บทท่ี 3 อปุ กรณ์ปอ้ งกนั วงจรไฟฟ้าอุปกรณป์ ้องกนั วงจรไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้า เมอ่ื เกดิ ภาวะผดิ ปกติขน้ึ ในวงจร เชน่ เกิดการช็อตจะทาให้มกี ระแสไหลผา่ นวงจรจานวนมาก กจ็ ะเป็นสาเหตใุ หเ้ กิดอันตรายกับผู้ใช้ โหลดของวงจร จงึ จาเป็นตอ้ งมอี ุปกรณไ์ ว้สาหรบั ตัดวงจรเพ่อื หยดุ การไหลของกระแสจานวนมากนัน้ ไว้ เพื่อไม่ให้เกดิ อันตรายกบั ผูใ้ ช้ หรอื อุปกรณ์ไฟฟา้ ชารดุ เสียหายมากขน้ึ โดยอนั ตรายท่ีจะเกิดข้ึนกบั อุปกรณแ์ ละผใู้ ชไ้ ฟ จะมีอยู่ 3 ลักษณะ คอื 1. การใช้กระแสไฟฟา้ เกินพกิ ัด (Over Load) หมายถึง การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟา้ หรอื เครอ่ื งอานวยความสะดวกต่างๆ ทท่ี าให้กระแสไฟฟา้ ไหลมากเกนิ กว่าขนาดของสายไฟจะทนได้ ซง่ึ จะเป็นผลใหเ้ กดิ ความร้อนสะสมข้ึนในสายไฟจนอาจทาใหเ้ กิดอคั คีภัยขน้ึ ได้ ถา้ เราออกแบบอปุ กรณ์ป้องกนั ทใ่ี ช้ป้องกนั วงจรไม่ถกู ตอ้ ง 2. กระแสไฟฟา้ ลัดวงจร (Short Circuit) หมายถึง การทีข่ วั้ ไฟฟ้าสัมผัสกนั โดยตรงก่อนทจี่ ะไหลผ่านอปุ กรณ์ไฟฟา้ ทาให้วงจรไฟฟา้ มีความตา้ นทานน้อยมากจนทาให้กระแสไฟฟา้ จานวนมากไหลในเวลาอันรวดเร็ว ซ่งึ เป็นผลทาให้เกิดความร้อนสูงขึ้นมากหรือเกดิ ประกายไฟขนึ้ จนนาไปสกู่ ารเกดิ อคั คภี ยั ไดใ้ นที่สุด 3. กระแสไฟฟา้ ดดู หมายถึง ส่วนหนงึ่ สว่ ยใดของรา่ งกายเราสัมผสั ถูฏบรเิ วณทมี่ ไี ฟฟา้ รัว่ ซ่งึ จะทาให้เกิดกระแสไฟฟา้ไหลผ่านร่างกายและสามารถไหลลงสพู่ ้ืนดนิ ไดค้ รบวงจร ซง่ึ อาจทาใหผ้ ู้ถูกไฟฟา้ ดดู สญู เสยี ชวี ติ ได้ ถ้าปริมาณไฟฟ้ามมี ากพอ และกระแสไหลผ่านเปน็ เวลานาน อย่างไรก็ดเี ราสามารถขจดั ความเสยี่ งหรอื โอกาสท่ีจะเกดิ เหตกุ ารณด์ ังกล่าวได้ โดยการใช้อุปกรณ์ปอ้ งกันระบบไฟฟา้ เพ่อื ใชป้ อ้ งกันระบบไฟฟ้าใหเ้ หมาะสมกับการใชง้ านของเรา โดยคานงึ ถึงมาตรฐานตา่ งๆเพอื่ ความปลอดภยั ของชวี ิตและทรพั ย์สนิ ของผใู้ ช้ไฟฟ้า ซง่ึ อปุ กรณท์ เี่ ราใช้สาหรบั ป้องกันอันตรายของวงจรมีอยหู่ ลายอยา่ งแตใ่ นท่ีนจ้ี ะกลา่ วถงึ อุปกรณ์เบ้อื งตน้ ท่ีใช้โดยทว่ั ไป 2 ชนดิ คอื ฟิวส์ และเบรกเกอร์ฟวิ ส์ (Fuse)คอื อุปกรณ์ท่ใี ช้สำหรับปอ้ งกนั ไฟช็อตและไฟเกินในวงจรไฟฟ้ำ ฟิวส์ถือเปน็ อุปกรณเ์ รมิ่ แรกทใี่ ชส้ ำหรบักำรป้องกันวงจรไฟฟำ้ ไมใ่ ห้เกดิ อนั ตรำย แตใ่ นปจั จบุ นั คนรุ่นใหม่อำจจะไมร่ ู้จกั ฟวิ ส์ เพรำะฟวิ สถ์ กู เข้ำมำแทนที่ด้วยเบรคเกอร์ เน่ืองจำกควำมสะดวกสบำยในกำรใชง้ ำนมำกกวำ่ คนไม่มคี วำมรู้ก็สำมำรถใชไ้ ด้ ไม่เหมือนกบั ฟวิ ส์ ทอี่ ำจจะมีขอ้ ยุ่งยำกในกำรเปลีย่ นหลังจำกฟิวสไ์ ด้ทำงำนป้องกันวงจรไฟฟ้ำแลว้ จะตอ้ ง
เปล่ยี นฟวิ สต์ ัวใหม่ทำหนำ้ ทแ่ี ทน เน่ืองจำกฟิวสอ์ ำศยั หลกั กำรทำงำนโดยใช้ควำมรอ้ นท่เี กดิ จำกกำรไหลของกระแสทำใหเ้ กดิ ควำมรอ้ น หำกกระแสไหลผ่ำนมำกเกนิ ขนำดของฟิวส์ ควำมรอ้ นทเี่ กดิ จะมำกพอท่ีจะทำใหห้ ลอมละลำยตวั เองขำดออกจำกกนั ทำใหว้ งจรเปดิ กระแสไฟฟำ้ ไม่สำมำรถไหลผำ่ นไดอ้ กี ตอ่ ไป เมือ่ฟิวส์ได้ทำงำนขำดออกจำกกันแลว้ จงึ จำเปน็ ทจี่ ะต้องเปล่ียนฟิวส์ตัวใหม่ทำหนำ้ ท่ีป้องกันวงจรไฟฟ้ำตวัใหม่ ซ่ึงต้องอำศัยผทู้ มี่ คี วำมรู้ในกำรเปลี่ยน แตอ่ ย่ำงไรก็ตำมฟิวสก์ ็ยงั มขี ้อดีทีส่ ุดอยำ่ งหนึง่ คือ ฟวิ สจ์ ะทำงำนในกำรป้องกนั วงจรไฟฟ้ำได้100 % เน่ืองจำกใช้ควำมร้อนในกำรหลอมละลำยตวั เอง ไม่มกี ลไกอยำ่ งอ่ืนประกอบ ไมเ่ หมอื นอปุ กรณ์ปอ้ งกนั วงจรชนดิ อื่นท่ตี ้องอำศยั กลไกประกอบ จงึ อำจมโี อกำสทจี่ ะทำใหก้ ลไกไมท่ ำงำนข้นึ ได้ ซงึ่ เปน็สำเหตใุ หอ้ ุปกรณ์นัน้ ไม่ทำงำนเมือ่ วงจรเกดิ กำรผิดปกตขิ น้ึ ดงั นัน้ เพอื่ ควำมปลอดภัยทีด่ ี เรำจงึ ควรมีฟิวส์เปน็ อปุ กรณป์ อ้ งกันวงจรไฟฟ้ำดว้ ย ซ่ึงในปจั จุบนั เรำจะใช้ฟิวสเ์ ปน็ อปุ กรณป์ ้องกนั สำหรับวงจรเมนทัง้ หมด สว่ นอุปกรณป์ ้องกนั อื่นๆ ใช้สำหรบั กำรปอ้ งกันวงจรย่อย นอกจำกนีฟ้ วิ สย์ งั มีรำคำถกู กวำ่ อปุ กรณ์ปอ้ งกนั วงจรไฟฟำ้ อยำ่ งอน่ื ฟวิ สท์ ำด้วยโลหะซงึ่ มสี ่วนประกอบของตะกวั่ ร้อยละ 25 ดบี กุ 25 และบสิ มทั 50 ฟวิ ส์มจี ุดหลอมเหลวต่ำ ฟวิ ส์ ใช้สญั ลักษณแ์ ทนดังภำพด้ำนลำ่ ง ภำพท่ี 1 แสดงสญั ลกั ษณ์ของฟวิ ส์
เพ่อื ควำมสะดวกในกำรใช้งำน ฟิวสจ์ ึงถกู ออกแบบใหม้ ีรปู รำ่ งลกั ษณะทแี่ ตกต่ำงกนั เพือ่ ใช้ประกอบกบั อปุ กรณ์ตำ่ งๆ ดงั นี้ 1. ฟวิ ส์เส้น มีลกั ษณะเปน็ เสน้ ลวด ใชส้ ำหรบั คทั เอำท์ ภำพท่ี 2 แสดงฟวิ สเ์ สน้ ภำพที่ 3 แสดงกำรใชฟ้ วิ ส์เสน้ ร่วมกบั คัทเอำท์ 2. ฟิวส์แผน่ หรอื ฟวิ สก์ ้ำมปู มีลักษณะเปน็ แผ่นและมขี ัว้ สำหรบั ตอ่ คลำ้ ยก้ำมปู ถกู ออกแบบมำใช้สำหรับคัทเอำท์ ไดส้ ะดวกขน้ึ
ภำพที่ 4 แสดงฟวิ ส์ก้ำมปู และกำรใชง้ ำนรว่ มกบั คทั เอำท์ จำกภำพท่ี 4 กำรใสฟ่ ิวสก์ ำ้ มปู ใหค้ ลำยสกรูของคัทเอำท์จดุ ทจ่ี ะใส่ฟิวส์ออกกอ่ น จำกน้นั ใหด้ ันดำ้ นบนเขำ้ ไปก่อน และสับดำ้ นล่ำงเข้ำไปทสี่ กรูใหเ้ รียบรอ้ ยและขนั สกรูทง้ั สองดำ้ นใหแ้ น่น 3. ลูกฟิวส์ หรอื ฟวิ สก์ ระเบื้อง ใชส้ ำหรับปลั๊กฟวิ ส์ หรือคทั ติฟวิ ส์ ภำพที่ 5 แสดง. ลกู ฟิวส์ หรอื ฟิวส์กระเบ้ือง ทีใ่ ช้สำหรับปลั๊กฟวิ ส์ หรอื คัทตฟิ ิวส์ 4. ฟวิ สห์ ลอดแก้ว ใชส้ ำหรับปอ้ งกันอปุ กรณไ์ ฟฟำ้ บำงชนดิ ที่ผู้ผลติ ออกแบบมำแลว้ เชน่ อปุ กรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสท์ ว่ั ไป ปล๊ักไฟ เครื่องซกั ผำ้ เปน็ ตน้ ภำพที่ 6 แสดงฟวิ สห์ ลอดแกว้ ใชป้ ้องกันอปุ กรณ์ไฟฟ้ำทผี่ ลติ มำจำกบรษิ ัท
5. ฟวิ ส์กระบอก (Cylinder Fuse) เป็นฟวิ สท์ ่ใี ช้รว่ มกับเซฟต้สี วิทซ์ ซึ่งจะเป็นอำคำรขนำดใหญ่ท่ีใช้กระแสจำนวนมำก ฟวิ สก์ ระบอก จะมขี วั้ 2 แบบ คือแบบใบมีด (Knife-Blade) และแบบเฟอรลู (Ferrule) โดยตอ้ งเลือกใชต้ ำมรูปแบบของเซฟตีส้ วิทซ์ ภำพที่ 7 แสดงฟวิ สก์ ระบอก แบบเฟอรูล (ดำ้ นบน) และแบบใบมดี (ด้ำนลำ่ ง) ภำพที่ 8 แสดงเซฟต้ีสวิทซ์ ชนดิ ใชฟ้ ิวสก์ ระบอก แบบเฟอรลู กรณีเกดิ ไฟช็อตทำให้ฟิวสข์ ำด กำรเปลีย่ นฟวิ ส์ ให้เลือกซ้อื ฟวิ สข์ นำดเดมิ มำเปลย่ี น
เบรคเกอร์ (Breaker)คอื อุปกรณท์ ่ีใชส้ าหรบั ตดั ตอ่ วงจร และปอ้ งกนั ไฟชอ็ ตและไฟเกิน และไฟรวั่ (เฉพาะรนุ่ ) ในวงจรไฟฟา้ ที่นิยมใช้กนั มากในปจั จุบนั เนอ่ื งจากความสะดวกสบายในการใชง้ าน โดยเมอื่ เบรกแกอร์ตดั วงจรจากการทางาน ก็สามารถใช้งานใหมไ่ ดท้ ันที หลังจากทาการรเี ซท็ คนไม่มคี วามรกู้ ส็ ามารถทาได้ ไมเ่ หมือนกบั ฟวิ ส์ ท่อี าจจะมีขอ้ ยุ่งยากในการเปลย่ี นหลังจากฟวิ ส์ไดท้ างานปอ้ งกันวงจรไฟฟ้าแลว้ แต่อยา่ งไรก็ตามเบรคเกอร์ก็ยงั มีขอ้ เสียคอื อาจจะมีความผดิ พลาดในการป้องกนั วงจรไฟฟา้ ได้เน่ืองจากมกี ลไกประกอบการทางาน จึงอาจมโี อกาสทีจ่ ะทาให้กลไกไม่ทางานข้นึ ได้ จากสาเหตตุ ่างๆ จงึ นิยมใชเ้ บรคเกอร์สาหรบั การปอ้ งกันวงจรยอ่ ยของระบบเท่านนั้ เบรคเกอร์ ใช้สัญลักษณแ์ ทนดงั ภาพด้านลา่ งภาพที่ 1 แสดงสญั ลักษณข์ องเบรคเกอร์ เบรคเกอรท์ างานโดยอาศยั หลกั การของความร้อน และสนามแม่เหลก็ โดยมีหลกั การทางานดังนี้ เบรกเกอร์แบบทางานโดยอาศยั ความรอ้ น นิยมใชส้ าหรบั ปลดวงจรของโหลดเม่ือมีกระแสไหลเกิน ( Over Load) อันเนือ่ งมาจากการใชโ้ หลดมากเกินกว่าปกติ โดยอาศัยลักษณะการทางานตามภาพดา้ นลา่ ง
ภาพที่ 2 แสดงโครงสร้างภายในของเบรคเกอร์แบบทางานด้วยความร้อน ขณะปกติ จากภาพท่ี 2 กระแสไฟฟา้ ทไี่ หลไปยงั โหลดจะไหลผ่านแผน่ ไบเมททอล ซ่ึงทาจากโลหะ 2 ชนดิวางติดกนั สนทิ ทาให้เมอื่ ไดร้ บั ความร้อนจะเกดิ การงอ เนื่องจากโลหะทงั้ สองมีการขยายตัวไม่เทา่ กนั แต่ถูกนามาติดกันสนทิ โลหะท่ขี ยายตัวไดม้ ากกวา่ จะดนั โลหะอีกตัวใหเ้ กดิ การงอตวั จนไปดนั สลกั ให้เคลอื่ นทอี่ กีทอดหนง่ึ จนสลักหลุดจากคานท่ตี อ่ กบั คอนแทค ทาใหค้ อนแทคแยกออกจากกันโดยการดึงของสปริง ตัดการไหลของกระแส ตามภาพดา้ นล่างภาพท่ี 3 แสดงโครงสรา้ งภายในของเบรคเกอร์แบบทางานดว้ ยความร้อน ขณะทางานตัดวงจร เบรกเกอร์แบบทางานโดยอาศัยอานาจแม่เหล็ก นยิ มใชส้ าหรบั ปลดวงจรของโหลดเมื่อมีกระแสสงู มากๆ เชน่ เกดิ การช็อต ( Short Circuit ) เน่อื งจากจะตัดวงจรเรว็ มากหากมกี ระแสเกนิ จานวนสงู ๆจากอานาจแม่เหล็ก เบรกเกอรป์ ระเภทน้ีไม่เหมาะสาหรบั ใช้ควบคมุ โหลดประเภทมอเตอร์ เพราะมอเตอร์จะกนิ กระแสสงู ตอนสตาร์ท ดังน้นั หากใช้เวลานานในการสตาร์ทอาจจะทาใหเ้ บรคเกอร์ตดั ก่อนได้ เบรคเกอร์ประเภทนม้ี ีสว่ นประกอบและลกั ษณะการทางานตามภาพดา้ นล่าง
ภาพที่ 4 แสดงโครงสรา้ งภายในของเบรคเกอร์แบบทางานดว้ ยสนามแมเ่ หลก็ ขณะปกติ จากภาพท่ี 4 กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลไปยังโหลดจะไหลผ่านชุดขดลวดสนามแม่เหล็ก ผ่านไปยังคอนแทค และไปยงั โหลด เนือ่ งจากหน้าคอนแทคติดกนั อย่ขู ณะกระแสไหลเปน็ ปกติ ซง่ึ ขณะกระแสไหลเป็นปกติ สนามแมเ่ หลก็ ที่เกดิ ขนึ้ จะไม่มากพอทจี่ ะไปดึงดดู ใหช้ ุดเคล่ือนท่ี เคลื่อนมาหาชุดสนามแมเ่ หลก็ ได้ แต่เมือ่ ใดทมี่ กี ระแสไหลมากผิดปกตจิ นถึงระดบั ทไ่ี ด้ออกแบบไว้ สนามแมเ่ หล็กจะไปดงึ ดดู ให้ชดุ เคลอื่ นท่ี เคล่ือนเข้ามาติดกับชดุ สนามแมเ่ หล็ก จนทาใหห้ ลดุ ออกจากสลกั สปริงก็จะดงึ สลกั ลงมา ทาให้หน้าคอนแทคที่ติดอย่กู บั ตัวสลกั แยกออกจากกัน ตัดการไหลของกระแส ตามภาพด้านล่างภาพที่ 5 แสดงโครงสรา้ งภายในของเบรคเกอรแ์ บบทางานดว้ ยสนามแมเ่ หล็ก ขณะทางานตัดวงจร เบรคเกอรบ์ างรนุ่ อาจรวมหลักการทัง้ 2 แบบ อยใู่ นตัวเดยี วกนั
นอกจากนเ้ี บรคเกอร์ยังมีหลกั การทางานโดยใชอ้ ุปกรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์ในการส่งั ตดั วงจรโดยการตรวจวัดกระแสเขา้ และออกส่งไปวิเคราะหย์ ังอุปกรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์หรอื ตัวไมโครโปรเซสเซอร์ หากไม่เทา่ กันระบบจะส่งั ตดั วงจร ซงึ่ จะมคี วามแมน่ ยาในการตัดมากขึ้น แตร่ าคาก็แพงเช่นกนั และเบรคเกอร์ชนิดน้ีสามารถตัดไฟรว่ั ไดด้ ว้ ย เราเรียกว่า ELCB (Earth Leakage Circuit Breaker) สว่ นการเลือกใชง้ านเบรคเกอร์ ซง่ึ สว่ นมากเราจะใช้เบรคเกอรแ์ บบไมส่ ามารถตั้งคา่ กระแสได้ การเลอื กซอ้ื เราจงึ ตอ้ งคานวณคา่ กระแสที่เราจะต้องใช้ และเลือกซ้ือขนาดท่ีเหมาะสม เบรคเกอรท์ ่ีเราใชโ้ ดยเฉพาะเรียกวา่ เซฟตีเ้ บรคเกอร์ ซ่ึงจะสามารถตดิ ต้ังและต่อวงจรได้โดยตรงภาพท่ี 6 แสดงเซฟตี้เบรคเกอร์ 1 เฟส และ 3 เฟส ในปจั จุบันเราจะเลือกใชเ้ บรคเกอรค์ ู่กับอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสาหรับตดิ ต้ังโดยเฉพาะ คือในระบบ 1 เฟส หรือตามบา้ นเรอื นทั่วไปเราจะใชเ้ บรคเกอรก์ บั คอนซูเมอร์ (Consumer) สว่ นในระบบ 3 เฟสเราจะใช้เบรคเกอรก์ บั โหลดเซนเตอร์ (Loadcenter) เบรคเกอรท์ ี่ใชก้ ับคอนซเู มอร์ และโหลดเซนเตอร์ จะมี 2 อยา่ งคอื เมนเบรคเกอร์ สาหรบัควบคมุ วงจรท้ังหมด และลกู เบรคเกอร์ สาหรบั ควบคุมวงจรย่อย
ภาพท่ี 7 แสดงคอนซูเมอร์ทใ่ี ช้กบั ไฟฟ้าระบบ 1 เฟส ภายในอาคารบ้านพกั ท่ัวไปภาพท่ี 8 แสดงโหลดเซนเตอร์ ที่ใช้กับควบคุมและปอ้ งกันไฟฟา้ ระบบ 3 เฟส
การตอ่ ระบบสายดินการต่อลงดนิ ของระบบไฟฟ้า (System grounding)เปน็ การตอ่ สว่ นใดสว่ นหนงึ่ ของระบบไฟฟ้าทม่ี ีกระแสไหลผ่าน เชน่ จดุ ศนู ย์ (Nuetral) ลงดนิจดุ ประสงคข์ องการต่อลงดนิ 1. จากดั แรงดนั เกนิ ของระบบไฟฟา้ ซึ่งอาจเกดิ จากฟ้าผา่ , เสรี จ์ ในสายหรือสมั ผสั กบั สายแรงสงู โดยบงั เอญิ 2. ให้ค่าแรงดนั เทยี บกับดนิ ขณะระบบทางานปกตมิ ีคา่ คงตัว 3. ช่วยให้อุปกรณ์ป้องกนั กระแสเกินทางานได้เร็วขึน้ เมอื่ เกดิ การลัดวงจรลงดินการต่อลงดนิ ในระบบไฟฟา้ กระแสสลับ แบ่งออกเปน็ 3 กลมุ่ คือ 1. ระบบทม่ี ีแรงดนั ตา่ กวา่ 50 โวลท์ 2. ระบบทม่ี ีแรงดันระหว่าง 50 - 1000 โวลท์ 3. ระบบท่ีมีแรงดนั 1000 โวลทข์ น้ึ ไปกรณที ใ่ี ชร้ ะบบแรงดันระหวา่ ง 50 - 1000 โวลท์ ซึ่งพบเหน็ กนั มากทส่ี ุดมีรูปแบบการตอ่ ลงดนิ ดังรปูระบบ 1 เฟส 2 สาย ระบบ 1 เฟส 3 สาย ระบบ 3 เฟส 4 สาย
ขนาดสายดินของระบบ (System grounding conductor) ให้พจิ ารณาตามขนาดสายเมน (ทองแดง) เขา้ อาคารซ่ึงเปน็ ไปตามกฏของการไฟฟา้ ทง้ั กฟน. และ กฟภ.ดงั ตารางขนาดใหญส่ ดุ ของสายเมนทองแดง ; sq.mmขนาดเลก็ สุดของสายดนิ ทองแดง ; sq.mmไม่เกิน 35 10 35 - 50 16 70 - 95 25120 - 185 35240 - 300 50400 - 500 70เกิน 500 95คาแนะนา สาหรบั สายดนิ ขนาด 10 ตร.มม แนะนาให้ตดิ ตั้งในท่ออาจเปน็ ท่ออโลหะ หรอื ท่อโลหะหนา , หนาปานกลาง หรอื ท่อโลหะบางการตอ่ ลงดนิ ทเี่ มนสวิตซ์ (Service Equipment Grounding)เปน็ การต่อโครงโลหะและสายศูนย์ทเี่ มนสวติ ซล์ งดนิ โดยเมนสวติ ซ์จะเป็นจุดรวมสายดินซงึ่ ประกอบด้วย 1. สายดนิ อปุ กรณ์ (Equipment Grounding Conductor) 2. สายที่มกี ารตอ่ ลงดิน (Grounded Conductor) 3. สายตอ่ ฝากหลัก (Main Bonding Jumper) 4. สายตอ่ หลักดิน (Grounding Electrode Conductors)
การต่อลงดนิ ของเมนสวิตซต์ ้องทาดา้ นไฟเข้า ถา้ หากสถานประกอบการน้นั รับไฟผา่ นหมอ้ แปลงทีต่ ดิ ต้ังเสมอ นอกอาคารซึ่งมีกาแพงกนั้ จะต้องมีการต่อลงดนิ 2 จดุ คือ หม้อแปลง 1 จดุ และทเ่ี มนสวติ ซอ์ กี 1 จุดในสว่ นของการตอ่ ฝากหลักซงึ่ เปน็ การตอ่ โครงโลหะของเมนสวิตซ์เขา้ กบั ตัวนาท่มี ีการตอ่ ลงดนิ ทอ่ี าจเป็นบัสบารส์ ายดิน, บัสบารส์ ายศนู ย์ หรือสายศนู ย์ มจี ดุ ประสงคเ์ พื่อนากระแสร่วั ไหลที่อาจเกิดจากการเหน่ยี วนาที่เมนสวิตซล์ งดิน เพือ่ ปอ้ งกันอนั ตรายแก่บุคคล ที่ไปสัมผัส กบั สว่ นทเี่ ปน็ โลหะของเมนสวิตซน์ ้นั อีกทง้ั ยังนากระแสลดั วงจรไปยังแหล่งจ่ายไฟ เม่ือเกดิ ลดั วงจรขน้ึ ทางดา้ นโหลดอกี ด้วย สาหรบั การต่อลงดินของบา้ นพักอาศัยทั่วไปสามารถทาได้ท้ังทเี่ ป็นแผงคัทเอ๊าท์ และแผงคอนซมู เมอร์ยนู ติกรณีท่เี มนสวติ ซเ์ ป็นแผงคทั เอ๊าท์ ให้ต่อสายดินออกจากสายนวิ ทรัลด้านไฟเข้าดังรูป สาหรับบ้านพกั อาศยั ทวั่ ไปทใี่ ช้สายเมนทองแดงขนาดไม่เกิน 35 ตร.มม เดินเข้าแผงคทั เอ๊าท์ ใหใ้ ช้สายดินทองแดงขนาด 10 ตร.มม (สาย THW) สว่ นสายเมนที่มีขนาดใหญก่ วา่ น้ใี หเ้ ป็นไปตามค่า ทก่ี าหนดในตารางข้างบน
กรณีทีแ่ ผงสวติ ซเ์ ปน็ คอนซูมเมอร์ยนู ติ (Consumer Unit) ให้เดนิ สายนวิ ทรัลไปพกั ไวท้ ี่ข้ัวตอ่ สายดนิ แลว้ จงึ เดินสายจากขั้วตอ่ สายดินอีกเสน้ หนง่ึ ไปยงั ขวั้ N ทร่ี ะบุไว้ดา้ นลา่ ง ของเมนเบรคเกอร์ สว่ นสายทต่ี ่อกับหลักดิน (ground rod) ให้เดินไปเชือ่ มต่อกับสายนวิ ทรัลทขี่ ้วั ตหลกั ดนิ ดังรปูทงั้ 2 กรณใี ห้ใชห้ ลักดินขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 5/8 นว้ิ ความยาว 2.40 เมตร ตอกลงไปในดิน (มคี วามชืน้ และดนิ แน่นพอควร) โดยการขุดหลมุ กว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ลึก 30 เซนติเมตร เอาหลกั ดนิ ตอกลงไปให้ปลายดา้ นบนอยูส่ ูงจากก้นหลุมประมาณ 15เซนตเิ มตร แลว้ ตอ่ สายเขา้ กับหลกั ดินโดยการใชแ้ คลม้ ปร์ ปูหัวใจ (Ground Clamp) ขนั ให้แน่น แลว้ จงึ ใชด้ ินกลบหลุม ใหเ้ รยี บร้อย
ขนาดของสายต่อฝากหลัก 1. ใหใ้ ชข้ นาดเดยี วกับขนาดสายดนิ ของระบบ (ตามตารางดา้ นบน) 2. กรณีทีส่ ายเฟสมีขนาดพน้ื ทหี่ น้าตัดโตกว่า 500 ตร.มม ใหใ้ ช้ขนาดสายไมต่ ่ากว่า 12.5% ของพนื้ ทหี่ น้าตดั สายเฟส (สาหรบั สายควบใหค้ ดิ พนื้ ที่หน้าตดั รวมของสายทกุ เสน้ )เมนสวิตซ์ที่จา่ ยไฟให้อาคาร 2 หลงั ขน้ึ ไป สถานประกอบการที่มอี าคารหลายหลงั แต่มีเมนสวิตซจ์ ่ายไฟชุดเดียว การตอ่ ลงดนิ ให้เป็นไปตามข้อกาหนดดังนี้คือ 1. อาคารเมน ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ กาหนดของการต่อลงดนิ ท่เี มนสวติ ซ์ 2. อาคารหลังอนื่ ต้องมีหลกั ดินเป็นของตนเอง และตอ้ งตอ่ ลงดนิ เช่นเดียวกับเมนสวิตซ์ ยกเว้นอาคารหลงัอน่ื มวี งจรยอ่ ย เพียงวงจรเดยี วไมต่ ้องมีหลักดนิ ได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: