. แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วชิ า ท21102 ช่ือวิชา ภาษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 เรอ่ื ง การฟังและการดูสอ่ื เวลา 3 ช่วั โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง มารยาทในการฟงั และการดู เวลา 2 ชวั่ โมง วนั ทท่ี าการสอน 1 เดอื น พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ผู้สอน นายจริ ายุทธ ดอนสีชา ___________________________________________________________________________ 1. สาระที่ 3 การฟัง การดู และการพูด 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวชว้ี ัด ท 3.1 ม.1/6 มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด 3. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด - การฟัง การดูสือ่ ตา่ งๆ เปน็ ทักษะที่มีความสาคัญในชวี ติ ประจาวัน เพราะต้องอาศยั การฟัง การดเู พื่อ เรียนรสู้ ง่ิ ตา่ งๆ โดยใชค้ วามคดิ พจิ ารณาไตร่ตรองให้รอบคอบ และมีมารยาทท่ีดี จึงจะช่วยให้การฟัง หรือการดนู นั้ มีประสิทธิภาพและเกดิ ประโยชน์สูงสดุ ในการดาเนนิ ชีวติ 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (KPA) 1. บอกความหมายและความสาคัญของการฟังและการดไู ด้ (K) 2. อธบิ ายจุดมุ่งหมายและวธิ ีการฟงั และการดูได้ (K, P) 3. สามารถฟังและดูได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ (K, P) 4. มมี ารยาทในการฟังและการดู (A) 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของผ้เู รยี น 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 6. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 7. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ข้นั นาเข้าสบู่ ทเรียน 1. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 2. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคิด“การปฏิบตั ติ นเป็นผมู้ มี ารยาทเปน็ ผลดตี ่อตนเอง อยา่ งไร” ~1~
2. ข้ันสอน 1. นักเรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาความร้เู รอื่ ง การฟงั และการดสู อ่ื จากหนงั สอื เรียน ตามประเด็นทคี่ รูกาหนด ดังน้ี - การสอื่ สารจากการฟงั และการดู - จดุ ม่งุ หมายของการรับสารด้วยทกั ษะการฟงั และการดู - ลักษณะของผ้ฟู ัง และผูด้ ูที่ดี - มารยาทในการฟัง และการดสู อ่ื ตา่ งๆ 2. สมาชกิ ในแตล่ ะกล่มุ แบ่งหน้าท่ีกันศึกษาความรู้ในประเดน็ ต่างๆ ตามความสนใจ หรอื ตาม ความเหมาะสม 3. นกั เรยี นทาใบงานท่ี 6.1 เรอ่ื ง การฟงั และการดสู ่ือเป็นรายบุคคล 4. สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มนาคาตอบมาอภิปรายร่วมกันจนได้คาตอบทสี่ มบรู ณ์และมีความ เข้าใจกันทุกคน แล้วแก้ไขหรือปรบั ปรุงคาตอบในใบงานของตนเองให้ถูกต้องและสมบรู ณ์ เสร็จแลว้ นาสง่ ครตู รวจ 3. ขั้นสรุป 1. ครสู ่มุ เลือกใบงานที่ 6.1 จานวน 2-3 ใบงาน แลว้ ให้นักเรียนทีเ่ ปน็ เจ้าของใบงานออกมา นาเสนอคาตอบที่หน้าชั้นเรียน 2. ครใู ห้กาลงั ใจและยกย่องกล่มุ นักเรยี นท่ีตอบคาถามไดถ้ กู ต้องมากท่สี ุด เพื่อเสริมกาลงั ใจ 3. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปความรเู้ กยี่ วกบั มารยาทในการฟังและการดู 8. ส่ือการเรยี นร้/ู แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใชภ้ าษา ม.1 2. ใบงานที่ 6.1 เร่อื ง การฟงั และการดสู ื่อ 9. การวัดและการประเมนิ การเรียนรู้ วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 (ประเมินตามสภาพจริง) หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 ใบงานท่ี 6.1 ร้อยละ 70 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 6.1 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ ดีข้ึนไป สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดขี ้นึ ไป สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดีขึ้นไป สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทางาน ~2~
โรงเรยี นดอนธาตุนรงค์วทิ ยา วิชาภาษาไทย แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่อื ง การฟังและการดูสอ่ื ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ชื่อ.......................................................นามสกลุ ............................................ __________________________________________________________________________ คาชี้แจง ให้นกั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดแสดงว่าผฟู้ งั และผดู้ ูไมม่ ลี ักษณะของผู้ฟังและผดู้ ูทด่ี ี 6. การพูดดหี มายความว่าอยา่ งไร ก. เดก็ หญิงเดอื นมคี วามสนใจในสาร ก. พดู มเี หตผุ ล ข. เดก็ หญงิ จนั ทรไ์ มม่ ีอคตติ ่อผสู้ ง่ สาร ข. พดู อ่อนหวาน ค. เดก็ หญงิ เพ็ญเชื่อข้อมลู จากสารท่ีไดร้ บั ฟัง ค. พดู ใหผ้ ู้อ่ืนชน่ื ชม ง. เด็กหญิงดาวมคี วามสามารถในการจบั ใจความ ง. พูดไพเราะ นา่ ฟัง และพดู ถูกตอ้ ง 2. ข้อใดเปน็ การฟังหรือดูเพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ คดิ 7. ข้อใดคอื มารยาทสาคญั ในการพดู สนทนา ก. นายดารงดรู ายการพระธรรมเทศนา ก. พูดตรงประเดน็ ข. นายดารดิ ูรายการทอ่ งเท่ยี วไทยไมไ่ ปไมร่ ู้ ข. เคารพความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื ค. นายรเิ รม่ิ ดรู ายการแนะนาการทาอาหารของหมึกแดง ค. ไมพ่ ดู เรือ่ งของตนเองมากจนเกนิ ไป ง. นายรอบรชู้ มนิทรรศการเฉลมิ พระเกยี รติ ง. พูดเร่ืองที่ท้งั 2 ฝา่ ย มีความสนใจและพอใจรว่ มกนั พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว 8. เหตุใดต้องรักษามารยาทการพูดในที่สาธารณะมากกวา่ 3. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลดีของการมมี ารยาทในการฟงั และการดู การพูดระหวา่ งบุคคล ก. ทาให้เป็นผู้นาในสังคม ก. เพราะเปน็ เรือ่ งที่สงั คมมคี วามสนใจ ข. ทาให้เป็นทยี่ กยอ่ งของสงั คม ข. เพราะมผี ู้ฟังซ่ึงมีความแตกตา่ งกันอย่างหลากหลาย ค. ทาให้เป็นผู้ทม่ี มี นุษยสมั พนั ธ์ดี ค. เพราะเปน็ เร่อื งที่อาจจะมกี ารฟอ้ งร้องเปน็ คดีความได้ ง. ทาใหเ้ ป็นผูท้ ีม่ คี วามสามารถใหค้ าแนะนาแกส่ ังคมได้ ง. เพราะเป็นการสรา้ งศรัทธาใหเ้ กิดขึ้นในกลมุ่ มวลชน ตามที่ตอ้ งการ 4. ข้อใดไมไ่ ด้แสดงวา่ เป็นผมู้ คี วามสารวม ก. น่ังตัวตรง 9. การใชค้ าพูดข้อใดทที่ าใหผ้ ฟู้ งั มคี วามรู้สกึ ทด่ี เี กิดขน้ึ ได้ ข. มอี าการสงบ ก. ใชค้ าพูดที่ให้เกยี รติแกผ่ ฟู้ ังเสมอ ค. มีใจจดจอ่ กบั เรือ่ งทฟ่ี ัง ข. ไม่พดู หยาบโลนหรอื ตลกคะนอง ง. รอถามเมอ่ื ผู้พดู เปดิ โอกาสใหถ้ าม ค. พูดใหด้ งั พอได้ยินทว่ั กันและไม่พดู เกินเวลาที่กาหนด ง. ไม่พดู พาดพงิ ถึงเร่อื งส่วนตัวของบคุ คลอนื่ ในทีป่ ระชุม 5. ถ้าจาเปน็ ตอ้ งออกจากสถานทที่ ่ีไปฟังการพดู กอ่ นเวลา ควรทาอย่างไร 10. ข้อใดเปน็ การใช้ภาษาพดู ใหผ้ ู้อนื่ เขา้ ใจจดุ ประสงค์ ก. นั่งแถวหลังสุด ก. ใช้ภาษาให้สมั พนั ธก์ นั ทุกดา้ น ข. น่งั ใกล้ทางออก ข. หลกี เลย่ี งการใช้ภาษาซ่งึ ตีความหลายแง่หลายมมุ ค. บนั ทึกขออนญุ าตออกก่อน ค. ใชภ้ าษาทีช่ ่วยใหผ้ ู้รบั สารเขา้ ใจได้ถูกต้องรวดเร็ว ง. แจง้ ให้ทราบล่วงหนา้ ถึงความจาเปน็ ง. ใช้ภาษาแสดงความรู้ ความคดิ และเหตุผลประกอบกัน 1.ค 2.ก 3.ง 4.ก 5.ข 6.ง 7.ง 8.ข 9.ก 10.ข ~5~
โรงเรียนดอนธาตุนรงคว์ ิทยา วิชาภาษาไทย ใบงาน 6.1 เร่ือง การฟงั และการดูส่ือ ช้ัน มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 ช่ือ.......................................................นามสกุล............................................ ___________________________________________________________________________ ตอนท่ี 1 คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนนาเลขหน้าข้อความในกรอบไปเขียนหน้าข้อความท่ีกาหนดให้ โดยพจิ ารณา ให้มคี วามสัมพนั ธ์กนั 1. การรับสารท่ีมีการโต้ตอบระหวา่ งผรู้ ับสารกบั ผู้สง่ สาร 2. การรบั สารทไ่ี ม่มกี ารโตต้ อบระหวา่ งผรู้ ับสารกบั ผู้ส่งสาร การดขู า่ ว การฟังการโตว้ าที การดูภาพยนตร์ การฟงั การอภปิ ราย การพดู โทรศัพท์ การฟังคาอธิบาย การดูคตั เอาทโ์ ฆษณา การชมรายการแสดงคอนเสิร์ต การดูปา้ ยจราจร การสนทนาทางอินเทอร์เนต็ ตอนท่ี 2 ให้นกั เรียนนาข้อความท่ีกาหนดใหเ้ ขียนลงในตารางใหต้ รงกับจดุ มุง่ หมายของการรบั สาร คาชี้แจง ฟังเทศน์ ฟงั คาบรรยาย ฟังการอภปิ ราย ฟังการโต้วาที ฟังเพลง ฟังการบรรยายธรรม ฟงั การใหโ้ อวาท ชมนิทรรศการ ฟังการอา่ นบทความวชิ าการ ชมการละเล่นของเด็กไทย ฟังหรอื ดูเพ่ือแสวงหาความรู้ ฟงั หรือดเู พ่ือใหเ้ กิดความเพลิดเพลิน ฟังหรอื ดูเพ่ือใหไ้ ด้ข้อคิด และความรอบรู้ และความซาบซึ้ง ~6~
โรงเรยี นดอนธาตุนรงคว์ ทิ ยา เฉลย วิชาภาษาไทย ใบงาน 6.1 เร่ือง การฟงั และการดูส่อื ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 ___________________________________________________________________________ ตอนที่ 1 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนนาเลขหนา้ ขอ้ ความในกรอบไปเขียนหนา้ ข้อความท่ีกาหนดให้ โดยพิจารณา ใหม้ คี วามสมั พันธ์กัน 1. การรบั สารที่มีการโตต้ อบระหว่างผูร้ ับสารกับผู้ส่งสาร 2. การรบั สารทไี่ ม่มกี ารโต้ตอบระหว่างผรู้ ับสารกับผสู้ ่งสาร 2 การดูข่าว 2 การฟงั การโต้วาที 2 การดภู าพยนตร์ 1 การฟงั การอภิปราย 1 การพดู โทรศัพท์ 1 การฟังคาอธิบาย 2 การดูคัตเอาท์โฆษณา 2 การชมรายการแสดงคอนเสิร์ต 2 การดปู ้ายจราจร 1 การสนทนาทางอินเทอรเ์ นต็ ตอนท่ี 2 คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นนาข้อความท่ีกาหนดให้เขยี นลงในตารางให้ตรงกับจุดม่งุ หมายของการรับสาร ฟังเทศน์ ฟังคาบรรยาย ฟังการอภปิ ราย ฟังการโต้วาที ฟังเพลง ฟังการบรรยายธรรม ฟงั การให้โอวาท ชมนิทรรศการ ฟงั การอ่านบทความวชิ าการ ชมการละเล่นของเด็กไทย ฟังหรือดูเพ่ือแสวงหาความรู้ ฟังหรือดเู พื่อให้เกิดความเพลิดเพลิน ฟงั หรอื ดูเพื่อใหไ้ ดข้ ้อคิด และความรอบรู้ และความซาบซ้ึง ฟงั เทศน์ ฟังคาบรรยาย ฟังการโต้วาที ฟังการบรรยายธรรม ฟงั การอภิปราย ฟังเพลง ฟังการใหโ้ อวาท ฟงั การอ่านบทความวิชาการ ชมนิทรรศการ ชมการละเล่นของเด็กไทย ~7~
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คาชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงใน ชอ่ งที่ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงค์ด้าน 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 เข้าแถวไหวพ้ ระ สวดมนต์ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามสิทธิและหนา้ ที่ของนกั เรยี น กษตั ริย์ 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในช้ันเรียน 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมทสี่ รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ 2. ซอื่ สัตย์ สุจรติ โรงเรียนและชุมชน 3. มีวินยั รบั ผิดชอบ 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏิบตั ติ นตามหลกั ของศาสนา 4. ใฝเ่ รียนรู้ 1.6 เข้ารว่ มกิจกรรมที่เกย่ี วกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี น และ 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง ชมุ ชนจัดขน้ึ 2.1 ใหข้ อ้ มูลท่ีถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ิในส่ิงทถี่ ูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ท่ีจะทาความผดิ ทาตาม สัญญาที่ตนใหไ้ ว้กบั เพ่อื น พ่อแม่หรอื ผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผ้อู ่นื ดว้ ยความซอื่ ตรง 3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครวั และโรงเรียน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวัน 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ด้อยา่ งมเี หตผุ ล 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเก็บรักษาดแู ลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ คา่ และเก็บรกั ษาดูแลอยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตดั สนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อ่นื และไมท่ าใหผ้ อู้ น่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมื่อผูอ้ ืน่ กระทา ผดิ พลาด ~ 10 ~
แผนการจดั การเรียนรู้ รหสั วิชา ท21102 ชื่อวิชา ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 เร่ือง การฟงั และการดสู ื่อ เวลา 3 ชัว่ โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง มารยาทในการพูด เวลา 1 ช่ัวโมง วนั ทีท่ าการสอน 2 เดือน พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2565 ผูส้ อน นายจริ ายุทธ ดอนสีชา ________________________________________________________________________________ 1. สาระท่ี 3 การฟงั การดู และการพดู 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชวี้ ดั ท 3.1 ม.1/6 มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด 3. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด - การฟัง การดสู ือ่ ต่างๆ เปน็ ทักษะท่ีมีความสาคัญในชวี ิตประจาวนั เพราะต้องอาศยั การฟงั การดเู พื่อ เรียนรสู้ งิ่ ตา่ งๆ โดยใชค้ วามคดิ พิจารณาไตรต่ รองให้รอบคอบ และมีมารยาททดี่ ี จึงจะชว่ ยใหก้ ารฟัง หรือการดูน้ันมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สงู สดุ ในการดาเนินชวี ิต 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (KPA) 1. สามารถฟงั และดูได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ (K, P) 2. บอกวิธกี ารฟงั และการดูสงิ่ ที่เป็นความรแู้ ละความบันเทิงได้ (K, P) 3. มมี ารยาทในการฟงั และการดู (A) 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผู้เรยี น 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 7. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขัน้ นาเข้าสู่บทเรยี น 1. นักเรยี นตอบคาถามกระต้นุ ความคิด “นกั เรียนคดิ ว่า ผู้ดาเนินรายการที่ไมร่ ักษามารยาทใน การพดู จะส่งผลเสยี ต่อรายการทีจ่ ดั อยา่ งไร” 2. ขั้นสอน 1. นักเรียนเลือกดรู ายการทางโทรทัศน์ตามความสนใจ แล้วเขียนบทความแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับมารยาทในการพดู ของผ้ดู าเนนิ รายการลงในสมดุ ~ 12 ~
2. นกั เรียนออกมานาเสนอผลงานการเขยี นบทความแสดง ความคิดเห็นเกีย่ วกับมารยาทในการ พดู ของผูด้ าเนนิ รายการที่หน้าชน้ั เรียน 3. ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 3. ขน้ั สรปุ - ครปู ระเมนิ การนาเสนอผลงานของนกั เรียน และใหค้ าแนะนารวมถงึ แก้ไขปรบั ปรุงในกรณีที่ นกั เรยี นมปี ัญหา เพือ่ ให้นักเรยี นมีความร้แู ละความเข้าใจเรือ่ ง มารยาทในการพดู มากขึน้ และสามารถนาไปปรบั ใช้เปน็ แนวทางการพดู ในชีวิตประจาวันได้เปน็ อย่างดี 8. สื่อการเรียนรู/้ แหลง่ การเรียนรู้ 1. ใบความรู้ เรื่อง ความสาคัญและมารยาทในการพูด 2. รายการทางโทรทัศนต์ ามความสนใจ 3. ใบงานท่ี 6.2 เร่อื ง ความสาคัญและมารยาทในการพูด 9. การวดั และการประเมินการเรยี นรู้ วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 6.2 ใบงานท่ี 6.2 รอ้ ยละ 70 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 รอ้ ยละ 70 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดขี ึ้นไป สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่นั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดีขนึ้ ไป ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดขี ้นึ ไป ตรวจแผนผังความคดิ แสดงมารยาทใน การฟงั การดู และการพดู แบบประเมินแผนผังความคิด แสดงมารยาท ผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดีขน้ึ ไป ในการฟงั การดู และการพูด ~ 13 ~
โรงเรยี นดอนธาตนุ รงค์วทิ ยา วิชาภาษาไทย ใบความรู้ เร่อื ง ความสาคัญและมารยาทในการพดู ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 ___________________________________________________________________________ ความสาคญั และมารยาทในการพดู การพดู มีความสาคญั ตอ่ ชวี ติ มนุษยเ์ ปน็ อันมาก ไมว่ า่ จะอย่ทู ีใ่ ดประกอบกิจการงานใด หรือคบหาสมาคม กับผู้ใด ผูท้ ปี่ ระสบความสาเรจ็ ในธรุ กจิ การงาน การคบหาสมาคมกบั ผอู้ น่ื ตลอดจนการทาประโยชนแ์ ก่สังคม ล้วนแต่ เป็นผูท้ มี่ ีประสิทธภิ าพในการพูดทง้ั สน้ิ การพูดมีความสาคญั ตอ่ ตนเอง เพราะถ้าผู้พดู มศี ลิ ปะในการพดู ก็จะเปน็ คณุ แกต่ นเอง ส่วนในดา้ นสงั คมน้นั เนอ่ื งจากเราต้องคบหาสมาคมและพ่ึงพาอาศัยกนั การทีจ่ ะอยูร่ ว่ มกนั อยา่ งมคี วามสุขน้ันจาเปน็ ตอ้ งเปน็ คนท่ี “พดู ด”ี คอื พดู ไพเราะ น่าฟงั และพดู ถกู ตอ้ งด้วย มารยาทในการพดู การพดู ของคนเราจาเป็นอย่างย่ิงทจี่ ะตอ้ งมหี ลกั เกณฑ์ ร้จู กั กาลเวลา และท่ีสาคญั ตอ้ งคานงึ ถึงมารยาททด่ี ี ในการพดู ดว้ ย มารยาทในการพูดแบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ มารยาทในการพูดระหว่างบคุ คลและมารยาทในการพูด ในทส่ี าธารณะ มารยาทในการพูดระหว่างบคุ คล มารยาทในการพดู ระหวา่ งบคุ คล มดี งั น้ี 1. เรอื่ งทีพ่ ูดควรเปน็ เรอื่ งทีท่ ้งั 2 ฝ่าย มีความสนใจและพอใจรว่ มกนั 2. ไม่พดู เรอื่ งของตนเองมากจนเกนิ ไป ควรฟงั ในขณะที่อกี ฝ่ายหนึ่งพูด และไม่พดู สอดแทรก 3. พดู ตรงประเด็น และเบย่ี งเบนประเด็นบา้ งเพ่ือผอ่ นคลายอารมณ์ 4. เคารพความคดิ เหน็ ของผู้อื่น ไม่บังคับให้ผอู้ ่นื เชื่อหรือคดิ เหมือนตน ฯลฯ มารยาทในการพูดในทสี่ าธารณะ การพดู ในทีส่ าธารณะต้องรกั ษามารยาทใหม้ ากกวา่ การพดู ระหว่างบุคคล เพราะมผี ู้ฟังซง่ึ มาจากท่ีต่างๆ มี วยั วุฒิ คุณวฒุ ิ และพน้ื ฐานความรู้ ความสนใจและรสนยิ มตา่ งกันไป มารยาทในการพูดระหว่างบุคคล อาจนามาใช้ ไดแ้ ละควรปฏบิ ตั เิ พิ่มเตมิ ดงั น้ี 1. แต่งกายให้สุภาพเรยี บรอ้ ยเหมาะแกโ่ อกาสและสถานที่ 2. มาถงึ สถานทพ่ี ดู ให้ตรงเวลาหรอื กอ่ นเวลาเล็กน้อย 3. ก่อนพดู ควรแสดงความเคารพต่อผฟู้ ังตามธรรมเนียมนยิ ม 4. ไมแ่ สดงกริ ยิ าอาการอันไมส่ มควรต่อหน้าทปี่ ระชุม 5. ใช้คาพดู ท่ีให้เกยี รตแิ ก่ผฟู้ ังเสมอ 6. ไม่พดู พาดพงิ ถงึ เรื่องสว่ นตัวของบุคคลอ่นื ในทีป่ ระชมุ 7. ไมพ่ ูดหยาบโลนหรอื ตลกคะนอง 8. พูดให้ดังพอได้ยนิ ทั่วกันและไมพ่ ดู เกินเวลาทกี่ าหนด การส่อื สารด้วยการพดู ไมว่ ่าจะเปน็ การพดู กับคนเพยี งคนเดียวหรือพดู กบั คนจานวนมากจาเป็นอย่างย่งิ ที่ ~ 16 ~
ผพู้ ดู ทุกคนต้องมีมารยาท ถา้ ขาดหรือละเลยตอ่ มารยาทในการพดู แลว้ อาจทาให้การพดู ประสบความล้มเหลว หรือ ไม่ประสบความสาเร็จได้ ข้อควรคานงึ ในการส่อื สารดว้ ยการพดู การพูดจะสัมฤทธ์ผิ ลหรอื ไม่น้ัน ขนึ้ อยกู่ ับการที่ผพู้ ูดได้วเิ คราะห์องค์ประกอบสาคัญในการพดู ใหถ้ ่องแท้ หรือ มีการเตรียมพร้อมเพียงใดกอ่ นทีจ่ ะพดู การพูดจงึ มีขอ้ ควรคานึง ดังน้ี 1. การพดู ให้เหมาะสมกบั บุคคล ตอ้ งวเิ คราะหใ์ นเรื่องตอ่ ไปน้ี คอื วัย เพศ ระดับการศึกษา อาชพี ความสนใจพเิ ศษเพ่อื เตรยี มเรอ่ื งทีจ่ ะพดู ไดอ้ ย่างเหมาะสม 2. การพูดใหเ้ หมาะกบั กาลเทศะ ควรพิจารณาวา่ จะพดู ในโอกาสใด การพดู นน้ั เปน็ ทางการมากน้อยแค่ ไหน 3. การพดู ให้ผู้อ่นื เข้าใจตรงตามความประสงค์ ควรใช้ภาษาบง่ บอกความต้องการหรอื ความมุ่งหมาย ใหช้ ดั เจน หลีกเลย่ี งการตีความหลายแง่หลายมมุ 4. การพดู สรุปใจความสาคญั จากเรอื่ งท่ฟี ังหรืออา่ น เปน็ การพัฒนาการใชภ้ าษาใหส้ ัมพนั ธก์ นั ทกุ ดา้ น และอาศยั ความสามารถในการสรปุ ความจากเรอื่ งท่ฟี ังหรืออา่ นไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ซ่งึ จะชว่ ยใหผ้ ้รู ับสาร เขา้ ใจเจตนาของผสู้ ่งสารได้อย่างถูกต้องรวดเรว็ 5. การพูดแสดงความคดิ เหน็ เป็นการใชท้ ักษะการฟงั การอา่ น การพดู และการคดิ ใหส้ มั พันธก์ ัน ตอ้ ง อาศัยการฝึกฝนให้เกดิ ความชานาญ เพราะการพดู แสดงความคดิ เหน็ ผู้พูดตอ้ งใช้ทั้งความรู้ ความคิด เหตผุ ลหรอื หลักการตา่ งๆ หลายอยา่ งประกอบกัน จึงจะทาใหค้ วามคิดเห็นมคี ณุ คา่ นา่ เชอ่ื ถอื ท่มี า http://www.m-culture.go.th/detail_page.php?sub_id=1239 ~ 17 ~
โรงเรียนดอนธาตุนรงค์วิทยา วิชาภาษาไทย ใบงาน 6.2 เรื่อง ความสาคญั และมารยาทในการพดู ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 ชื่อ.......................................................นามสกลุ ............................................ ___________________________________________________________________________ คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนตอบคาถามที่กาหนดให้ถกู ต้อง 1. มารยาทในการพูดแบง่ เป็นก่ปี ระเภท อะไรบา้ ง 2. การพูดระหว่างบุคคล ควรปฏบิ ตั ิอย่างไร 3. เพราะเหตุใด การพดู ในท่ีสาธารณะจึงต้องรักษามารยาทมากกว่าการพดู ระหว่างบุคคล 4. การพดู ในทีส่ าธารณะ ควรปฏิบัตอิ ย่างไร ~ 18 ~
โรงเรียนดอนธาตุนรงคว์ ทิ ยา เฉลย วิชาภาษาไทย ใบงาน 6.2 เรอ่ื ง ความสาคัญและมารยาทในการพูด ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 ___________________________________________________________________________ คาชีแ้ จง ให้นักเรียนตอบคาถามท่ีกาหนดให้ถกู ต้อง 1. มารยาทในการพดู แบง่ เปน็ กปี่ ระเภท อะไรบ้าง มารยาทในการพดู แบ่งเป็น 2 ประเภท คอื 1. มารยาทในการพดู ระหวา่ งบุคคล 2. มารยาทในการพูดในทสี่ าธารณะ 2. การพดู ระหวา่ งบคุ คล ควรปฏิบตั อิ ย่างไร มารยาทในการพดู ระหวา่ งบุคคล ควรปฏบิ ัติ ดังนี้ 1. เรอื่ งทพ่ี ดู ควรเปน็ เรือ่ งท่ีท้ัง 2 ฝ่าย มีความสนใจและพอใจรว่ มกัน 2. ไม่พูดเรอ่ื งของตนเองมากจนเกนิ ไป ควรฟังในขณะทอี่ ีกฝา่ ยหนง่ึ พดู ไม่สอดแทรกเมอื่ ผพู้ ูดยังพูดไม่ 3. พดู ตรงประเด็น อาจออกนอกเร่อื งบา้ งพอผ่อนคลายอารมณ์ 4. เคารพความคดิ เหน็ ของผอู้ ื่น ไมบ่ งั คบั ให้ผ้อู ื่นเชือ่ หรอื คิดเหมอื นตน 3. เพราะเหตุใด การพูดในทีส่ าธารณะจงึ ต้องรักษามารยาทมากกว่าการพูดระหวา่ งบุคคล การพดู ในท่ีสาธารณะตอ้ งรักษามารยาทใหม้ ากกว่าการพดู ระหวา่ งบุคคล เพราะการพูดในทส่ี าธารณะ น้นั ยอ่ มมผี ู้ฟงั ซงึ่ มาจากทต่ี า่ งๆกนั มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ และพ้ืนฐานความร้คู วามสนใจและรสนยิ มต่างกันไป 4. การพดู ในทีส่ าธารณะ ควรปฏบิ ตั ิอยา่ งไร การพูดในทีส่ าธารณะ ควรปฏบิ ัติ ดังนี้ 1. แตง่ กายให้สุภาพเรียบร้อยเหมาะแกโ่ อกาสและสถานท่ี 2. มาถึงสถานทพ่ี ดู ใหต้ รงต่อเวลาหรอื ก่อนเวลาเลก็ นอ้ ย 3. ก่อนพดู ควรแสดงความเคารพต่อผ้ฟู ังตามธรรมเนียมนยิ ม 4. ไมแ่ สดงกริ ยิ าอาการอนั ไมส่ มควรตอ่ หนา้ ทีป่ ระชมุ 5. ใช้คาพูดที่ให้เกียรติแกผ่ ู้ฟังเสมอ 6. ไมพ่ ูดพาดพงิ ถึงเรื่องสว่ นตวั ของบุคคลอน่ื ในที่ประชุม 7. ไมพ่ ูดหยาบโลนหรือตลกคะนอง 8. พดู ใหด้ ังพอได้ยนิ ท่วั กนั และไมพ่ ดู เกนิ เวลาทกี่ าหนด ~ 19 ~
โรงเรยี นดอนธาตนุ รงคว์ ทิ ยา วิชาภาษาไทย แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 6 เรอื่ ง ความสาคญั และมารยาทในการพูด ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ช่ือ.......................................................นามสกลุ ............................................ ___________________________________________________________________________ คาชแี้ จง ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดคือมารยาทสาคญั ในการพูดสนทนา 6. ถ้าจาเป็นตอ้ งออกจากสถานทท่ี ี่ไปฟังการพูดก่อนเวลา ก. พดู เรอ่ื งท่ีท้ัง 2 ฝ่าย มคี วามสนใจและพอใจร่วมกัน ควรทาอย่างไร ข. ไม่พดู เรื่องของตนเองมากจนเกนิ ไป ก. แจ้งใหท้ ราบล่วงหนา้ ถึงความจาเปน็ ค. เคารพความคดิ เหน็ ของผอู้ ื่น ข. บันทึกขออนญุ าตออกกอ่ น ง. พูดตรงประเด็น ค. นัง่ ใกลท้ างออก 2. ข้อใดไมไ่ ด้แสดงวา่ เปน็ ผู้มคี วามสารวม ง. น่ังแถวหลังสดุ ก. รอถามเม่อื ผู้พูดเปดิ โอกาสให้ถาม 7. การพูดดีหมายความว่าอยา่ งไร ข. มีใจจดจอ่ กับเรอ่ื งทฟี่ ัง ก. พูดออ่ นหวาน ค. มอี าการสงบ ข. พดู มีเหตผุ ล ง. นงั่ ตัวตรง ค. พูดให้ผู้อนื่ ชนื่ ชม 3. ข้อใดเป็นการใช้ภาษาพดู ใหผ้ ู้อื่นเข้าใจจดุ ประสงค์ ง. พดู ไพเราะ น่าฟงั และพดู ถูกตอ้ ง ก. ใชภ้ าษาแสดงความรู้ ความคดิ และเหตผุ ลประกอบกนั 8. ขอ้ ใดแสดงว่าผ้ฟู งั และผดู้ ไู มม่ ีลกั ษณะของผฟู้ ังและผูด้ ูทด่ี ี ข. ใชภ้ าษาท่ชี ่วยให้ผูร้ ับสารเข้าใจไดถ้ กู ต้องรวดเร็ว ก. เด็กหญงิ ดาวมคี วามสามารถในการจับใจความ ค. หลีกเลยี่ งการใช้ภาษาซ่งึ ตีความหลายแงห่ ลายมมุ ข. เดก็ หญิงเพญ็ เช่ือขอ้ มลู จากสารท่ีไดร้ บั ฟงั ง. ใชภ้ าษาใหส้ ัมพนั ธก์ นั ทุกด้าน ค. เด็กหญงิ จนั ทรไ์ มม่ ีอคติต่อผสู้ ง่ สาร 4. ข้อใดเปน็ การฟังหรือดเู พ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ คิด ง. เด็กหญิงเดอื นมคี วามสนใจในสาร ก. นายรอบรูช้ มนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 9. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ผลดีของการมมี ารยาทในการฟงั และการดู พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว ก. ทาใหเ้ ปน็ ผ้ทู ม่ี คี วามสามารถให้คาแนะนาแกส่ ังคมได้ ข. นายรเิ รมิ่ ดูรายการแนะนาการทาอาหารของหมกึ แดง ข. ทาให้เป็นผูท้ ่ีมีมนษุ ยสมั พนั ธ์ดี ค. นายดารดิ ูรายการทอ่ งเทีย่ วไทยไมไ่ ปไม่รู้ ค. ทาใหเ้ ปน็ ที่ยกยอ่ งของสงั คม ง. นายดารงดรู ายการพระธรรมเทศนา ง. ทาใหเ้ ป็นผู้นาในสงั คม 5. การใชค้ าพดู ขอ้ ใดทที่ าใหผ้ ูฟ้ งั มคี วามรู้สึกทดี่ ีเกิดขน้ึ ได้ 8 10. เหตุใดตอ้ งรักษามารยาทการพูดในทส่ี าธารณะมากกวา่ ก. ไมพ่ ดู พาดพงิ ถึงเรอื่ งสว่ นตัวของบคุ คลอน่ื ในทีป่ ระชุม การพูดระหวา่ งบคุ คล ข. พูดใหด้ งั พอไดย้ ินทว่ั กนั และไมพ่ ดู เกนิ เวลาทกี่ าหนด ก. เพราะเป็นการสรา้ งศรัทธาใหเ้ กิดขนึ้ ในกลุม่ มวลชน ค. ไม่พดู หยาบโลนหรอื ตลกคะนอง ตามที่ต้องการ ง. ใชค้ าพูดที่ใหเ้ กียรติแกผ่ ฟู้ งั เสมอ ข. เพราะเป็นเรือ่ งทอ่ี าจจะมีการฟ้องร้องเปน็ คดคี วามได้ ค. เพราะมผี ฟู้ ังซึง่ มคี วามแตกตา่ งกันอย่างหลากหลาย ง. เพราะเปน็ เรื่องที่สังคมมีความสนใจ 1.ก 2.ง 3.ค 4.ง 5.ง 6.ค 7.ง 8.ข 9.ก 10.ค ~ 20 ~
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คาชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงใน ชอ่ งที่ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงค์ด้าน 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 เข้าแถวไหวพ้ ระ สวดมนต์ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามสิทธิและหนา้ ที่ของนกั เรยี น กษตั ริย์ 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชิกในช้ันเรียน 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมทสี่ รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ ่อ 2. ซอื่ สัตย์ สุจรติ โรงเรียนและชุมชน 3. มีวินยั รบั ผิดชอบ 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏิบตั ิตนตามหลกั ของศาสนา 4. ใฝเ่ รียนรู้ 1.6 เข้ารว่ มกิจกรรมที่เกย่ี วกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี น และ 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง ชมุ ชนจัดขน้ึ 2.1 ใหข้ อ้ มูลท่ีถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ิในส่ิงทถี่ ูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ท่ีจะทาความผดิ ทาตาม สัญญาที่ตนใหไ้ ว้กบั เพ่อื น พ่อแม่หรอื ผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผ้อู ่นื ดว้ ยความซอื่ ตรง 3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครวั และโรงเรียน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวัน 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเก็บรักษาดแู ลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ คา่ และเก็บรกั ษาดูแลอยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตดั สนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อ่นื และไมท่ าใหผ้ อู้ น่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มให้อภยั เมื่อผูอ้ น่ื กระทา ผดิ พลาด ~ 23 ~
แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วิชา ท21102 ชื่อวิชา ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7 เรื่อง การฟัง การดู และการพดู ในชวี ิตประจาวัน เวลา 9 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การพูดจับใจความสาคญั จากการฟังและการดสู ื่อ เวลา 2 ชว่ั โมง วนั ทีท่ าการสอน 8 เดอื น พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ผู้สอน นายจิรายุทธ ดอนสีชา ________________________________________________________________________________ 1. สาระท่ี 3 การฟัง การดู และการพดู 2. มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชว้ี ดั ท 3.1 ม.1/1 พดู สรุปใจความสาคัญของเร่ืองท่ฟี งั และดู ม.1/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด 3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด - การฟัง การดู และการพดู เป็นทักษะที่ใช้ควบคกู่ ันเสมอในชีวิตประจาวนั เพ่ือให้ผู้สง่ สารและผรู้ บั สาร มีความเข้าใจตรงกัน ดังนนั้ จึงควรรู้จกั พิจารณาเรื่องท่ีฟัง ที่ดใู หเ้ ปน็ เรื่องท่เี กิดประโยชนเ์ พ่อื นามา รวบรวมเป็นขอ้ มูลความรู้ และนาไปปรับใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (KPA) 1. อธบิ ายวธิ กี ารต้ังจดุ มุง่ หมายในการฟังและการดูได้ (K) 2. บอกหลักการสรปุ ความและการจบั ประเด็นจากเร่อื งที่ฟงั และดไู ด้ (K, P) 3. มมี ารยาทในการฟงั และการดู (A) 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี น 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มุ่งมน่ั ในการทางาน 6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 7. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน 1. ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7 2. ครูสนทนากับนักเรยี นเก่ียวกบั การรบั สื่อต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั 3. ครซู ักถามนักเรยี นเกี่ยวกับละครทางโทรทัศนท์ อ่ี อกอากาศอย่ใู นเวลานี้ แล้วใหน้ กั เรยี นเลา่ ถึง ละครที่นกั เรียนชอบ ~ 25 ~
4. ครอู ธิบายถงึ การเลา่ ละครของนกั เรียนวา่ เป็นการเลา่ ยอ่ ๆ ตอนทน่ี ักเรยี นเหน็ ว่าสาคญั โดยไมเ่ ลา่ ละเอียดตลอดทง้ั เรื่อง แต่การพูดจบั ใจความสาคัญของเรื่องท่ีฟังและดู จะต้องมี หลักในการจับใจความสาคญั 2. ขน้ั สอน 1. ครอู ่านบทความ เรือ่ ง วนั นคี้ ุณกินขา้ วเช้าหรอื ยัง ใหน้ กั เรยี นฟงั หรือให้นักเรียนฟังข่าวหรอื บทความสน้ั ๆ จากวิทยุ จากนน้ั ใหจ้ ดบันทกึ เรอื่ งท่ีฟงั แล้วจดั ทาแผนภาพโครงเรือ่ ง ตามลาดับเหตุการณ์ โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนคิดหาคาตอบดว้ ยตนเอง 2. นกั เรยี นแต่ละคนทาแผนภาพโครงเร่อื งเสร็จแลว้ ใหจ้ ับคู่กบั เพอื่ น ผลัดกันแสดงความ คิดเห็นเกยี่ วกับผลงานทีท่ า 3. ครสู มุ่ เรยี กนักเรียน 1 คน ออกมานาเสนอผลงานแผนภาพ โครงเรอ่ื งท่ีหนา้ ช้ันเรยี น แล้ว ให้นักเรยี นอีกคนหน่ึงเป็นผแู้ สดงความคิดเห็น 3. ขั้นสรุป 1. นกั เรยี นแต่ละคนพดู จบั ใจความสาคญั จากการฟงั และดสู ่ือตามลาดับขัน้ ตอน 3. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายจุดเด่นและจุดด้อยในการพูดจับใจความสาคญั จากการฟงั และดูสอ่ื ของนักเรียนแตล่ ะคนเพอ่ื เสนอแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข 8. สอ่ื การเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.1 2. แบบวัดและบันทึกผลการเรยี นรู้ ภาษาไทย ม.1 3. บทความ เร่ือง วนั น้ีคุณกนิ ข้าวเชา้ หรือยัง 9. การวัดและการประเมนิ การเรยี นรู้ วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ (ประเมินตามสภาพจริง) ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 7 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ ดขี น้ึ ไป ผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดีขนึ้ ไป ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ ดขี ึ้นไป สังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล สงั เกตการใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทางาน แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ~ 26 ~
โรงเรยี นดอนธาตุนรงคว์ ิทยา วิชาภาษาไทย ใบงาน แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 เรื่อง การฟัง การดู และการพดู ในชีวิตประจาวนั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่1 ปีการศึกษา 2565 ชื่อ.......................................................นามสกลุ ............................................ ___________________________________________________________________________ คาช้ีแจง ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. การจับใจความสาคัญของสิ่งท่ฟี ังและดู ควรปฏิบตั สิ ิง่ ใด 6. ข้อใดคอื จุดประสงค์ของการพดู แสดงความคดิ เห็น เปน็ อันดบั แรก เชิงสรา้ งสรรค์ ก. ฟังและดสู อ่ื ใหต้ ลอดเรือ่ ง ก. ตอ้ งการให้เกิดความเช่ือถอื ข. มีมารยาทในการฟงั และดู ข. ตอ้ งการใหม้ กี ารยอมรับในขอ้ ผดิ พลาด ค. เลอื กฟงั และดสู ่ือท่ีดีมคี ณุ ภาพ ค. ตอ้ งการให้มคี วามคดิ คล้อยตามกบั ผู้พูด ง. พจิ ารณาถึงประโยชน์ทจ่ี ะได้จากการฟังและดู ง. ตอ้ งการให้มีการเปลีย่ นแปลงไปในทางท่ีดี 2. การเรยี บเรยี งจบั ใจความสาคญั ของเร่ืองท่ีฟงั และดู 7. ข้อใดเป็นการพูดแสดงความคดิ เหน็ เฉพาะตวั เพอ่ื นามาพูดควรใช้ภาษาท่มี ลี ักษณะอย่างไร ก. ปหี นา้ อาจจะมีนา้ ท่วมใหญ่อกี ครั้ง ก. ภาษาพดู ทเ่ี ข้าใจง่าย ข. หนา้ รอ้ นฉนั ชอบไปเท่ยี วจังหวดั ทีม่ ีชายทะเล ข. ภาษาที่สวยงามสละสลวย ค. รกั เมอื งไทย ชูชาติไทย ทะนุบารงุ ให้รุ่งเรือง ค. ภาษาทีม่ ีความลกึ ซึง้ กนิ ใจ ง. อันแกว้ ดมี ีค่าราคายงิ่ สง่ ให้ลงิ จะรคู้ ่าราคาหรอื ง. ภาษาที่เป็นทางการหรอื กึง่ ทางการ 8. “เป็นการพดู ทม่ี ีพลงั ให้คติเตอื นใจ สอนใจที่ควรนามาเป็น 3. บุคคลในขอ้ ใดเปน็ นักเลา่ เรือ่ ง แงค่ ดิ ในการสร้างสรรคใ์ หช้ วี ติ ดขี นึ้ ” ข้อความนีก้ ล่าวถงึ ก. นายเบสพดู แต่ประเด็นสาคญั ของเรื่องทอี่ ยากพดู การพดู ประเภทใด ข. นายบอยถา่ ยทอดประสบการณข์ องตนให้ผอู้ นื่ ฟงั ก. การพูดตชิ ม ค. นายบอสแสดงความคดิ เหน็ ตอ่ พฤตกิ รรมของผูท้ ี่ตน ข. การพูดรายงาน สนใจ ค. การพูดใหก้ าลงั ใจ ง. นายบูมพูดเสนอแนะแนวทางในการแก้ปญั หา ง. การพูดแสดงความคดิ เหน็ ความแตกแยกในสังคม 9. “การปรกึ ษาหารอื กนั ในเรอ่ื งใดเรอื่ งหนงึ่ เพียงเรื่องเดยี วใน 4. การพดู ประเภทใดทใี่ ช้อปุ กรณป์ ระกอบการพดู วงกว้าง” ขอ้ ความนกี้ ล่าวถึงการพดู เชงิ วชิ าการประเภทใด ก. พูดเล่าเรอื่ ง ก. การประชมุ ข. การสัมมนา ข. พดู แสดงความคดิ เห็น ค. การอภิปราย ง. การพูดรายงาน ค. พูดรายงานทางวชิ าการ 10. ภาษาท่ีใช้ในการพูดรายงานมลี กั ษณะอยา่ งไร ง. พูดสรุปใจความสาคญั ของเรื่อง ก. ใชศ้ พั ท์วิชาการ 5. ถา้ นักเรยี นตอ้ งการเลา่ เรื่องใหเ้ ดก็ นกั เรยี นระดับชั้น ข. ใช้ถอ้ ยคาตามข้อมูลทีค่ น้ ควา้ มา ประถมศึกษาปที ี่ 4 ฟังโดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพื่อสงั่ สอนอบรม ค. ใช้ภาษาพูดทีก่ ระชบั เข้าใจง่าย สุภาพ ให้มคี วามสามคั คกี นั ควรเลือกเล่าเร่อื งประเภทใด ง. ใชภ้ าษาทีเ่ ข้าใจงา่ ย มคี วามหมายตรงตวั ก. เร่อื งสนั้ ข. นิทานคุณธรรม ค. บทความเชงิ วชิ าการ ง. สารคดสี ่งเสรมิ การท่องเทย่ี ว 1.ก 2.ก 3.ข 4.ก 5.ข~ 29 ~ 6.ง 7.ข 8.ค 9.ข 10.ค
โรงเรยี นดอนธาตุนรงค์วิทยา วิชาภาษาไทย ใบความรู้ เร่ือง วันนี้คณุ กินข้าวเชา้ หรือยัง ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ___________________________________________________________________________ บทความ เร่ือง วนั นค้ี ณุ กนิ ข้าวเชา้ หรือยัง หมอท่ีโรงพยาบาลฯ อบรมว่าทุกคนต้องกินอาหารเช้าให้ได้มากที่สุดเท่าท่ีจะมากได้ และมีความ หลากหลาย เพราะเมือ่ ร่างกายไมม่ ีพลังงานจากอาหารเช้าไปใช้ รา่ งกายจะดึงสารอาหารจากอวัยวะส่วนอื่นออกมา (ไม่ใชไ่ ขมัน ไขมันยังอย่เู หมือนเดมิ ) ซ่ึงภายใต้กระบวนการน้ีจะเกิดกรดชนิดหนึ่งออกมาด้วย ซึ่งการท่ีเราบอกว่าไม่ กินขา้ วเช้า ก็ยังทางานได้เป็นปกติมาต้ังหลายปีแล้วน่ันคือ ร่างกายได้นาเอากรดที่เกิดข้ึนมาใช้แทนพลังงานทุก วัน เราจงึ ทางานโดยใช้กรดแทนพลังงาน และเมอ่ื ร่างกายตอ้ งผลติ กรดออกมาบอ่ ยๆ พออายมุ ากขึ้นเรากจ็ ะเปน็ โรค ตามมาหลายอย่าง นอกจากน้ี เรารู้หรือไม่ว่าโดยปกติแล้วร่างกายของมนุษย์เราผลิตสารพิษอยู่ภายในร่างกาย ตลอดเวลาเป็นขยะ เหมือนรถทเี่ ติมนา้ มันเขา้ ไปแล้วก็จะมีควนั ออกมา ภาษาทางการแพทย์เขาเรียกขยะในร่างกาย น้ีว่า สารอนุมูลอิสระ (oxidant) เกดิ จากการสันดาปพลงั งานของรา่ งกายแลว้ คายของเสียออกมา นอกจากน้ีร่างกายจะเร่งผลิตสารอนุมูลอิสระอีกก็ต่อเม่ือเวลาเราเครียดหรือต้องทางานหนักใช้ สมอง ประกอบกับเจอมลภาวะต่างๆ สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ อุปนิสัยการดื่มสุรา สูบบุหร่ี ก็ยิ่งเป็นตัวสร้างให้เกิด สารพิษน้ีมาก การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตอนกลางคืนเป็นหนทางและเวลาสาคัญท่ีร่างกายจะสร้างสาร ต่อต้านสารอนุมลู อิสระ (anti-oxidant) ข้ึน เพ่อื กาจดั สารอนุมลู อสิ ระที่เกดิ ตอนกลางวัน การนอนให้เพียงพอและ หลบั สนทิ จะเปน็ ประโยชน์ไมเ่ ฉพาะการกาจัดของเสยี แต่ยังชว่ ยใหเ้ มด็ เลอื ดแดงของคนเราแข็งแรง สร้างฮอร์โมน เพศ ทาใหร้ ่างกายสมบรู ณ์ มีน้ามีนวล คุณหมอเอาภาพขยายเม็ดเลือดแดงของผู้จัดการชายอายุ 35 คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไข้มาให้ดู เปรียบเทียบกัน 2 ภาพ ผู้ชายคนน้ีเหมือนมนุษย์ทางานทั่วไป ทางานหนักและเครียด ขาดการพักผ่อนที่ เพียงพอ ปรากฏว่าจานวนเม็ดเลือดแดงของเขามลี ักษณะเป็นกอ้ นขยุกขยุย ไม่เป็นรูปทรงกลมเหมือนกลุ่มเม็ด เลือดแดงท่คี วรเป็น เกดิ ความผดิ ปกตขิ ึ้นเนื่องจากสารอนมุ ลู อสิ ระทเ่ี กิดข้นึ จานวนมากไปทาลายเซลล์เม็ดเลือด แดงในร่างกาย ซึง่ นามาซง่ึ โรครา้ ยจานวนมากอย่างท่คี นไทยกาลงั นยิ มอยู่ จงจาไวว้ า่ 1. ทานอาหารเช้าแบบราชา อาหารกลางวันพอประมาณ และอาหารเย็นแบบยาจก หลีกเล่ียงไขมัน และของหวาน ออกกาลังกายให้ได้อย่างน้อยวันละ 30-40 นาที (20 นาทีแรก ร่างกายเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต อกี 10-20 นาทตี อ่ มา รา่ งกายจงึ จะเผาผลาญไขมนั ) 2. นอนหลบั พกั ผ่อนใหเ้ พยี งพอ ท่ีมา http://heyhaparty.blogspot.com/2007/10/blog-post_853.html ~ 30 ~
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คาชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงใน ชอ่ งที่ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงค์ด้าน 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 เข้าแถวไหวพ้ ระ สวดมนต์ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามสิทธิและหนา้ ที่ของนกั เรยี น กษตั ริย์ 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในช้ันเรียน 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมทสี่ รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ 2. ซอื่ สัตย์ สุจรติ โรงเรียนและชุมชน 3. มีวินยั รบั ผิดชอบ 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏิบตั ติ นตามหลกั ของศาสนา 4. ใฝเ่ รียนรู้ 1.6 เข้ารว่ มกิจกรรมที่เกย่ี วกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี น และ 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง ชมุ ชนจัดขน้ึ 2.1 ใหข้ อ้ มูลท่ีถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ิในส่ิงทถี่ ูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ท่ีจะทาความผดิ ทาตาม สัญญาที่ตนใหไ้ ว้กบั เพ่อื น พ่อแม่หรอื ผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผ้อู ่นื ดว้ ยความซอื่ ตรง 3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครวั และโรงเรียน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวัน 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ด้อยา่ งมเี หตผุ ล 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเก็บรักษาดแู ลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ คา่ และเก็บรกั ษาดูแลอยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตดั สนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อ่นื และไมท่ าใหผ้ อู้ น่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมื่อผูอ้ ืน่ กระทา ผดิ พลาด ~ 33 ~
แผนการจดั การเรียนรู้ รหสั วชิ า ท21102 ชื่อวิชา ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 เรอื่ ง การฟงั การดู และการพูดในชวี ติ ประจาวัน เวลา 9 ช่วั โมง แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 เรอ่ื ง การพูดจับใจความสาคัญจากการฟังและการดูส่ือ เวลา 1 ช่วั โมง วันทท่ี าการสอน 9 เดือน พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2565 ผสู้ อน นายจิรายุทธ ดอนสีชา ________________________________________________________________________________ 1. สาระท่ี 3 การฟงั การดู และการพดู 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวชี้วัด ท 3.1 ม.1/1 พูดสรปุ ใจความสาคัญของเรื่องที่ฟังและดู ม.1/6 มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู 3. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด - การฟัง การดู และการพูดเป็นทักษะที่ใชค้ วบคูก่ ันเสมอในชีวติ ประจาวนั เพื่อให้ผสู้ ง่ สารและผรู้ ับสาร มคี วามเขา้ ใจตรงกัน ดังนน้ั จึงควรร้จู กั พจิ ารณาเรื่องท่ีฟงั ท่ดี ใู ห้เป็นเรอื่ งท่เี กดิ ประโยชนเ์ พ่อื นามา รวบรวมเปน็ ขอ้ มูลความรู้ และนาไปปรบั ใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (KPA) 1. บอกหลกั การสรุปความและการจบั ประเด็นจากเร่อื งท่ีฟังและดูได้ (K, P) 2. มมี ารยาทในการฟงั และการดู (A) 5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องผ้เู รียน 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. ม่งุ มน่ั ในการทางาน 6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 7. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขน้ั นาเข้าสู่บทเรียน -. นักเรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ “การพูดจับใจความสาคญั มีผลดีต่อผู้พูดอย่างไร” 2. ขั้นสอน 1. ครใู หน้ กั เรียนเลอื กดรู ายการสารคดีทางโทรทัศน์ คนละ 1 รายการ แลว้ เตรยี มพดู จบั ใจความ สาคัญจากการฟังและดูสอื่ โดยใชเ้ วลาคนละ 2 นาที ดงั น้ี - ลาดับเหตกุ ารณเ์ ร่ืองทจ่ี ะเลา่ - เตรยี มภาษา/ท่าทางทจี่ ะเลา่ 2. นักเรยี นฝึกพูดจบั ใจความสาคัญจากการฟังและดสู ื่อตามลาดบั ขน้ั ตอนท่ีเตรยี มไว้ ~ 35 ~
3. ขนั้ สรปุ 1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายจดุ เด่นและจุดด้อยในการพูดจับใจความสาคัญจากการฟัง และดสู ่อื ของนักเรียนแตล่ ะคนเพ่อื เสนอแนวทางในการปรบั ปรงุ แก้ไข 8. ส่อื การเรียนร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.1 2. รายการสารคดที างโทรทศั น์ 9. การวดั และการประเมินการเรียนรู้ วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ ดขี ้นึ ไป สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ ดขี ึ้นไป สงั เกตการใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มั่นในการทางาน แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ ดขี นึ้ ไป ~ 36 ~
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คาชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงใน ชอ่ งที่ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงค์ด้าน 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 เข้าแถวไหวพ้ ระ สวดมนต์ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามสิทธิและหนา้ ที่ของนกั เรยี น กษตั ริย์ 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในช้ันเรียน 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมทสี่ รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ 2. ซอื่ สัตย์ สุจรติ โรงเรียนและชุมชน 3. มีวินยั รบั ผิดชอบ 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏิบตั ติ นตามหลกั ของศาสนา 4. ใฝเ่ รียนรู้ 1.6 เข้ารว่ มกิจกรรมที่เกย่ี วกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี น และ 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง ชมุ ชนจัดขน้ึ 2.1 ใหข้ อ้ มูลท่ีถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ิในส่ิงทถี่ ูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ท่ีจะทาความผดิ ทาตาม สัญญาที่ตนใหไ้ ว้กบั เพ่อื น พ่อแม่หรอื ผู้ปกครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผ้อู ่นื ดว้ ยความซอื่ ตรง 3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครวั และโรงเรียน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวัน 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ด้อยา่ งมเี หตผุ ล 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเก็บรักษาดแู ลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ คา่ และเก็บรกั ษาดูแลอยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตดั สนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อ่นื และไมท่ าใหผ้ อู้ น่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมื่อผูอ้ ืน่ กระทา ผดิ พลาด ~ 41 ~
แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วิชา ท21102 ช่ือวิชา ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 เรอื่ ง การฟัง การดู และการพูด ในชีวิตประจาวัน เวลา 9 ช่วั โมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง การเลา่ เร่อื งจากการฟงั และการดูสื่อ เวลา 2 ชั่วโมง วันที่ทาการสอน 15 เดอื น พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2565 ผสู้ อน นายจริ ายุทธ ดอนสีชา ___________________________________________________________________________ 1. สาระท่ี 3 การฟัง การดู และการพดู 2. มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชว้ี ดั ท 3.1 ม.1/2 เล่าเร่อื งย่อจากเรื่องที่ฟงั และดู ม.1/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู 3. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด - การฟัง การดู และการพูดเป็นทักษะที่ใชค้ วบคู่กันเสมอในชวี ิตประจาวนั เพ่ือให้ผู้ส่งสารและผรู้ บั สารมี ความเขา้ ใจตรงกนั ดังนน้ั จึงควรรจู้ กั พจิ ารณาเรือ่ งที่ฟัง ทีด่ ูให้เปน็ เร่ืองท่ีเกิดประโยชน์เพอื่ นามา รวบรวมเป็นขอ้ มูลความรู้ และนาไปปรับใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ (KPA) 1. บอกหลักท่วั ไปของการพดู และวิธกี ารพดู ที่ถูกตอ้ งได้ (K) 2. พดู แสดงความรู้ ความคิดเก่ยี วกับเรอ่ื งท่ีกาหนดให้อยา่ งสร้างสรรค์ (K, P) 3. พูดรายงานเรื่องที่กาหนดให้ได้ (K, P) 4. มีมารยาทในการพดู (A) 5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคข์ องผเู้ รียน 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่ันในการทางาน 6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 7. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขัน้ นาเขา้ ส่บู ทเรยี น 1. ครูสนทนากับนักเรยี นเก่ยี วกับส่อื ท่ฟี ังและดูในปัจจุบนั 2. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นถงึ คุณและโทษของสือ่ ~ 43 ~
2. ขั้นสอน 1. นักเรยี นศึกษาความรเู้ รื่อง การเล่าเรื่องจากการฟังและการดสู ่ือ จากหนังสือเรยี น แล้ว ร่วมกนั อภปิ รายและสรปุ ประเด็นสาคัญตามทีค่ รูกาหนด ดังน้ี - จดุ มงุ่ หมายของการเล่าเรื่อง - วิธีการพดู เลา่ เรือ่ ง - ประโยชนข์ องการเล่าเร่ือง 2. ครแู บง่ นักเรียนเป็นกลมุ่ กลุม่ ละ 3-4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลาง ค่อนข้างเก่ง ปานกลางค่อนข้างอ่อน และอ่อน จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เลือกดูรายการ โทรทัศน์ 1 รายการ ตามความสนใจรว่ มกนั ของสมาชิก 3. ครแู จ้งวธิ กี ารเลา่ เรือ่ งรอบวง แจง้ กติกาของการเลา่ เร่ือง กาหนดเวลา และขอบขา่ ยการเล่า เรื่อง 4. สมาชิกแตล่ ะคนในกลุ่มเล่าเรื่องทลี ะคน ภายในเวลาท่ตี กลงกันไว้ และในขณะท่ีคนหน่งึ เลา่ คนอื่นๆ จดบันทึกเรื่องที่ฟัง 5. สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มชว่ ยกนั สรปุ ประเด็นสาคญั ทไ่ี ด้จากการฟงั เพื่อนเลา่ เรื่อง หรอื แงค่ ิดที่ ไดจ้ ากการฟังมาจัดทาแผนภาพโครงเรื่องตามลาดับเหตุการณจ์ ากเร่ืองท่ีฟังและดู 6. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ฝึกการเลา่ เร่อื งตามลาดับขน้ั ตอน ดังนี้ - ลาดบั เหตกุ ารณ์/เร่ืองท่จี ะเลา่ - เตรียมภาษา/ทา่ ทางทจี่ ะเล่า 7. นกั เรยี นสง่ ตัวแทนกลุ่มที่เลา่ เร่อื งได้ดแี ละมีทักษะในการเล่า ออกมาเลา่ เรื่องตามลาดับ ข้ันตอนที่เตรียมไว้ 3. ขั้นสรุป 1. นักเรยี นร่วมกนั สรุปหลกั การเลา่ เรอ่ื งจากการฟังและการดสู ่ือ 2. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั บอกแนวทางในการนาความรู้ไปปรับใชใ้ นชีวิตประจาวันใหเ้ กิด ประโยชน์ 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.1 2. รายการโทรทัศนท์ ่นี ักเรยี นสนใจ 9. การวัดและการประเมินการเรียนรู้ วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดขี น้ึ ไป สังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดีขึน้ ไป สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ ดขี นึ้ ไป สังเกตการใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นในการ ทางาน แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ ดขี ้นึ ไป ~ 44 ~
Search