รายงานไปราชการ ของ ศศิธร ติณะมาศการประชุมวิชาการประจาปี 2556 ของ STKS ฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี“ ”สารสนเทศเพ่ือการวิจยั ในยุค OPEN ACCESSวันที่ 27-28 มิถุนายน 2556เวลา เวลา 8.30 – 16.30 น.สถานที่ โรงแรมดิเอมเมอรัล กรุงเทพฯ
1รายงานไปราชการ ของ ศศิธร ตณิ ะมาศเรอ่ื ง การประชุมวชิ าการประจาปี 2556 STKS ฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี “สารสนเทศเพอ่ื การวจิ ยั ในยุค Open Access”วนั ที่ 27-28 มถิ นุ ายน 2556เวลา เวลา 8.30 – 16.30 น.สถานที่ โรงแรมดเิ อมเมอรลั กรงุ เทพฯ**********************************************************************************สาระการประชมุวนั ที่ 27 มถิ นุ ายน 25561. ระบบคลังขอ้ มลู งานวิจัยไทย บรรยายโดย : นางกาญจนา ปานขอ่ ยงาม รองเลขาธิการ สานกั งานคณะกรรมการ วจิ ยั แหง่ ชาติ ระบบคลังขอ้ มูลงานวิจัยไทย เกิดจากความรว่ มมอื ของหนว่ ยงานวจิ ยั หลกั ของชาติ คือ 6ส. 1ว. มคี วามรว่ มมอื ในการปฏิรปู ระบบวจิ ยั ชาติ ซึ่งมีเป้าหมายปฏริ ปู 9 มติ ิสาคญั คอื นโยบาย การสนับสนนุ ทุนวจิ ัย งบวจิ ยั สถาบนั วิจยั บคุ ลากรวิจัย โครงสรา้ งพ้นื ฐาน มาตรฐาน การจัดการผลผลิต การประเมนิ 9 มิตนิ เี้ ปน็ การศึกษามาตัง้ แตป่ ี 2554 จากอดีตเลขาธกิ ารสภาวจิ ยั นโยบาย ขณะน้ีมีนโยบายยุทธศาสตร์ระดับชาตฉิ บบั ที่ 8 เป็นกรอบแบง่ ตามรายภูมิภาค รวมท้งั เรอ่ื งเรง่ ดว่ นของชาติ และประกาศให้ทุนวิจยั แกห่ นว่ ยงานตา่ งๆ สิ่งท่ี วช. อยูร่ ะหวา่ งการดาเนินการอยู่ คอื ส่งเสริมการวจิ ยั ซึ่งประเภทการวจิ ัยของ วช. จาแนกไดเ้ ปน็ 4 ประเภทตามผลผลิต วจิ ัยเพอ่ื ความเป็นเลิศทางวิชาการ วจิ ยั เพอ่ื ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ วิจยั เพื่อสงั คมและชุมชน วจิ ัยเพ่อื นโยบาย ระบบ NRPM (National Research Project Managemen) เปน็ ระบบเครอ่ื งมือกระบวนการงบประมาณการวิจยัของประเทศ ทางานรว่ มกบั สานกั งบประมาณและสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ โดยมี วช. เปน็ เจา้ ภาพ มี 3 ระบบหลัก คลงั ขอ้ มูลงานวิจยั ไทย TNRR ร่วมงานโดย 6ส. 1ว. (www.tnrr.in.th) เริม่ งานเม่ือปี 2553 ใหข้ อ้ มลู งานวจิ ัยมีทง้ั หมด 5 ระบบ ฐานขอ้ มลู โครงการวจิ ัยทด่ี าเนนิ การเสร็จแล้ว ไดแ้ ก่ ฐานข้อมลู รายชื่อนกั วิจยั (expert finder) ฐานข้อมลู การใช้ประโยชน์จากผลงานวจิ ัย ฐานข้อมลู โครงการวิจัยท่อี ย่ใู นระหว่างดาเนนิ การ ฐานข้อมูล Single window & Data Entryการดาเนนิ การทงั้ หมดเปน็ การดาเนนิ งานทเี่ นน้ หนักในเรื่องของการเช่ือมโยงขอ้ มลู มิใชเ่ ป็นการควบรวมศนู ยว์ ิจยั
2 ตวั อยา่ งเว็บไซต์ ระบบคลังขอ้ มูลงานวิจัยไทย2. นาเสนอระบบและประเดน็ การพฒั นาระบบคลงั ขอ้ มลู งานวิจยั ไทย โดย คุณบุญเลศิ อรณุ พิบลู ย์ ระบบคลงั ข้อมลู งานวิจยั ไทย หรือ TNRR เป็นความพยายามของหนว่ ยงานใหท้ ุนวจิ ัยและหนว่ ยงานทร่ี ว่ มทาวจิ ัยทกุภาคส่วน เพื่อพัฒนาระบบเข้าถงึ ผลงานวจิ ัย ผลงานอนั เกิดจากงานวจิ ยั ทุกรปู แบบใหส้ ามารถเขา้ ถึงไดส้ ะดวก รวดเรว็ โดยมีการพฒั นาอยา่ งตอ่ เน่ือง ทั้งนใ้ี นระยะแรก การเผยแพรข่ ้อมลู เป็นไปตามทีห่ นว่ ยงานตน้ ฉบบั กาหนด และเห็นควร โดยอยู่บนพื้นฐานของ o การเช่อื มโยงข้อมลู อยบู่ นพนื้ ฐานทจี่ ะไมม่ กี ารรวมศนู ย์ ไมม่ ีการรบกวนการดาเนินงานดา้ นฐานขอ้ มลู ของ ทกุ หนว่ ยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง หรอื เข้ามาร่วมเช่ือมโยง o แตล่ ะหนว่ ยงาน ยังคงรับผิดชอบฐานข้อมูลเกยี่ วกบั การวิจัยของตนเอง และดแู ลจดั ทาใหท้ นั สมยั ตาม ระบบของแตล่ ะหน่วยงาน แต่ขอให้คานงึ ถึงมาตรฐานสากลของการจดั เก็บข้อมลู ทป่ี รากฏในฐานข้อมลู o การเช่ือมโยงใช้วธิ กี ารทางานระบบเปิด โดยเสนอให้ทกุ ฐานขอ้ มลู สามารถรองรบั มาตรฐาน OAI-PMH (Open Archives Initiative – Protocol for Metadata Harvesting) o การเชอื่ มโยงในระยะแรก จะเชอ่ื มโยงขอ้ มูลการวจิ ยั ที่ดาเนนิ การเสรจ็ สน้ิ แล้ว และเปดิ เผยได้ (ยกเว้นกรณี ทีม่ ีผลกระทบต่อความมน่ั คงของประเทศ และการยืน่ ขอจดทะเบยี นทรัพยส์ ินทางปัญญา) ทั้งนขี้ ้อมลู ท่ีเชื่อมแลว้ สามารถเขา้ ถงึ ผ่านเว็บไซต์ http://www.tnrr.in.th และหน่วยงานท่ีสนใจเช่ือม ขอ้ มูลกบั ระบบ TNRR สามารถดาเนินการ ดังน้ี
3 พฒั นาระบบเดิมของหนว่ ยงานทา่ น ให้รองรบั มาตรฐานการเช่ือมขอ้ มูล OAI-PMH โดยปจั จบุ ัน ระบบฐานขอ้ มลู งานวจิ ัยที่เปน็ PHP-based สามารถใชช้ ุดโปรแกรมของ OAI-PMH2 พฒั นาต่อยอด ได้ ดงั เชน่ ระบบฐานข้อมูลวทิ ยานพิ นธ์ไทยของ STKS ไดด้ าเนินการไปแลว้ การพัฒนาระบบคลังขอ้ มลู งานวิจยั ข้ึนมาใหม่ โดยเลือกใชซ้ อฟตแ์ วร์โอเพนซอรส์ ทส่ี นบั สนนุ OAI- PMH เช่น DSpace, Drupal + Biblio Module + OAI Module หรอื OJS การเลอื กซอื้ ซอฟต์แวรท์ ีส่ นับสนุน OAI-PMH เชน่ Primo การใชบ้ รกิ าร IR Data Center ทีท่ าง วช. พฒั นาเพอ่ื ให้บรกิ ารกบั หน่วยงานเครือข่าย โดย IR Data Center จะเป็นเสมอื นระบบถังกลางที่พัฒนาเพอ่ื อานวยความสะดวกใหก้ ับหน่วยงาน ที่ยังไม่พรอ้ ม พัฒนาระบบฐานขอ้ มลู ใหมท่ ส่ี นับสนุน OAI-PMH แตต่ ้องการเช่ือมขอ้ มลู กบั ระบบ TNRR สามารถ เชือ่ มไดส้ ะดวก เพียงสมคั รสมาชกิ แล้วเตรยี มแฟม้ ข้อมลู ในรูปแบบ CSV กส็ ามารถนาเขา้ ขอ้ มลู เพือ่ รอรับการเชื่อมขอ้ มูลได้ทันที** สิง่ ทมี่ หาวิทยาลยั นเรสวร ต้องเตรยี มความพรอ้ มคอื ตรวจสอบวา่ คลังความรูท้ ีห่ ้องสมดุ พัฒนาข้นึ สามารถนาขอ้ มลู ออก (Export) ไดห้ รือไม่ และสามารถจะนาไปลงในฐานข้อมลู TNRR ได้หรอื ไม่ **
4
5 ส่วน ในการพฒั นาระบบตา่ งๆ บนฐานของ Open Access ซึ่งใชใ้ นการพัฒนาคลังความรขู้ องสถาบนั สามารถเลือกใชซ้ อฟตแ์ วรใ์ นกลุ่ม Open Source ได้หลายโปรแกรม โดยสามารถแบ่งเปน็ กลมุ่ ใหญๆ่ ไดส้ ามกล่มุ คือ 1) Open Source Software for Self-Archives 2) Open Source Software for Journal 3) Open Source Software for Harvesting Open Source Software for Self-Archive ประกอบด้วยกลุ่มย่อยคอื กลมุ่ พฒั นาเว็บ และกลมุ่ คลังเกบ็ เอกสาร ซึ่งมซี อฟตแ์ วรใ์ หเ้ ลือกหลายตวั ดงั นี้ กลมุ่ พฒั นาเวบ็ เช่น Joomla, Drupal, Wordpress อย่างไรก็ดกี ารพฒั นาเวบ็ ที่รองรบั Open Access ยัง ต้องมีการเพมิ่ คณุ สมบัติใหก้ ับซอฟต์แวรก์ ลุม่ พัฒนาเวบ็ ด้วย กลมุ่ คลังเกบ็ เอกสาร เช่น Drupal + Biblo module, DSpace, Greenstone, Omeka Open Source Software for Journal เป็นซอฟต์แวรท์ ช่ี ว่ ยในการบริหารจดั การวารสารเพือ่ ให้สามารถเข้าถงึแบบเปิดได้สะดวก โดยมซี อฟตแ์ วรท์ นี่ า่ สนคอื OJS: Open Journal System, DPubS: Digital Publishing System Open Source Software for Harvesting นบั เป็นซอฟต์แวรท์ ี่มาแรงอกี กลุ่ม ทาหน้าท่เี กบ็ เกย่ี วบรรณานุกรมเพอ่ืบรกิ ารสบื ค้นจากระบบทีพ่ ัฒนาตามมาตรฐาน OAI-PMH เสมอื นเปน็ ชอ่ งสืบค้นช่องเดียว ซอฟตแ์ วร์ที่นา่ สนใจคือ DSpace,PKP Harvester ** สำหรับมหำวทิ ยำลัยนเรศวร ฐำนข้อมูลคลงั ควำมรขู้ องสถำบนั และฐำนข้อมลู ผลงำนวชิ ำกำรของ มหำวิทยำลยั นเรศวร สำมำรถจำเชื่อมโยงข้อมลู กบั ฐำนข้อมลู TNRR ได้หรือไม่ และมหำวทิ ยำลยั เองอำจ จดั ทำเปน็ ฐำนขอ้ มลู ท่ีจัดเก็บขอ้ มูลควำมเชี่ยวชำญของบคุ ลำกรมหำวทิ ยำลัยไว้ด้วย **
63. การริเรม่ิ ระบบมาตรฐานสากลเอกสารดจิ ทิ ัล DOI ประเทศไทย บรรยายโดย : รศ.ดร.นา้ ทพิ ย์ วภิ าวนิ สาขาวชิ าศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช DOI (Digital Objec6 Identifier) เปน็ มาตรฐานสากล ISO รหสั บ่งชเ้ี อกสารดิจิทลั DOI คลา้ ยกบั ISBN, ISSN แต่มคี วามแตกต่าง DOI มีลกั ษณะดังนี้ o มาตรฐาน ISO 26324 : 2012 ไดร้ ับการรบั รองเม่อื 1 พ.ค. 2012 o ปัจจุบนั มีรหสั DOI 85ล้านชอ่ื ใน 9,500 องคก์ ร o มีจานวนการป้อนข้อมลู เพอื่ สบื ค้น DOI จาก Handle system (dx.doi.org) 87 ลา้ นครง้ั /เดือน o มีจานวน publishers ID 2 แสนช่อื ภายใตก้ ารจดั การ Registrator Agency o เปน็ การระบุชอ่ื ไฟลด์ ิจิทลั เป็นขอ้ มูลการจดั เก็บและอ้างอิงคลา้ ย ISBN/ISSn ชว่ ยในการจดั การเนอ้ื หา (content management) ตวั อยา่ ง 10.1000 Publisher ID/123456 ราชบัณฑติ ยสถานไดบ้ ญั ญตั ิศพั ท์ DOI ว่า “ตัวระบวุ ตั ถุดจิ ิทัล” และ DOI อาจจะมีชื่อเรยี กอนื่ ๆ อกี เชน่ รหัสดโี อไอ ตัวบ่งชวี้ ัตถุดจิ ทิ ลั ฯลฯ ความเป็นมาของ DOI DOI เกิดขน้ึ เมอ่ื ปี 1998 โดยมลู นธิ ดิ ีโอไอนานาชาติ หรือมูลนิธไิ อดเี อฟ (International DOI Foundation: IDF)เปน็ องคก์ รทีท่ าหนา้ ทพี่ ัฒนาและบริหารระบบตวั ระบวุ ตั ถุดจิ ิทลั (ดโี อไอ) (DOI System) พฒั นาเพือ่ เป็นโครงสรา้ งพ้นื ฐานในการจัดการเนื้อหาดจิ ิทัล ใชง้ บประมาณการดาเนนิ งานจากสมาชกิ องค์กรที่พฒั นาคือ CNRI (Corporation for NationalResearch Initiatives) เรม่ิ ใชใ้ นธุรกิจสานักพิมพเ์ มอ่ื ปี 1997 หน่วยงานท่สี นับสนุนคือ สมาคมสานักพมิ พอ์ เมรกิ ัน สมาคมผู้จดั พิมพน์ านาชาติ สมาคมส่ิงพมิ พอ์ อนไลน์ STM International ทาการเชื่อมโยงบทความวารสารเรียกว่า CrossrefRegistration Agency หนว่ ยงานทีใ่ ชร้ หสั DOI วารสารทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อตุ สาหกรรมสารสนเทศ หนังสอื อุตสาหกรรมคอนเทนต์ ดนตรี ภาพ เสียง ซอฟต์แวร์ ตัวแทนจาหนา่ ย ปัจจุบัน DOI เร่ิมมกี ารนาไปปรับใชก้ ับเอกสารราชการ เช่น หน่วยงาน EC, OECD, UK goverment, DOD USA.เปน็ ตน้ นอกจากน้ี DOI ยังมีบทบาทในการบรหิ ารงานวจิ ยั เช่น NSF USA กาหนดใหผ้ ูข้ อทุนวิจยั ตอ้ งจัดทา Datamanagement plan เสนอดว้ ย สาหรับประเทศไทยอยรู่ ะหวา่ งการดาเนินการตามแผนนโี้ ดย สานกั งานคณะกรรมการวิจยัแห่งชาติ (วช.) DOI ในประเทศไทยควรเรม่ิ ตน้ จากทีใ่ ด สานักพิมพ์ หนว่ ยงานราชการ หน่วยงานวจิ ยั หอ้ งสมุดแหง่ ชาติ
7 วช. (NRCT) เปน็ DataCite members ของประเทศไทย (สมัครเมือ่ เดอื นสิงหาคม 2555) และไดร้ บั การ รับรองเมื่อเดอื นธันวาคม 2555– ( 31 Views)วธิ ีการเรยี กดูเนอื ห้ าดจิ ทิ ลั จาก DOI 1. เข้าสูเ่ วบ็ ไซต์ crossref.org และ 2. นาหมายเลข DOI ที่ copy มาจากแหลง่ ค้นคว้ามาใสช่ อ่ งดงั ภาพ แล้วกด submit 3. ระบบจากนาไปยงั ที่จดั เก็บเอกสารดิจิทลั เช่นในฐานข้อมลู SCOPUS เป็นต้น ตัวอย่าง ฐานข้อมลู SCOPUS ตัวอย่าง หนา้ สบื คน้ DOI จากเว็บไซต์ cross.org
8 การขอเลข DOI หน่วยงานทขี่ อจะต้องมขี ้อมูล เช่น URL name , metadata file ส่วนตัวอยา่ งหอ้ งสมุดในต่างประเทศ เชน่ British Library มีข้อกาหนดไว้ว่า การทาขอ้ มลู digital archive จะต้องมี DOI ด้วย4. สถานการณก์ ารเผยแพร่ผลงานวิชาการในยุค OA (บริการสารสนเทศเพอ่ื งานวจิ ัย : จะสนับสนนุ และมสี ่วนร่วมได้อยา่ งไร) โดย รศ.องั สนา ธงไชย OA เกิดข้นึ เม่อื ปี 2004 มกี ารพฒั นาเร่ือยมาจนเปน็ ทย่ี อมรบั จากแนวโนม้ ของยคุ ดิจทิ ลั โมเดลการตพี ิมพเ์ ชงิ พาณชิ ย์เนน้ การตพี ิมพ์แบบออนไลน์ซึง่ มีการสรา้ งคลังเอกสาร (Repository) เป็นคลงั เอกสารแบบเปดิ (OA) เกิดการสนบั สนุนอย่างกว้างขวางมปี ระโยชน์ตอ่ การวิจัย นอกจากนี้ OA ยังมีประโยชนต์ ่อสงั คม เจา้ ของผลงาน และ หน่วยงานวจิ ัยอกี ดว้ ย OA อาจแบง่ ได้ 2 ประเภท คือ 1. OA ประเภท Gold เปดิ ให้ทางออนไลนท์ ันที 2. OA ประเภท Green (self archive) มีสัญญาอนญุ าตแบบตา่ งๆ ทัง้ CC Gnu ขณะนีม้ ี 378 Funding agency ทม่ี ีนโยบายให้ตพี ิมพ์แบบ OA วารสารของประเทศ ไทยมี 16 ชือ่ ท่เี ป็น OA เชน่ วารสารมหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ (OA) ไมไ่ ดล้ งทะเบยี น วารสารมหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ ฉบบั สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ (OA) ไมไ่ ดล้ งทะเบียน วารสารมหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ ฉบบั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (OA) วารสารมหาวิทยาลยั ศลิ ปากร (OA) วารสารวิศวกรรมศาสตร์ (จุฬา) (OA) ไมไ่ ดล้ งทะเบียน วารสารมนษุ ยศาสตรส์ าร (OA) ไมไ่ ดล้ งทะเบยี น •วารสารบรรณทศั น์ สาขาวิชาบรรณรกั ษศาสตร์ (OA) CMU ฉบบั
9ตวั อย่างวารสาร Open Access ชองไทย ส่วนตัวอย่าง สานกั พิมพ์ ไดแ้ ก่ SpringerLink ทที่ า Journal แบบ hybrid มี Business model 2 แบบ ท้งัTraditional และ Open Access DOAR – Traditional และ Open Repository DOAB – Directory of Open Access Books ในประเทศไทย คา่ ใชจ้ ่ายในการตพี มิ พ์บทความมักเปน็ หน่วยงานภาครัฐสนบั สนนุ ให้เป็นส่วนใหญ่ (ในรปู ของงบประมาณการวิจยั ) หน่วยงานวจิ ยั จึงต้องมีนโยบายให้ชดั เจน จากกรณี สานกั พมิ พ์ Elsevier ร่วมกบั สภาอเมรกิ าออกกฎหมายทาการกดี กนั วารสาร OA ต่อมาไดต้ กไป จงึ เกิดเปน็ การตอ่ ตา้ น (Boycott Elsevier) นักวทิ ยาศาสตรร์ าวๆ 8 พนั คนจะไมเ่ สนอบทความลงพมิ พข์ อง Elsevier และวารสารวชิ าการในสถาบันการศกึ ษาต่างๆ เริ่มหันมาตพี มิ พ์ผลงานลง Open Access มากขึน้ ประเทศไทยราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ที่ 130 ตอนพเิ ศษ 31 ง วันท่ี 8 มนี าคม 2556 หนา้ 37 มขี อ้ ความ “ผลงานวิชาการรบั ใชส้ ังคม” สามารถรบั รองผลงานวิชาการได้
105. ผลงานวชิ าการจอมปลอมใน Open Access โดย รศ.ดร.ธรี ยุทธ วิไลวลั ย์ ข้ันตอนหนง่ึ ของงานวจิ ัย คอื การตีพิมพ์ผลงานเผยแพรใ่ นปจั จบุ นั จะเป็น Publish หรือ Perish ซง่ึ มตี วั ช้วี ัดปรมิ าณคณุ ภาพผลงานวิจยั มากมาย เชน่ จานวนบทความ การอา้ งองิ วารสารคุณภาพสงู ฯลฯ จึงมสี านกั พิมพห์ าช่องทางการทาธุรกิจแบบใหมใ่ นยุค OA วารสารแบบ Traditional Journal ผอู้ ่านจะตอ้ งจา่ ยคือห้องสมดุ บอกรบั จากดั สิทธิ์ในการเข้าอ่าน สว่ นวารสาร Open Access Journals คอื ผู้แตง่ บทความจา่ ยคา่ ตพี ิมพ์ เปิดฟรใี หผ้ ้อู า่ นเกิดเหตุการณ์ สานกั พิมพ์ Nature ขน้ึราคาค่าตีพมิ พส์ งู มากแบบไมม่ เี หตผุ ล การผลติ OAJ เกดิ Conflict of interest ทาใหม้ กี ารรบั ตีพิมพท์ กุ เรอื่ ง เพราะมรี ายได้เขา้ มา เกิดคาถามในเร่อื งคณุ ภาพของบทความ OAJ มีการเจริญเติบโตมาก (เกิดขึน้ 1,000 ช่ือทุกป)ี บรรณารกั ษ์ช่อื Jeffrey Beall จาก Universityof Colorado Denver มีบทบาทในเรอ่ื งน้ีมากทาการเปดิ โปงสานกั พิมพจ์ อมปลอม เช่น Hindawi (อียปิ ต์) / QMICS GroupBentham Open / MDPI เป็นตน้ โมเดล OA ทาให้เกดิ ปญั หาระดบั โลก / ระดับชาติ (มบี ทความเรื่องน้ีในวารสาร Natureสามารถติดตามอ่านได)้ กระบวนการ review ไม่มคี ณุ ภาพ ไมถ่ กู ตอ้ ง ไม่โปร่งใส ไมย่ อมรบั นักวิชาการไทยมีการตพี มิ พใ์ นวารสารเหล่าน้ีมาก หน่วยงาน สกอ. คปก. เริ่มประกาศรายชื่อวารสารจอมปลอมโดยใช้ Beall’s List วารสาร OA จอมปลอม มกั จะตั้งชอื่ เลียนแบบ หลอกลวงในชือ่ วารสารชือ่ เดมิ เช่น ชือ่ เดมิ Cancer เลียนแบบหรอืปลอมแปลงเปน็ Cancers หรอื Cell เป็น Cells ฯลฯ จงใจให้นักวทิ ยาศาสตร์เข้าใจผดิ หลงเช่อื รวมทั้งวารสารจอมปลอมเหลา่ นม้ี ีคา่ impact factor (IF) อกี ดว้ ย มีการเรียงความ Menuscript ดว้ ยคอมพิวเตอร์ซึง่ ทาให้เนือ้ หาไมม่ ีความถูกต้องเลยชื่อซอฟต์แวร์ SCIgen รวมถงึ มกี ารปิดสานกั พมิ พท์ าใหบ้ ทความหายไปทง้ั หมด อกี ทั้งยังมีการ charge คา่ ทจี่ ะถอนบทความออกด้วย (Retract) OA ท่เี ป็นของดี และ ของปลอม สามารถแยกออกได้อยา่ งไร อาจใส่ขอ้ ความให้ตรวจสอบอยา่ งมีวิจารณญาณ หรืออา่ นใหล้ ะเอียด เช็คชอ่ื วารสารจากฐานข้อมลู JCR (Journal Citation Report) ของ ISI เพ่อื ความมนั่ ใจ หรอื SCImag ทเี่ ปิดใหบ้ ริการฟรี ตรวจสอบจาก Beall’s List ท่ี scholarlyoa.com มีทั้ง List ของ publishers และ Journals สรุปคือ OA เป็นเจตนาทด่ี แี ตม่ คี นแสวงหาผลประโยชน์จึงทาใหเ้ กดิ เรอื่ งที่ไม่ดีข้ึน คุณภาพวารสารสามารถเปลีย่ นแปลงได้ (จากสีเทา พัฒนาจนมคี า่ IF) นักวจิ ัยรนุ่ ใหม่ ไม่ควรเส่ยี งตพี มิ พ์ใน OAJ ที่ไมด่ ี หรือ ไมม่ ีคุณภาพ6. การประเมินคณุ ภาพวารสารวชิ าการไทยด้วยหลักการ Bibliometric โดย ศ.ดร.ณรงคฤ์ ทธิ์ สมบตั สิ มภพ คณะพลังงานสง่ิ แวดลอ้ มและวสั ดุ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี ศูนย์ TCI (Thai Journal Citation Index) กอ่ ต้งั ข้นึ เมือ่ พ.ศ.2544 ศกึ ษาคา่ Impact Factor ปจั จุบนั มอี ายุครบ12 ปี โดยไดร้ ับการสนบั สนุนจาก สานักงานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ยั (สกว.) ศูนย์ TCI ปัจจุบันมภี าระงานที่สงู มาก ทัง้ สกอ.สมศ. สกว. ใช้ขอ้ มูลของ TCI ในการรับรองผลงานตพี มิ พ์ ในปี 2555 ได้สง่ เขา้ ฐานข้อมลู Scopus ได้ 4 ช่ือ ซึ่งถอื ไดว้ ่าเรม่ิ เข้าสูร่ ะดบั สากล ศูนย์ TCI มีหลกั การว่า คุณภาพบทความเทา่ กบั คณุ ภาพวารสาร ดงั นน้ั วธิ กี ารตรวจสอบแคร่ ะดบั วารสารนา่ จะเพียงพอ (ไมส่ ามารถตรวจสอบระดับบทความ)
11 วิธีคัดเลอื กวารสาร ดูจากการถูก indexed ใน database หรือไม่ ดจู ากค่า citation ของ journals Journals ท่มี คี ่า IF (Impact Factor) สูง และ ค่า h-index Journals ทไ่ี ดร้ ับการแนะนาจากนักวิจัย ขณะนี้มีการดาเนินการ Asian Citation Index (ACI) เริ่มมบี ทความของประเทศอนิ โดนีเซียเข้ามาบ้างแล้ว แต่ละประเทศตอ้ งมีศนู ย์ TCI กอ่ น ในปัจจุบนั TCI มีวารสาร 514 ชอ่ื (จากเดมิ มเี พียง 100 ชอ่ื เมอ่ื ปี 2004) และมี 1.3 แสนบทความ เกณฑม์ าตรฐานหลักของ TCI คอื จะตอ้ งมี peer-reviewed / timelinessวนั ศกุ ร์ท่ี 28 มิถุนายน 25567. ข้อควรระวงั ในการละเมดิ ทรพั ย์สินทางปญั ญาในงานวจิ ยั โดย ดร.เพยี งเพญ็ บตุ รกตญั ญ สานักงานคณะกรรมการนโยบายวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมแหง่ ชาติ ผลงานวิจยั ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกยี่ วขอ้ งกบั ทรัพยส์ นิ ทางปญั ญาในหลายๆ สว่ น ท้ังลขิ สทิ ธ์ิ สิทธิบัตรฯลฯ ลขิ สิทธ์ทิ ี่เก่ยี วข้องกับงานเขยี น (วรรณกรรม) ศลิ ปกรรม นาฏกรรม ดนตรีกรรม โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ฯลฯ งานสรา้ งสรรคท์ ไี่ ดร้ ับการคมุ้ ครองลิขสิทธิ์ต้องมี 2 ส่วน คอื Originality และ Creativity เกิดขน้ึ ทนั ทไี มต่ อ้ งนาไปจดทะเบยี น แต่สามารถนาไปจดแจ้งได้ (Notification) ผู้สรา้ งสรรคเ์ ปน็ เจ้าของลิขสิทธิเ์ พยี งผเู้ ดียวไมใ่ ช่นายจา้ ง การละเมิดไดแ้ ก่ การทาซา้ (อพั โหลด) ดัดแปลง เผยแพรต่ ่อสาธารณชน ทาขาย ใหเ้ ช่า อายุการค้มุ ครองลิขสทิ ธ์ิตลอดอายขุ องผสู้ ร้างสรรค์เป็นเวลา 50 ปี (นติ บิ คุ คล 50 ป)ี ลิขสทิ ธไิ์ มค่ ้มุ ครองในเรอ่ื งของความคดิ ขนั้ ตอน กรรมวธิ ี ระบบวธิ ีการทางาน แนวความคิด หลักการ การค้นพบ ฯลฯ ลขิ สทิ ธิก์ บั Open Access (OA) OA มักใชล้ ขิ สิทธ์แิ บบ creative common (CC) อนญุ าตใหเ้ ผยแพรท่ าซา้ ได้ สถาบันการศกึ ษา MIT, HarvardStanford มีนโยบายเผยแพรผ่ ลพวงของงานวิจยั ใหก้ ว้างขวางแบบ OA Creative Common (CC) มหี ลายแบบ เช่น Attribution, share like, non commercial เปน็ ต้น การบรหิ ารจดั การทรัพยส์ ินทางปัญญา (IP) ระบบ IP มี 3 ส่วนสาคญั การสร้าง IP การนาเขา้ สรู่ ะบบค้มุ ครอง IP การนา IP ไปใชป้ ระโยชน์ หน่วยงาน Technology Licencing Office, TLO มหี นา้ ทีป่ ระเมนิ IP ประเมนิ ตลาด ยืน่ ขอสทิ ธบิ ัตร แผนงานทางการตลาด อนุญาตใหใ้ ชส้ ิทธส์ิ เู่ ชงิ พาณชิ ย์ ตรวจสอบการละเมดิ ของหน่วยงาน ในประเทศญป่ี ่นุ ให้ความสาคญั กับระบบทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาเปน็ อย่างมาก รัฐบาลใหก้ ารสนับสนนุ มหาวทิ ยาลยั ต่างๆ ใหค้ ดิ คน้ สิทธิบตั ร รวมทง้ั มีนโยบาย spin-offจดั ต้ังเป็นบรษิ ัท มกี ฎหมายออกมาตรการใช้ประโยชน์งานวจิ ัย
128. การโจรกรรมทางวิชาการ Plagiarism โดย นายสรวง อดุ มสรภัณฑ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล การโจรกรรมทางวิชาการ (Plagiarism) การคดั ลอกผลงานหรือขโมยความคิดของคนอ่ืน โดยไมอ่ ้างองิ ให้ถูกตอ้ ง การกระทาทเี่ ข้าข่าย Plagiarism ศกึ ษาได้จากเวบ็ ไซต์ plagiarism.org เชน่ การคัดลอกขอ้ ความ หรอื ความคิดของผู้อ่ืนโดยไม่อ้างองิ หรอื ให้ข้อมูลที่ไม่ถกู ต้องในแหลง่ ที่มาของขอ้ ความท่ีนาไปใช้ ไมใ่ ช้เคร่อื งหมาย ” “ เพอ่ื แสดงว่าคัดลอกมาฯลฯ “ สาเหตหุ ลกั ทท่ี าให้เกดิ เหตกุ ารณเ์ ช่นนี้คือ ระบบอินเทอร์เนต็ ที่ทาให้เขา้ ถงึ ข้อมลู ได้อยา่ งสะดวก รวดเร็ว และงา่ ย ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยสี ารสนเทศทาให้สาเนาข้อมูล (copy and paste) ไดอ้ ย่างง่าย เครือ่ งมือตรวจสอบ มีโปรแกรมจานวนมากพัฒนาขน้ึ มาเพ่ือตรวจหา ทางานเปรยี บเทียบขอ้ ความกับแหลง่ ข้อมลู ท่ีมเี ดมิ มีการแสดงแถบสีในส่วนท่พี บซ้ากนั โปรแกรมในยคุ แรก คอื eTBLAST 3.0 / Deja vu เปดิ ให้บริการฟรี วิธีการคือ วางข้อมลู ท่จี ะทดสอบลงในกล่องข้อความ เลือกฐานข้อมลู ทีจ่ ะตรวจสอบ (สามารถทาไดท้ ีละฐาน) มหาวิทยาลยั ในประเทศไทย เรม่ิ มกี ารใชโ้ ปรแกรม plagiarism เมอ่ื ปี 2554 เพือ่ ทาการตรวจสอบเนอ้ื หาของวทิ ยานิพนธข์ องนกั ศึกษาระดบั บณั ฑิตศกึ ษา ห้องสมดุ ทาหน้าทีด่ แู ล Trunitin ช่วยเหลืออาจารย์ นกั ศึกษา มีการจดั ฝึกอบรมเรื่อยมา ในปีการศกึ ษา 2556 เรม่ิบังคับให้นกั ศึกษาต้องทาการตรวจสอบทุกคน ผลการตรวจสอบสุดทา้ ยอยู่ทคี่ วามเหน็ ของอาจารยท์ ปี่ รกึ ษาเปน็ หลัก ความสามารถในการตรวจสอบของโปรแกรม Turnitin มมี ากขึน้ (ภาษาไทย) ในช่วงระยะเวลา 2 ปี นี้ มหาวทิ ยาลัยในต่างประเทศ UK มกี ารจดั e-Learning สอนนักศึกษาเร่ืองการเขยี นวิทยานพิ นธ์ให้ถกู ต้อง หลีกเลยี่ งการคัดลอกและการทาซ้า โปรแกรมปอ้ งกนั การคัดลอกในปัจจุบนั มีหลายซอฟตแ์ วร์ นอกจาก Turnitin, Anti-Kopae ไดแ้ ก่ eTBLAST ,ซอฟต์แวร์ Open Access เชน่ Dupli Checker , Paper Rator, Plagiarism detect ( http://plagiarism-detect.com/) เป็นตน้ ซงึ่ คน้ ได้จาก Google9. TurnItIn VS AntiKoppae โดย นายทกั ขพล จนั ทร์เจรญิ จาก Book Promotion & Service Co. ,Ltd. และ ดร.อลิสา คงทน ศนู ยเ์ ทคโนโลยอี ิเลก็ ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แหง่ ชาติ Plagiarism เปน็ รูปแบบหน่งึ ของความไมส่ จุ รติ ทางวิชาการ เชน่ การขโมยความคิด หรือคาพดู หรือข้อความ ของบคุ คลอื่นมาใชโ้ ดยไม่อา้ งอิงแหลง่ ท่มี าหรือประกาศเกียรติคณุ นับเป็นการลอกงานเขยี น ความคิดหรอื งานสร้างสรรคด์ ัง้ เดมิทัง้ หมดหรือบางส่วนทเี่ หมือนหรือเกอื บเหมือนงานดง้ั เดมิ ของผู้อื่นมาแอบอา้ งเปน็ งานดง้ั เดิมของตนเอง ราชบณั ฑติ ยสถานบญั ญตั คิ าว่า Plagiarism ไว้ 2 คาคือ “โจรกรรมทางวรรณกรรม” (สาขาวรรณกรรม) กบั “การลอกเลยี นวรรณกรรม” (สาขานิตศิ าสตร)์ หมายถึงการกระทาท่ีเป็นการแอบอา้ งงานเขียน หรืองานสรา้ งสรรคด์ ัง้ เดมิ ของผอู้ ่ืนท้งั หมด หรอื นามาบางสว่ นมาใสห่ รอื มาใชใ้ นงานของตนเองโดยไมม่ กี ารอ้างองิ แหลง่ ที่ได้ขอ้ มูลมา ในปจั จบุ นั กระบวนการคัดลอกและแปะ หรอื Copy และ Paste เป็นวธิ ีการทม่ี กี ารใช้งานกนั มาก จงึ มกี ารพฒั นาเครอ่ื งมอื ชว่ ยตรวจสอบการคดั ลอกเน้อื หา Anti-Kobpae เปน็ เครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบการคดั ลอกเอกสารอิเลก็ ทรอนิกส์แบบอตั โนมตั ิ เช่น วทิ ยานิพนธ์ ข้อเสนอโครงการ เอกสารออนไลนบ์ นอนิ เทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้ สนบั สนนุ การตรวจสอบความ
13คลา้ ยของ เอกสารทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยสามารถตรวจสอบกับเอกสารท่ีจัดเก็บไวใ้ นคลังขอ้ มูลหรอื เอกสารออนไลน์ บนอินเทอรเ์ นต็ เพอ่ื ชว่ ยลดเวลาในการตรวจสอบเอกสารท่ีต้องการ ถูกพฒั นาขึ้นโดยหน่วยปฏิบตั กิ ารวจิ ยั เทคโนโลยีเสยี ง ศูนยเ์ ทคโนโลยีอเิ ล็กทรอนกิ ส์และคอมพวิ เตอร์แห่งชาติ รว่ มกบั ศูนยค์ วามรเู้ ฉพาะดา้ นวศิ วกรรมความรูแ้ ละวิศวกรรมภาษา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ โดยเวอร์ชันปัจจุบนั ของ Anti-Kobpae เวอร์ชัน 1.0 หลายสถาบนั สนใจโปรแกรมตรวจสอบการคดั ลอกทางวรรณกรรม หรอื Plagiarism Software กนั มาก บางสถาบันก็ซอ้ื ไปแล้วและก็พบปญั หาหลากหลายท่ีวันนยี้ งั แกไ้ ขไมส่ าเรจ็ ทั้งดา้ นเทคนคิ และการส่งเสรมิ การใชง้ าน (การบริหารจดั การ)เฉพาะเนอื้ หานีข้ อเนน้ ในประเดน็ เอกสารตน้ แหล่งฟอร์แมต PDF ทเี่ ป็นภาษาไทย เพราะพบวา่ หลายสถาบันเลอื กนาเขา้เอกสาร PDF เข้าไปเปน็ ต้นแหลง่ เพ่อื ใชใ้ นการตรวจสอบ และเอกสาร PDF จานวนมากไมร่ องรบั กับโปรแกรมดงั นี้ เพราะ 1) เอกสาร PDF ดังกลา่ วใช้วิธกี าร Scan ซึ่งซอฟต์แวรต์ รวจสอบฯ ทเี่ ลอื กใชไ้ มม่ ีฟงั กช์ ัน OCR หรอื มีแต่ยัง OCRภาษาไทยไดไ้ มส่ มบูรณ์ ไม่รวมวธิ กี ารสแกนเอกสาร PDF ไมเ่ หมาะสม เช่น ใชค้ ่าความละเอียด (Resolution) เพยี ง 72dpi 2) เอกสาร PDF ดังกล่าวใชว้ ิธีการแปลง (convert) ต้นฉบับงานพมิ พ์ เช่น MS Word format เปน็ PDF ซึ่งกพ็ บวา่เอกสาร PDF จานวนมากเมอ่ื แปลงกลบั เป็นขอ้ ความ (Text) กจ็ ะไดข้ ้อความภาษาไทยทไ่ี มส่ มบรู ณ์ หรืออาจจะเป็นขอ้ ความขยะ ดงั ภาพตัวอย่าง ดงั นน้ั กอ่ นเลอื กซอ้ื โปรแกรมตรวจสอบการคดั ลอกทางวรรณกรรม ควรใหค้ วามสาคัญประเด็นเอกสารต้นแหลง่ภาษาไทย และการแปลงกลบั เป็นภาษาไทยทีถ่ ูกตอ้ งก่อนนะครับ โดยขอให้ผู้แทนจาหนา่ ยทดสอบและให้คามนั่ สญั ญาวา่ จะแกไ้ ขใหท้ นั ทีเม่ือพบปัญหาดงั กลา่ ว10. Social Network ของแวดวงวิชาการระดับโลก โดย ดร.ชูชาติ หฤไชยะศกั ด์ิ ศนู ยเ์ ทคโนโลยอี เิ ล็กทรอนิกส์และคอมพวิ เตอรแ์ ห่งชาติ ปัจจบุ นั นกั วทิ ยาศาสตรม์ กี ารใช้ Social Network ในการทางานวิจยั กันอย่างแพร่หลายทว่ั โลก เช่น การdiscussion กนั ใน Facebook, youtube เปน็ ตน้ มวี วิ ฒั นาการมาจากเดมิ คอื การใช้ magazines, newspapers, tradeshows ในชว่ งปี 1960 อนิ เทอร์เน็ตเรม่ิ เกิดขึน้ จากเครือข่ายของทางการทหาร จดุ เปลยี่ นแปลงทส่ี าคญั เกิดขึ้นในปี 1990 คือsuperhighway ทาใหเ้ กดิ เวบ็ ไซตข์ น้ึ มากมายและในปี 2007 เกิด web 2.0 (การส่ือสารสองทาง) ทาให้ผอู้ ่านสามารถให้feedback ด้วยข้อความตา่ งๆ ได้ และเรม่ิ มกี ารใช้ Twitter กนั อยา่ งจรงิ จังมากขนึ้ social network ตา่ งๆ เหลา่ นี้ถอื ว่าเป็น
14ประโยชนอ์ ยา่ งมาก ชว่ ยในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู แบ่งปันขอ้ มูลซึ่งกันและกัน บอกเลา่ เรื่องราว อภปิ รายรว่ มกนั ได้ และยังเป็นการสรา้ งชมุ ชนสาหรับผทู้ มี่ คี วามสนใจในเรื่องเดียวกันสามารถแลกเปลย่ี นขอ้ มลู กนั ไดอ้ ย่างรวดเร็ว มกี ารสารวจพบว่า นักวิทยาศาสตรเ์ หน็ วา่ สอ่ื สังคมออนไลนม์ ีประโยชน์ราว 60% และพบวา่ Virtual Event มีแนวโน้มท่จี ะไดร้ บั ความนิยมสงู ขนึ้ ท่ี UK มีการจัดทาคู่มือการใช้ Social Media ใหก้ บั นักวจิ ยั เพื่อใช้ประโยชน์ด้วย Social Media แบง่ ได้ 3 ประเภท คือ Communication ตัวอย่างเชน่ Blogging, Twitter, Location, Facebook Collaboration ตัวอย่างเช่น Wiki, Google Docs, Reddit, Dropbox, Zoho, Delicious, CiteULike Multimedia ตวั อยา่ งเช่น Flickr, Picasa, SmugMug, youtube, Instagram จาก Traditional search ให้คาตอบเฉพาะสงิ่ ท่เี ราถาม แต่ Social Media เป็นการให้ intelligently – filtered information คอื ขอ้ มลู ที่ไดร้ บั การกลัน่ กรองอย่างชาญฉลาดจากกลมุ่ นกั วจิ ยั ผู้มคี วามรู้ ชว่ ยทาให้เกดิ ประเดน็ ใหมๆ่ ท่อี าจจะนึกไม่ถงึ มากอ่ น เชน่ การสรา้ งหลกั สตู รรว่ มกัน Academic life cycle (วงจรชีวติ ของการวจิ ยั ) 1. Identification of knowledge 2. Creation of Knowledge 3. Quality assurance of Knowledge 4. Dissemination of Knowledge ท้ัง 4 ข้นั ตอน ต้องการความชว่ ยเหลือและร่วมงานกนั (Collaboration) เรอื่ งแบบนี้ Social Media สามารถช่วยไดเ้ ปน็ อยา่ งดี กรณีศึกษาของ Smithsonian Science มีโครงการจดั เกบ็ สายพนั ธ์ปุ ลาในประเทศ Guyana จานวนมากกวา่ 5000สายพันธุ์ นกั วจิ ยั ได้นาทาการสร้าง story น้ผี ่าน Facebook เพ่อื ขอความชว่ ยเหลอื จากเพอื่ นนกั วิทยาศาสตร์จากทัว่ โลกช่วยวิเคราะห์และบง่ ชี้สายพนั ธุป์ ลาทง้ั 5000 สายพันธ์ ผลปรากฎว่าภายใน 24 ช่วั โมง สายพันธป์ุ ลาดังกลา่ วดาเนนิ การแล้วเสร็จไปเกอื บ 90% สง่ิ ท่ีไดจ้ ากการประชุม 1. ได้ทราบความรู้และขา่ วสารขอ้ มลู ในเรอ่ื งเก่ียวกบั การวจิ ัยของประเทศไทย ทั้งได้ทราบนโยบาย ระดบั ชาตจิ ากหน่วยงานที่รับผดิ ชอบโดยตรง คือสวทช หน่วยงานอน่ื ๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 2. ไดท้ ราบแหลง่ สารสนเทศด้านวิจยั ทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศ เชน่ วารสาร Open Access รวมทั้ง แหล่งตรวจสอบเอกสารดจิ ิทัล (cross.org) ด้วยรหสั DOI ที่สามารถนามาใช้ในการปฏบิ ตั งิ าน และแนะนา ใหบ้ ริการแก่ผ้ใู ช้ได้ 3. ได้ทราบแนวโน้มการพฒั นานวตั กรรมการใหบ้ รกิ ารดา้ นวิจยั เช่น ซอฟต์แวร์ Open Source รวมถึง ซอฟต์แวรส์ าหรับพัฒนาฐานขอ้ มลู Open Access / ซอฟต์แวร์ตรวจสอบการคดั ลอก ทัง้ แบบมใี บอนุญาต ถูกต้อง และแบบฟรี 4. ไดร้ ับความรู้และข่าวสารข้อมลู ด้านอืน่ ๆ ท่ีมปี ระโยชน์สาหรับการใหบ้ รกิ ารของห้องสมดุ เช่น กฏหมาย เก่ยี วกับทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา ระเบยี บข้อบงั คับ ข้อยกเว้นและกรณศี ึกษาตา่ งๆ
155. ไดร้ ับทราบแหลง่ สารสนเทศใหมๆ่ ทม่ี ลี กั ษณะเปน็ Social Network และทราบแนวโนม้ พฤตกิ รรมการใช้ สารสนเทศของนักวิจยั ต่างๆ เพือ่ จะได้นามาประยุกต์ใชใ้ นการให้บรกิ ารแก่ผู้ใชไ้ ด้ สงิ่ ทีจ่ ะนามาใชใ้ นการพฒั นางาน1. การปรับปรงุ ระบบฐานขอ้ มลู คลังเอกสารดจิ ทิ ลั ของมหาวิทยาลัยนเรศวร ( NU Digital Repository) ในส่วน ของขอ้ มูลที่เปน็ มาตรฐานรองรบั การแลกเปล่ียนขอ้ มลู ระหว่างซอฟตแ์ วร์ตา่ งระบบกันได้ เพื่อให้สามารถ ทางานเชอ่ื มโยงกบั คลงั ขอ้ มลู งานวจิ ยั ไทย ( Thai National Research Repository) (http://tnrr.in.th) และสามารถนาผลงานวิจัยของบุคคลากรมหาวทิ ยาลัยนเรศวรไปเผยแพร่บนคลังข้อมลู งานวิจยั ไทยได้2. การปรับปรุงพฒั นาฐานขอ้ มลู ผลงานวิชาการของบุคลากรมหาวทิ ยาลยั นเรศวร ให้มีขอ้ มลู เชิงลึกของนกั วิจัย เช่นความเช่ยี วชาญในสาขา และสามารถเชอื่ มโยงกับข้อมูลนักวิจยั สถาบันอ่ืนๆ ทท่ี างานรว่ มกับนักวจิ ยั ของ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรได้ เพอื่ การสรา้ งเครือขา่ ยดา้ นการวิจยั และวิชาการของสถาบนั ตอ่ ไป3. ศึกษาพฤตกิ รรมการใช้สารสนเทศบน Social Network ของผู้ใชบ้ ริการในปัจจุบัน ทม่ี ีความนยิ มใชง้ าน Social Network รูปแบบใหมๆ่ รวมถงึ ตวั อยา่ งกรณีศกึ ษาการใช้งานในตา่ งประเทศ4. แนะนาแหลง่ สารสนเทศสาหรบั การตรวจสอบการคดั ลอกเนือ้ หา ท่เี ป็นซอฟตแ์ วร์ฟรีใหแ้ กผ่ ใู้ ช้ได้ นอกเหนอื จากโปรแกรม Turnitin ท่ีมหาวทิ ยาลยั ให้บรกิ ารอยู่ เช่น Anti-Kobpae, Plagiarsm detect, Dupli checker, eTBLAST เปน็ ต้น
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: