เอกสารประกอบการสอน วชิ าไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์เบื้องตน้ รหัส2100-1006 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556 หน่วยท่ี 3 เคร่อื งมือวดั และทดสอบในงานไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ จัดทาโดย นางสาววนดิ า ภาชนะสวุ รรณ แผนกวชิ าช่างอิเลก็ ทรอนกิ ส์ วทิ ยาลยั เทคนิคชลบุรี สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
แบบประเมนิ ผลก่อนเรยี น หน่วยที่ 3 เคร่อื งมือวดั และทดสอบในงานไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนกิ ส์ จุดประสงค์ เพื่อประเมินความรู้พื้นฐานของผ้เู รยี นเกยี่ วกับ “เรอ่ื ง เคร่ืองมือวัดและทดสอบในงานไฟฟา้ คาแนะนา และอิเลก็ ทรอนิกส์” 1. อา่ นคาตอบต่อไปนแ้ี ละทาเครอ่ื งหมายกากบาท () ขอ้ ท่ผี เู้ รียนเหน็ ว่าถกู ตอ้ ง ท่สี ุดเพียงขอ้ เดยี วลงในกระดาษคาตอบ (คะแนนเตม็ 15 คะแนน) 2. เวลาสาหรบั การทาแบบประเมนิ 20 นาที 1.ปุม่ ปรบั 0 Ω ADJ. ใชส้ าหรับทาอะไร ก.ปรบั แต่งใหเ้ ข็มชีท้ ่ี 0 ในการวดั ค่าความต้านทาน ข.ปรับแตง่ ให้เข็มชี้ท่ี 0 ในการวัดคา่ กระแสไฟฟา้ ค.ปรับแตง่ ให้เขม็ ชที้ ่ี 0 ในการวัดค่าแรงดันไฟฟ้า ง.ปรับแตง่ ให้เข็มชี้ที่ 0 ในการวัดค่ากาลังไฟฟ้า 2. จากรูป ตัง้ ย่านวดั 50 V ก. 18 V ข. 16 V ค. 14 V ง. 12 V 3. มัลตมิ ิเตอร์ไม่สามารถใชว้ ดั ค่าใดได้ ในงานไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ก. แรงดนั ไฟฟ้า ข. เดซเิ บล ค. กาลงั ไฟฟา้ ง. กระแสไฟฟา้
จากรปู ตอบคาถามข้อ 4 - 5 4. ออสซลิ โลสโคปอยูใ่ นตาแหนง่ 0.2 Volts/Div แสดงว่ามีขนาดแรงดันเท่าไร ก. 0.2 Vp-p ข. 0.2 Vp ค. 0.6 Vp-p ง. 0.6 Vp 5. สัญญาณดงั รปู มคี วามถีเ่ ท่าใด ถ้าตงั้ ปุ่ม Tim/Div = 10 msec ก. 100 Hz ข. 50 Hz ค. 33.33 Hz ง. 16.67 Hz 6. เคร่ืองกาเนิดสัญญาณชนดิ ใดที่สามารถผลติ ความถ่ีตา่ ตง้ั แต่ 10 Hz – 1 MHz ก. เครื่องกาเนิดสญั ญาณความถ่ีเสียง ข. เครอื่ งกาเนดิ สัญญาณภาพหลายแบบ ค. เคร่อื งกาเนดิ สญั ญาณความถีว่ ทิ ยุ ง. เครื่องกาเนิดสญั ญาณพัลส์ 7. เคร่อื งกาเนดิ สญั ญาณชนดิ ใดทสี่ ามารถกาเนิดแรงดนั ไดส้ ูงสุด 30 Vp-p ก. เครื่องกาเนิดสญั ญาณความถี่เสยี ง ข. เครื่องกาเนดิ สญั ญาณภาพหลายแบบ ค. เครอื่ งกาเนิดสญั ญาณความถว่ี ิทยุ ง. เครื่องกาเนิดสญั ญาณพลั ส์ 8. ข้อใดท่ีออสซลิ โลสโคปไมส่ ามารถวัดได้ ก. แรงดนั ไฟฟา้ ข. ลสิ ซาจัวส์ ค. เฟส ง. กระแสไฟฟา้
9. กอ่ นทีจ่ ะนาออสซิลโลสโคปไปใชง้ าน ควรจะทาอย่างไรกอ่ นเสมอเกีย่ วกบั ปุ่ม VARIABLE ก. เลือกไว้ตาแหน่ง MIN ข. เลือกไว้ตาแหนง่ MAX ค. อยู่ในตาแหนง่ CAL ง. ตรงกลางสเกล 10. ความถีท่ ่ไี ด้จากการวดั สัญญาณค่าแรงได้จากคาตอบใด ก. F = T ข. F = 1 RC ค. F = 1 T ง. F = I RC 11. ขอ้ ใดไม่ใช่คุณสมบัติของดจิ ติ อลมัลตมิ เิ ตอร์ ก. ราคาถกู ข. วดั ได้รวดเรว็ ค. แสดงขว้ั อตั โนมตั ิ ง. ตวั เลขคงที่ 12. คุณสมบตั ขิ องออสซิลโลสโคป มีประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง ก. วดั สัญญาณรูปต่าง ๆ ข. วดั กระแสไฟฟ้า ค. วัดคา่ ความตา้ นทาน ง. วดั กาลังไฟฟ้า 13. เคร่อื งกาเนิดสัญญาณชนดิ ใดท่ีกาเนดิ สญั ญาณรูปไซนแ์ ละรปู สเี่ หล่ยี ม ก. เคร่ืองกาเนดิ สญั ญาณภาพ ข. เครือ่ งกาเนดิ สญั ญาณความถ่เี สยี ง ค. เครอ่ื งกาเนดิ ความถวี่ ทิ ยุ ง. เคร่ืองกาเนดิ สัญญาณพลั ส์ 14. ค่าทีเ่ กิดจากความกวา้ งของพลั สห์ ารด้วยคาบเวลาของพัลส์ คอื คา่ ของอะไร ก. ความถี่ ข. อัตรภาคชั้น ค. ดิวตไ้ี ซเกิล ง. พัลส์วิดท์ 15. ปุ่ม INTENT มหี น้าทตี่ รงกับคาตอบข้อใด ก.ปรบั ความคมชัด ข.ปรับความเขม้ ของแสง ค.ปุ่มเลือกสัญญาณ ง.ปมุ่ หมนุ หรือปรับตาแหนง่ ทางแนวตง้ั
รายวชิ า งานไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกสเ์ บื้องตน้ รหสั วิชา 2100-1003 สอนครงั้ ที่ 3 - 4 หนว่ ยที่ 3 ชือ่ หน่วย เครื่องมอื วัดและทดสอบในงานไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ รวม 8 ชวั่ โมง ชอ่ื เร่อื ง เคร่ืองมือวดั และทดสอบในงานไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์ จานวน 2 ช่ัวโมง แนวคิด เคร่ืองมือวัดไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คือ เครื่องมือท่ีใช้สาหรับในการวัดและทดสอบวงจรไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงสามารถแสดงรายละเอียด หรือปริมาณออกมาในรูปของตัวเลข เข็ม หรือเส้นภาพก็ตาม ดจิ ติ อลมัลตมิ เิ ตอร์ ออสซิลโลสโคป และเครอื่ งกาเนดิ สัญญาณ เปน็ ตน้ มัลติมิเตอร์ เป็นเคร่ืองมือวัดทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีหลายรูปแบบ ซึ่งประกอบด้วย โอห์ม มเิ ตอร์ โวลต์มิเตอร์ และแอมมเิ ตอร์ โดยมกี ารแสดงออกมาด้วยเขม็ ดิจิตอลมัลติมิเตอร์ เป็นเคร่ืองมือวัดทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการเปลี่ยนแปลงท้ังทางแนวตั้ง และแนวนอน สามารถวัดขนาดของแรงดันและกระแสไฟฟา้ รูปร่างของสัญญาณต่าง ๆ เปน็ ต้น ออสซิลโลสโคป สร้างขึ้นมาเพื่อวัดแรงดัน วัดเวลา วัดความถ่ี และดูรูปร่างของสั ญญาณ ออสซิลโลสโคปท่ีผลิตขึ้นมามีหลายรุ่น แบบ และย่ีห้อ จาเป็นที่ต้องทาการศึกษาคู่มือการใช้งานให้เข้าใจก่อน ใชง้ าน เครื่องกาเนิดสัญญาณ คือ เครื่องมือท่ีสามารถผลิตรูปร่างของสัญญาณในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รูปไซน์ สามเหลย่ี ม ส่เี หลย่ี ม เปน็ ตน้ เครื่องกาเนดิ สัญญาณภาพสามารถแบง่ ตามการใชง้ าน คอื เคร่ืองกาเนดิ สัญญาณ ความถ่ีเสียง เครื่องกาเนิดสัญญาณความถ่ีวิทยุ เครื่องกาเนิดสัญญาณฟิวส์ และเครื่องกาเนิดสัญญาณแบบ หลายรปู แบบ หัวข้อเรอื่ ง 3.1 มัลตมิ ิเตอร์ 3.2 ดิจติ อลมัลติมเิ ตอร์ 3.3 ออสซลิ โลสโคป 3.4 เคร่ืองกาเนิดสัญญาณ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ท่ัวไป 1.เพ่อื ให้มีความร้คู วามเข้าใจเกยี่ วกบั เครื่องมอื วดั และทดสอบในงานไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 2.เพื่อใหส้ ามารถปฏิบตั ิเก่ียวกบั เครือ่ งมอื วัดและทดสอบในงานไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ 3.เพื่อให้แสดงพฤติกรรมลักษณะนิสัยในการปฏิบัติงานอย่างประณีตเรียบร้อย รอบคอบ ปลอดภัย มีระเบยี บวินัย และอดทน จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม เม่ือผเู้ รยี น เรยี นจบแลว้ สามารถ ดา้ นพุทธิพสิ ัย 1. บอกส่วนประกอบของมัลติมิเตอรแ์ บบเข็มและแบบดิจิตอลได้ 2. อธิบายค่าของมัลติมเิ ตอร์แบบเข็มและแบบดจิ ิตอลได้ 3. บอกข้อควรระวงั ในการใช้มัลตมิ ิเตอร์แบบเข็มและแบบดิจิตอลได้ 4. บอกสว่ นประกอบและปุ่มใชง้ านของออสซลิ โลสโคปได้ 5. บอกคณุ สมบัติการใช้งานของออสซลิ โลสโคปได้ 6. บอกคุณสมบตั กิ ารใช้งานของเครอื่ งกาเนดิ สัญญาณได้
หนว่ ยที่ 3 เครื่องมอื วดั และทดสอบในงานไฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์ เคร่ืองมือวัดไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุปกรณ์ท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยี เพราะในการที่ จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า จาเป็นต้องมีการตรวจสอบและทดลองเพ่ือให้ได้ อุปกรณ์และเครื่องมือเหล่าน้ันมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ ทางานด้วยความถูกต้องแม่นยา การตรวจสอบและ ทดลองต้องใช้เครื่องมือวัดไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อดูผล ดูค่าที่เกิดข้ึนว่ามีการ เปล่ียนแปลงไปมากน้อยเพียงไร มีความถูกต้องแม่นยามากนอ้ ยเพียงไร สิ่งต่าง ๆ เหล่าน้ีเครื่องมือวัดไฟฟ้าฟ้า และอิเลก็ ทรอนกิ ส์มสี ่วนเข้าไปเก่ยี วขอ้ งโดยตรงท้ังส้นิ การตรวจสอบคณุ ภาพในการผลติ 3.1 มัลตมิ เิ ตอร์ มัลติมิเตอร์ (Multi Meter) เป็นเครื่องมือวัดพื้นฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ซ่ึงใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะมีราคาไม่แพงและสามารถวัดขนาดทางไฟฟ้าได้หลายอย่าง มัลติมิเตอร์ที่ใช้งานกันทั่วไป ส่วนใหญ่จะ เปน็ แบบขดลวดเคล่อื นท่ี โดยสามารถทาการวัดพืน้ ฐานได้ 4 อยา่ งคอื 1. วดั แรงดันไฟตรง 2. วัดแรงดนั ไฟสลับ 3. วัดกระแสไฟตรง 4. วัดคา่ ความตา้ นทาน 3.1.1 รูปรา่ งและสว่ นประกอบ การทาความรจู้ กั ส่วนประกอบต่าง ๆ ของมัลตมิ ิเตอรจ์ ึงเป็นสิ่งจาเปน็ ทีจ่ ะช่วยใหส้ ามารถ ใช้งานมัลติ มเิ ตอร์ได้ถูกต้อง และเกิดความปลอดภัยทั้งมลั ติมิเตอร์และตัวผู้ใช้มลั ติมิเตอร์ รูปร่างและส่วนประกอบของมัล ติมิเตอร์ ดังรูปที่ 3.1 3 10 24 1 69 5 87 รูปที่ 3.1 รูปรา่ งและส่วนประกอบของมลั ติมิเตอร์ ที่มา : งานไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์เบื้องต้น ผู้แต่ง พนั ธ์ศักด์ิ พฒุ ิมานติ พงศ์
1. เข็มมิเตอร์ ใช้อ่านค่าร่วมกบั สเกลวัด 2. สกรูปรบั แต่งเข็ม ใชป้ รับแตง่ ใหเ้ ข็มช้ีในตาแหนง่ เลข 0 เพ่อื ความถกู ตอ้ งก่อนเรมิ่ วดั 3. ขั้วต่อ OUTPUT ใช้วัดสญั ญาณไฟฟา้ โดยจะตัดคา่ ไฟตรงของสญั ญาณออกไป 4. ข้วั ตอ่ + หรือ ขัว้ P ใชต้ ่อกบั สายวดั สีแดง 5. ข้วั ตอ่ – หรือ COM ใช้ตอ่ กบั สายวดั สดี า 6. สเกลวดั 7. กระจก 8. ปุม่ ปรับ 0 Ω ADJ. ใช้ปรบั แตง่ ให้เข็มชท้ี ่ี 0ในการวัดค่าความต้านทาน 9. ปุ่มเลอื กยา่ นวดั หมายเหตุ มลั ตมิ ิเตอร์แต่ละยี่หอ้ และแต่ละรนุ่ อาจมี ป่มุ และตาแหน่งของปุ่มทแี่ ตกตา่ งกนั การใชง้ านจงึ ควรดทู ่ี ช่ือปมุ่ ปรับเปน็ หลัก 3.1.2 สเกลหน้าปดั ของมลั ติมิเตอร์ สเกลหน้าปัดของมัลติมิเตอร์จะมีหลายสเกล แต่ละสเกลใช้สาหรับการแสดงค่าปริมาณไฟฟ้าแตกต่าง กัน ถูกแยกออกเป็นสเกลหลายช่องหลายแถว แตล่ ะช่องแตล่ ะแถวใช้แสดงปริมาณไฟฟ้าแตล่ ะชนิดโดยเฉพาะ การใช้การอ่านค่าจาเป็นดัองทาความเข้าใจ เพ่ือการใช้งานท่ีถูกต้อง ลักษณะของสเกลหนัาปัดของมัลติมิเตอร์ ดงั รปู ที่ 3.2 D A EG B C F รปู ที่ 3.2 สเกลหน้าปัดของมัลตมิ เิ ตอร์ ท่ีมา : http://kpp.ac.th/elearning/elearning3/unit14.htm จากรูปที่ 3.2 แสดงรูปร่างของสเกลหน้าปัดสาหรับแสดงคา่ ปรมิ าณทางไฟฟ้าชนดิ ต่าง ๆ ของมลั ติ มิเตอร์ โดยแต่ละสเกลใช้แสดงปรมิ าณไฟฟ้าแตล่ ะชนดิ ถูกกากับไว้ดว้ ยหมายเลข แตล่ ะส่วนอธิบาย รายละเอยี ดไดด้ ังนี้ สเกล A คือ สเกลให้แสดงคา่ ความตา้ นทาน (Ω) ใชส้ าหรับอ่านค่าความต้านทาน เม่อื ตั้งย่านวัดความ ต้านทานหรอื ย่าน Ω
สเกล B คอื สเกลใช้แสดงค่าแรงดนั ไฟตรง (DC. V) และกระแสไฟตรง (DC. A) สาหรับอ่านค่า แรงดันไฟตรง เม่ือต้ังยา่ นวัดแรงดนั ไฟตรงหรือย่าน DC. V และใชส้ าหรับอ่านคา่ กระแสไฟตรง เม่ือตง้ั ยา่ นวดั กระแสไฟตรงหรือยา่ น DC. mA สเกล C คอื สเกลใช้แสดงคา่ แรงดนั ไฟสลบั (AC.V) ใช้สาหรับอา่ นค่าแรงดนั ไฟสลบั หรอื ยา่ น AC. V สเกล D คือ สเกลใชแ้ สดงค่าอัตราขยายกระแสไฟตรงของตวั ทรานซิสเตอร์ (hFE) ใช้สาหรับอา่ นคา่ อัตราขยายกระแสไฟตรงของตัวทรานซสิ เตอร์เมื่อตงั้ ย่านวัดโอห์ม (Ω) ทต่ี าแหน่ง 10 (hFE) สเกล E คือ สเกลใช้แสดงค่ากระแสร่ัวซึมหรือกระแสรั่วไหล ( Leakage Current) ของตัว ทรานซิสเตอร์ (ICEO) ใช้สาหรับอ่านค่ากระแสร่ัวไหลระหว่างขาคอลเลกเตอร์ (C) และขาอิมิตเตอร์ (E) ของตัว ทรานซสิ เตอรเ์ ม่ือขาเบส (B) เปดิ ลอย ขณะต้งั ย่านวัดโอหม์ (Ω) ท่ี 1 (150 mA), 10 (15 mA) และ l k (15 A) และยังใช้แสดงค่ากระแสภาระ (Load Current) ในการวัดไดโอด (LI) ใช้สาหรับอ่านกระแส ภาระท่ีวัดไดโอดดว้ ยย่านวัดโอหม์ เปน็ ทง้ั การวดั กระแสไบแอสตรงเเละกระแสไบแอสกลบั สเกล F คือ สเกลใช้แสดงค่าแรงดันภาระ (Load Voltage) ในการวัดไดโอด (LV) ใช้สาหรับอ่านแรงดัน ภาระ ทีว่ ดั ไดโอดด้วยยา่ นวัดโอห์ม เป็นท้งั การวัดกระแสไบอสั ตรงและกระแสไบอัสกลับ เชน่ เดยี วกบั การวดั LI สเกล G คือ สเกลใช้แสดงค่าความดังของสัญญาณเสียงบอกค่าการวัดออกมาเปน็ เดซิเบล (dB) ใช้ สาหรบั อา่ นค่าความดังของสัญญาณเสียง เม่ือตัง้ ย่านวดั ที่แรงดันไฟสลบั หรือยา่ น AC. V 1. การใช้ย่านวัดแรงดนั ไฟฟ้าตรง (DC.V. Range) 1.1 ย่าน 0.1 V จะใช้ค่าแรงดันไฟตรงได้ต้ังแต่ 0 V ถึง 0.1 V โดยอ่านค่าที่สเกลDC.V,A 0-10 อ่านได้เท่าไร เอา 0.01 คูณเข้าไป ก็จะได้เป็นค่าแรงดันท่ีวัดได้ในย่านนี้จะมีย่านวัดกระแส 50 A อยู่ ด้วย ใช้ในการวดั กระแสไฟตรง 1.2 ย่าน 0.5 V จะใช้ค่าแรงดันไฟตรงได้ต้ังแต่ 0 V ถึง 0.5 V โดยอ่านค่าที่สเกลDC.V,A 0-50 อา่ นได้เท่าไร เอา 0.01 คูณเขา้ ไป ก็จะได้เปน็ ค่าแรงดนั ที่วดั ได้ 1.3 ย่าน 2.5 V จะใช้ค่าแรงดันไฟตรงได้ต้ังแต่ 0 V ถึง 2.5 V โดยอ่านค่าท่ีสเกลDC.V,A 0-250 อ่านได้เท่าไร เอา 0.01 คูณเขา้ ไป กจ็ ะได้เปน็ ค่าแรงดันทว่ี ัดได้ 1.4 ย่าน 10 V จะใช้ค่าแรงดันไฟตรงได้ต้ังแต่ 0 V ถึง 10 V โดยอ่านค่าที่ สเกลDC.V,A 0-10 อา่ นได้เทา่ ไร กค็ ือคา่ จรงิ ของแรงดนั ท่วี ดั ได้ 1.5 ย่าน 50 V จะใช้ค่าแรงดันไฟตรงได้ตั้งแต่ 0 V ถึง 50 V โดยอ่านค่าท่ีสเกลDC.V,A 0-50 อ่านไดเ้ ท่าไร กค็ อื คา่ จริงของแรงดนั ที่วดั ได้ 1.6 ย่าน 250 V จะใช้ค่าแรงดันไฟตรงได้ตั้งแต่ 0 V ถึง 250 V โดยอ่านค่าท่ีสเกลDC.V,A 0-250 อา่ นไดเ้ ทา่ ไร ก็คอื คา่ จรงิ ของแรงดันทีว่ ดั ได้ 1.7 ย่าน 1,000 V จะใช้ค่าแรงดันไฟตรงได้ตั้งแต่ 0 V ถึง 1,000 V โดยอ่านค่าที่สเกล DC.V,A 0-10 อ่านได้เท่าไร เอา 100 คูณเข้าไป ก็จะได้เป็นค่าแรงดันท่ีวัดได้ในย่านน้ี จะมีคาว่า “Probe” กากับไว้ ดว้ ย ใชใ้ นการวดั แรงดันไฟสูง
ตารางท่ี 3.1 แสดงการอ่านค่าและการใชส้ เกลยา่ นวัดแรงดันไฟตรง ยา่ น สเกลท่ีใช้ การอ่านค่า ค่าทใี่ ชไ้ ด้ คา่ ทค่ี วรใช้ ท่ตี ง้ั วัด อา่ น 0 V ถึง 0.1 V 0.1 V 0-10 เอา 0.01 คูณค่าทอ่ี ่านได้ 0 V ถึง 0.1 V 0.1 V ถึง 0.5 V 0.5 V ถงึ 2.5 V 0.5 V 0-50 เอา 0.01 คูณคา่ ทีอ่ ่านได้ 0 V ถงึ 0.5 V 2.5 V ถงึ 10 V 10 V ถึง 50 V 2.5 V 0-250 เอา 0.01 คูณค่าที่อ่านได้ 0 V ถงึ 2.5 V 50 V ถึง 250 V 250 V ถึง 1,000 V 10 V 0-10 อ่านโดยตรง 0 V ถงึ 10 V 50 V 0-50 อ่านโดยตรง 0 V ถงึ 50 V 250 V 0-250 อา่ นโดยตรง 0 V ถึง 250 V 1,000 V 0-10 เอา 100 คูณค่าที่อ่านได้ 0 V ถงึ 1,000 V การอ่านคา่ และการใช้สเกลยา่ นวัดค่าแรงดันไฟตรง รูปท่ี 3.3 เข็มมเิ ตอร์ชท้ี ่ี คา่ 2 แถวบน คา่ 10 แถวกลาง และคา่ 50 แถวล่าง ตวั อยา่ งที่ 3.1 การอา่ นค่าแรงดันไฟตรง ตามรูปท่ี 3.3 จะอ่านคา่ ไดใ้ นยา่ นวดั ต่าง ๆ ได้ดงั น้ี ถา้ ตั้งย่านวัด 0.1 V อา่ นค่าสเกล 0-10 จะอา่ นออกมาได้ 2 0.01 = 0.02 V ถา้ ต้งั ยา่ นวดั 0.5 V อา่ นคา่ สเกล 0-50 จะอา่ นออกมาได้ 10 0.01= 0.1 V ถา้ ตั้งย่านวัด 2.5 V อ่านค่าสเกล 0-250 จะอ่านออกมาได้ 50 0.01= 0.5 V ถา้ ต้ังย่านวัด 10 V อ่านคา่ สเกล 0-10 จะอ่านออกมาไดโ้ ดยตรง = 2 V ถา้ ต้งั ยา่ นวดั 50 V อา่ นคา่ สเกล 0-50 จะอ่านออกมาไดโ้ ดยตรง = 10 V ถา้ ตั้งย่านวัด 250 V อ่านคา่ สเกล 0-250 จะอา่ นออกมาได้โดยตรง = 50 V ถา้ ตง้ั ยา่ นวัด 1,000 V อา่ นคา่ สเกล 0-10 จะอ่านออกมาได้ 2 100 = 200 V
2. การใชย้ ่านวัดแรงดันไฟสลบั (AC.V Range) 2.1 ย่าน 10 V จะใช้วดั แรงดันไฟสลบั ได้ตง้ั แต่ 0 V 10 V โดยอา่ นค่าท่ี สเกลAC.V 0-10 อ่านค่าได้เท่าไรก็คือค่าจริงของแรงดันท่ีวัดได้ ท่ีย่านน้ีจะมีค่า 22 dB อยู่ด้วย ใช้เม่ือจะวัดค่าความดังมหี น่วย เปน็ เดซิเบลของสญั ญาณเสยี ง 2.2 ยา่ น 50 V จะใช้วดั แรงดนั ไฟสลบั ไดต้ ง้ั แต่ 0 V 50 V โดยอ่านค่าท่ี สเกล AC.V 0-50 อา่ นค่าไดเ้ ท่าไรกค็ อื ค่าจริงของแรงดนั ทว่ี ัดได้ 2.3 ย่าน 250 V จะใช้วัดแรงดันไฟสลบั ได้ตั้งแต่ 0 V 250 V โดยอา่ นคา่ ทสี่ เกล AC.V 0-250 อ่านค่าได้เทา่ ไรกค็ ือค่าจรงิ ของแรงดันท่ีวดั ได้ 2.4 ย่าน 1,000 V จะใช้วัดแรงดนั ไฟสลบั ได้ตง้ั แต่ 0 V 1,000 V โดยอ่านคา่ ที่ สเกล AC.V 0-10 อา่ นค่าไดเ้ ท่าไรเอา 100 คณู เขา้ ไปก็จะไดค้ ่าแรงดันท่ีวัดได้ รูปท่ี 3.4 สเกลแสดงว่าแรงดนั ไฟสลับของย่านวดั AC.V ตารางที่ 3.2 แสดงการอา่ นค่าและการใชส้ เกลย่านวดั แรงดนั ไฟสลบั ยา่ น สเกล การอ่านค่า คา่ ทใี่ ช้ได้ ค่าที่ควรใช้ ทต่ี ั้งวัด ทใ่ี ช้อ่าน 0 V ถึง 10 V 10 V 0-10 อา่ นโดยตรง 0 V 10 V 10 V ถึง 50 V 50 V ถึง 250 V 50 V 0-50 อา่ นโดยตรง 0 V 50 V 200 V ถงึ 1,000 V 250 V 0-250 อา่ นโดยตรง 9 V 250 V 1,000V 0-10 เอา 100 คณู ค่าที่อ่านได้ 9 V 1,000 V
การอ่านคา่ และการใชส้ เกลยา่ นวดั ค่าแรงดนั ไฟสลบั ตวั อยา่ งที่ 3.2 การอ่านค่าแรงดันไฟสลับ รปู ท่ี 3.5 เขม็ มิเตอร์ชี้ท่ีคา่ 1.2 แถวบน คา่ 6 แถวกลาง และคา่ 30 แถวล่าง ตามรูปท่ี 3.5 จะอ่านคา่ ในย่านวัดต่าง ๆ ไดด้ งั นี้ ถ้าตง้ั ยา่ นวดั 10 V อา่ นท่สี เกล 0 -10 จะอ่านออกมาได้โดยตรง เท่ากบั 1.2 V (ขดี ย่อย ๆ ท่อี ยู่ ระหว่างเลข 0 กับเลข 2 จะมีคา่ ขดี ละ 0.2 นับจากเลข 0 ไปยงั ตาแหน่งเข็มช้ี 6 ขีดพอดีจึงมีค่า 0.2 6 = 1.2) ถา้ ตงั้ ยา่ นวัด 50 V อา่ นท่ีสเกล 0 - 50 จะอ่านออกมาได้โดยตรง เท่ากบั 6 V (ขดี ย่อย ๆ ทอ่ี ยู่ ระหว่างเลข 0 กับเลข 10 จะมีคา่ ขีดละ 1 นบั จากเลข 0 ไปยงั ตาแหนง่ เขม็ ชี้ 6 ขีดพอดีจึงมคี ่า 1 6 = 6) ถา้ ตั้งย่านวดั 250 V อ่านท่ีสเกล 0-250 จะอา่ นออกมาได้โดยตรง เท่ากับ 30 V (ขีดย่อย ๆ ท่ีอยู่ ระหวา่ งเลข 0 กบั เลข 50 จะมคี ่าขีดละ 5 นับจากเลข 0 ไปยงั ตาแหน่งเข็มชี้ 6 ขดี พอดีจึงมีค่า 56= 30 ) ถา้ ต้งั ย่านวัด 1,000 V อา่ นคา่ สเกล 0-10 จะอา่ นออกมาได้ 1.2 100 = 120 V 3. การใชย้ า่ นวัดกระแสไฟตรง (DC.mA Range) การวดั มียา่ นวัดท้ังหมด 4 ย่าน วัดเต็มสเกลคือ 50 A, 2.5 mA , 25 mA และ 0.25 A (250 mA) อ่าน คา่ ที่สเกล DC, V,A 1. ยา่ น 50 A จะใชว้ ดั คา่ กระแสไฟไดต้ ้ังแต่ 0 A ถึง 50 A โดยอา่ นทส่ี เกล DC, V, A อ่านค่าได้เท่าไรก็คือค่าจริงของกระแสท่ีวัดได้ในหน่วย A ท่ีย่านน้ีจะมีค่า 0.1 V อยู่ด้วย ใช้เมื่อจะวัด แรงดนั ไฟตรงเต็มสเกลไม่เกนิ 0.1 V 2. ย่าน 2.5 mA จะใชว้ ดั ค่ากระแสตรงไดต้ ้ังแต่ 0 mA ถึง 2.5 mA โดยอา่ นที่สเกล DC.V, A 0 - 250 อา่ นคา่ ได้เท่าไรเอา 0.01 คณู เข้าไป ก็จะไดเ้ ป็นค่ากระแสที่วัดได้ในหนว่ ย mA 3. ย่าน 25 mA จะใช้วัดค่ากระแสไฟตรงได้ต้ังแต่ 0 mA ถึง 25 mA โดยอ่านท่ีสเกล DC.V.A 0 – 250 อา่ นค่าได้เทา่ ไร เอา 0.1 คณู เขา้ ไป ก็จะไดเ้ ป็นค่ากระแสท่วี ัดไดใ้ นหนว่ ย mA
4. ย่าน 0.25 A หรือ 250 mA จะใช้วัดคา่ กระแสไฟตรงได้ตัง้ แต่ 0 mA ถึง 0.25 A โดยอ่านท่ี สเกล DC.V, A 0 – 250 อา่ นคา่ ได้เท่าไรกค็ ือค่าจรงิ ของกระแสทว่ี ัดได้ในหน่วย A ในรูปท่ี 3.6 แสดงการปรับซีเล็กเตอร์สวิตช์ไปท่ีย่านวัดกระแสไฟตรง รูปท่ี 3.6 เป็นสเกล แสดงค่ากระแสไฟตรงของย่าน DC. mA และตารางท่ี 3.3 แสดงการอ่านค่าและการใช้สเกลย่านวัดกระแส ไฟตรง รูปที่ 3.6 สเกลแสดงกระแสไฟตรงของยา่ น DC. mA ตารางท่ี 3.3 แสดงการอ่านค่าและการใชส้ เกลยา่ นวัดกระแสไฟตรง ย่าน สเกล การอ่านคา่ คา่ ทีใ่ ชไ้ ด้ ค่าทีค่ วรใช้ ทีต่ ้งั วดั ที่ใช้อ่าน 50 A 0-50 อา่ นโดยตรงในหน่วย A 0 ถงึ 50 A 0 ถึง 50 A 2.5 mA 0-250 เอา 0.01 คูณค่าทอี่ ่านได้ในหน่วย 0 ถึง 2.5 0.5 mA ถึง 2.5 mA 25 mA 0-250 mA mA 5 mA ถึง 25 mA 0.25 A 0-250 เอา 0.1 คณู คา่ ท่ีอา่ นได้ในหน่วย mA 0 ถึง 25 mA 50 mA ถงึ 0.25 A อ่านโดยตรงในหนว่ ย mA 0 ถงึ 0.25 A การอา่ นค่าและการใชส้ เกลย่านวดั กระแสไฟตรง ตวั อยา่ งที่ 3.3 การอ่านคา่ ยา่ นวดั กระแสไฟตรง ตามรูปท่ี 3.6 จะอ่านคา่ ในย่านวดั ตา่ ง ๆ ได้ดังน้ี ถ้าต้ังยา่ นวดั 50 A อ่านทีส่ เกล 0-50 จะอ่านออกมาได้โดยตรงเท่ากับ 25 A (ขีดย่อย ๆ ทอี่ ยู่ ระหวา่ งเลข 20 กบั เลข 30 จะมีคา่ ขีดละ 1 นับจากเลข 20 ไปยงั ตาแหนง่ เข็มชี้ 5 ขีดพอดี จึงมีค่า 1 5 = 5 รวมกับเลข 20 เปน็ 20 + 5 = 25) ถ้าตั้งย่านวัด 2.5 mA อ่านท่ีสเกล 0-2.5 จะอ่านออกมาได้ 125 0.01 = 1.25 mA (ขีดย่อย ๆ ที่อยู่ ระหวา่ งเลข 100 กบั เลข 150 จะมคี า่ ขดี ละ 0.05 นบั จากเลข 100 ไปยงั ตาแหนง่ เข็มช้ี 5 ขีดพอดี จึงมคี ่า 5 0.05 = 0.25 รวมกับเลข 1 เปน็ 1 + 0.25 = 1.25)
ถ้าตั้งยา่ นวัด 25 mA อ่านทส่ี เกล 0-250 จะอา่ นมาได้ 12.5 A 0.1 = 12.5 mA ถ้าต้ังยา่ นวัด 0.25 A ( 250 mA) อ่านทีส่ เกล 0-250 จะอา่ นออกมาไดต้ รงเทา่ กับ 0.125 A หรอื 125 mA รูปที่ 3.7 เขม็ มิเตอร์ชท้ี ค่ี า่ 25 แถวกลาง และค่า 125 แถวลา่ ง 4. การใชย้ ่านวัดโอห์ม ( Range) มที ้ังหมด 4 ย่านวัดคือ ย่าน 1, 10, 100, 1k และ 10 k อา่ นทสี่ เกล 1. ย่าน 1 จะสามารถวัดค่าความต้านทานได้ตั้งแต่ 0 ถึง 200 และมีคา่ 150 mA กากับ อยู่ด้วย เพอ่ื ใชง้ านในการวัดค่ากระแสโหลดเม่ืออ่านทส่ี เกล LI จะมีคา่ กระแสเต็มสเกล 150 mA ยงั ใช้วัดคา่ ICEO ได้ดว้ ย 2. ยา่ น 10 จะสามารถวดั คา่ ความต้านทานได้ต้ังแต่ 0 ถงึ 2 k และ มคี า่ 15 mA กากับ อยู่ด้วย เพื่อใช้งานในการวัดค่ากระแสโหลดเม่ืออ่านท่ีสเกล LI จะมีค่ากระแสเต็มสเกล 15 mA ใช้วัดค่า ICEOได้ ด้วย และมีอักษร hFE กากับอยู่ เพื่อใช้วัดค่าอัตราขยายกระแสไฟตรงของทรานซิสเตอร์เมื่ออ่านท่ีสเกล hFE 3. ย่าน 100 จะสามารถวดั ค่าความต้านทานได้ตงั้ แต่ 2 ถงึ 20 k และมีคา่ 1.5 mA กากับ อยู่ด้วย เพ่ือใช้งานในการวัดค่ากระแสโหลดเม่ืออ่านที่สเกล LI จะมีค่ากระแสเต็มสเกล 1.5 mA และใช้วัดค่า กระแสรัว่ ไหลของทรานซิสเตอร์ หรอื ICEO ไดด้ ้วย 4. ย่าน 1k จะสามารถวัดค่าความต้านทานได้ตั้งแต่ 2 ถึง 200 k และมีค่า 150 A กากับอยู่ด้วย เพ่ือใช้งานในการวัดค่ากระแสโหลดเมื่ออ่านที่สเกล LI จะมีค่ากระแสเต็มสเกล 150 A และใช้วัด คา่ กระแสรวั่ ไหลของทรานซิสเตอร์ หรอื ICEO ได้ดว้ ย 5. ยา่ น 10 k จะสามารถวดั ค่าความตา้ นทานไดต้ ้ังแต่ 2 k ถึง 10 M
รูปท่ี 3.8 สเกลแสดงค่าความตา้ นทานของยา่ นวดั โอห์ม ตารางท่ี 3.4 แสดงการอา่ นค่าและการใชส้ เกลยา่ นวดั โอหม์ ย่านทต่ี งั้ การอา่ นคา่ คา่ ทใี่ ช้ได้ ค่าท่ีควรใช้ วดั 0 ถึง 100 20 ถงึ 1 k 1 อา่ นโดยตรง 0 ถงึ 200 2 k ถึง 10 k 2 k ถงึ 100 k 10 เอา 10 คูณค่าท่ีอา่ นได้ 0 ถึง 2 k 2 k ถึง 10 M 100 เอา 10 0 คูณค่าที่อา่ นได้ 0 ถงึ 20 k 1 k อา่ นโดยตรงในหน่วย k 0 ถึง 200 k 10 k เอา 10 คูณค่าอ่านได้ ในหนว่ ย k 2 k ถึง 20 M การอา่ นคา่ โอหม์ ตวั อยา่ งที่ 3.4 การอ่านค่าความต้านทาน รูปที่ 3.9 เข็มมเิ ตอรช์ ้ีทคี่ ่า 15 ของสเกล ในรปู ท่ี 3.9 จะอา่ นคา่ สเกลที่เขม็ มิเตอร์ช้ีอยู่ได้ 15 ถ้าตงั้ ยา่ น 1 จะอา่ นค่าได้ 15 1 = 15 ถา้ ตั้งยา่ น 10 จะอา่ นค่าได้ 15 10 = 150 ถา้ ตง้ั ย่าน 100 จะอ่านคา่ ได้ 15 100 = 1.5 k
ถา้ ตง้ั ย่าน 1 k จะอา่ นค่าได้ 15 1 k = 15 k ถ้าต้งั ยา่ น 10 k จะอา่ นคา่ ได้ 15 10 k = 150 k ข้อควรระมัดระวังในการใชง้ านและการบารงุ รกั ษามลั ติมเิ ตอร์ 1.เนื่องจากส่วนเคล่ือนไหวของมัลติมิเตอร์เป็นส่วนที่บอบบาง ซ่ึงอาจชารุดเสียหายได้ง่ายหากได้รับ กระแสไฟฟ้ามากเกินไปหรือได้รบั การกระทบกระเทือนแรงๆที่เกิดจากการตกหล่น 2.การวัดปริมาณไฟฟ้าต่างๆท่ีไม่ทราบค่าในคร้ังแรก ควรตั้งย่านวดั สูงสุดไว้ก่อนแล้วจึงค่อยลดย่านวดั มาให้เหมาะสมกับปริมาณไฟฟ้าทว่ี ัดค่า และทาการวัดใหถ้ ูกขัว้ 3.การต้ังย่านโอห์มหรือย่านกระแส และนาไปวัดแรงดันมีผลทาให้ตัวต้านทานในมัลติมิเตอร์เกิดการ เสยี หาย 4.ห้ามวดั คา่ ความต้านทานขณะทีม่ ีกาลงั ไฟฟา้ จา่ ยอยู่ เพราะจะทาให้ยา่ นโอห์มชารุดได้ 5.ขณะพักการใช้มัลติมิเตอร์ทุกครั้งควรปรับไปที่ย่าน 1,000 VDCหรือ 1,000 VAC หรือมัลติมิเตอร์ รุ่นใดมีตาแหนง่ OFF ให้ทาการปรบั ยา่ นวัดมาท่ีตาแหน่ง OFF เสมอ 6.ในกรณีท่ีการต้ังย่านวัดผิดพลาด จนทาให้มัลติมิเตอร์วัดค่าไฟอื่นไม่ได้ให้ตรวจสอบและเปลี่ยนฟิวส์ ภายในมัลติมเิ ตอรห์ ากฟิวส์ขาด และทาการทดสอบมัลติมิเตอร์อกี ครง้ั 3.2 ดจิ ติ อลมัลติมเิ ตอร์ ดิจิตอลมัลติมิเตอร์ (Digital Multimeter) เป็นมัลติมิเตอร์ชนิดหน่ึง ซึ่งประกอบด้วย ดิจิตอลโวลต์ มิเตอร์ (Digital Voltmeter) ดิจิตอล แอมป์มิเตอร์ (Digital Ampmeter) และดิจิตอลโอห์มมิเตอร์ (Digital Ohmmeter) เข้าด้วยกัน โดยมีการแสดงผลออกมาเป็นตัวเลขซ่ึงช่วยในการอ่านมี ความแม่นยามากยิ่งขึ้น ตลอดจนแกไ้ ขความผดิ พลาดท่ีเกดิ จากการอ่านคา่ ผดิ พลาดได้ และมีความสะดวกในการใชง้ านมากยง่ิ ข้ึน ลักษณะของดิจิตอลมัลติมิเตอร์ มีโครงสร้างท่ีแตกต่างไปจากมิเตอร์ชนิดเข็มช้ี เพราะ ไม่ต้อง ใช้การแสดงผลด้วยเคร่ืองกลไฟฟ้า แต่ใช้การแสดงผลด้วยการนับค่าตัวเลขตามหลักการ ของอิเล็กทรอนิกส์ ดิจติ อล ดังรูปที่ 3.10 รปู ท่ี 3.10 ดิจติ อลมลั ติมิเตอร์
3.2.1 สว่ นประกอบของดจิ ิตอลมัลติมเิ ตอร์ ดิจติ อลมลั ติมเิ ตอร์ เปน็ มลั ตมิ ิเตอร์ที่สามารถวัดค่าปริมาณได้หลายชนิดเช่นเดียวกับ มัลติมิเตอร์ ชนิดเข็มชี้ เช่นวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ กระแสไฟตรง กระแสไฟสลับ และค่า ความต้านทาน เป็นต้น นอกจากน้ีดิจิตอลมัลติมิเตอร์บางตัวยังสามารถ วัดความถ่ี อุณหภูมิ วัดค่าความจุ ของตวั คาปาซิเตอร์ วดั อตั ราการขยายของทรานซิสเตอร์ได้ เป็นตน้ 1 2 4 3 57 6 รปู ท่ี 3.11 สว่ นประกอบของดิจิตอลมัลติมเิ ตอร์ จากรูปที่ 3.11 แสดงรายละเอยี ดของดิจิตอลมลั ตมิ ิเตอร์ ดังต่อไปน้ี หมายเลข 1 คอื หนา้ ปัดแสดงผลการวดั ค่า มกี ารแสดงผลออกเป็นตวั เลขในลกั ษณะของชนดิ ครสิ ตอลเหลว หรือ LCD (Liquid Crystal Display) มกี ารแสดงตวั เลขชนิด 3 หลักครง่ึ หมายเลข 2 คือ แถบแสดงกราฟแบบแอนะลอก (Analog Bar Graphic) มีการแสดงผลแถบ การวดั เปน็ กราฟ หมายเลข 3 คือ สวิตช์เลือกยา่ นการวัดสามารถหมุนได้รอบตัว 180 องศา หมายเลข 4 คอื สวิตช์ ปดิ – เปดิ การทางานของเคร่ืองดิจติ อลมลั ติมเิ ตอร์ หมายเลข 5 คือ ข้ัวตอ่ สายวัดสแี ดง เพือ่ ใชใ้ นการวัดคา่ ของกระแสไฟฟา้ ท้ัง AC. และ DC ซ่ึงมคี ่าสงู ไดถ้ งึ 10 A หมายเลข 6 คอื ขว้ั ตอ่ สายวดั สดี า (Com) เปน็ ขวั้ วดั พ้นื ฐานเพอ่ื เป็นขาร่วมในการวัดค่า ปรมิ าณไฟฟา้ ตา่ ง ๆ หมายเลข 7 คือ ขว้ั ตอ่ สายวัดสีแดง เพ่ือใชใ้ นการวดั คา่ แรงดันไฟฟ้ากระแสตรง (DCV) แรงดันไฟฟา้ กระแสสลบั (AC.V) ค่าความต้านทาน () และคา่ ความถี่ (Hz)
3.2.2 ข้อดขี องเครื่องวดั แบบ ดจิ ิตอลมลั ตมิ ิเตอร์ 1. ค่าผดิ พลาดต่า 2. สามารถอ่านคา่ ออกมาไดโ้ ดยตรง , สะดวก 3. ราคาถกู 4. นอกจากนีเ้ ครอื่ งมือวดั แบบดิจติ อลมลั ตมิ ิเตอร์ ยังมีขอ้ ดีประกอบเฉพาะของทางไฟฟา้ 5. แสดงขั้วผลของการวัดได้โดยอตั โนมตั ิ 6. เปลยี่ นยา่ นวัดไดโ้ ดยอัตโนมัติ ขอ้ ควรระมัดระวงั ในการใช้งานและการบารุงรกั ษาดจิ ติ อลมิเตอร์ 1. การต้งั ยา่ นวัด จะต้องต้งั ย่านวัดใหถ้ กู ชนดิ ของปรมิ าณไฟฟา้ นัน้ ๆ เพราะการตั้งย่านวดั ผิดชนิด อาจจะมีผลให้ดจิ ติ อลมัลติมิเตอรเ์ สียหายได้ทันที 2.การตัง้ ย่านวัดท่ีเหมาะสมเป็นสิ่งท่จี าเปน็ ซึ่งจะช่วยให้การวัดค่าการอ่านคา่ ถกู ต้องมากขน้ึ 3.กรณไี ม่ทราบค่าปรมิ าณไฟฟ้าน้นั ควรตงั้ ยา่ นวัดในย่านสูงสดุ ไวก้ ่อนเสมอน เว้นแตด่ ิจติ อลมลั ติ มเิ ตอรเ์ ป็นชนดิ ปรับย่านวดั อัตโนมตั ิ เม่ือวัดคา่ และอ่านคา่ โดยประมาณไดแ้ ล้วจงึ ค่อยๆ ปรับยา่ นวัดลดลงใน ย่านที่เหมาะสมอีกคร้ัง 4. เมอื่ แบตเตอรใี่ นเครื่องดจิ ติ อลมัลติมิเตอร์อ่อนกาลงั เคร่ืองจะแสดงสัญญาลักษณร์ ูปแบตเตอร่ี ปรากฏให้ทราบ 5. ปดิ เครอื่ งวดั ก่อนและถอดสายวัดออกดว้ ย แล้วจงึ คอ่ ยทาการเปลีย่ นแบตเตอรี่ 3.3 ออสซลิ โลสโคป ออสซิลโลสโคป (Oscilloscope) เป็นเครอื่ งมือวัดทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ท่ีถูกนามาใช้งานอย่าง กว้างขวางทั่วไป โดยปกติแล้วออสซิลโลสโคปนอกจากจะวัดขนาดของสัญญาณได้แล้วยังสามารถแสดงรูปร่าง ของสญั ญาณทท่ี าการวดั ไดบ้ นจอภาพของออสซิลโลสโคปอกี ด้วย สาหรบั การใช้งานของออสซลิ โลสโคปนนั้ จะ ใช้แสดงรูปคลื่นของสัญญาณโดยรูปคลื่น สัญญาณที่วัดได้อาจเป็นแบบไซน์ แบบสี่เหลี่ยม แบบสามเหล่ียม หรือแบบฟันเล่ือย เป็นต้น นอกจากนี้ออสซิลโลสโคปยังมีความต้านทานภายในสูงมากทาให้การวัดแรงดันมี ความถูกตอ้ งมากขน้ึ ในกรณีวัดแรงดันตกคร่อมความต้านทานที่มคี ่าสงู ๆ ออสซลิ โลสโคปท่ถี ูกผลติ ขึ้นมาใชง้ าน เพือ่ วดั ขนาดความแรง (Amplitude) ของสัญญาณไฟฟ้าหรือแรงดัน ความแรงของสัญญาณไฟฟ้าอ่านค่าออกมาเป็นค่ายอด (Volt peak ; Vp) หรือค่ายอด ถึงยอด (Volt peak to peak ; Vp-p) และเพ่ือวัดคาบเวลาหรือระยะเวลา (Period) ของสัญณาณไฟฟ้า คาบเวลา ของ สัญญาณไฟฟ้าอ่านค่าออกมาเป็นไมโครวินาที (s) มิลลิวินาที (ms) หรือวินาที (s) คาบเวลาที่อ่านได้สามารถ นาไปคานวณหาค่าความถ่ี (Frequency) ของสญั ญาณไฟฟ้าที่อ่านออกมาได้ ด้วยการอา่ นสัญญาณไฟฟ้าที่ปรากฏ บนจอภาพเพียง 1 ไซเกลิ (Cycle) ลกั ษณะการอ่านสญั ญาณไฟฟ้าค่าต่าง ๆ ดงั รูปท่ี 3.12
Y VP VP-P X รูปที่ 3.12 การอ่านสญั ญาณไฟฟา้ คา่ ตา่ ง ๆ ท่ีปรากฏบนจอภาพออสซลิ โลสโคป ทม่ี า : http://www.lampangtc.ac.th/lptc/sub-web/racharwit/content/11-content.htm จากรูปที่ 3.12 เป็นสัญญาณไฟฟ้าคล่ืนไซน์ (Sine Wave) ปรากฏบนจอภาพออสซิลโลสโคป การอ่าน ความแรงของสัญญาณคล่ืนไซน์ อา่ นในแนวแกน Y หรอื แนวดงิ่ แรงดัน Vp คืออ่านครึง่ หน่ึงของสัญญาณ สว่ น แรงดัน Vp-p คืออ่านสัญญาณสูงสุดจากยอดถึงยอดการอ่านคาบเวลา อ่านในแนวแกน X หรือแนวนอน รูป ของคลื่นสัญญาณจะปรากฏบนจอภาพกี่ไซเกิลก็ดาม การอ่านคาบเวลาอ่านเพียงไซเกิลเดียวเท่านั้นคืออ่าน คาบเวลาท่ี T เมอ่ื ต้องการหาคา่ ความถข่ี องสญั ญาณใหน้ าค่าเวลา T ไปแทนค่าในสตู ร ดงั นี้ F 1 T เมือ่ F คอื ความถ่ีของสัญญาณที่วดั มหี นว่ ยเปน็ เฮรติ ซ์ (Hz) T คอื เวลาท่อี ่านได้หน่ึงไซเกิล มีหน่วยเป็น วนิ าที (S) ภาพท่เี กดิ ขน้ึ บนจอภาพของออสซิลโลสโคป อาศัยการเรืองแสงของสารเรืองแสงจาพวกสาร ฟอสเฟอร์ (Phosphor) ที่ฉาบไวท้ ีผ่ ิวด้านในของจอภาพ เม่ือมีอเิ ล็กตรอนที่ถกู กาเนดิ ขึ้นมาจากปนื อเิ ลก็ ตรอน ภายในหลอดภาพแคโถดเรย์ (Cathode Ray Tube ; CRT) วง่ิ ไปกระทบกับจอภาพ สารฟอสเฟอร์จะเกดิ การ แตกตัวของอินล็กตรอนอีกคร้ัง ทาให้เกดิ การเรอื งแสงสวา่ งขนึ้ มาสว่ นทีไ่ มถ่ ูกอเิ ลก็ ตรอนกระทบจะไมเ่ กิดการ เรืองแสง จอภาพของออสซิลโลสโคปจะแสดงภาพของสัญญาณไฟฟ้าข้นึ มาในรูปแสงสวา่ งท่เี ปลง่ ออกมาจาก สารฟอสเฟอร์
3.3.1 ลกั ษณะและส่วนประกอบ 1 12 13 3 2 10 14 11 16 15 9 17 64 8 57 รูปท่ี 3.13 สว่ นประกอบของออสซิลโลสโคป ทีม่ า : http://wintesla2003.com/knowledge.htm ลักษณะสว่ นประกอบและปุม่ ปรับต่าง ๆ ของออสซลิ โลสโคปมรี ายละเอียดดงั ต่อไปนี้ หมายเลข 1 ปมุ่ Power ใช้เปดิ - ปิดเคร่ือง หมายเลข 2 ปมุ่ ปรบั ความเข้ม (INTENSITY) หมายเลข 3 ปมุ่ ปรับโฟกสั (FOCUS) หมายเลข 4 ชุดสัญญาณในแชนแนล 1 (CH1) หมายเลข 5 ชุดสัญญาณในแชนแนล 2 (CH2) หมายเลข 6 ช่องรับสญั ญาณ (INPUT) หมายเลข 7 ปมุ่ เลือกการรบั สญั ญาณ (AC. - DC. - GND) หมายเลข 8 ปมุ่ เลือกสัญญาณ แชนแนล 1 (CH1) - แชนแนล 2 (CH2) - ทัง้ สองสัญญาณ (DUAL) หรือรวมทง้ั สองสญั ญาณเข้าดว้ ยกัน (ADD) หมายเลข 9 ปุ่มหมุนหรือปรับตาแหนง่ ทางแนวตง้ั หมายเลข 10 ปมุ่ หมุนหรอื ปรับตาแหน่งทางแนวนอน หมายเลข 11 ปุ่มหมุนปรับขยายชว่ งกวา้ งของสญั ญาณ (TIME/DIV) หมายเลข 12 ปมุ่ ปรับระดับของการนงิ่ หมายเลข 13 สวติ ชเ์ ลอื กสวีฟโหมด
หมายเลข 14 สวิตช์เลือกสัญญาณทริก หมายเลข 15 สวิตช์เลือกแหล่งสญั ญาณท่ีจะทรกิ หมายเลข 16 ช่องรบั สญั ญาณทริกจากภายนอก หมายเลข 17 ขาสัญญาณมาตรฐานใช้ในการปรบั แตง่ สายและหวั วัดของสโคป 3.3.2 การใชง้ านปุ่มตา่ ง ๆ ออสซลิ โลสโคป กอ่ นการนาออสซิลโลสโคปไปใช้งาน ในการวดั ขนาดและสัญญาณตา่ ง ๆ ทางไฟฟา้ จะต้องทาการ ปรบั แต่งออสซลิ โลสโคปให้ถูกต้องเสยี ก่อนดงั นี้ 1. เปิดปุ่ม Power ของเครื่อง 2. ปรับความเขม้ ของแสง (ปุ่ม INTEN) และ โฟกสั (ปมุ่ FOCUS) ให้เหมาะสม 3. ตอ่ สายวดั เข้ากบั ขั้วอินพุตของแชนแนล 1 (CH - 1) หรอื แชนแนล 2 (CH - 2) 4. นาสายวดั ตอ่ เขา้ ทีข่ ัว้ CAL ของออสซลิ โลสโคป เพอ่ื ตรวจสอบสายและหวั วัดก่อนเร่ิมวัด 5. ต้ัง แชนแนลการวัดใหถ้ ูกต้อง โดยใช้ปมุ่ เลอื กแชนแนล (ปุ่มหมายเลข 7) วา่ ต้องการวัดที่แชนแนล ไหน หรือตอ้ งการแสดงท้ัง 2 แชนแนล (DUAL) 6. ตง้ั สวิตชเ์ ลอื กไว้ทต่ี าแหน่ง GND ก่อน 7. ทาการปรบั เส้นภาพบนจอให้อยู่ตรงตาแหน่งแนวเส้นหลกั ดังรปู โดยใช้ ป่มุ X - POS (ปุ่ม หมายเลข 10) และ Y - POS (ปุ่มหมายเลข 9) GND level รปู ท่ี 3.14 แสดงการปรบั เส้นภาพให้อยู่ที่ระดับกราวด์ (GND Level) หลงั จากที่เราทาการปรับแต่งออสซิลโลสโคปเรยี บร้อย ดงั กล่าวขา้ งต้นแล้ว เราก็สามารถนา ออสซลิ โลสโคป ไปใช้ในการวัดคา่ ต่าง ๆ ทางไฟฟ้าได้ดังน้ี 1. การวดั แรงดนั ด้วยออสซลิ โลสโคป กระทาในลักษณะเช่นเดยี วกับการวดั ด้วยมัลติมิเตอร์ คือ ต่อสาย วัดเขา้ คร่อมตัวอุปกรณ์หรอื จุดทีต่ อ้ งการวัด แล้วทาการปรับค่าตา่ ง ๆ ดังน้ี 1.1 ถา้ เป็นการวัดสัญญาณรวม ให้เลอ่ื นสวติ ช์ เลอื กสัญญาณ DC.- AC.- GND ไปท่ี DC.
1.2 แต่ถ้าต้องการตดั สญั ญาณไฟตรงออกจากสัญญาณ ให้ตอ้ ง เล่ือนสวติ ชเ์ ลือกสญั ญาณ DC. - AC. - GND ไปที่ AC. แทน 1.3 การอา่ นค่าแรงดนั ให้อา่ นจากสเกลบนหน้าจอภาพ จากนัน้ นามาคูณกบั คา่ ของปุ่ม Volts / Div จะได้เปน็ คา่ แรงดนั ตวั อยา่ งท่ี 3.5 การอ่านคา่ เมื่อต้งั Volts / Div = 5 GND level คา่ แรงดนั = 3 5 = 15 VP รูปที่ 3.15 แสดงสญั ญาณเม่ือเลือ่ นสวิตช์เลือกสญั ญาณมาที่ DC. GND level ตวั อยา่ งที่ 3.6 การอา่ นคา่ เมื่อต้งั Volts / Div = 5 คา่ แรงดนั = 1.5 5 = 7.5 VP\\ หรือ = 15 VP-P\\ รูปท่ี 3.16 แสดงสญั ญาณเมื่อเลอ่ื นสวติ ช์เลือกสัญญาณมาท่ี AC. 2. การวดั กระแสด้วยออสซิลโลสโคป ตามความเปน็ จรงิ ออสซิลโลสโคปไม่สามารถวัดกระแสได้ แต่เราสามารถคานวณค่าเพื่อหากระแสได้ โดยต่อตวั ต้านทานค่าน้อย ๆ อนุกรมกับวงจร แล้ววัดค่าแรงดนั ตกคร่อมตวั ต้านทานนั้น แลว้ นามาคานวณหา คา่ กระแสตามกฎของโอห์มคือ กระแสทีว่ ดั ได้ = แรงดันตกครอ่ มตัวตา้ นทาน ค่าความต้านทานของตัวต้านทาน 3. การวัดความถดี่ ้วยออสซลิ โลสโคป
การวดั ความถ่ีด้วยออสซิลโลสโคป กระทาได้ดังน้ี 1. ตง้ั ระดับ GND ที่เสน้ แกนกลางมาตรฐานของออสซลิ โลสโคป 2. ตอ่ สายวัดของออสซิลโลสโคปขนานกับจดุ ทตี่ ้องการวดั 3. ปรับขนาดแรงดันของสญั ญาณใหเ้ หมาะสม ดว้ ยปุ่ม Volts / Div 4. ขยายการแสดงผลด้านกว้างของสัญญาณให้เห็นได้ชดั เจน ดว้ ยป่มุ Times / Div 5. อ่านค่าสเกลในชว่ งคาบเวลาหน่ึง ลกู คลน่ื (1 Cycle) 6. นาค่าจากสเกลมาคณู กบั คา่ ในการปรับ Times / Div จะได้เป็นค่าคาบเวลาใน 1 ลกู คล่นื (Time Period) 7. หาค่าความถจ่ี ากสว่ นกลบั ของค่า Time Period โดย ค่าความถ่ี(Hz) 1 ค่าคาบเวลา1 ลูกคล่ืน ข้อควรระมดั ระวงั ในการใชง้ านและการบารุงรักษาออสซิลโลสโคป 1. หลีกเลี่ยงการใช้ออสซิลโลสโคปในบริเวณท่ีถูกแสงแดดโดยตรง มีอุณหภูมิและความชื้นสูง รวมทั้ง ในบริเวณที่มีฝุ่นละอองมากหรือมีการสั่นสะเทือนอาจจะทาให้เกิดความเสียหายกับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ภายในเครือ่ งได้ 2. หลีกเลี่ยงการใช้งานในบริเวณที่มีเครื่องใชไ้ ฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าหรือใกล้แหล่งจ่ายไฟขนาดใหญ่ อาจไดร้ ับอทิ ธพิ ลจากสนามแม่เหลก็ ซ่งึ จะทาใหร้ ูปคลนื่ บนจอภาพผดิ ไปได้ 3. ไมค่ วรวางสง่ิ ของหรือใช้ผ้าคลุมเคร่ือง เพราะจะไปขัดขวางการระบายความร้อนของตัวเครื่อง อาจ ทาให้เครื่องชารดุ ได้ ควรวางเครอ่ื งในท่ีที่มีการระบายความร้อนได้ดี 4. สัญญาณด้านเขา้ ที่ป้อนเข้าที่ข้วั ต่อ INPUT ตอ้ งมคี า่ ไม่เกนิ 300Vpeak 5. ไม่ควรเพ่ิมความสว่างของเส้นแสงให้มากเกินไปจะทาให้ผิวท่ีฉาบสารเรืองแสงของหลอด CRT เสื่อมได้ง่าย 6. ในกรณีที่ต้องเปล่ียนฟิวส์ใหม่ ไม่ควรใช้ฟิวส์ท่ีมีขนาดต่างจากท่ีกาหนด อาจจะทาให้เกิดอันตราย ขึน้ ได้ สาหรับออสซิลโลสโคปเคร่อื งนีใ้ ช้ฟิวส์ขนาด 1A สาหรับ 220 VAC 7. การเก็บรกั ษาเคร่ืองควรเกบ็ อย่างระมัดระวังให้ห่างจากสภาพแวดล้อมท่ีมีความชนื้ และอุณหภูมิสูง เกินไป และห่างจากบริเวณที่มีการส่ันสะเทือนและมีสนามแม่เหล็ก นอกจากนี้ควรมีการทาความสะอาด จอภาพเป็นคร้ังคราวโดยใชผ้ า้ เชด็ เบา ๆ ตวั อยา่ งการอา่ นค่าแรงดันและความถีข่ องสญั ญาณความถ่ีของสญั ญาณ
1. ตัวอย่างท่ี 3.5 การอา่ นค่าแรงดนั ไฟตรง ระดบั สญั ญาณ รปู ที่ 3.17 แสดงระดับสญั ญาณไฟตรง จากรูประดบั สญั ญาณอย่ทู ี่ 2.5 ชอ่ งจากเสน้ ระดับ (GND Level) ถ้าตั้งยา่ นวดั ไว้ที่ 2V / Div คา่ แรงดันท่อี ่านไดจ้ ะเท่ากบั 2.5 ช่อง 2 โวลต์ ตอ่ ชอ่ ง = 5 โวลต์ 2. ตวั อยา่ งท่ี 3.6 การอ่านคา่ แรงดันและความถ่ีของไฟสลบั ระดบั สญั ญาณ ระดบั สญั ญาณ รูปท่ี 3.18 แสดงระดับสัญญาณไฟสลบั จากรปู ระดบั สญั ญาณอยทู่ ่ี 3 ชอ่ ง จากเส้น ระดับ (GND Levil) ถ้าตง้ั ย่านวดั ไวท้ ี่ 2 V / Div ค่า แรงดันที่อ่านได้ จะเทา่ กบั 3 ช่อง 2 โวลตต์ ่อช่อง = 6 Vp หรอื 12 Vp - p สาหรบั คาบเวลา = 4 ช่อง (ทาง แนวนอน) ถ้าตั้งยา่ นวดั ไวท้ ่ี l ms / Div คาบเวลา = 4 ms ดังนั้น ความถ่ีวดั ได้ = 1 / 4 ms = 0.25 kHz หรอื 250 Hz นัน่ เอง 3.4 เคร่ืองกาเนิดสญั ญาณ
เครื่องกาเนิดสัญญาณ (Signal Generator) เป็นเครื่องมือประกอบการวัดทางไฟฟ้าและ อเิ ล็กทรอนิกสท์ ี่จาเป็นต่อการใช้งานและการทดสอบอีกชนดิ หนงึ่ ทาหน้าทีส่ ร้างสัญญาณรูป ตา่ ง ๆ ข้นึ มา เป็น สัญญาณท่มี มี าตรฐาน สามารถควบคมุ ปรบั แต่งได้ทั้งระดับความแรงและความถข่ี องเคร่ืองกาเนิดสัญญาณและ ทาหน้าที่เป็นแหล่งกาเนิดสัญญาณมาตรฐาน เพ่ือใช้งานในการตรวจสอบปรับแต่งวัดเปรียบเทียบค่า ใช้งาน การซ่อมบารุง ตรวจสอบคุณภาพของอุปกรณ์หรือใช้อ้างอิงนาไปใช้งานในวงจรหรือเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ทางดา้ นไฟฟ้าและ อิเลก็ ทรอนิกส์ เครื่องกาเนิดสัญญาณและความถ่ีที่ผลิตขึ้นมาใช้งานมีหลายชนิด ผลิตขึ้นมาตามคุณลักษณะและสมบัติ ความต้องการของสัญญาณความถี่ท่ีให้กาเนิดข้ึนมา ความถี่ต่าง ๆ รูปคล่ืนสัญญาณและความแรงของ สัญญาณ การเรียกช่ือเครื่องกาเนิดสัญญาณและความถ่ีจะเรียกชื่อตามย่านความถ่ีเสียง(Audio Frequency Generator) บางคร้ังเรียกว่าเครื่องกาเนิด A.F (Audio Frequency) เครื่องกาเนิดความถ่ีวิทยุ (Radio Frequency Generator) บางคร้งั เรยี กเครอ่ื งกาเนิดสัญญาณ R.F (R.F Generator) และเคร่ืองกานดิ สัญญาณ หลายแบบ (Function Generator) เป็นตน้ 3.4.1 เคร่ืองกาเนิดสญั ญาณความถี่เสียง เครือ่ งกาเนดิ สัญญาณความถเ่ี สียงเป็นเคร่ืองสร้างสัญญาณความถ่ีในย่านความถ่ตี ่าต้ังแตป่ ระมาณ 10 Hz ถึง 1 MHz บางรุ่นอาจกาเนิดความถี่ได้ต่ากว่าน้ี รูปคล่ืน สัญญาณที่ถูกกาเนิดขึ้นมามี 2 ชนิด คือ คล่ืน ไซน์ (Sine wave) และคลื่นส่ีเหลี่ยม (Square wave) ความแรงของสัญญาณที่กาเนิดขึ้นมา ในแต่ละรุ่นมี ความแตกต่างกันไป มีค่าประมาณ 3 Vrms ถึง 7 Vrms สามารถปรับระดับความแรงเพิ่มข้ึนหรือลดลงได้ ด้วยปุ่มปรับระดับ สัญญาณแรงเอาต์พุต (Output Level) ส่วนความถี่ที่กาเนิดข้ึนมาตลอดย่าน ถูกแบ่ง ออกเป็น 5 สว่ น (Range) ลักษณะเคร่ืองกาเนิดความถีเ่ สียง ดังรูปที่ 3.19 ก. แสดงผลแบบแอนะลอก ข. แสดงผลแบบดิจติ อล รูปท่ี 3.19 เคร่อื งกาเนิดความถีเ่ สยี งแบบแอนะลอกและดจิ ติ อล ทีม่ า : http://salestores.com/stores/images/images_747/B850.jpg และ http://i00.i.aliimg.com/photo/v1/287660690/LG1809DV_AUDIO_GENERATOR_audio_frequency_g enerator.jpg
การอ่านความถี่ทาได้ดังน้ี อ่านตัวเลขทจ่ี าน ตรงตาแหนง่ เข็มช้ีนาไปคูณกับปุ่มสวิตช์ / เลอื ก ยา่ นความถี่ (Freq Range) กจ็ ะได้ความถ่ที ่ีกาเนิดข้นึ มา การใช้งานแสดงในรปู ท่ี 3.20 แสดงรายละเอียดดงั นี้ 1 10 7 29 3 4 56 8 รูปที่ 3.20 สว่ นประกอบของเครอ่ื งกาเนิดสัญญาณความถี่เสียง หมายเลข 1 คือ สเกลสาหรบั อ่านค่าความถี่ หมายเลข 2 คือ เขม็ ช้แี สดงค่าท่ถี ูกยึดติดกับปุ่มปรับแบบมือหมนุ หมายเลข 3 คอื สวิตช์ปดิ – เปดิ เครื่อง หมายเลข 4 คอื หลอดไฟแสดงการทางาน หมายเลข 5 คือ สวิตชส์ าหรับเลอื กสญั ญาณรูปคลน่ื ไซน์หรือคล่ืนจตั ุรสั หมายเลข 6 คอื ข้ัวตอ่ ซิงค์ (Sync) สาหรับต่อความถสี่ ญั ญาณซงิ โครไนซ์ (Synchronizing Signal) จากภายนอก (External) หมายเลข 7 คอื ปุ่มไฟน์ (Fine) เปน็ ปมุ่ สาหรับปรบั ขนาดของสญั ญาณทางข้วั ตอ่ เอาตพ์ ุต กอ่ น ออกไปใช้งานใหไ้ ด้ขนาดของสญั ญาณที่ต้องการ ปุ่มนที้ าหน้าทเ่ี หมือนกับ ป่มุ ปรับแอมพลิจูด (Amplitude) หมายเลข 8 คอื สวิตช์เลอื กสงู – ต่า (High – low Switch) ระดับสัญญาณทางเอาต์พตุ ถา้ ป่มุ นี้ไว้ ตาแหน่งตา่ (Low) ระดบั สญั ญาณจะลดลง 1/10 หมายเลข 9 คอื ข้วั ต่อเอาตพ์ ตุ (Output Terminals) ใชส้ าหรับต่อสัญญาณเอาต์พตุ ไปยังโหลดมี เอาต์พตุ อิมพแี ดนซ์ (Output impedance) ประมาณ 600 โอห์ม หมายเลข 10 คือ ปุ่มปรบั พิสัยความถ่ี (Frequency Range) ประกอบด้วย 1 มีค่าเปน็ 20 Hz – 200 Hz 10 มีค่าเป็น 200 Hz – 2000 Hz
100 มีค่าเปน็ 2 kHz – 20 kHz 1k มีค่าเปน็ 20 kHz – 200 kHz 10k มคี ่าเปน็ 200 kHz – 20 GHz 3.4.2 เครื่องกาเนิดสญั ญาณความถีว่ ทิ ยุ เป็นเครื่องสร้างสัญญาณย่านความถ่ีวิทยุ (RF Radio Frequency) ออกแบบสาหรับใช้งานท่ัว ๆ ไป เหมาะสาหรบั งานตรวจสอบและปรับแต่งวงจร IF และ Tuner ในเคร่อื งรับวิทยุ AM ,FM และเครื่องรับโทรทัศน์ เพอ่ื ใชง้ านในการปรับแต่งเคร่ืองที่ประกอบจากโรงงานหรือใช้งานซ่อมบารงุ คุณสมบตั ิของเครื่อง 1. สร้างสัญญาณความถ่ีไดก้ ว้าง ตัง้ แต่ 100 kHz ถึง 30 MHz 2. มีความถ่ีเสยี ง 1 kHz ภายในเคร่อื ง เพื่อใชส้ าหรบั ทาการ Modulate กบั สัญญาณความถี่ วทิ ยุ เช่น ย่านความถ่ีวทิ ยุ AM ก็สามารถมอดูเลต (Modulate) แบบ AM (Amplitude Modulation1) และสามารถมอดเู ลต (Modulate) แบบ FM ในยา่ นความถวี่ ทิ ยุ FM (Frequency Modulation) 3. สามารถเคล่อื นย้าย (ถอื ) ไปท่ีต่าง ๆ ไดส้ ะดวก 4. คุณภาพในการสรา้ งสญั ญาณได้เที่ยงตรงมาก ก. แสดงผลแบบแอนะลอก ข. แสดงผลแบบดิจติ อล รปู ที่ 3.21 เครื่องกาเนิดความถวี่ ิทยุ ท่ีมา : http://jum.co.th/images/GRG-450B.gif และ http://i00.i.aliimg.com/photo/v4/128312580 /RF _Signal_Generator_100_KHz_150_MHz.jpg
3.4.3 เครื่องกาเนิดสญั ญาณพัลส์ เคร่ืองกาเนิดสัญญาณพัลส์เป็นเครอ่ื งกาเนิดรูปส่ีเหลยี่ มมุมฉาก(Rectangular Wave form) สามารถ กาเนิดความถี่ได้กว้างประมาณ 0.5 Hz ถึง 5 MHz ความถี่พัลส์ที่ถูกกาเนิดข้ึนมาอยู่ในย่านใดข้ึนอยู่กับ รุ่น ชนิด และแบบทผ่ี ลติ มาใชง้ าน ความแรงของสญั ญาณ มีค่าประมาณ 0.5 Vp-p ถึง 10 Vp-p มคี วามแตกต่าง กนั ไปในแตล่ ะรุ่น แต่ละแบบ มอี ิมพแี ดนซท์ ี่เอาต์พุต (Output Impedance) 50 โอหม์ การกาเนิดสญั ญาณพลั ส์ ส่วนสาคัญ คอื จะต้องสามารถปรบั ความกว้างของพลั ส์ (Pulse Width) ปรบั เวลา การเกดิ พลั ส์ซา้ (Pulse Repetition Time) หรอื ปรบั ชอ่ งว่างของพัลส์ (Pulse SpAC.ing) ได้คา่ ตา่ ง ๆ เหลา่ น้ี ถูกออกแบบมาในรูปของเวลาเป็นไมโครวินาที (S) มิลลิวินาที (mS) และวินาที (S) การปรับเปลี่ยนค่า ดงั กล่าวนม้ี ีผลตอ่ การเปลีย่ นแปลงของดิวตี้ไซเกลิ (Duty Cycle) ของพลั ส์ ค่าตา่ ง ๆ ของพัลส์ ดงั รปู ที่ 3.22 ความกวา้ งพลั ส์ ช่องวา่ งพลั ส์ เวลาเกิดพลั ส์ รปู ที่ 3.22 แสดงค่าต่าง ๆ ของสัญญาณพัลส์ คา่ ดิวตี้ไซเกลิ ของพลั ส์ คือค่าทคี่ ิดจากคา่ ความกว้างของพัลส์ หารด้วยเวลาทเี่ กดิ พัลส์ชา้ ได้เท่าไร นา ค่า 100 ไปคณู คา่ ที่ได้ออกมาเปน็ เปอรเ์ ซน็ ต์ สามารถเขยี นเป็นสมการได้ดงั น้ี ดิวตีไ้ ซเกลิ = ความกว้างของพัลส์ 100 เวลาเกดิ พัลส์ซ้า
ก.ปรับแต่งแบบแอนะลอก ข.ปรับแต่งแบบดิจติ อล รปู ที่ 3.23 เคร่ืองกาเนดิ สัญญาณพลั ส์ ทม่ี า : http://www.duncaninstr.com/BNC_565.jpg และ https://ctemedia.s3.amazonaws.com/ gs/images/main_product/c9b002fe1bb0320831a8ae78670fdb6f_M.jpg จากรูปท่ี 3.23 แสดงเคร่ืองกาเนิดสัญญาณพัลส์ รูปท่ี 3.23 (ก) เป็นชนิดปรับแต่งค่าแบบแอนะลอก สามารถให้กาเนิดความถี่ได้ต้ังแต่ 0.1 Hz ถึง 10 MHz มีช่วงเวลาพัลส์ตั้งแต่ 100 ns ถึง 10 s ถูกแบ่ง ออกเปน็ 8 ย่านวัด คา่ ความแรงของพลั สจ์ า่ ยออกมามีค่าประมาณ 0.25 V ถงึ 16 V ส่วนรูปที่ 3.23 (ข) เป็นชนิดปรับแต่งค่าแบบดิจิตอล สามารถให้กาเนิดความถี่ได้ต้ังแต่ 0.01 Hz ถึง 5 MHz มีช่วงเวลาพัลส์ต้ังแต่ 10 ns ถึง 1000 s การปรับแต่งกาหนดค่าใช้งานโดยการกดปุ่มกาหนดค่าได้ ตามต้องการ คา่ ความแรงของพลั สจ์ า่ ยออกมามีค่าประมาณ 1 V ถงึ 12 V 3.4.4 เครอ่ื งกาเนิดสญั ญาณหลายแบบ เคร่ืองกาเนิดสัญญาณหลายแบบ เป็นเคร่ืองกาเนิดท่ีสามารถผลิตรูปสัญญาณข้ึนมาได้หลายแบบคือ คล่ืนไซน์ คล่ืนสี่เหลี่ยม คลื่นสามเหลี่ยม และคลื่นฟันเล่ือยเป็นต้น สามารถกาเนิดความถ่ีข้ึนมาได้กว้าง ประมาณ 0.02 Hz ถึง 50 MHz ปรับความแรงได้สูงสุดประมาณ 30 Vp-p ย่านความถ่ีและค่าความแรง ของสญั ญาณที่กาเนิดขึ้นมาแตกตา่ งกันไปในแต่ละรนุ่ แต่ละแบบของเครอื่ งกาเนิดสญั ญาณหลายแบบ ปัจจุบัน เครอ่ื งกาเนิดสญั ญาณหลายความถ่กี ารกาเนิดความถี่ใช้วิธีการซงิ ทิไซเซอร(์ Synthesizer) ให้ ความสะดวกทั้งการปรับเปลย่ี นความถ่ีอยา่ งละเอียด และมีความเท่ียงตรงของความถี่ที่กาเนิดข้ึนตลอดจน รูป สัญญาณกส็ ามารถปรบั เปลยี่ นเลือกไดห้ ลากหลาย ลกั ษณะเครอ่ื งกาเนิดสัญญาณดังรูปท่ี 3.24
ก.แสดงผลแบบแอนะลอก ข.แสดงผลแบบดจิ ิตอล รูปที่ 3.24 แสดงรูปเครอื่ งกาเนิดสัญญาณหลายแบบ ท่ีมา : http://tool4yo.com/shop/data/goods/1389186166292l0.jpg และ http://radiosurtidora.com/image/cache/data/products/PINTEK/fg32-400x400.jpg จากรูปท่ี 3.24 แสดงเครื่องกาเนิดสัญญาณหลายแบบ รูปที่ 3.24 (ก) เป็นชนิดแสดงผลแบบ แอนะลอก การปรับเปลี่ยนความถี่แสดงผลด้วยสเกลบนหน้าปัดของเครื่อง ส่วนรูปที่ 3.24 (ข) เป็นชนิด แสดงผลแบบดิจิตอล การปรับเปลี่ยนความถี่แสดงผลด้วยตัวเลขบนหน้าปัดของเคร่ือง สามารถให้กาเนิด ความถขี่ ึน้ มาไดต้ ั้งแต่ 0.1 Hz ถงึ 20 MHz หรือมากกวา่ แลว้ แต่รุ่นทผี่ ลติ มาใชง้ าน มรี ูปสัญญาณใหเ้ ลือก 6 ชนิด คือ คลื่นไซน์ คล่ืนสี่เหล่ียม คลื่นสามเหล่ียม คล่ืนฟันเลื่อย คลื่นพัลส์บวก และคลื่นพัลส์ลบ ที่ขั้วต่อ เอาต์พุตมเี อาตพ์ ุตอิมพีแดนซ์ 50 Ω ขอ้ ควรระมดั ระวังในการใชง้ านและการบารุงรักษาเคร่อื งกาเนิดสญั ญาณ 1. ศกึ ษาคู่มือการใชง้ าเคร่ืองใช้ใหเ้ ข้าใจก่อนการใช้งาน 2. ระวังอยา่ ใหส้ ญั ญาณทเ่ี อาทพ์ ตุ ลดั วงจร 3. อย่าเกบ็ เคร่ืองกาเนิดสัญญาณไวใ้ นที่ช้นื รอ้ นมากหรือมีฝุ่นมาก 4. ระมดั ระวังอยา่ ป้อนสัญญาณเขา้ ทางขัว้ ทางเอาท์พุตของเคร่ืองกาเนดิ สัญญาณ
สรุป มลั ติมเิ ตอร์ (Multi Meter) เปน็ เครอ่ื งมอื วัดพนื้ ฐานทางอเิ ลก็ ทรอนิกสซ์ ึง่ ใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลาย เพราะมี ราคาไม่แพงและสามารถวัดขนาดทางไฟฟ้าไดห้ ลายอย่าง มลั ติมิเตอร์ที่ใชง้ านกนั ทัว่ ไป จะเป็นแบบขดลวด เคลื่อนท่ี หรอื เรยี กวา่ แบบแอนะลอก (Analog) และแบบตัวเลข หรือเรียกว่าแบบดิจติ อล (Digital Multi meter ,DMM)โดยสามารถทาการวัดพนื้ ฐานได้ 4 อยา่ งคอื 1. วัดแรงดันไฟตรง 2. วดั แรงดนั ไฟสลับ 3. วดั กระแสไฟตรง 4. วดั ค่าความตา้ นทาน มัลติมิเตอร์ คอื เคร่ืองมอื วดั ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกสท์ ่ีใชว้ ดั คา่ ความตา้ นทาน แรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง แรงดันไฟฟา้ กระแสสลับและกระแสไฟ ดิจิตอลมลั ติมิเตอร์ เป็นมัลติมิเตอร์ชนิดหนง่ึ ท่ีมีการแสดงผลเป็นตวั เลข ซึ่งประกอบดว้ ยดิจิตอลแอมมิเตอร์ ดิจติ อลโอหม์ มิเตอร์ ดจิ ติ อลโวลต์มิเตอร์ และดจิ ติ อลแอมมิเตอร์ ข้อดีของเครอ่ื งวดั แบบดิจิตอล 1. คา่ ผิดพลาดต่า 2. สามารถอ่านค่าออกมาได้โดยตรงและสะดวก 3. ราคาถูก คณุ สมบัติพเิ ศษทางไฟฟ้าของเคร่ืองวัดแบบดจิ ิตอล 1. แสดงข้วั ผลของการวัดแบบดิจติ อล 2. เปลยี่ นยา่ นวดั ได้โดยอัตโนมตั ิ ออสซลิ โลสโคป เปน็ เครอ่ื งมือวัดทางไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ทม่ี ีประโยชน์ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. วดั และตรวจสอบรูปรา่ งของสัญญาณ 2. วดั คา่ ริบเปล้ิ ของแรงดนั ไฟฟา้ 3. วัดคา่ สงู สุดของแรงดัน 4. วดั คา่ ความถ่ีของสัญญาณ 5. ใช้ตรวจวัดสัญญาณรูปต่าง ๆ 6. ใช้ตรวจสัญญาณเพ่ือหาข้อขัดข้องของวงจร เครอื่ งกาเนดิ สญั ญาณเปน็ เคร่ืองมือประกอบการวดั ทางไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ท่ที าหน้าทที่ ดสอบและ สร้างสัญญาณ เคร่ืองกาเนิดสัญญาณมีหลายรูปแบบ เชน่ เครือ่ งกาเนิดสัญญาณยา่ นความถี่เสยี ง เคร่ืองกาเนดิ สญั ญาณ ความถว่ี ทิ ยุ เคร่ืองกาเนิดสัญญาณหลายรปู แบบ
เครื่องกาเนิดสัญญาณยา่ นความถเ่ี สียง เป็นเครื่องกาเนดิ สัญญาณยา่ นความถีต่ า่ ต้ังแต่ 10 Hz ถงึ 1 MHz ท่ี ผลติ สัญญาณรปู ไซน์และคลืน่ ส่เี หล่ยี ม เครอื่ งกาเนิดความถี่วทิ ยุ เป็นเคร่ืองกาเนดิ สญั ญาณในชว่ งความถ่ีตั้งแต่ 100 kHz ถงึ 30 MHz เครื่องกาเนดิ สัญญาณพลั ส์ เป็นเคร่ืองกาเนิดสญั ญาณรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ความถ่ี 0.5 Hz ถึง 5 MHz
ใบงานภาคปฏบิ ัติ สอนครงั้ ที่ 3-4 ชอ่ื วิชา งานไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์เบอ้ื งต้น รหัสวชิ า 2100-1003 รวม 4 ชั่วโมง หนว่ ยที่ 3 ชอื่ หนว่ ย เคร่ืองมือวัดและทดสอบในงานไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ จานวน 4 ชั่วโมง ชื่องาน การวดั แรงดันและกระแสในวงจรไฟตรงด้วยมัลติมเิ ตอร์ จุดประสงค์การเรยี นรู้ จุดประสงค์ท่ัวไป เพื่อใหผ้ เู้ รียนสามารถปฏบิ ัติเกย่ี วกบั การทางานเครอ่ื งมือวัดและทดสอบในงานไฟฟ้าและ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เมือ่ ผู้เรียน เรยี นจบแลว้ สามารถ 1. ใชม้ ัลตมิ เิ ตอร์ตรวจสอบค่าแรงดันไฟฟ้าในวงจรได้ 2. ใช้มัลตมิ ิเตอรต์ รวจสอบค่ากระแสไฟฟ้าในวงจรได้ 3. นาหลักการวัดแรงดนั และกระแสในวงจรไฟตรงด้วยมัลตมิ เิ ตอร์ไปประยกุ ตใ์ ชง้ าน ในชีวิตประจาวนั ได้ 4. มีคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ มและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เครือ่ งมอื และอุปกรณ์ 1. แหลง่ จา่ ยแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง (Power Supply) 1 เครอ่ื ง 2. มัลตมิ เิ ตอร์ 1 เคร่ือง 3. ตัวตา้ นทานคา่ 1 k, 2 k, 10 k, และ 20 k อยา่ งละ 1 ตวั ข้อควรระวงั 1. การตอ่ แหล่งจา่ ยไฟฟ้าควรตรวจสอบขว้ั ต่อบวก และลบ ให้เรียบรอ้ ย มเิ ช่นน้นั อาจทาใหเ้ กิดผล เสียกบั อปุ กรณ์ประกอบวงจร และเคร่อื งมือวัดได้ 2. เคร่ืองมือวัดและทดสอบอาจชารดุ เสียหายได้ หากใชง้ านไมถ่ ูกวธิ ี ดงั นัน้ ควรศึกษาวิธีการ ใชง้ าน และวิธีการบารงุ รกั ษา ข้อเสนอแนะ 1. ศึกษาวิธีการใชง้ านเคร่ืองมอื วัดใหเ้ ข้าใจก่อนทาการทดลอง 2. ในขณะทาการทดลองหากมขี ้อสงสยั ให้สอบถามครผู ูส้ อน 3. คน้ คว้าเพิ่มเติมจากแหลง่ ความรอู้ น่ื ๆ เพิ่มเตมิ จากเว็บ http://kpp.ac.th/elearning/elearning3/unit14.html
ลาดับข้นั การทดลอง I3 10 k 1. ต่อวงจรตามรูปที่ 3.1.1 R3 I1 B R1 1 k R4 20 k I2 A R2 2 k รปู ที่ 3.1.1 วงจรไฟฟา้ 2. ตอ่ แหล่งจา่ ยแรงดนั ไฟฟา้ กระแสตรง (Power Supply) ตรวจดูตาแหน่งขว้ั เอาตพ์ ุต และปมุ่ ปรับคา่ แรงดนั ไฟฟ้าของแหลง่ จ่ายไฟ ตลอดจนสเกลบอกระดัยบแรงดนั ไฟทจ่ี า่ ยออกมา 3. เปิดสวติ ชแ์ หลง่ จ่ายไฟ จากนน้ั ปรับค่าแรงดนั ไฟฟ้าทจ่ี ่ายออกมาให้มคี า่ ต่าสุด 4. ต้งั มเิ ตอร์ใหว้ ดั ค่าแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง (VDC) โดยเลือกยา่ นท่ที าใหส้ ามารถอา่ นค่าแรงดนั ไฟฟ้า 9 โวลต์ ไดส้ ะดวก 5. นาสายวัดของมิเตอรต์ ่อเข้าทเี่ อาต์พุตของแหล่งจา่ ยไฟ โดยต่อขัว้ ให้ถกู ต้อง 6. เพิม่ แรงดันไฟฟา้ โดยการหมนุ ปุ่มปรบั แรงดนั สังเกตคา่ แรงดันไฟฟา้ ท่ีอ่านได้จากมเิ ตอร์ จากน้ันปรับค่า แรงดันไฟฟา้ ให้เท่ากบั 9 โวลต์ 7. จา่ ยแรงดันให้กับวงจรดังรูปที่ 3.1.2 ใช้มัลติมเิ ตอรต์ ้ังย่านวดั DCV วดั แรงดันท่ีตกคร่อมตวั ต้านทาน แตล่ ะตัว และแรงดันท่จี ดุ A - B บันทึกค่าลงในตารางที่ 3.1.1 I1 I3 VS R1 1 k R3 10 k 9V I2 A B R2 2 k R4 20 k รูปท่ี 3.1.2 วงจรไฟฟา้
ตารางที่ 3.1.1 แสดงการวัดคา่ แรงดันตกคร่อมตวั ตา้ นทาน จดุ ท่ีวดั R1 R2 R3 R4 RA - B คา่ แรงดัน (V) 8. ใช้มลั ตมิ ิเตอรต์ ง้ั ยา่ นวดั DC mA วดั กระแส I1 , I2 และ I3 ของวงจร ไดค้ า่ I1 = ……………… mA I2 = ……………… mA I3 = ……………… mA สรปุ ผลการทดลอง …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................
คาถาม คาสง่ั จงตอบคาถามใหส้ มบูรณ์ 1. การต่อโวลตม์ เิ ตอรเ์ พ่ือวดั คา่ แรงดันไฟฟ้าทีต่ กคร่อมตวั ตา้ นทานแต่ละตวั ในวงจร และแรงดันท่ีจุด A - B จะต้องต่อในลักษณะใด และมีวธิ ีการวดั อยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ 2. การตอ่ แอมป์มิเตอรเ์ พ่ือวัดค่ากระแสไฟฟ้า I1, I2 และ I3 ในวงจร จะตอ้ งต่อในลักษณะใด และมวี ิธกี ารวัด อย่างไร …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ 3. จากวงจร จงเขยี นแผ่นภาพแสดงตาแหน่งทส่ี ามารถต่อโวลต์มเิ ตอร์ และแอมป์มเิ ตอร์ เพื่อวัดค่าแรงดัน และกระแสในวงจร I1 I3 VS R1 1 k R3 10 k 9V I2 R4 20 k R2 2 k …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................ …………………………………………………………………………………………………................................................................
ใบประเมินผลที่ 3.1 ชือ่ งาน การวัดแรงดันและกระแสในวงจรไฟตรงดว้ ยมัลตมิ เิ ตอร์ ที่ รายงานการประเมนิ คะแนนท่ไี ด้ หมายเหตุ 1 การเตรียมงาน (3 คะแนน) - การวางแผน ; มี ได้ 1 คะแนน - มกี ารวางแผนการทางาน (1 คะแนน) - จดั เตรยี มเครอ่ื งมอื และอปุ กรณอ์ ย่าง ;ไม่มี ได้ 0 คะแนน มีระเบียบ (1 คะแนน) - การเตรยี มเคร่ืองมอื ; ครบ ได้ 1 คะแนน - ศกึ ษารายละเอยี ดใบงาน (1 คะแนน) และอุปกรณ์ ; ไม่ครบ ได้ 0 คะแนน 2 การดาเนินการปฏิบัตงิ าน (5 คะแนน) - ปฏบิ ตั ิงานตามขัน้ ตอน (2 คะแนน) - ศึกษาใบงาน ; มี ได้ 1 คะแนน - รจู้ กั การแกป้ ญั หา (1 คะแนน) - การบันทกึ ผลการทดลองอยา่ งถูกต้อง ;ไมม่ ี ได้ 0 คะแนน (1 คะแนน) - ปฏบิ ัตงิ านถูกตอ้ งปลอดภัย (1คะแนน) - การปฏบิ ัตงิ าน ; เปน็ ขนั้ ตอน ได้ 2 คะแนน 3 การใช้งานและบารงุ รกั ษาเครื่องมือและ ; เป็นขน้ั ตอนพอใช้ ได้ 1 คะแนน อปุ กรณ์ (2 คะแนน) - การใช้เครอ่ื งมือและอปุ กรณถ์ ูกต้อง ;ไมเ่ ป็นข้นั ตอน ได้ 0 คะแนน และเหมาะสมกบั งาน ( 1 คะแนน) - มกี ารบารงุ รักษาเครือ่ งมือและอุปกรณ์ - การแกป้ ญั หาและการบนั ทกึ ผลการทดลอง (1 คะแนน) ; ดี ได้ 1 คะแนน 4 คณุ ภาพของงาน (10 คะแนน) - ขอ้ มลู ครบสมบรู ณ์ (2 คะแนน) ;นอ้ ย ได้ 0 คะแนน - สรุปผลการทดลองถูกต้อง (3 คะแนน) - ตอบคาถามถูกต้อง (3 คะแนน) - ความปลอดภยั ; มี ได้ 1 คะแนน - ผลงานสะอาดเรยี บรอ้ ย (2 คะแนน) ;ไม่มี ได้ 0 คะแนน รวมคะแนนทไ่ี ด้ (คะแนนเตม็ 20 คะแนน) - การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ ;ถกู ต้องถูกวิธี ได้ 1 คะแนน ;ไม่เหมาะสม ได้ 0 คะแนน - การบารุงรักษาเคร่อื งมือและอปุ กรณ์ ; มี ได้ 1 คะแนน ;ไม่มี ได้ 0 คะแนน - ขอ้ มลู ครบสมบรู ณ์ ; ครบทกุ ข้ันตอน ได้ 2 คะแนน ; ไม่ชดั เจน ได้ 1 คะแนน - การสรุปผลและตอบคาถาม ; ถูกตอ้ ง ชัดเจน ได้ 3 คะแนน ; ถกู ตอ้ งปานกลาง ได้ 2 คะแนน ; ถูกต้องนอ้ ย ได้ 1 คะแนน - ความสะอาด ; เรียบร้อย ได้ 2 คะแนน ; ไมเ่ รยี บรอ้ ย ได้ 1 คะแนน คะแนนท่ไี ด้ .................................................................ผลการประเมนิ ผ่าน ไมผ่ า่ น ขอ้ เสนอแนะ............................................................................................................................................................................ ลงช่อื ................................................(ผู้ประเมิน) (นางสาววนดิ า ภาชนะสวุ รรณ)
แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 3 เคร่ืองมือวดั และทดสอบในงานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ คาส่งั จงตอบคำถำมใหส้ มบรู ณ์และถกู ตอ้ งที่สุด (25 คะแนน) 1. จงบอกควำมหมำยของมัลติมเิ ตอร์ มำพอเข้ำใจ (5 คะแนน) ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ 2. จงบอกคุณสมบัตทิ ด่ี ีของดิจิตอลมลั ติมเิ ตอรม์ ำเป็นขอ้ ๆ (5 คะแนน) ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ 3. จงอธิบำยกำรใช้งำนออสซิลโลสโคปมำพอเข้ำใจ (5 คะแนน) ............................................................................................................................................ .................................. ................................................................................................ ............................................................ .................. ............................................................................................................................. ................................................ ................................................................................................................................ ............................................. 4. จงอธบิ ำยคณุ สมบัตขิ องเครอ่ื งกำเนิดสญั ญำณ ดงั ตอ่ ไปน้ี (10 คะแนน) 4.1 เคร่ืองกำเนิดสัญญำณควำมถเี่ สยี ง ........................................................................................................................................................... .................. ............................................................................................................................................................................. 4.2 เครือ่ งกำเนดิ สัญญำณควำมถวี่ ทิ ยุ ........................................................................................................................................................... .................. ............................................................................................................................................................................. 4.3 เครือ่ งกำเนิดสญั ญำณพัลส์ ........................................................................................................................................................... .................. ........................................................................................................................................................... .................. 4.4 เคร่ืองกำเนิดสัญญำณหลำยแบบ ..................................................................................................................................................................... ........ .......................................................................................................................... ...................................................
แบบประเมินผลหลงั เรยี น หนว่ ยที่ 3 เคร่ืองมือวัดและทดสอบในงานไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ จดุ ประสงค์ เพ่ือประเมนิ ความกา้ วหน้าทางการเรยี นของผเู้ รียนเก่ียวกบั “เรอื่ ง เคร่อื งมอื วดั และ คาแนะนา ทดสอบในงานไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์” 1. อา่ นคาตอบต่อไปนแ้ี ละทาเคร่ืองหมายกากบาท () ข้อทผ่ี ้เู รยี นเห็นวา่ ถกู ตอ้ ง ทสี่ ดุ เพยี งขอ้ เดยี วลงในกระดาษคาตอบ (คะแนนเตม็ 15 คะแนน) 2. เวลาสาหรบั การทาแบบประเมิน 20 นาที 1. มลั ติมิเตอร์ไม่สามารถใชว้ ดั ค่าใดได้ ในงานไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ก. แรงดันไฟฟ้า ข. เดซเิ บล ค. กาลังไฟฟา้ ง. กระแสไฟฟ้า 2.ปุ่มปรบั 0 Ω ADJ. ใชส้ าหรบั ทาอะไร ก.ปรับแตง่ ให้เข็มช้ีท่ี 0 ในการวดั ค่าความตา้ นทาน ข.ปรบั แตง่ ให้เข็มชี้ท่ี 0 ในการวัดคา่ กระแสไฟฟ้า ค.ปรบั แตง่ ใหเ้ ขม็ ชี้ท่ี 0 ในการวัดคา่ แรงดนั ไฟฟา้ ง.ปรบั แต่งใหเ้ ขม็ ชี้ท่ี 0 ในการวัดค่ากาลังไฟฟา้ 3. จากรูป ต้ังยา่ นวดั 50 V ข. 16 V ก. 18 V ง. 12 V ค. 14 V 4. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คณุ สมบตั ิของดจิ ติ อลมัลตมิ ิเตอร์ ก. ราคาถูก ข. วัดได้รวดเรว็ ค. แสดงข้ัวอตั โนมัติ ง. ตวั เลขคงท่ี
5. คณุ สมบตั ขิ องออสซลิ โลสโคป มีประโยชน์อย่างไรบา้ ง ก. วัดสัญญาณรูปต่าง ๆ ข. วัดกระแสไฟฟา้ ค. วดั คา่ ความต้านทาน ง. วัดกาลงั ไฟฟา้ 6. ปุ่ม INTENT มหี น้าที่ตรงกับคาตอบข้อใด ก.ปรบั ความคมชัด ข.ปรับความเขม้ ของแสง ค.ปุม่ เลอื กสญั ญาณ ง.ปุ่มหมนุ หรือปรับตาแหน่งทางแนวต้ัง จากรูป ตอบคาถามข้อ 7 - 8 7. ออสซลิ โลสโคปอยูใ่ นตาแหนง่ 0.2 Volts/Div แสดงวา่ มีขนาดแรงดนั เทา่ ไร ก. 0.2 Vp-p ข. 0.2 Vp ค. 0.6 Vp-p ง. 0.6 Vp 8. สญั ญาณดงั รูปมคี วามถ่ีเทา่ ใด ถา้ ตัง้ ปุ่ม Tim/Div = 10 msec ก. 100 Hz ข. 50 Hz ค. 33.33 Hz ง. 16.67 Hz 9. คา่ ท่ีเกดิ จากความกว้างของพัลส์หารดว้ ยคาบเวลาของพลั ส์ คอื คา่ ของอะไร ก. ความถ่ี ข. อัตรภาคชัน้ ค. ดวิ ตไี้ ซเกิล ง. พลั สว์ ดิ ท์
10. เคร่อื งกาเนิดสญั ญาณชนดิ ใดทกี่ าเนิดสัญญาณรูปไซนแ์ ละรปู สีเ่ หลย่ี ม ก. เครอื่ งกาเนิดสัญญาณภาพ ข. เครือ่ งกาเนดิ สัญญาณความถี่เสยี ง ค. เครอ่ื งกาเนิดความถว่ี ิทยุ ง. เครอื่ งกาเนิดสัญญาณพลั ส์ 11. ความถที่ ่ไี ดจ้ ากการวัดสัญญาณค่าแรงได้จากคาตอบใด ก. F = T ข. F = 1 RC ค. F = 1 ง. F = I T RC 12. เคร่อื งกาเนิดสัญญาณชนดิ ใดท่ีสามารถผลิตความถีต่ า่ ตั้งแต่ 10 Hz – 1 MHz ก. เครื่องกาเนดิ สัญญาณความถ่เี สยี ง ข. เครอ่ื งกาเนดิ สัญญาณภาพหลายแบบ ค. เคร่อื งกาเนิดสัญญาณความถ่ีวทิ ยุ ง. เครื่องกาเนดิ สญั ญาณพัลส์ 13. เครอื่ งกาเนิดสญั ญาณชนิดใดท่สี ามารถกาเนิดแรงดันไดส้ งู สดุ 30 Vp-p ก. เครอ่ื งกาเนดิ สญั ญาณความถี่เสยี ง ข. เครอ่ื งกาเนดิ สญั ญาณภาพหลายแบบ ค. เครอ่ื งกาเนดิ สัญญาณความถวี่ ทิ ยุ ง. เคร่ืองกาเนิดสญั ญาณพัลส์ 14. ขอ้ ใดท่อี อสซิลโลสโคปไมส่ ามารถวดั ได้ ก. แรงดันไฟฟา้ ข. ลสิ ซาจวั ส์ ค. เฟส ง. กระแสไฟฟ้า 15. กอ่ นทจี่ ะนาออสซิลโลสโคปไปใชง้ าน ควรจะทาอยา่ งไรก่อนเสมอเกยี่ วกบั ปมุ่ VARIABLE ก. เลือกไว้ตาแหนง่ MIN ข. เลือกไวต้ าแหนง่ MAX ค. อยูใ่ นตาแหน่ง CAL ง. ตรงกลางสเกล
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: