของนำ้ มนั เครือ่ งยนต์,อุณหภูมิ ใชง้ านปกติ 180 องศา F. ถงึ 224 องศา F. 4. เคร่อื งวดั อณุ หภมู ขิ องนำ้ มันเครอื่ งเปลี่ยน แสดงค่าอุณหภูมขิ องนำ้ มนั เครื่องเปลี่ยนความเรว็ ความเรว็ อุณหภมู ิใชง้ านปกติ 200 องศา F. ถงึ 280 องศา F. 5. เครื่องวัดน้ำมนั เชือ้ เพลงิ แสดงระดับนำ้ มันเชอ้ื เพลงิ ในถังทเ่ี ลือกวัด 6. สวติ ช์เลือกวดั น้ำมันเชอื้ เพลิง เลอื กตำแหนง่ ของถงั นำ้ มนั เช้ือเพลงิ ท่ีตอ้ งการวัด ระดบั ของนำ้ มนั เช้อื เพลงิ 7. เคร่อื งวัดความดนั น้ำมันเครือ่ งเปล่ยี น แสดงค่าความดันในระบบหล่อล่ืนของเครอื่ งเปล่ียน ความเรว็ ความเร็ว ความดันปกติ 8 ถึง 40 ปอนด/์ ตร.นว้ิ (อาจลดลงถึง 2 ปอนด/์ ตร.นว้ิ เมื่อ 750 รอบ/นาท)ี 8. ไฟส่องหนา้ ปัดเครอ่ื งวัด สอ่ งสว่างหนา้ ปัดตา่ งๆ บนแผงเคร่อื งวดั -------------------------
หน้า |8 แผงควบคมุ วงจรหลักของพลขบั ลำดับ ชือ่ อปุ กรณ์ หนา้ ทแ่ี ละการใช้งาน 1. สวติ ช์ควบคุมเคร่อื งกำเนิดไฟฟา้ เปดิ -ปดิ เครือ่ งกำเนดิ ไฟฟ้า 2. สวิตช์เครอ่ื งกรองฝ่นุ และไอพิษ เปิด-ปิด เครอ่ื งกรองฝุ่นและไอพษิ 3. ไฟเตอื นเคร่อื งกรองฝนุ่ และไอพิษ จะติดสว่างขึ้นเม่อื สวติ ช์เคร่ืองกรองฝุ่นและไอพิษ อยูใ่ นตำแหนง่ เปิด \"ON\" 4. สวติ ช์หมนุ เครือ่ งยนต์ ใชห้ มนุ ติดเคร่ืองยนตด์ ว้ ยการกด และจะดีดตวั กลบั สู่ตำแหนง่ \"OFF\" เองเมือ่ เลกิ กด 5. สวิตช์ดบั เคร่อื งยนต์ ตัดนำ้ มันเช้ือเพลิงของเครอื่ งยนต์ เม่ือยกสวิตช์ขน้ึ และจะดีดตัวกลบั สูต่ ำแหนง่ \"ON\" เองเมอ่ื ปลอ่ ยมอื 6. ไฟเตอื นปั๊มสบู นำ้ จะติดสว่างขึ้น เมื่อสวิตช์ปั๊มสูบน้ำอยู่ในตำแหน่งเปิด \"ON\" 7. สวติ ชป์ ั๊มสูบน้ำ เปดิ -ปดิ ปั๊มสูบน้ำประจำรถ 8. สวิตช์ควบคุมระบบแสงสวา่ ง ควบคุมการทำงานของระบบแสงสวา่ งภายนอกรถ และไฟสอ่ งแผงเครอื่ งวัดของพลขบั 9. เตา้ เสยี บสายไฟเล็ก จา่ ยกระแสไฟฟ้า 24 โวลท์ ใหก้ ับอปุ กรณท์ น่ี ำมาต่อ ใชง้ าน ลำดับ ชอ่ื อปุ กรณ์ หนา้ ท่ีและการใชง้ าน 10. ไฟเตือนเครื่องทำความอบอุ่นประจำรถ จะติ ด ส ว่างข้ึ น เมื่ อ ส วิต ช์ เค รื่อ งท ำค วาม ร้อ น อยใู่ นตำแหน่ง \" ON-HI \" หรือ \" ON-LO \" 11. สวิตชเ์ ครื่องทำความอบอุน่ ประจำรถ เปิด-ปิดเครอ่ื งทำความรอ้ นประจำรถ มี 3 ตำแหนง่ - เปิด \" OFF \" - ร้อนนอ้ ย \" ON-LO \" พดั ลมหมุนช้า - รอ้ นมาก \" ON-HI \" พดั ลมหมนุ เรว็ 12. สวติ ช์อินฟราเรด เปดิ -ปดิ กระแสไฟฟ้าของกล้องตรวจการณ์ M24 13. ไฟเตือนสวติ ชอ์ ินฟราเรด จะตดิ สวา่ งขน้ึ เมือ่ สวิตชอ์ ินฟราเรดอยู่ในตำแหน่ง เปิด \" ON \" 14. สวิตช์ปมั๊ นำ้ มันเชือ้ เพลงิ เปิด-ปิด ปั๊มไฟฟ้าของถังนำ้ มันเชื้อเพลิง 15. สวิตชต์ ัดวงจรเคร่ืองทำความอบอนุ่ เรง่ ด่วน เปิด-ปิดกระแสไฟฟา้ ทจ่ี า่ ยให้กบั สวิตชเ์ ครอ่ื ง ทำความรอ้ น 16. ไฟเตือนสวิตช์แบตเตอร่ี จะติดสว่างข้ึน เม่ือสวติ ช์แบตเตอรอี่ ย่ใู นตำแหน่ง เปดิ \" ON \" 17. สวิตช์แบตเตอร่ี เปิด-ปดิ กระแสไฟฟ้าในระบบไฟฟา้ ท้งั หมดของรถ 18. ไฟเตอื นลำแสงไฟสงู จะติดสวา่ งขึ้นเมอ่ื โคมไฟใหญห่ นา้ รถอยใู่ น ตำแหน่งไฟสูง 19. สวติ ชเ์ ลือกตำแหน่งไฟพรางขบั เลือกตำแหนง่ ไฟพรางขับมี 2 ตำแหน่ง คือ - ไฟพรางขับอนิ ฟราเรด (IR) - ไฟพรางขับธรรมดา (BO) ------------------------------
หน้า |9 เคร่อื งทัศนะของพลขบั กล้องตรวจการณ์อนิ ฟราเรด M24 ลำดับ ชอื่ อปุ กรณ์ หน้าที่และการใช้งาน 1. กลอ้ งตรวจการณอ์ นิ ฟราเรด ใช้ขบั รถในเวลากลางคนื ในสถานการณ์พรางไฟ 2. หวั ยดึ กล้องฯ ยดึ ตัวกลอ้ งฯ เข้ากบั ชอ่ งรบั กลอ้ งในขณะใช้งาน 3. กระเดื่องยดึ กลอ้ งและเคร่ืองจดั ปรบั มุมกลอ้ ง จดั ปรบั มุมกลอ้ ง และยึดกล้องตรวจการณใ์ ห้ อย่ใู นตำแหนง่ ท่ตี ้องการใชง้ าน 4. เต้าเสียบสายไฟ ต่อหวั เสียบสายไฟแรงสงู ของกล้องตรวจการณ์ ลำดบั ชอื่ อุปกรณ์ กล้องตรวจการณ์ M27 1. กลอ้ งตรวจการณ์ M27 หน้าทแี่ ละการใชง้ าน 2. ขายึดกลอ้ งตรวจการณ์ 3. ควงผีเสอ้ื ใชเ้ มอื่ ต้องขับรถด้วยการปิดปอ้ มในเวลากลางคืน ใชย้ ดึ ตวั กลอ้ งฯ ใหอ้ ยู่ในตำแหน่งใชง้ าน ขันบงั คับขายดึ กล้องตรวจการณใ์ หแ้ นน่ ************** การใช้งานรถถงั การตดิ เครอ่ื งยนต์ การปฏบิ ตั ทิ ค่ี วรกระทำกอ่ นติดเครื่องยนต์ 1. ตรวจเคร่อื งดบั เพลิงประจำรถให้แน่ใจวา่ อยใู่ นสภาพใช้งานได้ 2. ตรวจวดั ระดับน้ำมนั เครอ่ื งยนตแ์ ละนำ้ มนั เคร่อื งเปลีย่ นความเรว็ ให้แนใ่ จว่า มีระดบั อย่ใู นเกณฑ์ ปลอดภยั ในการเดนิ เครอื่ ง ลำดับการติดเครอื่ งยนต์ 1. เข้าเกยี ร์เครือ่ งเปลยี่ นความเรว็ ไว้ในตำแหน่งเกียรจ์ อดรถ \" P \" 2. สงั เกตเคร่ืองวัดความดันนำ้ มันห้ามล้อและกดแปน้ ห้ามล้อจนเข็มเคร่ืองวดั แสดงค่าระหว่าง750- 900 ปอนด์/ตร.นิว้ ระวังอย่าให้แรงดันเกนิ 900 ปอนด/์ ตร.น้วิ จะทำให้ปลดหา้ มล้อไดย้ าก 3. เปิดลน้ิ ถา่ ยน้ำในห้องพลประจำรถ และลิน้ ถ่ายน้ำในหอ้ งเครอ่ื งยนต์ 4. ตัง้ คันดบั เคร่ืองยนตด์ ้วยมือไว้ในตำแหน่งเปิด \" ON \" โดยการดนั คันดับเคร่ืองยนตด์ ้วยมอื ลงให้ สดุ แล้วใช้แหนบยึดคันดับเครื่องยนตไ์ ว้ 5. จัดสวิตช์ควบคุมต่างๆ บนแผงควบคุมวงจรหลัก \" MASTER CONTROL PANAL \" ไว้ใน ตำแหน่งปดิ \" OFF \" 6. จัดสวติ ชค์ วบคุมตา่ ง ๆ ภายในปอ้ มปนื ไวใ้ นตำแหน่งปิด \" OFF \" 7. เปดิ สวติ ช์ปั๊มนำ้ มนั เชื้อเพลงิ ไวใ้ นตำแหน่ง \" ON \" ตามปกตสิ วิตช์ปั๊มน้ำมันเชือ้ เพลงิ จะถูกจัดไว้ ในตำแหน่ง \" ON \" ตลอดเวลา และจะตอ้ งปิด \" OFF \" เมื่อต้องเปิดสวิตช์แบตเตอร่ี\"MASTER BATTERY \" ใชง้ านเป็นเวลานานโดยไม่ไดต้ ดิ เครือ่ งยนต์ 8. เปิดสวิตช์แบตเตอร่ี \" MASTER BATTERY \" ไว้ในตำแหน่ง \" ON \" ไฟเตือนสวิตช์แบตเตอรี่ \" MASTER BAT \" และไฟเตอื นหลัก ควรจะตดิ สว่างข้ึน
ห น ้ า | 10 9. เปดิ สวิตช์ควบคุมเคร่อื งกำเนิดไฟฟา้ ไวใ้ นตำแหนง่ \" ON \" และสวิตช์นีจ้ ะต้องอยู่ในตำแหนง่ \" ON \"ตลอดเวลา นอกจากระหวา่ งการลุยขา้ มน้ำลกึ 10. ถา้ ไมไ่ ดต้ ิดเคร่ืองยนตม์ านานเป็นเวลาถงึ หนงึ่ สัปดาห์ หรอื มากกว่าใหท้ ำการไล่ฟองอากาศออก จากท่อทางเดินนำ้ มันเช้อื เพลงิ โดยการโยกคนั ปั๊มสบู ลอ่ ขึน้ -ลง จนกระทง้ั ร้สู กึ ว่ามีแรงดนั ย้อนกลบั (ประมาณ 3-4 ครั้ง) 11. กดคันเร่งเครื่องยนต์ลงไปประมาณ 2/3 หรือ 3/4 ของระยะคันเร่ง แล้วกดสวิตช์หมุน เคร่ืองยนต์ \" STARTER \"ไว้ให้แน่จนเครื่องยนต์ติด แต่ถ้าเคร่ืองยนต์ไม่ติดภายใน 14 วินาที ให้ปล่อย สวิตช์หมุนเคร่ืองยนต์และคอยอีก 3-5 นาที แล้วโยกปั๊มสูบล่อพยายามติดเครื่องยนต์อีก ถ้าเคร่ืองยนต์ยัง ไม่ตดิ จากการพยายามคร้ังท่ีสอง ใหท้ ำการตรวจและแก้ไขข้อขัดขอ้ งตามตารางท่ี 3-1 12. ถ้าเคร่ืองยนต์ติดแต่เดินเคร่ืองเพียงแถบเดียว ให้เหยียบแป้นห้ามล้อไว้ แล้วเข้าเกียร์เครื่อง เปลี่ยนความเร็วในตำแหน่งเกียร์สูง \" HIGH \" เพ่ือบังคับให้เคร่ืองยนต์ทำงานและติดเคร่ืองยนต์อีกแถบ หนึ่ง 13. เมือ่ เครอ่ื งยนตต์ ิดเรียบรอ้ ยแล้ว ให้ตรวจการทำงานของเคร่อื งวดั ต่างๆ และไฟเตอื นดงั นี้ - เคร่ืองวัดความดันน้ำมันเครื่องแสดงค่าอย่างน้อย 15 ปอนด์/ตร.น้ิว เม่ือเคร่ืองยนต์เดินเบา750 รอบ/นาที - ไฟเตอื นหลัก - ถ้าความดันน้ำมันเครื่องไม่ถึง 15 ปอนด์/ตร.น้ิว หรือไฟเตือนหลักยังคงติดสว่างให้ดับเคร่ืองยนต์ ทนั ที แลว้ รายงานช่างซ่อมบำรงุ ประจำหนว่ ย 14. เร่งเครื่องยนต์ จนเคร่ืองวัดรอบแสดงค่า 1,000-1,250 รอบ/นาที แล้วดึงกระเดื่องยึดคันเร่ง ขึ้นเพื่อยึดคันเร่งไว้ และอุ่นเคร่ืองยนต์อย่างน้อย 3-5 นาที ในระหว่างทำการอุ่นเคร่ืองยนต์ให้ตรวจสอบ การทำงานของเคร่ืองวัดต่าง ๆ และไฟเตอื นดงั น้ี - เคร่อื งวดั ความดนั นำ้ มันเครือ่ งยนตแ์ สดงค่าอย่างนอ้ ย 15 ปอนด์/ตร.นวิ้ ท่ี 750 รอบ/นาที - เคร่ืองวัดอณุ หภูมิเครอ่ื งยนต์ แสดงค่า 180 องศา F. ถงึ 225 องศา F. - เคร่ืองวัดความดันน้ำมันเคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว แสดงค่า 8-40 ปอนด์/ตร.นิ้ว (ความดันจะลดลงถึง 2 ปอนด์/ตร.นิ้ว ท่ี 750 รอบ/นาท)ี - เครื่องวดั อุณหภมู เิ ครอื่ งเปลี่ยนความเรว็ แสดงค่า 200 องศา F. ถงึ 280 องศา F. - เคร่ืองวัดแบตเตอร่ีและเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า แสดงค่าอยู่ท่ีแถบสีเขียว (ถ้าเคร่ืองวัดแสดงค่าอยู่ในแถบสี แดง ด้านซ้าย ให้เร่งเครอ่ื งยนต์ 1,600 รอบ/นาที ไว้ชั่วขณะหนึ่ง แตถ่ ้าเขม็ ช้แี สดงคา่ คงเดิม ให้ทำการแก้ไข ข้อขัดขอ้ งตามตารางที่ 3-1 แตถ่ า้ เข็มชแ้ี สดงค่าอย่ใู นแถบสแี ดงด้านขวา ให้ รายงานชา่ งซอ่ มบำรงุ ประจำหน่วย - ไฟเตือนหลกั ดบั สนิท - ไฟเตือนสวติ ช์แบตเตอรตี่ ิดสว่าง - เครอื่ งวดั รอบเคร่ืองยนต์แสดงค่าคงที่ 15. ตรวจการทำงานของพัดลมระบายความร้อนของเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า โดยการถือผ้าหรือ แผ่นกระดาษไว้ทางด้านหน้าของตะแกรงรับอากาศเข้า ถ้าวตั ถุดังกล่าวถูกดูดเข้าไปติดตะแกรงแสดงว่าพัด ลมทำงานเรยี บรอ้ ย -------------------------------
ห น ้ า | 11 การใชง้ านเครอื่ งยนตใ์ นสภาพอากาศรอ้ นจดั ให้หลีกเล่ียงการใช้งานรถในเกียร์ต่ำ \" OLW \" หรือเกียร์ถอยหลัง \" REVERSE \" ติดต่อกันเป็น เวลานาน และหมั่นสังเกตเคร่ืองวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่องยนต์ และเครื่องวัดอุณหภูมิน้ำมันเคร่ืองเปลี่ยน ความเร็ว ถ้าปรากฏว่าเครื่องวัดอุณหภูมิสูงมากเกินควรให้หยุดรถเข้าเกียร์ว่าง\" N \"และเร่งเคร่ืองยนต์ไว้ 1,000 รอบ/นาที จนเครอื่ งวดั อณุ หภมู ิใชง้ านปกติเสยี กอ่ น จึงใช้งานรถต่อไป การดับเครื่องยนต์ การปฏิบัติ 1. เม่ือรถถังหยุดสนิทแล้ว ให้เร่งเคร่ืองยนต์ไว้ 1,000 รอบ/นาที เป็นเวลานานพอควร เพื่อให้ เครอ่ื งยนต์เย็นลง แลว้ ปลอ่ ยใหเ้ ครือ่ งยนตเ์ ดินเบา 700-750 รอบ/นาที 2. ปิดเครื่องอุปกรณไ์ ฟฟา้ ทงั้ หมด 3. ยกสวิตชด์ บั เคร่อื งยนต์ จนเครือ่ งยนตด์ ับสนิท 4. ถ้าเครื่องยนต์ไม่ดับภายใน 15 วินาที ให้ดับเคร่ืองยนต์ด้วยการดึงคันดับเครื่องยนต์ด้วยมือขึ้น ให้สุด แล้วเร่งเคร่ืองยนต์ 1,400 รอบ/นาที จนเครื่องยนต์ดบั สนิท (ในกรณีที่ตอ้ งดับเครอ่ื งยนต์ด้วยการดึง คนั ดับเครอ่ื งยนต์ด้วยมือ ใหร้ ายงานชา่ งซอ่ มบำรุงประจำหน่วย) 5. เมอื่ เคร่อื งยนตด์ บั สนิทแลว้ ใหป้ ดิ สวิตชแ์ บตเตอร่ีไว้ในตำแหน่ง \" OFF \" 6. ถ้าจะไมใ่ ช้งานรถถังเป็นเวลานานถงึ หนึ่งสัปดาหห์ รือนานกว่า ให้ดงึ คนั ดบั เครอื่ งยนตด์ ว้ ยมือขึ้น ให้สดุ ในตำแหนง่ \" OFF \" 7. เปดิ ลน้ิ ถา่ ยนำ้ ในหอ้ งพลประจำรถ และห้องเครอ่ื งยนตไ์ ว้ทัง้ สองแหง่ ---------------------------- การเขา้ เกยี รแ์ ละการเลอื กตำแหนง่ ใช้งานของเครอื่ งเปล่ยี นความเร็ว คำเตือน อย่าเร่งเครื่องยนตโ์ ดยแรง ขณะเรมิ่ ออกรถ ข้อควรระวัง ถ้าเคร่ืองยนต์ดับ เมื่อข้ึนลาดชันอย่าปล่อยให้รถเลื่อนถอยหลัง ในขณะท่ีเครื่องเปลี่ยน ความเรว็ อย่ใู นตำแหนง่ เกยี ร์เดนิ หนา้ เพราะจะทำใหเ้ คร่ืองยนต์หรอื หมอ้ กรองอากาศเสยี หาย และ ภายในป้อมปนื อาจจะเตม็ ไปดว้ ยควันไอเสยี เนื่องจากเคร่อื งยนต์หมนุ กลับทศิ ทาง ถ้าปรากฏวา่ เครื่องยนต์เริ่มจะหมุนตีกลับ ให้หยุดรถและดับเคร่ืองยนต์แล้วพยายามติดเครื่องยนต์ใหม่ในกรณีท่ีไม่ สามารถห้ามลอ้ จนหยุดรถได้ ให้เลอื่ นคนั เกียรไ์ ปยงั ตำแหน่งวา่ ง \" N \" 1. เกยี ร์วา่ ง \" N \" ใช้เมือ่ ไมต่ อ้ งการขบั รถเดินหน้าหรอื ถอยหลงั และเมื่อตอ้ งการหมนุ อยกู่ ับท่ี คำเตอื น ใหเ้ หยียบแปน้ หา้ มล้อไวใ้ นขณะเปล่ยี นจากเกียรว์ า่ งไปยังเกยี รอ์ ่นื ๆ ข้อควรระวัง 1. อยา่ เข้าเกยี ร์วา่ งลงในขณะลาดชัน 2. ควรหมนุ อยู่กับทเี่ มอ่ื จำเปน็ เทา่ น้นั และอย่างเรง่ เครือ่ งยนตโ์ ดยแรงในขณะทีห่ มุนอยู่ กับท่ี 2. เกียรจ์ อดรถ \" P \" ใช้สำหรบั หมนุ ติดเครื่องยนต์และจอดรถ (หยุดรถให้สนิทก่อนทีจ่ ะเขา้ เกียร์ จอดรถ ) 3. เกยี ร์ถอยหลัง \" R \" ใชส้ ำหรับรถถอยหลงั และการไตล่ าดชันด้วยกำลงั สงู สุดของเคร่ืองยนต์ (ความเรว็ สูงสดุ ในเกยี รถ์ อยหลงั 5 ไมล์/ชม.) ข้อควรระวัง อย่าเปลีย่ นเกียร์จากเกยี ร์ถอยหลงั ไปยังเกียร์เดนิ หน้า จนกวา่ รถจะหยุดสนิท และเครื่องยนต์ เดินเบา 700-750 รอบ/นาที
ห น ้ า | 12 4. เกียร์ต่ำ \" L \" ใช้สำหรับการเร่ิมออกรถ หรือในขณะขับรถบนพ้ืนที่ดินอ่อน,ในโคลน,พ้ืนที่ ขรุขระหรอื ในการไต่ขน้ึ ลาดชนั (ความเร็วสูงสุดในเกยี ร์ตำ่ \" L \" 10 ไมล์/ชม.) ข้อควรระวัง ในขณะขับรถเดินหน้า ลงลาดชันด้วยเกียร์ต่ำ ให้พยายามควบคุมความเร็วของเครื่องยนต์ไว้ ไมใ่ หส้ ูงกว่า 2,400 รอบ/นาที ด้วยการใชห้ า้ มลอ้ 5. เกียร์สูง \" H \" ใชส้ ำหรบั การขบั รถบนพน้ื ทีเ่ รียบและพื้นแขง็ (ความเรว็ สูงสุดในเกยี ร์สงู \" H \" 30 ไมล์/ชม.) ข้อควรระวงั อย่าเรมิ่ ออกรถด้วยเกียร์สูง และอย่าเปลย่ี นจากเกยี รส์ ูงลงไปเกยี ร์ต่ำ ในขณะทรี่ ถมคี วามเร็ว เกิน 9 ไมล์/ชม. ข้อควรระวัง อย่าเปล่ียนจากเกียร์เดินหน้าไปยังเกียร์ถอยหลังจนกว่ารถจะหยุดสนิทและเครื่องยนต์เดิน เบา 700-750 รอบ/นาที การขบั เคลอื่ นรถถัง การออกรถ 1. ขัดกลอนยดึ ฝาปิดชอ่ งทางตา่ งๆ ไวใ้ นตำแหน่ง \"เปดิ \" หรอื \" ปิด \" ใหแ้ น่น 2. เปดิ สวิตช์ควบคุมระบบแสงสวา่ งไว้ตามตำแหนง่ ทต่ี ้องการใช้งาน 3. ปลดกระเด่ืองยึดคันเร่งฯ โดยการกดคันเร่งฯ ลงไป แล้วปล่อย และให้เครื่องยนตเ์ ดินเบา 700- 750 รอบ/นาที 4. เหยียบแปน้ ห้ามล้อโดยแรง แล้วเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่งเกียร์จอด \" P \" ไปยังตำแหน่งเกียร์ วา่ ง \" N \" เพื่อปลดหา้ มล้อจอดรถ 5. ในขณะท่ยี งั คงเหยยี บหา้ มลอ้ ไวใ้ ห้เลอื่ นคนั เกยี ร์ไปยงั ตำแหน่งทต่ี อ้ งการใช้งาน 6. ปลดแป้นห้ามล้อและค่อยๆ เร่งเคร่ืองยนต์ให้รถเริ่มเคล่ือนท่ีช้าๆ อย่าเร่งเคร่ืองยนต์โดยแรง เม่ือเรม่ิ ออกรถ 7. ในขณะรถเคลื่อนที่ให้ควบคุมทิศทางของรถด้วยคันบังคับเล้ียว อย่าปล่อยให้คันบังคับเลี้ยว กลับคืนสตู่ ำแหนง่ กลางด้วยการปลอ่ ยมือ แตใ่ หช้ ่วยประคองคันบงั คบั เล้ยี วจนกลบั คนื สตู่ ำแหนง่ กลาง การหยดุ รถ 1. ผอ่ นเท้าจากคันเร่งฯ แล้วเหยียบแปน้ ห้ามล้อ จนรถหยดุ สนทิ 2. เปลย่ี นเกียรไ์ ปยังตำแหนง่ ที่ตอ้ งการ หรือถ้าตอ้ งการจอดรถใหเ้ หยียบแป้นหา้ มล้อไว้ แลว้ เลือ่ น คันเกยี รไ์ ปยังตำแหน่งจอดรถ \" P \" เพอ่ื ยงั ห้ามล้อไว้ คำเตอื น 1. อยา่ ออกจากห้องพลขบั ในขณะทเี่ ครือ่ งยนต์กำลงั เดนิ เครื่อง 2. อย่าหมุนคันบังคับเลี้ยวไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ในขณะจอดรถ และเดินเครื่องไว้ เพราะการเคลื่อนไหวของการคันคับเล้ียวอาจทำใหร้ ถหมุนเล้ยี วได้ แมว้ ่าจะเข้าเกียร์ไว้ ในตำแหน่งจอดรถ \" P \" และเหยียบหา้ มล้อไว้แล้ว การใช้คันบังคบั เลย้ี ว คำเตอื น 1. การขบั รถด้วยความประมาณอาจทำให้สูญเสยี การบังคับเลี้ยว, เกิดอันตรายอย่าง รา้ ยแรงต่อบคุ คล,ทรัพย์สนิ หรือรถได้ 2. อยา่ ปลอ่ ยคันบังคบั เล้ียวกลบั คืนสตู่ ำแหน่งกลาง โดยการปล่อยมืออย่างกระทันหัน จง ช่วยประคองคันบังคบั เลี้ยวใหก้ บั คืนสตู่ ำแหน่งกลาง เพื่อไมใ่ หค้ นั บงั คบั เลี้ยวและชดุ กา้ นโยงชำรุดเสียหาย 3. การเล้ียวของรถจะข้ึนอยู่กับการหมุนคันบังคับเล้ียว,ตำแหน่งเกียร์เคร่ืองเปลี่ยน ความเรว็ และรอบความเร็วของเครอื่ งยนต์
ห น ้ า | 13 การเลย้ี วในเกยี รเ์ ดินหน้า ขอ้ ควรระวัง ใหห้ มนุ คันบังคบั เลย้ี วอยา่ งสมำ่ เสมอ อย่ากระตกุ คนั บงั คับเล้ยี วโดยแรงจนรถหมุนเพราะ อาจทำให้สายพานหลุด หรือเครอ่ื งเปล่ยี นความเรว็ ชำรดุ เสยี หาย การเล้ียวซา้ ย ให้หมุนคันบังคบั เลยี้ วทวนเขม็ นาฬกิ า ในขณะท่รี ถกำลงั เดินหนา้ ในเกยี รต์ ่ำ \" L \" หรอื เกยี รส์ งู \" H \" การเลย้ี วขวา ให้หมนุ คนั บงั คบั เลี้ยวตามเข็มนาฬกิ า ในขณะท่ีรถกำลังเดนิ หน้าในเกียรต์ ่ำ \" L \" หรอื เกียรส์ ูง \" H \" หมายเหตุ 1. ควรเรง่ เคร่อื งยนต์ตามสมควรในขณะทำการเลีย้ วเพอื่ ไม่ใหร้ ถหยุด และสญู เสียการ บงั คบั เลย้ี ว 2. รัศมีวงเล้ียวในเกยี รต์ ่ำ \" L \" จะนอ้ ยกวา่ เกียร์สูง \" H \" การเล้ียวในเกยี รถ์ อยหลงั การเล้ยี วขวา ใหห้ มนุ คนั บังคับเลยี้ วทวนเข็มนาฬิกา ในขณะทรี่ ถกำลงั ถอยหลงั ด้วยเกยี รถ์ อยหลัง การเลี้ยวซ้าย ใหห้ มุนคันบงั คบั เลย้ี วตามเข็มนาฬิกา ในขณะทร่ี ถกำลังถอยหลงั ด้วยเกยี รถ์ อยหลงั ขอ้ ควรระวัง อย่าลดความเร็วของรถดว้ ยการหมุนคันบังคบั เล้ยี วให้รถสา่ ยไปมา เพราะจะทำให้ สายพานชำรดุ เสียหายได้ การหมุนอยู่กับท่ี (NEUTRAL STEERING) ขอ้ ควรระวัง 1. ความเร็วในการหมุนอยู่กับท่ี ข้ึนอยู่กับรอบความเร็วของเครื่องยนต์ อย่าหมุนคันบงั คับ เลยี้ วโดยแรง ในทันทีทันใดเพราะอาจทำให้สายพานหลุดได้ 2. อย่าหมุนอยู่กับที่บนทราย กรวด หรือหิน เพราะวัสดุดังกล่าวจะอัดตัวแทรกเข้าไปใน ระหวา่ งลอ้ กดและสายพาน ทำให้สายพานหลดุ ได้ การหมุนขวา หยุดรถให้สนิท,เข้าเกียร์ว่าง \" N \" และหมุนคันบังคับเล้ียวตามเข็มนาฬิกาจนสุดแล้วเร่ง เครอื่ งยนต์ชา้ ๆ การหมุนซ้าย หยุดรถให้สนิท,เข้าเกียร์ว่าง \" N \" และหมุนคันบังคับเลี้ยวทวนเข็มนาฬิกา จนสุดแล้วเร่ง เครอ่ื งยนต์ช้าๆ ตอนท่ี 2 การตรวจ,การปรนนิบตั บิ ำรงุ และการบรกิ าร กล่าวท่ัวไป 1. ก่อนที่จะปฏิบัติงานจงระลึกถึงคำเตือนและข้อควรระวังต่าง ๆ และปฏิบัติการตรวจ,การ ปรนนิบตั ิบำรงุ และการบริการกอ่ นใช้งาน 2. ในขณะปฏิบัติงาน จงระลึกถึงคำเตือนและข้อควรระวังต่าง ๆ และปฏิบัติการตรวจ,การ ปรนนิบัตบิ ำรงุ และการบริการขณะใชง้ าน 3. หลังการปฏิบัตงิ านจงแน่ใจว่าได้ปฏิบัตกิ ารตรวจ,การปรนนิบัตบิ ำรุง และการบริการหลังการใช้ งาน 4. ถ้ายุทโธปกรณ์หรือองค์ประกอบเกิดข้อขัดข้องหรือไม่ทำงาน ให้ทำการแก้ไขข้อขัดข้องด้วย เครื่องมือและอุปกรณ์ท่ีเหมาะสมกับการใช้งาน ให้รายงานข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น โดยใช้แบบพิมพ์ท่ีถูกต้อง ตามทกี่ ลา่ วไว้ในคู่มือทางเทคนิค, คท.38-750 วิธีการปฏบิ ตั ิ ก. ตรวจดูว่าส่ิงอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในสภาพดี,ประกอบคุมหรือเก็บอย่างถูกต้อง,ติดตั้งม่ันคงไม่สึก หรอมากเกินควร,ไม่มีการรั่วไหล,และได้รับการหลอ่ ลน่ื อยา่ งเหมาะสม
ห น ้ า | 14 ข. ใชง้ านเครือ่ งอปุ กรณต์ ่าง ๆ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้งานที่กลา่ วไวใ้ นหนงั สือคูม่ ือเล่มนี้ และรายงานใหช้ ่างซอ่ มบำรงุ ประจำหนว่ ยทราบ ถึงความต้องการในการปรนนบิ ัติบำรงุ ทั้งหมด ค. คลี่ผ้าใบคลุมรถ และผ้าใบกันน้ำต่าง ๆ ออกตากแดดหรือตากลม เมื่อทำการปรนนิบัติบำรุง ประจำ 3 เดือน และร่นระยะเวลาให้น้อยลงตามความต้องการในฤดูฝน และอย่าพับเก็บสิ่งอุปกรณ์ทำด้วย ผา้ ใบท่ยี ังเปียกชืน้ ง. เมื่อไม่ใช้อาวุธประจำรถ ให้ออกกำลังหมู่เคร่ืองหมุนป้อมปืน และเครื่องให้ทางสูง หมู่เครื่องปิด ทา้ ยลำกลอ้ งปืนใหญ่ และหมเู่ ครือ่ งกลไกตา่ ง ๆ ในปอ้ มตรวจการณ์บอ่ ย ๆ คร้ัง ตามระยะเวลา จ. ใช้น้ำมันทำความสะอาดเช็ดแห้ง (PD-680) หรือน้ำมันผสมสีแห้งเร็ว (FEDTT-291A) เพ่ือ ชำระล้างไขข้นหรอื น้ำมันหล่อล่ืนที่เปรอะเป้ือนบนผิวโลหะต่างๆ นอกจากบริเวณท่ีอาจทำให้ดนิ ส่งกระสุน ดา้ นในขณะทำการยงิ ฉ. ใช้น้ำมันทำความสะอาดลำกล้องปนื (MIL-C-372) ในการทำความสะอาดชิน้ ส่วนต่าง ๆ ของปืน ทสี่ มั ผัสกบั ดนิ ส่งกระสนุ ในขณะทำการยิง ชิน้ สว่ นท่ตี ้องการการหลอ่ ล่ืนจะต้องเชด็ แหง้ และให้การ หล่อลนื่ ตามคำสงั่ การหลอ่ ลน่ื คล.9-2350-258-12 ช. อย่าใช้วัตถุท่ีมีผิวหยาบกว่าผ้าทราย \" CROCUS CLOTH \" ในการขัดรอยสนิมบนผิวโลหะ การ ทำความสะอาดด้วยการขัดด้วยผ้าทรายจะต้องกระทำด้วยความระวดั ระวัง และไม่ถูจนขนาดของชิ้นส่วน เปล่ียนแปลงไป ให้ทาผิวโลหะที่ไมเ่ คลือบสีด้วยน้ำมันหล่อลื่น (MIL-L-3150) เมื่อทำความสะอาดเรยี บร้อย แลว้ ซ. เม่ือเปลี่ยนหรือติดต้ังองค์ประกอบหรือช้ินส่วนใหม่ ให้ถอด,เช็ดหรือล้างวัสดุที่ฉาบป้องกันไว้ ออกและให้การหล่อลืน่ ตามคำส่งั การหลอ่ ลน่ื คล.9-2350-258-12 ฌ. ให้ชำระล้างน้ำมันหล่อล่ืนและไขข้นต่าง ๆ ออกจากส่ิงที่ทำด้วยผ้าใบดว้ ยการถูด้วยแปรง และ นำ้ สระบ่อู ่นุ ๆ แลว้ ล้างดว้ ยน้ำ และปลอ่ ยให้แห้ง ญ. แผ่นป้ายช่ืออุปกรณ์ แผ่นป้ายคำเตือน และแผ่นป้ายคำแนะนำต่าง ๆ ท่ีทำด้วยแผ่นเหล็กกล้า อาจเกิดสนิมอย่างรวดเร็วมาก เม่ือตรวจพบแผ่นป้ายท่ีเกิดสนิมให้ทำความสะอาดให้หมดรอยสนิม และ ทาเคลือบดว้ ยนำ้ มันหลอ่ ล่นื (MIL-L-3150) ฎ. ควรปฏิบัติตามข้อควรระวังในการทำความสะอาดและการใช้งานสิ่งต่อไปนี้ เพื่อป้องกันการ บาดเจบ็ ต่อรา่ งกาย หรือความชำรดุ เสยี หายของส่ิงอุปกรณ์ ฏ. ควรใช้น้ำมันทำความสะอาดเช็ดให้แห้ง และใช้น้ำมันผสมสีแห้งเร็วในที่ ๆ มีการระบายอากาศ อยา่ งพอเพียงและการจดั เตรยี มเครอื่ งดับเพลิงไวใ้ นบรเิ วณน้นั ฐ. หลีกเลี่ยงการทำสารจำพวกน้ำมันปิโตรเลียมหกรดส่วนประกอบที่ทำด้วยยางเพราะจะให้ยาง เปื่อยชำรุด เพราะยางไมท่ นต่อนำ้ มนั ปิโตรเลยี ม ฑ. อยา่ ใชน้ ำ้ มนั เชอื้ เพลงิ ดีเซล, นำ้ มันแก๊สโซลนี หรือเบนซนิ ( เบนซอล ) ในการทำความสะอาด ฒ. ควรสวมถงุ มอื เพื่อปอ้ งกันผวิ หนงั ของมือแห้งและแตก เนื่องจากฤทธ์ิของน้ำมนั ทำความสะอาด ทร่ี ะเหยไว เมือ่ ใช้น้ำมนั ชนดิ ดังกล่าวทำความสะอาด ข้อควรระวัง อย่าทำความสะอาดภายในป้อมปืนหรือตัวรถด้วยไอน้ำร้อน,น้ำหรือลมที่มีแรงดันสูงเพราะ การทำความสะอาดด้วยวิธีน้ีจะทำให้ศูนย์เล็ง และเครื่องควบคุมการยิงต่าง ๆ ไม่ทำงาน หรือเกิดข้อขัดข้อง ภายหลัง เนอ่ื งจากไอนำ้ และความช้ืนรว่ั ซมึ เขา้ ไปภายใน และทำให้เกิดการผุกร่อนของฟันเฟือง,ตลับลูกปืน, รองเพลา และชน้ิ ส่วนภายในองค์ประกอบตา่ ง ๆ ของรถ
ห น ้ า | 15 ณ. ในระหว่างล้างทำความสะอาดรถให้สวมผ้าคลุมท่อไอเสียของเครื่องทำความร้อนไว้ และใช้ผ้า กันน้ำอุดท่อระบายฝุ่นของมอเตอร์ระบายฝุ่นของหม้อกรองอากาศไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าภายใน องค์ประกอบเหล่านั้น และต้องแน่ใจว่าไดถ้ อดฝาครอบ และผ้ากันนำ้ ที่อดุ ทอ่ ออก เมือ่ ลา้ งรถเสรจ็ แลว้ ข้อควรระวงั ในระหว่างล้างทำความสะอาดรถ ถา้ นำ้ รั่วไหลเขา้ ไปภายในท่อไอเสียของเคร่ืองยนตจ์ ะ ทำใหเ้ ครอื่ งยนต์ชำรุดเสียหายได้ ด. จะตอ้ งคลมุ หรือปกปิดส่งิ อปุ กรณต์ า่ ง ๆ เมื่อไมใ่ ช้งาน ต. จงอย่าใช้ผ้าทราย,ของเหลวต่าง ๆ ,สารท่ีมีลักษณะข้นหรือสารขัดถูต่าง ๆ ในการทำความ สะอาดเลนส์เคร่ืองทัศนะ,กระจกหน้าปัด เคร่ืองวัด หรือแท่งแก้วตรวจการณ์ตา่ ง ๆ ให้ใช้แปรงขนอูฐ และ ทำความสะอาดกระจกหรือเลนส์ ด้วยกระดาษเช็ดเลนส์ เมื่อมีความจำเป็นในการลบรอยนิ้วมือ, น้ำมันหล่อลื่น,หรือส่ิงสกปรกต่าง ๆ ออกจากเลนส์ ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์และกระดาษเช็ดเลนส์ ถ้าไม่มี แอลกอฮอล์ใหห้ ายใจรดเลนส์ แล้วเช็ดถดู ้วยกระดาษเชด็ เลนส์ การปฏิบตั เิ ฉพาะอย่าง 1. การปรนนบิ ตั ิบำรงุ และการบริการ อ้างถงึ การปฏิบัติตามตารางที่ 2-1 2. ในระหว่างการตรวจให้ดูรูปภาพแนะแนวการตรวจน้ัน ๆ 3. การบันทึกและรายงานขอ้ ขดั ขอ้ ง และขอ้ บกพร่องต่าง ๆ อ้างถึงค่มู ือเทคนิค,คท.38-750 ************* ตารางท่ี 2-1 การตรวจ,การปรนนบิ ัตบิ ำรุงและการบรกิ าร รถถงั M48 A5 หมายเหตุ การตรวจตา่ งๆ จะตอ้ งกระทำไปตามลำดบั รายการ ภายในระยะเวลาท่ไี ด้กำหนด ก. กอ่ นใช้งาน ข. ขณะใช้งาน ล. หลงั ใช้งาน ลำดบั ระยะเวลา ส่ิ งที่ ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องท่ี สิ่งที่ต้องรายงาน กขล และบริการ ต้องแกห้ รือจดั ปรบั ตามความจำเป็น เมอื่ ไม่พร้อม ใช้งาน หมายเหตุ ใหต้ รวจหารอยรวั่ ของนำ้ มันเครื่องหรือ น้ำมันเชื้อเพลิง การขาดหลุดหรือการ หลวมคลอนขององค์ประกอบใหญ่ สลักเกลียว แป้นเกลียว หรือปลอกรัด และเสียงดังผิดปกติต่าง ๆ อย่าง สมำ่ เสมอ 10 ค าน รับ แ รงบิ ด ตรวจหาคานรับแรงบิดท่ีหัก โดยการ คานรับแรงบิดหัก และเคร่ืองผ่อน ใช้ชะแลงงัดล้อกดสายพาน ต้ังแต่ล้อท่ี หรือหลดุ หาย แรงสะเทอื น 2 จนถึงล้อที่ 5 การตรวจคานรับแรงบิดของล้อที่ 1 และล้อท่ี 6 กระทำโดยการสังเกตจาก มุมของสายพานและตรวจการร่ัวไหล ของเครอื่ งผ่อนแรงสะเทือน 20 ระบบพยงุ ตวั รถ ตรวจการชำรุดเสียหาย หรือการสึก ล้ อ ก ด ส าย พ าน หรอมากเกินควรของสายพาน ล้อกด ชำรดุ จนใช้งาน สายพาน ล้อปรับสายพาน เฟืองขับ ไม่ได้
ห น ้ า | 16 สายพาน ล้อรับสายพานและแหนบ หยุดแขนลอ้ กดสายพาน ตรวจความตึงหย่อนของสายพานและ ตรวจหาข้อสายพานตาย ถ้าพบข้อ สายพานตายหรือเฟืองขับสายพานสึก หรอมากเกินควร ให้รายงานช่างซ่อม บำรุงประจำหน่วย ลำดับ ระยะเวลา ส่ิ งท่ี ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องที่ สิ่งที่ต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ต้องแกห้ รือจดั ปรบั ตามความจำเป็น เมอ่ื ไมพ่ รอ้ ม ใช้งาน 00 ตรวจหารอยหลุดล่อน หรือรอยแหว่ง ล้อต่าง ๆ ยังคงใช้ จนมากเกินควรของยางล้อต่าง ๆ และ งานได้จนกว่ารอย ตรวจสภาพของฝาดมุ ลอ้ ทกุ ๆ ล้อ หลุดล่อนหรือรอย แหว่งของยางล้อ เท่ ากับ ครึ่งห น่ึ ง ของพ้ื น ที่ สัม ผัส เดิมท้งั หมด 00 ตรวจหารอยร่ัวของไขข้นท่ีด้านหลัง ล้ อ รับ ส าย พ าน ข อ งล้ อ รับ ส าย พ าน แ ล ะ ล้ อ ก ด หลุดหายไป 1 ล้อ สายพาน รอยเปรอะเป้ือนเล็กนอ้ ยของ หรือมากกว่าหรือ ไขข้นท่ีบริเวณ ยางกันร่ัวสามารถ ก้ า น โ ย ง แ ก น ยอมรับได้ ก ร ะ บ อ ก ป รั บ รอยไขข้นที่ทะลักออกมารอบ ๆ ยาง สายพานชำรุด จน กันรั่วด้านในอาจแสดงว่ายางกันร่ัว ใช้การไม่ได้หรือ ชำรดุ หลุดหาย แขนล้อ กดสายพานคดงอ แตกหัก หรือหลุด หาย 3 0 0 อุณหภูมิของดุม ระหว่างหยุดพักและหลังใช้งาน ให้ใช้ ดุม ล้อต่าง ๆ ที่ ลอ้ กดสายพาน มือสัมผัสดุมล้อเหล่าน้ีบ่อย ๆ เพื่อ ตรวจพบว่าร้อน ลอ้ รบั สายพาน สงั เกตความแตกตา่ งกนั ของอณุ หภมู ิ จัดเกินควรจะไม่ และเครื่องผ่อน ระหว่างดุมล้อชนิดเดียวกัน ดุมล้อท่ี สามารถแก้ไขได้ แรงสะเทือน ร้อนจัดเกินควรแสดงว่าการจัดปรับดุม ด้ วย ก ารให้ ก าร ล้อไม่ถูกตอ้ ง ใหก้ ารหลอ่ ล่ืนไมเ่ พียงพอ หลอ่ ลืน่ หรอื ตลบั ลกู ปนื ชำรดุ เครื่องผ่อนแรงสะเทื อนท่ี ท ำงาน เรียบรอ้ ยจะอุ่นกว่าตวั รถ
ห น ้ า | 17 ลำดบั ระยะเวลา สิ่ งที่ ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องที่ สิ่งท่ีต้องรายงาน กขล และบริการ ตอ้ งแก้หรือจัดปรบั ตามความจำเปน็ เม่ือไม่พรอ้ ม ใชง้ าน 4 0 0 หี บ เฟื องขับ ข้ัน ตรวจหารอยไหลหยดที่ก่อตัวข้ึน(ไม่ใช่ สุดทา้ ย รอยซึมเล็กน้อย) ทางด้านนอกและ ดา้ นในตัวรถ 5 0 0 ฝาปิดต่าง ๆ ทาง ตรวจความมนั่ คงของฝาบิดต่าง ๆ ด้านบนและด้าน ใตท้ อ้ งรถ 6 0 0 ตัวรถ ตรวจสภาพความเรียบร้อยและทำงาน ได้ถูกต้องของขอพ่วงและขอลากจูง ตรวจความเรียบร้อยภายนอกของหีบ โทรศพั ทท์ า้ ยรถ และสภาพของ ปะเกน็ ฝาบดิ หีบโทรศพั ท์ 70 คันบังคับเครื่อง ตรวจหารอยแตกหรือหลุดหายของ ผนึกยึดแตกหรือ ดั บ เพ ลิ ง (ด้ า น ผนึกตะกั่วยึดลวดร้อยคันบังคับด้าน สญู หาย นอก) นอกรถ 8 0 0 ฝาบานเกล็ดปิด ตรวจความชำรุดเสียหายของฝาบาน ฝาบานเกล็ดปิด หอ้ งเครือ่ งยนต์ เกลด็ ปดิ หอ้ งเคร่อื งยนต์ ห้ อ ง เค ร่ื อ ง ย น ต์ ด้ า น ท้ า ย ร ถ ไม่ สามารถยึดใหแ้ น่น หรือฝาบานเกล็ด อันใดอันหนึ่งหลุด หาย 9 0 ร ะ บ บ น้ ำ มั น ตรวจความสกปรกของตะแกรงฝาบิด เชือ้ เพลงิ ชอ่ งระบายความดันของฝาบิดถัง น้ำมันเชื้อเพลิงและทำความสะอาดถ้า จำเปน็
ห น ้ า | 18 ลำดับ ระยะเวลา ส่ิ งท่ี ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องที่ ส่ิงท่ีต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ตอ้ งแก้หรอื จดั ปรบั ตามความจำเป็น เม่ือไม่พรอ้ ม ใช้งาน 10 0 0 เคร่ืองยึดปืนขณะ ตรวจความเรยี บร้อยในการทำงาน เดินทางและฐาน ข องเคร่ืองยึดลำกล้องปืนใหญ่และ เค รื่ อ ง ยึ ด บ น ฐานเครอื่ งยึดบนดาดฟา้ ดาดฟ้า 11 0 0 หี บ ห ม้ อ ก ร อ ง ตรวจความชำรุดเสียหายของหีบหม้อ อากาศ กรองอากาศ,และท่อยางต่าง ๆ ตรวจ การยึดแน่นของปลอกรัดท่อยาง การ หลวมคลอนหรอื หลุดหายของปลอกรัด และเคร่ืองช้ีสอบสภาพการอุดตันของ หม้อกรองอากาศและทำความสะอาด ไสก้ รองอากาศตามความต้องการ 12 0 0 ฝาบิดหอ้ งพลขับ ตรวจความคล่องตัวในการใช้งานและ ฝาปิดห้องพลขับ การยึดแน่นของกลอนยึดฝาปิดใน หลุดหายหรือไม่ ตำแหน่งเปิดและตำแหน่งปิดตรวจ สามารถยึดแน่นไว้ สภาพความเรียบร้อยของยางกันน้ำ ใน ตำแห น่ งเปิ ด และแผ่นยางกันกระแทกรอบ ๆ ช่อง หรอื ตำแหนง่ ปิด พลขับ ตรวจความคล่องตัวในการใช้งานของ ฝาบิดช่องรับกล้องตรวจการณ์ฯเวลา กลางคืนและการยึดแน่นของฝาปิด ใน ตำแหน่งเปิดและตำแหนง่ ปิด ตรวจสภาพความเรียบร้อยของยางกัน รัว่ รอบ ๆ ช่องรบั กลอ้ งฯ 13 0 0 ทน่ี ั่งพลขบั ตรวจความเรยี บร้อยในการใชง้ าน ท่ี นั่ งไม่ สาม ารถ ปรับและยึดให้อยู่ ในตำแหน่งที่ ต้องการ
ห น ้ า | 19 ลำดับ ระยะเวลา ส่ิ งที่ ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องที่ สิ่งที่ต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ต้องแกห้ รือจัดปรับตามความจำเป็น เมอื่ ไมพ่ รอ้ ม ใช้งาน 14 0 0 ฝ า ปิ ด ช่ อ ง ต้องแน่ใจว่าเดือยยึดฝาปิดฯยื่นพ้น ฝาปิดช่องหลบหนี หลบหนีของพล ขอบฝาบิดฯและคันกระเด่ืองบังคับ หลดุ หาย ขับ เดือยฝาบดิ อยใู่ นตำแหน่งขัดกลอน 15 0 0 กล้องตรวจการณ์ ตรวจสภาพความเรียบร้อยของแหนบ ไม่ มีกล้องตรวจ ของพลขบั บังคับฝาบิดช่องรับกล่องฯและยางกัน การณ์ M27 ที่ใช้ น้ำรอบช่องรับกล้องฯ ตรวจรอยบ่ิน, งานไดเ้ ลย รอยแตกร้าวสกปรกหรือฝ้ามัวของ กระจกกลอ้ งตรวจการณ์ M27 16 0 คันบังคับเครื่อง ตรวจสภาพของผนึกตะก่ัวยึดลวดร้อย ผนึกยึดลวดร้อย ดบั เพลิง(ด้านใน) คันบังคับ ถ้าพบว่าผนึกแตก หรือหลุด คันบังคับแตกหรือ หาย ให้รายงานต่อช่างซ่อมบำรุงฯ หลุดหาย เพ่ือตรวจปริมาณน้ำยาดับเพลิงด้วย การถอดหม้อน้ำยาดับเพลงิ ออกช่งั 17 0 คันเร่งเครื่องยนต์ ปิดล้ินถ่ายน้ำทั้ง 2 แห่ง ก่อนที่จะออก ไม่มปี ระสทิ ธิภาพ แ ล ะ คั น บั ง คั บ รถ กดคันเร่งลงไปจนสุดแล้วปล่อย หรือคันบังคับขัด เลีย้ ว เพื่อตรวจการขัดตัวและการกลับคืนสู่ ตัวและใช้งานไม่ได้ ตำแหน่งตามปกติ หมุนคันบังคับเลี้ยว ตามปกติ ไปทางซ้าย และทางขวาแล้วปล่อยมือ คันบังคับเล้ียวควรจะกลับสู่ตำแหน่ง กลาง หลงั จากการทดลองแต่ละคร้งั 18 0 เค ร่ือ งวัด ต่ างๆ ตรวจการแสดงค่าของเครื่องวัดต่าง ๆ และไฟเตอื น และการทำงานของไฟเตอื นเมอื่ เปิด ( เครื่องยนต์ดบั ) สวิตชแ์ บตเตอรี่ ดงั น้ี 1. เครือ่ งวดั ของเครื่องยนต์ ก. อุณหภูมิ 120 องศา F. ข. ความดนั น้ำมันเรื่อง 0 ปอนด์ / ตร.นว้ิ
ห น ้ า | 20 ลำดับ ระยะเวลา สิ่ งที่ ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องที่ ส่ิงที่ต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ต้องแก้หรอื จดั ปรบั ตามความจำเป็น เม่ือไมพ่ รอ้ ม ใชง้ าน 2. เครื่องวัดของเครื่องเปล่ยี นความเร็ว ก. อณุ หภมู ิ 160 องศา F. ข. ความดันน้ำมนั เครื่อง 0 ปอนด/์ ตร.นิ้ว 3. เคร่ืองช้ีสอบสภาพแบตเตอรี่และ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ก. แถบสีแดง-แบตเตอรี่ ออ่ นหรือ ไมม่ ไี ฟ ข. แถบสีเขยี ว-แบตเตอรมี่ ีไฟพอใช้ ค. แถบสเี ขียว-แบตเตอรม่ี ีไฟเต็ม 4. เครื่องวดั นำ้ มันเชือ้ เพลิงเม่อื ปดิ สวิตช์เลือกวดั ไปยงั ตำแหนง่ ถังซ้าย “ L H ” หรือถังขวา “ R H ” เครื่องวัดน้ำมันเช้ือเพลิงควรจะ แสดงคา่ เท่ากัน 5. ไฟเตือนหลัก “ POWER PLANT WARNING LAMP ” ตดิ สว่าง 6. ไฟเตือนสวิตช์แบตเตอร่ี “MASTER BAT ” ตดิ สว่าง 19 0 0 เคร่ืองวัดต่าง ๆ ขอ้ ควรระวัง และไฟเตือน ให้ ดั บ เค ร่ื อ งย น ต์ ถ้ าป ราก ฏ ว่ า ( เม่ือเคร่ืองยนต์ เคร่ืองวัดความดันน้ำมันเคร่ืองยนต์ ตดิ ) หรือ เครื่องวัดความดันน้ำมันเครื่อง เปล่ียนความเร็วแสดงค่าผิดปกติหรือ ถ้าไฟเตอื นหลกั ติดสวา่ ง
ห น ้ า | 21 ลำดบั ระยะเวลา สิ่ งท่ี ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องที่ ส่ิงท่ีต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ต้องแกห้ รือจดั ปรบั ตามความจำเป็น เมื่อไม่พรอ้ ม ใช้งาน ตรวจแสดงค่าของเครื่องวัดต่างๆ และ การทำงานของไฟเตือนเม่ือเปิด สวิตช์ แบตเตอร่ี ดงั นี้ 1. เครอ่ื งวัดอุณหภูมเิ คร่ืองยนต์ - ระห ว่าง 180 องศา F. - 225 องศา F. 2. เคร่ืองวัดความดนั น้ำมนั เครอื่ งยนต์ - ต่ำสุด 15 ปอนด/์ ตร. นว้ิ ( เม่ือ 750 รอบ/ นาที ) จนถึงสงู สดุ 70 ปอนด/์ ตร.นว้ิ ( เมื่อ 2.400 นว้ิ / นาที ) 3. เคร่อื งวัดอณุ ภมู ินำ้ มนั เคร่อื งเปลีย่ น ความเรว็ - ระ ห ว่าง 200 อ งศ า F. - 280 องศา F. 4. เครอื่ งวัดความดันนำ้ มันเคร่อื ง เปลย่ี นความเรว็ - ระหวา่ ง 80 - 40 ปอนด์/ตร. นว้ิ ( อาจลดลงถึง 2 ปอนด์/ตร.นวิ้ เม่อื ไฟเตือนหลักหรือ เครอื่ งยนตเ์ ดิน 750 รอบ/ นาที ) เคร่ืองวัดอุณหภูมิ 5. เคร่ืองช้ีสอบสภาพแบตเตอรี่และ ไม่มีหรือไม่ทำงาน เครือ่ งกำเนดิ ไฟฟ้าอยู่ในแถบสเี ขยี ว ไฟเตือนหลักและ 6. ไฟเตอื นหลกั ดบั สนิท เคร่ืองวัดดังกล่าว 7. เครอื่ งวัดรอบเครอ่ื งยนต์ แสดงคา่ แสดงคา่ ผดิ ปกติ คงที่ 8. ไฟเตอื นสวติ ชแ์ บตเตอรต่ี ดิ สว่าง
ห น ้ า | 22 ลำดับ ระยะเวลา สิ่ งท่ี ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องท่ี ส่ิงที่ต้องรายงาน กขล และบริการ ตอ้ งแกห้ รือจัดปรบั ตามความจำเปน็ เมือ่ ไม่พรอ้ ม ใชง้ าน 20 0 เค ร่ืองท ำค วาม เปิดสวิตช์เคร่ืองทำความอบอุ่นไปท่ี อบอนุ่ ประจำรถ ตำแหน่ง “ ON HI ” และ “ ON LO ( ตามความ ” ตอ้ งการ) แ ล ะ ไฟ เตื อ น ส วิ ต ช์ เค ร่ื อ ง ท ำ ค ว า ม อบอุ่นควรจะติดสว่างขึ้น, ตรวจการ ร่ัวไหลของน้ำมันเชื้อเพลิงและควันไอ เสีย 21 0 ปั๊ ม สู บ ล ม ข อ ง สูบลมเข้าผนึกยางกันร่ัวจนมีแรงดัน ผ นึ ก ย างกั น ร่ัว 25 ปอนด์/ตร.น้ิวปล่อยทิ้งไว้ และ รอบป้อมปนื ตรวจสอบแรงดันจากเครื่องวัดซ้ำอีก ( ก่ อ น ก า ร หลังจาก 5 นาที แรงดันจะต้องไม่ ปฏิบัติการลุยข้าม ลดลงมากกว่า 2 ปอนด์/ตร.น้ิว เปดิ ล้ิน นำ้ ) ควบคุมเพื่อปล่อยออกจากผนึกยางกัน รั่ว จงอย่าหมุนป้อมปืนในขณะยางกันร่ัวมี แรงดัน 22 0 ระบบห้ามลอ้ กดดันห้ามลอ้ จนเครือ่ งวัดแรงดัน แรงดันตก ห รือ น้ ำมั น ห้ าม ล้ อ แ ส ด งค่ า 750-900 แป้ น ห้ าม ล้อลด ปอนด์/ตร.น้ิว ยึดคันห้ามล้อไว้ใน ต่ำลงเรื่อย ๆ เม่ือ ตำแหน่งนี้ประมาณ 30 วินาที, ความ ถู ก ก ด ไ ว้ ห รื อ ดันและระดับของคันห้ามล้อไม่ควร ปรากฏร่องรอย เปลี่ยนแปลงจนสังเกตได้ในห้วงเวลา ก ารรั่วไห ล ข อ ง ท่ีตรวจสอบนี้ รายงานให้ช่างซ่อม น้ำมนั ห้ามล้อ บำรุงฯ ทราบถ้าระบบห้ามล้อทำงาน ผิดปกติและพบว่าน้ำมันห้ามล้อแห้ง จนสังเกตเหน็ ไดช้ ดั
ห น ้ า | 23 ลำดบั ระยะเวลา สิ่ งที่ ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องท่ี ส่ิงท่ีต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ต้องแก้หรือจดั ปรับตามความจำเปน็ เมอ่ื ไมพ่ ร้อม ใชง้ าน 23 0 0 ระบบเครื่องให้ เม่ือสถานการณ์ทางยุทธวิธีอำนวยให้ แสงสว่าง,โคมไฟ ควรจะทำการตรวจสอบการทำงาน ใหญ่,ไฟทา้ ย, ของหลอดไฟต่าง ๆ ทงั้ หมด ไฟ ห้ าม ล้ อ , ไฟ คำเตือน พ ร า ง , ไ ฟ อย่าจ้องมองโคมไฟอินฟราเรดท่ีกำลัง อิ น ฟ ร า เร ด ,ไฟ เปิดใช้งานอยู่เพราะอาจเป็นอันตราย เพดานและสวิตช์ ต่อดวงตา,การตรวจโคมไฟอินฟราเรด ไฟต่าง ๆ ให้เปิดไฟอินฟราเรดและใช้มือสัมผัส กระจกครอบโคมไฟจะรู้สึกร้อนถ้าโคม ไฟทำงานตามปกติ ตรวจสภาพความ เรียบร้อยของกระจกโคมไฟต่าง ๆ ตรวจการทำงานของสวติ ช์เลือกลำแสง และการทำงานของไฟส่องหน้าปัด เคร่ืองวดั ฯ และการทำงานของป่มุ ปรับ ความสวา่ ง ก ด แ ป้ น ห้ า ม ล้ อ ไ ว้ แ ล้ ว ต ร ว จ ก า ร ทำงานของไฟห้ามล้อปกติและไฟห้าม ล้ อ พ ร า ง ขั บ ,ต ร ว จ ก า ร ท ำ ง า น ข อ ง หลอดไฟเตือนเครื่องติดต่อส่ือสาร ภายใน และการทำงานของปุ่มปรับ ความสวา่ งของโคมไฟเพดาน 24 0 0 รอบเดินเบาของ ปลดกระเดื่องยึดคันเร่งเครื่องยนต์เมื่อ เครอ่ื งยนต์ คันเกยี รอ์ ย่ใู นตำแหน่งจอดรถ “ P ” และตรวจรอบเดินเบาของเคร่ืองยนต์ เครื่องวัดรอบควรอ่านค่าได้ 700-750 รอบ/นาที
ห น ้ า | 24 ลำดบั ระยะเวลา ส่ิ งที่ ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องที่ ส่ิงท่ีต้องรายงาน กขล และบริการ ตอ้ งแกห้ รือจดั ปรับตามความจำเปน็ เมอ่ื ไม่พร้อม ใชง้ าน 25 0 0 ร ะ ดั บ น้ ำ มั น ตรวจวัดระดับน้ำมันเคร่ืองยนต์และ เคร่ืองยนต์และ เครื่องเปลี่ยนความเรว็ และเติม เค รื่ อ ง เป ล่ี ย น น้ำมันตามความต้องการดูรายเอียดใน ความเร็ว การปฏิบัตใิ นคำสง่ั การหล่อลื่น. คล.9-2350-258-12 26 0 0 หอ้ งเคร่ืองยนต์ ในขณะเดินเครื่องตรวจความมั่นคง ของเครื่องยนต์เคร่ืองเปล่ียนความเร็ว แ ล ะ เค รื่ อ ง ร ะ บ า ย ค ว า ม ร้ อ น น้ำมันเครื่อง,การรั่วไหลต่างๆและส่ิง กีดขวางการไหลเวียนของอากาศตรวจ ความเรียบร้อยของกรอบโครงพัดลม แผ่นเบี่ยงทางลม และแผ่นก้ันทางลม, เก็บเศษสิ่งของต่างๆ ออกจากตะแกรง เครือ่ งระบายความรอ้ นน้ำมนั เคร่อื ง 27 0 การทำงานของ ในขณะเดินเครื่องยนต์,ใช้มือรองใต้ท่อ มอเตอร์ระบาย ระบายฝุ่น ซึ่งมีอยู่สองท่อท่ีหม้อกรอง ฝุ่นของหม้อกรอง อากาศแต่ละด้านระหว่างหม้อกรอง อากาศ อากาศ และหีบเก็บเคร่ืองมือและ ยุทโธปกรณ์ อนั กลาง ถ้ามีลมเป่าออกมาแสดงว่ามอเตอร์ ระบายฝ่นุ ทำงานเปน็ ปกติ
ห น ้ า | 25 ลำดบั ระยะเวลา สิ่ งที่ ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องท่ี สิ่งที่ต้องรายงาน กขล และบริการ ต้องแก้หรือจัดปรบั ตามความจำเปน็ เมือ่ ไมพ่ ร้อม ใชง้ าน คำเตือน IR POWER PACK หบี จา่ ยกำลงั งาน“IR POWERPACK” เป็นอุปกรณก์ ำหนดไฟฟา้ แรงสงู การตอ่ และการปลดขวั้ เสียบสายไฟ แรงสูงของกล้องตรวจการณ์ เอ็ม 24 ในขณะที่สวิตช์แบตเตอรี่ “MASTER BAT” แ ล ะส วิต ช์ อิ น ฟ ราเรด “IR POWER” อยู่ในตำแหน่งเปิด “ON” อาจเป็นอันตรายต่อบุคคลหรือทำให้ กลอ้ งตรวจการณ์ชำรุดเสียหาย ขอ้ ควรระวัง ตรวจสอบการทำงานของกล้องตรวจ การณ์อินฟราเรดในท่ีมืดเท่าน้ัน อย่า หันหน้ากล้องหรือเลนส์รับภาพเข้าหา แสงอาทติ ยโ์ ดยตรง หมายเหตุ รถถัง M48A5 ประกอบด้วยกล้อง ต ร ว จ ก า ร ณ์ ช นิ ด ท ำ ง า น ด้ ว ย ไฟฟา้ แรงสงู “ IR POWER PACK” 28 0 เคร่ืองอุปการณ์ จัดสวิตช์ ไฟอินฟราเรดไว้ในตำแหน่ง ช่วยการขับรถใน “ON” และตรวจสอบการทำงานของ เวลากลางคืนของ ปลอกเกลียวปรับเลนส์ตาท้ังสองข้าง พลขับ(ตรวจการ ของกล้องตรวจการณ์อินฟราเรดโดย ใช้ งา น ใน เว ล า มองผ่านเลนส์ตาของกล้องฯ จนเห็น กลางคนื ) ภาพต่าง ๆ ไดช้ ดั เจน
ห น ้ า | 26 ลำดับ ระยะเวลา ส่ิ งท่ี ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องท่ี ส่ิงที่ต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ตอ้ งแกห้ รือจัดปรับตามความจำเป็น เมือ่ ไม่พรอ้ ม ใชง้ าน 29 0 เค รื่องกรองฝุ่น ตรวจการทำงานของสวิตช์ ควบคุม และไอพิษ (C- B และการทำงานของเครื่องทำความ FILTER UNIT ) อบอุ่นของพลประจำรถท้ัง 4 แห่งเปิด แ ล ะ เค รื่ อ ง ท ำ สวิตช์เครื่องกรองฝุ่นและไอพิษแล้ว ค ว า ม อ บ อุ่ น ถอดท่ออากาศของพลขับออกจากท่ี ประจำรถ M 3 เก็บและตรวจการไหลส่งของอากาศ ตรวจการทำงานของไฟเตือนสวิตช์ เคร่ืองทำความร้อนและอากาศที่เป่า ออกจากท่อเคร่ืองทำความอบอุ่นว่ามี อุณหภูมิสูงขึ้นหรือไม่ ตรวจการใช้ งานของหน้ากากป้องกันไอพิษของพล ประจำรถแบบ M25A1และชุดปากพูด หูฟังฯ และประกอบให้เหมาะสมกับ การใช้งาน 30 0 คั น บั งคั บ แ ล ะ ในขณะขับรถให้เปลี่ยนเกียร์ไปยัง ไม่มีประสิทธิภาพ เครือ่ งควบคุม ตำแหนง่ ตา่ ง ๆ ทกุ ตำแหนง่ ห รื อ ท ำ ง า น ตา่ ง ๆ ของพลขับ ตรวจสอบการบังคบั เล้ยี วของรถว่ามี ผดิ ปกติ การตอบสนองต่อการทำงานของคัน บังคับเล้ียวเปน็ ท่ีนา่ พอใจหรอื ไม่ ใน ข ณ ะ ที่ รถ เค ล่ื อ น ที่ ไป ด้ วย ความเร็วช้า,ปานกลางและในความ เร็วสูงให้สังเกตการวิ่งเฉไปข้างใดข้าง หนึ่งหรือว่ิงส่ายไปมา เมื่อคันบังคับ เล้ียวอย่ใู นตำแหน่งกลาง ทดสอบว่าคันบังคับเล้ียวกลับคืนสู่ ตำแหน่งกลางตามเดิมหลังจากการ หมนุ เล้ยี วซ้าย - ขวา หรือไม่
ห น ้ า | 27 ลำดับ ระยะเวลา สิ่ งที่ ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องท่ี ส่ิงที่ต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ต้องแก้หรือจัดปรับตามความจำเปน็ เม่ือไมพ่ ร้อม ใช้งาน 31 0 ดับเคร่ืองยนต์ และปิดลิ้นถ่ายน้ำทั้ง สองแหง่ กอ่ นออกจากรถ 32 0 0 0 แบตเตอรี่ ตรวจระดับน้ำยาแบตเตอร่ีแต่ละช่อง แบ ตเตอร่ีชำรุด ด้วยสายตา ตรวจสภาพความเรยี บร้อย เสียหายหรือมีไม่ และความมั่นคงของข้ัวแบตเตอรี่ เติม ครบตามจำนวน น้ำกล่ันแบตเตอรีต่ ามความตอ้ งการ 33 0 0 ตะแกรงช่องรับ ตรวจและกำจดั ส่ิงกีดขวางทางเดินของ อากาศ เข้าของ อากาศ หม้อกรองอากาศ เคร่ืองยนต์ 34 0 ฝ า ปิ ด ช่ อ ง ตรวจสภาพและความเรียบร้อยของ ฝ า ปิ ด ป้ อ ม ไ ม่ ทางเข้า-ออกของ ยางกันรว่ั และแผ่นยางกันกระแทกรอบ สามารถยึดแน่น พลบรรจุและปิด ๆ ช่องทางเข้า-ออก ตรวจสอบการ อยู่ในตำแหน่งต่าง ฝ า ป้ อ ม ต ร ว จ ยึดแน่นของฝาปิดป้อมในตำแหน่งเปิด ๆ หรือฝาปิดป้อม การณ์ของผู้บังคับ - ปิดหรอื เปิดค้างเป็นบางส่วน หลุดหาย รถ 35 0 ที่ น่ั ง ข อ ง พ ล ตรวจความคล่องตัวและการจัดปรับ ที่ น่ั งพ ล ยิงห ลุ ด ประจำปอ้ มปนื , ตำแหนง่ ใชง้ านของท่ีนัง่ พลประจำปอ้ ม ห า ย ,ช่ อ ง เ ก็ บ กลอนบังคับต่าง ปนื ,ตรวจสอบการทำงานของกลอนยึด กระสุนหรือราว ๆ ของป้อมปืน, ป้อมปืน ตรวจการทำงานของเคร่อื งยดึ เก็ บ ก ร ะ สุ น ปื น ช่องเก็บกระสุน กระสุนปืนใหญ่,ตรวจการทำงานของ ใหญ่พร้อมรบใช้ ปืน พัดลมระบาย มอเตอร์พัดลมระบายอากาศของป้อม การไม่ได้ 4 ช่อง อาก าศ แล ะหี บ ปืนตรวจหาการหลุดหายหรือความ ห รือม ากกว่าน้ี , เก็บเคร่ืองมือและ ชำรุดเสียหายของช่องเก็บของภายใน เหลก็ ยึดหวั กระสนุ ยุทโธปกรณ์ต่าง ป้อมปนื หรือเหล็กกันท้าย ๆ กระสุนปืนใหญ่ใช้ การไมไ่ ด้ 4 ชอ่ ง
ห น ้ า | 28 ลำดบั ระยะเวลา สิ่ งท่ี ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องท่ี ส่ิงที่ต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ต้องแก้หรอื จัดปรับตามความจำเป็น เม่อื ไมพ่ รอ้ ม ใชง้ าน ตรวจสภาพและความเรียบร้อย,การ หรือมากกวา่ น้ี ฉีกขาดและหลุดหายของแผ่นรองจาน ท้ายปลอกกระสุนและเหล็กยึดหัว กระสุนปืนใหญ่ของราวเก็บกระสุน พร้อมรบ 36 0 0 ก าร บั งคั บ ก า ร อย่าหมุนป้อมปืนหรือยกปืนข้ึนลงโดย ทำงานของเคร่ือง ไม่มีผู้ช่วย เพ่ือเตือนหรือแจ้งอันตราย ให้ทางสูงและการ ต่าง ๆ ปลดกลอนยึดป้อมปืนหมุนข้ึน- หมุนป้อมปืนด้วย ลงด้วยมือและสังเกตว่าทำงานได้ มือ เรยี บรอ้ ยดี เกดิ การขัดตัวหรือไม่ หมุนป้อมปืนโดยรอบท้ังทางซ้าย และทางขวา สังเกตว่าท ำงานได้ เรยี บรอ้ ยเกดิ การขัดตวั หรือไม่ 37 0 เครื่องหมุนป้อม ตรวจวดั ระดบั นำ้ มันไฮดรอลกิ ปืนและเครื่องให้ “ F R H ” ในถังเก็บ น้ำมันฯ ติด ทางสูงดว้ ยกำลัง เคร่ืองยนต์และต้ังความเร็วไว้ 800- 900 ร อ บ /น า ที ( เว้ น แ ต่ มี ค ำ ส่ั ง เปลย่ี นแปลงตามสภาพของอุณหภูมิ) เปิดสวิตช์ควบคุมวงจรไฟฟ้าภายใน ป้อมปนื “ TURRET POWER ” ไวใ้ นตำแหนง่ “ ON ” เคร่ืองวัดแรงดันควรจะแสดงค่า ระหวา่ ง 900-1,250 ปอนด์/ตร.นว้ิ ตรวจการควบคุมการหมุนป้อมปืน และการให้ทางสูงของปืนว่าสามารถ ควบคมุ ความเร็วได้ทุกระดับโดยใช้
ห น ้ า | 29 ลำดับ ระยะเวลา สิ่ งที่ ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องท่ี สิ่งที่ต้องรายงาน กขล และบรกิ าร ตอ้ งแกห้ รือจัดปรับตามความจำเปน็ เมอื่ ไม่พรอ้ ม ใชง้ าน คนั บังคบั ของพลยงิ และผู้บงั คบั รถ ตรวจการร่ัวไหลโดยท่ัวไปของชุดท่อส่ง น้ำมันไฮดรอลกิ เรอื นลิน้ , เครอื่ ง ควบคมุ และเคร่อื งกำเนิดกำลงั ไฮดรอลิก 38 0 เครื่องควบคุมการ บิดสวิตช์ควบคุมวงจรไฟฟ้าภายใน ป้อมปืนหมุนหรือ จา่ ยกำลัง ป้อมปืน “ TURRET POWER ”ไว้ท่ี ปืนใหญ่ยกขึ้น-ลง ไฮดรอลกิ ตำแหน่ง “ OFF ” ปล่อยมือจากหมู่ ได้เมื่อปิดสวิตช์ คันบังคับของพลยิงและผู้บังคับรถ ควบคุมวงจรไฟฟ้า จะต้องไม่มีการเคล่ือนไหวใด ๆของปืน ภายในป้อมปืน “ ใหญ่หรอื ป้อมปนื ที่สังเกตได้ปฏบิ ัตติ าม TURRET POWER วิธีลดแรงดันในระบบไฮดรอลิกให้ถึง ” ไว้ที่ตำแหน่ง “ ค่าศูนย์ ( ZERO PRESSURE CHECK OFF ” ) แล้วตรวจวดั ระดับน้ำมันไฮดรอลิกใน หรือตรวจพบการ ถังเกบ็ น้ำมนั ฯ ร่ั ว ไ ห ล ข อ ง น้ำมันไฮดรอลิก 39 0 ระบบเคร่ืองยนต์ ตรวจการทำงานของชุดเคร่ืองรับส่ง เครื่องติดต่อ วิทยุประจำรถและระบบเคร่ืองติดต่อ ส่ือสารระหว่างผู้ ภายในรถ บงั คบั รถ และ ตรวจสภาพการติดต่อ และความ พลขบั ใชง้ าน มน่ั คงของเครอื่ งอปุ กรณ์สอื่ สารตา่ ง ๆ ไมไ่ ด้ หมายเหตุ ในวันท่ีทำการยิงปืน ให้ละเว้นการ ปฏิบัติในข้อท่ี 40 โดยให้ปฏิบัติตาม ตารางที่ 2-2 และทำการตรวจก่อน และหลังการยงิ
ห น ้ า | 30 ลำดบั ระยะเวลา สิ่ งท่ี ต้ อ งต ร ว จ วิธีปฏิบัติและตรวจหาข้อบกพร่องที่ สิ่งท่ีต้องรายงาน กขล และบริการ ต้องแก้หรือจัดปรบั ตามความจำเป็น เมอ่ื ไมพ่ ร้อม ใช้งาน 40 0 ร ะ บ บ เ ค ร่ื อ ง ตรวจสภาพโดยท่ัวไปและการทำงาน ก ล้ อ ง เล็ ง M32 ควบคมุ การยงิ ของเครื่องหาระยะ, กล้องเล็งและ และกล้องเล็งรูป กล้องตรวจการณ์ตา่ ง ๆ เคร่ืองคำนวณ ทรงกระบอก การยิง และตรวจการชำรุดเสียหาย, M105D/E1 ใ ช้ รอยเปียกชื้นและรอยคราบเชื้อรา การไมไ่ ด้ โดยทั่วไป ตารางท่ี 2-2 การซอ่ มบำรุงประจำหนว่ ย,การตรวจ และการบริการ รถถงั M48A5 ค = 3 เดือน ยอดรวมจำนวน คน-ชม. 56 ลำดับการ ส่ิงอปุ กรณท์ ีต่ อ้ งตรวจ และวิธกี ารการปฏบิ ัติ เวลาปฏบิ ัติ ปฏบิ ตั ิ (คน/ชม.) การตรวจและการวิง่ ลองเครื่อง หมายเหตุ เมื่อสถานการณ์ทางยุทธวิธีไม่อำนวยให้ทำการว่ิงลองเครื่องได้ อย่าง สมบูรณ์,ให้ดำเนินการตรวจส่ิงอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถกระทำได้โดยการ เคลอ่ื นทรี่ ถเพยี งเล็กน้อยหรือไมต่ ้องขบั เคล่ือนรถเลย และใหท้ ำการปรนนบิ ัติ บำรุงก่อนใชง้ าน,การตรวจและการบรกิ ารด้วย ตารางท่ี 2-1 ของหนงั สือคมู่ ือ ทางเทคนคิ , คท.9-2350-258-10 1. แผงควบคมุ ,เครือ่ งวัด และไฟเตอื นต่าง ๆ 1.0 ก. ตรวจสภาพไฟเตอื น และเคร่ืองวัดตา่ ง ๆ เปล่ียนฝาครอบหลอดไฟท่ี แตก,รา้ ว หรือเปลย่ี นสี ข. กอ่ นติดเครือ่ งยนต,์ เปิดสวติ ชแ์ บตเตอร่ไี ปยงั ตำแหนง่ \" ON \" แล้ว ตรวจการทำงานของเคร่อื งวดั และไฟเตือนตา่ ง ๆ ดงั น้ี. ไฟเตอื นสวิตช์แบตเตอร่ี และไฟเตือนหลักควรติดสวา่ ง ตรวจเครื่องวัดน้ำมันเชอ้ื เพลงิ โดยผลักสวติ ชเ์ ลือกวดั น้ำมันเช้อื เพลงิ จากถงั ซา้ ย \" L \" ไปยังถังขวา \" R \" แล้วตรวจผลการ อ่านค่าของ เครอื่ งวัดฯ แตล่ ะตำแหนง่ เครอ่ื งแสดงสภาพของแบตเตอรี่และเครือ่ งกำเนิดไฟ ( เคร่ืองวัดไฟฟ้า ) ควรจะแสดงคา่ อยู่ในแถบสเี หลือง เปิดสวิตช์ควบคุมไฟสอ่ งหน้าปดั เคร่ืองวัดฯ ไปยงั ตำแหนง่ สว่าง มาก \" PANEL BRT \" สว่างนอ้ ย \" DIM \" ตำแหนง่ ปดิ \"OFF\" และ ตำแหน่งจอดรถ \" PARK \" และสังเกตความเข้มของ แสงสว่างใน หนา้ ปดั เคร่ืองวดั ตา่ ง ๆ วา่ ถูกตอ้ งตามตำแหนง่ ของ สวติ ชห์ รือไม่
ห น ้ า | 31 ลำดับการ สิง่ อปุ กรณท์ ี่ตอ้ งตรวจ และวิธกี ารการปฏบิ ัติ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏิบตั ิ (คน/ชม.) หมายเหตุ จะต้องนำรถออกว่ิงลองเครอื่ งจนไดอ้ ุณหภมู ใิ ช้งานปกติ และเครือ่ งวัด ตา่ ง ๆ แสดงคา่ อยา่ งเทย่ี งตรง ค. ในระหวา่ งใช้งาน,ตรวจแผงควบคมุ ,เครอื่ งวดั และไฟเตือนตา่ ง ๆ ว่า แสดงคา่ ตามปกติหรือไม่ ดังน.้ี เครื่องวัดความดันน้ำมันเครื่องยนต์ 15 ปอนด/์ ตร.น้วิ ท่รี อบเดนิ เบา 700-750 รอบ/นาที และ 40 ปอนด/์ ตร.นิ้ว ท่ี 2,400 รอบ/นาที เครื่องวดั อณุ หภูมิน้ำมนั เครอ่ื งยนต์ 180-225 องศา F. เครอ่ื งวัดความดันนำ้ มนั เคร่ืองเปล่ียนความเรว็ 8 - 40 ปอนด/์ ตร.น้ิว เครอื่ งวัดอณุ หภมู นิ ้ำมันเครือ่ งเปลี่ยนความเร็ว 200-280 องศา F. ไฟเตอื นหลัก ควรดับสนทิ ในขณะเครื่องยนตเ์ ดินเครื่อง,และไฟเตือน หลกั จะติดสวา่ งข้ึน เมอ่ื ความดันน้ำมันเครอ่ื งยนตต์ ่ำกวา่ 13 ปอนด/์ ตร.นว้ิ หรอื อุณหภูมิของน้ำมนั เครื่องยนตส์ งู กว่า 245 องศา F. หรอื อณุ หภูมขิ องน้ำมันเครือ่ งเปลี่ยนความเร็วสูงกว่า 285 องศา F. เครือ่ งวัดไฟฟา้ แสดงคา่ อยูใ่ นแถบสีเขยี ว แสดงวา่ เคร่อื งกำเนิดไฟ ทำงานเรยี บรอ้ ย แต่ถ้าเขม็ เครอื่ งวดั แสดงค่าอยู่ในแถบสแี ดงทาง ซา้ ย หรอื แสดงคา่ อย่ใู นแถบสเี หลือง แสดงวา่ เคร่อื งกำเนิดไฟทำงาน ไม่เรียบร้อย หรือไม่ทำงาน แต่ถา้ แสดงค่าอยใู่ นแถบสแี ดงด้านขวา แสดงวา่ เครอ่ื งกำเนดิ ไฟประจไุ ฟมากเกนิ ควร เครื่องวดั รอบเคร่ืองยนต์ และเครื่องวดั ความเร็ว ควรจะทำงาน โดย เข็มเครือ่ งวัดไมม่ ีการสั่นมากเกนิ ควร หรอื มเี สียงดงั ผิดปกติ 2. ไฟสอ่ งสว่าง,โคมไฟใหญ่,ไฟท้าย และไฟหา้ มลอ้ ,โคมไฟอนิ ฟราเรด และ 0.2 ไฟพรางขบั หมายเหตุ ตรวจไฟส่องสวา่ งเม่อื สถานการณ์ทางยทุ ธวธิ ีอำนวย ใหเ้ ทา่ น้ัน ก. เม่ือจอดรถแล้ว ให้ประสานกับผู้ช่วยช่างฯ หรือพลประจำรถ ทำการ ทดสอบการทำงานของระบบไฟสอ่ งสวา่ งทัง้ หมดโดยสมบรู ณ์ โดยปฏิบัติ ตามวิธีท่ีกล่าวไว้ในหนังสือคู่มือทางเทคนิค, คท.9-2350-258-10 แล้วซ่อม แกห้ รือเปลยี่ นหลอดไฟหรอื ฝาครอบหลอดที่แตก,ร้าว หรือ เปล่ียนสี
ห น ้ า | 32 ลำดับการ ส่งิ อุปกรณท์ ่ีตอ้ งตรวจ และวิธีการการปฏิบตั ิ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติ (คน/ชม.) คำเตอื น อย่ามองทางดา้ นหน้าของโคมไฟอินฟราเรดเพราะจะเป็นอันตรายต่อดวงตา ข. การตรวจโคมไฟอนิ ฟราเรดใหเ้ ปิดสวิตชไ์ ฟอินฟราเรด แลว้ ใช้มอื สมั ผัสกระจกโคมไฟและจะรูส้ กึ ร้อน ถ้าโคมไฟทำงานเป็นปกติ ค. โคมไฟเพดานหลังพลขับ ตรวจสภาพกระจกโคมไฟสแี ดงและสขี าวและ เปลี่ยนกระจกครอบไฟทแี่ ตกรา้ วหรือเปลีย่ นสี,ตรวจการทำงานของ สวิตชใ์ นตำแหน่งเปดิ \" ON \" และปิด \" OFF \" และปุม่ ยดึ สวติ ช์ ตรวจ การทำงานของหลอดไฟและความตา้ นทานของเครือ่ งปรับความ สวา่ ง โดยการหมุนปมุ่ ปรับความสว่างตามเขม็ นาฬกิ า เพือ่ เพ่มิ ความ สวา่ ง และหมนุ ทวนเข็มนาฬิกา เพือ่ ลดความสว่าง 3. ฝาปิดหอ้ งพลขบั 0.1 ก. ตรวจความนิม่ นวลในการบังคบั ใช้งานฝาปิดห้องพลขบั และการยึด แนน่ ในตำแหนง่ เปดิ และปดิ เปลย่ี นแหนบและยางกันร่ัวของฝาปดิ เรือน กลอ้ งตรวจการณ์ M27 จะตอ้ งไมข่ นึ้ รา แตกรา้ ว และมฝี า้ ละอองนำ้ ภายในซ่ึงทำให้ทัศนะวิสยั เลวลง ข. ตรวจยางกันรั่วของฝาปดิ หอ้ งพลขบั และยางกันกระแทกรอบ ๆ ช่อง พลขับ เพ่อื หารอยร้าว,ฉีกขาด หรือหลุดแยกออกจากโลหะ 4. ท่ีนัง่ พลขบั 0.1 ก. ตรวจสภาพความสึกกรอ่ นหรือฉกี ขาดของเบาทนี่ ัง่ และเบาะพนกั พิง พลขับ ข. ตรวจการทำงานของเครอ่ื งบังคบั และคันปรบั ทน่ี ง่ั ฯ และใหก้ ารหลอ่ ลนื่ ตามคำส่งั การหลอ่ ลืน่ คล. 9-2350-258-12 5. ฝาปิดช่องหลบหนขี องพลขบั 0.1 คำเตือน ฝาปิดช่องหลบหนีฯ หนกั ประมาณ 125 ปอนด,์ ฝาปิดจะหลดุ และหลน่ จาก รถเม่อื ปลดกลอนยึด ดงั น้ันใหใ้ ชค้ วามระมดั ระวงั และตรวจดู วา่ ไม่มีบุคคลอยู่ ด้านใตฝ้ าปดิ
ห น ้ า | 33 ลำดับการ ส่ิงอปุ กรณ์ท่ตี อ้ งตรวจ และวิธีการการปฏิบตั ิ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติ (คน/ชม.) ก. ปลดฝาปิดชอ่ งหลบหนีของพลขบั โดยใช้ผา้ ใบคลุมป้อมปืน,ผา้ ใบคลมุ รถหรือวสั ดุทห่ี ยุ่นตวั ได้ วางไวใ้ ตร้ ถให้ตรงกับตำแหน่งของฝาปดิ ช่อง หลบหนฯี แลว้ หมุนกระเด่ืองกลอนยดึ ฝาชอ่ งหลบหลบหนีตามเขม็ นาฬิกา, ฝาปดิ จะหลุดออกจากช่องหลบหน,ี เลื่อนฝาปิดฯ ออกจากตวั รถ และ เครอื่ งกลไกต่าง ๆ ตามคำส่ังการหล่อลื่น คล. 9-2350-258-12 ข. ตรวจสภาพยางกนั ร่ัวของฝาปดิ ฯ เพือ่ หารอยชำรดุ เสยี หาย, การประกอบ ท่ไี มถ่ กู ตอ้ ง หรอื ฝนุ่ ผงทีส่ ะสมอยู่จนมากเกินควร และเปล่ียน ยางกันร่ัว ทีช่ ำรุด,ทำความสะอาดยางกันรัว่ และฝาปดิ ฯ แล้วทางยาง กันรัว่ ดว้ ย ไขขน้ SILICONE COMPOUND MIL-S-8600 ใหท้ วั่ ค. ประกอบฝาปิดชอ่ งหลบหนกี ลบั เขา้ ท่ีเดิม โดยใชว้ ธิ ียกดว้ ยรอก (3950-092-9064) หรือแม่แรงช่วยในการยก,และตรวจให้แน่ใจว่า เดอื ย กลอนยน่ื ออกมาพ้นขอบฝาปดิ ชอ่ งหลบหนีทัง้ สองขา้ ง 6. ลิ้นถ่ายน้ำในหอ้ งพลขบั 0.1 ใช้งานกระเดื่องคันบังคับลิ้นถ่ายน้ำ และตรวจดูว่าลิ้นถ่ายน้ำมี การเปิด-ปิด และเครอ่ื งกลไกทำงานไดค้ ลอ่ งตัวหรือไม่ รวมทง้ั การอดั แนน่ ของยางกนั รั่วใน เมื่อลิน้ อยูใ่ นตำแหนง่ \"ปิด\" และใหก้ ารหล่อลน่ื ตามคำสงั่ การหลอ่ ล่นื คล. 9-2350-258-12 7. เครื่องทำความอบอุน่ ประจำรถ 0.1 ตรวจความหลวมคลอนของเหล็กรัดท่อทางเดินน้ำมันเช้ือเพลิงและข้ัวต่อ สายไฟต่าง ๆ ตรวจสภาพสายไฟที่แตกหรือฉนวนหลุดลุ่ย, รอยแตกของท่อ ทางเดินน้ำมันเชือ้ เพลิง และการยึดแนน่ ของฐาน ติดตั้ง ตรวจการทำงานของ เคร่ืองทำความอบอุ่นฯ โดยตรวจให้แน่ใจว่า สวิตช์ตัดวงจรเครื่องทำความ ร้อนฉุกเฉิน \" EMER HEATER \" อยู่ใน ตำแหน่ง \" ON \" แล้วจัดสวิตช์เครื่อง ทำความอบอุ่นฯ \" HEATER \" ไปยังตำแหน่งร้อนมาก \" ON HIGH \" หรือ ตำแหน่งร้อนน้อย \" ON LOW \"และสังเกตว่าหลอดไฟเตือนเคร่ืองทำความ อบอ่นุ ฯ ติดสวา่ งขนึ้ หลังจากเครอ่ื งทำความอบอุ่นฯ ทำงานแลว้
ห น ้ า | 34 ลำดับการ สง่ิ อุปกรณท์ ี่ตอ้ งตรวจ และวิธีการการปฏิบัติ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิ (คน/ชม.) หมายเหตุ ถ้าเคร่ืองทำความอบอุ่นฯ ไม่ทำงานภายใน 5 นาที ให้จัดสวิตช์เครื่องทำ ความอบอุน่ ฯ ไวใ้ นตำแหน่งกลาง แล้วพยายามตดิ เคร่อื งทำ ความอบอุ่นอีก 2-3 ครั้ง ถ้าเคร่ืองทำความอบอุ่นยังไม่ติด ให้ทำการแก้ไขข้อขัดข้องตาม ตาราง 2-4 8. ระบบเครือ่ งดับเพลงิ ประจำที่ และเคร่ืองดบั เพลิงเคล่ือนยา้ ยได้ 2.0 คำเตอื น ให้จับถือท่อน้ำยาดับเพลิงท่ีมีน้ำยาด้วยความระมัดระวัง, อย่ากระแทกหรือ นำท่อน้ำยาดบั เพลงิ ไปไวใ้ นท่ี ๆ มอี ณุ หภมู ิสูงกวา่ 140 องศา F. เครือ่ งดับเพลิงประจำท่ี ก. ถอดท่อน้ำยาดับเพลิงออกทำการช่ังน้ำหนัก (หัวข้อที่ 2-313) ถ้าปรากฏ ว่าน้ำหนักขาดหายไป 10 % ของผลต่างระหวา่ งท่อเปล่ากับท่อที่มีน้ำยาเต็ม ซึ่งประทบั บอกไวบ้ นตัวทอ่ น้ำยาฯ ใหเ้ ปลย่ี นท่อนำ้ ยาฯ ใหม่ แลว้ นำทอ่ น้ำยา เก่าไปอัด แล้วจดบันทึก วัน,เดือน,ปี และน้ำหนักของท่อน้ำยาฯ ไว้บน แผ่นป้ายตรวจสภาพเคร่อื งดบั เพลิง ข. กอ่ นท่จี ะตดิ ตง้ั ท่อนำ้ ยาดับเพลิงกลบั เข้าทเ่ี ดิมใหใ้ ช้งานคนั บังคับเคร่ือง ดับเพลงิ เพื่อให้แนใ่ จว่าสายลวดและเคร่ืองบังคบั ลนิ้ เปดิ น้ำยา การร้อย ผนกึ ตะกัว่ และวิธชี ั่งนำ้ หนักทอ่ น้ำยาดบั เพลิงให้ปฏิบตั ิตามหัวข้อท่ี 2-313 ตรวจล้ินถ่วงเวลาดับเพลิง โดยการตรวจสภาพความหลวมคลอน ของเหล็กยึด,แผงตดิ ต้ังและท่อทางเดินของน้ำยาดับเพลงิ เคร่ืองดบั เพลิงแบบเคลอ่ื นยา้ ยได้ ก. ตรวจสภาพความม่นั คงของแผงติดตงั้ ทอ่ น้ำยาและเหลก็ รัดทอ่ น้ำยา ดับเพลิง ข. ถอดท่อนำ้ ยาฯ ออกทำการชงั่ นำ้ หนกั ถ้าปรากฏว่านำ้ หนักขาดหายไป 10 % ของผลตา่ งระหวา่ งท่อเปล่ากบั ท่อที่มนี ำ้ ยาเต็ม ซ่ึงประทับบอก ไวบ้ นตวั ท่อนำ้ ยาฯ ใหเ้ ปลี่ยนท่อนำ้ ยาใหม่ แลว้ นำท่อนำ้ ยาเกา่ ไปอัด แลว้ จดบนั ทึก วัน,เดือน,ปี และน้ำหนกั ของทอ่ น้ำยาฯ ไวบ้ นแผน่ ปา้ ย ตรวจ เคร่อื งดับเพลิง
ห น ้ า | 35 ลำดับการ ส่ิงอปุ กรณท์ ่ตี อ้ งตรวจ และวิธีการการปฏิบตั ิ เวลาปฏบิ ัติ ปฏิบตั ิ (คน/ชม.) 9. ระบบเคร่อื งกรองฝนุ่ และไอพษิ 0.2 ก. ตรวจสภาพของเครือ่ งกรองฝนุ่ และไอพษิ ความสกปรกและความชำรุด เสียหายของหอ้ งกรองฝุ่นและหัวขอ้ ต่างๆ แล้วเชด็ ให้สะอาดด้วยผา้ ช้นื ให้เปลี่ยนชนิ้ ส่วนท่ีชำรดุ ตามความตอ้ งการ,ตรวจสภาพของท่อยางส่ง อากาศต่างๆ วา่ ร่ัว,เป่ือย,ผุ หรือชำรดุ เสยี หายหรอื ไม่ ข. ตรวจการทำงานเครื่องบังคบั ระบบเครือ่ งกรองฝุ่นและไอพิษ ท้ัง 4 แหง่ (หัวขอ้ ท่ี 2-239) 10. ปั๊มสูบลมและผนกึ ยางกนั รว่ั รอบป้อมปืน 0.2 ก. สูบลมเขา้ ผนกึ ยางกันร่วั จนไดค้ วามดัน 25 ปอนด/์ ตร.นิว้ และตรวจ ความดนั อกี ภายหลงั 5 นาท,ี ความดันไม่ควรลดลงมากกว่า 2 ปอนด/์ ตร.น้วิ และถา้ ปรากฏวา่ ระบบผนึกยางกันร่วั ไมส่ ามารถเก็บรักษา ความ ดัน ให้ใช้นำ้ สะบู่ตรวจหารอยรวั่ และสาเหตขุ องการรัว่ แลว้ ดำเนนิ การ ซอ่ มแก้ชิน้ ส่วนทีช่ ำรุด ข้อควรระวงั อย่าหมนุ ป้อมปนื ในขณะทีม่ ีแรงดนั ลมอยู่ภายในผนึกยางกนั รว่ั ข. ปลอ่ ยลมออกจากผนกึ ยางกนั รวั่ ด้วยการเปดิ ลิ้นถา่ ยลม ซ่ึงอยูบ่ นท่อใต้ เคร่อื งวัดแรงดนั ของผนึกยางกันรัว่ ค. ใหก้ ารบรกิ ารปมั๊ สบู ลมดว้ ยการถอดดา้ มปม๊ั สบู ลมและหมู่ลกู สูบออก ทำ ความสะอาดโดยการถดู ว้ ยผา้ ทรายละเอยี ด แล้วเชด็ ดว้ ยน้ำยาทำความ สะอาดเชด็ แห้ง,หล่อล่ืนลูกสูบและก้านสูบ โดยทาดว้ ยไขขน้ SILICONE COMPOUND MIL-S-8660 บาง ๆ 11. กล้องตรวจการณ์อินฟราเรดของพลขบั แบบ M24 คำเตอื น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแรงสูง\" IR POWERPACK \" ของระบบอินฟราเรดสามารถ ทำอันตรายต่อบุคคลหรือทำให้เครื่อง อุปกรณ์ชำรุดเสียหายได้ หากขาด ความระมัดระวงั เมื่อจะใส่หรือถอดสายไฟแรงสูงของกล้องอนิ ฟราเรด และ กอ่ นท่จี ะให้บริการใดๆ ต้องแนใ่ จได้วา่ ไดป้ ลอ่ ยไฟฟา้ แรงสงู ออกจากเครือ่ งกำเนิดไฟฟา้ แรงสูงจนหมดแล้ว
ห น ้ า | 36 ลำดับการ สิ่งอปุ กรณ์ท่ีต้องตรวจ และวธิ ีการการปฏบิ ตั ิ เวลาปฏบิ ัติ ปฏิบตั ิ (คน/ชม.) ก. ตรวจแผงเก็บกลอ้ งตรวจการณ์ M24 และกรอบพาดศรี ษะวา่ มีสว่ นใด ส่วนหนึ่งหลุดไป ปลอกเกลียวปรับเลนส์ตาแตกหรือฝาครอบต่าง ๆ หลุด หายไปหรอื ไม่ ขอ้ ควรระวงั อย่าหนั กล้องตรวจการณอ์ นิ ฟราเรดเข้าหาแสงอาทิตย์ ข. ตรวจความคลอ่ งตวั ของฐานตดิ ตง้ั กล้องตรวจการณแ์ ละหารอยแตก, หัก หรือชำรดุ ของยางกันรั่วของฝาปดิ ฯ แหนบฝาปดิ ฯ หรอื กลอนยึด ฝาปิดฯ ค. ตรวจการทำงานของกล้องตรวจการณ์อินฟราเรด โดยจัดสวิตช์แบตเตอร่ี ไวใ้ นตำแหนง่ ปดิ \" OFF \" ประกอบกลอ้ งตรวจการณเ์ ขา้ กบั ฐานตดิ ตั้ง กล้องฯ ถอดสายไฟแรงสูงออกจากที่เกบ็ แลว้ ตอ่ สายไฟ เข้ากับเต้าเสยี บ สายไฟบนกลอ้ งฯ, เปดิ สวติ ชแ์ บตเตอร่ไี ปยังตำแหนง่ \" ON \" เปดิ สวติ ช์ ไฟอินฟราเรด \" IR SWITCH \" ไปยังตำแหน่ง \" ON \" ตรวจและปรับ ปลอกเกลียวปรบั เลนสต์ าท้งั สองขา้ ง เมอ่ื มองผา่ นเลนส์ตา เพื่อปรบั ภาพ ให้ชัดเจน หมายเหตุ การหล่อลื่นให้กระทำตามคำสั่งการหล่อล่ืน LO 9-2350-258-12 และ กระทำไปพรอ้ มกับการตรวจและการบริการ 12. การทดสอบรอบเดนิ เบาของเครื่องยนต์และการทดสอบรอบความเร็ว ควบคุม เม่อื ไมม่ ภี ารกรรม ก. การทดสอบรอบเดินเบา ติดเครอ่ื งยนต์และเดินเครอื่ งยนตไ์ วจ้ น กระทัง่ ได้อณุ หภมู ใิ ช้งานปกต,ิ เมื่อเคร่ืองเปลี่ยนความเร็วอย่ใู นตำแหน่ง \" วา่ ง \", เคร่ืองยนต์ควรจะเดินเบาได้เรียบ ระหว่าง 700-750 รอบ/นาที,การท่ี รอบ เดินเบาของเครอื่ งยนต์สงู หรอื ตำ่ เกนิ ไป มกั จะเกิดการจดั ปรับรอบเดนิ เบาคลาดเคลื่อน,อ้างถึงวิธีการจัดปรับรอบ เดินเบา (หัวข้อท่ี 2-160) และ การท่เี คร่ืองยนต์เดนิ เบาไมเ่ รียบมักจะเกดิ จากปัม๊ สบู ฉีดน้ำมันเช้อื เพลงิ คลาดเคลอ่ื นไปจากตำแหน่งท่จี ัดปรบั ไว,้ หัวฉดี นำ้ มันเช้อื เพลิงบกพร่อง หรือท่อทางเดินนำ้ มนั เช้ือเพลงิ ของหวั ฉีดฯ รวั่
ห น ้ า | 37 ลำดับการ สงิ่ อปุ กรณท์ ีต่ ้องตรวจ และวิธกี ารการปฏบิ ัติ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติ (คน/ชม.) ข. เครอ่ื งยึดคนั เรง่ ฯ, เร่งเครื่องยนตไ์ ว้ 1,000-1,200 รอบ/นาทแี ล้วยดึ คนั เร่ง ไว้ แลว้ ตรวจวา่ กระเด่ืองยดึ คนั เร่งฯ สามารถยดึ ให้ เครื่องยนต์เดนิ อยู่ใน รอบทีต่ ้ังไวห้ รือไม่ ค. การทดสอบรอบความเร็วควบคุมเมื่อไม่มภี ารกรรม, เขา้ เกียร์เคร่ือง เปล่ียนความเร็วไว้ในตำแหน่งว่าง, ค่อยๆ เร่งเคร่ืองยนต์ช้าๆ จนสุดคันเร่ง, ตามปกติความเร็วของเครื่องยนต์จะสูงกว่า 2,600 รอบ/นาที อยู่ชั่วขณะ หนึ่ง แล้วควรจะลดลงมาเดินคงท่ีระหว่าง 2,550-2,600 รอบ/นาที ถ้า ปรากฏว่าเคร่ืองควบคุมความเร็ว ทำงานบ้างและไม่ทำงานบ้างสลับกัน ตลอดเวลา หรือเคร่ืองยนต์สะดุดในรอบเคร่ืองยนต์นี้ต้องจัดปรับรอบ ความเรว็ ควบคุมโดยรายงานเจ้าหนา้ ทส่ี รรพาวุธฯ ข้อควรระวงั ในกรณีทเี่ ครอ่ื งควบคุมความเร็วบกพรอ่ ง จะต้องไม่เร่งเครื่องยนตเ์ กิน 2,600 รอบ/นาที นานกว่า 2-3 วนิ าที 13. การทดสอบกำลัง \"STALL TEST\" 0.1 ขอ้ ควรระวัง อย่าทดสอบกำลังนานกว่า 30 วนิ าที โดยการเร่งเคร่ืองยนต์ เต็มท่ี เน่ืองจาก อุณหภมู ขิ องเครอ่ื งแปลงแรงบิดอาจสงู เกนิ แถบสเี ขยี วบนหน้าปดั เครื่องวดั อุณหภูมิเครื่องเปลี่ยนความเร็ว การทดสอบต่อไปนี้ ควรจะกระทำเพื่อ วินิจฉยั ว่า เครื่องยนตไ์ ม่มีกำลงั หรอื คลัตช์เครอื่ งเปลี่ยนความเร็วล่ืนเท่านน้ั คำเตือน ให้ปฏิบัติตามข้อระมัดระวังต่าง ๆ ท้ังหมด เพื่อขจัดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อ บุคคลหรือทำใหเ้ คร่ืองอุปกรณ์ชำรดุ เสยี หาย ก. เม่ือเคร่ืองยนต์อยู่ในอุณหภูมิใช้งาน,เหยียบคันห้ามล้อไว้ให้สุด,เล่ือน คันเกียร์ไปยังตำแหน่งเกียร์สูง,เร่งเครื่องยนต์เต็มที่ แต่อย่าให้นานกว่า 30 วินาที,รอบเคร่ืองยนต์ควรจะคงท่รี ะหวา่ ง 1,800-2,050 รอบ/ นาที ถา้ รอบ เคร่ืองยนต์ต่ำกว่า 1,800 รอบ/นาที หลังจากการปฏิบัติครบ 3 คร้ังแล้ว แสดงว่าเคร่ืองยนต์บกพร่อง อ้างถึง วิธีการแก้ไขข้อขัดข้อง (ตารางท่ี 2-4) แตถ่ า้ รอบเครื่องยนต์ เกินกว่า 2,200 รอบ/นาที แสดงว่าคลตั ช์ของเครอ่ื ง
ห น ้ า | 38 ลำดับการ ส่ิงอุปกรณ์ทีต่ ้องตรวจ และวิธีการการปฏิบตั ิ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติ (คน/ชม.) เปลี่ยนความเร็วล่ืน ให้ตรวจการจัดปรับก้านโยงคันบังคับเคร่ืองเปล่ียน ความเร็ว (หัวข้อท่ี 2-156) ถ้าทำการจัดปรับก้านโยงฯ แล้ว คลัตช์ยังคงลื่น อย่อู ีก ให้รายงานเจ้าหนา้ ท่ีสรรพาวธุ ข. ในขณะที่เหยยี บคนั หา้ มล้อไวจ้ นสดุ ,เลือ่ นคันเกียร์ไปยังตำแหน่งเกียร์ ต่ำ และเกยี รถ์ อยหลงั ตามลำดบั ,และเรง่ เครือ่ งยนต์เตม็ ท่ี จนกระทงั่ รอบเครือ่ งยนตค์ งที่ ถา้ ปรากฏวา่ รอบเครอ่ื งยนตเ์ กนิ กวา่ 2,200 รอบ/นาที แสดงว่าเซอร์โวแบนด์ของเคร่ืองเปลีย่ นความเรว็ ลื่น,ให้ ทำการจดั ปรับเซอรโ์ วแบนด์ ตามหวั ข้อท่ี 2-63 แล้วทำการทดสอบซำ้ อกี และถ้าอาการลนื่ ยังคงปรากฏอยอู่ ีกใหร้ ายงานเจา้ หนา้ ท่สี รรพาวุธ หมายเหตุ ถา้ จำเปน็ อาจทำการทดลองกำลงั ซำ้ ไดอ้ ีก 2 ครงั้ ขอ้ ควรระวงั อย่าทดสอบกำลังเคร่ืองยนต์นานกวา่ 30 วินาที มฉิ ะนนั้ อณุ หภมู ิ ของน้ำมนั เคร่ืองแปลงแรงบดิ อาจสงู เกินควร 14. รอบความเรว็ ควบคุมและสมรรถนะของเครอื่ งยนต์ 0.1 ทดสอบการเร่งเคร่ืองยนต์ตามปกติ และกำลังฉุดลากแต่ละเกียร์ของเคร่ือง เปลี่ยนความเร็ว,ในขณะทดสอบด้วยเกียร์ต่ำให้เร่งเคร่ืองยนต์เต็มที่ จาก ความเร็วต่ำไปจนถึงความเร็วสูงสุดของเกียร์ตำ่ รอบความเร็วของเครื่องยนต์ เม่ือมีภารกรรมเช่นน้ีไม่ควรเกิน 2,400 รอบ/นาที ให้ตรวจการส่ันสะเทือน และเสียงดังผิดปกติ ซ่ึงแสดงวา่ มกี ารหลวมคลอน ชิ้นส่วนต่าง ๆ สึกหรอมาก เกนิ ควร หรือชำรุดเสยี หาย และฐานติดต้ัง เคร่อื งกำเนิดกำลังหลวมคลอน 15. การบังคับเล้ียว หมุนคันบังคับเลี้ยวไปทางซ้ายและทางขวาจนสุดระยะ 0.1 และตรวจว่ามีการสนองตอบการบังคับเล้ียวอย่างน่าพอใจหรือไม่ เม่ือรถ กำลังเคล่ือนที่ด้วยความเร็วปกติและคันบังคับเล้ียวอยู่ในตำแหน่งกลางให้ สังเกตว่ารถแล่นสายไปมาหรือแล่นกินไปข้างหน่ึงข้างใดหรือไม่, คันบังคับ เลี้ยวควรจะกลับคืนสู่ตำแหน่งกลางเอง เม่ือปล่อยคันบังคับเล้ียวจากการ เล้ียวซ้ายหรือเล้ียวขวา ถ้าพบความบกพร่องให้ทำการจัดปรับก้านโยงคัน บงั คับเลี้ยว ตามหวั ข้อที่ 2-151
ห น ้ า | 39 ลำดับการ สิ่งอุปกรณท์ ต่ี อ้ งตรวจ และวธิ กี ารการปฏิบตั ิ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏิบัติ (คน/ชม.) 16. การทำงานของคนั เกยี ร์ 0.1 เขา้ เกยี ร์เครอื่ งเปลี่ยนความเร็วในตำแหน่งต่าง ๆ ทุกตำแหน่ง เพื่อให้แน่ใจว่า ก้านโยงคันเกียร์ไม่เกิดการขัดตัว และรถมีการสนองตอบในขณะเปล่ียนเกียร์ อยา่ งน่าพอใจหรือไม่ ถ้าพบความบกพร่องให้ทำการ จัดปรับก้านโยงคันเกยี ร์ ตามหวั ขอ้ ท่ี 2-156 17. การห้ามลอ้ 0.1 ก. เร่งเครื่องยนต์จนมีความเร็วพอสมควร,ปลอ่ ยคันเร่งและเหยยี บคันหา้ ม ลอ้ แล้วสงั เกตวา่ ห้ามล้อสามารถหยดุ รถไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ และ เซไปขา้ งใดข้างหน่งึ ขา้ งใดหรอื ไม่ ข. ถ้ากระทำได้ ให้จอดรถไวบ้ นลาดชันแล้วใสห่ า้ มลอ้ จอดรถไว้ ห้ามลอ้ จอดรถควรจะหยดุ รถไวไ้ ดอ้ ยา่ งม่นั คง เม่อื ปล่อยคนั ห้ามลอ้ หมายเหตุ อย่าเหยียบคันห้ามล้อจนเครื่องวัดแรงดันในระบบห้ามล้ออ่านค่า เกิน 900 ปอนด/์ ตร.น้ิว เมือ่ จะใสห่ ้ามลอ้ จอดรถ เพราะจะทำใหต้ ้องออกแรงเหยียบคัน หา้ มล้อมาก เมอื่ จะปลดห้ามลอ้ ค. เหยียบคนั ห้ามล้อไวป้ ระมาณ 30 วนิ าที เครือ่ งวัดแรงดนั ในระบบหา้ ม ล้อควรจะแสดงคา่ คงท,่ี การเคลือ่ นท่ขี องคันห้ามลอ้ หรอื ค่าแรงดันลดลง แสดงว่าเกิดการรว่ั ไหลข้นึ ในระบบหา้ มลอ้ 18. คันดับเคร่ืองยนต์ด้วยมอื 0.1 ก. รถท่ีตดิ ต้ังเครอ่ื งยนต์ -2A ใหต้ รวจการทำงานของคนั ดบั เคร่ืองยนต์ ด้วยมอื โดยปล่อยใหเ้ ครอื่ งยนตเ์ ดนิ เบา,ดงึ คันดับเคร่อื งยนตด์ ้วยมอื ขึน้ เพือ่ ตดั นำ้ มนั เชือ้ เพลงิ ของเครอื่ งยนต,์ เรง่ เครือ่ งยนต์ประมาณ 1,400 รอบ/นาที เคร่อื งยนต์จะเดนิ เครื่องไดต้ อ่ ไปอีกประมาณ 3 นาที จน นำ้ มนั เชอื้ เพลงิ ในทอ่ ทางเดิน และหม้อกรองฯ หมด ข. รถท่ตี ิดตงั้ เครื่องยนต์ -2D ใหต้ รวจการทำงานของคันดบั เครอื่ งยนต์ ด้วยมือ โดยปลอ่ ยให้เครื่องยนตเ์ ดินเบา,ดึงคันดับเครื่องยนต์ดว้ ยมอื ขน้ึ เพอื่ ตดั นำ้ มันเชื้อเพลงิ ของเครื่องยนต,์ เครอ่ื งยนตค์ วรจะดับภายในเวลา ประมาณ 30 วินาที
ห น ้ า | 40 ลำดับการ สิ่งอุปกรณท์ ตี่ อ้ งตรวจ และวิธกี ารการปฏิบัติ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏิบัติ (คน/ชม.) 19. การทำงานของมอเตอรพ์ ัดลมระบายฝ่นุ ของหมอ้ กรองอากาศ และมอเตอร์ 0.1 พดั ลมระบายความร้อนของเครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟา้ หมายเหตุ มอเตอรพ์ ดั ลมระบายฝุ่นฯ และมอเตอร์พดั ลมของเคร่อื งกำเนดิ ไฟฟ้า จะ ทำงานเมอื่ ระบบประจุไฟของรถกำลงั ทำงานเท่าน้นั ก. ติดเครื่องยนต์เร่งเคร่ืองยนต์ไว้ 1,400-1,600 รอบ/นาที ชั่วขณะ หน่ึง เพอ่ื ให้เคร่ืองกำเนิดไฟฟา้ ทำงานคงที่ แล้วตั้งรอบเคร่ืองยนต์ไว้ 1,000-1,200 รอบ/นาที ให้ผู้ช่วยช่างฯ ใชม้ ือรองใต้ท่อระบายฝุ่น ของหม้อกรองอากาศท้ัง 4 แห่ง ถ้ามีลมเป่าออกมาจากท่อระบายฝุ่นแต่ ละแห่ง แสดงว่ามอเตอร์พัด ลมระบายฝุ่นทำงานเรียบร้อย แต่ถ้าท่อระบายฝุ่นท่อใดท่อหน่ึงไม่มีลมเป่า ออกมา แสดงวา่ มอเตอร์ตวั นนั้ ไม่ทำงาน ข. ตรวจการทำงานของมอเตอร์พดั ลมระบายความร้อนของเครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟ้า,โดยถอื ผ้าหรือแผ่นกระดาษไวข้ ้างหนา้ ตะแกรงท่อรบั อากาศเข้าถ้า มอเตอรพ์ ดั ลมฯ ทำงาน วัสดทุ ี่ถือไว้จะดดู เข้าไปติดตะแกรงทอ่ รับอากาศ เขา้ 20. การตรวจภายหลงั การวิ่งลองเคร่ือง 0.1 ใหต้ รวจอณุ หภูมิขององค์ประกอบเหล่านที้ ันทีหลังจากการว่ิงลองเคร่ือง ก. ดุมล้อตา่ งๆ, ล้อกดสายพาน,ลอ้ รบั สายพาน และลอ้ ปรับสายพาน โดย ใช้มอื สมั ผัสดมุ ลอ้ เหลา่ น้ี และใช้ความสังเกตความแตกตา่ งระหวา่ ง อณุ หภมู ิของดุมล้อต่าง ๆ ดุมล้อทร่ี อ้ นจัดเกินควร แสดงถึงการขาดการ หลอ่ ลืน่ หรอื การจดั ปรบั ลูกปืนไม่ถกู ตอ้ ง หรือลกู ปนื ลอ้ ชำรุด ข. หีบเฟืองขับขั้นสุดท้าย, ให้ตรวจโดยใช้มือสัมผัส และใช้ความสังเกต ความแตกต่างระหว่าอุณหภูมริ ะหวา่ งดุมล้ออยา่ งระมัดระวัง ดมุ ล้อที่ ร้อนจัด เกินควร แสดงถึงการขาดการหล่อล่ืน หรือองค์ประกอบภายในหีบเฟืองข้ัน สุดท้ายบกพรอ่ ง คำเตือน รถบางคันอาจไดร้ ับรถบางคันอาจไดร้ ับการติดตั้งเครอ่ื งผ่อนแรงสะเทือนด้วย ความฝืด ซึง่ จะรอ้ นจัดในขณะใชง้ าน
ห น ้ า | 41 ลำดับการ สง่ิ อุปกรณ์ท่ตี อ้ งตรวจ และวธิ กี ารการปฏบิ ตั ิ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติ (คน/ชม.) ค.เคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน, ให้ตรวจโดยใช้หลงั มอื ผ่านเขา้ ไปใกล้ ๆ เครื่อง ผอ่ นแรงสะเทือนแตล่ ะตวั เพอื่ ตรวจความร้อน ซึง่ ความร้อนนี้ จะแสดง วา่ เคร่อื งผ่อนแรงสะเทอื นใช้การได้ 21. การรวั่ ไหลต่าง ๆ 0.1 ตรวจรอยรั่วไหลของน้ำมันเช้ือเพลิง และน้ำมันหล่อลื่น ท้ังภาย นอกและ ภายในตัวรถ 22. ลอ้ ตา่ ง ๆ, ลอ้ กดสายพาน,ลอ้ ปรบั สายพาน และลอ้ รบั สายพาน 2.0 ให้ เป ลี่ ย น ล้ อที่ พ บ ว่ายางล่ อน ห ลุ ดออก จ าก ก งล้อ ,รอย ฉีก ห ลุด ห รือชำรุด เสียหายท่ีเกิดขึ้นจากการกระโดดในขณะใช้งาน,รอยหลุดร่อนของยางซึ่ง แยกตัวออกจากโลหะ จนมากกว่าคร่ึงหนึ่งของพ้ืนท่ีสัมผัสเดิม ถือว่าใช้การ ไม่ได้ ให้เปลย่ี นล้อกดสายพานทฉ่ี ีกหลดุ มากกว่าครงึ่ หน่ึงของเนื้อยางท้ังหมด ตรวจการขันแน่นของสลักเกลียวและแป้นเกลียวยึดล้อต่าง ๆ ให้ขันแป้น เกลียวยดึ ลอ้ รับสายพานดว้ ยแรงบดิ 125 ปอนด-์ ฟตุ (167 นิวตนั -เมตร) และ แป้นเกลยี วล้อกดสายพานด้วยแรงบดิ 380-420 ปอนด์-ฟตุ (515-569 นิวตนั - เมตร) 23. แขนลอ้ และดมุ ลอ้ ต่าง ๆ 2.0 ตรวจสภาพแขนล้อกดและยางกนั รั่วของดุมลอ้ ,ให้เปลี่ยนยางกันร่ัวที่ชำรุดจน ปรากฏรอยร่ัวขึ้นชัดเจน,ตรวจการขันแน่นของสลักเกลียวยึดดุมล้อกด สายพาน,ให้ขันแน่นสลักเกลียวยึดดุมล้อกดสายพานที่หลวมคลอน และให้ การหล่อลนื่ ตลับลูกปืนล้อต่างๆ ตามคำสั่งการหลอ่ ลื่น คล. 9-2350-258-12 24. คนั บังคบั เครือ่ งดับเพลงิ ภายนอกรถ 0.1 ตรวจคันบังคับทั้งคู่ การขันแน่นของช่องรับและปลอกสายลวดและ สภาพ ของยางกันรัว่ 25. เรอื นดมุ แขนล้อกดสายพาน 1.2 ตรวจการขันแน่นของสลักเกลียวยึดเรือนดุมล้อกดสายพาน,ตรวจการหลุด หายหรือหักชำรุดของหัวอัดไขข้น,จุกเกลียวอดุ ช่องตอกคานรับแรงบิด,ให้ขัน แน่นสลกั เกลียวที่หลวมคลอนด้วยแรงบิด 400-450 ปอนด์-ฟตุ (542-610 นิว ตนั -เมตร) และใหก้ ารหล่อลื่นตามคำส่งั การหล่อล่ืน LO 9-2350-258-12 ตรวจการขันแน่นของสลักเกลียวยึดเรอื นดุมลอ้ กดสายพาน,ตรวจ
ห น ้ า | 42 ลำดับการ สิ่งอปุ กรณท์ ีต่ ้องตรวจ และวิธกี ารการปฏิบัติ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏิบตั ิ (คน/ชม.) การหลุดหายหรือหักชำรุดของหัวอัดไขข้น,จุกเกลียวอุดช่องตอกคานรับ แรงบิด,ให้ขันแน่นสลักเกลียวท่ีหลวมคลอนด้วยแรงบิด 400-450 ปอนด์ฟุต (542-610 นิวตัน-เมตร) และให้การหลอ่ ลืน่ ตามคำสั่งการหล่อลืน่ คล. 9-2350-258-12 26. แหนบหยุดแขนลอ้ กดสายพาน 0.1 ตรวจสภาพของแหนบหยุดแขนล้อกดสายพาน และแท่นยึดแหนบ, ให้ขัน แน่นสลักเกลียวยึดแหนบหยุดแขนล้อกดสายพาน และสลักเกลียวยึดแท่น แหนบฯ ใหเ้ ปล่ยี นแหนบทแี่ ตกหกั หรอื แตกรา้ ว หรอื เปลย่ี นด้วยแหนบท่ี ประกอบพร้อมชุด 27. เครอ่ื งผ่อนแรงสะเทือน 0.1 ตรวจสภาพเคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน,ฐานยึดและตลับลูกปืนหูเคร่ืองผ่อนแรง สะเทือน และสลักหูเคร่ืองผ่อนแรงสะเทือน ให้เปลี่ยนเครื่องผ่อนแรง สะเทือนที่รั่ว หรือชำรุดเสียหาย หรือตลบั ลูกปนื ปลอกสลักหรือสลักหูเคร่ือง ผอ่ นแรงสะเทือนท่ชี ำรุดเสียหาย 28. คานรับแรงบิด 0.1 ใช้ชะแลงงัดล้อกดสายพานแต่ละล้อ เพื่อตรวจหาคานรับแรงบิดท่ีหักชำรุด, คานรับแรงบิดอันท่ี 1 หรืออันที่ 6 สามารถตรวจพบโดยสายพานที่เคลื่อนที่ ไปใต้ล้อกดดังกล่าวไม่มีมุมแหลม ตรวจให้แน่ใจว่าจุกเกลียวปิด หัวคานรับ แรงบดิ ถูกขันเข้าไปจนสุด และสลักเกลียวยึดจกุ เกลียวใส่เข้าท่ี เรียบร้อยและ ขันแนน่ 29 เฟืองขบั สายพานและดมุ หีบเฟืองขบั ขน้ั สดุ ท้าย 2.2 ก. ตรวจสภาพเฟืองขับสายพาน เพ่ือหาการสึกหรอ,รอยแตก,การหลวม คลอนและหลุดหายของสลักเกลียว และแป้นเกลียวยึดล้อขับสายพาน และ เรือนหีบเฟืองขับขั้นสุดท้าย ตรวจการสึกหรอของซ่ีเฟืองขับ สายพาน โดย วางแผ่นวัดความสึกหรอให้รูนำบนแผ่นวดั สวมเข้ากับสลัก เกลียวยึดเฟืองขับ สายพาน (รูปที่ 2-227 ข.) ของของซี่เฟืองขับทุกอันจะต้องพ้นจากแผ่นวัด ความสึกหรอ, เฟืองขับสายพานท่ีสึกหรอมากควรจะได้รับการถอดเปลี่ยน หรือกลับข้างถา้ ปรากฏวา่ ซึ่งเฟืองขับ สายพานจุดใดจดุ หนึ่งเสมอหรอื ต่ำกว่า แผน่ วดั ฯ ใหก้ ลับเฟืองขบั สายพานขา้ งซา้ ยและขา้ งขวา
ห น ้ า | 43 ลำดับการ สง่ิ อปุ กรณ์ทต่ี อ้ งตรวจ และวธิ กี ารการปฏบิ ัติ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏิบตั ิ (คน/ชม.) ถ้าซี่เฟืองขับสายพานเกิดการสึกหรอทางดา้ นขับเคล่ือน แต่ถ้าซี่เฟืองสึกหรอ ทงั้ สองดา้ นให้เปล่ียนเฟืองขบั สายพาน ข. ตรวจเฟอื งขับสายพานทส่ี กึ หรอผิดรปู เดิม ถ้าซ่เี ฟอื งดา้ นขบั เคล่อื นไม่ เกดิ รอยสกึ หรอจนผดิ รูปเดมิ จนสามารถมองเหน็ ชดั และซเ่ี ฟอื งดา้ นตรง ข้ามมกี ารสกึ หรอเพียงเล็กนอ้ ยหรอื ไม่มกี ารสกึ หรอเลย ให้ทำการ กลบั ซ่ี เฟืองขบั สายพาน แตถ่ ้าซี่เฟอื งขบั สายพานท้งั สองด้านเกิดการ สกึ หรอจน ผิดรูปเดมิ ใหเ้ ปล่ียนเฟืองขับสายพาน และใหข้ ันแนน่ สลกั เกลยี วยดึ เฟอื ง ขับสายพานดว้ ยแรงบิด 180-160 ปอนด-์ ฟตุ (190 – 217 นวิ ตัน-เมตร) และขนั แน่นแป้นเกลียวยดึ ล้อขบั สายพานดว้ ยแรงบดิ 115-125 ปอนด-์ ฟุต (150-169 นวิ ตัน-เมตร) ค. ตรวจการขนั แนน่ ของแป้นเกลียวยดึ หีบเฟอื งขับขั้นสุดทา้ ย,อย่าขันแป้น เกลยี วทีพ่ บว่าหลวมกลับเขา้ ไปอกี แต่ใหถ้ อดออกทงิ้ และให้ขันแน่น แป้นเกลียวตัวใหม่ด้วยแรงบิด 450-470 ปอนด์-ฟุต (610-637 นิวตัน- เมตร) ตรวจการรวั่ ไหลของยางกนั รว่ั ของเพลาสง่ กำลงั ออกตรวจระดับ น้ำมัน หลอ่ ล่ืน,ใหถ้ ่ายออกและเติมด้วยน้ำมนั หล่อลื่นใหม่ทุก ๆ 1,500 ไมล์ หรือ คร่ึงปี \" ค.2-ค.4\" หรือเมื่อตรวจพบว่าน้ำมันหล่อล่ืนเส่ือมสภาพ,การ เติมน้ำมนั หลอ่ ล่นื ใหป้ ฏบิ ัติตามคำสงั่ การหลอ่ ลื่น คล. 9-2350-258-12
ห น ้ า | 44 ลำดบั การ สิง่ อุปกรณท์ ีต่ ้องตรวจ และวิธีการการปฏิบัติ เวลาปฏบิ ัติ ปฏบิ ัติ (คน/ชม.) 30. สายพานแบบ T97E2 ,T142 0.1 ก. ตรวจหาขอ้ สายพานตาย ให้เปลี่ยนขอ้ สายพานตาย หรือบดิ เบ้ียวไป จาก ตำแหนง่ ปกติ ซ่งึ เกดิ การสกึ หรอหรอื บู๊ชยางหลดุ ลอ่ นแยกตัวออกจากสลัก สายพาน ข. สายพานแบบ T97 E2 ใหต้ รวจทพี่ ้ืนสมั ผัสของสายพานสว่ นทีเ่ ปน็ ยาง และใหเ้ ปลี่ยนใหมถ่ า้ พบว่ารอยแหว่งมากกว่า 25 % ของเนื้อยางท้ังหมด หรือเมือ่ พบวา่ เกดิ การสึกหรอไมเ่ ท่ากัน คร่งึ หน่งึ ของสายพานทง้ั เส้นให้ ตรวจวัดความสูงของสนั ยางรองสายพานและใหเ้ ปล่ยี นขอ้ สายพานที่มคี วาม สงู ของยางรองสายพานนอ้ ยกวา่ 1/4 นิว้ หรอื สึกหรอจนถงึ โลหะ ค. สายพานแบบ T142 ให้ตรวจวัดความสงู ของสันโลหะของสายพานและ เปลีย่ นขอ้ สายพานที่มีสนั โลหะต่ำกว่า 1/2 นว้ิ ,ตรวจความสึกหรอของ แผ่นยางรองสายพาน และความหลวมคลอนของแปน้ เกลยี วยดึ แผน่ ยาง รองสายพาน การเปลย่ี นแผน่ ยางรองสายพานให้กระทำเมอื่ สนั สายพาน ขูดพนื้ ถนน หรือกดั พ้นื ถนนจนเปน็ รอยบบุ ใหข้ นั แน่นแปน้ เกลยี ว ยึด แผ่นยางรองสายพานด้วยแรงบิด 240-270 ปอนด-์ ฟตุ (325-355 นวิ ตนั - เมตร) ง. ตรวจสภาพของข้อต่อสายพาน (ขอ้ 9,ตาราที่ 2-1) และให้เปลีย่ นขอ้ ตอ่ สายพานทพ่ี บว่าสึกหรอหรือชำรดุ ,ใหต้ รวจวัดความสึกหรอของข้อต่อ สายพานดังน้ี ใสเ่ คร่ืองวัดความสึกหรอของขอ้ ต่อสายพาน(ขอ้ 9,ตาราง ที่ 2-1) เหนอื สลักข้อตอ่ สายพาน,กดเดอื ยของเครื่องวดั ฯ ลงและหมนุ เครอ่ื งวดั ไปโดยรอบข้อตอ่ สายพาน และวดั ความสกึ หรอไปตาม ตำแหน่งตา่ ง ๆ ตามลำดบั ถ้าปลายของเดือยเครอื่ งวัดไม่สัมผสั กบั จดุ ใดจุดหน่ึงของข้อต่อ สายพาน เมอ่ื กดเดอื ยเคร่อื งวดั ลงไปจนสดุ แสดงวา่ ขอ้ ต่อสายพานอันนั้นสึก มาก จ. ตรวจสภาพของสลกั ขอ้ ต่อสายพานและสลักเกลยี ว ลิ่มสลักขอ้ ต่อสาย พานให้เปลยี่ นลิ่มสลกั ขอ้ ตอ่ สายพานทย่ี น่ื พน้ ขอ้ ต่อสายพาน,ให้ขนั แน่น สลักเกลียวยึดลิ่มสลกั ขอ้ ตอ่ สายพาน หรือเปลี่ยนล่มิ สลักขอ้ ต่อสายพาน ท่หี ลวมคลอน และการขนั สลกั เกลียว ๆ ใหข้ ันแนน่ ดว้ ยแรงบิด 140-160 ปอนด-์ ฟตุ (189-216 นิวตนั -เมตร)
ห น ้ า | 45 ลำดับการ สิ่งอุปกรณ์ที่ตอ้ งตรวจ และวิธีการการปฏิบัติ เวลาปฏบิ ัติ ปฏิบัติ (คน/ชม.) ฉ. ตรวจสภาพเดอื ยนำสายพาน,ให้เปลี่ยนเดือยนำสายพานท่หี ัก,แตกรา้ ว 31. คดงอ หรือสึกหรอมาก,การตรวจความสึกหรอของเดือยนำสายพาน ใหว้ ัด 0.1 จาก ส่วนบนสุดของเดือยนำสายพานลงมา 2 น้วิ จะตอ้ งหนาไมน่ ้อยว่า 5/8 น้ิว การขนั แน่นแปน้ เกลยี วยดึ เดอื ยนำสายพานใหข้ ันด้วยแรง บิด 300- 320 ปอนด-์ ฟตุ (407-434 นวิ ตนั -เมตร) ความตงึ หยอ่ นของสายพานและเครือ่ งปรับสายพาน ก. ตรวจสภาพเครือ่ งปรบั สายพานเพื่อหารอยแตกร้าว หรอื ชำรุดเสยี หายให้ เปลี่ยนกา้ นโยงแขนปรับสายพานทีค่ ดงอหรือชำรดุ ,เปลยี่ นสลกั ก้านโยง ท่ี สึกหรอมากหรอื ชำรดุ และเปลย่ี นหวั อัดไขข้นท่ชี ำรดุ หรือหลุดหาย แลว้ ให้ การหลอ่ ลื่นตามคำสั่งการหลอ่ ลืน่ คล. 9-2350-258-12 ข. ตรวจความตึงหย่อนของสายพาน โดยขับเคลอ่ื นรถเดินหนา้ ไปบนพื้น แขง็ และราบเรยี บ แล้วปล่อยให้รถหยดุ โดยไม่ใชห้ า้ มลอ้ และให้ สาย พานข้อใดขอ้ หนงึ่ อยปู่ ระมาณกงึ่ กลางของล้อรบั สายพานล้อท่ี 3 แลว้ งัด สายพานขนึ้ และวางแผน่ ไมแ้ ขง็ ส่เี หลยี่ มจตั รุ สั โตประมาณ 6 นว้ิ หนา 1 นิ้ว ไวร้ ะหว่างสายพานและลอ้ รับสายพาน,วัดระยะห่าง จากด้านบน ของล้อรบั สายพานลอ้ ท่ี 2 และดา้ นลา่ งของสายพาน หมายเหตุ ถา้ ระยะวัดท่ไี ด้ไมอ่ ยรู่ ะหวา่ ง 1/4 - 5/16 นว้ิ เมื่อลอ้ ทรี่ บั สายพานลอ้ ที่ 2 ให้ ปรับความตึงหยอ่ นของสายพาน ตามท่ีกลา่ วไวใ้ นคมู่ อื ทางเทคนคิ คท.23-50-258-10
ห น ้ า | 46 ลำดับการ ส่ิงอุปกรณท์ ่ตี ้องตรวจ และวธิ ีการการปฏบิ ตั ิ เวลาปฏิบัติ ปฏิบตั ิ (คน/ชม.) 32. หบี โทรศพั ท์ทา้ ยรถ 0.1 ตรวจสภาพของหีบโทรศัพทท์ า้ ยรถ, ตรวจไฟสญั ญาณบนหบี โทรศัพท์วา่ 0.1 หลอดไฟและฝาครอบหลอดไฟแตก หรอื หลดุ หายหรอื ไม่ ตรวจบานพับของ 0.1 ฝาบดิ ฯ และยางกันรั่ว แลว้ เปลี่ยนช้ินสว่ นทช่ี ำรดุ หรอื หลดุ หาย ตรวจการ 0.2 แตกหัก คดงอหรือหลดุ หายของแผงยึดหีบโทรศพั ท์ และขนั แนน่ สลักเกลยี ว ยึดหบี โทรศพั ทท์ ่หี ลวมคลอน 33. ขอพ่วง,ขอลากจงู และหูหว่ งยกรถ ก. ความชำรุดเสยี หายของขอลากจูง และขอพ่วง และการหลดุ หายของสลกั ขอพว่ งตรวจการใช้งานและความม่นั คงของขอพว่ ง เปล่ียนชิน้ สว่ นที่ชำรดุ หรือหลดุ หาย แลว้ ใหก้ ารหลอ่ ลื่นตามคำส่งั การหลอ่ ลนื่ คล. 9-2350-258-12 ข. ตรวจสภาพของหูห่วงยกรถว่า ชำรุด แตกรา้ ว หรือบิดเบี้ยวผดิ รปู หรือไม่ ถ้าต้องการซอ่ มแก้หหู ่วงยกรถใหร้ ายงานเจ้าหนา้ ท่สี รรพาวธุ ฯ 34. แผ่นปดิ ต่างๆ ตรวจดูว่าแผน่ ปดิ ต่างๆ และปะเก็นหลดุ หายหรือไม่ ตรวจความหลวมคลอน ของสลักเกลยี วยึดแผ่นตา่ งๆ, ตำแหนง่ ทอี่ ยขู่ องแผ่นปิดต่างๆ จะศกึ ษาได้จาก รูปท่ี 2-328 35. บังโคลนและหบี เก็บยทุ โธปกรณ์ และเครอ่ื งมอื เครอื่ งใชป้ ระจำรถ ตรวจสภาพบังโคลนและหบี ตา่ ง ๆ บนบังโคลน,เปล่ียนเข็มขัดรัดท่ฉี กี ขาด หรือหัวเขม็ ขัดรัด ชำรดุ หรอื หลดุ หาย ตรวจการแตกหักหลดั หายของบานพับ ,สลกั ,มือจบั ,หหู ิ้ว และกลอนยดึ ต่าง ๆ,ตรวจการหลุดหายหรอื หลวมคลอน ของสลกั เกลยี ว และแหวนรองต่างๆ, ให้การหลอ่ ลืน่ สลัก, บานพบั และ กลอนยดึ ต่าง ๆ โดยใชก้ าหยอดน้ำมนั เครือ่ งตามคำสัง่ การหล่อลืน่ คล. 9-2350-258-12
ห น ้ า | 47 ลำดบั การ สิง่ อุปกรณท์ ีต่ ้องตรวจ และวธิ ีการการปฏบิ ัติ เวลาปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติ (คน/ชม.) 36. หมายเหตุ วธิ กี ารเช่อื มประสานชน้ิ ส่วนทชี่ ำรุด,อ้างถึงคู่มือทางเทคนิค คท.9-237 0.1 37. หม้อกรองอากาศ 0.1 ขอ้ ควรระวัง อยา่ เปดิ บานเกล็ดปดิ ห้องเครื่องยนต์ถ้าฝาปดิ หม้อกรองอากาศเปดิ อยู่ เพราะ อาจทำให้ฝาปิดหม้อกรองอากาศชำรดุ เสยี หายได้ ก. ถอดจดุ เกลียวอุดช่องระบายด้านข้างหม้อกรองอากาศออกทงั้ 2 ตัว แล้วใช้ลมทีม่ แี รงดันไม่เกนิ 100 ปอนด/์ ตร.นว้ิ เป่าเข้าไปในช่อง ระบาย เพอื่ เป่าฝุ่นผงออกจากท่อไซโคลน ข. ถอดไส้กรองอากาศออกตรวจ และทำความสะอาดฝนุ่ ที่สะสมอยบู่ นไส้ กรองฯ แลว้ ทำความสะอาดภายในโดยใชผ้ ้าช้ืนๆ, วธิ กี ารถอด,การทำ ความสะอาดและประกอบเขา้ ท่เี ดมิ ใหป้ ฏิบตั ติ ามขอ้ 2-115 ค. ตรวจสภาพปะเกน็ ของฝาปิดหม้อกรองอากาศ และใหเ้ ปล่ียนใหม่ ถา้ จำเป็น,การถอดและการประกอบให้ปฏิบตั ิตามหวั ขอ้ ที่ 2-115 ง. ตรวจสภาพยางกันร่ัวของไส้กรองอากาศวา่ ชำรดุ เสียหายหรอื ไม่ สามารถ อัดแนน่ ,ใหเ้ ปลี่ยนไสก้ รองฯ ท่ีมียางกันร่วั ชำรดุ หรือบกพรอ่ ง จ. ตรวจตะแกรงชอ่ งรับอากาศเข้า,ให้แน่ใจว่าไม่มฝี นุ่ หรอื สิ่งกดี ขวางตดิ อยู่ ฉ. ตรวจท่อยางตา่ งๆ ของหมอ้ กรองอากาศ ท้งั ท่ออากาศเข้าและท่อ อากาศ ออก และสภาพของปลอกรดั ทอ่ ยางดังกล่าว, ถา้ พบวา่ ท่อยาง แขง็ ตวั หรอื ชำรุดเสียหายให้เปลยี่ นใหม่ (หัวขอ้ ที่ 2-117) เคร่อื งยึดลำกล้องปืนเพอื่ เดนิ ทางและฐานตดิ ต้งั บนดาดฟ้า ตรวจสภาพของเครื่องยดึ ฯ ว่าสามารถยึดลำกล้องปนื ใหญ่ได้ อยา่ งถูกตอ้ ง มั่นคงหรือไม่, ตรวจว่าสลกั ประกบั ยดึ ลำกล้องฯ และกลอนยึดขาเคร่ืองยดึ ฯ ไมแ่ ตกหกั หรอื สึกหรอมากเกดิ ควร,ตรวจฐานเคร่ืองยดึ ฯบนดาดฟา้ วา่ สลัก เกลียวยึดไมห่ ลวมคลอน หรอื ช้นิ สว่ นตา่ ง ๆ แตกรา้ ว,หลุดหาย หรอื ชำรุด และให้การหลอ่ ลน่ื โดยใช้กาหยอดนำ้ มนั เครื่องตามคำสั่งการหล่อลืน่ คล. 9-2350-258-12
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164