Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กิจกรรมเสริมความเป็นครู นายจิรายุทธ ปค6504

กิจกรรมเสริมความเป็นครู นายจิรายุทธ ปค6504

Published by sb657601403, 2023-08-02 05:11:21

Description: กิจกรรมเสริมความเป็นครู นายจิรายุทธ ปค6504

Search

Read the Text Version

กิจกรรมเสรมิ ความเป็นครู จดั ทาโดย นายจริ ายุทธ ดอนสชี า รหสั นักศกึ ษา 657601403 ปค.6504 นกั ศึกษาประกาศนยี บัตรบัณฑติ วิชาชพี ครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราภัฏเลย

ก คำนำ ในการเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย นอกจาก นักศึกษาจะมีความรู้ในเร่ืองการพัฒนาหลักสูตร พื้นฐานความรู้ทางวิชาชีพครู การจัดการเรียนรู้ การวิจัยแล้ว นักศึกษายังจาเป็นต้องมีความรัก กตัญญูในตัวครู มีจิตวิญญาณความเป็นครู มีคุณธรรมจริยธรรมตามหลัก ศาสนาท่ีตนนับถือ และมีสมรรถนะในเรือ่ ง อดทนและรบั ผดิ ชอบ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมในศาสนาท่ีตนนับถือ แล้วสามารถนาหลักธรรมนั้นมาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพครู เป็นผู้มีจิตอาสาทาส่ิงท่ีเป็นประโยชน์ต่อ สาธารณะ เปน็ บุคคลแห่งการเรยี นรแู้ ละเป็นผู้นาทางวิชาการ มีวิสัยทัศน์ ศรัทธาในวิชาชีพครู และปฏิบัติตาม จรรยาบรรณของวิชาชีพครู ซึ่งสมรรถนะต่างๆข้างต้น จะปรากฏในตัวนักศึกษาเมื่อนักศึกษาได้ทากิจกรรม เสรมิ ความเปน็ ครตู ามท่ีหลกั สตู รกาหนดไว้ นายจิรายทุ ธ ดอนสชี า ผู้จัดทา

ข สำรบัญ คานา กิจกรรมเสรมิ ความเปน็ ครดู ้านคณุ ธรรม จริยธรรม และจิตวญิ ญาณ หน้ำ สารบัญ -โครงการส่งเสรมิ คุณธรรม จรยิ ธรรมและทักษะความเป็นครมู ืออาชพี ในศตวรรษที่ 21 ก คาชแี้ จง -รูปภาพกจิ กรรม ข กจิ กรรมท่ี 1 กจิ กรรมเสรมิ ความเปน็ ครดู ้านการจัดการเรยี นการสอน ค - เทคนคิ การสอนและการจดั การหลกั สตู รเพื่อพัฒนาทักษะการเปน็ ครมู ืออาชพี ยุคดิจทิ ลั กิจกรรมท่ี 2 -การวจิ ัยเพ่ือยกระดับทักษะการจัดการเรยี นรู้และการสอนสู่การเป็นครูมืออาชพี 1 ในศตวรรษที่ 21 4 กิจกรรมท่ี 3 -การจดั การเรยี นการสอนเชิงสร้างสรรค์ในศตวรรษท่ี 21 -รูปภาพกจิ กรรม 6 กิจกรรมเสริมความเป็นครดู ้านจติ วญิ ญาณความเป็นครู 6 -โครงการจิตอาสาพัฒนาท้องถน่ิ ของนักศึกษาประกาศนยี บัตรบัณฑิตวชิ าชีพครู -รูปภาพกจิ กรรม 8 12 14 17

ค คำชแ้ี จง หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ได้ กาหนดให้นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู ทุกคน จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมเสริม ความเป็นครูตามท่ีคณะกรรมการหลักสูตรได้ระบุไว้ในหลักสูตร จานวน 3 กิจกรรม โดยให้นักศึกษาหลักสูตร ประกาศนยี บัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องเขียนรายงานการปฏิบัติกิจกรรมลงในสมุด บันทึกกิจกรรมเสริมความเป็นครู พร้อมส่งเก็บ เอกสารไว้ประกอบการพิจารณา การผ่านการเข้าร่วมกิจกรรม ตามทก่ี าหนด

1 กจิ กรรมท่ี 1 ภาคการศกึ ษาท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 กจิ กรรมเสริมความเป็นครดู ้านคณุ ธรรม จริยธรรม และจติ วญิ ญาณ “ส่งเสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและทกั ษะความเป็นครูมืออาชีพในศตวรรษท่ี 21” 1. รายละเอียดการปฏิบตั ิกิจกรรม (ช่ือกิจกรรม วนั เวลาสถานที่ รายละเอียดกิจกรรม) ช่ือกิจกรรม โครงการส่งเสริมคณุ ธรรม จริยธรรมและทกั ษะความเปน็ ครมู ืออาชพี ในศตวรรษที่ 21 วันเวลาสถานที่ จดั กจิ กรรมวันท่ี 3 และ 4 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ณ วัดศรอี ภัยวนั (หลวงปู่ท่อน) ตาบลนาออ้ อาเภอเมอื งเลย จงั หวัดเลย วิทยากร พระครปู ลดั จักรพล สิริธโร ,ดร และ ผู้ชว่ ยศาสตราจารยบ์ ุญวัฒน์ บญุ ทะวงศ์ รายละเอียดกิจกรรม วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ พฒั นานักศึกษาหลกั สูตรประกาศนียบัตรบัณฑติ สาขาวิชาชีพครู ให้ประพฤติปฏิบัติตนด้าน คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี 2. เพอ่ื ให้นักศึกษาหลกั สตู รประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู ได้พฒั นาจิตใจเพื่อเสริมสรา้ ง คุณธรรม จรยิ ธรรมในการดาเนนิ ชวี ติ และในการปฏิบัติหนา้ ที่ สาระสาคญั ครรู ุน่ ใหม่ในศตวรรษที่ 21 ควรมีคุณลกั ษณะเด่นดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมคือ ครตู ้องมีความรัก ศรัทธาที่ จะเป็นครู มีความเมตตากรุณาและเปน็ กัลยาณมิตรของศิษย์ มีจรยิ ธรรม มีกริยามารยาทสุภาพเรียบร้อย วางตน อยู่ในศีลธรรมอันดีเปี่ยมด้วยคุ ณ ธรรมฝึกหัดปฏิบัติตนยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพครูโดยชี้แนะทางถูกต้อง แก้ไขสิ่งผิดและยึดม่ันตามหลักศาสนา และมีบุคลิกภาพดีเป็นแบบอย่างท่ีดีสาหรับเด็กและสาธารณชน ในด้าน คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและการดารงชีวิตและ มีความสามารถในการปลูกฝังวินัย คุณธรรมจริยธรรมและ ค่านิยมท่ีดี และถูกต้องต่อผู้เรียน ครูต้องสอนให้ผู้เรียนมีความรู้ควบคู่กับการมีคุณธรรมจริยธรรม ทักษะชีวิต ทักษะการใช้เทคโนโลยี ทักษะความร่วมมือการท างานเป็นทีม ทักษะการเรียนรู้ และทักษะอาชีพ และมี คุณธรรมจรยิ ธรรมและจรรยาบรรณตามมาตรฐานวิชาชพี ครู เน้ือหาสาระของกิจกรรม หลกั ธรรม สาหรับการครองตน ฆราวาสธรรม 4 แปลว่า ธรรมสาหรับผู้ครองเรือน หรอื ธรรมสาหรับการครองเรือน มอี ยู่ 4 ข้อ คือ 1. สจั จะ ซ่อื สตั ยต์ ่อกนั 2. ทมะ รูจ้ กั ข่มจิตของตน 3. ขนั ติ มคี วามอดทน 4. จาคะ รจู้ กั เสยี สละแบง่ ปันของตนแก่คนที่ควรให้ปัน หลักธรรมสาหรับการครองคน พรหมวิหาร 4 แปลวา่ ธรรมเปน็ เครอ่ื งอยขู่ องท่านผใู้ หญ่ หมายความว่า ผู้ใหญ่จะเปน็ บดิ ามารดา เป็น ผูป้ กครอง ผู้มีอานาจปกครองบา้ นเมือง หรือเป็นใหญ่ในฐานะอนื่ ๆ จะเป็นผ้ใู หญ่ที่ควรเคารพนบั ถือ ควรกราบ ไหวบ้ ชู าของผูน้ ้อย จะต้องตั้งอยูใ่ นพรหมวหิ ารธรรมทงั้ 4 นี้ คอื

2 1. เมตตา ความรักใครป่ รารถนาให้เปน็ สุข 2. กรุณา ความสงสาร คิดช่วยใหพ้ ้นทุกข์ 3. มทุ ิตา ความพลอยยินดี เม่ือเห็นผู้อน่ื ได้ดี 4. อุเบกขา ความวางใจเปน็ สงั คหวตั ถุ 4 แปลวา่ หลักธรรมทเี่ ปน็ เครื่องยึดเหนย่ี วนา้ ใจของผู้อ่ืน ผกู ไมตรี เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล หรอื เปน็ หลกั การสงเคราะหซ์ ง่ึ กันและกัน มอี ยู่ 4 ประการ ได้แก่ 1. ทาน การใหส้ งิ่ ตอบแทน ใหร้ างวัลการทางาน 2. ปยิ วาจา การพดู ไพเราะอ่อนหวาน 3. อัตถจริยา การร้จู ักวางตัวอย่างเหมาะสม 4. สมานัตตา การเสมอตน้ เสมอปลาย ไมห่ น้าไหวห้ ลงั หลอก หลกั ธรรมสาหรับการครองงาน อิทธิบาท 4 แปลว่า ฐานหรอื หนทางสู่ความสาเรจ็ หรอื คุณเคร่อื งให้ถงึ ความสาเรจ็ คุณเครื่องสาเร็จสม ประสงค์ ทางแหง่ ความสาเร็จ คุณธรรมท่นี าไปสคู่ วามสาเร็จแห่งผลทีม่ ุ่งหมาย มี 4 ประการ ได้แก่ 1. ฉนั ทะ ความพงึ พอใจในสงิ่ ทที่ า ส่งิ ที่มีอยู่ 2. วริ ิยะ ความเพยี รพยายามอตุ สาหะในหนา้ ท่ีการงาน 3. จติ ตะ ความเอาใจใส่ ในการปฏบิ ัติงาน 4. วิมงั สา การใชส้ ตปิ ญั ญา ใครค่ รวญ ไตร่ตรองใหร้ อบคอบ 2. การเปล่ยี นแปลงของตนเอง(ด้านความรสู้ ึก ด้านความคิด และด้านร่างกาย) ในระหวา่ งการ เขา้ ร่วม กจิ กรรม และหลงั ส้นิ สุดการเขา้ รว่ มกจิ กรรมเสริมความเป็นครู ดา้ นความรสู้ ึก การที่ได้เขา้ รว่ มโครงการสง่ เสรมิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและทกั ษะความเป็นครมู ืออาชพี ใน ศตวรรษท่ี 21 ซง่ึ จดั ขน้ึ ในวดั ได้ฟังคาบรรยายจากวิทยากร การท่ไี ด้ฟังเทศจากพระคุณเจ้า ทาให้ร้สู ึก สบายใจ อิ่มบุญ และมีความสุข ด้านความคดิ การทไ่ี ด้เข้าร่วมโครงการส่งเสรมิ คุณธรรม จริยธรรมและทักษะความเปน็ ครมู ืออาชีพใน ศตวรรษท่ี 21 ได้พัฒนาความคดิ สตปิ ัญญา เพ่ิมมากขนึ้ ได้เข้าใจหลักธรรมมากขน้ึ ด้านรา่ งกาย การท่ไี ด้เขา้ ร่วมโครงการสง่ เสรมิ คณุ ธรรม จริยธรรมและทกั ษะความเป็นครมู ืออาชพี ใน ศตวรรษที่ 21 ได้พฒั นาบุคลิกภาพของตนเอง ให้เป็นแบบอยา่ งแก่นกั เรยี น

3 3. ภาพกิจกรรม

4

5

6 กจิ กรรมท่ี 2 ภาคการศกึ ษาท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565 กิจกรรมเสรมิ ความเปน็ ครดู ้านการจัดการเรียนการสอน “เทคนิคการสอนและการจดั การหลักสูตรเพื่อพฒั นาทกั ษะการเป็นครมู ืออาชพี ยคุ ดิจิทลั ” 1. รายละเอียดการปฏิบัติกจิ กรรม (ชื่อกจิ กรรม วนั เวลาสถานท่ี รายละเอียดกจิ กรรม) ช่ือกิจกรรม เทคนคิ การสอนและการจดั การหลกั สตู รเพ่อื พฒั นาทักษะการเป็นครูมืออาชพี ยุคดจิ ิทัล วันเวลาสถานท่ี จดั กจิ กรรมวนั ที่ 18 และ 19 เดอื น กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2566 ณ ห้องประชุมทางไกล ช้นั 2 อาคาร 50 พรรษา มหาวชริ าลงกรณ อาคารศนู ย์คอมพวิ เตอรแ์ ละภาษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเลย วทิ ยากร รองศาสตราจารย์ ดร.นชุ วนา เหลอื งองั กรู ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. อัจฉรา ศรพี นั ธ์ ดร.วิไล ผวิ มา รายละเอยี ดกจิ กรรม “การวจิ ยั เพ่ือยกระดบั ทกั ษะการจดั การเรยี นรู้และการสอนสกู่ ารเปน็ ครมู ืออาชพี ใน ศตวรรษท่ี 21” วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ทาเกดิ วทิ ยาการใหม่ ๆ เพ่ิมพูนมากยิ่งขน้ึ ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏบิ ตั ิ ในการทาวจิ ัย 2. เพอ่ื ให้นักศกึ ษาไดจ้ ัดทาวิจัย ให้ถูกต้องตามขัน้ ตอน วธิ กี ารทถี่ ูกต้อง สาระสาคัญ การ วจิ ัยมีความสาคัญต่อวงการวิชาชีพครเู ปน็ อยา่ งยิ่ง เน่ืองจากครจู าเป็นต้องพฒั นาหลักสตู ร วิธกี าร เรียนการสอน การจงู ใจใหผ้ ู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเรียน การพัฒนาพฤติกรรมผเู้ รยี น การเพิม่ สมั ฤทธผิ ล การเรียน และการสร้างบรรยากาศการเรยี นรู้ เพื่อใหเ้ กิดการเรยี นรูไ้ ดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ ดัง้ น้นั วิชาชีพครู จะตอ้ งเข้าใจข้ันตอนกะบวนการ วธิ ีการทถ่ี ูกต้องในการทาวิจัย เนื้อหาสาระของกิจกรรม การวจิ ยั เชิงปฏิบัติการ(Action Research)เป็นการวิจัยท่ีเนน้ การพฒั นาหรือแก้ปัญหาโดยอาศัยการ ทางานร่วมกันของทีมผู้ร่วมวจิ ยั มวี งจรการพฒั นาการต่อเนื่อง เพ่ือใหผ้ ลการปฏบิ ตั ิการของตนมีประสทิ ธิภาพ ดีขนึ้ หรอื สามารถแกป้ ญั หาได้ ความหมายของการวิจัย กระบวน การหาความร้คู วามจริงใหม่ ท่ีมีระบบแบบแผนตามหลกั วชิ า อาศยั หลกั เหตผุ ล ที่ รอบคอบ รัดกมุ ละเอยี ดและเชอ่ื ถือได้ และความรู้ความจรงิ น้นั จะนาไปเปน็ หลกั การ ทฤษฎี หรอื ขอ้ ปฏิบตั ิท่ี ทาใหม้ นุษย์ได้รบั รูแ้ ละนาไปใชเ้ พือ่ ใหส้ ามารถดารงชวี ิตด้วย ความสงบสขุ หรอื ป้องกันและหลกี เลีย่ งภยั อนั ตราย ตา่ ง ๆ ได้

7 ประเภทของการวจิ ยั แบ่งตามระเบียบวิธีวจิ ยั 1. การวจิ ยั เชิงประวัติศาสตร์ (Historical research) เปน็ การวจิ ยั เพื่อค้นหาข้อเทจ็ จรงิ ของ เหตกุ ารณ์ทผี่ า่ นมาแลว้ ในอดีต 2. การวิจยั เชงิ บรรยายหรือพรรณนา (Descriptive research) เป็นการวิจยั เพื่อคน้ หาข้อเท็จจรงิ ในสภาพการณ์หรือภาวการณ์ของสิง่ ท่ีเป็นอยู่ในปจั จุบันว่าเป็นอย่างไร 3. การวจิ ยั เชิงทดลอง (Experimental research) เปน็ การวิจัยเพ่ือค้นหาความสัมพนั ธเ์ ชิงเหตุ และผลของปรากฏการณ์ตา่ งๆ การออกแบบการวจิ ัย การ ออกแบบการวิจยั หมายถึง การเสนอวธิ ีการท่นี ามาใช้ในการตอบปญั หาการวจิ ยั เพื่อให้ได้ คาตอบที่ตรงกบั ปัญหาการวจิ ัยและมคี วามน่าเชอ่ื ถือ รวมทั้งเป็นการวางแผนการใช้ทรพั ยากรในการวิจยั ใหเ้ กิด ประสิทธภิ าพ วตั ถุประสงค์ของการออกแบบวิจัย- เพอ่ื จดั กระทากับตัวแปร - เพื่อควบคุมความคลาดเคล่ือน - เพือ่ ตอบปัญหาการวิจัย - เพอ่ื วางแผนการใช้ทรัพยากรทางการวิจัย ส่ิงที่ต้องคานงึ ถงึ ในการออกแบบการวิจัย - วตั ถุประสงค์ - สมมตุ ฐิ านและตัวแปรที่เกย่ี วขอ้ ง - ขอ้ จากดั การวิจยั กระบวนการการวิจัย 1. เลือกหัวข้อและกาหนดขอบเขตปัญหาการวจิ ัย 2. การทบทวนวรรณกรรม การศกึ ษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. การออกแบบการวจิ ัย 4. การเขยี นเคา้ โครงการวิจยั 5. การสร้างเครอ่ื งมอื และตรวจสอบคุณภาพของเคร่ืองมือ 6. การเก็บรวบรวมข้อมูล 7. การแปรผลและวิเคราะหข์ ้อมลู 8. การเขยี นรายงานการวิจัย วธิ ีการรวบรวมข้อมูลท่นี ยิ มใชใ้ นการวิจัยทางการศึกษา 1. การใชแ้ บบทดสอบ 2. การใช้แบบวัดเจตคติ 3. การใช้แบบสอบถาม

8 4. การสัมภาษณ์ 5. การสงั เกต 6. การใชเ้ ทคนิคสังคมมิติ 7. การทดลอง สถติ เิ พื่อการวจิ ัย แบง่ เป็น 2 ประเภท คือ 1.สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) หมายถงึ การบรรยายลักษณะของข้อมลู (Data) ที่ ผูว้ ิจยั เก็บรวบรวมจากประชากรหรอื กลุ่มตวั อยา่ งท่ีสนใจ 2.สถิตเิ ชงิ อนมุ าน (Inferential Statistics) หมาย ถึง สถติ ิทว่ี ่าดว้ ยการวเิ คราะหข์ ้อมลู ทร่ี วบรวม มาจากกลุ่มตวั อย่าง เพ่ืออธิบายสรปุ ลักษณะบางประการของประชากร โดยมกี ารนาทฤษฎคี วามนา่ จะเปน็ มา ประยกุ ต์ใช้ กระบวนการทางสถติ ิ 1. การวางแผน (Planning) ในข้นั ตอนน้ีต้องกาหนดวา่ จะกาหนดวธิ กี ารสารวจอยา่ งไรจะใช้ อะไรเป็นข้อมลู ประกอบการพจิ ารณาบ้าง ถา้ มีขอ้ มูลเกีย่ วกบั คนเข้ามาเกย่ี วข้องดว้ ย ก็ตอ้ งกาหนดว่าจะ กาหนดให้ผ้คู นประเภทใดบา้ งทจ่ี ะไปสอบถามรายละเอียด จะใชจ้ านวนเทา่ ใดจงึ จะพอดีทีจ่ ะต้องใช้ในขน้ั ตอนนี้ ทั้งหมด รวมถงึ วธิ ีการรวบรวมขอ้ มลู และกาหนดวิธกี ารทดสอบข้อมลู ด้วย 2. การเก็บรวบรวมข้อมลู (Collection of Data) เมือ่ กาหนดในขนั้ ตอนที่ 1 แลว้ ว่าจะนาอะไร มาเป็นข้อมูลก็จะทาการรวบรวมตามวิธีทางสถติ ิซงึ่ จะได้กล่าวต่อไป 3. การนาเสนอข้อมลู (Presentation of Data) เมื่อรวบรวมได้แล้วก็จะนามาแสดงให้คนเข้าใจ ซ่ึงอาจจะแสดงในรปู ตารางสถติ ิ เป็นรูปภาพ หรอื เปน็ แบบเสน้ โค้ง ฯลฯ 4. การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis of Data) เมอื่ ได้ขอ้ มูลตามต้องการแล้วก็จะนามาวิเคราะห์ ซง่ึ อาจอยู่ในรูป ค่าเฉล่ีย ค่าร้อยละ คา่ สดั ส่วน หรอื ค่าใด ๆ ตามแต่จะกาหนดไวใ้ นข้ันตอนที่ 1 5. การตคี วาม (Interpretation of Data) เปน็ ขนั้ ตอนสุดทา้ ย คือ การสรปุ ผลการวิเคราะหใ์ น ข้นั ตอนท่ี 4 รวมถึงการนาเอาผลที่ไดไ้ ปอ้างองิ ใชก้ บั สว่ นอื่นดว้ ย รายละเอยี ดกจิ กรรม “การจดั การเรยี นการสอนเชงิ สรา้ งสรรค์ในศตวรรษท่ี 21” วตั ถุประสงค์ - เพอ่ื ส่งเสรมิ ใหน้ ักศกึ ษามีความคดิ สร้างสรรค์เพ่อื นาไปสู่การสรา้ งนวัตกรรมใหม่ เพื่อใช่ในการ จดั การเรียนการสอน สาระสาคญั การออกแบบการจดั การเรยี นรู้เชงิ สร้างสรรค์ให้ความสาคัญกับการทาให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเชิง ลึก คือ รู้จริง รู้ชัด ในเรื่องท่ีเรียนรู้แล้วฝึกปฏิบัติจนเกิดทักษะและความสามารถ ฝึกบ่อยๆ ฝึกซ้าๆ จนเกิดเป็น สมรรถภาพหรือสมรรถนะ แล้วเปิดพ้ืนท่ีให้ผู้เรียนนาความรู้ความเข้าใจนั้นไปลงมือปฏิบัติให้เกิดผลจนเกิดเป็น ศกั ยภาพติดตวั ผเู้ รยี นไปตลอดชวี ติ

9 เน้ือหาสาระของกจิ กรรม สถานการณ์การศึกษาในปจั จบุ ัน 1. ความเหลื่อมล้าทางการศึกษา ระบบการศึกษาในปัจจุบันแบ่งแยกชนช้ันอย่าชดั เจน โดยโรงเรียนดังๆ โรงเรียนขนาดใหญก่ ็จะมีครูท่ี มคี ณุ ภาพอยูใ่ นโรงเรียนเยอะ แตกต่างจากโรงเรียนขนาดเล็กทีไ่ มม่ แี มก้ ระทัง่ อปุ กรณ์การเรียนท่ดี ี ครูท่มี ี 1 คน อาจจะได้รับมอบหมายให้ทาหลายหน้าที่ รฐั บาลจงึ ควรทจ่ี ะจดั การงบประมาณทางการศกึ ษาไปท่โี รงเรยี นท่ีขาด แคลนให้มากขนึ้ เพ่อื ลดช่องวา่ งตรงนใี้ ห้น้อยลง 2. หน้าท่ี(จริงๆ)ของครู ปัจจบุ ันสิง่ ทสี่ ่งผลให้หน้าที่การงานของครูดีข้ึน ไมใ่ ชผ่ ลการเรียนของนักเรียนอีกต่อไป แตเ่ ปน็ งาน วิชาการ ทค่ี รทู ้ังหลายเสียเวลาไปกบั การกรอกเอกสาร การเขา้ ฝกึ อบรม ทีน่ าครอู อกนอกระบบการศึกษาไป เรอื่ ยๆ แทนทจ่ี ะโฟกสั ในเรื่องการสอนนักเรยี นของตัวเองมากกว่า ระบบการศึกษาควรให้ครทู กุ ท่านไดแ้ ชร์ ความรู้ แชร์ประสบการณ์ แชร์วิธีการสอนกนั มากกว่าทจี่ ะมาน่งั ฟังบรรยายน่าเบ่ือๆ อีกตอ่ ไป 3. ผอ.กับการประเมนิ โรงเรียน ผอ.ถือว่าเปน็ คนทม่ี ีอานาจสูงสดุ ในโรงเรยี น และเปน็ คนทจี่ ะต้องรับรู้เรอื่ งภายในโรงเรยี นทั้งหมด วา่ ตรงส่วนไหนควรจะไดร้ ับการปรับปรุงหรือแก้ไข แตห่ ากวา่ ผอ.เอาเวลาดูแลโรงเรยี นไปผลาญกบั การดูแลผู้มี อานาจเพ่ือให้ตัวเองอยู่รอด แล้วเดก็ นกั เรยี นในโรงเรียนของท่านละ? การประเมนิ โรงเรยี นกเ็ ช่นกัน ควรมี เจา้ หน้าทีๆ่ มคี วามสมารถจริงๆ เกณฑ์ในการประเมินควรทีจ่ ะเป็นแนวทางในการพฒั นาโรงเรียนได้จรงิ และผล การประเมินกต็ ้องส่งผลต่อผูบ้ ริหารโรงเรียนด้วย 4. หลักสูตรท่ไี ม่(เคย)มีคณุ ภาพ ครูมักจะสอนในนักเรยี นท่องจา มากกวา่ การทาความเข้าใจบทเรียน ครคู วรทจ่ี ะผันตัวเองใหเ้ ปน็ เหมือน โคช้ ทางความคิด เพ่ือให้เด็กคิดเปน็ ทาเป็น สามารถท่จี ะเรียนรู้ได้ดว้ ยตวั เองตลอดชีวติ นอกเหนือจากบทเรยี น แลว้ ขอ้ สอบกลางกไ็ ม่เคยไดม้ าตรฐาน ขาดความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงคาถามทกี่ ากวมไหลได้ดนั้ กับสายน้า 5. โรงเรยี นเลอื กครู หรอื ครูเลือกโรงเรยี น แทนทีโ่ รงเรยี นจะเป็นคนเลือกครูที่จะเข้ามาในโรงเรียนของตวั เอง แตก่ ลับกลายเป็นว่าครูเลอื ก โรงเรยี นของตัวเองซะง้นั ครเู กง่ ๆ ก็เลือกโรงเรยี นใหญ่ๆ โรงเรยี นดีๆ กันซะหมด แนวทางแก้ไขคือโรงเรียนควร ไดร้ ับอิสระในการเลอื กรับครูและมงี บประมาณให้กับโรงเรียนเพอ่ื ดึงครูเก่งๆ ในแบบท่ีโรงเรียนนนั้ ๆ อยากไดเ้ ขา้ มาสอนในโรงเรยี นของเขา 6. โครงสรา้ งระบบการศกึ ษาไทยอันน่ากลัว จากการปฏิรปู การศึกษาของไทยทีผ่ า่ นมา จากทีเ่ คยมปี ลัดกระทรวงเพียงแค่หน่งึ คน ณ ตอนนม้ี ีถึง 4 คน แตก่ ็ไม่ได้ทาใหเ้ ด็กนกั เรยี นเหน็ หรือได้รบั อะไรที่ดีขึน้ เลย ยังไม่นับรวมกบั องค์กรต่างๆ อีกมากมายทเ่ี กดิ ขน้ึ มาอีก ทัง้ ๆ ทก่ี ารศึกษาไทยควรเร่มิ ต้นแก้ไขทโ่ี รงเรยี น โดยคานึงถงึ ตวั นักเรียนก่อนเป็นอันดับแรก ทักษะท่จี าเป็นในศตวรรษที่ 21 SpacesEDU (2023) ไดร้ ะบุวา่ ทักษะท่จี าเป็นในศตวรรษที่ 21 ประกอบดว้ ย

10 1. การคิดเชิงวพิ ากษ์/การใชเ้ หตผุ ล (Critical Thinking/Reasoning) 2. ความคิดเชิงสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 3. การแก้ปัญหา (Problem Solving) 4. อภปิ ญั ญา หรอื การรเู้ กย่ี วกบั ความคิด (Metacognition) 5. การสอื่ สาร (Communication) 6. การเปน็ พลเมืองโลก (Global Citizenship) การจัดการเรียนรู้เชงิ สร้างสรรคใ์ นศตวรรษท่ี 21 1. ห้องเรียนกลับดา้ น (Flipped Classroom) เปน็ วธิ ีการสอนท่ไี ด้นาเสนอรปู แบบการเรยี นการ สอนทน่ี ักเรยี นไดรบั เนื้อหาก่อนที่จะมีการเรยี นในช้นั เรยี น เพือ่ ให้นกั เรยี นได้ เรียนกับ สื่อการเรียนตา่ ง ๆ เช่น การเรียนนอกหอ้ ง การอ่านหนงั สอื วดิ โี อ และ PowerPoint ทีม่ เี สียง ก่อนการเข้า ช้ันเรียน 2. เกมมฟิ เิ คชัน่ (Gamification) หมายถึง การใช้เทคนิคในรปู แบบของเกมโดยไม่ใช้ตวั เกม เพื่อเปน็ ส่ิงท่ชี ่วยในการกระตนุ้ และสรา้ งแรงจงู ใจในการเรยี นรูใ้ ห้กับ ผู้เรียน 3. การเรียนร้รู ว่ มกัน (Collaborative Learning) เป็นสถานการณ์ท่ีคนมากกวา่ 2 คนตอ้ งการ เรียนรู้บางอย่างรว่ มกนั ซง่ึ ต่างจากการเรยี นเพยี งลาพังที่ผู้เรียนสามารถใช้ประโยชนจ์ ากทักษะหรือทรัพยากรของ ผู้อ่นื ได้ 4. การเรียนรสู้ ่วนบุคคล (Personalized Learning) คือ การปรับแต่งการเรยี นการสอน ตามความ ตอ้ งการความสนใจและรปู แบบการเรยี นรขู้ องนกั เรยี นแตล่ ะคน 5. การเรียนรู้โดยใช้โครงการเป็นฐาน (Project-Based Learning) คือ การจดั สภาพการณ์ของการ เรียน การสอนโดยใหผ้ ้เู รียนไดร้ ่วมกนั เลอื กทาโครงการทีต่ นสนใจ โดยร่วมกันสารวจ สังเกต และกาหนด เรอ่ื งท่ี ตนสนใจ วางแผนในการทาโครงการร่วมกนั ศึกษาหาข้อมลู ความรู้ทีจ่ าเปน็ และลงมอื ปฏบิ ตั ิงานตามแผนท่ีวาง ไว้จนได้ข้อค้นพบ หรอื สิ่งประดษิ ฐ์ใหม่ แลว้ จงึ เขยี นรายงานและนาเสนอต่อ สาธารณชน 6. มัลติมเี ดียปฏิสัมพนั ธ์ (Interactive Multimedia) คือ การรวมองค์ประกอบมลั ติ มเี ดยี เชน่ วดิ โี อภาพเคลอื่ นไหวและการจาลองแบบโต้ตอบเข้ากบั การสอนสามารถ ช่วยแสดงภาพแนวคิดที่เปน็ นามธรรม และทาใหผ้ เู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการเรียนรู้ 7. Augmented and Virtual Reality เป็น เทคโนโลยที ่ีใช้อุปกรณ์สือ่ สาร เชน่ มอื ถือสมาร์ทโฟน แทบ็ เล็บ ฯลฯ เพื่อผสานโลกเสมอื นจรงิ ซง่ึ อาจเปน็ ได้ทั้งภาพ เสยี ง 8. Flipped Mastery Learning การผสมผสานห้องเรยี นแบบพลิกและเทคนิคการเรยี นรสู้ ว่ นบุคคล วธิ ีน้ชี ่วยใหน้ ักเรยี นสามารถทางานตามจงั หวะของตนเองและเนื้อหาหลกั กอ่ นท่ีจะยา้ ยไปยังเนือ้ หาที่ท้าทายมาก ข้นึ 9. การเรยี นรแู้ บบเพอ่ื นสอนเพอ่ื น (Peer Teaching) เป็นเทคนคิ การสอนทีก่ ระต้นุ ให้ ผู้เรียน ชว่ ยเหลอื เกอื้ กูลกัน ในลกั ษณะผเู้ รยี นทมี่ ีข้อมลู มีความร้คู วามเข้าใจ หรือมี ประสบการณ์ในเน้ือหาหรอื หวั ข้อ น้นั ๆ

11 10. สติและการเรียนรู้อยา่ งมสี ติ (Mindfulness and Mindful Learning) การผสม ผสานเทคนิค การฝึกสตเิ ช่นการทา11สมาธิและการฝกึ หายใจเขา้ กับประสบการณ์การ เรียนรสู้ ามารถชว่ ยใหน้ กั เรียนลด ความเครยี ดและปรับปรงุ สมาธคิ วามสนใจและความจา 2. วิเคราะห์เทคนคิ การสอนท่เี หมาะสมกับการจดั การเรยี นการสอนในยคุ ดจิ ทิ ลั สมยั ก่อนเวลาเราสอนวิชาท่ตี ้องเรียนรู้จากของจริงถึงจะเข้าใจ เชน่ สอนอวัยวะภายในร่างกาย เราต้อง ใชภ้ าพโปสเตอร์ หรอื ไมก่ ็จากหุ่น เดก็ ตอ้ งใชจ้ นิ ตนาการเพื่อทาความเข้าใจเร่ืองเหลา่ นี้ แต่ในยคุ ท่ีมสี ่ือดจิ ิทลั ท่ีไม่ มีอะไรสามารถกดี ขวางการเรียนการสอนได้ เพียงแค่เปิดคลิป หรือสแกน Interactive3D ก็สามารถสอนใหเ้ ด็ก เห็นในสิ่งท่ียากจะอธบิ าย และเขา้ ถงึ ได้ ซ่ึงการดึงสอื่ ยุคใหม่มาใชใ้ นบริบทการสอนแบบไทย จาเป็นจะตอ้ งเขา้ ใจ พฤติกรรมของเด็กยุคใหมใ่ ห้ดีก่อน ดวู า่ พวกเขาต้องการอะไรในการเรียนรรู้ วมถงึ ความพร้อมของผ้เู รยี นเองดว้ ย แล้วนากลบั มาวิเคราะหด์ ูว่าเราสามารถประยุกต์ใช้กับการสอนได้อยา่ งไร จากนัน้ เลือกเคร่อื งมือทเ่ี หมาะสมท่สี ุด มาใช้เป็นสื่อในการสอน และในขณะเดยี วกันกต็ ้องคอยตดิ ตามผลวา่ ส่ือเหลา่ นนั้ มปี ระสิทธิภาพในการเรยี นรตู้ ่อ เด็กมากแค่ไหน และแก้ไขให้ดีข้ึน ก็จะช่วยใหก้ ารสอนมีคุณภาพ เด็ก ๆ กจ็ ะไดร้ บั ประโยชน์เตม็ ที่ ดงั น้นั เทคนิค ทเ่ี หมาะสมในการจัดการเรยี นการสอนยคุ ดจิ ิทลั เราตอ้ งใช้เทคโนโลยเี ข้ามาชว่ ยในการจดั การเรียนการสอนให้ ได้มากทส่ี ุด

12 3. ภาพกจิ กรรม

13

14 กิจกรรมท่ี 3 ภาคการศึกษาท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2566 กจิ กรรมเสริมความเปน็ ครูด้านจิตวญิ ญาณความเปน็ ครู “โครงการจติ อาสาพฒั นาทอ้ งถ่ินของนักศึกษาประกาศนียบัตรบณั ฑิตวชิ าชีพครู” 1. รายละเอียดการปฏิบัตกิ จิ กรรม (ชือ่ กิจกรรม วันเวลาสถานที่ รายละเอียดกิจกรรม) ช่อื กจิ กรรม โครงการจิตอาสาพัฒนาท้องถิน่ ของนกั ศึกษาประกาศนยี บตั รบัณฑติ วชิ าชพี ครู วันเวลาสถานท่ี จัดกจิ กรรมวนั ท่ี 8 เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2566 ณ วนอุทยานผางาม อาเภอหนองหิน จังหวดั เลย วทิ ยากร นายบุญลือ พรหมทาลา นายเอกราษฎร คามงคณุ นายธนบดี บัวใหญ่รักษา รายละเอยี ดกจิ กรรม “ปรับปรงุ ฟน้ื ฟูทรพั ยากรป่าไม้” วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื ปลูกฝงั ให้นักศึกษาเป็นผู้ทมี่ ีจติ อาสาเพื่อจะนาไปใช้พฒั นาชุมชน 2. เพื่อปรบั ปรงุ ฟ้นื ฟูทรพั ยากรป่าไม้ สาระสาคัญ \"ป่าไม้ของประเทศไทย ถูกทาลายลงอย่างรวดเร็ว เน่ืองจากประชากรท่ีเพ่ิมข้ึน ผนวกกับพลังผลักดัน ทางเศรษฐกิจระบบทุนนิยมเสรีที่มุ่งค้าขาย โดยใช้ป่าเป็นตัวสาคัญเชิงพาณิชย์ การเช่นน้ีก่อให้เกิด ภาวะแห้ง แล้ง เน่อื งจากตน้ นา้ ลาธารถูกทาลาย ฝนไม่ตกตอ้ งตามฤดกู าล เมื่อยามน้าหลาก ก็เกิดน้าท่วมฉับพลันและมีการ พังทลายของดินอย่างรุนแรง จนเป็นปัญหาต่อการประกอบอาชีพทางการเกษตร ถึงเวลาที่ประชาชนคนไทยทั่ว ทง้ั ประเทศ ตอ้ งตระหนักถงึ ปญั หาดังกล่าว และรว่ มมอื กนั สรา้ ง ผืนปา่ ในชมุ ชนแบบผสมผสาน สร้างความสมดุล แก่ธรรมชาติอย่างย่ังยืน สามารถตอบสนองต่อวิถีชีวิตของประชาชนในชุมชน และประการสาคัญเพ่ือน้อมนา พระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทฤษฎีการพัฒนาด้านป่าไม้ โดยปลูกฝังจิตสานึก ให้แก่ประชาชนว่า ควร ปลูกต้นไม้ ลงในใจคน เสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบนผืนแผ่นดิน และรกั ษาตน้ ไมด้ ว้ ยตนเอง นบั เปน็ ทฤษฎที เ่ี ป็นปรัชญา ในดา้ นการพัฒนาปา่ ไม้ทยี่ งิ่ ใหญโ่ ดยแท้ ด้วยเหตุนี้ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย จึงได้จักโครงการจิตอาสาพัฒนาท้องถิ่นของนักศึกษา ประกาศนียบัตรบณั ฑิตวชิ าชีพครู ปรับปรงุ ฟนื้ ฟูทรพั ยากรปา่ ไม้ (โครงการปลูกป่า) เพื่อปลูกฝังให้นักศึกษาเป็นผู้ ท่มี ีจติ อาสาท่ีจะนาไปพฒั นาชุมชน และเหน็ ความสาคัญของป่าไม้ เน้อื หาสาระของกจิ กรรม การเรยี นรวู้ ถิ ชี ุมชนบ้านผาทวายกับการทอ่ งเทีย่ วภูป่าเปาะ \"ภูป่าเปาะ\" ตั้งอยู่ติดกับแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ-ภูกระแต การข้ึนไปเท่ียวชมคือเดินทางด้วยรถ อีแต๊ก โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านผาหวาย ซึ่งเป็นคนในพื้นท่ีที่คอยให้บริการ มีจุดชมวิว 4 จุดด้วยกัน แต่ละแห่ง ห่างกันประมาณ 200-300 เมตร จุดไฮไลต์ คือบริเวณจุดชมวิวที่ 4 สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้ 360 องศา โดยเฉพาะภาพวิว \"ภูหอ\" ท่ตี ัง้ อยใู่ นตาบลภูหอ อาเภอภูหลวง ได้รับการขนานนามว่าเป็น \"ฟูจิเมืองเลย\" เพราะ ลกั ษณะของยอดเขาตดั ราบ แลดคู ล้ายกับภูเขาไฟฟจู ิ ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการขึ้นไปชมความงามของภูป่าเปาะ

15 สามารถไปสัมผสั ได้ตลอดทัง้ ปี ในชว่ งฤดรู ้อนกจ็ ะเห็นเปน็ ทอ้ งท่งุ สีเหลืองทองไกลสุดลูกหูลูกตา ส่วนช่วงหน้าฝน ก็จะเปล่ียนเป็นทุ่งสีเขียวของต้นไม้และทุ่งนาข้าวของชาวบ้าน พร้อมกับเปล่ียนเป็นทุ่งทองจากรวงข้าวอีกคร้ัง เมอื่ ยา่ งเขา้ สหู่ นา้ หนาว ที่มาพรอ้ มกับสายหมอกเย็น ปราชญ์ชาวบา้ นดา้ นวัฒนธรรมชุมชน บทบาทปราชญ์ชาวบ้านเป็นผู้นาชุมชนท่ีอาศัยความเชื่อมั่นศรัทธาจากชาวบ้านของการเป็นบุคคล ตน้ แบบในการดาเนนิ ชีวิตและเปน็ ผูท้ ี่มีคณุ ธรรมและเสียสละต่อส่วนรวม เป็นผู้สร้างความรู้เข้าใจเก่ียวกับชุมชน สามารถวิเคราะห์ปัญหาของชมุ ชนท่ีกาลังเผชิญอยู่และนามาการสร้างกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชน โดยการ ใช้ทักษะด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีได้ส่ังสมมาใช้ในการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ภายในชุมชน รวมไปถึงการนา วัฒนธรรมท้องถ่ินมาสร้างเป็นอัตลักษณ์และความภาคภูมิใจในชุมชน เพ่ือกระตุ้นจิตสานึกของคนในชุมชนให้ เกิดความจงรักภักดีต่อชุมชน การสร้างค่านิยมร่วมของชุมชนทางด้านคุณธรรม จริยธรรมให้เป็นชุมชนแห่ง ปัญญาที่มีทั้งคนดี และคนเก่ง อีกทั้งการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นร่วมกับศาสตร์ต่างๆได้อย่างกลมกลืน มี ความรู้ท่ีเท่าทันและปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์การเปล่ียนแปลงภายนอกได้ พัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง และยง่ั ยืนในอนาคต หลกั ธรรมาภบิ าลกับจิตอาสาเพ่อื พัฒนาชุมชน หลักธรรมาภิบาล หรืออาจเรียกได้ว่า “การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หลักธรรมรัฐ และ บรรษัทภิ บาล ฯลฯ ” ซ่ึงเรารู้จักกันในนาม “Good Governance” ท่ีหมายถึง การปกครองที่เป็นธรรม น้ัน ไม่ใช่ แนวความคิดใหม่ท่ีเกดิ ข้นึ ในสังคม แตเ่ ปน็ การสะสมความร้ทู เี่ ปน็ วฒั นธรรมในการอยู่ ร่วมกันเป็นสังคมของมวล มนษุ ย์เปน็ พันๆปี ซ่ึงเปน็ หลักการเพื่อการอยรู่ ว่ มกันในบ้านเมอื งและสงั คมอยา่ งมีความสงบสุข สามารถประสาน ประโยชน์และคล่ีคลายปญั หาข้อขดั แย้งโดยสันติวธิ แี ละพัฒนา สงั คมใหม้ คี วามยัง่ ยืน องค์ประกอบของหลกั ธรรมาภิบาล หลกั ธรรมาภบิ าล มีองค์ประกอบที่สาคญั 6 ประการดงั นี้ 1. หลักนิตธิ รรม คอื การตรากฎหมาย กฎ ระเบยี บข้อบังคบั และกติกาต่าง ๆ ให้ทันสมัย และเป็นธรรม ตลอดจนเปน็ ทีย่ อมรับของสงั คมและสมาชกิ โดยมีการยินยอมพร้อมใจและถอื ปฏบิ ัติ ร่วมกันอย่างเสมอภาคและ เป็นธรรม กล่าวโดยสรปุ คือ สถาปนาการปกครองภายใตก้ ฎหมาย มิใช่ กระทากันตามอาเภอใจหรืออานาจของ บคุ คล 2. หลักคุณธรรม คือ การยึดถือและเชื่อม่ันในความถูกต้องดีงาม โดยการรณรงค์เพ่ือสร้าง ค่านิยมที่ดี งามให้ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรหรือสมาชิกของสังคมถือปฏิบัติ ได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละ ความ อดทนขยนั หมั่นเพยี ร ความมรี ะเบยี บวนิ ัย เปน็ ตน้ 3. หลักความโปรง่ ใส คอื การทาให้สังคมไทยเปน็ สงั คมท่ีเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่าง ตรงไปตรงมา และ สามารถตรวจสอบความถูกต้องไดโ้ ดยการปรับปรงุ ระบบและกลไกการทางานขององคก์ รให้มีความโปรง่ ใส ข้อมูลข่าวสารได้สะดวกมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึง ตลอดจนมีระบบหรือ กระบวนการตรวจสอบและประเมนิ ผลทม่ี ีประสิทธภิ าพ ซงึ่ จะเปน็ การสรา้ งความไว้วางใจซ่ึงกันและกัน และช่วย ใหก้ ารทางานของภาครฐั และภาคเอกชนปลอดจากการทุจริตคอรัปช่ัน

16 4. หลักความมีส่วนร่วม คือ การทาให้สังคมไทยเป็นสังคมท่ีประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และร่วมเสนอ ความเห็นในการตัดสินใจสาคัญ ๆ ของสังคม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีช่องทาง ในการเข้ามามีส่วนร่วม ได้แก่ การแจ้งความเห็น การไต่สวนสาธารณะ การประชาพิจารณ์การแสดงประชามติ หรืออ่ืน ๆ และขจัดการ ผกู ขาดทั้งโดยภาครฐั หรือโดยภาคธรุ กจิ เอกชน ซ่งึ จะช่วยให้เกดิ ความสามคั คีและความรว่ มมือกันระหว่างภาครัฐ และภาคธุรกจิ เอกชน 5. หลักความรับผิดชอบ ผู้บริหาร ตลอดจนคณะข้าราชการ ท้ังฝ่ายการเมืองและ ข้าราชการประจา ต้องต้ังใจปฏิบตั ิภารกจิ ตามหน้าที่อย่างดียิง่ โดยมงุ่ ใหบ้ รกิ ารแก่ผมู้ ารับบรกิ าร เพอ่ื อานวยความสะดวกต่าง ๆ มี ความรับผดิ ชอบต่อความบกพรอ่ งในหนา้ ที่การงานท่ตี นรับผิดชอบอยู่ และพร้อมทจี่ ะปรบั ปรุงแกไ้ ขได้ทนั ท่วงที ดงั นน้ั ในการ 6. หลักความคมุ้ ค่า ผบู้ ริหาร ตอ้ งตระหนกั วา่ มที รพั ยากรค่อนข้างจากัด บริหารจัดการจาเป็นจะต้องยึด หลักความประหยัดและความคุ้มคา่ ซ่ึงจาเป็นจะต้องตั้งจุดมุ่งหมาย ไปทผี่ รู้ บั บรกิ ารหรอื ประชาชน จติ อาสาทาให้ทกุ คนในสงั คมสามารถอยู่ร่วมกันได้ เป็นสังคมทม่ี กี ารให้และแบ่งปันซึง่ กัน และกัน คานึงถงึ ประโยชน์ของสว่ นรวมเปน็ ท่ตี ั้ง ซง่ึ ตอ้ งขับเคลอ่ื นทัง้ ระบบ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เด็กวัยเรยี น เพราะจิต อาสาและจิตสาธารณะเป็นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์อย่างหนึ่งทีจ่ ะต้องปลูกฝงั อยา่ งต่อเนื่อง ดังสุภาษิตที่ว่า “ไม้ออ่ นดัดงา่ ยไม้แก่ดดั ยาก” กระบวนการในการสรา้ งเสรมิ จิตอาสา เป็นความรบั ผิดชอบในตนเอง แม้วา่ จะไดร้ ับการอบรมสั่งสอน ถา้ ใจตนเอง ไมย่ อมรบั จิตอาสากไ็ ม่เกดิ ฉะนัน้ คาว่า \"ตนเปน็ ทีพ่ ึง่ แห่งตน\" จึงมีความสาคัญส่วนหนึ่งในการสร้าง จติ อาสา ถา้ ตนเองไมเ่ หน็ ความสาคัญแล้วคงไมม่ ใี ครบงั คับได้ นอกจากใจของตนเองแล้ว แนวทางที่สาคัญในการ จิตอาสายงั มีอีกหลายประการ ถ้าปฏบิ ัตไิ ดก้ ็จะเป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและสังคม ดังน้ี 1. สร้างวนิ ัยในตนเอง ตระหนักถึงการมสี ว่ นร่วมในระบบประชาธิปไตย รู้ถึงขอบเขตของสิทธิ เสรีภาพ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ตอ่ ตนเองและสังคม 2. ให้ความสาคญั ต่อส่งิ แวดลอ้ ม ตระหนกั เสมอว่าตนเอง คือสว่ นหน่งึ ของสังคมต้องมีความรบั ผดิ ชอบ ในการรกั ษาส่งิ แวดลอ้ ม ซึง่ เปน็ เร่อื งของสว่ นรวม ท้ังต่อประเทศชาติ และโลกใบน้ี 3. ตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบท่เี กิดข้นึ กบั สังคม ใหถ้ อื วา่ เปน็ ปญั หาของตนเอง เช่นกันอยา่ ง หลกี เล่ยี งไม่ไดต้ อ้ งชว่ ยกันแก้ไข 4. ยึดหลกั ธรรมในการดาเนินชีวิต เพราะหลักธรรมหรอื คาส่งั สอนในทุกศาสนาท่ีนบั ถือ สอนให้คนทา ความดที งั้ ส้ิน ถา้ ปฏบิ ตั ไิ ด้จะทาใหต้ นเองมีความสุข นอกจากน้ยี งั ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อสังคมดว้ ย ทาให้เรา สามารถอย่ใู นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข

17 3. ภาพกจิ กรรม

18

19


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook