Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นางสาวคีตยรักษ์ สัจวนารักษ์ รหัสนิสิต 631081039

นางสาวคีตยรักษ์ สัจวนารักษ์ รหัสนิสิต 631081039

Published by Guset User, 2021-09-26 16:38:58

Description: ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการมาตรา 147 และมาตรา 152

Search

Read the Text Version

ภาคความผิดของอาญา ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เรื่อง เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ มาตรา 147 เจ้าพนักงานเข้ามีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการ มาตรา 152 จัดทำโดย นางสาวคีตยรักษ์ สัจวนารักษ์ รหัสนิสิต 631081039 นำเสนอ อาจารย์วิรัตน์ นาทิพเวทย์ วิชากฎหมายอาญา 2 ภาคความผิด รหัสวิชา 0801221 ภาคเรียนที่ 1 หลักสูตร 4 ปี (ภาคปกติ) มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา

1 คำนำ รายงานเลม่ น้ี เป็นส่วนหน่ึงของวิชากฎหมายอาญา 2 (ภาคความผดิ ) เร่ือง ความผิดต่อตาแหน่ง หนา้ ที่ราชการ โดยมีจุดประสงคเ์ พ่อื ศึกษาหาความรู้เก่ียวกบั เรื่อง การรับผิดในทางอาญา มาตรา 147 เร่ือง เจา้ พนกั งานยกั ยอกทรัพย์ และ มาตรา 152 เรื่อง เจา้ พนกั งานเขา้ มีส่วนไดส้ ่วนเสียในกิจการ โดยศึกษาหาคน้ ควา้ หา ความรู้จากหนงั สือกฎหมาย คาอธิบายประมวลกฎหมายอาญา ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ และสืบคน้ จากเวบ็ ไซตต์ า่ งๆ โดยมีเน้ือหาสาระเก่ียวกบั เร่ืองโครงสร้างการรับผิดทางอาญา คาพิพากษาศาลฎีกา และคาอธิบายจากบรรทดั ฐาน ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ การจดั ทาหนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เลม่ น้ี จะเป็นประโยชน์ใหแ้ ก่ผอู้ ่าน และผทู้ ่ีมีความสนใจที่จะศึกษา เก่ียวกบั การรับผดิ ในทางอาญา มาตรา 147 และ 152 รวมไปถึงผทู้ ่ีตอ้ งการศึกษา โครงสร้างการรับผิดทางในอาญา คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ีเก่ียวขอ้ งกบั มาตราขา้ งตน้ หากมีขอ้ แนะนาหรือ ขอ้ ผิดพลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรับไวแ้ ละขออภยั มา ณ ท่ีน้ีดว้ ย ผจู้ ดั ทา นางสาวคตี ยรักษ์ สจั วนารักษ์ วนั ที่ 26 กนั ยายน พ.ศ. 2564

สำรบัญ 2 เรื่อง หน้ำ คำนำ 1 บทที่ 1 4 มาตรา 147 เรื่อง เจา้ พนกั งานยกั ยอกทรัพย์ 5 คาอธิบายโครงสร้างการรับผิดทางอาญา มาตรา 147 6 ตวั อยา่ งกรณีความผิดตามมาตรา 147 7 มาตรา 152 เรื่อง เจา้ พนกั งานเขา้ มีส่วนไดส้ ่วนเสียในกิจการ 7 คาอธิบายโครงสร้างการรับผิดทางอาญา มาตรา 152 8 ตวั อยา่ งกรณีความผดิ ตามมาตรา 152 บทท่ี 2 9 มาตรา 147 เร่ือง เจา้ พนกั งานยกั ยอกทรัพย์ 9 ตวั อยา่ งกรณีความผดิ ตามมาตรา 147 10 คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2512 10 คาอธิบายบรรทดั ฐานคาพพิ ากษาศาลฎีกา 341/2512 11 มาตรา 152 เร่ือง เจา้ พนกั งานเขา้ มีส่วนไดส้ ่วนเสียในกิจการ 11 คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 1706/2535 11 คาอธิบายบรรทดั ฐานคาพพิ ากษาศาลฎีกา 1706/2535 12 คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 7776/2540 13 คาอธิบายบรรทดั ฐานคาพพิ ากษาศาลฎีกา 1706/2535

สำรบัญ 3 เร่ือง หน้ำ บทที่ 3 14 สรุปเน้ือหาสาระสาคญั มาตรา 147 เรื่อง เจา้ พนกั งานยกั ยอกทรัพย์ 14 คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 341/2512 15 สรุปเน้ือหาสาระสาคญั มาตรา 152 เร่ือง (ต่อ) เจา้ พนกั งานเขา้ มีส่วนไดส้ ่วนเสียในกิจการ 15 คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2535 16 คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 7776/2540 17 บรรณานุกรม

4 บทที่ 1 คำอธิบำยเชิงโครงสร้ำงกำรรับผิดทำงอำญำ เรื่อง ควำมผิดต่อตำแหน่งหน้ำทีร่ ำชกำร ความผดิ ต่อตาแหน่งหนา้ ที่ราชการน้ี ผกู้ ระทาความผดิ จะตอ้ งมีคุณสมบตั ิเป็นเจา้ พนกั งาน ที่ไดก้ ระทา ความผิดในหนา้ ที่ราชการของตนเองหรือเป็นบุคคลที่กฎหมายระบุไวโ้ ดยเฉพาะรวมถึงเป็นสมาชิกสภาตา่ ง ๆ หากบุคคลที่ไมใ่ ช่เจา้ พนกั งานหรือผทู้ ี่กฎหมายกาหนดคุณสมบตั ิไว้ และไม่มีหนา้ ท่ีเช่นน้นั ยอ่ มเป็นผกู้ ระทา ความผดิ ไม่ได้ แต่หากกระทาโดยร่วมมือกบั เจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ที่หรือใชใ้ หเ้ จา้ พนกั งงานใชใ้ หร้ าษฎรเป็น ผกู้ ระทาแทนตน ราษฎรเป็นผสู้ นบั สนุน เจา้ พนกั งานเป็นผกู้ ระทาความผดิ โดยออ้ ม คือ เสมือนกระทาดว้ ยตนเอง มำตรำ 147 เร่ือง เจ้ำพนกั งำนยกั ยอกทรัพย์ มำตรำ 147 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ที่ ซ้ือ ทาจดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ด เบียดบงั ทรัพยน์ ้นั เป็นของ ตน หรือเป็นของผอู้ ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทจุ ริตยอมใหผ้ ูอ้ ื่นเอาทรัพยน์ ้นั เสีย ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่หา้ ปี ถึง ยส่ี ิบปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรับต้งั แต่หน่ึงแสนบาทถึงส่ีแสนบาท โครงสร้ำงกำรรับผิดทำงอำญำ องค์ประกอบภำยนอก (1) เป็นเจา้ พนกั งาน (2) มีหนา้ ที่ซ้ือ ทา จดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ด (3) เบียดบงั ทรัพยน์ ้นั เป็นของตนเองหรือของผอู้ ื่น หรือยอมใหผ้ อู้ ื่นเอาทรัพยน์ ้นั เสีย องค์ประกอบภำยใน (1) เจตนาธรรมดา (2) มลู เหตชุ กั จูงใจโดยทุจริต

5 คำอธบิ ำยโครงสร้ำงกำรรับผิดทำงอำญำ มำตรำ 147 องค์ประกอบภำยนอก (1) เป็นเจา้ พนกั งาน ถา้ หากไมเ่ ป็นเจา้ พนกั งานกไ็ มส่ ามารถเป็นตวั การในการกระทาความผดิ ได้ และลงโทษไดเ้ พยี งฐานสนบั สนุนเจา้ พนกั งานกระทาความผิดตามมาตรา 147 ประกอบมาตรา 86 ซ่ึงความผดิ ตามมาตรา 147 น้ีเป็นบทเฉพาะ (2) มีหนา้ ท่ีซ้ือ ทา จดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ด หนา้ ที่ของเจา้ พนกั งานอาจเกิดจากกฎหมาย กาหนดไวโ้ ดยเฉพาะ หรืออาจเกิดข้ึนโดยคาสงั่ หรือการมอบหมายของผบู้ งั คบั บญั ชาหรือผทู้ ี่มีอานาจในการสั่ง การ คาวา่ “ซ้ือ” มีความหมายอยา่ งเดียวกบั ท่ีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยบ์ ญั ญตั ิเรื่องสัญญา ซ้ือขาย ตามมาตรา 453 คาวา่ “ทรัพย”์ มีความหมายอยา่ งเดียวกบั ท่ีประมวลกฎหมายแพง่ และพาญณิชย์ มาตรา 137 (3) เบียดบงั ทรัพยน์ ้นั เป็นของตนเองหรือของผอู้ ื่น หรือยอมใหผ้ อู้ ่ืนเอาทรัพยน์ ้นั เสีย เป็นทานองเดียวกบั การยกั ยอก คอื ตอ้ งครอบครองทรัพยน์ ้นั อยแู่ ลว้ เบียดบงั เอาทรัพยน์ ้นั ไปใน ลกั ษณะตดั กรรมสิทธ์ิ ไม่ใช่การเอาไปเพียงชวั่ คราวแลว้ นากลบั มาคืนซ่ึงไม่ใช่การเบียดบงั คาวา่ “เบียดบงั น้นั ทรัพยเ์ ป็นของตนหรือของผอู้ ่ืน”ใหเ้ ทียบดูคาอธิบายมาตรา 352 คาวา่ “ยอมใหผ้ อู้ ่ืนเอาทรัพยน์ ้นั เสีย” หมายความวา่ อนุญาตใหค้ นตอื่นเอาทรัพย์ หรือไม่ ขดั ขวางในการท่ีผูอ้ ื่นเอาทรัพยน์ ้นั เพราะมีเจตนาท่ีจะยอมใหเ้ อาไป (ดูมาตรา 59 วรรคสาม)

6 องค์ประกอบภำยใน (1) เจตนาธรรมดา คือ ประสงคต์ ่อผลหรือเลง็ เห็นผล การพิจารณาความหมายของคาวา่ เจตนา บญั ญตั ิไวใ้ นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วรรคสองและวรรคสามซ่ึงบญั ญตั ิไวว้ า่ มาตรา 59 วรรคสอง “การกระทาโดยเจตนา ไดก้ ระทาโดยรู้สานึกในการท่ีกระทาและใน ขณะเดียวกนั ผกู้ ระทาประสงคต์ อ่ ผล หรือย่อมเลง็ เห็นผลของการกระทาน้นั ” มาตรา 59 วรรคสาม “ถา้ ผกู้ ระทามิไดร้ ู้ขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็นองคป์ ระกอบของความผิด จะถือวา่ ผกู้ ระทาประสงคต์ ่อผล หรือยอ่ มเลง็ เห็นผลของการกระทาน้นั ” การพิจารณาวา่ การกระทาของบุคคลใดจะเขา้ องคป์ ระกอบความผดิ ท่ีกระทาโดยทจุ ริตหรือไม่ จึงตอ้ งพิจารณาวา่ ไดม้ ีการกระทาครบถว้ นตามองคป์ ระกอบความผิดท้งั องคป์ ระกอบภายนอกและองคป์ ระกอบ ภายใน (2) มลู เหตุชกั จูงใจโดยทุจริต มลู เหตุชกั จูงใจ (เจตนาพิเศษ) เหตทุ ี่ชกั จูงใจใหบ้ คุ คลกระทา ความผดิ จะตอ้ งมีเจตนาพิเศษ คือ โดยทจุ ริต คาวา่ “โดยทุจริต” หมายความวา่ แสวงหาปประโยชน์อนั มิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย สาหรับตนเองหรือ ผอู้ ื่น ตามมาตรา 1(1) ตัวอย่ำงกรณีควำมผดิ ตำมมำตรำ 147 พลทหารมีหนา้ ที่ขบั รถ ยอ่ มมีหนา้ ที่รักษาน้ามนั รถดว้ ย ถา้ ใหค้ นอื่นดูดน้ามนั ในรถไปโดยรับเงินไว้ เป็นความผดิ ตามมาตราน้ี ตา่ งกบั ความผดิ ตามมาตรา 151 ซ่ึงเป็นเร่ืองที่ผกู้ ระทาความผิดมิไดเ้ อาทรัพยท์ ่ีดูแลใน หนา้ ท่ีไวเ้ ป็นประโยชน์หรือเอาตวั ทรัพยน์ ้นั เสีย หากแต่อาศยั ตาแหน่งหนา้ ท่ีที่ตนมีเก่ียวกบั ทรัพยอ์ นั ใดอนั หน่ึง หาประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการเอาทรัพย์ เช่น เอาเคร่ืองมือของราชการไปหาประโยชนส์ ่วนตวั เมื่อชารุด เสียหายก็ใหร้ าชการซ่อมหรือมีหนา้ ท่ีรับจ่ายและเก็บรักษาเงินขิงราชการ แลว้ ทุจริตเบียดบงั เงินน้นั เป็น ประโยชน์ส่วนตน

7 มำตรำ 152 เร่ือง เจ้ำพนักงำนเข้ำมสี ่วนได้ส่วนเสียในกจิ กำร มำตรำ 152 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ท่ีจดั การหรือดูแลกิจการใด เขา้ มีส่วนได้เสียเพอ่ื ประโยชน์ สาหรับตนเองหรือผอู้ ่ืน เนื่องดว้ ยกิจการน้นั ตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แต่หน่ึงปี ถึงสิบปี และปรับต้งั แต่สองหม่ืน บาทถึงสองแสนบาท โครงสร้ำงกำรรับผิดทำงอำญำ องค์ประกอบภำยนอก (1) เป็นเจา้ พนกั งาน (2) มีหนา้ ท่ีจดั การ หรือดูแลกิจการใดๆ (3) เขา้ มีส่วนไดเ้ สียเนื่องดว้ ยกิจการน้นั องค์ประกอบภำยใน (1) เจตนาธรรมดา (2) มูลเหตุชกั จูงใจ เพื่อประโยชน์สาหรับตนเองหรือผอู้ ่ืน คำอธิบำยโครงสร้ำงกำรรับผิดทำงอำญำ มำตรำ 152 องค์ประกอบภำยนอก (1) เป็นเจา้ พนกั งาน ถา้ เป็นลกู จา้ งไมว่ า่ ประจาหรือชว่ั คราวกไ็ มใ่ ช่พนกั งาน ไม่ผิดมาตราน้ี (2) มีหนา้ ท่ีจดั การ หรือดูแลกิจการใดๆ บรรดาผมู้ ีหนา้ ที่ หรือฐานะเป็นผจู้ ดั การ ผอู้ านวยการ ตา่ งๆท่ี เป็นเจา้ พนกั งาน คาวา่ “มีหนา้ ที่จดั การหรือดูแลกิจการ”ในท่ีน้ีหมายถึงท้งั หรือกิจการของทางราชการและของ เอกชน ท้งั น้ีแลว้ แต่วา่ หนา้ ท่ีของเจา้ พนกั งานน้นั จะเป็นผูจ้ ดั การดูแลกิจการของทางราชการหรือเอกชน

8 (3) เขา้ มีส่วนไดเ้ สียเน่ืองดว้ ยกิจการน้นั โดยอาจจะเป็นผรู้ ับเหมาเสียเองหรือไปยมื ชื่อผอู้ ่ืนมา เป็นผรู้ ับเหมางานหรือเขา้ ไปเป็นหุน้ ส่วนกบั ผผรู้ ับเหมาประมูลงานที่อยใู่ นอานาจหนา้ ที่ของตนเอง การเขา้ มามีส่วนไดเ้ สียในกิจการน้นั แตต่ อ้ งไดก้ ระทาโดยมลู เหตุชกั จูงใจคอื หาประโยชน์ ใหแ้ ก่ตนเองหรือผูอ้ ่ืน ถา้ กระทาเพ่ือประโยชนใ์ หแ้ ก่รัฐ หรือทบวงการเมืองซ่ึงตนสงั กดั อยู่ หรือเพ่ือประโยชน์ ของบุคคลท่ีตนจดั การหรือดูแลกิจการ ยอ่ มไมผ่ ดิ องค์ประกอบภำยใน (1) เจตนาธรรมดา ถา้ ไม่มีเจตนากไ็ ม่มีความผิด (2) มูลเหตุชกั จูงใจ เพ่ือประโยชน์สาหรับตนเองหรือผอู้ ่ืน ไดแ้ ก่ กรณีท่ีเจา้ พนกั งานมีหนา้ ที่ จดั การหรือดูแลกิจการใด เขา้ มีส่วนไดเ้ สียโดยมีมูเหตุจูงใจเพอ่ื ประโยชนส์ าหรับตนเองหรือผอู้ ื่นเนื่องดว้ ย กิจการน้นั เพ่ือประโยชนส์ าหรับตนเองหรือผอู้ ่ืนกฎหมายใหร้ วมไปถึง เพอื่ ประโยชน์ผูอ้ ่ืนดว้ ยดงั น้นั ถา้ หากเป็นของภรรยาหรือบตุ ร พีเ่ ขย นอ้ งเมีย พอ่ ตา แมย่ าย ญาติ เพือ่ น หรือนายทุนท่ีสนบั สนุนพรรคการเมืองก็ผดิ มาตรา 152 น้ี ตัวอย่ำงกรณคี วำมผดิ ตำมมำตรำ 152 พนกั งานของกระทรวงการคลงั เขา้ ควบคุมดูแลกิจการของธนาคารพาณิชยแ์ ลว้ ไม่ตรวจตราดูแลความ บกพร่องของธนาคารน้ีหรือเขา้ หุน้ กบั ผอู้ ่ืน แลว้ นาของมาขายกบั ทางราชการ ซ่ึงตนมีหนา้ ที่จดั การดูแล มาตราน้ี ไมป่ ระสงคท์ ี่จะใหเ้ จา้ พนกั งานเขา้ หาผผลประโยชน์จากกิจการท่ีตนมีหนา้ ที่จดั การดูแล ความผดิ สาเร็จเมื่อเขา้ มี ส่วนไดเ้ สียเพอ่ื หาประโยชน์แมว้ า่ เมื่อไดก้ ระทาเช่นน้นั แลว้ ต่อมาอาจจะขาดทนและไมไ่ ดร้ ับประโยชนเ์ ลย กไ็ ม่ พน้ ผดิ

9 บทท่ี 2 คำอธิบำยจำกบรรทัดฐำนคำพพิ ำกษำศำลฎีกำ มำตรำ 147 เร่ือง เจ้ำพนักงำนยักยอกทรัพย์ ตัวอย่ำงกรณีควำมผิดตำมมำตรำ 147 รองผบู้ ญั ชาการตารวจส่ังให้ ร.ต.อ.ปิ ติ ทาหนา้ ท่ีเกบ็ รักษาเงินประกนั ตวั ของผูต้ อ้ งหาของสถานี ตารวจบางตน้ ไทร เป็นจานวนเงิน 50,000 บาท ร.ต.อ.ปิ ตินาเงินดงั กล่าวไปฝากพ่สี าว มิไดน้ ามาเกบ็ ไวใ้ นตูน้ ิรภยั ของทางราชการ เวลาผา่ นไป 3 เดือน รองผบู้ ญั ชาการสถานีตารวจรู้เขา้ จึงสั่งให้ ร.ต.อ.ปิ ติ นาเงินมาคนื แก่ทาง ราชการ ร.ต.อ.ปิ ติ ก็นาเงินมาคนื จนครบ วินจิ ฉัย กรณีตามอทุ าหรณ์ การท่ีร.ต.อ. ปิ ติซ่ึงไดร้ ับคาสั่งจากรองผบู้ งั คบั บญั ชาการตารวจใหท้ าหนา้ ท่ี เกบ็ รักษาเงินประกนั ตวั ของผตู้ อ้ งหาของสถานีตารวจบางตน้ ไทร เป็นจานวนเงิน 50,000 บาท และไดน้ าเงิน ดงั กล่าวไปฝากพ่ีสาว มิไดน้ ามาเก็บไวใ้ นตนู้ ิรภยั ของทางราชการน้นั เมื่อร.ต.อ.ปิ ติ เป็นเจา้ พนกั งานมีหนา้ ท่ี รักษาทรัพยแ์ ลว้ เอาทรัพย์ (เงินประกนั ตวั ผตู้ อ้ งหา)น้นั ไป พฤติการณ์แสดงวา่ ร.ต.อ.ปิ ติ มีเจตนาทุจริตเบียดบงั เงินน้นั เป็นของตนหรือของผูอ้ ื่นแลว้ แมต้ ่อมาในภายหลงั ร.ต.อ.ปิ ติจะไดน้ าเงินจานวน 50,000 บาทมาคืนแก่ ทางราชการจนครบ การกระทาของ ร.ต.อ.ปิ ติก็เป็นการกระทาที่ครบองคป์ ระกอบของความผดิ ตามมาตรา 147 ทุกประการ ดงั น้นั ร.ต.อ.ปิ ติจึงมีความผดิ ฐานเจา้ พนกั งานยกั ยอกทรัพยต์ ามมาตรา 147

10 คำพพิ ำกษำศำลฎีกำที่ 341/2512 จาเลยเป็นพลทหารเรือประจาการมีหนา้ ที่เป็นพลขบั รถยนตข์ องราชการทหารเรือ จึงเป็นเจา้ พนกั งานมี หนา้ ท่ีจดั การใชแ้ ละรักษาน้ามนั รถที่จาเลยทาหนา้ ที่ขบั น้นั ดว้ ย การท่ีจาเลยยอมใหบ้ ุคคลอ่ืนดูดเอาน้ามนั ในรถ ไปแลว้ รับเงินจากบคุ คลน้นั เป็นค่าตอบแทนเอาเป็นประโยชน์ส่วนตวั ยอ่ มเป็นการเบียดบงั น้ามนั ของทาง ราชการไปโดยทุจริตเป็นความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 คำอธบิ ำยบรรทัดฐำนคำพพิ ำกษำศำลฎีกำ 341/2512 องค์ประกอบภำยนอก (1) ผกู้ ระทา จาเลยเป็นพลทหารเรือประจาการมีหนา้ ท่ีเป็นพลขบั รถยนตข์ องราชการทหารเรือ (2) การกระทา จาเลยมีหนา้ ที่จดั การใชแ้ ละรักษาน้ามนั รถและจาเลยยงั ทาหนา้ ท่ีขบั น้นั ดว้ ย (3) วตั ถแุ ห่งการกระทา การท่ีจาเลยน้นั ยอมใหบ้ ุคคลอ่ืนเอาน้ามนั รถไปแลว้ รับเงินจากบคุ คน้นั เป็ นค่าตอบแทน องค์ประกอบภำยใน (1) เจตนาธรรมดา จาเลยยอมใหบ้ ุคคลอื่นดูดน้ามนั ในรถ มีเจตายกั ยอกทรัพย์ (2) มูลเหตชุ กั จูงใจโดยทจุ ริต จาเลยไดร้ ับเงินจากบคุ คลน้นั เป็นคา่ ตอบแทน

11 มำตรำ 152 เร่ือง เจ้ำพนกั งำนเข้ำมีส่วนได้ส่วนเสียในกจิ กำร คำพพิ ำกษำศำลฎีกำที่ 1706/2535 ผทู้ ี่จะมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 152 จะตอ้ งเป็นเจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ที่จดั การหรือดูแลกิจการใด เขา้ มี ส่วนไดเ้ สียเพื่อประโยชนส์ าหรับตนเองหรือผอู้ ื่นเน่ืองดว้ ยกิจการน้นั การท่ีจาเลยที่ 1 ในฐานะเป็น นายกเทศมนตรี มีหนา้ ท่ีควบคมุ ดูแลกิจการของเทศบาลโดยตรงและเป็นหุ้นส่วนประเภทจากดั ความรับผดิ ของ หา้ งหุน้ ส่วนจากดั ช.ไดเ้ ขา้ ทาสญั ญาซ้ือขายกบั หา้ งหุ้นส่วนจากชั . เม่ือเทศบาลไดด้ าเนินการถูกตอ้ งตามระเบียบ ของทางราชการและราคาที่ตกลงซ้ือก็ต่ากวา่ ราคาท่ีเทศบาลต้งั งบประมาณไว้ แสดงวา่ จาเลยที่ 1 ไดก้ ระทาไป ตามอานาจหนา้ ท่ีในฐานะนายกเทศมนตรีไม่ไดม้ ุ่งหวงั ประโยชน์อยา่ งอื่น จึงถือไมไ่ ดว้ า่ จาเลยที่ 1เขา้ มีส่วนได้ เสียเพอื่ ประโยชนส์ าหรับตนเองหรือผอู้ ื่นเนื่องดว้ ยการทาสัญญาดงั กล่าว จึงไมม่ ีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 152 จาเลยที่ 2 ซ่ึงเป็นหุน้ ส่วนผจู้ ดั การของหา้ งหุน้ ส่วนจากดั ช. คู่สัญญาจึงไมม่ ีความผดิ ฐานเป็นผสู้ นบั สนุน คำอธิบำยบรรทดั ฐำนคำพพิ ำกษำศำลฎกี ำ 1706/2535 องค์ประกอบภำยนอก (1) ผกู้ ระทา จาเลยท่ี 1 ในฐานะเป็นนายกเทศมนตรี มีหนา้ ท่ีควบคุมดูแลกิจการของเทศบาล โดยตรงและเป็นหุน้ ส่วนประเภทจากดั ความรับผดิ ของห้างหุน้ ส่วนจากดั ช. (2) การกระทา จาเลยที่ 1 ไดเ้ ขา้ ทาสญั ญาซ้ือขายกบั หา้ งหุ้นส่วนจากดั ช. (3) เขา้ มีส่วนไดเ้ สียเน่ืองดว้ ยกิจการน้นั จาเลยท่ี 1 ไดก้ ระทาไปตามอานาจหนา้ ท่ีในฐานะ นายกเทศมนตรีไม่ไดม้ ุ่งหวงั ประโยชน์อยา่ งอื่น จึงถือไม่ไดว้ า่ จาเลยท่ี 1 เขา้ มีส่วนไดเ้ สียเพอ่ื ประโยชน์สาหรับ ตนเองหรือผอู้ ่ืนเน่ืองดว้ ยการทาสญั ญา

12 องค์ประกอบภำยใน (1) เจตนาธรรมดา จาเลยที่ 1 ไดเ้ ขา้ ทาสญั ญาซ้ือขายกบั หา้ งหุน้ ส่วนจากดั ช. (2) มลู เหตุชกั จูงใจ เพื่อประโยชนส์ าหรับตนเองหรือผอู้ ื่น จาเลยท่ี 1 ใชอ้ านาจหนา้ ท่ีในฐานะ นายกเทศมนตรี คำพพิ ำกษำศำลฎกี ำที่ 7776/2540 จาเลยที่ 1 ดารงตาแหน่งปลดั สุขาภิบาล ค. ไดร้ ับคาส่ังแต่งต้งั จากสุขาภิบาล ค. ใหเ้ ป็นผตู้ รวจงานจา้ งใน การจา้ งเหมาขุดลอกและลา้ งทางระบายน้าในเขตสุขาภิบาล ค. และจาเลยท้งั ส่ีเป็นเจา้ พนกั งานไดร้ ับคาสง่ั แตง่ ต้งั จากสุขาภิบาล ค. ใหจ้ าเลยท่ี 1 เป็นประธานกรรมการตรวจการจา้ ง จาเลยท่ี 2 ที่ 3 และท่ี 4 เป็นกรรมการตรวจการ จา้ งในการจา้ งก่อสร้างถนนลาดยางแอสฟัลตใ์ นเขตสุขาภิบาล ค. แมส้ ญั ญาจา้ งขดุ ลอกและลา้ งทางระบายน้าได้ ระบชุ ื่อ ส.เป็นผรู้ ับจา้ งแต่ ส.ไม่เคยเก่ียวขอ้ งหรือมีส่วนรู้เห็นในการรับจา้ งขดุ ลอกและลา้ งทางระบายน้าของสุขา ภิบาค. อีกท้งั ลายมือช่ือในช่องผรู้ ับจา้ งตามสญั ญาขอ้ ตกลงจา้ งลายมือชื่อในช่องผรู้ ับเงินตามใบเสร็จรับเงินและ ลายมือชื่อในช่องผูร้ ับเงินตามฎีกาเบิกเงินมิใช่ลายมือชื่อของ ส. หากแต่จาเลยที่ 1 เขา้ ไปจดั การใหต้ ้งั แตข่ อต้งั ฎีกาเบิกเงินและรับเงินเอาไปเองโดยไมป่ รากฏมีตวั ส.เขา้ ไปแสดงตนเพื่อขอเบิกเงินตามที่ไดร้ ับจา้ งขดุ ลอกและ ลา้ งทางระบายน้าแต่อยา่ งใด เม่ือ ส.มิใช่เป็นผรู้ ับจา้ งทางานรายน้ี การที่จาเลยท่ี 1 ไดเ้ ขา้ ดาเนินการขดุ ลอกและ ลา้ งทางระบายน้าโดยใชค้ นงานของสุขาภิบาล ค.ทางานให้ จาเลยท่ี 1 ในฐานะเป็นปลดั สุขาภิบาล ค.ถือวา่ เป็นผู้ มีหนา้ ที่จดั การและดูแลกิจการของสุขาภิบาล ค. เม่ือจาเลยที่ 1 เขา้ มีส่วนไดเ้ สียเพื่อประโยชน์สาหรับตนเองและ ผอู้ ื่นเนื่องดว้ ยกิจการดงั กลา่ วโดยจ่ายคา่ จา้ งคนงานเพียง 1,750 บาท แต่เบิกเงินคา่ จา้ งตามสัญญาไป 2,900 บาท เป็นเหตใุ หส้ ุขาภิบาล ค.ไดร้ ับความเสียหาย การกระทาของจาเลยท่ี 1 จึงเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 152, 157 อนั เป็นการกระทากรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบท ใหล้ งโทษตามมาตรา 152 ซ่ึงเป็นบทที่มีโทษหนกั ท่ีสุด

13 คำอธิบำยบรรทัดฐำนคำพพิ ำกษำศำลฎกี ำ 7776/2540 องค์ประกอบภำยนอก (1) ผกู้ ระทา จาเลยท่ี 1ดารงตาแหน่งปลดั สุขาภิบาล ค. จาเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการตรวจ การจา้ ง จาเลยที่ 2ท่ี 3 และที่ 4 เป็นกรรมการตรวจการจา้ ง (2) การกระทา จาเลยท่ี 1 ไดร้ ับคาสง่ั ใหเ้ ป็นผูต้ รวจงานจา้ งในการจา้ งเหมาขดุ ลอกและลา้ งทาง ระบายน้า และจาเลยท้งั สี่เป็นเจา้ พนกั งาน (3) เขา้ มีส่วนไดเ้ สียเน่ืองดว้ ยกิจการน้นั จาเลยท่ี 1 เขา้ ไปจดั การใหต้ ้งั แตข่ อต้งั ฎีกาเบิกเงินและ รับเงินเอาไปเองโดยไม่ปรากฏมีตวั ส.เขา้ ไปแสดงตนเพื่อขอเบิกเงินตามท่ีไดร้ ับจา้ งขดุ ลอกและลา้ งทางระบาย น้า องค์ประกอบภำยใน (1) เจตนาธรรมดา จาเลยที่ 1 ไดร้ ับคาสั่งเป็นผูต้ รวจงานจา้ ง เขา้ ไปขอต้งั ฎีกาเบิกเงินและรับเงิน เอาไปเอง โดยที่ลายมือช่ือในช่องผรู้ ับเงินตามฎีกาเงินมิใช่ลายมือช่ือของ ส. (2) มูลเหตชุ กั จูงใจ เพอ่ื ประโยชนส์ าหรับตนเองหรือผอู้ ื่น จาเลยท่ี 1 ใชอ้ านาจหนา้ ท่ีในฐานะ ตาแหน่งปลดั สุขาภิบาล ค.ถือวา่ เป็นผมู้ ีหนา้ ที่จดั การและดูแลกิจการของสุขาภิบาล ค. จาเลยที่ 1 เขา้ มีส่วนไดเ้ สีย เพื่อประโยชน์สาหรับตนเองและผอู้ ่ืนเน่ืองดว้ ยกิจการดงั กลา่ ว

14 บทที่ 3 สรุปเนื้อหำสำระสำคญั สรุปเนื้อหำสำระสำคัญ มำตรำ 147 เรื่อง เจ้ำพนักงำนยกั ยอกทรัพย์ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ท่ี ซ้ือ ทาจดั การหรือรักษาทรัพย์ ใด เบียดบงั ทรัพยน์ ้นั เป็นของตน หรือเป็นของผูอ้ ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทจุ ริตยอมใหผ้ ูอ้ ่ืนเอาทรัพยน์ ้นั เสีย ตอ้ ง ระวางโทษจาคุกต้งั แต่หา้ ปี ถึงยสี่ ิบปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรับต้งั แต่หน่ึงแสนบาทถึงส่ีแสนบาท สาหรับคาวา่ “ทุจริต” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (1) หมายถึง “เพื่อแสวงหาประโยชน์ทีมิควร ไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายสาหรับตนเองหรือผอู้ ื่น” ผกู้ ระทา คือ “เจา้ พนกั งาน” ตามบทนิยามมาตรา 1 (16) “มีหนา้ ท่ีซ้ือ ทา จดั การ” หนา้ ท่ีเหล่าน้ี อาจเป็นหนา้ ท่ีท่ีไดร้ ับมอบหมายเพม่ิ เติมหนา้ ท่ีที่ผกู้ ระทาหรือเจา้ พนกั งานไดร้ ับ กรณีจะเป็นความผดิ ตามมาตรา 147 ตอ้ งเป็นเจา้ พนกั งาน ขา้ ราชการท่ีทุจริต มีหนา้ ที่ควบคุม ดูแล และเกบ็ รักษาเงินของทางราชการ หรือทรัพยต์ ่างๆของทางราชการ ถอนเงิน หรือร่วมกนั ถอนเงินในบญั ชี ธนาคารซ่ึงเป็นเงินของทางราชการใช่ส่วนตวั บางรายการกน็ าเงินท่ีนไดร้ ับหนา้ ที่ในการเกบ็ รักษาไวไ้ ปใช้ ส่วนตวั สาหรับตนเองและของคนอ่ืน เช่น ตารวจยกั ยอกปื นท่ีรับไวใ้ ชใ้ นราชการ ครูโรงเรียนรัฐบาลรับตาแหน่ง ใหม้ ีหนา้ ที่รับเงิน ยกั ยอกเงินที่รับไว้ หรือเอาเงินในความรักษาของตนใหผ้ อู้ ่ืนยมื ไปใชก้ ่อน การกระทาดงั กลา่ ว ถือวา่ เป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจา้ พนกั งานยกั ยอกทรัพยม์ ีโทษจาคุกต้งั แต่หา้ ปี ถึงยสี่ ิบปี หรือจาคกุ ตลอด ชีวติ และปรับต้งั แตห่ น่ึงแสนบาทถึงสี่แสนบาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 คำพพิ ำกษำศำลฎกี ำที่ 341/2512 กลา่ วถึงจาเลยเป็นเจา้ พนกั งานมีหนา้ ที่ในการใชแ้ ละรักษาน้ามนั รถท่ีจาเลยใชข้ บั และการท่ี จาเลยน้นั ยอมใหบ้ ุคคลอ่ืนดูดน้ามนั ในรถไป แลว้ จาเลยไดร้ ับเงินจากบคุ คลดงั กล่าวเป็นค่าตอบแทน มาเป็น ประโยชน์ส่วนตวั ถือวา่ เป็นการเบียดบงั น้ามนั ของทางราชการไปโดยทุจริตความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

15 สรุปเนื้อหำสำระสำคญั มำตรำ 152 เร่ือง เจ้ำพนกั งำนเข้ำมีส่วนได้ส่วนเสียในกจิ กำร ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ที่จดั การหรือดูแลกิจการใด เขา้ มีส่วนไดส้ ่วนเสียเพื่อประโยชน์สาหรับตนเองหรือผอู้ ื่น เนื่องดว้ ยกิจการน้นั ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่หน่ึงปี ถึง สิบปี และปรับต้งั แต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ผกู้ ระทา คือ “เจา้ พนกั งาน” ตามบทนิยามมาตรา 1 (16) ไมร่ วมถึงสมาชิกสภานิติบญั ญตั ิแห่งรัฐ (ส.ส.,ส.ว.) สมาชิกสภาจงั หวดั (ส.จ.) หรือสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ดว้ ยเหตนุ ้ีถา้ สมาชิกสภานิติบญั ญตั ิแห่งรัฐ เขา้ ไปมีส่วนไดส้ ่วนเสีย จะถือวา่ ขาดคณุ สมบตั ิเฉพาะทวั่ ไปไม่เป็นความผดิ แต่อาจผิดฐานผสู้ นบั สนุนหรือผดิ ตามกฎหมายเฉพาะอ่ืนๆ เจา้ พนกั งานน้นั จะตอ้ ง มีหนา้ ท่ีจดั การหรือดูแลกิจการได้ รวมไปถึงหนา้ ที่ซ้ือทาจดั การหรือ รักษาทรัพยใ์ ดๆ ตามมาตรา 151 ดว้ ย แตแ่ ตกต่างกนั ตรงท่ีมาตรา 152 ไม่ตอ้ งมีเจตนาทุจริตและไม่ตอ้ งเสียหาย แก่ผใู้ ดเหมือนเช่นมาตรา 151 การกระทา ไดแ้ ก่ การเขา้ มีส่วนไดส้ ่วนเสียเน่ืองจากการที่ตนมีหนา้ ท่ีจดั การหรือดูแลกิจการใด ไมว่ า่ จะเป็นในส่วนของรัฐบาลหรือของเอกชน การเขา้ มามีส่วนไดส้ ่วนเสียเน่ืองดว้ ยกิจการน้นั ผกู้ ระทาหรือเจา้ พนกั งานตอ้ งไดก้ ระทาโดยมี มลู เหตจุ ูงใจ ในการหาประโยชนใ์ หแ้ ก่ตนเองหรือผอู้ ื่น รวมไปถึงภรรยาหรือบุตร ญาติต่างๆ แตถ่ า้ หากผกู้ ระทา หรือเจา้ พนกั งานกระทาลงไปเพือ่ ประโยชน์ของรัฐ หรือเพือ่ ประโยชน์ของบคุ คลท่ีตนจดั การ ดูแลกิจการให้ การกระทาน้นั ยอ่ มไมม่ ีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 คำพพิ ำกษำศำลฎกี ำที่ 1706/2535 จาเลยที่ 1 เป็นเจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ท่ีจดั การหรือดูแลกิจการใด ผกู้ ระทาใชอ้ านาจตาแหน่งท่ีตน ไดร้ ับในฐานะนายกเทศมนตรี เขา้ มีส่วนไดส้ ่วนเสียเพื่อประโยชน์สาหรับตนหรือผอู้ ่ืน ดว้ ยการทาสัญญาซ้ือขาย กบั หา้ งหุน้ ส่วนจากดั ช. โดยท่ีจาเลยท่ี 2 ซ่ึงเป็นหุน้ ส่วนผจู้ ดั การของหา้ งหุน้ ส่วนจากดั ช. คสู่ ัญญาจึงไมม่ ี ความผดิ ฐานเป็นผสู้ นบั สนุน

16 คำพพิ ำกษำศำลฎีกำที่ 7776/2540 จาเลยที่ 1 ดารงตาแหน่งปลดั สุขาภิบาล ค. และไดร้ ับคาสง่ั แตง่ ต้งั ใหเ้ ป็นผูต้ รวจงานจา้ งเหมาขดุ คลองและลา้ งทางระบายน้าในเขตสุขาภิบาล ค. โดยจาเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการตรวจการจา้ ง จาเลยที่ 2 ที่ 3 และท่ี 4 เป็นกรรมการตรวจการจา้ ง ในคู่สัญญาน้นั ไดร้ ะบุช่ือของ ส.เป็นผรู้ ับจา้ ง แต่ ส.ไมเ่ คยเก่ียวขอ้ งหรือมี ส่วนรู้เห็นอะไรเลยในการรับจา้ งตามสญั ญาดงั กลา่ ว ท้งั น้ีลายมือช่ือในช่องผรู้ ับเงินตามใบเสร็จรับเงินและลาย ชื่อในช่องผรู้ ับเงินตามฎีกาเบิกเงินยงั มิใช่ลายมือช่ือของ ส. มีการรับเงินเอาไปเองโดยไม่ปรากฏมีตวั ส. เขา้ ไป แสดงตน จาเลยที่ 1 ในฐานะเป็นปลดั สุขาภิบาล เขา้ มีส่วนไดส้ ่วนเสียเพอ่ื ประโยชน์สาหรับตนเองและ ผอู้ ื่นเนื่องจากกิจการดงั กลา่ วตอ้ งจ่ายเงินคา่ จา้ งคนงานเพยี ง 1,750 บาทแต่เบิกไป 2,900 การกระทาของจาเลยท่ี 1 น้นั จึงเป็นความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 และ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

17 บรรณำนุกรม กองผชู้ ่วยผพู้ พิ ากษาศาลฎีกา. (2513). คำพพิ ำกษำศำลฎีกำที่ 341/2512. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:gZIFNfNrpHwJ:https://deka.in.th/view- 38573.html+&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th (สืบคน้ วนั ที่ : 25 กนั ยายน 2564). กองผชู้ ่วยผพู้ พิ ากษาศาลฎีกา. (2513). คำพพิ ำกษำศำลฎกี ำท่ี 7776/2540. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://deka.in.th/view92459.html?fbclid=IwAR3bzcSeXwPFBOdzp6XPYQKrwSeP8XJLWWjhmxd 6ElpStbMXvidiDbcrM1E (สืบคน้ วนั ที่: 25 กนั ยายน 2564). ควำมผิดฐำนเป็ นเจ้ำพนกั งำนเข้ำมสี ่วนได้เสียในกจิ กำรที่ตนมหี น้ำท่ี ตำมมำตรำ 152. (2560). [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://wichianlaw.blogspot.com/2017/03/blog-post_25.html?m=1&fbclid=IwAR0D 9IOjXovsx0ZpIMOLiMarK_re5anA7_sYaoIMH0Zx_DEshyX9oiOVYyc(สืบคน้ วนั ที่ : 25 กนั ยายน 2564) ควำมผิดฐำนเจ้ำพนักงำนยักยอกตำมมำตรำ 147. (2544). [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://wichianlaw.blogspot.com/2017/03/147.html?fbclid=IwAR1bcfg4fGP_cOlIdvsEEeugfPFwSrif PIpf6NITJayljjrU4k_aN5o3QcZ (สืบคน้ วนั ที่ : 25 กนั ยายน 2564). ควำมผดิ ฐำนเจ้ำพนักงำนยกั ยอกทรัพย์. (2557). [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://www.lawsiam.com/?name=article&file=read&max=610&fbclid=IwAR2T21v2j2ZEnsutjZKel SgYQQw6SADZxJ4pzsYbsGq10EURuajZvvsj5AY(สืบคน้ วนั ที่ 25 กนั ยายน 2564). ธญั พงศ์ แววสงา่ . (2554). ทฤษฎคี วำมรับผดิ ทำงอำญำ. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://www.stou.ac.th/Schools/Slw/upload/41716_2.pdf?fbclid=IwAR3qDVaCuHg0tTCUIGaxrQW eLOM8D01CENN84t40t2JNX3_ApmPtBsWWQcQ (สืบคน้ วนั ที่ : 25 กนั ยายน 2564). ศาสตราจารย์ ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ. 2556. คำอธิบำย กฎหมำยอำญำ ภำคควำมผิดและลหุโทษ. พมิ พค์ ร้ังที่ 18. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพว์ ิญญูชน ศาสตราจารย์ ดร.หยดุ แสงอุทยั . 2564. กฎหมำยอำญำ ภำค 2-3. พมิ พค์ ร้ังท่ี 11. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พ์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์

18 บรรณำนุกรม สานกั งานส่งเสริมงานตุลาการ. (2513). คำพพิ ำกษำศำลฎีกำท่ี 1706/2535. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://deka.in.th/view15318.html?fbclid=IwAR1FycLs7iwZJQr4sBPeWVrCqUXFvHI4JqCXlFkCkt 3uVoSNTBKqtPmN0Gw (สืบคน้ วนั ที่ : 25 กนั ยายน 2564). สหรัฐ กิติ ศภุ กร. 2563. หลกั และคำพพิ ำกษำกฎหมำยอำญำ. พิมพค์ ร้ังท่ี 10. กรุงเทพฯ: อมรินทร์. สหรัฐ กิติ ศุภกร. 2564. กฎหมำยอำญำหลกั และคำพพิ ำกษำ. พิมพค์ ร้ังที่ 11. กรุงเทพฯ: อมรินทร์.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook